๏ แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์ สมมุติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์ ผ่านสมบัติรัตนานามธานี อันกรุงไกรใหญ่ยาวสิบเก้าโยชน์ ภูเขาโขดเป็นกำแพงบุรีศรี สะพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีหรรษาสถาวร มีเอกองค์นงลักษณ์อัครราช พระนางนาฏนามปทุมเกสร สนมนางแสนสุรางคนิกร ดังกินนรน่ารักลักขณา มีโอรสสององค์ล้วนทรงลักษณ์ ประไพพักตร์เพียงเทพเลขา ชื่ออภัยมณีเป็นพี่ยา พึ่งแรกรุ่นชันษาสิบห้าปี อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง เนื้อดังทองนพคุณจำรูญศรี พึ่งโสกันต์ชันษาสิบสามปี พระชนนีรักใคร่ดังนัยนา สมเด็จท้าวบิตุรงค์ดำรงราชย์ แสนสวาทลูกน้อยเสน่หา จะเสกสองครองสมบัติขัตติยา แต่วิชาสิ่งใดไม่ชำนาญ จึงดำรัสเรียกพระโอรสราช มาริมอาสน์แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร พ่อจะแจ้งเจ้าจงจำคำโบราณ อันชายชาญเชื้อกษัตริย์ขัตติยา ย่อมพากเพียรเรียนไสยศาสตร์เวท สิ่งวิเศษสืบเสาะแสวงหา ได้ป้องกันอันตรายนครา ตามกษัตริย์ขัตติยาอย่างโบราณ พระลูกรักจักสืบวงศ์กษัตริย์ จงรีบรัดเสาะแสวงแห่งสถาน หาทิศาปาโมกข์ชำนาญชาญ เป็นอาจารย์พากเพียรเรียนวิชา ฯ ๏ บัดนั้นพี่น้องสองกษัตริย์ ประนมหัตถ์อภิวันท์ด้วยหรรษา จึงทูลความตามจิตเจตนา ลูกคิดมาจะประมาณก็นานครัน หวังแสวงไปตำแหน่งสำนักปราชญ์ ซึ่งรู้สาตราเวทวิเศษขยัน ก็สมจิตเหมือนลูกคิดทุกคืนวัน พอแสงจันทร์แจ่มฟ้าจะลาจร แล้วก้มกราบบิตุราชมาตุรงค์ ทั้งสององค์ลูบหลังแล้วสั่งสอน จะเดินทางกลางป่าพนาดร จงผันผ่อนตรึกจำคำโบราณ จะพูดจาสารพัดบำหยัดยั้ง จนลุกนั่งน้ำท่ากระยาหาร แม้นหลับนอนผ่อนพ้นที่ภัยพาล อดบันดาลโกรธขึ้งจึงสบาย พระพี่น้องสององค์ทรงสดับ เคารพรับบังคมด้วยสมหมาย พระเชษฐาบัญชาชวนน้องชาย มาสรงสายสาคเรศบนเตียงรอง แล้วแต่งองค์สอดทรงเครื่องกษัตริย์ เนาวรัตน์เรืองศรีไม่มีสอง แล้วลีลามาสถิตบนแท่นทอง จนย่ำฆ้องสุริยนสนธยา จึงชวนกันจรจรัลจากสถาน ออกทวารเบื้องบูรพทิศา ศศิธรจรแจ้งกระจ่างตา ทั้งสองราเดินเรียงมาเคียงกัน ฯ ๏ ล่วงตำบลชนบทไปหลายบ้าน เข้าดอนด่านแดนไพรพอไก่ขัน เสียงเสือกวางกลางเนินพนมวัน ให้หวั่นหวั่นวังเวงหวาดฤทัย จนแสงทองรองเรืองอร่ามฟ้า พระสุริยาเยื้องเยี่ยมเหลี่ยมไศล คณานกเริงร้องคะนองไพร เสียงเรไรจักจั่นสนั่นเนิน ทั้งสององค์เหนื่อยอ่อนเข้าผ่อนพัก หยุดสำนักลำเนาภูเขาเขิน ครั้นหายเหนื่อยเมื่อยล้าอุตสาห์เดิน พิศเพลินมิ่งไม้ในไพรวัน บ้างผลิดอกออกผลพวงระย้า ปีบจำปาสุกรมนมสวรรค์ พระอภัยมณีศรีสุวรรณ ต่างชิงกันเก็บพลางตามทางมา พระพี่เก็บกาหลงส่งให้น้อง เดินประคองเคียงกันด้วยหรรษา พระน้องเก็บมะลุลีให้พี่ยา ทั้งสองราเดินดมแล้วชมเชย เห็นมะม่วงพวงผลพึ่งสุกห่าม ทำไม้ง่ามน้อยน้อยสอยเสวย อร่อยหวานปานเปรียบรสนมเนย อิ่มแล้วเลยล่วงทางมากลางดง ครั้นสิ้นแสงสุริยาทิพากร สำนักนอนเนินผาป่าระหง ทั้งสองแสนเหนื่อยยากลำบากองค์ บาทบงสุ์บวมบอบระบมตรม พระเชษฐาอาลัยถึงไอศวรรย์ กับกำนัลน้อยน้อยนางสนม น้องคะนึงถึงพี่เลี้ยงแลนางนม กับบรมบิตุเรศพระมารดา ฯ ๏ สิบห้าวันดั้นเดินในไพรสณฑ์ ถึงตำบลบ้านหนึ่งใหญ่หนักหนา เรียกว่าบ้านจันตคามพราหมณ์พฤฒา มีทิศาปาโมกข์อยู่สองคน อาจารย์หนึ่งชำนาญในการยุทธ์ ถึงอาวุธซัดมาดั่งห่าฝน รำกระบองป้องกันกายสกนธ์ รักษาตนมิให้ต้องคมศัสตรา อาจารย์หนึ่งชำนาญในการปี่ ทั้งดีดสีแสนเสนาะเพราะหนักหนา ผู้ใดฟังวังเวงในวิญญาณ์ เคลิ้มนิทราลืมกายดังวายปราณ อันสองท่านราชครูนั้นอยู่ตึก จดจารึกอักขราไว้หน้าบ้าน เป็นข้อความตามมีวิชาการ แสนชำนาญเลิศลบภพไตร แม้ผู้ใดใครจะเรียนวิชามั่ง จงอ่านหนังสือแจ้งแถลงไข ถ้ามีทองแสนตำลึงมาถึงใจ จึงจะได้ศึกษาวิชาการ ฯ ๏ วันนั้นพระอภัยมณีศรีสุวรรณ จรจรัลเข้ามาถึงหน้าบ้าน เห็นลิขิตปิดไว้กับใบทวาร พระทรงอ่านแจ้งจิตในกิจจา อันท่านครูอยู่ตึกตำแหน่งนี้ ฝีปากปี่เป่าเสนาะเพราะหนักหนา จึงดำรัสตรัสแก่พระน้องยา อันวิชาสิ่งนี้พี่ชอบใจ แต่เที่ยวดูเสียให้รู้ทั้งย่านบ้าน ท่านอาจารย์ยังจะมีอยู่ที่ไหน ตรัสพลางย่างเยื้องครรไลไป ถึงตึกใหญ่ที่ครูอยู่สำนัก เห็นแผ่นผาจารึกลายลิขิต เข้ายืนชิดอ่านดูรู้ประจักษ์ ท่านอาจารย์การกระบองก็คล่องนัก ได้ทองหนักแสนตำลึงจึงได้เรียน จึงบัญชาว่ากับพระน้องแก้ว พ่อเห็นแล้วหรือที่ลายลิขิตเขียน สองอาจารย์ปานดวงแก้ววิเชียร เจ้ารักเรียนที่ท่านอาจารย์ใด อนุชาว่าการกลศึก น้องนี้นึกรักมาแต่ไหนไหน ถ้าเรียนรู้รำกระบองได้ว่องไว จะชิงชัยข้าศึกไม่นึกเกรง พระเชษฐาว่าจริงแล้วเจ้าพี่ วิชามีแล้วใครไม่ข่มเหง แต่ใจพี่นี้รักทางนักเลง หมายว่าเพลงดนตรีนี้ดีจริง ถึงการเล่นเป็นที่ประโลมโลก ได้ดับโศกสูญหายทั้งชายหญิง แต่ขัดสนจนจิตคิดประวิง ด้วยทรัพย์สิ่งหนึ่งนี้ไม่มีมา ฯ ๏ ศรีสุวรรณปัญญาฉลาดแหลม จึงยิ้มแย้มเยื้อนตอบพระเชษฐา ธำมรงค์เรือนมณีมีราคา จะคิดค่าควรแสนตำลึงทอง พอบูชาอาจารย์เอาต่างทรัพย์ เห็นจะรับสอนสั่งเราทั้งสอง อันตัวน้องนี้จะอยู่ด้วยครูกระบอง หัดให้คล่องเชี่ยวชาญชำนาญดี ขอพระองค์จงเสด็จไปท้ายบ้าน อยู่ศึกษาอาจารย์ข้างดีดสี ครั้นเสร็จสมปรารถนาไม่ช้าที จะตามพี่ไปหาที่อาจารย์ พระอภัยได้คิดถึงคำน้อง ต่างยิ้มย่องปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ เข้าหยุดยั้งสั่งเสียกันเสร็จการ กลับไปหาอาจารย์ดังใจนึก ศรีสุวรรณกุมารชาญฉลาด ยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างตึก เห็นภูมิฐานเคหาโอฬารึก ทั้งที่ฝึกสอนสานุศิษย์มี มองเขม้นเห็นพราหมณ์พฤฒาเฒ่า กระหมวดเกล้าเอนหลังนั่งเก้าอี้ ดูรูปร่างอย่างเยี่ยงพระโยคี กระบองสี่ศอกวางไว้ข้างกาย ก็แจ้งว่าอาจารย์เจ้าของตึก เห็นสมนึกเหมือนจิตที่คิดหมาย กระทั่งไอให้เสียงเป็นแยบคาย แล้วก้มกายเข้าไปหาท่านอาจารย์ ฯ ๏ ฝ่ายพราหมณ์พรหมโบราณอาจารย์เฒ่า เป็นพงศ์เผ่าพฤฒามหาศาล ชำเลืองเนตรแลดูเห็นกุมาร สีสัณฐานผุดผ่องดังทองทา ดูแน่งน้อยรูปร่างเหมือนอย่างหุ่น พึ่งแรกรุ่นน่ารักเป็นนักหนา อร่ามเรืองเครื่องประดับระยับตา ก็รู้ว่ากษัตริย์ขัตติย์วงศ์ จึงขยดลดเลื่อนลงนั่งใกล้ แล้วถามไถ่ข้อความตามประสงค์ มีธุระอะไรในใจจง เจ้าจึงตรงมาหาจงว่าไป ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ทรงสดับ น้อมคำนับเล่าแจ้งแถลงไข พระบิดาข้าบำรุงซึ่งกรุงไกร บัญชาให้เที่ยวหาวิชาการ จึงดั้นเดินเนินป่ามาถึงนี่ พอเห็นมีอักขราอยู่หน้าบ้าน รู้ว่าท่านพฤฒาเป็นอาจารย์ ขอประทานพากเพียรเรียนวิชา แต่โปรดเกล้าคราวมาข้ายากแค้น อันทองแสนตำลึงนั้นไม่ทันหา ธำมรงค์เรือนมณีฉันมีมา ตีราคาควรแสนตำลึงทอง แล้วถอดแหวนวงน้อยที่ก้อยขวา ให้พฤฒาทดแทนคุณสนอง ตาพราหมณ์เฒ่าเอาสำลีประชีรอง ขอดประคองไว้ในผมให้สมควร แล้วไต่ถามนามวงศ์ถึงพงศา สนทนาปรีดิ์เปรมเกษมสรวล อยู่เคหาตาพราหมณ์ไม่ลามลวน ครั้นค่ำชวนหน่อไทเข้าไสยา ถึงยามดึกฝึกสอนในการยุทธ์ เพลงอาวุธดาบดั้งให้ตั้งท่า กระบองกระบี่ถี่ถ้วนทุกวิชา ค่อยศึกษาตั้งใจจะให้ดี ฯ ๏ ฝ่ายเชษฐามาถึงที่ท้ายบ้าน ก็เข้าหาอาจารย์ที่ดีดสี เอาธำมรงค์ทรงนิ้วดัชนี ให้พราหมณ์ตีค่าแสนตำลึงทอง ฯ ๏ ฝ่ายครูเฒ่าพินทพราหมณ์รามราช แสนสวาทรักใคร่มิได้หมอง ให้ข้าไทใช้สอยคอยประคอง เข้าในห้องหัดเพลงบรรเลงพิณ แล้วพาไปยอดเขาให้เป่าปี่ ที่อย่างดีสิ่งใดก็ได้สิ้น แต่เสือช้างกลางไพรถ้าได้ยิน ก็ลืมกินน้ำหญ้าเข้ามาฟัง ประมาณเสร็จเจ็ดเดือนโดยวิตถาร พระกุมารได้สมอารมณ์หวัง สิ้นความรู้ครูประสิทธิ์ไม่ปิดบัง จึงสอนสั่งอุปเท่ห์เป็นเล่ห์กล ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ จะรบรับสารพัดให้ขัดสน เอาปี่เป่าเล้าโลมน้ำใจคน ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ จึงคิดอ่านเอาชัยเหมือนใจจง แล้วให้ปี่ที่เพราะเสนาะเสียง ยินสำเนียงถึงไหนก็ใหลหลง อวยพรพลางทางหยิบธำมรงค์ คืนให้องค์กุมาราแล้วว่าพลัน ซึ่งดนตรีตีค่าไว้ถึงแสน เพราะหวงแหนกำชับไว้ขับขัน ใช่ประสงค์ตรงทรัพย์สิ่งสุวรรณ จะป้องกันมิให้ไพร่ได้วิชา ต่อกษัตริย์เศรษฐีที่มีทรัพย์ มาคำนับจึงได้ดังปรารถนา จงคืนเข้าบุรีรักษ์นครา ให้ชื่นจิตพระบิดาแลมารดร ฯ ๏ หน่อกษัตริย์โสมนัสด้วยสมนึก จดจารึกคำท่านอาจารย์สอน พิไรร่ำอำลาด้วยอาวรณ์ แล้วบทจรจากบ้านอาจารย์ตน ฯ ๏ ฝ่ายว่านฤบดีศรีสุวรรณ ก็เข้มขันกลศึกที่ฝึกฝน ทั้งโล่เขนเจนจัดหัดประจญ ในการกลอาวุธสุดทำนอง จนหมดสิ้นความรู้ท่านครูเฒ่า จึงเรียกเจ้าเข้านั่งสองต่อสอง เลือกล้วนเหล็กมะลุลีตีกระบอง ให้เป็นของคู่หัตถ์กษัตรา ทั้งธำมรงค์วงนั้นก็คืนให้ แถลงไขข้อความตามปริศนา เหมือนอาจารย์คนนั้นที่พรรณนา แล้วพฤฒาอวยชัยไปจงดี หน่อกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงสดับ น้อมคำนับปรีดิ์เปรมเกษมศรี ครรไลลาอาจารย์จรลี ตามวิถีแถวทางถนนมา พอมาพบพี่ชายที่ท้ายบ้าน สองสำราญสรวลสันต์แล้วหรรษา ต่างเล่าความตามที่เรียนรู้วิชา แล้วพี่พาน้องเดินดำเนินไป ออกจากบ้านจันตคามข้ามทิวทุ่ง หมายตรงกรุงรัตนาเข้าป่าใหญ่ สิบห้าวันบรรลุถึงเวียงชัย พอท้าวไทสุทัศน์กษัตรา ออกแท่นทองท้องพระโรงจำรูญศรี แสนเสนีเฝ้าแหนอยู่แน่นหนา พระพี่น้องสององค์ก็ตรงมา เฝ้าบิดาที่ท้องพระโรงชัย ฯ ๏ กรุงกษัตริย์สุริย์วงศ์พระทรงยศ เห็นโอรสยินดีจะมีไหน เรียกมานั่งข้างแท่นทองประไพ แล้วถามไถ่ทุกข์ยากเมื่อจากวัง หนึ่งพี่น้องสองเสาะแสวงหา ได้วิชาเสร็จสมอารมณ์หวัง หรือปลอดเปล่าเล่าให้บิดาฟัง พ่อนี้นั่งคอยท่าทุกราตรี ฯ ๏ พระพี่น้องสององค์ทรงสวัสดิ์ ประสานหัตถ์น้อมประณตบทศรี พระเชษฐาทูลแถลงแจ้งคดี ลูกเรียนกลดนตรีชำนาญชาญ ศรีสุวรรณนั้นเรียนในการยุทธ์ เพลงอาวุธเข้มแข็งกำแหงหาญ ทั้งสองสิ่งยิ่งยวดวิชาการ ใครจะปานเปรียบได้นั้นไม่มี ฯ ๏ ท้าวสุทัศน์ฟังอรรถโอรสราช บรมนาถขัดข้องให้หมองศรี โกรธกระทืบบาทาแล้วพาที อย่าอวดดีเลยกูไม่พอใจฟัง อันดนตรีปี่พาทย์ตะโพนเพลง เป็นนักเลงเหล่าโลนเล่นโขนหนัง แต่พวกกูผู้หญิงที่ในวัง มันก็ยังเรียนร่ำได้ชำนาญ อันวิชาอาวุธแลโล่เขน ชอบแต่เกณฑ์ศึกเสือเชื้อทหาร เป็นกษัตริย์จักรพรรดิพิสดาร มาเรียนการเช่นนั้นด้วยอันใด ลูกกาลีมีแต่จะขายหน้า ช่างชั่วช้าทุจริตผิดวิสัย จะให้อยู่เวียงวังก็จังไร ชอบมาไสคอส่งเสียจากเมือง ไปเที่ยวเล่นเป็นปีแล้วมิสา มาพูดจาให้กูคันหูเหือง พระพิโรธโกรธตรัสด้วยขัดเคือง แล้วย่างเยื้องจากบัลลังก์เข้าวังใน ฯ ๏ แสนสงสารพี่น้องสองกษัตริย์ บิดาตรัสโกรธาไม่ปราศรัย อัปยศอดสูเสนาใน ทั้งน้อยใจผินหน้าปรึกษากัน พระเชษฐาว่าโอ้พ่อเพื่อนยาก สู้ลำบากบุกป่าพนาสัณฑ์ มาถึงวังยังไม่ถึงสักครึ่งวัน ยังไม่ทันทดลองทั้งสองคน พระกริ้วกราดคาดโทษว่าโฉดเขลา พี่กับเจ้านี้ก็เห็นไม่เป็นผล อยู่ก็อายไพร่ฟ้าประชาชน ผิดก็ด้นดั้นไปในไพรวัน แล้วสวมสอดกอดน้องประคองหัตถ์ สองกษัตริย์โศกทรงกันแสงศัลย์ พระอภัยมณีศรีสุวรรณ ก็พากันซวนซบสลบไป ฝ่ายมหาเสนาพฤฒามาตย์ เห็นหน่อนาถนิ่งแน่เข้าแก้ไข ทั้งสองตื่นฟื้นกายระกำใจ ชลนัยน์แนวนองทั้งสององค์ ฯ ๏ พระเชษฐาว่ากรรมแล้วน้องเอ๋ย อย่าอยู่เลยเรามาไปไพรระหง มิทันสั่งอำมาตย์ญาติวงศ์ ทั้งสององค์ออกจากจังหวัดวัง พระพี่ชายชวนเดินดำเนินหน้า อนุชาโฉมงามมาตามหลัง พระออกนอกนคราเข้าป่ารัง ครั้นเหนื่อยนั่งสนทนาปรึกษากัน อันตัวเราพี่น้องทั้งสองนี้ ไม่มีที่พึ่งใครในไพรสัณฑ์ ทั้งโภชนาอาหารกันดารครัน ยังนับวันก็แต่กายจะวายปราณ ฯ ๏ พระอนุชาว่าพี่นี้ขี้ขลาด เป็นชายชาติช้างงาไม่กล้าหาญ แม้นชีวันยังไม่บรรลัยลาญ ก็เซซานซอกซอนสัญจรไป เผื่อพบพานบ้านเมืองที่ไหนมั่ง พอประทังกายาอยู่อาศัย มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร ชีวิตไม่ปลดปลงคงได้ดี ฯ ๏ พระเชษฐาว่าจริงแล้วน้องรัก เจ้าแหลมหลักตักเตือนสติพี่ กระนั้นแต่งองค์ไปทำไมมี ให้เป็นที่กังขาประชาชน เราปลอมแปลงแต่งกายเป็นชายไพร่ เหมือนยากไร้แรมทางมากลางหน สองกษัตริย์ตรัสคิดเห็นชอบกล จึงปลดเปลื้องเครื่องต้นออกจากกาย เอาภูษาผ้าห่มห่อกระหวัด แล้วคาดรัดเอวไว้มิให้หาย ศรีสุวรรณนั้นคุมกระบองกราย พระพี่ชายถือปี่แล้วลีลา ค่อนดั้นเดินเนินพนมพนาเวศ สีขเรศห้วยธารละหานผา ครั้นค่ำค้างกลางวันก็ไคลคลา กินผลาผลไม้ในดงดอน แต่เดินทางกลางเถื่อนได้เดือนเศษ ออกพ้นเขตเขาไม้ไพรสิงขร ถึงเนินทรายชายทะเลชโลธร ในสาครคลื่นลั่นสนั่นดัง ค่อยย่างเหยียบเลียบริมทะเลลึก ถึงร่มพฤกษาไทรดังใจหวัง ทั้งสองราล้าเลื่อยเหนื่อยกำลัง ลงหยุดนั่งนอนเล่นเย็นสบาย ฯ ๏ จะจับบทบุตรพราหมณ์สามมาณพ ได้มาพบคบกันเล่นเป็นสหาย คนหนึ่งชื่อโมราปรีชาชาย มีแยบคายชำนาญในการกล เอาฟางหญ้ามาผูกสำเภาได้ แล้วแล่นไปในจังหวัดไม่ขัดสน คนหนึ่งมีวิชาชื่อสานน ร้องเรียกฝนลมได้ดังใจจง คนหนึ่งนั้นมีนามพราหมณ์วิเชียร เที่ยวร่ำเรียนสงครามตามประสงค์ ถือธนูสู้ศึกนึกทะนง หมายจะปลงชีวาปัจจามิตร ธนูนั้นลั่นทีละเจ็ดลูก หมายให้ถูกที่ตรงไหนก็ไม่ผิด ล้วนแรกรุ่นร่วมรู้คู่ชีวิต เคยไปเล่นเป็นนิจที่เนินทราย พอแดดร่มลมตกลงชายเขา ขึ้นสำเภายนต์ใหญ่ดังใจหมาย ออกจากบ้านอ่านมนต์เรียกพระพาย แสนสบายบุกป่ามาบนดิน ถึงทะเลเล่นตรงลงในน้ำ เที่ยงลอยลำเล่นมหาชลาสินธุ์ มาใกล้ไทรสาขาริมวาริน ก็ได้ยินสุรเสียงสำเนียงคน เห็นพี่น้องสององค์ล้วนทรงโฉม งามประโลมหลากจิตคิดฉงน ทอดสมอรอราเภตรายนต์ ทั้งสามคนขึ้นเดินบนเนินทราย เข้ามาใกล้ไทรทองสองกษัตริย์ โสมนัสถามไถ่ดังใจหมาย ว่าดูรามาณพทั้งสองนาย เจ้าเพื่อนชายชื่อไรไปไหนมา หรือเดินดงหลงทางมาต่างบ้าน จงแจ้งการณ์ให้เราฟังที่กังขา แม้นไม่มี่พี่น้องญาติกา เราจะพาไปไว้เรือนเป็นเพื่อนกัน ฯ ๏ พระฟังความถามทักเห็นรักใคร่ จึงขานไขความจริงทุกสิ่งสรรพ์ เราชื่ออภัยมณีศรีสุวรรณ เป็นพงศ์พันธุ์จักรพรรดิสวัสดี ไปร่ำเรียนวิชาที่อาจารย์ ตำบลบ้านจันตคามพนาศรี อันตัวเรานี้ชำนาญการดนตรี น้องเรานี้ก็ชำนาญการศัสตรา พระบิตุเรศขับไล่มิให้อยู่ ว่าเรียนรู้ต่ำชาติวาสนา เราพี่น้องสองคนจึงซนมา หวังจะหาแห่งครูผู้ชำนาญ ด้วยจะใคร่ไต่ถามตามสงสัย วิชาใดจึงจะดีให้วิตถาร ที่สมศักดิ์จักรพรรดิพิสดาร จะคิดอ่านเรียนร่ำเอาตำรา อันตัวเจ้าเผ่าพราหมณ์สามมาณพ ได้มาพบกันวันนี้ดีหนักหนา ท่านทั้งสามนามใดไปไหนมา จงเมตตาบอกเล่าให้เข้าใจ ฯ ๏ ดรุณพราหมณ์สามคนได้แจ้งอรรถ ว่ากษัตริย์สุริย์วงศ์ไม่สงสัย ประณตนั่งบังคมขออภัย พระอย่าได้ถือความข้าสามคน ซึ่งพระองค์สงสัยจึงไต่ถาม จะทูลความให้แจ้งแห่งนุสนธิ์ ข้าชื่อวิเชียรโมราเจ้าสานน ทั้งสามคนคู่ชีวิตเป็นมิตรกัน แสวงหาตั้งเพียรเพื่อเรียนรู้ ได้เป็นคู่ศึกษาวิชาขยัน ได้รู้เรียกลมฝนคือคนนั้น ข้าแข็งขันยิงธนูสู้ไพริน ยิงออกไปได้ทีละเจ็ดลูก จะให้ถูกตรงไหนก็ได้สิ้น คนนั้นผูกเรือยนต์แล่นบนดิน อยู่บ้านอินทคามทั้งสามคน ซึ่งองค์พระอนุชาเรียนอาวุธ เข้ายงยุทธ์ข้าก็เห็นจะเป็นผล แต่ดนตรีนี้ดูไม่ชอบกล ข้าแสนสนเท่ห์ในน้ำใจจริง ดนตรีมีคุณที่ข้อไหน หรือใช้ได้แต่ข้างเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ยังสงสัยในจิตคิดประวิง จงแจ้งจริงให้กระจ่างสว่างใจ ฯ ๏ พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย้อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์ ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช จตุบาทกลางป่าพนาสินฑ์ แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญาณ์ จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้ เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจ ฯ ๏ ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย พระจันทรจรสว่างกลางโพยม ไม่เทียมโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง สำเนียงเพียงการเวกกังวานหวาน หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล ให้ซาบซ่านเสียวสดับจนหลับไป ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่ ฟังเสียงปี่วาบวับก็หลับใหล พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทราย ฯ ๏ จะกล่าวถึงนางอสุรีผีเสื้อน้ำ อยู่ท้องถ้ำวังวนชลสาย ได้เป็นใหญ่ในพวกปีศาจพราย สกนธ์กายโตใหญ่เท่าไอยรา ตะวันเย็นขึ้นมาเล่นทะเลกว้าง เที่ยวอยู่กลางวารินกินมัจฉา ฉวยฉนากลากฟัดกัดกุมภา เป็นภักษานางมารสำราญใจ แล้วเล่นน้ำดำโดดโลดทะลึ่ง เสียงโผงผึงเผ่นโผนโจนไถล เข้าใกล้ฝั่งวังวนข้างต้นไทร พอนางได้ยินเสียงสำเนียงดัง วิเวกแว่ววังเวงด้วยเพลงปี่ ป่วนฤดีดาลดิ้นถวิลหวัง เสน่หาอาวรณ์อ่อนกำลัง เข้าเกยฝั่งหาดทรายสบายใจ แล้วลุกขึ้นเท้าแขนแหงนชะแง้ ชำเลืองแลหลากจิตคิดสงสัย เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมใจ นั่งเป่าปี่อยู่ใต้พระไทรทอง ทั้งทรวดทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น เป็นหนุ่มแน่นน่าชมประสมสอง ถ้าแม้นได้กันกับกูเป็นคู่ครอง จะประคองกอดแอบไว้แนบเนื้อ น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ ทั้งลมปากเป่าปี่ไม่มีเครือ นางผีเสื้อตาดูทั้งหูฟัง ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก สุดจะหักวิญญาณ์เหมือนบ้าหลัง อุตลุดผุดทะลึ่งขึ้นตึงตัง โดยกำลังโลดโผนโจนกระโจม ชุลุมนหมุนกลมดังลมพัด กอดกระหวัดอุ้มองค์พระทรงโฉม กลับกระโดดลงน้ำเสียงต้ำโครม กระทุ่มโถมถีบดำไปถ้ำทอง ครั้งถึงแท่นแผ่นผาศิลาลาด แสนสวาทเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง ค่อยวางองค์ลงบนเตียงเคียงประคอง ทำกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยยินดี ฯ ๏ แสนสงสารพระอภัยใจจะขาด กลัวอำนาจนางยักขินีศรี สลบล้มมิได้สมประฤๅดี อยู่บนที่แผ่นผาศิลาลาย ฯ ๏ อสุรีผีเสื้อแสนสวาท เห็นภูวนาถนิ่งไปก็ใจหาย เออพ่อคุณทูนหัวผัวข้าตาย ราพณ์ร้ายลูบต้องประคององค์ เห็นอุ่นอยู่รู้ว่าสลบหลับ ยังไม่ดับชนม์ชีพเป็นผุยผง พ่อทูนหัวกลัวน้องนี้มั่นคง ด้วยรูปทรงอัปลักษณ์เป็นยักษ์มาร จำจะแสร้งแปลงร่างเป็นนางมนุษย์ ให้ผาดผุดทรวดทรงส่งสัณฐาน เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมลาน จะเกี้ยวพานรักใคร่ดังใจจง แล้วอ่านเวทเพศยักษ์ก็สูญหาย สกนธ์กายดังกินนรนวลหง เอาธารามาชโลมพระโฉมยง เข้าแอบองค์นวดฟั้นคั้นประคอง ฯ ๏ พระพลิกฟื้นตื่นสมประดีได้ ในฤทัยหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง แลเขม้นเห็นนางนวลละออง เคียงประคองอยู่บนแท่นแผ่นศิลา นิ่งพินิจพิศดูรู้ว่ายักษ์ ด้วยแววจักษุหายทั้งซ้ายขวา ยิ่งชิงชังคั่งแค้นแน่นอุรา จะใคร่ด่าให้ระยำด้วยคำพาล แล้วคิดกลับดับเดือดให้เหือดหาย จึงอุบายวิงวอนด้วยอ่อนหวาน นี่แน่นางอสุรีขินีมาร ไม่ต้องการที่จะแกล้งมาแปลงกาย จะขอถามตามตรงจงประจักษ์ เจ้าเป็นยักษ์อยู่ในวนชลสาย อันตัวเราเป็นมนุษย์บุรุษชาย เจ้าคิดร้ายลักพาเอามาไย เข้าอิงแอบแนบข้างอยู่อย่างนี้ หรือว่ามีข้อประสงค์ที่ตรงไหน มนุษย์ยักษ์รักกันด้วยอันใด ผิดวิสัยที่จะอยู่เป็นคู่ควร ฯ ๏ อสุรีผีเสื้อสดับเสียง เพราะสำเนียงเสนาะในฤทัยหวน ทำเสแสร้งใส่จริตกระบิดกระบวน ละมุนม้วนเมียงหมอบแล้วยอบตัว อันน้องนี้ไร้คู่ที่สู่สม เป็นสาวพรหมจารีไม่มีผัว ถึงเป็นยักษ์ยังไม่มีราคีมัว พระมากลัวผู้หญิงด้วยสิ่งใด แม่เจ้าเอ๋ยคิดมาน่าหัวร่อ เห็นเขาง้อแล้วยิ่งว่าไม่ปราศรัย พลางแกล้งทำสะบัดสะบิ้งทิ้งสไบ ร้อนเหมือนใจจะขาดประหลาดนัก แล้วแกล้งทำสำออยพูดอ้อยอิ่ง เข้าแอบอิงเอนทับลงกับตัก ยิ่งถอยหนีก็ยิ่งตามด้วยความรัก ยิ่งพลิกผลักก็ยิ่งแอบแนบอุรา ฯ ๏ พระสุดแสนแค้นเคืองรำคาญจิต มิได้คิดอินังชังน้ำหน้า ถีบจนพลัดจากแท่นแผ่นศิลา แล้วเดือดด่าว่าอีกาลีลาม เขาเบือนเบื่อเหลือเกลียดขี้เกียจตอบ ยังขืนปลอบปลุกปล้ำอีส่ำสาม ทำแสนแง่แสนงอนฉะอ้อนความ แพศยาบ้ากามกวนอารมณ์ ถึงมาตรแม้นม้วยมุดสุดชีวาตม์ อย่าหมายมาดว่ากูจะสู่สม สัญชาติยักษ์ไม่สมัครสมาคม แล้วทุดถ่มน้ำลายไม่ไยดี ฯ ๏ อีนางยักษ์กลับปลอบไม่ตอบโกรธ พระจงโปรดเกล้าน้องอย่าหมองศรี ข้าหมายเหมือนภัสดาถึงด่าตี ก็ตามทีเถิดเมียไม่เสียใจ จนผู้หญิงอิงแอบแนบถนอม กระไรหม่อมจะตั้งปึ่งไปถึงไหน ช่างไม่คิดขวยเก้อเอออะไร ทำบ้าใบ้เบือนหนีไปทีเดียว มาร่วมเรียงเคียงข้างอยู่อย่างนี้ ยังว่ามีน้ำใจจะไม่เกี่ยว น่าอดสูผู้หญิงเสียจริงเจียว พลางกลมเกลียวกอดรัดกษัตรา ฯ ๏ พระเหวี่ยงวัดขัดใจมิให้ต้อง จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสองพระหัตถา มันดื้อด้านทานทนพ้นปัญญา จึงแกล้งว่าวิงวอนให้อ่อนใจ อะไรเจ้าเฝ้ากวนกันจู้จี้ ข้าจะหนีหน่ายนางไปข้างไหน ขอพักนอนเสียสักหน่อยถอยออกไป สบายใจจึงค่อยมาพูดจากัน แล้วเอนองค์ลงบนแท่นแสนระทด โศกกำสรดซบทรงกันแสงศัลย์ โอ้สงสารป่านฉะนี้ศรีสุวรรณ อยู่ด้วยกันหลัดหลัดมาพลัดพราย พอตื่นขึ้นยามเย็นไม่เห็นพี่ จะโศกีโหยหาน่าใจหาย ได้เห็นแต่เจ้าพราหมณ์ทั้งสามนาย เขาผันผายลับตาจะอาวรณ์ นิจจาเอ๋ยเคยเห็นกันพี่น้อง มาเที่ยวท่องบุกเดินเนินสิงขร อียักษ์ลักพี่ลงมาในสาคร จะทุกข์ร้อนว้าเหว่อยู่เอกา พระนึกนึกแล้วสะอึกสะอื้นไห้ ชลเนตรหลั่งไหลทั้งซ้ายขวา ซบพระพักตร์อยู่บนแท่นแผ่นศิลา ทรงโศกากำสรดระทดใจ ฯ ๏ อีนางยักษ์ฟังสะอื้นค่อยชื่นจิต สำคัญคิดแว่วว่าพระปราศรัย เข้าอิงแอบแนบองค์พระทรงชัย เห็นเธอไม่ผินผันจำนรรจา คิดว่าหลับกลับปลุกขึ้นโลมลูบ ประจงจูบปรางซ้ายแล้วย้ายขวา ค่อยยกหัตถ์ภูวนาถพาดอุรา ในกามาปั่นป่วนให้ยวนยี เห็นทรงศักดิ์ผลักพลิกทำหยิกเย้า มาลูบคลำทำเขาแล้วเบือนหนี จะกอดไว้ไม่วางเหมือนอย่างนี้ แค้นหนักหนาฟ้าผี่เถอะดื้อดึง ฯ ๏ พระแค้นคำซ้ำด่าอีหน้าด้าน ใครจะร่านเหมือนเช่นนี้ไม่มีถึง น่าอดสูกูได้ทำไมมึง มาเคล้าคลึงโลมลูบจูบผู้ชาย ทั้งเหม็นสาบเหม็นสางเหมือนอย่างศพ ไม่น่าคบน่ารักยักษ์ฉิบหาย มายั่วเย้าเฝ้าเบียดเกลียดจะตาย ไม่มีอายมีเจ็บเท่าเล็บมือ ฯ ๏ อีนางยักษ์ควักค้อนแล้วย้อนว่า ส่วนร่ำด่ากระนั้นได้เขาไม่ถือ ทีขอจูบแต่พอถูกจมูกเครือ ยิ่งอึงอื้อบ่นว่าเป็นน่าชัง เมื่ออยู่สองต่อสองในห้องหับ จะบังคับมิให้ใครกลุ้มใจมั่ง ถึงโกรธขึ้งอย่างไรก็ไม่ฟัง พลางเข้านั่งแอบข้างไม่ห่างกาย ฯ ๏ พระสุดแสนแค้นเคืองรำคาญจิต เป็นสุดคิดสุดที่จะหนีหาย ให้อักอ่วนป่วนใจไม่สบาย มันกอดก่ายเซ้าซี้พิรี้พิไร จะยั่งยืนขืนขัดตัดสวาท ไม่สังวาสเชยชิดพิสมัย ก็จะสะบักสะบอมตรอมฤทัย ต้องแข็งใจกินเกลือด้วยเหลือทน จึงบัญชาว่านี่แน่นางยักษ์ จะร่วมรักกันก็เห็นไม่เป็นผล อันเชื้อชาติอสุรินทร์ย่อมกินคน มาแปดปนเป็นมิตรเราคิดกลัว ไปข้างหน้าถ้าเคืองน้ำใจเจ้า จะกินเราเสียไม่คิดว่าเป็นผัว แม้นให้สัตย์ปฏิญาณสาบานตัว ให้หายกลัวแล้วจะอยู่เป็นคู่ครอง ฯ ๏ อียักษ์ฟังดังผ่านวิมานสวรรค์ เกษมสันต์นบนอบตอบสนอง แม้นเคลือบแคลงแหนงในพระทัยปอง จงฟังน้องจะให้สัตย์ปฏิญาณ แม้นโว้เว้เนรคุณพระทูนหัว อันเป็นผัวเพื่อนรักสมัครสมาน ขอทุกเทพเทวัญจงบันดาล ประหารผลาญชีวาตม์ให้ขาดรอน จนสุดสิ้นดินฟ้าสุธาทวีป ไม่สิ้นชีพก็ไม่เสื่อมสโมสร พอให้สัตย์เสร็จคำทำฉะอ้อน ระทวยอ่อนเอนทับลงกับเพลา ฯ ๏ พระฟังคำจำจิตพิศวาส ฝืนอารมณ์สมพาสทั้งโศกเศร้า การโลกีย์ดีชั่วย่อมมัวเมา เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด กุลาโคลงไม่สู้คล่องกะพล่องกะแพล่ง ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด ประกบติดตกผางลงกลางดิน สมพาสยักษ์รักร่วมภิรมย์สม เหมือนเด็ดดอกหญ้าดมพอได้กลิ่น เป็นวิสัยในภพธรณินทร์ ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี ฯ ๏ นางผีเสื้อเมื่อได้ประสมสอง ดังจะล่องลอยฟ้าในราศี ประคองคอยปรนนิบัติเข้าพัดวี อยู่ข้างที่แผ่นผาศิลาลาย ครั้นรุ่งรางนางไปในไพรสณฑ์ เที่ยวเก็บผลพฤกษามาถวาย จะนั่งนอนผ่อนตามความสบาย นิมิตกายรูปร่างสำอางตา ฯ ๏ จะกล่าวถึงอนุชานิทราสนิท พระอาทิตย์ยอแสงแฝงพฤกษา น้ำค้างพรมลมพัดกระพือมา เสนาะเสียงสกุณาสนั่นไพร ทะเลลึกเลื่อนลั่นสนั่นคลื่น ผวาตื่นหวาดหวั่นฤทัยไหว ไม่เห็นพี่ที่พุ่มพฤกษาไทร ประหลาดใจปลุกพราหมณ์ทั้งสามนาย พระเชษฐาข้าไปข้างไหนเล่า เมื่อกี้เป่าปี่เล่นไม่เห็นหาย ที่ก็เตียนเลี่ยนลาดล้วนหาดทราย จะแฝงกายที่ไหนก็ไม่มี สามมาณพนิ่งคิดผิดประหลาด หรือภูวนาถนึกอางขนางหนี จะทอดทิ้งน้องไว้ก็ใช่ที เหตุจะมีสักสิ่งนึกกริ่งใจ แล้วพากันย่างย่องมองเขม้น ก็พอเห็นรอยเท้าที่ยาวใหญ่ มายั้งหยุดสุดสิ้นเพียงต้นไทร แล้วกลับไปหายลงในคงคา อันรอยนี้มิใช่รอยมนุษย์ ต่างวิมุติหมางจิตคิดกังขา หรือยักษีผีเสื้อแกล้งมารยา มาลักพาภูวไนยเอาไปกิน ศรีสุวรรณเห็นจริงก็ใจหาย ระทวยกายลงกับท่าชลาสินธุ์ พระเนตรนองนัยนาดั่งวาริน กันแสงสิ้นเสือกซบสลบไป ฯ ๏ ทั้งสามพราหมณ์เข้าประคองพระน้องนาถ เห็นอนาถนิ่งแน่เข้าแก้ไข ร้องเรียกพลางทางแสนสงสารใจ ก็ร่ำไรเรียกหน่อกษัตรา ฯ ๏ ศรีสุวรรณฟื้นองค์ดำรงนั่ง สุชลหลั่งคลอเนตรถึงเชษฐา โอ้สงสารป่านฉะนี้พระพี่ยา ไปลับตาตายเป็นไม่เห็นกัน เป็นเพื่อนสุขทุกข์โศกวิโยคยาก ตั้งแต่จากกรุงไกรไอศวรรย์ ระหกระเหินเดินป่าพนาวัน กินเผือกมันต่างข้าวทุกเช้าเย็น อยู่ด้วยกันหลัดหลัดมาพลัดพราก แต่แสนยากแล้วมิหนำมาซ้ำเข็ญ นึกนึกแล้วก็น่าน้ำตากระเด็น จะอยู่เป็นคนไปทำไมมี สะอื้นอ้อนข้อนทรวงเข้าฮักฮัก วรพักตร์ผุดผ่องก็หมองศรี กันแสงทรงโศกศัลย์พันทวี อยู่กับที่หาดทรายชายคงคา ฯ ๏ ทั้งสามพราหมณ์เข้าประคองแล้วร้องไห้ น้ำตาไหลพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ต่างนบนอบปลอบหน่อกษัตรา อย่าโศกาตรอมนักจงหักใจ อันกำเนิดเกิดมาในหล้าโลก สุขกับโศกมิได้สิ้นอย่าสงสัย ซึ่งเกิดเหตุเชษฐาเธอหายไป ก็ยังไม่รู้เห็นว่าเป็นตาย ควรจะคิดติดตามแสวงหา แล่นนาวาไปในวนชลสาย แม้นพระพี่มิม้วยชีวาวาย ก็ดีร้ายจะได้พบประสบกัน ข้าทั้งสามก็จะตามเสด็จด้วย ผิดชอบช่วยไปกว่าจะอาสัญ จงดับทรงโศกาอย่าจาบัลย์ จะเนิ่นวันเสียเปล่าไม่เข้ายา ฯ ๏ พระฟังสามพราหมณ์ปลอบก็ชอบจิต แสนสนิทยิ่งกว่าญาติวงศา ค่อยมีแรงแข็งขืนกลืนน้ำตา จึงบัญชาชมพราหมณ์ทั้งสามคน ถึงมาตรแม้นเป็นเพื่อนก็เหมือนพี่ ด้วยน้องนี้ก็ยังเยาว์เฉาฉงน พี่ช่วยคิดติดตามเมื่อยามจน พระคุณล้นล้ำลบภพไตร แต่ทะเลลึกกว้างถึงอย่างนี้ ไม่รู้ที่จะตามติดไปทิศไหน จะผ่อนปรนบนบานประการใด จึงจะได้แจ้งจิตในกิจจา ฯ ๏ เจ้าสานนคนฉลาดเฉลยตอบ พ่อคิดชอบอย่างนี้ดีหนักหนา พี่ได้ครูรู้เรียนตำรามา จะจับยามสามตาให้แน่นอน แล้วนับนิ้วนิ่งนั่งตั้งสติ ตามลัทธิเรียนรู้ที่ครูสอน ทั้งลมจันทกาลาพยากรณ์ เห็นแน่นอนแม่นยำแล้วทำนาย อย่าครวญคร่ำรำพึงถึงพระพี่ มีสตรีพาไปดังใจหมาย เขาอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่สบาย พอเคราะห์คลายเห็นจะพบประสบกัน อยู่ข้างทิศอาคเนย์ทะเลลึก พระอย่านึกแหนงว่าจะอาสัญ เรารีบเร่งออกเรือเผื่อจะทัน แล้วพากันลงมาเภตรากล ถอนสมอช่อใบขึ้นใส่เสา จัดให้เจ้าโมราเป็นต้นหน หน่อกษัตริย์สองพราหมณ์เป็นสามคน ขึ้นนั่งบนบาหลีด้วยปรีดา พอสิ้นแสงสุริยันจันทร์กระจ่าง ส่องสว่างกลางทะเลพระเวหา ต้องพระพายชายพัดกระพือพา สำเภาหญ้าฝ่าคลื่นมากลางชล พระเล็งแลตามกระแสชลาสินธุ์ สิขรินเกาะแก่งทุกแห่งหน ละลิบลิ่วทิวเมฆเป็นหมอกมน เห็นแต่ชลกับมัจฉาดาราพราย เวลาค่ำน้ำเค็มก็พร่างพร่าง แวมสว่างวาบวับระยับฉาย เสมอเม็ดเพชรรัตน์โมราราย แจ่มกระจายพรายพร่างกลางชลา พระเอนองค์ลงบนแท่นท้ายบาหลี แสนทวีพูนเทวษถึงเชษฐา จนเดือนดับลับลงในคงคา สุริยาพุ่งพ้นชลธาร ฯ ๏ สำเภาน้อยลอยลำครรไลล่อง ขึ้นฟูฟ่องระลอกกระฉอกฉาน พระชมหมู่มัจฉากุมภาพาล ขึ้นผุดพล่านตามหลังมาพรั่งพรู ฉนากฉลามตามคลื่นอยู่คลาคล่ำ ทั้งช้างน้ำโลมาแลราหู มังกรเกี่ยวเลี้ยวล่องท้องสินธู เป็นคู่คู่เคียงมาในวารี คิดคะนึงถึงองค์พระเชษฐา ถ้าแม้นมาด้วยน้องเป็นสองศรี จะชวนชมฝูงสัตว์ในนัทที โอ้ยามนี้น้องมาดูแต่ผู้เดียว จะเหลียวซ้ายแลขวาก็ว้าเหว่ ท้องทะเลลึกล้ำล้วนน้ำเขียว คลื่นระลอกกลอกกลิ้งเป็นเกลียวเกลียว ทางก็เปลี่ยวใจก็เปล่าเศร้าฤทัย ยิ่งโศกแสนอาดรูพูนเทวษ ชลเนตรหล่อหลั่งละลุมไหล เจ้าพราหมณ์น้อยคอยปลอบประโลมใจ แล้วชวนให้ชมละเมาะทุกเกาะเกียน แลสลับซับซ้อนสิงขรเขา เป็นเหล่าเหล่าหลายหลากดังฉากเขียน ที่เชิงชั้นรุกขชาติสะอาดเตียน พิศเพี้ยนสีเคลือบเมื่อเหลือบแล พระชม้อยค่อยเพลินเจริญจิต นิ่งพินิจเขาไม้ในกระแส เห็นเงือกงามพราหมณ์ชี้ว่านี่แน พ่อจงแลดูนางกลางชลา มีเผ้าผมนมเนื้อเนตรขนง ทั้งรูปทรงน่ารักเป็นนักหนา เสียแต่เพียงพื้นล่างเป็นหางปลา กับพูดจานั้นไม่เป็นเหมือนเช่นเรา พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายซัก ใจพี่รักจะใครได้หรือไม่เล่า เจ้าพราหมณ์แกล้งตอบความเป็นสำเนา แม้นได้เปล่าจะคำนับรับประทาน พลางสำรวลชวนชื่นด้วยเชิงฉลาด พระหน่อนาถปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ กำหนดนับวันมาก็ช้านาน ไม่พานพบเชษฐาเหมือนอารมณ์ ฯ ๏ เป็นบุพเพสันนิวาสพาสนา กษัตราจะได้คู่ที่สู่สม สำเภาน้อยลอยแล่นมาตามลม ลุอุดมรมจักรนครา ที่ตรงหน้าธานีนั้นมีเกาะ เรือจำเพาะเข้าออกตามซอกผา เห็นหอคอยลอยลิ่วตรงทิวตา ก็รู้ว่าปากน้ำเป็นสำคัญ พระปรึกษาว่ากับพราหมณ์ทั้งสามพี่ นครนี้น้องเห็นจะคับขัน จึงระวังตั้งกองอยู่ป้องกัน จะเป็นจันตประเทศหรือท้าวไท ฯ ๏ ได้ฟังถามพราหมณ์ทูลสนองตอบ อันเขตขอบเห็นเป็นทีบุรีใหญ่ เราแวะเข้าดูเล่นก็เป็นไร เผื่อจะได้ข่าวที่พระพี่ยา แต่เรือเราเผาเสียจึงจะได้ อย่าให้ใครเห็นอย่างว่าฟางหญ้า พ่อแต่งองค์มาตามพราหมณ์พฤฒา จะได้พากันเที่ยวดูพระบูรี เห็นพร้อมกันหันลำสำเภาล่อง เข้าตามช่องหว่างเชิงคิรีศรี ชาวด่านเห็นนาวาเข้าธานี ก็ขึ้นตีกลองดังให้รั้งรอ เจ้าพราหมณ์ปลดลดใบทั้งท้ายหน้า เข้าถึงท่าเรือจอดทอดสมอ พระแต่งองค์เป็นพราหมณ์งามลออ เอาเพลิงจ่อจุดเผาสำเภายนต์ เพลิงสว่างกลางวันเป็นควันกลุ้ม ชาวด่านรุมกันมาดับอยู่สับสน ก็ขึ้นฝั่งวารีทั้งสี่คน สำเภายนต์โทรมลงในคงคา ฯ ๏ ฝ่ายนายหมวดตรวจตรารักษาด่าน แสนสงสารพราหมณ์น้อยเป็นนักหนา จึงร้องเรียกมานั่งยังศาลา แล้วพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี เจ้าเชื้อพราหมณ์พรหเมศประเทศไหน จึงใช้ใบนาวามาถึงนี่ พอเรือจอดมอดม้วยด้วยอัคคี สินค้ามีในสำเภาสักเท่าไร น่าประหลาดหลากจิตคิดฉงน แต่สี่คนก็ช่างมาเภตราได้ ขอถามเจ้าเผ่าพราหมณ์นี้นามใด ดูรูปร่างช่างกระไรล้วนงามงาม ฯ ๏ เจ้าสานนคนฉลาดเฉลยถ้อย ให้เรียบร้อยตอบคำที่ร่ำถาม อันพวกเราเผ่าปราณสังวาลนาม อยู่บ้านคามวาสีล้วนพี่น้อง เราชื่อว่าสานนเป็นคนใหญ่ ถัดนั้นไปเจ้าวิเชียรเป็นที่สอง คนนั้นชื่อโมรานุชารอง ที่สุดท้องคนนี้ศรีสุวรรณ เรียนเป็นแพทย์วิทยารักษาโรค จะดับโศกสังเวชทุกเขตขัณฑ์ ประสงค์สิ่งสรรพยาจึงพากัน มาเลือกสรรสืบเสาะตามเกาะเกียน ได้สำเร็จเสร็จสรรพจะกลับบ้าน พอลมพานพาพัดฉวัดเฉวียน ทั้งต้นหนคนท้ายก็ตายเตียน สำเภาเจียนอับปางลงกลางชล จะไปทางทิศไหนก็ไม่รู้ เที่ยวแล่นอยู่กลางทะเลระเหระหน มาถึงบ้านท่านนี้เห็นมีคน ต้องไฟไหม้ไต้ลนเหลือแต่กาย เคราะห์ข้าเจ้าคราวนี้ใครจะเห็น เผอิญเป็นคิดไปแล้วใจหาย อันเมืองนี้นามใดไฉนนาย จงขยายเรื่องเล่าให้เข้าใจ ฯ ๏ นายด่านนั่งฟังคำที่ร่ำว่า เสน่หาลุ่มหลงไม่สงสัย จึงบอกความตามจริงทุกสิ่งไป นี่กรุงไกรรมจักรนครา อันพระองค์ผู้ดำรงอาณาราษฎร์ นามพระบาทท้าวทศวงศา มีโฉมยงองค์ราชธิดา ชื่อนางแก้วเกษราวิลาวัณย์ ด้วยเนื้อนางอย่างกลิ่นสุคนธ์รื่น เป็นที่ชื่นชมโฉมประโลมขวัญ เมื่อเดือนสี่ปีก่อนนั้นโสกันต์ เดี๋ยวนี้นั้นชันษาสิบห้าปี พระรูปโฉมก็ประโลมลานสวาท ดูผุดผาดพึ่งรุ่นเจริญศรี กรุงกษัตริย์ขัตติยาทุกธานี มาขอสู่ภูมีไม่ให้ใคร เมื่อปีกลายฝ่ายท้าวอุเทนราช เป็นเชื้อชาติชาวชวาภาษาไสย อานุภาพปราบทั่วทุกกรุงไกร เป็นเมืองใหญ่กว่ากษัตริย์ขัตติย์วงศ์ ให้ทูตามาสนองละอองบาท จะขอราชธิดาโดยประสงค์ แม้นไม่ให้จะประจญรณรงค์ กับผู้พงศ์จักรพรรดิขัตติยา ข้างเจ้านายฝ่ายเรามิได้ให้ ว่าท้าวไทเป็นนอกพระศาสนา แล้วกริ่งเกรงไพรีจะบีฑา จึงเกณฑ์มาตั้งกองอยู่ป้องกัน ไปปีหน้าถ้าย่างเข้าเดือนยี่ เห็นจะมีการทัพถึงคับขัน แสนสงสารเจ้าพราหมณ์นี้ครามครัน จะผายผันไปบ้านประการใด จงประทับยับยั้งอยู่ที่นี่ ถ้าแม้นมีเภตรามาแต่ไหน ข้าจะช่วยออกปากฝากเขาไป คงมิให้อดอยากลำบากกาย ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ตอบชอบคำเป็นที่ยิ่ง ไม่มีสิ่งใดให้เหมือนใจหมาย แม้นเอ็นดูก็จะอยู่สำนักนาย ตัวไม่ตายก็ไม่ลืมพระคุณเลย แต่มาถึงกรุงไกรจะใคร่เห็น พาไปเล่นสักเวลาเถิดน้าเอ๋ย สนุกสนานปานใดฉันไม่เคย พอชมเชยเสียสักหน่อยจึงค่อยมา ฯ ๏ ส่วนนายด่านได้ฟังนั่งหัวเราะ ช่างพูดเพราะน่ารักเป็นนักหนา จะพาไปให้เห็นพระพารา แล้วหยิบย่ามใส่บ่าละล้าละลัง ออกนำหน้าพาพราหมณ์ไปตามถนน ถึงตำบลกรุงไกรดังใจหวัง เที่ยวเลียบรอบขอบเขตนิเวศน์วัง แล้วสอนสั่งห้ามปรามเจ้าพราหมณ์พลัน เห็นผู้หญิงริงเรือที่เนื้อเหลือง อย่ายักเยื้องเกี้ยวพานนะหลานขวัญ ล้วนนางในไม่ชั่วตัวสำคัญ จะเสียสันเสียเปล่าไม่เข้าการ ฯ ๏ พราหมณ์หัวเราะรับคำที่ร่ำสั่ง พลางชมวังนิเวศน์ประเทศสถาน งามปราสาทผาดเยี่ยมโพยมมาน ชัชวาลแก้วเก้าวะวาวตา มีบ้านช่องสองแถวแนวถนน ทั้งผู้คนคึกคักกันนักหนา มีโรงรถคชไกรไอยรา สนามหน้าจักรวรรดิที่หัดพล ที่ท้ายวังตั้งล้วนแต่ตึกกว้าน บ้างนั่งร้านสองแถวแนวถนน นายด่านพาผ่าตลาดต้องหลีกคน ประชาชนซื้อหาพูดจากัน พวกสาวแก่แลเห็นเจ้าพราหมณ์น้อย ดูแช่มช้อยน่าชมทั้งคมสัน งามจริตกิริยาสารพัน ต่างชิงกันร้องเรียกออกเพรียกไป เจ้าพราหมณ์ขามานั่งที่นี่ก่อน แดดยังร้อนจะรีบไปข้างไหน พระแย้มยิ้มพริ้มพรายละอายใจ นางแม่ค้าอาลัยประโลมลาน ส่วนนายกองปากน้ำที่นำหน้า ฟังแม่ค้าร้องทักเห็นรักหลาน มีหมากพลูบุหรี่อยู่ที่ร้าน ตานายด่านแวะขอห่อเอาไป แล้วเหลียวหน้ามาถามเจ้าพราหมณ์น้อย กินกล้วยอ้อยบ้างหรือพ่อจะขอให้ พระขวยเขินเมินเลยทำเฉยไป เจ้าพราหมณ์ใหญ่เคียงคลอจรลี ฯ ๏ จะกล่าวถึงสาวใช้ในนิเวศน์ เป็นวิเสทพระธิดามารศรี ชื่อกระจงพงศ์ไพร่กระฎุมพี ยังไม่มีลูกผัวตัวคนเดียว ออกตลาดนาดกรายเที่ยวจ่ายของ ทำยิ้มย่องยักเยื้องชำเลืองเหลียว เห็นคนดูเจ้าพราหมณ์ตามกันเกรียว ทำลดเลี้ยวเล็งแลอยู่แต่ไกล เห็นโฉมงามพราหมณ์น้อยกลอยสวาท ใจจะขาดลงด้วยคิดพิสมัย ทิ้งกระบุงตะกร้าไม่อาลัย ได้ดอกไม้วิ่งตามเจ้าพราหมณ์มา สู้แทรกเสียดเบียดคนเข้าจนชิด ดัดจริตนั่งไหว้ให้บุปผา พระขวยเขินเมินพักตร์ไม่พูดจา คนเขาฮาโห่ลั่นสนั่นไป อีกระจงหลงลืมละอายเหนียม ทำและเลียมรอเรียงเข้าเคียงไหล่ เห็นพราหมณ์ไม่เกี้ยวพานรำคาญใจ ใครเฮฮาด่าให้ด้วยโกรธา ฯ ๏ จะกล่าวถึงท่านยายนายวิเสท ครั้นสุริเยศบ่ายคล้อยก็คอยหา อีกระจงเป็นกระไรมิใคร่มา จึงสั่งข้าคนใช้ให้ไปตาม นางทาสามาถึงท้องตลาด เห็นกระจาดทิ้งไว้เที่ยวไต่ถาม เขาบอกว่าข้าเห็นไปตามพราหมณ์ ก็รีบตามติดพันไปทันตัว เห็นเดินตามพราหมณ์น้อยทำลอยหน้า นายทาสาเข้าขยิกจิกเอาหัว พาเข้าไปให้ท่านยายเป็นนายครัว แกเห็นตัวจับไม้เข้าไล่ตี แล้วว่าเอาข้าวของไปไหนเสีย กระบุงเบี้ยหมดมาน่าบัดสี หรือเที่ยวสู่ชู้ผัวของมึงมี หรือเจ้าหนี้ยื้อแย่งจงแจ้งความ ฯ ๏ อีกระจงหลงใหลไม่ได้สิบ ทำอุบอิบกล่าวเท็จไม่เข็ดขาม ข้านี้ได้เสียตัวมีผัวพราหมณ์ รูปเธองามตะละหุ่นเจียวคุณยาย ให้คำมั่นสัญญามาเมื่อกี้ ว่าจะตีจานทองของถวาย พรุ่งนี้นัดให้ฉันพามาหานาย พอคุณยายใช้ให้เขาไปเอาตัว ฯ ๏ นายวิเสทซ้ำด่าอีหน้าด้าน ยังให้การชมงามเจ้าพราหมณ์ผัว ทรลักษณ์รักเขาจนเมามัว จะคิดกลัวเกรงใครก็ไม่มี กูจะไปแจ้งคดีพระพี่เลี้ยง ให้ไล่เลียงเฆี่ยนส่งไปโรงสี ยิ่งโกรธาด่าทอแล้วจรลี มาถึงสี่พี่เลี้ยงพระธิดา จึงแจ้งความตามอีกระจงเล่า มันชมเจ้าชู้พราหมณ์งามนักหนา เห็นผูกพันฟั่นเฝือเหลือตำรา จะด่าว่าสักเท่าไรก็ไม่กลัว ฯ ๏ พระพี่เลี้ยงได้ฟังนั่งหัวร่อ มันยกยอกันว่าเหมาะเพราะเป็นผัว จะให้พวกขอเฝ้าไปเอาตัว ดีหรือชั่วก็คงเห็นว่าเช่นไร ปรึกษาพลางทางลงจากตำหนัก มาถามซักอีกระจงเห็นหลงใหล จึงสั่งให้พวกข้างหน้าพาออกไป มันว่าชู้อยู่ที่ไหนเอาตัวมา พวกขอเฝ้าเข้าจูงอีทาสี มาถึงที่ท้องตลาดเที่ยวแลหา เห็นเจ้าพราหมณ์ตามกันจรัลคลา อีทาสาจึงเข้าชี้ว่านี่แน พวกขอเฝ้าเข้าล้อมเจ้าพราหมณ์น้อย แล้วกล่าวถ้อยไต่ถามตามกระแส นี่หรือเหล่าเจ้าชู้ไม่ดูแล ทำกอแกก่นแต่เที่ยวเกี้ยวชาววัง ถึงกระไรได้ชมก็สมหน้า นี่คบค้าเป็นเมียจะเสียหลัง ท่านให้หาเร็วเถิดพ่ออย่ารอรั้ง คุณในวังออกมาอยู่ประตูกลาง ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าชาวด่านได้ยินว่า แกโกรธาฮึดฮัดเข้าขัดขวาง เมื่อหลานข้ามาเที่ยวเล่นตามทาง ได้เกี้ยวนางชาววังเมื่อครั้งไร อีคนนี้ฝีปากมันจัดจ้าน มาเกี้ยวพานหลานข้าหาว่าไม่ มิใช่ชาวบ้านนอกมาหลอกใคร ผิดก็ใส่กันกับเจ้าจนเย็บตา ฯ ๏ ขอเฝ้าว่าตานี่โมโหร้าย จะเอาหวายลงหลังกระมังหนา ท่านทั้งสี่พี่เลี้ยงพระธิดา จะให้หาเข้าไปถามตามทำนอง แล้วปลอบว่ามาไปเถิดเจ้าพราหมณ์ อย่าพูดตามตาคนนั้นมันจองหอง แล้วพาเข้าวังในดังใจปอง ส่วนนายกองปากน้ำก็ตามมา ถึงประตูหูช้างข้างฉนวน เห็นแต่ล้วนหม่อมหม่อมอยู่พร้อมหน้า จึงเข้าไปเล่าแถลงแจ้งกิจจา ได้ตัวมาแล้วจะโปรดประการใด ฯ ๏ ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยงเมียงชม้อย เห็นพราหมณ์น้อยโสภาจะหาไหน ดูผิวเหลืองเรืองรองทองอุไร งามวิไลแลเล่ห์เทวดา ขนงเนตรเกศกรรณแลกรแก้ม แลแฉล้มน่ารักเป็นนักหนา พิศวงหลงลืมกะพริบตา เสน่หาปั่นป่วนรัญจวนใจ ต่างว่างามเหลืองามพ่อพราหมณ์น้อย ช่างเลื่อนลอยล่องฟ้ามาแต่ไหน หรือหน่อจักรพัตราพาราไกล ธุระอะไรหนอจึงมาถึงธานี อีคนใช้ใส่ความว่าเป็นชู้ ไม่ควรคู่คบหากับทาสี เว้นแต่องค์นงนุชพระบุตรี เห็นเต็มดีดุจแก้วแกมสุวรรณ จำจะลวงหน่วงหนักไว้สักหน่อย ให้พราหมณ์น้อยไปสำนักอยู่สวนขวัญ ดำริพลางทางสั่งขอเฝ้าพลัน เห็นไม่ทันจะปรึกษาเวลาจวน จะให้อยู่ที่นี่ก็มิได้ ไปส่งให้สองเฒ่าที่เฝ้าสวน แล้วจะถามความข้อต่อสำนวน สั่งแล้วชวนกันเข้าไปเสียในวัง ขอเฝ้าว่ามาไปเถิดพ่อเอ๋ย ถ้าละเลยแล้วเห็นจะเล่นหลัง ฝ่ายเจ้าพราหมณ์ตามใจมิให้ชัง พลางร่ำสั่งนายด่านด้วยมารยา จงไปบ้านท่านเถิดให้ผาสุก ฉันพ้นทุกข์แล้วเมื่อไรจะไปหา นายด่านฟังคลั่งคลอหล่อน้ำตา แล้วว่าน้านี้ไม่ทิ้งอย่ากริ่งใจ จะไปจัดข้าวปลากระยาหาร มาส่งหลานสี่คนให้จนได้ แล้วเดินพลางบ่นพลางตามทางไป คนอะไรอย่างนี้ไม่มีอาย ทำปล่อยม้าอุปการเที่ยวพาลเขา เห็นโง่เง่าแล้วจะจับไปปรับหมาย ถ้าทุบตีหลานกูจะสู้ตาย วิ่งถวายฎีกาได้ว่ากัน ฯ ๏ ฝ่ายขอเฝ้าพาพราหมณ์มาตามถนน ถึงตำบลสองเฒ่าเฝ้าสวนขวัญ จึงบอกแจ้งกิจจาสารพัน เอาพราหมณ์นั้นมอบให้แล้วไคลคลา ฝ่ายสองเฒ่าทรพลก็บ่นพร่ำ เราจะทำกระไรดีกระนี้หนา เขาหนุ่มหนุ่มเราผู้คุมคนชรา คงหนีหน้าแล้วจะไล่ที่ไหนทัน เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายธิบายบอก ไม่หนีดอกยายตาอย่าโศกศัลย์ ข้อคดีมีอยู่จะสู้กัน อันโทษทัณฑ์สิ่งใดก็ไม่มี ยายกับตาว่าเชื่ออย่างไรได้ ที่ไหนใครจะรับว่าข้าจะหนี ยังมิได้จองจำค่ำวันนี้ เข้าอยู่ที่ในกระท่อมให้พร้อมเพรียง เจ้าพราหมณ์เดินดีใจเข้าในห้อง ทั้งพี่น้องนั่งหัวร่อไม่ต่อเถียง เฒ่าชรามานอนที่ระเบียง คอยฟังเสียงเกรียบกรุกลุกขึ้นมอง ฯ ๏ สงสารหน่อสุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ โทมนัสหม่นไหม้ฤทัยหมอง ด้วยไม่เคยเชยชู้รู้ทำนอง เฝ้าตรึกตรองตรมจิตคิดรำคาญ จึงปรึกษาว่าแก่พราหมณ์ทั้งสามพี่ ไม่พอที่น้อยหน้าเขาว่าขาน พวกขอเฝ้าชาววังมันจังฑาล จะใคร่ผลาญชีวันให้บรรลัย แต่พี่นิ่งเสียแล้วน้องก็ต้องนิ่ง แค้นผู้หญิงมันยังกลับบังคับได้ ทั้งสามพี่นี้เห็นเป็นอย่างไร จึงนิ่งให้มันว่าเป็นน่าชัง ฯ ๏ พราหมณ์หัวร่อพ่อลืมเสียแล้วหรือ เขาบอกชื่อเสียงให้เหมือนใจหวัง อันองค์ราชบุตรีที่ในวัง ทุกวันยังมิได้มีราคีพาน พ่อโฉมงามยามนี้ก็แรกรุ่น ผลบุญช่วยชักสมัครสมาน ถึงขอเฝ้าเขาไปจับให้อัประมาณ พี่ก็เห็นเป็นตะพานมาชอบกล เมื่อพบกันวันนี้นางพี่เลี้ยง เห็นมองเมียงตามาสี่ห้าหน ซึ่งให้คุมไว้ที่นี่ทั้งสี่คน พี่นี้เห็นเป็นกลมารยา ถ้าแม้นเหมือนหมายมุ่งก็พรุ่งนี้ ร้ายหรือดีจะได้ฟังไม่กังขา พ่อจงดับโทโสอย่าโกรธา รู้ถึงแก้วเกษราจะน้อยใจ ทำนองเขาชาววังมักตั้งปึ่ง แต่ไม่ถึงเดือนดอกจะบอกให้ ซึ่งพี่เลี้ยงพระธิดาจะว่าไร พี่จะใคร่รับรองลองคารม ฯ ๏ พระฟังพราหมณ์สามนายยิ่งอายนัก ไม่รู้จักรักร่วมภิรมย์สม จึงว่าถึงนางฟ้ามาให้ชม ไม่นิยมเลยพี่เป็นความจริง ใจน้องหวังฟังเหตุพระเชษฐา ใช่จะมาท่องเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง พี่รักเขาชาววังยังประวิง ก็อ้อยอิ่งไปเถิดน้องไม่ต้องการ ฯ ๏ พราหมณ์หัวร่อพ่ออย่าประมาทหมิ่น อันรูปกลิ่นรสเสียงสำเนียงหวาน กับสัมผัสสตรีฤดีดาล เห็นวิมานลิบลิบไม่พริบตา พลางหัวเราะเยาะหยอกหน่อกษัตริย์ โสมนัสสรวลสันต์ด้วยหรรษา เสียงซุบซิบกันไปไม่ไสยา ยายกับตาผัวเมียคอยเงี่ยฟัง เสียงหัวร่อต่อระริกดังคิกคัก คิดว่าลักนินทาว่าลับหลัง หุนพิโรธโกรธขึ้งเสียงตึงตัง น้อยหรือยังพึมพำอยู่ทำไม หรือจะคิดคัดฝาพากันหนี จนป่านนี้แล้วยังไม่หลับใหล จะให้จำขื่อคาก็ว่าไป คนอะไรชาติชั่วไม่กลัวนาย หน่อกษัตริย์กับสามเจ้าพราหมณ์น้อย ไม่ตอบถ้อยทุ่มเถียงทำเสียงหาย นอนอยู่เหนือเสื่อลาดขาดระคาย จนเคลิ้มกายหลับไปในไสยา ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงในวังราช แสนสวาทพราหมณ์น้อยละห้อยหา ครั้นสิ้นแสงสุริยนสนธยา มาเฝ้าแก้วเกษราอยู่พร้อมกัน แล้วทูลเชิญโฉมยงสรงเสวย เหมือนอย่างเคยขับกล่อมถนอมขวัญ ต่างเพ่งพิศพระธิดาวิลาวัณย์ สารพันไม่มีราคีพาน คิดถึงงามพราหมณ์น้อยก็น่ารัก ประไพพักตร์เคียงคู่ด้วยสุริย์ฉาน ทั้งสี่นางต่างคะนึงตะลึงลาน ที่อยู่งานถือพัดก็พลัดมือ บ้างพลั้งว่าถ้าได้กับเจ้าพราหมณ์ งามต่องามชมเล่นเห็นแล้วหรือ ทั้งสามนางต่างสดับรับว่าอือ แล้วกลับรื้อได้คิดสะกิดกัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมแก้วเกษราธิดาราช ฟังประหลาดหลากจิตคิดกระสัน จึงว่าพี่นี้ผิดกว่าทุกวัน อะไรนั่นน่าชมสมกับพราหมณ์ ประภาวดีพี่เลี้ยงฉลาดแก้ ไม่ดอกแม่มิใช่การวานอย่าถาม เมื่อคืนนี้พี่ฝันสักสามยาม ว่าเจ้าพราหมณ์หนุ่มน้อยคนหนึ่งมา ดูรูปร่างรุ่นราวคราวพระน้อง ผิวผุดผ่องน่ารักเป็นนักหนา บุรุษใดในภพโลกา ที่จะหาเปรียบได้นั้นไม่มี พอเสียงฆ้องย่ำรุ่งสะดุ้งตื่น กับคนอื่นไม่กล้าบอกออกบัดสี จึงแก้ฝันแม่อุบลจงกลนี เขาว่าดีอยู่แล้วก็แล้วกัน ฯ ๏ พระธิดาว่าฉันมิอยากเชื่อ นี่และเนื้อใส่ไคล้ว่าใฝ่ฝัน เมื่อตะกี้พี่พูดไม่เช่นนั้น หรือสำคัญข้อผิดจึงปิดบัง ฯ ๏ จงกลนีพี่เลี้ยงฉลาดเฉลย ไม่ลวงเลยพี่จะเล่าเนื้อความหวัง แม่ประภาแก้ฝันให้ฉันฟัง ว่าเจ้าพราหมณ์งามดังเทวดา เมื่อตะกี้พี่ชมโฉมพระน้อง นวลละอองน่ารักนั้นนักหนา คิดถึงพราหมณ์ความฝันแม่ประภา จึงแกล้งว่าเย้ยเยาะหัวเราะกัน ว่าได้พราหมณ์ความฝันนั้นหนอเจ้า เป็นขอเฝ้าน้องแก้วแล้วขยัน เมื่อตะกี้พี่พูดก็เช่นนั้น ไม่เสกสรรป้องปิดสักนิดเดียว ฯ ๏ พระเทพินยินคำเห็นล้ำลึก ฤทัยนึกเคืองขุ่นให้ฉุนเฉียว จึงว่าน้อยไปหรือพี่เช่นนี้เจียว มาแก้เกี้ยวซักซ้อมสมยอมกัน ถึงจีนจามพราหมณ์แขกที่แปลกชาติ พี่สวาทแล้วมาเปรียบประเทียบฉัน แกล้งลวงเล่นเห็นรู้ไม่เท่าทัน แต่เช่นนั้นแล้วอย่านึกคะนึงปอง อันชาตินี้นี่แน่ะพี่อย่าพักหมาย ไม่เคยชายเชยชมประสมสอง ถึงมาตรแม้นมังสาจะทาทอง ก็ไม่ปองปรารถนาอย่าพาที ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างคนเห็นเคืองขัด ชุลีหัตถ์ปลอบประโลมนางโฉมศรี แม่เหมือนจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคี จรลีอยู่พื้นโพยมมาน อันชาติชายเหมือนกระต่ายที่ต่ำชาติ สุดจะมาดที่จะมุ่งหมายสมาน พี่พูดเล่นเป็นแต่คำให้สำราญ ขอประทานโทษเถิดพระเทพี แล้วสี่นางต่างคนเข้าขับกล่อม เคียงถนอมนุชนางอยู่ข้างที่ บ้างร้องรับขับไม้มโหรี บ้างดีดสีส่งเสียงสำเนียงครวญ ฯ ๏ สงสารนางแก้วเกษราธิดาท้าว เมื่อครั้งคราวจะได้คู่สู่สงวน สถิตอยู่แท่นสุวรรณให้รัญจวน แต่อักอ่วนป่วนใจไม่ไสยา พอหลับลงทรงซึ่งสุบินนิมิต ประหวัดจิตนุชนาฏหวาดผวา ตื่นสะดุ้งรุ่งแสงพระสุริยา พระธิดานึกแหนงแคลงฤทัย จึงเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงข้าง นุชนางเล่าแจ้งแถลงไข ฉันฝันว่าวาสุกรีอันเกรียงไกร เข้าในแท่นสุวรรณอันบรรจง เกี่ยวกระหวัดรัดรอบอุราน้อง ฉันร่ำร้องอยู่บนเตียงจนเสียงหลง ให้ร้อนรุ่มกลุ้มจิตพิษภุชงค์ หมายว่าปลงชีวานิคาลัย จนเดี๋ยวนี้นึกกลัวยังตัวสั่น อันความฝันพี่เห็นเป็นไฉน พี่เลี้ยงฟังนั่งนึกแต่ในใจ ยิ้มละไมในหน้าแล้วว่าพลัน ลักษณะพระสุบินนิมิตแม่ ครั้นจะแก้กลัวจะโกรธพิโรธฉัน สมุดมีอยู่ริมที่แท่นสุวรรณ ตำราฝันทรงดูให้รู้ความ จะได้ลาภหรือกระไรก็ไม่ช้า ด้วยเวลานั้นก็ล่วงเข้ายามสาม พี่จะช่วยอวยพรพะงางาม ให้สมความปรารถนาไม่ช้าวัน ทูลพลางทางพลิกสมุดถวาย ถูกที่ทายงูขบสบกับฝัน ยุพยงทรงอ่านอักษรพลัน มีสำคัญว่างูหมู่กุมภา แม้นขบกัดรัดใครในนิมิต จะได้ชมสมสนิทเสน่หา แม้นงูร้ายฝ่ายคู่ภิรมยา วาสนาฟุ้งเฟื่องเรืองเจริญ นางฟังเรื่องเคืองขัดปัดสมุด ให้แสนสุดอับอายระคายเขิน สี่พี่เลี้ยงเคียงข้างเห็นนางเมิน ต่างอวยชัยให้เจริญพระชนมาน ฯ ๏ พระบุตรีโกรธตรัสด้วยขัดแค้น พี่นี้แสนเล่ห์ลมประสมประสาน เห็นว่าเกลียดแล้วมาแสร้งแกล้งประจาน ชวนให้อ่านแต่ตำรับที่อัปรีย์ นี่หากเห็นเป็นผู้ใหญ่ยังไว้หน้า หาไม่จะว่าเสียให้อายกับสาวศรี แล้วผันผินพักตราไม่พาที ทำเข้าที่ไสยาสน์บนอาสน์ทอง ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างคนเห็นเคืองขัด ชุลีหัตถ์นบนอบไม่ตอบสนอง ครั้งสุริย์ฉายสายแสงขึ้นเรืองรอง ออกจากห้องไสยาปรึกษากัน พระบุตรีนิมิตผิดประหลาด ที่เราคาดนั้นก็งามกับความฝัน แสนสงสารเจ้าพราหมณ์ก็ครามครัน จะโศกศัลย์อยู่ในสวนรัญจวนใจ เราออกไปถามดูให้รู้แจ้ง อยู่ตำแหน่งนคเรศประเทศไหน ลวงกำนัลกัลยาว่าจะไป เก็บดอกไม้มาถวายพระบุตรี เห็นพรักพร้อมยอมใจเข้าในห้อง เปิดคันฉ่องส่องตะบอยสอยเกศี กระเหม่าจีนจับซ้ำให้ดำดี กรีดสำลีเรียบร้อยที่รอยไร แล้วผัดหน้าทาจันทน์กระแจะฟุ้ง ต่างคนนุ่งยกทองล้วนผ่องใส ห่มกรองทองรองแสดเป็นซับใน เรียกสาวใช้คนรักมาชักชวน ให้ถือซองสลาผ้าเช็ดปาก แล้วออกจากประตูข้างทางฉนวน ทำกรีดชายกรายก้อยเที่ยวลอยนวล ตรงไปสวนมาลีด้วยปรีดา ฯ ๏ ฝ่ายสองเฒ่าเฝ้าผลัดกันนอนนั่ง เวียนระวังพราหมณ์น้อยในเคหา ครั้นรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยา อียายเฒ่าจึงว่าแก่ตาพลัน บ่าวเรามีสี่คนล้วนหนุ่มหนุ่ม ตาเอ๋ยคุมออกไปใช้ในสวนขวัญ ทั้งจอบเสียมมีดพร้าหาให้มัน ให้ช่วยกันถางหญ้ากว่าจะเย็น ตาเฒ่าผัวหัวเราะว่าจริงอยู่ ปัญญากูมืดมิดคิดไม่เห็น เสียแรงมีบ่าวไพร่ใช้ไม่เป็น นิ่งให้มันนอนเล่นเสียทั้งวัน จึงร้องเรียกเจ้าพราหมณ์ตามบ้านนอก เด็กเอ๋ยออกมานี่ขมีขมัน แล้วรีบรัดจัดจอบให้คนละอัน มาช่วยกันถากหญ้าจะพาไป ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ขัดแค้นคำอ้ายเฒ่า จะใคร่เอาจอบสับให้ตักษัย พี่เลี้ยงพราหมณ์สามคนเข้ายุดไว้ แล้วแก้ไขบอกเล่าเฒ่าชรา น้องข้าเจ้าเจ็บอยู่อย่าจู้จี้ เกณฑ์หน้าที่สักเท่าไรจงใช้ข้า จะถากทำแทนกันไม่ฉันทา ตรงไหนหญ้าจะให้ทำจงนำไป ฯ ๏ ส่วนตาเฒ่าเหย่าย่างมาข้างสระ เห็นระยะหญ้าแพรกแตกไสว จึงวัดวาหน้าที่ให้ทันใด ใครทำให้ค้างอยู่กูไม่ฟัง แล้วตาเฒ่าเข้าใต้ต้นชมพู่ เอาผ้าปูปัดผงลงเอนหลัง ระหวยหิวหาวนอนอ่อนกำลัง ลืมระวังพราหมณ์น้อยม่อยหลับไป ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามนายชายฉลาด เห็นหน่อนาถมัวหมองไม่ผ่องใส จึงเลือกเด็กดอกลำดวนที่ยวนใจ มายื่นให้อนุชาแล้วพาที ถึงมาตรแม้นตกยากต้องถากหญ้า จะอาสาแทนน้องอย่าหมองศรี เรารอรั้งฟังกันดูวันนี้ ถ้าแม้นพี่คาดผิดจึงคิดการ ธรรมดามาเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ต้องอ้อยอิ่งอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เราอุตส่าห์พยายามตามโบราณ คงเป็นการมั่นคงอย่าสงกา ว่าพลางทางจับเอาจอบสวน เริงสำรวลชวนกันเข้าฟันหญ้า ไม่เคยทำซ้ำสับแผ่นสุธา แต่เปลี่ยนซ้ายย้ายขวาอยู่สามคน ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ขัดเคืองชำเลืองค้อน สะท้อนถอนหฤทัยพิไรบ่น เสน่หาตาบอดไม่รอดตน ต้องทุกข์ทนถากหญ้าประดาตาย ถึงจะชักนางฟ้าลงมาให้ ที่จะใช้ถากหญ้านั้นอย่าหมาย พระฮึดฮัดขัดใจไม่สบาย ทั้งสามนายเมินหน้าถากหญ้าไป ฯ ๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงพระธิดามาถึงสวน แสนรัญจวนผูกจิตพิสมัย ทำเสสั่งสาวสวรรค์กำนัลใน จะลุมเล้าเข้าไปก็ไม่ควร จงรอรั้งนั่งท่าอยู่ที่นี่ เราทั้งสี่จะเข้าไปข้างในสวน แล้วเสแสร้งแต่งจริตกระบิดประบวน ทำชี้ชวนกันเก็บมาลามา แต่มือปลิดจิตนึกถึงพราหมณ์น้อย เนตรชม้อยแลลอดชำเลืองหา มามองเมียงเพียงทับยายกับตา ไม่เห็นหน้าพราหมณ์น้อยละห้อยใจ ทั้งสี่นางต่างว่าประหลาดแล้ว พ่อรูปทองน้องแก้วข้าไปไหน หรือเที่ยวเก็บบุปผาสุมาลัย สงสัยใจย่างย่องมามองเมียง พอใกล้สระโกสุมปทุมชาติ เสียงจอบฉาดฟัดดินได้ยินเสียง อยู่ที่นี่แล้วกระมังฟังสำเนียง ค่อยมองเมียงเลี่ยงแลอยู่แต่ไกล เห็นเจ้าพราหมณ์สามคนก่นถากหญ้า เวทนากรรมกรรมจะทำไฉน แค้นอ้ายเฒ่าเฝ้าสวนแสนจัญไร มันแกล้งใช้กรากกรำให้ทำการ แล้วแลดูพราหมณ์น้อยเห็นสร้อยเศร้า เข้าแฝงเงาพฤกษาน่าสงสาร ทั้งสี่นางต่างว่าน่ารำคาญ จะคิดอ่านแก้ไขอย่างไรดี นางประภาว่าเราจะพูดด้วย ก็คิดขวยวิญญาณ์น่าบัดสี เราออกไปให้เขาเห็นพอเป็นที ฟังไมตรีเขาก่อนจึงผ่อนปรน ปรึกษาพลางทางเดินเด็ดดอกไม้ เข้ามาใกล้สระน้ำแล้วทำบ่น ทำไฉนจึงจะได้ดอกอุบล แล้วทำกลแวดชายชม้ายเมียง ฯ ๏ เจ้าโมราสานนพราหมณ์วิเชียร กำลังเพียรฟันดินได้ยินเสียง พอเหลียวมาเห็นหน้านางพี่เลี้ยง เอาจอบเหวี่ยงไว้กับที่ด้วยดีใจ มาบอกความพราหมณ์น้อยค่อยกระซาบ คงตายราบมั่นคงอย่าสงสัย พ่อไปพูดกับเขาเล่นก็เป็นไร ดูท่าทางนางในจำนรรจา ฯ ๏ ศรีสุวรรณสั่นพักตร์ไม่รักคบ อย่าเร้ารบไปเลยน้องไม่ปรารถนา พี่รักเขาก็จงเข้าไปพูดจา ที่ถากหญ้านี้น้องจะทำแทน พออย่าให้อ้ายเฒ่ามันหยามหยาบ ฉันเหม็นสาบหนังเนื้อมันเหลือแสน ไม่รักมีชู้สาวเมื่อคราวแกน อย่าขืนแค่นเลยพี่พราหมณ์เป็นความจริง พระว่าพลางทางลุกขึ้นถากหญ้า แล้วเมินหน้าเสียไม่ดูข้างผู้หญิง พี่เลี้ยงพราหมณ์สามคนเข้าช่วงชิง พ่อนั่งนิ่งอย่าทำให้รำคาญ ต่างวางจอบตอบน้องแล้วย่องย่าง เข้าใกล้นางกัลยาแล้วว่าขาน หม่อมทั้งสี่นี้หรือขาตระลาการ เมื่อเย็นวานนี้ให้พาฉันมาคุม เขาฟ้องหาว่ากระไรไม่ไต่ถาม ให้คุมความร้อนใจดังไฟสุม ทั้งอดนอนยังรุ่งด้วยยุงชุม ท่านผู้คุมเล่าก็ร้ายทั้งยายตา แต่เช้าตรู่ขู่เข็ญจะเฆี่ยนขับ มากำกับกรำกรากให้ถากหญ้า ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยตัวทั่วกายา สู้อุตส่าห์ทำไปทั้งไม่เคย สารพัดจะไม่มีบุหรี่หมาก ความเปรี้ยวปากเหลือแหล่แม่คุณเอ๋ย ไม่เมตตาทารกรรมแต่จำเลย ยังไม่เคยพบเห็นพึ่งเป็นความ มาหยุดยั้งนั่งนี่หน่อยเถิดหม่อม ฉันแสนตรอมตรมใจจะไต่ถาม กรุณาปรานีกับชีพราหมณ์ อย่ามีความกินแหนงแคลงวิญญาณ์ ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างอายระคายเขิน ชม้ายเมินยิ้มละไมอยู่ในหน้า จึงตอบความตามธรรมดามา ฉันมิใช่เป็นสุภาตระลาการ ความข้างในให้คุมไว้เพียงสวน เป็นสำนวนแล้วจะส่งไปโรงศาล เขากราบทูลพระธิดายุพาพาล เมื่อเย็นวานนี้จึงให้ไปเอาตัว อีกระจงแจ้งความว่าพราหมณ์น้อย มาติดสอยสมสู่เป็นชู้ผัว เมื่อคบค้ากันเองไม่เกรงกลัว ถึงดีชั่วก็เขาเป็นชาววัง น่าสมเพชเวทนาหนักหนานัก ช่างไม่รักเจ็บอายเสียดายหลัง นี่หากฉันอนุกูลทูลประทัง จึงรับสั่งให้มาถามเอาความจริง ว่าพราหมณ์น้อยกับข้างนี้เป็นพี่น้อง หรือพวกพ้องเพื่อนเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ใครชื่อไรเร่งว่าอย่าประวิง เอาความจริงให้ทั่วทุกตัวคน ต้องคุมกันวันเดียวว่าเปรี้ยวปาก บุหรี่หมากสารพัดจะขัดสน ถ้าเช่นนั้นฉันจะให้ไว้สักคน ใครกังวลอะไรมั่งก็สั่งไป ราคาหมากกับบุหรี่สักกี่เบี้ย พอสู้เสียซื้อหาเอามาให้ แต่จะถามตามจริงอย่านิ่งไว้ จึงจะได้กรุณาเหมือนพาที ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังนั่งนึกเห็นลึกแหลม ช่างเหน็บแนมล้วนละเมียดทั้งเสียดสี ต่างยิ้มแย้มเยื้อนว่ากับนารี มิเสียทีเป็นสุภาตระลาการ แม้นน้องฉันคบหากับข้าหลวง ผิดกระทรวงลามลวนควรประหาร ถ้าแม้นนางชาววังทำจังฑาล มาเกี้ยวพานเข้าบ้างจะอย่างไร พราหมณ์น้อยนี้ดีนักอย่าพักว่า ถึงเอาพร้าคัดปากไม่อยากไหว จริงนะหม่อมย่อมรู้อยู่เต็มใจ อย่างสงสัยเสียเปล่าเปล่าไม่เข้ายา ซึ่งองค์พระบุตรีมีรับสั่ง ให้ถามทั้งนามวงศ์แลพงศา จะแถลงแจ้งอรรถแต่สัจจา อันพวกข้าเหล่านี้เป็นพี่ชาย ชื่อโมราสานนพราหมณ์วิเชียร หม่อมอย่าเปลี่ยนชื่อเสียงช่วยเรียงถวาย โน่นพราหมณ์น้อยศรีสุวรรณพรรณราย เป็นน้องชายชันษาสิบห้าปี สำเภาซัดพลัดเมืองมาพี่น้อง ขึ้นเที่ยวท่องชมแต่บุรีศรี จะเกี้ยวพานท่านผู้ใดก็ไม่มี จริงนะขาฟ้าผี่เถิดไม่ลวง ฉันเป็นชาวบ้านนอกดอกคะหม่อม ไม่อ้อมค้อมพูดจาเหมือนข้าหลวง คิดจะใคร่ไต่ถามตามกระทรวง หม่อมทั้งปวงก็เป็นใหญ่อยู่ในวัง อันทุกวันฉันไม่มีที่จะเห็น อยากจะเป็นขอเฝ้ากับเขามั่ง ขอถามตามสุจริตอย่าปิดบัง หม่อมมานั่งถามความนี้นามใด ฯ ๏ สี่พี่เลี้ยงเอียงอายชม้ายชม้อย ทำชดช้อยพูดจาอัชฌาสัย นี่หรือชาวบ้านนอกมาหลอกใคร เขาเข้าใจอยู่ดอกหม่อมทำปลอมพล ซึ่งสงสัยไต่ถามถึงนามฉัน แต่เพียงนั้นพอจะแจ้งแห่งนุสนธิ์ โน่นประภาวดีนี่จงกล นั่นอุบลคนนี้ศรีสุดา ซึ่งหม่อมรักจักใคร่เป็นขอเฝ้า จะต้องเหลาไม้กลัดจัดบุปผา ถ้าทำได้ไม่คิดระอิดระอา ไปปีหน้าฟ้าใหม่คงได้ดี ถ้าขี้เกียจขืนเที่ยวเกี้ยวชู้สาว ทำฉาวฉาวเช่นนั้นฉันบัดสี ให้เจ้านายขายหน้าทั้งตาปี ก็จะมีคนว่าชั่วฉันกลัวอาย ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ว่าอย่าเย้ยไปเลยหม่อม ไม่อ้อมค้อมพูดเล่นเหมือนเช่นหมาย ถ้ารักใคร่ใครแล้วก็สู้ตาย ไม่กลับกลายแกล้งว่าสัจจาจริง นี่เที่ยวเล่นโดยดีประสีประสา ควรหรือมาต้องเกาะเพราะผู้หญิง ด้วยจนใจไม่มีที่พึ่งพิง จึงต้องนิ่งนึกเจียมเสงี่ยมใจ ครั้นฉันจะถวายตัวก็กลัวอยู่ ยังไม่รู้กิริยาอัชฌาสัย หนึ่งพระรูปร่างเจ้าสักคราวใคร น้ำพระทัยร้ายหรือดีก็มิรู้ ฉันพลัดบ้านเมืองมาอนาโถ เหมือนคนโซสิ้นแกนแสนอดสู แม้นว่าหม่อมอุปถัมภ์ช่วยค้ำชู จะได้อยู่พึ่งบุญเหมือนมุลนาย อันลูกเมียก็ไม่มีฟ้าผี่เถิด ประดักประเดิดโดยจนต้องขวนขวาย แม้นได้มีที่พึ่งพอฝากกาย ตัวไม่ตายก็ไม่ทิ้งจริงจริงเจียว ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างรู้ในเชิงรัก แกล้งหน่วงหนักพจนารถฉลาดเฉลียว แม้นไม่มีที่กลัวตัวคนเดียว จะท่องเที่ยวทารกรรมไปทำไม จงอยู่เป็นข้ารองละอองบาท องค์พระราชธิดาอัชฌาสัย จะช่วยทูลให้ท่านเห็นว่าเข็ญใจ ให้อยู่ในสวนศรีที่นี่พลาง ตำหนักจันทร์นั้นก็มีทั้งสี่หลัง ไปนอนนั่งเล่นเถิดคะค่อยกว้างขวาง อีกสักวันฉันจะเชิญเสด็จนาง มาเล่นกลางสวนสอยสุมามาลย์ จึงเมียงหมอบลอบแลแต่พอเห็น ไม่สมเป็นเจ้าข้าจึงว่าขาน หรือใจจิตคิดขลาดราชการ จะหนีบ้านบวชเรียนก็เพียรไป ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ ช่างรู้รอบกิริยาอัชฌาสัย สมเป็นหม่อมมุลนายอยู่ฝ่ายใน ความจริงใจฉันนี้แน่ไม่แชเชือน แต่พราหมณ์น้อยน้องรักนี้หนักแน่น ในพื้นแผ่นปัถพีไม่มีเหมือน ถ้าเห็นงามความรักมาตักเตือน จะค่อยเคลื่อนคลายโศกที่โรครัด ช่วยเชิญองค์พระธิดามาให้เห็น จะได้เป็นขอเฝ้าเหลาไม้กลัด พรุ่งนี้นะคะหม่อมให้เหมือนนัด ฉันจะหัดทูลฉลองให้ว่องไว ซึ่งหม่อมช่วยแนะนำที่สำนัก ให้ตำหนักพระธิดาอยู่อาศัย จะได้นอนผ่อนกายสบายใจ ไม่บรรลัยแล้วคงต้องสนองคุณ ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างตอบว่าขอบจิต ถ้าสิ้นคิดขาดเหลือจะเกื้อหนุน มิใช่ฉันมั่นหมายเป็นนายมุล จะทำคุณด้วยเป็นข้ากรมเดียวกัน แล้ววางซองหมากลงที่ตรงหน้า กินสลาเล่นเถิดนายอย่าอายฉัน ต่างพูดพลอดทอดสนิทเชิงติดพัน จนตะวันบ่ายเบี่ยงพี่เลี้ยงลา เจ้าพราหมณ์เด็ดดอกรักหักเต่าร้าง ให้สี่นางแจ้งจิตเป็นปริศนา ทั้งสองข้างต่างชม้อยชายหางตา แล้วลุกมาจากที่ทั้งสี่นาง ทำเมียงเมินเดินกรายชายชม้อย ดูพราหมณ์น้อยนุชน้องเห็นหมองหมาง พิโรธเรียกยายตามาด่าพลาง ใช้เธอถางถากหญ้านี้ว่าไร ไม่แลดูรูปร่างท่านบ้างหรือ แต่จะถือจอบเจียนจะไม่ไหว ทีนี้อย่าใช้สอยจงปล่อยไป ให้อาศัยสำนักตำหนักจันทร์ แม้นมิฟังยังทำให้เธอโกรธ จะลงโทษยายตาถึงอาสัญ สั่งสองเฒ่าเฝ้าสวนแล้วชวนกัน มาเรียกบ่าวเหล่านั้นเข้าวังใน ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามนายสบายจิต มานั่งชิดอนุชาแล้วปราศรัย เมื่อตะกี้พี่ไปเกี้ยวประเดี๋ยวใจ ท่านข้างในให้หมากมาฝากน้อง แล้วกล่าวโฉมพระธิดาว่าน่ารัก ประเสริฐศักดิ์กษัตรีย์ไม่มีสอง เห็นจะสมคะเนนึกที่ตรึกตรอง พระน้องลองเล่นชู้ดูสักคราว ฯ ๏ ศรีสุวรรณว่าไม่พอใจเกี้ยว แต่มาเที่ยวซื่อซื่อยังอื้อฉาว ถ้าเกี้ยวจริงยิ่งจะมีราคีคาว เหมือนเรื่องราวบุราณร่ำคำภิปราย ผู้ใดหลงลมหญิงทิ้งทำเนียบ ไม่ราบเรียบแรงรักมักฉิบหาย นางพี่เลี้ยงเหล่านี้ไม่มีอาย มาชวนชายจะให้งงหลงระเริง ฉันช่วยเตือนตามจิตสนิทสนม กลัวต้องลมแล้วจะหาวเหมือนว่าวเหลิง สลาตันต้องปีกจะฉีกเปิง ทำร่าเริงรางแตกจะแหลกลง ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ พ่อว่าชอบอยู่มิใช่จะใหลหลง ซึ่งเกิดความหนามเสี้ยนเพราะซื่อตรง จึงต้องบ่งด้วยหนามตามตำรา อันหนึ่งพ่อหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ จากสมบัติมาลำบากยากนักหนา แม้นองค์พระบุตรีมีเมตตา ได้พึ่งพาแต่พอผ่อนที่ร้อนรน อนึ่งจะให้ไพร่ฟ้ารู้จักชื่อ ตลอดลือเล่าแจ้งทุกแห่งหน แม้นพระพี่มิตายในสายชล มีผู้คนบอกความจะตามมา ถึงพวกเราเล่ามิใช่จะไม่คิด คงจะติดตามแสวงทุกแห่งหา แต่พบลาภขุมทองต้องตำรา จะหลับตาเสียไม่ขุดก็สุดอาย ฯ ๏ ศรีสุวรรณรันทดถอนใจใหญ่ แต่เกรงใจเจ้าพราหมณ์สามสหาย จึงว่าน้องตรองความตามนิยาย เห็นจะเป็นเช่นกระต่ายที่หมายจันทร์ เมื่อตัวต่ำน้ำใจจะใฝ่สูง เหมือนนกยูงมุ่งเมฆเมืองสวรรค์ ต้องซูบผอมกรอมใจด้วยไกลกัน ด้วยหมายมั่นมุ่งมิตรให้ผิดทาง เรายากจนคนจรเที่ยวร่อนเร่ นึกเสน่ห์นางกษัตริย์เห็นขัดขวาง ฉวยว้าวุ่นขุ่นเคืองด้วยเรื่องนาง จะต้องร้างนคราเข้าป่าไป ฯ ๏ พี่เลี้ยงพราหมณ์สามนายภิปรายตอบ ให้ชื่นชอบวิญญาณ์อัชฌาสัย พ่อไม่รักรูปงามก็ตามใจ จะไปไหนไปด้วยจนม้วยมรณ์ เวลานี้จวนค่ำไปสำนัก ที่ตำหนักพระบุตรีมีฟูกหมอน เสียแรงเขาชาววังสั่งให้นอน ล้วนอ่อนอ่อนอุ่นใจจงไคลคลา พลางสำรวลชวนศรีสุวรรณน้อง เดินประคองเคียงกายทั้งซ้ายขวา ขึ้นตำหนักผลักเผยทวารา ทัศนาที่ในห้องทุกช่องชั้น มีฉากพับลับแลมู่ลี่แขวน บรรจถรณ์แท่นที่บรรทมภิรมย์ขวัญ ต่างแย้มสรวลชวนศรีสุวรรณพลัน ขึ้นบนบรรจถรณ์แท่นแสนสบาย ส่วนเจ้าพราหมณ์สามคนอยู่ข้างที่ พอราตรีเดือนแจ่มกระจ่างฉาย เผยพระแกลแลชมดาราราย ต้องพระพายพัดพานสำราญใจ ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงมาถึงวัง จะนอนนั่งนึกพะวงให้หลงใหล คิดถึงพราหมณ์สามนายที่หมายไว้ จะเป็นใครคู่สร้างยังคลางแคลง แต่พราหมณ์น้อยนุชน้องเป็นของหลวง ย่อมทราบทรวงสุดสิ้นไม่กินแหนง แต่ชายสามหญิงสี่ทีระแวง ครั้นจะแบ่งออกเป็นตัวไม่ทั่วกัน แต่นึกนึกตรึกตรองให้ข้องจิต ไม่ลืมคิดคร่ำครวญถึงสวนขวัญ พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ มาพร้อมกันสี่นางเหมือนอย่างเคย ปลอบประโลมพระธิดายุพาพักตร์ ให้นงลักษณ์แต่งองค์สรงเสวย ถึงยามค่ำเข้าบรรทมทำชมเชย บ้างรำเพยพัดวีด้วยปรีดา แล้วทำพูดกันกับเพื่อนว่าเดือนนี้ ฤดูดอกมาลีแล้วหนอจ๋า ฉันอยากใคร่ได้ดอกมะลิลา มาร้อยมาลัยถวายให้หลายพวง บ้างบ่นว่ามาลีที่ในสวน แก้วกุหลาบลำดวนจวนจะร่วง แล้วทูลแก้วเกษราธิดาดวง ไปสวนหลวงเล่นสักวันหรือขวัญตา ฯ ๏ พระบุตรีดีใจไปสิพี่ เก็บมาลีเลือกหักให้หนักหนา เวลาเฝ้าเช้าฉันจะทูลลา พี่สั่งข้าหลวงเหล่าขอเฝ้าไว้ ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างรับคำนับน้อม แล้วขับกล่อมกลอนประดิษฐ์พิสมัย มะโหรีเรื่อยร้องทำนองใน วังเวงใจแจ้วเสียงเมื่อเที่ยงคืน ครั้นยามดึกพระธิดาไสยาหลับ จนเดือนลับเลื่อนฟ้าไม่ฝ่าฝืน อโณทัยใสสว่างนภางค์พื้น พี่เลี้ยงตื่นลุกมานั่งสั่งกำนัล บอกให้พวกขอเฝ้าเหลาไม้สอย มาเตรียมคอยข้างพลับพลาสุทธาศวรรย์ พวกข้าหลวงล้วนเหล่าสาวสกรรจ์ ผู้ใหญ่นั้นมิให้ใครออกไปตาม แล้วเรียกวอช่อฟ้าเข้ามาไว้ พวกข้างในนางโขลนเป็นคนหาม หมากบุหรี่ที่จะไปให้เจ้าพราหมณ์ คนละสามซองซ่อนใส่หีบมา ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ จิตกำหนัดนึกคะนึงถึงบุปผา บรรทมตื่นแต่งองค์อลงการ์ ผลัดภูษาจัดจีบกลีบประจง ทางสะพักสไบกรองลายทองริ้ว สัมผัสผิวพระนลาฏวาดขนง สร้อยสังวาลบานพับประดับองค์ ดังอนงค์นางสวรรค์ชั้นโสฬส ครั้นเสร็จใส่ฉลองบาทแล้วยาตรย่าง กำนัลนางแวดล้อมมาพร้อมหมด นางสาวสาวชาววังนั่งประณต ทรงพระกลดคันสั้นกั้นกางมา ขึ้นปราสาททรงฤทธิ์บิตุเรศ นางก้มเกศอภิวันท์ด้วยหรรษา ทูลสนองสองกษัตริย์ขัตติยา ลูกจะลาออกไปเล่นอุทยาน ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ แสนสวาทรับขวัญแล้วบรรหาร เจ้าไปสวนสอยบุปผาสุมามาลย์ มาสักพานฝากพ่อจะขอชม ประโลมลูกลูบหลังแล้วสั่งสอน แม้นแดดร้อนก็จงเล่นอยู่ร่มร่ม จะครั่นตัวมัวหมองต้องแดดลม ไปเชยชมแต่พอชื่นแล้วคืนมา พระมารดรสอนสั่งสี่พี่เลี้ยง ตะวันเที่ยงแล้วให้นอนเสียก่อนหนา ฤดูนี้ขี้มักเป็นโรคา เอาหมอยาออกไปบ้างอย่าวางใจ ฯ ๏ พระบุตรีพี่เลี้ยงประณตน้อม ทูลลาจอมกษัตราอัชฌาสัย จากประสาทเสด็จหน้าพลับพลาไชย กำนัลในแห่ห้อมมาพร้อมกัน นางโฉมยงทรงวอสุวรรณรัตน์ พวกโขลนหามสามผลัดหัดขยัน สี่พี่เลี้ยงเคียงวอจรจรัล ฝูงกำนัลติดตามมาหลามทาง พวกผู้ชายรายเรียงอยู่ริ้วนอก ถือดาบหอกแห่ห้ามคนกีดขวาง เสด็จตามฉนวนกั้นในชั้นกลาง เถ้าแก่กางกั้นพระกลดให้บดบัง พอสายแสงสุริยามาถึงสวน ต้นลำดวนที่ประทับก็คับคั่ง พวกตำรวจตรวจไตรระไวระวัง ออกรายนั่งล้อมรอบเป็นขอบคัน ฯ ๏ นางโฉมยงทรงใส่ฉลองบาท ยุรยาตรนาดนวลเข้าสวนขวัญ พระพี่เลี้ยงเคียงคลอจรจรัล ชวนชมพรรณบุปผาระย้าย้อย เห็นพิกุลชวนกันขึ้นสั่นต้น ให้ดอกดวงร่วงหล่นลงผ็อยผ็อย พวงพะยอมหอมรื่นดูชื่นช้อย นางโฉมยงทรงสอยกระชากชัก พวกข้าหลวงหน่วงน้าวกิ่งสาวหยุด บ้างแย่งยุดชิงกันเก็บจนเล็บหัก บ้างเด็ดดอกโศกแซมแกมดอกรัก ให้ประจักษ์แจ้งเพื่อนว่าเหมือนใจ บ้างเด็กช่อชุมแสงมดแดงกัด เต้นตะปัดตะป่องจะร้องไห้ บ้างเดินร้อยสร้อยสนสุมาลัย จะเอาไปฝากน้องของสำคัญ พระบุตรีกรีดเล็บเก็บกาหลง บรรจงทรงแซมเกล้าให้สาวสรรค์ นางข้าหลวงน้อยน้อยสอยลูกจันทน์ ต่างชวนกันเก็บอึงคะนึงไป ฯ ๏ ศรีสุวรรณกับสามพราหมณ์พี่เลี้ยง ได้ยินเสียงอึกทึกนึกสงสัย ค่อยเมียงมองตามช่องบัญชรชัย เห็นนางในนับร้อยเที่ยวลอยนวล เจ้าพราหมณ์เชิญศรีสุวรรณให้ผันผาย ว่าดีร้ายพระธิดาออกมาสวน จะนิ่งอยู่อย่างนี้ก็มิควร ว่าแล้วชวนกันลงจากตำหนักจันทร์ ค่อยลัดแลงแฝงไม้ใบชอุ่ม มาถึงพุ่มต้นลำดวนที่สวนขวัญ ด้วยนัดแนะสี่นางไว้อย่างนั้น ค่อยพูดกันซุบซิบกระหยิบตา ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นชังไม่นั่งใกล้ ไปนั่งใต้ต้นจำปีประสีประสา พราหมณ์พี่เลี้ยงแลลอดสอดนัยนา ดูบรรดาสาวสาวนางชาววัง ล้วนลอยชายกรายกรีดทำดีดดิ้น ขัดขมิ้นเหลืองเหลือในเนื้อหนัง หมายว่าลับขับรำเล่นลำพัง บ้างซุ่มนั่งแนบเพื่อนเหมือนผู้ชาย บ้างคาดพุงนุ่งผ้าเกี้ยวคอไก่ เป็นไฝใต้เต้างามเจ้าพราหมณ์หมาย บ้างก็ว่าข้าหลวงยังแยบคาย เป็นเจ้านายท่านจะดีกว่านี้ครัน พอเห็นสี่พี่เลี้ยงเคียงซ้ายขวา พระธิดาเดินกลางดั่งนางสวรรค์ ตะลึงหลงงงงวยไปด้วยกัน ดูผิวพรรณผ่องเหมือนดังเดือนเพ็ง ทั้งกายกรอ่อนละมุนพึ่งรุ่นสาว อายุราวสักสิบสี่ปีมะเส็ง ไม่เหลียวหลังตั้งแต่จะแลเล็ง ดูปลั่งเปล่งปลาบปลื้มลืมพริบตา ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงเมียงชม้าย เห็นสามนายนั่งซุ่มพุ่มพฤกษา แกล้งสั่งบ่าวสาวใช้ให้ไคลคลา เที่ยวเก็บมาลาถวายรายกันไป แล้วทำใบ้ไต่ถามพราหมณ์พี่เลี้ยง ว่าคู่เคียงพระบุตรีอยู่ที่ไหน เจ้าพราหมณ์บุ้ยปากชี้ตรงนี้ไป พี่เลี้ยงให้ซองหมากแล้วจากมา แกล้งชักชวนโฉมตรูยูรยาตร เที่ยวประพาสชมพรรณบุปผา นางโฉมยงหลงเพลินดำเนินมา พี่เลี้ยงพาเที่ยวไปจนใกล้พราหมณ์ ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นนั่งผินหลังนิ่ง เสียงผู้หญิงหวั่นไหวฤทัยหวาม ชำเลืองเห็นพระธิดาพะงางาม ให้มีความพิศวาสจะขาดใจ ด้วยคู่สร้างปางหลังแล้วอย่างนั้น พอเห็นกันก็ให้คิดพิสมัย จนลืมองค์หลงแลตะลึงไป เหมือนนางในดุสิดาลงมาดิน ดูจิ้มลิ้มพริ้มเพราดังเหลาหล่อ พระทรวงศอสองขนงดังวงศิลป์ นวลละอองสองปรางอย่างลูกอิน ช่างงามสิ้นสารพางค์สำอางองค์ ยิ่งพินิจพิศเพ่งให้เปล่งปลั่ง ใจกำลังรุ่นหนุ่มให้ลุ่มหลง กระแอมพลางทางออกให้เห็นองค์ ดูโฉมยงอยู่แต่ไกลมิให้เคือง ฯ ๏ พระบุตรีแว่วเสียงสำเนียงชม้อย เห็นพราหมณ์น้อยสีเนื้อนั้นเหลือเหลือง นางหลีกเลี่ยงเอียงอายชายชำเลือง ดูทรงเครื่องเหมือนพราหมณ์งามวิไล พอเนตรน้องต้องเนตรหน่อกษัตริย์ หวนประหวัดหวาดจิตคิดสงสัย องค์ระทวยขวยเขินสะเทิ้นใจ แฝงต้นไม้เมียงชม้อยคอยชายตา ทั้งสี่นางต่างเมินทำเดินเฉย แกล้งแหงนเงยดูดวงพวงบุปผา พราหมณ์พี่เลี้ยงเมียงมองเห็นสองรา ต่างก็ว่าเข้าช่องแล้วน้องเรา ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นนางไปห่างพักตร์ ด้วยรสรักร้อนฤทัยดังไฟเผา ค่อยด้อมเดินดูองค์นางนงเยาว์ จนโฉมเฉลาเลี้ยวลับขึ้นพลับพลา ความอาลัยใจวาบให้ปลาบปลื้ม ตะลึงลืมหลงแลชะแง้หา พระบุตรีลีลาศชำเลืองมา ไม่เห็นหน้าพราหมณ์น้อยละห้อยใจ พระพักตร์ผ่องหมองเหมือนเดือนพยับ ด้วยจิตจับถึงมิตรพิสมัย ลืมบรรดาข้าหลวงพวงดอกไม้ ถอนฤทัยทุกข์ถึงคะนึงครวญ เจ้าพราหมณ์นี้ดีร้ายจะหมายมาด จึงองอาจแอบดูอยู่ในสวน สี่พี่เลี้ยงก็เห็นจะเป็นชนวน จึงแกล้งชวนมาให้พบประสบกัน จำจะกลับวังในได้ไต่ถาม ให้ได้ความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ จึงแสแสร้งสั่งสุรางค์นางกำนัล ไปเรียกกันมาเถิดเจ้าเราจะไป ครั้นเห็นสี่พี่เลี้ยงเข้าเคียงข้าง ทำหมองหมางเมินหน้าไม่ปราศรัย เสด็จด้วยสาวสรรค์กำนัลใน มาต้นไทรทรงวอจรจรัล สี่พี่เลี้ยงเคียงประคองทั้งสองข้าง ไปตามทางนอกสวนฉนวนกั้น ตำรวจแฝงสองข้างทางจรัล คอยป้องกันห้ามคนไปจนวัง ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ทัศนาจนลับเนตร แสนเทวษดาลดิ้นถวิลหวัง อุรารักหนักหน่วงเพียงทรวงพัง พระทรุดนั่งลงบนแท่นแผ่นศิลา คะนึงนางพลางสะท้อนถอนใจใหญ่ ทำไฉนจะได้ชิดขนิษฐา พี่รู้ข่าวสาวสวรรค์แต่วันมา ไม่รู้ว่ารูปร่างเจ้าอย่างนี้ จนพี่พราหมณ์สามคนเขาชวนชัก เราตัดรักซ้ำว่าน่าบัดสี จะผันแปรแก้ไขไฉนดี ไม่พอที่พูดผิดคิดรำคาญ พระกอดเข่าเศร้าสร้อยละห้อยหวน จนหลงครวญขับลำเป็นคำหวาน โอ้เจ้าแก้วเกษรายุพาพาล ไม่สงสารพี่บ้างหรืออย่างไร เมื่อผันแปรแลพบก็หลบพักตร์ จะเห็นรักหรือไม่เห็นเป็นไฉน บุราณว่ามิตรจิตก็มิตรใจ จะกระไรอยู่มั่งยังไม่เคย พอเห็นพราหมณ์สามนายก็อายนัก พระเมินพักตร์ผินหลังแล้วนั่งเฉย เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายภิปรายเปรย พ่อเสวยหมากเล่นก็เป็นไร ศรีสุวรรณผันพักตร์มาซักถาม เมื่อตะกี้พี่พราหมณ์อยู่ตรงไหน หมากบุหรี่ที่ซองนี้ของใคร พี่เลี้ยงให้พี่หรือจึงถือมา มิเสียทีฝีปากช่างฝากรัก จนรู้จักข้างในให้สลา เหมือนน้องนี้โฉดเขลาเบาปัญญา ไม่รู้ว่าเกี้ยวพานประการใด เป็นบุญน้อยพลอยพึ่งแต่บุญพี่ สูบบุหรี่กินหมากจนปากไหม้ จะขอถามตามจริงอย่างกริ่งใจ สักเมื่อไหร่อีกเล่าเขาจะมา ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพรายธิบายบอก เขาจะออกมาเยือนต่อเดือนหน้า จะห่วงใยไปเล่าไม่เข้ายา เราจะพากันไปข้างไหนดี ฯ ๏ ศรีสุวรรณรันทดถอนใจใหญ่ กลัวจะไกลพระธิดามารศรี จึงแสแสร้งแกล้งเขาว่าปรานี พี่จะหนีหน่ายนางเสียอย่างไร ถึงช้าวันฉันคงจะคอยท่า ให้เชษฐาสมจิตพิสมัย พลางสำรวลชวนสามพราหมณ์ครรไล เสด็จไปที่สำนักตำหนักจันทน์ ระทวยองค์ตรงบนบรรจถรณ์ พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริย์ฉัน คิดถึงแก้วเกษราวิลาวัณย์ ให้ร้อนรัญจวนใจไม่ไสยา ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีกรุงกษัตริย์ มาถึงวังยังประหวัดถวิลหา เห็นเจ้าพราหมณ์งามติดนัยน์ตามา เข้าไสยายามค่ำยิ่งรำจวน คิดสงสารป่านฉะนี้เจ้าพราหมณ์น้อย จะอยู่คอยหรือจะไปเสียไกลสวน เมื่อเดินมาพอพ้นต้นลำดวน ทำแย้มสรวลเหมือนจะชวนจำนรรจา เหตุไฉนไม่ตรัสหรือขัดข้อง จะหนีน้องไปเสียแล้วกระมังหนา เป็นพราหมณ์เทศพรหมจรรย์จรัลมา หรือกษัตริย์ขัตติยาอยู่เมืองไกล ทำปลอมแปลงแกล้งจู่มาดูน้อง หรือจะต้องประสงค์ที่ตรงไหน จะมาเดียวหรือจะมาด้วยข้าไท จะกลับไปหรือจะอยู่ไม่รู้เลย เสียดายนักหนักทรวงดวงสมร สะอื้นอ้อนอิงแอบแนบเขนย ไม่แต่งองค์ทรงเล่นเหมือนเช่นเคย ลืมเสวยลืมสรงหลงรำพึง ฯ ๏ สี่พี่เลี้ยงเมียงมองตามช่องฉาก แล้วบุ้ยปากให้กันดูด้วยรู้ถึง ต่างปรึกษาหารือไม่อื้ออึง เราก็พึ่งเห็นรักประจักษ์ใจ แต่ดูกันห่างห่างสิอย่างนี้ พระบุตรีตรอมจิตพิสมัย แม้นได้เรียงเคียงข้างจะอย่างไร รำคาญใจจะใคร่ปลอบให้ชอบที ทั้งสี่นางต่างเข้าเคียงบรรจถรณ์ ทำทูลวอนพระธิดามารศรี แม่เป็นไรไสยาไม่พาที หรือวานนี้ไปสวนประชวรมา จะเจ็บปวดเป็นไฉนก็ไม่ตรัส จะได้จัดมดหมอมารักษา หรือพระน้องต้องรุกขเทวา ซึ่งอยู่ค่าคบลำดวนสวนดอกไม้ แล้วแสแสร้งแกล้งทำปรนนิบัติ ศรีสวัสดิ์สว่างจิตพิสมัย พระบุตรีแกล้งตรัสเหมือนขัดใจ ไฮ้อะไรนี่เล่ามาเฝ้ากวน จึงอยู่น้องต้องเทวดาด้วย จึงเจ็บป่วยเป็นไข้เพราะไปสวน พี่เคยได้ไปบนต้นลำดวน ทำกระบวนมิได้บอกออกให้ตรง จะสังเวยสิ่งไรจะได้จัด สารพัดสิ่งของต้องประสงค์ หรือจะคิดติดสินบนท่านคนทรง ให้เชิญองค์อารักษ์ที่ทักทาย ทั้งสี่นางต่างยิ้มแล้วเยื้อนว่า จะรักษาทรามวัยเสียให้หาย อันต้องเทพารักษ์ขี้มักร้าย ให้กระวนกระวายละอายใจ จะขับกล่อมจอมขวัญให้บรรทม อย่าปรารมภ์ร้อนจิตพิสมัย พลางแย้มยิ้มหยิบกรับแล้วขับไป ให้ต้องในน้ำจิตพระธิดา ฯ ๏ ว่าปางหลังยังมีเจ้าพราหมณ์น้อย โฉมแฉล้มแช่มช้อยดังเลขา ทั้งผิวเหลืองเรืองรองดังทองทา เที่ยวเสาะหานุชนางมาทางไกล เวลาค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย พ่อโฉมงามพราหมณ์น้อยจะนอนไหน สตรีงามสามภพไม่สบใจ จะใคร่ได้ดอกฟ้าลงมาเชย ถ้าแม้นเหมือนหมายมาดไม่คลาดแคล้ว ดังดวงแก้วแกมทองเจียวน้องเอ๋ย น่าน้อยใจที่ไม่ไว้อาลัยเลย แล้วลงเอยอภิวันท์อัญชลี ฯ ๏ พระธิดาฟังขับให้จับจิต จะปกปิดป้องปัดก็บัดสี จึงแสร้งว่าน่าแค้นแสนทวี น้อยหรือพี่ช่างคิดประดิษฐ์ครวญ เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เจ็บจิต สมคบคิดกันพาข้าไปสวน แล้วเป็นใจให้พราหมณ์มาลามลวน เห็นสมควรแล้วหรือพี่ทั้งสี่คน จะกราบทูลบิตุรงค์ให้ทรงซัก ใครย้อนยักแยบคายเป็นสายสน หรือพราหมณ์น้อยกลอยใจให้สินบน ถ้าบอกจริงจึงจะพ้นที่โทษทัณฑ์ ฯ ๏ พี่เลี้ยงรู้จักใจไม่วิตก ทำลูบอกอนิจจามาว่าฉัน จะบอกความตามจริงทุกสิ่งอัน เจ้าพราหมณ์นั้นเขาจะมาเป็นข้าไท ให้พวกพี่นี้พามาถวาย แต่ดีร้ายยังไม่เห็นเป็นไฉน ถ้าไล่เลียงเที่ยงแท้แน่แก่ใจ จึงจะได้ทูลความแม่ทรามเชย น้อยไปหรือดื้อดึงไปถึงสวน จะแกล้งกวนก่อความเจ้าพราหมณ์เอ๋ย แม่เมตตาอย่าทูลฉลองเลย เหมือนทรามเชยช่วยหลังไว้ครั้งนี้ ฉันผัดพอเช้าตรู่ประตูเปิด ฟ้าผี่เถิดจะไปว่าน่าบัดสี ไม่เจียมตัวกลัวเกรงพระบุตรี ทำท่วงทีเหมือนกระต่ายตะกายดิน มาพบแม่แต่ตัวเจ้าพราหมณ์น้อย หรือพี่พลอยองอาจประมาทหมิ่น แม้นจ้วงจาบหยาบช้าเป็นราคิน จะขับไปเสียให้สิ้นทั้งสี่นาย ฯ ๏ พระธิดาได้ความว่าพราหมณ์น้อย ตามติดสอยสมจิตที่คิดหมาย จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสเพทุบาย สักกี่ชายนั้นฉันไม่ทันดู เห็นคนเดียวเที่ยวเดินเด็ดดอกรัก เป็นเชิงชักปริศนาน่าอดสู จะหม่อมน้องหรือหม่อมพี่ก็มิรู้ ไปถามดูเถิดอย่าซักฉันนักเลย มิเสียทีพี่คบพอครบถ้วน เป็นสี่ส่วนสมหน้าเจ้าข้าเอ๋ย อุปถัมภ์ทำคุณจนคุ้นเคย จึงล่วงเลยลามมาเป็นน่าชัง ถ้าพรุ่งนี้พี่ไปจะไต่ถาม จงห้ามปรามสั่งสอนหล่อนเสียมั่ง แม้นว่ากล่าวคราวนี้เธอมิฟัง ทำทีหลังแล้วจะทูลให้วุ่นวาย ฯ ๏ สี่พี่เลี้ยงเบี่ยงบิดประดิษฐ์แก้ ฉันเป็นแต่จะช่วยพามาถวาย ที่ผิวเหลืองเรืองรองนั้นน้องชาย สมเป็นนายขอเฝ้าถึงเจ้ากรม แต่พราหมณ์ใหญ่ไม่งามเหมือนพราหมณ์น้อย ถ้าใช้สอยมะละกอก็พอสม ถึงว่าฉันคบค้าสมาคม ก็จะก้มหน้ารับอัประมาณ แต่อย่าให้พราหมณ์น้อยนั้นพลอยผิด เธอตั้งจิตมาเป็นข้าน่าสงสาร จงยกโทษโปรดไว้ใช้ราชการ เมื่อเกียจคร้านจึงค่อยลดปลดบาญชี ฯ ๏ นางฟังคำทำเคืองชำเลืองค้อน ยังกลับย้อนยักว่าน่าบัดสี ถ้าขืนขัดก็อย่าเฝ้ามาเซ้าซี้ หรือเห็นดีแล้วไม่ห้ามตามอารมณ์ แล้วสั่งให้ไขหีบหยิบสมุด นางทรงอ่านอุณรุทเมื่ออุ้มสม สี่พี่เลี้ยงเคียงข้างแท่นบรรทม ชวนกันชมสุรเสียงสำเนียงนาง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ ดึกกำดัดยามสองยิ่งหมองหมาง เผยพระแกลแลชมนภาภางค์ จันทร์กระจ่างส่องฟ้าสุราลัย พระดูเดือนเหมือนวงนลาฏน้อง สัมผัสผ่องพาจิตพิสมัย รื่นรื่นกลิ่นลำดวนรัญจวนใจ เหมือนเข้าใกล้กลิ่นนางเมื่อกลางวัน ให้เคลิ้มเคล้นเห็นเงาเสาตำหนัก ว่านงลักษณ์ลงขยับไปรับขวัญ ไฉนน้องมองเมียงอยู่เพียงนั้น ขอเชิญขวัญเนตรนั่งบัลลังก์รัตน์ แล้วเคียงเข้าเล้าโลมนางโฉมฉาย พระกรกรายกอดเสาเข้าถนัด เห็นผิดนางหมางฤทัยให้ฮึดฮัด จะใคร่ตัดเสาสับให้ยับเยิน ได้ยินพราหมณ์สามคนเขาหัวร่อ ในใจคอคิดอายระคายเขิน ทำเหลียวแลแก้เก้อไปตามเกิน ชม้ายเมินเมียงมาศาลากลาง แกล้งลดเลี้ยวเที่ยวเดินดูไม้ดัด สารพัดสรรใส่ในกระถาง พระเพ่งพิศคิดถึงคะนึงนาง ไม่เสื่อมสร่างอารมณ์สมประดี เสียงจักจั่นจังหรีดวะหวีดแว่ว เหมือนเสียงแก้วเกษรามารศรี เที่ยวผันแปรแลหาแล้วพาที ขึ้นมานี่เถิดนะเจ้าเยาวมาลย์ ฯ ๏ ทั้งสามพราหมณ์ตามมองเห็นน้องรัก ละล่ำละลักลุ่มหลงน่าสงสาร เข้าเคียงข้างทางปลอบประโลมลาน พ่อเที่ยวป่านนี้ไยไม่ไสยา ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นยังกำลังหลง คิดว่าองค์มิ่งมิตรขนิษฐา ประโลมรูปรับขวัญจำนรรจา วาสนาเราทั้งสองเคยครองกัน พราหมณ์หัวร่อพ่อแปลกพี่แล้วหรือ พระหดมือเมินพักตร์แล้วผินผัน ทำแก้เก้อเออพี่ที่ตรงนั้น ปีศาจมันหลอนข้าตาวาววาว ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ว่าน่ากลัวแล้วหัวร่อ พี่เห็นต่อจะเป็นผีสตรีสาว ประจำองค์อนุชามาแต่เช้า จนดึกราวสองยามมาตามกวน ฯ ๏ เจ้าโมราว่าผีไม่มีดอก ที่หลอนหลอกนั่นแหละเงาเจ้าของสวน พอพรุ่งนี้พี่จะบนต้นลำดวน ให้ช่วยชวนชาววังมาดังใจ ฯ ๏ พระฟังคำทำเมินดำเนินหนี มานั่งที่แท่นทองอันผ่องใส เห็นสามพราหมณ์ตามมาจึงว่าไป ประหลาดใจจริงน้องเหมือนต้องมนต์ ให้เห็นเขาเจ้าของห้องตำหนัก มาถามทักแล้วก็หายไปหลายหน พี่เอ็นดูฉันด้วยช่วยกันค้น นฤมลจะมาแฝงอยู่แห่งไร ฯ ๏ พราหมณ์ฟังเห็นยังเฟือนช่วยเตือนน้อง เจ้าของห้องมิได้มาอย่าสงสัย พี่บอกแล้วไม่เชื่อนั้นเหลือใจ หนักอะไรจะเหมือนรักหนักอุรา หลงอะไรจะเหมือนหลงทรงมนุษย์ ที่โศกสุดเศร้าแสนเสน่หา จนลืมตัวมัวหมองเพราะต้องตา ต้องตรึกตราตรอมจิตเพราะปิดความ บุราณว่าถ้าเหลือกำลังลาก ให้ออกปากบอกแขกช่วยแบกหาม แม้นพ่อบอกออกบ้างไม่พรางความ จะเป็นล่ามแก้ไขให้ได้การ ฯ ๏ พระฟังปลอบชอบชื่นค่อยฝืนพักตร์ กำลังรักลืมอายหมายสมาน จึงว่าพี่มีปัญญาปรีชาชาญ ช่วยคิดอ่านอนุกูลอย่าสูญใจ เหมือนหนึ่งน้องต้องศรเสียบสลัก จะฉุดชักก็ไม่อาจจะหวาดไหว พี่ช่วยถอนศรโศกที่เสียบใจ น้องจะได้ผ่อนพ้นทนทรมา ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ว่าอย่าทุกข์ไปเลยพ่อ นางนกต่อของเรามีดีนักหนา พรุ่งนี้เช้าเขาคงจะออกมา พ่อพูดจาฉอเลาะให้เราะราย จะสอนสั่งสิ่งเดียวเกี้ยวผู้หญิง ถ้าถึงจริงก็มักช้าประดาหาย ให้หวานหวานไว้สักหน่อยค่อยสบาย นี่แยบคายเจ้าชู้แต่บูราณ พ่อรู้แต่งหนังสืออยู่หรือไม่ จงแก้ไขคิดกลอนอักษรสาร แม้นตอบต่อก็พอเห็นจะเป็นการ อันพวกฉานนี้ไม่วางนางพี่เลี้ยง แต่กีดขวางอย่างเดียวดอกเดี๋ยวนี้ ด้วยหญิงสี่ชายสามเป็นความเถียง พ่อโปรดด้วยช่วยเปรียบให้เรียบเรียง ใครจะเคียงควรคู่กับผู้ใด ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ พี่ว่าชอบชี้ทางสว่างไสว ทำไมกับกาพย์กลอนอย่าร้อนใจ จะว่าให้ปลื้มจิตพระธิดา อันชายสามหญิงสี่นี้ก็ยาก จับฉลากนั้นแลพี่ดีนักหนา สำรวลพลางทางหยิบกลีบจำปา เอานขาเขียนหนังสือเป็นชื่อนาง แล้ววางไว้ให้สามพราหมณ์พี่เลี้ยง เจ้าพราหมณ์เสี่ยงทายขอที่คู่สร้าง หยิบจำปามาพลิกขึ้นอ่านพลาง เจ้าวิเชียรได้นางจงกลนี ดูฉลากเลขาเจ้าสานน ได้โฉมตรูอุบลรัศมี ที่ของเจ้าโมราประภาวดี เหลือแต่ศรีสุดาน่าเสียดาย ต่างหัวเราะเยาะหยอกว่านอกส่วน เราก็ควรจะประมูลทูลถวาย แล้วสรวลเสเฮฮาประสาชาย พระยิ้มพรายอายใจด้วยไม่เคย จนยามสามพราหมณ์เตือนให้ไสยาสน์ พระขึ้นอาสน์อิงแอบแนบเขนย นึกประดิษฐ์คิดกลอนไม่นอนเลย พอลงเอยก็พอแจ้งแสงตะวัน ให้ปั่นป่วนชวนพราหมณ์ทั้งสามพี่ ไปอยู่ที่ต้นลำดวนในสวนขวัญ คอยพี่เลี้ยงแลหาปรึกษากัน เกษมสันต์สมคะเนด้วยเล่ห์ลม ฯ ๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงพระธิดาเวลารุ่ง ต่างบำรุงราศีนั่งหวีผม ค่อยสะกิดกรีดกริบตะไกรคม แล้วนุ่งห่มต่างต่างละอย่างกัน เรียกบ่าวถือหีบหมากออกจากฉนวน พอถึงสวนฉายแสงพระสุริย์ฉัน แกล้งส่งเสียงเคียงคลอจรจรัล ทำเชิงชั้นกรีดกรายชม้ายเมียง พอทั้งสามพราหมณ์แลประสบพักตร์ ชิงกันทักเยาวมาลย์ประสานเสียง เชิญมานี่หน่อยเถิดคะพระพี่เลี้ยง ร่มพุมเรียงราบเลี่ยนเตียนสบาย ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างคำนับนั่งพับเพียบ ได้ระเบียบอยู่มิให้สไบขยาย แล้วต่างยิ้มแย้มพลางทางภิปราย หม่อมสบายอยู่ด้วยกันหรือฉันใด ฉันอยู่หลังตั้งแต่เสด็จกลับ นอนไม่หลับหลากจิตคิดสงสัย พ่อพราหมณ์น้อยพลอยเจ็บเป็นไข้ใจ เคราะห์กระไรร้ายรวบประจวบกัน แม้นหม่อมมีหยูกยาเมตตาด้วย เหมือนชุบช่วยชีวานุชาฉัน ถ้าตลอดรอดฝั่งได้ดังนั้น จะส่งขวัญข้าวหมอให้พอการ ฯ ๏ พี่เลี้ยงยิ้มพริ้มพรายชม้ายค้อน ทำเสียงอ่อนอนิจจาน่าสงสาร จะทูลขอหมอหลวงมาอยู่งาน แต่อาการเป็นอย่างไรจะใคร่รู้ ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์น้อยนึกสะเทินแล้วเมินหน้า จะพูดจามิใคร่ได้ให้อดสู พี่เลี้ยงเตือนเชือนแลชำเลืองดู ต่อเป็นครู่แล้วจึงตอบว่าขอบใจ อันโรคของน้องนี้ไม่มีแผล ให้เป็นแต่ขัดข้องไม่ผ่องใส กลางคืนหนาวเช้าร้อนอ่อนฤทัย แม้นหม่อมไม่ชุบช่วยคงม้วยมิด ถ้าทูลขอหมอหลวงได้เหมือนว่า เห็นโรคาจะค่อยคลายสบายจิต แม้นแก้ไขไม่ตายวายชีวิต ไม่ลืมคิดคุณพี่ทุกวี่วัน ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างว่าน่าสงสาร ช่างอ่อนหวานวอนวิงทุกสิ่งสรรพ์ วิบากกรรมจำเพาะเป็นเคราะห์ครัน จนพวกฉันพลอยผิดเพราะปิดบัง เมื่อวานนี้พระธิดาออกมาเล่น แลเขม้นเหมือนจะเถือเอาเนื้อหนัง จึงกริ้วโกรธกลับไปเสียในวัง แล้วตรัสสั่งให้ขอเฝ้าเข้ามาค้น ฉันทูลแกล้งว่าจะมาสาพิภักดิ์ นางโฉมยงทรงซักเอาเหตุผล ว่าลูกเมียหม่อมมีสักกี่คน ฉันก็จนจึงมาถามพ่อพราหมณ์น้อย แม้นพรั่งพร้อมยอมอยู่เป็นขอเฝ้า จะให้เข้าเวรไว้ได้ใช้สอย หรือมีห่วงบ่วงใยใครจะคอย มาหยุดพักสักหน่อยแล้วจะไป ฯ ๏ ศรีสุวรรณชั้นเชิงฉลาดแหลม ทำยิ้มแย้มเยื้อนว่าอย่าสงสัย ฉันพี่น้องท้องเดียวมาเที่ยวไกล อันห่วงใยยังไม่มีทั้งสี่คน หมายพระนุชบุตรีเป็นที่พึ่ง คิดรำพึงสารพัดจะขัดสน เสด็จมาเที่ยวเล่นเห็นชอบกล นฤมลมองหาสุมาลี ฉันเด็ดได้ดอกรักจักถวาย นางชม้ายเมียงเมินดำเนินหนี เสียน้ำใจเจ็บมาแต่ราตรี เดี๋ยวนี้พี่ว่าจะช่วยค่อยชื่นใจ ช่วยทูลองค์พระธิดาว่าดีฉัน จะผูกพันพึ่งพักจนตักษัย ซึ่งโฉมยงทรงระแวงแคลงฤทัย ฉันจะให้ทัณฑ์บนไว้จนตาย พระว่าพลางทางตัดใบตองอ่อน มาเขียนกลอนกล่าวประโลมนางโฉมฉาย จนลงเอยอ่านต้นไปจนปลาย ไม่คลาดคลายถูกถ้วนแล้วม้วนตอง เอาโศกแซมแกมรักสลักหนาม เหมือนบอกความรักนางว่าหมางหมอง พี่เลี้ยงรับพับใส่ไว้ในซอง แล้วว่าน้องหวังพี่เป็นที่อิง ทุกวันนี้มีผ้าจำเพาะผืน ถ้ากลางคืนหนาวก็ได้แต่ไฟผิง ถ้าแม้นหม่อมกรุณาเมตตาจริง ช่วยว่าวิงวอนทูลพระธิดา ประทานสีที่ห่มมาชมสวน ควรมิควรขอประทานซึ่งโทษา แล้วถอดธำมรงค์ครุฑบุษรา ฝากถวายพระธิดาวิลาวัณย์ ฯ ๏ พี่เลี้ยงรับแหวนน้อยชม้อยยิ้ม เห็นหงิมหงิมลิ้นลมช่างคมสัน จึงแกล้งว่าช้าสักสองสามวัน ถ้าแม้นฉันได้ช่องจะลองทูล ปรารถนาผ้าผ่อนแต่เพียงนี้ เห็นท่วงทีก็จะได้คงไม่สูญ ค่อยอยู่เถิดฉันจะลาอย่าอาดูร ได้กราบทูลแล้วจะออกมาบอกความ แล้วสี่นางต่างจัดซองสลา ทอดผ้าป่าเรียงวางไว้กลางสนาม พลางยิ้มพรายชายตาลาเจ้าพราหมณ์ เรียกบ่าวตามกลับหลังเข้าวังใน ฯ ๏ ขึ้นปราสาทพระบุตรีทั้งสี่นาง เข้าเคียงข้างแท่นทองอันผ่องใส ถวายแต่ส้มพวงดวงดอกไม้ แล้วใส่ไคล้ทูลความถึงพราหมณ์น้อย ไปพบที่ต้นลำดวนในสวนขวัญ ฉันรุมกันต่อว่าจนหน้าจ๋อย ไม่ทุ่มเถียงทำแต่แลชม้อย ช่างเรียบร้อยราบคาบไม่หยาบคาย ว่าที่จริงนั้นจะมาสาพิภักดิ์ ได้ดอกรักจักใคร่ได้ถวาย แม้นแม่ไม่เมตตาก็ท่าตาย ขอถวายชีวาไม่อาลัย ดูท่วงทีกิริยามารยาท มิใช่ชาติพราหมณ์เทศข้างเพศไสย ชะรอยหน่อกษัตรามาแต่ไกล เพราะจะใคร่เป็นขอเฝ้าเยาวมาลย์ จะขับไล่ไปเสียให้พ้นสวน เธอคร่ำครวญวอนว่าน่าสงสาร จะให้อยู่ที่นี่ก็ขี้คร้าน จะโปรดปรานเป็นไฉนจะใคร่รู้ ฯ ๏ พระบุตรีฟังเล่าก็เศร้าสร้อย กลัวโฉมงามพราหมณ์น้อยจะอดสู เธอแก้ไขไม่เป็นน่าเอ็นดู จึงว่าพี้นี้ไปขู่เขาทำไม เป็นชีพราหมณ์หยามหยาบก็บาปปาก เพระพวกมากเธอจึงต้านทานไม่ไหว ซึ่งพี่ว่าเป็นกษัตริย์สันทัดใจ คิดสำคัญฉันใดจะใคร่ฟัง ว่าจู้จี้ขี้คร้านฉานสงสัย หรือว่าใครกล่าวขวัญถึงฉันมั่ง เล่าแถลงแจ้งจิตอย่าปิดบัง จะขอฟังลิ้นลมคารมพราหมณ์ ฯ ๏ พี่เลี้ยงฟังโฉมยงเจ้าทรงซัก ทำเยื้องยักยำเยงเหมือนเกรงขาม แล้วแกล้งว่าอดสูดูไม่งาม เป็นควันวามกลัวจะปิดไม่มิดเปลว ถ้าทราบถึงบิตุรงค์ให้ลงโทษ เสียประโยชน์หญ้าแพรกจะแหลกเหลว ซึ่งเห็นความว่ามิใช่เป็นไพร่เลว เพราะองค์เอวอ้อนแอ้นระโอดองค์ ช่างระทวยสวยทรงสังวาลรัตน์ เครื่องกษัตริย์สุริย์ชาติราชหงส์ นึกจะทูลโฉมงามแต่ตามตรง กลัวจะทรงกริ้วโกรธลงโทษทัณฑ์ ฯ ๏ พระธิดาว่าน้อยไปหรือพี่ พูดเช่นนี้น่าเบื่อไม่เชื่อฉัน ทำย้อนยอกหลอกลวงเพราะหวงกัน เถิดเช่นนั้นแล้วก็ไม่พอใจฟัง ฉวยบุปผามาลีขยี้ทิ้ง พี่เลี้ยงชิงไปเสียสิ้นก็ผินหลัง ทั้งสี่นางต่างเข้าเคียงบัลลังก์ แล้วว่าตั้งแต่นี้ไปฉันไม่พราง ถึงตื้นลึกหนักเบาจะเล่าแจ้ง อย่านึกแหนงเลยพระน้องจะหมองหมาง เจ้าพราหมณ์น้อยนึกถึงคะนึงนาง วันนี้ร่างเรื่องสารให้ฉานมา กับธำมรงค์วงน้อยเพชรรัตน์ เป็นกษัตริย์แล้วนะแม่แน่หนักหนา แล้วหยิบของสองสิ่งที่ซ่อนมา ทูลถวายพระธิดาพะงางาม ฯ ๏ นางโฉมยงทรงหยิบใบตองอ่อน เห็นโศกซ้อนแกมรักสลักหนาม ก็แจ้งจิตปริศนาปัญญาพราหมณ์ แกล้งนิ่งความคลี่สารออกอ่านพลัน ในสารศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ บุรีรัตนามหาศวรรย์ สวาทหวังพระธิดาวิลาวัณย์ สู้เดินดั้นดงแดนแสนกันดาร พยายามข้ามมหามหรณพ หวังประสบวรนุชสุดสงสาร มาอาศัยในสวนอุทยาน บุญบันดาลดลจิตพระธิดา เผอิญให้โฉมงามทรามสวาท มาประพาสชมพรรณบุปผา พี่ยลยอดเยาวเรศเกษรา ช่างโสภานิ่มน้องละอองนวล ประไพพริ้มนิ่มน้อยกลอยสวาท ดังนางในไกรลาสมาเล่นสวน เสด็จกลับลับไปให้รัญจวน เฝ้าอักอ่วนอาวรณ์ร้อนฤทัย ด้วยยามยากจากเมืองมามุ่งหมาย ดังกระต่ายเต้นแลดูแขไข ครั้นเดือนดับลับเหลี่ยมเมรุไกร โอ้อาลัยเหลือแลชะแง้คอย เหมือนอกพี่ที่แสนเสน่ห์นุช เห็นสูงสุดที่จะได้สิ่งใดสอย ถ้าได้ดวงดอกฟ้าลีลาลอย ก็จะค่อยประคองนวลสงวนเชย จึงแต่งสารเสี่ยงทายถวายแหวน ใบตองแทนแผ่นทองพระน้องเอ๋ย ถ้าแม้นมาตรชาติก่อนเป็นคู่เคย ขอให้เผยพจนารถประภาษมา แม้นแม่ไม่อนุกูลสูญสวาท เห็นสิ้นชาติชีวังจะสังขาร์ จะเอากรุงรมจักรนัครา เป็นป่าช้าสุมเพลิงเชิงตะกอน ขอเชิญนุชบุตรีปรานีสนอง อย่าหม่นหมองหมางรักในอักษร ช่วยชี้ชอบตอบถ้อยสุนทรวอน ให้วายร้อนที่วิตกในอกเอย ฯ ๏ พี่เลี้ยงฟังอ่านสารหวานเสนาะ ช่างฉอเลาะเหลือดีเจ้าพี่เอ๋ย ไม่หยามหยาบราบเรียบช่างเปรียบเปรย พระน้องเอ๋ยทรงตอบให้ชอบกล แล้วว่าโศกแซมรักสลักหนาม ของพ่อพราหมณ์ทำมาน่าฉงน ทำซักไซ้ไต่ถามทั้งสามคน นฤมลหมางเมินสะเทิ้นที ว่าไม่รู้หรือขาปริศนาพราหมณ์ เขาบอกความโศกสลักว่ารักพี่ นางหยิบแหวนมาดูรู้ว่าดี น้ำมณีใสสุดบุษรา เอาสวมใส่นิ้วนางพลางดำรัส เพชรรัตน์วงนี้ดีหนักหนา น้องจะขอซื้อไว้ให้ราคา เป็นเงินตราสักเท่าไรไม่เสียดาย แต่เพลงยาวหยาบช้าฉันน่าแค้น จะตอบแทนเสียให้สมอารมณ์หมาย พลางคลี่สารอ่านซ้ำคำภิปราย แล้วบ่นว่าน่าอายอดสูใจ ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างปลอบตอบสมร เธอทุกข์ร้อนเล่าแจ้งแถลงไข ชอบมิชอบตอบเล่นก็เป็นไร ไว้อาลัยล่อลวงดูท่วงที อันธำมรงค์วงนั้นฉันถวาย ไม่ซื้อขายขอเปลี่ยนภูษาศรี ที่ทรงไปอุทยานเมื่อวานนี้ เหมือนให้พี่ผ่อนพ้นทนทรมา นางโฉมฉายอายใจทำไขสือ พี่รักหรือจะให้ห่มให้สมหน้า แต่จะขอคำมั่นจงสัญญา อย่าเอาผ้าฉันไปให้ใครเลย แล้วเปลี่ยนเปลื้องริ้วทองออกกองไว้ ฉันห่มไปผืนนี้แหละพี่เอ๋ย พี่เลี้ยงรับพับจีบแล้วชมเชย เป็นบุญเคยทำไว้เห็นไม่ตาย ถึงน้ำค้างพร่างพรมแลลมว่าว อนาถหนาวห่มผ้าก็ท่าหาย นางโฉมยงยิ้มเมินสะเทิ้นอาย ค่อยเลียบชายถามไถ่มิให้ดัง ครั้นค่ำลงทรงกลอนอักษรสนอง เขียนจำลองลงแผ่นกระดาษหนัง ให้หักใบเต่าร้างที่กลางวัง มาห่อทั้งดอกรักอักขรา ฯ ๏ พอรุ่งแจ้งแสงทองส่องสว่าง ทั้งสี่นางนุ่งสุหรัดแล้วผัดหน้า เอาสารซ่อนใส่กลีบในหีบงา กับทั้งผ้ากรองทองของสำคัญ ร้องเรียกหาข้าสาวแต่เช้าตรู่ ออกประตูเดินด่วนไปสวนขวัญ พอประสบพบพราหมณ์อยู่พร้อมกัน ศรีสุวรรณยิ้มย่องแล้วร้องเชิญ พวกพี่เลี้ยงเรียงนั่งริมต้นแก้ว คำนับแล้วยิ้มพรายระคายเขิน กำลังฉันหิวโหยแต่โดยเดิน พอเชื้อเชิญชื่นใจกระไรเลย แต่ก่อนไซร้ไม่เห็นเหมือนเช่นนี้ มิพอที่หนีนั่งเอนหลังเฉย ทั้งสี่นางต่างหัวเราะทำเยาะเย้ย พลางเปรียบเปรยบอกความเจ้าพราหมณ์พลัน ธำมรงค์วงนั้นฉันถวาย นางโฉมฉายซักไซ้จนไก่ขัน จึงประทานกรองทองของสำคัญ เป็นรางวัลที่ที่พ่อมาสาพิภักดิ์ แล้วเปิดหีบหยิบของออกส่งให้ จะลาไปก่อนแล้วคะธุระหนัก ทั้งสามพราหมณ์ตามส่งด้วยจงรัก แล้วชวนชักนารีทั้งสี่คน เที่ยวชมสวนชวนเก็บบุปผชาติ เดียรดาษดอกดวงเป็นพวงผล ดอกชงโคโยทะกาเจ้าสานน ช่วยเก็บให้นางอุบลบังอร เจ้าโมรากรีดเล็บเก็บจำปี ให้ประภาวดีศรีสมร เจ้าวิเชียรเก็บกระถินกลิ่นขจร กับพุดซ้อนตามส่งให้จงกล ศรีสุดานั้นไม่ได้ดอกไม้ด้วย ดูเขินขวยคิดเห็นไม่เป็นผล นางค้อนเพื่อนเคืองพราหมณ์ทั้งสามคน ออกเดินบ่นเบือนหน้าไม่พาที ทั้งสามพราหมณ์ตามเด็ดดอกไม้ให้ นางแค้นใจฉวยฉีกแล้วหลีกหนี นางประภาอุบลจงกลนี ต่างยินดีเดินกรายเที่ยวร่ายไป ฯ ๏ พี่เลี้ยงพราหมณ์ตามนางไม่ห่างเหิน แล้วหยอกเอินรอเรียงเข้าเคียงไหล่ เห็นลับลับจับต้องทำลองใจ นางผลักไสข่วนหยิกทำพลิกแพลง ศรีสุดาหน้าเง้าเที่ยวเซ้าซี้ จะอยู่นี่แล้วหรือเจ้าจึงเฝ้าแฝง เที่ยวเก็บเล็มเต็มห่อให้พอแรง ยังจะแกล้งชักช้าน่ารำคาญ ทั้งสามนางต่างว่าน่าหัวร่อ เพราะไม่พอจึงได้วุ่นเที่ยวงุ่นง่าน อย่าเปรียบเปรยเลยแน่แม่แหพาน จะต้องการก็มาเอาของเราไป ศรีสุดาว่าเจ้าเอาเถิดแม่ ข้าเป็นแต่นอกส่วนไม่ควรได้ จงแบ่งปันกันชมให้สมใจ ดิฉันไม่ชิงช่วงอย่าหวงกัน คอหอยเดียวเจียวหม่อมช่างพร้อมหน้า ออกรุมท้าคารมล้วนคมสัน ยังอยู่อีกไหนเล่าหรือเท่านั้น มาช่วยกันเถียงเล่นก็เป็นไร น่าเจ็บอกยกแรกสิแปลกเพื่อน จะตักเตือนฉุดลากไม่อยากไหว เจ้าค่อยอยู่เถิดข้าจะลาไป มาเรียกหาข้าไทแล้วไคลคลา ทั้งสามนางต่างว่าต่อหน้าพราหมณ์ คงเกิดความแล้วนะแม่แน่หนักหนา นี่เนื้อเคราะห์เพราะหลงด้วยมาลา พระธิดารู้เรื่องจะเคืองครัน ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ว่าน่าแสนสงสารน้อง ถ้าแม้นต้องโทษพี่จะทำขวัญ เอ็นดูด้วยช่วยกระเตื้องที่เรื่องนั้น ให้ถึงกันเสียรู้แล้วเถิดแก้วตา ทั้งสามนางต่างว่าอย่าปรารภ จะให้สบสมมาดปรารถนา น่ารำคาญป่านนี้ศรีสุดา จะไปว่าอย่างไรที่ในวัง ค่อยอยู่เถิดฉันจะลาช้าไม่ได้ จะสงสัยซ้ำร้ายเมื่อภายหลัง แล้วลุกมาหาบ่าวพวกชาววัง ไม่รอรั้งรีบไปจะให้ทัน ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามนายสบายจิต ผู้หญิงติดต่างชวนกันสรวลสันต์ บ้างบ่นว่าถ้าแม้นมิกีดกัน จะได้ฉันหวานหวานสำราญใจ แล้วยิ้มพรายบ่ายหน้ามาหาน้อง เห็นห่มกรองกริ่มจิตพิสมัย เข้าเคียงข้างต่างว่าผ้าสไบ ข้าจำได้แน่นักประจักษ์ตา นางโฉมยงทรงห่มมาชมสวน ยังหวนหวนหอมกรุ่นอุ่นหนักหนา พลางหัวเราะเยาะหยันจำนรรจา ไหนสาราเล่าพ่อจะขอชม ฯ ๏ ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มเยื้อนสนอง วันนี้น้องได้แต่ผ้าออกมาห่ม ส่วนพี่พราหมณ์ตามติดได้ชิดชม ต่อจะสมปรารถนาจึงช้านาน สำรวลพลางทางหยิบกระดาษหนัง พี่จะฟังหรือกลอนอักษรสาร คำคารมสมทรงของนงคราญ แล้วทรงอ่านให้สามเจ้าพราหมณ์ฟัง ฯ ๏ ศุภสารฉานสนองใบตองอ่อน ซึ่งวิงวอนว่าไม่ขาดสวาทหวัง ก็ขอบใจไมตรีดีกว่าชัง ไม่ปิดบังบอกวงศ์พงศ์ประยูร อันบุรีรัตนามหาศวรรย์ สารพันโภไคยทั้งไอศูรย์ แสนสมบัติสตรีบริบูรณ์ ย่อมเพิ่มพูนผาสุกทุกเวลา ไฉนต้องท่องเที่ยวแสวงคู่ น่าอดสูเสียเดชพระเชษฐา ซึ่งเสี่ยงทายหมายมาดสวาทมา มิเมตตาชีวันจะบรรลัย ทั้งรำพันสรรเสริญเห็นเกินนัก ถึงจะรักก็ไม่รักจนตักษัย ที่ข้อนั้นครั้นจะเชื่อก็เหลือใจ เขาว่าไว้หวานนักก็มักรา ถ้ารักนักมักหน่ายคล้ายอิเหนา ต้องจากเยาวยุพินจินตะหรา แม้นพระองค์ทรงเดชเจตนา จงตรึกตราตรองความตามบุราณ เสด็จกลับกรุงไกรไอศวรรย์ จึงจัดสรรทูตถือหนังสือสาร มาทูลองค์ทรงศักดิ์จักรพาล โปรดประทานก็จะได้ดังใจจง ซึ่งจะลอบชอบชิดพิสมัย เห็นจะไม่เหมือนจิตคิดประสงค์ ทูลแถลงแจ้งความแต่ตามตรง พระโฉมยงอย่าได้อางขนางเอย ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังนั่งชมว่าคมสัน ดูเชิงชั้นชูเชิดไม่เปิดเผย พ่อคิดปลอบตอบความนางทรามเชย ให้หลงเลยลอยฟ้าลงมามือ ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางถามทั้งสามพี่ รักเต่าร้างอย่างนี้ห่อหนังสือ ฉันแคลงจิตปริศนาช่วยหารือ จะรักหรือว่าจะร้างเป็นอย่างไร ฯ ๏ เจ้าโมราว่าพ่อให้ดอกรัก นางนงลักษณ์ตอบความตามสงสัย ว่าสมรักแล้วจะร้างให้ห่างไป พ่อแก้ไขคิดปลอบให้ชอบที ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าปัญญาว่อง เห็นถูกต้องปริศนาปัญญาพี่ จะตอบความทรามวัยอย่างไรดี แกล้งเซ้าซี้ซักถามทั้งสามชาย ฯ ๏ ฝ่ายนารีศรีสุดามาถึงวัง ยังกำลังดาลเดือดไม่เหือดหาย เข้าในห้องตรองตรึกให้นึกอาย โอ้อกกูผู้ชายไม่ชอบใจ เสียแรงแต่งแป้งขมิ้นสิ้นสักพ้อม น้ำมันหอมน้ำมันดิบสักสิบไห ไหนจะสู้ทนเจ็บให้เก็บไร ค่าตะไกรของเขาถึงสลึงเฟื้อง ผู้ชายไม่ชอบตาไม่น่าแต่ง เอาเครื่องแป้งทิ้งขว้างเสียงปร่างเปรื่อง ทุบตลับเล็กน้อยต่อยขวดเฟือง ให้แค้นเคืองสามพราหมณ์กับสามนาง มิคลึงเคล้าเล้าโลมอยู่แล้วหรือ สนุกมือแล้วไม่มีที่กีดขวาง คิดจะใคร่ไปฟ้องก็ต้องค้าง จะอำพรางปิดงำไว้ทำไม หุนโมโหโกรธาทำหน้าเง้า เข้าไปเฝ้าพระธิดาอัชฌาสัย นางกษัตริย์ตรัสถามเป็นความใน เป็นกระไรเร็วมากว่าทุกวัน พี่ประภาจงกลอุบลเล่า เชือนไปไหนไม่เข้ามาหาฉัน ศรีสุดาว่าสามนางงามนั้น ยังผูกพันอยู่กับพราหมณ์ทั้งสามนาย แต่คอยท่ากว่าสามหม้อข้าวสุก ไปเที่ยวซุกซ่อนเร้นไม่เห็นหาย ครั้นตามเตือนกลับว่าให้น่าอาย ช่างทำขายบาทาฝ่าธุลี ฯ ๏ นางโฉมยงทรงฟังให้คั่งแค้น จึงว่าแสนสารพัดจะบัดสี ถ้าว่าเป็นอย่างนั้นแล้ววันนี้ ให้ฟ้าผี่เถิดสินะไม่ละกัน แล้วซักไซ้ศรีสุดาว่าให้แน่ หรือเป็นแต่พูดเล่นพอเห็นขัน ถ้าจริงจังดังว่าสารพัน อย่ากลับคืนยืนยันให้มั่นคง ฯ ๏ ศรีสุดาว่าฉันไม่กลอกกลับ ประภากับโมราต้นกาหลง อุบลกับสานนต้นประยงค์ วิเชียรจงกลซุ่มพุ่มแกแล เจ้าผู้ชายเคียงข้างนางผู้หญิง ทำอ้อยอิ่งอ่อนคอประจ๋อประแจ๋ จนโอ้โลมแล้วเป็นไรจะไม่แท้ ถ้าพูดแก้แล้วจะใส่เสียให้เยิน ฯ ๏ พระบุตรีเห็นจริงทุกสิ่งสิ้น ยิ่งขุ่นคิ่นคิดอายระคายเขิน จะหาญหักนักเล่าเขาคนเดิน นางนิ่งเมินพักตราไม่พาที ฯ ๏ ฝ่ายสามนางกัลยามาถึงวัง ตรงขึ้นยังปรางค์มาศปราสาทศรี เข้าเฝ้าองค์นงนุชพระบุตรี เห็นเทวีค้อนเคืองชำเลืองแล ก็รู้แน่ว่าเขาฟ้องจะต้องถาม แกล้งยกความศรีสุวรรณประกันแก้ พ่อพราหมณ์น้อยน่าชังทำรังแก จะมาแต่ไหนไหนมิให้มา เฝ้าซักไซ้ไต่ถามไม่รู้จบ ประเดี๋ยวรบให้ช่วยทูลวุ่นนักหนา แล้วเที่ยวเด็ดดอกระกำกับจำปา ถวายมาตามจนคนเข็ญใจ ฯ ๏ พระบุตรีฟังความเจ้าพราหมณ์น้อย ให้ละห้อยหวนคิดพิสมัย ที่กริ้วโกรธกลับลืมด้วยปลื้มใจ ยิ้มละไมในหน้าแล้วพาที ฉันกินน้ำสำลักถึงสามหน เพราะมีคนนินทาน่าบัดสี ไม่รู้แล้วเลยเฝ้าแต่เซ้าซี้ เธอสั่งพี่เข้ามาว่ากระไร ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างตอบให้ชอบชื่น เธอว่าคืนนี้นอนไม่หลับใหล คิดคะนึงถึงสร้อยสุมาลัย ทำไฉนจะได้เฝ้าเยาวมาลย์ แล้วก็ว่าถ้าแม้นมิโปรดช่วย จะมอดม้วยมรณาน่าสงสาร แม้นมาได้ก็จะมาพยาบาล ช่วยอยู่งานนวดฟั้นให้บรรทม ทั้งรำพันสรรเสริญว่ารูปโฉม งามประโลมควรถนอมเป็นจอมสนม ทั้งสามนางต่างคิดประดิษฐ์ประดม ด้วยเล่ห์ลมลวงล่อให้พอคลาย ฯ ๏ ศรีสุดานั่งอยู่นั่นกลั้นไม่ได้ เขาร่ำไรเรื่องพราหมณ์จนความหมาย นางโฉมยงหลงเชื่อเบื่อจะตาย ให้วุ่นวายว่านี่แน่อย่าแปรปรวน เจ้าพราหมณ์น้อยอ่อนห้ามหรือพราหมณ์ใหญ่ เข้าเคียงไหล่โลมนางอยู่กลางสวน ทำเกลียวกลมสมยอมซ้อมสำนวน มาก่อกวนเกาแก้ที่แผลคัน สมคะเนเล่ห์กลแม่คนโปรด ถึงกริ้วโกรธกลับหยุดสุดขยัน สามพี่เลี้ยงเถียงทุ่มช่วยรุมกัน เออกระนั้นฉันแลช่างแก้ตัว จะมีชู้ผู้ชายเขาไม่เกี้ยว จึงโกรธเกรี้ยวโกรธาเป็นบ้าผัว แม่คนดีศรีผ่องไม่หมองมัว ข้าคนชั่วช่างข้าอย่าว่าเลย ฯ ๏ ศรีสุดาเดือดใจดั่งไฟสุม ชะช่างรุมกันแก้อุแม่เอ๋ย ข้ารูปชั่วจึงผู้ชายไม่หมายเชย อย่าเปรียบเปรยเลยเจ้าข้าเข้าใจ เจ้ารูปงามสามนางสำอางโฉม จะโอ้โลมเล่นประชันกันก็ได้ ล้วนร่วมรักร่วมรู้คู่ฤทัย ไม่ถึงใจก็เห็นเจียนจะเปลี่ยนตัว ฯ ๏ พระบุตรีกริ้วกราดตวาดว่า นี่ใครหามาให้พี่ตีหมากผัว เฝ้าหวงหึงอึงไปช่างไม่กลัว ไม่มีชั่วตัวดีทั้งสี่คน อย่าทะเลาะกันที่นี่ให้มี่ฉาว ไปว่ากล่าวถากถางกันกลางถนน เหมือนไก่เห็นตีนงูเขารู้กล มาพลอยปนแปดข้าน่ารำคาญ ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างคนเห็นกริ้วโกรธ ทูลขอโทษโทษาไม่ว่าขาน ศรีสุดายังไม่เหือดที่เดือดดาล ต้องรุกรานร้องไห้ฟายน้ำตา จะพูดจริงเป็นเท็จเข็ดแล้วแม่ เถิดตั้งแต่นี้ไปฉันไม่ว่า ถึงใครใครจะทำให้ตำตา ไม่พูดจาให้ทราบหลาบจนตาย แล้วแหวกม่านคลานออกมานอกฉาก ยังคันปากยิบอยู่ไม่รู้หาย เข้าในห้องหมองใจไม่สบาย เอามือก่ายพักตร์นอนสะท้อนทุกข์ คิดถึงพราหมณ์สามนายที่หมายมาด มาแคล้วคลาดคลั่งใจไม่เป็นสุข ให้หนาวหนาวร้อนร้อนนอนแล้วลุก ประเดี๋ยวจุกประเดี๋ยวจับไม่หลับเลย ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ โทมนัสนึกนิ่งพิงเขนย สงสารพราหมณ์ความค้างจะห่างเชย โอ้อกเอ๋ยอาภัพอัประมาณ ให้คิดแค้นเคืองสี่นางพี่เลี้ยง มาทุ่มเถียงทำฉาวให้ร้าวฉาน จะได้ใครไปแทนแสนรำคาญ เยาวมาลย์ไม่สบายมาหลายวัน ฯ ๏ พอเดือนยี่มีผู้ถือหนังสือบอก ชาวด่านนอกนคราพนาสัณฑ์ ทั้งเหนือใต้ฝ่ายปัจจิมมาพร้อมกัน บังคมคัลทูลท้าวเจ้าพารา ว่าบัดนี้ท้าวอุเทนเกณฑ์ทหาร เป็นสามด้านข้าศึกฮึกหนักหนา พวกนายด่านบ้านนอกบอกเข้ามา แล้ววันทาทูลแถลงแจ้งคดี หนังสือบอกปากน้ำว่ากำปั่น สักห้าพันพลชวากะลาสี มาทอดสู้อยู่ตรงท่าหน้าธานี ห่างสักสี่สิบเส้นพอเห็นกัน ข้างฝ่ายเหนือบอกว่าปัจจามิตร พวกฝรั่งอังกฤษกับมักกะสัน ล้วนขี่ม้าห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์ เข้าบุกบั่นตีบ้านด่านดงมา อันโยธามาทางตะวันตก กระบวนบกแบกพื้นล้วนปืนผา มลายูสุระตันวิลันดา ตีเข้ามาในด่านชานบุรี ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ ฟังอำมาตย์ทูลฉลองให้หมองศรี จึงตรัสสั่งทั้งสองเสนาบดี เร่งเตรียมกรีธาพลสกลไกร เป็นสามทัพเกณฑ์กองละสองหมื่น ให้ถือปืนถ้วนทั่วทุกตัวไพร่ ไปรบรับทัพแขกให้แตกไป อย่าให้ไพรีรุกบุกเข้ามา ที่ปากน้ำสำคัญอยู่แห่งหนึ่ง เอาโซ่ขึงค่ายคูดูรักษา ให้ลากปืนป้อมฝรั่งขึ้นจังกา คอยยิงข้าศึกให้บรรลัยลาญ แล้วเกณฑ์ไพร่ในเมืองขึ้นหน้าที่ พวกมนตรีตรวจตราโยธาหาญ ตำแหน่งไหนใครขาดราชการ กูจะผลาญชีวันให้บรรลัย ฯ ๏ เสนารับอภิวาทกรุงกษัตริย์ มาเร่งรัดเรียกกันเสียงหวั่นไหว ครั้นพร้อมเสร็จยกทัพขับกันไป คอยชิงชัยชาวชวามลายู พวกรักษาหน้าที่สักสี่หมื่น ประจุปืนน้อยใหญ่ใส่ดินหู บ้างขึ้นป้อมล้อมวังนั่งประตู มิให้ผู้คนเข้าละเล้าละลุม เที่ยวร้องป่าวชาวอาณาประชาราษฎร์ สั่งให้กวาดครอบครัวเข้ามั่วสุม ทั้งเหนือใต้ไพร่ฟ้ามาประชุม ตั้งชุมชนแน่นไปในกำแพง พวกผู้ดีมีทรัพย์แลสิ่งของ เอาเงินทองใส่ถังเที่ยวฝังแฝง ทั้งเอมโอชโภชนาราคาแพง ทุกเขตแขวงธานีไม่มีสบาย ฯ ๏ ฝ่ายสุรางค์นางนาฏในราชฐาน แต่ทราบสารศึกใหญ่ก็ใจหาย หลวงแม่เจ้าท้าวนางทั้งขรัวนาย เที่ยวยักย้ายข้าวของทำกรองกรอย พระญาติวงศ์พงศาคณาสนม ทุกหมู่กรมตรอมอุราทำหน้าจ๋อย ไม่ผัดหน้าทาน้ำมันกันไรรอย แต่เศร้าสร้อยโศกาทุกนารี บ้างพูดกันว่าฉันเองอกจะแตก กลังแต่แขกเช่นเขาว่ากะลาสี มันจับได้จะไปฆ่าผ่าเอาดี ไปเขียนสีผ้าลายลูกตายจริง บรรดาเหล่าสาวสวรรค์ให้ครั่นคร้าม คิดไปตามวิสัยน้ำใจหญิง บ้างไปบอกเพื่อนรักที่พักพิง เราอย่าทิ้งกันหนอจนมรณา ฯ ๏ สงสารองค์นงลักษณ์อัคเรศ แต่แจ้งเหตุให้วิโยคโศกหนักหนา รีบครรไลไปปราสาทราชธิดา เข้ากอดแก้วเกษราโศกาลัย โอ้ลูกน้อยกลอยจิตเจ้าแม่เอ๋ย กรรมเจ้าเคยสมสร้างแต่ปางไหน กษัตริย์อื่นหมื่นแสนทุกแดนไตร มาขอเจ้าท้าวก็ไม่เป็นไมตรี ทำจนให้อ้ายแขกที่แปลกชาติ มามุ่งมาดหมายประโลมแม่โฉมศรี ไม่ให้ปันมันมาจะราวี ชาวบุรีร้อนใจดังไฟกาฬ แม่กลัวพระบิตุรงค์จะส่งเจ้า ไปให้เขาต่างประเทศเขตสถาน เช่นนั้นแน่แม่หมายจะวายปราณ แต่สงสารสายใจจะไกลกัน กันแสงพลางต่างสะอึกสะอื้นไห้ กำนัลในใหญ่น้อยพลอยโศกศัลย์ ทั้งองค์แก้วเกษราวิลาวัณย์ นางก้มกันแสงให้พิไรทูล ถึงสุดคิดบิตุรงค์จะส่งลูก จะไปผูกคอตายให้หายสูญ ไม่ขอพบคบแขกแปลกประยูร แล้วนางพูนเทวษร่ำระกำใจ พระมารดรสอนธิดาว่าเจ้าแม่ จงอยู่แต่ปรางค์ปราอย่าไปไหน หมั่นสวดมนต์บ่นภาวนาไป ให้พ้นภัยพวกพาลชาญฉกรรจ์ แม่จะไปเฝ้าองค์พระทรงเดช ให้แจ้งเหตุทุกข์ร้อนได้ผ่อนผัน พลางจุมพิตธิดาวิลาวัณย์ แล้วโศกศัลย์เสด็จมายังสามี ฯ ๏ สงสารแก้วเกษราสุดาสมร ครั้นมารดรจากห้องให้หมองศรี กลัวจะต้องตกไปแก่ไพรี นางเข้าที่ไสยาโศกาลัย คิดคะนึงถึงพราหมณ์ทรามสวาท ใจจะขาดเสียด้วยคิดพิสมัย ได้ตอบสารการรักประจักษ์ใจ จะจำไกลเนตรน้องเพราะกองกรรม พอรู้ข่าวข้าศึกจะนึกพรั่น เพราะหมายมั่นไม่มีที่อุปถัมภ์ จะหนีไปไม่สั่งมั่งสักคำ หรือจะจำคิดอ่านประการใด จึงเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงข้าง แล้วว่าพี่สี่นางจะทำไฉน แม้นสุดฤทธิ์บิตุรงค์จะส่งไป น้องนี้ไม่ขออยู่จะสู้ม้วย ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างประโลมโฉมเฉลา แม้นแม่เจ้าวอดวายจะตายด้วย ต่างครวญคร่ำกำสรดระทดระทวย ใครจะช่วยแม่ได้ก็ไม่มี จำจะไปไต่ถามเจ้าพราหมณ์น้อย ยังติดสอยคอยครวญอยู่สวนศรี ซึ่งสาราว่าสวาทแสนทวี ประเดี๋ยวนี้จะคิดอ่านประการใด แต่ประตูผู้คนเขาค้นคว้า จะไปมาซ่อนเร้นเห็นไม่ได้ ว่าโฉมยงจะประสงค์สุมาลัย ใช้ออกไปเป็นรับสั่งจึงบังควร ฯ ๏ พระบุตรีศรีสวัสดิ์จึงตรัสว่า กระนั้นพี่ศรีสุดาจงไปสวน แล้วซักไซ้ไต่ถามตามกระบวน ให้ถี่ถ้วนด่วนมาอย่าช้าที ฯ ๏ ศรีสุดาดีใจเข้าในห้อง เปิดคันฉ่องส่องเสยเกศีหวี แล้วผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ ให้ทาสีถือกระจาดแล้วนาดนวล บอกกับชายนายประตูผู้กำกับ บัดนี้รับสั่งใช้ให้ไปสวน นางโฉมยงจะประสงค์ดอกลำดวน บอกแล้วด่วนรีบรุดไปอุทยาน พอเห็นหน่อกษัตริย์สามพราหมณ์พี่เลี้ยง มายืนเคียงคอยท่าน่าสงสาร จึงหยุดยั้งนั่งประณตบทมาลย์ ไม่ว่าขานค้อนพราหมณ์ทั้งสามคน แล้วเสแสร้งแจ่งข้อหน่อกษัตริย์ ถ้าคิดปัดเสียแล้วเห็นไม่เป็นผล บัดนี้ท้าวอุเทนเขาเกณฑ์พล มาประจญจะให้ส่งองค์ธิดา ทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ต้องจัดทัพ ไปตั้งรับรบพุ่งยุ่งหนักหนา ถ้าเพลี่ยงพล้ำจำส่งองค์พะงา กัลยาหมายมั่นจะบรรลัย จึงใช้ข้ามาถามเป็นความลับ พระจะดับยุคเข็ญเป็นไฉน แม้นสุดฤทธิ์สุดรู้ภูวไนย จะบรรลัยเสียให้ลับอัประมาณ ฯ ๏ พระฟังข่าวผ่าวร้อนถอนสะอื้น แล้วกลั้นกลืนชลนาน่าสงสาร จึงตอบคำศรีสุดายุพาพาล แม้นเกิดการโกลาถึงธานี ท้าวจะส่งองค์นางเหมือนอย่างว่า จะอาสาสู้ศึกไม่นึกหนี ถวายตัวเป็นทหารออกต้านตี ให้โยธีทัพแขกแตกกระจาย ทั้งพวกพี่สี่คนไม่เข็ดขาม จะสงครามชิงนางเหมือนอย่างหมาย แม้นดวงเนตรเกษราชีวาวาย จะขอตายตามสัตย์ที่ปฏิญาณ วันนี้เจ้าเอาข่าวมาบอกพี่ เป็นไมตรีตราบเท่าอวสาน ทำไฉนพี่จะได้ทำราชการ ช่วยคิดอ่านเพ็ดทูลอย่าสูญใจ ฯ ๏ ศรีสุดาหน้าม่อยชม้อยชม้าย ทำเอียงอายอ่อนคอแล้วพ้อให้ น่าหัวเราะทั้งทุกข์สนุกใจ พระจะไปเป็นทหารสงสารจริง อันศึกเสือเหนือใต้มิใช่ง่าย ไม่สบายเหมือนหนึ่งเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ถึงกล้าหาญชาญชัยจะไปจริง ก็เห็นมิ่งเยาวมาลย์จะทานทัด ซึ่งโปรดไว้ใยเยื่อเมื่อตะกี้ เหมือนมณีหรือจะผูกกับลูกปัด ไม่คู่เคียงเรียงเม็ดเพชรรัตน์ อย่าแกล้งตรัสแยบคายภิปรายเปรย ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพักตร์พจนารถ อย่าเพ่อขาดไมตรีเจ้าพี่เอ๋ย ไม่เห็นรักหนักในน้ำใจเลย ทั้งเยาะเย้ยย้อนว่าสารพัน ถึงผอมซูบรูปร่างเหมือนอย่างพี่ ถ้าต่อตีเรี่ยวแรงแข็งขยัน แต่สี่คนพลอื่นสักหมื่นพัน จะห้ำหั่นเสียให้ยับลงกับมือ ครั้นจะออกอาสาเหมือนว่ากล่าว ก็กลัวท้าวจะไม่รับไม่นับถือ จึงรอรั้งฟังข่าวเขาเล่าลือ ถ้าเหลือมือศึกมาถึงธานี จะไปรับโฉมงามทรามสวาท จากปราสาทมาสงวนไว้สวนศรี แม้นสงครามตามมาจะราวี ให้ไพรีย่อยยับอัปรา เจ้าเข้าไปในวังจงฟังข่าว ได้เรื่องราวรีบออกมาบอกหนา แล้วเด็กดอกสุมาลีให้ศรีสุดา นางคำนับรับบุปผาลาครรไล ทั้งสามพราหมณ์ถามข่าวถึงคู่ชื่น สำราญรื่นหรือว่าน้องไม่ผ่องใส ศรีสุดาว่าข้าเจ้าไม่เข้าใจ ว่าข้างในจะอยู่สุขหรือทุกข์ร้อน มีธุระจะสั่งไปมั่งหรือ จะช่วยสื่อศุภสารสมานสมร นางพ้อตัดขัดเคืองชำเลืองค้อน แล้วรีบร้อนกลับหลังเข้าวังใน ถึงปรางค์ทองย่องย่างเข้าข้างที่ อัญชลีเล่าแจ้งแถลงไข หน่อกษัตริย์ตรัสสั่งมาอย่างไร รำพันให้แจ้งจิตพระธิดา ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ รู้รหัสว่าพระคอยละห้อยหา คิดถึงองค์ทรงเดชให้เวทนา จะอาสาสงครามเพราะความรัก เมื่อรูปทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น ยังขืนแค่นคิดการจะหาญหัก น่าสงสารผ่านฟ้าหนักหนานัก นางซบพักตร์ไห้สะอื้นกลืนน้ำตา พระยอดรักรูปทองของน้องเอ๋ย เมื่อไรเลยน้องจะได้ออกไปหา แม้นบ้านเสียเมืองแตกแขกเข้ามา จะอุตส่าห์ไปให้พบประสบองค์ ขอวายวางข้างบาทบทเรศ พระปิ่นเกศกษัตริย์ชาติราชหงส์ ถึงชาตินี้มิได้อยู่เป็นคู่คง ขอพบองค์ภูวนาถทุกชาติไป อันชายอื่นหมื่นแสนทั้งแผ่นภพ ไม่ขอคบขอคิดพิสมัย นางครวญคร่ำรำพึงตะลึงตะไล ด้วยจิตใจอยู่ที่ศรีสุวรรณ ฯ ๏ สี่พี่เลี้ยงเคียงข้างบรรจถรณ์แท่น ต่างก็แสนคร่ำครวญถึงสวนขวัญ ข้ากับเจ้าเศร้าโศกเสมอกัน ไม่เว้นวันโหยไห้อาลัยลาน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายทัพอุเทนราช พบอำมาตย์รมจักรเข้าหักหาญ ทั้งยิงแย้งแทงฟันประจัญบาน ไทยไม่ทานมือแขกก็แตกยับ พลชวามลายูทั้งมูหงิด ก็ตามติดหักโหมเข้าโจมจับ ชาวบุรีหนีหลบไม่รบรับ จนกองทัพโอบอ้อมเข้าล้อมเมือง ฯ ๏ สงสารท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ โทมนัสทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง เสนาในไพร่นายก็ตายเปลือง เห็นบ้านเมืองแม่นมั่นจะอันตราย นึกจะส่งองค์ธิดาให้ข้าศึก แล้วกลับนึกอดสูไม่รู้หาย หวนมานะกษัตราปรีชาชาย ถึงเป็นตายไว้ชื่อให้ลือชา จึงแต่งองค์ทรงขอขึ้นคอช้าง พวกขุนนางแห่แหนไปแน่นหนา เที่ยวตรวจไตรไพร่พหลพลโยธา ให้รักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ แม้นข้าศึกฮึกฮึกมาหักหาญ จะต่อตีนปีนสะพานขึ้นด้านไหน หลอมตะกั่วคั่วทรายปรายลงไป ยิงปืนใหญ่แย้งรับให้ยับเยิน แล้วเกณฑ์ไพร่ในบุรีไว้สี่หมื่น ฉวยค่ำคืนการขุกจะฉุกเฉิน จะได้เพิ่มเติมคนบนเชิงเทิน เสด็จเดินช้างตรวจทุกหมวดมา ฯ ๏ ฝ่ายทหารท่านท้าวอุเทนราช สี่อำมาตย์ตัวนายทั้งซ้ายขวา เข้าตั้งค่ายรายกำแพงแย่งปีกกา แล้วปรึกษาคิดอ่านการณรงค์ จำจะให้ทูตถือหนังสือสาร ไปว่าขานข้อความตามประสงค์ แม้นเจ้าเมืองรมจักรยังรักองค์ ให้เร่งส่งพระธิดาอย่าช้านาน เห็นพร้อมใจให้เสมียนเขียนหนังสือ ให้ผู้ถือสาราที่กล้าหาญ ขึ้นขี่ม้าโบกธงตรงทวาร ชูแต่สารไว้ให้เห็นเป็นสำคัญ ฯ ๏ ข้างพวกไทยให้ล่ามไปถามซัก แจ้งประจักษ์ความจริงทุกสิ่งสรรพ์ จึงเสนาเข้าเฝ้าพระทรงธรรม์ บังคมคัลทูลแถลงแจ้งกิจจา ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ให้กลับไปรับสาร เอามาอ่านพร้อมขุนนางที่ข้างหน้า หนังสือสี่มนตรีซึ่งมีมา ว่าเมตตาทูลท้าวเจ้านคร พระปิ่นเกล้าชาวชวาอาณาจักร ประสงค์รักพระบุตรีศรีสมร ได้งอนง้อขอสู่กับภูธร ก็ตัดรอนมิได้รับให้อัประมาณ จึงตรัสใช้ให้เรามาเอาโทษ ให้สิ้นโคตรขัตติยามหาศาล บัดนี้เราเข้ามาล้อมป้อมปราการ ชีวิตท่านเหมือนลูกไก่อยู่ในมือ แม้นบีบเข้าก็จะตายคลายก็รอด จะคิดลอดหลบหลีกไปอีกหรือ แม้นโอนอ่อนงอนง้อไม่ต่อมือ อย่าดึงดื้อเร่งส่งองค์บุตรี จะนำนางไปถวายถ่ายชีวิต ให้พ้นผิดอยู่บำรุงซึ่งกรุงศรี ไม่ส่งมาถ้าเราได้เข้าตี ชาวบุรีก็จะตายวายชีวา ฯ ๏ พระทรงฟังหนังสือรื้อเป็นทุกข์ จึงถามมุขมนตรีที่ปรึกษา หนังสือสี่มนตรีเขามีมา พวกเสนาใครจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายข้าเฝ้าเข้าชื่อหารือพร้อม แล้วทูลจอมกษัตริยาอัชฌาสัย มิอ่อนน้อมยอมยิงจะชิงชัย ก็เห็นไม่พ้นอาญาปัจจามิตร แม้นทรงธรรม์กรุณาประชาราษฎร์ อนุญาตยอมถวายให้หายผิด เหมือนให้เหล่าชาวบุรีมีชีวิต ขอพระองค์ทรงคิดให้ควรการ ฯ ๏ พระฟังคำปรึกษาพวกข้าเฝ้า ยิ่งร้อนเร่าราวกับไฟประลัยผลาญ แต่นึกตรึกตราอยู่ช้านาน มีโองการสั่งมหาเสนาใน จงปล่อยทูตผู้ถือหนังสือสาร ไปแจ้งการบอกกับแม่ทัพใหญ่ ซึ่งให้คิดผิดชอบเราขอบใจ ขอตรึกไตรตรองความสักสามวัน ฯ ๏ อำมาตย์รับกลับออกมาบอกทูต ต่างคนพูดนัดหมายแล้วผายผัน ท้าวทศวงศ์ลงจากอาสน์สุวรรณ เข้าสู่บรรจถรณ์แท่นแสนรำคาญ บรรทมนิ่งอิงแอบแนบเขนย ไม่สรงเสวยโภชนากระยาหาร เสียงอึงอื้อรื้อออกนอกพระลาน พระวงศ์วานพร้อมพรั่งคอยฟังความ ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีกับพี่เลี้ยง ได้ยินเสียงกึกก้องท้องสนาม ให้คนใช้ไปสืบข่าวสงคราม มาทูลความว่าเขาล้อมป้อมปราการ นางโฉมยงองค์สั่นพระขวัญหาย ก็ฟูมฟายชลนาน่าสงสาร สี่พี่เลี้ยงเคียงโฉมประโลมลาน เยาวมาลย์อย่ากันแสงแข็งพระทัย หน่อกษัตริย์ตรัสว่าจะมารับ ถ้าถึงอับจนแท้จะแก้ไข เห็นพระองค์คงจะมาเหมือนว่าไว้ อย่าเสียใจเลยพระน้องจะหมองนวล อันชาตินี้พี่ไม่ขอเป็นข้าแขก ถึงเมืองแตกจะไปตายอยู่ปลายสวน นางฟังคำรำพันที่รัญจวน ให้ปั่นป่วนใจอยู่ไม่รู้วาย ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นปัจจามิตร มาตั้งติดกรุงไกรก็ใจหาย จึงปรึกษาว่ากับพราหมณ์ทั้งสามนาย น้องเสียดายพระธิดายุพาพาล พี่ไม่ห่วงบ่วงใยใครดอกหรือ จึงกอดมือเมินหน้าไม่ว่าขาน เขาตั้งค่ายรายล้อมป้อมปราการ ไม่สงสารสามนางหรืออย่างไร ฯ ๏ พี่เลี้ยงพราหมณ์สามคนว่าจนจิต หรือพ่อคิดเห็นจะคล่องทำนองไหน รณรงค์สงครามก็ตามใจ ไม่ไปไกลบาทาฝ่าธุลี ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น จะพากันไปเฝ้าเจ้ากรุงศรี เราเดินทางหว่างค่ายพวกไพรี ให้โยธีกองทัพออกจับตัว จึงฟันฝ่าข้าศึกสะอึกไล่ เอาหัวไอ้ชาวพลไปคนละหัว แทนธูปเทียนดอกไม้ถวายตัว ให้เห็นทั่วจะได้ลือฝีมือเรา ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังสรรเสริญเกินฉลาด สมเป็นชาติเชื้อชายไม่อายเขา แม้นไม่ให้ใครรู้จะดูเบา ด้วยรูปเรานั้นไม่น่าจะราวี ฯ ๏ พระแย้มสรวลชวนสามพราหมณ์พี่เลี้ยง จะทุ่มเถียงกันอยู่ไยไปหรือพี่ แล้วแต่งองค์ทรงงามเป็นพราหมณ์ชี เหน็บกระบี่ถือกระบองของอาจารย์ พี่เลี้ยงพราหมณ์สามตะพายสายกำซาบ ถือทั้งดาบสองข้างอย่างทหาร พระนำหน้าพากันออกนอกอุทยาน แกล้งเดินผ่านริมค่ายพวกไพรี ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งอังกฤษคิดประหลาด พราหมณ์บังอาจเดินมุ่งเข้ากรุงศรี จะจับไว้ไต่ถามความบุรี พวกโยธีพรูพร้อมออกล้อมพราหมณ์ พระโฉมยงทรงกระบองของวิเศษ สำแดงเดชชิงชัยในสนาม สามพี่เลี้ยงเคียงหน้ากล้าสงคราม คอยเดินตามฟันแขกแตกกระจาย หน่อกษัตริย์กวัดแกว่งกระบองฟาด บ้างคอขาดแขนกระเด็นไม่เห็นหาย ตัดศีรษะโยธาที่ฆ่าตาย ทั้งสามนายหิ้วมาหน้าประตู พวกรักษาหน้าที่ก็มี่ฉาว ทั้งนายบ่าวบอกกันสนั่นหู เห็นพราหมณ์หิ้วหัวแขกแตกกันดู เปิดประตูให้เจ้าเข้าในเมือง แล้วเสนีที่เป็นใหญ่จึงไต่ถาม เจ้าหนุ่มพราหมณ์งามเหลือดูเนื้อเหลือง พ่อพากันฟันฝ่าเข้ามาเมือง ธุระเรื่องราชการสถานใด ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ว่าข้าพเจ้าสำเภาแตก เป็นแต่แขกเมืองมาอยู่อาศัย เห็นเขาล้อมป้อมปราการรำคาญใจ ไม่มีใครรบรับกับทมิฬ จึงเข้ามาว่าจะขอออกต่อต้าน สังหารผลาญพวกแขกให้แตกสิ้น สนองพระเดชพระคุณท้าวเจ้าแผ่นดิน ให้เพิ่มภิญโญยศปรากฏไป ฯ ๏ พวกเสนาว่าแน่กระนั้นหรือ เจ้าพราหมณ์รื้อรับว่าอย่าสงสัย สมคะเนเสนีก็ดีใจ พาเข้าไปทูลแถลงแจ้งกิจจา ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรีรมจักร เพ่งพระพักตร์ดูพราหมณ์งามหนักหนา เจ้าหนุ่มน้อยนวลละอองเหมือนทองทา ดูดวงหน้าเนตรขนงดังวงเดือน ทั้งสามพราหมณ์งามราวดาวประดับ ถูกสำรับกันกระไรใครจะเหมือน ลูกผู้ดีมิใช่คนพลเรือน ดำริพลางทางเอื้อนโองการทัก นี่แน่เจ้าเผ่าพราหมณ์นามไฉน จะชิงชัยช่วยสังหารผลาญปรปักษ์ ซึ่งฟันฝ่าเข้ามาได้ขอบใจนัก แต่จะหักศึกเสือเห็นเหลือมือ ด้วยตัวเจ้าเยาว์ยังกำลังน้อย เหมือนไก่ต้อยจะไปสู้อ้ายอูหรือ จะแจ้งเหตุเภทผลแต่ต้นมือ มีหนังสือเสนามาวันนี้ ให้เราส่งองค์ราชธิดาถวาย จะเคลื่อนคลายกองทัพกลับกรุงศรี เราปรึกษาข้าเฝ้าเหล่าเสนี เขาเห็นดีจะให้ส่งองค์ธิดา แม้นเจ้าออกชิงชัยไม่ชนะ ก็เห็นจะชุลมุนวุ่นหนักหนา ซึ่งจะปราบศัตรูกู้พารา ด้วยวิชาความรู้หรือสู้รบ ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมบรมนาถ ข้าพระบาทพากเพียรได้เรียนจบ ชำนาญในไตรเพทวิเศษครบ จะรุกรบราวีให้มีชัย ซึ่งจะส่งองค์พระบุตรีนั้น ทมิฬมันจะประมาทพระบาทได้ เป็นเหตุผลต้นความด้วยทรามวัย ขอจงให้นางสะเดาะพระเคราะห์นาม จะช่วยทำน้ำทิพมนต์ถวาย พระเคราะห์คลายข้าศึกจะนึกขาม จะอาสาพระองค์ทำสงคราม ช่วยปราบปรามปัจจามิตรที่ติดเมือง ขอแต่ม้าพาชีสีต่างต่าง เป็นสี่อย่างขาวเขียวกะเลียวเหลือง ที่เคยศึกฝึกสันทัดไม่ขัดเคือง ประดับเครื่องสำหรับรบให้ครบครัน แล้วโปรดให้ไปนัดนายกองทัพ ให้ออกรับรบสู้เป็นคู่ขัน จะสังหารผลาญนายวายชีวัน แล้วไล่ฟันพวกไพร่ให้เป็นเบือ ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงสดับ เจ้าพราหมณ์รับอาสาเห็นกล้าเหลือ รู้วิชาสามารถเป็นชาติเชื้อ พระหลงเชื่อชื่นใจใครจะปาน จึงตรัสว่าถ้าเสร็จสำเร็จศึก เราจะนึกว่าเหมือนบุตรสุดสงสาร แล้วตรัสสั่งเสนาปรีชาชาญ เกณฑ์ทหารให้เจ้าพราหมณ์ดูตามบุญ เอาม้าทรงโรงในมาให้ขี่ แล้วเสนีจงกำกับเป็นทัพหนุน เห็นเพลี่ยงเราเข้าช่วยให้ชุลมุน เดชะบุญก็จะแพ้แก่เจ้าพราหมณ์ ให้นัดนายทัพชวาว่าพรุ่งนี้ ให้มาที่ทุ่งกว้างกลางสนาม จะชิงชัยไว้ยศให้งดงาม แพ้สงครามจึงจะส่งองค์ธิดา บนเชิงเนินทำให้มีที่ประทับ ไว้สำหรับดูเล่นเป็นสง่า เร่งจัดห้องท้องพระโรงรจนา ให้เจ้าพราหมณ์ตามประสาสบายใจ แล้วปลอบถามพราหมณ์น้อยกลอยสวาท เจ้ารู้สาตราเวทข้าเพศไสย จะสะเดาะเคราะห์นางนั้นอย่างไร ช่วยขับไล่ผ่อนผันให้บรรเทา ฯ ๏ หน่อกษัตริย์สมคะเนจึงเสแสร้ง จะต้องแต่งเตียงพิธีเป็นสี่เสา สำหรับทำน้ำสรงนางนงเยาว์ แล้วเสกเป่าปัดเคราะห์สะเดาะไป ฯ ๏ ฝ่ายท้าวทศวงศ์ก็หลงซื่อ ด้วยเชื่อถือมั่นคงไม่สงสัย จึงว่าเชิญโฉมงามเจ้าพราหมณ์ไป ที่ข้างในจะได้ช่วยอำนวยการ แล้วนำหน้าพาพราหมณ์ตามลีลาศ เข้าในวังนั่งอาสน์มุกดาหาร มเหสีสาวสรรค์พนักงาน มาหมอบกรานกราบก้มบังคมคัล พระบอกองค์นงลักษณ์อัคเรศ เจ้าพราหมณ์เทศทั้งสี่ดีขยัน เห็นฝรั่งอังกฤษมาติดพัน จึงบุกบั่นฟันฝ่ามาหาเรา จะอาสาฆ่าแขกให้แตกยับ ถ้าเสร็จสรรพแล้วจะแทนพระคุณเขา อันองค์แก้วเกษราธิดาเรา ข้างฝ่ายเจ้าพราหมณ์เห็นว่าเป็นเคราะห์ ประเดี๋ยวนี้พี่ก็พาเขามาด้วย ให้เขาช่วยรดน้ำทำสะเดาะ เดชะบุญลูกน้อยค่อยละเลาะ ให้สิ้นเคราะห์สิ้นโศกสิ้นโรคภัย ฯ ๏ มเหสีฟังสารโองการตรัส นางกษัตริย์ยินดีจะมีไหน ดูรูปพราหมณ์งามพร้อมละม่อมละไม จึงปราศรัยสนทนาด้วยการุญ น่าเอ็นดูผู้ใดเป็นพี่น้อง นวลละอองรูปร่างเหมือนอย่างหุ่น ช่วยรบแขกแตกแตนจะแทนคุณ จงการุญราษฎรร้อนอุรา ซึ่งเจ้าจะสะเดาะพระเคราะห์น้อง ต้องการของสิ่งใดจะได้หา ศรีสุวรรณอภิวันท์จำนรรจา จงเอาผ้าขาวลาดดาดเพดาน ให้โฉมยงนงเยาว์เข้ามณฑล รดน้ำมนต์มุรธากระยาสนาน จัดบัลลังก์ตั้งเครื่องนมัสการ จะได้อ่านมนต์สะเดาะพระเคราะห์นาง ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังไม่กังขา ให้จัดหาสารพัดไม่ขัดขวาง ทุกกระทรวงหลวงแม่เจ้าทั้งท้าวนาง รีบไปปรางค์พระธิดายุพาพาล ทูลแถลงแจ้งความว่าพราหมณ์เทศ ผู้วิเศษจะมาทำน้ำสนาน ภูวไนยใช้ข้ามาจัดการ ให้เยาวมาลย์เข้ามณฑลพิธี ฯ ๏ นางฟังความซักถามประจักษ์แจ้ง ว่าพระแกล้งจะมาหามารศรี จึงว่าตามรับสั่งเถิดครั้งนี้ แล้วเทวีเข้าในห้องไสยา สี่พี่เลี้ยงเคียงข้างต่างวิตก เออก็อกเอ๋ยอาจออกอาสา นางโฉมยงทรงสะอื้นกลืนน้ำตา คิดว่าว่าเล่นเล่นมาเป็นจริง เมื่อรูปทรงองค์เอวจะเด็ดขาด กิริยามารยาทเหมือนผู้หญิง จะสู้เขาเอาชีวิตมาปลิดทิ้ง ยิ่งคิดยิ่งสงสารพระผ่านฟ้า แม้นมาถึงปรางค์ทองน้องจะห้าม มิให้พระโฉมงามออกอาสา ถึงอับจนผลกรรมได้ทำมา จะก้มหน้าหนีไปในไพรวัน พี่เลี้ยงว่าน่าแค้นทั้งสามพราหมณ์ ไม่ห้ามปรามน้องชายให้ผายผัน มาถึงนี่พี่จะว่าให้สารพัน ปรึกษากันต่างแลชะแง้คอย ฯ ๏ ฝ่ายท้าวนางต่างแต่งตามรับสั่ง พระเต้าตั้งน้ำมนต์ปนส้มป่อย ประทีปธูปเทียนบูชาระย้าย้อย ให้เตรียมคอยเสร็จสรรพแล้วกลับไป ทูลฉลองสองกษัตริย์ว่าจัดเสร็จ เชิญเสด็จโดยจินดาอัชฌาสัย สองกษัตริย์ตรัสชวนพราหมณ์ครรไล กำนัลในนางห้ามก็ตามมา ขึ้นปราสาทพระบุตรีศรีสวัสดิ์ เห็นที่จัดแจงพร้อมหอมบุปผา ให้พราหมณ์นั่งยั้งอยู่ดูเวลา พระมารดาเข้าห้องทองบรรทม เห็นลูกน้อยสร้อยเศร้าเฝ้ากันแสง จึงบอกแจ้งจูบเกล้าทั้งเผ้าผม พระบิดาพาผู้รู้อาคม เป็นพราหมณ์พรหมจารีทั้งสี่คน จะสะเดาะเคราะห์ร้ายสายสวาท ให้แคล้วคลาดโรคาสถาผล สายสุดใจไปเข้าที่มณฑล จะได้พ้นภยันต์อันตราย ฯ ๏ นางกราบกรานมารดาประหม่าจิต ให้เขินคิดอดสูไม่รู้หาย ทำบิดเบือนเชือนช้าระอาอาย หมอบชม้ายเบือนหน้าไม่พาที พระมารดาว่าองค์พระทรงเดช บิตุเรศคอยท่ามารศรี จะเคืองขัดอัธยาฝ่าธุลี นางพวกพี่เลี้ยงมาพาออกไป สี่พี่เลี้ยงเคียงประคองทั้งสองข้าง มิใคร่ย่างบาทาลีลาได้ ค่อยแหวกม่านคลานเคียงเลี่ยงออกไป เข้าไปในมณฑลบนบัลลังก์ ให้ทั้งสี่พี่เลี้ยงอยู่เคียงข้าง พวกห้ามแหนแสนสุรางค์อยู่ข้างหลัง สมเด็จท้าวทศวงศ์ดำรงวัง จึงตรัสสั่งพี่พราหมณ์อย่าขามใคร จงพลีบัตรปัดเคราะห์สะเดาะนาม ไม่ห้ามปรามตามตำราอัชฌาสัย เหมือนพงศ์พันธุ์กันเองอย่าเกรงใจ สุดแต่ได้ฤกษ์พาเวลาดี ฯ ๏ ศรีสุวรรณรับรสพจนารถ ขึ้นนั่งอาสน์ตรงหน้ามารศรี พราหมณ์พี่เลี้ยงเคียงนั่งบังอัคคี พอพาทีกันเบาเบาแต่เก้าคน แล้วจุดธูปเทียนบูชาสมาธิ ตั้งสติตาจับกันสับสน เสียงพึมพำทำอุบายว่าร่ายมนต์ พอให้คนเขาได้ยินไม่กินใจ ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ทัศนานุชน้อง นวลละอองผ่องพักตร์เพียงแขไข ดูจิ้มลิ้มพริ้มพร้อมละม่อมละไม ดังนางในดุสิดาลงมาดิน พระลืมองค์หลงขยับจะรับขวัญ แล้วคิดทันถอยหลังหวังถวิล ค่อยพาทีมิให้ใครได้ยิน ขอเชิญผินพักตร์น้องอย่าหมองนวล พี่อุตส่าห์มาสะเดาะพระเคราะห์ให้ หวังจะได้แจ้งความทรามสงวน ให้เห็นรักหนักในใจรัญจวน จึงกล้าชวนกันเข้ามาอาสารบ แม้นม้วยมอดวอดวายสายสวาท นุชนาฏนงเยาว์ช่วยเผาศพ พี่คิดถึงจึงอุตสาห์มาให้พบ อย่าแกล้งซบซ่อนพักตร์ไม่ทักทาย ฯ ๏ นางโฉมยงทรงสดับอภิวาท กัมปนาทนึกพรั่นพระขวัญหาย องค์ระทวยขวยเขินสะเทิ้นอาย ขืนซังตายตอบรสพจมาน ซึ่งอาสาสงครามเพราะความรัก พระคุณหนักยิ่งกว่าสุธาสถาน แม้นมีชัยไพรินทมิฬมาร จะสำราญเริงรื่นทุกคืนวัน ถ้าเสียทัพอัปราปัจจามิตร พระทรงฤทธิ์มรณาจะอาสัญ มิขออยู่สู้ตายวายชีวัน พลางก้มกันแสงสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ พระรับขวัญขวัญอ่อนสมรมิ่ง แม่เป็นหญิงยอดมนุษย์สุดจะหา เพราะรักนางอย่างยิ่งกว่าชีวา จึงอาสาบิตุรงค์ออกสงคราม แขกฝรั่งอังกฤษไม่คิดพรั่น จะฟาดฟันให้วินาศกลาดสนาม แต่เสร็จศึกขอให้เสร็จสำเร็จความ จะได้งามพักตราในธาตรี ฯ ๏ นางฟังคำทำเคืองชำเลืองค้อน ยิ่งทุกข์ร้อนก็ยิ่งว่าน่าบัดสี แม้นต่อตีมีชัยจะได้ดี คงเป็นที่เจ้าพระยาอย่าปรารมภ์ เมื่อเอวองค์ทรงฤทธิ์นิดเท่านั้น จะประจัญกับศัตรูดูไม่สม เข้ารบกันมันผลักก็จักล้ม น้องปรารมภ์ร้อยอย่างไม่วางใจ ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายเห็นตายราบ กระซิบกระซาบสั่งมิตรพิสมัย พรุ่งนี้เช้าเจ้าตามเสด็จไป ดูชิงชัยบนพลับพลาหน้าเชิงเทิน พอให้พี่มีแรงได้แผลงฤทธิ์ ให้อังกฤษทัพแขกแตกกระเพิ่น ศรีสุดาว่าพุคะไม่ละเมิน ถึงไม่เชิญก็ไปดูจะสู้ตาย สามพี่เลี้ยงต่างงดอดไม่รอด กระซิบสอดว่าเจ้าพราหมณ์สามสหาย ช่างขันสู้แขกเหรื่อเบื่อจะตาย ดูรูปกายก็ไม่น่าอาสารบ ถ้าเสียทีชีวีฉันทั้งสาม จะต้องตามหม่อมตายลงหลายศพ แม้นชวนองค์ทรงฤทธิ์คิดอพยพ ดีกว่ารบร้อยเท่าทั้งเบามือ ฯ ๏ พราหมณ์พี่เลี้ยงเบี่ยงบ่ายภิปรายตอบ เจ้าว่าชอบกลเหลือจะเชื่อถือ ช่วยรบกู้สู้เมืองให้เลื่องลือ ไปปลายมือเห็นจะเป็นเหมือนเช่นนึก ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสห้ามสามพี่เลี้ยง อย่าถุ้งเถียงต่อสำนวนจะจวนดึก อันถ้อยคำร่ำว่าจะจารึก ที่ตื้นลึกก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ เกรงกษัตริย์สองพระองค์จะสงสัย กระซิบว่าน่าเบื่อนี่เมื่อไร จึงจะได้สำเร็จเสร็จพิธี ช่างลวงล่อหมอเอกเสกสะเดาะ น่าหัวเราะถ้าเขารู้ดูบัดสี แกล้งให้น้องต้องมานั่งอยู่อย่างนี้ พระชนนีบิตุรงค์จะสงกา ฯ ๏ พระฟังคำจำใจไกลสวาท ใจจะขาดเสียด้วยรักนั้นหนักหนา กระซิบสั่งสายใจอาลัยลา แม่ดวงเนตรเกษราจงถาวร พี่ขอฝากความรักที่หนักอก ช่วยปกปิดไว้แต่ในน้ำใจสมร ถึงม้วยดินสิ้นฟ้าแลสาคร อย่าม้วยมรณ์ไมตรีของพี่เลย ขอฝากความเสน่หาสาพิภักดิ์ ภิรมย์รักร่วมเรียงเคียงเขนย ถึงตัวไปใจอยู่เป็นคู่เชย เมื่อไรเลยจึงจะสมอารมณ์เรียม ฯ ๏ นางฟังคำร่ำว่าน่าสังเวช ชลเนตรฟูมฟายไม่อายเหนียม ประณตนอบตอบความตามธรรมเนียม น้องทุกข์เทียมเท่าฟ้าสุธาธาร แม้นมิกีดบิตุราชมาตุรงค์ จะเชิญองค์ไว้ปราสาทราชฐาน บรรทมที่ยี่ภู่ช่วยอยู่งาน ให้สำราญร่มเกล้าทุกเพรางาย นี่จนใจได้แต่ใจนี่ไปด้วย เป็นเพื่อนม้วยภูวนาถเหมือนมาดหมาย แม้นเมตตาอย่าให้น้องต้องได้อาย นางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย บรรดาเหล่าสาวสุรางค์ทั้งปรางค์รัตน์ กับกษัตริย์สององค์ไม่สงสัย เสียงงึมงึมพึมพำร่ำพิไร สำคัญไปว่าบ่นพระมนตรา จนจวนรุ่งเทียนชัยจะใกล้หมด พระกำสรดสั่งมิตรขนิษฐา ทั้งสองข้างต่างสะอื้นกลืนน้ำตา พระลีลาจากบัลลังก์ทั้งพี่เลี้ยง มานบนั่งบังคมบรมนาถ อยู่ริมอาสน์เบื้องซ้ายฝ่ายเฉลียง พระบุตรีสี่นางอยู่ข้างเคียง ค่อยคลานเลี่ยงเข้าที่มูลี่บัง ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าเจ้าพราหมณ์เทศ ต้องอ่านเวทช้านานพานเจ็บหลัง จงกลับไปหลับนอนผ่อนกำลัง อยู่ที่นั่งพระโรงรัตน์ชัชวาล ให้ท้าวนางข้างในออกไปส่ง ส่วนพระองค์มาปราสาทราชฐาน ฝ่ายขุนนางข้างหน้าข้าราชการ เกณฑ์ทหารไว้แต่ดึกเสียงครึกครื้น พอรุ่งเช้าผู้คนก็พร้อมพรั่ง ทั้งหน้าหลังซ้ายขวาสักห้าหมื่น ผูกพาชีสี่ม้าล้วนกล้าปืน จูงมายืนเตรียมอยู่ประตูวัง ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีในนิเวศน์ แต่ลับเนตรหน่อกษัตริย์ประหวัดหวัง กับทั้งสี่พี่เลี้ยงเคียงบัลลังก์ ไม่นอนนั่งสนทนาด้วยอาลัย จนรุ่งแจ้งแต่งองค์สรงสนาน คิดรำคาญขุ่นข้องไม่ผ่องใส ชวนพี่เลี้ยงสาวสรรค์กำนัลใน ขึ้นเฝ้าไทบิตุราชมาตุรงค์ ฯ ๏ สองกษัตริย์ตรัสทักแล้วซักถาม แม่โฉมงามทรามสงวนนวลหง ขึ้นมาไยไม่อุตส่าห์รักษาองค์ หรือโฉมยงขัดขวางเป็นอย่างไร ฯ ๏ พระธิดาอาดูรทูลฉลอง เสียงกึกก้องโกลาสุธาไหว ไม่เห็นองค์ทรงธรรม์ให้พรั่นใจ จะไปไหนลูกน้อยจะพลอยตาม ฯ ๏ พระบิดาว่าพ่อก็ไม่ขัด วันนี้นัดชิงชัยในสนาม ไปพลับพลาหน้าประตูดูเจ้าพราหมณ์ จะสงครามครั้งนี้ให้มีชัย บรรดาเหล่าสาวสรรค์กำนัลนาง จะไปบ้างก็ไม่ขัดอัชฌาสัย แล้วสั่งเหล่าท้าวนางพวกข้างใน ไปสั่งให้เตรียมวอจรลี ฯ ๏ ฝ่ายท้าวนางต่างคำนับรับบรรหาร ชุลีคลานลงจากปราสาทศรี มาเรียกเร่งกรมวังสั่งคดี ออกอึงมี่วุ่นวิ่งทั้งหญิงชาย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤบาลชาญสนาม กับสามพราหมณ์พี่เลี้ยงเห็นเที่ยงสาย ต่างชำระสระสนานสำราญกาย ทั้งสามนายแต่งงามเป็นพราหมณ์ชี พระทรงเครื่องเคยประดับสำหรับกษัตริย์ เพชรรัตน์ไพฑูรย์จำรูญศรี แล้วรั้งรอบริกรรมทำพิธี บังเกิดมีแรงกำลังดังนารายณ์ ครั้นเสร็จสรรพจับกระบองของวิเศษ เจ้าพราหมณ์เทศถือดาบกำซาบสาย มาขึ้นม้าพาชีให้คลี่คลาย พลนิกายไปประทับที่พลับพลา ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ อยู่ปราสาทพรั่งพร้อมพระวงศา ฟังสำเนียงเสียงโห่เป็นโกลา ก็รู้ว่าคลี่คลายขยายทัพ จึงสระสรงทรงเครื่องพิชัยยุทธ์ ใส่มงกุฎแก้วเก็จเพชรประดับ ทรงพระแสงเปล่งปลาบดูวาบวับ ตรัสกำชับสาวสุรางค์ไม่วางใจ ไปกับกูดูเล่นเห็นเลือดฝาด อย่าหวีดหวาดคิดพรั่นประหวั่นไหว แล้วนำหน้าพาสนมกรมใน เสด็จไปหน้าพระลานชานชลา ทหารแห่หอกดาบกราบเดียรดาษ พระทรงราชยานเดินดำเนินหน้า สองพระองค์ทรงวอต่อกันมา ถึงพลับพลาที่ริมป้อมก็พร้อมเพรียง พระจอมพงศ์ทรงนั่งบัลลังก์รัตน์ นางกษัตริย์สาวสวรรค์อยู่ชั้นเฉลียง ดูฝรั่งตั้งค่ายอยู่รายเรียง ออกแซ่เสียงสาวสาวนางชาววัง ฯ ๏ ฝ่ายเสนาข้าเฝ้ากับเจ้าพราหมณ์ ก็คลานตามกันเข้ามาหน้าที่นั่ง ศิโรราบกราบงามลงสามครั้ง คอยตรับฟังพจนาบัญชาการ ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นประเทศ ทอดพระเนตรโยธาที่หน้าฉาน เห็นพร้อมกันบันเทิงเริงสำราญ พระเบิกบานเบือนพักตร์มาทักพราหมณ์ เดชะบุญอุ่นใจบิดานัก เห็นเจ้าจักมีชัยในสนาม อย่าประมาทอาจองในสงคราม ดูฤกษ์ยามยกออกนอกบุรี เจ้าพราหมณ์พร้อมน้อมประณตบทเรศ พระชายเนตรทางพลับพลาหลังคาสี พอเห็นองค์นงนุชพระบุตรี พระยินดีดูนางไม่วางตา ฯ ๏ นางโฉมยงสงสารพระผ่านเกล้า กำสรดเศร้าสอดเนตรดูเชษฐา ทั้งสามพราหมณ์สามนางต่างตอบตา ศรีสุดาเฝ้าดูภูวไนย ทั้งสองข้างต่างคิดพิศวาส แต่ไม่อาจออกหน้าอัชฌาสัย สงสารแก้วเกษรายิ่งอาลัย จะใคร่ไปรบด้วยได้ช่วยกัน ถึงบรรลัยไม่คิดชีวิตน้อง จะขอรองมุลิกาจนอาสัญ พระเปลี่ยวองค์สงสารรำคาญครัน ต่างกลืนกลั้นชลนาโศกาลัย ฯ ๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม พลอยปรารมภ์เศร้าหมองไม่ผ่องใส สงสารพราหมณ์ทรามสวาทจะขาดใจ ช่างกระไรอาจองออกสงคราม บ้างว่ารูปราวกับหุ่นพ่อคุณเอ๋ย ยังไม่เคยเข้าศึกน้องนึกขาม แม้นโรมรันอันตรายเสียดายงาม ให้มีความเสน่หาทุกนารี บ้างนึกช่วยอวยชัยแต่ในจิต จงเรืองฤทธิ์รบแขกให้แตกหนี พอโมงเศษสิบบาทฆาตเภรี เจ้าพราหมณ์ศรีสุวรรณก้มบังคมลา กรุงกษัตริย์ตรัสอวยพระพรให้ จงมีชัยแก่ศัตรูหมู่มิจฉา ให้ผ่องแผ้วแคล้วคลาดซึ่งสาตรา ทรงศักดาดังนารายณ์วายกูณฐ์ ฯ ๏ ศรีสุวรรณกับสามเจ้าพราหมณ์พร้อม ประณตน้อมนบปิ่นบดินทร์สูร พอสบเนตรเกษรายิ่งอาดูร จำต้องทูลลามาขึ้นพาชี ให้ทหารขานโห่ขึ้นสามหน ดำเนินพลออกทวารอีสานศรี เสียงฆ้องกลองก้องสะเทื้อนธรณี พวกโยธีเดินกระบวนล้วนทวนธง พวกนายทัพขับม้าพยศย่าง ดูเหมือนอย่างหุ่นเชิดระเหิดระหง แกล้งชักน้อยซอยเต้นเผ่นผจง ผ่านมาตรงหน้าพลับพลาสง่างาม เหล่าทหารราญรณประจญศึก กระหึมฮึกโห่ก้องท้องสนาม ให้หยุดยั้งตั้งที่สีหนาม เรียงไปตามรัถยาหน้ากำแพง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งปังกลิมาวิชาเยนทร์ สุรเหนมูรตานชาญกำแหง เห็นชาวเมืองออกมาตั้งอยู่กลางแปลง ล้วนเสื้อแดงสักหลาดดาษดา นายทั้งสี่มีสัปทนกั้น แต่ไกลกันไม่ตระหนักรู้จักหน้า ทั้งสี่ค่ายนายหมวดตรวจโยธา ปังกลิมากองแขกแทรกสมทบ วิชาเยนทร์เกณฑ์ฝรั่งฝ่ายอังกฤษ มุรหงิดแข็งขันเข้าบรรจบ สุรเหนเกณฑ์ชวาล้วนกล้ารบ เข้าสมทบกับปิตันวิลันดา มลายูมูรตานเป็นนายทัพ สมทบกับกองฝรั่งบั้งกล่า เป็นโยธีสี่หมู่ผู้ศักดา ถือศัสตรากริชตรีกระบี่ยาว ฝ่ายทหารฝรั่งทั้งห้าหมื่น ถือแต่พื้นทวนคู่ใส่พู่ขาว บ้างถือหอกดาบสั้นกั้นหยั่นยาว เสียงเกรียวกราวเข้าสมทบบรรจบกัน ฝ่ายแม่ทัพทั้งสี่เสนีใหญ่ ต่างสอดใส่เสื้อแดงดูแข็งขัน คาดเข็มขัดรัดผ้าเช็ดหน้าพัน สวมเกราะกันอาวุธยุทธนา ใส่หมวกดำกำมะหยี่ล้วนมียอด ขนนกสอดแซมใส่ทั้งซ้ายขวา ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่ขึ้นขี่ม้า ให้โยธาเดินธงตรงออกไป ทหารรับโห่เร้าจะเอาฤกษ์ เอิกเกริกโกลาสุธาไหว เสียงกลองศึกกึกก้องทั้งฆ้องชัย พลไกรเกรียงกรูเป็นหมู่มา ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีสี่พี่เลี้ยง ได้ยินเสียงคึกคักมาหนักหนา พระองค์สั่นขวัญหนีดังตีปลา ภาวนาอวยชัยให้เจ้าพราหมณ์ สาวสุรางค์ต่างเห็นแขกฝรั่ง บ้างถอยหลังล้มทับกันวับหวาม กระสับกระส่ายกายสั่นให้ครั่นคร้าม กรุงกษัตริย์ตรัสห้ามให้แข็งใจ ฯ ๏ ฝ่ายศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ทรงกัณฐัศว์องอาจไม่หวาดไหว ม้าพี่เลี้ยงเคียงกันเป็นหลั่นไป เห็นทัพใหญ่ยกมาเป็นหน้ากระดาน จึงให้ยกโยธีตีตลบ เข้ารุมรบกลางแปลงแทงทหาร ตะลุมบอนฟอนฟันประจัญบาน ฝรั่งต้านต่อแย้งแทงด้วยตรี โยธาไทยไล่ฟันกระชั้นชิด ผลาญชีวิตแขกชวากะลาสี ทั้งไพร่นายตายล้มไม่สมประดี ได้ท่วงทีบุกบันกระชั้นตาม ฯ ๏ ฝ่ายกองทัพปังกลิมาวิชาเยนทร์ สุรเหนมูรตานชาญสนาม เห็นพวกพลย่นย่อต่อสงคราม ต่างคุกคามขู่ทัพเข้ารับรบ แกว่งกระบี่ขี่ม้าฝ่าทหาร ออกต่อต้านชาวบุรีตีตลบ หน่อกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงสินธพ ควบเข้ารบกับฝรั่งปังกลิมา พราหมณ์วิเชียรชิงสู้มูรตาน ปะทะทานทวนทบหลบถลา วิชาเยนทร์เผ่นฟาดด้วยสาตรา เจ้าโมรารับรองทำนองยุทธ์ เจ้าสานนนั้นสู้สุรเหน ล้วนจัดเจนกลอกกลับสัประยุทธ์ ไม่ถอยหลังพลั้งเพลี่ยงเพลงอาวุธ อุตลุดเลี้ยวไล่ในทำนอง ฝรั่งฟาดพลาดแพลงแทงด้วยกริช เจ้าพราหมณ์ปิดป้องกันผันผยอง หน่อกษัตริย์กวัดแกว่งพระแสงกระบอง เข้าตีต้องปังกลิมาชีวาวาย เจ้าโมราอานุภาพเอาดาบฉะ ตัดศีรษะสุรเหนกระเดนหาย วิเชียรนั้นฟันมูรตานตาย สานนนายพราหมณ์ฆ่าวิชาเยนทร์ พวกฝรั่งอังกฤษมุรหงิดแขก บ้างตื่นแตกต่างวิ่งทิ้งโล่เขน โยธาไทยไล่ทันฟันระเนน ที่ลุยเลนลงน้ำเที่ยวซ้ำแทง บ้างจับได้ไพร่เหล่าที่เมื่อยล้า เอาหมวกผ้ามิได้เหลือทั้งเสื้อแสง บ้างวิ่งบุกซุกซอนนอนตะแคง โยธาแทงฟันซ้ำระยำเยิน ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้ากรุงมุ่งเขม้น พอแลเห็นทัพแขกแตกตะเพิ่น ทรงพระสรวลเสียงสนั่นชั้นเชิงเทิน อย่ายืนเมินมนตรีเร่งตีกลอง ให้พวกเราชาวเมืองออกไปช่วย รับคนป่วยคนเจ็บเก็บเอาของ แล้วเพิ่มเติมออกไปให้หลายกอง พระยืนร้องเร็วเข้าเอาให้ตาย ฯ ๏ พระบุตรีดีใจดังได้แก้ว พระพักตร์แผ้วผ่องเหมือนดังเดือนฉาย กำนัลในใหญ่น้อยพลอยสบาย พวกผู้ชายสรวลเสเสียงเฮฮา ฯ ๏ ฝ่ายกองทัพกับเจ้าพราหมณ์ที่ตามรบ ฟันตลบซ้อนซับดับสังขาร์ ต้องลุยเลือดไหลนองท้องสุธา จนถึงป่าชายทุ่งนอกกรุงไกร จึงเลิกทัพกลับหลังยังสถาน เหล่าทหารโห่ลั่นสนั่นไหว เก็บศัสตราอาวุธแลธงชัย บ้างจับได้พาชีก็ขี่มา ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์เห็นธงทัพ รู้ว่ากลับพร้อมกันก็หรรษา ส่วนพระองค์ลงจากที่พลับพลา มายืนท่ากองทัพคอยรับพราหมณ์ ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นกรุงกษัตริย์ ลงกัณฐัศว์เยื้องย่างมากลางสนาม พอสบเนตรเกษราพะงางาม ต่างมีความชื่นชมโสมนัส ครั้นใกล้ถึงจึงคลานค่อยกรานก้ม มาบังคมธิบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ สาวสุรางค์ต่างเบียดกันเยียดยัด คอยฟังตรัสไต่ถามเนื้อความกัน ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ตรงเข้าใกล้ จึงปราศรัยว่าเจ้าแรงแข็งขยัน ช่วยรบแขกแตกตายวายชีวัน ขอเชิญขวัญนัยนาเข้าธานี แล้วพระองค์ทรงราชยานรัตน์ พร้อมขนัดแน่นสนมนารีศรี สองพระองค์ทรงวอจรลี พวกเสนีชีพราหมณ์ก็ตามมา ครั้นถึงวังสั่งให้จัดมนเทียรสถาน นอกปราการชั้นกลางที่ข้างหน้า ให้พราหมณ์อยู่อย่าได้ขัดอัธยา จะไปมามิให้ห้ามตามสบาย เอาหมอนวดโรงในไปไว้ด้วย จะได้ช่วยคลึงเคล้นดูเส้นสาย ครั้นเสร็จสั่งเสนีทั้งสี่นาย พระผันผายพาสุรางค์ไปปรางค์ทอง ฯ ๏ ฝ่ายเสนามาแต่งตามรับสั่ง กรมวังสับสนไปขนของ ทอดยี่ภู่ปูปัดสลัดละออง เขนยรองเขนยข้างมาวางเรียง ทั้งเครื่องอานพานพระศรีมีสำหรับ เอาฉากพับขึงกั้นชั้นเฉลียง ชวาลาอัจกลับสลับเรียง ได้พร้อมเพรียงให้เจ้าพราหมณ์ตามโองการ ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอิศเรศ กับพราหมณ์เทศอยู่บนมนเทียรสถาน เขาพิทักษ์รักษาพยาบาล ค่อยสำราญหายเหนื่อยที่เมื่อยล้า พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยง อัสดงแดดดับลับเวหา พระเผยแกลแลดูเดือนดารา เหมือนนวลหน้านุชน้องละอองนวล เสียดายนักภัคินีเจ้าพี่เอ๋ย แม้นได้เชยจะประคองครองสงวน ธุระรักหนักในใจรัญจวน ยิ่งอักอ่วนอารมณ์ให้ตรมตรอม กำแพงวังยังกั้นอยู่ชั้นหนึ่ง ไฉนจึงจะได้แอบแนบถนอม พี่ลักลอบปลอบประโลมก็โน้มน้อม แต่กีดจอมจักพรรดิถนัดใจ จึงปรึกษาสามพราหมณ์ตามวิตก เหมือนน้องยกเมรุมาศไม่หวาดไหว จะปลอบมิตรคิดอ่านประการใด จึงจะได้ดอกฟ้าลงมาชม ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ตอบปลอบน้องอย่าหมองหมาง พระนุชนางปลงจิตสนิทสนม ไม่คลาดแคล้วแล้วพ่อรออารมณ์ คงจะสมจิตน้องที่ตรองการ เรารบสู้กู้เมืองช่วยเปลื้องทุกข์ ได้ผาสุกสืบสมบัติพัสถาน เห็นทรงฤทธิ์บิดายุพาพาล จะประทานรางวัลเป็นมั่นคง เราอย่ารับกลับคืนถวายไว้ จึงค่อยไขข้อความตามประสงค์ พี่คาดจิตบิตุราชมาตุรงค์ คงให้องค์พระธิดาด้วยปรานี มาดแม้นแหนหวงทำหน่วงหนัก จึงค่อยลักกัลยาเจ้าพาหนี ความคิดพี่นี้เห็นเป็นเช่นนี้ พ่อเห็นดีด้วยบ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ ทำจู่ลู่ก็จะขัดอัชฌาสัย จะรอรั้งฟังดูภูวไนย แม้นไม่ให้โดยดีก็มิฟัง แล้วเอนเอกเขนกนิ่งอิงเขนย หอมระเหยหวนกลิ่นถวิลหวัง เห็นปรางค์ทองน้องนางอยู่กลางวัง คะนึงนั่งนึกหมายไม่วายครวญ ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์เศร้าสร้อยละห้อยหวน นึกปรานีศรีสุวรรณยิ่งรัญจวน มาหมองนวลเหนื่อยยากลำบากองค์ ที่การศึกนั้นก็เสร็จสำเร็จทุกข์ ที่การสุขยังไม่สมอารมณ์ประสงค์ แสนเสียดายป่านฉะนี้พระโฉมยง จะโศกทรงเศร้าหมองถึงน้องน้อย เมื่อจากกันวันนี้ที่ข้างหน้า ดูพักตราผ่านเกล้าเห็นเศร้าสร้อย ยิ่งรำลึกนึกน้ำพระเนตรย้อย แต่หลับม่อยแล้วสะดุ้งจนรุ่งราง จึงให้สี่พี่เลี้ยงเก็บดอกไม้ ดอกมะลิปลูกไว้ในกระถาง ใส่ขันทองรองพานคลานมาวาง พระนุชนางกรีดก้อยร้อยมาลัย เรียงประดับซับซ้อนค่อยสอดเข็ม เป็นพวงเต็มห่อเสร็จแล้วเด็ดใหม่ อันมาลีที่กระถางริมปรางค์ชัย พอเก็บได้คนละขันวันละพวง ใส่พานทองตองเจียนประจงปิด ให้ทรงฤทธิ์รูปทองเป็นของหลวง ส่วนนารีพี่เลี้ยงสิ้นทั้งปวง ต่างร้อยพวงมาลัยให้เจ้าพราหมณ์ สารภีพิกุลดอกบุนนาค ประสายากเถิดนะเจ้าเราทั้งสาม ศรีสุดาได้ดอกเข็มเห็นเต็มงาม จะให้พราหมณ์หน่อกษัตริย์ขัตติยา นางโฉมยงทรงตรัสว่าผลัดเปลี่ยน เป็นเวรเวียนกันไปให้บุปผา ทูลถวายกว่าจะวายดอกมาลา วันนี้พี่ศรีสุดาไปประเดิม ฯ ๏ นางนารีศรีสุดาหน้าเป็นเหม แสนเกษมแกล้งว่าอย่ามาเสริม มาลัยหลวงพวงหอมเป็นจอมเจิม ฉันพลอยเติมตามประสาเป็นข้าไท แล้วเข้าห้องส่องกระจกจับกระเหม่า ขี้ผึ้งเข้าชันย้อยสอยไม่ไหว เป็นการด่วนจวนจนต้องลนไฟ กรีดจุไรรอบเรียบระเบียบกลม แล้วผัดหน้าทาจันทน์กระแจะแป้ง นุ่งยกแย่งพื้นตองปักทองถม ทั้งกรองทองรองปิดให้ชิดชม ดูสวยสมเป็นบัลลังก์ที่นั่งรอง แล้วเชิญพานพวงมาลัยไปข้างหน้า บอกเขาว่าเยาวมาลย์ประทานของ จึงขึ้นบนมนเทียรทำเมียงมอง เจ้าพราหมณ์ร้องเชิญว่ามาข้างนี้ ฯ ๏ พี่เลี้ยงนั่งตั้งพานพวงบุปผา ไว้ตรงหน้าหมอบประณตบทศรี แล้วว่าองค์นงนุชพระบุตรี ร้อยมาลีมะลิลามาประทาน ดอกเข็มขาวพวงนั้นหม่อมฉันถวาย แต่กลิ่นอายคลายพร้อมไม่หอมหวาน สารภีที่ใส่มาในพาน ของเยาวมาลย์แม่อุบลคนสำคัญ ดอกพิกุลคุณจงกลเป็นคนร้อย ประภาน้อยดอกบุนนาคเขาฝากฉัน ให้สามพราหมณ์ตามมีไมตรีกัน แกล้งรำพันพ้อให้ในทำนอง ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบจิต จะได้ชิดชมพลางต่างเจ้าของ หยิบบุปผามาลัยมาใส่ลอง พอได้สองหัตถาเป็นขวาซ้าย จึงตรัสว่าดอกเข็มนี้เต็มรัก จะเคียงพักตร์พี่ไว้มิให้หาย นางฟังคำทำเมินสะเทิ้นอาย ทั้งสามนายยิ้มแย้มกระแอมไอ เจ้าสานนนั่งชมดมบุนนาค อุบลฝากมาให้ชิดพิสมัย เจ้าวิเชียรเชยพิกุลฉุนอาลัย ถึงสายใจเจ้าจงกลเป็นคนเคย เจ้าโมราดมสารภีรื่น ช่างหอมชื่นเช่นประภานิจจาเอ๋ย ต่างประคองของคู่ขึ้นชูเชย ไฉนเลยหลบหน้าไม่มาเยือน แล้วต่างสั่งศรีสุดาว่าช่วยบอก ถึงได้ดอกไม้ไว้ก็ไม่เหมือน แม้นเมตตาอีกสักห้าหกเจ็ดเดือน ขอเชิญเชือนมาบ้างอย่าหมางเมิน ฯ ๏ ศรีสุดาว่าคิดจะไปว่า ให้ได้มาแนบข้างไม่ห่างเหิน หน่อกษัตริย์ตรัสล่อให้พอเพลิน ค่าเชิงเดินคงจะได้เป็นไรมี ช่วยทูลแก้วเกษราเถิดหนาเจ้า พี่นอนเฝ้าฝันว่าพากันหนี จะขอคำทำนายร้ายหรือดี รุ่งพรุ่งนี้นะจงออกมาบอกกัน ฯ ๏ ศรีสุดาอภิวาทฉลาดพูด เทวทูตท่านมาเตือนจนเฟือนฝัน ข้ากับเจ้าคราวยากจะจากกัน กระหม่อมฉันนึกหมายจะวายวาง ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายตรัส เห็นไม่พลัดพรากน้องอย่าหมองหมาง เจ้าร่วมจิตชิดใช้อยู่ในนาง คงเคียงข้างคู่กันจนวันตาย ฯ ๏ ศรีสุดาดีใจใครจะเหมือน แต่ไหลเลื่อนลืมตนอยู่จนสาย ก็ลาพระโฉมงามกับสามนาย คอยนาดกรายกลับหลังเข้าวังใน นางทูลความตามสั่งมาทั้งหมด แล้วซ้ำปดเติมแต่งแถลงไข ครั้นรุ่งเช้าสาวน้อยร้อยมาลัย ลอบไปให้ชู้ชายไม่วายวัน ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ พูนสวัสดิ์วายวิโยคที่โศกศัลย์ ครั้นรุ่งแสงสุริย์ฉายขี้นพรายพรรณ จะรางวัลโยธาที่ราวี จึงออกนั่งยังท้องพระโรงหลวง พร้อมกระทรวงเสนาบดีศรี หน่อกษัตริย์กับสามเจ้าพราหมณ์ชี มาอยู่ที่เฝ้าพร้อมน้อมประณต ต่างบังคมบดินทร์สูรทูลถวาย ว่าศึกฝ่ายนอกที่มาล่าไปหมด สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงพระยศ จึงเผยพจนารถประภาษพลัน ให้เอาเงินเสื้อผ้ามาประทาน เหล่าทหารชาญกำแหงแข็งขยัน พวกนายมุลขุนนางได้รางวัล ทั้งบ่าวบรรดาได้ไปสงคราม แม้พระองค์ทรงตรัสกับข้าเฝ้า บุรีเราราบเตียนที่เสี้ยนหนาม จะรางวัลฉันใดให้เจ้าพราหมณ์ จะสมตามความชอบประกอบการ ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์เสนาพฤฒามาตย์ เฝ้าพระบาทดาษดาอยู่หน้าฉาน ทูลสนองต้องตามความโบราณ พระอวตารพูนบำเหน็จเมื่อเสร็จทัพ ให้เสนาพานรินทร์ไปกินเมือง ได้เจียดทองรองเรืองเครื่องประดับ ซึ่งเจ้าพราหมณ์รบแขกให้แตกยับ ก็ต้องกับมีในพระอัยการ ควรจะให้ไปรักษาอาณาเขต ครองประเทศธานินทร์เป็นถิ่นฐาน ทั้งเครื่องทรงมงกุฎสร้อยสังวาล ควรประทานให้เจ้าพราหมณ์ตามทำนอง ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์บดินทร์สูร ได้ฟังทูลถูกระบอบตอบสนอง ซึ่งปรึกษาเหมือนเรานึกที่ตรึกตรอง จะให้ครองจันตประเทศเป็นเขตคัน มีเครื่องอานพานพระศรีที่ลูกหลวง ทุกกระทรวงเร่งรัดไปจัดสรร ตาบประดับทับทรวงสังวาลวรรณ ให้ครบครันเครื่องทรงอลงการ ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมบรมนาถ เชิงฉลาดผันผ่อนให้อ่อนหวาน ซึ่งพระองค์ทรงศักดิ์จักรพาล จะประทานบ้านเมืองแลเครื่องทรง ขอคืนไว้ในท้องพระคลังหลวง ข้าทั้งปวงพี่น้องไม่ต้องประสงค์ ซึ่งอาสามาประจญรณรงค์ หวังพระองค์ทรงฤทธิ์เหมือนบิดา ด้วยท่องเที่ยวเปลี่ยวอกเหมือนนกไร้ ไม่มีไม้รวงรังเป็นฝั่งฝา อันโฉมงามพราหมณ์น้อยผู้น้องยา ขอฝากไว้ใต้ฝ่าบาทบงสุ์ แต่ข้าสามพราหมณ์พี่จะลีลาศ เที่ยวประพาสหิมวาป่าระหง ควรมิควรข้อใดที่ใจจง ขอพระองค์ออกโอษฐ์ช่วยโปรดปราน ฯ ๏ พระฟังคำทำเชือนเบือนพระพักตร์ รู้ว่ารักพระธิดาไม่ว่าขาน แต่นิ่งนึกตรึกตราอยู่ช้านาน จะคิดอ่านเอาใจฉันใดดี ครั้นจะให้พระธิดายุพาพักตร์ จะเสียศักดิ์กษัตราน่าบัดสี แม้นมิให้ก็ไม่อยู่ในบุรี เสียดายฝีมือณรงค์ทรงกำลัง จะเล้าโลมเอาใจเขาไว้ก่อน ค่อยคิดผ่อนเพทุบายต่อภายหลัง จึงว่าเจ้าข้าวของให้คืนคลัง เพราะเยาว์ยังมิได้อยู่กับคู่ครอง เป็นไรมีที่ประสงค์จำนงนึก เราก็ตรึกอยู่ดอกเจ้าอย่าเศร้าหมอง จะเลี้ยงไว้ในบูรีทั้งพี่น้อง เป็นบุตรของบิดาอย่าอาดูร ทั้งแว่นแคว้นแดนสุธาอาณาจักร เจ้าจงรักสิ่งใดมิให้สูญ เว้นแต่ดาวดวงตะวันอันจำรูญ จงเพิ่มพูนผาสุกทุกเวลา พ่อนึกหวังตั้งจิตคิดปรารภ จะได้ฝากซากศพโอรสา พระโอนอ่อนผ่อนผันจำนรรจา แล้วลีลากลับหลังเข้าวังใน ฯ ๏ ฝ่ายเสนาข้าเฝ้ากับเจ้าพราหมณ์ ต่างไต่ถามพูดจาอัชฌาสัย ที่รู้เท่าเย้าหยอกให้ยวนใจ พ่อคงได้สิ่งของที่ต้องการ ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายสบายจิต ขึ้นสถิตแท่นวิเชียรมนเทียรสถาน พราหมณ์พี่เลี้ยงเคียงสำรวลชวนสำราญ พระโปรดปรานเปรื่องนักหนานุชาเรา แต่เดือนสามห้ามฤกษ์มงคลราช จะต้องคลาดแคล้วเคลื่อนไปเดือนเก้า น่าหัวเราะเคราะห์กระไรไม่บรรเทา แกล้งหยอกเย้ายวนยีศรีสุวรรณ ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่านิจจาเอ๋ย อย่าพักเย้ยยิ้มเยาะหัวเราะฉัน ถึงอกพี่ที่เป็นก็เช่นกัน ต่างสรวลสันต์สนทนาสุขาใจ ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าบุรีรมจักร กับองค์อัครชายาอัชฌาสัย ครั้นพลบค่ำย่ำปฐมยามชัย สถิตในแท่นทองทั้งสององค์ กรุงกษัตริย์ตรัสเล่าถึงเจ้าพราหมณ์ ที่ทูลความเกี่ยวข้องต้องประสงค์ เห็นท่วงทีศรีสุวรรณนั้นจำนง ในโฉมยงยุพเรศเกษรา นี่แน่เจ้าเราจะทำกระไรได้ วิสัยไพร่กับกษัตริย์ขัดหนักหนา สายสมรผ่อนผันด้วยปัญญา จะพูดจาคิดอ่านประการใด ฯ ๏ นางโฉมยงทรงฟังรับสั่งตรัส ชุลีหัตถ์ยิ้มย่องสนองไข เพราะพระพามาถึงปรางค์ที่ข้างใน แล้วซ้ำให้เสกสะเดาะเคราะห์ธิดา อันลูกสาวท้าวไทถ้าใครเห็น ไม่วายเว้นหวังสวาทปรารถนา แต่พราหมณ์น้อยน่ารักลักขณา สมกับแก้วเกษราวิลาวัณย์ น้องพิศดูภูษาจินดาประดับ เครื่องสำหรับพงศ์กษัตริย์ล้วนจัดสรร ทั้งกิริยาพาทีก็ดีครัน เหมือนพงศ์พันธุ์ท้าวพระยามาแต่ไกล แต่สามพราหมณ์นั้นแลงามเป็นพราหมณ์แท้ กระนี้แน่แล้วพระองค์อย่าสงสัย คุณของเขาเล่าก็อยู่กับภูวไนย พระตรึกไตรตรองความดูตามควร ฯ ๏ พระฟังนางอย่างจะให้มิได้ห้าม เห็นรักพราหมณ์ลุ่มหลงทรงพระสรวล จึงว่าพี่นี้คะเนยังเรรวน สงสารนวลลูกน้อยจะถอยยศ แม้นเชื้อวงศ์พงศ์เผ่าเหมือนเจ้าว่า จะเสกสองครองพาราให้ปรากฏ จะค่อยลอบปลอบถามให้งามงด แล้วทรงยศไสยาในราตรี ฯ ๏ ครั้นรุ่งเช้าท้าวออกพระโรงรัตน์ แกล้งทรงตรัสไต่ถามความกรุงศรี ศรีสุวรรณนั้นเฝ้าฟังคดี ถึงสิบสี่สิบห้าทิวาวัน จะโปรดให้หรือไม่ให้ไม่ได้ข่าว ไปเฝ้าท้าวเธอก็ชวนแต่สรวลสันต์ เสด็จขึ้นคืนมาปรึกษากัน ศรีสุวรรณว่าฉันเห็นไม่เป็นการ พวกในวังฟังข่าวก็เปล่าหมด เห็นจะปดแต่หากว่าปากหวาน จะลักแก้วเกษรายุพาพาล ไปสำราญแรมป่าพนาลัย พี่จัดแจงแต่งผูกสำเภาน้อย พาล่องลอยไปตามแม่น้ำไหล เจ้าพราหมณ์ตอบปลอบน้องให้ต้องใจ ถึงจะไปก็ให้งามตามธรรมเนียม ด้วยชนกชนนีเป็นที่รัก ทำหาญหักโฉมฉายจะอายเหนียม คิดเพลงยาวน้าวโน้มประโลมเลียม ว่ากรมเกรียมตรอมอุราจะลาจร นางโฉมยงคงจะตามเจ้าพราหมณ์น้อย อย่าเศร้าสร้อยทรงประดิษฐ์คิดอักษร พระฟังความสามนายค่อยคลายร้อน จึงเขียนกลอนแกล้งไว้อาลัยลาน ครั้นเสร็จสรรพพับผนิดติดขี้ผึ้ง พอประภามาถึงมนเทียรสถาน ถวายพวงมาลัยที่ในพาน แล้วก้มกรานคอยฟังจะสั่งความ ฯ ๏ ศรีสุวรรณรันทดถอนใจใหญ่ แล้วว่าใจฉันนี้เจ็บดังเหน็บหนาม สู้เหนื่อยยากพากเพียรพยายาม ไม่สมความปรารถนาน่าเสียดาย ไม่ขออยู่สู้ซนไปจนม้วย หนังสือนี้พี่ช่วยเอาไปถวาย ส่งให้นางพลางทำระทวยกาย ทั้งสามนายแกล้งสะท้อนถอนฤทัย นางประภาพิศดูไม่รู้เท่า สงสารเจ้าโมราน้ำตาไหล จะไต่ถามขามเขินสะเทิ้นใจ ถอนใจใหญ่แล้วลาเข้ามาวัง ถึงพระนุชบุตรีที่ในห้อง ทูลฉลองเล่าตามเนื้อความหลัง พระโฉมยงทรงโศกเพียงทรวงพัง แล้วหยิบหนังสือถวายสายสุดใจ ฯ ๏ ยุพยงทรงสดับรับกระดาษ นึกประหลาดหลากจิตคิดสงสัย ธุระเรื่องเคืองเข็ญเป็นอย่างไร แล้วทรามวัยคลี่สารออกอ่านกลอน ฯ ๏ ในสาราว่าพระองค์ทรงสวัสดิ์ ขอเสี่ยงสัตย์ศุภลักษณ์เป็นอักษร ให้ดวงเนตรเกษราพะงางอน ด้วยอาวรณ์หวังสวาทไม่ขาดวัน เมื่ออยู่สวนครวญถึงคะนึงน้อง แม้นจะรองชลนาก็กว่าขัน คราวสะเดาะเคราะห์พบประสบกัน กับเมื่อวันสงครามเป็นสามครั้ง ครั้นกลับทัพลับนุชสุดสวาท ใจจะขาดคิดหมายไม่วายหวัง ถึงอยู่นอกแต่น้ำใจอยู่ในวัง จะนอนนั่งในอารมณ์ให้กรมกรอม โอ้อนาถวาสนาพี่หาไม่ จึงมิได้ชิดเชื้อแม่เนื้อหอม เหมือนมดแดงแฝงพวงมะม่วงงอม เที่ยวไต่ตอมเต็มอยู่ไม่รู้รส พี่รักเจ้าเอาชีวาเข้ามาแลก ช่วยรบแขกแตกทัพกลับไปหมด มาอยู่วังตั้งเดือนดูเหมือนมด ละอายอดสูใจกระไรเลย เมื่อเสร็จศึกนึกจะสมอารมณ์มาด พระบิตุราชรู้แจ้งก็แกล้งเฉย ชะรอยเคราะห์เพราะบุญไม่คุ้นเคย ขอลาเลยล่วงสวรรคครรไล จะขืนอยู่สู้โศกก็สุดปล้ำ ในทรวงช้ำเช่นเขาเชือดให้เลือดไหล เหลือกำลังจะประทังฤทัยไป พี่จำไกลกลอยสวาทในชาตินี้ เมื่อชาติหน้าอย่าให้แคล้วกับแก้วเนตร ให้กอดเกษราชมประสมศรี เป็นมนุษย์ครุฑาวาสุกรี ขอให้พี่พิศวาสทุกชาติเอย ฯ ๏ นางอ่านจบตบอกตกประหม่า อนิจจาพระทองของน้องเอ๋ย ที่คับแค้นแสนเข็ญไม่เห็นเลย ขืนว่าเฉยเชือนช้าไม่ปรานี กรรมเอ๋ยกรรมซ้ำร้ายอายอดสู จะมีคู่คู่ก็อางขนางหนี ไหนจะทุกข์ไหนจะตรมระทมทวี ทรวงเท่านี้หรือจะรับอัประมาณ จะจากจริงทิ้งน้องหรือลองจิต โอ้คิดคิดถึงพระองค์น่าสงสาร จะบรรลัยเสียให้พ้นทนทรมาน พิษฐานขอครองกับน้องน้อย ทุกข้อคำร่ำว่าน่าสมเพช ชลเนตรหยดเหยาะลงเผาะผ็อย พระละห้อยคอยน้องน้องก็คอย โอ้บุญน้อยน้อยใจกระไรเลย สะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์จนลมจับ สลบหลับแน่นิ่งอิงเขนย ทั้งสี่นางต่างแลชะแง้เงย เอะทรามเชยเป็นไฉนไม่ไหวติง เข้าประคองร้องหวีดเสียงกรีดกราด ใจจะขาดซบเสือกลงเกลือกกลิ้ง ทุกข์ระทมลมปะทะศีรษะวิง สลบนิ่งอยู่กับที่ทั้งสี่นาง ฯ ๏ ฝ่ายแสนสาวชาวแม่มาแลเห็น น้ำตากระเด็นค่อนทรวงเข้าผางผาง แม่ปิ่นเกล้าเจ้านายมาวายวาง สาวสุรางค์ร้องเรียกกันเพรียกไป บ้างโศกีตีอกชกศีรษะ สงสารพระธิดาน้ำตาไหล บ้างรีบไปทูลฉลองสองท้าวไท พระตกใจจับภูษาละล้าละลัง ลงจากปรางค์ต่างองค์ทรงกันแสง ทุกตำแหน่งนางห้ามมาตามหลัง ถึงปราสาทราชบุตรไม่หยุดยั้ง ขึ้นบัลลังก์เห็นพี่เลี้ยงเคียงลูกยา ไม่ไหวติงนิ่งแน่แลสลด ต้องกำสรดซบกายทั้งซ้ายขวา พระมารดรช้อนเกศกอดธิดา ทรงโศกาสองกรเข้าข้อนทรวง ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสเร่งให้เรียกหมอ วิ่งกันสอเสียงดังทั้งวังหลวง นางโขลนจ่าพาพวกแพทย์ทั้งปวง ทุกกระทรวงมาพร้อมน้อมประณต กรุงกษัตริย์ตรัสว่าบรรดาหมอ อย่ารั้งรอเร่งรักษาหาโอสถ หมอคำนับจับถ้วยสุธารส ละลายบดยาถวายให้หายฟื้น ฯ ๏ พระบุตรีพี่เลี้ยงค่อยรู้สึก ทรวงสะทึกถอนใจไห้สะอื้น เป็นโรครักปักจิตดังพิษปืน อุตส่าห์ฝืนองค์นั่งประทังกาย ทั้งหิวโหยโดยมิได้จะไสยาสน์ เตโชธาตุหย่อนยิ่งสวิงสวาย ผิดสังเกตเนตรนางก็พร่างพราย ให้คลับคล้ายเคลิ้มอารมณ์ไม่สมประดี เหมือนหนึ่งในใจจะขาดประหวาดหวั่น ว่าศรีสุวรรณกับสามเจ้าพราหมณ์หนี ยิ่งแสนโศกโรคทับกลับทวี ไม่พาทีซวนซบสลบไป ฯ ๏ พระบิตุราชมาตุรงค์พระองค์สั่น หมอทั้งนั้นเซ็งแซ่เข้าแก้ไข ไม่ฟื้นองค์สงสารสายสุดใจ ร่ำร้องไห้แซ่เสียงทั้งเวียงวัง พระชนนีตีทรวงสะอื้นอ้อน โอ้ขวัญอ่อนแม่ไม่ฟื้นคืนมามั่ง แต่ร่ำเรียกลูกน้อยสักร้อยครั้ง ไม่เหลียวหลังมาทางแม่บ้างเลย เมื่อมดหมอก็สุดฝีมือแล้ว สงสารแก้วเกษรานิจจาเอ๋ย มีอันเป็นเช่นนี้ยังมิเคย นางบ่นเบยครวญคร่ำร่ำพิไร ฯ ๏ พระบิดาอาดูรพูนเทวษ ชลเนตรหยดย้อยละห้อยไห้ เสียดายบุตรสุดสวาทจะขาดใจ พอคิดได้เหลียวหลังสั่งกำนัล ไปเชิญพราหมณ์ที่ข้างหน้าเข้ามานี่ เขาล้วนมีมนต์เวทวิเศษขยัน พวกผู้หญิงวิ่งมาข้างหน้าพลัน อภิวันท์แจ้งความให้พราหมณ์ฟัง ฯ ๏ ศรีสุวรรณขวัญหายหมายว่าม้วย จะไปช่วยฉุดเจ้าพราหมณ์มาตามหลัง ไม่รอรั้งวิ่งเหย่าเข้าในวัง เห็นคนพรั่งพร้อมกันกลั้นน้ำตา ขึ้นปรางค์ทองมองเมียงอยู่เพียงฉาก ไม่เห็นซากศพมิตรขนิษฐา กรุงกษัตริย์เห็นพราหมณ์ตามกันมา จึงบอกว่าบุตรีมีอันเป็น ครั้นแก้ฟื้นคืนแล้วกลับสลบ ไม่เคยพบพ่อเอ๋ยไม่เคยเห็น ทั้งกายาหน้าหลังยังไม่เย็น จะกลับเป็นหรือจะม้วยพ่อช่วยดู ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นจะใคร่เข้าใกล้น้อง จึงว่าต้องเทวดาพระราหู เคยแก้หายหลายคนด้วยมนต์ครู จะขอดูกายายุพาพาล ฯ ๏ พระทรงฟังสั่งให้ไขวิสูตร พอม่านรูดแลเห็นองค์น่าสงสาร พระพักตร์ผ่องหมองคล้ำเพราะรำคาญ ทั้งซ้ำอ่านอักขราก็พาเฟือน ศรีสุวรรณนั้นหลงทรงกันแสง โอ้เสียแรงรักใคร่ใครจะเหมือน สู้อุตส่าห์พยายามมาสามเดือน เจ้าพราหมณ์เตือนตกใจกระไรเลย พระบิตุราชมาตุรงค์พลอยสงสาร ไม่ว่าขานขวยเขินทำเมินเฉย พวกแสนสาวชาวแม่ชะแง้เงย ไฉนเลยพราหมณ์น้อยพลอยโศกา ฯ ๏ หน่อกษัตริย์อัดอั้นกลั้นสะอื้น น้ำตาชื้นพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา แข็งพระทัยให้เอาน้ำอบมา ภาวนานึกความไปตามจน ขอเทวัญชั้นฟ้าสุธาทิพย์ อันลอยลิบเหาะเหินเที่ยวเดินหน ทั้งปู่เจ้าเขาหลวงข้าบวงบน ขอนิมนต์มาด้วยช่วยชีวี แม้นแก้วเนตรเกษรากับข้าบาท เคยร่วมอาสน์เชยชมประสมศรี ขอให้น้ำในขันสุวรรณนี้ ดังวารีท้าวสุทัศน์สหัสนัยน์ แล้วเข้าเคียงเตียงสุวรรณบรรจถรณ์ เห็นนิ่งนอนนึกน่าน้ำตาไหล ค่อยปัดเป่าพรมพรำน้ำดอกไม้ ชายสไบโบกปัดช่วยพัดวี เดชะสัตย์อธิษฐานสำราญรื่น ค่อยพลิกฟื้นกายามารศรี เห็นพราหมณ์น้อยเคียงข้างนางยินดี อัญชลีแล้วก็หลบซบพักตรา ฯ ๏ พระบิตุราชมาตุรงค์ตรงเข้าใกล้ ประคองให้ทรงกายทั้งซ้ายขวา เจ้าพราหมณ์น้อยถอยหลังหลีกออกมา นั่งอยู่หน้าม่านทองที่ห้องกลาง สองกษัตริย์ตรัสปลอบพระลูกแก้ว ไม่ม้วยแล้วนวลละอองอย่าหมองหมาง แม่เป็นไรกายสั่นทั้งสรรพางค์ อย่าครวญครางบอกแม่จะแก้กัน ฯ ๏ สงสารนุชบุตรีศรีสมร กำเริบร้อนโรคาเพียงอาสัญ ได้เห็นคู่ชูชื่นขึ้นครันครัน อภิวันท์ทูลฉลองสองพระองค์ ลูกฟั่นเฟือนเหมือนกับจะดับจิต ให้มืดมิดมึนตึงตะลึงหลง สุดจะฝืนขืนแข็งแรงดำรง หากพระองค์ช่วยรอดไม่วอดวาย ฯ ๏ สองกษัตริย์ตรัสแจ้งแถลงเล่า เพราะมนต์เจ้าพราหมณ์น้อยจึงค่อยหาย แต่โรคร้ายภายในยังไม่คลาย จงสบายบรรทมอย่าก้มกราน หลังสั่งสี่พี่เลี้ยงจงโลมเล้า ให้กินข้าวกินปลากระยาหาร พวกสาวสาวเหล่านางพนักงาน เอาอาการคอยออกไปบอกความ แล้วลีลามายังบัลลังก์รัตน์ โองการตรัสเรียกศรีสุวรรณถาม อันโรคแก้วเกษราพะงางาม ใจเจ้าพราหมณ์เห็นจะรอดหรือวอดวาย ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางบังคมบรมนาถ อันโรคราชธิดาจะช้าหาย ถึงจะแก้แต่ไข้ก็ไม่คลาย ด้วยโรคร้ายรวนเรรำเพรำพัด ให้พวกแพทย์หมอยารักษาด้วย จะได้ช่วยแรงเขาข้างเป่าปัด หม่อมฉันกับหมอขอค้างอยู่ปรางค์รัตน์ จะได้ผลัดนอนนั่งฟังอาการ ถ้าทีนี้มีอันเป็นเหมือนเช่นนั้น แก้ไม่ทันถึงตัดอัติสาร จะลงยันต์กันไว้ทุกใบบาน อ่านโองการแก้กันอันตราย ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงสดับ เจ้าพราหมณ์รับอาสาว่าช้าหาย ก็รู้เท่าเข้าใจในอุบาย อันแยบคายคิดจะอยู่ดูธิดา เดิมก็หวังตั้งใจจะให้เขา เดี๋ยวนี้เล่าเขาก็กลับรับรักษา ตามกุศลผลกรรมที่ทำมา วาสนาลูกน้อยกลอยฤทัย จึงแกล้งตรัสกลบเกลื่อนเหมือนไม่รู้ เออเอ็นดูเราด้วยช่วยแก้ไข แล้วสั่งเหล่าชาวที่บรรทมใน จงจัดให้หลับนอนผ่อนสบาย ศรีสุวรรณกันเองอย่าเกรงขาม กับสามพราหมณ์อยู่รักษากว่าจะหาย แล้วถามถึงลูกน้อยว่าค่อยคลาย ชวนกำนัลผันผายไปสู่ปรางค์ ฯ ๏ ฝ่ายชาวที่ทอดยี่ภู่ปูบรรจถรณ์ ให้พราหมณ์นอนผาสุกที่มุขขวาง สุจหนี่ยี่ภู่ปูสำอาง เอาฉากกางกั้นห้องตรงช่องแกล ที่หมออยู่ปูพรมให้สมหน้า กับเครื่องยาเอามาวางไม่ห่างแห พวกโขลนจ่ามาอยู่คอยดูแล กับเถ้าแก่ที่สำหรับกำกับกัน ฯ ๏ สงสารเจ้าเกษราธิดาราช ทรงไสยาสน์ยามวิโยคให้โศกศัลย์ ทั้งไข้ใจไข้ฉลุประจุบัน ให้ป่วนปั่นปวดเศียรอาเจียนลม หมอประกอบยาถวายหลายขนาน พระอาหารกลั้วกลืนยังขื่นขม ให้หิวโหยโรยราในอารมณ์ นิ่งบรรทมพอประทังกำลังองค์ สี่พี่เลี้ยงเคียงข้างไม่ห่างโฉม ปลอบประโลมทรามสงวนนวลหง นางชูชื่นขืนแข็งแรงดำรง ถามถึงองค์หน่อไทไปหรือยัง ฯ ๏ พี่เลี้ยงยิ้มพริ้มพรายค่อยคลายโศก จะดับโรคในอารมณ์ให้สมหวัง ค่อยกระซิบเบาเบาเล่าให้ฟัง พระองค์ยังอยู่รักษาพยาบาล เขาจัดให้ไสยาตรงหน้ามุข เป็นผาสุกร่วมปราสาทราชฐาน แต่แรกรู้ดูรีบมาลนลาน น่าสงสารโศกาต่อหน้าคน ฯ ๏ นางฟังคำร่ำเล่าถึงทรงเดช ชลเนตรหยดย้อยดังฝอยฝน แต่ค่อยชื่นฝืนกำลังประทังทน บรรทมบนแท่นรัตน์ชัชวาล ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิสร ยามสมรมีโรคโศกสงสาร คอยเรียกเหล่าสาวสรรค์พนักงาน ถามอาการกัลยาทุกนารี ที่นึกรักซักไซ้มิใคร่จบ ชำเลืองพบสาวน้อยชม้อยหนี ครั้นโพล้เพล้เพลาจะราตรี แสงอัคคีโคมสว่างดังกลางวัน สำเนียงนางครางครวญหวนละห้อย พระเศร้าสร้อยพลอยทรงกันแสงศัลย์ แสนรัญจวนป่วนใจด้วยไกลกัน สุดจะกลั้นกลัวความเมื่อยามร้อน จึงเสแสร้งแกล้งว่าเวลาค่ำ จะต้องทำกันกายสายสมร ถือใบตาลกระบองเพชรเสด็จจร ไปบรรจถรณ์แท่นสถิตพระธิดา ฯ ๏ พี่เลี้ยงน้อมพร้อมพรั่งเชิญนั่งอาสน์ พระหน่อนาถนิ่งพินิจขนิษฐา ดูเผือดผิวหิวโหยเห็นโรยรา ทั้งนวลหน้าน้องรันทดสลดลง แล้วผอมซูบรูปองค์ทรงสัณฐาน แสนสงสารทรามสงวนนวลหง เงียบระงับหลับอยู่ไม่รู้องค์ พระเคลิ้มหลงลูบนางทางประโลม ฯ ๏ พระธิดาว้าหวั่นกระสันเสียว ชำเลืองเหลียวเห็นองค์พระทรงโฉม มานั่งเรียงเคียงข้างสว่างโคม ที่ทุกข์โทมนัสนั้นค่อยบรรเทา อุตส่าห์ทรงองค์ขยับอภิวาท น้องไสยาสน์ยกโทษจงโปรดเกล้า ด้วยหนาวเหน็บเจ็บปวดให้รวดร้าว พระมาเฝ้าอยู่ไยไม่ไสยา ฯ ๏ พระรับขวัญขวัญใจวิไลลักษณ์ เพราะความรักพี่จึงอยู่สู้รักษา ให้น้องน้อยค่อยสบายคลายโรคา จึงจะลาโฉมเฉลาเยาวมาลย์ ซึ่งซูบกายสายสมรเพราะร้อนโรค พี่พลอยโศกซูบลงเพราะสงสาร แม่เจ็บไข้พี่ก็ไข้ใจรำคาญ เยาวมาลย์ม้วยหมายจะตายตาม พี่รักน้องสองกษัตริย์ก็ทราบสิ้น ยุพาพินเจ้าอย่าหมางระคางขาม ขอฟูมฟักรักษาพะงางาม ให้สมความรักใคร่อาลัยลาน แม่แก้วเนตรเกษราอุตส่าห์เสวย อย่าละเลยโภชนากระยาหาร นางคำนับรับรสพจมาน พระสงสารรับขวัญให้บรรทม คอยระวังนั่งเฝ้าแต่เป่าปัด สองกษัตริย์สุจริตสนิทสนม ไม่เดียงสาน่าเอ็นดูเหมือนคู่ชม นางบรรทมพระประทับให้หลับไป ฯ ๏ ฝ่ายโขลนจ่าข้าหลวงที่ล่วงรู้ สังเกตดูมั่นคงไม่สงสัย ต่างปรึกษาว่ากรรมทำอย่างไร ถ้าใครใครเขามาเห็นไม่เป็นการ เจ้าพราหมณ์น้อยพลอยเข้าไปอยู่ในห้อง เคียงประคองพระธิดาน่าสงสาร ดูสนิทชิดเชื้อเหลือประมาณ จะมินานแล้วกระมังจึงอย่างนี้ บ้างบ่นว่าถ้าทราบถึงทรงเดช พวกเรานี้มิวิเสทก็โรงสี บางคนว่าน่าชมสมกันดี เราจะมีผิดไยมิใช่การ พวกท้าวนางต่างห้ามให้ความหาย อย่าวุ่นวายว่ากล่าวให้ร้าวฉาน นางประชวรส่วนเธอมาพยาบาล น่าสงสารสงสัยทำไมมี ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สู้อดนอนมารักษามารศรี เห็นนางหลับจับพัชนีวี อยู่ข้างที่แท่นทองจนสองยาม ฯ ๏ ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยงเคียงบรรจถรณ์ ต่างว่าวอนทรงฤทธิ์ด้วยคิดขาม เข้าฟูมฟักรักษาชะล่าลาม ท้าวทราบความเคืองขุ่นจะวุ่นวาย คำโบราณท่านว่าอย่าละโมบ ถ้าหลงโลภลาภน้อยจะพลอยหาย พวกแสนสาวท้าวนางเจ้าขรัวนาย รู้ระคายเขาจะว่าน่ารำคาญ ฯ ๏ พระเคืองคำทำตอบว่าชอบอยู่ พี่ไม่รู้หรือว่ารักสมัครสมาน ได้ทูลขอรอมาก็ช้านาน ไม่เป็นการย่อมรู้อยู่ด้วยกัน เพราะเจียมตัวกลัวผิดจึงปิดป้อง แทบพระน้องเกษราจะอาสัญ เดชะบุญหนุนมารักษาทัน จะให้ฉันทิ้งนางเสียอย่างไร ถึงผิดพลั้งครั้งนี้เมื่อวิบาก จะจรจากแก้วตาอย่าสงสัย ไม่ว่าเล่นเป็นไรก็เป็นไป ได้เจ็บใจแล้วไม่คิดชีวิตเลย พอแปดทุ่มพระธิดาผวาผวาด พระหน่อนาถนั่งประคองรองเขนย ปลอบประโลมโฉมงามว่าทรามเชย เชิญเสวยโอสถสะกดลม ฯ ๏ นางคำนับรับจอกจากพระหัตถ์ ไม่ข้องขัดอุตส่าห์กลืนทั้งขื่นขม สงสารองค์ทรงยศอดบรรทม พลอยปรารมภ์ร่ำว่าสารพัน พระผ่านเกล้าเฝ้านั่งระวังน้อง จะหม่นหมองมีพระโรคให้โศกศัลย์ เสด็จไปไสยาสน์อาสน์สุวรรณ พอแก้กันครหาไม่ราคิน ด้วยแสนสาวท้าวนางในปรางค์มาศ จะประหลาดหลากจิตคิดถวิล ถึงมิชั่วก็เหมือนชั่วมั่วมลทิน เขาจะนินทาทำให้รำคาญ ถึงชนกชนนีจะมิว่า เห็นแก่หน้าน้องรักอย่าหักหาญ คำผู้ใหญ่ย่อมว่าช้าเป็นการ ยิ่งเนิ่นนานก็ยิ่งเห็นจะเป็นคุณ พระรักน้องน้องก็รู้อยู่ว่ารัก แต่คิดหักหน่วงเหนี่ยวอย่าเฉียวฉุน มาฟูมฟักรักษาเพราะการุญ ขอบพระคุณควรคิดเหมือนบิดา แม้นชีวิตน้องมิตายก็หมายมาด จะรองบาทบทเรศพระเชษฐา แม้นผิดองค์ทรงเดชของเกษรา ถึงลอยฟ้ามาก็ไม่อาลัยแล ยังมิดมิดอยู่ก็ปิดไว้ก่อนเถิด อย่าเพิ่งเปิดให้เขาเห็นว่าเป็นแผล ใช่ไกลใกล้ไปมาเพียงหน้าแกล ไม่ห่างแหเห็นกันทุกวันคืน อดบรรทมลมล่อยจะพลอยจับ ไปนอนหลับผ่อนพักเสียสักตื่น เข้ายามสามย่ำประโคมอยู่โครมครื้น พระมาขืนเนตรนั่งไม่บังควร ฯ ๏ พระรับขวัญขวัญอ่อนอย่าร้อนเร่า ไม่ขัดเจ้าโฉมงามทรามสงวน พี่เหมือนหมอขอช่วยด้วยประชวร ใช่จะกวนแก้วตาให้ราคี อย่าตรึกตราปรารมภ์บรรทมเถิด โรคจะเกิดกวนน้องให้หมองศรี พลางปลอบให้ไสยาด้วยปรานี แล้วช่วยคลี่คลุมบรรทมห่มให้นาง เห็นม่อยหลับกลับหลังมายังอาสน์ อิงเขนยเผยสิงหาสน์ให้กว้างขวาง เล่าแถลงแจ้งความให้พราหมณ์พลาง พระนุชนางน้องน้อยเห็นค่อยคลาย ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มเพราเข้ากระซิบ วางยาทิพย์แล้วเป็นไรจะไม่หาย ประเดี๋ยวนี้พี่ก็พลอยค่อยสบาย ด้วยกลิ่นอายเกสรขจรมา แล้วเลียมลูบจูบหัตถ์ทั้งสองข้าง น้อยหรือช่างหอมกระทั่งพระมังสา ประหลาดจิตผิดรสสุคนธา หรือดอกฟ้าติดต้องละอองนวล ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางตอบว่าขอบจิต กลิ่นชาววังยังติดมาแต่สวน อย่าอาวรณ์ร้อนเร่าเฝ้าคร่ำครวญ จะช่วยชวนมาในฉากไม่ยากเย็น พราหมณ์หัวเราะเยาะว่ามาอยู่ใกล้ เมื่อคราวใคร่ก็เป็นแต่ได้แลเห็น ถ้าขัดข้องต้องพาน้ำตากระเด็น พูดกันเล่นอยู่จนแจ้งแสงอุทัย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ชนนีนาถ พอภาณุมาศไตรตรัสจรัสไข มาปราสาทพระธิดาด้วยอาลัย เข้าห้องในแท่นทองประคององค์ เห็นลูกน้อยค่อยคลายวายวิโยค ถามถึงโรคที่ประชวรนวลหง ที่วิงเวียนเศียรสมรค่อยหย่อนลง หรือโฉมยงยังรำคาญประการใด ฯ ๏ พระบุตรีกราบก้มบังคมบาท นุชนาฏเล่าแจ้งแถลงไข ได้โอสถรสรื่นค่อยชื่นใจ แต่ยังให้หิวโหยโรยกำลัง ฯ ๏ พระมารดาวอนว่าอุตส่าห์เสวย แม่ทรามเชยจะได้ชื่นขึ้นมานั่ง จงหลับนอนผ่อนใจให้ประทัง รำพันสั่งบุตรีแล้วลีลา มานั่งแท่นที่กลางปรางค์ปราสาท กำนัลนาฏหมอบรายทั้งซ้ายขวา หน่อกษัตริย์ตรัสชวนพราหมณ์พี่ยา กับหมอมากราบกรานพระมารดร ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสเล่าถึงลูกน้อย โรคาค่อยเบาทรวงดวงสมร แต่ลุกนั่งยังไม่ตรงองค์บังอร ประเดี๋ยวร้อนประเดี๋ยวเย็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ เจ้ากรมหมอขอรับอภิวาท สันนิบาตเพื่อเส้นเป็นกระษัย บ้างทูลว่าอาโปนั้นหย่อนไป ทั้งติดไข้เพศเหนือเพื่อระดู บ้างว่าลมแล่นในไม่สะดวก หมอทั้งพวกเถียงกันสนั่นหู นางพระยาว่าเจ้าพราหมณ์มีความรู้ สังเกตดูโรคเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ศรีสุวรรณทูลว่าอย่าปรารภ ข้าเคยพบแก้หายมาหลายไข้ จะรักษาพยายามนางทรามวัย ให้หายในเดือนหน้าไม่ช้านาน ฯ ๏ นางฟังคำชำเลืองดูพราหมณ์น้อย ดูเศร้าสร้อยซูบลงก็สงสาร เพราะจงจิตพระธิดายุพาพาล พลอยรำคาญขุ่นข้องจึงหมองนวล พินิจพลางนางกษัตริย์ตรัสปราศรัย แม่ขอบใจแล้วเจ้าพราหมณ์ทรามสงวน มาอยู่ด้วยป่วยไข้ก็ได้กวน พระคุณควรจะสนองให้ต้องใจ อันทรงฤทธิ์บิดาชราภาพ จะปรามปราบยุคเข็ญเห็นไม่ไหว เจ้าเหมือนบุตรสุดรักร่วมฤทัย พ่อคงได้แว่นแคว้นทั้งแดนดาว ขอฝากแก้วเกษราธิดาด้วย เอ็นดูช่วยปกป้องเหมือนน้องสาว ศรีสุวรรณนั้นเหมือนหุ่นพึ่งรุ่นราว จะคราวคราวกันกับแก้วเกษรา แล้วถามไถ่ไล่ปีดูพี่น้อง เห็นถูกต้องคืนวันชันษา เจ้าพราหมณ์ยิ้มพรายอายวิญญาณ์ พระมารดาซ้ำช่วยอำนวยพร แล้วว่าเจ้าพราหมณ์มารักษาน้อง พลอยหม่นหมองไม่มีสุขสโมสร ขืนอารมณ์ลมจะจับจงหลับนอน สายสมรนั้นแม่เห็นไม่เป็นไร ฯ ๏ ศรีสุวรรณปัญญาฉลาดแหลม ทำแช่มแช่มช่างว่าอัชฌาสัย ถึงคับที่นอนหลับไม่คับใจ ลูกจะไว้ชีวาตม์ใต้บาทมูล แม้นผิดพลั้งอย่างไรจงได้โปรด ประทานโทษอนุญาตให้ขาดสูญ ถ้าชุบเลี้ยงเพียงวงศ์พงศ์ประยูร จะเพิ่มพูนผาสุกทุกเวลา ซึ่งโฉมงามทรามสงวนประชวรโรค ลูกพลอยโศกเศร้านักจะรักษา ไม่โหยกเหยกเสกสรรจำนรรจา พระมารดาอย่าเป็นห่วงด้วยดวงใจ ฯ ๏ นางฟังคำล้ำลึกแล้วนึกยิ้ม เห็นหงิมหงิมพูดจาจะหาไหน สายอยู่แล้วมารดาจะคลาไคล เจ้าจงไปหลับนอนผ่อนสำราญ แล้วถามถึงลูกน้อยว่าค่อยชื่น เสด็จคืนขึ้นปราสาทราชฐาน แต่พิทักษ์รักษาพยาบาล กำหนดนานถึงสิบห้าทิวาวัน ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีนารีราช สุดสวาทวายวิโยคที่โศกศัลย์ ด้วยได้หมอหน่อกษัตริย์ชะงัดครัน จึงหายวันหายคืนชื่นอารมณ์ พวกพี่เลี้ยงสี่นางค่อยสร่างทุกข์ ถอนไรจุกแล้วก็ผลัดกันตัดผม พระบุตรีมิได้จากแท่นบรรทม ทำระบมบอกป่วยด้วยมารยา จะบอกหายฝ่ายองค์ทรงสวัสดิ์ จะพรากพลัดเสียให้ห่างเสนหา ถึงสร่างโศกโรครักหนักอุรา เสวยยาอย่างอื่นไม่ชื่นองค์ ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ ยังข้องขัดไม่สมอารมณ์ประสงค์ ครั้นเวลาสายัณห์พยับลง พระจันทร์ส่งแสงสว่างดังกลางวัน คิดคะนึงถึงนุชสุดสวาท ค่อยเคลื่อนคลาดคลายโรคที่โศกศัลย์ จะไปชวนชื่นอารมณ์ให้ชมจันทร์ จึงผ่อนผันพาทีกับพี่พราหมณ์ เราเปลี่ยนพายสายน้ำค่ำวันนี้ อย่าให้มีกีดขวางระคางขาม อันตัวน้องจะไปหาพะงางาม พี่เชิญสามพี่เลี้ยงมาเตียงเรา ธรรมเนียมหมอรักษาโรคาไข้ พอเดินได้ก็เรียกขวัญข้าวเขา ไม่ตรึกตราปรารภทำซบเซา ถ้าฉวยเปล่าแล้วสิอดเหมือนมดแดง พราหมณ์หัวร่อถ่อเวียนเปลี่ยนสายน้ำ จะทำตามสารพัดไม่ขัดแข็ง พ่อดวงจิตคิดดีมิเสียแรง จะจัดแจงเสียให้เสร็จสำเร็จการ พอย่ำยามสามนายชายฉลาด ลงจากอาสน์ออกไปเพียงเตียงสนาน ค่อยสั่งเหล่าสาวสรรค์ว่าฉันวาน ช่วยเชิญท่านพี่เลี้ยงมาเพียงนี้ นางสาวใช้ไปบอกออกมาพร้อม แต่ว่าหม่อมศรีสุดาผินหน้าหนี ทั้งสามนางต่างนั่งบังอัคคี ทำท่วงทีไต่ถามตามธรรมเนียม ว่ากระไรไม่ว่าเล่าขาทั่น พลางทำชั้นเชิงชม้ายทำอายเหนียม ทั้งสามพราหมณ์ทรามคะนองประคองเลียม ไม่มาเยี่ยมกันเลยแม่แต่ประชวร หรือลืมแล้วแก้วตานิจจาเอ๋ย ไม่คิดเลยหรือไฉนเมื่อไปสวน นี่หายไข้ไรช้ำเป็นน้ำนวล ดูอ้วนท้วนถึงจอมเจียวหม่อมน้อง เมื่อเจ้าเจ็บพี่ก็ไข้น้ำใจด้วย เจ้าหายป่วยพี่ชายก็หายหมอง จะขอถามทรามสงวนนวลละออง ขอเชิญน้องขึ้นมานั่งถึงข้างนี้ ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างอายชม้ายค้อน ช่างขืนค่อนแคะว่าน่าบัดสี เมื่อไม่คลาดราชการของฉันมี ไม่รู้ที่จะมาเฝ้าเจ้าประคุณ จะไต่ถามว่ากระไรก็ไม่ถาม อย่าลวนลามเหมือนที่สวนจะหวนหุน เป็นไรมีที่ธุระเดชะบุญ จึงค่อยคุ้นเคยกันฉันจะลา ฯ ๏ ทั้งสามพราหมณ์ยุดสามพี่เลี้ยงไว้ อย่าเพ่อไปก่อนพี่นึกจะปรึกษา เข้าเคียงข้างพลางนั่งบังกายา แล้วพูดจาไต่ถามตามสบาย ฯ ๏ หน่อกษัตริย์สอดมองตามช่องฉาก เห็นเขาฝากรักใคร่ก็ใจหาย คิดถึงแก้วเกษราเอกากาย ค่อยแหวะชายม่านย่องเข้าห้องนาง เห็นโฉมยงทรงเลือกมาลัยเล่น มิได้เห็นองค์แอบเข้าแนบข้าง ค่อยเชยโฉมโลมลูบพระปฤษฎางค์ นางหวีดวางดอกจำปาประหม่าใจ เห็นทรงยศลดองค์ลงอภิวาท สายสวาทนึกพรั่นประหวั่นไหว พระรับขวัญขวัญตาสุมาลัย พอรื้อไข้ขึ้นก็เหมือนดังเดือนเต็ม สว่างช่วงดวงเดือนดูเหมือนแม่ ไม่มีแผลบาดกายเท่าปลายเข็ม ดอกไม้นิดกรีดเล็บค่อยเก็บเล็ม ยังตกเต็มอยู่แน่เจ้าเยาวมาลย์ ฯ ๏ นางโฉมฉายอายองค์พระทรงโฉม มาลอบโลมเลียมรักสมัครสมาน นางผลักพลิกหยิกพระหัตถ์ทำทัดทาน ทูลอาการป่วยไข้ยังไม่คลาย ขืนหยอกเย้าเฝ้าเล่นอยู่เช่นนี้ สักแปดปีเห็นไข้จะไม่หาย เวียนมาไยในห้องให้น้องอาย คนทั้งหลายรู้เรื่องจะเลื่องลือ น้องจะไปไหนพ้นพระผ่านเกล้า ขอทุเลาแล้วก็ยังไม่ฟังหรือ อย่าลูบต้องน้องจะกรมระบมมือ โรคจะรื้อร่ำทำให้รำคาญ ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางตอบสุนทรสนอง น้อยหรือน้องห้ามรักหักประหาร แกล้งหนักหน่วงลวงหลอกบอกอาการ เพราะคิดอ่านออกตัวกลัวมลทิน การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดลงขีดหิน พี่อาสามาสู้กู้แผ่นดิน เขารู้สิ้นแล้วว่ารักภัคินี แล้วมิหนำซ้ำมารักษาอยู่ เขาก็รู้เฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี ครั้นหายไข้ใกล้เคียงกันเพียงนี้ ว่าจู้จี้เสียใจกระไรเลย รำลึกถึงจึงอุตส่าห์มาหาน้อง จะถูกต้องก็ต้องว่านิจจาเอ๋ย แต่เพียงนี้นี่มิใช่ว่าไม่เคย ไม่เคยเลยหรือเมื่อหนาวคราวประชวร ฯ ๏ นางฟังคำซ้ำแสนสวาทรัก แกล้งหน่วงหนักตามทำนองของสงวน ประณตนอบตอบคำให้น้ำนวล พระไม่ควรที่เคืองในเรื่องความ ครั้นบอกป่วยเล่าก็เห็นว่าเป็นปด ตรัสประชดช้ำเจ็บดังเหน็บหนาม เมื่อไข้หนักรักษาพยายาม น้องก็ตามใจบ้างแต่อย่างนั้น พอโรคถอยค่อยคลายไม่หายขาด สิหมายมาดจะมาฆ่าชีวาฉัน จึงผันผ่อนงอนง้อขอชีวัน ไม่หวงกันดอกที่ตรงจะทรงชม แม้นสิ้นโศกโรคภัยเหมือนใจหวัง น้องจะนั่งแนบชิดสนิทสนม ไม่ทานทัดขัดห้ามตามอารมณ์ จึงค่อยชมเชยประชดที่อดออม ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพักตร์พจนารถ แสนฉลาดแหลมเหลือแม่เนื้อหอม ไม่ปลงจิตคิดอ่านทั้งหว่านล้อม ให้อดออมเอากระนี้แล้วดีจริง วาสนาอาภัพอัปภาคย์ เมื่อยามยากมิได้กอดแม่ยอดหญิง จะต้องแอบแนบนอนกับหมอนอิง หนาวก็ผิงเพลิงพลางพอสร่างทรวง พอสาใจที่ไม่เจียมเสงี่ยมศักดิ์ มาหลงรักร่วมฟูกกับลูกหลวง ตระกูลต่ำจำลาสุดาดวง ทำลุกลวงลองใจจะไคลคลา ฯ ๏ นางฉวยยุดฉุดข้อพระบาทไว้ จะไปไหนน่าสมเพชพระเชษฐา จงหยุดหย่อนก่อนน้องจะพูดจา เฝ้าโกรธาน้ำพระทัยดังไฟฮือ สารพัดตัดพ้อไม่รอรั้ง จะจากวังไปผนวชบวชแล้วหรือ น้องจะหย่อนผ่อนให้แต่ไม้มือ แต่สัตย์ซื่อสิ่งหนึ่งอย่าพึงคิด พระรับคำสำคัญได้มั่นแม่น จะร่วมแท่นที่บรรทมให้สมจิต อย่าหักหาญนักเลยค่อยเชยชิด เหมือนให้น้องครองชีวิตไว้สืบไป ฯ ๏ พระทรงโฉมโลมเล้าว่าเจ้าพี่ ไม่หน่ายหนีนวลอนงค์อย่าสงสัย พี่ว่าหยอกดอกน้องอย่าหมองใจ จะรักใคร่ครองกันจนวันตาย แม่เนื้อหอมจอมนางสำอางโฉม งามประโลมเหลือจะหักให้รักหาย อย่าหน่วงเหนี่ยวหวงห้ามความสบาย จะฟังสายสวาทว่าอย่าอาวรณ์ พระรับขวัญขวัญใจจงไสยาสน์ อย่าหวั่นหวาดพี่ไม่ลวงดวงสมร ถนอมแนบแอบอุ้มองค์บังอร ขึ้นบรรจถรณ์แท่นทองประคองเชย พระจุมพิตชิดชื่นระรื่นกลิ่น นางผันผินพักตร์แนบแอบเขนย น่าบัดสีนี่อะไรน้องไม่เคย ไม่อิ่มเลยเจียวหรือเฝ้าแต่เคล้าคลึง ฯ ๏ พระเล้าโลมโฉมยงทรงกระซิบ ถึงเครื่องทิพย์จะมาเปรียบไม่เทียบถึง อย่าข้องขัดปัดมือทำดื้อดึง จะเสียซึ่งสัจจังไม่บังควร พลางประคองต้องเต้าเต็มพระหัตถ์ นางปิดปัดปกป้องของสงวน พระอิงแอบแนบชิดสะกิดกวน แต่เย้ายวนหยอกหยิกกันซิกซี้ ฯ ๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเคียงนั่งเป็นคู่คู่ แยกกันอยู่ห่างห่างในปรางค์ศรี ต่างพูดเล่นเจรากับนารี สูบบุหรี่กินหมากจนปากเกรียม นางผู้หญิงพิงทับอยู่กับตัก กำเริบรักรูปชายไม่อายเหนียม ชายก็กอดสอดต้องประลองเลียม ตามธรรมเนียมนั่งแนบแอบอุรา ฯ ๏ ศรีสุดาเดินไขว่นอนไม่หลับ เห็นเขาจับคู่คิดริษยา ให้หมกมุ่นขุ่นคิ่นในวิญญาณ์ จะดูหน้านางงามทั้งสามคน ค่อยแฝงเงาเข้าไปฟังเขานั่งพูด เสียงสูดสูดสอดมองสยองขน ให้เสียวทรวงง่วงเหงาเศร้าสกนธ์ สุดจะทนถอยมาเที่ยวหาเทียน แล้วจุดไฟไปส่องทุกช่องฉาก ต่างกระดากเดินลัดฉวัดเฉวียน ศรีสุดาบ้าบ่นเดินวนเวียน ไม่ดับเทียนถือป้องประคองมา ทั้งสามพราหมณ์สามนางไม่ห่างเหิน จูงกันเดินลัดแลงเข้าแฝงฝา หัวเราะริกหลีกล่อคลอไคลคลา ศรีสุดาเดือดใจจะไปฟ้อง เข้าในห้องมืดอยู่ก็รู้แจ้ง มิรู้แห่งที่จะทูลยิ่งขุ่นหมอง อยากจะใคร่ได้เห็นพระรูปทอง ค่อยเมียงมองแหวกที่มูลี่แล แล้วลืมตัวหัวร่อเสียงคิกคิก น่าใคร่หยิกเสียให้ยับไม่นับแผล รู้สึกตัวกลัวจะว่ามาตอแย ออกวิ่งแชเชือนไปนั่งกำบังกาย ฯ ๏ นางฟังคำจำเสียงพี่เลี้ยงได้ ตกพระทัยลุกเขยื้อนเคลื่อนขยาย แล้วบ่นว่าน่าเบื่อเหลือละอาย เพราะชู้ชายเข้ามาอยู่ไม่รู้เลย ประทานโทษโปรดเถิดพระผ่านเกล้า เขาเรียกเร้าเร่งเตือนอย่าเชือนเฉย ช่วยโลมเล้าโฉมงามเสียตามเคย อย่าให้เย้ยเยาะเล่นอยู่เช่นนี้ ฯ ๏ พระยิ้มย่องลองลวงดวงสมร ปีศาจหลอนหลงโกรธพิโรธพี่ นางยิ้มเยื้อนเบือนหน้ามาพาที ปีศาจพี่ศรีสุดามาหาชู้ พระฟังคำทำไถลแกล้งไขสือ จริงแล้วหรือหรือว่าเสียงสำเนียงหนู ประหลาดจิตผิดใจจะไปดู ถ้าคนอยู่แล้วจะว่าให้น่าฟัง ลงจากอาสน์นาดออกนอกมูลี่ พอพบศรีสุดาสมอารมณ์หวัง เหมือนแสบท้องต้องฝืนกลืนข้าวตัง พอประทังประทับลมตรมอุรา ทำถามไถ่ใครหนอมานั่งซุ่ม จะจับกุมเอาไปรักให้นักหนา พลางพยุงจูงศรีสุดามา ห้องข้างหน้าที่สำหรับอยู่หลับนอน พระแนบนางพลางว่านิจจาเอ๋ย พี่ปองเชยโฉมฉายสายสมร พึ่งสมหวังดังใจอาลัยวรณ์ จะวายร้อนรับขวัญทุกวันคืน ขอเชิญเจ้าเยาวลักษณ์วิไลโฉม ช่วยน้อมโน้มประดิพัทธ์อย่าขัดขืน นางฟังคำน้ำเสียงจะเพียงจะกลืน ไม่ฝ่าฝืนฟุบหมอบตอบบัญชา ซึ่งออกโอษฐ์โปรดเกล้ามาเท่านั้น กระหม่อมฉันแหวกไว้ในเกศา ผิดธรรมเนียมเจียมตัวกลัวนินทา เมื่อเป็นข้าหรือจะเรียงเคียงบรรทม แม้นทราบถึงพระบุตรีศรีสวัสดิ์ จะเคืองขัดค่อนว่าให้สาสม จะเจ็บอกฟกช้ำด้วยคำคม ระกำกรมกรอมใจจนวายวาง ฯ ๏ พระโลมลูบรูปงามทรามสงวน พอสมควรอยู่แล้วน้องอย่าหมองหมาง เจ้าเป็นที่พี่เลี้ยงอยู่เคียงนาง จงเคียงข้างพี่ยาอย่าอาวรณ์ แล้วเอนแอบแนบน้องประคองเคล้า พระต้องเต้าเต่งทรวงดวงสมร นางทอดทับกับเพลาเฝ้าฉะอ้อน พระสอดกรกอดประทับไว้กับทรวง แนบสนิทชิดชมภิรมย์รัก นางเบือนพักตร์ผ่อนตามไม่ห้ามหวง ดังมาลีคลี่คลายขยายดวง ระรื่นร่วงเรณูฟูขจร แมลงผึ้งคลึงเคล้าเสาวรส เมื่อยามอดอุตส่าห์แทรกแหวกเกสร ลงกลิ้งเกลือกเยือกเย็นเฝ้าเฟ้นฟอน ละอองอ่อนอาบเอิบกำเริบแรง พิรุณโรยโปรยปรายเป็นสายสาด สุนีฟาดฟ้าแลบวะแวบแสง น้ำฝนนองท้องทางที่กลางแปลง พระโรยแรงเอนองค์ลงบรรทม ศรีสุดาเคารพอภิวาท ไม่ห่างบาทบพิตรสนิทสนม จนแสงทองส่องสว่างน้ำค้างพรม จึงบังคมลากลับไปหลับนอน ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้ากรุงบำรุงราษฎร์ บรมบาทบพิตรอดิศร สถิตแท่นแว่นฟ้าสถาวร กับบังอรองค์อัครชายา จะใกล้รุ่งฟุ้งกลิ่นสุคนธ์รื่น บรรทมตื่นตรองตรึกแล้วปรึกษา อันลูกน้อยค่อยสบายคลายโรคา ทำนิ่งช้าไว้ก็เห็นไม่เป็นการ ศรีสุวรรณนั้นก็ยังกำลังรุ่น จะเฉียวฉุนเฉโกด้วยโวหาร เหมือนเปลวไฟใกล้ฝอยพลอยรำคาญ พี่คิดการตรองความมาสามวัน จะเสกสองครองกรุงให้ฟุ้งเฟื่อง เป็นเจ้าเมืองมอบมิ่งมไหศวรรย์ ช่วยฝังปลูกลูกแก้วเสียแล้วกัน เถิดหรือขวัญเนตรจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ มเหสีฟังสารโองการตรัส นางกษัตริย์ยินดีจะมีไหน อภิวาทบาทมูลแล้วทูลไป พระตรึกไตรตรองความนี้งามนัก ศรีสุวรรณนั้นมาค้างอยู่ปรางค์มาศ ถ้าพลั้งพลาดก็จะพลอยให้ถอยศักดิ์ จงเสกสองครองกรุงบำรุงรัก ถ้าหน่วงหนักนานไปจะได้อาย ฯ ๏ พระจอมวังฟังมิ่งมเหสี ยิ่งยินดีด้วยสมอารมณ์หมาย พอเดือนดับลับดวงดาราราย สุริย์ฉายส่องฟ้านภาลัย จึงโสรจสรงทรงเครื่องเรืองจำรัส เพชรรัตน์พรายพร่างสว่างไสว ออกแท่นทองท้องพระโรงสำราญใจ เสนาในกราบก้มบังคมคัล กรุงกษัตริย์ตรัสว่ากับข้าเฝ้า อันตัวเราแก่ชราเกือบอาสัญ จะเสกราชบุตรีกับศรีสุวรรณ ให้ครองขัณฑเสมาพาราเรา เห็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย จะได้พลอยค่อยสบายเพราะบุญเขา สารพัดศัตรูไม่ดูเบา พวกข้าเฝ้าทุกตำแหน่งเร่งแต่งการ ทั้งเครื่องราชาภิเษกเศวตฉัตร ตามกษัตริย์สืบวงศ์ดำรงสถาน สั่งกำชับสรรพเสร็จสำเร็จการ นฤบาลกลับหลังเข้าวังใน ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างทำทุกตำแหน่ง ให้ตกแต่งปราสาททองอันผ่องใส พระที่นั่งตั้งแท่นทองประไพ เอาหนังไกรสรราชมาลาดทับ ราชวัติฉัตรสุวรรณเป็นหลั่นลด พระเต้าทั้งสังข์กลศเตรียมสำหรับ บายศรีแก้วบายศรีทองสองสำรับ เครื่องคำนับเทวาบูชายัญ มีพานทองรองพระแสงสำหรับยุทธ์ อัษฎาอาวุธทุกสิ่งสรรพ์ ทั้งแก้วกองทองเรียงอยู่เคียงกัน แล้วปักกั้นเศวตฉัตรจำรัสเรือง ที่ริมขอบรอบปราสาทราชฐาน ล้วนธงฉานราชวัติขนัดเนื่อง ละครโขนหุ่นหนังตั้งกลางเมือง ให้ครบเครื่องเสกกษัตริย์ขัตติยา ถึงวันดีสี่ค่ำเป็นกำหนด มาพร้อมหมดเหมือนหมายทั้งซ้ายขวา พวกเสนีชีพราหมณ์ก็ตามมา คอยอยู่ท่าหน้าปราสาทราชวัง ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้ามิ่งมไหศวรรย์ ครั้นถึงวันวิวาห์สมอารมณ์หวัง สถิตที่แท่นสุวรรณบัลลังก์ จึงตรัสสั่งมเหสีด้วยปรีดา จงแต่งองค์ทรงเครื่องให้ลูกน้อย พอบ่ายคล้อยพานางไปข้างหน้า แล้วชวนองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา เสด็จมาพระโรงรัตน์ชัชวาล จึงให้ศรีสุวรรณวงศ์เข้าสรงชล ในมณฑลมุรธากระยาสนาน สะพรั่งพร้อมโหราพฤฒาจารย์ พนักงานเครื่องสำอางมาวางเตรียม ฯ ๏ ศรีสุวรรณอัญชลีเข้าที่สรง สำอางองค์ผุดผ่องละอองเอี่ยม พราหมณ์ก็อ่านมนต์พราหมณ์ตามธรรมเนียม น้ำมนต์เปี่ยมปากสังข์ค่อยหลั่งลง ชาวประโคมต่างประโคมเสียงโครมครื้น พระทรงยืนผลัดผ้าภูษาทรง น้ำกุหลาบอาบอบตลบองค์ พระสอดทรงเครื่องกษัตริย์ขัตติยา สร้อยสังวาลบานพับประดับเพชร มงกุฎเก็จแก้วเก้าวาวเวหา ครั้นเสร็จสามพราหมณ์พี่เลี้ยงเคียงลีลา มาเฝ้าฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พระทรงเดช ทอดพระเนตรชมเชยลูกเขยขวัญ อร่ามเรืองเครื่องประดับจับผิวพรรณ จึงผายผันพาเขยมาเกยชัย กระบวนแห่หอกดาบกราบประณต ฉัตรกรรชิงกลิ้งกลดเกลื่อนไสว ทั้งจามรชอนตะวันเป็นหลั่นไป ตำรวจในสารวัดเร่งจัดแจง ศรีสุวรรณนั้นทรงยานุมาศ เหล่ามหาดเล็กเดินเชิญพระแสง กระบวนแห่แลสล้างไปกลางแปลง กลองคู่แซงสังข์แตรแซ่ประโคม พวกหนุ่มสาวชาวเมืองมาเนืองแน่น ดูแห่แหนเห็นองค์พระทรงโฉม ขึ้นทรงยานุมาศเหมือนเลื่อนโพยม แลประโลมลืมตนทุกคนไป บ้างบังคมชมงามพ่อพราหมณ์เอ๋ย สมเป็นเขยขัตติยาอัชฌาสัย ต่างเริงรื่นชื่นช่วยกันอวยชัย ตลอดไปในทางที่กลางวัง ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงเสลี่ยง คู่แห่เคียงคนหามมาตามหลัง ถึงที่เกยเคยประทับก็ยับยั้ง พอพร้อมพรั่งยานุมาศพระญาติวงศ์ พระนำหน้าพาขึ้นปรางค์ปราสาท ภูวนาถนั่งแท่นทองระหง พวกเสนีชีพราหมณ์พฤฒิพงศ์ มาเฝ้าองค์อภิวาทดาษดา ฯ ๏ ฝ่ายชนนีนาถในราชฐาน ประโลมลานลูกน้อยเสนหา ให้แต่งองค์สรงชลสุคนธา ทรงภูษาค่าเมืองเรืองระยับ สี่พี่เลี้ยงเคียงองค์ประจงจัด คาดเข็มขัดกัลเม็ดเพชรประดับ ห่มสไบริ้วทองมีรองซับ สอดสังวาลบานพับประดับพลอย ทั้งสร้อยนวมสวมพระศอลอออ่อน ทองพระกรแลกระจ่างอย่างหิ่งห้อย ธำมรงค์เรือนเก็จล้วนเพชรพลอย ดูเรียบร้อยนิ้วพระหัตถ์จำรัสเรือง ทรงมงกุฎบุตรีมณีประดับ กระจ่างจับผุดผ่องละอองเหลือง สี่พี่เลี้ยงเคียงนางค่อยย่างเยื้อง มาเฝ้าเบื้องบาทยุคลพระชนนี นางกษัตริย์ตรัสชวนว่าจวนฤกษ์ พฤฒาเฒ่าเขาจะเบิกซึ่งบายศรี แล้วนำหน้าพาพระราชบุตรี ออกมาที่ปรางค์มาศปราสาททอง พร้อมพระวงศ์พงศาเสนาแน่น ริมพระแท่นราชครูอยู่ทั้งสอง พอฤกษ์ดีได้เวลาเสียงฟ้าร้อง ให้ลั่นฆ้องขานโห่เป็นโกลา ฯ ๏ พระบิตุรงค์ลงจากบัลลังก์รัตน์ มาจูงหัตถ์ศรีสุวรรณด้วยหรรษา พระมารดรกุมกรธิดามา ให้สองราร่วมเศวตฉัตรชัย ศรีสุวรรณนั้นนั่งบัลลังก์แก้ว ดูผ่องแผ้วพักตร์เพียงพระสุริย์ใส พระนุชนั่งเหนือกองทองอุไร ดังแขไขเคียงคู่กับสุริยัน ให้สององค์ทรงเกี่ยวก้อยกระหวัด ตามกษัตริย์เสกสมภิรมย์ขวัญ ปุโรหิตติดเทียนแว่นสุวรรณ บังคมคัลส่งกษัตริย์ขัตติยา ท้าวทศวงศ์ส่งให้มเหสี นางชลีแล้วก็ส่งให้วงศา ต่างคำนับรับเทียนเวียนออกมา พวกเสนารับส่งเป็นวงไป กลองประโคมแตรสังข์ประดังเสียง เสนาะสำเนียงดนตรีปี่ไฉน มโหระทึกกึกก้องทั้งฆ้องชัย เสียงหวั่นไหวแว่นแคว้นทุกแดนดาว ฝ่ายละครมอญรำพวกโรงนอก ต่างก็ออกโรงประชันสนั่นฉาว ทั้งโขนเต้นชุลมุนหุ่นออกราว กระทุ้งส้าวเสียงลั่นสนั่นไป ครั้นเวียนเทียนสำเร็จได้เจ็ดรอบ ตามระบอบประเพณีพิธีไสย โหรารวบแว่นวิเชียรที่เวียนไว้ แล้วดับไฟโบกควันด้วยทันที พระบิตุรงค์ทรงเจิมเฉลิมพักตร์ ให้ลูกรักทั้งสองอย่างหมองศรี ทั้งสององค์ลงจากแท่นมณี พระบุตรีกราบกรานเข้าม่านทอง ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ มอบสมบัติในพระคลังทั้งสิบสอง ทั้งอำมาตย์เสนาข้าทูลละออง สำหรับครองรมจักรนัครา แล้วอวยพรพูนสวัสดิ์พิพัฒน์ผล จงพระชนม์อยู่ยืนหมื่นพรรษา พระราชวงศ์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา กับเสนาน้อมประณตบทมาลย์ ต่างอำนวยอวยพรพูนสวัสดิ์ ครองสมบัติตราบกาลปาวสาน กำนัลในไพร่ฟ้าข้าราชการ ได้พึ่งโพธิสมภารสำราญใจ ฯ ๏ ครั้นเสร็จสิ้นปิ่นกษัตริย์จึงตรัสสั่ง พ่ออยู่ยังห้องทองให้ผ่องใส แล้วสั่งเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน คอยรับใช้อย่าให้ขัดอัธยา ให้เจ้าพราหมณ์สามคนอยู่มนเทียร ค่อยใกล้ใกล้จะได้เวียนไปมาหา แล้วชวนพระมเหสีให้ลีลา พาธิดากลับหลังเข้าวังใน พวกข้าเฝ้าเคารพอภิวาท จากปราสาทต่างมาที่อาศัย แต่โรงงานการเล่นยังเล่นไป กว่าจะได้เจ็ดวันดังสัญญา ฯ ๏ จะแกล้งกล่าวชาวเมืองมาดูเล่น ด้วยว่าเป็นการสนุกทุกภาษา เที่ยวดูงานการสมโภชในพารา บ้างยืนนั่งตั้งม้าทุกหน้าโรง พวกขี้เมาเหล่านักเลงเสียงเครงครื้น ห่มแต่พื้นขาวม้านุ่งตาโถง ชิงเบี้ยเจ๊กเด็กแย่งแทงอีโปง ออกเดินโคลงโคลนเลอะเทอะทั้งตัว นางบ้านนอกขอกนาหน้าตาตื่น จะนั่งยืนเคียงข้างไม่ห่างผัว ห่มแพรสีสองชั้นดูพันพัว ต่างแต่งตัวเต็มประดาทุกนารี ข้าหลวงเหล่าชาววังยังกำดัด นุ่งสุหรัดซัดแต่ล้วนแพรสี หนุ่มหนุ่มเหล่าเจ้าชู้ลูกผู้ดี เห็นนารีรูปงามตามเป็นพรวน พวกบัณฑิตศิษย์วัดซัดลายอย่าง เที่ยวลากหากเดินข้ามตามฉนวน เขาจับได้ให้แพรแสสีนวล ออกเดินด่วนเลี้ยวลัดเข้าวัดวา พวกผู้ชายรายเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง เข้าพาดพิงพูดผลอขอสลา บ้างจับคู่อยู่จนสนธยา ผู้ชายพาหญิงเพลินเที่ยวเดินคลอ ครั้นโพล้เพล้เพลาพอพลบค่ำ พวกหนังร่ำกลองประดังทั้งม้าล่อ บ้างเชิดหนังตั้งแขนทำแหงนคอ ที่มุมจอคนเจรจาออกมายืน พวกดูหนังนั่งหลามตามถนน ออกเกลื่อนกล่นกลุ้มกลาดดูดาษดื่น บ้างลองจุดประทัดดังเหมือนอย่างปืน ให้คนตื่นแตกพลัดกระจัดกระจาย พอกลองหยุดจุดดอกไม้ไฟสว่าง แสงกระจ่างแจ่มเหมือนดังเดือนหงาย ดอกไม้กลคนชิงกันวิ่งควาย พวกผู้ชายสรวลเสเสียงเฮฮา ไฟพะเนียงเสียงซู่ขึ้นฟูฟุ้ง ทั้งพลุพลุ่งโพลงสว่างกลางเวหา ต่างเพลิดเพลินเดินไขว่กันไปมา ชาวพาราเริงรื่นชื่นอารมณ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระชนนีนางอยู่ปรางค์รัตน์ ครั้นสงัดฆ้องย่ำยามปฐม นึกปรานีศรีสุวรรณจะบรรทม จึงเชยชมลูกน้อยค่อยประคอง แล้วลูบหลังสั่งสอนประสาหญิง แม่งามยิ่งยอดสตรีไม่มีสอง จะจำไกลไปอยู่ด้วยคู่ครอง อย่าให้ข้องเคืองอัชฌาพระสามี อย่าถือองค์นงลักษณ์ว่าอัคเรศ แม่ดวงเนตรนึกว่าเหมือนทาสี ต้องซื่อตรงจงรักด้วยภักดี ถึงราตรีกราบบาทอย่าขาดวัน ถ้าเธอกริ้วแม่อย่าโกรธพิโรธตอบ ประณตนอบโอนอ่อนค่อยผ่อนผัน อนึ่งเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล อย่าป้องกันหึงหวงให้ล่วงเกิน เมื่อคราวทุกข์ปลุกให้พระทัยชื่น อย่างเริงรื่นเริศร้างทำห่างเหิน ราชการภารธุระอย่าละเมิน จึงเจริญราศีไม่มีมัว อันหญิงดีเพราะผลปรนนิบัติ รักษาสัตย์สู้ม้วยอยู่ด้วยผัว ผัวยิ่งรักหนักหญิงก็ยิ่งกลัว อย่าถือตัวต่อชายจะหน่ายใจ คำของแม่แต่เท่านี้ก็ดีนัก บุรุษรักนั้นไม่มีที่สงสัย ดึกอยู่แล้วแก้วตาจงคลาไคล แม่จะไปส่งเจ้าลำเภาพาล ฯ ๏ พระบุตรีกราบก้มบังคมบาท เชิงฉลาดผ่อนผัดขัดบรรหาร นางเล้าโลมโฉมงามตามโบราณ แล้วจูงเจ้าเยาวมาลย์ลีลามา เข้าปรางค์ทองห้องศรีสุวรรณสถิต นางเบือนบิดบังคมแล้วก้มหน้า พระนบนอบหมอบกรานพระมารดา นางพระยาหยุดนั่งบัลลังก์ทอง แล้วฝากฝังสั่งศรีสุวรรณน้อย เจ้าจงค่อยปลูกฝังกันทั้งสอง กรุณาปรานีเหมือนพี่น้อง เป็นคู่ครองนคราให้ถาวร โฉมเฉลาเบาจิตถึงผิดพลั้ง พ่อเห็นแก่แม่มั่งช่วยสั่งสอน อย่าปลดเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน จงผันผ่อนอดออมถนอมกัน ฯ ๏ พระรับรสพจนารถฉลาดตอบ ลูบหมายมอบชีวาจนอาสัญ สุจริตคิดรักเหมือนร่วมครรภ์ ไม่เดียดฉันท์โฉมฉายสายสุดใจ พระชนนีมีจิตพิศวาส ตรัสประภาษพูดจาอัชฌาสัย เห็นลูกเมินเดินหลีกครรไลไป หมายมิให้กัลยาออกมาตาม ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอิศเรศ เห็นแก้วเกษราเมินยังเขินขาม จึงเคียงเข้าเล้าโลมนางโฉมงาม มิลืมตามเสด็จแล้วหรือแก้วตา แต่ก่อนนั้นขวัญเมืองเฝ้าเคืองขัด สารพัดที่จะวอนไม่ผ่อนหา ทีนี้หมดมลทินที่นินทา เจ้าจะว่าเป็นอย่างไรจะใคร่ฟัง ขอเชิญมิ่งนฤมลขึ้นบนแท่น อย่าหวงแหนห่างแหเหมือนแต่หลัง เมื่อเจ็บไข้ก็หายคลายประทัง จะนิ่งนั่งอยู่ไยไม่ไสยา ฯ ๏ นางเหลียวดูรู้ว่าชนนีกลับ น้อมคำนับบทเรศพระเชษฐา พลางฉะอ้อนผ่อนผันจำนรรจา น้องเป็นข้าบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ จะอยู่ให้ใช้สอยคอยรับสั่ง หมั่นระวังตั้งใจมิให้ผิด พอเข้านอกออกในได้ใช้ชิด พระอย่าคิดเคียงคู่ดูไม่ดี ฯ ๏ น้อยหรือน้องพร้องเพราะเสนาะเสียง ช่างกล่าวเกลี้ยงกลับจะมาเป็นทาสี การของพี่ที่ไหนก็ไม่มี แต่เดี๋ยวนี้หนาวใจกระไรเลย จะขอใช้โฉมเฉลาเยาวยอด ให้ช่วยกอดกว่าจะหลับกับเขนย พลางแย้มเยื้อนเบือนเบียดทำเฉียดเชย บุญเราเคยคู่ครองแล้วน้องรัก พี่อยู่ถึงรัตนามหาศวรรย์ มาได้ขวัญเนตรชมถึงรมจักร อย่าหมองหมางห่างเหินทำเมินพักตร์ เชิญน้องรักร่วมจิตไปนิทรา พระอุ้มนางวางลงบัลลังก์อาสน์ แสนสวาทจุมพิตขนิษฐา เนื้อละมุนอุ่นแอบแนบอุรา นางมารยาขยดเขยื้อนเบือนกระบวน น้องห้ามแล้วหลายครั้งไม่ฟังห้าม ขืนลวนลามลูบต้องของสงวน ประทานโทษโปรดเกล้าอย่าเฝ้ากวน น้องจะข่วนหยิกยับด้วยอับอาย ประทมเถิดให้สำราญพระผ่านเกล้า จะอยู่เฝ้านวดฟั้นไม่ผันผาย แล้วนั่งแนบแอบองค์พงศ์นารายณ์ พระเอนกายกอดประทับไว้กับทรวง ค่อยเชยปรางทางว่านิจจาน้อง กับเจ้าของนี่ก็แค่นจะแหนหวง เป็นหลายหนหลายครั้งตั้งแต่ลวง แต่หนักหน่วงอยู่นั่นน้อยหรือกลอยใจ รู้ทำนองน้องแก้วเสียแล้วนะ ที่จะละเชิงลาอย่าสงสัย พลางประโลมโฉมฉายสายสุดใจ ค่อยเคล้นไคล้เคล้าพุ่มปทุมมาลย์ ประคองเคียงเอียงแอบแนบเขนย ตระกองเกยกรกอดสอดประสาน สายสมรผ่อนตามความสำราญ ฤดีดาลเดือดคะนองทั้งสองรา ดังกำลังมังกรสำแดงฤทธิ์ ให้มืดมิดกลางทะเลแลเวหา ลงเล่นน้ำดำดึ่งถึงสุธา สะท้านกระทั่งหลังปลาอนนต์นอน ปลากระดิกพลิกครีบทวีปไหว เมรุไกรโยกยอดจะถอดถอน มัตติมิงกลิ้งเล่นชโลทร คงคาคลอนคลื่นคลั่งฝั่งสินธู สลุบแล่นลมหวนให้ป่วนคลื่น จะฝ่าฝืนไปไม่รอดก็จอดสู้ มังกรผุดพ่นฟองขึ้นฟ่องฟู ต่างร่วมรู้รสรักประจักษ์ใจ สองสนิทชิดชมสมสวาท ไม่เคลื่อนคลาดคลายจิตพิสมัย จนเที่ยงคืนรื่นรสสุมาลัย หลับอยู่ในแท่นทองทั้งสองรา พอดาวเดือนเลื่อนลับพยับเมฆ การเวกร่อนร้องก้องเวหา เหมือนสังคีตดีดสีปี่ชวา พระผ่านฟ้าฟังฟื้นตื่นบรรทม สำอางองค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ เดียรดาษด้วยสุรางค์นางสนม พระโฉมยงหลงเลยแต่เชยชม เพลินนิยมรมจักรนัครา ฯ ๏ จะกล่าวกลับจับความไปตามเรื่อง ถึงบาทเบื้องปรเมศพระเชษฐา องค์อภัยมณีศรีโสภา ตกยากอยู่คูหามาช้านาน กับด้วยนางอสุรีนีรมิต เป็นคู่ชิดเชยชมสมสมาน ต้องรักใคร่ไปตามยามกันดาร จนนางมารมีบุตรบุรุษชาย ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนองค์พระทรงเดช แต่ดวงเนตรแดงดูดังสุริย์ฉาย ทรงกำลังดังพระยาคชาพลาย มีเขี้ยวคล้ายชนนีมีศักดา พระบิตุรงค์ทรงศักดิ์ก็รักใคร่ ด้วยเนื้อไขมิได้คิดริษยา เฝ้าเลี้ยงลูกผูกเปลแล้วเห่ช้า จนใหญ่กล้าอายุได้แปดปี จึงให้นามตามอย่างข้างมนุษย์ ชื่อสินสมุทรกุมารชาญชัยศรี ธำมรงค์ทรงมาค่าบุรี พระภูมีถอดผูกให้ลูกยา เจียระบาดคาดองค์ก็ทรงเปลื้อง ให้เป็นเครื่องนุ่งห่มโอรสา สอนให้เจ้าเป่าปี่มีวิชา เพลงสาตราสารพัดหัดชำนาญ วันหนึ่งนางอสุรีผีเสื้อน้ำ ออกจากถ้ำเที่ยวหาภักษาหาร จับกระโห้โลมากุมภาพาล กินสำราญรื่นเริงบันเทิงใจ ฯ ๏ ฝ่ายกุมารสินสมุทรสุดสวาท ไม่ห่างบาทบิดาอัชฌาสัย ความรักพ่อยิ่งกว่าแม่มาแต่ไร ด้วยมิได้ขู่เข็ญเช่นมารดา เห็นทรงธรรม์บรรทมสนิทนิ่ง หนีไปวิ่งเล่นอยู่ในคูหา โลดลำพองลองเชิงละเลิงมา เห็นแผ่นผาพิงผนิดปิดหนทาง หนักหรือเบาเยาว์อยู่ไม่รู้จัก เข้าลองผลักด้วยกำลังก็พังผาง เห็นหาดทรายพรายงามเป็นเงินราง ทะเลกว้างข้างขวาล้วนป่าดง ไม่เคยเห็นเป็นน่าสนุกสนาน พระกุมารเพลินจิตพิศวง ออกวิ่งเต้นเล่นทรายสบายองค์ แล้วโดดลงเล่นมหาชลาลัย ด้วยหน่อนาถชาติเชื้อผีเสื้อสมุทร ดำไม่ผุดเลยทั้งวันก็กลั้นได้ ยิ่งถูกน้ำกำลังยิ่งเกรียงไกร เที่ยวเลี้ยวไล่ขี่ปลาในสาชล ระลอกซัดพลัดเข้าในปากฉลาม ลอดออกตามซีกเหงือกเสือกสลน เห็นฝูงเงือกเกลือกกลิ้งมากลางชล คิดว่าคนมีหางเหมือนอย่างปลา ครั้นถามไถ่ไม่พูดก็โผนจับ ดูกลอกกลับกลางน้ำปล้ำมัจฉา ครั้นจับได้ให้ระแวงแคลงวิญญาณ์ เช่นนี้ปลาหรืออะไรจะใคร่รู้ ฉุดกระชากลากหางขึ้นกลางหาด แลประหลาดลักษณามีตาหู จะเอาไปให้พระบิดาดู แล้วลากลู่เข้าในถ้ำด้วยกำลัง ถึงหุบห้องร้องบอกบิตุเรศ พระลืมเนตรเหลียวหาทั้งหน้าหลัง เห็นลูกลากเงือกน้ำแต่ลำพัง จากบัลลังก์มาห้ามแล้วถามไป เมื่อกี้เห็นเล่นอยู่ในคูหา เงือกนี้เจ้าเอามาแต่ข้างไหน พระลูกเล่าตามจริงทุกสิ่งไป พระตกใจจึงว่าด้วยปรานี แม้นแม่เจ้าเขารู้ว่าแรงนัก กลัวจะลักลอบพาบิดาหนี จะโกรธเกรี้ยวเคี้ยวเล่นเป็นธุลี ไม่พอที่ชีวันจะบรรลัย ฯ ๏ สินสมุทรกุมารชาญฉลาด ฟังพระบาทบิตุรงค์ให้สงสัย จึงทูลถามความจริงด้วยกริ่งใจ เหตุไฉนจึงจะเป็นไปเช่นนั้น ฯ ๏ พระฟังคำน้ำเนตรลงพรากพราก คิดถึงยากยามวิโยคยิ่งโศกศัลย์ แถลงเล่าลูกยาสารพัน จนพากันมาบรรทมที่ร่มไทร แม่ของเจ้าเขาเป็นเชื้อผีเสื้อสมุทร ขึ้นไปฉุดฉวยบิดาลงมาได้ จึงกำเนิดเกิดกายสายสุดใจ จนเจ้าได้แปดปีเข้านี่แล้ว ไปเปิดประตูคูหาถ้าเขาเห็น ตายหรือเป็นว่าไม่ถูกเลยลูกแก้ว แม้นสินสมุทรสุดสวาทพ่อคลาดแคล้ว ไม่รอดแล้วบิตุรงค์ก็คงตาย ฯ ๏ พระโอรสรู้แจ้งไม่แคลงจิต รำคาญคิดเสียใจมิใคร่หาย ด้วยแม่กลับอัปลักษณ์เป็นยักษ์ร้าย ก็ฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ ๏ ฝ่ายเงือกน้ำนอนกลิ้งนิ่งสดับ กิตติศัพท์สองแจ้งแถลงไข รู้ภาษามนุษย์แน่ในใจ จะกราบไหว้วอนว่าให้ปรานี ค่อนเขยื้อนเลื่อนลุกขึ้นทั้งเจ็บ ยังมึนเหน็บน้อมประณตบทศรี พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าในธาตรี ข้าขอชีวิตไว้อย่าให้ตาย พระราชบุตรฉุดลากลำบากเหลือ ดังหนังเนื้อนี้จะแยกแตกสลาย ทั้งลูกเต้าเผ่าพงศ์ก็พลัดพราย ยังแต่กายเกือบจะดิ้นสิ้นชีวัน พระองค์เล่าเขาก็พาเอามาไว้ เศร้าพระทัยทุกข์ตรอมเหมือนหม่อมฉัน ขอพระองค์จงโปรดแก้โทษทัณฑ์ ช่วยผ่อนผันให้ตลอดรอดชีวา ซึ่งปากถ้ำทำลายลงเสียหมด ให้โอรสยกตั้งบังคูหา ข้าเห็นอย่างนางมารจะนานมา จะอาสาเกลี่ยทรายเสียให้ดี หนึ่งพวกพ้องของข้าคณาญาติ ขอรองบาทบงกชบทศรี แม้นประสงค์สิ่งไรในนที ที่สิ่งมีจะเอามาสารพัน ฯ ๏ พระฟังเงือกพูดได้ให้สงสาร จึงว่าท่านคิดนี้ดีขยัน รู้เจรจาสารพัดน่าอัศจรรย์ อยู่พูดกันอีกสักหน่อยจึงค่อยไป เราตรองตรึกนึกจะหนีนางผีเสื้อ แต่ใต้เหนือไม่รู้แห่งตำแหน่งไหน ท่านเจนทางกลางทะเลคะเนใจ ทำกระไรจึงจะพ้นทรมาน ฯ ๏ ฝ่ายเงือกน้ำคำนับอภิวาท ข้าพระบาททราบสิ้นทุกถิ่นฐาน อันน้ำนี้มีนามตามบุราณ อโนมานเคียงกันสีทันดร เป็นเขตแคว้นแดนที่นางผีเสื้อ ข้างฝ่ายเหนือถึงมหิงษะสิงขร ข้างทิศใต้ไปจนเกาะแก้วมังกร หนทางจรเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา ไปกลางย่านบ้านเรือนหามีไม่ สมุทรไทซึ้งซึกลึกหนักหนา แต่สำเภาชาวเกาะเมืองลังกา เขาแล่นมามีบ้างอยู่ลางปี ถ้าเสียเรือเหลือคนแล้วนางเงือก ขึ้นมาเลือกเอาไปชมประสมศรี เหมือนพวกพ้องของข้ารู้พาที ด้วยเดิมทีปู่ย่าเป็นมนุษย์ อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ จึงแจ้งเหตุแถวทางกลางสมุทร แม้นจะหนีผีเสื้อด้วยแรงรุทร เห็นไม่สุดสิ้นแดนด้วยแสนไกล แต่โยคีมีมนต์อยู่ตนหนึ่ง อายุถึงพันเศษถือเพทไสย อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญใจ กินลูกไม้เผือกมันพรรณผลา พวกเรือแตกแขกฝรั่งแลอังกฤษ ขึ้นเป็นศิษย์อยู่สำนักนั้นหนักหนา ด้วยโยคีมีมนต์ดลวิชา ปราบบรรดาภูตพรายไม่กรายไป แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์จะคิดหนี ถึงโยคีเข้าสำนักไม่ตักษัย เผื่อสำเภาเขาซัดพลัดเข้าไป ก็จะได้โดยสารไปบ้านเมือง แต่ทางไกลไม่น้อยถึงร้อยโยชน์ ล้วนเขาโขดคีรีรัตน์ขนัดเนื่อง กลางคงคาสารพัดจะขัดเคือง จงทราบเบื้องบงกชบทมาลย์ แม้นกำลังดังข้าจะพาหนี เจ็ดราตรีเจียวจึงจะถึงสถาน อสุรีมีกำลังดังปลาวาฬ ตามประมาณสามวันจะทันตัว ถ้าแก้ไขให้นางไปค้างป่า ได้ล่วงหน้าไปเสียบ้างจะยังชั่ว จะอาสาพาไปมิได้กลัว ชีวิตตัวบรรลัยไม่เสียดาย แต่พระองค์ทรงคิดให้รอบคอบ ถ้าเห็นชอบท่วงทีจะหนีหาย จึงโปรดใช้ให้องค์พระลูกชาย ไปหาดทรายหาข้าจะมาฟัง ฯ ๏ พระแจ้งความตามคำเงือกน้ำเล่า ค่อยบรรเทาทุกข์สมอารมณ์หวัง จึงว่าพี่มีคุณน้องสักครั้ง ให้ได้ดังถ้อยคำที่รำพัน ซึ่งลูกรักหักหาญให้ท่านโกรธ จงงดโทษทำคุณอย่างหุนหัน ช่วยไปปิดปากถ้ำที่สำคัญ จวนสายัณห์ยักษ์มาจะว่าเรา จึงบัญชาว่าเจ้าสินสมุทร ไปช่วยฉุดศิลาใหญ่ขึ้นให้เขา ขอสมาตาปู่อย่าดูเบา ช่วยอุ้มเอาแกออกไปให้สบาย กับลูกน้อยค่อยพยุงจูงเงือกน้ำ มาปากถ้ำแลเห็นวนชลสาย หวนรำลึกตรึกตรองถึงน้องชาย พระฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย แล้วให้ลูกเลิกศิลาเข้ามาปิด เห็นมิดชิดมั่นคงไม่สงสัย พระกลับมาตาเงือกเสือกลงไป ลงที่ในวังวนชลธาร ฯ ๏ ฝ่ายผีเสื้อเมื่อขึ้นจากฝั่งน้ำ จะมาถ้ำเที่ยวหาพฤกษาหาร เก็บลูกไม้ใส่ห่อเห็นพอการ ทั้งเปรี้ยวหวานสารพัดแล้วลัดมา เห็นหินปิดเปิดประตูคูหากว้าง นิมิตอย่างนางมนุษย์เสนหา วรพักตร์นารีศรีโสภา ลีลามาเข้าในห้องเห็นสององค์ วางลูกไม้ในห่อให้ลูกผัว ท้องของตัวเต็มท้องไม่ต้องประสงค์ พระทรงเลือกลูกมะซางปรางมะยง ประทานองค์โอรสสู้อดออม ครั้นพลบค่ำทำรักนางยักษ์ร้าย ประคองกายกอดแอบแนบถนอม ชื่นแต่หน้าอารมณ์นั้นกรมกรอม แต่คิดอ่านหว่านล้อมจะล่อลวง ไม่เห็นช่องตรองตรึกนึกวิตก ทุกข์ในอกนั้นสักเท่าภูเขาหลวง พระกอดลูกน้อยประทับไว้กับทรวง ให้เหงาง่วงงีบหลับระงับไป ฯ ๏ ฝ่ายผีเสื้อเมื่อจะจากพรากลูกผัว แต่พลิกตัวกลิ้งกลับไม่หลับใหล ให้หมกมุ่นขุ่นคล้ำในน้ำใจ จนเสียงไก่แก้วขันสนั่นเนิน พอม่อยหลับกลับจิตนิมิตฝัน ว่าเทวัญอยู่ที่เกาะนั้นเหาะเหิน มาสังหารผลาญถ้ำระยำเยิน แกว่งพะเนินทุบนางแทบวางวาย แล้วอารักษ์ควักล้วงเอาดวงเนตร สำแดงเดชเหาะกลับไปลับหาย ทั้งกายสั่นพรั่นตัวด้วยกลัวตาย พอฟื้นกายก็พอแจ้งแสงตะวัน จึงก้มกราบบาทบงสุ์พระทรงศักดิ์ แล้วนางยักษ์เล่าตามเนื้อความฝัน ไม่เคยเห็นเป็นวิบัติอัศจรรย์ เชิญทรงธรรม์ช่วยทำนายร้ายหรือดี ฯ ๏ พระฟังนางพลางนึกคะนึงหมาย ซึ่งฝันร้ายก็เพราะจิตเราคิดหนี เห็นจะไปได้ตลอดรอดชีวี แต่นางผีเสื้อนั้นจะอันตราย พอได้ช่องลองลวงดูตามเล่ห์ สมคะเนจะได้ไปดังใจหมาย จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสเพทุบาย เจ้าฝันร้ายนักน้องต้องตำรา อันเทวัญนั้นคือมัจจุราช จะหมายมาดเอาชีวิตริษยา แล้วเสแสร้งแกล้งทำบีบน้ำตา อนิจจาใจหายเจียวสายใจ แม้สิ้นสูญบุญนางในปางนี้ ไม่มีที่พึ่งพาจะอาศัย จะกอดศพซบหน้าโศกาลัย ระกำใจกว่าจะม้วยไปด้วยกัน นึกจะใคร่สะเดาะพระเคราะห์เจ้า พอบรรเทาโทษาที่อาสัญ เหมือนงอนง้อขอชีวิตแก่เทวัญ กลัวแต่ขวัญเนตรพี่จะมิทำ ฯ ๏ นางผีเสื้อเชื่อถือรื้อประณต พระทรงยศจงช่วยชุบอุปถัมภ์ ตามตำราสารพัดไม่ขัดคำ ช่วยแนะนำอนุกูลอย่าสูญใจ ฯ ๏ พระฟังคำสำราญสำเร็จคิด จึงว่าผิดสายสมรหาสอนไม่ ตำรานั้นแต่ครั้งตั้งเมรุไกร ว่าถ้าใครฝันร้ายจะวายปราณ ให้ไปอยู่ผู้เดียวที่ตีนเขา แล้วอดข้าวอดปลากระยาหาร ถ้วนสามคืนสามวันจะบันดาล ให้สำราญรอดตายสบายใจ ฯ ๏ ฝ่ายว่านางผีเสื้อก็เชื่อถือ คิดว่าซื่อสุจริตพิสมัย จึงตอบว่าถ้ากระนั้นฉันจะไป อยู่เขาใหญ่ในป่าพนาวัน พระโฉมยงจงอยู่ในคูหา เลี้ยงรักษาลูกน้อยคอยหม่อมฉัน จะอดใจให้เหมือนคำที่รำพัน ถ้วนสามวันก็จะมาอย่าอาวรณ์ แล้ววันทาลาองค์พระทรงโฉม ปลอบประโลมลูกแก้วแล้วสั่งสอน อย่าแข็งนักรักตัวกลัวบิดร แม้นไม่นอนมารดาจะมาตี ฯ ๏ สินสมุทรสุดแสนสงสารแม่ ด้วยรู้แน่ว่าบิดาจะพาหนี ให้ห่วงหลังกังวลด้วยชนนี เจ้าโศกีกราบก้มบังคมคัล บิดาดูรู้แจ้งจึงแกล้งห้าม จะวอนตามเขาไปไยในไพรสัณฑ์ อยู่เป่าปี่ตีเกราะเสนาะครัน แล้วรับขวัญลูกน้อยกลอยฤทัย ฯ ๏ นางผีเสื้อเมื่อแรกก็แปลกจิต ครั้นทรงฤทธิ์ปลอบลูกชายหายสงสัย จึงรีบออกนอกคูหาแล้วคลาไคล ไปเขาใหญ่ในป่าพนาวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม ปลอบประโลมลูกชายจะผายผัน จึงหยิบปี่ที่เป่าเมื่อคราวนั้น เอาผ้าพันผูกดีแล้วลีลา ให้ลูกรักผลักแผ่นศิลาล้ม สมอารมณ์รีบออกนอกคูหา เลียบลีลาศหาดทรายชายคงคา แลชลาล้วนคลื่นเสียงครื้นโครม ฯ ๏ ฝ่ายเงือกน้ำสำหรับทะเลลึก ไม่วายนึกถึงองค์พระทรงโฉม พอแจ่มแจ้งแสงทองผ่องโพยม ปลอบประโลมลูกเมียเข้าเคลียคลอ จะไปลอยคอยองค์ทรงสวัสดิ์ ให้สมนัดซึ่งสัญญาเธอมาหนอ แล้วออกจากวนวังไม่รั้งรอ ค่อยเคลื่อนคลายว่ายคลอกันไคลคลา พอเห็นองค์ทรงยศโอรสราช อยู่ชายหาดพร้อมกันก็หรรษา จึงชวนลูกสาวนั้นกับภรรยา คลานขึ้นมาชายฝั่งแล้วบังคม ฯ ๏ พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนคำคม ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป จึงตรัสว่าตาเงือกมาคอยรับ ช่างสมกับวาจาจะหาไหน เราล่อลวงนางผีเสื้อก็เชื่อใจ เดี๋ยวนี้ไปแรมทางกลางอรัญ ช่วยเมตตาพาตรงไปส่งที่ พระโยคีมีเวทวิเศษขยัน กลางคงคาปลาร้ายก็หลายพรรณ จะป้องกันภัยพาลประการใด ฯ ๏ เงือกผู้เฒ่าเคารพอภิวาท ขอรองบาทบริรักษ์จนตักษัย เสด็จขึ้นทรงบ่าจะพาไป พระหน่อไทให้ขี่ภริยา อันอำนาจชาติเชื้อผีเสื้อน้ำ ปลาไม่กล้ำกรายกลัวทั่วทิศา ด้วยกลิ่นอายคล้ายท่านผู้มารดา เมื่อจับข้าข้าจึงอ่อนหย่อนกำลัง สัตว์ในน้ำจำแพ้แก่ผีเสื้อ เปรียบเหมือนเนื้อเห็นพยัคฆ์ให้ชักหลัง อย่าเกรงภัยในชลที่วนวัง ขึ้นนั่งยังบ่าข้าจะพาไป ฯ ๏ พงศ์กษัตริย์ตรัสชวนสินสมุทร สอนให้บุตรขอสมาอัชฌาสัย พระทรงบ่าเงือกน้ำงามวิไล พระหน่อไทยขอสมาขึ้นบ่านาง เงือกประคองสององค์ลงจากฝั่ง มีกำลังลีลาศค่อยวาดหาง ค่อยฟูฟ่องล่องน้ำไปท่ามกลาง ลูกสาวนางเงือกงามตามลีลา ฯ ๏ พระโฉมยงองค์อภัยมณีนาถ เพลินประพาสพิศดูหมู่มัจฉา เหล่าฉลามล้วนฉลามตามกันมา ค่อยเคลื่อนคลาคล้ายคล้ายในสายชล ฉนากอยู่คู่ฉนากไม่จากคู่ ขึ้นฟ่องฟูพ่นฟองละอองฝน ฝูงพิมพาพาฝูงเข้าแฝงวน บ้างผุดพ่นฟองน้ำบ้างดำจร กระโห้เรียงเคียงกระโห้ขึ้นโบกหาง ลอยสล้างกลางกระแสแลสลอน มังกรเกี่ยวเลี้ยวลอดกอดมังกร ประชุมซ่อนแฝงชลขึ้นวนเวียน ฝูงม้าน้ำทำท่าเหมือนม้าเผ่น ขึ้นลอยเล่นเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน ตะเพียนทองล่องน้ำนำตะเพียน ดาษเดียรดูเพลินจนเกินมา เห็นละเมาะเกาะเขาเขียวชอุ่ม โขดตะคุ่มเคียงเคียงเรียงรุกขา จะเหลียวซ้ายสายสมุทรสุดสายตา จะแลขวาควันคลุ้มกลุ้มโพยม จะเหลียวดูสุริย์แสงเข้าแฝงเมฆ ให้วิเวกหวาดองค์พระทรงโฉม ฟังสำเนียงเสียงคลื่นดังครื้นโครม ยิ่งทุกข์โทมนัสในฤทัยทวี พอเย็นย่ำค่ำพลบลงโพล้เพล้ ท้องทะเลมืดมัวทั่ววิถี พระห้ามเงือกสองราด้วยปรานี ประเดี๋ยวนี้ลมกล้าสลาตัน เห็นละเมาะเกาะใหญ่ที่ไหนกว้าง หยุดเสียบ้างให้สบายจึงผายผัน เราหนีนางมาได้ก็ไกลครัน ต่อกลางวันจึงค่อยไปให้สำราญ ฯ ๏ ตาเงือกน้ำซ้ำสอนพระทรงศักดิ์ ยังใกล้นักอย่าประมาททำอาจหาญ นางรู้ความตามมาไม่ช้านาน จะพบพานพากันตายวายชีวัน อันตาข้าถ้าค่ำเห็นสว่าง ทั้งเดินทางเรี่ยวแรงแข็งขยัน ถ้าแดดกล้าตามัวเป็นหมอกควัน จะผายผันล่วงทางไปกลางคืน แล้วว่ายแหวกแบกองค์พงศ์กษัตริย์ พลางสะบัดโบกหางไปกลางคลื่น สลาตันลั่นพิลึกเสียงครึกครื้น จนดึกดื่นรีบรุดไม่หยุดเลย ครั้นรุ่งเช้าเข้าเกาะเสาะลูกไม้ พระลูกให้บิตุรงค์ทรงเสวย เงือกก็หาอาหารกินตามเคย แล้วรีบเลยล่วงไปในคงคา ฯ ๏ ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรที่สุดโง่ ไปนั่งโซเซาอยู่ริมภูผา ขอชีวิตพิษฐานตามตำรา ต้องอดปลาอดนอนอ่อนกำลัง ได้สามวันรันทดสลดจิต เจียนชีวิตจะเด็ดดับไม่กลับหลัง อุตส่าห์ยืนฝืนใจให้ประทัง ค่อยเซซังซวนทรงไม่ตรงตัว เห็นลูกไม้ในป่าคว้าเข้าปาก กำลังอยากยืนขยอกจนกลอกหัว ที่มืดหน้าตาลายค่อยหายมัว คิดถึงผัวเหยาะย่างมากลางไพร ถึงประตูคูหาเห็นเปิดอยู่ เอ๊ะอกกูเกิดเข็ญเป็นไฉน เข้าในห้องมองเขม้นไม่เห็นใคร ยิ่งตกใจเพียงจะดิ้นสิ้นชีวี แลดูปี่ที่เป่าเล่าก็หาย นางยักษ์ร้ายรู้ว่าพากันหนี เสียน้ำใจในอารมณ์ไม่สมประดี สองมือตีอกตูมฟูมน้ำตา ลงกลิ้งเกลือกเสือกกายร้องไห้โร่ เสียงโฮโฮดังก้องห้องคูหา พระรูปหล่อพ่อคุณของเมียอา ควรหรือมาทิ้งขว้างหมองหมางเมีย ทั้งลูกน้อยกลอยใจไปด้วยเล่า เหมือนควักเอาดวงใจน้องไปเสีย น้องร้อนรุ่มกลุ้มใจดังไฟเลีย ทูนหัวเมียช่างไม่ไว้อาลัยเลย ถึงแปดปีนี่แล้วไม่แคล้วคลาด เคยร่วมอาสน์อกอุ่นพ่อคุณเอ๋ย ตั้งแต่นี้น้องจะได้ผู้ใดเชย เหมือนพระเคยคู่เคียงเมื่อเที่ยงคืน เสียแรงรักหนักหนาอุตส่าห์ถนอม สู้อดออมสารพัดไม่ขัดขืน ช่างกระไรใจจืดไม่ยืดยืน นางสะอื้นอ้าปากจนรากเรอ ด้วยแรงน้อยถอยทบสลบหลับ แล้วก็กลับพลิกฟื้นตื่นเผยอ ร้องเรียกลูกผัวเฟือนเหมือนละเมอ ไม่เห็นเธอทอดกายดังวายปราณ ระกำอกหมกมุ่นหุนพิโรธ กำลังโกรธกลับแรงกำแหงหาญ ประหลาดใจใครหนอมาก่อการ ช่างคิดอ่านเอาคู่ของกูไป ศิลานี้ที่มนุษย์จะเปิดนั้น สักหมื่นพันก็ไม่อาจจะหวาดไหว ยักขินีผีสางหรืออย่างไร มาพาไปไม่เกรงข่มเหงกู พลางรำพึงถึงจะไปไม่ไกลนัก จะตามหักคอกินเหมือนชิ้นหมู โมโหหุนผลุนออกนอกประตู เที่ยวตามดูรอยลงในคงคา กระโดดโครมโถมว่ายสายสมุทร อุตลุดดำด้นเที่ยวค้นหา ไม่เห็นผัวคว้าไปได้แต่ปลา ควักลูกตาสูบเลือดด้วยเดือดดาล ค่อยมีแรงแผลงฤทธิ์คำรนร้อง ตะโกนก้องเรียกหาโยธาหาญ ฝ่ายปีศาจราชทูตภูตพรายพาล อลหม่านขึ้นมาหาในสาชล อสุรีผีเสื้อจึงซักถาม มึงอยู่ตามเขตแขวงทุกแห่งหน เห็นมนุษย์นวลละอองทั้งสองคน มาในวนวังบ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ ผ่ายพวกผีที่อยู่ทิศทักษิณ ครั้นได้ยินจึงแจ้งแถลงไข เห็นเงือกพามนุษย์รีบรุดไป ข้างทิศใต้แต่เมื่อคืนวานซืนนี้ ข้านึกร้ายหมายจะตามก็ขามเด็ก ด้วยลูกเล็กเหลือตัวไม่กลัวผี เห็นจะไปได้ครันจนวันนี้ ด้วยท่วงทีรีบร้อนไม่นอนใจ ฯ ๏ นางผีเสื้อเหลือโกรธโลดทะลึ่ง โตดังหนึ่งยุคุนธร์ขุนไศล ลุยทะเลโครมครามตามออกไป สมุทรไทแทบจะล่มถล่มทลาย เหล่าละเมาะเกาะขวางหนทางยักษ์ ภูเขาหักหินหลุดทรุดสลาย เสียงครึกครื้นคลื่นคลุ้มขึ้นกลุ้มกาย ผีเสื้อร้ายรีบรุดไม่หยุดยืน ฯ ๏ ฝ่ายพระอภัยมณีซึ่งหนียักษ์ กับลูกรักเงือกน้ำไปตามคลื่น บรรลุทางกลางชลาได้ห้าคืน เห็นทะมื่นมาข้างหลังดังสะเทือน จึงถามเงือกว่าไฉนจึงไหวหวั่น สลาตันลมใหญ่ก็ไม่เหมือน ไม่เห็นแสงสุริยันตะวันเดือน เป็นคลื่นเคลื่อนคลอนลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ ฝ่ายเงือกน้ำสำเหนียกแน่ในจิต คือว่าฤทธิ์ยักษ์ร้ายมาภายหลัง ด้วยเดชนางยักษ์ขินีมีกำลัง ชีวิตครั้งนี้เห็นไม่เป็นตน จึงทูลองค์พระอภัยว่าใช่อื่น เสียงครึกครื้นมารนางมากลางหน คงทันกันวันนี้หนีไม่พ้น เห็นสุดจนจำม้วยลงด้วยกัน ฯ ๏ พระอภัยใจหายไม่วายเหลียว ให้เปล่าเปลี่ยวนัยนาเพียงอาสัญ แต่มานะกษัตริย์สู้กัดฟัน อุตส่าห์กลั้นกลืนน้ำตาแล้วพาที จะไปไหนไม่พ้นผีเสื้อน้ำ วิบากกรรมก็จะสู้อยู่เป็นผี ท่านส่งเราเข้าที่เกาะละเมาะนี้ แล้วรีบหนีไปในน้ำแต่ลำพัง แล้วว่าแก่สินสมุทรสุดที่รัก แม้นนางยักษ์จะมารับจงกลับหลัง อันตัวพ่อขอตายวายชีวัง กันแสงสั่งลูกยาด้วยอาลัย ฯ ๏ สินสมุทรมิได้กลัวกลับหัวร่อ ลูกไม่ขอจากพระองค์อย่าสงสัย แม้มารดามาตามจะห้ามไว้ พระรีบไปก่อนข้าอย่าปรารมภ์ ลูกจะค่อยลอยตามแต่ห่างห่าง อยู่ต้นทางจะได้พบประสบสม แล้วเผ่นโผนโจนลงทะเลลม พระปรารมภ์เรียกไว้ก็ไม่ฟัง เที่ยวดำด้นค้นหามัจฉาใหญ่ พอจับได้ปลาอินทรีขึ้นขี่หลัง เสียงโผงผางกลางน้ำแต่ลำพัง ค่อยลอยรั้งรอมาในวาริน ฯ ๏ ฝ่ายผีเสื้อสมุทรไม่หยุดหย่อน ครั้นลุยอ่อนอุตส่าห์ว่ายสายกระสินธุ์ กำลังน้อยถอยถดด้วยอดกิน เจียนจะสิ้นชีวาในสาคร ได้สามวันทันผัวกับลูกน้อย เห็นเลื่อนลอยลิบลิบยิ่งถีบถอน กระโจมโจนโผนโผชโลทร คลื่นกระฉ่อนฉาดฉานสะท้านมา ฯ ๏ ฝ่ายเงือกน้ำกำลังก็สิ้นสุด ครั้นจะหยุดยักษ์ไล่ใกล้นักหนา เรียกลูกสาวคราวนี้พ่อจะมรณา เจ้าช่วยพาภูวไนยไปให้พ้น นางเงือกน้อยสร้อยเศร้าเข้ามาผลัด แบกกษัตริย์ว่ายเสือกเสลือกสลน กำลังสาวคราวด่วนด้วยจวนจน ออกกลางชลโบกหางผางผางไป ฯ ๏ สินสมุทรหยุดอยู่ดูนางยักษ์ เห็นผิดพักตร์มารดาน่าสงสัย ด้วยเห็นแม่แต่รูปนิมิตไว้ สงสัยใจออกขวางกลางคงคา แล้วร้องถามตามประสาเป็นทารก นี่สัตว์บกหรือสัตว์น้ำดำนักหนา โจนกระโจมโครมครามตามเรามา จะเล่นข้าท่าไรจะใคร่รู้ ฯ ๏ ฝ่ายนางอสุรีผีเสื้อน้ำ ได้ยินคำโอรสนึกอดสู เป็นห่วงผัวมัวแลชะแง้ดู ไม่เห็นอยู่ด้วยกันนี่ฉันใด หรือจวนตัวกลัวเมียไปเสียก่อน หรือซุ่มซ่อนอยู่เกาะละเมาะไหน จำจะปลอบโดยดีแม้นมิไป จึงจะได้จับกุมตะลุมบอน จึงตอบโต้โป้ปดโอรสราช มิใช่ชาติยักษ์มารชาญสมร เจ้าแปลกหรือคือนี่แลมารดร เมื่อนั่งนอนอยู่ในถ้ำไม่จำแลง ออกเดินทางอย่างนี้ต้องนิมิต รูปจึงผิดไปกว่าเก่าเจ้าจึงแหนง ไม่ปิดงำอำพรางอย่าคลางแคลง แม่แกล้งแปลงตัวตามเจ้างามมา ไหนพ่อเจ้าเล่าแม่ไม่แลเห็น อย่างหลงเล่นจงไปอยู่ในคูหา แต่จากอกหกวันแล้วขวัญตา ขอมารดาอุ้มหน่อยเถิดกลอยใจ ฯ ๏ สินสมุทรฟังเสียงสำเนียงแน่ รู้ว่าแม่มั่นคงไม่สงสัย ดูรูปร่างอย่างเปรตสมเพชใจ ช่างกระไรราศีไม่มีงาม กระนี้หรือพระบิดามิน่าหนี ทั้งท่วงทีไม่สุภาพทำหยาบหยาม จำจะบอกหลอกลวงหน่วงเนื้อความ อย่าให้ตามเข้าไปชิดพระบิดา จึงเสแสร้งแกล้งว่าข้าไม่เชื่อ จะฉีกเนื้อกินเล่นเป็นภักษา ถ้าเป็นแม่แน่กระนั้นจงกรุณา อย่างตามมามุ่งหมายให้วายปราณ ด้วยองค์พระชนนีเป็นผีเสื้อ อันชาติเชื้ออยู่ถ้ำลำละหาน พระบิดรร้อนรนทนทรมาน เคยอยู่บ้านเมืองมนุษย์สุดสบาย คิดถึงวงศ์พงศาคณาญาติ จึงสามารถมานี่ไม่หนีหาย เห็นมารดรซ่อนตัวด้วยกลัวตาย ลูกจึงว่ายน้ำอยู่แต่ผู้เดียว ประทานโทษโปรดปล่อยไปหน่อยเถิด ที่ละเมิดแม่คุณอย่าฉุนเฉียว ลูกขอลาฝ่าธุลีสักปีเดียว ไปท่องเที่ยวหาประเทศเขตนคร แม้พบอาย่าปู่อยู่เป็นสุข บรรเทาทุกข์ภิญโญสโมสร จึงจะชวนบิตุเรศเสด็จจร มาสถานมารดรไม่นอนใจ ฯ ๏ อสุรีผีเสื้อไม่เชื่อถ้อย นึกว่าน้อยหรือตอแหลมาแก้ไข แกล้งดับเดือดเงือดงดอดฤทัย ทำปราศรัยเสียงหวานด้วยมารยา ถ้าแม้นแม่แต่แรกรู้กระนี้ ชนนีก็จะได้ไม่เที่ยวหา นี่นึกแหนงแคลงความจึงตามมา ไม่โกรธาทูนหัวอย่ากลัวเลย จะไปไหนไม่ห้ามจะตามส่ง ไหนทรงฤทธิ์บิตุรงค์เล่าลูกเอ๋ย แม่ขอพบพูดจาประสาเคย แล้วทรามเชยจึงค่อยพาบิดาไป ฯ ๏ สินสมุทรสุดฉลาดไม่อาจบอก ยังซ้ำหลอกลวงแม่พูดแก้ไข มิใช่การมารดาจะคลาไคล ขอเชิญไปอยู่ในถ้ำให้สำราญ ซึ่งจะให้ไปบอกออกมาหา บิดาข้าขี้ขลาดไม่อาจหาญ พระแม่อย่าทารกรรมให้รำคาญ ไม่ช้านานบิตุรงค์คงจะมา ฯ ๏ อสุรีผีเสื้อเหลือจะอด แค้นโอรสราวกับไฟไหม้มังสา ช่างหลอกหลอนผ่อนผันจำนรรจา แม้นจะว่าโดยดีเห็นมิฟัง จะจับไว้ให้พาไปหาพ่อ แล้วหักคอเสียให้ตายเมื่อภายหลัง โกรธตวาดผาดเสียงสำเนียงดัง น้อยหรือยังโหยกเหยกเด็กเกเร ช่างว่ากล่าวราวกับกูไม่รู้เท่า มาพูดเอาเปรียบผู้ใหญ่ทำไพล่เผล เอาบิดรซ่อนไว้ในทะเล ทำโว้เว้ว่ากล่าวให้ยาวความ ยิ่งปลอบโยนโอนอ่อนยิ่งหลอนหลอก แม้นไม่บอกโดยดีจะตีถาม พลางโผโผนโจนโจมเสียงโครมคราม เข้าไล่ตามคลุกคลีตีไปพลาง สินสมุทรผุดออกนอกรักแร้ แล้วล่อแม่ตบหัตถ์ผัดผางผาง แกล้งหลบลี้หนีวนไปต้นทาง หมายให้ห่างพระบิดาได้คลาไคล นางผีเสื้อเหลือแค้นแสนสาหัส แต่ฉวยพลัดแพลงคลื่นลื่นไถล อุตลุดผุดดำปล้ำกันไป เหมือนเล่นไล่ตามละเมาะทุกเกาะเกียน ถึงเขาใหญ่ในน้ำง้ำชะเงื่อม พระหลบเลื่อมเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน เข้าหาดทรายชายตื้นขึ้นบนเตียน เที่ยววิ่งเวียนวนรอบขอบคิรี เห็นมารดาล่าลับแล้วยับยั้ง แกล้งถอยหลังลงน้ำแล้วดำหนี ไม่พ่นผุดรุดไปในนที ตั้งภักดีตามติดพระบิดร ฯ ๏ ฝ่ายผีเสื้อเมื่อลูกลอบลงน้ำ พอจวนค่ำคิดว่าวิ่งขึ้นสิงขร ด้วยใจนางคิดว่าพาบิดร มาซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่จึงหนีมา เที่ยวแลรอบขอบเขาเงาชะงุ้ม ยิ่งมืดคลุ้มก็ยิ่งคลั่งตั้งแต่หา เสียงคลื่นโครมโถมตะครุบก้อนศิลา จนหน้าตาแตกยับลงสับเงา แล้วลุกขึ้นยืนชะโงกโยกสิงขร จนโคลงคลอนเคลื่อนดังทั้งภูเขา ยิ่งมืดค่ำสำเหนียกร้องเรียกเดา ไม่พ้นเราเร่งมาหาโดยดี เห็นไม่ขานมารร้ายทลายซ้ำ เขาระยำย่อยยับดังสับสี ไม่พบเห็นเป็นเพลาเข้าราตรี อสุรีเหลือแค้นแน่นอุรา ช่างชาติชั่วหัวกระดูกลูกตอแหล ลวงให้แม่หลงกลเที่ยวค้นหา เออกระนั้นมันจึงทบตลบมา ให้บิดาเลยไปเสียไกลแล้ว ดำริพลางนางมารอ่านพระเวท ให้สองเนตรโชติช่วงดังดวงแก้ว แลเขม้นเห็นไปไวแววแวว อยู่โน่นแล้วลุยตามโครมครามไป ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรไม่หยุดยั้ง รีบมาทั้งคืนค่ำในน้ำไหล จนแจ่มแจ้งสุริโยอโณทัย เห็นเงือกใหญ่ยายตายังล้านัก จึงว่ารีบถีบถอนไปก่อนท่าน โน่นนางมารหนุนไล่มาใกล้หนัก แล้วว่ายรอคลอไปพอได้พัก พอนางยักษ์ทันโถมกระโจมมา พระลูกหลบพบเงือกจะเสือกหนี เหยียบขยี้สองแขนแน่นนักหนา ตะคอกถามตามโมโหที่โกรธา ไยมึงพาผัวพรากมาจากกู เดี๋ยวนี้องค์พระอภัยอยู่ไหนเล่า ไม่บอกเราหรือกระไรทำไขหู จะควักเอานัยนาออกมาดู ตะคอกขู่คุกถามคำรามรน ฯ ๏ ทั้งสองเงือกเสือกกายหมายไม่รอด ถึงม้วยมอดมิให้แจ้งแห่งนุสนธิ์ จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสด้วยเล่ห์กล เธออยู่บนเขาขวางริมทางมา ข้าจะพาไปจับจงกลับหลัง ให้ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา ไม่เหมือนคำรำพันที่สัญญา จงเข่นฆ่าให้เราม้วยไปด้วยกัน ฯ ๏ อสุรีผีเสื้อก็เชื่อถือ ยุดเอามือขวาซ้ายให้ผายผัน เงือกก็พามาถึงได้ครึ่งวัน แกล้งรำพันพูดล่อให้ต่อไป นางผีเสื้อเบื่อหูรู้เท่าถึง จึงว่ามึงตอแหลมาแก้ไข มาถึงนี่ชี้โน่นเนื่องกันไป แกล้งจะให้ห่างผัวไม่กลัวกู แล้วนางยักษ์หักขาฉีกสองแขน ไม่หายแค้นเคี้ยวกินสิ้นทั้งคู่ แล้วกลับตามข้ามทางท้องสินธู ออกว่ายวู่แหวกน้ำด้วยกำลัง ฯ ๏ ฝ่ายกุมารสินสมุทรไม่หยุดหย่อน ตามบิดรทันสมอารมณ์หวัง จึงเล่าความตามติดไม่ปิดบัง พระทรงฟังลูกชายค่อยคลายใจ พอเห็นเงาเขาขวางอยู่กลางน้ำ พิลึกล้ำกว่าคิรีที่ไหนไหน จึงถามนางเงือกน้อยกลอยฤทัย เกาะอะไรแก้วตาตรงหน้าเรา ฯ ๏ นางเงือกน้ำบอกสำคัญว่านั่นแล้ว คือเกาะแก้วพิสดารเป็นชานเขา พระฟังนางสร่างโศกค่อยบรรเทา จึงว่าเราเห็นจะรอดไม่วอดวาย แล้วพิศดูภูผาศิลาเสื่อม ชะโงกเงื้อมน้ำวลชลสาย แลลิบลิบหลังคาศาลาราย มีเสาหงส์ธงปลายปลิวระยับ พระยินดีชี้บอกสินสมุทร โน่นแน่กุฏิ์มุงกระเบื้องเหลืองสลับ พระหน่อน้อยค่อยเรียงเคียงคำนับ หมายประทับที่เสาหงส์ตรงเข้ามา ฯ ๏ ฝ่ายโยคีที่อยู่บนภูเขา กับคนเหล่าเหลือตายหลายภาษา ทั้งจีนจามพราหมณ์แขกไทยชวา วิลันดาฝรั่งพรั่งพร้อมกัน เป็นร้อยคนปรนนิบัติอยู่เช้าค่ำ บ้างต้มน้ำเก็บลูกไม้มาให้ฉัน เป็นเหล่าล้อมพร้อมหน้าเวลานั้น บ้างนวดฟั้นปรนนิบัตินั่งพัดวี พอบ่ายเบี่ยงเสียงคลื่นดังครื้นครึก อึกทึกมาข้างหน้าคิรีศรี ครั้นดูลมก็ไม่พัดสงัดดี พระโยคีจับยามตามตำรา แล้วบอกศิษย์ซึ่งนั่งอยู่ทั้งหลาย วันนี้ชายมีศักดิ์จักมาหา ผีเสื้อน้ำทำฤทธิ์ติดตามมา เสียงชลาเลื่อนลั่นสนั่นดัง จำจะไปคอยดูอยู่ที่หาด ช่วยตวาดขู่ขับให้กลับหลัง ฉวยไม้เท้าก้าวย่างจากบัลลังก์ แขกฝรั่งพรั่งพร้อมล้อมลีลา ถึงหาดกว้างทางแลกระแสสมุทร เห็นมนุษย์ไรไรไหลนักหนา ผีเสื้อน้ำทำฤทธิ์ติดตามมา เวทนาแลดูอยู่ทุกคน ฯ ๏ พระอภัยมณีเห็นผีเสื้อ ความกลัวเหลือว่ายคว้างอยู่กลางหน ยักษ์กระโจมโถมจับแทบอับจน พอเห็นคนอยู่ที่หาดตวาดครืน เข้าถึงที่ผีเสื้อก็ถึงด้วย กระชั้นฉวยผิดเสือกเกลือกเข้าตื้น พอโยคีมีคาถาลงมายืน ผีเสื้อตื่นตัวสั่นขยั้นยั้ง พระอภัยภูมินทร์กับสินสมุทร ช่วยกันฉุดนางเงือกเสือกเข้าฝั่ง แล้วกราบกรานโยคีมีกำลัง แขกฝรั่งพรั่งพร้อมล้อมพูดจา ฯ ๏ พระโยคีมีจิตคิดสงสาร จึงว่าท่านหนีตายหมายมาหา เราลงมาคอยช่วยด้วยเมตตา แต่กิจจาไม่กระจ่างยังคลางแคลง ฯ ๏ พระอภัยได้สดับสุนทรถาม จึงยกความก่อนเก่าเล่าแถลง จะหนีนางกลางสมุทรก็สุดแรง รำพันแจ้งความจริงทุกสิ่งไป แล้ววอนว่าข้ากับโอรสราช จะรองบาทประดิพัทธ์จนตัดษัย ขอพระองค์ทรงธรรม์ช่วยกันภัย แต่พอได้หยุดหย่อนผ่อนสบาย ฯ ๏ พระโยคีมีญาณว่าหลานรัก จงสำนักอยู่ให้สมอารมณ์หมาย อันยักษีผีสางสมุทรพราย มาถูกทรายชายหาดก็ขาดใจ เราลงเลขเสกทำไว้สำเร็จ ดังเขื่อนเพชรภูตปีศาจไม่อาจใกล้ มันอยู่แต่ห่างห่างช่างเป็นไร ทำไม่ได้นัดดาเจ้าอย่ากลัว ฯ ๏ ฝ่ายผีเสื้อเหลือโกรธโลดทะลึ่ง เสียงโผงผึงเผ่นโผนตะโกนผัว เหตุไฉนไปนั่งกำบังตัว เชิญทูนหัวเยี่ยมหน้ามาหาน้อง นิจจาเอ๋ยเคยอยู่เป็นคู่ชื่น ทุกวันคืนค่ำเช้าไม่เศร้าหมอง จนมีลูกปลูกเลี้ยงเคียงประครอง มิให้ข้องเคืองขัดพระอัชฌา อยู่ดีดีหนีเมียมาเสียได้ เสียน้ำใจน้องรักเป็นนักหนา จึงอุตส่าห์พยายามสู้ตามมา ขอเป็นข้าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ พระเสด็จไปไหนจะไปด้วย เป็นเพื่อนม้วยภัสดาจนอาสัญ ประทานโทษโปรดเลี้ยงแต่เพียงนั้น อย่าบากบั่นความรักน้องนักเลย ฯ ๏ พระอภัยใจอ่อนถอนสะอื้น อุตส่าห์ฝืนพักตร์ว่านิจจาเอ๋ย แม่ผีเสื้อเมื่อไม่เห็นในใจเลย พี่ไม่เคยอยู่ในถ้ำให้รำคาญ คิดถึงน้องสองชนกที่ปกเกล้า จะสร้อยเศร้าโศกาน่าสงสาร ด้วยพลัดพรากจากมาเป็นช้านาน ไม่แจ้งการว่าข้างหลังเป็นอย่างไร จึงจำร้างห่างห้องให้น้องโกรธ จงงดโทษพี่ยาอัชฌาสัย แม้นไปได้ก็จะพาแก้วตาไป นี่จนใจเสียด้วยนางต่างกระกูล พี่มนุษย์สุดสวาทเป็นชาติยักษ์ จงคิดหักความสวาทให้ขาดสูญ กลับไปอยู่คูหาอย่าอาดูร จงเพิ่มพูนภาวนารักษาธรรม์ อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตพิษฐาน หมายวิมานเมืองแมนแดนสวรรค์ จะเกิดไหนขอให้พบประสบกัน อย่าโศกศัลย์แคล้วคลาดเหมือนชาตินี้ พี่ขอบุตรสุดใจเอาไปด้วย เป็นเพื่อนม้วยเหมือนสุดามารศรี ขอลาแก้วแววตาไปธานี อย่าราคีขุ่นข้องให้หมองมัว ฯ ๏ ผีเสื้อน้ำซ้ำวอนด้วยอ่อนหวาน ไม่โปรดปรานอนุกูลเลยทูนหัว ถ้าทิ้งไว้ไหนน้องจะครองตัว ทั้งจากผัวจากบุตรสุดอาลัย มิขออยู่สู้ตายวายชีวิต ไม่เห็นจิตน้องรักจะตักษัย เชิญพระองค์ลงมาชลาลัย เมียจะให้มนต์เวทวิเศษครัน แล้วร้องเรียกลูกยามาด้วยพ่อ แม่จะขออำลาเจ้าอาสัญ อย่าสงสัยใจจริงทุกสิ่งอัน ไม่รำพันพูดลวงเจ้าดวงใจ ฯ ๏ สินสมุทรสุดแสนสงสารแม่ ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล จึงกราบกรานมารดาแล้วว่าไป จะเข้าใกล้ทูนหัวลูกกลัวนัก เมื่อวานนี้ตีข้าน้อยไปหรือ ระบมมือเหมือนกระดูกลูกจะหัก ซึ่งรักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก มิใช่จักลืมคุณกรุณา ถึงตัวไปใจลูกยังผูกคิด พอปลดปลิดเปลื้องธุระจะมาหา อย่ากริ้วโกรธโปรดปรานเถิดมารดา ไปไสยาอยู่ในถ้ำให้สำราญ ฯ ๏ ฝ่ายโยคีมียศพจนารถ ให้โอวาทนางยักษ์ไม่หักหาญ จงตัดบ่วงห่วงใยอาลัยลาน อย่าปองผลาญลูกผัวของตัวเลย ทั้งนี้เพราะเคราะห์กรรมทำให้วุ่น จึงสิ้นบุญวาสนาสีกาเอ๋ย เห็นมิได้ไปอยู่เป็นคู่เชย ด้วยสองเคยปลูกเลี้ยงกันเพียงนั้น อย่าควรคิดติดตามด้วยความโกรธ จะเป็นโทษกับสีกาเมื่ออาสัญ จงยับยั้งฟังคำรูปรำพัน ไปสวรรค์นฤพานสำราญใจ ฯ ๏ นางผีเสื้อเหลือโกรธพิโรธร้อง มาตั้งซ่องศีลจะมีอยู่ที่ไหน ช่างเฉโกโยคีหนีเขาใช้ ไม่อยู่ในศีลสัตย์มาตัดรอน เขาว่ากันผัวเมียกับแม่ลูก ยื่นจมูกเข้ามาบ้างช่วยสั่งสอน แม้นคบคู่กูไว้มิให้นอน จะรานรอญรบเร้าเฝ้าตอแย แล้วชี้หน้าด่าอึงหึงนางเงือก ทำซบเสือกสอพลออีตอแหล เห็นผัวรักยักคอทำท้อแท้ พ่อกับแม่มึงเข้าไปอยู่ในท้อง ทำปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งมาชิงผัว ระวังตัวมึงให้ดีอีจองหอง พลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวกรามคำรามร้อง เสียงกึกก้องโกลาลูกตาโพลง ฯ ๏ พระโยคีชี้หน้าว่าอุเหม่ ยังโว้เว้วุ่นวายอีตายโหง เพราะหวงผัวมัวเมาเฝ้าตะโกรง ว่ากูโกงมึงก็ตกนรกเอง อียักษาตาโตโมโหมาก รูปก็กากปากก็เปราะไม่เหมาะเหมง นมสองข้างอย่างกระโปรงดูโตงเตง ผัวของเองเขาระอาไม่น่าชม จึงหนีมาอาศัยกูให้อยู่ มิใช่กูรู้เห็นเท่าเส้นผม มาตีชาว่ากูผิดในกิจกรม จะให้สมน้ำหน้าสาแก่ใจ แล้วเสกทรายปรายขว้างมากลางคลื่น ดังลูกปืนยิงยักษ์ให้ตักษัย ผีเสื้อกลัวตัวสั่นเพียงบรรลัย ก็หลบไปตามวนชลธาร ฯ ๏ ฝ่ายเงือกน้ำฟังยักษ์ตระหนักแน่ ว่าพ่อแม่ม้วยมุดสุดสงสาร ลงกลิ้งเกลือกเสือกกายเพียงวายปราณ ชลีลานลาองค์พระทรงธรรม์ น้องจะขอไปเป็นเหยื่อผีเสื้อน้ำ จะได้กล้ำกลืนข้าให้อาสัญ ด้วยพ่อแม่ก็เข้าไปอยู่ในครรภ์ ได้พบกันตามประสาชีวาวาย ฯ ๏ พงศ์กษัตริย์ตรัสห้ามด้วยความรัก หวังจะหักอาดูรให้สูญหาย โอ้น้องแก้วแววตาจะลาตาย แสนเสียดายดังใครล้วงเอาดวงใจ ถึงบิดามารดรสมรม้วย พี่จะช่วยปกป้องให้ผ่องใส อยู่พึ่งบุญบารมีพระชีไพร เราจะได้เห็นกันทุกวันคืน ฯ ๏ นางเงือกน้ำกำสรดสลดจิต ครั้นทรงฤทธิ์ร่ำปลอบก็ชอบชื่น เอาความรักหักระกำให้กล้ำกลืน ซบสะอื้นอาลัยไม่ไคลคลา ฯ ๏ พระเห็นเงือกฟังคำซ้ำสงสาร จึงวอนท่านโยคีมีคาถา นางเงือกนี้มีคุณแก่ข้ามา ขอฝากฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ให้นางอยู่อู่อ่าวที่เหล่านี้ พอเป็นที่อาศัยใกล้หม่อมฉัน เมื่อมีทุกข์ขุกเข็ญได้เห็นกัน จะผ่อนผันทำวนให้พ้นภัย ฯ ๏ ฝ่ายโยคีมีพรตพจนารถ อนุญาตยิ้มย่องสนองไข เป็นไรมีที่ตรงนั้นอย่าพรั่นใจ มิให้ภัยบีฑาสีกาโยม จะให้อยู่วนวังในจังหวัด เป็นเงือกวัดเถิดหนอนางสำอางโฉม ที่วุ้งเวิ้งเชิงเขาริมเสาโคม เป็นของโยมอยู่ในน้ำให้สำราญ แล้วเสกด้ายสายสิญจน์ให้สวมไว้ ไม่มีภัยผาสุกสนุกสนาน นางเงือกลาลงวนชลธาร พระชวนหลานมาศาลาเข้าราตรี ให้อยู่กุฏิ์ก่อใหม่ใต้ต้นโศก ริมชะโงกเงื้อมเขาคิรีศรี แขกฝรั่งทั้งสิ้นพลอยยินดี ฝากไมตรีปรนนิบัติกษัตรา พระอภัยสุริย์วงศ์องค์โอรส อยู่บรรพตพิสดารนานนักหนา ให้ลูกน้อยค่อยเพียรเรียนวิชา ตามประสาไสยเพทพระเวทมนตร์ พระโยคีมีจิตคิดสงสาร สอนกุมารสารพัดไม่ขัดสน ที่ลึกล้ำสำหรับแก้อับจน ค่อยฝึกฝนสอนกันทุกวันไป ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมโลก ครั้นสร่างโศกเศร้าหมองค่อยผ่องใส คิดถึงเงือกน้ำน้อยกลอยฤทัย จะเปลี่ยวใจกัลยาในวารี ด้วยบิดามารดรสมรม้วย จำจะช่วยปลอบประโลมนางโฉมศรี คะนึงนึกตรึกตราในราตรี จรลีเลี้ยวมาข้างหน้าเนิน พระเหลือบลงตรงโตรกชะโงกเงื้อม น้ำกระเพื่อมแผ่นผาศิลาเผิน กระจ่างแจ้งแสงจันทร์แจ่มเจริญ พระเพลิดเพลินพลางเรียกสำเหนียกใจ นางมัจฉานารีของพีเอ๋ย เจ้าทรามเชยอยู่ที่นี่หรือที่ไหน พี่มาเยือนเพื่อนยากฝากอาลัย สายสุดใจจงขึ้นมาหาพี่ชาย ฯ ๏ ฝ่ายเงือกน้อยสร้อยเศร้าให้เหงาง่วง อยู่ในห้วงหุบวนชลสาย ได้ฟังคำฉ่ำชื่นค่อยฟื้นกาย จึงแหวกว่ายสายสมุทรผุดขึ้นมา เห็นพระองค์ทรงนั่งอยู่เงื้อมเขา จึงเคียงเข้าข้างแท่นที่แผ่นผา น้อมคำนับกลับคิดถึงบิดา ชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย พระลดองค์ลงแอบแนบถนอม จงอดออมอาดูรให้สูญหาย เจ้าพาพี่หนีรอดไม่วอดวาย คุณของสายสวาทล้นคณนา จะปกป้องครองคู่ไม่รู้ร้าง ไม่เว้นว่างวายประโลมโฉมมัจฉา ประสายากฝากรักกันสองรา แก้วกานดาดวงจิตอย่าบิดเบือน ฯ ๏ นางเงือกน้ำคำนับอภิวาท เชิงฉลาดเหมือนมนุษย์นั้นสุดเหมือน จึงตอบคำทำกระบวนแกล้งชวนเชือน พระมาเยือนเยี่ยมนี้น้องดีใจ เหมือนบิดรมารดามาให้เห็น จะวายเว้นเวลาน้ำตาไหล ขอเป็นข้ากว่าชีวันจะบรรลัย ไม่ไปไกลบาทาฝ่าธุลี ซึ่งทรงฤทธิ์คิดปองจะครองคู่ แสนอดสูสารพัดจะบัดสี วิสัยสัตว์มัจฉาอยู่วารี จะยินดีด้วยมนุษย์นั้นสุดกลัว เพราะต่างชาติวาสนาน้องน้อยนัก อย่าริรักอนุกูลเลยทูนหัว จะพลอยพาฝ่าละอองให้หมองมัว ขอฝากตัวตามประสาเป็นข้าไท ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายว่าสายสวาท แสนฉลาดเหลือดีจะมีไหน น่าสงสารวานอย่าว่าเป็นข้าไท มิใช่ใจพี่นี้หมายเป็นนายน้อง ถึงต่างชาติวาสนาได้มาพบ ก็ควรคบเคียงชมประสมสอง เจ้าโฉมงามทรามสงวนนวลละออง อย่าขัดข้องคิดหมางระคางใจ ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน เจ้ากับพี่นี้ก็เห็นเป็นกุศล จึงหนีพ้นมารมาไม่อาสัญ จะเคียงคู่ชูชื่นทุกคืนวัน โอ้เจ้าขวัญนัยนาได้ปรานี พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า ค่อยต้องเต้าเต่งอุรามารศรี พระเชยปรางทางฉะอ้อนอ่อนอินทรีย์ ร่วมฤดีเดือนหงายสบายใจ อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็นคลื่นคลั่ง เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว กระฉอกฉาดหาดเหวเป็นเปลวไฟ พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชกพัด เมขลาล่อแก้วแววสว่าง อสูรขว้างเขวี้ยงขวานประหารหัต พอฟ้าวาบปลาบแปลบแฉลบลัด เฉวียนฉวัดวงรอบขอบพระเมรุ พลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง เป็นฝนฟุ้งฟ้าแดงดังแสงเสน สีขรินทร์อิสินธรก็อ่อนเอน ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย สัมผัสพิงอิงแอบเป็นแยบคาย ไม่เคลื่อนคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์ จนดาวเดือนเลื่อนลับพยับฟ้า จึงโลมลากลับหลังยังสถาน แต่เช้าไปค่ำมาอยู่ช้านาน จะประมาณเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา ฯ ๏ จะกล่าวเรื่องเมืองผลึกราชฐาน ป้อมปราการเชิงเทินล้วนเนินผา ซุ้มทวารบานบังใบเสมา ล้วนศิลาเลื่อมลายดูพรายพราว มีปราสาทสูงเยี่ยมขึ้นเทียมเมฆ อดิเรกรุ่งฟ้าเวหาหาว นภศูลแสงแก้วดูแวววาว ดังดวงดาวเด่นกระจ่างอยู่กลางวัน พระโรงธารชานพักตำหนักแก้ว แต่ล้วนแล้วด้วยมุกดาฝาผนัง ทั้งเสื้อผ้าเงินทองสิบสองคลัง ก็มั่งคั่งยิ่งกว่าทุกธานี อันไพร่ฟ้าประชาชนออกล้นหลาม นิคมคามประเทศล้วนเศรษฐี ทั้งโหราพฤฒามาตย์ราชกวี ชาวบุรีเริงรื่นทุกคืนวัน พระนามท้าวเจ้าบุรินทร์สิลราช พระนางนาฏนามมิ่งมณฑาสวรรค์ มีบุตรีศรีนลาฏดังดวงจันทร์ ชื่อสุวรรณมาลีนีรมล เจ้าลังกามาขอให้โอรส ได้กำหนดนัดวิวาห์สถาผล ถึงเดือนเก้าเขาจะแต่งการมงคล แต่กุศลสองไม่เคยได้เชยชม ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ จะกำจัดไปข้างคู่เคยสู่สม ปัจจุสมัยไก่ขันนางบรรทม ฝันว่าได้ไปชมชลาลัย เห็นดวงแก้วแววสว่างอยู่กลางเกาะ นางก็เหาะลอยลิบไปหยิบได้ สะดุ้งตื่นฟื้นกายสิหายไป เสียน้ำใจจาบัลย์ทุกวันคืน ไม่แต่งองค์สรงเสวยเลยไสยาสน์ หวังสวาทจินดาไม่ฝ่าฝืน คิดถึงฝันกลั้นโศกก็สุดกลืน ซบสะอื้นอาวรณ์ร้อนฤทัย ฯ ๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเคียงปลอบประโลมถาม นางเล่าความจริงแจ้งแถลงไข สี่พี่เลี้ยงสงสารรำคาญใจ ไปทูลไทบิตุราชมาตุรงค์ ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสสั่งพี่เลี้ยงว่า กูจะพาไปให้ชมสมประสงค์ เองกลับไปเล้าโลมนางโฉมยง ให้แต่องค์สรงน้ำให้สำราญ แล้วลีลามายังบัลลังก์โถง ท้องพระโรงรจนามุกดาหาร แสนเสนาข้าบาทราชการ ก็หมอบกรานกราบก้มบังคมคัล จอมกษัตริย์ตรัสแจ้งแถลงเล่า ให้โหรเฒ่าทักทายทำนายฝัน อันนิมิตธิดาวิลาวัณย์ จะโศกศัลย์หรือจะสุขสนุกสบาย ฯ ๏ โหรารับจับยามตามโฉลก อุษาโยคยามจันทร์เจ็ดชั้นฉาย ลงกระดานหารคูณแล้วทูลทาย ดีกับร้ายราวครึ่งพอกึ่งกัน ฝันว่าได้ไปทะเลเที่ยวเร่ร่อน จำจะจรจากไกลไอศวรรย์ แล้วขึ้นเกาะเหาะเหินเจริญครัน จะลือลั่นโลกาทั้งธานี ซึ่งชูช่วงดวงแก้วแววสว่าง คือคู่สร้างพระธิดามารศรี จะได้ชมสมสองครองบุรี เป็นโมลีโลกาสถาพร ฯ ๏ พระฟังโหรเฒ่าทายทำนายฝัน คิดสำคัญว่าเป็นคู่สู่สมร ด้วยจวนการอภิเษกสยุมพร ให้อาวรณ์หวาดหวั่นจึงฝันไป ซึ่งว่าเคราะห์เพราะจะจากราชฐาน ไปชมชานเชิงผาชลาไหล ดำริพลางทางสั่งเสนาใน เราจะไปอ่าวสมุทรกับบุตรี นางจะได้ชมเขาลำเนาเกาะ ให้สิ้นเคราะห์เพราะว่าจากปราสาทศรี จงตระเตรียมเภตราในราตรี รุ่งพรุ่งนี้เราจะพาธิดาไป สั่งกำชับสรรพเสร็จเสด็จขึ้น ประโคมครื้นครึกครั่นสนั่นไหว ฝ่ายมนตรีกรมท่าเสนาใน ไม่นอนใจรีบรัดไปจัดแจง ต่างยกเสาสำเภาใส่ทั้งใบผ้า เลือกล้าต้าต้นหนล้วนคนแข็ง ลำที่นั่งดั้งกันกับคู่แซง ใส่ธงแดงเขียวเหลืองเรืองระยับ ปืนฝรั่งจังกาทั้งหน้าท้าย มีปืนรายรอบข้างสล้างสลับ แล้วถอยเลื่อนเคลื่อนคลามาประทับ คอยเรียงรับอยู่ที่ท่าหน้าธานี ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์สิลราช ครั้นภาณุมาศลับเหลี่ยมคิรีศรี ให้สาวใช้ไปบอกพระบุตรี ว่าพรุ่งนี้จะไปชมยมนา โฉมสุวรรณมาลีศรีสมร ดังจะจรไปสวรรค์ด้วยหรรษา สั่งพี่เลี้ยงสาวสรรค์กัลยา ให้ตรวจตราเครื่องอานสำราญใจ ฯ ๏ ฝ่ายนารีที่จะตามเสด็จด้วย ล้วนสะสวยโสภาอัชฌาสัย บ้างอุตส่าห์หาของสำรองไป แหนบตะไกรกระจกหวีใส่กลี่งา บ้างเลือกผ้าสารพัดแล้วจัดจีบ เอาใส่หีบใบใหญ่ไม้ชำฉา บ้างนั่งปรุงหุงขี้ผึ้งถึงตำรา เร่งจัดหาเผื่อไปในทะเล บ้างจัดของเคยแต่งแป้งขมิ้น ของตัวสิ้นอุตส่าห์ไปเที่ยวไขว้เขว สาวสุรางค์นางสนมสมคะเน ไปทะเลหาหอยสักร้อยใบ บ้างอบน้ำทำจันทน์กระแจะแป้ง ล้วนเครื่องแต่งตามประสาอัชฌาสัย ทั้งหีบหมากนากทองของใส่ใน ไปทางไกลหมากหมดจะอดโซ เจ้าขรัวนายท้าวนางว่าทางเปลี่ยว เอาของเปรี้ยวหวานไปให้อะโข เลือกขนมส้มจีนใส่ปิ่นโต เปลือกส้มโอแช่อิ่มทับทิมพลับ บ้างว่าน้ำเค็มจัดจะขัดสน เอาทะนนน้อยใหญ่ไปสำหรับ บ้างเรียกข้ามานั่งสั่งกำชับ เอาสินทรัพย์มอบหมายรายบาญชี พอฟ้าขาวเช้ามืดขมุกขมัว ต่างแต่งตัวนุ่งห่มให้สมศรี ทั้งโฉมยงนงนุชพระบุตรี มาพร้อมที่ปรางค์รัตน์กษัตรา ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวสิลราชไสยาสน์ตื่น สำราญรื่นแต่งองค์ทรงภูษา ชวนบุตรีลีลาศลงเภตรา พร้อมบรรดาสาวสุรางค์นางกำนัล พระทรงนั่งยังแท่นท้ายบาหลี ฝูงนารีแซ่ซ้องอยู่ห้องกั้น เหล่าล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น เร่งให้ขันกว้านโห่โล้สำเภา ทั้งหน้าหลังดั้งกันลั่นม้าล่อ แล้วขันช่อชักใบขึ้นใส่เสา พอออกอ่าวลมอุตรามาเพลาเพลา แล่นสำเภาผางผางมากลางชล นางสาวสาวชาววังนั่งชะแง้ ตะลึงแลเกาะแก่งทุกแห่งหน ให้เปล่าตาว้าเหว่ทะเลวน ดูมัวมนหมอกกลุ้มชอุ่มควัน ทั้งน้ำเขียวเกลียวคลื่นเสียงครื้นครึก ไม่รู้สึกสมประดีไม่มีขวัญ บ้างคลื่นเหียนเวียนวิงเข้าพิงกัน ให้หวาดหวั่นวิญญาณ์ระอาใจ ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสชวนพระลูกแก้ว ให้ชมแถวที่ชลาคงคาใส เหล่าละเมาะเกาะเกียนเหมือนเขียนไว้ มีเขาไม้โขดคุ่มงุ้มชะเงื้อม บ้างงอกง้ำน้ำท่วมถึงเชิงผา แผ่นศิลาแลลื่นคลื่นกระเพื่อม เสียงดังโครมใหญ่ไม่กระเทื้อม เป็นไคลเลื่อมเลื่อมผาศิลาลาย พอลมเรื่อยเฉื่อยชื่นคลื่นสงัด ให้แล่นตัดไปตามวนชลสาย ชมมัจฉาสารพัดพวกสัตว์ร้าย เห็นคล้ายคล้ายว่ายเคล้าสำเภาจร ฝูงกระโห้โลมาขึ้นคลาคล่ำ บ้างผุดดำเคลื่อนคล้อยลอยสลอน ทั้งกริวกราวเต่าปลาในสาคร เที่ยวสัญจรหากินในสินธู ฝูงฉลามล้วนฉลามมาตามคลื่น ฉนากตื่นชมฉนากไม่จากคู่ ปลาวาฬวนพ่นฟองขึ้นฟ่องฟู ทั้งราหูเหราสารพัน ฯ ๏ นางโฉมยงหลงเพลินจำเริญจิต นั่งพินิจนึกเห็นเหมือนเช่นฝัน เป็นกองกรรมจำพรากจะจากกัน พอสายัณห์เย็นพยับลับโพยม ให้บ่ายลำสำเภาจะเข้าฝั่ง คงคาคลั่งคลื่นกลุ้มกระทุ่มโถม สลาตันลั่นพิลึกเสียงครึกโครม สำเภาเอียงเพียงจะโทรมทรุดทำลาย ลำที่นั่งดั้งกันออกฟันคลื่น จนเที่ยงคืนลมใหญ่ก็ไม่หาย พายุหวนป่วนปัดกระจัดกระจาย ออกเรี่ยรายร้องเรียกกันเพรียกไป แต่ลำทรงหลงอ่าวก้าวออกนอก ต้องระลอกลมแดงก็แพลงไถล ออกน้ำเขียวเดี่ยวโดดลิงโลดใจ พายุใหญ่ตีตึงตะบึงมา ฯ ๏ ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเป็นคลื่นคลั่ง เรือที่นั่งซัดไปไกลหนักหนา จนพ้นแดนแผ่นดินสิ้นสายตา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด พระบุตรีพี่เลี้ยงสาวสนม ต่างซบซมโศกาน้ำตาไหล สะอื้นร่ำจ้ำจี้พิรี้พิไร รู้กระนี้ที่ไหนใครจะมา ถึงม้วยมอดวอดวายจะตายบก นี่มาตกน้ำตายอายมัจฉา บ้างบ่นว่าพ่อแม่แก่ชรา ทั้งป้าน้าน้องพี่อยู่ที่วัง ท่านท้าวนางต่างเศร้าถึงข้าวของ ใครจะครองสืบสายไปภายหลัง เหล่าลูกหนี้ที่ติดจะปิดบัง ไม่ได้ทั้งดอกเบี้ยน่าเสียดาย นางสาวสาวเศร้าจิตคิดถึงเพื่อน จะมาเยือนเช้าเย็นไม่เห็นหาย แต่คลาดแคล้วแล้วมิหนำจะซ้ำตาย ต่างฟูมฟายชลนาไม่ราวัน ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์บิตุราช ให้หวั่นหวาดวิญญาณ์เพียงอาสัญ ถามล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น เคยสำคัญทิศทางเป็นอย่างไร ซึ่งสำเภาเราซัดมาบัดนี้ จะเป็นที่เกาะแก่งตำแหน่งไหน จะใกล้อ่าวพาราหรือมาไกล ทำกระไรจึงจะแจ้งแห่งหนทาง ฯ ๏ พวกล้าต้าต้นหนก็จนจิต เป็นสุดคิดสารพัดจะขัดขวาง ต่างหยิบเอาแผนที่มาคลี่กาง หาหนทางที่สำคัญก็ฟั่นเฟือน ต่างทูลว่ามานี่เห็นลึกลับ สิ้นตำรับแผนที่ไม่มีเหมือน ครั้นจะจำสำคัญตะวันเดือน ก็กลบเกลื่อนมืดมาหลายราตรี ซึ่งลำทรงหลงทางมากลางสมุทร ควรจะหยุดยับยั้งตั้งบายศรี เครื่องบูชาสารพัดทั้งบัตรพลี จะบวงผีถามทางกลางคงคา ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ ผู้ใดรู้สิ่งใดให้ปรึกษา แล้วสั่งให้ทอดสมอลงรอรา อยู่ตรงหน้าเกาะขวางข้างคิรี ฯ ๏ ฝ่ายต้นหนคนประจำลำที่นั่ง จึงแต่งตั้งโต๊ะใหญ่ใส่บายศรี ทั้งเป็ดไก่กุ้งปลาบรรดามี เหล้าอาหนีล้วนเข้มเต็มประดา แล้วเชือดแพะแกะขว้างลงกลางน้ำ พลีกรรมภูตพรายทั้งซ้ายขวา พลางสมมุติจุดธูปเทียนบูชา รินสุราเซ่นสรวงแล้วบวงบน บังคมคัลวันทาเทพารักษ์ ซึ่งสำนักเกาะแก่งทุกแห่งหน เทพเจ้าเขาขวางในกลางวน อยู่สายชลขึ้นล่องท้องชลา ข้าแต่งตั้งสังเวยเคยคำนับ เชิญมารับเครื่องมัจฉะมังสา จะขอทางกลางทะเลกับเทวา แล้วตีม้าล่อลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ พอเจ้าเข้าเจ้าขรัวนายให้กายสั่น ลุกถลันเหลือกตาเหมือนบ้าหลัง นุ่งลอยชายกรายมาหน้าบัลลังก์ ขึ้นโต๊ะตั้งนั่งรินกินสุรา เห็นไก่ดิบหยิบปีกฉีกกระชาก เอาใส่ปากเคี้ยวกินจนสิ้นขา หัวเราะเร่อเออออเจ้าให้เรามา จะปรารถนาสิ่งไรทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายต้นหนคนสำคัญจึงนบน้อม แล้วว่าจอมจักรพรรดิให้จัดถวาย ด้วยเรือซัดพลัดพหลพลนิกาย มาเป็นหลายคืนวันแทบบรรลัย ให้เชิญมาว่าจะถามเนื้อความท่าน ท่านอยู่ศาลสิงขรชะง่อนไหน ช่วยชี้คุ้งกรุงผลึกเหมือนนึกไว้ เทพไทเทวาจงปรานี ฯ ๏ ฝ่ายปู่เจ้าหาวเรอเผยอหน้า นั่งหลับตาเชื่อมซึมดื่มอาหนี แล้วว่ากูปู่เจ้าเขาคิรี ทะเลนี้มิใช่แคว้นแดนมนุษย์ ปรอทแร่แม่เหล็กก็มีมาก ชื่อว่านาควารินสินธุ์สมุทร ฝูงนาคมาอาศัยด้วยไกลครุฑ ถ้ายั้งหยุดอยู่ที่นี่จะมีภัย จงตัดคลื่นฝืนไปทิศอิสาน จะพบพานผู้วิเศษข้างเพทไสย จึงซักถามตามประสงค์จำนงใจ จงรีบไปเถิดออเจ้าเราจะลา เจ้าขรัวนายล้มกลิ้งลงนิ่งแน่ หมอเข้าแก้ฟื้นกายอายนักหนา เข้าในห้องร้องไห้ฟายน้ำตา เมาสุรารากเรอบ่อเพ้อไป ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงยศทศทิศ เห็นศักดิ์สิทธิ์ปู่เจ้าเขาไศล จึงเร่งให้ถอนสมอขันช่อใบ แล้วแล่นไปตามทางกลางคงคา ฯ ๏ ฝ่ายสำเภาเหล่าพวกตามเสด็จ ครั้นถึงเจ็ดวันคืนคลื่นนักหนา ครั้นลมหายสายสว่างกระจ่างตา เที่ยวแล่นหากันไขว่ในนที ไม่เห็นเรือลำทรงพงศ์กษัตริย์ ก็ก้าวตัดข้ามคุ้งเข้ากรุงศรี ทูลโฉมยงองค์อัครเทวี ว่าบุตรีกรุงกษัตริย์นั้นพลัดไป ฯ ๏ ฝ่ายนางนาฏมณฑาพระยาหญิง อนาถนิ่งนึกพรั่นประหวั่นไหว แล้วว่ากรรมเอ๋ยกรรมทำฉันใด จึงจะได้รู้ความตามพระองค์ หรือเสียเรือเมื่อยังกำลังคลื่น จึงไม่คืนเข้าวังดังประสงค์ ให้ร้อนเร่าเศร้าหมองถึงสององค์ กันแสงทรงโศกซบสลบไป ฯ ๏ ฝ่ายแสนสาวท้าวนางในปรางค์มาศ ร้องหวีดหวาดวิ่งแซ่เข้าแก้ไข ค่อยรู้สึกนึกโศกแสนอาลัย จึงสั่งให้โหราพยากรณ์ จงพินิจพิศดูพระภูวนาถ กับองค์ราชบุตรีศรีสมร จะม้วยมอดมรณาในสาคร หรือจะจรกลับมายังธานี ฯ ๏ โหรคำนับจับยามตามสังเกต วันศุกรเศษเสาร์สถิตถึงดิถี ต้องตำราว่าชายวายชีวี แต่สตรีจะได้มาแต่ช้านาน จะทูลความตามเรื่องที่เคืองแค้น นางจะแสนโศกาน่าสงสาร จะทายที่ดีไว้ให้สำราญ โหราจารย์จึงประนมบังคมทูล พระบุตรีมีบุญดังจุลจักร จะสูงศักดิ์สืบสายไม่หายสูญ สองปีกึ่งจึงจะมาอย่าอาดูร แกล้งเทียบทูลผ่อนผันด้วยปัญญา ฯ ๏ นางฟังโหรเฒ่าทายค่อยคลายโศก ยามวิโยคยังไม่สิ้นถวิลหา จึงตรัสถามเสนีผู้ปรีชา จะตรึกตราคิดอ่านประการใด ฯ ๏ ฝ่ายมหาอำมาตย์ฉลาดฉลอง ให้ถูกต้องวิญญาณ์อัชฌาสัย จำจะคิดติดตามเสด็จไป ถ้าหลงใหลแล้วคงจะวงเวียน จะขอเกณฑ์เภตราสักห้าร้อย ออกแล่นลอยเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน เที่ยวปักธงทุกละเมาะตามเกาะเกียน หนังสือเขียนไว้ให้แจ้งแห่งหนทาง ทั้งน้ำข้าวเอาขึ้นใส่ไว้ให้ครบ แม้นมาพบสารพัดไม่ขัดขวาง เดชะบุญทูลกระหม่อมไม่อับปาง เห็นหนทางจะได้มายังธานี ฯ ๏ นางฟังคำอำมาตย์ฉลาดคิด ค่อยเปลื้องปลิดขุ่นข้องที่หมองศรี ตรัสสรรเสริญเสนาปัญญาดี อย่าช้าที่รีบรัดไปจัดการ ขุนนางพร้อมน้อมคำนับนางกษัตริย์ มารีบรัดเร่งคนขนอาหาร ใส่เภตราห้าร้องทั้งอ้อยตาล เกลือข้าวสารน้ำท่าสารพัน คนประจำลำละร้อยออกลอยแล่น ตามแว่นแคว้นเกาะเกียนเที่ยวเหียนหัน เที่ยวปักธงทุกตำแหน่งแจ้งสำคัญ แล้วแยกกันรายทางไปกลางชล ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าลังกามหากษัตริย์ ซึ่งมานัดการวิวาห์สถาผล จึงสั่งบุตรอุศเรนให้เกณฑ์คน แล้วยกพลเภตรามาห้าพัน ถึงปากอ่าวเมืองผลึกก็ครึกครื้น ให้ยิงปืนเป็นสัญญาโกลาลั่น ทอดสมอรอเรียงอยู่เคียงกัน คอยสำคัญฟังข่าวชาวบุรี ฯ ๏ พวกนายด่านตกใจออกไปถาม ครั้นได้ความกลับมุ่งมากรุงศรี บอกเสนาข้าเฝ้านางเทวี อัญชลีทูลแถลงแจ้งกิจจา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อัคเรศท้าว ได้ทราบข่าวเขยน้อยละห้อยหา จะเริศร้างค้างงานการวิวาห์ วาสนาลูกแก้วช่างแคล้วกัน ดำริพลางนางสั่งเสนาผู้ใหญ่ เป็นจนใจไม่รู้ที่จะผ่อนผัน ไปแจ้งความตามจริงทุกสิ่งอัน ให้ทรงธรรม์หมายมาดเหมือนญาติวงศ์ เราเปลี่ยวใจไม่มีที่จะพึ่ง พระมาถึงสมจิตคิดประสงค์ จะขอเจ้าอุศเรนเกณฑ์ณรงค์ ไว้คอยองค์ธิดาอยู่ธานี ฯ ๏ เสนาในได้สดับคำรับสั่ง ถวายบังคมลามารศรี ลงเรือเร็วรีบมาในวารี ออกไปที่อ่าวสมุทรไม่หยุดยั้ง ขึ้นเฝ้าท้าวเจ้าเกาะลังกาแก้ว บังคมแล้วทูลตามเนื้อความหลัง บัดนี้พระมเหสีที่ในวัง ถวายบังคมมาถึงฝ่าละออง ด้วยกรุงไกรไม่มีจอมกษัตริย์ จบจังหวัดมณฑลให้หม่นหมอง จะขอเขยขึ้นไปมอบให้ครอบครอง ช่วยปกป้องไพร่ฟ้าประชาชน ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าลังกาอาณาเขต ได้แจ้งเหตุความวิบัติก็ขัดสน จะเริศร้างค้างงานป่วยการคน เป็นสุดจนที่จะคิดให้ปิดบัง จึงตรัสบอกราชบุตรอุศเรน เป็นกรรมเวรของเจ้าสร้างแต่ปางหลัง เสียทีมาท่าทางกลางวลวัง จะปลูกฝังก็ไม่สมอารมณ์นึก ข้างนี้เล่าเขาก็คิดเหมือนเขยขวัญ จะผูกพันให้บำรุงกรุงผลึก มิใช่ว่าหาอื่นที่ตื้นลึก เจ้าจงตรึกตรองความให้งามใจ ฯ ๏ อุศเรนแสนสลดระทดท้อ น้ำตาล่อคลอคลั่งจะหลั่งไหล เสียดายนางอย่างชีวันจะบรรลัย ร้อนฤทัยเทียมเพลิงละเลิงเลีย จะกลับหลังยังลังกาน่าอดสู ครั้นจะอยู่อายหน้าประดาเสีย ด้วยความค้างนางหายเป็นม่ายเมีย จำจะเกลี่ยไกล่ความไปตามนาง จึงตรัสแก่เสนาที่ข้าเฝ้า อุระเราร้อนดังจะพังผาง เสียสวาทมาดหมายเหมือนวายวาง จะตามนางกว่าจะพบประสบกัน ซึ่งองค์พระชนนีมีรับสั่ง ให้ระวังเวียงชัยไอศวรรย์ จะแบ่งพลเภตราสักห้าพัน อยู่ป้องกันนคราให้ถาวร แต่ตัวเราเคารพอภิวาท ขอลาบาทมารดาเที่ยวหาสมร แม้นพบแก้วแววตาจะพาจร มานครคิดอ่านการมงคล ฯ ๏ อำมาตย์รับอภิวาทแล้วคลาดคล้อย ลงเรือน้อยเร็วรัดไม่ขัดสน มาถึงวังบังคมนิรมล ทูลยุบลบาทาแล้วลาจร ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อมกุฎอุศเรน จึงกะเกณฑ์แบ่งทหารชาญสมร รายรักษาหน้าด่านชานนคร คอยราญรอนไพรีจะบีฑา แล้วทูลองค์ทรงฤทธิ์บิตุราช ขอลาบาทตามติดขนิษฐา เชิญเสด็จภูวไนยไปลังกา ให้เป็นผาสุกสวัสดิ์กำจัดภัย ฯ ๏ พระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์คิดสงสาร จะทัดทานกลัวจะขัดอัชฌาสัย จึงอวยพรภิญโญเดโชชัย ให้พ้นภัยพบนางกลางคงคา กลับมาถึงจึงบอกบิดาด้วย จะมาช่วยทำขวัญให้หรรษา ครั้นสั่งแล้วเลิกพหลพลเภตรา ไปลังกานคเรศนิเวศน์วัง ฯ ๏ ฝ่ายข้างพวกอุศเรนเกณฑ์กำปั่น เป็นดั้งกันเกณฑ์แห่ทั้งแตรสังข์ ล้วนใบผ้าห้าร้อยลอยประดัง ลำที่นั่งนั้นเอาตาดมาดาดใบ ทั้งธงทิวริ้วทองห้องประดับ อัจกลับแพรวพร่างสว่างไสว พอแสงทองส่องฟ้านภาลัย ยิงปืนใหญ่ตูมตามขึ้นสามตึง ประโคมฆ้องกลองแตรแซ่สนั่น เหล่ากำปั่นน้อยใหญ่ชักใบขึง ยกออกจากปากอ่าวอึงคะนึง พอลมตึงแล่นตามกันหลามไป นายฝรั่งนั่งส่องกล้องสว่าง เห็นหนทางสามโยชน์โขดไศล ออกน้ำลึกแล่นเลี้ยวเกี่ยวกันไป ไม่พบไม่กลับหลังตั้งแต่ตาม ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระอภัยมณีนาถ กับองค์ราชกุมารชาญสนาม หัดภาษาฝรั่งทั้งจีนจาม ราวกับล่ามพูดคล่องทั้งสององค์ เมื่อวันหนึ่งถึงยามเข้าไสยาสน์ นึกอนาถนิ่งคิดพิศวง ด้วยพลัดพรากจากตระกูลประยูรวงศ์ มาเปลี่ยวองค์อ้างว้างอยู่กลางทะเล จะเหลียวซ้ายแลขวาอนาโถ หัวอกโอ้อับจนระหนระเห จะโดยสารก็ไม่สมอารมณ์คะเน ให้ว้าเหว่หวั่นหวั่นทุกวันคืน คิดรำพึงถึงธรรมพระกรรมฐาน เป็นอาการถ่ายโทษที่โหดหืน เกิดแล้วตายวายวางไม่ยั่งยืน จะม้วยคืนวันไรก็ไม่รู้ เราเกิดมาอาภัพอัปภาคย์ ต้องพลัดพรากจากนครจนอ่อนหู จะถือคำธรรมขันธ์สัพพัญญู ให้ค้ำชูชาติหน้าอย่าเช่นนี้ นึกศรัทธากล้าหาญสำราญจิต จนอาทิตย์อุทัยไขรัศมี ชวนลูกยามายังท่านโยคี อัญชลีเล่าความตามคำนึง จะขอบวชบรรพชารักษากิจ อยู่เป็นศิษย์ในสำนักสักพักพึ่ง พอสมสร้างทางธรรมสำมะดึงส์ ให้ลุถึงพระนิพพานสำราญใจ ฯ ๏ พระโยคีมีศีลได้ยินว่า หัวเราะร่ารื้อถามตามสงสัย สินสมุทรบุตรบวชด้วยหรือไร แล้วอย่าไปโลดเต้นเล่นคะนอง ฯ ๏ กุมารว่าข้าจะบวชกับบิตุเรศ เรียนไตรเพทถือศีลไม่กินของ พระทรงธรรม์กรุณาให้คากรอง ทั้งสองครองครบสิ้นด้วยยินดี ผูกชฎาอาภรณ์โพกกระหวัด ประคำซัดสวมมือเหมือนฤๅษี มานั่งเรียงเคียงกันอัญชลี พระโยคีขัดสมาธิบนอาสน์รัตน์ แล้วอวยชัยให้ศีลห้าสถาผล ตั้งแต่ต้นปาณาไม่ฆ่าสัตว์ ครั้นจบศีลสิกขาสารพัด หมั่นนมัสการเพลิงตะเกิงกอง ฯ ๏ สองสิทธาสาธุลุแก่ศีล สำเร็จสิ้นแล้วก็ลามาทั้งสอง มัธยัสถ์ครัดเคร่งไม่ขาดครอง ตามทำนองสิทธาบูชาเพลิง ฯ ๏ กล่าวถึงลำสำเภาท้าวสิลราช พระพายกราดพาระเหิดเตลิดเหลิง ต้องลมใหญ่ใบฉีกเป็นปีกเปิง ลอยละเลิงแล่นมาสิบห้าคืน ถึงช่องกว้างหว่างเขาเหล่าละเมาะ แลเห็นเกาะหนึ่งไกลใหญ่ทะมื่น รุกขาเขาเขียวชอุ่มเป็นพุ่มยืน ที่ภูมิพื้นแผ่นผาโอฬารึก จึงทรงส่องกล้องแก้วแววสว่าง เห็นสล้างสลับแลล้วนแต่ตึก เพ่งพินิจคิดประหลาดอนาถนึก แล้วรำลึกความหลังได้ดังใจ เทวดาว่าจะพบผู้วิเศษ สบสังเกตเขานี้ไม่มีไหน จึงสั่งให้นายท้ายบ่ายเข้าไป ประทับใกล้เงื้อมผาหน้าคิรี แล้วตรัสใช้ให้ขุนหมื่นขึ้นบนเขา ดูกุฏิ์เปล่าอยู่ดอกหรือมีฤๅษี ถ้าพบองค์จงแถลงแจ้งคดี ว่าเรานี้จะไปหาพระอาจารย์ ฯ ๏ ผู้รับสั่งบังคมบรมนาถ ขึ้นทางหาดหุบผาด้วยกล้าหาญ มองเห็นคนบนศาลาที่หน้าชาน มากประมาณร้อยเศษหลายเพศพรรณ พระโยคีมีสองเจ้าเณรหนึ่ง หลงตะลึงแลชมล้วนคมสัน จึงเข้าไปใกล้ศาลาเห็นหน้ากัน คนทั้งนั้นถามไถ่ไปไหนมา ขุนหมื่นบอกออกความตามรับสั่ง แล้วมานั่งกราบพระองค์ทรงสิกขา ว่าบัดนี้กรุงกษัตริย์ขัตติยา จะขึ้นมาจบพระหัตถ์นมัสการ ฯ ๏ พระโยคีดีใจให้อนุญาต ตามแต่ราชศรัทธาไม่ว่าขาน ขุนหมื่นลามาประณตบทมาลย์ ทูลพระผ่านโภคาสารพัน ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสสั่งคนทั้งหลาย ทั้งไพร่นายต้นหนคนขยัน เราจะพากันขึ้นไปไหว้นักธรรม์ จงเร่งกั้นฉนวนน้ำทำสะพาน ขุนนางรับขับคนขึ้นบนเขา บ้างตัดเสาผ่าเรือกบ้างเสือกสาน ฉนวนนั้นกั้นขึ้นมาถึงหน้าพระลาน ปักสะพานลงในน้ำถึงสำเภา กรุงกษัตริย์ตรัสชวนพระลูกน้อย ประคองค่อยเล้าโลมโฉมเฉลา ทั้งสุรางค์นางสนมล้วนซมเซา ทั้งผมเผ้ารื้อรกด้วยอกตรอม ฝืนอารมณ์นุ่งห่มพอสมโศก เหมือนรื้อโรครูปกายยังผ่ายผอม ขึ้นจากเรือพระที่นั่งสะพรั่งพร้อม ตามพระจอมกษัตราพาดำเนิน ไปตามทางหว่างสวนฉนวนกั้น ถึงเชิงชั้นแผ่นผาศิลาเผิน ดูกุฎีที่ศาลาก็น่าเพลิน ควรเจริญอิริยารักษาพรต พระชมพลางทางพาธิดาราช กำนัลนาฏแวดล้อมมาพร้อมหมด เห็นโยคีที่บัลลังก์นั่งประณต แล้วทรงยศตรัสถามตามบุราณ ผู้เป็นเจ้าสามองค์ทรงสิกขา ดูโสภารูปทรงส่งสัณฐาน แต่องค์นั้นฉันดูเป็นกุมาร มาอยู่นานหรือพึ่งมารักษาพรต หนึ่งลูกไม้ในเกาะพอเสาะฉัน หรือกลางวันวายฤดูก็สู้อด ทั้งสัตว์ร้ายสายชลบนบรรพต มาบีฑาปรากฏบ้างหรือไร ฯ ๏ พระทรงศีลภิญโญสโมสร ถวายพรพูดจาอัชฌาสัย อาตมาผาสุกไม่ทุกข์ภัย แต่บวชได้พรรษาก็กว่าพัน อันพวงผลผลาสารพัด ไม่ขาดขัดที่ในเกาะพอเสาะฉัน เดชะฤทธิ์กิจกรมพรหมจรรย์ สารพันโพยภัยมิได้พาน แต่โยคีนี่เธอพึ่งบวชใหม่ ชื่ออภัยพงศ์กษัตริย์พลัดถิ่นฐาน แล้วเล่าความตามเรื่องเคืองรำคาญ นั่นกุมารสินสมุทรบุตรพระอภัย แล้วว่ารูปขอถามความบพิตร ท้าวสถิตนัคเรศประเทศไหน มีธุระพะพานประการใด จึงมาในทะเลลมยมนา ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสแจ้งแถลงเล่า โยมเป็นเจ้าเมืองผลึกนึกหรรษา พาโฉมยงองค์ราชธิดา ชมชลาลมพัดกระจัดกระจาย จึงหลงทางกลางทะเลเที่ยวเร่ร่อน จะคืนนครก็ไม่ได้ดังใจหมาย พระเล่าความตามแต่ต้นไปจนปลาย เจียนจะตายเสียเพราะคลื่นไม่คืนเป็น แล้วตรัสว่าพระอภัยผู้เป็นเจ้า ทุกข์ก็เท่าโยมทุกข์เพราะยุคเข็ญ จากสมบัติพลัดพรากได้ยากเย็น โยมมาเห็นก็ให้คิดอนิจจัง จะขอถามความพระผู้เป็นเจ้า นิมนต์เล่าเหตุผลแต่หนหลัง ไยจึงพรากจากเขตนิเวศน์วัง โยมยังฟังไม่กระจ่างในทางความ ฯ ๏ พระอภัยภูมีมุนีน้อย สดับถ้อยกรุงกษัตริย์ที่ตรัสถาม ชำเลืองดูพระธิดาพะงางาม แล้วเล่าความตามเรื่องเคืองรำคาญ พระบิดาข้าชื่อท้าวสุทัศน์ ผ่านสมบัติรัตนามหาสถาน ข้ากับน้องต้องไปเรียนวิชาการ ตำบลบ้านจันทคามพราหมณ์พฤฒา รูปเรียนกลดนตรีคือปี่เป่า พระน้องเจ้าเรียนกระบองคล่องนักหนา อยู่ปีครึ่งจึงจากอาจารย์มา เที่ยวลีลาเลียบเดินตามเนินทราย เห็นร่มไทรใกล้ฝั่งเข้ายั้งหยุด พบบุรุษหนุ่มพราหมณ์สามสหาย ชวนพูดเล่นเจรจาประสาสบาย อยู่ที่ชายทะเลลมใต้ร่มไทร สามมาณพรบเร้าให้เป่าปี่ อยากฟังฝีปากเล่นจะเป็นไฉน ครั้นรูปเป่าเข้าก็หลับระงับไป ไม่แจ้งใจว่าไพรีจะมีมา พอนางผีเสื้อสมุทรมาฉุดลาก ต้องกรำกรากตรอมอยู่ในคูหา เอาความหลังทั้งนั้นมาพรรณนา จนหนีมาพึ่งบุญพระมุนี ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าน่าหัวร่อ เออก็พอที่หรือพระฤๅษี วิชาอื่นดื่นไปว่าไม่ดี เรียนแต่ปี่ไปเที่ยวเป่าให้เขาฟัง เดี๋ยวนี้ปี่มีอยู่หรือไม่เล่า นิมนต์เป่าให้โยมชมคารมมั่ง ทั้งพวกเหล่าสาวสุรางค์นางชาววัง จะได้ฟังไพเราะเพราะโยคี ฯ ๏ พระอภัยได้ฟังนั่งชม้อย นางน้อยน้อยแลสบหลบฤๅษี พอเนตรสบเนตรนุชพระบุตรี แกล้งพาทีทำเป็นว่าน่าเสียดาย ถ้าพบเข้าคราวครั้งยังไม่บวช ไม่พูดอวดปากเปล่าจะเป่าถวาย นี่ครองศีลสิกขารักษากาย เกรงอบายเบื้องหน้าอนาคต แม้นท้าวไทจะใคร่ฟังหวังถวิล ว่าให้สินสมุทรลาสิกขาบท เป่าถวายคล้ายครูพอรู้รส กลัวทรงยศจะบรรทมไม่สมประดี ฯ ๏ กรุงกษัตริย์สรวลสันต์ว่าฉันชอบ แล้วตรัสปลอบสินสมุทรบุตรฤๅษี ช่างสมใจได้วิชาบิดาดี ช่วยเป่าปี่ให้ฉันฟังบ้างเป็นไร จะบูชาผ้าต้นกำพลรัต โขมพัตถ์ลายทองอันผ่องใส สร้อยเสมาปะวะหล่ำแลกำไล โยมจะให้งามงามตามจำนง ฯ ๏ สินสมุทรมุนีฤๅษีเล็ก ประสาเด็กดูของที่ต้องประสงค์ แล้วตอบว่าฉันจะใคร่ได้เครื่องทรง เหมือนที่องค์พระธิดาสารพัน ฯ ๏ องค์ท่านท้าวสาวสุรางค์ต่างหัวร่อ ฤๅษีพ่อก็สำรวลพลอยสรวลสันต์ นางโฉมฉายอายองค์พระทรงธรรม์ ทำเมียงหันเมินยิ้มอยู่พริ้มพราย ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าอย่าปรารภ มีอยู่ครบเครื่องกษัตริย์จะจัดถวาย จะขอฟังปี่ให้ใจสบาย ถึงหลับตายไปสักวันไม่พรั่นใจ ฯ ๏ กุมาราลาลุกลงจากแท่น ออกโลดแล่นมากุฎีที่อาศัย จึงลาศีลทรงภูษาผ้าสไบ ถือปี่ไปยังศาลาหน้าคิรี ประณตนั่งบังคมบรมนาถ อยู่ริมอาสน์อัยกาตาฤๅษี ภาวนาอาคมให้ลมดี แล้วเป่าปี่แปลงเพลงวังเวงใจ ทำแหบหวนครวญว่าสาลิกาแก้ว ค่ำลงแล้วขวัญอ่อนจะนอนไหน หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพร จะหนาวใจสาลิกาทุกราตรี ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ฟังปี่ให้วิเวก เอกเขนกนั่งหาวทั้งสาวศรี ให้วาบวับหลับล้มไม่สมประดี ทั้งโยคีผู้เฒ่าพลอยหาวนอน แกเอนอิงพิงหลับอยู่กับอาสน์ พวกอมาตย์หลับกลิ้งริมสิงขร ทั้งพวกไพร่นายเภตราที่สาคร ระเนนนอนหลับเรียบเงียบสำเนียง ด้วยลมปี่เป่าดังกระทั่งโยชน์ ได้ทราบโสตสิงสัตว์สงัดเสียง ในคงคาปลาร้ายขึ้นว่ายเรียง ฟังสำเนียงปี่แก้วแจ้วจับใจ ฯ ๏ ฝ่ายนักสิทธ์บิตุรงค์ทรงสวัสดิ์ เห็นสองกษัตริย์ไสยาสน์ไม่หวาดไหว ทั้งสาวสรรค์กัลยาเสนาใน ไม่มีใครฟื้นกายดังวายปราณ พระเพ่งพิศธิดายุพาพักตร์ ดูน่ารักรูปทรงส่งสัณฐาน ช่างเปล่งปลั่งยังไม่มีราคีพาน น่าสงสารซบนิ่งไม่ติงกาย พระเลื่อนองค์ลงจากบัลลังก์อาสน์ หวังสวาทว่าจะโลมนางโฉมฉาย ครั้นเข้าชิดคิดได้ไม่ใกล้กราย แต่เดินชายชมนางไม่วางตา พระโอษฐ์เอี่ยมเทียมสีลิ้นจี่จิ้ม เป็นลักยิ้มแย้มหมายทั้งซ้ายขวา ขนงเนตรเกศกรกัลยา ดังเลขาผุดผ่องละอองนวล ทำไฉนหนอจะได้ดวงสมร ร่วมที่นอนแนบน้องประคองสงวน แล้วรั้งรักหักใจไม่บังควร ให้ปั่นป่วนกลับมานั่งข้างหลังครู จึงห้ามให้สินสมุทรนั้นหยุดปี่ พระโยคีรู้สึกนึกอดสู จึงว่าปี่ดีจ้านเจียวหลานกู เล่นเอาปู่ม่อยหลับระงับไป แล้วแลดูผู้คนบนสิงขร ระเนนนอนนิ่งกลาดไม่หวาดไหว หัวเราะพลางทางว่าสาแก่ใจ ช่างหลับใหลล้มกลิ้งทั้งหญิงชาย แล้วโยคีตีระฆังดังหง่างเหง่ง เสียงโก่งเก่งก้องหูไม่รู้หาย สองกษัตริย์รู้สึกนึกละอาย สงสารสายสวาทนั่งบังบิดา สาวสุรางค์บ้างก็ยังกำลังหลับ เขาปลุกกลับกลิ้งหงายน่าขายหน้า บ้างละเมอเพ้อเชือนว่าเพื่อนมา กษัตรากริ้วกราดตวาดไป อีเหล่านี้ขี้เซาเบาอยู่หรือ ฉุดข้อมือให้มันตื่นขึ้นจงได้ แล้วเหลียวมาพาทีด้วยชีไพร เพราะสุดใจเจียวปี่ดีจริงจริง ช่างฉ่ำเฉื่อยเจื้อยแจ้วถึงแก้วหู หลับไม่รู้สึกกายทั้งชายหญิง แต่แรกไม่ได้ฟังยังประวิง ที่นี้จริงของเจ้าคุณพระมุนี แล้วจัดได้เครื่องประดับสำรับเก่า มาให้เจ้าสินสมุทรบุตรฤๅษี กุมาราว่าของหมองไม่ดี โปรดเปลี่ยนที่พระธิดามาประทาน ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสพลางทางพระสรวล แล้วว่าชวนแลกเขาเอาเถิดหลาน พระโยคีผู้เฒ่าว่าเจ้าคลาน ไปกราบกรานนงลักษณ์ตรงพักตรา เป็นลูกเต้าเขาเถิดประเสริฐสุด อยู่เป็นบุตรดาบสอดนักหนา ได้ฟังครูกุมารคลานเข้ามา ถึงตรงหน้านอบนบอภิวันท์ ฯ ๏ นางโฉมฉายอายจิตแต่คิดรัก ผินพระพักตร์คำนับแล้วรับขวัญ ค่อยค่อยว่าข้าจะพาไปด้วยกัน ต่อตะวันลงลับจึงกลับมา ฯ ๏ สินสมุทรทรุดหมอบตอบสนอง พระทัยของชนนีดีนักหนา ลูกไม่มีที่เห็นเป็นกำพร้า พระมารดาไปไหนไปด้วยกัน ฯ ๏ นางสาวสาวชาววังนั่งหัวเราะ รู้ประเหลาะลิ้นลมช่างคมสัน กรุงกษัตริย์ตรัสด้วยพระนักธรรม์ บุญของฉันได้มาหาพระอาจารย์ จะใคร่บวชสวดมนต์อยู่จนม้วย ก็ห่วงด้วยธิดาโยธาทหาร ทั้งข้าวปลาสารพันจะกันดาร ยิ่งอยู่นานยิ่งจะยากลำบากนัก ผู้เป็นเจ้าเข้าใจข้างไหนบ้าง ช่วยแนะทางกรุงไกรให้ประจักษ์ จะหยุดยั้งนั่งนอนพอผ่อนพัก อยู่อีกสักสองทิวาจะลาไป ฯ ๏ พระโยคีมีศีลได้ยินถาม พิเคราะห์ตามสังเกตข้างเพทไสย รู้ประจักษ์ทักแท้แน่แก่ใจ เหตุเพราะพระอภัยจะได้เมีย อันท้าวไทไพร่พลคนทั้งหลาย จะวอดวายเวทนาประดาเสีย ทั้งนี้เพราะเคราะห์กรรมมาทำเยีย จึงไกล่เกลี่ยกล่าวคำเป็นท่ามกลาง อันกรุงไกรไปทางทิศอิสาน แสนกันดารสารพัดจะขัดขวาง ซึ่งเสบียงเลี้ยงคนตามหนทาง จะให้บ้างโยมอย่าได้ปรารมภ์ อันเกาะแก้วพิสดารสถานนี้ โภชนสาลีก็มีถม แต่คราวหลังครั้งสมุทรโคดม มาสร้างสมสิกขาสมาทาน เธอทำไร่ไว้ที่ริมภูเขาหลวง ครั้นแตกรวงออกมาเล่าเป็นข้าวสาร ได้สืบพืชยืดอยู่แต่บูราณ จงคิดอ่านเอาเคียวมาเกี่ยวไป ฯ ๏ พระจอมวังฟังเล่าว่าข้าวมาก ความยินลากขากดีจะมีไหน น้อมเคารพนบนอบว่าขอบใจ ข้าขอไปเป็นเสบียงพอเลี้ยงพล จะให้เที่ยวเกี่ยวข้าวเช้าพรุ่งนี้ ให้โยธีทำตะกร้าขึ้นมาขน วันนี้เย็นเห็นจะจวนคุณสวดมนต์ โยมขอลาพาพลไปเภตรา พระตรัสชวนบุตรีนั้นลีลาศ พระหน่อนาถตามติดขนิษฐา ทั้งเถ้าแก่แห่ห้อมล้อมลงมา ถึงเภตรากรุงกษัตริย์จึงจัดการ ให้โยธีตีเคียวไปเกี่ยวข้าว สานกระเช้าให้ทุกคนขนข้าวสาร กลางคงคาสารพันจะกันดาร จงคิดอ่านเอาเสบียงไปเลี้ยงกาย เสนาในได้ฟังรับสั่งตรัส โสมนัสนึกสมอารมณ์หมาย ให้พวกบ่าวเหล่าทหารสานกระบาย ขึ้นหาดทรายสับสนล้วนคนการ ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ จึงทรงผลัดเครื่องทรงสรงสนาน ไม่เรียกเหล่าสาวสรรค์พนักงาน ชวนกุมารเข้าในห้องไสยา ให้นุ่งห่มสมองค์ประจงจัด คาดเข็มขัดประจำยามงามหนักหนา สร้อยสังวาลบานพับประดับประดา ใส่กรอบหน้าเหน็บเสียดกรรเจียกจอน ธำมรงค์ทรงใส่นิ้วพระหัตถ์ กระจ่างเม็ดเพชรรัตน์ประภัสสร ปะวะหล่ำกำไลใส่สวมกร พอหยุดหย่อนยอบองค์ลงบังคม พระบุตรีมีจิตพิศวาส ให้นั่งอาสน์แนบชิดสนิทสนม ดูผิวพักตร์ลักษณาก็น่าชม เสียแต่ผมหยิกนักเหมือนยักษ์มาร แล้วโฉมงามถามหลอกตะคอกเล่น เจ้าจะเป็นลูกข้าเหมือนว่าขาน หรือลวงล่อพอได้สร้อยสังวาล จงให้การตามจริงอย่านิ่งความ ฯ ๏ สินสมุทรพูดจาประสาซื่อ ลูกนี้หรือจะไม่รักอย่าพักถาม อยากจะใคร่ได้แม่ที่รูปงาม พึ่งสมความปรารถนาเวลานี้ จะหาไหนได้เหมือนพระรูปโฉม งามประโลมล้ำฟ้าในราศี แม้นหาคู่สู้ได้ฉันให้ตี จริงนะจ๋าฟ้าผี่เถิดมารดา ฯ ๏ นางโฉมยงทรงฟังช่างฉอเลาะ กลั้นหัวเราะรับขวัญด้วยหรรษา เออนี่แน่แม่จะถามตามสัจจา พระมารดารูปราวสักคราวใคร ฯ ๏ กุมาราว่าที่นี่ไม่มีเท่า โตกว่าลำสำเภาเป็นไหนไหน ชื่อผีเสื้อเนื้อหนังรังขี้ไคล ทั้งสูงใหญ่เขี้ยวยาวราวสักวา ไม่นึกรักสักนิดจึงคิดหนี แม่เดี๋ยวนี้แลลูกรักเป็นนักหนา สมกับองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา ได้งามหน้าลูกแก้วแล้วคราวนี้ ฯ ๏ นางโฉมงามห้ามสินสมุทรน้อย พูดค่อยค่อยเขาจะว่าน่าบัดสี ไม่รักเรียงเคียงคู่กับภูมี อย่าพาทีถึงพ่อต่อไปเลย แล้วนางพามานั่งบัลลังก์รัตน์ ให้สาวใช้ไปจัดเครื่องเสวย ยกมาตั้งทั้งขนมแลนมเนย กุมาราว่าไม่เคยกินข้าวปลา เคยกินแต่เผือกมันผลไม้ เช่นนี้ไม่เคยเห็นเหม็นมัจฉา ทรามสงวนสรวลสันต์จำนรรจา ฟังแม่ว่าเถิดพ่อลองสักสองคำ แล้วปั้นข้าวเอาสุกรมาป้อนให้ อร่อยใจจริงเจียวเคี้ยวม่ำม่ำ กุ้งกับไข่ไก่พะแนงแกงต้มยำ กินก็เติบเปิบคำล้วนโตโต จนของคาวข้าวสิ้นกินของหวาน ทั้งอ้อยตาลกล้วยส้มขนมโก๋ ครั้นกินอิ่มยิ้มย่องจนท้องโร ก็พอโพล้เพล้ค่ำย่ำระฆัง บังคมพลางทางว่าลูกลาก่อน พระบิดรจะละห้อยคอยข้างหลัง นางฟังคำทำเป็นว่าข้าไม่ฟัง คอยก็ชั่งเป็นไรไยมิคอย แม้นรักแม่แน่นอนจงนอนนี่ รุ่งพรุ่งนี้จึงขึ้นไปให้ใช้สอย ว่ากระไรไม่ว่าอย่าชม้อย พระหน่อน้อยน้อมคำนับรับบัญชา ว่าเช่นนั้นฉันจะอยู่อย่าขู่ฉัน นางรับขวัญยิ่งรักขึ้นนักหนา ชวนสำรวลสรวลสันต์จำนรรจา จนหลับใหลไสยาในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม คิดถึงโยมอยู่ในห้องยิ่งหมองศรี ด้วยกุมารไม่มาจนราตรี เห็นท่วงทีโฉมงามจะห้ามไว้ เวียนดูนางกลางวันก็ผันพักตร์ นี่เห็นรักหรือไม่เห็นเป็นไฉน จะผูกมิตรคิดอ่านประการใด จึงจะได้พระธิดายุพาพาล จำจะอ้อนวอนครูท่านผู้เฒ่า ช่วยออกปากฝากเขาให้โดยสาร ได้ร่วมลำสำเภากับเยาวมาลย์ คงเป็นการสักวันหนึ่งมั่นคง ยิ่งปลาบปลื้มลืมภาวนานั่ง ด้วยใจยังอยู่ข้างหนุ่มให้ลุ่มหลง จนรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยง ออกเดินตรงมากุฎีพระชีไพร น้อมประณตบทมาลย์อาจารย์เจ้า เมื่อโศกเศร้าเสาะมาได้อาศัย พรุ่งนี้ลำสำเภาเขาจะไป ช่วยฝากให้นัดดาไปธานี ฯ ๏ สิทธาเฒ่าเข้าใจทำไขสือ จะสึกหรือบวชไปให้รู้ที่ พอออกปากฝากได้เป็นไรมี แต่ต้องดีนะอย่าด่วนทำลวนลาม ฯ ๏ พระนิ่งนั่งฟังครูเห็นรู้เท่า จึงก้มเกล้ากราบครบคำรบสาม จะลาศีลสึกไปดูไม่งาม จะมีความครหาเป็นราคี หนึ่งจะไปในทางกลางสมุทร เป็นที่สุดอยู่เพียงศีลพระชินศรี ขอโดยสารท่านทั้งเป็นโยคี เมื่อบุญมีแล้วก็รอดตลอดไป พระโปรดด้วยช่วยดูให้รู้เรื่อง จะถึงเมืองหรือจะเห็นเป็นไฉน จะสมหวังดังจิตที่คิดไว้ หรือกระไรเจ้าข้าพระอาจารย์ ฯ ๏ พระโยคีมิใคร่จะให้รู้ หากเอ็นดูด้วยเป็นศิษย์คิดสงสาร จึงบอกไว้ให้เห็นเป็นสะพาน จะได้การอยู่ก็ที่ตรงสีกา อันเดินทางกลางน้ำจะลำบาก ต้องพลัดพรากยากแค้นถึงแสนสา ทั้งนี้เพราะเคราะห์กรรมกระทำมา จะได้ผาสุกสบายต่อปลายมือ แล้วถามพวกแขกฝรั่งอยู่ทั้งร้อย ใครจะพลอยไปสำเภาด้วยเขาหรือ ตามแต่ใจไม่ว่าจงหารือ รูปนี้ถือถึงกรรมก็จำตาย ฯ ๏ แขกฝรั่งพรั่งพร้อมน้อมคำนับ ขอไปกับพระอภัยเหมือนใจหมาย ถึงยากเย็นเป็นข้ากว่าจะตาย ถ้าเจ้านายไปไหนไปด้วยกัน แล้วรับรัดจัดแจงแต่งสำรับ น้ำผึ้งกับมันเผือกล้วนเลือกสรร ทั้งกล้วยอ้อยน้อยหน่าสารพัน ประเคนสองนักธรรม์ฉันสำราญ ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ ครั้นจำรัสรุ่งแจ้งแสงสุริย์ฉาน บรรทมตื่นฟื้นองค์นางนงคราญ ชวนกุมารมาสรงพระคงคา แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองระยับ เพชรประดับตะละดาววาวเวหา พากุมารคลานเข้าเฝ้าบิดา กษัตราตรัสทักแล้วซักไซ้ นี่แน่เจ้าสินสมุทรบุตรดาบส อย่าเลี้ยวลดเล่าแจ้งแถลงไข โภชนาสาลีอยู่ที่ใด ช่วยนำไปให้เกี่ยวประเดี๋ยวนี้ ฯ ๏ กุมารานอบนบอภิวาท ขอเชิญบาทบงกชบทศรี จะนำไปในทางข้างคิรี ข้าวสาลีเหลือล้นคณนา ฯ ๏ ธิบดินทร์ยินดีเป็นที่สุด ไม่ยั้งหยุดแต่งองค์ทรงภูษา ชวนสนมกรมในแล้วไคลคลา พาธิดาลีลาศขึ้นหาดทราย สินสมุทรนำเดินเนินบรรพต แล้วเลี้ยวลดลัดไปดังใจหมาย พวกพหลพลไกรทั้งไพร่นาย แบกกระบายกระบุงตามกันหลามมา ถึงที่กว้างหว่างเวิ้งในเชิงเขา เห็นรวงข้าวขาวค้อมหอมนักหนา ไม่เคยเห็นเป็นข้าวสารทั้งลานนา กษัตราชมเพลินดำเนินพลาง ถึงธารน้ำลำเนาภูเขาโขด มีข้าวโพดข้าวเจ้าแลข้าวฟ่าง ทั้งข้าวเหนียวเขียวขาวข้าวหางช้าง แลต่างต่างตะละไร่สุดสายตา พวกผู้หญิงชิงกันเก็บจนเล็บหัก เข้าข่วนผลักเพื่อนสนิทว่าอิจฉา กรุงกษัตริย์ตรัสสั่งพวกเสนา ให้โยธาเกี่ยวข้าวเอาให้พอ ฯ ๏ ตำรวจรับขับไพร่ให้เข้าเกี่ยว บ้างรำเคียวขึ้นหน้าถือพร้าขอ เกี่ยวกระหวัดรัดวีสาลีกอ บ้างแข็งข้อชิงกันเกี่ยวเสียงเกรียวกราว เสียงกริบกรวบรวบรัดแล้วมัดฟ่อน ร้องละครทำเพลงโฉงเฉงฉาว ที่ล้าหลังยังห่างย่างยาวยาว อายสาวสาวฉวยเคียวเกี่ยวไปตาม ครั้นได้มากลากขนอลหม่าน ข้างหาคานคอนสาแหรกบ้างแบกหาม กลัวจะอดอุตส่าห์พยายาม บ้างหิ้วตามกันลงไปในสำเภา ฯ ๏ กุมาราพาท้าวกับสาวสนม เที่ยวเลียบชมเชิงชะง่อนสิงขรเขา เป็นวุ้งเวิ้งเชิงเทินเนินลำเนา ที่ลางเหล่าเลื่อมเหลืองดูเรืองรอง กรุงกษัตริย์ทัศนาพาสนม เที่ยวเลียบชมเชิงผาคูหาห้อง เห็นเหวห้วยกรวยโกรกชะโงกมอง ดูโปลงปล่องเปลี่ยวปลาบวาบวิญญาณ์ นางสาวสาวชาววังไม่เคยเห็น เที่ยวดูเล่นเลียบเดินตามเนินผา ขึ้นเขาเขียวเลี้ยวเลียบศิลามา ร่มรุกขาเขียวชุ่มชอุ่มใบ สารภียี่สุ่นพิกุลเกด กระถินเทศกระทุ่มดอกออกไสว พวกผู้หญิงชิงช่วงดวงดอกไม้ บ้างชิงได้ดอกประดู่ซ่อนชู้ชม บ้างทึ้งเถาสาวหยุดฉุดกระชาก เก็บบุนนาคนางแย้มมาแซมผม บ้างเดินเด็ดดอกกลอยสอยสุกรม ห่อผ้าห่มเอาไปใส่ใต้ที่นอน สินสมุทรหยุดเก็บแก้วกาหลง ถวายองค์พระบุตรีศรีสมร นางเลือกเก็บอังกาบกุหลาบซ้อน มาแซมจอนทัดหูให้กุมาร แล้วเดินตัดลัดมาหน้าอาศรม ระรื่นร่มรุกขาคณาขนาน ขนันขนุนครุนเครือเหลือประมาณ มะพร้าวตาลตูมตาดดาษดา มะเดื่อดูกสุกห่ามอร่ามกิ่ง บ้างหล่นกลิ้งเกลื่อนอยู่ริมภูผา ละมุดม่วงพวงสะพรั่งทั้งพะวา ดกระย้าอยู่ทุกกิ่งทั้งปริงปราง ฝูงวิหคนกกามาไม่ถึง ด้วยลึกซึ้งสายสมุทรสุดกว้างขวาง ไม้จึงงามตามฤดูไม่รู้ร้าง พระชมพลางเพลิดเพลินดำเนินมา ฯ ๏ ถึงกุฎีที่อยู่ท่านครูเฒ่า จึงแวะเข้าอภิวันท์ด้วยหรรษา สรรเสริญเจริญฤทธิ์พระสิทธา คุณช่างมาอยู่ถึงริมหิมพานต์ คิรีรอบขอบเขตนิเวศน์วัด สารพัดภิญโญรโหฐาน ได้ยินเขาเล่าอยู่แต่บุราณ ว่าเกาะแก้วพิสดารสำราญครัน บุญนักหนาได้มาเห็นก็เป็นสุข แสนสนุกดังได้ไปสวรรค์ จะหยุดหย่อนผ่อนสบายอยู่หลายวัน ก็คิดพรั่นไพรีจะบีฑา อนึ่งทางกลางสมุทรก็สุดเปลี่ยว จะต้องเที่ยวไปทุกแห่งแสวงหา ซึ่งเป็นตายหมายว่าตามแต่เวรา โยมขอลาผู้เป็นเจ้าเช้าพรุ่งนี้ ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงพรตพจนารถ อนุญาตโยมไปให้สุขี รูปขอฝากพระอภัยไปบุรี กับพวกที่ศิษย์นั่งอยู่ทั้งร้อย ล้วนล้าต้าต้นหนเป็นคนแข็ง มีเรี่ยวแรงรับไปได้ใช้สอย เมื่อพบพานบ้านเล็กแลเมืองน้อย จงโปรดปล่อยให้เขาไปดังใจจง ฯ ๏ จอมนรินทร์ยินดีชลีหัตถ์ โยมไม่ขัดข้อความตามประสงค์ พระอภัยใจมาดเหมือนญาติวงศ์ นิมนต์ลงไปเภตราเวลาเช้า จะกั้นห้องให้สบายข้างฝ่ายพระ ไว้ธุระโยมจะส่งตรงกับข้าว สินสมุทรก็จะได้ไปกับเรา จะได้เป่าปี่เล่นให้เย็นใจ แล้วอำลาดาบสประณตน้อม ลงจากจอมเขาเขินเนินไศล สินสมุทรยุดนางไม่ห่างไกล กลับลงในเภตราพอสายัณห์ ฯ ๏ ฝ่ายอาจารย์ท่านครูผู้วิเศษ จึงเขียนเวทวิทยาวิชาขยัน ให้องค์พระอภัยไพร่ทั้งนั้น ไปป้องกันกายาในสาชล แล้วสอนสั่งครั้งนี้เป็นที่สุด ไม่ม้วยมุดแล้วก็เห็นจะเป็นผล ไปข้างหน้าถ้าถึงที่อับจน ถือพระมนต์มั่นไว้แล้วไม่ตาย พระอภัยไพร่พร้อมน้อมประณต เล่าคาถาดาบสบ้างจดหมาย ฝรั่งแขกแยกกันนั่งสังวัธยาย บ้างได้ปลายลืมต้นบ่นตะบอย ฯ ๏ สงสารองค์พระอภัยเมื่อใกล้ค่ำ ยิ่งร้อนรำจวนใจให้ละห้อย คิดคะนึงถึงนางเงือกน้ำน้อย จะจากกลอยสวาทไปเสียไกลกัน นิจจาเอ๋ยเคยเห็นอยู่เย็นเช้า จะแลเปล่าเปลี่ยวใจเมื่อผายผัน สงสารแก้วแววตาวิลาวัณย์ จะโศกศัลย์เสียใจอาลัยลาน จำจะสั่งบังอรสมรมิ่ง ครั้นจะนิ่งหนีอนงค์ก็สงสาร รำพึงพลางทางลาพระอาจารย์ จากสถานเลียบเดินเนินคิรินทร์ ถึงข้างเขาเสาโคมที่โยมเงือก พระถอดเกือกก้าวขึ้นนั่งบัลลังก์หิน เคาะระฆังดังหง่างนางได้ยิน แหวกวารินรีบรุดผุดขึ้นมา เห็นพระองค์ทรงโฉมโสมนัส ค่อยถดถัดขึ้นบนแท่นที่แผ่นผา น้อมคำนับอภิวันท์จำนรรจา เสด็จมามืดค่ำทำอะไร ฯ ๏ พระโฉมยงทรงศีลได้ยินถาม จะบอกความมิใคร่บอกออกมาได้ เสนหาอาวรณ์ร้อนฤทัย ภูวไนยนิ่งสะอื้นกลืนน้ำตา นางเงือกน้ำซ้ำถามถึงสามครั้ง ไม่ปิดบังบอกแจ้งแห่งมัจฉา เมื่อวานนี้มีสำเภาเขาแวะมา พี่จะลาโดยสารไปบ้านเมือง คิดถึงสองพระชนกที่ปกเกล้า จะสร้อยเศร้าทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง แม้นไปถึงธานีบุรีเรือง พอแจ้งเรื่องทุกข์ร้อนไม่นอนใจ สักปีครึ่งจึงจะกลับมารับน้อง อย่ามัวหมองหมางจิตคิดสงสัย เห็นสำเภาเขามาถ้ามิไป ไหนจะได้พบวงศ์พงศ์ประยูร จำจะจากพรากพลัดกำจัดเจ้า อย่าสร้อยเศร้าสายสวาทไม่ขาดสูญ อยู่จงดีศรีสุดาอย่าอาดูร จงเพิ่มพูนผาสุกทุกเวลา ฯ ๏ นางเงือกน้ำกำสรดสลดจิต ดังใครปลิดปลงชีวังให้สังขาร์ จะทานทัดขัดสนพ้นปัญญา ชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย ด้วยพรั่นตัวกลัวภัยผีเสื้อสมุทร ยังเวียนผุดพยาบาทคิดมาดหมาย ทั้งทรงครรภ์นั้นก็ได้สามเดือนปลาย สงสารกายอยู่แต่ตนทนทรมาน ว่าน้องนี้มีครรภ์ให้หวั่นหวาด ไม่มีญาติยามยากจากสถาน เห็นแต่องค์ทรงธรรม์เมื่อกันดาร ไม่สงสารซัดเสียให้เมียม้วย ถึงอยู่ไปไหนเลยจะผาสุก ถ้าเฉินฉุกฉวยกระไรใครจะช่วย พิไรร่ำกำสรดระทดระทวย ดังจะม้วยมรณาด้วยอาลัย ฯ ๏ พระฟังคำน้ำเนตรลงพรากพราก โอ้เพื่อนยากร่วมจิตพิสมัย ไม่ทุกข์ร้อนหรือจะจรจากเจ้าไป นี่จนใจจำลาสุดาดวง ถึงจากไปใช่ว่าจะผาสุก เหมือนอุ้มทุกข์ไปสักเท่าภูเขาหลวง ไม่แกล้งกล่าวน้าวโน้มประโลมลวง สุดาดวงนัยนาจงปรานี ซึ่งทรงครรภ์นั้นอย่าได้ปรารภ จงนอบนบนับถือพระฤๅษี จะฝากฝังสั่งไว้ด้วยไมตรี ให้เป็นที่พึ่งพาสีกาโยม อย่าครวญคร่ำกำสรดสลดนัก วิมลพักตร์ผิวน้องจะหมองโฉม ถึงตัวไปใจเฝ้าอยู่เล้าโลม จริงนะโยมเงือกน้อยกลอยฤทัย ถ้าโฉมฉายวายวางเหมือนอย่างว่า เหมือนแกล้งฆ่าผัวรักให้ตักษัย จงผ่อนตามทรามถนอมอย่าตรอมใจ เหมือนช่วยให้พี่ยาไปธานี ฯ ๏ นางเงือกน้อยสร้อยเศร้าให้เหงาหงิม น้ำตาปริ่มเปี่ยมตามารศรี สะอื้นอ้อนวอนว่ากับสามี ว่าน้องนี้ไม่ห้ามตามพระทัย ด้วยธุระพระก็มีเป็นที่ยิ่ง น้องเห็นจริงของพระองค์ไม่สงสัย แต่จะห้ามความรักหักอาลัย มิใคร่ได้ด้วยจะลับไปนับนาน ถึงใครอื่นหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน พระผู้เพื่อนยากไร้ไกลสถาน เคยปกเกล้าเช้าค่ำได้สำราญ แต่นี้นานจะได้มาเห็นหน้ากัน ในทรวงของน้องนี้มีแต่โศก แสนวิโยคญาติกาก็อาสัญ เป็นสองทุกข์ทั้งที่มามีครรภ์ จะเป็นฉันใดไปก็ไม่รู้ อีกทุกหนึ่งถึงตัวที่ผัวร้าง เปรียบเหมือนอย่างหญิงร้ายอายอดสู ฝูงมัจฉานาคินทร์ในสินธู ที่ล่วงรู้ก็จะว่าเป็นราคี ไหนจะทุกข์ถึงองค์พระทรงโฉม จะต้องโทมนัสไปในวิถี ด้วยแถวทางข้างหน้าในวารี ไม่มีที่อาศัยที่ไหนเลย ต้องอดอยากยากไร้จะไผ่ผอม เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของน้อยเอ๋ย เคยสำราญการไพร่พระไม่เคย ผู้ใดเลยเขาจะมาพยาบาล แม้นน้องไปด้วยได้จะไปส่ง ให้พระองค์ถึงปราสาทราชฐาน นางครวญคร่ำร่ำไห้อาลัยลาน พระสงสารโศกาแล้วพาที อย่าทุกข์ทนหม่นหมองเลยน้องแก้ว ตกยากแล้วเหลือจะรักซึ่งศักดิ์ศรี จะยากเย็นเป็นตายวายชีวี ตามแต่ที่ผลกรรมได้ทำมา แม้นบุญปลอดรอดไปถึงไตรจักร ไม่นานนักจักมาโลมโฉมมัจฉา แล้วหยิบธำมรงค์ครุฑบุษรา กับจุฑามณีรัตน์ชัชวาล อยู่ห่างห่างวางให้ไม่ใกล้ชิด แล้วทรงฤทธิ์ร่ำสอนด้วยอ่อนหวาน ถึงฤกษ์งามยามปลอดคลอดกุมาร ยุพาพาลจะได้ผูกให้ลูกยา ค่อยอยู่เถิดโฉมฉายสายสมร อย่าอาวรณ์พูนเทวษถึงเชษฐา แต่สั่งความทรามวัยอาลัยลา จนแสงทองส่องฟ้านภาลัย จึงจากนางย่างเยื้องมาอาศรม ไม่บรรทมจนแจ้งแสงสุริย์ใส พระทรงผ้าคากรองครองเปลือกไม้ มากราบไหว้วันทาพระอาจารย์ แล้ววอนว่าข้านี้ให้วิตก จะระหกระเหินไปไกลสถาน ถ้ามีทุกข์ฉุกเฉินถึงเกินการ แสนสงสารนางมัจฉาในสาคร มาอยู่ด้วยได้เห็นเป็นเพื่อนยาก จะจำจากโฉมฉายสายสมร หวังพระคุณอุ่นจิตดังบิดร ช่วยดับร้อนในอุราซึ่งอาดูร ขอฝากไว้ใต้บาทเหมือนมาดหมาย ช่วยป้องกันอัตรายให้หายสูญ จะได้สืบสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร อนุกูลนัดดาจะลาไป ฯ ๏ พระโยคีมีฤทธิ์ประสิทธิ์กล้า ด้วยเมตตาตอบความตามวิสัย เป็นไรมีที่ธุระพระอภัย มิให้ใครลามลวนกวนสีกา จงหักบ่วงห่วงใยไปเถิดท่าน เกษมศานต์สมจิตทั้งศิษย์หา อย่ามีทุกข์สุขังมังคลา แล้วสวดพาหูงให้ไปจงดี ฯ ๏ พระอภัยไพร่นั่งอยู่พรั่งพร้อม ประณตน้อมนับถือพระฤๅษี ต่างสงสารท่านไทใจอารี อยู่กุฎีองค์เดียวจะเปลี่ยวใจ แขกฝรั่งทั้งองค์พระทรงยศ ต่างกำสรดเศร้าหมองไม่ผ่องใส พิไรร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย พระอภัยว่าพระองค์อยู่จงดี ได้พึ่งบุญอุ่นเกล้าทุกเช้าค่ำ มิทันทำแทนทดบทศรี จะอำลาพากันไปวันนี้ เหมือนไม่มีความรักพระนักธรรม์ ใครจะตักน้ำท่าหาลูกไม้ ประเคนให้พระสิทธาเวลาฉัน เมื่อคิดไปใจหลานสงสารครัน แล้วก้มกันแสงสะอื้นกลืนน้ำตา แขกฝรั่งตั้งร้อยพลอยร้องไห้ ร่ำพิไรกล่าวความตามภาษา พระโยคีมีจิตคิดเมตตา จึงว่าอย่าห่วงหลังเป็นกังวล ประเพณีชีไพรใจสันโดษ ด้วยประโยชน์โพธิญาณการมรรคผล ไม่พอใจให้มนุษย์ปุถุชน อยู่ปะปนคลาคล่ำให้รำคาญ ซึ่งชาวเจ้าเข้ามาอยู่อาศัย เสียมิได้จึงช่วยด้วยสงสาร ไม่ประสงค์จงใจจะใช้การ อย่าเป็นภารธุระที่ไม่มีใคร อันของฉันมันเผือกผลาผล แต่เก็บหล่นที่แผ่นดินกินไม่ไหว ข้างหลังกุฏิ์อุทกังก็ขังไว้ ไม่พักไปไกลยากลำบากกาย อย่าเป็นห่วงหน่วงหนักจักไปส่ง จะไปลงเภตราเวลาสาย แล้วนำหน้าพาเดินตามเนินทราย ศิษย์ทั้งหลายแวดล้อมมาพร้อมเพรียง แลเห็นลำสำเภาริมเขาขวาง ไปตามทางฉนวนกั้นชั้นเฉลียง กรุงกษัตริย์ตรัสนิมนต์ขึ้นบนเตียง อยู่พร้อมเพรียงนักสนมกรมใน สินสมุทรกุมารก็กรานกราบ แสนสุภาพพูดจาอัชฌาสัย พระเจ้าตามาสำเภากับเขาไย หรือจะไปด้วยกันขยันดี ฯ ๏ พระทรงศีลยินคำทำเป็นว่า ตาต้องมาตามตัวกลัวจะหนี ไม่บอกเล่าเจ้ามาค้างอยู่อย่างนี้ จะต้องตีแน่แล้วไม่แคล้วเลย ฯ ๏ กุมาราว่าวอนด้วยอ่อนหวาน ไม่รักหลานแล้วหรือขาเจ้าตาเอ๋ย พระมารดรวอนชวนให้ชมเชย จึงหลับเลยลืมลาพระอาจารย์ สิทธาเฒ่าสาวสุรางค์สำรวลสรวล เจ้าแม่ม้วนเมินหน้าไม่ว่าขาน กษัตราว่าองค์พระทรงญาณ จงประทานโทษทั่วทุกตัวคน ได้เดินลัดวัดวาสมาบาป ทั้งกินอาบน้ำท่าผลาผล อย่าให้เป็นเวรไปแก่ไพร่พล จะต้องทนเวทนาไปช้านาน ฯ ๏ พระมหาดาบสพจนารถ อนุญาตน้ำท่าผลาหาร รูปไม่ห้ามหามิได้ให้เป็นทาน ใครต้องการเก็บได้เอาไปกิน ฝากแต่พระอภัยไพร่ทั้งหลาย ให้สบายเหมือนกับบ่าวท้าวทั้งสิ้น จะเดินทางกลางชลาในวาริน จงถือศีลภาวนาสมาทาน ท้าวจงไปให้เป็นสุขสถาผล จรดลทางชลาทิศาสาร โพยภัยอันตรายอย่าแผ้วพาน พระอาจารย์ก็จะลาจงคลาไคล ฯ ๏ กรุงกษัตริย์จัดแจงแบ่งเป็นเขต ส่วนทรงเดชอยู่กลางระวางใหญ่ แขกฝรั่งทั้งองค์พระอภัย กั้นห้องให้อยู่สบายท้ายเภตรา พวกพหลคนงานทหารรบ แทรกสมทบกับขุนนางที่ข้างหน้า ครั้นเสร็จจัดตรัสสั่งพวกเสนา ให้ตีม้าล่อดังเป็นกังวาน พวกพหลพลนิกรถอนสมอ บ้างขันช่อชวนกันเข้าขันกว้าน ฝ่ายฝรั่งตั้งเข็มเต็มชำนาญ หมายอิสานสำคัญเป็นมั่นคง ออกจากที่คลี่ใบขึ้นใส่เสา ถึงหว่างเขาคอยลมสมประสงค์ ให้นายท้ายบ่ายหน้าเภตราตรง สำเภาทรงแล่นมาในสาคร ดูอ้างว้างทางเปลี่ยวเดี่ยวสันโดษ ล้วนเขาโขดเคียงกันเป็นหลั่นสลอน พวกขุนนางต่างเอกเขนกนอน ร้องละครเรื่องอิเหนาชาวชวา บ้างคิดเขียนเพลงยาวเมื่อคราวยาก จะไปฝากมิ่งมิตรขนิษฐา พวกโยธีตีกรับขับเสภา ตามประสาไม่สบายพอคลายใจ ส่วนห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม ชวนกันชมมัจฉาชลาไหล ด้วยลมรื่นคลื่นคลายสบายใจ ดูเขาไม้ต่างต่างตามทางมา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมโลก ค่อยสร่างโศกสร่างทุกข์เป็นสุขา สถิตแท่นแสนสบายท้ายเภตรา เรียกลูกยาเข้ามาถามถึงความนาง เจ้านอนเรือเมื่อคืนวานซืนนี้ พระบุตรีว่ากระไรที่ไหนบ้าง จงเล่าความตามคำอย่าอำพราง พ่อเห็นนางกับเจ้าเฝ้ายิ้มแย้ม ฯ ๏ สินสมุทรบุตราว่าพระแม่ ท่านติแต่พระบิดาว่าตาแหลม แลเขม้นเห็นเขาเฝ้ากระแอม ทำลอมแลมลดเลี้ยวเกี้ยวสีกา ฯ ๏ พระฟังเล่าเข้าใจเห็นได้ช่อง เคียงประคองรับขวัญด้วยหรรษา แล้วว่าค่ำทำเป็นไปเข้าไสยา จึงบอกว่าบิตุรงค์นี้จงใจ ถ้าถึงที่บุรีเรืองเมืองผลึก จะลาสึกออกเป็นข้าอยู่อาศัย นางนงลักษณ์จักเลี้ยงสักเพียงไร แต่พูดจาอย่าให้ใครเขาได้ยิน แล้วว่าพ่อขอยืมสไบเจ้า พลางหยิบเอาทรงห่อสมถวิล คิดคะนึงถึงธิดายุพาพิน ให้หอมกลิ่นรื่นรื่นชื่นวิญญาณ์ สุริยงลงในน้ำพอค่ำพลบ เขาจุดคบโคมรายทั้งซ้ายขวา พระกุมารกรานก้มบังคมลา แล้วเมียงมาหานุชพระบุตรี ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสเรียกโอรสราช ขึ้นร่วมอาสน์แอบอุรามารศรี ไม่เห็นห่มผ้านางอย่างทุกที พระเทวีหวั่นหวาดประหลาดใจ จึงถามว่าผ้ากรองทองผืนนั้น แม่ให้ขวัญเนตรเจ้าเอาไปไหน กุมาราว่าฉันจีบใส่หีบไว้ นางว่าไม่เชื่อดอกมาหลอกกัน สินสมุทรสุดจะแก้ว่าแม่เจ้า ลูกจะเล่าตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ พระบิดรวอนว่าสารพัน ยืมกรองทองของฉันไว้ห่มนอน พระธิดาว่านั่นเป็นไรเล่า น้อยหรือเจ้าไม่บอกเฝ้าหลอกหลอน แกล้งขอผ้าสไบให้บิดร คงจะค่อนกล่าวขวัญเป็นมั่นคง ทำฮึดฮัดขัดใจเข้าไสยาสน์ พระหน่อนาถนั่งกวนนวลหง แต่นี้ไปไม่หลอกจะบอกตรง พระบิตุรงค์สั่งมาให้ว่าวอน แม้นไปถึงเมืองผลึกจะสึกหา ขอเป็นข้าพระบุตรีศรีสมร จงเลี้ยงไว้ใช้งานการนคร หรือมารดรเดือดใจไม่ไยดี ฯ ๏ นางฟังคำทำว่าน่าสงสาร ช่างอ่อนหวานน้อยหรือพระฤๅษี แล้วตอบคำทำว่าอย่าพาที คนทั้งนี้เขาได้ยินจะนินทา ซึ่งพระองค์จงใจจะใครพึ่ง ไม่สมซึ่งหมายมาดปรารถนา จะรับคำจำจนพ้นปัญญา ด้วยมารดาจะมิได้อยู่ในวัง เจ้าลังกามาขอให้โอรส พระทรงยศยกให้ดังใจหวัง พอเรือซัดพลัดพรากมาจากวัง พวกฝรั่งเห็นจะมาอยู่ธานี แม้นไปถึงซึ่งเขตนิเวศน์สถาน จะจัดแจงแต่งการภิเษกศรี ต้องจำใจไปลังกากับสามี มิรู้ที่จะคิดอ่านประการใด ซึ่งบิดรสอนมาให้ว่ากล่าว พรุ่งนี้เช้าจึงค่อยแจ้งแถลงไข ทุกวันนี้มีกรรมจะจำไกล ถ้าหาไม่ก็ไม่ขัดพระอัชฌา ขอบังคมสมเด็จพระดาบส ให้ทรงยศโปรดเกศเหมือนเชษฐา นางกล่าวแกล้งแจ้งคำทำมารยา กุมารารู้เรื่องเคืองพระทัย จึงตอบความตามประสาเป็นทารก ช่างยอมยกให้ฝรั่งต่างวิสัย จะชิงกันไม่ฟังช่างเป็นไร พระมารดาข้าจะให้พระบิดร นางฟังคำทำห้ามเมื่อยามดึก อย่าพูดฮึกไปเลยฟังแม่สั่งสอน พลางแย้มสรวลชวนชิดสนิทนอน บนบรรจถรณ์นางประทับให้หลับไป ฯ ๏ พอฟ้าขาวเช้าตรู่ก็รู้สึก กุมารนึกเศร้าหมองไม่ผ่องใส น้อมประนมบังคมแล้วคลาไคล เข้าห้องในแนบชิดพระบิตุรงค์ อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง เหมือนคำของทรามสงวนนวลหง พระอภัยให้ระทดสลดลง เสียดายองค์พระธิดาน้ำตาคลอ พระเอนเอกเขนกขึงรำพึงคิด ไม่แจ้งจิตเลยว่าเขามาขอ เหมือนตามไต้ในน้ำมาตำตอ ถึงแค้นคอคงจะกลืนไม่คืนคาย แล้วคิดจำคำครูดูวันนั้น ที่หมายมั่นว่าจะสมอารมณ์หมาย จะหาไหนได้เหมือนนุชสุดเสียดาย ลูกผู้ชายชิงชู้ดูสักที จะเล้าโลมโฉมยงให้ปลงจิต แม้นสมคิดก็จะพาสุดาหนี เหมือนอิเหนาเผาเมืองเรื่องยังมี เรายังดีว่าอิเหนาเป็นเท่าไร แล้วตรัสเรียกลูกยาเข้ามาบอก เจ้าจงหลอกลวงแม่พูดแก้ไข เข้าไปถึงจึงทำเป็นร่ำไร ว่าอาลัยถึงบิดาจะลาตาย เพราะเทวีศรีสวัสดิ์ตัดสวาท ที่มุ่งมาดมิได้สมอารมณ์หมาย ตั้งแต่เช้าเฝ้านั่งสั่งลูกชาย จนตกบ่ายบุตราลาครรไล เข้าในห้องเห็นองค์นางนงลักษณ์ ทำซบพักตร์ลงกับเพลาเฝ้าร้องไห้ สะอื้นร่ำสำลักกระอักกระไอ นางตกใจจึงถามตามสงกา พ่อเป็นไรไม่บอกออกให้แจ้ง อย่ากันแสงนักเลยจงเงยหน้า แม่รักเจ้าเท่าเทียมกับชีวา ปรารถนาสิ่งใดจะให้ปัน กุมาราว่าเพราะพระแม่เจ้า ไม่โปรดเกล้าแกล้งฆ่าบิดาฉัน ลูกจะมาลาม้วยเสียด้วยกัน ทำโศกศัลย์ซบเสือกลงเกลือกกาย ฯ ๏ นางทรงฟังยังให้สงสัยนัก จึงซ้ำซักทรามสวาทเหมือนมาดหมาย สินสมุทรสุดดีไม่มีอาย ทำฟูมฟายชลนาแล้วว่าพลาง พระบิดาข้าบาทจะขาดจิต ด้วยสุดคิดสารพัดจะขัดขวาง พระแม่ตรัสตัดสวาทให้ขาดทาง ไปรักข้างฝ่ายฝรั่งเมืองลังกา พระน้อยใจไม่อยู่จะสู้ม้วย เพราะเหตุด้วยความรักนั้นนักหนา พอสิ้นแสงสุริยนสนธยา จะพาข้าโจนน้ำให้จำตาย ฯ ๏ นางฟังบุตรสุดสวาทอนาถนิ่ง คิดว่าจริงใจหวั่นมิ่งขวัญหาย ด้วยความรักหักห้ามความละอาย จึงปลอบสายสวาทว่าอย่าอาดูร ไปแจ้งความห้ามองค์พระทรงยศ อย่าเพ่อปลดเปลื้องชีวาตม์ให้ขาดสูญ แม่ก็รู้ว่าบิดาอนุกูล จึงต้องทูลตามจริงทุกสิ่งไป เมื่อมิฟังยังคิดพิศวาส เธอฉลาดตามแต่จะแก้ไข ไม่ทานทัดขัดห้ามจะตามใจ แต่อย่าไปโจนน้ำน่ารำคาญ ฯ ๏ สินสมุทรสุดสบายหายสะอื้น ทำชมชื่นวิงวอนด้วยอ่อนหวาน ลูกจะจำคำสัตย์ปฏิญาณ ไปว่าขานขอชีวิตพระบิตุรงค์ แล้วจึงผลุนหมุนมาถึงดาบส น้อมประณตทูลความตามประสงค์ ลูกไปทำทุกข์ตรอมจนยอมลง ว่าตามแต่องค์พระบิดาจะปรานี ฯ ๏ พระอภัยได้ยินสินสมุทร ให้แสนสุดเสน่หามารศรี แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรี ยิ่งทวีถวิลโฉมประโลมลาน จึงหยิบธำมรงค์เพชรเจ็ดกะรัต ใส่พระหัตถ์ลูกยาแล้วว่าขาน เจ้าเอาไปให้องค์นางนงคราญ เปลี่ยนสังวาลมาให้พ่อจะขอชม ฯ ๏ โอรสรับอภิวันท์แล้วผันผาย ถึงโฉมฉายชวนชิดสนิทสนม พระบิดรผ่อนสบายคลายอารมณ์ แต่ยังตรมตรอมใจด้วยไกลกัน แล้วนบนอบยอบกายถวายแหวน พระว่าแม้นสุจริตอย่าบิดผัน แม่โฉมยงจงประทานสังวาลวรรณ เป็นสำคัญจะได้อ้างต่างพยาน ฯ ๏ นางยิ้มหยิบธำมรงค์มาทรงใส่ ขอบฤทัยวาจาที่ว่าขาน แล้วแกล้งว่าน่าเบื่อเหลือรำคาญ ไม่ได้การเฉโกเป็นโยคี ไม่เรียนร่ำบำเพ็งให้เคร่งครัด มาเปลี่ยนผลัดกับสีกาน่าบัดสี แม้นมิให้ก็จะว่าไม่ปรานี กลัวแต่ที่เธอจะทำโจนน้ำตาย แล้วโฉมยงทรงถอดสังวาลรัตน์ ทำจบหัตถ์ยื่นให้เอาไปถวาย โอรสรับอภิวาทแล้วนาดกราย มาห้องท้ายเภตราในราตรี เข้านั่งชิดบิตุรงค์แล้วส่งให้ พระดีใจดังได้โลมนางโฉมศรี ค่อยลูบหลังลูกยาแล้วพาที อยู่นอนนี่เถิดนะเจ้าได้เล่าความ แล้วเอนองค์ลงเอกเขนกเขนย พระลูกเกยอยู่กับตักแล้วซักถาม พูดถึงแก้วแววตาพะงางาม สักสามยามเดือนลับจึงหลับไป ฯ ๏ จะกล่าวถึงนางผีเสื้อเมื่อคราวนั้น ไม่ผายผันไปคูหาที่อาศัย เที่ยวท่องน้ำดำผุดสมุทรไท ให้ผีไพร่ภูตพรายรายระวัง กลัวลูกยาสามีจะหนีพ้น เป็นกังวลมิได้สิ้นถวิลหวัง ครั้นเหนื่อยหนาวหาวนอนอ่อนกำลัง ขึ้นยับยั้งอยู่เขาขวางกลางคงคา ในวันเมื่อเรือแล่นออกจากเกาะ ไม่เห็นเพราะโยคีมีคาถา ท่านอ่านมนต์ดลจิตปิดนัยน์ตา จึงเภตราล่วงไปได้หลายคืน ต่อผีพรายชายด่านอยู่ชั้นนอก เข้ามาบอกเหตุให้จึงได้ตื่น ชะโงกชะแง้แลเล็งเขย่งยืน ดูทะมืนเมฆาลูกตาวาว อันนางยักษ์จักษุเสมอทิพย์ เห็นลิบลิบแล่นไปใบขาวขาว ดูไกลนักจักแหล่นสิ้นแดนดาว ร้องเรียกบ่าวบอกความตามให้ทัน พวกผีพรายสายสมุทรผุดขึ้นสิ้น บ้างแลบลิ้นเหลือกตาถลาถลัน เสียงโครมครามตามคลื่นเป็นหมื่นพัน ทะเลลั่นดังจะล่มถล่มทลาย ส่วนนางมารหาญฮึกสะอึกโถม จ้วงกระโจมโจนไล่ไพร่ทั้งหลาย เสียงครึกครื้นคลื่นคลั่งกำลังพราย ภูเขาขวางพังทลายทะลุยไป ฯ ๏ พอสำเภาลำทรงพงศ์กษัตริย์ ออกแล่นลัดกลางมหาชลาไหล ล่วงสิบห้าราตรีไม่มีภัย เห็นเขาใหญ่ในทะเลเหมือนเมฆา ตระหง่านเงื้อมเลื่อมสลับระยับยิบ ยังลิบลิบแลไปไกลหนักหนา พอสิ้นแสงสุริยนสนธยา ในเวหามืดคลุ้มชอุ่มบัง พายุหวนป่วนคลื่นเสียงครื้นครึก ลั่นพิลึกโกลามาข้างหลัง ยังดึกดื่นคลื่นลั่นสนั่นดัง เพียงจะพังแผ่นผาสุธาธาร สำเภาโผนโยนโยกโบกสะบัด หางเสือพลัดแพลงพลาดเสียงฉาดฉาน เหล่าล้าต้าต้นหนพวกคนงาน ต่างเซซานซวนทรงไม่ตรงกาย ฯ ๏ สงสารท้าวสาวสุรางค์นางสนม ถลาล้มกลิ้งคว่ำคะมำหงาย ฝ่ายฝูงผีปีศาจอสุรกาย กับภูตพรายกองหน้าที่มาทัน จะล่มลำสำเภาเข้าไม่ได้ แลเห็นไฟล้อมเหมือนกับเขื่อนขัณฑ์ ด้วยเดชะเวทมนตร์คนทั้งนั้น ประกอบกันผีสางให้ห่างตัว แต่พวกพรายร้ายกาจปีศาจกล้า โลดถลาหลอนหลอกบ้างกลอกหัว บ้างแลบลิ้นปลิ้นตาให้น่ากลัว สำแดงตัวต่างต่างในกลางคืน ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลบนสำเภาเผาขนไก่ จนติดไหม้ม้วนหนังเข้าทั้งผืน แขกฝรั่งนั่งรายทนายปืน ลุกขึ้นยืนยิงประดังเสียงตังตึง ผียิ่งหลามตามไปจนใกล้สว่าง ทั้งตัวนางผีเสื้อน้ำซ้ำมาถึง ทำอำนาจผาดเสียงสำเนียงอึง โลดทะลึ่งเลี้ยวลัดสกัดทาง ยุดหางเสือเรือเอียงเพียงจะคว่ำ พอคลื่นซ้ำซัดกระแทกก็แตกผาง คนกระจัดพลัดพรายบ้างวายวาง เสียงสุรางค์ร้องอึงคะนึงไป พวกผู้ชายว่ายวนปนผู้หญิง เที่ยวเกลือกกลิ้งกลางคลื่นลื่นไถล บ้างดำผุดสุดจะกลั้นก็บรรลัย ฝูงปลาใหญ่ได้กลิ่นขึ้นกินคน บ้างคาบคว้าขาแข้งแย่งขยอก ดูกลับกลอกกลิ้งเกลือกอยู่เสือกสน ฉนากฉลามตามไล่กินไพร่พล อลวนว่ายสล้างกลางคงคา อันองค์ท้าวเจ้ามิ่งเมืองผลึก พอตกลึกลมจับดับสังขาร์ สินสมุทรสุดรักพระธิดา เอาใส่บ่าแบกว่ายสายสินธู ฝ่ายจีนจามพราหมณ์พวกแขกฝรั่ง ขึ้นขี่หลังปลาโลมาแลราหู พระอภัยได้กระดานบานประตู คิดถึงครูเกาะภาวนาไป ฯ ๏ ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรขึ้นผุดโผน โจมกระโจนจับบุตรหลุดไปได้ จะจับผัวกลัวมนต์เป็นพ้นใจ แต่โลดไล่โผงผางมากลางคืน ด้วยเดชะพระอภัยจะไม่ม้วย พระพายช่วยพัดพามาบนคลื่น พอแสงทองส่องสว่างนภางค์พื้น ถึงหาดตื้นตีนเขาลำเนาเนิน พระหนีนางวางวิ่งขึ้นสิงขร แอบชะง่อนเงื้อมผาศิลาเผิน ผีเสื้อไล่ไปถึงเขาลำเนาเนิน ให้เผอิญล้มลุกลงคลุกคลาน จะขึ้นเขาเล่าก็ลื่นขึ้นไม่ได้ สุดอาลัยแลหาน่าสงสาร เห็นผัวนั่งพังพาบลงกราบกราน แล้ววิงวอนอ่อนหวานด้วยมารยา พระรูปหล่อพ่อคุณของเมียเอ๋ย ไฉนเลยหลบตัวกลัวนักหนา น้องอุตส่าห์พยายามตามพระมา จงมาหาเมียบ้างอย่าหมางเมิน ฯ ๏ แสนสงสารพระอภัยวิไลลักษณ์ หนีนางยักษ์อยู่ที่หน้าแผ่นผาเผิน จะต่อไปก็ไม่รอดเป็นยอดเนิน ด้วยสูงเกินแรงกายจะป่ายปีน เห็นจวนจนบ่นภาวนาร่ำ บริกรรมคาถารักษาศีล พอพวกไพร่ไทยแขกฝรั่งจีน มาถึงตีนเขาขวางข้างคิรี นางยักษ์เห็นเผ่นโผนจะโจนจับ แล้วถอยกลับกลัวฤทธิ์ศิษย์ฤๅษี แขกฝรั่งวางวิ่งเป็นสิงคลี ขึ้นถึงที่พระอภัยได้ทั้งร้อย ผีเสื้อน้ำร่ำเรียกริมบรรพต พระทรงยศเยี่ยมพักตร์มาสักหน่อย นิ่งเสียได้ให้น้องนี้ต้องคอย นี่ลูกน้อยไปอยู่ไหนไม่เห็นมา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมจิต กับพวกศิษย์พรั่งพร้อมอยู่จอมผา เห็นนางผีเสื้อสมุทรสุดศักดา ไม่หาญกล้าใกล้ตัวด้วยกลัวมนต์ จะนิ่งอยู่อย่างนี้ก็มิชอบ จำจะตอบนางยักษ์อีกสักหน ต้องตัดพ้อต่อว่าประสาจน จึงขึ้นบนแผ่นผาแล้วพาที นี่แน่นางผีเสื้อเจ้าเหลือแสน เฝ้าคุมแค้นขืนแกล้งว่าแหนงหนี มาตามติดคิดอ่านผลาญชีวี จะฆ่าตีพี่ชายให้วายชนม์ ทั้งลูกน้อยพลอยพรากไปจากอก แสนวิตกตายเป็นไม่เห็นหน เพราะหมองหมางนางงามตามประจญ จึงทุกข์ทนแทบกายจะวายปราณ ทุกวันนี้พี่รักษาสิกขาบท สู้เปลื้องปลดห่วงใยในสงสาร อันอินทรีย์ชีวิตอุทิศทาน เจ้าต้องการกินบ้างหรืออย่างไร จะสูบเลือดเชือดเนื้อหรือเถือแล่ ก็ตามแต่ปรารถนาอัชฌาสัย อันชีวาตม์อาตมาไม่อาลัย อย่ากวนใจจู้จี้เลยสีกา ฯ ๏ ผีเสื้อน้ำซ้ำว่านิจจาเอ๋ย ไม่เห็นเลยที่ว่ารักนั้นหนักหนา ซึ่งตามติดคิดว่าพระเมตตา ตามประสาผัวเมียไม่เสียกัน พระกลับตรัสตัดรักว่ายักษ์ร้าย ไม่กล้ำกรายกลัวเกลียดด้วยเดียดฉันท์ อยู่เกาะแก้วพิสดารก็นานครัน แต่สักวันหนึ่งก็ไม่อาลัยแล ทั้งลูกเต้าเอาไว้มิให้พบ พากันหลบล่วงทางมาห่างแห น้ำพระทัยไม่เลี้ยงเป็นเที่ยงแท้ จะไว้แต่อาลัยก็ไม่มี จึงต้องคิดติดตามด้วยความรัก พระทรงศักดิ์ซ้ำอางขนางหนี กลับว่าน้องปองร้ายหมายชีวี ไม่พอที่ทูนหัวจะกลัวเมีย ถึงจะไปไม่ห้ามจะตามส่ง พระโฉมยงอย่าเพ่อตัดสลัดเสีย ให้อกน้องหมองไหม้ดังไฟเลีย มาหาเมียเสียสักหน่อยให้ค่อยคลาย ฯ ๏ พระฟังนางทางว่านิจจาเอ๋ย แต่ก่อนเคยเคียงประโลมเจ้าโฉมฉาย ประเดี๋ยวนี้พี่บวชชวดสบาย จะสอนสายสวาทเจ้าให้เข้าใจ จงฟังธรรมคำนับดังโมโห ให้โทโสสร่างเสื่อมค่อยเลื่อมใส แล้วทรงเดชเทศนาภาษาไทย ด้วยความในโลกีย์สี่ประการ คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส ที่คฤหัสถ์หวงแหนไม่แก่นสาร ครั้นระงับดับขันธ์สันดาน ย่อมสาธารณ์เปื่อยเน่าเสียเปล่าดาย อย่าลุ่มหลงจงอุตส่าห์รักษาศีล ให้เพิ่มภิญโญไปดังใจหมาย อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคิดอุบาย จะจำตายตกนรกอเวจี พี่แบ่งบุญบรรพชาสถาผล ส่วนกุศลให้สุดามารศรี กลับไปอยู่คูหาในวารี อย่าได้มีห่วงใยอาลัยลาน อันตัวของอาตมากับสานุศิษย์ ก็ไม่คิดคืนประเทศเขตสถาน จะจำศีลภาวนาสมาทาน หมายวิมานเมืองสวรรค์จนบรรลัย ฯ ๏ นางผีเสื้อเบื่อหูว่าจู้จี้ เจ้าบาลีเลือกแปลมาแก้ไข ไหนนรกตกลงที่ตรงใด ช่วยพาไปดูเล่นให้เห็นจริง เมืองสวรรค์นั้นก็ไปทางไหนเล่า อย่าพูดเปล่าปลิ้นปลอกหลอกผู้หญิง หนีไปไหนก็ไม่รอดจะทอดทิ้ง มานั่งนิ่งอยู่กับเกาะเห็นเหมาะใจ ชะช่างอวดบวชเรียนเขียนกอข้อ น่าหัวร่อหรือพระองค์มาหลงใหล เอาเถาวัลย์พันพุงนุ่งเปลือกไม้ อวดว่าได้บุญแรงมาแบ่งปัน ไม่นับถือฤๅษีหนีผู้หญิง จะทอดทิ้งเมียไว้ช่างไม่ขัน เร่งสึกหามาจะได้ไปด้วยกัน อย่าเทศน์ธรรม์เลยไม่พอใจฟัง เป็นดาบสฤๅษีก็มิรู้ พระเป็นคู่ของข้ามาแต่หลัง จะขืนจากบากบั่นดันทุรัง ก็ไม่ฟังคงจะเฝ้าอยู่เอาตัว แล้วกู่ก้องร้องประกาศปีศาจร้าย ทั้งภูตพรายพรั่งพร้อมเข้าล้อมผัว ปีศาจแรงแผลงศักดาดูน่ากลัว นิมิตตัวโตดำกำยำยืน แล้วนางมารอ่านคาถาพลาหก ให้ฝนตกฟุ้งฟ้าไม่ฝ่าฝืน ทั้งฟ้าร้องก้องกระหึมเสียงครึมครืน นภางค์พื้นบดบังกำลังมนต์ พระอภัยไม่รู้ที่จะคิด กับพวกศิษย์แสนลำบากต้องตากฝน จะหนีนางทางไหนก็ไม่พ้น สุดจะทนฝนชุกลงทุกที ไหนจะถูกลูกเห็บเจ็บสาหัส พงศ์กษัตริย์สิ้นรักนางยักษี จึงปรึกษากับฝรั่งว่าครั้งนี้ จะเป่าปี่ผลาญนางให้วางวาย แต่พวกเราเอาน้ำบ่อน้อยนั้น หยอดปิดกรรณสองข้างเหมือนอย่างหมาย พวกไพร่พร้อมน้อมคำนับรับอุบาย บ้วนน้ำลายหยอดหูทุกผู้คน ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ จึงจบหัตถ์อธิษฐานการกุศล แล้ววันทาลาศีลพระทศพล เอาเครื่องต้นแต่งองค์อลงการ์ แล้วถือปี่ที่ท่านอาจารย์ให้ แข็งพระทัยออกจากชะวากผา ขึ้นหยุดยั้งนั่งแท่นแผ่นศิลา ภาวนาอาคมเรียกลมปราณ แล้วทรงเป่าปี่แก้วให้แจ้วเสียง สอดสำเนียงนิ้วเอกวิเวกหวาน พวกโยธีผีสางทั้งนางมาร ให้เสียวซ่านซับซาบวาบหัวใจ แต่เพลินฟังนั่งโยกจนโงกหงุบ ลงหมอบซุบซวนซบสลบไสล พอเสียงปี่ที่แหบหายลงไป ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวา ฯ ๏ ครั้นฝนหายพรายผีหนีไปหมด พระทรงยศแลดูบนภูผา เห็นนางไม่ไหวติงนิ่งนิทรา ก็รู้ว่าขาดใจบรรลัยลาญ จึงปลุกไพร่ให้ตื่นขึ้นทั้งพวก เหมือนหูหนวกเรียกใครก็ไม่ขาน ต้องทำใบ้ให้รู้ว่านางมาร ถึงแก่กาลมรณานิคาลัย แขกฝรั่งทั้งนั้นสำคัญแน่ ลุกขึ้นแลดูยักษ์เห็นตักษัย ต่างยอนหูให้น้ำลายนั้นหายไป แล้วอวยชัยชมปี่ช่างดีจริง บ้างพรั่นจิตคิดลึกยังนึกแหนง หรือนางแกล้งนิทรามารยาหญิง แขกฝรั่งทั้งสิ้นเอาหินทิ้ง ไม่ไหวติงตายแท้แล้วแม่คุณ พอโพล้เพล้เวลาภาณุมาศ ล่วงลีลาศลับเงาภูเขาขุน กระจ่างแจ้งแสงจันทร์อันจำรุญ เสียงสกุณร่อนร้องก้องคิรินทร์ พระโฉมยงสงสารผีเสื้อสมุทร มาสิ้นสุดชีวาตม์อยู่หาดหิน หมู่มัจฉากาแร้งจะแย่งกิน จะปลงศพเสียให้สิ้นพ้นนินทา พระจึงชวนแขกฝรั่งสะพรั่งพร้อม ลงจากจอมเขาเขินถึงเนินผา เห็นศพนางพลางพิศดูพักตรา ชลนาคลอเนตรสังเวชใจ ลดพระองค์ลงนั่งข้างศิโรตม์ สมาโทษนางยักษ์ที่ตักษัย พิไรร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย สะอื้นไห้ใจหายเสียดายนาง นิจจาเอ๋ยเคยอยู่ในคูหา เจ้าอุตส่าห์ปรนนิบัติไม่ขัดขวาง จนเกิดบุตรสุดสวาทนิราศร้าง เจ้าอ้างว้างวิญญาณ์จึงมาตาม ได้พบกันวันเมื่อถึงเกาะแก้ว พี่ห้ามแล้วเจ้าก็ยังไม่ฟังห้าม เวียนระวังตั้งจิตแต่ติดตาม จนถึงความมรณานิคาลัย สงสารนักภัคินีเจ้าพี่เอ๋ย เป็นคู่เชยเคียงชิดพิสมัย ถึงรูปชั่วตัวดำแต่น้ำใจ จะหาไหนได้เหมือนเจ้าเยาวมาลย์ ตั้งแต่นี้มีแต่จะแลลับ จนสิ้นดับกาลาปาวสาน จนม้วยดินสิ้นฟ้าแลบาดาล มิได้พานพบสมรเหมือนก่อนมา พี่แบ่งบุญบรรพชิตอุทิศให้ เจ้าจงไปสู่สวรรค์ให้หรรษา อันชาตินี้มีกรรมจำนิรา เมื่อชาติหน้าขอให้พบประสบกัน เป็นมนุษย์ครุฑาเทวาธิราช อย่ารู้ขาดเสนหาจนอาสัญ ให้สมวงศ์พงศ์ประยูรตระกูลกัน อย่าต่างพันธุ์ผิดเพื่อนเหมือนเช่นนี้ พระครวญคร่ำร่ำไรไห้สะอื้น สุดจะขืนแข็งอารมณ์พระโฉมศรี ทั้งทุกข์ถึงลูกยาในวารี แต่คืนนี้มิได้เห็นว่าเป็นตาย ทั้งเสียเมียเสียบุตรสุดสลด แสนกำสรดทรวงจะแยกแตกสลาย สะอื้นอ้อนอ่อนองค์ไม่ทรงกาย พระโฉมฉายซวนซบสลบลง แขกฝรั่งฟังคำพระร่ำไห้ พลอยอาลัยหลากจิตพิศวง เห็นแน่นิ่งวิ่งพร้อมเข้าล้อมองค์ ต่างคิดสงสารสะอื้นกลืนน้ำตา บ้างต้องดูรู้ว่าสลบหลับ ยังไม่ดับชีวังถึงสังขาร์ เข้านวดเคล้นเส้นสายปลายบาทา บ้างโบกผ้าโบกมือกระพือลม พระกลับฟื้นคืนสมประดีได้ เหมือนหลับใหลลืมจิตสนิทสนม พอแสงทองส่องสว่างน้ำค้างพรม ทะเลลมคลื่นเงียบเซียบสำเนียง ไก่สวรรค์ขันเอกวิเวกวับ ไก่ป่ารับขันขานประสานเสียง เรไรร้องก้องเกาะเสนาะเคียง ดังสำเนียงดนตรีปี่ชวา อโณทัยไขแสงแจ้งกระจ่าง ส่องสว่างกลางทะเลพระเวหา เห็นศพซากรากษสที่มรณา เป็นศิลาน่าอนาถประหลาดใจ มีน้ำขาวราวกับน้ำตาลโตนด ออกจากโอษฐ์นางมารเหมือนธารไหล พระดูนางพลางถามพวกพลไกร เหตุไฉนศพนางเป็นอย่างนี้ คนทั้งร้อยพลอยว่าน่าประหลาด หรือปีศาจผีเสื้อเป็นเชื้อผี ยังไม่ตายกลายแกล้งแปลงอินทรีย์ หรือของดีอยู่ในนางเป็นอย่างไร บ้างว่าเป็นปรอทฤทธิ์วิธิเวท ผู้วิเศษใส่ศิลามาแต่ไหน แต่ว่าพราหมณ์นามชื่อมหัศชัย นั้นทูลว่าถ้าจะใคร่ให้หายแคลง อันอัคคีนี้เป็นการผลาญพิภพ เอาเผาศพดูให้สิ้นที่กินแหนง ถึงยักษ์ร้ายกายสิทธิ์ฤทธิแรง พระเพลิงแผลงฤทธิ์ผลาญไม่ทานทน พงศ์กษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ จะใคร่รู้ดีร้ายให้หายฉงน ดำริพลางทางใช้พวกไพร่พล ช่วยกันขนฟืนมาอย่าช้าที ฝ่ายจีนจามพราหมณ์แขกช่วยแบกไม้ มากองไว้ข้างเขาจะเผาผี บ้างตัดไม้ไผ่แขวะแฉละดี ช่วยกันสีไฟพลางกลางศิลา ฯ ๏ พอได้ยินเสียงระฆังข้างหลังเขา เห็นผู้เฒ่าออกจากชะวากผา ดูสรรพางค์ร่างกายแก่ชรา แต่ผิวหน้านั้นละม้ายคล้ายทารก ทรงเสื้อโขมพัสตรานุ่งผ้าขาว ผมนั้นยาวย้อยสยายประปรายปรก ถือไม้เท้าเนาวรัตน์พัดขนนก ทำเดินงกงันมาแล้วพาที ว่าดูราสามีนางผีเสื้อ เป็นหน่อเนื้อกษัตริย์ชาติราชสีห์ อย่าเผาศพนางยักษ์ด้วยอัคคี ภัยจะมีถึงกายให้วายปราณ ฯ ๏ พระอภัยได้ฟังยังฉงน ผิดผู้คนผู้เฒ่าเห็นห้าวหาญ จึงปราศรัยไต่ถามความบุราณ ขอเชิญท่านชี้แจงให้แจ้งใจ ข้าเห็นนางวางวายกลายเป็นหิน จึงจะเผาเขาให้สิ้นที่สงสัย ท่านห้ามว่าข้านี้จะมีภัย เหตุไฉนฉะนั้นหนอข้าขอฟัง ฯ ๏ ฝ่ายมหิงข์สิงขรเทวราช จึงประกาศเล่าตามเนื้อความหลัง เป็นเรื่องลึกดึกดำบรรพ์อนันตัง แต่ครั้งตั้งฟ้าทะเลเมรุไกร นางผีเสื้อเมื่อแต่ก่อนเป็นก้อนหิน อยู่กระสินธุ์สมุทรมหาชลาไหล นางอสูรชาติก่อนได้พรชัย ถอดดวงใจฝากแฝงแท่งศิลา แล้วขึ้นจากฟากฝั่งมหรณพ ไปรุกรบกับพระเพลิงที่เชิงผา ต้องไฟกรดหมดไหม้ทั้งกายา ยังแต่ว่าอายุอสุรินทร์ กับดวงใจไม่ดับไปกลับชาติ เป็นปีศาจสังหรณ์อยู่ก้อนหิน ถูกไอน้ำซ้ำได้ไอแผ่นดิน บันดาลหินนั้นให้งอกออกทุกที เป็นหน้าตาขาแข้งอันแรงฤทธิ์ ด้วยพรอิศรารักษ์พระลักษมี นับอนันต์วันคืนได้หมื่นปี จึงเป็นผีเสื้อสมุทรผุดทะยาน ขึ้นต้องแสงพระอาทิตย์ยิ่งฤทธิ์กล้า ปราบบรรดาพวกปีศาจด้วยอาจหาญ ได้เป็นใหญ่ในแม่น้ำอโนมาน ใครล้างผลาญชีวันไม่บรรลัย ซึ่งเป่าปี่ผีเสื้อเนื้อเป็นหิน เพราะสุดสิ้นวาโยอาโปไหล แม้นเผาจี่ปีศาจด้วยธาตุไฟ จะคืนไล่กินมนุษย์ปุถุชน ถึงฆ่าฟันฉันใดก็ไม่ม้วย เพราะเหตุด้วยกำเนิดเกิดหลายหน ต่อเพลิงกาฬผลาญพิภพจบสกล จึงสิ้นชนม์ชีวานิคาลัย อันวารีที่ไหลออกจากปาก คือแรงรากษสซ่านเหมือนธารไหล ใครกินน้ำกำลังจะเกรียงไกร ทั้งโรคภัยมิได้มีมาบีฑา อันเราหรือคือมหิงขสิงขร มาช่วยสอนด้วยสงสารท่านนักหนา พอสิ้นคำรำพันจำนรรจา รูปชราร่างกายก็หายไป ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศักดิ์ประจักษ์เหตุ ซึ่งเทเวศร์บอกแจ้งแถลงไข จึงเวยวารีด้วยดีใจ ทั้งพวกไพร่พลอยกินสิ้นทุกคน เกิดกำลังดังน้ำสุรามฤต มาเจือจิตเยือกเย็นทุกเส้นขน ครั้นเสร็จสรรพกษัตราก็พาพล ขึ้นอยู่บนเงื้อมเขาลำเนาเนิน ปลูกที่ทับพลับพลาอยู่อาศัย ที่ใกล้ใกล้ศพนางไม่ห่างเหิน ทำธงปักเป็นสัญญาไว้หน้าเนิน จะคอยเดินสารสำเภาชาวบุรี ฯ ๏ จะกล่าวถึงสินสมุทรบุตรนางยักษ์ กำลังรักพระธิดามารศรี เมื่อเรือแตกแบกมาในวารี ไม่มีที่หยุดหย่อนจนอ่อนแรง ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนแต่คลื่นซัด นางกษัตริย์โศกศัลย์เฝ้ากันแสง เห็นมัจฉาปลาร้ายขึ้นว่ายแซง ยิ่งแสยงสยองเกล้าเยาวมาลย์ จึงว่าพ่อสินสมุทรสุดสวาท เหนื่อยอนาถนักหนาน่าสงสาร จงวางแม่เสียในวนชลธาร เร่งคิดอ่านตามติดพระบิดร ฯ ๏ สินสมุทรสุดเหนื่อยด้วยเมื่อยล้า สู้อุตส่าห์ทรงกายสายสมร แล้วตอบคำร่ำว่าด้วยอาวรณ์ แม่ม้วยมรณ์ก็จะม้วยเสียด้วยกัน ลูกหมายเหมือนชนนีเป็นที่ยิ่ง ไม่ทอดทิ้งมารดาให้อาสัญ อันกำลังยังไปได้อีกวัน อย่าทรงกันแสงนักจงหักใจ ฯ ๏ นางฟังคำซ้ำสวาทราชโอรส ยิ่งกำสรดสุดจะขืนสะอื้นไห้ กุมาราพาว่ายคล้ายคล้ายไป เห็นเกาะใหญ่ยินดีค่อยมีแรง อุตส่าห์รีบถีบเข้าถึงเขาหลวง พอลับดวงสุริเยนทร์ไม่เห็นแสง หน่อนรินทร์สินสมุทรก็สุดแรง ถึงที่แห้งเสือกซบสลบไป ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ เห็นหน่อกษัตริย์นิ่งอนาถไม่หวาดไหว เข้ากอดแอบแนบอกด้วยตกใจ ร่ำพิไรเรียกพลางในกลางคืน สินสมุทรสุดสวาทของแม่เอ๋ย ไฉนเลยลูกยาไม่ฝ่าฝืน แม่ปลุกเจ้าเท่าไรก็ไม่ฟื้น พลางสะอื้นอ่อนองค์ทรงโศกี จะหาไหนได้เหมือนพ่อเพื่อนยาก สู้ลำบากแบกพามารดาหนี ไม่ม้วยมอดรอดมาในวารี จนถึงที่หยุดแล้วเจียวแก้วตา ควรหรือพ่อหน่อนาถมาขาดจิต สิ้นชีวิตสิ้นชาติวาสนา ให้แม่อยู่ผู้เดียวเปลี่ยววิญญาณ์ อนิจจาเจ้าไม่สั่งแม่มั่งเลย มาทอดกายวายวางอยู่กลางหาด ไม่มีอาสน์อุ่นอ่อนที่นอนเขนย ระคายคันขวัญใจเจ้าไม่เคย พ่อคุณเอ๋ยอนิจจาน่าปรานี นางสอดกรช้อนเกศขึ้นประทับ ดังจะดับดวงชีวามารศรี แสนวิโยคโศกศัลย์พันทวี วิสัญญีภาพนิ่งไม่ติงกาย ยะเยือกเย็นเส้นหญ้ารุกขาเขา สงัดเหงาเงียบเสียงสำเนียงหาย จันทร์กระจ่างพ่างพื้นโพยมพราย เรไรรายหริ่งร้องทั้งลองไน แจ้วแจ้วจักจั่นสนั่นเสนาะ ดังบัณเฑาะว์ดนตรีปี่ไฉน น้ำค้างพรมลมพาสุมาลัย เย็นระรื่นชื่นใจพระเทพิน นางฟื้นองค์ทรงกายกระหายหิว ให้หวิวหวิวหวาดไหวฤทัยถวิล ภาณุมาศผาดเยี่ยมเหลี่ยมเมฆิน นางปลุกสินสมุทรไม่ไหวกายา ดูลูกรักพักตร์เผือดเลือดสลด แสนรันทดแทบชีวังจะสังขาร์ ด้วยความรักลูกเลี้ยงเพียงชีวา เฝ้าโศกากอดไว้ไม่ไกลกัน ประหลาดเหลือเนื้อพ่อยังอุ่นอ่อน หรืออดนอนนิทราไม่อาสัญ นางยอกรวอนไหว้ไทเทวัญ ทุกช่องชั้นฉกามาวจร ที่ขึ้นล่องท้องทะเลทุกเทเวศร์ รุกขาเขตเขาเขินเนินสิงขร แม้นพระหน่อบดินทร์นรินทร จะม้วยมรณ์มรณานิคาลัย ชีวิตข้าอย่าให้รอดจงมอดม้วย ขอตายด้วยลูกรักที่ตักษัย แม้นบุญหลังยังจะรอดตลอดไป ขอจงให้ลูกน้อยข้าค่อยคลาย พอขาดคำรำพันพิษฐาน พระกุมารฟื้นสมอารมณ์หมาย นางนวดเคล้นเส้นศอหน่อนารายณ์ ร้องเรียกสายสวาทพลางไม่วางใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร หิวหาวนอนเหนื่อยซบสลบไสล ต้องน้ำค้างกลางคืนชื่นฤทัย จึงกลับได้สมประดีค่อยมีแรง ลืมพระเนตรเห็นองค์นางนงลักษณ์ เฝ้าฟูมฟักนวดฟั้นแล้วกันแสง เหมือนแม่ลูกผูกจิตไม่คิดแคลง อุตส่าห์แข็งขืนอารมณ์บังคมคัล จึงทูลว่าข้าน้อยนี้ม่อยหลับ เปรียบเหมือนกับกายาจะอาสัญ พระมารดามาด้วยได้ช่วยกัน หาไม่วันนี้เห็นไม่เป็นตัว ฯ ๏ นางฟังตอบปลอบประโลมพระลูกน้อย แม่ได้พลอยพึ่งบุญพ่อทูนหัว สารพัดศัตรูไม่สู้กลัว ได้รอดตัวมาถึงเกาะเพราะโอรส เจ้าม้วยมอดวอดวายจะตายด้วย เป็นเพื่อนม้วยมรณาให้ปรากฏ พ่อกลับคืนฟื้นพ้นชีวงคต ค่อยเปลื้องปลดทุกข์ทนของชนนี ฯ ๏ พระหน่อไทได้สดับอภิวาท ยิ่งรักราชธิดามารศรี จึงเชิญนางย่างเยื้องขึ้นคิรี ให้อยู่ที่เงื้อมผาศิลาลาย แล้วเที่ยวไปในเกาะเสาะลูกไม้ เก็บได้ใส่ห่อผ้ามาถวาย นางเสวยส้มสูกกับลูกชาย ค่อยเหือดหายหิวโหยที่โรยรา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรใจฉกาจ เป็นเชื้อชาติอังกฤษริษยา คุมสลัดอัศตันวิลันดา เป็นโจราห้าหมื่นพื้นทมิฬ มีกำปั่นนั้นยาวยี่สิบเส้น กระทำเป็นตึกกว้านสถานถิ่น หมากมะพร้าวส้มสูกปลูกไว้กิน ไม่รู้สิ้นเอมโอชโภชนา เลี้ยงทั้งแพะแกะไก่สุกรห่าน คชสารม้ามิ่งมหิงสา มีกำปั่นห้าร้อยลอยล้อมมา เครื่องศัสตราสำหรับรบครบทุกลำ คอยตีเรือเหนือใต้ได้สิ่งของ เที่ยวแล่นล่องตามคลื่นทุกคืนค่ำ มาถึงกลางหว่างบรรพตพออดน้ำ จึงทอดกำปั่นใหญ่ในนที ให้เรือน้อยลอยแล่นเข้าเหลี่ยมเขา แต่ล้วนเหล่าวิลันดากะลาสี ประทับจอดทอดท่าหน้าคิรี พวกโยธีหาบหามตามกันมา ขึ้นตักน้ำลำธารละหานหิน พอเห็นสินสมุทรอยู่ที่ภูผา กับหญิงสาวขาวผ่องต้องติดตา พวกโยธาซักถามตามทำนอง กุมารานารีนี้ไฉน เป็นอย่างไรจึงมานั่งอยู่ทั้งสอง เป็นภรรยาสามีหรือพี่น้อง พลางมุ่งมองดูนางไม่วางตา ฯ ๏ สินสมุทรพูดจาภาษาแขก นัยน์ตาแตกใครอย่าแลดูแม่ข้า เราเสียเรือเชื้อกษัตริย์พลัดพารา นี่ท่านมาแต่ข้างไหนได้เอ็นดู โดยสารด้วยช่วยส่งให้ถึงฝั่ง จะไปยังรัตนาพาราปู่ จะรับได้หรือมิได้จะใคร่รู้ เฝ้าแลดูมารดาเราว่าไร ฯ ๏ ทหารโจรแจ้งความขามขยาด เห็นเกินวาสนาตนพ้นวิสัย แต่เสียดายหมายว่าจะพาไป ให้นายใหญ่ของเราเอารางวัล จึงพูดปลอบตอบว่าอย่าปรารภ จะให้พบกันกับนายมาผายผัน แล้วแห่ห้อมล้อมลงสลุบพลัน ไปกำปั่นลำใหญ่ในคงคา ครั้นถึงเทียบเรียบเรียงเข้าเคียงท้าย แล้วบอกนายว่ามีนางต่างภาษา จะโดยสารวานส่งจึงลงมา จะโปรดปรานีนางเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายสุหรั่งอังกฤษพิศเพ่ง เห็นปลั่งเปล่งปลื้มจิตพิสมัย ด้วยลูกเมียยังไม่มีก็ดีใจ หมายจะได้เล้าโลมนางโฉมยง จึงเสแสร้งแกล้งว่าได้มาพึ่ง จะให้ถึงฟากฝั่งดังประสงค์ แล้วจัดแจงแต่ห้องให้สององค์ เชิญโฉมยงไปอยู่กับกุมาร แล้วรีบร้อนถอนสมอไม่รอรั้ง พร้อมสะพรั่งเรือเรียงเคียงขนาน พอลมคล่องล่องแล่นแสนสำราญ เที่ยวรังควานขวางทางมากลางทะเล ฯ ๏ ฝ่ายสุหรั่งนั่งที่เก้าอี้ใหญ่ กับพวกไพร่กล่าวชวนกันสรวลเส ให้เหิมฮึกนึกนิยมสมคะเน ด้วยได้เทวีไว้ที่ในเรือ ต้องตำราว่าดีไม่มีร้าย เป็นแม่ม่ายลูกติดสนิทเหลือ จะฝังปลูกผูกมิตรให้ชิดเชื้อ อยู่ในเนื้อมือแล้วไม่แคล้วเรา แต่ลูกนางขวางกีดอยู่นิดหนึ่ง คิดรำพึงอ้อมค้อมจะมอมเหล้า ให้หลับใหลลืมตัวด้วยมัวเมา แม้นซึมเซาแล้วจะเกี้ยวประเดี๋ยวใจ คิดพลางทางสั่งปังกะโละ ให้ยกโต๊ะเหล้าเข้มมาเต็มไห ทั้งของกินสิ้นทุกอย่างมาวางไว้ แล้วเรียกให้กุมาราออกมากิน พอกุมารขานขาลาแม่เลี้ยง มานั่งเคียงโจรสุหรั่งดังถวิล นายโจรจับจอกสุราออกมาริน สอนให้กินแก้ทุกข์สนุกใจ ฯ ๏ สินสมุทรสุดซื่อถือว่าน้ำ เขาส่งซ้ำรับซดจนหมดไห เมาสุราตาแดงดังแสงไฟ ฉวยเป็ดไก่เคี้ยวขยอกจนออกเรอ ฝ่ายฝรั่งนั่งล้อพระหน่อน้อย สอพลอพลอยพูดพร่ำพะย่ำเผยอ เสียงฮาเฮเสสรวลชวนเป็นเกลอ กุมารเออเองกับกูมาสู้กัน แล้วลุกขึ้นมึนหน้าถลาล้ม ไม่เป็นสมประดีเฟือนเหมือนกับฝัน โจรสุหรั่งสั่งให้ไพร่ทั้งนั้น เข้าช่วยกันยกไปวางกลางที่นอน พระหน่อไทไม่เคยเสวยเหล้า กำลังเมาม่อยหลับลงกับหมอน พอสมหมายนายโจรพเนจร ให้อาวรณ์หวังประโลมนางโฉมยง จึงแต่งกายชายชำเลืองค่อยเยื้องย่อง เข้าในห้องทรามสงวนนวลหง กระแทกก้นลงบนเตียงเคียงอนงค์ นางลุกลงเสียข้างล่างให้ห่างกาย ตะโกนเรียกสินสมุทรจนสุดเสียง เงียบสำเนียงนึกพรั่นพระขวัญหาย ส่วนสุหรั่งนั่งยิ้มอยู่พริ้มพราย พูดภิปรายประสาโจรโลนลำพอง นี่แน่เจ้าเข้ามานี่อย่าหนีเร้น หรือไม่เห็นหน้าผัวให้มัวหมอง นิจจาเอ๋ยเคยอยู่เป็นคู่ครอง จะมาต้องเป็นม่ายตะกายดิน เอ็นดูเจ้าเราจึงมาว่าจะเลี้ยง เป็นคู่เคียงครองชมสมถวิล ทั้งแม่ลูกปลูกฝังให้นั่งกิน อย่าดีดดิ้นดึงดื้อทำอื้ออึง ไม่อวดอ้างอย่างพี่นี้จะเจ้า กับผัวเก่าเห็นเปรียบไม่เทียบถึง อย่านิ่งนึกบึกบึนทำมึนตึง ถึงจะอึงอื้อไปก็ไม่พ้น จงผันผ่อนอ่อนน้อมยอมด้วยพี่ เสียดีดีจะได้ยืดเป็นพืชผล เคาะพนักพยักหน้ามาข้างบน ช่วยถอนขนรักแร้พี่ทีเถิดนาง ฯ ๏ ยุพยงทรงฟังอ้ายอังกฤษ ดังพ่นพิษพูดสำรากทั้งถากถาง มิตอบตามความอายเห็นหลายทาง นึกแล้วนางแสร้งเสด้วยเล่ห์ลวง ซึ่งเมตตาว่าจะเลี้ยงไว้เคียงคู่ พระคุณอยู่ข้าพเจ้าเท่าเขาหลวง แต่อย่าให้ได้อายชายทั้งปวง ค่อยหนักหน่วงอย่าเพ่อด่วนทำลวนลาม ทั้งเดินทางกลางชลาเป็นพาณิช สมสนิทเสน่หาตำราห้าม ถ้าถึงฝั่งยั้งหยุดสุดแต่งาม จะผ่อนตามสารพัดไม่ตัดรอน ทั้งลูกน้อยกลอยใจจะได้พึ่ง ไม่ดื้อดึงดอกจะฟังท่านสั่งสอน ใช่จะดิ้นสิ้นชีพอย่ารีบร้อน นางผันผ่อนเพทุบายให้ตายใจ ฯ ๏ โจรสุหรั่งฟังนางว่าช่างพูด บิดตะกูดเกเรทำเผลไพล่ จะพาเจ้าเข้าฝั่งก็ยังไกล อดอยู่ไม่ได้ดอกบอกจริงจริง แต่เมียตายหลายปีเข้านี่แล้ว ยังไม่แผ้วพบรสอดผู้หญิง อย่าปดโป้โว้เว้ประเว่ประวิง ถึงตลิ่งแล้วจะไปเสียไกลมือ มิโอนอ่อนผ่อนผันทำปั้นปึ่ง จะให้ถึงปล้ำปลุกสนุกหรือ จงผินผันหันหน้ามาหารือ เจ้าจะถือตามตำราว่ากระไร เป็นผัวเมียเสียเรือไม่เชื่อน้อง พี่ได้ลองแล้วก็เห็นไม่เป็นไฉน อย่าหนักหน่วงหวงห้ามความในใจ แล้วกราบไหว้วอนว่าได้ปรานี ฯ ๏ สงสารนางอย่างจะดิ้นสิ้นชีวิต กลัวอังกฤษมันจะปล้ำทำบัดสี ต้องเอาใจอ้ายขโมยแต่โดยดี แม้นหม่อมพี่ขืนใจไม่เมตตา มิขออยู่สู้ตายด้วยอายเขา ทั้งลูกเต้าก็ยังไม่ได้ปรึกษา ท่านกลับไปให้สินสมุทรมา จะพูดจาอ่อนน้อมให้พร้อมใจ จงหยุดยั้งรั้งรอแต่พอพลบ ข้าไม่หลบหลีกลี้หนีไปไหน อย่าอยู่เกี้ยวเคี่ยวขับจงกลับไป อโณทัยลงลับจึงกลับมา ฯ ๏ ฝ่ายสุหรั่งยังไม่เคยได้เชยชู้ จึงเสียรู้เพราะรักนั้นนักหนา จะด่วนได้ให้ขัดอัธยา ก็กลัวว่าโฉมฉายจะวายวาง จึงตอบคำทำเป็นว่าถ้าเช่นนั้น จะผ่อนผันตามผัดไม่ขัดขวาง ขอเล่นนอกหยอกเอินพอเพลินพลาง อย่าให้ค้างมรสุมเลยพุ่มพวง น้อยหรือน้องสองแก้มดูแย้มยิ้ม พี่ขอชิมโฉมงามอย่าห้ามหวง ให้เห็นแท้แน่ใจว่าไม่ลวง ช่วยเสียขวงเสียสักหน่อยเถิดกลอยใจ ฯ ๏ นางฟังคำทำว่าน่าบัดสี อะไรนี่น่าชังยังสงสัย ยิ่งโอนอ่อนผ่อนตามยิ่งลามไป เดี๋ยวก็ได้เดือดดอกบอกให้รู้ ถ้ารักจริงสิ่งไรที่ได้ห้าม อย่าลวนลามเลี้ยวลดให้อดสู ไม่สิ้นวันฉันไหว้ได้เอ็นดู จะขืนอยู่ไยเล่าให้เขาแคลง ฯ ๏ โจรสุหรั่งอังกฤษติดจะโง่ เห็นนางโกรธาเถียงจนเสียงแข็ง ฉวยเฉินฉุกจุกจิกจะพลิกแพลง ทำยิ้มแห้งห้ามว่าเจ้าอย่าอึง เพลานี้พี่จะอดสะกดจิต พอมืดมิดก็จะมาหาให้ถึง แล้วผันผายกายก่ำดังตำลึง ให้รุมรึงร้อนรนสกนธ์กาย จึงแก้ไขให้สินสมุทรฟื้น กุมารตื่นตาสว่างค่อยสร่างหาย จึงว่าเหล้าเมาเหลือเบื่อจะตาย จริงนะนายแต่นี้ไปฉันไม่กิน แล้วลุกมาหาองค์นางนงลักษณ์ เห็นซบพักตร์โศกศัลย์ไม่ผันผิน นึกสงสัยไต่ถามพระเทพิน นางเห็นสินสมุทรมาจึงจาบัลย์ สะอื้นพลางทางว่านิจจาเอ๋ย พ่อละเลยมารดาให้อาสัญ แม่มีกรรมจำตายวายชีวัน นางก้มกันแสงกำสรดสลดใจ ฯ ๏ สินสมุทรบุตรเลี้ยงเข้าเคียงอาสน์ อภิวาทวอนถามตามสงสัย อยู่ดีดีชีวันจะบรรลัย เป็นไฉนเช่นนั้นฉันยังแคลง ฯ ๏ ยุพยงสงสารกุมารน้อย กระซิบค่อยเบาเบาเล่าแถลง อ้ายอังกฤษคิดหมายทำร้ายแรง มันจึงแกล้งให้พ่อไปเสียไกลตา มาเกี้ยวพานรานรุกทำอุกอาจ มันเกรี้ยวกราดหยาบคายร้ายหนักหนา แม่เรียกเจ้าเท่าไรก็ไม่มา ดังมารดานี้จะดิ้นสิ้นชีวัน ต้องหนักหน่วงลวงล่อว่าพอค่ำ มันเชื่อคำนัดหมายจึงผายผัน เป็นการด่วนจวนจนไม่พ้นมัน จะอาสัญเสียมิให้มันใกล้กราย พ่ออยู่หลังฟังแม่ช่วยแก้แค้น ทำทดแทนให้เหมือนจิตที่คิดหมาย เอาเพลิงเผาสำเภาใหญ่ให้ทลาย แล้วจึงสายสวาทไปในคงคา ถ้าพบปะพระบิตุเรศเจ้า เผื่อผ่านเกล้าคิดความจะตามหา ทูลแถลงแจ้งการณ์ว่ามารดา บังคมลาสู่สวรรคครรไล อันชาตินี้มิได้อยู่เป็นคู่ชื่น ต่อชาติอื่นจึงค่อยชิดพิสมัย นางครวญคร่ำกำสรดระทดใจ พลางลูบไล้ลูกเลี้ยงเคียงประคอง ฯ ๏ สินสมุทรสุดแสนแค้นสุหรั่ง ขึ้นเสียงดังเดือดด่าว่าจองหอง ตัวเป็นกามาประสงค์ซึ่งหงส์ทอง จะไปถองเสียให้สมอารมณ์มัน นางยุดหัตถ์ตรัสห้ามด้วยความรัก ยังเด็กนักหนาพ่อคุณอย่าหุนหัน ล้วนพวกพ้องของสุหรั่งอยู่ทั้งนั้น จะสู้มันที่ไหนได้อย่าไปเลย เช่นนี้ต้องตรองตรึกให้ลึกซึ้ง อย่าดื้อดึงดูถูกนะลูกเอ๋ย จะสู้รบผู้ใหญ่พ่อไม่เคย อย่าอยู่เลยหลีกไปเสียให้พ้น ฯ ๏ กุมาราว่าการจะราญรบ ลูกรู้จบการศึกได้ฝึกฝน พระโยคีวิเศษให้เวทมนตร์ ทั้งคงทนแทงฟันไม่บรรลัย แม่ผีเสื้อเมื่ออยู่ในคูหา ให้มนต์ข้าที่มนุษย์ยุดไม่ไหว สิ้นทั้งลำกำปั่นไม่พรั่นใคร ลูกจะไปถองทุบให้ยุบยับ แล้ววิ่งผลุนหมุนออกมานอกห้อง นางรื้อร้องเรียกไว้ก็ไม่กลับ ถึงสุหรั่งตั้งกระทู้ขู่สำทับ มึงพูดกับมารดากูว่าไร จะปลุกปล้ำทำดูดังชู้ผัว หมายว่ากลัวเกรงฝีมือหรือไฉน อย่าปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งมาชิงชัย จะฆ่าให้ตายสิ้นเหมือนริ้นยุง แล้วกำหมัดกัดฟันกระชั้นชิด ถีบอังกฤษตกเตียงเสียงดังผลุง สุหรั่งร้องเรียกไพร่ให้พยุง เป็นหมู่มุงมาพร้อมล้อมกุมาร บ้างฉวยได้ไม้พลองกระบองสั้น เข้ารุมรันรอบกายหมายประหาร สินสมุทรผุดโลดโดดทะยาน ฉวยได้ขวานขว้างแขกแตกกระจาย เห็นนายโจรโผนจับสัประยุทธ์ ทะยานยุดเหยียบอกผงกหงาย กระชากฉีกซีกโครงครากทลาย เอาศพนายตีไพร่ไล่กระพือ แขกฝรั่งอังกฤษไม่คิดรบ ถลาหลบล้มกลิ้งบ้างวิ่งตื๋อ บ้างหมอบราบกราบก้มประนมมือ เสียงอึงอื้ออ่อนน้อมไม่ยอมตาย ฯ ๏ สินสมุทรหยุดยั้งตั้งสง่า ตวาดว่าเหวยทมิฬสิ้นทั้งหลาย ใครไม่สู้กูไม่ล้างให้วางวาย แค้นแต่นายเองดอกบอกให้รู้ ประมาทเล่นเห็นว่าเป็นทารก จึงฉีกอกออกให้หายอายอดสู แม้นมึงยอมพร้อมใจไปกับกู จะเลี้ยงดูโดยดีไม่ตีรัน ฯ ๏ ฝ่ายผู้ร้ายนายกองรองสุหรั่ง เป็นชาติอังกุหร่าปัญญาขยัน สารภาพกราบก้มบังคมคัล ขอชีวันไว้เป็นข้าฝ่าธุลี เสด็จไปข้างไหนจะไปด้วย จนมอดม้วยมิได้อางขนางหนี อันพวกไพร่ไว้ข้าจะพาที ให้ภักดีด้วยพระองค์ทรงศักดา แล้วตีฆ้องร้องป่าวเหล่าทหาร มาหมอบกรานเรียงรายทั้งซ้ายขวา หน่อนรินทร์สินสมุทรก็พูดจา ภิปรายปราศรัยทั่วทุกตัวคน แล้วว่าเราเยาว์อยู่ไม่รู้ถ้อย จะได้พลอยไต่ถามตามฉงน ใครรู้แห่งแขวงแควกระแสชล พวกต้นหนล้าต้าบรรดานาย จะพาไปให้เฝ้าพระเจ้าแม่ ก็ตามแต่จะโปรดปรานท่านทั้งหลาย แล้วนำหน้าพาพวกเป็นตัวนาย มายังท้ายห้องสถิตพระธิดา ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีไม่มีชื่น ซบสะอื้นอ่อนแรงกันแสงหา มองเขม้นเห็นสินสมุทรมา กับอังกุหร่าแขกสลัดอัศตัน นางดีใจวิ่งไปรับโอรสราช ขึ้นนั่งอาสน์แอบประทับแล้วรับขวัญ ฝ่ายล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น บังคมคัลคอยสดับรับบัญชา ฯ ๏ สินสมุทรสุดสวาทฉลาดแถลง ลูกลองแรงรบสุหรั่งสิ้นสังขาร์ คนทั้งหลายนายกองรองลงมา ขอเป็นข้าไปไหนจะไปตาม ลูกจึงพามาเฝ้าให้เล่าเรื่อง รู้จักเมืองเราหรือไม่จะไต่ถาม พวกเสียเรือเผื่อรอดได้รู้ความ จะติดตามต่อไปข้างไหนดี ฯ ๏ ยุพยงทรงฟังพระหน่อนาถ แสนสวาทดังชีวามารศรี ประโลมลูบลูกยาแล้วพาที ชนนีนึกอยู่ไม่รู้วาย จะเที่ยวรอบขอบมหามหรณพ กว่าจะพบภูวนาถเหมือนมาดหมาย แม้นคลาดแคล้วแล้วไม่อยู่จะสู้ตาย พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย แล้วไต่ถามพวกพ้องของสุหรั่ง เดิมท่านทั้งปวงนี้อยู่ที่ไหน มาลดเลี้ยวเที่ยวตระเวนระวังภัย หรืออยู่ในคงคาทั้งตาปี เหล่าล้าต้าต้นหนคนสันทัด เคยแล่นลัดแหลมคุ้งทุกกรุงศรี เมืองผลึกรัตนาสองธานี ในแผนที่มีบ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ อังกุหร่าฝรั่งได้ฟังถาม จึงทูลความจริงแจ้งแถลงไข อันสุหรั่งอังกฤษที่บรรลัย เป็นโจรใหญ่ในนทีเที่ยวตีเรือ ข้าชาวเมืองสำปะหลังฝรั่งเศส เอาโหมดเทศขึ้นไปขายข้างฝ่ายเหนือ เขาจับได้ไว้ชีวิตใช้ชิดเชื้อ เที่ยวตีเรือกับสุหรั่งตั้งเป็นนาย แล้วสั่งให้ต้นหนไปค้นหา เอาผืนผ้าแผนที่มาคลี่ถวาย ถิ่นประเทศเขตแขกฝรั่งราย มีจุดหมายปากน้ำเป็นสำคัญ เมืองโสฬสแหลมชวาพาราสุหรัด โรมพัฒน์กว้างใหญ่ไอศวรรย์ ปังกะหล่ามลายูอยู่ด้วยกัน ถนนคั่นข้ามฝั่งไปลังกา อันขอบคุ้งกรุงผลึกจารึกไว้ ตะวันตกวกออกไปไกลนักหนา เอาแผนที่ชี้แจงแจ้งกิจจา พระธิดานั่งดูกับกุมาร จนจำได้ใต้เหนือสำเหนียกแน่ ทุกแขวงแควถิ่นประเทศเขตสถาน จึงแต่งตั้งอังกุหร่าปรีชาชาญ ให้สิทธิ์ขาดราชการงานโยธา มีนายกองรองกันเป็นหลั่นลด ตามกำหนดหน้าท้ายทั้งซ้ายขวา อันเงินทองของสุหรั่งเรียกเอามา แจกบรรดาบ่าวไพร่ได้ทุกคน แล้วว่าเราเรือแตกต้องแยกย้าย ยังพลัดพรายตายเป็นไม่เห็นหน จะแล่นเลี้ยวเที่ยวหาในสาชล เผื่อผู้คนที่ในเรือจะเหลือตาย ให้เภตราห้าร้อยออกลอยล่อง ไปตามท้องทะเลวนชลสาย แล้วบอกกันเสียให้ทั่วทุกตัวนาย อย่าทำร้ายเรือจรเหมือนก่อนมา ฯ ๏ อังกุหร่ารับรสพจนารถ สั่งประกาศกฎหมายทั้งซ้ายขวา แล้วยิงปืนครืนครั่นเป็นสัญญา เรียกเภตราห้าร้อยมาลอยเรียง ให้นายท้ายบ่ายหน้านาวาข้าม อ้อมออกตามแหลมแล่นเลี้ยวเฉลียง กำปั่นน้อยลอยล้อมมาพร้อมเพรียง บ้างแล่นเลี่ยงลดเลี้ยวให้เกี่ยวกัน ครั้นพลบค่ำโคมรายทุกปลายเสา ทหารเป่าแตรสัญญาดังฟ้าลั่น ยิงปืนตึงปึงปังประดังกัน เป็นสำคัญทุ่มยามตามสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ กับกษัตริย์ทรงยศโอรสา เข้าอยู่ห้องของสุหรั่งทั้งสองรา ค่อยเป็นผาสุกสบายคลายอารมณ์ สินสมุทรบุตรเลี้ยงอยู่เคียงข้าง ไม่แหห่างต่างชิดสนิทสนม ครั้นพลบค่ำขึ้นบนเตียงเคียงประทม นางจูบเกล้าเผ้าผมแล้วชมเชย มิเสียทีมีฤทธิ์แต่น้อยน้อย แม่ได้พลอยพึ่งบุญพ่อคุณเอ๋ย ทุกวันคืนชื่นใจกระไรเลย บุญแม่เคยทำไว้จึงได้พบ พ่อม้วยมอดวอดวายจะตายด้วย แม้นแม่ม้วยหมายฝากซึ่งซากศพ แล้วปรับทุกข์ลูกยาด้วยปรารภ ทำไฉนจะได้พบภูวไนย อันองค์พระอัยกาบิดาเจ้า เมื่อสำเภาแตกเห็นเป็นไฉน ยังพากเพียรเวียนว่ายหรือหายไป แม่นี้ไม่ได้อารมณ์สมประดี ฯ ๏ กุมาราว่าเมื่อเรือจะแตก เสียงร้องแรกอยู่แต่เหล่านางสาวศรี สองกษัตริย์พลัดไปในนที เมื่อราตรีมิได้เห็นว่าเป็นตาย พระมารดาอาลัยถึงใครมาก ลูกนึกอยากรู้ในพระทัยหมาย แล้วแอบอ้อนวอนถามตามสบาย นางแย้มเยื้อนเอื้อนอายอดสูใจ จึงแกล้งบอกหยอกเย้าว่าเจ้าแม่ แม่รักแต่เจ้าดอกจะบอกให้ พระโยคีที่ชื่อพระอภัย ไม่มีใครเขารักอย่าซักเลย ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรพูดฉอเลาะ นี่เนื้อเคราะห์พระบิดานิจจาเอ๋ย ส่วนลูกเต้าเอาเป็นสิทธิ์เฝ้าชิดเชย แล้วเฉยเมยมิได้คิดถึงบิดา แล้วแกล้งทำสำออยตะบอยบ่น เห็นยากจนจึงไม่มาดปรารถนา แม้นมั่งมีเช่นเขาชาวลังกา พระมารดาก็จะไม่ได้ตัดรอน ฯ ๏ นางกอดจูบลูบหลังพระลูกน้อย ช่างตะบอยร่ำบ่นดังคนสอน อย่าถือโทษโกรธขึ้งตะบึงตะบอน แม่ว่าหยอกดอกมานอนเถิดพ่อมา แต่นี้ไปไม่ขัดอย่าตัดพ้อ หลวงพ่อพ่อแม่จะรักให้หนักหนา ชวนสำรวลสรวลสันต์จำนรรจา ตามประสาไม่สบายพอคลายใจ ครั้นลูกหลับกลับลุกทุกข์สะอื้น จนดึกดื่นเดือนลับไม่หลับใหล เผยหน้าต่างวังเวงวิเวกใจ ละห้อยไห้หวนคิดถึงบิดา ทูลกระหม่อมจอมโลกของลูกเอ๋ย พระองค์เคยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา บริบูรณ์พูนสุขทุกเวลา คราวนี้มาพลัดพรากได้ยากเย็น ลูกแลรอบขอบสมุทรจนสุดเนตร ทั่วประเทศทางเปลี่ยวไม่เหลียวเห็น หรือมอดม้วยด้วยคลื่นไม่คืนเป็น จึงเขม่นมิได้ขาดประหลาดลาง โอ้สงสารผ่านเกล้าเจ้าประคุณ เมื่อมีบุญสารพัดไม่ขัดขวาง จากสมบัติพลัดพรายมาวายวาง เสียในกลางเกลียวคลื่นไม่คืนเมือง น่าสงสารป่านฉะนี้พระแม่เจ้า จะโศกเศร้าทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง ทั้งไพร่ฟ้าสารพัดจะขัดเคือง ใครจะเปลื้องปลดร้อนให้ผ่อนเย็น ชาวประเทศเขตแคว้นแผ่นพิภพ จะเซาซบสิ้นสุขด้วยยุคเข็ญ นางนึกน้ำตาตกซกกระเซ็น ปิ้มจะเป็นบ้าหลังนั่งรำลึก จนเดือนชายบ่ายแสงเข้าแฝงเมฆ ให้วิเวกหวั่นวิญญาณ์เวลาดึก เอนองค์ลงกับอาสน์อนาถนึก หวนรำลึกถึงพ่อพระหน่อน้อย นิจจาเอ๋ยเคยคิดพิศวาส จะนิราศแรมโรยโหยละห้อย พระพลัดพรากจากน้องเที่ยวล่องลอย จะโศกสร้อยเศร้าใจอาลัยลาน ยิ่งคิดไปใจหายไม่วายโศก ยามวิโยคยากแค้นแสนสงสาร สะอื้นอ้อนร้อนฤทัยดังไฟกาฬ กอดกุมารม่อยหลับระงับไป ฯ ๏ ครั้นรุ่งรางนางตื่นค่อยฝืนทุกข์ แล้วปลอบปลุกลูกยาอัชฌาสัย ให้แต่งองค์สรงเสวยสบายใจ แล้วออกไปนั่งที่เก้าอี้ทอง แขกฝรั่งอังกุหร่าก็มาเฝ้า ทั้งเย็นเช้าคอยฟังรับสั่งสนอง เหล่าเภตราห้าร้อยลอยประลอง เที่ยวแล่นล่องเลียบมาในสาคร ฯ ๏ กล่าวถึงศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ บรมบาทบพิตรอดิศร กับโฉมแก้วเกษราพะงางอน ครองนครรมจักรนัครา สาวสุรางค์นางสนมประนมน้อม ดังดาวล้อมจันทร์กระจ่างกลางเวหา จนโฉมยงองค์อัครชายา มีธิดาอายุได้แปดปี ดูคมขำสำอางเหมือนอย่างหุ่น ชื่อโฉมยงองค์อรุณรัศมี ดังดวงจิตบิตุเรศชนนี พระอัยกีอัยกาเอามาไว้ จัดพี่เลี้ยงนางนมให้สมศักดิ์ บำรุงรักพระนัดดาอัชฌาสัย เลือกลูกสาวท้าวพระยาเสนาใน ที่ยังไว้จุกมาให้ห้าร้อย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี กับนารีร่วมใจที่ใช้สอย เล่นสนุกตุ๊กตาตัวน้อยน้อย ล้วนใส่สร้อยเสมาน่าเอ็นดู เอาเศษผ้ามาทำผ้านุ่งห่ม ปักปิ่นถมทองหุ้มใส่ตุ้มหู มีฉากชั้นกั้นห้องช่องประตู เป็นที่อยู่ตุ๊กตาน่าสำราญ ถึงเวลาพาลูกเที่ยวอุ้มเล่น มิได้เว้นเป็นสุขสนุกสนาน ทำโกนจุกลงท่าหางานการ แสนสำราญตามประสากุมารี ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ ผ่านสมบัติเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี เมื่อหลานรักจักมาถึงธานี ในราตรีเทพเจ้าเข้าดลใจ ศรีสุวรรณบรรทมในที่แท่น ให้โศกแสนเศร้าหมองไม่ผ่องใส คิดถึงพี่ที่พรากจากกันไป แต่นับได้เก้าปีมิได้พบ ไม่ได้ข่าวราวความจะตามหา ก็ไกลตาตายเป็นไม่เห็นศพ ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งปรารภ กำสรดซบพักตราโศกาลัย ซ้ำคิดถึงบิตุราชมาตุรงค์ สองพระองค์จะเคืองเข็ญเป็นไฉน โอ้กรรมเอ๋ยเคยสร้างไว้ปางใด จึงจำให้ยากเย็นไม่เว้นวาย จากชนกชนนีแล้วมิสา พระเชษฐาน้องน้อยก็พลอยหาย ยิ่งคิดไปใจเจียนจะขาดตาย พระฟูมฟายชลเนตรเวทนา พอหลับลงทรงสุบินนิมิตฝัน พระองค์สั่นริกริกพลิกผวา ตื่นสะดุ้งรุ่งแสงพระสุริยา ก็รู้ว่าเกิดนิมิตพิสดาร จึงอ่าองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส ออกแท่นรัตน์รจนามุกดาหาร พอผันแปรแลเห็นโหราจารย์ เอื้อนโองการเรียกเข้ามาเล่าความ เราฝันเห็นว่าไฟนั้นไหม้ป่า ติดหลังคาบ้านช่องท้องสนาม เราออกไปไฟดับแล้วกลับลาม มาติดตามเนื้อตัวออกทั่วไป แล้วว่าองค์ทรงเดชพระเชษฐา เสด็จมาช่วยระงับดับเสียได้ แล้วประทานดวงแก้วอันแววไว เรารับไว้ชมชื่นพอตื่นนอน ฯ ๏ โหรรับสั่งบังคมบรมนาถ ลงเลขคาดคิดดูตามครูสอน ตั้งคืนวันชันษาพยากรณ์ แล้วตัดทอนทูลความตามคัมภีร์ ซึ่งพระองค์ทรงสุบินว่าเพลิงไหม้ จะเกิดภัยรบพุ่งถึงกรุงศรี พระเชษฐามาระงับดับอัคคี ให้มณีแสงสว่างกระจ่างตา จะสิ้นเคราะห์เพราะองค์พระทรงเดช ทั้งจะแจ้งแห่งเหตุพระเชษฐา ข้างต้นร้ายปลายดีมีศักดา เรืองเดชาไชยะชนะมาร ฯ ๏ พระฟังคำทำนายไม่วายคิด ปัจจามิตรเห็นจะมาเหมือนว่าขาน ได้ยินข่าวท้าวอุเทนว่าเกณฑ์การ จะคิดอ่านลงมาตีบุรีเรา จึงปรึกษาสามพราหมณ์ตามวิตก จะให้ยกกองทัพไปรับเขา คอยกำจัดศัตรูอย่าดูเบา บุรีเราราษฎรจะร้อนรน จะให้พี่โมราปรีชาชาญ เป็นผู้ผ่านเมืองจารึกได้ฝึกฝน ทั้งไพร่นายให้ชำนาญการประจญ อยู่ตำบลบูรพทิศคิดสงคราม อันตัวพี่วิเชียรได้เรียนรู้ จงไปอยู่เมืองปราการชาญสนาม เป็นฝ่ายเหนือเผื่อจะเกิดการสงคราม คอยปราบปรามไพรินทมิฬมาร อันพาราสายัณห์ตะวันตก เป็นทางบกปรปักษ์มักหักหาญ พี่สานนกลศึกฝึกชำนาญ ไปอยู่ด่านพาราเมืองสายัณห์ แล้วประทานเครื่องยศกลดกระบี่ พานพระศรีสารพัดล้วนจัดสรร ให้คุมพลคนละหมื่นพื้นฉกรรจ์ เป็นจอมจันตประเทศเขตนคร ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์พร้อมน้อมคำนับอภิวาท ลาพระบาทบพิตรอดิศร มาสั่งเวรเกณฑ์พหลพลนิกร ผูกกุญชรช้างม้าบรรดามี เจ้าวิเชียรชวนจงกลกับพลไพร่ ยกขึ้นไปเมืองปราการด่านกรุงศรี เจ้าโมราพานางประภาวดี ไปบุรีจารึกตั้งระวังการณ์ เจ้าสานนนางอุบลกับพลขันธ์ ไปพาราสายัณห์ดังบรรหาร ทั้งสามแห่งแปลงซ่อมป้อมปราการ ฝึกทหารด่านทางเที่ยววางคน ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นสินสมุทร ไม่ยั้งหยุดแล่นสล้างมากลางหน พร้อมสะพรั่งทั้งเหล่าสำเภาพล ตัดถนนพระรามข้ามแหลมเลี้ยว ไม่ได้ข่าวเจ้ากรุงผลึกราช โอ้อนาถลึกล้ำล้วนน้ำเขียว คลื่นระลอกกลอกกลิ้งเป็นเกลียวเกลียว ทางก็เปลี่ยวใจก็เปล่าเศร้าฤทัย ถึงสามเดือนเคลื่อนคล้อยแต่ลอยแล่น ไปตามแผนที่ทางสว่างไสว สิ้นเสบียงเลี้ยงพลสกลไกร จะกินไม่ถึงเดือนเหมือนประมาณ ฯ ๏ อังกุหร่าทูลฉลองสองกษัตริย์ เห็นจะขัดสนเสบียงเลี้ยงทหาร ไปข้างหน้าสารพันจะกันดาร จะโปรดเกล้าเหล่าทหารประการใด ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์ซักถามตามสงสัย แต่ก่อนเก่าข้าวปลาหาอย่างไร จึงได้ไว้เป็นเสบียงพอเลี้ยงพล ฯ ๏ อังกุหร่าฝรั่งได้ฟังถาม จึงทูลความจริงแจ้งแห่งนุสนธิ์ เมื่อสุหรั่งยังเป็นนายไม่วายชนม์ เคยเข้าปล้นชาวบุรีเที่ยวตีเรือ ได้เงินทองข้าวของทรัพย์สิ่งสิน ของเจ๊กจีนแขกไทยทั้งใต้เหนือ ไม่อับจนขนเอาทั้งข้าวเกลือ จนเหลือเฟือเพราะว่าทำแต่ลำพัง เพียงโฉมยงทรงสั่งให้บังคับ มิได้จับเรือแพเหมือนแต่หลัง คนทั้งหมดอดกินสิ้นกำลัง จะเซซังสูญหายพลัดพรายไป ฯ ๏ ยุพยงทรงฟังอังกุหร่า สุดปัญญาที่จะคิดผิดวิสัย ด้วยใจหญิงนิ่งรำพึงตะลึงตะไล คิดขึ้นได้ด้วยปัญญาจึงหารือ อันเงินทองของสุหรั่งยังนักหนา จะซื้อหาเอาที่ไหนไม่ได้หรือ เที่ยวรุกรานบ้านเมืองจะเลื่องลือ เขาขึ้นชื่อว่าเป็นโจรโพนทะนา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งบังคมประนมสนอง อันพวกพ้องโจรเรือเหมือนเสือกล้า ทุกถิ่นฐานบ้านเขตไม่เมตตา จะซื้อหาเห็นไม่ได้ดังใจจง ฯ ๏ สินสมุทรสุดฉลาดเป็นชาติยักษ์ จะใคร่หักหาญศึกนึกประสงค์ จึงกราบทูลมารดาว่าพระองค์ อย่าได้ทรงพระวิตกสะทกสะท้าน ถ้าเมืองไหนใหญ่กว้างมีฉางข้าว ให้พวกเราขึ้นไปว่าซื้ออาหาร แม้นไม่ให้ไล่ขับให้อัประมาณ จึงรุกรานรบเร้าเอาธานี แล้วตรัสสั่งอังกุหร่าอย่าช้าอยู่ สังเกตดูแหลมคุ้งทุกกรุงศรี นครใดใหญ่กว้างยุ้งฉางมี เข้าทอดที่ปากน้ำเหมือนคำเรา ฯ ๏ อังกุหร่ารับสั่งนั่งพินิจ สังเกตทิศทางจรสิงขรเขา จึงทูลสินสมุทรว่าเภตราเรา ต้องตัดเข้าคุ้งค้อมอ้อมออกมา เป็นแว่นแคว้นแดนเมืองรมจักร กษัตริย์ศักดิ์สูงชาติวาสนา เป็นเมืองใหญ่ไพร่พลคณนา จะแวะหาเห็นไม่ได้ภัยจะมี ฯ ๏ สินสมุทรพูดฮึกนึกสนุก อย่าเป็นทุกข์ถึงเราน้อยไม่ถอยหนี ถ้าขัดขวางทางเราเร่งเข้าตี ชิงบุรีริบเอาทั้งข้าวปลา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งรับรสพจนารถ เที่ยวประกาศไพร่นายทั้งซ้ายขวา แล้วยิงปืนครื้นครั่นเป็นสัญญา บ่ายเภตราตรงเข้าอ่าวบุรี จึงทอดกำปั่นใหญ่ไว้แต่ห่าง ประมาณทางโยชน์หนึ่งถึงกรุงศรี อังกุหร่าฝรั่งสั่งโยธี จะเข้าตีปากน้ำทำอุบาย เกณฑ์เภตราห้าสินรีบไปก่อน เข้านครเหมือนหนึ่งมาจะค้าขาย ตั้งปลัดหัศเกนให้เป็นนาย คิดอุบายแก้ไขให้ได้การ กำปั่นน้อยร้อยลำสำหรับรบ บรรจุครบเครื่องศัสตราโยธาหาญ ตั้งอังกฤษจิตุเวนเจนชำนาญ ดูคิดอ่านกองหนุนเป็นขุนพล เรือสำรองสองร้อยจะคอยซ้ำ ถึงเพลี่ยงพล้ำเปลี่ยนผลัดไม่ขัดสน อังกุหร่ากล้าหาญการประจญ เป็นนายพลกองหลังระวังภัย พอย่ำฆ้องกองหน้าทั้งห้าสิบ ออกแล่นลิบลับทางสว่างไสว ถึงยามสองกองกลางก็กางใบ ค่อยแล่นไปช้าช้าในสาคร ครั้นรุ่งสายฝ่ายฝรั่งอังกุหร่า ออกเภตราสองร้อยลอยสลอน คอยระวังฟังการจะราญรอน เป็นสามตอนตามทางห่างห่างมา ฯ ๏ ฝ่ายเรือเหล่าชาวด่านบ้านปากน้ำ ห้าสิบลำแล่นรายทั้งซ้ายขวา ตระเวนเวียนเปลี่ยนผลัดอยู่อัตรา คอยรักษาปากน้ำทุกค่ำคืน พอยามสองกองตระเวนเห็นกำปั่น ดูเรียงรันรายทางมากลางคลื่น สักเท่าไรไม่แน่แลกลางคืน จึงยิงปืนสัญญาให้ราใบ ฯ ๏ ฝ่ายปลัดหัศเกนเจนสมุทร เห็นเรือหยุดปากอ่าวเสาไสว รู้ว่าเหล่าชาวด่านออกต้านไว้ จะลดใบพูดจาจะช้าที จึงยิงปืนเป็นสำเหนียกเรียกทหาร ให้หักด่านรบพุ่งชาวกรุงศรี พวกโจรพร้อมล้อมยิงทิ้งอัคคี ชาวบุรีเรือจมล่มทลาย ที่เหลืออยู่รู้ว่าเป็นข้าศึก กำดัดดึกดูเรือเห็นเหลือหลาย ค่อยถอยรบหลบเลี่ยงอยู่เรียงราย พวกผู้ร้ายไล่รุกมาทุกที ข้างชาวเมืองเยื้องยิงปืนใหญ่ลั่น ถูกกำปั่นแตกแตนออกแล่นหนี เห็นโจรไล่ใกล้กลับรับนาวี แกว่งอัคคีขว้างทิ้งแล้วยิงปืน ทหารโจรโยนโซ่เอาขอสับ ชาวด่านรับรบพลางมากลางคลื่น คงคาเคลื่อนเลื่อนลั่นเสียงครั่นครื้น ทั้งเสียงปืนรบร่ำกระหน่ำไป ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านบ้านปากอ่าว แต่ครั้งคราวพราหมณ์มาอยู่อาศัย ครั้นศรีสุวรรณนั้นผ่านพระเวียงชัย จึงตั้งให้ตาเฒ่าเป็นเจ้าพระยา ได้สิทธิ์ขาดราชการด่านสมุทร เป็นสุขสุดสมคะเนอยู่เคหา มีเมียสาวราวยี่สิบล้วนโสภา ที่หมดหน้านั้นให้หัดมโหรี คืนวันนั้นบันดาลให้ร่านร้อน หิวหาวนอนนั่งเหงาบนเก้าอี้ ร้องเรียกเหล่าเมียน้อยดอกสร้อยดี ให้ดีดสีขับเพลงวังเวงใจ พอได้ยินเสียงปืนดังครื้นครึก อึกทึกท้องชลาสุธาไหว ในเที่ยงคืนตื่นเรียกกันเพรียกไป ตานายใหญ่ลงมายังฝั่งคงคา ให้ตีกลองร้องเร่งทหารรบ มาสมทบถือพื้นแต่ปืนผา ลงเรือน้อยร้อยยี่สิบรีบออกมา พอเพลาสุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ เห็นพวกพ้องกองตระเวนเจนสมุทร สัประยุทธ์ยิงรับกับกำปั่น ยิงแย้งเป็นปีกกาประดากัน ทุกลำลั่นแล้วโห่เป็นโกลา ถูกเรือแขกแตกปรุทะลุล่ม พวกโจรจมน้ำม้วยด้วยมัจฉา หัศเกนเห็นว่าน้อยก็ถอยมา ชาวพารารบรุกไปทุกที พอกองกลางข้างโจรมาถึงพร้อม เข้ารุกล้อมรบพุ่งชาวกรุงศรี ปืนกำปั่นลั่นลำละสามที เรือบุรียับย่อยทั้งร้อยลำ ที่เหลือนั้นหันกลับไม่รับรบ โจรตลบแล่นไปไล่ถลำ พัลวันกันเข้าอ่าวปากน้ำ พวกโจรซ้ำยิงตายทลายพัง นายด่านไปไล่คนขึ้นบนป้อม สะพรั่งพร้อมโยธาทั้งหน้าหลัง เห็นโจรไล่ใกล้ตลิ่งยิงประดัง เสียงตึงตังตูมสนั่นดังครั่นครื้น พอข้างหลังอังกุหร่าก็มาถึง สั่งให้ขึงตารางเหล็กลำละผืน พอคลุมลำกำปั่นกันลูกปืน ทหารยืนตามช่องคอยมองยิง พอลมแปรเข้าฝั่งอังกุหร่า ให้โยธาเทียบสำเภาเข้าตลิ่ง ข้างชาวด่านให้ทหารเอาหินทิ้ง พวกโจรยิงปืนปีนตีนกำแพง พวกบนป้อมหลอมตะกั่วคั่วทรายสาด จนถึงฟาดฟันกันด้วยขันแข็ง ปืนฝรั่งอังกฤษติดจะแรง ยิงกำแพงด่านพังเสียงดังครืน ชาวด่านแตกแยกย้ายทั้งนายไพร่ พวกโจรไล่ฟันฟาดลงดาษดื่น บ้างเจ็บป่วยปวดกระดูกถูกลูกปืน พากันตื่นแตกพลัดกระจัดกระจาย เสียงชาวบ้านร้านตลาดกรีดกราดร้อง มีข้าวของแขกริบเอาฉิบหาย แต่ตาเฒ่าเจ้าพระยาพาท่านยาย ลงเรือพายพุ้ยมายังธานี ทั้งชายหญิงทิ้งบ้านสถานถิ่น กลัวไพรินรีบมุ่งมากรุงศรี พอมืดมนสนธยาเป็นราตรี พวกโจรตีด่านได้พอใกล้พลบ ขึ้นริบทรัพย์จับคนบนตลิ่ง เห็นผู้หญิงอยากได้ไล่ตลบ แล้วขนเอาข้าวเกลือลงเรือรบ เที่ยวริบครบเครื่องศัสตราบรรดามี ให้ไปส่งลงลำกำปั่นใหญ่ แล้วสั่งให้ทูลฉลองทั้งสองศรี จะโปรดเกล้าเอาเสบียงแต่เพียงนี้ หรือจะตีบ้านเมืองเนื่องขึ้นไป ฯ ๏ พวกนายรองรับสั่งอังกุหร่า รีบออกมาถึงลำกำปั่นใหญ่ จึงทูลความตามจริงเหมือนชิงชัย เขาตีได้ปากน้ำที่สำคัญ บัดนี้ฝ่ายนายฝรั่งอังกุหร่า ยังตรวจตราเตรียมพหลพลขันธ์ รักษาค่ายขึ้นป้อมอยู่พร้อมกัน จะผ่อนผันโปรดปรานประการใด ฯ ๏ หน่อนรินทร์ยินดีเป็นที่ยิ่ง เข้าวอนวิงมารดาอัชฌาสัย แต่เกิดมาข้าไม่เคยเห็นกรุงไกร จะลาไปชมประเทศเขตนคร นางโฉมยงสงสารกุมารน้อย ประคองค่อยลูบหลังแล้วสั่งสอน ถึงมีชัยได้ด่านเป็นการร้อน ชาวนครเขาก็คงจะสงคราม พ่อจงไปให้ทัพกลับเสียเถิด อย่าให้เกิดติเตียนเป็นเสี้ยนหนาม มัวทำศึกตรึกตราจะช้าความ จะได้ตามพระบิดาเที่ยวหากัน แล้วโฉมยงสั่งสอนสินสมุทร ทรงเครื่องยุทธ์อย่างกษัตริย์รัดกระสัน ใส่เสื้อเกราะโพกผ้าเช็ดหน้าพัน เหน็บกั้นหยั่นกริชเล็กล้วนเหล็กดี ถือดาบด้ำคร่ำทองของฝรั่ง ถวายบังคมลามารศรี ลงเรือเร็วรีบมาในราตรี ประทับที่ฝั่งสมุทรให้จุดคบ กุมาราพาพลขึ้นบนป้อม สะพรั่งพร้อมพลขันธ์เข้าบรรจบ อังกุหร่าพานายทหารรบ มานอบนบหน่อนาถดาษดา พระลดองค์ลงนั่งบนเก้าอี้ ให้คิดที่จะทำศึกแล้วปรึกษา เราจะตีรมจักรนัครา อังกุหร่าท่านจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งบังคมหน่อกษัตริย์ จึงทูลทัดด้วยปัญญาอัชฌาสัย เข้าหักด่านวานนี้จนมีชัย พลไกรหิวโหยโรยกำลัง คอยดูทีฝีมือชาวเมืองก่อน จึงผันผ่อนเพทุบายต่อภายหลัง มารบเราเราจึงตีให้แตกพัง แล้วรุกไล่ให้กระทั่งถึงกำแพง เวลารุ่งพรุ่งนี้คงมีทัพ เราคอยรับรบประจัญให้ขันแข็ง วันนี้ให้ไพร่พลได้ผ่อนแรง จะได้แบ่งรบเขาชาวนคร ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ ท่านรอบรู้การศึกช่วยฝึกสอน แล้วถามไถ่ในการจะราญรอน ให้พักผ่อนโยธาในราตรี ฯ ๏ กล่าวถึงฝ่ายชายหญิงที่ทิ้งบ้าน อลหม่านหมายมุ่งมากรุงศรี จนเหนื่อยบอบหอบหืดมืดเต็มที บ้างหลีกลี้หลบตัวด้วยกลัวโจร บ้างเห็นเพื่อนเหมือนพวกแขกฝรั่ง ไม่เหลียวหลังแล่นโลดกระโดดโผน พวกผู้หญิงวิ่งฉุยลงลุยโคลน สะดุดโคนตอหลักจนหักพัง ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าพระยาพาเมียหลวง ลงพายจ้วงมาทีเดียวไม่เหลียวหลัง ยายเมียมือพุ้ยน้ำด้วยกำลัง มากระทั่งถึงกรุงพอรุ่งราง ขึ้นตลิ่งวิ่งตามกันสองเฒ่า สะดุดสะเด่าโดนก้อนสิงขรขวาง ยายพยุงจูงตามาตามทาง หาขุนนางที่ตำแหน่งแจ้งคดี เมื่อจวนค่ำกำปั่นสักพันเศษ ล้วนแขกเทศวิลันดากะลาสี เข้าตีด่านต้านต่อก็เต็มที ต้องแตกหนีมายังรุ่งถึงกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างตระหนกตกประหม่า จึงพามาพระโรงรัตน์จำรัสไข สั่งให้ท่านท้าวนางทูลข้างใน ว่าทัพใหญ่ยกมาถึงธานี พวกท้าวนางต่างวิ่งเสลือกสลน ตรงขึ้นบนปรางค์มาศปราสาทศรี ทูลผ่านเกล้าภพไตรว่าไพรี ยกมาตีปากน้ำค่ำคืนวาน ฯ ๏ พระโฉมยงทรงฟังยังไม่แจ้ง จับพระแสงเสด็จมายังหน้าฉาน เสนาพร้อมน้อมประณตบทมาลย์ ตานายด่านตัวสั่นรำพันทูล ซึ่งรบแขกแตกพังมาครั้งนี้ ควรชีวีข้าบาทจะขาดสูญ ขอพระองค์ทรงพระอนุกูล แล้วกราบทูลตามจริงที่ชิงชัย ฯ ๏ ศรีสุวรรณจรรโลงเฉลิมภพ ให้ปรารภร้อนจิตคิดสงสัย ท้าวอุเทนเกณฑ์มาหรือว่าใคร จำจะไปรับรองลองกำลัง จึงตรัสสั่งเสนีให้กรีทัพ ให้เสร็จสรรพซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง เราจะไปรบแขกให้แตกพัง พระตรัสสั่งเสร็จสรรพกลับมนเทียร ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์ยาตรามาข้างนอก ทำหมายบอกส่งให้เสมียนเขียน ตามบาญชีมีไว้ในหอทะเบียน ใครขาดเฆี่ยนเร่งเอาเข้ากระบวน ได้พร้อมพรั่งหลังหน้าทั้งขวาซ้าย ทั้งไพร่นายแน่นทางข้างฉนวน แล้วผูกม้ากล้ารบเคยรำทวน ประดับล้วนเครื่องจินดาเป็นม้าทรง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ ครั้นสุริยันรุ่งเช้าเข้าโสรจสรง แล้วทรงเครื่องเคยประจญรณรงค์ มาขึ้นทรงพาชีให้คลี่คลาย ทหารแห่แลล้วนถืออาวุธ ปืนคาบชุดหอกดาบกำซาบสาย ทั้งปืนล้อก็ให้ลากมามากมาย ออกทางท้ายเมืองมาริมสาคร ถึงทุ้งกว้างห่างป้อมยี่สิบเส้น พอแลเห็นแขกฝรั่งนั่งสลอน ให้หยุดยั้งฟังการจะราญรอน พลนิกรตั้งปีกกาหน้ากระดาน ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร ขึ้นยั้งหยุดอยู่บนป้อมพร้อมทหาร เห็นทัพบกยกออกมาต้านทาน แสนสำราญเริงรื่นมายืนดู ล้วนธงเทียวเขียวแดงแสงสลับ โยธาทัพโห่ลั่นสนั่นหู ถามฝรั่งอังกุหร่าว่าตาครู จะรบสู้คิดอ่านประการใด ฯ ๏ อังกุหร่าว่าศึกยังฮึกฮัก จะหาญหักด้วยกำลังยังไม่ไหว ดูท่วงทีรี้พลสกลไกร เป็นทัพใหญ่อย่างกษัตริย์ขัตติยา ที่ยืนม้าอยู่กลางกางพระกลด มีเครื่องยศแห่แหนกันแน่นหนา เห็นทีท้าวเจ้าเมืองจะยกมา เรารักษาป้อมค่ายไว้ให้ดี ถ้าแม้นเขาเข้ารบจึงรบมั่ง ดูกำลังรบพุ่งชาวกรุงศรี ถ้าเพลี่ยงพล้ำซ้ำเติมให้เต็มที ชิงบุรีครอบครองเป็นของเรา ฯ ๏ กุมาราว่าจะไม่ออกไปรบ ก็เป็นหลบหลีกตัวเหมือนกลัวเขา ท่านล้าเลื่อยเหนื่อยนักพักก็เอา เราจะเข้ารบรับกับพระยา มาแบ่งพลคนละครึ่งจึงจะได้ อันป้อมไซร้ท่านจงอยู่ดูรักษา เราจะไปไล่พวกชาวพารา พิฆาตฆ่าเสียให้ยับทั้งทัพชัย ด้วยความรู้ครูให้ไว้หลายอย่าง ไม่อวดอ้างอังกุหร่าอย่าสงสัย ถึงสิ้นแรงแทงฟันไม่บรรลัย สลบไปเที่ยงคืนก็ฟื้นกาย ฯ ๏ อังกุหร่าฝรั่งได้ฟังตรัส ไม่อาจขัดพากันรีบผันผาย มาจัดพวกพลไกรทั้งไพร่นาย เป็นปีกซ้ายปีกขวาล้วนกล้ารบ บ้างกุมหอกดาบปืนยืนสะพรั่ง ทั้งทวนดั้งโล่เขนล้วนเจนจบ แล้วเลือกอัศวราชชาติสินธพ มาผูกครบเครื่องสำหรับกับสงคราม ฯ ๏ พระหน่อน้อยคอยดูอยู่บนป้อม เห็นพรั่งพร้อมทวยหาญชาญสนาม ทรงกระบี่ขี่ม้าสง่างาม ให้โห่สามลาออกนอกกำแพง พอเดินทัพถึงกันประจันหน้า ไม่พูดจาโจนฟันด้วยขันแข็ง ชุลมุนวุ่นวางกันกลางแปลง ต่างต่อแย้งยิงกันสนั่นดัง พระหน่อนาถอาจองทรงสินธพ เร่งให้รบรุกไปเหมือนใจหวัง ชาวเมืองแตกแขกซ้ำระยำมัง จนกระทั่งหน้าม้าเจ้าธานี ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นก็ขับอัศวราช ไล่พิฆาตแขกชวากะลาสี ทั้งไพร่นายตายล้มไม่สมประดี พวกโยธีทัพแขกแตกกระจาย ฯ ๏ สินสมุทรขับม้าออกหน้าทัพ จะรบรับนายใหญ่ดังใจหมาย ครั้นเห็นอามาชิดพินิจกาย ดูช่างคล้ายพระบิดาสารพัน นึกคะนึงถึงพ่อให้ท้อจิต ไม่อาจคิดที่จะฆ่าให้อาสัญ เห็นจวนใกล้ได้ทีศรีสุวรรณ ก็ควบกัณฐัศว์โถมเข้าโจมตี ถูกกุมารหลานรักอักเข้าอก กระเด็นตกม้าพับลงกับที่ พวกพหลพลไกรเห็นได้ที ก็กลับตีทัพแขกแตกระยำ บ้างล้มกลิ้งวิ่งโลดกระโดดโผน ลงลุยโคลนพรวดพราดพลาดถลำ บ้างจวนตัวกลัวตายลงว่ายน้ำ ชาวเมืองซ้ำแทงตายเสียหลายคน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งอังกุหร่ารักษาค่าย เห็นเจ้านายเสียทัพวิ่งสับสน ขับทหารด่านนอกออกประจญ พอกันคนเข้ามาได้ในกำแพง ขึ้นรักษาหน้าที่ไม่หนีหลบ ถือทวนรบแต่ละเล่มล้วนเข้มแข็ง ชาวเมืองบุกรุกขึ้นปีนกำแพง ฝรั่งแทงถูกอกพลัดตกตาย ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร เห็นจะหักเอาไม่ได้ดังใจหมาย ให้โบกธงถอยพหลพลนิกาย แล้วให้รายเรียงล้อมป้อมปราการ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งอังกุหร่าเวลาพลบ พอหยุดรบจึงปรึกษาโยธาหาญ เรารอรั้งตั้งมั่นประจัญบาน คอยกุมารเผื่อจะมาในราตรี ถ้ารุ่งเช้าเจ้านายมิได้กลับ จึงเลิกทัพโยธาออกล่าหนี ทั้งนายไพร่ใหญ่น้อยพลอยยินดี รายรักษาหน้าที่ทุกช่องปืน ฯ ๏ สงสารสินสมุทรซบสลบหลับ กลิ้งอยู่กับพระสุธาไม่ฝ่าฝืน ต้องละอองน้ำค้างในกลางคืน ค่อยแช่มชื่นฟื้นองค์ดำรงกาย ภาวนาอาคมประนมหัตถ์ แล้วเป่าปัดเมื่อยเหน็บที่เจ็บหาย แลเห็นเหล่าชาวเมืองเคืองระคาย เข้าตั้งล้อมป้อมค่ายอยู่หลายชั้น แล้วเหลียวดูผู้คนบนหน้าที่ เสียงยังตีฆ้องตรวจกันกวดขัน ให้แค้นใจไพรีที่ตีรัน ลุกถลันโลดโผนโจนทะยาน เข้ากลางทัพจับคนขึ้นฟัดฟาด ไล่พิฆาตเข่นฆ่าโยธาหาญ ชาวบุรีหนีซนไม่ทนทาน อลหม่านมี่อึงคะนึงไป สินสมุทรหยุดท้าอยู่หน้าค่าย เหวยตัวนายโยธีอยู่ที่ไหน อย่าถอยหลังนั่งนิ่งมาชิงชัย แล้วเลี้ยวไล่ไพร่พลไม่ทนทาน จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยแขนออกแล่นอ้อม มาถึงป้อมเรียกหาโยธาหาญ อังกุหร่ามาเปิดบานทวาร เชิญกุมารขึ้นบนป้อมอยู่พร้อมกัน มาถามข่าวเจ้านายว่าวายวอด ไฉนรอดกลับมาไม่อาสัญ กุมาราว่าเราเข้าประจัญ กับคนกั้นกลดทองกระบองไว ดูรูปร่างช่างเหมือนพระบิตุราช ไม่เคลื่อนคลาดเคลิ้มจิตคิดสงสัย เขาโจมตีชีวันแทบบรรลัย พอดึกได้น้ำค้างค่อยสร่างทรวง เราแค้นใจไล่ฆ่าโยธาทัพ แตกกระเพิ่นเยินยับจนทัพหลวง หากรำลึกนึกถึงท่านทั้งปวง จะเป็นห่วงทุกข์ถึงเราจึงเข้ามา เวลารุ่งพรุ่งนี้ออกตีทัพ จะคิดจับแก้แค้นให้แสนสา จงเร่งรัดจัดพหลพลโยธา พอเวลารุ่งเช้าเราจะไป ฯ ๏ ฝรั่งรับกลับออกมานอกป้อม ประชุมพร้อมพลนิกายทั้งนายไพร่ ที่เรี่ยวแรงแข็งขันแกล้งสรรไว้ ประมาณได้โยธาสักห้าพัน แล้วผูกม้ามาประทับรับเสด็จ เตรียมสำเร็จรอไว้พอไก่ขัน พระหน่อน้อยคอยดูสุริยัน พอตะวันส่องฟ้าจะคลาไคล ฯ ๏ ฝ่ายโยธีศรีสุวรรณยังปั่นป่วน แต่เรรวนเรียกกันเสียงหวั่นไหว เป็นราตรีมิได้รู้ว่าผู้ใด บ้างหลงใหลล้มกลิ้งวิ่งกระทบ พระโฉมยงทรงกระบองร้องว่ารับ ทหารกลับราบเรียบเงียบสงบ บ้างตีฆ้องกองไฟจุดไต้คบ เห็นแต่ศพกลิ้งกลาดดาษดา ทั้งไพร่นายได้ศพยี่สิบเศษ คิดสมเพชเพื่อนกันพรั่นนักหนา ให้ขานยามตามหมวดเที่ยวตรวจตรา จนเวลาจวนแจ้งแสงตะวัน ฯ ๏ สินสมุทรสุดแค้นแหงนชะแง้ เฝ้าเตือนแต่สุริย์ฉายจะผายผัน เห็นแสงทองผ่องแผ้วขึ้นแพรวพรรณ เกษมสันต์สรงชลสุคนธา แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส ประนมหัตถ์มัสการอ่านคาถา ฤทธิรงค์คงทนด้วยมนตรา ใครเข่นฆ่าชีวันไม่บรรลัย ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่ขี่สินธพ เคลื่อนพหลพลรบพิภพไหว เดินกระบวนมาถึงทัพกรุงไกร ให้หยุดไพร่พร้อมกันประจัญรับ แล้วร้องท้าว่าเหวยนายทหาร รบกันวานนี้ประเดี๋ยวไม่เคี่ยวขับ เรามาใหม่ไหนตัวนายกองทัพ ออกมารับรบสู้ดูศักดา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงพระแสงกระบองเหล็ก เห็นลูกเล็กหลากจิตคิดกังขา อ้ายกุมารวานนี้สิ้นชีวา ยังกลับมาองอาจประมาทใจ จึงแต่งองค์ทรงม้ามาหน้าทัพ แล้วหยุดยับยั้งถามตามสงสัย ว่าดูราทารกนี้นามใด เหตุไฉนจึงมาตีบุรีเรา เป็นโจรเรือเชื้อฝรั่งหรืออังกฤษ สมคบคิดคุมพลเที่ยวปล้นเขา ดูชันษาอายุก็ยังเยาว์ มารบเราชีวันจะบรรลัย ฯ ๏ สินสมุทรพูดจาภาษาเด็ก ถึงทั้งเล็กก็ไม่พรั่นประหวั่นไหว เราชื่อว่าสินสมุทรวุฒิไกร พระอภัยบพิตรเป็นบิดา ล้วนเหล่ากอหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ผ่านสมบัติบำรุงราษฎร์ศาสนา จะแล่นใบไปทางกลางคงคา ชาวพารารบเราจึงเข้าตี ท่านชื่อไรจงบอกออกมาบ้าง เป็นขุนนางหรือบำรุงซึ่งกรุงศรี แม้นรักตัวกลัวตายวายชีวี อัญชลีแล้วจะกลับกองทัพไป ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ นึกประหวัดหวั่นจิตคิดสงสัย กุมาราว่าพ่อชื่อพระอภัย จะเป็นใครหนอคนนี้หรือพี่ยา แล้วพิศดูกุมารก็แม้นเหมือน ไม่คลาดเคลื่อนทรงเดชพระเชษฐา แต่ผมหยิกอย่างยักษ์ลักขณา กับสองตาดูแดงยังแคลงใจ จึงตอบคำทำว่าบิดาเจ้า มาหรือเปล่าประเดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน จงแจ้งความตามจริงอย่าชิงชัย จะบรรลัยแหลกลาญเหมือนวานนี้ อันตัวเราเจ้ากรุงรมจักร เป็นปิ่นปักหลักโลกเฉลิมศรี เจ้ากลับไปให้พ่อมาต่อตี ได้ดูฝีมือกันประจัญบาน ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ขัดข้องร้องตวาด ชิช่างอาจอวดศักดาว่ากล้าหาญ บอกบิดามาทำไมมิใช่การ เรารอนราญรบสู้กันดูลอง อย่าพักให้ไพร่พลเข้าปนปะ แพ้ชนะแต่ลำพังเราทั้งสอง แล้วขับม้าร่ารำเป็นทำนอง ส่วนว่ากองทัพโห่เป็นโกลา ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นชำนาญในการรบ ทำเลี้ยวหลบล่อให้ไล่ถลา เห็นได้ทีตีต้องกุมารา ถูกถึงห้าหกทีดังตีกลอง ไม่ช้ำชอกกลอกกลับเข้ารับรบ ม้าก็ขบกัดกันผันผยอง สินสมุทรฉุดฉวยชิงกระบอง แล้วตีต้ององค์พระอาตกพาชี ฝรั่งรุมกลุ้มจับจอมกษัตริย์ ยุดพระหัตถ์แน่นไว้มิให้หนี ทหารฮึกครึกโครมเข้าโจมตี ชาวบุรีแตกพลัดกระจัดกระจาย บ้างหนีรอดมอดม้วยบ้างป่วยเจ็บ พวกโจรเก็บเสื้อผ้ามาเหลือหลาย กุมาราพาพหลพลนิกาย กลับเข้าค่ายขึ้นป้อมอยู่พร้อมพรัก สินสมุทรหยุดยั้งนั่งเก้าอี้ ให้คุมท้าวเจ้าบุรีรมจักร มาไต่ถามนามวงศ์สงสัยนัก เราเห็นพักตร์ดูละม้ายคล้ายบิดา ฯ ๏ ฝ่ายศรีสุวรรณวงศ์นั้นองอาจ ไม่ขยาดยืนดูอยู่ตรงหน้า เห็นธำมรงค์เรือนครุฑบุษรา ของเชษฐาแน่นักประจักษ์ใจ หรือได้คู่กุมารนี้เป็นลูก เอาแหวนผูกข้อมือหรือไฉน ไม่แจ้งเหตุเชษฐาให้อาลัย ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย หลานหัวเราะเยาะว่าประดาเสีย คิดถึงเมียหรือร้องไห้มิใคร่หาย กุ๋ยกุ๋ยกษัตราน่าไม่อาย เมื่อกลัวตายไยทะนงมาสงคราม ฯ ๏ ศรีสุวรรณหันหุนฉุนพิโรธ กำลังโกรธตรัสว่าเจ้าอย่าหยาม ถึงบรรลัยไว้ชื่อให้ลือนาม ไม่กลัวความตายดอกบอกจริงจริง จงเร่งมาฆ่าตีเอาชีวาตม์ เราก็ชาติชายใช่น้ำใจหญิง ใช่จะของ้องอนมาวอนวิง แต่เห็นสิ่งของต้องนองน้ำตา ธำมรงค์วงที่เจ้าผูกหัตถ์ เพชรรัตน์เรืองเดชของเชษฐา ทั้งผืนผ้าเจียระบาดที่คาดมา เรารู้ว่าของพระอภัยมณี อันตัวเรานี้เป็นน้องจึงร้องไห้ ด้วยจากไปตายเป็นไม่เห็นผี ซึ่งท่านถามนามกรของเรานี้ เราชื่อศรีสุวรรณราชเร่งฟาดฟัน ฯ ๏ พระหน่อไทได้ยินถวิลหวัง เป็นความหลังล้วนจริงทุกสิ่งสรรพ์ บิดาว่าอาชื่อศรีสุวรรณ เห็นสมกันกับกษัตริย์ที่ตรัสมา แล้วก็จำธำมรงค์วงนี้แน่ เห็นเที่ยงแท้แต่จะซักให้นักหนา ซึ่งพระอภัยมณีเป็นพี่ยา มีวิชาชำนาญประการใด ถ้าเป็นน้องของพระองค์ก็คงรู้ ว่าย่าปู่อยู่นิเวศน์ประเทศไหน แม้นว่าถูกทุกสิ่งที่จริงใจ จึงจะได้เห็นว่าเป็นอาเรา ฯ ๏ ฝ่ายบดินทร์ปิ่นประเทศเขตสถาน รู้ว่าหลานเคลือบแคลงแถลงเล่า อันพระพี่มีวิชามาแต่เยาว์ ฝีปากเป่าปี่ประเสริฐเลิศโลกา ผู้ใดฟังนั่งหลับลืมสติ มีลัทธิหลายหลากมากนักหนา เป็นหน่อท้าวเจ้าบุรีรัตนา เราสองราร่วมท้องพี่น้องกัน พระเล่าความตามจริงจนจากพี่ มาถึงนี่ก็พอได้ไอศวรรย์ แล้วว่าเจ้าเราพิศดูผิวพรรณ ช่างเหมือนกันกับพระพี่นี่กระไร ฯ ๏ สินสมุทรทรุดองค์ลงอภิวาท เข้ากอดบาทพระเจ้าอาน้ำตาไหล สะอื้นอ้อนวอนว่าขออภัย พระอย่าได้ถือโทษจงโปรดปราน ต่อปิ่นเกล้าเล่าเรื่องจึงรู้เหตุ ว่าทรงเดชเป็นอาข้าเป็นหลาน เที่ยวตามติดพระบิดามาช้านาน ไม่พบพานภูวนาถประหลาดนัก ทั่วประเทศเขตขอบแขกฝรั่ง จนกระทั่งทะเลลมรมจักร ทูลแต่ต้นจนจบแล้วซบพักตร์ สะอื้นฮักหวนคิดถึงบิดา ฯ ๏ ศรีสุวรรณกันแสงแล้วทรุดนั่ง พระลูบหลังหลานน้อยละห้อยหา โอ้สงสารหลานเอ๋ยอนิจจา เจียนจะฆ่ากันตายวายชีวัน นี่หากบุญหนุนช่วยไม่ม้วยมอด จึงได้รอดพบพานกับหลานขวัญ พลางกอดราชนัดดาแล้วจาบัลย์ สะอื้นอั้นอารมณ์ไม่สมประดี ครั้นสร่างโศกสงสารพระหลานรัก วรพักตร์ผุดผ่องก็หมองศรี ประคองอุ้มนัดดาแล้วพาที ไปบุรีเราเถิดอาจะพาไป จะได้เอาข้าวปลาลงมาแจก ฝรั่งแขกพลนิกายทั้งนายไพร่ พอได้พบน้องยาอาสะใภ้ แล้วจะได้ตามติดพระบิดร ฯ ๏ กุมารฟังบังคมบรมนาถ ทูลพระบาทบพิตรอดิศร ข้าคุมทัพขับทหารมาราญรอน พระมารดรยังค้างอยู่กลางชลา ทำสงครามสามวันเข้าวันนี้ พระชนนีเห็นจะคอยละห้อยหา เป็นหญิงอยู่ผู้เดียวเปลี่ยววิญญาณ์ หลานจะลาลงไปเฝ้าเล่าให้ฟัง ให้ทราบความตามที่มิได้รบ มาพานพบภูวไนยดังใจหวัง เชิญพระองค์คงคืนเข้าเวียงวัง หลานไปสั่งเสร็จสรรพจะกลับมา ฯ ๏ พระจอมวังฟังแจ้งไม่แคลงจิต พลางจุมพิตนึกรักขึ้นนักหนา ถ้ากระนั้นวันนี้พ่อพาอา ไปเชิญมาเวียงวังจึงบังควร พอได้เห็นพี่นางต่างพระพี่ ถือเป็นที่บูชารักษาสงวน ไกลหรือใกล้ไปมาเวลาจวน จะได้ชวนมารดามาธานี ฯ ๏ พระหน่อไทได้สดับก็รับสั่ง ร้องเรียกอังกุหร่าแล้วว่าพี่ เร่งป่าวร้องกองทัพกลับวันนี้ ไปพร้อมที่เรือใหญ่ในคงคา แล้วสององค์ลงเรือลำที่นั่ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา ออกกำปั่นลั่นปืนเป็นสัญญา เสียงโยธาเอิกเกริกเลิกไปตาม ฯ ๏ จะกลับกล่าวชาวบุรีซึ่งหนีแขก ต่างตื่นแตกตกประหม่าเข้าป่าหนาม บ้างถูกง้าวหลาวแหลนเลือดไหลทราม เพื่อนกันหามเข้าไปไว้เสียในพง พวกเสนามาถึงออกอึงฉาว เข้าเฝ้าท้าวทูลเฟือนเลอะเลือนหลง ทูลกระหม่อมจอมพลออกรณรงค์ เขาจับองค์ภูวไนยไปได้แล้ว ไม่ทันเย็นเห็นศัตรูจะถึงนี่ เสด็จหนีเสียเถิดทูลกระหม่อมแก้ว ถ้ารอราช้าไปเห็นไม่แคล้ว พอทูลแล้วลมจับก็หลับตา ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ได้ทรงทราบ ดังคมดาบตัดเอาเกล้าเกศา ลุกยองยองร้องเรียกอำมาตย์มา แต่งบรรณาการไปให้ไพรี ว่าตัวเราเจ้านครจะงอนง้อ ขอแต่พ่อนางอรุณรัศมี พอหลาบเข็ดเมตตาอย่าฆ่าตี เอากรุงไกรถ่ายชีวีศรีสุวรรณ อำมาตย์ลามาสั่งชาวคลังหลวง ตามกระทรวงสารพัดเร่งจัดสรร พร้อมสำเร็จเสร็จสรรพกำกับกัน ใส่เรือบัลลังก์ทองล่องลงมา ถึงบ้านด่านลานแลเห็นแต่ค่าย ทั้งไพร่นายหลากจิตคิดกังขา ให้เรือพายท้ายทอดจอดนาวา ขึ้นมาหาเห็นแต่ผีไม่มีคน จะถามใครไม่มีที่จะถาม ไม่ได้ความสารพัดจะขัดสน พากันตรงลงเรือว่าเหลือจน เร่งให้พลพายมายังธานี เข้าในวังบังคมประนมสนอง ไม่พบกองทัพชวากะลาสี ในขอบค่ายน้อยใหญ่ก็ไม่มี เห็นแต่ผีตายกลาดดาษดา ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังให้สังเวช น้ำพระเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา เสียอารมณ์ลมจับนั่งหลับตา หมอเอายานัตถุ์ถวายจนหงายเงย ค่อยรู้สึกปรึกษาพวกข้าเฝ้า ที่นี้เราวังเวงแล้วเองเอ๋ย ใครจะกู้บุรีไม่มีเลย เสียลูกเขยคนนี้เหมือนชีวิต แม้รู้ว่าข้าศึกอยู่เมืองไหน ก็จะได้คิดความไปตามติด ถึงยากเย็นเป็นข้าปัจจามิตร แต่ชีวิตศรีสุวรรณอย่าบรรลัย จำจะบอกไปถึงสามเจ้าพราหมณ์ด้วย จะได้ช่วยดูแลคิดแก้ไข ใครอยู่ที่นี่หวาพวกม้าใช้ จงรีบไปหาสามเจ้าพราหมณ์มา ขุนหมื่นรับอภิวันท์แล้วผันผาย ทั้งสามนายเร็วรวดตำรวจขวา ต่างคนออกนอกวังขึ้นหลังม้า ควบอาชาแยกทางไปกลางแปลง ฯ ๏ สงสารท้าวทศวงศ์ยิ่งทรงโศก กำเริบโรคเรอหาวหนาวแสยง อุตส่าห์ขืนยืนตรงดำรงแรง จับพระแสงเยื้องย่างขึ้นปรางค์ปรา เห็นญาติวงศ์องค์มิ่งมเหสี กับบุตรีหลานน้อยมาคอยท่า ทรุดพระองค์ลงอุ้มเอานัดดา กลั้นน้ำตาไว้ไม่หยุดสุดอาลัย จึงตรัสบอกบุตรีสามีเจ้า ไปรบเขาเขากลับจับไปได้ จะวอดวายตายเป็นไม่เห็นใคร พลางร่ำไรรักหลานสงสารครัน ฯ ๏ พระบุตรีตีทรวงเข้าฮักฮัก ดังใครควักชีวาให้อาสัญ ระทวยกายหายใจมิใคร่ทัน สะอื้นอั้นอ่อนนิ่งไม่ติงกาย สาวสุรางค์นางในร้องไห้แซ่ พวกเถ้าแก่ลมจับผงับหงาย หลวงแม่เจ้าท้าวนางเจ้าขรัวนาย ร่ำร้องไห้ไม่วายฟายน้ำตา ท้าวทศวงศ์สงสารพระหลานรัก ลงซบพักตร์ถอยกำลังแทบสังขาร์ มเหสีมิทันจำนรรจา กอดธิดาซวนซบสลบไป ฯ ๏ ฝ่ายอรุณรัศมีศรีสวัสดิ์ เห็นสามกษัตริย์ซบพักตร์เข้าผลักไส ไม่พื้นกายหมายมั่นว่าบรรลัย นางร่ำไรเรียกหาบิดาพลาง ทูลกระหม่อมจอมโลกของลูกเอ๋ย ไฉนเลยไม่มาช่วยฉันด้วยบ้าง พระมารดาตายายมาวายวาง สะอื้นพลางกลิ้งเกลือกลงเสือกกาย พระญาติวงศ์สงสารสามกษัตริย์ เข้าโบกปัดนวดเฟ้นพระเส้นสาย ทั้งสามองค์คงคืนค่อยฟื้นกาย ต่างฟูมฟายชลนัยน์อาลัยลาน พระอัยกาว่าตายแล้วยายเอ๋ย เสียลูกเขยเขาจะหมิ่นทุกถิ่นฐาน จะปลดปลอดรอดตายหรือวายปราณ ทั้งลูกหลานก็จะซ้ำเป็นกำพร้า พระอัยกีตีทรวงสะอื้นไห้ ด้วยอาลัยลูกเขยเคยเห็นหน้า จะคลาดแคล้วแก้วเนตรเกษรา ต้องเป็นม่ายขายหน้าทั้งตาปี ธิดาว่าโอ้พระทูลกระหม่อม เคยเป็นจอมรมจักรเป็นศักดิ์ศรี แม้นสิ้นชาติวาสนาพระสามี อันเมียนี้ไม่ขออยู่จะสู้ม้วย พระบรรลัยไปแล้วจงโปรดเกล้า มาเด็ดเอาชีพเมียไปเสียด้วย สะอึกสะอื้นฝืนดำรงองค์ระทวย แทบจะม้วยมรณาด้วยสามี ทั้งเสนาข้าเฝ้าเศร้าสลด ทุกตำบลชนบทบุรีศรี แถวถนนหนทางกลางบุรี มิได้มีผู้ใดเดินไปมา ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นสองกษัตริย์ สลุบสลัดแล่นรายทั้งซ้ายขวา พอพลบค่ำคล้ำมืดในเมฆา พระพายพาพัดส่งตรงออกไป ถึงลำใหญ่ให้จอมทอดประทับ จุดคบรับรายทางสว่างไสว จึงเชิญองค์พระเจ้าอาให้คลาไคล ไปเก๋งใหญ่ห้าห้องเป็นช่องชั้น เชิญให้นั่งยังที่เก้าอี้เอี่ยม มีพรมเจียมปูปัดล้วนจัดสรร แขกฝรั่งนั่งล้อมอยู่พร้อมกัน เหมือนกลางวันแจ่มแจ้งด้วยแสงไฟ มีโคมรายซ้ายขวาระย้าย้อย ทั้งโคมห้อยสายระยางสว่างไสว หน่อกษัตริย์นัดดาลาครรไล เสด็จไปสู่สถานพระมารดา ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ คอยกษัตริย์ทรงยศโอรสา กำสรดเศร้าเช้าเย็นเขม่นตา โอ้ลูกยาขัดขวางเป็นอย่างไร หรือเสียทัพอัปราแก่ข้าศึก อนาถนึกนั่งคอยละห้อยไห้ จนพลบค่ำซ้ำโศกสลดใจ อยู่แต่ในแท่นสถิตปิดทวาร พอได้ยินเสียงเคาะเกาะกักกัก พระลูกรักเรียกหานางขาขาน ดีพระทัยไขสลักชักลูกดาล อุ้มกุมารขึ้นเตียงเคียงประคอง นางกอดจูบลูกรักแล้วรับขวัญ ดูผิวพรรณผมเผ้าพ่อเศร้าหมอง แม่คอยเจ้าเช้าเย็นเขม้นมอง พ่อเลิกกองทัพมาแล้วหรือแก้วตา ฯ ๏ สินสมุทรพูดเพราะฉอเลาะแม่ ลูกนึกแน่ว่าพระองค์คงคอยท่า ฉันออกไปได้ขึ้นรบพบพระอา เจียนจะฆ่ากันม้วยลงด้วยกัน แล้วบอกแม่แต่ต้นจนได้กลับ เดี๋ยวนี้อามากับกระหม่อมฉัน ถ้าเธอถามความขำที่สำคัญ ช่วยผ่อนผันพูดให้ถูกกับลูกยา เดิมได้บอกออกว่าพระแม่เจ้า บังเกิดเกล้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา พระบิตุรงค์พงศ์กษัตริย์เป็นภัสดา พระแม่ว่าให้เหมือนคำลูกรำพัน อย่าบอกว่าข้าน้อยนี้ลูกยักษ์ คนรู้จักจะหัวเราะคอยเยาะฉัน ไหนไหนก็จะคงเป็นพงศ์พันธุ์ บอกเช่นนั้นเสียรู้แล้วก็แล้วไป ฯ ๏ ยุพยงทรงฟังพระหน่อนาถ แสนฉลาดพูดจาอัชฌาสัย นางนึกยิ้มพริ้มพรายละอายใจ จะพูดไม่เต็มปากวิบากกรรม แต่เกิดมาอายุถึงเพียงนี้ ยังไม่มีผู้ชายมากรายกล้ำ กลับเป็นม่ายลูกติดเพราะปิดงำ ถ้าสมคำว่าไว้ก็ไม่อาย แม้นมิได้กันกับพ่อพระหน่อนาถ เห็นสิ้นวาสนาน้องเป็นสองม่าย ในชาตินี้มิอยากอยู่จะสู้ตาย แต่นึกอายลูกยาแล้วพาที ซึ่งแก้วตาว่าเกิดในอกแม่ เหมือนช่วยแก้กู้หน้าเป็นราศี จะให้รับว่าบิดาเป็นสามี ที่ข้อนี้กลัวจะอายเมื่อปลายมือ ถ้าพบปะพระบิตุเรศเจ้า เธอว่าเปล่าแม่มิได้ความอายหรือ ประชาชนพลเมืองจะเลื่องลือ เหมือนหญิงดื้อด้านหน้าเป็นราคี ฯ ๏ กุมารนอบตอบความตามกระแส รูปเหมือนแม่นี้หรือชายจะหน่ายหนี แม้นพบปะพระไม่ว่าเป็นสามี พระแม่ตีฉันให้ตายด้วยไม้เรียว พระเจ้าอามาคอยอยู่ข้างนอก เสด็จออกให้ประสบพบประเดี๋ยว โปรดประทานว่ากล่าวเสียคราวเดียว จะได้เที่ยวตามติดพระบิดา ฯ ๏ สงสารนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ อายอุทัจที่จะออกไปนอกฝา ไม่แต่งองค์ทรงเครื่องประดับประดา ทรงแต่ผ้านุ่งห่มพอสมควร ครั้นเสร็จสรรพลับล่อให้ท้อถอย พระหน่อน้อยเคียงองค์ทรงพระสรวล เห็นแม่เลี้ยงเลี่ยงหลบเฝ้ารบกวน นางเห็นจวนดึกเกินดำเนินมา ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นแลเห็นหลานรัก พานงลักษณ์เลี้ยวทางมาข้างฝา สำอางเอี่ยมเทียมเทพธิดา สำคัญว่าเทวีเป็นพี่สะใภ้ ลดพระองค์ลงเชิญให้มานั่ง บนบัลลังก์ลายทองอันผ่องใส คำนับนางต่างพี่ด้วยดีใจ นางรับไหว้อนุชาแล้วพาที กุมารามาบอกดอกจึงรู้ ว่าโจมจู่รบพุ่งถึงกรุงศรี พระทรงยศงดโทษโปรดปรานี อย่าราคีเคืองขัดในนัดดา พลางพินิจพิศดูพระรูปร่าง ทั้งแก้มคางขนงเนตรเหมือนเชษฐา เห็นมั่นคงองค์พระอนุชา ทำพูดจาไต่ถามความนคร ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางเพลินเห็นเมินพักตร์ ชำเลืองลักแลชม้ายดูสายสมร ทั้งคมขำสำอางอย่างกินนร เสงี่ยมงอนงามพร้อมไม่ผอมพี ดูเหมือนสาวราวสักยี่สิบถ้วน ทั้งน้ำนวลผิวผ่องเป็นสองสี แต่ลูกยาอายุได้แปดปี นางจะมีลูกเต้าแต่เท่าไร รำจวนจิตพิศดูเป็นครู่พัก แล้วกลับหักหวนห้ามความสงสัย ถึงอ่อนแก่แต่เป็นที่พี่สะใภ้ เราเป็นน้องต้องไหว้เป็นไรมี ดำริพลางทางว่าข้ามาเฝ้า จะเชิญเข้ารมจักรเป็นศักดิ์ศรี ให้อุ่นใจไพร่ฟ้าทั้งธานี ว่าพระพี่พาหลานมาพานพบ พอพหลพลนิกรได้ผ่อนพัก แล้วจึงจักเกณฑ์กำปั่นเข้าบรรจบ เลียบให้รอบขอบฟากมหรณพ ไม่พานพบพี่ยาไม่มาวัง ฯ ๏ นางฟังคำอ้ำอึ้งตะลึงคิด จะเบือนบิดก็ไม่ได้ดังใจหวัง มิไปกับอนุชาก็น่าชัง ดูเหมือนดังเด็ดขาดญาติกา จึงตรัสตอบขอบคุณการุญรัก พระนับศักดิ์สุริย์วงศ์ลงมาหา จะตามไปไม่ขัดพระอัชฌา ตามประสาซื่อตรงเหมือนวงศ์วาน สองกษัตริย์ตรัสสนทนาสนอง จนยามสองเสียงดังระฆังขาน จึงตรัสสั่งอังกุหร่าปรีชาชาญ จงแจ้งการกันให้ทั่วทุกตัวนาย แต่เช้าตรู่กู่เกณฑ์เรือที่นั่ง ให้พร้อมพรั่งดั้งกันจะผันผาย แล้วลาพระอนุชาพาลูกชาย เข้าห้องท้ายไสยาสน์อาสน์สุวรรณ พอแสงทองส่องสว่างกระจ่างฟ้า อังกุหร่าเรียกพหลพลขันธ์ ลงประจำลำที่นั่งทั้งดั้งกัน เป็นคู่คั่นเคียงเคียงเรียงเรียงราย ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร ทิพากรไตรตรัสจำรัสฉาย บรรทมตื่นฟื้นองค์ดำรงกาย ชวนลูกชายสรงชลสุคนธา แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องให้ลูกรัก ผัดพระพักตร์ผิวพรรณกันเกศา สร้อยสังวาลบานพับประดับประดา ปักจุฑามณีแก้วอันแพรวพราย ส่วนโฉมยงทรงเครื่องแต่เก่าเก่า จะให้เขาเห็นแท้ว่าแม่ม่าย ยังไม่เคยเลยน่าระอาอาย พระลูกชายชวนเดินดำเนินมา ฯ ๏ ศรีสุวรรณอัญชลีพี่สะใภ้ กุมารไหว้จอมกษัตริย์รับหัตถา แล้วตามนางย่างเยื้องชำเลืองมา พวกโยธาแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง สามพระองค์ลงร่วมเรือที่นั่ง ทหารตั้งโห่ลั่นสนั่นเสียง ประโคมฆ้องกลองแตรแซ่สำเนียง ออกรายเรียงซ้ายขวาเป็นตาริ้ว ถึงร่องทางกางใบขึ้นใส่เสา เวลาเช้าลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉิว ทั้งกองนำลำทรงใส่ธงปลิว เป็นแถวทิวเทือกมาในสาคร ตะวันคล้อยหน่อยหนึ่งถึงปากน้ำ ต้องเรียงลำเรือแห่แซ่สลอน สำเนียงโห่โยธาพลากร ใกล้นครคนตื่นเสียงครื้นครึก เห็นกำปั่นบรรดาแขกฝรั่ง มาคับคั่งคิดว่าเป็นข้าศึก ที่หญิงชายวิ่งอึงอึกทึก วิ่งคึกคึกคับคั่งกำลังกลัว ที่ง่อยเปลี้ยเสียขานัยน์ตาบอด อุตส่าห์ลอดลงในตุ่มนั่งคลุมหัว บ้างฉวยผ้าคว้ามุ้งพันพุงพัว เห็นจวนตัวตกใจเข้าใต้เตียง ประชาชนอลหม่านทุกบ้านช่อง บ้างวิ่งร้องเรียกกันสนั่นเสียง พวกหอคอยพลอยตีกลองก้องสำเนียง ทั้งวังเวียงครั่นครื้นตื่นตกใจ ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ ได้ยินฆาตกลองศึกนึกสงสัย ออกพระแกลแซ่เสียงเสนาใน ทูลว่าไพรีมาถึงธานี ท้าวทรงฟังดังจะดิ้นสิ้นชีวิต เป็นสุดคิดที่จะรบหรือหลบหนี จึงปรึกษาข้าเฝ้าว่าคราวนี้ ไม่มีที่อุปถัมภ์กรรมของเรา เสนาในใหญ่น้อยไปคอยรับ เห็นนายทัพเขาขึ้นมาว่ากับเขา จวนเวลาราตรีพรุ่งนี้เช้า จะไปเฝ้าถวายเมืองกับเครื่องยศ ขอแต่ตัวผัวเมียกับลูกหลาน ไปดงดานบรรพชาเป็นดาบส อยู่กุฏิวิหารชานบรรพต ถึงต้องอดข้าวค่ำไม่รำคาญ อยู่เวียงวังดังไฟใกล้ดินหู พลอยให้กูเวียนวงในสงสาร เสนาพร้อมน้อมประณตบทมาลย์ แสนสงสารโศกเศร้าด้วยเจ้านาย ต่างทูลว่าถ้าพระองค์ทรงผนวช ก็จะบวชตามไปเหมือนใจหมาย เอาความสุขลูกเมียไม่เสียดาย ต่างถวายบังคมลาลงมาแพ แลเห็นลำกำปั่นให้ครั่นคร้าม แต่ล้วนสามเสาสล้างมากลางกระแส ชุมนุมนั่งตั้งท่านัยน์ตาแล จนเรือแห่แซ่มาถึงหน้าวัง พอลำทรงตรงประทับกับฉนวน พร้อมกระบวนโยธาทั้งหน้าหลัง สามพระองค์ลงจากเรือบัลลังก์ แล้วหยุดยั้งตำหนักท่าชลาลัย ฯ ๏ ขุนนางพร้อมน้อมนอบหมอบชม้าย เห็นเจ้านายแน่จิตคิดสงสัย กับนารีมิได้รู้ว่าผู้ใด ยังจำได้แต่กุมารเมื่อราญรอน ต่างวิ่งเข้าเฝ้าองค์พระทรงยศ น้อมประณตนั่งฟังรับสั่งสลอน จอมกษัตริย์ตรัสถามความนคร ราษฎรเคืองเข็ญเป็นอย่างไร ฯ ๏ เสวกาอาดูรทูลแถลง ทุกเขตแขวงเศร้าหมองไม่ผ่องใส เสนามาตย์ราษฎรร้อนฤทัย เหมือนอยู่ในกลางเพลิงเชิงตะกอน พระบิตุราชมาตุรงค์ทรงกำสรด ทุกข์ระทดทั้งพิภพสยบสยอน แม้นข้าศึกฮึกหาญมาราญรอน จะโอนอ่อนเอาใจเป็นไมตรี อันไพร่ฟ้าข้าเฝ้าเหล่าทหาร ต่างคิดการแต่จะอพยพหนี เดชะบุญทูลกระหม่อมจอมโมลี ได้กลับมาธานีข้าดีใจ ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสเล่าแต่เข้ารบ จนพานพบนัดดากลับมาได้ จงเรียกวอช่อฟ้ามาไวไว จะเชิญให้พี่นางไปปรางค์ทอง ฯ ๏ กรมวังบังคมบรมนาถ ไปเร่งราชยานข้างหน้ามาทั้งสอง บ้างเข้าวังสั่งความตามทำนอง พระวอทองพนักงานท่านข้างใน พวกท้าวนางต่างซักตระหนักแน่ ออกวิ่งแร่เรียกกันเสียงหวั่นไหว บ้างบอกเพื่อนเรือนเรียงเคียงกันไป ภูวไนยเสด็จมาอยู่หน้าวัง บ้างซักถามตามแคลงให้แจ้งประจักษ์ เสียงคึกคักวิ่งรับอยู่คับคั่ง นางพวกจ่าหาโขลนตะโกนดัง มาพร้อมพรั่งเถ้าแก่ออกแซ่ไป เร่งจัดแจงแต่งวอสุวรรณรัตน์ นางโขลนหัดหามเดินไม่เยิ่นไหว ลงหลังแพแลดูเห็นภูวไนย ต่างดีใจนบนอบลงหมอบกราน ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสเชิญโฉมเฉลา ให้นงเยาว์ทรงวอวิเชียรฉาน ฝ่ายพระองค์ทรงอาสน์ราชยาน พระกุมารทรงเสลี่ยงเรียงกันมา พวกผู้ชายรายทางข้างฉนวน ตั้งกระบวนแห่แหนไปแน่นหนา ข้างหลังเหล่าสาวสรรค์กัลยา เสด็จมาตามทางถึงข้างใน พระชวนเชิญโฉมตรูยุรยาตร กับหน่อนาถนัดดาอัชฌาสัย มาห้องกลางปรางค์มาศปราสาทชัย กำนัลในอภิวาทดาษดา ไม่เห็นองค์นงลักษณ์อัคเรศ ทอดพระเนตรเห็นแต่ห้ามจึงถามหา เขาทูลว่าสองกษัตริย์ขัตติยา ไปอยู่ด้วยพระบิดาแต่ราตรี ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางตรัสดำรัสสั่ง ไปบอกทั้งธิดาให้มานี่ สาวสุรางค์ต่างวิ่งเป็นสิงคลี ไปยังที่ราชฐานพระมารดา ทูลแถลงแจ้งความสามกษัตริย์ เหมือนพระตรัสสั่งใช้ให้มาหา สามพระองค์สงสัยในวิญญาณ์ จึงถามว่าจริงกระนั้นหรือฝันไป ครั้นไล่เลียงเที่ยงแท้แน่ตระหนัก นางนงลักษณ์ยินดีจะมีไหน พระอัยกาอัยกีก็ดีใจ ไม่เป็นไรแล้วเหวยลูกเขยกู แล้วลดองค์ลงอุ้มเอาหลานขวัญ ไปด้วยกันหาพ่อหนอแม่หนู ชวนธิดามาไปจะใคร่รู้ ยายเอ๋ยดูน่าชังยังนั่งงม แล้วนำหน้าพาพระวงศ์ลงปราสาท เดียรดาษด้วยสุรางค์นางสนม เขม้นเมินเดินดุ่มเป็นกลุ่มกลม บ้างพลาดล้มลุกตามกันหลามมา ขึ้นปรางค์ทองมองเขม้นเห็นลูกเขย ชะพ่อเอ๋ยเจ้าประคุณบุญนักหนา คนทั้งหลายหมายว่าพ่อมรณา จะเป็นข้าเขารอมร่อแล้วพ่อคุณ เจ้ากลับมาธานีค่อยมีสุข ถึงรบรุกจนสิ้นดินกระสุน ไม่เสียเมืองเปลื้องธุระเดชบุญ จะค่อยอุ่นอกอาณาประชาชน ฯ ๏ พระทรงฟังบังคมบรมนาถ ทูลพระบาทบิตุเรศแจ้งเหตุผล กุมารากล้าหาญการประจญ ทั้งคงทนแทงฟันไม่บรรลัย เข้ารบรับจับข้าพาไปซัก จึงรู้จักว่าเป็นวงศ์ไม่สงสัย ให้เลิกทัพกลับพลสกลไกร ตรงออกไปรับนางกลางคงคา อังนางนี้พี่สะใภ้ได้อภิเษก เป็นองค์เอกอัคเรศของเชษฐา ครั้นมีลูกแล้วเที่ยวชมยมนา เสียเภตราพลัดไปทั้งไพร่พล พระพี่นางนัดดาเที่ยวหารอบ ตามเขตขอบคุ้งแขวงทุกแห่งหน ไม่แจ้งเหตุเชษฐาในสาชล จึงข้ามพลผ่านมาหน้ากรุงไกร ได้พบพานหลานแก้วแคล้วพระพี่ จะร้ายดีมิได้เห็นเป็นไฉน ทูลพลางทางสะท้อนถอนฤทัย ชลนัยน์คลอเนตรเวทนา ทั้งสองท้าวสาวสุรางค์ต่างสงสาร พระพบหลานอัคเรศของเชษฐา ทั้งโฉมยงองค์แก้วเกษรา กับธิดาอัญชลีพี่สะใภ้ นางรับหัตถ์ตรัสสอนโอรสราช ให้อภิวาทพระเจ้าอาอัชฌาสัย นางอวยพรสรรเสริญเจริญใจ แล้วสอนให้บุตรีไหว้พี่ยา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี กุมารีรู้เหตุว่าเชษฐา เจ้าคารมคมสันจำนรรจา นี่หรือว่าพงศ์พันธุ์เป็นกันเอง มาจับพระบิตุรงค์ลงไปไว้ ให้ร้องไห้ร้องห่มทำข่มเหง ทั้งไพร่พลคนตื่นออกครื้นเครง ไม่กลัวเกรงพระบิดาช่างน่าตี พระบิตุราชมาตุรงค์ทรงพระสรวล ต่างสำรวลพระธิดามารศรี จอมกษัตริย์ตรัสเรียกพระบุตรี อย่าพาทีหยามหยาบมากราบกราน แล้วกุมกรพระธิดาเข้ามาใกล้ ให้กราบไหว้ลงที่เพลาพระเจ้าหลาน นางฟังคำจำประณตบทมาลย์ ไม่ว่าขานแค้นพระพี่เข้าตีเอา ฯ ๏ สินสมุทรยุดน้องร้องอุยหน่า แม่หญิงอย่าหยิกตีพี่จะเล่า แต่ก่อนไรไม่รู้จึงดูเบา เดี๋ยวนี้เรารู้จักจะรักกัน อย่าหยิกทึ้งขึ้งโกรธขอโทษเถิด ถ้าละเมิดอีกทีนี้จึงตีฉัน ซึ่งน้องต้องร้องไห้มาหลายวัน จะทำขวัญตุ๊กตาอย่าปรารมภ์ ตัวเล็กเล็กเจ๊กจีนแขกฝรั่ง กลระฆังของพี่ก็มีถม จะให้แม่แต่ว่าอย่าคารม นางบังคมคำนับรับพุคะ ไม่โกรธาว่ากล่าวแล้วคราวนี้ พระอยู่นี่เถิดอย่าไปข้างไหนหนะ ต่างสรวลสันต์หรรษาเสียงจ๋าจ๊ะ พูดถึงจะเล่นสนุกตุ๊กตา พวกแสนสาวท้าวนางต่างหัวเราะ รู้ปอเหลาะน่ารักเป็นนักหนา ท้าวทศวงศ์สงสัยในวิญญาณ์ จึงตรัสปราศรัยนางทางไมตรี อายุเจ้าเท่าไรจะใคร่รู้ บิดาดูรูปราวกับสาวศรี เมื่อทรงครรภ์ชันษาสักกี่ปี ประเดี๋ยวนี้คิดเข้าเป็นเท่าไร ฯ ๏ ยุพยงทรงฟังรับสั่งถาม ให้เขินขามคิดพรั่นประหวั่นไหว ไม่เคยปดอดสูอยู่ในใจ แข็งฤทัยทูลความไปตามเกิน ชันษาข้ายี่สิบสี่เศษ เบญจเพสจึงต้องตกระหกระเหิน อังคารเข้าเสาร์ทับแทบยับเยิน ให้เผอิญพรากพลัดพระภัสดา ยังอยู่แต่แม่ลูกเป็นเพื่อนยาก กำจัดจากบิตุรงค์พระวงศา แล้วเลี้ยวลดปดโป้ทำโศกา สะอื้นอ้อนซ่อนหน้าระอาอาย ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์สงสารศรีสวัสดิ์ โองการตรัสเล้าโลมนางโฉมฉาย อย่าโศกนักหักใจเสียให้คลาย แม้นมิตายคงได้พบประสบกัน วิสัยโลกโศกสุขทุกข์ธุระ ย่อมพบปะไปกว่าจะอาสัญ เบญจเพสเหตุเพราะพระเคราะห์ครัน สารพันเผอิญเป็นไปเช่นนี้ จริงนะแม่แต่บุราณท่านย่อมว่า เทวดาให้ทุกข์จุกกระหรี่ เทพไทให้คุณแล้วบุญมี สุดแต่ที่บุญกรรมได้ทำมา ซึ่งโฉมงามตามผัวทั่วตำแหน่ง ในเขตแขวงแควสมุทรก็สุดหา จงรอรั้งฟังข่าวเหล่าลูกค้า เขาพูดจาได้ความจึงตามไป ฯ ๏ นางฟังท้าวน้าวโน้มประโลมปลอบ จึงทูลตอบตามปัญญาอัชฌาสัย ซึ่งทรงศักดิ์จักเลี้ยงไว้เวียงชัย พระคุณใหญ่หลวงล้นคณนา แต่ทุกข์ร้อนนอนนั่งยังไม่รอด เหมือนหญิงทอดทิ้งผัวชั่วนักหนา จะตามไปในทะเลตามเวรา นี่แวะมาพอประณตบทมาลย์ ให้พระองค์วงศาคณาญาติ รู้จักราชนัดดาว่าเป็นหลาน จะหยุดยั้งรอราอยู่ช้านาน ก็ป่วยการโยธาจะลาไป ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังสรรเสริญ แสนเจริญกิริยาอัชฌาสัย รักสามีชีวาไม่อาลัย พ่อขอบใจโฉมเฉลาเยาวมาลย์ จะขืนขัดทัดห้ามทรามสงวน ก็ไม่ควรครหาจะว่าขาน จงหยุดยั้งรั้งรอพอสำราญ จึงคิดอ่านตามหาพระสามี แล้วสั่งแก้วเกษราธิดาราช จัดปราสาทแท่นทองให้สองศรี เอาใจใส่ปฏิบัติจัดให้ดี อย่าให้พี่เคืองขัดอัธยา แล้วตรัสเรียกสินสมุทรสุดสวาท มาร่วมอาสน์รับขวัญด้วยหรรษา แต่ยังเยาว์เท่านี้มีศักดา ทั้งแกล้วกล้าการณรงค์คงกระพัน แม้นเติบใหญ่ได้สมบัติพัสถาน จะลือหลานทั่วนิเวศน์ทุกเขตขัณฑ์ ช่วยปกป้องน้องหญิงอย่าทิ้งกัน ตามเผ่าพันธุ์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา แล้วถามซักรักน้องยาหรือหาไม่ พระหน่อไททูลว่ารักนั้นหนักหนา แม้นตามไปได้ประสบพบบิดา จะกลับมาอยู่ด้วยน้องสักสองปี ฯ ๏ พระบิตุราชมาตุรงค์ทรงพระสรวล เห็นสมควรคู่ครองกันสองศรี ต่างพูดเล่นเจรจาจนราตรี พระอัยกีอัยกาก็ลาไป ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ จึงให้จัดแท่นทองอันผ่องใส ให้นัดดานารีพี่สะใภ้ อยู่ห้องในปรางค์รัตน์ชัชวาล แล้วจัดเหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย ที่เรียบร้อยรูปทรงส่งสัณฐาน ให้ใช้สอยคอยระวังตั้งเครื่องอาน บ้างอยู่งานพัชนีนั่งวีลม ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี ความรักพี่สุจริตสนิทสนม พอราตรีหนีจากแท่นบรรทม มาเชยชมเชษฐาป้าสะใภ้ ฉอเลาะพลอดฉอดเสียงสำเนียงแจ้ว พระเจ้าป้ามาแล้วอย่าไปไหน อยู่ปราสาทราชฐานสำราญใจ ฉันจะได้ชมชื่นทุกคืนวัน ยุพยงสงสารพระหลานน้อย ประคองค่อยกอดประทับแล้วรับขวัญ น่าเอ็นดูรู้ว่าสารพัน ไปด้วยกันเถิดป้าจะพาไป เที่ยวตามติดบิตุลาในสาคเรศ ชมประเทศทางชลาคงคาไหล มีเกาะเขาเขียวชอุ่มด้วยพุ่มไม้ ทั้งจะได้ชมปลาในวาริน พระบุตรีดีใจไปสิขา พระเจ้าป้าไปไหนไปด้วยสิ้น ทั้งส้มสูกลูกไม้เอาไปกิน หนอพี่สินสมุทรได้ไปด้วยกัน กุมาราว่าไปแน่หรือแม่หญิง ไปจริงจริงนะอย่าปดประชดฉัน จะได้เล่นเป็นสุขให้ทุกวัน แล่นกำปั่นไปพลางกลางคงคา นางดีใจไปจริงนะพระเจ้าพี่ ไปพรุ่งนี้เถิดนะพระเจ้าป้า นางรับคำรับขวัญจำนรรจา จนเวลาดึกด่วนชวนบรรทม ทั้งลูกเลี้ยงหลานเลี้ยงอยู่เคียงข้าง นางนอนกลางจูบเกล้าทั้งเผ้าผม ล้วนลูกเต้าเขาอื่นได้ชื่นชม จนบรรทมหลับไปในราตรี ฯ ๏ ส่วนม้าใช้ไปถึงพราหมณ์สามประเทศ จึงแจ้งเหตุรบพุ่งในกรุงศรี จอมกษัตริย์ขัตติยาออกราวี พวกไพรีจับไปได้หลายวัน ฯ ๏ เจ้าโมราสานนพราหมณ์วิเชียร ตกใจเจียนชีวาจะอาสัญ ต่างรีบรัดจัดพลได้คนละพัน ขึ้นขี่ม้าพากันรีบยกมา ถึงทุ่งกว้างทางร่วมรมจักร มาพร้อมพรักสามพราหมณ์จึงถามหา พอรู้ข่าวชาวเมืองเขาพูดจา ว่านัดดาดอกมิใช่พวกไพรี ครั้นได้ความสามนายค่อยคลายร้อน ไม่หยุดหย่อนรีบมุ่งมากรุงศรี เข้าในวังทั้งอำมาตย์ราชกวี มาพร้อมที่พระโรงรัตน์กษัตรา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงโลก ไม่วายโศกแสนเทวษถึงเชษฐา บรรทมตื่นแต่งองค์อลงการ์ ออกนั่งหน้าพระโรงรัตน์ชัชวาล ทอดพระเนตรเห็นสามพราหมณ์พี่เลี้ยง เรียกมาเคียงแท่นสุวรรณแล้วบรรหาร แล้วเล่าความตามเรื่องเคืองรำคาญ จะคิดอ่านตามองค์พระทรงธรรม์ ทั้งสามพี่นี้สนิทชีวิตน้อง ช่วยปกป้องเวียงชัยไอศวรรย์ แล้วสั่งฝ่ายนายทหารชาญฉกรรจ์ เกณฑ์กำปั่นหุ้มทองสักสองร้อย ดูเลือกสรรบรรดาโยธาหาญ ที่เคยการเกณฑ์ไปได้ใช้สอย แล้วสั่งเสนาในทั้งใหญ่น้อย ท่านจงค่อยครองกันอย่าฉันทา เราจะต้องท่องเที่ยวเลี้ยวตลบ กว่าจะพบภูวเรศพระเชษฐา ครั้นเสร็จสั่งเสนีแล้วลีลา ขึ้นมหาปรางค์มาศปราสาทชัย ฯ ๏ ฝ่ายมหาเสนาปรีชาหาญ มาจัดการเกณฑ์กำปั่นเสียงหวั่นไหว บ้างเปลี่ยนเสาเพลาสายระบายใบ มีธงชัยปักประจำเป็นสำคัญ ที่ลำทรงธงทองขึ้นล่องฟ้า ปืนจังกากระชับสลับลั่น บรรจุพลคนประจำลำละพัน มาเรียงรันรอท่าอยู่หน้าวัง ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ โทมนัสหนักหน่วงเป็นห่วงหลัง เวลาค่ำขึ้นสุวรรณบัลลังก์ จึงตรัสสั่งอัคเรศเกษรา พี่จะยกทวยหาญชาญสนาม ไปติดตามภูวเรศพระเชษฐา เที่ยวแล่นล่องท้องทางกลางคงคา พี่ขอลาโฉมฉายสายสุดใจ เจ้าโฉมยงจงอยู่ด้วยบิตุเรศ พึ่งพระเดชปกป้องให้ผ่องใส ถนอมเลี้ยงลูกน้อยกลอยฤทัย พี่ไปไกลกว่าจะกลับก็นับปี ฯ ๏ สงสารองค์นงลักษณ์อัคเรศ ชลเนตรคลอคลองให้หมองศรี ชลีกรวอนว่ากับสามี อันน้องนี้มิขออยู่จะสู้ตาย พระเสด็จไปไหนจะไปด้วย เป็นเพื่อนม้วยภูวไนยเหมือนใจหมาย ถ้าทิ้งไว้ไหนน้องจะครองกาย เหมือนหญิงม่ายมิได้พ้นคนนินทา ถึงมิชั่วก็เหมือนชั่วเพราะผัวจาก เป็นหญิงยากจะไว้ตัวกลัวหนักหนา แม้นศึกเสือเหนือใต้สิ่งใดมา จะผินหน้าหาใครก็ไม่มี พระเมตตาพาเมียไปเสียด้วย เหมือนโปรดช่วยชูพักตร์เป็นศักดิ์ศรี จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี กว่าชีวีน้องจะวายทำลายลง ฯ ๏ พระเล้าโลมโฉมฉายสายสวาท มิเสียชาติเชื้อตระกูลประยูรหงส์ พี่รู้แล้วว่าพระนุชนี่สุดตรง ใช่จะสงสัยจิตคิดระแวง ถึงร้อยปีพี่จะไปเสียไกลน้อง ไม่ขุ่นข้องคิดอางขนางแหนง อันทองคำธรรมชาติใช่ทองแดง ไม่เคลือบแฝงแคลงฝ้าเป็นราคี ซึ่งเกรงว่าข้าศึกจะฮึกหาญ มารุกรานรบพุ่งถึงกรุงศรี ทั้งสามพราหมณ์ความรู้ธนูดี ยิงได้ทีละเจ็ดลูกถูกไพริน พี่แต่งไว้ให้รักษาอาณาจักร ด้วยความรักร่วมชีวิตเป็นนิจสิน เหมือนดวงใจนัยนาอยู่ธานินทร์ แม้นไพรินคิดร้ายมันวายปราณ ซึ่งนงลักษณ์จักใคร่ไปด้วยพี่ เกรงเป็นที่ครหาจะว่าขาน ด้วยสตรีที่จะไปมิใช่การ อันหนึ่งหลานพี่นางจะหมางใจ จะว่ารักอัคเรศกว่าเชษฐา ไม่เคลื่อนคลาคลาดมิตรพิสมัย จะไปไหนก็ต้องพากันคลาไคล อย่าตามไปเลยน้องไม่ต้องการ อยู่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงอรุณรัศมี อย่าหยิกตีลูกยาค่อยว่าขาน อันหนึ่งเหล่าสาวสรรค์พนักงาน ให้สำราญเหมือนพี่อยู่ในบูรี อันหนึ่งเจ้าเยาวลักษณ์จงหักจิต อย่าควรคิดขัดข้องให้หมองศรี ถึงพี่ไปใช่ว่าจะช้าที พบพระพี่ก็จะพามานคร ฯ ๏ ยุพยงทรงฟังรับสั่งตรัส สุดจะขัดคับทรวงดวงสมร กราบกษัตริย์ภัสดาให้อาวรณ์ สะอื้นอ้อนอาดูรแล้วทูลพลาง ซึ่งบัญชามาก็จริงทุกสิ่งสิ้น เป็นมลทินสารพัดจะขัดขวาง แต่สงสารผ่านเกล้าไปตามทาง จะอ้างว้างกลางทะเลทุกเวลา พระอยู่วังพรั่งพร้อมสนมนาฏ บำรุงบาทบทเรศพระเชษฐา ยามสระสรงทรงเครื่องสุคนธา นางสาวสรรค์กัลยาเคยอยู่งาน ยามเสวยเคยเทียบสุวรรณภาชน์ โอ้อนาถอนิจจาน่าสงสาร ยามบรรทมแท่นรัตน์ชัชวาล เคยอยู่งานนวดฟั้นให้บรรทม เสด็จไปใครเล่าจะเฝ้าแหน ให้เหมือนแม้นสาวสุรางค์นางสนม จะต้องแดดแผดต้องละอองลม น้องปรารมภ์ร้อยอย่างไม่วางใจ ทั้งไม่แจ้งแห่งเหตุพระเชษฐา จะตามหาแห่งหนตำบลไหน จะเที่ยวท่องล่องลอยครรไลไป สักเมื่อไรจะได้มาถึงธานี เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย พระไม่เคยคลาคลาดปราสาทศรี จะนับเดือนเลื่อนลับไปนับปี ชาวบุรีราษฎรจะร้อนรน รำพันพลางนางสะอึกสะอื้นไห้ ชลนัยน์หยดย้อยดังฝอยฝน น้อมคำนับอภิวาทบาทยุคล นฤมลมิได้วายฟายน้ำตา ฯ ๏ พระเล้าโลมโฉมฉายสายสมร อย่าอาวรณ์ทุกเทวษถึงเชษฐา ถึงยากง่ายหมายว่าตามแต่เวรา ด้วยเกิดมามิได้พ้นคนผู้ใด อันทุกข์โศกโรคภัยในมนุษย์ ไม่รู้สุดสิ้นลงที่ตรงไหน เหมือนกงเกวียนกำเกวียนเวียนระไว จงหักใจเสียเถิดเจ้าเยาวมาลย์ ค่อยอยู่ด้วยบิตุราชมาตุรงค์ ด้วยท้าวทรงพระชราน่าสงสาร ฉวยขุกไข้ได้รักษาพยาบาล อย่าเป็นภารธุระพี่ที่จะไป จัดแต่เหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย ที่เรียบร้อยกิริยาอัชฌาสัย ให้ไปด้วยพี่นางในทางไกล จะได้ใช้ตามประสาเป็นนารี ฯ ๏ นางคำนับรับรสพจนารถ บังคมบาทบงกชบทศรี พระรับขวัญกัลยาแล้วพาที ดวงชีวีเจ้าอย่าได้อาลัยวรณ์ ถึงตัวพี่จะไปแต่ใจอยู่ เหมือนเคยคู่เคียงกายสายสมร แม้นผิดพี่ที่รักร่วมอุทร ก็ไม่จรจากน้องให้หมองนวล ฯ ๏ พระปลอบนางทางประโลมโฉมเฉลา กำสรดเศร้าสั่งนุชสุดสงวน จนไก่ขันหวั่นไหวให้รำจวน ละอองนวลน้ำค้างลงพร่างพราย สุริยงทรงรถขึ้นหมดเมฆ อดิเรกรุ่งฟ้าเวลาสาย พนักงานคลานเคียงมาเรียงราย น้อมถวายเครื่องต้นสุคนธา พระโสรจสรงทรงเครื่องเรืองจำรัส นางกษัตริย์แต่งองค์ทรงภูษา พร้อมสุรางค์นางกำนัลกัลยา เสด็จมาห้องที่พี่สะใภ้ ลดพระองค์ลงนั่งน้อมคำนับ นางน้อมรับหัตถาอัชฌาสัย ศรีสุวรรณทูลความนางทรามวัย วันนี้ได้ฤกษ์ดีจะลีลา ข้าเกณฑ์ลำกำปั่นเข้าบรรจบ พลรบห้าหมื่นทั้งปืนผา เชิญพระพี่ศรีสวัสดิ์กับนัดดา ไปทูลลาบิตุราชมาตุรงค์ ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร ฟังสุนทรชื่นชมสมประสงค์ เชิญกุมารพี่น้องทั้งสององค์ ให้สอดทรงเครื่องสำหรับประดับประดา ครั้นสรรพเสร็จเสด็จดำเนินนาด ไปปราสาทบิตุรงค์พร้อมวงศา อภิวาทบาทมูลต่างทูลลา พระมารดาบิตุรงค์อยู่จงดี ฯ ๏ จอมกษัตริย์อัดอั้นกลั้นสะอื้น อุตส่าห์ฝืนพักตร์สนองทั้งสองศรี เจริญเถิดเกิดลาภปราบไพรี พบพระพี่พามาพาราเรา ศรีสุวรรณอัญชลีทูลสนอง ขอบุญสองพระชนกช่วยปกเกล้า จะเดินทางกลางน้ำลงสำเภา ไปเที่ยวเดากว่าจะพบประสบกัน ขอฝากองค์นงนุชสุดสวาท ไว้ใต้บาทสองกษัตริย์เหมือนฉัตรกั้น นางอรุณรัศมีเหมือนชีวัน พระทรงธรรม์โปรดด้วยช่วยระวัง ฯ ๏ นางอรุณทูลเถียงสำเนียงแจ้ว เจ้าป้าชวนฉันแล้วอย่าฝากฝัง แล้วทูลพระอัยกาละล้าละลัง หม่อมฉันบังคมลาฝ่าธุลี ฯ ๏ พระอัยกาว่าแม่ไปไม่ได้ดอก คลื่นระลอกลมต้องจะหมองศรี พระมารดาว่ามานั่งเสียข้างนี้ พระอัยกียุดตัวกลัวจะไป ฯ ๏ นางอรุณทูลเถียงเสียงฉอดฉอด ฉันไม่ทอดทิ้งพระองค์อย่าสงสัย นี่ธุระพระเจ้าป้าจะพาไป หม่อมฉันได้รับคำแล้วจำเป็น แม้นมิไปไม่ดีเหมือนขี้ปด เป็นคนคดเขาจะเย้ยไม่เคยเห็น อยู่ในวังนั่งเปล่าทั้งเช้าเย็น จะไปเป็นเพื่อนป้าช่วยหาลุง ฯ ๏ สินสมุทรยุดมือไปหรือจ๊ะ ข้างฝ่ายพระอัยกีตีทรวงผลุง จะกรากกรำลำบากไปจากกรุง ฉวยรบพุ่งห่วงใยอย่าไปเลย ฯ ๏ อรุณน้อยช้อยเนตรว่าเชษฐา ไม่ช่วยลาให้บ้างเล่าแม่เจ้าเอ๋ย ดีแล้วนะพระเจ้าป้าก็เฉยเมย กระไรเลยอาภัพอัประมาณ ฯ ๏ นางฟังคำน้ำเสียงสำเนียงพลอด ช่างฉอดฉอดชื่นชอบช่วยปลอบหลาน ป้าอยากได้แม่ไปได้ใช้การ ไม่โปรดปรานจนใจกระไรเลย ฯ ๏ พระอัยกาว่านี่แน่แม่อรุณ อยู่ดูหุ่นดูงานเถิดหลานเอ๋ย ตุ๊กตางางามของทรามเชย นกแก้วเอยหงส์เอยอยู่เชยชม ฯ ๏ สินสมุทรหมอบชิดสะกิดน้อง เช่นนั้นของของพี่ก็มีถม ไปเกล้าจุกตุ๊กตาอย่าปรารมภ์ นางบังคมรับพุคะฉันจะไป ฯ ๏ สองกษัตริย์ขัดสนให้อ้นอั้น ต้องผ่อนผันตามประสาอัชฌาสัย สงสารแก้วเกษราก็อาลัย แต่เกรงใจพระเจ้าป้าไม่พาที ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นว่าเวลาสาย จึงถวายบังคมลาทั้งมารศรี สามกษัตริย์ขัตติยาฝูงนารี มาส่งที่ตำหนักแพเสียงแซ่ซ้อง ส่วนสาวสาวเหล่าสำหรับไปขับกล่อม สะพรั่งพร้อมข้าคนวิ่งขนของ ทั้งเครื่องกินปิ่นโตขันโต๊ะทอง หวีคันฉ่องมีดแหนบแอบเอาไป ที่ผูกพันฟั่นเฟือนด้วยเพื่อนหญิง เฝ้าอ้อยอิ่งอำลาน้ำตาไหล ที่ลางนางทำกระบวนรำจวนใจ เหลืออาลัยแลหาน้ำตาคลอ ครั้นสรรพเสร็จเสด็จลงเรือที่นั่ง พร้อมสะพรั่งพลนิกรถอนสมอ ออกจากท่าหน้าวังไม่รั้งรอ รัวม้าล่อขานโห่เป็นโกลา ท้าวทศวงศ์องค์มิ่งมเหสี กับบุตรีเผ่าพงศ์พระวงศา ก็ลงเรือพระที่นั่งทั้งเสนา ตามส่งสองกษัตราด้วยอาลัย พอออกจากปากอ่าวดูเปล่าโว้ง เห็นเสากระโดงดังหนึ่งแขมแซมไสว แลพิลึกตึกตั้งบังต้นไม้ กำปั่นใหญ่อย่างนิเวศน์เขตนคร ครั้นถึงท้ายรายเรียงเคียงประทับ ทั้งหน้าหลังคั่งคับสลับสลอน นางเชิญองค์พงศานรากร บทจรจากบัลลังก์ที่นั่งน้อย ขึ้นชมลำกำปั่นเป็นหลั่นลด มีเกวียนรถเตรียมไว้เครื่องใช้สอย ทั้งอูฐลาม้าควายก็หลายร้อย เก๋งน้อยน้อยนั่งเล่นเย็นเย็นใจ มีไม้ดอกออกลูกปลูกริมตึก ดูครื้นครึกโสภาพฤกษาไสว หญ้าฝรั่นจันทน์คณาหว้าลำไย ช่างปลูกไว้สารพัดเหมือนปัถพี ต่างเพลิดเพลินเดินดูหมู่ทหาร ล้วนคนงานกองชวากะลาสี แล้วโฉมยงองค์สุวรรรณมาลี นำมาที่ตึกใหญ่ใต้ต้นจันทน์ เชิญกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ให้ทรงนั่ง เก้าอี้ตั้งโต๊ะเรียงเคียงเคียงคั่น ลมเย็นเย็นเห็นทะเลว้าเหว่ครัน ฝูงกำนัลนั่งแลชะแง้ชม ริ้วริ้วเรื่อยเฉื่อยวายุพาพัด กลัวจะปัดปีกปั่นเมื่อกันผม ที่ไม่มีกิริยานั่งท่าลม พัดผ้าห่มปลิวเปลื้องเห็นเครื่องยศ พระญาติวงศ์พงศาที่มาส่ง ตะลึงหลงแลเหลียวเสียวสลด ท้าวทศวงศ์สงสารหลานโอรส จะอดอดอยากอยากลำบากใจ ถอนสะอื้นกลืนกลั้นไม่กันแสง พระเนตรแดงดังทับทิมปริ่มปริ่มไหล ด้วยกลัวว่าจะเป็นลางตามทางไป แข็งพระทัยท้าวช่วยอำนวยพร แม่มาลีศรีสุวรรณสินสมุทร อรุณสุดสวาททรวงดวงสมร จงไปดีปรีดาสถาวร อย่ารู้ร้อนโรคาเป็นราคี ฯ ๏ สี่กษัตริย์ขัตติย์วงศ์ทรงสดับ ต่างคำนับน้อมประณตบทศรี แล้วทูลลาท้าวไทพระอัยกี กับบุตรีวงศาลาครรไล มาลงลำกำปั่นให้รันทด โศกกำสรดอุตส่าห์ขืนสะอื้นไห้ พอเรือคล้อยลอยแลอยู่แต่ไกล พวกลำใหญ่ยิงปืนเสียงครื้นเครง ถอนสมอช่อใบขึ้นใส่รอก สัญญาออกรัวระฆังดังหง่างเหง่ง พวกเรือแห่แตรสังข์เสียงวังเวง ดูน่าเกรงกลัวสง่าเภตรากล พอลมล่องต้องใบครรไลเลื่อน ตามคลื่นเคลื่อนเกลื่อนทางไปกลางหน เห็นไรไรใบสล้างระยางบน มีผู้คนขึ้นไปนั่งระวังคอย ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์องค์มิ่งมเหสี กับบุตรีร่วมใจไห้ละห้อย ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพร้อย จนเรือคล้อยเคลื่อนลับให้กลับลำ ครั้นลมส่งตรงมุ่งมากรุงแก้ว ถึงวังแล้วยังสะอื้นทุกคืนค่ำ เกษราอาลัยใจระกำ พิไรร่ำโศกาถึงสามี ฯ ๏ ฝ่ายศรีสุวรรณวงศ์ทรงกำปั่น อยู่ห้องกั้นเก๋งสบายท้ายบาหลี เย็นพยับลับฟ้าเข้าราตรี พอลมดีเดือนสว่างกลางทะเล หวนอาลัยไอศวรรย์กระสันสวาท จะนิราศแรมร้างไปห่างเห อันแถวทางกลางสมุทรสุดคะเน ให้ว้าเหว่วิญญาณ์เอกากาย จึงยอกรวอนไหว้ทุกไทเทพ ซึ่งสมเสพโสฬสหมดทั้งหลาย แม้นเชษฐาข้านี้ยังมิตาย ขอพระพายพัดส่งตรงออกไป ให้พบปะพระองค์เหมือนจงจิต จะเปลื้องปลิดทุกข์น้องให้ผ่องใส ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งอาลัย เศร้าพระทัยอ้างว้างไปกลางชล ฯ ๏ จะกล่าวองค์อุศเรนเจนสมุทร ราชบุตรเจ้าพาราภาษาสิงหล คุมกำปั่นพันลำเที่ยวแล่นชล ตามตำบลเกาะแก่งทุกแขวงแคว ไม่พบท้าวเจ้ากรุงผลึกราช ค่อยอ้อมหาดตะวันตกวกแฉว แต่ดิ้นโดยโหยไห้อาลัยแล ตามกระแสสายสมุทรสุดสายตา ถึงสามเดือนเคลื่อนคลาดประหลาดเหลือ หรือเสียเรือพระที่นั่งกระมังหนา นึกสงสัยไต่ถามพวกโหรา เขาทูลว่าโฉมฉายไม่วายวาง ยิ่งวิตกอกตรมระทมทุกข์ ไม่มีสุขสารพัดจะขัดขวาง ทุกคืนค่ำรำลึกนึกถึงนาง มาเริศร้างค้างงานการวิวาห์ พี่ติดตามทรามสวาทก็คลาดแคล้ว ไม่พบแก้วนัยน์เนตรของเชษฐา มาแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าเศร้าวิญญาณ์ เห็นแต่ฟ้ากับน้ำทุกค่ำคืน ทั้งกำปั่นบรรดาโยธาหาญ อลหม่านแล่นหลามมาตามคลื่น พอแสงทองส่องสว่างนภางค์พื้น ต่างยิงปืนรับกันเป็นสัญญา ครั้นเกือบใกล้เขามหิงขสิงขร ชโลทรซึ้งซึกลึกนักหนา เห็นเขาใหญ่ในทะเลเหมือนเมฆา ร่มรุกขาชื่นชุ่มชอุ่มใบ อุศเรนทรงส่องกล้องสว่าง ดูไปทางโขดเขินเนินไศล เห็นริ้วริ้วทิวธงอยู่ไรไร จึงบอกให้ยืนดูทุกผู้คน บ้างลุกขึ้นยืนมองบ้างป้องหน้า ยังไกลตาเต็มพิศคิดฉงน อุศเรนเห็นทีจะมีคน แวะขึ้นค้นดูให้สิ้นที่กินใจ จึงสั่งให้นายท้ายบ่ายกำปั่น หมายสำคัญทิวธงด้วยสงสัย พวกฝรั่งหยั่งน้ำร่ำเข้าไป ทั้งนายไพร่พร้อมมาในสาคร ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระอภัยวิไลลักษณ์ ซึ่งสำนักอยู่มหิงขสิงขร กับคนร้อยคอยท่าเภตราจร เป็นทุกข์ร้อนร่ำมาถึงห้าเดือน ได้แต่กินเผือกมันพรรณผลไม้ แสนลำบากยากไร้ใครจะเหมือน คิดบ่นจำธรรมขันธ์ไม่ฟั่นเฟือน อุตส่าห์เตือนกันให้ภาวนามนต์ พระโศกศัลย์รันทดสลดจิต ด้วยสุดคิดสารพัดจะขัดสน ทั้งลูกน้อยพลอยหายในสายชล จะอับจนหรือจะรอดตลอดไป โอ้ลูกเอ๋ยเคยอยู่เป็นคู่ยาก มาพลัดพรากมิได้เห็นว่าเป็นไฉน ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งอาลัย พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย แล้วคิดถึงสุมาลีศรีสวัสดิ์ ระลอกซัดสูญไปน่าใจหาย อันท้าวไทไหนจะรอดคงวอดวาย อันจะว่ายสายสมุทรสุดกำลัง โอ้ตัวเราเล่ามาค้างอยู่กลางเกาะ นี่เนื้อเคราะห์กรรมสร้างแต่ปางหลัง มิได้คืนนัคเรศนิเวศน์วัง โอ้แสนสังเวชใจกระไรเลย เมื่อครั้งหนีผีเสื้อเหลือลำบาก มาซ้ำจากลูกยานิจจาเอ๋ย ทั้งเก้าปีมิได้มีความเสบย ผู้ใดเลยที่จะเป็นเหมือนเช่นเรา แต่แสนยากแล้วมิหนำมาซ้ำแยก ทั้งเรือแตกต้องมาอยู่บนภูเขา แสนวิโยคโศกศัลย์ไม่บรรเทา กำสรดเศร้าโศกาทุกราตรี เมื่อวันนั้นบรรดาแขกฝรั่ง อยู่พร้อมพรั่งนั่งประณตบทศรี พอแลเห็นเภตราในวารี พยุตีตัดทางมากลางชล ชี้พระหัตถ์ตรัสบอกบ่าวทั้งนั้น โน่นกำปั่นแล่นสลับมาสับสน มีธงเทียวเขียวเหลืองแลชอบกล พวกไพร่พลดูพลางไม่วางตา บ้างก็ว่ามากมายเห็นหลายร้อย ยังแล่นลอยไรไรไกลนักหนา บ้างบนเจ้าอ่าวทะเลเทวดา ขอให้มาถึงเราที่เขานี้ แม้นโดยสารได้สมอารมณ์หมาย จะถวายเป็ดไก่กับบายศรี พระโฉมยงลงมาหน้าคิรี กับโยธียืนท่าเภตราจร ฯ ๏ พวกลำทรงองค์อุศเรนราช มาถึงหาดเห็นคนบนสิงขร ทอดสมอรอราในสาคร พลนิกรพร้อมกันทั้งพันลำ เสด็จเข้าที่สรงแล้วทรงเครื่อง อร่ามเรืองล้วนจินดาเลขาขำ ใส่หมวกดำเสื้อดำกางเกงดำ แล้วลงลำเรือใช้กับไพร่พล พวกโยธีตีกรรเชียงเข้าเคียงเขา ทหารเอาถ่อรับอยู่สับสน ฝ่ายว่าองค์อุศเรนเจนประจญ จึงพาพลยุรยาตรขึ้นหาดทราย พอเห็นองค์พระอภัยวิไลโฉม งามประโลมแลเลิศดูเฉิดฉาย อร่ามเรืองเครื่องประดับสำหรับกาย เห็นดีร้ายกษัตรามาแต่ไกล จึงตรัสถามตามภาษาฝรั่ง ว่าท่านทั้งนี้พากันมาแต่ไหน เกิดวิบัติขัดขวางเป็นอย่างไร จึงอยู่ในเกาะขวางกลางคงคา ฯ ๏ พระอภัยได้สดับสุนทรถาม จึงตอบตามคำฝรั่งไม่กังขา อันตัวเราเจ้าบุรีรัตนา ผีเสื้อพาลงไว้ในสาคร แล้วเล่าความตามหนีนางผีเสื้อ จนเสียเรือขึ้นอาศัยในสิงขร อันท้าวไทธิดาพะงางอน พลนิกรสาวสนมกรมใน ระลอกซัดพลัดพรายต้องว่ายน้ำ ด้วยมืดค่ำมิได้เห็นว่าเป็นไฉน ทั้งบุตราข้านี้ก็หายไป ยังมิได้รู้เห็นว่าเป็นตาย ท่านทั้งนี้มีธุระอย่างไรเล่า คุมสำเภาพลเรือมาเหลือหลาย เราทั้งนี้ชีวิตจะวอดวาย ท่านผู้นายเภตราจงปรานี ขอโดยสารท่านพอเข้าถึงฝั่ง จะเซซังหมายมุ่งไปกรุงศรี อันพวกข้าถ้าการของท่านมี ก็ตามทีแต่จะใช้ได้เมตตา ฯ ๏ อุศเรนรู้แจ้งไม่แคลงจิต เสียดายมิตรแทบชีวังจะสังขาร์ ทรุดพระองค์ลงที่แท่นแผ่นศิลา ชลนาหลั่งไหลพิไรครวญ โอ้สุวรรณมาลีของพี่เอ๋ย บุญไม่เคยคู่ครองประคองสงวน จะจัดแจงแต่งงานเป็นการจวน เออก็ควรแล้วหรือนางมาวางวาย เสียแรงคิดติดตามทรามสวาท ที่มุ่งมาดมิได้สมอารมณ์หมาย จะกลับไปลังกาก็ท่าอาย จะตามตายเสียให้พ้นคนนินทา ยิ่งโศกศัลย์กันแสงแสนเทวษ ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา จนลมจับวับวาบในวิญญาณ์ พระพักตราเศร้าซบสลบไป ฯ ๏ ฝ่ายเสนาฝรั่งอยู่พรั่งพร้อม เข้าห้อมล้อมเซ็งแซ่แล้วแก้ไข เคียงประคองร้องเรียกน้ำดอกไม้ มาลูบไล้สารพางค์ให้ห่างคลาย หอมระรื่นฟื้นองค์ดำรงนั่ง หมอฝรั่งรินยามาถวาย ที่ร้อนเล่าเศร้าสร้อยค่อยสบาย คิดเสียดายพระธิดายิ่งอาวรณ์ จึงเชิญองค์พระอภัยให้มานั่ง ร่วมบัลลังก์เหลี่ยมผาหน้าสิงขร ต่างปราศรัยไต่ถามนามกร ทั้งบิดรมารดานามธานี แล้วเล่าเรื่องเมืองผลึกราชฐาน จะจัดแจงแต่งงานภิเษกศรี พอโฉมฉายหายมาในวารี ฉันจึงกรีพลตามมาสามเดือน พึ่งได้ความทรามสวาทเห็นคลาดแคล้ว เสียดายแก้วกลอยใจใครจะเหมือน การไม่ควรปรวนแปรมาแชเชือน ต้องคลาดเคลื่อนเสนหาให้อาลัย ขอถามเมื่อเรือแตกต้องแยกย้าย นางโฉมฉายพระเห็นเป็นไฉน จะล้มตายวายวางหรืออย่างไร หรือจะไม่มรณาในสาคร ฯ ๏ พระอภัยได้แจ้งแถลงเล่า รู้ว่าเขาจะเป็นคู่สู่สมร พยายามตามหาด้วยอาวรณ์ เป็นทุกข์ร้อนรักนางถึงอย่างนี้ น่าสงสารการชายตายเพราะหญิง ไม่ควรชิงพระธิดามารศรี จะผูกพันกันไว้เป็นไมตรี จึงพาทีมิให้หมางระคางคำ เมื่อข้าโดยสารมาเป็นดาบส รักษาพรตบ่นภาวนาร่ำ ข้าอยู่ท้ายฝ่ายนางอยู่กลางลำ สุดจะกำหนดการด้วยย่านไกล อันพวกเหล่าโหราเหมือนตาโลก รู้โฉลกเลขผาภาษาไสย จงหาหมอดูแลให้แน่ใจ เผื่อจะได้ข่าวองค์อนงค์นาง ฯ ๏ อุศเรนฟังแถลงไม่แคลงจิต สุจริตรักใคร่มิให้หมาง จึงดำรัสตรัสถามโหราพลาง จงดูนางเห็นจะรอดหรือวอดวาย ฯ ๏ โหรารับจับยามตามโฉลก อุษาโยคยามจันทร์เจ็ดชั้นฉาย ลงเลขลับขับไล่ยังไม่ตาย จึงทูลทายว่าข้าเห็นไม่เป็นไร พระบุตรีมีผู้จะชูช่วย ไม่มอดม้วยมรณาอย่าสงสัย อยู่ทางทิศอิสานสำราญใจ แม้นตามไปก็จะพบประสบกัน ฯ ๏ อุศเรนฟังทายค่อยคลายจิต จึงว่าผิดก็จะฆ่าให้อาสัญ แม้นตามไปได้นางจะรางวัล แล้วพูดกันกับพระอภัยมณี เชิญพระองค์ลงร่วมเรือกับข้า เที่ยวติดตามพระธิดามารศรี พระแก่วันชันษากว่าข้านี้ นึกว่าพี่น้องกันไม่ฉันทา แล้วแย้มสรวลชวนเดินดำเนินนาด ยุรยาตรจากแท่นที่แผ่นผา ทั้งสององค์ลงนั่งยังนาวา จะเคลื่อนคลาเรือติดเห็นผิดใจ ฯ ๏ อุศเรนเกณฑ์ไพร่ให้ลงลาก ฉุดกระชากเชือกขาดไม่หวาดไหว เหตุทั้งนี้ผีเสื้อที่บรรลัย บันดาลให้เรือตึงดังตรึงตรา สองกษัตริย์ตรัสถามความผู้เฒ่า ไยเรือเราจึงมาติดผิดนักหนา ตาพราหมณ์ครูรู้ความตามตำรา จึงทูลว่าผีเสื้อยุดเรือไว้ ขอพระองค์จงเสด็จขึ้นบนฝั่ง กลับไปสั่งสารยักษ์ที่ตักษัย ให้ใจนางอสุรินทร์สิ้นอาลัย ก็จะได้ไปสบายหายสำราญ ฯ ๏ พระอภัยสุริย์วงศ์ทรงสดับ พระทัยกลับคิดได้ให้สงสาร จึงชวนลูกเจ้าลังกาปรีชาชาญ กับทหารยุรยาตรขึ้นหาดทราย ถึงศพที่ผีเสื้อกลายเป็นหิน ไม่สุดสิ้นอาลัยให้ใจหาย เข้านั่งเรียงเคียงข้างดูร่างกาย พระฟูมฟายชลนาโศกาลัย โอ้น้องเอ๋ยเคยอยู่เป็นคู่ชื่น สำราญชื่นชูจิตพิสมัย เจ้าสิ้นบุญสูญแล้วแคล้วกันไป พี่จำไกลกลอยสวาทในชาตินี้ อย่าน้อยจิตคิดทำให้ลำบาก ขอลาซากศพน้องอย่าหมองศรี พี่ตกยากอยู่ด้วยเจ้าถึงเก้าปี ช่วยส่งพี่เสียให้พ้นทนทรมาน อนึ่งไปขอให้พบสินสมุทร จะพาบุตรไปประเทศเขตสถาน อันบุญพี่ที่ได้บวชบำเพ็ญทาน สร้างสมภารภาวนามาทุกวัน พี่แบ่งให้นฤมลเจ้าพ้นทุกข์ เกิดสมสุขสู่สถานพิมานสวรรค์ จะเกิดไหนขอให้อยู่เป็นคู่กัน จนถึงวันนฤพานสำราญใจ พระร่ำพลางทางพินิจคิดสังเวช น้ำพระเนตรผ้อยผ้อยละห้อยไห้ ระทวยทอดกอดศพสลบไป เหมือนหลับใหลลืมกายดังวายปราณ ฯ ๏ อุศเรนเห็นนิ่งวิ่งเข้ารับ ค่อยประคับประคององค์ด้วยสงสาร เรียกฝรั่งพรั่งพรูมาอยู่งาน บ้างเชิญพานสุคนธามาชโลม น้ำดอกไม้ใสสดรสระรื่น ค่อยพลิกฟื้นวรองค์พระทรงโฉม พอบ่ายเบี่ยงเสียงคลื่นออกครื้นโครม ยิ่งทุกข์โทมนัสใจจะไกลนาง ฯ ๏ อุศเรนร่ำปลอบให้ชอบชื่น จงคิดขืนแข็งใจพระไว้บ้าง อันศพซากรากษสที่วายวาง ต้องอยู่กลางแดดฝนทนทรมาน เราทำโรงร่มไว้พอให้มิด จะได้คิดตามบุตรสุดสงสาร แล้วสั่งให้ไพร่พลพวกคนงาน ขึ้นทำการก่อผนังแลหลังคา ไม่ทันค่ำสำเร็จเป็นโรงใหญ่ ด้วยพวกไพร่พร้อมพรักกันนักหนา พระอภัยกับฝรั่งชาวลังกา ก็เลยลาซากผีเสื้อลงเรือน้อย ไม่ขัดข้องล่องน้ำถึงกำปั่น ปืนสำคัญยิงรับให้กลับถอย ทั้งพันลำกำปั่นเป็นหลั่นลอย พอบ่ายคล้อยเรียบรื่นทั้งคลื่นคลาย ให้แล่นลัดตัดทางข้างอิสาน เหล่าคนงานกางใบขึ้นใส่สาย พร้อมสะพรั่งทั้งพหลพลนิกาย ดูเรี่ยรายเรียงหลามไปตามทาง ฯ ๏ ฝ่ายบุตรท้าวเจ้าลังกาอาณาจักร อารมณ์รักพระอภัยมิให้หมาง ให้อยู่ห้องช่องเรือระวางกลาง มีหน้าต่างเตียงตั้งที่นั่งนอน แขกฝรั่งทั้งร้อยพลอยเป็นสุข บรรเทาทุกข์ภิญโญสโมสร ปรนนิบัติกษัตราเฝ้าอาทร ผลัดกันนอนผลัดกันนั่งระวังภัย พอสุริยงลงลับพยับโพยม เขาจุดโคมสายระยางสว่างไสว ฆ้องระฆังหง่างเหง่งวังเวงใจ พระอภัยเผยแกลแลดูดาว เห็นเดือนหงายฉายแสงแจ้งกระจ่าง ต้องน้ำค้างซัดสาดอนาถหนาว น้ำกระเซ็นเป็นฝอยดูพร้อยพราว อร่ามราวเพชรรัตน์จำรัสราย ให้คิดถึงลูกน้อยกลอยสวาท เคยร่วมอาสน์อกอุ่นมาสูญหาย ซึ่งโหราว่านางไม่วางวาย ก็ดีร้ายลูกยาจะพาไป จะถึงฝั่งหรือว่ายังอยู่กลางสมุทร หรือขึ้นหยุดเกาะแก่งตำแหน่งไหน ถ้าพบนางกลางน้ำทำอย่างไร จึงจะได้นุชน้องเป็นของเรา ด้วยว่าองค์อุศเรนมาเป็นมิตร ครั้นจะคิดขัดไว้เกรงใจเขา แต่พี่รู้อยู่ว่าองค์นางนงเยาว์ รักข้างเราเจ้าจึงได้ให้สังวาล พี่ก็ได้ให้ธำมรงค์รัตน์ สารพัดพูดจาน่าสงสาร ยิ่งคิดก็ยิ่งให้อาลัยลาน ชมสังวาลต่างนางในกลางคืน กับทั้งภูษาศรีคลี่ออกห่ม พอต้องลมรินรินกลิ่นระรื่น แสนวิโยคโศกศัลย์ทุกวันคืน ซบสะอื้นอาลัยไม่ไสยา จนยามดึกครึกครื้นเสียงคลื่นซัด พงศ์กษัตริย์เศร้าสร้อยละห้อยหา ชลีหัตถ์อธิษฐานถึงเทวา ฉ้อกามาเมืองสวรรค์ถึงชั้นพรหม แม้นสุวรรณมาลีศรีสมร แต่ชาติก่อนได้เป็นคู่เคยสู่สม อย่าคลายแคล้วแก้วตาเหมือนอารมณ์ ให้ได้ชมเชยนางเหมือนอย่างเคย พระคิดพลางครวญพลางให้วางเวก เอกเขนกนึกนิ่งอิงเขนย หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย พระก็เลยหลับไปในไสยา ฯ ๏ ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริเยนทร์ อุศเรนใฝ่ฝันกระสันหา บรรทมตื่นแต่งองค์สรงพักตรา แล้วเผยหน้าแกลสุวรรณบัญชร เห็นละเมาะเกาะแก่งตำแหน่งไหน ให้เรือใช้ขึ้นไปค้นบนสิงขร ไม่พบนางกลางชลายิ่งอาวรณ์ เป็นทุกข์ร้อนรำพึงตะลึงแล โอ้เมื่อไรพี่จะได้เจ้าดวงจิต ให้สมคิดเคียงข้างไม่ห่างแห จงอิงแอบแนบนั่งตรงหน้าแกล ชมกระแสสายสมุทรสุดสบาย เหล่าละเมาะเกาะเกียนเหมือนเขียนวาด งามประหลาดแลหลากดังฉากฉาย ชะโงกเงื้อมเลื่อมแลลายระบาย โอ้เสียดายพี่มาดูแต่ผู้เดียว อนาถนิ่งอิงเอกเขนกนึก หวนสะทึกถอนใจอาลัยเหลียว เสียงโครมครื้นคลื่นกลิ้งเป็นเกลียวเกลียว ให้เปล่าเปลี่ยวเห็นแต่ปลาในสาคร เป็นคู่คู่งูเงือกขึ้นเกลือกกลอก ตามระลอกโลดเต้นเห็นสลอน ฝูงพิมพาพากันเที่ยวสัญจร ทั้งเนื้ออ่อนอ่อนกายเที่ยวว่ายวน ทั้งโลมาราหูขึ้นฟูฟ่อง บ้างพ่นฟองฟุ้งฟ้าดังห่าฝน จระเข้เหราในสาชล ดูเกลื่อนกล่นกลางน้ำน่าสำราญ โอ้มัจฉานาคียังมีคู่ แต่ตัวกูเอกาน่าสงสาร ยิ่งคิดถึงพระธิดายุพาพาล โอ้ว่าป่านฉะนี้นางจะอย่างไร พวกโหรว่ามีผู้จะชูช่วย ถ้าฉุกฉวยเพลี่ยงพล้ำจะทำไฉน ถึงกระนั้นก็ไม่นิ่งจะชิงชัย กว่าจะได้แก้วตาสุดาดวง แม้นมิพบแก้วตาเที่ยวหาทั่ว จะบวชตัวเสียให้ขาดเป็นบาทหลวง ยิ่งคิดไปให้ระทดสลดทรวง จนเรือล่วงแล่นมาหลายราตรี ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นสินสมุทร กับนงนุชนางอรุณรัศมี ทั้งโฉมยงองค์สุวรรณมาลี กษัตริย์ศรีสุวรรณมาในสาคร เที่ยวค้นคว้าหาทั่วทุกแก่งเกาะ เหล่าละเมาะเขาเขินเนินสิงขร ไม่พบองค์พระอภัยอาลัยวรณ์ เป็นทุกข์ร้อนโศกศัลย์ทุกวันวาร แต่อรุณรัศมีไม่มีทุกข์ กับสินสมุทรสุดสุขสนุกสนาน ครั้นราตรีพี่น้องสองกุมาร บรรทมแท่นแสนสำราญด้วยมารดา เผยพระแกลแลดูเดือนสว่าง แจ่มกระจ่างกลางทะเลแลเวหา พระชนนีชี้ชวนชมดารา ให้ลูกยาหลานรักรู้จักไว้ ดูโน่นแน่แม่อรุณรัศมี ตรงมือชี้ดาวเต่านั่นดาวไถ โน่นดาวธงตรงหน้าอาชาไนย ดาวลูกไก่เคียงอยู่เป็นหมู่กัน องค์อรุณทูลถามพระเจ้าป้า ที่ตรงหน้าดาวไถชื่อไรนั่น นางบอกว่าดาวธงอยู่ตรงนั้น ที่เคียงกันเป็นระนาวชื่อดาวโลง แม้นดาวกามาใกล้ในมนุษย์ จะม้วยมุดมรณาเป็นห่าโหง ดาวดวงลำสำเภามีเสากระโดง สายระโยงระยางหางเสือยาว นั้นแน่แม่ดูดาวจระเข้ ศีรษะเร่หกหางขึ้นกลางหาว ดาวนิดทิศพายัพดูวับวาว เขาเรียกดาวยอดมหาจุฬามณี โน่นดาวคันชั่งช่วงดวงสว่าง ที่พร่างพร่างพรายงามดาวหามผี หน่อนรินทร์สินสมุทรกับบุตรี เฝ้าเซ้าซี้ซักถามตามสงกา พระชนนีชี้แจงให้แจ้งจิต อยู่ตามทิศทั่วไปในเวหา ครั้นดึกด่วนชวนสองกุมารา เข้าห้องในไสยาในราตรี ฝ่ายสุรางค์นางสำหรับที่ขับกล่อม สะพรั่งพร้อมน้อมประณตบทศรี บ้างท้าทับขับไม้มโหรี อยู่ข้างที่แท่นสุวรรณบัลลังก์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ ทรงกำปั่นแล่นล่องเป็นกองหลัง ทั้งปีกขวาปีกซ้ายรายระวัง ดูคับคั่งเรียงมาในสาคร ครั้นดาวเดือนเลื่อนลับพยับฟ้า พระสุริยาเยื้องเยี่ยมเหลี่ยมสิงขร พระพายพัดพัดพาเภตราจร ไม่หยุดหย่อนแล่นหลามตามกันมา เช้าชะวากปากน้ำสำปะหลัง ไม่เข้าฝั่งตัดทางไปข้างขวา พอเห็นลำสำเภาชาวลังกา ดาษดาแลไปยังไกลครัน พอกองนำลำทรงสินสมุทร สั่งให้จุดปืนสัญญาโกลาลั่น พวกกองนำลำทรงศรีสุวรรณ ขึ้นมาทันนัดดาจึงพาที เขาแล่นมาถ้าเราแล่นไปมั่ง จะคับคั่งเคืองใจไม่พอที่ ทอดสมอรอเรียงอยู่เพียงนี้ ดูท่วงทีท่าทางจะอย่างไร แล้วยิงปืนปากปลาสัญญาหยุด อุตลุดหลีกกันเสียงหวั่นไหว ทอดสมอรอหมดแล้วลดใบ กำปั่นใหญ่อยู่กลางขวางคงคา ฯ ๏ ฝ่ายกองทัพอุศเรนเห็นกำปั่น มาเรียงรันรายทางอยู่ข้างหน้า จึงยิงปืนครื้นครั่นเป็นสัญญา จะรอราหน้าหลังตั้งกระบวน อุศเรนเห็นลำกำปั่นใหญ่ มีต้นไม้หมากมะพร้าวราวกับสวน จะจาบจ้วงล่วงไปก็ไม่ควร ฉวยการจวนรบรับจะอับจน ด้วยอยู่ห่างคลางแคลงไม่แจ้งเหตุ เห็นผิดเพศพาณิชคิดฉงน เห็นจะเป็นโจรร้ายในสายชล มาเที่ยวปล้นนาวาพวกพาณิช จึงตรัสสั่งเรือใช้ให้ไปถาม ให้ได้ความเรือฝรั่งหรืออังกฤษ หรือกษัตริย์ขัตติยาวราฤทธิ์ ให้แจ้งจิตแล้วจะได้เป็นไมตรี ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกากองทหาร รับโองการน้อมประณตบทศรี ลงเรือเร็วรีบมาในวารี มาถึงที่ทัพใหญ่ดังใจจง จึงแจ้งความตามภาษาลังกาพูด เราเป็นทูตจะมาถามตามประสงค์ นี่นายเรือเชื้อกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ หรือเผ่าพงศ์พาณิชอย่าปิดความ ฯ ๏ ฝ่ายเรือรบเรียงกันอยู่ชั้นนอก ครั้นจะบอกออกไปเองก็เกรงขาม จำจะกราบทูลแถลงให้แจ้งความ แล้วพาเข้าเฝ้าตามจะโปรดปราน ฯ ๏ สินสมุทรทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ ตรัสประภาษพูดจาด้วยกล้าหาญ ใครใช้มาว่ากระไรจงให้การ นายของท่านให้มาถามนั้นนามใด ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาที่มาเฝ้า จึงก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข องค์พระราชโอรสยศไกร ขอท้าวไทที่เป็นเจ้าชาวลังกา ทรงพระนามอุศเรนเกณฑ์ทหาร มาแต่งงานมิ่งมิตรขนิษฐา ข้างเจ้ากรุงผลึกรัตน์กษัตรา กับธิดาโฉมฉายนั้นหายไป จึงเที่ยวตามข้ามมหามหรณพ พอมาพบพวกพระองค์ก็สงสัย ให้รอรั้งยั้งหยุดอยู่แต่ไกล จึงใช้ให้ข้ามาถามตามสงกา ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอิศเรศ ได้แจ้งเหตุหนหลังไม่กังขา ด้วยเดิมรู้อยู่ว่าลูกเจ้าลังกา เขาจะมาแต่งงานกับมารดร แม้นละไว้ไม่สังหารผลาญชีวิต มันจะคิดชิงช่วงดวงสมร จะห้ำหั่นบั่นเสียให้ม้วยมรณ์ พบบิดรก็จะได้ให้มารดา ด้วยใจเด็กเดือดดาลทะยานจิต กำเริบฤทธิ์หาญฮึกไม่ปรึกษา จึงว่าเหวยอ้ายฝรั่งชาวลังกา เที่ยวหลับตาตามเปล่าไม่เข้าการ อันท้าวไทอัยกากรุงผลึก มิได้นึกผูกรักสมัครสมาน จึงยกราชธิดายุพาพาล มาประทานให้แก่บิตุเรศเรา เดี๋ยวนี้มารดากูก็อยู่นี่ อันชาตินี้เจ้านายมึงหมายเปล่า จงไปบอกเถิดว่าองค์นางนงเยาว์ อยู่ที่เราแล้วอย่าคิดไปติดตาม แม้นรักตัวกลัวตายเสียดายศักดิ์ อย่าฮึกฮักจ้วงจาบทำหยาบหยาม กลับลังกาหาเมียที่งามงาม จะมีความสุขสบายไม่วายปราณ กูนี้หรือชื่อว่าสินสมุทร มิ่งมงกุฎกษัตรามหาศาล ไปบอกเล่าเจ้ามึงให้แจ้งการ จงคิดอ่านเลิกทัพกลับธานี ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังว่าเห็นกล้าเหลือ บังคมลามาเรือแล้วรีบหนี แค้นอารมณ์ลมไม่ใคร่จะมี ให้พลตีกรรเชียงฝืนคลื่นออกไป ฯ ๏ สินสมุทรวิ่งมาหาแม่เลี้ยง เข้านั่งเคียงเล่าแจ้งแถลงไข เหมือนวาจาท้าทายหมายชิงชัย นางตกใจจึงว่าฉาวแล้วคราวนี้ เมื่อปกปิดมิให้ผู้ใดแจ้ง มาพรายแพร่งเสียเพราะพ่อไม่พอที่ จะนิ่งไว้ในอุราว่าไม่ดี ความเช่นนี้หรือไปเล่าให้เขาฟัง เขารู้แน่ว่าแม่ยังเป็นสาว จะว่ากล่าวลวนลามถึงความหลัง ถ้าทราบถึงพระเจ้าอาก็น่าชัง ด้วยปิดบังมิได้บอกออกให้รู้ ถึงกระไรให้พบกับบิตุเรศ พระโปรดเกศก็จะได้ไม่อดสู นี่พ่อมาบอกให้อ้ายศัตรู มันล่วงรู้ความลับน่าอับอาย อนึ่งเล่าเขาก็คงจะคุมแค้น มาทดแทนทำศึกเหมือนนึกหมาย พลไพร่ใหญ่น้อยจะพลอยตาย กว่าจะวายศึกเสือสักเมื่อไร อนึ่งพระองค์ทรงฤทธิ์บิตุเรศ ก็ยังไม่แจ้งเหตุว่าอยู่ไหน นี่เนื้อเคราะห์เพราะกรรมกระทำไว้ เผอิญให้ขัดข้องต้องรำคาญ ฯ ๏ สินสมุทรนิ่งนั่งฟังแม่เลี้ยง จึงบ่ายเบี่ยงพูดจาด้วยกล้าหาญ เขาจะมาพาพระแม่ไปแต่งงาน ลูกเดือดดาลจึงได้ว่าให้สาใจ พระตรัสเห็นเป็นผิดคิดพิโรธ ประทานโทษเถิดขอถามตามสงสัย ถ้าแม้นเขาชาวลังกาจะพาไป จะอาลัยลูกรักหรือจักจร อันบิดาข้าน้อยนี้ถอยศักดิ์ ไม่ควรรักร่วมสุวรรณบรรจถรณ์ ทั้งลูกเล่าเขาก็ว่าเป็นมารดร จึงทุกข์ร้อนกลัวจะมีราคีคาว ตั้งแต่นี้สืบไปลูกไม่ว่า จะบอกเขาชาวลังกาว่าเป็นสาว ที่นี้คิดผิดพลั้งเสียทั้งคราว ต้องว่ากล่าวกลัวจะขาดญาติวงศ์ อันศึกเสือเหนือใต้ฉันไม่พรั่น จะห้ำหั่นให้เป็นเบือไม่เหลือหลง เมื่อกลับเห็นว่าเป็นศึกนึกทะนง ก็สุดแท้แต่จะทรงพระเมตตา ฯ ๏ น้อยไปหรือลมลิ้นพ่อสินสมุทร เดี๋ยวนี้สุดแสนงอนช่างค่อนว่า เฝ้าโกรธขึ้งหึงหวงแทนบิดา จะหยิกขาเสียให้เขียวประเดี๋ยวนี้ ข้าเป็นแต่แม่ของเจ้าต่างหาก ด้วยหวังใจหมายจะฝากซึ่งซากผี ข้าเป็นเมียพระอภัยเมื่อไรมี อย่าพาทีเก้อเก้อเออไม่อาย ผัวข้ามาข้าจะกลับไปกับเขา จะพาเจ้าไปด้วยกันมาผันผาย พระอภัยไพร่ทุพลจนจะตาย เราฝากกายอยู่กับเขาชาวลังกา ฯ ๏ สินสมุทรฟังคำทำหัวร่อ ลูกจะขอพึ่งพระบาทวาสนา พยายามตามเสด็จจงเมตตา พอเป็นข้าช่วงใช้เหมือนใจปอง เขาลือว่าฝรั่งช่างฉอเลาะ ประโลมปอเหลาะเหลือดีไม่มีสอง ไปเชยชมสมสู่เป็นคู่ครอง จะได้น้องอุ้มเล่นเย็นเย็นใจ แม่มีผัวกลัวแต่จะลืมลูก เขาว่าถูกที่ประสงค์มักหลงใหล เว้นเสียแต่แม่คุณลูกอุ่นใจ เห็นจะไม่ผูกพันถึงฟั่นเฟือน ฯ ๏ นางฉวยฉุดยุดหยิกทั้งสองแก้ม ช่างเหน็บแหนมนี่กระไรใครจะเหมือน เห็นพูดผิดคิดรักช่วยตักเตือน ยังแชเชือนแก้ไขน่าใคร่ตี พลางจูบเกล้าเผ้าผมชมลูกเลี้ยง ด้วยรักเพียงชีวามารศรี แล้วนางนึกตรึกไปเกรงไพรี กลัวจะมีศึกใหญ่ไม่สบาย จึงชวนลูกออกมานั่งบัลลังก์นอก เป็นที่ออกว่าขานการทั้งหลาย พอพระอามาลงเรือหลานชาย นางโฉมฉายเชิญให้นั่งบัลลังก์รัตน์ ศรีสุวรรณอัญชลีพี่สะใภ้ พระหน่อไทคำนับน้อมจอมกษัตริย์ สาวสนมก้มกรานอยู่งานพัด สามกษัตริย์พูดจาประสาใจ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกามาถึงเจ้า จึงก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข นายกำปั่นนั้นข้าเห็นว่าเป็นไทย ไม่โตใหญ่อายุราวสักเก้าปี บอกกับข้าว่าชื่อสินสมุทร ราชบุตรพระธิดามารศรี อันโฉมยงองค์สุวรรณมาลี ประเดี๋ยวนี้อยู่ในเรือใหญ่นั้น ว่าเจ้ากรุงผลึกราชประสาทให้ บิดาได้สู่สมภิรมย์ขวัญ ทูลแถลงแจ้งจริงทุกสิ่งอัน เห็นดุดันเหลือเด็กดังเหล็กเพชร ฯ ๏ อุศเรนรู้เรื่องให้เคืองขัด ดังใครตัดเศียรฟาดให้ขาดเด็ด เหงื่อชโลมโซมหน้าเอาผ้าเช็ด จะแก้เผ็ดไพรีไม่หนีเร้น มึงเห็นตัวผัวมันหรือไม่เล่า อำมาตย์ว่าข้าพเจ้ามิได้เห็น ยิ่งโกรธาด่าทอคอเป็นเอ็น จะจับเป็นแล่เนื้อเอาเกลือทา แล้วเชิญองค์พระอภัยมณีนาถ มาร่วมอาสน์เนาวรัตน์ตรัสปรึกษา จงคิดอ่านการศึกช่วยตรึกตรา รู้ตำราตำรับบ้างหรืออย่างไร พระอภัยได้ยินว่าสินสมุทร รู้ว่าบุตรมั่นคงไม่สงสัย จะแจ้งความตามจริงก็กริ่งใจ เกลือกมิใช่ลูกยาก็น่าอาย คิดจะใคร่ไปดูให้รู้แน่ ก็ห่างแหเห็นไม่สมอารมณ์หมาย แต่นิ่งนึกตรึกตราหาอุบาย ได้แยบคายแล้วจึงห้ามตามโบราณ เป็นไรมีที่ตรงจะยงยุทธ์ การบุรุษรู้สิ้นทุกถิ่นฐาน อันแยบยลกลศึกสี่ประการ เป็นประธานที่ในกายของนายทัพ ประการหนึ่งถึงจะโกรธพิโรธร้าย หักให้หายเหือดไปเหมือนไฟดับ ค่อยคิดอ่านการศึกให้ลึกลับ แม้นจะจับก็ให้มั่นคั้นให้ตาย อนึ่งว่าข้าศึกยังฮึกฮัก จะโหมหักเห็นไม่ได้ดังใจหมาย สืบสังเกตเหตุผลกลอุบาย ดูแยบคายคาดทั้งกำลังพล อนึ่งให้รู้รบที่หลบไล่ ทหารไม่เคยศึกต้องฝึกฝน ทั้งถ้อยคำสำหรับบังคับคน อย่าเวียนวนวาจาเหมือนงาช้าง ประการหนึ่งซึ่งจะชนะศึก ต้องตรองตรึกยักย้ายให้หลายอย่าง ดูท่วงทีกิริยาในท่าทาง อย่าละวางไว้ใจแก่ไพรี อันพวกพ้องของเราที่มาด้วย ก็จะช่วยสู้รบไม่หลบหนี แต่จะขออาสาเวลานี้ ไปเป่าปี่ห้ามปรามตามวิชา ให้อ่อนใจไพร่พลคนทั้งหลาย จะเรียกนายสลุบใหญ่ให้มาหา ได้ไต่ถามความที่พระธิดา นางจะมาแม่นมั่นหรือฉันใด ฯ ๏ อุศเรนเห็นจริงทุกสิ่งสิ้น สมถวิลยินดีจะมีไหน ไม่ข้องขัดตรัสตอบว่าขอบใจ ถ้าแม้นได้เหมือนอย่างนั้นขยันดี พอถามไถ่ให้รู้ว่าอยู่แน่ จะขอแต่พระธิดามารศรี เราจะได้ไปลังกาไม่ราวี เชิญพระพี่ช่วยน้องให้คล่องใจ ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายสั่ง ให้ฝรั่งหยิบปี่ข้างที่ให้ สถิตนั่งเหนือบัลลังก์ลอยวิไล สำรวมใจจบหัตถ์นมัสการ พระเป่าปี่เปิดเสียงสำเนียงเอก เสนาะดังฟังวิเวกกังวานหวาน ละห้อยหวนครวญเพลงบรรเลงลาน โอ้สงสารสุริย์ฉายจะบ่ายคล้อย พี่คลาดแคล้วแก้วตามาว้าเหว่ ท้องทะเลแลเปล่าให้เศร้าสร้อย ป่านนี้น้องสองคนกับลูกน้อย จะล่องลอยไปอยู่หนตำบลใด เรื่อยเรื่อยเฉื่อยวายุพัดแผ้ว เหมือนเสียงแก้วกลอยจิตพิสมัย หอมรวยรวยชวยชื่นรื่นฤทัย เหมือนใกล้ใกล้เข้ามาแล้วแก้วพี่เอย เขาบอกว่ามาในลำเรือกำปั่น หรือสุวรรณมาลีเจ้าพี่เอ๋ย สินสมุทรไม่มาหาบิดาเลย พ่อจะเชยใครเล่าเจ้าพ่ออา แม้นอยู่ลำกำปั่นเหมือนมั่นหมาย จงแหวกว่ายสายสมุทรผุดมาหา แล้วแหบหวนครวญโหยโรยชวา พระแกล้งว่าไปในเพลงวังเวงใจ ฯ ๏ อุศเรนนอนหลับกับที่นั่ง ทหารทั้งกองทัพก็หลับใหล แต่พวกพ้องขององค์พระอภัย เคยเข้าใจจุกหูไม่สู้ฟัง ทั้งกองทัพหน่อนรินทร์สินสมุทร อยู่ไกลสุดร้อยเส้นพอเห็นหลัง ฟังเสนาะเพราะเสียงสำเนียงดัง บ้างหลับบ้างก็ฟังจนจับใจ ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสุวรรณ อยู่พร้อมกันที่ลำกำปั่นใหญ่ ฟังสำเนียงเสียงปี่พระอภัย ก็จำได้ด้วยเคยฟังแต่หลังมา ทั้งถ้อยคำร่ำเรียกสำเหนียกแน่ เห็นเที่ยงแท้ภูวไนยให้ไปหา สินสมุทรสุดคิดถึงบิดา จึงทูลว่าปี่นี้ไม่มีใคร คือทรงฤทธิ์บิตุรงค์ของลูกรัก เห็นแน่นักพระองค์อย่าสงสัย ข้าจะขอทูลลาอาสาไป แล้วจะได้รับมาเภตราเรา ฯ ๏ สองกษัตริย์ตรัสว่าอย่าว้าวุ่น เขามีคุณพระบิดามากับเขา ควรจะไปไต่ถามตามสำเนา จะด้นเดาดื้อไปนั้นไม่ดี พวกฝรั่งลังกาจะว่าได้ ต้องขัดข้องหมองใจไม่พอที่ ฉวยขุกเข็ญเป็นศึกจะเสียที ด้วยพระพี่มิได้รู้อยู่ด้วยมัน อาจะไปให้พบภูวเรศ ถ้าแจ้งเหตุทุกข์ร้อนจะผ่อนผัน พ่ออย่าไปใจเด็กยังดุดัน อยู่กับน้องป้องกันพระชนนี สินสมุทรห้ามว่าอย่าเสด็จ เหมือนขามเข็ดของ้อไม่พอที่ หลานจะไปไต่ถามแต่โดยดี ถ้าย้ำยีจึงจักสู้ดูฝีมือ พระไปเรือเมื่อไรจะไปถึง จะเหมือนหนึ่งฉันลงน้ำดำไปหรือ แม้นพบปะพระบิดาจะหารือ ไม่ดึงดื้อดอกพระองค์อย่าสงกา แล้วจัดแจงแต่งเครื่องสำหรับยุทธ์ เหน็บอาวุธคู่กายทั้งซ้ายขวา กระโดดโผนโจนลงในคงคา แผลงศักดาดำดึ่งตะบึงไป ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี คิดว่าพี่ตกน้ำร่ำร้องไห้ พระเจ้าป้ามาช่วยด้วยไวไว พระพี่ไม่ผุดรอดจะวอดวาย ทั้งสององค์ทรงพระสรวลทั้งโศกเศร้า นางเคียงเข้าเล้าโลมนางโฉมฉาย พระพี่ดำน้ำไปดอกไม่ตาย อย่าวุ่นวายเลยมานั่งคอยฟังความ ศรีสุวรรณนั้นไม่ไว้ใจฝรั่ง จึงตรัสสั่งนายทหารชาญสนาม เร่งเตรียมเรือเพื่อสำหรับรับสงคราม ไว้สักสามสิบลำประจำการ ออกแล่นลอยคอยดูอยู่ห่างห่าง ถ้าขัดขวางก็จะได้แก้ไขหลาน อังกุหร่าบังคมค่อยก้มคลาน มาเตรียมการพร้อมพรั่งระวังภัย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร ดำมาผุดกลางมหาชลาไหล แลเห็นลำกำปั่นเป็นหลั่นไป ไม่มีใครดูแลแต่สักคน แต่เสียงปี่ที่เป่ายังไม่หยุด สินสมุทรเพ่งพิศคิดฉงน ค่อยแฝงกายว่ายมาในสาชล ปีนขึ้นบนกำปั่นไม่ครั่นคร้าม เห็นพวกพลกรนหลับระดับดาด ดูเกลื่อนกลาดกลางเรืออยู่เหลือหลาม ที่ตื่นอยู่รู้จักล้วนจีนจาม จึงโดดข้ามคนเหล่านั้นมาทันที เห็นบิตุรงค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ เข้ากอดบาทบงกชบทศรี ไม่ทันถามความโศกแสนทวี ทรงโศกีกลิ้งเกลือกลงเสือกกาย ฯ ๏ จอมกษัตริย์ทัศนาเห็นลูกแก้ว เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ให้ใจหาย พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย ประคองกายกอดแอบไว้แนบองค์ สงสารบุตรสุดจะขืนสะอื้นอั้น ยังมิทันไต่ถามตามประสงค์ สุดกำลังจะประทังดำรงองค์ กันแสงทรงโศกซบสลบไป ฯ ๏ แขกฝรั่งทั้งนั้นก็ขวัญหาย เห็นเจ้านายนิ่งแน่เข้าแก้ไข ไม่ฟื้นองค์สงสารแสนอาลัย ต่างร้องไห้วุ่นวายฟายน้ำตา ฯ ๏ อุศเรนรู้สึกนึกอนาถ เห็นประหลาดลูกเล็กเด็กนักหนา จึงถามพวกพระอภัยว่าใครมา เขาทูลว่าพระโอรสยศไกร จึงเรียกไพร่ในเรือให้รู้สึก อึกทึกในกำปั่นอยู่หวั่นไหว ช่วยนวดฟั้นคั้นองค์พระอภัย ก็กลับได้สติฟื้นเหมือนตื่นนอน ลืมพระเนตรเห็นบุตรกับอุศเรน หัศเกนพวกฝรั่งนั่งสลอน สินสมุทรอภิวาทบาทบิดร สะอื้นอ้อนทูลถามตามสงกา เมื่อพลัดพรากยากเย็นเป็นไฉน ลูกมิได้รู้ความเที่ยวตามหา ไฉนองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา จึงได้มาเรือฝรั่งเป็นอย่างไร ฯ ๏ พระฟังคำน้ำพระเนตรลงพรากพราก จะออกปากปิ้มว่าเลือดตาไหล จึงเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป จนถึงได้โดยสารมาพานพบ อันพ่อนี้วิตกอกจะแยก ด้วยเรือแตกตายเป็นไม่เห็นศพ แล้วตรัสถามลูกยาด้วยปรารภ นี่พ่อพบผู้ใดจึงได้มา ฯ ๏ สินสมุทรได้ฟังรับสั่งถาม จึงตอบตามคำแขกแปลกภาษา เมื่อเรือแตกแหลกไปในคงคา ลมก็กล้ากลางคืนเพราะคลื่นตี แม่ผีเสื้อเหลือใจไล่สกัด ลูกจึงพลัดไปกับเหล่านางสาวศรี ได้พบแต่แม่สุวรรณมาลี ก็แบกหนีไปในน้ำแต่ลำพัง ถึงเจ็ดวันบรรลุถึงเกาะใหญ่ เข้าอาศัยแต่พอชื่นได้คืนหลัง พอพบพวกโจรเรือหลงเชื่อฟัง จะเข้าฝั่งชลธารโดยสารมัน มันคิดคดลดเลี้ยวเกี้ยวพระแม่ ลูกจึงแก้แค้นฆ่าให้อาสัญ ที่เหลือตายนายไพร่พร้อมใจกัน ยกกำปั่นใหญ่ให้ได้ไคลคลา เที่ยวไต่ถามตามองค์พระทรงเดช ทุกประเทศทางทะเลเที่ยวเร่หา จนไปถึงรมจักรนัครา พบพระอาถามทักรู้จักกัน จึงเกณฑ์คนพลรบสมทบทัพ เดี๋ยวนี้อามากับกระหม่อมฉัน พอเสียงปี่ที่เป่าเป็นสำคัญ ก็หมายมั่นว่าพระองค์ไม่สงกา ลูกรำลึกตรึกถึงพระผ่านเกล้า จึงดื้อเดาโดดน้ำดำมาหา เชิญเสด็จภูวไนยไปเภตรา พระเจ้าอาก็ละห้อยคอยพระองค์ ฯ ๏ พระรู้ว่าอนุชามาด้วยบุตร ยิ่งแสนสุดชื่นชมสมประสงค์ จึงตรัสบอกอุศเรนเจนณรงค์ นี่แหละองค์สินสมุทรบุตรข้าน้อย เมื่อเรือแตกแบกนางมากลางน้ำ จึงได้กำปั่นใหญ่ไว้ใช้สอย กับเรือน้องของข้ามาห้าร้อย เที่ยวแล่นลอยล่องหาในสาคร เดชะบุญคุณพระมาปะพบ ไม่ต้องรบชิงช่วงดวงสมร คงได้คู่สู่สมสยมพร อย่าทุกข์ร้อนเลยพระองค์จงสำราญ เชิญไปลำกำปั่นของลูกรัก ให้พบพักตร์วรนุชสุดสงสาร ประภาษพลางทางสุนทรสอนกุมาร ให้กราบกรานอุศเรนเจนณรงค์ ฯ ๏ ฝ่ายลูกท้าวเจ้าลังกาหน้าเป็นเหม แสนเกษมสมจิตคิดประสงค์ เรียกกุมารหลานเลี้ยงมาเคียงองค์ พ่อแสนทรงฤทธิ์เลิศประเสริฐชาย ช่วยชีวิตขนิษฐาของอาไว้ ให้คืนได้ดวงสวาทเหมือนมาดหมาย ไม่ลืมคุณหลานขวัญจนวันตาย พลางแนบกายกอดจูบลูบกุมาร เอาเครื่องทรงสำอางอย่างกษัตริย์ เพชรรัตน์รจนามุกดาหาร ทั้งเพชรนิลจินดามาประทาน พระกุมารเมินหน้าแล้วว่าพลัน อย่าว่าแต่แก้วแหวนแสนสมบัติ ถึงจะจัดเอาอะไรมาให้ฉัน ไม่มุ่งมาดปรารถนาสารพัน ข้ารักแต่แม่สุวรรณมาลี ฯ ๏ พระอภัยสุริย์วงศ์ทรงพระสรวล แกล้งเสชวนอุศเรนอันเรืองศรี อย่าตอบถ้อยถือความเลยตามที เชิญภูมีมาไปหาสุดาดวง ฯ ๏ อุศเรนฟังว่าค่อยผาสุก เหมือนทิ้งทุกข์สักเท่าภูเขาหลวง สั่งล้าต้าต้นหนคนทั้งปวง ตามกระทรวงซ้ายขวาสิบห้าลำ ทั้งลำทรงธงทองเป็นสองแถว เลิศแล้วลายหลังคาเลขาขำ หัศเกนเจนปืนยืนประจำ เข้าเคียงลำกำปั่นใหญ่ดังใจจง อุศเรนรื่นเริงบันเทิงจิต เข้าสถิตเตียงทองที่ห้องสรง ไขสุหร่ายปรายละอองมาต้ององค์ แล้วสอดทรงสนับเพลาเนาวรัตน์ ฉลององค์ทรงสวมกรวมสลับ ดุมประดับแต่ล้วนเพชรเจ็ดกะรัต ปั้นเหน่งเนื่องเฟื่องกระหนกกระหนาบรัด แล้วทรงทัดพระมหามาลาระบาย แซมดอกไม้ไหวสว่างหางการเวก เป็นอย่างเอกอวดผู้หญิงหยิ่งใจหาย ธำมรงค์ทรงหัตถ์จำรัสพราย พระกรซ้ายเกี้ยวผ้าเช็ดหน้ากรอง สอดเสน่าเหน็บตรีกระบี่ถือ สนับมือสอดใส่ไว้ทั้งสอง ส่านจุหรี่สีกุหร่าคั่นหน้าทอง สอดฉลองพระบาทเพชรเสด็จมา ทหารปืนถือปืนยืนสองข้าง ตามเยี่ยงอย่างยศศักดิ์คอยรักษา แล้วเชิญพระอภัยให้ไคลคลา มาเภตราลำใหญ่ดังใจปอง ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นมารับคำนับพี่ แต่สุวรรณมาลีหนีเข้าห้อง พระอภัยพี่ยาน้ำตานอง ขึ้นแท่นทองที่นั่งทั้งอุศเรน เหล่าโยธีศรีสุวรรณกับสินสมุทร ถืออาวุธพร้อมพรั่งทั้งดั้งเขน พลฝรั่งลังกาพวกหัศเกน ล้วนจัดเจนประจุปืนยืนระวัง ฯ ๏ ศรีสุวรรณอัญชลีพระพี่เจ้า กำสรดเศร้าโศกคิดถึงความหลัง จะกลั้นกลืนขืนใจก็ไม่ฟัง พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย พลางประณตบทเรศพระเชษฐา น้องนึกว่าสิ้นบุญจะสูญหาย เที่ยวติดตามถามข่าวก็เปล่าดาย หากหลานชายชี้แจงจึงแจ้งใจ แล้วทูลถึงสามพราหมณ์ตามมาด้วย เป็นเพื่อนม้วยมรณาจะหาไหน พลางตรัสเรียกลูกน้อยกลอยฤทัย ไปกราบไหว้ให้ชิดพระบิตุลา ฯ ๏ สงสารองค์พระอภัยวิไลโฉม ลูบประโลมหลานน้อยละห้อยหา อุ้มขึ้นวางกลางตักพิศพักตรา พระชลนานองเนตรสังเวชใจ จะเล่าความตามยากเมื่อจากน้อง ก็ขัดข้องเขาจะแจ้งแถลงไข จึงว่าพี่นี้ก็แสนสลดใจ หมายว่าไม่พบญาติแล้วชาตินี้ หากกุศลหนหลังเราทั้งสอง ได้พบน้องนัดดามารศรี ยังทุกข์หนึ่งถึงชนกชนนี จะร้ายดีมิได้รู้ถึงหูเลย พระร่ำพลางต่างองค์ทรงกันแสง โอ้เสียแรงเกิดมานิจจาเอ๋ย ไม่เคยยากกรากกรำต้องจำเคย เมื่อไรเลยจะพร้อมวงศ์พงศ์ประยูร พระพี่น้องสององค์สะอื้นไห้ ด้วยอาลัยไกลญาติเพียงขาดสูญ ทั้งลูกน้อยนัดดาก็อาดูร ต่างเพิ่มพูนโศกเศร้าไม่เบาบาง ฯ ๏ อุศเรนร่ำปลอบให้ชอบจิต เห็นวายคิดขุ่นข้องที่หมองหมาง จึงปราศรัยไต่ถามเนื้อความพลาง เดี๋ยวนี้นางนุชน้องอยู่ห้องใด พระโปรดด้วยช่วยบอกโฉมเฉลา ให้นงเยาว์รู้แจ้งแถลงไข ว่าพระชนนีนาถจะขาดใจ กันแสงไห้โหยหาไม่ราวัน จึงใช้ข้าพยายามตามแสวง พระก็แจ้งความจริงทุกสิ่งสรรพ์ ช่วยเล้าโลมโฉมสุดาวิลาวัณย์ อย่าให้ขวัญเนตรหมางระคางใจ ฯ ๏ สินสมุทรสุดเคืองชำเลืองค้อน แกล้งตัดรอนขวางความตามวิสัย รำคาญหูจู้จี้นี่กระไร เขาร้องไห้ไม่ทันหายวายน้ำตา ขืนจะเฝ้าเร้ารบพบผู้หญิง ขันจริงจริงใจฝรั่งชังหนักหนา มิใช่การภารธุระพระบิดา แม่ของข้าข้าไม่ให้ใครไปเลย ฯ ๏ พระอภัยได้ฟังสินสมุทร จึงว่าสุดเสนหาบิดาเอ๋ย อย่าว้าวุ่นหุนหันเช่นนั้นเลย เหมือนทรามเชยช่วยธุระพระบิดา อันองค์อุศเรนนี้อารีนัก เธอผูกรักซื่อตรงเหมือนวงศา พ่อโดยสารท่านก็รับลงเรือมา จึงเห็นหน้าลูกน้อยกลอยฤทัย ช่วยบอกความตามแต่แม่ของเจ้า น้ำใจเขาจะคิดเห็นเป็นไฉน เธอเป็นคู่สู่ขออรไท มิใช่ใครนอกนั้นจะกั้นกาง ฯ ๏ สินสมุทรสุดแค้นให้แน่นจิต ทั้งสุดคิดสารพัดจะขัดขวาง ลงจากแท่นแค้นใจร้องไห้พลาง มาหานางนั่งสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ นางสวมสอดกอดองค์โอรสไว้ แล้วถามไต่ลูกน้อยละห้อยหา เมื่อตะกี้ที่เขาตามบิดามา เขาพูดจาว่ากระไรไปหรือยัง ฯ ๏ สินสมุทรพูจาประสาซื่อ นั่นแลคือตัวความมาตามหลัง พระรักเขาชาวลังกาหรือว่าชัง อย่าปิดบังบอกความลูกตามจริง เดี๋ยวนี้เล่าเขาจะรับไปอภิเษก เป็นองค์เอกอิศราพระยาหญิง เห็นรูปร่างข้างเขาก็เพราพริ้ง จะต้องทิ้งลูกเสียแท้แล้วแม่คุณ ฯ ๏ นางแกล้งว่าน่าเบื่อเหลือแล้วเจ้า อะไรเฝ้าโกรธเกรี้ยวทำเฉียวฉุน ถึงสู่ขอก็มิใช่ได้เคยคุ้น จะมาวุ่นว่าขานรำคาญใจ เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะให้แม่ไปหรือ กลัวฝีมือเขากระมังนั่งร้องไห้ พระบิดาว่าขานประการใด อย่าร่ำไรเลยช่วยแปลให้แม่ฟัง ฯ ๏ กุมารว่าพระแม่ไม่เห็นจิต ปัจจามิตรมากน้อยไม่ถอยหลัง แต่แค้นจิตพระบิดานี้น่าชัง รักฝรั่งนี่กระไรจะให้คืน ให้ลูกยามาถามความพระแม่ ว่าตามแต่ประดิพัทธไม่ขัดขืน พระมารดาอย่าฟังจงยั่งยืน ว่าไม่คืนไปลังกาจะว่าไร ถึงฝรั่งคั่งแค้นแม้นจะรบ ไม่หลีกหลบเลยพระองค์อย่างสงสัย จะสังหารผลาญชีวันให้บรรลัย ว่าแต่ใจของพระแม่จะแชเชือน ฯ ๏ นางฟังความยามวิโยคยิ่งโศกซ้ำ ให้แค้นคำพระอภัยใครจะเหมือน เสียแรงหวังตั้งจิตไม่บิดเบือน มาแชเชือนเสียไม่รับให้อับอาย แต่แรกเล่าเขาว่าผัวเป็นชั่วช้า จะเอาหน้าไว้ที่ไหนน่าใจหาย มิขออยู่สู้สิ้นชีวาวาย พลางฟูมฟายชลนาแล้วพาที กรรมของแม่แน่แล้วลูกแก้วเอ๋ย ไม่ควรเลยสารพัดจะบัดสี เขาเลื่องลืออื้ออึงถึงเพียงนี้ ตายเสียดีกว่าอยู่รับอัประมาน ช่างกระไรใจคอพระพ่อเจ้า พูดกับเราไว้แต่ก่อนล้วนอ่อนหวาน เป็นน่าแค้นแสนเสียดายสายสังวาล จะให้ทานเสียก็ดีไม่มีภัย แล้วนางถอดธำมรงค์ของทรงยศ ให้โอรสร่ำว่าน้ำตาไหล แหวนนี้เจ้าเอามาแต่ผู้ใด เอาไว้ให้ท่านเถิดพ่อจะขอลา อัปยศอดสูอยู่ไม่รอด จะม้วยมอดเสียมิให้ใครเห็นหน้า แล้วชักกริชคิดจะตายวายชีวา พระลูกยาแย่งยุดนางฉุดชิง ฯ ๏ กุมาราว่าดูเอาเจ้าแม่เอ๋ย กระไรเลยใจจิตผิดผู้หญิง ฉวยกระชากจากนางแล้วขว้างทิ้ง แค้นจริงจริงใจคอใช่พอดี พระบิดาให้ถามดูตามซื่อ ควรแล้วหรือแม่จะตายให้อายผี ถึงมาดแม้นแค้นบิดาไม่ปรานี ลูกยังมีแม่ก็ไม่อาลัยเลย ฯ ๏ นางกอดบุตรสุดขืนสะอื้นไห้ เหลืออาลัยแล้วพ่อคุณของแม่เอ๋ย เหมือนหญิงร้ายชายชังไม่หวังเชย จะแหงนเงยดูมนุษย์ก็สุดอาย ถึงม้วยแล้วแก้วตาอย่าปรารภ จะขอพบสุดสวาทเหมือนมาดหมาย ขอให้พ่อก่อเกิดกับร่างกาย ได้กินสายกษิรามารดาเดียว เจ้ารักแม่แม่ก็รู้อยู่ว่ารัก มิใช่จักลืมคุณทำฉุนเฉียว แต่เหลืออายหลายสิ่งจริงจริงเจียว เป็นหญิงเดียวชายสองต้องหมองมัว เมื่อแรกเราเล่าบอกเขาออกอื้อ อ้างเอาชื่อพระบิดาว่าเป็นผัว ครั้นคู่เก่าเขามารับก็กลับกลัว แกล้งออกตัวให้มาถามว่าตามใจ จึงเจ็บจิตคิดแค้นแม้นจะอยู่ ก็อดสูเสียสัตย์ต้องตัดษัย กันแสงพลางทางสะอื้นขืนอาลัย พระชลนัยน์ไหลซาบอาบพักตรา ฯ ๏ สินสมุทรสุดแสนสงสารแม่ อุตส่าห์แก้แทนบิดรชะอ้อนว่า ที่จริงจิตบิตุเรศของลูกยา ไม่รู้ว่าเราจะอ้างเอาอย่างนั้น จึงให้ถามตามซื่ออย่างถือโทษ ถึงจะโกรธก็แต่ว่าอุตส่าห์กลั้น เขาไปแล้วลูกจะว่าสารพัน แม่เชื่อฉันเถิดนะจ๋าอย่าเพ่อตาย แหวนวงนี้ที่ท่านวานฉันมาให้ จงเก็บไว้ต่อว่าอย่าให้หาย ถ้าทีนี้มิรับยังกลับกลาย จะทวงสายสังวาลเก่าของเรามา ถึงงอนง้อก็ฉันไม่พันผูก อยู่แม่ลูกตามที่ประสีประสา สอพลอพลางทางประนมบังคมลา ลุกออกมากวักพระหัตถ์ตรัสเรียกน้อง แม่อรุณรัศมีมานี่หน่อย แล้วจึงค่อยกระซิบสั่งกันทั้งสอง ไปอยู่เป็นเพื่อนป้าหนาแม่น้อง จะขัดข้องฆ่าชีวันให้บรรลัย ฯ ๏ นางอรุณรัศมีฟังพี่เล่า ว่าแม่เจ้าเอ๋ยกรรมจะทำไฉน ลูกตายจริงวิ่งมาหาป้าสะใภ้ บังคมไหว้วอนถามตามสงกา ฯ ๏ สินสมุทรออกมานั่งบัลลังก์นอก แล้วแกล้งบอกตามจิตประดิษฐ์ว่า แม่สุวรรณมาลีมิอยากมา แล้วก็ว่าไม่รู้จักมิพักไป ฯ ๏ อุศเรนเห็นทำนองจะข้องขัด ยิ่งกลุ้มกลัดกล่าวแกล้งแถลงไข อาบน้ำร้อนก่อนเจ้าข้าเข้าใจ เมื่อไม่ให้แล้วก็ว่าสารพัน บิดาเจ้าเล่าก็รู้อยู่เต็มจิต มิใช่คิดโหยกเหยกมาเสกสรร ได้ขอสู่ผู้ใหญ่ท่านให้ปัน นางสุวรรณมาลีนี้ของเรา จึงต้องตามทรามสงวนนวลหง ได้รับองค์พระอภัยมาให้เจ้า เจ้าชอบแต่คืนองค์นางนงเยาว์ มาให้เราจึงจะต้องทำนองใน ฯ ๏ สินสมุทรพูดจาประสาเด็ก ถึงเราเล็กก็ไม่ส่งอย่าสงสัย รับบิดามาก็ช่างใครเป็นไร หรือข้าใช้สอยเจ้าให้เอามา เราตามติดบิตุรงค์ก็คงพบ ไม่รักคบคนนอกพระศาสนา เจ้าเลิกทัพกลับหลังไปลังกา จะได้หาเมียงามเอาตามใจ ที่ตรงนี้มิได้คืนอย่าขืนแค่น ถึงจะแสนโศกาเลือดตาไหล ก็ตายเปล่าเราไม่ยักให้ใครไป อย่ากวนใจจู้จี้ข้าขี้คร้าน ฯ ๏ อุศเรนคั่งแค้นแสนพิโรธ แกล้งกลั้นโกรธตรัสประภาษด้วยอาจหาญ ตัวของเจ้าเยาว์ยังกำลังพาล เหมือนหนึ่งหลานลามลวนไม่ควรเลย อันเรากับพระอภัยได้ให้สัตย์ ไม่ข้องขัดกันทุกสิ่งจริงเจ้าเอ๋ย จึงงอนง้อขอกันฉันคุ้นเคย อย่าเยาะเย้ยเลยเจ้าไม่เข้ายา แล้วว่ากับพระอภัยวิไลลักษณ์ น้องก็รักภูวเรศเหมือนเชษฐา พระก็รู้อยู่กับใจแต่ไรมา จะเมตตาหรืออย่างไรอย่าได้พราง ฯ ๏ พระฟังคำอ้ำอึ้งตะลึงคิด จะเบือนบิดป้องปัดก็ขัดขวาง สงสารลูกเจ้าลังกาจึงว่าพลาง เราเหมือนช้างงางอกไม่หลอกลวง ถึงเลือดเนื้อเมื่อน้องต้องประสงค์ พี่ก็คงยอมให้มิได้หวง แต่ลูกเต้าเขาไม่เหมือนคนทั้งปวง จะได้ช่วงชิงให้ไปกระนั้น พี่ว่าเขาเขาก็ว่ามากระนี้ มิใช่พี่นี้จะแกล้งแสร้งเสกสรร เพราะเหตุเขารักใคร่อาลัยกัน ค่อยผ่อนผันพูดจาอย่าราคี แล้วตรัสบอกลูกน้อยกลอยสวาท เจ้าหน่อเนื้อเชื้อชาติดังราชสีห์ อันรักษาศีลสัตย์กัตเวที ย่อมเป็นที่สรรเสริญเจริญคน ทรลักษณ์อกตัญญุตาเขา เทพเจ้าก็จะแช่งทุกแห่งหน ให้ทุกข์ร้อนงอนหง่อทรพล พระเวทมนตร์เสื่อมคลายทำลายยศ เพราะบิดามาด้วยอุศเรนนี้ คุณเขามีมากล้นพ้นกำหนด เจ้าทำผิดก็เหมือนพ่อทรยศ จงออมอดเอ็นดูพ่อแต่พองาม ฯ ๏ สินสมุทรสุดจะคิดถึงบิตุเรศ ไม่สังเกตกลศึกให้นึกขาม ศรีสุวรรณครั้นเห็นหลานจะเบาความ จึงตอบตามถ้อยคำพอนำทาง จะถือโทษโกรธไปก็ไม่ชอบ ถึงจะมอบให้ก็คงจะขัดขวาง ด้วยหญิงชายอายจิตคิดระคาง ที่ไหนนางจะยอมไปเหมือนใจจง ถ้าแม้นพี่น้องนางมาด้วย จะได้ช่วยฝากฝังดังประสงค์ นี่ใจนางนฤมลนั้นจนใจ จะว่าใครขัดข้องก็ตรองดู ฯ ๏ อุศเรนเจนจัดจึงตรัสตอบ พระว่าชอบหญิงกับชายอายอดสู แต่เข้าหอพ่อแม่ให้เลี้ยงดู คงเป็นคู่แล้วยังไม่ใคร่จะยอม อันนางนี้ที่จะให้ว่าไปด้วย ก็เขินขวยเพราะไม่เคยเชยถนอม ถ้าแม้นให้ไปประโลมค่อยโน้มน้อม ก็คงยอมพระก็รู้อยู่แก่ใจ ฯ ๏ ศรีสุวรรณชั้นเชิงฉลาดแหลม จึงเยื้อนแย้มยิ้มย่องสนองไข จะโลมเล้าเยาวมาลย์ประการใด ตามแต่ใจจะถนัดไม่ขัดกัน แม้นโฉมยงปลงใจจะไปด้วย จะได้ช่วยกันไปส่งลงกำปั่น นี่แหละงามตามตรงเหมือนพงศ์พันธุ์ จะให้ฉันช่วยฉุดนั้นสุดใจ ฯ ๏ อุศเรนฟังคำทำหัวเราะ พระพูดเพราะพร่ำว่าอัชฌาสัย แต่เช่นนั้นนั่นก็เหมือนไม่ให้ไป พูดทำไมว่าจะช่วยให้ป่วยการ อันนารีนี้เป็นของต้องประสงค์ หรือพระองค์เจตนาเร่งว่าขาน จงโปรดว่ามาให้เสร็จสำเร็จการ อย่าหน่วงนานน้องจะได้ครรไลลา ฯ ๏ ศรีสุวรรณกับพระพี่มีคำตอบ จึงว่าคิดผิดระบอบเป็นนักหนา ถึงจะบอกออกเหมือนท่านจำนรรจา ใครจะมาว่ากับใครอย่างไรมี นี่รักกันฉันจึงว่าประสาซื่อ ควรแล้วหรือพูดรังเกียจมาเสียดสี เมื่อนึกแหนงแคลงความก็ตามที ฉันกับพี่ก็มิใช่ว่าได้นาง สินสมุทรนั้นแหละเขาเป็นเจ้าของ ตามทำนองแต่ถนัดไม่ขัดขวาง แล้วแสแสร้งแกล้งพูดกับพี่พลาง เมื่อความอย่างนี้จะโกรธโทษเอาใคร ซึ่งคุณเขาเอามาด้วยก็ช่วยว่า จนลูกยาอนุญาตประสาทให้ เมื่อใจเขาเจ้าตัวไม่ยอมไป ก็จนใจอยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง ฯ ๏ อุศเรนเหลือแค้นแน่นอุระ ว่าชิชะพูดเพราะช่างเหมาะเหมง โดยจะว่าถ้าไม่ใช่คนกันเอง ก็จะเกรงกันทำไมมิใช่นาย ซึ่งวอนว่าพระอภัยให้ช่วยขอ คิดว่าพ่อลูกกันเหมือนมั่นหมาย เมื่อรักหญิงทิ้งสัตย์ตัดผู้ชาย ไม่เสียดายคำแล้วก็แล้วไป แต่หากว่าถ้าฉันกับสินสมุทร สัประยุทธ์กันก็จิตจะคิดไฉน จะช่วยฉันหรือว่าพระจะช่วยใคร ขอรู้ใจจงแถลงให้แจ้งการณ์ ฯ ๏ พระอภัยใจอ่อนถอนสะอื้น อุตส่าห์กลืนชลนาน่าสงสาร แล้วห้ามปรามตามใจอาลัยลาน คุณของท่านเลิศลบภพไตร แต่สุดที่พี่จะคิดให้มิดมืด เหมือนใจจืดเจ้าก็คงจะสงสัย เพราะลูกเต้าเขาไม่ชั่วไม่กลัวใคร จึงจนใจจำนิ่งทุกสิ่งอัน แม้นรบสู้ผู้ใดก็ไม่ช่วย จะอยู่ด้วยอนุชาประสาฉัน ถ้าลูกยาฆ่าน้องจะป้องกัน แม้นท่านฟันลูกยาไม่ว่าไร เป็นความจริงสิ่งสัตย์บรรทัดเที่ยง ไม่หลีกเลี่ยงเลยพระองค์อย่างสงสัย แต่จะห้ามตามประสายังอาลัย จะชิงชัยสินสมุทรจงหยุดยั้ง เขาเรี่ยวแรงแข็งขันทั้งสันทัด สารพัดจะศึกษาวิชาขลัง ทั้งดุร้ายใจเหมือนเสือเหลือกำลัง ห้ามไม่ฟังเหมือนทุกคนเป็นจนใจ ฯ ๏ อุศเรนเจนศึกไม่นึกพรั่น แกล้งสรวลสันต์เสียดแทงแถลงไข พระเชษฐาว่าจริงทุกสิ่งไป คงจะได้เชยชมสมคะเน ฉวยรบพุ่งยุ่งยิ่งชิงไปได้ ก็อาลัยอยู่ด้วยนางจะห่างเห สนิทแนบแยบคายช่างถ่ายเท เขียนจระเข้ขึ้นไว้หลอกตะคอกคน เราก็ชายหมายมาดว่าชาติเชื้อ ถึงปะเสือก็จะสู้ดูสักหน ไม่รักวอนงอนง้อทรชน แล้วพาพลกลับมาเภตราพลัน ถึงกองทัพยับยั้งนั่งเก้าอี้ สั่งให้ตีกลองสัญญาโกลาลั่น ร้องเรียกเรือรบฝรั่งมาทั้งนั้น แล้วแบ่งปันเป็นแผนกแยกนาวา กองละร้อยคอยรบสมทบทัพ เกณฑ์กำกับเกียกกายทั้งซ้ายขวา ให้คอยล้อมพร้อมพรั่งดังสัญญา เห็นลมกล้าได้ทีตีประดัง ให้พวกเรือเหนือลมนั้นสมทบ เข้ารุมรบลำใหญ่เหมือนใจหวัง แม้นขึ้นได้ไฟจุดอย่าหยุดยั้ง แล้วกองหลังหนุนด้วยช่วยให้ทัน แม้นพบชายนายทัพจงจับมัด มันขืนขัดจึงค่อยฆ่าให้อาสัญ ถ้าลำไหนได้นางจะรางวัล ครองประจันตประเทศเขตนคร ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งพรั่งพร้อมต่างน้อมนบ ลงเรือรบเรียบร้อยลอยสลอน ทั้งโยธากล้าหาญคอยราญรอน ใส่เสื้อซ้อนเกราะกระสันกันศัสตรา ทหารปืนยืนมองตามช่องกราบ ศรกำซาบแทรกรายทั้งซ้ายขวา พร้อมทหารขานโห่เป็นโกลา ธงสัญญาโบกบอกให้ออกเรือ กองละร้อยคอยรบไม่หลบหลีก ซักเป็นปีกกาไปทั้งใต้เหนือ บ้างถือชุดจุดไฟไว้เป็นเชื้อ เข้าล้อมเรือลำใหญ่ระไวระวัง ฯ ๏ พระอภัยมณีศรีสุวรรณ เห็นกำปั่นโอบอ้อมเข้าล้อมหลัง ดูมากมายซ้ายขวาดาประดัง จึงตรัสสั่งสินสมุทรสุดศักดา จงคิดอ่านการสงครามตามแต่เจ้า ผู้ใดเขาเคยศึกจงปรึกษา เอ็นดูพ่อขอแต่ลูกเจ้าลังกา อย่าเข่นฆ่าชีวันให้บรรลัย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร ฟังบิดรยินดีจะมีไหน จึงทูลว่าอย่าประหวั่นพรั่นพระทัย ลูกมิให้พระบิดรร้อนรำคาญ แล้วทูลลามาสั่งอังกุหร่า จงตรวจตราเตรียมพหลพลทหาร เรือลังกามาหมายจะรอนราญ จะคิดอ่านรับรองทำนองไร ฯ ๏ อังกุหร่าว่าเรือเรากว้างขวาง รบให้ห่างอย่าให้ถึงจึงจะได้ ฉวยรบรับสัประยุทธ์มันจุดไฟ จะแก้ไขขัดสนจนปัญญา ขอพระองค์จงออกรับกองทัพหลวง ข้าทั้งปวงจะได้รับทัพซ้ายขวา ข้างหลังไว้ให้ทหารพระเจ้าอา รายรักษาแซงกันให้ทันการ แล้วเร่งรัดหัศเกนลงเรือรบ บรรจุครบเครื่องศัสตราล้วนกล้าหาญ ใส่เสื้อหมวกพวกละพันประจัญบาน เคียงขนานหนุนรับทัพลังกา แต่คนน้อยคอยรบประจบรับ แทรกสลับเปลี่ยนซ้ายย้ายไปขวา ใส่ธงเทียวเขียวแดงดาษดา เป็นเรือห้าร้อยถ้วนกระบวนรบ พลประจำลำทรงสินสมุทร ถืออาวุธโล่เขนล้วนเจนจบ ทั้งหน้าหลังดั้งกันก็ครันครบ ทหารรบเรือใหญ่ให้ประจำ ปืนจังกาหน้าท้ายทั้งรายข้าง เกณฑ์ลูกจ้างจีนไทยพวกไหหลำ ให้ทำค่ายรายตั้งล้วนถังน้ำ ตลอดลำสำหรับไว้ดับเพลิง แล้วรีบร้อนถอนสมอกำปั่นใหญ่ แต่พอให้เคลื่อนคล้อยออกลอยเหลิง ทหารโห่โกลาดูร่าเริง ล้วนรู้เชิงชิงชัยทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ครั้นพร้อมสิ้นสินสมุทรให้หยุดยั้ง ฟังกำลังข้าศึกเหมือนนึกหมาย แล้วมาหาแม่เลี้ยงเข้าเคียงกาย น้อมถวายอภิวันท์จำนรรจา ฉันไปบอกออกว่าองค์พระแม่เจ้า ไม่รักเข้ารีตฝรั่งชังน้ำหน้า พระบิตุราชคาดโทษโกรธลูกยา แต่พระอาท่านช่วยเถียงไม่เพลี่ยงพลั้ง ประเดี๋ยวนี้อุศเรนมันเกณฑ์ทัพ มาคั่งคับลอยล้อมอยู่พร้อมพรั่ง อากับพ่อก็ไม่ช่วยเป็นกำลัง จะคอยนั่งดูเล่นเป็นพยาน ลูกจัดทัพกับฝรั่งอังกุหร่า จะทูลลายกไปไล่สังหาร นางตกใจให้เอ็นดูพระกุมาร แสนสงสารโศกาแล้วว่าพลาง น้อยหรือพระอภัยช่างใจชั่ว ลูกของตัวเจียวยังตัดว่าขัดขวาง ให้แสนแค้นแน่นในฤทัยนาง กันแสงพลางอุตส่าห์ฝืนกลืนน้ำตา แล้วว่าแม่นี้เป็นหญิงก็จริงอยู่ แต่ได้รู้กลศึกลึกนักหนา จะไปด้วยช่วยกันรบกับลูกยา จะน้อยหน้าพระอภัยทำไมมี กุมาราว่าจริงหรือพระแม่ เช่นนั้นแน่แล้วก็ลูกไม่หลีกหนี ถ้าได้เหมือนแม่ผีเสื้อแล้วเหลือดี ถึงไพรีสักเท่าไรก็ไม่กลัว นางดีใจไปจริงนะลูกแก้ว แม่อายแล้วชาตินี้ไม่มีผัว ไม่แต่งองค์สรงน้ำให้คล้ำมัว นางแต่งตัวให้โอรสยศยง สอดสนับเพลากระหนกนุ่งยกแย่ง ช่วยจัดแจงจีบวางไว้หางหงส์ ทั้งผ้าทิพย์ขลิบทองฉลององค์ กระสันทรงสายสอดพิรอดรัด ใส่ห้อยหน้าตาชุนชายกระหนก ชายแครงปกเพลาพรายปลายสะบัด คาดปั้นเหน่งเปล่งเม็ดเพชรรัตน์ ประจงจัดเจียระบาดตาดเงินงาม ใส่กรอบนวมสวมประดับสำหรับยุทธ์ สังวาลบุษราเรืองเหลืองอร่าม ทองกรเพชรเจ็ดคู่ล้วนดูงาม เครื่องสงครามครบอย่างสำอางตา แล้วกวดเกล้าเมาลีให้ลูกรัก เสียบปิ่นปักเกี้ยวกุดั่นกันเกศา ธำมรงค์คงกระพันกันศัสตรา ใส่กรอบหน้าเหน็บตรีกระบี่กราย แล้วโฉมยงทรงเครื่องพิชัยยุทธ์ อย่างบุรุษรัดกระสันให้ถันหาย ใส่เสื้อกลีบจีบเอวสำอางกาย สังวาลสายสร้อยสลับประดับเพชร คาดเข็มขัดรัดแน่นเหน็บกระบี่ โกร่งมณีเนาวรัตน์ดูตรัจเตร็จ เสียบพระแสงกริชสั้นกัลเม็ด ใส่เกราะเพชรโพกผ้าเหมือนมลายู พระลูกน้อยพลอยชมสมทหาร แล้วว่านานไปพระแม่จะเกลียดหมู นางสั่งลูกว่าอย่าให้ผู้ใดรู้ ถึงแลดูก็จะแปลกว่าแขกจริง กุมาราว่าพระกายเหมือนชายแท้ เว้นเสียแต่แก้มคางเหมือนอย่างหญิง ถ้าติดหนวดใส่เคราเห็นเพราพริ้ง เป็นชายจริงเจียวนะพระมารดา นางยิ้มพลางทางชวนโอรสราช พ่อเชื้อชาติชายเชิญออกเดินหน้า แล้วโฉมยงทรงกั้นหยั่นกันกายา ตามกันมาใครไม่ทันสำคัญแคลง เที่ยวเดินดูหมู่พหลพลรบ แซงสมทบหมู่ทหารชาญกำแหง กระบวนตั้งดังพระยาเหราแรง จะวัดแว้งไพรีไม่หนีทัน แล้วแลดูโยธาลังกาตั้ง เป็นกำลังนาคราชจะผาดผัน มีหัวหางวางเขี้ยวดูเกี่ยวกัน คอยรัดพันไพรินดังจินดา ด้วยโฉมตรูรู้พิชัยสงครามครบ กระบวนรบเห็นจะแพ้โอรสา ด้วยนาคีมีแต่กายฝ่ายเหรา มีบาทาราวีคงมีชัย พินิจพลางทางเดินตามโอรส เที่ยวเลี้ยวลดรอบลำกำปั่นใหญ่ พวกโยธีรี้พลสกลไกร ไม่มีใครสงกาว่านารี ด้วยผู้คนมากมายหลายภาษา สำคัญว่านายหมวดตรวจหน้าที่ ถึงเก๋งก่อต่อท้ายสบายดี นางเทวีหยุดนั่งทั้งโอรส แขกฝรั่งอังกฤษนายทหาร มากราบกรานนอบน้อมอยู่พร้อมหมด นางเมินเมียงเคียงกระซิบสอนโอรส เห็นเมฆหมดลมตั้งกำบังบน ยกออกรับทัพลังกาอย่าให้ชิด ฉวยเพลิงติดลมพัดจะขัดสน ให้รบสู้ดูกำลังลำพังตน ต่ออับจนเจ้าจึงโจมออกโรมรัน โอรสรับจับชุดจุดปืนไฟ เสียงฟับไฟฟูฟูมตูมสนั่น โยธาทัพรับโห่ขึ้นพร้อมกัน ออกกำปั่นเป็นกระบวนชวนชิงชัย ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาล้วนกล้าหาญ เห็นได้การเกิดลมพายุใหญ่ โห่สนั่นสัญญายิงปืนใหญ่ ต่างลดใบโบกธงเข้ายงยุทธ์ ยิงประดังตังตึงเสียงผึงผาง ทั้งสองข้างคั่งคับสัประยุทธ์ ปล่อยมณฑกนกสับปืนคาบชุด ชนวนฟุดไฟวุบเสียงฟุบตึง ฯ ๏ พลทมิฬสินสมุทรจุดปืนหลัก บ้างเยื้องยักยิงบ้างเสียงผางผึง แต่คลื่นโยนโดนดังเสียงปังปึง โลดทะลึ่งล่มทลายลงหลายลำ บ้างแยะแยกแตกปรุทะลุโล่ง กระดานกระโดงหักผ่าเภตราคว่ำ ทั้งสองข้างต่างตายบ้างว่ายน้ำ บ้างกอดปล้ำกันจนปลาคร่าเอาไป พลลังกาหนาแน่นแล่นตลบ เข้ารุกรบรับกันเสียงหวั่นไหว พวกโจรน้อยถอยรบไม่หลบไกล ยิงปืนใหญ่แย้งกันสนั่นดัง ฯ ๏ อุศเรนเห็นทหารข้างด้านเหนือ ไม่เผาเรือใหญ่ได้เหมือนใจหวัง ให้เกียกกายซ้ายขวาดาประดัง ลำที่นั่งหนุนรุกเข้าคลุกคลี ฯ ๏ สินสมุทรนุชนางอยู่ข้างท้าย เห็นแพ้พ่ายพลน้อยจะถอยหนี ข้างเรืออุศเรนรุกมาทุกที พระบุตรีตรัสสั่งกุมารา พระลูกรีบไปด้วยได้ช่วยรบ ให้สมทบหน้าท้ายทั้งซ้ายขวา ในเรือใหญ่ไว้ธุระของมารดา จะรักษาไว้ให้มั่นไม่อันตราย ฯ ๏ สินสมุทรสุดสนุกลุกขึ้นโลด แกว่งดาบโดดลงกำปั่นแล้วผันผาย ให้โบกธงลงข้างขวามาข้างซ้าย สัญญานายเรือรบสมทบทัพ พอลมกล้าฝรั่งข้างอุศเรน ล้วนจัดเจนจ้องชุดจุดปืนตับ สินสมุทรสุดคะนองร้องว่ารับ ปะทะทัพอุศเรนเจนประจญ ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีเห็นทีรบ กลับตลบเข้ามาใกล้ไล่พหล ให้รักษาหน้าที่ต้อนรี้พล คอยประจญจ้องอาวุธยุทธนา แล้วให้ยิงปืนใหญ่ออกไปช่วย ทหารฉวยชุดจ้องมองซ้ายขวา เห็นมั่นคงตรงเรือชาวลังกา ยิงประดาโด่งดังเสียงตังตึง แต่ละลูกถูกเรือลังกาแตก บ้างแยะแยกคลื่นโยนโจนทะลึ่ง พระหน่อไทได้ทีตีตะบึง จนเรือถึงกันหมดไม่ลดละ ทหารโจรโยนโซ่เอาขอสับ ขึ้นไล่จับฟันฝรั่งดังฉัวะฉะ บ้างรับรบล้มกลิ้งวิ่งปะทะ ข้างเรือพระหน่อไทไล่เลี้ยวลด ฝรั่งรับจับแหลนหลาวทวนพุ่ง ถูกข้างพุงสินสมุทรหลุดไปหมด ไม่เจ็บช้ำรำเย้ยเหวยอ้ายมด พอเรือจดลำทรงองค์อุศเรน โจนขึ้นได้ไล่ฟาดเสียงฉาดฉับ ฝรั่งรับรอบข้างทั้งดั้งเขน พระฟันตายก่ายกองนองระเนน อุศเรนรำทวนเข้าสวนแทง สินสมุทรชำนาญการกระบี่ ปะทะทีโถมฟันด้วยขันแข็ง อุศเรนเผ่นฟาดก็พลาดแพลง แล้วพลิ้วแทงถูกกุมารจนซานองค์ ฯ ๏ สินสมุทรผุดลุกขึ้นไล่จับ ทหารรับป้องกันฟันผุยผง แผลงศักดากล้าหาญชาญณรงค์ รวบได้องค์ลูกท้าวเจ้าลังกา เอาเชือกมัดรัดมือแล้วถือไว้ พลไพร่พรั่นตัวกลัวหนักหนา ทิ้งอาวุธหยุดกราบทั้งเภตรา กุมาราเรียกไพร่ให้เข้ารับ เอาตัวอุศเรนลงลำทรงได้ แล้วสั่งให้ขานโห่โยธากลับ พลทมิฬยินดีได้ทีทัพ สกัดจับเรือฝรั่งชาวลังกา ฯ ๏ อุศเรนเผ่นโผนโจนจะม้วย ทหารฉวยฉุดกายทั้งซ้ายขวา ถึงเรือใหญ่ให้พยุงจูงขึ้นมา ตรงไปหาชนนีด้วยดีใจ ค่อยค่อยว่าฆ่าเสียเถิดหรือคะ นางว่าพระบิดาจะว่าได้ แล้วโฉมยงสงสารรำคาญใจ จะดูไม่เต็มเนตรเวทนา ฯ ๏ ฝ่ายพระอภัยมณีกับศรีสุวรรณ วิ่งมาทันขอโทษโอรสา เข้าสวมสอดกอดลูกเจ้าลังกา ชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย แล้วแก้มัดตรัสเรียกขึ้นร่วมอาสน์ พจนารถมิให้ช้ำระส่ำระสาย ไม่พอที่วิวาทกันวุ่นวาย ให้คนตายเสียเปล่าเปล่าไม่เข้าการ อันใจพี่นี้ไม่หวงไม่ลวงหลอก แต่พี่บอกน้องรักขืนหักหาญ จึงให้น้องลองสู้กับกุมาร เดี๋ยวนี้ท่านเล่าก็แพ้แก่โอรส เราขอไว้ไม่เอาทั้งข้าวของ คืนสนองคุณให้ท่านไปหมด แล้วเหลียวหลังมาอ้อนวอนโอรส ขอแทนทดคุณท่านโดยสารมา ฯ ๏ สินสมุทรนบนอบตอบสนอง ลูกจำต้องตีทัพรับอาสา ซึ่งชิงชัยได้ชนะพระเจ้าอา พระมารดาดอกสันทัดท่านจัดการ แล้วให้ยิงปืนใหญ่ออกไปช่วย จึงได้ด้วยพระปัญญาปรีชาหาญ แล้วหันหน้ามาประณตบทมาลย์ ยกให้ท่านเสียเถิดนะพระมารดา ฯ ๏ นางเมียงเมินเขินอายซังตายตอบ ตามระบอบเปรียบประชดโอรสา เราคิดอ่านการศึกช่วยตรึกตรา เพราะเห็นว่ายังเด็กเล็กเหลือใจ ไม่มีผู้ชูช่วยจะม้วยมอด เมื่อเจ้ารอดแล้วก็ตามอัชฌาสัย แล้วเมินเมียงเลี่ยงหลีกลีลาไป เข้าเสียในห้องหับให้ลับตา ฯ ๏ พระอภัยไม่ทันพิศคิดว่าแขก ด้วยแปลงแปลกรูปจริตขนิษฐา ครั้นรู้แน่แลยิ้มพริ้มพักตรา พอสุดาเดินกลับไปลับองค์ ฯ ๏ อุศเรนเห็นวับไปลับพักตร์ กำเริบรักร้อนจิตพิศวง ให้แสนแค้นแสนอายซังตายตรง เดินไปลงเรือกลับไปลับลำ ทอดสมอรอท่าโยธาหาญ จะคิดอ่านรุกรบต่อพลบค่ำ ครั้นโยธามาพร้อมเข้าล้อมลำ ให้นับกำปั่นใหญ่ดังใจปอง ได้หกร้อยย่อยยับเสียเกือบกึ่ง ยิ่งโกรธขึ้งหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง เรียกสุรามาเสวยสามขันทอง แล้วตรึกตรองเตรียมการจะราญรอน ฯ ๏ สงสารองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ แต่ยลพักตร์พุ่มพวงดวงสมร ถวิลหวังนั่งรำพึงถึงบังอร จะพาจรไปจังหวัดรัตนา จะได้เสกเอกองค์นางนงลักษณ์ ให้เป็นอัคเรศร่วมเสน่หา พลางกอดจูบลูบหลังพระลูกยา พ่อแกล้วกล้าการณรงค์ทรงกำลัง บัดนี้เล่าเจ้าก็พาอามาพบ ทั้งรุกรบมีชัยดังใจหวัง ไปพาราย่าปู่ขึ้นสู่วัง ให้พร้อมพรั่งวงศาเสนาใน ฯ ๏ พระหน่อน้อยถามองค์พระทรงเดช จะโปรดเกศลูกยาพาไปไหน ข้าสงสารมารดาได้ว่าไว้ ถ้าแม้นไม่พบปะพระบิดา ให้ลูกยาพาไปเมืองผลึก ด้วยรำลึกถึงพระแม่แลวงศา แล้วจะมอบขอบขัณฑเสมา ให้ลูกยาอยู่สำราญผ่านบุรี พระบิดาว่าจะไปกรุงไกรก่อน ลูกจงวอนพระมารดามารศรี ไปพาราย่าปู่แม้นอยู่ดี แล้วลูกนี้จึงจะลามากับนาง ฯ ๏ ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มพระหลานรัก ไม่รู้จักใจกษัตริย์ทูลขัดขวาง กุมาราลาสองกษัตริย์พลาง มาหานางนอบนบอภิวันท์ แล้วเชยชมชนนีว่าดีแท้ เสียดายแต่ขาวขำไม่ล่ำสัน แม่ผีเสื้อเนื้อตัวนั้นโตครัน ดูมั่นตั้นตึงตังกำลังแรง แม่เดี๋ยวนี้มีแต่งามกับความคิด หรือมีฤทธิ์อยู่กระมังยังไม่แผลง หรือพระแม่แก่หัดแต่จัดแจง แล้วเสแสร้งสรวลสันต์จำนรรจา ฯ ๏ นางกอดจูบลูบหลังสินสมุทร ช่างแสนสุดซื่อถามตามภาษา จึงว่าแม่แต่อยู่กับอัยกา อ่านตำราข้างที่มิได้เว้น ด้วยไม่มีพี่น้องเป็นชายชาติ จะหมายมาดช่วยทุกข์เมื่อขุกเข็ญ จึงเรียนเผื่อเมื่อธุระจะจำเป็น พอพบเห็นเข้าก็ได้แก้ไขกัน เออเมื่อแม่เดินมาอากับพ่อ พูดหัวร่อว่ากระไรที่ไหนนั่น จงแจ้งความตามจริงทุกสิ่งอัน เธอกล่าวขวัญว่ากระไรจะใคร่ฟัง ฯ ๏ กุมาราว่าสมเด็จพระบิตุราช คิดถึงญาติย่าปู่ซึ่งอยู่หลัง จะพาอาพาลูกไปเวียงวัง ต้องไปทั้งชนนีฉันดีใจ ส่งท่านถึงจึงจะลามากับแม่ ว่ากันแน่แล้วพระองค์อย่าสงสัย นางฟังคำร่ำเล่าก็เข้าใจ ว่าชิชะพระอภัยกระไรเลย หมายจะชุบมือเปิบกำเริบจิต ช่างไม่คิดขายหน้านิจจาเอ๋ย ในชาตินี้ที่จะอยู่เป็นคู่เชย หาไม่เลยแล้วพ่อคุณพ่อบุญลือ แล้วตรัสกับสินสมุทรสุดสวาท เจ้าจะขาดรักแม่แน่แล้วหรือ แม้นบิดาพาไปอยู่ในมือ ก็จะรื้อเกี้ยวพานรำคาญใจ รักมิรักหักทำให้หนำจิต เป็นสุดคิดแล้วที่แม่จะแก้ไข อนึ่งเล่าชาวลังกาที่ล่าไป จะรบพุ่งกรุงไกรด้วยโกรธา แสนสงสารมารดรจะร้อนเร่า กำสรดเศร้าสิ้นญาติวาสนา แม้นรักแม่แน่นอนเหมือนก่อนมา เชิญลูกยายกทัพไปดับร้อน แม่จะมอบขอบเขตประเทศสถาน ให้พ่อผ่านภิญโญสโมสร สำเร็จแล้วแก้วตาพาบิดร ไปนครลูกน้อยจึงค่อยมา ซึ่งเดี๋ยวนี้ที่จะให้แม่ไปด้วย คงมอดม้วยแม่นแท้แน่นักหนา เสียแรงลูกสงสารเลี้ยงมารดา จะแกล้งฆ่าแม่แล้วก็ตามที ฯ ๏ พระหน่อน้อยพลอยว่าจริงหนาแม่ มันจะแก้รบพุ่งเอากรุงศรี จำจะไปรักษาอยู่ธานี ถ้าหาไม่ไพรีจะบีฑา แล้วลานางวางวิ่งมาหาพ่อ เล่าคำข้อเคืองจิตขนิษฐา พระอภัยไม่รู้ที่จะเจรจา จะขืนพาไปก็เห็นไม่เป็นการ จำจะหย่อนผ่อนตามทรามสวาท ให้สมมาดผันผ่อนด้วยอ่อนหวาน ทำเพลงยาวน้าวโน้มประโลมลาน คงเป็นการกูสักวันหนึ่งมั่นคง ดำริพลางทางตอบปลอบลูกน้อย พ่อก็พลอยเห็นควรกับนวลหง อุศเรนเห็นจะเคืองนางโฉมยง เขาก็คงคุมแค้นไปแทนทด เจ้าบอกนางอย่างคำบิดาว่า จะพาอาเจ้าไปด้วยช่วยให้หมด อย่าหักหาญดาลเดือดจงเงือดงด มิให้อดสูเขาชาวลังกา พระตรัสพลางทางถามล่ามต้นหน ตามตำบลแผนที่ชี้ทิศา อันขอบคุ้งกรุงผลึกพระพารา อยู่แควขวาแขวงประจิมริมวารี พระรู้ชัดตรัสสั่งให้ตั้งเข็ม จะแล่นเล็มแหลมคุ้งไปกรุงศรี ให้นายหมวดตรวจระวังสั่งโยธี เมื่อราตรีเกรงศัตรูจะจู่มา ให้พร้อมพรั่งตั้งถ้วนกระบวนทัพ คอยรบรับอันตรายทั้งซ้ายขวา ครั้นเสร็จสั่งตั้งโห่เป็นโกลา พระก็ใช้ใบมาในสาคร ฯ ๏ สินสมุทรวิ่งมาหาแม่เลี้ยง เข้านั่งเคียงข้างกายสายสมร แล้วเล่าความตามคิดกับบิดร จะรีบจรไปรักษาพาราไว้ ถึงแม้นว่าข้าศึกจะนึกร้าย มิให้อายชาวลังกาอย่าสงสัย นางฟังคำทำเป็นตอบว่าขอบใจ นั่นมิใช่หรือแม่คิดไม่ผิดเลย น่าหัวร่อพ่อเจ้าเธอเคล่าคล่อง เห็นได้ช่องแล้วก็เกี้ยวเอาเฉยเฉย ถ้าทีหลังสั่งความพ่อทรามเชย อย่ารับเลยทีเดียวนะแม่จะตี แล้วนางเรียกสาวใช้ให้มาพร้อม ให้ขับกล่อมดุริยางค์อยู่ข้างที่ พอโพล้เพล้เวลาจะราตรี จุดอัคคีโคมสว่างดังกลางวัน ฯ ๏ สงสารองค์พระอภัยวิไลโลก ค่อยเคลื่อนคลายวายวิโยคที่โศกศัลย์ อยู่เก๋งใหญ่ท้ายบาหลีกับศรีสุวรรณ เห็นแสงจันทร์แจ่มฟ้านภาลัย ได้ยินเสียงดีดสีดนตรีกล่อม ประสานซ้อมมโหรีปี่ไฉน พระนั่งฟังวังเวงวิเวกใจ หวนอาลัยรำลึกนึกถึงนาง มาพานพบสบสมอารมณ์คิด แต่จนจิตจำวิบัติให้ขัดขวาง เพราะนิ่มน้องหมองเมินเขินระคาง จะทำอย่างไรดีกระนี้นา พระนิ่งนึกสะทึกสะท้อนอก แสนวิตกเต็มคิดพิศดูผ้า อารมณ์รักอักอ่วนป่วนวิญญาณ์ จะปรึกษากับน้องชายก็อายใจ ลงเอนอิงพิงเอกเขนกเขนย พระกรเกยพระนลาฏไม่หวาดไหว ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มอยู่ในใจ ด้วยรู้ในท่วงทีพระพี่ยา อันทุกข์ร้อนนอนหงายก่ายหน้าผาก เพราะชู้จากใจมาดปรารถนา จะทูลความคร้ามเกรงจะโกรธา แกล้งทูลลาเลยไปเสียให้ลับ เที่ยวตรวจดูหมู่พหลพลไพร่ มิให้ใครซุกซ่อนเที่ยวนอนหลับ ทุกหมู่หมายนายหมวดตรวจกำชับ คอยรบรับไพรีจะบีฑา ทั้งเรือใช้ใหญ่น้อยแปดร้อยถ้วน เดินกระบวนเรียงรายทั้งซ้ายขวา ทุกหน้าที่ตีฆ้องก้องโกลา เป็นสัญญารับกันสนั่นดัง ฯ ๏ สงสารองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ กำเริบรักรุ่มร้อนอาวรณ์หวัง เงียบสำเนียงเสียงขับคอยตรับฟัง ให้คลุ้มคลั่งคล้ายคล้ายว่าสายใจ มายืนยิ้มพริ้มอยู่ประตูเก๋ง พระแลเล็งลืมองค์ด้วยหลงใหล ขยับเขยื้อนเลื่อนลุกลีลาไป ยิ้มละไมมองหายุพาพาล ไม่พบองค์หลงหาข้างหน้าหลัง พอฝรั่งเดินมาข้างหน้าฉาน เห็นพระองค์ลงนั่งจะกราบกราน นฤบาลเคลิ้มคล้ายหมายว่านาง ลงนั่งเรียงเคียงข้างทางประภาษ นุชนาฏนวลน้องอย่าหมองหมาง มานั่งอยู่นี่ไยใกล้หนทาง ขอเชิญนางนุชน้องเข้าห้องใน พระว่าพลางทางพยุงจูงฝรั่ง มันถอยหลังคุกเข่าไม่เข้าใกล้ พอมือหลุดผลุดผลุนวิ่งหมุนไป พระหลงไล่เลี้ยวลัดสกัดสแกง เห็นแต่คนพลรบเขาหลบนั่ง ยิ่งแค้นคั่งเคืองในพระทัยแหนง เที่ยวค้นคว้าหานางด้วยคลางแคลง ทุกตำแหน่งหน้าที่มิได้พบ ยังสงสัยไล่มองทุกห้องหับ เป็นหลายกลับลดเลี้ยวเที่ยวตลบ ถึงห้องนางสว่างแจ้งด้วยแสงคบ เห็นสงบเงียบเสียงค่อยเมียงมอง เขาทักถามขามเขินทำเมินเฉย ลีลาเลยเลี้ยวไปเข้าในห้อง ทอดพระองค์ลงบรรทมบนเตียงทอง กรประคองกอดหมอนถอนฤทัย โอ้สุวรรณมาลีเจ้าพี่เอ๋ย ไม่เห็นเลยที่พี่คิดพิสมัย มาหมองหมางห่างเหินสะเทิ้นใจ สิ้นอาลัยแล้วหรือนางจึงอย่างนี้ แม้นโฉมยงนงนุชสุดสวาท เจ้าตัดขาดคิดอางขนางหนี ไม่หลอเหลือเยื่อใยเป็นไมตรี ชีวิตพี่ไหนจะรอดตลอดไป พระตรึกตราอาดูรพูนเทวษ น้ำพระเนตรคลอคลอจะหล่อไหล หวนรำลึกนึกสะอื้นขืนอาลัย เหมือนจิตใจจะวินาศหวาดระวัง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายอุศเรนเกณฑ์ยกทัพ ได้เสร็จสรรพซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง แล้วเลี้ยงเหล้าเมาตึงเต็มกำลัง จึงตรัสสั่งสารวัดหัศเกน รบคราวนี้ตีทัพเหมือนจับเสือ ถึงเสียเกลือแต่ให้ได้พิมเสน ทหารเราเล่าก็หัดไว้จัดเจน หัศเกนเห็นใครถอยมึงคอยแทง ฯ ๏ พวกนายทัพรับคำซ้ำกินเหล้า กำลังเมามึนหน้าต่างกล้าแข็ง ให้เรือใช้ไปสืบด้วยคลางแคลง กลังมาแจ้งว่าเรือใหญ่นั้นไคลคลา เห็นใช้ใบไปทางทิศพายัพ กระบวนทัพล้อมแล่นไปแน่นหนา อุศเรนเจนทางกลางคงคา จึงตรัสว่ามันยังไม่ไปเมืองมัน เห็นจะไปเมืองผลึกเหมือนนึกแน่ กูจะแก้แค้นฆ่าให้อาสัญ เราตามไปได้อยู่เหนือลมมัน คงเผาลำกำปั่นได้มั่นคง แล้วสั่งให้ไพร่นายรายเรือรบ พอค่ำพลบชื่นชมสมประสงค์ ให้กางใบได้ลมอุตราตรง ออกแล่นนำลำทรงมาพร้อมเพรียง จันทร์กระจ่างกลางคืนเป็นคลื่นคลั่ง ทั้งหน้าหลังแล่นลัดตัดเฉลียง ตามเรือนำสำคัญโคมคู่เคียง จนเดือนเที่ยงก็พอทันกำปั่นนาง พอลมตรงส่งท้ายหมายชนะ แล่นปะทะเลี้ยวเรียงเข้าเคียงข้าง ปล่อยปืนหลักยักกะตราขานกยาง ปืนใหญ่วางวับผึงเสียงปึงปัง ฯ ๏ ฝ่ายพหลพลรบพวกเรือใหญ่ ไม่หลีกไกลรบรับอยู่คับคั่ง ปืนจังกาขวาซ้ายรายประดัง ช่วยรบทั้งโยธีศรีสุวรรณ ทั้งเสียงคลื่นปืนรบสมทบทัพ ดูแวบวับเสียงสะเทื้อนเหมือนฟ้าลั่น ฝ่ายพระอภัยมณีศรีสุวรรณ ออกช่วยกันตรวจตราทั้งหน้าท้าย สินสมุทรผลุดลุกปลุกแม่เลี้ยง แล้วว่าเสียงข้าศึกฮึกใจหาย ฉวยดาบโดดโลดแล่นกำลังกาย มาถึงท้ายพบปะพระบิดา ตะโกนก้องร้องเรียกทหารรบ ซ้ายสมทบรบด้วยช่วยข้างขวา แล้วแกว่งดาบเดินหวดเที่ยวตรวจตรา ให้รักษาเรือใหญ่ระไวระวัง ฯ ๏ อุศเรนเห็นทัพเข้ารับรบ เร่งสมทบโยธาทั้งหน้าหลัง ตีระดมลมกล้าดาประดัง จนกระทั่งเรือใหญ่เอาไฟโยน บ้างทิ้งผ้าน้ำมันยางบ้างขว้างคบ บ้างตลบปีนป่ายตะกายโหน จนเพลิงพลุ่งรุ่งโรจน์ขึ้นโชติโชน ทหารโจนรบรับบ้างดับไฟ บ้างอุดช่องสองข้างเอาวางถัง ให้น้ำขังดาดฟ้าชลาไหล ถึงจะทิ้งเพลิงเผาสักเท่าไร ก็ไม่ไหม้สำเภาเสากระโดง ด้วยทองหุ้มชุ่มน้ำแล้วซ้ำสาด ข้าศึกฟาดไฟน้ำมันควันโขมง ติดแต่ใบสายระยางสว่างโพลง เสียงผางโผงพลขันธ์ประจัญรบ พระอภัยศรีสุวรรณสินสมุทร อุตลุดขับไพร่มิให้หลบ อุศเรนรุกร้นพลสมทบ เข้ารุกรบเรือใหญ่ไฟประดัง พอเพลิงไหม้ใบกลางสว่างฟ้า อังกุหร่าแลเห็นลำเรือที่นั่ง ให้พลขึ้นยืนเยื้องยิงประดัง ถูกพลลังกาตายเสียหลายพัน ทั้งพระชงฆ์องค์อุศเรนหัก เลือดทะลักล้มถลาแทบอาสัญ พอเกิดคลื่นลมกล้าสลาตัน ตีกำปั่นพลัดพรายกระจายไป พอเดือนดับลับฟ้าภาณุมาศ ก็โอภาสแผ้วสางสว่างไสว ศึกสำเร็จเสร็จสรรพทั้งดับไฟ กำปั่นใหญ่ลอยลำอยู่ท่ามกลาง ฝ่ายพวกเรือเหลือตายที่พรายพลัด แต่เลี้ยวลัดแล่นวนอยู่จนสว่าง บ้างก็ล่มจนตายลงวายวาง บ้างขึ้นค้างเกาะแก่งทุกแห่งไป ฝ่ายโยธีศรีสุวรรณสินสมุทร ต้องอาวุธเจ็บป่วยม้วยตักษัย ที่ยังเหลือเรือรบสำหรับใช้ ให้นับได้ห้าร้อยมาลอยเรียง บ้างเปลี่ยนใบใส่เสาหางเสือเสร็จ แล้วสำเร็จสารพันไม่ทันเที่ยง ตั้งแห่แหนแล่นล้อมมาพร้อมเพรียง สนั่นเสียงขานโห่เป็นโกลา ไปตามเข็มเล็มเลี้ยวแหลมสุหรัด แล้วแล่นตัดปากน้ำสำปันหนา อ้อมถนนพ้นกำแพงลังกามา หมายพาราผลึกแล่นตามแผนทาง ฯ ๏ สงสารสุดอุศเรนครั้นรุ่งเช้า เสียพระเพลาพลิกแพลงตะแคงข้าง ด้วยถูกยิงฟื้นองค์ก็ทรงคราง พวกขุนนางเข้าประคองนองน้ำตา มาวางไว้ไสยาสน์บนอาสน์รัตน์ หมอเข้าปัดเป่าแก้แผลรักษา เปลวสุกรถอนพิษพอกใบชา ขี้ผึ้งยาปิดแผลแก้ปวดร้อน แล้วหยุดจอดทอดสมอรอประทับ จะคอยรับเรือทหารชาญสมร ที่เหลือตายพรายพลัดกำจัดจร บ้างไปก่อนบ้างอยู่หลังเที่ยวซังเซ ยังคงเรือเหลือตามสามสิบเศษ พอเกิดเหตุลมป่วนให้หวนแห อุศเรนเอนเอกเขนกคะเน คิดถ่ายเทจะทำศึกให้นึกอาย จึงปรึกษาฝรั่งนายทหาร เราทำการพลั้งพลาดประมาทหมาย ใครเห็นเหตุเภทผลกลอุบาย จะแก้อายอัประมาณประการใด ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังว่าน่าสงสาร ต่างกราบกรานตรึกตรองแล้วร้องไห้ ว่าพระองค์ก็ทรงฤทธิไกร เคยเป็นใหญ่กว่ากษัตริย์ขัตติยา ได้ปกเกล้าชาวเกาะลังกาทวีป ให้รอดชีพชุบเลี้ยงไม่เดียงสา มาครั้งนี้ตีทัพอัปรา จนศัสตราต้องพระชงฆ์องค์โอรส ข้าทั้งหลายตายเสียดีกว่าอยู่ จะรบสู้นั้นไม่คิดชีวิตหมด ซึ่งทรงฤทธิ์คิดแค้นจะแทนทด ขอเงือดงดการก่อนได้ผ่อนปรน ด้วยเราน้อยถอยทั้งกำลังทหาร จะทำการไม่ถนัดเห็นขัดสน ทั้งประชวรควรระงับให้กลับพล ไปสิงหลเกาะลังการักษาองค์ ให้แผลหายภายหลังจึงเกณฑ์ทัพ มารบสับเลือดเนื้อไม่เหลือหลง จะหนีไปไหนพ้นบาทบงสุ์ เขาก็คงไปนครคอยรอนราญ จะสงครามตามตีบัดนี้เล่า เหมือนโฉดเขลาเฉโกด้วยโวหาร ฉวยเพลี่ยงพล้ำซ้ำร้ายเสียดายการ จงโปรดปรานกลับหลังไปลังกา ฯ ๏ อุศเรนเห็นจริงนิ่งอนาถ ใจจะขาดเสียเพราะแค้นนั้นแสนสา ทั้งเสียดายสายสมรร้อนอุรา จึงตอบว่าเสียเมียเหมือนเสียกาย แม้นปล่อยปละละวางไว้ข้างเขา ที่ไหนเราจะได้สมอารมณ์หมาย เขาคงได้กันเป็นเมียกูเสียดาย เมื่อจะตายเพราะนางงามก็ตามที ฯ ๏ ฝ่ายเสนาฝรั่งได้ฟังตรัส บ้างทูลขัดจะให้อางขนางหนี อันรูปทรงองค์พระอภัยมณี ดูท่วงทีเธอทายาดชาติเจ้าชู้ อนึ่งนางอ้างเอาเขาเป็นผัว เหมือนหญิงชั่วช่างกระไรไม่อดสู ทั้งลูกเขาเข้าสนิทข้าคิดดู คงเป็นชู้กันเสียแล้วไม่แคล้วเลย พระเป็นคู่สู่ขอนางก็รับ มากลายกลับแกล้งอยู่กับชู้เฉย พระอภัยใช่เช่นเป็นกะเทย จะละเลยไว้หรือนานจนป่านนี้ แม้นนงลักษณ์รักพระองค์เหมือนทรงรัก ควรสมัครแลกชีวิตไม่คิดหนี จะมาม้วยด้วยนางเหมือนอย่างนี้ จะเป็นที่ครหาในสามัญ ฯ ๏ อุศเรนฟังคำให้อ้ำอึ้ง โมโหหึงเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ สะอื้นพลางทางว่าถ้าเช่นนั้น กูจะฟันฟาดฝานให้ทานกา ต่อจับได้ไล่เลียงให้เที่ยงแท้ ถ้าดีแน่แล้วจะรักให้หนักหนา จงเลิกทัพกลับหลังไปลังกา จะได้มาแก้แค้นทำแทนทด ให้เรือใช้ไปเมืองผลึกก่อน เลิกนิกรกองทัพกลับให้หมด กันแสงสั่งคั่งแค้นแสนรันทด โศกกำสรดซบหน้าโศกาลัย ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายนายทหาร พลอยสงสารเศร้าหมองไม่ผ่องใส ต่างรีบร้อนถอนสมอขันช่อใบ ต้นหนให้หันมุ่งกรุงลังกา แล้ววางเข็มเล็มแล่นตามแผนที่ ออกอ่าวนาควารีเร็วหนักหนา เข้าขอบคุ้งกรุงผลึกเลิกโยธา ไปลังกาสิงหลทั้งพลไกร ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นสินสมุทร ช้ากว่าอุศเรนเหลือด้วยเรือใหญ่ ทุกคืนค่ำร่ำมาไม่ราใบ พระอภัยทุกข์ร้อนนอนรำพึง ด้วยเทวีมิให้เห็นทุกเย็นเช้า ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งนึกรำลึกถึง ประดักประเดิดเถิดหรือจะดื้อดึง ถึงร้องอึงก็เป็นชายจะอายใคร แต่ลูกเราเจ้ากรรมนี่ทำเข็ญ ฉวยพบเห็นก็จะว่าไม่ปราศรัย ด้วยเด็กนักรักเขาไม่เข้าใจ ทำกระไรจะได้สมอารมณ์ปอง จำจะทำคำถามทรามสงวน ฟังสำนวนนงคราญสารสนอง แล้วเอนเอกเขนกนึกนั่งตรึกตรอง แต่ยามสองจนสางสว่างแล้ว เขียนประจงลงกระดาษไม่คลาดถ้อย ดูเรียบร้อยลายพระหัตถ์ประทัดแถว พับลิขิตมิดเม้นไม่เห็นแนว พอลูกแก้วเข้ามาหาจึงพาที เจ้าช่วยถือหนังสือไปให้พระแม่ อย่าเซ็งแซ่ซ่อนเข้าไปให้ในที่ โอรสรับกลับมาหาเทวี แจ้งคดีว่าลิขิตของบิดา ฯ ๏ นางฟังคำทำพิโรธเหมือนโกรธเกรี้ยว จะก่อเกี้ยวด้วยกระดาษไม่ปรารถนา สินสมุทรพูดชะอ้อนวอนวันทา แม่เมตตาช่วยอ่านให้ฉันฟัง นางยิ้มพลางทางคลี่ดูลิขิต นิ่งพินิจนึกในพระทัยหวัง กุมาราว่าพระแม่อ่านให้ดัง นางผินหลังคลี่สารออกอ่านกลอน ฯ ๏ กระดาษแทนแผ่นทองประคองเขียน ด้วยพากเพียรพยายามตามสมร จนเรือแตกแยกย้ายกระจายจร แต่อาวรณ์หวังสวาทไม่ขาดวัน ถึงตายแล้วแคล้วคลาดในชาตินี้ ขอให้พี่ขึ้นไปปะบนสวรรค์ เป็นบุญปลอดรอดมาเห็นหน้ากัน ไฉนขวัญนัยนาไม่ปรานี หรืองามปลื้มลืมคำที่ร่ำว่า พอเห็นหน้าน้องก็เดินทำเมินหนี เหมือนแค้นเคืองเปลื้องปลดหมดไมตรี เมื่อไม่มีความผิดสักนิดเดียว ไม่ไต่ถามความจริงมานิ่งโกรธ ประทานโทษเถิดแม่คุณอย่าฉุนเฉียว ไม่ลวงหลอกดอกสักสิ่งจริงจริงเจียว อย่าโกรธเกรี้ยวให้ช้ำระกำกรอม แม่ขวัญเมืองเคืองแค้นพี่แสนทุกข์ ไม่มีสุขโศกรูปจนซูบผอม ทุกเช้าค่ำกำสรดสู้อดออม หวังถนอมเสน่ห์นวลสงวนงาม นึกจะใคร่ไปเยือนเหมือนหนึ่งญาติ เห็นกริ้วกราดเกรงใจจึงไต่ถาม ถ้าโทษพี่นี้ผิดอย่างปิดความ จงตอบตามใจจริงทุกสิ่งเอย ฯ ๏ นางรู้แจ้งแกล้งว่าน่าบัดสี มิพอที่พ่อลิ้นทองของน้องเอ๋ย แล้วว่าเจ้าอย่าเอามาให้ข้าเลย ข้าไม่เคยเป็นนักเลงเล่นเพลงยาว สินสมุทรหยิบสารมาอ่านบ้าง แล้วว่าอย่างนี้หรือมาอื้อฉาว มิควรขัดขุ่นเคืองในเรื่องราว ท่านว่ากล่าวไพเราะฉอเลาะล้ำ ไม่แกล้งว่าถ้าฉันเป็นเช่นพระแม่ จะตอบแก้ตามความให้งามขำ นางแกล้งว่าข้าเกลียดขี้เกียจทำ อย่ามาร่ำจุกจิกจะหยิกยับ ฯ ๏ กุมาราว่าพระแม่แก้ออกอ่าน ไม่ตอบท่านตามทำนองจะต้องปรับ มิอยากฟังช่างเป็นไรฉันไม่รับ พระแม่จับฉีกผนึกฉันทึกเอา ฯ ๏ นางฟังคำทำเป็นว่าน่าหัวร่อ เจ้าลูกพ่อพูดเพ้อเก้อเปล่าเปล่า เกิดเป็นวิบากกรรมต้องทำเนา จะตอบเจ้าเสียให้สิ้นมลทินไป แล้วโฉมยงทรงคิดประดิษฐ์เขียน ไม่ผิดเพี้ยนพจนาอัชฌาสัย ครั้นเสร็จสรรพพับผนึกให้หน่อไท กุมารได้กระดาษมาหาบิดร แล้วทูลความตามหมางระคางขัด ต้องพ้อตัดเต็มเคืองเรื่องอักษร พระยินดีคลี่สารออกอ่านกลอน ชมสมรยิ่งเสมียนเขียนบรรจง ฯ ๏ ขอบังคมสมเด็จพระเชษฐา ซึ่งเมตตาตามทำนองต้องประสงค์ ไม่กลับกลอกตะคอกขู่รู้ซื่อตรง จะช่วยส่งปลูกฝังไปลังกา ไม่ลืมคุณทูลกระหม่อมถนอมจิต มิได้คิดโหยกเหยกอุเบกขา น้องนึกหวังดังสมเด็จพระบิดา ด้วยสัจจาจนชีวันจะบรรลัย จงคิดว่าข้าน้อยนี้เหมือนบุตร ให้ซื่อสุจริตจิตอย่าคิดไฉน ถ้าทำสัตย์เสียด้วยกันแล้ววันไร จะได้ไปเฝ้าแหนแทนบิดา เป็นอันขาดชาตินี้ไม่มีผัว แม้นทำชั่วเชิญพระองค์ลงโทษา จงออกโอษฐ์โปรดตรัสสัตย์สัญญา ที่พูดจาไว้แต่หลังอย่าหวังคิด ซึ่งซักถามตามระบอบให้ตอบถ้อย เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เจ็บจิต ช่วยเฉลี่ยเกลี่ยไกล่เสียให้มิด ด้วยชอบผิดพระก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ยามยากปากน้องนี้น้ำท่วม มิได้ร่วมเรียงชิดพิสมัย ถึงลดเลี้ยวเกี้ยวพานประการใด ก็ไม่ได้ดอกพระองค์อย่าสงกา น้องตั้งสัตย์ตัดขาดแล้วชาตินี้ อันสามีขี้ขลาดไม่ปรารถนา จะขออยู่ผู้เดียวด้วยลูกยา เป็นสัจจาใจจริงทุกสิ่งเอย ฯ ๏ พระฟังคำซ้ำคิดพิศวาส จะหมายมาดเหมือนธิดานิจจาเอ๋ย แค้นว่าพี่นี้จะส่งแม่ทรามเชย ไม่เห็นเลยลวงเขาเอาเป็นจริง จะตอบความทรามวัยไฉนหนอ ให้หายข้อเคืองข้องแม่น้องหญิง ลงเอนเอกเขนกนอนแนบหมอนอิง พินิจนิ่งดูแต่ต้นไปจนปลาย อันคำข้อขอสัตย์เรานัดพบ เห็นจะสบสมจิตที่คิดหมาย เมื่อเข้าถึงจึงค่อยบิดคิดอุบาย นางนี้ตายราบแล้วไม่แคล้วเรา จึงคิดทำคำประจงลงกระดาษ เชิงฉลาดลวงประโลมโฉมเฉลา บอกลูกน้อยค่อยกระซิบแต่เบาเบา เย็นแล้วเจ้ากลับมาหาบิดร โอรสรับอภิวันท์แล้วผันผาย ถึงห้องนางทางถวายสายสมร พระบุตรีคลี่สารออกอ่านกลอน ล้วนโอนอ่อนวอนวิงทุกสิ่งไป ฯ ๏ โอ้พระนุชบุตรีเจ้าพี่เอ๋ย มิควรเลยนวลหงจะสงสัย แม้นพี่ส่งนงเยาว์ให้เขาไป ก็ที่ไหนนุชน้องจะต้องรบ พี่ก็รู้อยู่ทุกสิ่งอย่านิ่งโกรธ จนขอโทษแล้วก็ไม่ใคร่สงบ ถ้ากระนั้นฉันจะขอแต่พอพบ อย่าหลีกหลบเลยจะเล่าให้เจ้าฟัง แม้นมิเชื่อเนื้อเย็นจะเป็นญาติ จะประสาทสัตย์ให้ดังใจหวัง สินสมุทรพูดติดจะผิดพลั้ง อย่าเพ่อฟังคำฟ้องก่อนน้องเอย ฯ ๏ นางทราบสารหวานแท้ช่างแก้เกี้ยว กลับกลมเกลียวจะขอปะชะพ่อเอ๋ย น่าใคร่หยิกใคร่ตีกระไรเลย ทั้งเยาะเย้ยย้อนว่าสารพัด แล้วคลี่สารอ่านซ้ำคำพินิจ จะหยิบผิดที่ตรงไหนไม่ถนัด เราขอสัตย์ขัดคำเธอซ้ำนัด จะป้องปัดก็เป็นเราเจ้ามารยา จะตามใจให้เธอเกี้ยวก็เสียวไส้ กลัวแต่ใจจะหลงเชื่อเบื่อหนักหนา นางนึกพลางทางประดิษฐ์คิดสารา ด้วยปรีชาเชิงความตามทำนอง ครั้นเสร็จสรรพพับผนึกให้ลูกแก้ว พ่อให้แล้วทูลลากลับมาห้อง พระหน่อไทได้สมอารมณ์ปอง พลางยิ้มย่องย้อนถามตามสงกา พระบิตุรงค์ทรงสั่งแต่ข้างเช้า ว่าค่ำเข้าไต้ไฟให้ไปหา เดี๋ยวนี้แม่ก็กำชับให้กลับมา อันลูกยาไม่รู้แห่งจะแบ่งเลย ฯ ๏ นางว่าอ้อพ่อสั่งหรืออย่างนั้น เห็นแม่นมั่นจะมาค่ำแล้วกรรมเอ๋ย แม่จะสั่งบ้างตามแต่ทรามเชย อย่าอยู่เลยทูลลามาไวไว กุมาราว่าแม่กลัวท่านหรือคะ พระพ่อจะทำไมกับใครได้ พูดกันเล่นเห็นตัวกลัวอะไร นางว่าไฮ้จู้จี้ไม่มีละ พระอภัยใจคอเป็นพ่อม่าย จะวุ่นวายไว้ใจได้หรือหนะ ฉวยจวนจริงหญิงกับชายหมายชนะ พ่อเจ้าจะได้ตะครุบเอาปุบเดียว ฯ ๏ กุมาราว่าพระแม่อย่าแพ้พ่อ เปล่าดอกข้อท่านไม่แข็งไม่แรงเรี่ยว แล้วไม่สู้ผู้หญิงจริงจริงเจียว แต่เห็นเขี้ยวแม่ผีเสื้อก็เหลือกลัว แม่รบทัพจับศึกไม่นึกพรั่น หรือมาหวั่นหวาดที่จะมีผัว นางหยิกพลางทางขู่ว่าเคยตัว พ่อเจ้ากลัวก็คนเดียวเพราะเขี้ยวมี อันรูปร่างอย่างแม่ไม่มีเขี้ยว เธอจะเกี้ยวกอดรัดน่าบัดสี เจ้าอยู่ด้วยฉวยเธอเข้ามาเคล้าคลี อย่าหน่ายหนีจะพึ่งเจ้าเพราะเท่านั้น ฯ ๏ กุมาราว่าขอรับอภิวาท หยิบกระดาษยิ้มพรายแล้วผายผัน ถึงบิดรอ่อนองค์ลงอภิวันท์ สารสำคัญส่งให้จะไคลคลา พระฉวยฉุดยุดสินสมุทรไว้ จะไปไหนกระนี้หนอไม่รอหน้า สินสมุทรหยุดยั้งนั่งวันทา แล้วทูลว่าแม่กำชับให้กลับไป พระฟังคำทำเป็นว่ามารดาเจ้า ทำไมเขากลัวกระสือหรือไฉน กุมาราว่าพระแม่ไม่กลัวใคร ไม่ไว้ใจแต่องค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ พระชื่นชอบปลอบถามถึงทรามสวาท พระหน่อนาถแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ แล้วห้ามว่าถ้าแม้นพระไปปะกัน อย่าว่าฉันทูลนะฉันจะลา พระกอดจูบลูบหลังพระลูกน้อย จะไปคอยใครเล่าจะเข้าหา พ่อก็ยังนั่งอยู่นี่ไม่ลีลา ต่อช้าช้าจึงค่อยไปเป็นไรมี ฯ ๏ แล้วคลี่สารอ่านความของทรามสวาท ขอกราบบาทบงกชบทศรี ซึ่งรับสัตย์สัญญาจะพาที น้องไม่มีข้อเคืองด้วยเรื่องใด สินสมุทรพูดผิดติดจะปด ก็ทราบหมดมั่นคงไม่สงสัย พระซื่อตรงทรงศีลไม่กินใจ จึงยกไว้เป็นบิดาบูชาคุณ แม้นให้สัตย์ปฏิญาณหม่อมฉันก่อน ให้แน่นอนเหมือนหนึ่งบุตรช่วยอุดหนุน จะได้เป็นเกือกทองฉลองคุณ เอาส่วนบุญปรนนิบัติเป็นอัตรา พรุ่งนี้เช้าเชิญออกนั่งบัลลังก์อาสน์ แล้วประกาศไพร่นายทั้งซ้ายขวา ให้พร้อมพรั่งทั้งองค์พระอนุชา กับบรรดาเหล่าพยานทั้งหลานน้อย นั่นแลน้องนี้จะได้ออกไปเฝ้า จงโปรดเกล้าให้เหมือนรับอย่ากลับถ้อย น้องจะได้ไปนั่งระวังคอย ให้ใช้สอยข้างที่ทุกวี่วัน เมื่อยามเข้าไสยาสน์บนอาสน์รัตน์ จะนั่งพัดภูวไนยจนไก่ขัน แม้นเมื่อยเหน็บเจ็บองค์พระทรงธรรม์ จะนวดฟั้นฝ่าพระบาทไม่ขาดเอย ฯ ๏ พระทราบสารหวานล้ำคำเสนาะ ช่างฉอเลาะเหลือดีเจ้าพี่เอ๋ย ทั้งเหน็บแนบแยบคายภิปรายเปรย ถ้าได้เชยแล้วจะชมให้สมสำนวน พระนึกยิ้มพริ้มพรายสบายจิต ชมความคิดโฉมงามทรามสงวน แกล้งขอสัตย์นัดเช้าให้เราจวน เราก็ควรไปเสียย่ำค่ำวันนี้ จำจะลวงหน่วงสินสมุทรไว้ อย่าให้ไปไสยากับมารศรี พลางลูบหลังลูกยาแล้วพาที เออวันนี้พระเจ้าอาว่าให้ไป ฯ ๏ กุมาราว่าขอรับอภิวาท ลาพระบาทบิตุรงค์ไม่สงสัย เห็นเย็นจวนด่วนเดินดำเนินไป เข้าเก๋งใหญ่ต้นสาลี่ที่พระอา ประณตนั่งบังคมอยู่ข้างที่ พออรุณรัศมีคลานมาหา ชวนสำรวลสรวลสันต์จำนรรจา พระพี่จ๋าฉันจะกลับก็หลับไป พระเจ้าป้าว่ากระไรฉันไหมจ๊ะ วันนี้จะนอนนี่หรือที่ไหน กุมาราว่าฉันคอยน้อยเมื่อไร สักครู่ไปด้วยกันนะจ๊ะแม่น้อง แล้วทูลถามพระเจ้าอาให้หาฉัน ทำไมนั่นโปรดเกล้าเล่าสนอง ฉันจะด่วนจวนค่ำจะย่ำฆ้อง กลับไปห้องชนนีไม่มีใคร ฯ ๏ ศรีสุวรรณชั้นเชิงฉลาดแหลม จึงยิ้มแย้มเยื้อนถามตามสงสัย คอยระวังมารดาอยู่ว่าไร ใครจะไปลักพามารดานั้น กุมาราพาซื่อรื้อหัวร่อ กลัวพระพ่อจะเข้าหามารดาฉัน จะคอยดูอยู่ด้วยได้ช่วยกัน ศรีสุวรรณทรงพระสรวลชวนเจรจา นี่แหละหลานการอะไรของเจ้าเล่า ผัวเมียเขาจะมิให้เข้าไปหา ชอบแต่ให้ได้กันกับบิดา ไปเมื่อหน้าจะได้น้องคล่องคล่องใจ สินสมุทรพูดจาประสาจิต ฉันไม่คิดห้ามบิดาหามิได้ ผัวเมียกันนั้นสุดแท้แต่น้ำใจ กลัวจะไปหยิกหยอกดอกขอรับ พระแม่ฉันท่านไม่เคยถูกข่มเหง หม่อมฉันเกรงต้องไปอยู่ดูกำกับ พระสงสารหลานไม่รู้ในความลับ กอดประทับไต่ถามดูตามแคลง ใครบอกเจ้าเล่าว่าอาให้มานี่ กุมารชี้ว่าบิดรสุนทรแถลง พระรู้ทีพี่ชายทำลายแทง เธอจะแกล้งให้ปดโอรสไว้ เห็นทีพระจะเข้าหาเวลาค่ำ ได้นัดคำกันไว้แท้แน่ไฉน ดำริพลางทางว่าอาสั่งไว้ เพราะจะใคร่ไต่ถามตามสงกา ด้วยต่างคนต่างอยู่ไม่รู้จัก รูปแม่ยักษ์กับเดี๋ยวนี้ใครดีกว่า สินสมุทรไม่รู้เท่าพระเจ้าอา ก็พูดจาอยู่จนค่ำย่ำระฆัง ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์นึกในพระทัยหวัง จนพลบแล้วลูกยาไม่มาระวัง เห็นจะฟังคำพ่อพูดล่อไว้ พระโฉมยงคงจะมาเวลานี้ นางรู้ทีมั่นคงไม่สงสัย จึงคิดอ่านการลับกับสาวใช้ ที่ร่วมใจเจ็ดคนพวกดนตรี ให้ปลอมแปลงแต่งกายเหมือนชายไพร่ แต่ล้วนใส่หมวกกะลานุ่งผ้าสี แล้วโฉมยงทรงแต่งแปลงอินทรีย์ ทำเป็นทีแขกเทศเพศผู้ชาย บนเตียงนอนหมอนข้างเอาวางไว้ คลี่สไบคลุมประทมของโฉมฉาย เอาปกปิดคิดทำไว้แทนกาย แล้วรูดสายม่านบังสั่งสุรางค์ ถ้าแม้นใครมาหาว่าข้าหลับ อย่าเพ่อขับคอยดูอยู่ห่างห่าง เห็นเข้าในแท่นสุวรรณที่กั้นกาง ดุริยางค์ขับกล่อมให้พร้อมกัน แล้วโฉมยงทรงกระบี่มีสง่า บ่าวบรรดาตามติดถือกริชสั้น ออกมานั่งหลังตึกใต้ต้นจันทน์ ชมบุหลันเล่นตามความสบาย ฯ ๏ สงสารองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ลวงลูกรักไปได้สมอารมณ์หมาย พอพลบค่ำน้ำค้างลงพร่างพราย เดือนก็หงายหมดเมฆวิเวกใจ คะนึงนางพลางนึกว่าดึกนัก ใส่สลักเสียแล้วเราเข้าไม่ได้ จึงแต่งองค์สรงสนานน้ำดอกไม้ แล้วลูบไล้พระสุคนธ์ปนทองคำ กรีดพระหัตถ์ผัดนลาฏวาดขนง ครั้นเสร็จทรงเครื่องอร่ามดูงามขำ ขี้ผึ้งสีเสกมนต์บ่นบริกรรม แล้วเสกน้ำมันใส่ไปในเล็บ ถ้าแม้นดีดถูกเนื้อแล้วเชื่อได้ ผู้หญิงไม่ข่วนทำให้ช้ำเจ็บ เมื่อรุ่นหนุ่มได้ลองสองสามเล็บ เอาเกี้ยวทองกรองเหน็บแนบพระองค์ ดูฤกษ์ลมแคล่วคล่องทั้งสองข้าง ออกเยื้องย่างยุรยาตรดังราชหงส์ ถึงเก๋งนางพลางแอบดูโฉมยง ไม่เห็นองค์นวลละอองค่อยมองเมียง เห็นแต่เหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย ที่เคยคอยขับกล่อมนั่งซ้อมเสียง สว่างแจ้งแสงโคมระย้าเคียง พระหลีกเลี่ยงลับล่อรอฤทัย ทั้งครั่นคร้ามขามเขินสะเทิ้นจิต เห็นม่านปิดป้องลับหรือหลับใหล จะใคร่เห็นเป็นไรก็เป็นไป พระเข้าในห้องกลางกระจ่างองค์ ทำถามนางมโหรีคนตีทับ บรรทมหลับหรือประชวรนวลหง สาวสุรางค์ทางชม้ายอายพระองค์ ด้วยรูปทรงสวยสมทั้งคมคาย ต่างนบนอบตอบถ้อยไม่เต็มปาก ด้วยกระดากกระเดียมใจมิใคร่หาย ขืนอารมณ์ก้มทูลทั้งอับอาย ว่าโฉมฉายนวลละอองอยู่ห้องใน ฯ ๏ พระฟังคำทำถามทรามสงวน จะประชวรดอกกระมังยังสงสัย ประภาษพลางทางเยื้องชำเลืองไป พระเข้าในม่านสุวรรณที่กั้นกาง ไม่แจ่มแจ้งแสงประทีปก็ริบหรี่ เห็นส่านสีห่มนอนแนบหมอนข้าง ไม่ทันพิศคิดว่าองค์อนงค์นาง นั่งข้างข้างค่อยต้องประคองกร เห็นนุ่มนิ่มยิ้มแยบแนบพระหัตถ์ กอดถนัดนิ่งเขม้นเห็นแต่หมอน ตะลึงเล่อเก้อเอกเขนกนอน พระองค์อ่อนอกกูเหวยอยู่จริง ถอนใจใหญ่ใจคอให้ท้อแท้ จนจวนแก่ยังไม่รู้เท่าผู้หญิง แล้วเหลียวหาหน้าหลังยังประวิง สมรมิ่งเจ้าจะแฝงอยู่แห่งไร ฯ ๏ ฝ่ายสุรางค์นางนั่งอยู่พรั่งพร้อม ทำเพลงกล่อมมโหรีปี่ไฉน ขับอิเหนาเข้าถ้ำให้ช้ำใจ แล้วซ้ำใส่หน้าทับรับพระทอง พระแอบดูรู้เท่าว่าเขาเยาะ กลับหัวเราะรีบออกมานอกห้อง เที่ยวถามไถ่ไล่เลียงแล้วเมียงมอง ไม่เห็นน้องที่ในตึกให้นึกอาย ออกจากเก๋งเล็งแลเห็นแต่แขก ด้วยแปลงแปลกปลอมปนคนทั้งหลาย มีตุ้งก่ามาระกู่เหมือนผู้ชาย พระมุ่งหมายมองตามดูทรามเชย ฯ ๏ นางเห็นองค์ทรงธรรม์กลั้นพระสรวล ถึงเดินจวนมาก็ช่างทำนั่งเฉย พระลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย จนเดินเลยมาถึงห้องพระน้องรัก ได้ยินเสียงสินสมุทรยังพูดจ้อ ประหลาดหนอนางไปไหนไม่ประจักษ์ แสนสงสัยใจช้ำละล่ำละลัก แกล้งร้องทักสินสมุทรด้วยสุดคิด เออนั่นแน่แม่หายไม่ไปหา ยังหลับตาอยู่เล่าเจ้าลูกศิษย์ สินสมุทรตกใจพึ่งได้คิด เออมิผิดแล้วหรือมาอยู่กว่ายาม พลางทูลลาพาพระน้องมาห้องแม่ ไม่เห็นแน่นึกสงสัยจึงไต่ถาม สาวสุรางค์พลางหยอกไม่บอกความ ยิ่งเที่ยวตามตกใจกระไรเลย นางอรุณรัศมีว่าพี่จ๋า ใครลักป้าไปเสียเล่าแม่เจ้าเอ๋ย กุมาราว่าพี่รู้แล้วทรามเชย ไม่ผิดเลยพระบิดาแลพาไป แล้วตามกันเข้าไปจนในห้อง พบแล้วน้องมั่นคงไม่สงสัย ต่างเห็นจริงวิ่งเรียงเคียงกันไป เข้าห้องในก็ไม่ปะพระมารดา ไม่เห็นแม่แลมองทุกห้องหับ เห็นฉากพับพลิกแพลงแสวงหา ไม่เห็นหนบ่นเดินดำเนินมา ปะบิดาเข้าก็ถามดูความแคลง พระบิดาพาพระแม่ไปไว้ไหน จริงหรือไม่โปรดเกล้าเล่าแถลง พระทำว่าข้าก็ยืนอยู่กลางแปลง ไม่รู้แจ้งเจ้าอย่ามาเที่ยวพาโล ฯ ๏ กุมาราพากันกลับไปห้องแม่ เที่ยวมองแลเปิดหาจนฝาโถ ไม่เห็นหนจนใจร้องไห้โฮ พาลพาโลสาวสรรค์กำนัลใน พอบิดามาตามถามโอรส เที่ยวดูหมดแล้วหรือนางอยู่ข้างไหน พลางจุดเทียนเวียนส่องถึงห้องใน เห็นสไบคลุมหมอนยังค่อนแค้น หยิบขึ้นดมชมกลิ่นไม่สิ้นหอม น่าถนอมแนบเนื้อนั้นเหลือแสน สะพักองค์ทรงห่มแล้วชมแทน ให้สมแค้นขัดใจที่ไม่พบ แล้วเดินออกนอกห้องเที่ยวมองหา นางก็กล้าแกล้งเที่ยวเลี้ยวตลบ เหมือนนายหมวดตรวจพหลพลรบ ถึงจะพบก็ไม่รู้ว่าผู้ใด จนดึกดื่นเดือนฉายก็บ่ายคล้อย เสียงลูกน้อยอยู่ในห้องนั่งร้องไห้ นางโฉมยงสงสารรำคาญใจ ชวนสาวใช้แวดชายชม้ายเมียง พอเห็นองค์พระอภัยเธอไปลับ เข้าห้องหับประตูกั้นชั้นเฉลียง เห็นพี่น้องสองคนอยู่บนเตียง เข้ายืนเคียงขู่ว่ามาทำไม กุมาราเห็นแม่แปรเป็นแขก เจียนจะแปลกประหลาดหนอหัวร่อได้ ฉันค้นคว้าหาแม่จนอ่อนใจ เที่ยวเลียบไปหารอบจนขอบเรือ ฯ ๏ นางปลดเปลื้องเครื่องแต่งที่แปลงรูป ประโลมลูบลูกหลานสงสารเหลือ ด้วยนงลักษณ์รักสนิทดูชิดเชื้อ เหมือนในเนื้อมิได้แหนงแคลงฤทัย ชวนบรรทมชมเชยเหมือนเคยชื่น ไม่เห็นผืนสไบถามตามสงสัย กุมาราว่าบิดรซ่อนเอาไป นางเข้าใจทำว่าน่ารำคาญ ดูเถิดเธอเก้อแล้วก็มิหนำ ยังกลับซ้ำลักผ้าน่าสงสาร เถิดทำบุญสูญไปทั้งสังวาล แล้วกอดหลานลูกเลี้ยงเคียงบรรทม ฯ ๏ ฝ่ายพระอภัยไล่ค้นเที่ยววนวก จนเดือนตกก็ไม่พบประสบสม เมื่อยพระเพลาเข้าในห้องหมองอารมณ์ ทอดบรรทมทางสะท้อนถอนฤทัย มิเสียทีดีจริงผู้หญิงเอ๋ย กระไรเลยลวงล่อล้อเล่นได้ ลักเอาผ้ามาไว้ห่มให้สมใจ คลี่สไบคลุมองค์ทรงรำพึง นี่นางไปไหนหนอจนดึกดื่น เที่ยวกลางคืนคิดขึ้นมาก็น่าหึง แต่ชาติหงส์หรือจะลงเล่นบ่อบึง นอนคะนึงนึกหวังถึงบังอร จนเสียงไก่ในกำปั่นขันแจ้วแจ้ว พระหวาดแว่วว่าสำเนียงเสียงสมร ครั้นฟังไปใช่สุดายิ่งอาวรณ์ อนาถนอนนึกหายุพาพิน เชยผ้าห่มชมกลิ่นไม่สิ้นหอม ด้วยส่านย้อมหญ้าฝรั่นแลกลั่นกลิ่น ได้อุ่นแอบแนบอุราเป็นอาจิณ ไม่สุดสิ้นเสนหายุพาพาล แต่เวียนเฝ้าเข้าหาเวลาพลบ มิได้พบโฉมยงยอดสงสาร ขอรีบรัดตัดความตามนิทาน แสนกันดารเดินทางกลางคงคา ได้เดือนหนึ่งถึงปากน้ำเมืองผลึก อึกทึกทอดรายทั้งซ้ายขวา พวกชาวเมืองออกมาถามตามสงกา แจ้งกิจจาเจ้านายสบายใจ บ้างบอกเล่าป่าวร้องกันเซ็งแซ่ มายืนแลตามตลิ่งวิ่งไสว ไม่ถึงครู่รู้กระทั่งถึงวังใน บ้างวิ่งไปทูลสารพระมารดร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมณฑาสวรรค์ สถิตที่แท่นสุวรรณบรรจถรณ์ แต่ธิดาสามีจากนคร เป็นทุกข์ร้อนโศกซ้ำระกำกรอม เสวยยาอย่างไรก็ไม่หาย ถึงปีปลายโศกรูปจนซูบผอม ชันษาห้าสิบสามยังงามพร้อม เหมือนแก่หง่อมเต็มประดาด้วยอาดูร พอได้ข่าวราวกับว่าได้ยาทิพย์ มายกหยิบโรคร้ายให้หายสูญ ทรงภูษาพาพระวงศ์พงศ์ประยูร มาพร้อมมูลคอยท่าอยู่หน้าแพ ฝ่ายสุรางค์นางสนมที่ตรมจิต สำคัญคิดว่าเสด็จมาด้วยแน่ บ้างผัดหน้าทาขมิ้นร่ำกลิ่นแพร ลงมาแพนั่งพับเพียบดูเรียบเรียง เหล่าเสนาสามนต์คนทั้งหลาย ทั้งหญิงชายสาวแก่ออกแซ่เสียง มาคอยรับคับคั่งนั่งเคียงเคียง ดูพร้อมเพรียงไพร่ฟ้าเสนาใน ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์เศร้าหมองไม่ผ่องใส เผยพระแกลแลดูปราสาทชัย จะขาดใจเสียด้วยคิดถึงบิดา พระชลนัยน์ไหลหลั่งนั่งสะอื้น อุตส่าห์ขืนใจชวนโอรสา ทั้งอรุณรัศมีศรีโสภา ให้สองราสรงสนานสำราญใจ แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส เพชรรัตน์พรายพร่างสว่างไสว นางทรงแต่งภูษาผ้าสไบ ชวนสาวใช้พรั่งพร้อมล้อมลีลา เห็นองค์พระอภัยมณีศรีสุวรรณ อยู่พร้อมกันเก๋งใหญ่ใจประหม่า ประณตนั่งบังคมก้มพักตรา พระอนุชาไหว้นางอย่างทุกที นางรับหัตถ์ตรัสสนองพระน้องนาถ ขอลาบาทบงกชบทศรี ไปในวังบังคมพระชนนี ต่อพรุ่งนี้จึงจะพากันมาเชิญ อันคุณของสององค์พระทรงเดช ดังบิตุเรศรักบุตรสุดสรรเสริญ ทั้งอุตส่าห์มาส่งจงเจริญ อย่าเพ่อเหินห่างให้อาลัยลาน สักเดือนหนึ่งจึงค่อยกลับไปนคเรศ จงโปรดเกศน้องรักพักทหาร ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มเอื้อนโองการ กระหม่อมฉานดอกนะจะทูลลา นางเข้าใจไม่ตอบคำพระน้อง ทูลสนองบทเรศพระเชษฐา สินสมุทรแม่อรุณจะทูลลา จะเมตตาหรือจะไม่ให้ไปตาม ๏ พระอภัยได้ฟังนั่งชม้าย เห็นนางอายอางขนางระคางขาม จึงตรัสตอบปลอบประโลมนางโฉมงาม ใครห้ามปรามเมื่อไรเล่าเยาวมาลย์ ถึงมาดแม้นแค้นขัดตัดผู้ใหญ่ จะจงใจช่วยปลูกแต่ลูกหลาน อันตัวพี่นี้จะเกณฑ์เข้าเวรงาน หรือจะหาญหักบาญชีเป็นชีเว ฯ ๏ นางกลั้นยิ้มพริ้มพรายภิปรายสนอง มิใช่น้องนี้จะแกล้งมาแสร้งเส เมื่อแรกมาท่าทางกลางทะเล เหมือนอยู่เคหาไกลมิได้มา จะจากเรือเผื่อองค์พระทรงฤทธิ์ จะเคืองจิตเจียมตัวกลัวหนักหนา คาดพระทัยไม่ถูกจึงทูลลา พระเมตตาเหมือนกระนี้น้องดีใจ ซึ่งจะอยู่บูรีจงตรีตรึก ฉวยเกิดศึกทรงฤทธิ์จะคิดไฉน อุศเรนเป็นกันเองไม่เกรงใจ หรือจะให้พึ่งพาบารมี แล้วทูลลาพาลูกกับหลานเลี้ยง ประคองเคียงซ้ายขวามารศรี ลงเรือน้อยลอยแล่นเข้าธานี ประทับที่ตำหนักแพแลชำเลือง เห็นพระวงศ์พงศาคณาสนม ต่างระทมทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง ฝืนดำรงองค์นางค่อยย่างเยื้อง มาเฝ้าเยื้องบาทยุคลพระชนนี ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราก คิดถึงยากยามเข็ญปิ้มเป็นผี สะอื้นอั้นกันแสงไม่สมประดี วิสัญญีภาพนิ่งไม่ติงกาย พระมารดรกรกอดพระลูกรัก เห็นซบพักตร์นิ่งไปก็ใจหาย สะอื้นร่ำน้ำพระเนตรลงพรั่งพราย เป็นไรสายสวาทไม่ไหวกายา เออผิดแล้วแก้วตาของแม่เอ๋ย นี่ทรามเชยสิ้นชีวังกระมังหนา สะอื้นแอบแนบชิดพระธิดา นางพระยานิ่งซบสลบไป ฝ่ายแสนสาวชาวแม่ต่างแซ่ซ้อง ประคองร้องกรีดกราดเสียงหวาดไหว บ้างนวดเคล้นเส้นพระศอสองอรไท ก็กลับได้สมประดีค่อยมีมา ฯ ๏ นางมณฑาว่าแต่พรากไปจากแม่ เฝ้าตั้งแต่คอยคอยละห้อยหา สายสุดใจได้คืนมาพารา พระบิดาไปอยู่หนตำบลใด ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร สะอื้นอ้อนทูลแจ้งแถลงไข เหมือนเรื่องหลังครั้งไปปะพระอภัย แล้วใช้ใบกลับมาในวาริน พอเรือแตกแยกย้ายในสายสมุทร พระราชบุตรแบกว่ายแหวกสายสินธุ์ แล้วกุมารผลาญโจรใจทมิฬ ไปบุรินทร์รมจักรนัครา จึงยกทัพกลับเที่ยวเลี้ยวตลบ มาพานพบอุศเรนตระเวนหา เข้ารบรับจับได้ไว้ชีวา แล้วกลับมารบแตกแยกกันไป บัดนี้สองกษัตราก็มาส่ง แต่พระองค์ยังอยู่ลำกำปั่นใหญ่ นางทูลตามความยากลำบากใจ แล้วสอนให้ลูกหลานกราบมารดา ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสเรียกเจ้าพี่น้อง เคียงประคองข้างกายทั้งซ้ายขวา พลางกอดจูบลูบหลังกุมารา ได้ตามมาทำคุณเพราะบุญเคย โอ้สงสารท้าวไทใครจะช่วย เห็นมอดม้วยมรณานิจจาเอ๋ย สิ้นพระชนม์จนพระศพไม่พบเลย เวราเคยทำไว้ให้ไกลกัน เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของเมียแก้ว เห็นม้วยแล้วเดือนเก้ามาเข้าฝัน ผิดพระรูปซูบผอมลงครันครัน เพราะทรงธรรม์ทุกข์ยากลำบากกาย นางครวญคร่ำร่ำสะอึกสะอื้นอ้อน พระกรข้อนพระอุราเกศาสยาย ทั้งแสนสาวท้าวนางท่านขรัวนาย ต่างฟูมฟายชลนาโศกาลัย ครั้นโศกสร่างนางกษัตริย์ตรัสประภาษ แก่องค์ราชธิดาอัชฌาสัย จะพาวงศ์พงศาเสนาใน ไปเชิญองค์พระอภัยมาพารา แม่จะมอบขอบเขตประเทศสถาน เชิญพระผ่านไอศวรรย์ให้หรรษา ดำรัสพลางนางสั่งขุนเสนา จงตรวจตราเรือที่นั่งทั้งดั้งกัน กับคู่แห่แตรสังข์ให้เสร็จสรรพ จะไปรับพระอภัยมาไอศวรรย์ กรมวังทั้งตำรวจราชมัล แต่งสุวรรณปรางค์มาศดาดเพดาน ดูซ่อมแปลงแต่งถนนฉนวนน้ำ ช่วยกันทำแผ้วกวาดราชฐาน แล้วชวนราชธิดายุพาพาล พากุมารมาปราสาทในราชวัง ฯ ๏ ฝ่ายเสนามาเกณฑ์เวรสมทบ ต่างเตรียมครบเครื่องแห่ทั้งแตรสังข์ บ้างยกเรือสุวรรณใส่บัลลังก์ พระที่นั่งศรีอเนกเอกชัย คนประจำลำเรือใส่เสื้อหมวก เป็นพวกพวกธงทิวปลิวไสว บ้างตีฆ้องร้องเรียกกันเพรียกไป มาเตรียมไว้พร้อมหน้าในสาคร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมณฑาสวรรค์ กับสุวรรณมาลีศรีสมร สถิตแท่นแว่นฟ้าสถาพร ครั้นทินกรไตรตรัสจำรัสเรือง พาพี่น้องสององค์สรงสนาน สุคนธ์ธารขัดสีฉวีเหลือง สำอางองค์ทรงภูษาล้วนค่าเมือง ประดับเครื่องเนาวรัตน์ชัชวาล แล้วชวนวงศ์พงศาคณาญาติ สาวสุรางค์นางนาฏในราชฐาน มาลงเรือพระที่นั่งทั้งกุมาร เหล่าทหารขานโห่เป็นโกลา ออกจากแพแซ่สำเนียงเสียงสนั่น ถึงกำปั่นทอดท้ายทั้งซ้ายขวา ทั้งสองนางย่างเยื้องขึ้นเภตรา พร้อมบรรดาสาวสนมกรมใน ฯ ๏ สินสมุทรนำนางต่างตำรวจ เอาไม้หวดพลรบหลบไสว ถึงเก๋งท้ายฝ่ายสองพระภูวไนย องค์พระอภัยมณีศรีสุวรรณ เห็นนงคราญมารดาออกมารับ น้อมคำนับโฉมฉายเชิญผายผัน ขึ้นบัลลังก์นั่งแท่นที่ต้นจันทน์ อภิวันท์คอยระวังฟังสุนทร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ชนนีนาถ เห็นสองราชบพิตรอดิศร ขนงเนตรเกศกรรณพระกายกร สำอางอ่อนเอี่ยมอิ่มดูพริ้มพราย พระพี่ขาวราวกับเพชรไพฑูรย์เทียบ พระน้องเปรียบบุษยรัตน์จำรัสฉาย โฉมแฉล้มแย้มยิ้มก็พริ้มพราย เหมือนละม้ายรูปจริตไม่ผิดกัน นางยินดีที่จะได้ไว้เป็นเขย จนหลงเลยลืมวิโยคที่โศกศัลย์ จึงยกย่องสององค์พระทรงธรรม์ ช่วยป้องกันน้องยามาธานี พระคุณล้ำโลกาสุธาวาส เชิญพระบาทบงกชบทศรี เป็นปิ่นเกล้าชาวประชาทั้งธานี จะพึ่งพาบารมีพระสืบไป ฯ ๏ พระโฉมยงทรงสดับอภิวาท เชิงฉลาดยิ้มย่องสนองไข พระมารดาปรานีมีอาลัย พระคุณใหญ่หลวงล้นพ้นประมาณ ด้วยเดิมข้ามาอยู่เกาะแก้วพิสดาร ได้โดยสารพระบิดามาธานี จนเรือแตกแยกไปได้มาปะ โดยสารพระธิดามารศรี อันคุณของน้องสุวรรณมาลี ก็ยังมีอยู่กับข้าสัจจาจริง ด้วยกำปั่นบรรดาโยธาหาญ ของกุมารกับของแม่น้องหญิง อันตัวข้ามาถึงได้พึ่งพิง เป็นความจริงลูกนี้จนพระชนนี ถึงรบรับทัพลังกาข้ามาด้วย มิได้ช่วยพระธิดามารศรี จนมีผิดติดพันทุกวันนี้ พระบุตรีกริ้วโกรธเป็นโทษทัณฑ์ ขอพระองค์ทรงถามทรามสงวน ลูกไม่ควรที่จะได้ไอศวรรย์ เป็นผู้น้อยพลอยอาสามากระนั้น ถึงเขตคันแล้วก็ข้าขอลาไป ฯ ๏ นางยิ้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสสนอง เหมือนหนึ่งน้องนางผิดคิดไฉน ช่วยสอนสั่งบ้างเถิดอย่าถือใจ น้องจะได้พึ่งพาบารมี อนึ่งแม่แก่เกือบจะมอดม้วย พ่ออยู่ด้วยจะได้ฝากซึ่งซากผี อย่าห่างเหินเชิญสำราญผ่านบุรี เป็นโมลีโลกาให้ถาวร แม่อุตส่าห์มารับจงยับยั้ง ไปอยู่วังให้สุโขสโมสร แล้วเตือนราชธิดาพะงางอน ไม่ว่าวอนเชษฐาน่ารำคาญ ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ สุดจะขัดมารดาจึงว่าขาน ถวายเมืองเครื่องของไม่ต้องการ จะไปผ่านเมืองสวรรค์ชั้นโสฬส ถึงกระนั้นกรุณาเมตตาน้อง อย่าเพ้อฟ้องถมทับให้อัปยศ เป็นสตรีนี้จะงอนจนอ่อนชด ถึงงอนรถก็ไม่สู้ภูวไนย แล้วแกล้งวานหลานเลี้ยงกับลูกน้อย ช่วยวอนหน่อยเถิดแม่อ้อนวอนไม่ไหว อรุณน้อยพลอยว่าประสาใจ เสด็จไปหน่อยเถิดคะพระบิตุลา ฯ ๏ นางสาวสวรรค์กลั้นยิ้มขยดหนี พระชนนีรับขวัญด้วยหรรษา พระยิ้มเยื้อนเอื้อนตรัสกับนัดดา แม่ว่าป้าแม่เสียบ้างเถิดอย่างนั้น ให้เคลื่อนคลายหายโทษที่โกรธขึ้ง แล้วลุงจึงจะเข้าไปไอศวรรย์ อรุณรับกลับหน้ามาว่าพลัน อย่าโกรธท่านเลยนะจ๋าป้าฉันดี นางอายจิตปิดโอษฐ์อรุณน้อย แล้วค่อยค่อยว่าอย่าว่าน่าบัดสี นางรู้เท่าเข้าใจอยู่ในที พระชนนีแย้มสรวลชวนลีลา มาลงเรือพระที่นั่งตั้งตาริ้ว เป็นแถวทิวธงรายทั้งซ้ายขวา เสียงสังข์แตรแห่โห่เป็นโกลา ให้เคลื่อนคลาครื้นลั่นสนั่นดัง พิณพาทย์ฆ้องกลองประโคมเสียงโครมครื้น ระดะดื่นดาษดาทั้งหน้าหลัง ถึงแพจอดทอดท่าตรงหน้าวัง พร้อมสะพรั่งนักสนมกรมใน พระมารดาพาเดินดำเนินนาด มาปราสาทเนาวรัตน์จำรัสไข จึงมอบราชสมบัติทั้งฉัตรชัย ให้อยู่ในปราสาททองอันรองเรือง แล้วเลือกเหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย ที่เรียบร้อยรุ่นราวทั้งขาวเหลือง เป็นโมงยามปรนนิบัติไม่ขัดเคือง ทั้งงานเครื่องงานกลางสำอางตา ศรีสุวรรณนั้นอยู่เป็นเพื่อนสถาน ช่วยว่าการนคเรศพระเชษฐา นางอรุณรัศมีกับพี่ยา อยู่กับป้าที่สถานพระมารดร ฯ ๏ พระอภัยได้เสวยเศวตฉัตร พูนสวัสดิ์สว่างจิตอดิศร แต่ยังไม่ได้ภิเษกสยุมพร ให้อาวรณ์ถวิลหาสุมาลี เชยสุรางค์นางอื่นพอชื่นจิต แล้วกลับคิดถึงสุดามารศรี ถวิลหวังฟังยุบลพระชนนี ก็ยังมิโปรดประทานรำคาญใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ คิดจะผัดผ่อนหาอัชฌาสัย อยู่อย่างนี้มิได้พ้นพระอภัย จะแก้ไขขัดขวางให้ห่างกัน เอาการบุญทูลลารักษากิจ โปรดพระบิดาให้ไปสวรรค์ นางนิ่งนึกตรึกความเห็นงามครัน อภิวันท์ชนนีชลีลา ด้วยบนตัวกลัวกรรมจำจะบวช ถือศีลสวดมนต์อยู่ที่ภูผา สนองคุณทูลกระหม่อมจอมประชา ตามประสานารีเป็นชีไพร ฯ ๏ ฝ่ายนางนาฏมาตุรงค์ทรงสดับ เห็นความลับแกล้งถามตามสงสัย จะบวชตัวผัวจะอยู่กับผู้ใด เมื่อจะใกล้แต่งงานการวิวาห์ ขึ้นเดือนสี่นี้จะสั่งตั้งอภิเษก เป็นองค์เอกอัคเรศพระเชษฐา ถ้าตัวเปล่าเล่าก็ตามแต่ศรัทธา นี่เดือนหน้าก็จะอยู่กับคู่ครอง ฯ ๏ นางคำนับอภิวันท์รำพันพลอด ลูกได้รอดก็เพราะบุญหนุนสนอง จึงศรัทธาอาลัยในใจปอง อุตส่าห์ครองตัวมาถึงธานี อยู่กำปั่นนั้นเธอเฝ้าแต่เข้าหา ยังอุตส่าห์มิให้พบเที่ยวหลบหนี แม้นหมายมาดปรารถนาตรงสามี ป่านฉะนี้ก็เป็นเมียเธอเสียแล้ว เดี๋ยวนี้เล่าสาวสนมเป็นไหนไหน เห็นจะไม่พันผูกถึงลูกแก้ว จงทรงพระอนุญาตอย่าคลาดแล้ว จงผ่องแผ้วภิญโญโมทนา ฯ ๏ นางกษัตริย์อัดอั้นให้ตันจิต สุดจะคิดขัดคำจึงร่ำว่า วิสัยวงศ์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ย่อมตรึกตราจะบำรุงซึ่งกรุงไกร เดี๋ยวนี้เล่าชาวลังกาเป็นข้าศึก ช่างไม่ตรึกตรองหาที่อาศัย จะบวชเรียนเพียรผัดตัดอาลัย ข้าเบื่อใจไม่รู้ที่จะเจรจา อันลูกเต้าเผ่าพงศ์เราปลงจิต ให้เป็นสิทธิ์พระอภัยจงไปหา เธอยอมใจไม่ห้ามตามอัชฌา อย่ามาลาข้าเลยเจ้าไม่เข้าใจ ฯ ๏ นางกราบกรานมารดรอ่อนศิโรตม์ สมประโยชน์ยินดีจะมีไหน มาสั่งเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน จัดดอกไม้ธูปเทียนเจียนประจง แล้วนุ่งห่มโขมพัตถ์กระหวัดพับ เครื่องประดับขาวล้วนนวลหง ชวนกุมารหลานสาวเหล่าอนงค์ มาเฝ้าองค์พระอภัยที่ไพชยนต์ ประณตนั่งตั้งธูปเทียนบุปผา แล้ววันทาทูลถวายฝ่ายกุศล ข้าขอบังคมลาฝ่ายุคล ด้วยได้บนตัวมาในวารี จะไปบวชตรวจน้ำให้บิตุเรศ อยู่ขอบเขตเขารุ้งริมกรุงศรี พระโฉมยงจงสำราญผ่านบุรี ให้เป็นที่พึ่งพาประชากร ฯ ๏ พระอภัยได้ยินสิ้นสติ เหลือลัทธิที่จะห้ามปรามสมร ด้วยบนกายหมายประโยชน์โปรดบิดร ให้คิดอ่อนอกใจอาลัยแล ไม่เหมือนคิดผิดคาดประหลาดหนอ เห็นรอมร่อหรือมาร้างให้ห่างแห จึงว่าพี่นี้ชะรอยบุญน้อยแท้ จะตั้งแต่ตรอมตรมระทมทวี ถึงพาราว่าจะสมอารมณ์คิด หรือดวงจิตจะมาอางขนางหนี เมื่อโฉมยงทรงพรตดาบสินี ก็ตัวพี่นี้จะอยู่กับผู้ใด ฯ ๏ นางฟังคำทำเหมือนจะเยื้อนยิ้ม ประไพพริ้มพจนาอัชฌาสัย อยู่พร้อมพรักนักสนมกรมใน พลไพร่นับแสนทั้งแดนดิน ทั้งแสนสาวชาวแม่ออกแซ่ซ้อง แต่ตัวน้องดอกจะลารักษาศีล ไม่ไกลใกล้ไปมาริมธานินทร์ ใช่จะสิ้นคืนวันดังบัญชา บวชใช้บนพ้นแล้วไม่แคล้วคลาด คงรองบาทบทเรศพระเชษฐา แต่เรือแตกแยกทางกลางคงคา ยังกลับมาพานพบประสบกัน พระก็ทราบบาปบุญทั้งคุณโทษ เหมือนหนึ่งโปรดน้องให้ไปสวรรค์ อันข้าบาทมาตุรงค์ทั้งพงศ์พันธุ์ ก็หมายมั่นพึ่งพาบารมี ฯ พระฟังนางทางเปรียบประเทียบถ้อย ล้วนเรียบร้อยรื้อว่ามารศรี อันตัวพี่ฝีปากไม่อยากดี จะพาทีห้ามปรามก็ขามใจ แต่จะถามตามจริงสักสิ่งหนึ่ง จะถือโทษโกรธขึ้งไปถึงไหน หากจะว่าถ้าพี่มิให้ไป จะขืนใจหรือสมรจะผ่อนตาม นางนบนอบตอบว่าถ้าเช่นนั้น กระหม่อมฉันก็ต้องสนองถาม ว่าเกี่ยวข้องน้องไฉนในใจความ จึงห้ามปรามโปรดเล่าให้เข้าใจ พระยิ้มพลางทางสนองว่าน้องรัก ที่รมจักรเจ้าไปเล่าบอกเขาไฉน นางว่าเล่าเขาก็จริงทุกสิ่งไป แต่จริงใจนั้นจริงยิ่งกว่าคำ นี่แน่น้องต้องอย่างว่าช้างล้ม ย่อมนิยมจะเอางาราคาขำ คนเจรจามาเล่าเขาก็จำ เอาถ้อยคำแม่รู้อยู่ด้วยกัน นิจจาพระจะมานึกทึกเอาว่า นึกก็น่าใคร่หัวเราะเพราะเคราะห์ฉัน ก็เป็นไรไม่เอาคำที่รำพัน จะหวงกันกายาไว้ว่าไร พระว่าคำสำหรับกับรูปร่าง ใช่อยู่ต่างกายามาแต่ไหน ธรรมดาว่าคำของผู้ใด ก็ย่อมได้ตัวคนนั้นเหมือนสัญญา นางยิ้มพลางทางตอบว่าชอบอยู่ ใครเป็นผู้เล่าเหตุพระเชษฐา ไยมิเอาคนนั้นมาบัญชา เมื่อน้องว่าให้พระฟังเมื่อครั้งไร จะทำบุญทูลถวายฝ่ายกุศล มิผ่อนปรนเปรียบเปรยเฉลยไข พระก็ทราบบาปกรรมน้ำพระทัย จะห้ามได้เจียวหรือองค์พระทรงยศ พระว่าพี่นี้ก็จะอนุญาต แต่จะปรารถนาคำเป็นกำหนด อันข้อที่จะลารักษาพรต จะได้จดจำไว้ในอุรา นางแกล้งว่าน่ารำคาญด้วยผ่านเกล้า มีแต่เซ้าซี้ซักเสียหนักหนา ฉวยบวชไปไม่ถึงวันที่สัญญา เป็นวาจากรรมเปล่าไม่เข้าการ แม้นน้องมิทำวลด้วยบนไว้ ก็ไม่ไปจากเขตนิเวศน์สถาน นางกล่าวแกล้งแสร้งไว้อาลัยลาน พระสงสารแสนสะอื้นกลืนน้ำตา แล้วอวยพรพูนสวัสดิ์มธุรส เจริญพรตพรหมจรรย์ให้หรรษา หยิบพานทองรองเครื่องที่ทูลลา ขอสมาเสร็จส่งให้นงเยาว์ แล้วว่าที่ศีขรินทร์นั้นถิ่นฐาน มีกุฎีวิหารหรือโฉมเฉลา นางนบนอบตอบความตามสำเนา เป็นกุฏิ์เปล่าก่อไว้แต่ไรมา สำหรับกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ออกทรงพรต ยังพร้อมหมดมีอยู่ที่ภูผา พรุ่งนี้เช้าเกล้ากระหม่อมจะทูลลา พระตรัสว่าพี่จะช่วยไปอวยชัย ฯ ๏ นางรับคำบังคมบรมนาถ ลาลีลาศกลับมาที่อาศัย จึงถามเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน ใครจะไปบวชบ้างเหมือนอย่างเรา สาวสุรางค์ต่างตามเสด็จหมด รักษาพรตอดอารมณ์ได้ชมเขา อรุณน้อยพลอยคำนับลงกับเพลา ฉันจะเอาบุญบ้างเป็นนางชี สินสมุทรว่ากระนั้นฉันจะบวช จะได้สวดมนต์กับน้องเป็นสองศรี นางรับคำสำรวลชวนพาที ทำบาญชีฉีกผ้าขาวให้สาวใช้ ที่ของนางอย่างเอกเศวตพัสตร์ ให้เย็บตัดแต้มทองล้วนผ่องใส ต่างหนังเสือเผื่อสองพระหน่อไท เป็นไตรไตรเตรียมการใส่พานทอง สาวสุรางค์ต่างคนก็เขียนผ้า เอาน้ำยาลงจิ้มแล้วยิ้มย่อง เหมือนหนังสือเรื่อเหลืองเป็นเครื่องครอง จนย่ำฆ้องเคาะระฆังยังนั่งเล็ม บ้างเก็บพุทธรักษาหามะกล่ำ ทำประคำน้อยน้อยร้อยด้วยเข็ม บ้างขาดสายหลายใบยังไม่เต็ม เที่ยวเก็บเล็มเลือกหาในราตรี ฯ ๏ ครั้นรุ่งรางนางกษัตริย์สรงสนาน กับกุมารพี่น้องทั้งสองศรี น้ำกุหลาบอาบสิ้นทั้งอินทรีย์ ขัดฉวีวรรณเปล่งดังเพ็งจันทร์ นุ่งภูษาค่าเมืองเรืองจำรัส คาดเข็มขัดรัดพระองค์ทรงกระสัน ทรงสร้อยนวมสวมประสานสังวาลวรรณ ทองกรกัญจน์จุกงามอร่ามเรือง ฝ่ายพระน้องสององค์ทรงกรอบพักตร์ เยาวลักษณ์ทรงมงกุฎบุษย์น้ำเหลือง ธำมรงค์ลงยาล้วนค่าเมือง อร่ามเรืองนิ้วพระหัตถ์จำรัสพลอย ครั้นเสร็จสรรพกับสองดรุณราช สนมนาฏนางในเคยใช้สอย ที่นุ่งขาวห่มขาวนั้นราวร้อย ล้วนน้อยน้อยน่ารักลักขณา จากบัลลังก์พรั่งพร้อมล้อมลีลาศ มาปราสาททรงเดชพระเชษฐา เห็นพร้อมพรั่งทั้งพระอนุชา นางทูลลาทั้งพี่น้องสองกุมาร ฯ ๏ พระอภัยใจคอให้ท้อแท้ ชำเลืองแลดูพระนุชสุดสงสาร ศรีสุวรรณแย้มเยื้อนเอื้อนโองการ ร้องเรียกหลานลูกยามาพาที พระเจ้าป้าลาบวชเพราะบนไว้ ไม่อาลัยปรางค์มาศปราสาทศรี ก็พี่น้องหมองใจกับใครมี จึงจะหนีบวชบ้างเป็นอย่างไร นางขวยเขินเมินหน้าไม่ว่าขาน แต่กุมารพี่น้องสนองไข หม่อมฉันรักพระเจ้าป้ากว่าใครใคร จะไปไหนไปด้วยได้ช่วยกัน พระยิ้มพลางทางว่าพระป้าบวช มีแต่สวดมนต์เย็นเพลก็ฉัน พระเจ้าลุงจะเป็นไข้ไปทุกวัน ไม่ผ่อนผันช่วยบ้างหรืออย่างไร อรุณน้อยทูลว่าถ้าฉันบวช แล้วจะกรวดน้ำถวายให้หายไข้ ต่างสำรวลส่วนสุดาจะลาไป พระอภัยพักตร์เศร้าเปล่าอุรา ถอนสะอื้นฝืนชวนพระน้องนาฏ จากปราสาทนำนางไปข้างหน้า พวกขอเฝ้าเหล่าอำมาตย์มาตยา มาพร้อมหน้ากราบก้มบังคมคัล ฯ ๏ ทั้งสององค์ทรงที่นั่งยานุมาศ พระหน่อนาถทรงเสลี่ยงเคียงเคียงคั่น นางโฉมยงทรงวอจรจรัล ฝูงกำนัลพรั่งพร้อมล้อมลีลา ตำรวจเวรเกณฑ์แห่ทั้งดาบหอก อยู่ริ้วนอกเรียงรายทั้งซ้ายขวา เสียงเซ็งแซ่แออัดรัถยา ออกนำหน้าด่วนเดินบนเนินดิน ร่มระรื่นพื้นไม้ใบชอุ่ม สระประทุมดาษดาพฤกษาสินธุ์ พระพายพาสาโรชมารินริน ระรื่นกลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ แล้วเข้าป่ามาลีมีต่างต่าง สองข้างทางดอกดวงพวงไสว พิกุลแก้วแถวกระทุ่มชอุ่มใบ มะเฟืองไฟตูมตาดดาษเดียร ถึงธารถ้ำลำเนาภูเขารุ้ง ดูเรืองรุ่งราวกับลายระบายเขียน บ้างเขียวขาววาวแววแก้ววิเชียร ตะโล่งเลี่ยนเลื่องเหลืองเรืองระยับ กุฏิ์น้อยน้อยร้อยเศษสังเกตนับ เครื่องสำหรับกุฎีก็มีพร้อม ต้นไม้ดอกออกลูกปลูกริมกุฏิ์ ต้นสายหยุดพุดลำดวนให้หวลหอม ที่กุฏิ์ใหญ่ไทรเรียงเคียงพะยอม ทอดกิ่งค้อมข้ามหลังคาดูน่าชม สองกษัตริย์ทัศนารุกขาเขา มาตามเงาเงื้อมผาริมอาศรม ทั้งห้าองค์ลงเดินเนินจงกรม ระรื่นร่มรุกขาน่าสำราญ ฯ ๏ ถึงที่สุดกุฏิ์ใหญ่ยอดบรรพต รูปดาบสปั้นไว้ในวิหาร พระหยุดยั้งนั่งที่ศิลาลาน นางชวนหลานลูกยาอุ้มผ้าไตร เข้าในกุฏิ์จุดธูปเทียนประณต พรดาบสบรเมศตามเพศไสย ต่างตั้งสัตย์ตัดบ่วงไม่ห่วงใย แล้วครองไตรบริบูรณ์มุ่นชฎา ประณตนั่งตั้งนโมได้สามจบ ขอเคารพรับบัญญัติซึ่งสิกขา ว่าดังดังตั้งต้นแต่ปาณา ถึงอิมาทะสะเสร็จสำเร็จการ บรรดาเหล่าสาวสุรางค์อยู่ข้างหลัง ประณตนั่งแน่นมาหน้าวิหาร คอยว่าตามสามกษัตริย์นมัสการ สมาทานถือพรตดาบสนี ฯ ๏ นางโฉมยงทรงประคำปทัมราช ชวนหน่อนาถนัดดาลาฤๅษี แล้วพาเหล่าสาวสุรางค์ล้วนนางชี มากุฎีหลังใต้ต้นไทรทอง สถิตแท่นแผ่นผาที่หน้าฉาน พระกุมารเคียงนั่งอยู่ทั้งสอง ตั้งมหาวาหุดีอัคคีกอง ตามทำนองนักพรตดาบสนี ตามบรรดาสานุศิษย์ทั้งร้อยเศษ อยู่กุฏิ์รอบขอบเขตคิรีศรี ล้วนเคร่งครัดมัสการกองอัคคี ตามวิธีไสยศาสตร์ไม่คลาดคลาย ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ชวนน้องรักศรีสุวรรณแล้วผันผาย เดินมาทางนางชีกุฎีราย เที่ยวถวายธูปเทียนเวียนลงมา ศรีสุวรรณนั้นเด็ดดอกรักไว้ เที่ยวเลือกให้ดาบสที่หมดหน้า นางฤๅษีหนีองค์พระอนุชา ตลอดมาจนถึงกุฏิ์พระบุตรี นางกษัตริย์ตรัสเชิญพระภูวนาถ ให้นั่งอาสน์เอกเอี่ยมเทียมฤๅษี กระซิบสอนนัดดากุมารี ไปพาทีทักทายถวายพร สองกษัตริย์ตรัสโมทนาสนอง เอาเทียนทองมาถวายสายสมร แล้วว่าขอปวารณาสถาวร อนุสรณ์สิทธิ์ขาดเป็นญาติโยม บวชแต่สักสามวันเท่านั้นเถิด อย่าให้เกิดโรคซูบเสียรูปโฉม ถ้าถือเคร่งเร่งรุดมักทรุดโทรม เอ็นดูโยมบ้างเถิดคุณพระมุนี ฯ ๏ นางนิ่งนั่งฟังคำพระร่ำสอน ถวายพระพรตามจริตกิจฤๅษี ตามแต่บุญวาสนาบารมี มิรู้ที่รูปจะว่าล่วงหน้าไป พระอนุชาว่าจิตฉันคิดคาด เป็นสังฆราชมั่นคงไม่สงสัย อันเขารุ้งกรุงผลึกน้องนึกไว้ เห็นจะไม่ขาดคนริมหนทาง นางฟังคำทำขึงแล้วจึงว่า ตามศรัทธาสารพัดไม่ขัดขวาง พระอภัยนั้นมิใคร่จะไกลนาง แต่ระคางครหาเป็นราคี จึงอำลาดาบสโอรสหลาน มาเกณฑ์การให้รักษามารศรี ทั้งไพร่นายรายรอบขอบคีรี มิให้มีเภทภัยสิ่งใดพาน แล้วชวนพระอนุชากับข้าเฝ้า กลับคืนเข้าพระนิเวศน์เขตสถาน จึงออกท้องพระโรงรัตน์ชัชวาล ดำรัสการกับมหาเสนาใน อุศเรนเห็นจะกลับมาทำศึก เหมือนเรานึกมั่นคงอย่าสงสัย เร่งตั้งป้อมซ่อมแปลงกำแพงไว้ เกณฑ์พวกไพร่พลหัดให้จัดเจน ทั้งม้ารถคชสารทหารรบ ให้รู้ครบท่าทางทั้งดั้งเขน ทั้งปากใต้ฝ่ายเหนือเร่งกะเกณฑ์ ออกตระเวนแว่นแคว้นแดนบุรี ให้อาลักษณ์แต่งทำคำรับสั่ง ไปปิดทั้งประตูบูรีศรี แล้วบอกไปให้เมืองเอกโทตรี ว่าใครมีวิทยาวิชาการ ทั้งล่องหนทนคงเข้ายงยุทธ์ เพลงอาวุธเข้มแข็งกำแหงหาญ รู้ตำราฟ้าดินสิ้นชำนาญ ประกอบการกลศึกที่ลึกลับ ให้มาเป็นข้าเฝ้าเราจะเลี้ยง ให้ชื่อเสียงรุ่งเรืองเครื่องประดับ ต่างเห็นชอบนอบนบเคารพรับ เสด็จกลับเข้าปราสาทราชวัง ฯ ๏ ฝ่ายเสนามาทำทุกตำแหน่ง อาลักษณ์แต่งเรื่องความตามรับสั่ง เขียนลิขิตปิดทวารทุกบานบัง แจกไปทั้งหัวเมืองตามเรื่องความ บ้างก่อป้อมซ่อมแปลงกำแพงใหญ่ บ้างฝึกไพร่หัดลองที่ท้องสนาม กองตระเวนเกณฑ์นาวาอาสาจาม เที่ยวตรวจตามอ่าวสมุทรจนสุดแดน ฯ ๏ ฝ่ายฝูงคนชนบททุกบ้านช่อง ย่อมเนืองนองนับโอดเป็นโกฏิ์แสน ทั้งขอบคันจันต์ประเทศทุกเขตแคว้น อเนกแน่นใต้เหนือเหลือประมาณ รู้รับสั่งหนังสือที่ลือเล่า ว่าผ่านเกล้าเกลี้ยกล่อมซ้อมทหาร ต่างเหิมฮึกศึกษาวิชาการ จะคิดอ่านเอาเจียดเกียรติยศ บรรดาคนทนคงณรงค์รบ รู้หลีกหลบล่องหนมนต์สะกด มาขอเข้าเกลี้ยกล่อมน้อมประณต กระทำทดลองได้ให้รางวัล ทั้งเสื้อผ้าสารพัดเบี้ยหวัดแจก ตามแผนกพวกพ้องเป็นกองขัน ล้วนคนดีมีวิชาสารพัน มาทุกวันมิได้วายถวายตัว ฯ ๏ อยู่ภายหลังยังมีสตรีหนึ่ง อายุถึงสามสิบสี่ไม่มีผัว ชื่อวาลีสีเนื้อนั้นคล้ำมัว รูปก็ชั่วชายไม่อาลัยแล ทั้งกายาหางามไม่พบเห็น หน้านั้นเป็นรอยฝีมีแต่แผล เป็นกำพร้ามาแต่หล่อนยังอ่อนแอ ได้พึ่งแต่ตายายอยู่ปลายนา เป็นเชื้อพราหมณ์ความรู้ของผู้เฒ่า แต่ก่อนเก่าเดิมบุราณนานหนักหนา เป็นมรดกตกต่อต่อกันมา นางอุตส่าห์เรียนเล่าจนเข้าใจ รู้ฤกษ์พาฟ้าดินสำแดงเหตุ ทั้งไตรเพทพิธีคัมภีร์ไสย ครั้นเจนแจ้งแกล้งเอาเข้าเผาไฟ มิให้ใครพบปะพระคัมภีร์ ถึงหน้านาฟ้าฝนจะชุกแล้ง ช่วยบอกแจ้งตายายให้ย้ายที่ จนได้ผลคนลือนางวาลี เป็นหมอดีดูแลแน่สุดใจ ใครไปมาหาของกำนัลฝาก พอเลี้ยงปากตามประสาอัชฌาสัย ถึงรูปชั่วตัวดำแต่น้ำใจ จะใคร่ได้ผัวดีที่มีบุญ ทั้งทรวดทรงองค์เอวให้อ้อนแอ้น เป็นหนุ่มแน่นน่าจูบเหมือนรูปหุ่น แม้นผัวไพร่ไม่เลยแล้วพ่อคุณ แต่คร่ำครุ่นครวญหาทุกราตรี พอรู้ข่าวเจ้าเมืองผลึกใหม่ พระอภัยพูนสวัสดิ์รัศมี งามประโลมโฉมเฉิดเลิศโลกีย์ นางวาลีลุ่มหลงปลงฤทัย ครั้นรู้ว่าหาทหารชำนาญศึก ก็สมนึกยินดีจะมีไหน อันสงครามความรู้เราเรียนไว้ จะเข้าไปเป็นห้ามพระทรามเชย แต่พระนุชบุตรีจะอภิเษก ถ้าหาไม่ก็เป็นเอกเจียวอกเอ๋ย ยิ่งคิดไปใจปลื้มไม่ลืมเลย ลุกขึ้นเผยฝาแฝงเห็นแสงทอง ลงอาบน้ำซ้ำเอาผ้าเมล็ดงาถู แล้วแลดูเนื้อตัวยังมัวหมอง มาผัดหน้าทาขมิ้นดินสอพอง ให้กลบร่องรอยฝีไม่มีรอย แล้วเปิดกลี่หวีผมให้คมสัน ติดน้ำมันตำราใหญ่ตั้งใจสอย นุ่งสุหรัดจัดกลีบจีบตะบอย ให้เรียบร้อยแลราวกับชาววัง แล้วก็ห่มชมพูมีพู่ติด เห็นมิดชิดชื่นชมด้วยสมหวัง มาสู่ห้องสองเฒ่าเล่าให้ฟัง ฉันลาไปในวังถวายตัว แม้นโปรดปรานหลานสมอารมณ์นึก จะตั้งตึกแทนคุณแม่ทูนหัว เฒ่าทั้งสองป้องหน้าด้วยตามัว เห็นแต่งตัวเต็มดีสีชมพู หัวร่อร่าว่าอุแหม่เจ้าแม่เอ๋ย กระไรเลยเหลือดีเหมือนอีหนู ถวายตัวเป็นอะไรจะใคร่รู้ ไม่พิศดูรูปร่างหรืออย่างไร ฯ ๏ นางบอกว่าข้าจะไปเป็นหม่อมห้าม คงสมความปรารถนาอย่าสงสัย ทั้งเมียผัวหัวร่ององอไป ร้องเรียกให้เพื่อนบ้านช่วยวานแล หลานข้าเจ้าเขาจะไปเป็นหม่อมห้าม มันเหลืองามอยู่เพียงนี้แล้วอีแม่ กูเห็นการท่านจะเอาไว้เป่าแตร ไฉนแน่กระนี้มาข้าขอฟัง ฯ ๏ นางขัดใจไม่พูดแล้วผันผาย คนทั้งหลายนึกว่าเป็นบ้าหลัง ที่รู้จักทักปรอให้รอรั้ง ไม่หยุดยั้งย่างเยื้องชำเลืองไป ตามถนนคนเห็นไม่เว้นถาม แม่นี้งามสุดอย่างไปข้างไหน นางวาลีมิได้พูดด้วยผู้ใด ตรงเข้าในเมืองมาหน้าพระโรง พวกขุนนางต่างพินิจสะกิดเพื่อน อีนั่นเหมือนตอตะโกทำโอ่โถง บ้างก็ว่าหน้าเง้าแต่เขาโง้ง ตะติ๋งโหน่งนั่งเล่นก็เป็นไร นางรู้ว่าข้าเฝ้าเข้าไปนั่ง กรมวังถามว่ามาแต่ไหน นางแจ้งความตามจริงทุกสิ่งไป ข้าจงใจจะมาเฝ้าเจ้าแผ่นดิน ขุนเสนาว่าธุระสิ่งไรเจ้า นางก็เล่าตามจิตคิดถวิล เขาลือข่าวฉาวไปข้าได้ยิน ว่าพระปิ่นโลกาประชาชน ให้หาผู้รู้วิชาข้างรบพุ่ง จะกันกรุงเตรียมศึกให้ฝึกฝน ข้าเจ้าดีมีวิชายิ่งกว่าคน รู้ผ่อนปรนปราบศึกได้ลึกซึ้ง ท่านโปรดด้วยช่วยทูลให้ทราบเหตุ แม้นโปรดเกศก็จะเฝ้าเข้าให้ถึง เสนานั่งฟังนางต่างตะลึง แล้วก็จึงซักถามดูตามแคลง ซึ่งวิชาว่าดีไม่มีคู่ อย่างไรอยู่ยังไม่สิ้นที่กินแหนง เป็นเวทมนตร์ทนตีหรือมีแรง หรือฟันแทงไม่เข้าจงเล่าความ นางฟังคำทำหัวเราะเยาะอำมาตย์ ว่าท่านทาสปัญญาอย่ามาถาม วิสัยคนทนคงเข้าสงคราม เป็นแต่ความรู้ไพร่เขาใช้แรง อันวิชาข้านี้ดีกว่านั้น ของสำคัญใครเขาจะเล่าแถลง แม้นพระองค์ทรงศักดิ์จักแสดง มิควรแพร่งพรายให้ไพร่ไพร่ฟัง ฯ ๏ พวกเสนาว่าทหารใช่การหญิง จะมาชิงอาสาเหมือนบ้าหลัง มิพรายแพร่งแจ้งจิตทำปิดบัง จะพาเข้าเฝ้ายังไม่ควรการ นางตอบคำอำมาตย์ด้วยอาจจิต ท่านนี้ติดแต่จะโง่ด้วยโวหาร อันสงครามตามบทพระอัยการ ใครผิดผลาญชีวันให้บรรลัย ใครทำชอบกอบให้เป็นใหญ่ยิ่ง ถึงชายหญิงก็ไม่ว่าหามิได้ ว่าใช่การท่านเห็นเป็นอย่างไร หรือหญิงไปฆ่าชายไม่วายวาง ดีหรือบ้าตาดูให้รู้แน่ เมื่อมีแต่ปากนิดก็กีดขวาง จะอาสาพากันพูดกั้นกาง ทำให้ค้างแล้วข้าจะลาไป พวกเสนาว่าหยอกเล่นดอกเจ้า จะพาเฝ้าเดี๋ยวนี้หนีไปไหน แล้วซักถามนามนางกระจ่างใจ พาเข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ จึงทูลความตามนางอ้างอาสา อวดวิชายวดยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ พระทรงฟังสั่งให้พาเข้ามาพลัน เห็นผิวพรรณพักตรานางวาลี เหมือนคุลาหน้าตุเหมือนปรุหนัง แลดูดังตะไคร่น้ำดำหมิดหมี แต่กิริยามารยาทประหลาดดี เห็นจะมีความรู้อยู่ในใจ จึงแย้มเยื้อนเอื้อนโอษฐโปรดประภาษ เจ้าเป็นปราชญ์ปรีชาจะหาไหน จะอยู่ด้วยช่วยบำรุงซึ่งกรุงไกร เราขอบใจจะเลี้ยงให้เที่ยงธรรม์ แต่วิชาวาลีมีไฉน อย่าถือใจแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ จะรอนราญการณรงค์คงกระพัน จะรับรองป้องกันประการใด ฯ ๏ นางวาลีปรีชาวันทาแถลง อันเรี่ยวแรงวิ่งเต้นเห็นไม่ไหว แม้นผ่านเกล้าเอาแต่ที่ให้มีชัย เห็นจะได้ดังประสงค์พระทรงธรรม์ พระฟังคำร่ำว่าค่อยน่ารัก ล้วนแหลมหลักลิ้นลมคมขยัน จึงตรัสว่าถ้าจะให้มีชัยนั้น จะผ่อนผันคิดอ่านประการใด นางนบนอบตอบสนองต้องทำเนียบ ภิปรายเปรียบด้วยปัญญาอัชฌาสัย ศึกไม่มีที่จะว่าล่วงหน้าไป ก็ยังไม่ต้องตำราวิชาการ แม้นเมื่อไรไพรีมีมาบ้าง ดูกำลังข้าศึกซึ่งฮึกหาญ จึงปราบปรามตามกระบวนพอควรการ จะคิดอ่านเอาแต่ใจก็ไม่เคย พระยินคำล้ำลึกนึกสรรเสริญ ฉลาดเกินรูปร่างช่างเฉลย จึงแสร้งซักยักย้ายภิปรายเปรย ว่าไม่เคยนั้นก็ควรของนวลนาง แต่หากว่าข้าศึกมาสิบแสน ถึงด้าวแดนดูถนัดไม่ขัดขวาง จะคิดสู้ผู้เดียวแต่ตัวนาง หรือคิดอย่างไรเล่าให้เข้าใจ นางฟังคำซ้ำซักเห็นสบช่อง จึงยิ้มย่องเคลือบแฝงแถลงไข ข้าพเจ้าเล่าเรียนความรู้ไว้ ไม่ใช้ไพร่พลมากลำบากกาย ขอแต่ผู้คู่คิดสักคนหนึ่ง แต่พอพึ่งพูดได้ดังใจหมาย จะผันแปรแก้กันอันตราย มิให้อายอัปราปัจจามิตร ฯ ๏ พระทรงฟังยังให้สงสัยนัก จึงซ้ำซักจะใคร่แจ้งที่แคลงจิต จะปรารถนาหาผู้เป็นคู่คิด คนสนิทไฉนนางอย่าพรางกัน นางเกรงบาปกราบกรานประทานโทษ แม้นมิโปรดโทษาถึงอาสัญ จะทูลขอแต่องค์พระทรงธรรม์ ให้ผ่อนผันตามจิตที่คิดการ ไม่ขัดข้องต้องตำราซึ่งข้าทราบ ก็จะปราบได้สิ้นทุกถิ่นฐาน พระแย้มยิ้มพริ้มพักตร์พจมาน เจ้าว่าขานเข้าแบบเห็นแยบคาย จะเลี้ยงไว้ได้เป็นที่ปรึกษา ช่วยตรึกตราตรองงานการทั้งหลาย จะเป็นที่พี่เลี้ยงเจ้าขรัวนาย หรือรักฝ่ายกรมท่าเสนาใน นางนบนอบตอบรสพจนารถ คุณพระบาทกรุณาจะหาไหน แต่ยศศักดิ์จักประทานประการใด ไม่ชอบใจเจตนามาทั้งนี้ ด้วยเปลี่ยวใจไม่มีที่จะเห็น จะขอเป็นองค์พระมเหสี แม้นโปรดตามความรักจะภักดี ถ้าแม้นมิเมตตาจะลาไป พวกขุนนางต่างหัวร่อข้อประสงค์ ทั้งพระองค์สรวลสันต์ไม่กลั้นได้ จึงตรัสว่าวาลีมีแก่ใจ มารักใคร่ครั้นจะชังไม่บังควร แต่รูปร่างยังกระไรจะใคร่รู้ พิเคราะห์ดูเสียด้วยกันอย่าหันหวน จะควรเป็นมเหสีหรือมิควร จงใคร่ครวญนึกความให้งามใจ ฯ ๏ นางทูลว่าข้าน้อยนี้รูปชั่ว ก็รู้ตัวมั่นคงไม่สงสัย แต่แสนงามความรู้อยู่ในใจ เหมือนเพชรไพฑูรย์ฝ้าไม่ราคี แล้วหมายว่าฝ่าพระบาทก็มีห้าม ล้วนงามงามเคยประณตบทศรี แต่หญิงมีวิชาเช่นข้านี้ ยังไม่มีไม่เคยเลยทั้งนั้น จึงอุตส่าห์มายอมน้อมประณต ให้พระยศใหญ่ยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ บรรดาผู้รู้วิชาสารพัน จะหมายมั่นพึ่งพาบารมี แม้นทรงศักดิ์รักโฉมประโลมสวาท ไม่เลี้ยงปราชญ์ไว้บำรุงซึ่งกรุงศรี ก็ผิดอย่างทางทำเนียบประเวณี เห็นคนดีจะไม่มาสาพิภักดิ์ ขอพระองค์ทรงตรึกให้ลึกซึ้ง เป็นที่พึ่งแผ่ไปทั้งไตรจักร อันรูปหญิงพริ้งเพริศล้ำเลิศลักษณ์ ดีแต่รักรอนราญการโลกีย์ ฯ ๏ พระฟังนางช่างเปรียบเห็นเฉียบแหลม จึงยิ้มแย้มยกย่องให้ผ่องศรี ซึ่งมุ่งมาดปรารถนาของวาลี จะเป็นที่อัคเรศเกศสุรางค์ แต่ความรู้ผู้ใดยังไม่เห็น จะเสกเป็นปิ่นกษัตริย์ยังขัดขวาง จะเลี้ยงไว้ใช้สอยอยู่พลางพลาง เป็นเพียงนางพระสนมให้สมรัก แล้วสั่งเหล่าเถ้าแก่หลวงแม่เจ้า ให้รับเข้าวังในไปตำหนัก เครื่องสำอางอย่างหม่อมก็พร้อมพรัก เป็นเอกอัครสนมนายอยู่ฝ่ายใน ฯ ๏ แต่นั้นมาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ ประชาราษฎร์รู้แจ้งแถลงไข ว่าทรงฤทธิ์คิดบำรุงซึ่งกรุงไกร น้ำพระทัยรักผู้รู้วิชา ข้าแผ่นดินยินดีเป็นที่ยิ่ง ชั้นผู้หญิงก็ยังรักเสียหนักหนา เห็นวาลีที่พระองค์ทรงเมตตา ต่างนึกว่าจะใคร่พบประสบองค์ ทั้งห้ามแหนแผ่นดินท้าวสิลราช แสนสวาทพระอภัยจนใหลหลง บ้างอดข้าวเอารูปให้ซูบทรง ต่างประจงแต่งตัวให้ยั่วยวน อุตส่าห์เฝ้าเช้าค่ำคอยสำเหนียก เมื่อไรจะเรียกร่วมห้องครองสงวน พระองค์เก่าเฒ่าแก่ก็แปรปรวน ไม่หนุ่มนวลเหมือนพระอภัยมณี ที่โปรดปรานพาลจะอิ่มก็ยิ้มย่อง ดังจะล่องลอยฟ้าในราศี บ้างเวียนเฝ้าเปล่าว่างอยู่ค้างปี จนเป็นฝีหัวคว่ำช้ำอุรา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาท บำรุงราษฎร์เจริญจิตทุกทิศา คิดคะนึงถึงองค์พระธิดา ยังไม่ลาพรตเลยทำเฉยเชือน เสียแรงรักฝักฝ่ายหมายสงวน เจ้ากระบวนนี่กระไรใครจะเหมือน นิ่งกระนี้มิได้จะไปเตือน แม้นบิดเบือนบาปกรรมก็ทำเนา แล้วพระแกล้งแต่งองค์ทรงประดับ เครื่องสำหรับรณรงค์ทรงวันเสาร์ ทั้งเครื่องนางอย่างทรงของนงเยาว์ ส่งให้เจ้าพนักงานใส่พานทอง แล้วห่อหุ้มคลุมปิดผนิดไว้ หวังมิให้ชายหญิงเห็นสิ่งของ ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมามนเทียรทอง ถึงห้องน้องศรีสุวรรณจำนรรจา พ่อไปด้วยช่วยชวนหลวงชีสึก แม้นสมนึกครั้งนี้ดีหนักหนา พระน้องยิ้มพริ้มพักตร์พจนา อุปมาเหมือนหนึ่งไก่อยู่ในมือ เมื่อพระพี่นี้กระไรพระทัยอ่อน ให้ปลิ้นปล้อนปละปล่อยมาน้อยหรือ เขาลือแล้วแคล้วเคลื่อนไม่เหมือนลือ ฉวยหลุดมือแล้วก็อายเขาตายจริง ฯ ๏ พระเชษฐาว่าพี่คิดผิดถนัด สารพัดแพ้รู้แก่ผู้หญิง แล้วลูกเต้าเล่าก็หวงคอยท้วงติง ต้องยุ่งยิ่งยอดยากลำบากใจ พลางแย้มสรวลชวนพระน้องดำเนินนาด มาทรงราชยานรัตนจำรัสไข พร้อมสะพรั่งทั้งขุนนางพวกข้างใน เสด็จไปเขารุ้งตามทุ่งนา ถึงคิรีที่ประทับก็ยับยั้ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา พระชวนเหล่าสาวสรรค์กัลยา ค่อยลีลาเลียบเดินเนินจงกรม ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีฤๅษีสาว เวลาเช้าออกอยู่หน้าพระอาศรม ทั้งพี่น้องสองกุมารสำราญรมย์ ชวนกันชมนกใต้ต้นไทรทอง ฝูงกรอดพลอดเพรียกร้องเรียกคู่ กระจิบดูโลดเต้นเผ่นผยอง เสียงหึ่งหึ่งผึ้งภุมรินร้อง อาบละอองอินทนิลแล้วบินจร นกตะขาบคาบได้ลูกไทรขยอก ฝูงกระรอกไล่กระแตแลสลอน พฤกษาดอกออกช่ออรชร หอมขจรจอมผาทั้งตาปี นางนั่งชมโสมนัสตรัสประภาษ กับหน่อนาถพี่น้องสองฤๅษี พอผันแปรแลเห็นพระอภัยมณี เลียบคีรีมากับพระอนุชา จึงสั่งสองหน่อไทให้ไปรับ มาหยุดยับยั้งนั่งบัลลังก์ผา พระอภัยให้เอาพานพวงมาลา กับพานผ้าถวายองค์นางนงเยาว์ แล้วว่าโยมโทมนัสประหวัดหวัง ถึงอยู่วังใจมาอยู่ที่ภูเขา ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนหนึ่งเห็นอยู่เย็นเช้า เหลือจะเล่าแล้วที่จิตคิดอาลัย คุณคะนึงถึงโยมอยู่บ้างหรือ หรือเพลินถือธรรมขันธ์ไม่หวั่นไหว ตัดสวาทขาดเด็ดสำเร็จไป เจียวหรือใจเจ้าคุณพระมุนี ฯ ๏ นางฟังรสพจมานโองการเกี้ยว ให้ทราบเสียวเสน่ห์ในใจฤๅษี แต่มารยามานะกษัตรี ทำพาทีเพทุบายถวายพร ได้ตรวจน้ำรำลึกนึกไม่ขาด ถึงเบื้องบาทบพิตรอดิศร มิตรจิตมิตรใจอาลัยวรณ์ เว้นแต่นอนหลับไปมิได้คิด ทั้งทราบว่าวาลีมีความรู้ เข้ามาสู่สมภารสำราญจิต พอเข้านอกออกในได้ใช้ชิด สำเร็จกิจข้าน้อยพลอยยินดี ฯ ๏ พระเยื้อนยิ้มพริ้มพักตร์เห็นหลักแหลม ช่างเหน็บแนมล้วนละเมียดทั้งเสียดสี จึงว่าโยมโน้มน้าวชาวบุรี ให้เปรมปรีดิ์ห้าวหาญการสงคราม หวังจะได้ไว้บำรุงกรุงผลึก ให้ข้าศึกราบเตียนที่เสี้ยนหนาม นางวาลีมีตระกูลพรุณพราหมณ์ รู้ฤกษ์ยามยอมสมัครมาภักดี จึงเลี้ยงไว้ให้เป็นข้าพระดาบส เมื่อลาพรตพร้อมพรักเป็นศักดิ์ศรี จัดสำเร็จเสร็จการบ้านเมืองดี จึงมานีมนต์คุณกรุณา โปรดบำรุงกรุงผลึกให้ครึกครื้น สำราญรื่นเรืองเดชของเชษฐา เมื่อแก่เฒ่าเล่าจึงกลับมาบรรพชา จำพรรษาเสียด้วยกันจนวันตาย ฯ ๏ นางดาบสอตส่าห์กลั้นกระสันสวาท เชิงฉลาดกลบเกลื่อนที่เงื่อนสาย สอนกุมารหลานเลี้ยงกับลูกชาย ให้ถวายพระกุศลผลผลา ฯ ๏ ฝ่ายอรุณมุนีฤๅษีน้อย กระจ้อยร่อยรู้จำคำสิกขา กับสินสมุทรมุนีผู้พี่ยา ต่างก็ว่าหม่อมฉันบวชได้สวดมนต์ ปรนนิบัติวัดวาทิพาวาส มิได้ขาดขอถวายฝ่ายกุศล พระตรัสว่าสาธุช่างบวชทน จะนิมนต์ไว้เสียเจียวประเดี๋ยวนี้ ถ้าเรียนร่ำสำเร็จระเห็จเหาะ อย่าไปเกาะเสียนะจ๊ะพระฤๅษี กุมาราว่าจะอยู่ริมบุรี ไม่หน่ายหนีนัคเรศนิเวศน์วัง ศรีสุวรรณนั้นว่ากับสินสมุทร จวนจะตรุษอึกทึกไม่นึกหวัง จะได้เล่นเต้นรำแต่ลำพัง ไปเที่ยวนั่งดูงานการวิวาห์ สองฤๅษีดีใจเมื่อไรคะ ฉันอยากจะดูงานนานหนักหนา พระสงสารหลานขวัญจึงบัญชา สุดแต่อารมณ์ฤๅษีทั้งพี่น้อง ถ้าสึกไปวันรุ่งก็พรุ่งนี้ จะให้มีโขนหนังตั้งฉลอง นางดาบสอดสูรู้ทำนอง อายพระน้องนึกยิ้มอยู่พริ้มพราย จึงใช้สองสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ ยกเภสัชเภลามาถวาย แล้วเสแสร้งแกล้งอวดบวชสบาย พูดภิปรายไปแต่ข้างทางศรัทธา ฯ ๏ พระอภัยไม่ฟังเฝ้านั่งเกี้ยว อย่าเลี่ยงเลี้ยวเลยฉันรักคุณหนักหนา เครื่องประดับกับวอก็เอามา นิมนต์ลาพรตจะได้ไปด้วยกัน ฤๅษีสาวดาวบสให้อดสู เป็นไม่รู้ที่จะคิดทำบิดผัน ยิ้มละไมในหน้าว่าเช่นนั้น จะสึกวันนี้ก็ได้เป็นไรมี แต่ไม่งามความอายอยู่ภายหน้า เขาจะว่าเจ้าเมืองผลึกสึกฤๅษี นานนานหน่อยคอยท่าฤกษ์พาดี อย่าให้มีมลทินที่นินทา พระฟังนางช่างฉลาดไม่พลาดเพลี่ยง รู้หลีกเลี่ยงหลายทำนองคล่องหนักหนา จึงแกล้งตรัสตัดคำว่าธรรมดา วิสัยสามัญทั่วทุกตัวคน ที่รักกันสรรเสริญเจริญสิ้น ที่ชังนินทาแถลงทุกแห่งหน การทั้งหลายร้ายดีมิได้พ้น จะกลัวคนครหาว่ากระไร ฤกษ์วันนี้สี่ค่ำเป็นอมฤก ใครบวชสึกสิ้นวิบัติปัถไหม อย่ารอราช้าฉวยฉันขัดใจ จะอุ้มไปกระนั้นดอกบอกจริงจริง นางฟังเตือนเอื้อนอายซังตายตอบ ให้ชื่นชอบวิญญาณ์ประสาหญิง ถึงอุ้มไปใครจะล่วงมาช่วงชิง แต่จะจริงเจียวหรือในพระทัยนึก หม่อมฉันนี้มิใช่จะขัดข้อง เป็นข้ารองบาทบงสุ์คงจะสึก แต่ช้าช้าอย่าให้อึงอึกทึก จงทรงตรึกตรองความตามพระทัย ฯ ๏ ฟังสนองพร้องเพราะเสนาะล้ำ ไม่พลาดล้ำพลิ้วแพลงแถลงไข เขาผ่อนผัดขัดข้องให้หมองใจ พระอภัยผินหน้ามาหาน้อง ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มพริ้มพระพักตร์ ช่วยเตือนนักสิทธ์นั่งอยู่ทั้งสอง อย่างไรจ๊ะพระฤๅษีทั้งพี่น้อง จะให้ต้องนอนค้างหรืออย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายอรุณมุนินสินสมุทร ยังเยาว์สุดซื่อตรงไม่สงสัย ว่าจริงนะพระเจ้าป้าจะช้าไย สึกเข้าไปอยู่ในวังเหมือนอย่างเคย นางฟังคำชำเลืองดูหลานน้อย แล้วว่าพลอยด้วยเล่าเจ้าแม่เอ๋ย นางชม้ายพรายพริ้มทั้งยิ้มเย้ย เชิญเสวยเภสัชนั่งจัดแจง ฯ ๏ พระอภัยไม่รู้ที่จะคิด ทำจริตเหมือนจะกลั้นพระกันแสง แล้วว่าชะพระฤๅษีมิเสียแรง ช่างใจแข็งขาดเด็ดไม่เมตตา จะผ่อนตามสามวันเหมือนมั่นหมาย เหมือนเสี่ยงทายทั้งชาติวาสนา มิฟังคำทำดื้อถือโสดา ไม่เห็นหน้าฉันแล้วคุณพระมุนี แล้วแกล้งทำอ้ำอึ้งเหมือนขึ้งโกรธ ไม่ออกโอษฐ์อำลามารศรี ชวนพระน้องเสด็จมาเข้าธานี ต่างไปที่ทิพมาศปราสาททอง พระอภัยไสยาสน์เหนืออาสน์อ่อน ให้อาวรณ์ร้อนรนกมลหมอง ไม่เหมือนคาดคลาดคิดผิดทำนอง พระตรึกตรองตรมจิตดังพิษปืน ถึงสามวันกัลยาไม่ลาพรต โศกกำสรดเสียใจให้สะอื้น ทั้งรักแค้นแสนกระสันให้กลั้นกลืน สุดจะขืนแข็งใจอาลัยลาน อันเอมโอชโภชนากระยาเสวย ก็ละเลยลืมพระองค์น่าสงสาร ทั้งลืมเหล่าสาวสุรางค์นางอยู่งาน นฤบาลบรรทมกรมฤทัย ฯ ๏ ฝ่ายวาลีที่เข้ามาสามิภักดิ์ เป็นเอกอัครสนมขวาอัชฌาสัย สังเกตดูรู้แจ้งไม่แคลงใจ ภูวไนยน้อยจิตพระธิดา จำจะรับดับร้อนช่วยผ่อนผัน ให้ทรงธรรม์เธอได้ชิดขนิษฐา ถึงเวรเฝ้าเข้าในที่ไสยา พอเพลาย่ำฆ้องกลองประโคม จึงท้าทับขับกล่อมน้อมประณต เฉลิมยศบทบงสุ์พระทรงโฉม โอ้ดวงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยโพยม เคยประโลมโลกาให้ถาวร วันนี้กลับอับแสงไม่แจ้งแจ่ม นิราแรมรสลับนางอัปสร เหมือนโศกรักหนักยิ่งยุคันธร ด้วยอาวรณ์หวังสวาทมาคลาดคลา สงสารพระอุณรุทที่สุดโศก แสนวิโยคแยกนุชนางอุษา เพราะพระไทรไพรพฤกษเทวา ให้สองราเริศร้างมาห่างเชย โอ้อกพระอุณรุทภุชพงศ์ มาเอองค์อาทวานิจจาเอ๋ย แสนระกำช้ำใจกระไรเลย ลืมเสวยลืมสรงพระคงคา ก็ยังมีศรีศุภลักษณ์ยักษ์ มาช่วยชักเชิญเสด็จระเห็จหา มิออกอรรถมธุรสพจนา จะอาสาก็ไม่สมอารมณ์เอย ฯ ๏ พระอภัยได้สดับที่ขับกล่อม น่าถนอมเสนาะน้ำคำเฉลย ทั้งกลอนกาพย์รายเรียบช่างเปรียบเปรย พระนึกเชยชมปัญญานางวาลี พระเอื้อนโอษฐ์โปรดเรียกมาริมอาสน์ ตรัสประภาษพูดจาด้วยมารศรี ที่เพลินฟังวังเวงเพลงดนตรี เหมือนจะมีศุภลักษณ์ช่วยชักจูง เจ้าเป็นใหญ่ในสุรางค์นางสนม ทั้งพงศ์พรหมพราหมณ์พรุณตระกูลสูง ย่อมพราวแพรวแววหางเหมือนอย่างยูง งามกว่าฝูงวิหคาบรรดามี เอ็นดูด้วยช่วยชุบเหมือนศุภลักษณ์ ให้สมรักร่วมอุษามารศรี จะผันแปรแก้ไขไฉนดี พระบุตรีจึงจะสึกช่วยตรึกตรอง ฯ ๏ ฝ่ายวาลีปรีชาปัญญาฉลาด อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง จะขอรับอาสาฝ่าละออง มิให้ต้องเหนื่อยยากลำบากกาย ให้พระนุชบุตรีมาอภิเษก เป็นองค์เอกอัคราชเหมือนมาดหมาย จงสั่งพระอนุชาเสนานาย ให้บัตรหมายจัดงานการมงคล ทั้งการเล่นเต้นรำเครื่องทำขวัญ อีกเจ็ดวันจะวิวาห์สถาผล จะเชิญองค์นงเยาว์เข้ามณฑล ขึ้นนั่งบนแท่นรัตน์ชัชวาล พระชื่นชอบปลอบถามถึงความคิด นางป้องปิดมิได้พร้องสนองสาร แล้วทูลว่าถ้ามิเสร็จสำเร็จการ จงประหารชีวันให้บรรลัย แต่เดี๋ยวนี้ยังมิทำได้สำเร็จ กัลเม็ดมิดม้วนไม่ควรไข แม้นสำเร็จวิวาห์เวลาไร จึงจะได้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ฯ ๏ พระผังคำซ้ำตรึกเห็นลึกซึ้ง คิดไม่ถึงความคิดที่บิดผัน จึงตรัสว่าถ้าเหมือนคำที่รำพัน จะรางวัลวาลีให้มียศ จะสั่งพระอนุชาว่าไฉน ตามแต่ใจเจ้าจะสั่งเถิดทั้งหมด ให้แต่องค์พระธิดานั้นลาพรต ในกำหนดเจ็ดวันเหมือนสัญญา พระตรัสพลางทางเรียกขึ้นร่วมอาสน์ ทรงสมพาสเพิ่มรักขึ้นหนักหนา ดูผิวพรรณสรรพางค์อย่างคุลา แต่วิชาพางามขึ้นครามครัน ถนอมแนบแอบอุ่นค่อยฉุนชื่น สำราญรื่นร่วมประทมภิรมย์ขวัญ ถึงขาวขำน้ำตาลย่อมหวานมัน ด้วยเชิงชั้นแนบชิดสนิทนาง เหมือนม้าดีขี่ขับสำหรับรบ ทั้งดีดขบโขกกัดสะบัดย่าง ทั้งเรียบร้อยน้อยใหญ่ที่ไว้วาง สันทัดทางถูกต้องคล่องอารมณ์ ถึงรูปชั่วตัวดำดังน้ำรัก แต่รู้หลักล้ำสุรางค์นางสนม พระโปรดปรานพานสนิทได้ชิดชม ร่วมบรรทมแท่นทองที่รองทรง ครั้นรุ่งรางนางลาลงมาห้อง แต่ตรึกตรองอิ่มอารมณ์สมประสงค์ จะคิดอ่านหว่านล้อมให้ออมองค์ ที่คิดคงสมคะเนด้วยเล่ห์กล จึงเขียนหมายรายความตามรับสั่ง ให้แต่งตั้งการวิวาห์สถาผล ครั้นเสร็จสรรพกับบ่าวสาวสองคน ไปสู่มนเทียรพระอนุชา ทูลถวายลายมือหนังสือลับ พระทรงรับรู้เหตุว่าเชษฐา ให้หมายสั่งตั้งงานการวิวาห์ จะคิดความตามปัญญานางวาลี พระยิ้มพลางทางดูผู้รับสั่ง เห็นเนื้อหนังจ้ำม่ำดำหมิดหมี เหมือนทุเรียนเสี้ยนนอกเนื้อในดี ได้เป็นที่พระสนมก็สมยศ จึงตรัสว่าวาลีไปทูลเถิด อย่าให้เริศร้างงานการกำหนด นางคำนับรับพูคะแล้วประณต ทูลลาองค์ทรงยศบทจร พระอนุชามานั่งบัลลังก์โถง ท้องพระโรงเรืองรัตน์ประภัสสร พฤฒามาตย์ราชกวีชลีกร นรินทรสั่งมหาเสนาใน จงหมายสั่งตั้งพิธีอภิเษก กับองค์เอกอัคเรศตามเพทไสย มีเยี่ยงอย่างปางก่อนประการใด เสนาในรีบรัดไปจัดแจง ให้สำเร็จเจ็ดค่ำเป็นกำหนด ชนบทบอกทั่วทุกรั้วแขวง มีการเล่นเต้นรำนอกกำแพง ตามตำแหน่งน้อยใหญ่เร่งไคลคลา ฯ ๏ มนตรีกราบทราบความรับสั่ง ออกมานั่งเตียงริมทิมดาบขวา อยู่พร้อมเพรียงเวียงวังทั้งคลังนา จึงเรียกหาให้เสมียนมาเขียนคำ เป็นหมายบอกนอกในทั้งใหญ่น้อย ให้เตรียมคอยพร้อมเสร็จขึ้นเจ็ดค่ำ ใครถูกงานการไหนก็ไปทำ ดูคนคร่ำเครงครื้นทุกคืนวัน ข้างในวังตั้งโรงพิธีใหญ่ ทั้งเครื่องใบศรีเสริมเฉลิมขวัญ ราชวัติฉัตรรอบเป็นขอบคัน มีม่านกั้นห้องทองกองวิเชียร เชิงพาไลใส่แผงเอาแป้งบวก จัดช่างพวกเลขาเข้ามาเขียน ระย้าแก้วแถวทางนั้นวางเทียน ตั้งโคมเวียนชวาลาสง่างาม ฯ ๏ ฝ่ายพวกถูกปลูกโรงละครโขน เสียงตะโกนกู่ก้องท้องสนาม ผูกภูเขาเลากาแล้วทาคราม ผ้าขาวดามดาดหลังคาทุกหน้าโรง เสียงถากฟันครั่นครึกจนดึกดื่น ทั้งกลางคืนกลางวันควันโขมง พวกไม้สูงสามต่อขันช่อชะโลง สายระโยงระยางเลือกเชือกน้ำมัน ส่วนท้าวนางข้างในครั้นได้หมาย ไปถวายนางพระยามณฑาสวรรค์ ว่ารับสั่งดังนี้ศรีสุวรรณ ให้จัดสรรสาวสนมกรมใน สำหรับเดินเชิญพระแส้แห่เสด็จ กำหนดเสร็จเจ็ดค่ำจะทำไฉน นางกษัตริย์อัดอั้นตันพระทัย จึงว่าไม่แจ้งจิตสักนิดเลย ฝ่ายเจ้าสาวดาวบสยังบวชอยู่ จะเสกผู้ใดเล่าแม่เจ้าเอ๋ย แม่มาลีมีน้ำใจกระไรเลย ยังเฉยเมยเหมือนไม่รู้เลยดูเอา ไยมิอายหมายมาแล้วอย่าขัด จงเกณฑ์จัดข้าวกระทงไปส่งเขา รับสั่งว่ามากระไรที่ตรงเรา เร่งให้เจ้าพนักงานเตรียมการไว้ ครั้นเสร็จสั่งนั่งตะลึงคะนึงนึก นี่จะสึกหรือมิสึกนึกไฉน ไม่ได้ข่าวคราวบ้างเป็นอย่างไร จำจะไปถามดูให้รู้ความ แล้วเรียกวอช่อฟ้าเข้ามารับ ที่สำหรับเดินหนนางคนหาม พวกข้าหลวงช่วงชิงกันวิ่งตาม ขอเฝ้าหามตามอึงคะนึงมา ออกตามทางกลางถนนไปพ้นทุ่ง ถึงเขารุ้งลงเดินขึ้นเนินผา ถึงกุฎีที่สถิตพระธิดา พอเห็นหน้านึกแค้นว่าแสนงอน เห็นเขาง้อขอรักแล้วหักหาญ เหมือนสามานย์มิได้ฟังซึ่งสั่งสอน เมื่อเจ็ดค่ำจะทำการสยุมพร ยังนิ่งนอนภาวนาอยู่ว่าไร ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ ให้อั้นอัดอายจิตคิดสงสัย ไม่ตอบคำอ้ำอึ้งตะลึงไป เหตุไฉนหนอจึงเป็นไปเช่นนี้ พระมารดามานั่งก็ตั้งกริ้ว ว่าบิดพลิ้วสารพัดจะบัดสี หรือว่าพระจะภิเษกนางวาลี พระบุตรีตรึกตรองให้หมองใจ จึงทูลว่าข้าน้อยไม่ทราบเหตุ ว่าทรงเดชคิดการงานไฉน พระชนนีตีอกตกพระทัย นั่นมิใช่หรือเราคิดไม่ผิดนัก นางวาลีมิใช่ชั่วเขาตัวโปรด จะเป็นโสดสูงเสริมเฉลิมศักดิ์ ผู้ดีเดิมเหิมฮึกทำคึกคัก จะต้องหักทบทับอัประมาณ เหมือนครั้งนี้วิวาห์ถ้ามิสึก เมืองผลึกก็จะแหลกต้องแตกฉาน สงสารเหล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน เคยสำราญราษฎรจะร้อนนัก อนึ่งเล่าชาวลังกาที่มาขอ ยังเป็นข้อชิงช่วงทำหน่วงหนัก ฉวยขุ่นเคืองเรื่องฝรั่งว่ายังรัก ก็งามพักตร์แล้วสิพากันหน้าพัง สู้ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลำบาก หมายจะฝากศพลูกช่วยปลูกฝัง ครั้นใหญ่กล้าว่าไรก็ไม่ฟัง พระนางนั่งพร่ำว่าแล้วจาบัลย์ ฯ ๏ พระบุตรีมิรู้ที่จะคิด เพราะเบาจิตผิดจริงทุกสิ่งสรรพ์ ไม่ทันตรึกลึกล้ำที่สำคัญ ให้พรั่นพรั่นพระจะแหนงระแวงความ ทั้งสงสารมารดรจะร้อนจิต จึงรับผิดสารภาพที่หยาบหยาม จะลาพรตอตส่าห์พยายาม สุดแต่ตามพระจะเลี้ยงสักเพียงไร แล้ววันทาลาพระละสิกขา ทรงภูษาสไบทองล้วนผ่องใส ทั้งพี่น้องสองกุมารสำราญใจ สึกออกได้ไปยิ้มอยู่พริ้มเพรา พระมารดาพานางกับหน่อนาถ ค่อยลีลาศเลียบเดินลงเนินเขา ขึ้นทรงวอพอพยับลงลับเงา เสด็จเข้าวังในดังใจจง ไม่ถึงครู่รู้รอบขอบนิเวศน์ พระทรงเดชชื่นชมสมประสงค์ เห็นวาลีปรีชาปัญญายง ถอดเครื่องทรงสังวาลประทานนาง นางดีใจได้ประทานสังวาลเพชร เป็นบำเหน็จหน้าก่ำดังน้ำฝาง ทุกกระทรวงหลวงแม่เจ้าสาวสุรางค์ คิดเกรงนางวาลีด้วยปรีชา ถึงวันเสร็จเจ็ดค่ำเป็นกำหนด มาพร้อมหมดเหมือนหมายทั้งซ้ายขวา ภิเษกสองครองสมบัติขัตติยา ชาวพาราเริงรื่นทุกคืนวัน สำเนียงฆ้องกลองสมโภชอุโฆษครึก อึกทึกทั่วไปทั้งไอศวรรย์ โขนละครมอญรำระบำบัน ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนต่างชื่นชม ฯ ๏ พระอภัยได้ราชาภิเษก กับองค์เอกอัคเรศเกศสนม ทั่วประเทศเขตแคว้นแสนอุดม เสวยสมบัติสบายมาหลายเดือน เมื่อวันนั้นบรรทมบรรจถรณ์แท่น ให้โศกแสนเสียใจใครจะเหมือน แต่จากไกลไอศวรรย์มาฟั่นเฟือน มิได้เยือนพระชนกชนนี โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณทูลกระหม่อม จะพรักพร้อมอยู่บำรุงซึ่งกรุงศรี หรือทุกข์โศกโรคภัยสิ่งไรมี ถึงสิบปีแล้วมิได้ไปใกล้กราย พระสอนสั่งหวังจะปลูกให้ลูกรัก ประเสริฐศักดิ์สมจิตที่คิดหมาย มาจำจากพรากพลัดกระจัดกระจาย ไม่เห็นหายเห็นพระองค์คงจะคอย ยิ่งตรึกตราอาดูรพูนเทวษ น้ำพระเนตรหยดเหยาะลงเผาะผอย จนฟ้าขาวดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อย น้ำค้างพร้อยพรมพรำทั้งอัมพร ภุมรินบินร่อนมาว่อนวุ่น เกาะพิกุลเกลือกประทิ่นกลิ่นเกสร หอมระงมลมเชยเผยบัญชร รวีวรแจ่มพักตร์ทั้งจักรวาล ให้หาพระอนุชาเข้ามาเฝ้า กำสรดเศร้าโศกาแล้วว่าขาน เราพรากพลัดรัตนามาช้านาน ไม่แจ้งการว่าข้างหลังจะอย่างไร ครั้นตัวพี่นี้จะกลับมิรับศึก เมืองผลึกก็ไม่มีที่อาศัย คิดจะใคร่ให้พ่อพานัดดาไป เยี่ยมกรุงไกรกราบทูลมูลความ แม้นบ้านเมืองเคืองเข็ญเป็นวิบัติ จะได้ตัดเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม แล้วกลับมาถ้าข้างนี้มีสงคราม ได้ปราบปรามไพรินทมิฬมาร ฯ ๏ ฟังพระพี่ศรีสุวรรณกลั้นสะอื้น ค่อยกล้ำกลืนชลนาแล้วว่าขาน น้องรำลึกตรึกตรามาช้านาน แต่งานการยุ่งยิ่งต้องนิ่งไว้ พระออกโอษฐ์โปรดสั่งมาครั้งนี้ สมถวิลยินดีจะมีไหน จะขอลาพาสินสมุทรไป เยือนกรุงไกรเสร็จสรรพจะกลับมา เวลารุ่งพรุ่งนี้สิบสี่ค่ำ จะรีบกำปั่นไปไกลหนักหนา ทูลสำเร็จเสร็จคำแล้วอำลา เสด็จมาหยุดพักตำหนักแพ จึงตรัสสั่งอังกุหร่าให้ป่าวร้อง ให้พวกพ้องรู้ความตามกระแส ข้างนายหมวดตรวจเตือนอย่าเชือนแช จะออกแต่ย่ำรุ่งไปกรุงไกร ฯ ๏ อังกุหร่าฝรั่งรับสั่งตรัส มาเร่งรัดเรียกกันเสียงหวั่นไหว ขนข้าวน้ำลำเลียงเสบียงไป สำรองให้เสร็จสรรพเผื่ออับจน ริมตลิ่งหญิงชายถวายของ เสียงแซ่ซ้องส่งรับกันสับสน แขกฝรั่งทั้งไทยพวกไพร่พล อุตส่าห์ขนไปให้มากได้ฝากเมีย ที่มีชู้คู่เคยได้เชยชื่น จนเที่ยวคืนแล้วก็ยังไปสั่งเสีย ขอผ้าแหวนแทนตัวเฝ้าคลัวเคลีย น้ำตาเรี่ยรักใคร่จะไกลกัน หนุ่มตะกอฟ้อแฟ้มีแม่เลี้ยง ก็บ่ายเบี่ยงเบียดเบียนเอาเชี่ยนขัน จะหายหอมหม่อมแม่ให้แพรพรรณ แป้งน้ำมันหมอนฟูกให้ลูกเลี้ยง ที่เงินทองข้องเกี่ยวก็เที่ยวหา บ้างยื้อผ้าแพรเพลาะทะเลาะเถียง ที่เกลอมีขี้เมาซื้อเหล้าเลี้ยง สบถเสียงโด่งดังลำพังพาล ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ จะพรากพลัดสินสมุทรสุดสงสาร เป็นการใหญ่ไม่รู้ที่จะทัดทาน กอดกุมารร่ำไรไม่ไสยา โอ้ลูกเอ๋ยเคยเห็นอยู่เย็นเช้า จะเปลี่ยวเปล่าอกแม่ชะแง้หา เมื่อยากเย็นเห็นกันทุกวันมา ถึงพาราแล้วจะไปเสียไกลกัน ยามเสวยเคยร่วมสุวรรณภาชน์ เมื่อไสยาสน์ยามหลับเคยรับขวัญ ถึงยามสรงทรงสุคนธ์ปนสุวรรณ แม่เคยกันเกศเกล้าพระเมาลี จะจากไปไกลเนตรทุเรศร้าง ใครจะสางสระผมให้สมศรี ทั้งทางไกลไปมาก็กว่าปี ถูกธุลีลมต้องจะหมองมัว แม่อยู่หลังข้างนี้จะวิตก ระกำอกอาดูรถึงทูนหัว พ่อจะไปใจแม่อยู่แต่ตัว ไม่มีผัวหรือจะได้ไปด้วยกัน นางครวญคร่ำร่ำไรไห้สะอื้น จนดึกดื่นเดือนฉายเสียงไก่ขัน ทั้งสงสารหลานรักร่วมชีวัน อยู่ด้วยกันหลัดหลัดมาพลัดพราย เคยชวนพลอดฉอดเสียงสำเนียงแจ้ว จะลับแล้วเหลือไกลให้ใจหาย กอดประสานหลานเลี้ยงกับลูกชาย นางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย ฯ ๏ พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง ลูกไม่แกล้งเหินห่างไปข้างไหน มีธุระพระเจ้าอาจะพาไป จึงจนใจจำลามารดาจร ขอฝากองค์ทรงฤทธิ์บิตุเรศ พระทรงเดชผิดพลั้งช่วยสั่งสอน นางสรวลสันต์กลั้นน้ำตายิ่งอาวรณ์ ปลอบให้นอนนั่งเฝ้าประเล้าประโลม เห็นหลับนิ่งยิ่งสงสารกุมารน้อย ประคองค่อยเชยปรางสำอางโฉม จนแจ่มแจ้งแสงทองส่องโพยม เสียงประโคมครื้นเครงวังเวงใจ ค่อยปลอบปลุกลุกเถิดพ่อทูลเกล้า พลางโลมเล้าลูกยาอัชฌาสัย ให้สององค์สรงสนานน้ำดอกไม้ แล้วลูบไล้พระสุคนธ์ปนทองคำ พลางมุ่นเกล้าเมาลีให้พี่น้อง นุ่งยกทองเทพนมดูคมขำ เข็มขัดเพชรเจ็ดกะรัตคาดประจำ ลูกประหล่ำลงยาราชาวดี ทองพระกรซ้อนนวมสวมพระหัตถ์ เนาวรัตน์ราคาค่ากรุงศรี สังวาลแววแก้วเก็จเพชรมณี ผูกวลีลายลอยล้วนพลอยเพชร ธำมรงค์ทรงรายพรายพระหัตถ์ แจ่มจำรัสรุ้งแววล้วนแก้วเก็จ กรรเจียกจอนซ้อนกุดั่นกัลเม็ด ใส่เกือกเพชรเพทายริมรายพลอย แล้วนางพามาเฝ้าพระบิตุเรศ น้ำพระเนตรหยดเหยาะเผาะเผาะผอย ด้วยอาลัยใจผูกถึงลูกน้อย นางเศร้าสร้อยโศกสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ พระอภัยมณีโมลีโลก เห็นนางโศกแสนรักนั้นหนักหนา จึงยิ้มเยื้อนเอื้อนประโลมโฉมสุดา เปลืองน้ำตาเสียเปล่าเปล่าไม่เข้าการ แม้นลูกชายหายไปมิได้กลับ จึงค่อยปรับปรุงให้ใช้ลูกหลาน มิปีนี้ก็ปีหน้าไม่ช้านาน จะชี้คร้านเลี้ยงดอกบอกจริงจริง แล้วลีลาพาลูกกับหลานรัก ลงตำหนักแพพร้อมหม่อมหม่อมหญิง พระทรงนั่งยังที่เก้าอี้อิง ให้จัดสิ่งเสื้อผ้ามาประทาน อันพวกไพร่ไทยฝรั่งทั้งแขกเทศ ได้บำเหน็จถ้วนทั่วตัวทหาร แล้วอวยชัยให้มหากฤดาการ ทั้งน้องหลานลูกยาอย่างราคี จงปรากฏยศถาอานุภาพ อรินทร์ราบเรียบทางกลางวิถี ช่วยทูลฉลองสองชนกชนนี ว่าพี่นี้จะไปเฝ้าต่อเจ้ามา ฯ ๏ ศรีสุวรรณอัญชลียินดีนัก เรียกลูกรักกับหลานคลานมาหา ไปบังคมสมเด็จพระบิตุลา ทูลลาป้าลาพระอัยกี แล้วสามองค์ทรงลำกำปั่นใหญ่ ให้กางใบล้วนแต่ผ้าแพรสี ทั้งเรือตามสามร้อยลอยวารี พอลมดีใช้ใบไรไรมา ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร ให้อาวรณ์ลูกน้อยละห้อยหา สินสมุทรสุดใจไปไกลตา พระชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย นางแลเล็งเพ่งพิศจนลิบลับ ให้วาบวับหวาดหวั่นพระขวัญหาย ทั้งแสนสาวท้าวนางเจ้าขรัวนาย แสนเสียดายพระโอรสยศยง พระอภัยใจอ่อนถอนสะอื้น อุตส่าห์ฝืนพักตร์ชวนนวลหง เข้าสู่วังทั้งสุรางค์นางอนงค์ ตั้งดำรงราษฎรไม่ร้อนรน ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นสามกษัตริย์ เคยสันทัดแถวทางที่กลางหน รู้แห่งที่มีน้ำทุกตำบล เหล่าพวกพลไพร่นายสบายใจ ทั้งลมคลื่นรื่นราบดังปราบเลี่ยน ดูเกาะเกียนกลางมหาชลาไหล เหมือนจอกน้อยลอยแลเห็นแต่ไกล วิเวกใจอ้างว้างกลางคงคา พระพี่น้องสองกุมารสำราญรื่น ต่างชวนชื่นชมทะเลพระเวหา น้ำสุดใสไหลแลเห็นแต่ปลา เที่ยวเคลื่อนคลาคล้ายคล้ายในสายชล ปลาวาฬใหญ่ไล่คู่ขึ้นฟูฟ่อง บ้างพ่นฟองฟุ้งฟ้าดังห่าฝน จะหลีกทางข้างไหนก็ไม่พ้น พวกต้นหนสั่งให้ปืนใหญ่ยิง เสียงตูมตามสามลูกถูกสีข้าง พอโบกหางหันวนเป็นก้นสวิง สูบกำปั่นหันเหียนเวียนระวิง บ้างจมดิ่งหายวับแล้วกลับลอย เหมือนติดแน่นแล่นไปก็ไม่ออก ฟูมระลอกเลี้ยววนเป็นก้นหอย แต่เช้าตรู่สุริย์ฉายจนบ่ายคล้อย จึงหลุดลอยแล่นหลามไปตามกัน ได้เดือนครึ่งถึงบุรีรมจักร แวะเข้าพักพวกพหลพลขันธ์ พอพรายแพร่งแจ้งความถึงสามวัน ออกกำปั่นไปตามทางกลางคงคา สำคัญเข็มเล็มแล่นตามแผนที่ ตรงดาวศีรษะจระเข้ในเวหา ไปเดือนหนึ่งถึงจังหวัดกรุงรัตนา ชาวพาราร้องตื่นเสียงครื้นครึก บ้างเห็นลำกำปั่นสนั่นเหลือ ในลำเรือเรือกสวนแต่ล้วนตึก ตลอดลืออื้ออึงอึกทึก ว่าข้าศึกโจมจู่เข้าบูรี พวกชาวบ้านร้านตลาดออกกลาดเกลื่อน ทิ้งเหย้าเรือนรีบอพยพหนี ท้าวสุทัศน์ตรัสสั่งขุนเสนี ให้ขึ้นตีกลองศึกเสียงครึกครื้น ขุนนางไล่ไพร่พลขึ้นบนป้อม ไม่พรักพร้อมเพราะว่าแรกยังแตกตื่น บ้างลงหลักปักขวากบ้างลากปืน เสด็จยืนเร่งรัดให้จัดการ พอเสร็จสรรพกลับรู้ว่าโอรส พระทรงยศหยุดอยู่ท่าที่หน้าฉาน ศรีสุวรรณครั้นถึงท่าพากุมาร มากราบกรานพระบิดาพาเข้าวัง ขึ้นปรางค์มาศญาติวงศ์พงศ์กษัตริย์ มาแออัดซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง พระชนนีดีใจจะใคร่ฟัง จึงตรัสถามความตั้งแต่เดิมมา ฯ ๏ ศรีสุวรรณอัญชลีแล้วเล่าเรื่อง เมื่อจากเมืองจากสมเด็จพระเชษฐา เอาความหลังทั้งนั้นขึ้นพรรณนา จนกลับมากราบก้มบังคมคัล คนโน้นชื่อสินสมุทรบุตรพระพี่ นี่อรุณรัศมีบุตรีหม่อมฉัน พระอัยกาอัยกียินดีครัน ต่างชิงกันกอดหลานสงสารนัก ประโลมลูบจูบจอมถนอมแนบ น้อยหรือแทบย่าปู่ไม่รู้จัก ล้วนละม้ายคล้ายพ่อนรลักษณ์ พลางเชยพักตร์พิศวาสนาถนัดดา กุมารชายฝ่ายท้าวสุทัศน์อุ้ม นางประทุมกอดอรุณอุ่นหนักหนา ทรงสำรวลสรวลสันต์จำนรรจา ด้วยนัดดาโอรสยศยง อันเรื่องราวกล่าวความสามกษัตริย์ จึงจังหวัดเวียงวังดังประสงค์ ได้พร้อมพรักศักดิ์ตระกูลประยูรวงศ์ กุมารหลงเล่นเพลินอยู่เนินนาน ฯ ๏ จะกล่าวถึงเงือกน้อยกลอยสวาท ซึ่งรองบาทพระอภัยเมื่อไกลสถาน อยู่วนวังหลังเกาะแก้วพิสดาร ประมาณกาลสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา ให้เจ็บครรภ์ปั่นป่วนจะจวนคลอด ระทวยทอดลงกับแท่นที่แผ่นผา จะแลเหลียวเปลี่ยวใจนัยนา ไม่เห็นหน้าผู้ใดที่ไหนเลย โอ้องค์พระอภัยก็ไปลับ ไม่เห็นกลับคืนมานิจจาเอ๋ย จะคลอดบุตรสุดใจเมียไม่เคย ที่ไหนเลยจะตลอดรอดชีวา นางครวญคร่ำร่ำไรไห้ละห้อย น้ำตาย้อยพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ให้กลุ้มกลัดอัดอั้นหวั่นวิญญาณ์ ด้วยเป็นปลาแปลกนางอย่างมนุษย์ สงสารนางครางครวญให้ป่วนปวด ยิ่งเร้ารวดร้อนใจดังไฟจุด สะอื้นอ้อนอ่อนระทวยแทบม้วยมุด หากบุญบุตรบันดาลช่วยมารดา ให้นึกคำพระอภัยเมื่อไปจาก ว่าจะฝากโยคีมีคาถา นางตรึกตรองร้องร่ำทั้งน้ำตา คุณเจ้าขาไม่มาช่วยฉันด้วยเลย โอ้ครั้งนี้ชีวิตจะปลิดปลด พระดาบสเอาบุญเถิดคุณเอ๋ย นางครวญคร่ำร่ำไรด้วยไม่เคย สลบเลยลืมกายดังวายปราณ ฯ ๏ ฝายโยคีมีพรตปรากฏกล้า นั่งรักษาทางธรรมกรรมฐาน แสนสว่างทางกสิณอภิญญาณ พระอาจารย์แจ้งจบทั้งภพไตร เมื่อเงือกน้ำร่ำเรียกก็รู้เหตุ นิ่งสังเกตว่าสีกามาแต่ไหน พลางหัวร่ออ้อเมียพระอภัย เขาฝากไว้วันจะลาไปธานี มันเจ็บท้องร้องอึงจะออกลูก จะต้องถูกได้หรือเป็นฤๅษี แล้วงกเงิ่นเดินมาในราตรี ไหนอยู่ที่ไหนหวาสีกาสีแก เอาโคมส่องมองเขม้นเห็นนางเงือก สลบเสือกอยู่ที่ทรายชายกระแส เป่ามหาอาคมให้ลมแปร ที่ท้อแท้ค่อยประทังกำลังนาง เห็นโยคีดีใจจังไหว้กราบ สมาบาปช่วยวิบัติที่ขัดขวาง ความเจ็บปวดรวดเร้าไม่เบาบาง นางครางพลางพลิกกายฟายน้ำตา ฯ ๏ พระดาบสอดปากมิอยากได้ ใครใช้ให้มึงรักกันหนักหนา ส่วนลูกไม่ใคร่ออกสิบอกตา สมน้ำหน้าปวดท้องร้องเบยเบย แล้วจับยามสามตาตำราปลอด จวนจะคลอดแล้วละหวาสีกาเอ๋ย กูถูกต้องท้องไส้ไม่ได้เลย ยังไม่เคยพบเห็นเหมือนเช่นนี้ แล้วหลีกไปให้ห่างเสียข้างเขา ช่วยเสกเป่าป้องปัดกำจัดผี เดชะฤทธิ์อิศโรพระโยคี มิได้มีเภทภัยสิ่งไรพาน ทั้งเทวาอารักษ์ที่ในเกาะ ระเห็จเหาะลงมาสิ้นทุกถิ่นฐาน ช่วยแก้ไขได้เวลากฤดาการ คลอดกุมารเป็นมนุษย์บุรุษชาย เนตรขนงวงนลาฏไม่คลาดเคลื่อน ละม้ายเหมือนพระอภัยนั้นใจหาย มีกำลังนั่งคลานทะยานกาย เข้ากอดก่ายมารดรไม่อ่อนแอ นางกอดบุตรสุดใจมิได้อิ่ม พ่อเนื้อนิ่มแนบข้างไม่ห่างแห แข็งฤทัยใจคอหายท้อแท้ ลงชุ่มแช่ชลธารสำราญใจ พระหน่อนาถชาติเงือกชอบเลือกน้ำ เที่ยวผุดดำตามประสาอัชฌาสัย นางแม่เมียงเคียงข้างไม่ห่างไกล แล้วอุ้มไปนั่งแท่นแผ่นศิลา ฯ ๏ ฝ่ายโยคีนิ่งนั่งได้ฟังเสียง จึงมองเมียงมาชะโงกริมโกรกผา เห็นกุมารคลานได้มิใช่ปลา หัวร่อร่าร้องไม่เป็นไรแล้ว เข้าอุ้มชูดูหลานสงสารนัก ไม่รู้จักเจรจาตาแจ๋วแหวว แต่ลักษณะจะฉลาดไม่คลาดแคล้ว ดูผ่องแผ้วเหมือนพ่อหนอสีกา ฯ ๏ นางเงือกน้ำคำรพอภิวาท ข้าเป็นชาติเชื้อสัตว์เหมือนมัจฉา จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมนุษย์สุดปัญญา ขอฝากฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ช่วยเลี้ยงดูกุมารเหมือนหลานเถิด เสียแรงเกิดกายมาจะอาสัญ อันข้านี้วิสัยอยู่ไกลกัน เช้ากลางวันเย็นลงจะส่งนม ฯ ๏ พระโยคีมีจิตคิดสงสาร ด้วยเหมือนหลานลูกศิษย์สนิทสนม จึงว่ากูผู้สถิตในกิจกรม ไม่มีสมบัติอะไรที่ไหนเลย จะเย็บฟูกผูกเปลเห่อ้ายหนู ก็ไม่รู้สีสาสีกาเอ๋ย ต้องกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไปทั้งไม่เคย จะเฉยเมยเสียมิช่วยจะม้วยมุด ฤกษ์วันนี้ตรีจันทร์เป็นวันโชค ต้องโฉลกลัคนามหาอุด จะให้นามตามอย่างข้างมนุษย์ ให้ชื่อสุดสาครอวยพรชัย ฯ ๏ นางกราบกรานท่านสิทธาว่าสาธุ ให้อายุยืนยงอสงไขย สืบตระกูลพูนสวัสดิ์กำจัดภัย แล้วอุ้มให้กินนมนั่งชมเชย โอ้เกิดมาอาภัพอัปภาค จะจำจากมารดานิจจาเอ๋ย อย่าเศร้าสร้อยน้อยใจอาลัยเลย บุญแม่เคยครองเลี้ยงเจ้าเพียงนั้น ไปชาติหน้ามาเกิดกับอกแม่ อย่าห่างแหเสน่หาจนอาสัญ ในชาตินี้วิบากจะจากกัน เพราะต่างพันธุ์ผิดเพศสังเวชใจ สะอื้นพลางนางแลดูลูกรัก สงสารนักนึกน่าน้ำตาไหล จึงหยิบของสองสิ่งซึ่งซ่อนไว้ เป็นของพระอภัยให้โอรส ทำขวัญลูกผูกธำมรงค์รัตน์ ไว้กับหัตถ์เบื้องขวาให้ปรากฏ กุณฑลทองขององค์พระทรงยศ ให้ดาบสเก็บไว้ให้กุมาร แล้วเรียกบุตรสุดสาครของแม่ เฝ้าแลแลมารดาน่าสงสาร ให้กินนมชมชูพระกุมาร แล้วให้คลานขึ้นบนเพลาพระเจ้าตา พระสอดกรช้อนอุ้มว่านุ่มนิ่ม ดูจิ้มลิ้มลูกพ่อเจียวหนอหวา ไปด้วยกูอยู่ด้วยกันที่ศาลา แล้วอุ้มพามากุฎีพระชีไพร จึงเสี่ยงสัตย์อัธิษฐานการกุศล เดชะผลเมตตาได้อาศัย จะเลี้ยงดูกุมารแม้นนานไป เขาจะได้สืบกษัตริย์ขัตติยา จงมีเมาะเบาะฟูกเครื่องลูกอ่อน ทั้งเปลนอนหน่อนาถตามวาสนา พอขาดคำรำพันจำนรรจา ก็มีมาเหมือนหนึ่งในน้ำใจนึก จึงวางองค์ลงบนเปลแล้วเห่ช้า ทำขนมแชงม้าเวลาดึก โอระเห่เอระโห่โอระหึก อึกทึกทั้งศาลาจนราตรี ถึงดึกดื่นตื่นนอนป้อนกล้วยน้ำ กุมารกล้ำกลืนกินจนสิ้นหวี ทั้งฟูกเมาะเบาะหมอนอ่อนอินทรีย์ พระโยคีคอยระวังเป็นกังวล ครั้นรุ่งอุ้มดุ่มเดินไปเนินเขา ให้ดื่มเต้ากษิราสี่ห้าหน เป็นแถวเทือกเงือกบุรุษมนุษย์ปน แรงกว่าคนเมืองเราชาวบุรี ได้สิบเดือนเหมือนได้สักสิบขวบ ดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลฉวี ออกวิ่งเต้นเล่นได้ไกลกุฎี เที่ยวไล่ขี่วัวควายสบายใจ แล้วลงน้ำปล้ำปลาโกลาหล ดาบสบ่นปากเปียกเรียกไม่ไหว สอนให้หลานอ่านเขียนร่ำเรียนไป แล้วก็ให้วิทยาวิชาการ รู้ล่องหนทนคงเข้ายงยุทธ์ เหมือนสินสมุทรพี่ยาทั้งกล้าหาญ ได้เห็นแต่แม่มัจฉากับอาจารย์ จนอายุกุมารได้สามปี ฯ ๏ อยู่วันหนึ่งถึงเวลาสิทธาเฒ่า สำรวมเข้านั่งฌานกุมารหนี ลงเล่นน้ำปล้ำปลาในวารี แล้วขึ้นขี่ขับขวางไปกลางชล พอพบม้าหน้าเหมือนมังกรร้าย แต่กีบกายนั้นเป็นม้าน่าฉงน หางเหมือนอย่างหางนาคปากคำรน กายพิกลกำยำดูดำนิล กุมาราถาโถมเข้าโจมจับ มังกรรับรบประจัญไม่ผันผิน เข้าคาบคอหน่อกษัตริย์จะกัดกิน กุมารดิ้นโดดขึ้นนั่งหลังอาชา ม้าสะบัดพลัดหลุดยังยุดหาง ดูกลิ้งกลางเกลียวคลื่นลื่นถลา ตลบเลี้ยวเรียวแรงแผลงศักดา เสียงชลาเลื่อนลั่นสนั่นดัง จนค่ำพลบรบรุดไม่หยุดหย่อน สุดสาครภาวนาคาถาขลัง ถึงสินธพขบขย้ำด้วยกำลัง ไม่เข้าหนังแน่นเหนียวคงเขี้ยวงา แต่มืดมัวกลับปู่ไม่อยู่รบ แฉลบหลบขึ้นตลิ่งวิ่งถลา ถึงโยคีดีใจไหว้วันทา บอกเจ้าตาตามจริงทุกสิ่งอัน ไปเที่ยวเล่นเห็นอ้ายอะไรมิรู้ ดำทั้งตัวหัวหูมันดูขัน ข้าเข้าจับกลับขบต้องรบกัน แต่กลางวันจนเดี๋ยวนี้ฉันหนีมา ฯ ๏ พระทรงศิลป์ยินสุดสาครบอก นึกไม่ออกอะไรกัดหรือมัจฉา จึงเล็งญาณฌานชิดด้วยฤทธา ก็รู้ว่าม้ามังกรสมจรกัน ครั้นลูกมีศีรษะมันเหมือนพ่อ ตัวตีนต่อจะเหมือนแม่ช่างแปรผัน หางเป็นนาคมาข้างพ่อมันต่อพันธุ์ พระนักธรรม์แจ้งกระจ่างด้วยทางฌาน จึงนึกว่าม้านี้มันมีฤทธิ์ จำจะคิดจับไว้ให้พระหลาน ได้ตามติดบิตุรงค์พบวงศ์วาน สิทธาจารย์ดีใจจึงไขความ ม้าตัวนี้ดีจ้านเจียวหลานเอ๋ย เป็นกะเทยเขี้ยวเพชรไม่เข็ดขาม จับไว้ขี่มีสง่ากล้าสงคราม จะได้ตามบิตุเรศไปเขตคัน แล้วบอกมนต์กลเล่ห์กระเท่ห์ให้ จะจับได้ด้วยพระเวทวิเศษขยัน สุดสาครนอนบ่นมนต์สำคัญ ได้แม่นมั่นเหมือนหนึ่งจิตไม่ผิดเพี้ยน จึงลงหวายสายเอกเสกประทับ ไว้สำหรับผูกรั้งเช่นบังเหียน แล้วนอนบ่นมนต์เก่าที่เล่าเรียน จนสิ้นเทียนเคลิ้มหลับระงับไป พอเช้าตรู่รู้สึกให้นึกแค้น ฉวยเชือกแล่นลงมหาชลาไหล ขึ้นขี่ปลาพาว่ายคล้ายคล้ายไป ถึงคลื่นใหญ่มองเขม้นเห็นสินธพ กระโดดโครมโถมถึงเข้าทิ้งหนวด มังกรหวดหางกระหวัดทั้งกัดขบ พอหลุดมือรื้อกลับเข้ารับรบ โจนประจบจับหนวดกระหมวดรั้ง เอาวงหวายสายสิญจน์สวมศีรษะ ด้วยเดชะพระเวทวิเศษขลัง ม้ามังกรอ่อนดิ้นสิ้นกำลัง ขึ้นนั่งหลังแล้วกุมารก็อ่านมนต์ ได้เจ็ดคาบปราบม้าสวาหะ แล้วเป่าลงตรงศีรษะสิ้นหกหน อาชาชื่นฟื้นกายไม่วายชนม์ ให้รักคนที่ขึ้นขี่ดังชีวา ขยับซ้ายย้ายตามด้วยความรัก หรือจะชักย้ายทางไปข้างขวา คอยตามไปไม่ขัดหัทยา กุมารารู้ทีก็ดีใจ ขี่ขยับขับขึ้นบนเกาะแก้ว ยิ่งคล่องแคล่วควบกระโดดโขดไศล เที่ยวเลียบรอบขอบเกาะเหมือนเหาะไป ประเดี๋ยวใจถึงศาลาพระอาจารย์ เห็นครูอิงพิงหมอนนั่งถอนหนวด แกล้งควบอวดอัยกาตรงหน้าฉาน ทรามคะนองลองเชิงเริงสำราญ พระอาจารย์นั่งหัวร่อพ่อนี่นา อย่าควบนักชักวงมาตรงนี้ จะดูศีรษะมันขันหนักหนา กุมารลงทรงจูงอาชามา ถึงตรงหน้านอบนบอภิวันท์ พระนักสิทธ์พิศดูเป็นครู่พัก หัวร่อคักรูปร่างมันช่างขัน เมื่อตัวเดียวเจียวกลายเป็นหลายพรรณ กำลังมันมากนักเหมือนยักษ์มาร กินคนผู้ปูปลาหญ้าใบไม้ มันทำได้หลายเล่ห์อ้ายเดระฉาน เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิลลิ้นเป็นปาน ถึงเอาขวานฟันฟาดไม่ขาดรอน เจ้าได้ม้าพาหนะตัวนี้ไว้ จะพ้นภัยภิญโญสโมสร ให้ชื่อว่าม้านิลมังกร จงถาวรพูนสวัสดิ์แก่นัดดา ปล่อยให้เล่นเป็นสุขอย่าผูกถือ ร้องเรียกชื่อแล้วก็คงตรงมาหา พลางเรียกหลานขึ้นมานั่งยังศาลา พระสิทธาพรายแพร่งให้แจ้งการ บิดาเจ้าเหล่ากอหน่อกษัตริย์ บุรีรัตนพลัดพรากจากสถาน มาถึงกูอยู่ศาลานี่ช้านาน พึ่งโดยสารไปบุรีเมื่อปีจอ ประเดี๋ยวนี้ปีชวดฉศกแล้ว เกิดหลานแก้วสามปีเข้านี่หนอ แล้วบอกความนามกรทั้งเหล่ากอ แต่ชื่อพ่อชื่อพระอภัยมณี เจ้าจงคิดติดตามไต่ถามหา พบบิดาได้บำรุงซึ่งกรุงศรี สืบตระกูลพูนสวัสดิ์ปัถพี อยู่ที่นี่นิ่งเปล่าไม่เข้าการ ฯ ๏ หน่อนรินทร์ยินคดีพระชีเล่า กำสรดเศร้าโศกาน่าสงสาร คิดถึงพ่อท้อใจอาลัยลาน พระพลัดบ้านเมืองมาเอกากาย ไปสำเภาเล่าจะดีหรือมีเหตุ แสนสมเพชภูวไนยนึกใจหาย เป็นลูกท่านทิ้งบิดาก็น่าอาย ถึงเป็นตายฉันจะลาเจ้าตาตาม พระบิดาอยู่ตำบลแห่งหนไหน คงจะไปตามเสด็จไปเข็ดขาม แต่โปรดเกล้าเล่าแถลงให้แจ้งความ จะให้ตามตั้งจิตไปทิศใด ฯ ๏ พระดาบสอุตส่าห์ปลอบว่าชอบอยู่ กตัญญูยอดดีจะมีไหน แต่แถวทางกลางย่านที่หลานไป ไกลกว่าไกลกลัวจะหลงเที่ยววงวน พระอภัยไปบำรุงกรุงผลึก จะทำศึกชิงผู้หญิงกับสิงหล ตรงมือชี้นี่นะจำเอาตำบล เป็นมณฑลทิศพายัพอยู่ลับลิบ อันพ่อเจ้าเขาไม่แก่ไม่หนุ่มนัก อายุสักยี่สิบเก้าเข้าสามสิบ พระบอกพลางทางประทานไม้เท้าทิพย์ ไปทางนี้ผีดิบมันดุดัน สำหรับมือถือไว้อย่าให้ห่าง เปรียบเหมือนอย่างศรแผลงพระแสงขรรค์ ทั้งแคล้วคลาดสาตราสารพัน ประกอบกันผีสางปะรางควาน อันปิ่นทองของพระอภัยให้ ช่วยแซมใส่เกศีเมาลีหลาน บิดาเจ้าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน ใครพบพานจะได้เห็นเป็นสำคัญ แล้วจัดแจงแต่งนุ่งหนังเสือให้ ครบเครื่องไตรครองประทานพระหลานขวัญ ผูกชฎาหนังรัดสะพัดพัน ฝนแก่นจันทน์เจิมมหาอุณาโลม นั่งคำนับพับเพียบดูเรียบร้อย เหมือนเณรน้อยน่าจูบเจียวรูปโฉม แล้วว่าเชิญเดินไปหาสีกาโยม ประเล้าประโลมอำลาเขาคลาไคล โอ้เอ็นดูมุนีฤๅษีน้อย ให้ละห้อยโหยหาน้ำตาไหล เข้ากราบเท้าเจ้าตาด้วยอาลัย หลานจะไปกังวลด้วยชนนี พระเจ้าปู่ดูแลแม่ฉันด้วย จะเจ็บป่วยเป็นตายอย่าหน่ายหนี ฉันไปปะพระบิดาไม่ช้าที ถ้าอยู่ดีแล้วจะลามาหาคุณ ฉวยขัดข้องต้องอยู่นานสงสารแม่ ผู้เดียวแท้สิ้นสุดที่อุดหนุน เห็นแต่ปู่อยู่ใกล้น้ำใจบุญ จงการุญอย่าให้มีราคีพาน ฯ ๏ พระฟังคำร่ำสั่งก็สังเวช น้ำพระเนตรหลั่งลงน่าสงสาร ด้วยเคยเห็นเอ็นดูพระกุมาร สิทธาจารย์จึงว่าเจ้าอย่าเศร้าใจ ที่มารดาตาจะรับช่วยดับเข็ญ ให้อยู่เย็นตามประสาอัชฌาสัย จงหักจิตปลิดปละสละไป อย่าห่วงใยโยมอยู่กับปู่แล้ว พลางอำนวยอวยพรถาวรสวัสดิ์ จงกำจัดภัยพาลเถิดหลานแก้ว ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคล้ว ให้ผ่องแผ้วภิญโญเดโชชัย ฯ ๏ กุมารสุดสาครยอกรกราบ น้ำตาอาบอุตส่าห์ฝืนสะอื้นไห้ ถือไม้เท้าก้าวมาศาลาลัย สู้แข็งใจจูงพระยาอาชาเดิน มาเงื้อมเขาเสาโคมเห็นโยมตื่น ถอนสะอื้นอ้างว้างจะห่างเหิน นางเห็นลูกผูกชฎาพาเจริญ สำรวมเดินดังมหาสิทธาจารย์ ความดีใจไหว้ว่าพระดาบส ช่างสร้างพรตงดงามทรามสงสาร จะเปลื้องปลดอดนมเป็นสมภาร เจียวหรือฉานโมทนาสถาวร ฯ ๏ มุนีน้อยค่อยนั่งจะสั่งแม่ แต่แลแลแล้วก็ขืนสะอื้นอ้อน จะออกคำอำลาให้อาวรณ์ สะท้อนถอนฤทัยมิใคร่ลา แล้วว่าฉันบรรพชามาวันนี้ ให้กุศลชนนีจงหนักหนา วันหนึ่งปู่ผู้เฒ่าเล่าลูกยา ว่าบิดาตกยากมาจากเมือง พลอยสำเภาเขาไปจะได้สุข หรือเป็นทุกข์ทนอยู่ไม่รู้เรื่อง มรคาสารพัดจะขัดเคือง จะถึงเมืองเหมือนหมายหรือวายชนม์ ลูกจะมาลาตามไปถามข่าว พอให้ท้าวเธอรู้จักเสียสักหน ถ้าเฉินฉุกทุกข์ทับถึงอับจน จะสู้ทนยากแค้นแทนบิดา ชนนีดีฉันฝากกับปู่แล้ว จงผ่องแผ้วพักอยู่ในคูหา อย่าถือโทษโปรดให้ลูกไคลคลา ตามศรัทธาที่ฉันคิดถึงบิดร ฯ ๏ นางเงือกน้ำกำสรดสลดจิต สุดจะคิดคับทรวงดวงสมร จะทานทัดขัดไว้มิให้จร สุดสาครของแม่จะแดดาล นางดูหน้าอาลัยใจจะขาด ดังฟ้าฟาดทรวงแยกให้แตกฉาน สะอื้นอั้นตันใจอาลัยลาน แสนสงสารโศกาแล้วว่าพลาง โอ้ทูนหัวตัวแม่นี้ไม่ห้าม สุดแต่ตามใจปองอย่าหมองหมาง แต่ปรานีที่ไม่แจ้งรู้แห่งทาง จะอ้างว้างวิญญาณ์ในวารี เคยกินนมชมชื่นระรื่นรส พ่อจะอดนมหมองละอองศรี ทั้งย่อมเยาว์เบาความได้สามปี เล็กเท่านี้นี่จะไปกระไรเลย ต้องลมแดดแผดเผาจะเศร้าสร้อย ทั้งกล้วยอ้อยพ่อจะได้ไหนเสวย กันดารแดนแสนไกลพ่อไม่เคย จะหลงเลยลดเลี้ยวอยู่เดียวโดย แสนสงสารมารดาอุตส่าห์ถนอม จะซูบผอมเผือดผิวจะหิวโหย เหมือนดอกไม้ไกลต้นจะหล่นโรย น้ำค้างโปรยปรายต้องจะหมองมัว แม้นล้าเลื่อยเมื่อยเหน็บจะเจ็บป่วย ใครจะช่วยอนุกูลพ่อทูนหัว ทั้งผีสางกลางชลาล้วนน่ากลัว จะจับตัวฉีกเนื้อเป็นเหยื่อกิน สารพัดมัจฉาก็กล้าหาญ ในกลางย่านยมนาชลาสินธุ์ ทั้งครุฑาวายุภัสนกหัสดิน เที่ยวโบยบินบนอากาศไม่ขาดวัน เห็นเดินหนคนเดียวจะเฉี่ยวฉาบ พิฆาตคาบเข่นฆ่าให้อาสัญ น่าใจหายตายเป็นไม่เห็นกัน แม่พรั่นพรั่นเพราะว่าเจ้ายังเยาว์นัก ถึงสิบรู้บูราณท่านเฉลย ไม่เหมือนเคยฝึกสอนด้วยอ่อนศักดิ์ อย่าจู่ลู่ดูถูกนะลูกรัก จงคิดหนักหน่วงใจดูให้ดี ฯ ๏ สุดสาครวอนว่าอย่าปรารภ ถึงพานพบผีสางกลางวิถี ไม้เท้าของป้องกันของฉันมี ทั้งม้าขี่เขี้ยวเพชรเกล็ดเป็นนิล อนึ่งเล่าเจ้าตาวิชาขลัง ได้สอนสั่งเสร็จสมอารมณ์ถวิล อย่าหวาดหวั่นพรั่นใจที่ไพริน ถึงของกินก็พอเสาะตามเกาะเกียน ที่พ่ออยู่ปู่ชี้วิถีแล้ว ประเทศแถวทางทิศสถิตเสถียร จำสำคัญมั่นคงไม่วงเวียน จะพากเพียรพยายามไปตามบุญ ถึงยังเด็กเหล็กเพชรไม่เข็ดขอน จะเจาะชอนเชิงลำเนาภูเขาขุน จะลำบากยากแค้นเพราะแทนคุณ ก็ได้บุญเบื้องหน้าขอลาไป ฯ ๏ นางรู้ว่าอาจารย์บอกหลานน้อย ที่เศร้าสร้อยสร่างเสื่อมเพราะเลื่อมใส ฤๅษีช่วยด้วยแล้วเห็นไม่เป็นไร ค่อยวางใจจึงว่าแม่ก็แก่กาย พ่อไปปะพระบิดาแล้วอย่ากลับ จงอยู่กับภูวนาถเหมือนมาดหมาย แม้นลูกยาผาสุกสนุกสบาย ถึงแม่ตายเสียก็ไม่อาลัยตัว ถ้าเที่ยวไปไม่พบตลบหลัง มาเหมือนสั่งอย่าให้สูญนะทูนหัว แม่อยู่นี่มิเป็นไรดอกไม่กลัว จะฝากตัวดาบสจนปลดปลง พ่อไปถึงจึงทูลมูลเหตุ ให้ทรงเดชทราบความตามประสงค์ ว่าชาตินี้มิได้ปะกับพระองค์ ขอดำรงรองบาททุกชาติไป แล้วเงือกน้ำอำนวยอวยสวัสดิ์ อย่าเคืองขัดขุ่นข้องให้ผ่องใส ให้พบปะพระบิดาดังอาลัย อรินทร์ภัยคลาดแคล้วอย่าแผ้วพาน ฯ ๏ ฤๅษีสุดสาครรับพรแม่ จะห่างแหหวนจิตคิดสงสาร จึงสั่งซ้ำร่ำว่าไม่ช้านาน สำเร็จการก็จะมาหามารดร แล้วลานางย่างเยื้องชำเลืองเหลียว ให้เปล่าเปลี่ยวเสียวทรวงสะท้อนถอน ขึ้นทรงนั่งหลังพระยาม้ามังกร แล้วหยุดหย่อนยืนยั้งเหลียวหลังแล เห็นศาลาอาลัยเพียงใจขาด จะนิราศแรมร้างไปห่างแห สะอื้นไห้ใจคอให้ท้อแท้ คิดถึงแม่ถึงตายิ่งอาลัย ชุลีกรวอนว่าเทพารักษ์ ซึ่งสำนักเนินผาชลาไหล ช่วยคุ้มครองป้องปัดกำจัดภัย เทพไททิพโสตจงโปรดปราน แล้วแลเล็งเพ่งพิศทิศพายัพ ขยับขับม้าก้าวดูห้าวหาญ อัสดรถอนถีบสุธาธาร ควบทะยานเหยียบน้ำไม่ซ้ำรอย ดูลิ่วลิ่วปลิวต่ายไปตามคลื่น เหมือนเดินพื้นแผ่นตลิ่งวิ่งหยอยหยอย ยิ่งลมกล้าม้าโลดกระโดดลอย พระหน่อน้อยนั่งชมยมนา ดูกว้างขวางว้างโว้งละโล่งลิ่ว เห็นริ้วริ้วเรี่ยรายทั้งซ้ายขวา ล้วนละเมาะเกาะใหญ่แต่ไกลตา อุปมาเหมือนหนึ่งแหนแลลิบลิบ ฯ ๏ ถึงเมืองล่มจมสมุทรมนุษย์ม้วย ประกอบด้วยยักขินีพวกผีดิบ เห็นมนุษย์สุดอยากปากยิบยิบ เสียงซุบซิบเสแสร้งจำแลงกาย เป็นถิ่นฐานบ้านเมืองเรืองอร่าม ทั้งตึกรามเรือนเรือดูเหลือหลาย ตลาดน้ำเรือสัญจรเที่ยวคอนพาย บ้างร้องขายข้าวของที่ต้องการ สุดสาครอ่อนแอครั้นแลเห็น คิดว่าเป็นปัถพินที่ถิ่นฐาน ทั้งแลเห็นเต้นรำน่าสำราญ เขาเรียกขานขับม้าเข้าธานี เข้าประตูดูกำแพงตะแคงคว่ำ อยู่ในน้ำเก่าแก่เห็นแต่ผี เป็นเงาเงาเข้ากลุ้มรุมราวี กุมารตีด้วยไม้เท้าพระเจ้าตา ถูกเนื้อตัวหัวขาดลงกลาดเกลื่อน ยังพวกเพื่อนคึกคักมาหนักหนา บ้างอยากกินลิ้นแลบแปลบแปลบมา กุมารกล้ากลอกกลับเข้ารับรบ ม้ามังกรถอนถีบกีบสะบัด เอาหางรัดราวกับนาคทั้งปากขบ สังหารผีรี้พลอยู่จนพลบ เห็นเพลิงคบล้อมรอบขอบกำแพง พวกผีดิบสิบโกฏิ์มันโลดไล่ จะเข้าใกล้กลัวมนต์ขนแสยง แต่หลอนหลอกออกอัดสกัดสแกง ด้วยมันแกล้งจะให้วนอยู่จนตาย กุมาราม้าทรงเฝ้าหลงรบ เที่ยวตลบไล่ผีไม่หนีหาย ถึงเจ็ดวันมันไม่แตกไม่แยกย้าย จนม้าว่ายน้ำเวียนจะเจียนจม ทั้งตัวสุดสาครก็อ่อนจิต รำลึกคิดถึงเจ้าตาที่อาศรม พอเสียงดังหงั่งหง่างมากลางลม ปีศาจจมหายวับไปลับตา เห็นโยคีขี่เมฆมาเสกเวท จึงอาเพศพวกผีหนีคาถา ขึ้นหยุดยั้งนั่งบนใบเสมา ไหว้เจ้าตาทูลถามดูตามแคลง มาถึงนี่ผีพร้อมเข้าล้อมหลาน คิดว่าบ้านถิ่นประเทศเป็นเขตแขวง เข้าหักหาญราญรอนจนอ่อนแรง นี่กำแพงเมืองตั้งแต่ครั้งไร ฯ ๏ โยคีครูผู้เฒ่าจึงเล่าเรื่อง นี่คือเมืองท้าวปักกาภาษาไสย เพราะพรากพระโคดมจึงจมไป เห็นแต่ใบเสมาอยู่ช้านาน เมื่อแรกล่มสมเพชพวกมนุษย์ มาม้วยมุดมรณาหนักหนาหลาน พลไพร่ไม่น้อยสักร้อยล้าน อดอาหารหิวตายจึงร้ายแรง แม้นเรือซัดพลัดเข้ามาเหล่านี้ เป็นเหยื่อผีพวกมันล้วนขันแข็ง อย่ารั้งรอบังอาจจะพลาดแพลง ออกกำแพงไปเสียเจียวประเดี๋ยวนี้ ไปข้างหน้าถ้าพบมันรบอีก จงเลี่ยงหลีกเลยไปในวิถี มันเข้าใกล้ไม้ถือที่มือตี พระมุนีแนะอุบายแล้วหายไป ฯ ๏ สงสารหน่อบพิตรอิศเรศ ได้ทราบเหตุครูแจ้งแถลงไข พอลับหน้าดาบสสลดใจ ลงจากใบเสมาขึ้นพาชี มังกรกลายว่ายน้ำเหมือนเดินบก พอเดือนตกตัดทางกลางวิถี เหมือนสำเภาเขาแล่นเมื่อลมดี เรื่อยเรื่อยรี่เร็วมาในสาคร ครั้นรุ่งเช้าเข้าเกาะขึ้นเสาะหา ผลผลาปรางปริงริมสิงขร กำดัดแดดแผดหนักก็พักนอน ม้ามังกรกินปลาประสาใจ ครั้นฟื้นองค์ทรงนิลสินธพ มาไม่พบเกาะแก่งตำแหน่งไหน สันโดษเดียวเปลี่ยวกายคล้ายคล้ายไป กำหนดได้เดือนเศษถึงเขตคน ฯ ๏ จะกล่าวความพราหมณ์แขกซึ่งแปลกเพศ อยู่เมืองเทศแรมทางที่กลางหน ครั้นเสียเรือเหลือตายไม่วายชนม์ ขึ้นอยู่บนเกาะพนมในยมนา ไม่นุ่งห่มสมเพชเหมือนเปรตเปล่า เป็นคนเจ้าเล่ห์สุดแสนมุสา ทำเป็นทีชีเปลือยเฉื่อยเฉื่อยช้า ไม่กินปลากินข้าวกินเต้าแตง พวกสำเภาเลากาก็พาซื่อ ชวนกันถือผู้วิเศษทุกเขตแขวง คิดว่าขาดปรารถนาศรัทธาแรง ไม่ตกแต่งตั้งแต่คิดอนิจจัง ใครขัดสนบนบานการสำเร็จ เมื่อแท้เท็จถือว่าวิชาขลัง คนมาขอก่อกุฏิ์ให้หยุดยั้ง นับถือทั้งธรณีเรียกชีเปลือย ส่วนชายปลอมพร้อมหมดไม่อดอยาก มีโยมมากเหมือนหมายสบายเรื่อย จนหนวดงอกออกขาวดูยาวเฟื้อย ทั้งผมเลื้อยลากส้นอยู่คนเดียว ฯ ๏ กุมาราม้าทรงมาตรงเกาะ เห็นละเมาะไม้พุ่มชอุ่มเขียว ที่เงื้อมเขาเสาหงส์ใส่ธงเทียว กุฎีเดียวดูหลังคาช่อฟ้าเฟื้อย สำคัญว่าดาบสปรากฏกล้า จะแวะหาให้สบายพอหายเหนื่อย จึงขับม้ามากุฎีเห็นชีเปลือย ยังหลับเรื่อยรูปร่างโคร่งคร่างครัน ไม่นุ่งผ้าคากรองครองหนังเสือ ประหลาดเหลือโล่งโต้งโม่งโค่งขัน น่าเหียนรากปากมีแต่ขี้ฟัน กรนสนั่นนอนร้ายเหมือนป่ายปีน ประหลาดใจไยหนอไม่นุ่งผ้า จะเป็นบ้าไปหรือว่าถือศีล หนวดถึงเข่าเคราถึงนมผมถึงตีน ฝรั่งจีนแขกไทยก็ใช่ที หัวร่อพลางทางคิดผิดประหลาด หรือปีศาจยมทูตอ้ายภูตผี จึงร้องปลุกลุกขึ้นหวาตาคนนี้ ผ้าไม่มีหรือไม่นุ่งดูรุงรัง ฯ ๏ ฝ่ายชีเปลือยเมื่อยม่อยไปหน่อยหนึ่ง ลุกทะลึ่งเหลียวหาข้างหน้าหลัง เห็นฤๅษีกะจิริดให้คิดชัง ขี่ม้ามังกรหางเหมือนอย่างงู ให้คิดคร้ามถามว่ามาแต่ไหน ธุระไรหรือฤๅษีมุนีหนู อ้ายที่ขี่นี่อะไรจะใคร่รู้ เขม้นดูเดือดใจอยู่ในที กุมาราว่าท่านบอกเราออกก่อน ไยมานอนแก้ผ้าน่าบัดสี หรือผ้าผ่อนท่อนสไบนั้นไม่มี ไม่ขูดขี้ฟันบ้างเป็นอย่างไร ฯ ๏ ชีเปลือยฟังนั่งขัดสมาธิพับ แสนสับปลับปลิ้นปลอกบอกนิสัย เราตัดขาดปรารถนาไม่อาลัย ด้วยเห็นภัยวิปริตอนิจจัง อันร่างกายหมายเหมือนหนึ่งเรือนโรค แสนโสโครกคืออายุกเป็นทุกขัง เครื่องสำหรับยับยุบอสุภัง จะปิดบังเวทนาไว้ว่าไร เราถือศีลจินตนาศิวาโมกข์ สละโลกรูปนามตามวิสัย บังเกิดเป็นเบญจขันธ์มาฉันใด ก็ทิ้งไว้เช่นนั้นจึงฉันนี้ ไม่รักรูปร่างกายเสียดายชาติ อารมณ์มาดมุ่งหมายจะหน่ายหนี นี่ตัวท่านการธุระอะไรมี มาเดี๋ยวนี้จะไปหนตำบลใด ฯ ๏ พระหน่อน้อยพลอยเห็นเหมือนเช่นว่า โมทนาน้อมองค์ไม่สงสัย ลงจากหลังมังกรวอนอภัย พระอย่าได้ถือโทษจงโปรดปราน อันข้านี้ขี่ม้ามาในน้ำ จะแวะสำนักหาผลาหาร แล้วเล่าความตามเรื่องเคืองรำคาญ จะไปบ้านเมืองคิดถึงบิดา ได้ยินเขาเล่าลือบ้างหรือไม่ พระอภัยบิตุเรศกับเชษฐา จงโปรดเกล้าเล่าแถลงแจ้งกิจจา ให้นัดดาทราบความจะตามไป ฯ ๏ ส่วนชีเปลือยเฉื่อยช้าหลับตาคิด มันเรืองฤทธิ์รู้เวทวิเศษไฉน จำจะลวงหน่วงถามถึงความใน เห็นจะได้ดอกเด็กเล็กเท่านี้ ถ้าเดินน้ำทำเป็นเช่นอ้ายหนู จะลือกูเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี ดำริพลางทางลวงดูท่วงที เป็นไรมีเราก็รู้อยู่แก่ใจ แต่แถวทางข้างหน้านั้นปรากฏ มีน้ำกรดลึกเหลวเป็นเปลวไหล ต่อมีมนต์กลเวทวิเศษไป จึงข้ามได้โดยง่ายไม่วายชนม์ นี่ตัวเจ้าเล่าเรียนมาแล้วหรือ จะดึงดื้อไปแล้วเห็นไม่เป็นผล ซึ่งเดินน้ำร่ำมาในสาชล ด้วยเวทมนตร์เชี่ยวชาญประการใด ฯ ๏ สุดสาครอ่อนศักดิ์ไม่หนักหน่วง ถูกลมลวงเล่าแจ้งแถลงไข ที่ความรู้ครูสอนแต่ก่อนไร รำพันให้แจ้งจิตไม่ปิดบัง แต่แก้กรดบทนี้ยังมิรู้ จะขออยู่ศึกษาวิชาขลัง เหมือนลูกเต้าเจ้าประคุณการุณัง จงช่วยสั่งสอนให้ได้ไคลคลา ฯ ๏ ส่วนผู้เฒ่าเจ้าอุบายกระต่ายแก่ รู้กระแสสมมาดปรารถนา แม้นลวงได้ไม้เท้าที่ถือมา จะขี่ม้ามังกรได้ดังใจจง จำจะหลอกบอกมนต์กันบนเขา ให้เรียนเล่าเสียเชิงละเลิงหลง ถึงตัวดีมีครูจะอยู่คง ผลักมันลงที่ในเหวก็เหลวไป จึงตอบคำทำทีอารีรัก ไม่ยากนักดอกจะแจ้งแถลงไข จะเรียนร่ำตำราท่านว่าไว้ ให้ขึ้นไปบอกมนต์กันบนเนิน ถ้าแม้นเจ้าเล่าจำได้สำเร็จ ไม่เหนื่อยเหน็ดนั่งหัวเราะเหมือนเหาะเหิน แกล้งพูดล่อพอให้น้ำใจเพลิน แล้วพาเดินดัดดั้นขึ้นบรรพต ถึงปากปล่องช่องเหวเป็นเปลวโปร่ง ตลอดโล่งลึกล้ำเหลือกำหนด บอกให้นั่งตั้งประนมพรหมพรต วางไม้เท้าดาวบสไว้ริมกาย เห็นได้ทีชีเมียงเข้าเคียงข้าง กระซิบพลางผลัดตกหัวหกหาย กระทบหินสิ้นแรงพลิ้วแพลงกาย ทรวงทลายล้มซบสลบไป ฯ ๏ ชีเปลือยได้ไม้เท้าของดาวบส แกถือจดจ้องเดินลงเนินไศล ตรงมาหาพาชีด้วยดีใจ แกเงื้อไม้ม้ากลัวก้มหัวลง ขึ้นขี่หลังรั้งสายหวายตะค้า สงสารม้าร้องเพียงจะเสียงหลง แต่ป่วนปั่นหันเหียนวิ่งเวียนวง ด้วยรักองค์หน่อนาถไม่คลาดคลา จนชีเปลือยเหนื่อยแรงแกว่งไม้เท้า ความกลัวราวกับจะดิ้นสิ้นสังขาร์ ต้องตามใจมิได้ขัดหัทยา ชีชราควบลองดูว่องไว จึงขับตรงลงทะเลเที่ยวเร่ร่อน อัสดรโดดปลิวหวิวหวิวไหว พอรู้ทีชีเปลือยไม่เหนื่อยใจ คิดจะไปเที่ยวตามความสำราญ จึงหมายมุ่งกรุงแก้วการะเวก เป็นเมืองเอกอิศรามหาสถาน พวกสำเภาเขาเคยขึ้นบนบาน จะคิดอ่านอวดวิชาอุตส่าห์ไป ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก พึ่งอภิเษกแทนกษัตริย์ที่ตัดษัย สง่างามนามพระสุริโยไทย อายุได้ยี่สิบสองขึ้นครองเมือง มีโฉมยงองค์มิ่งมเหสี ชื่อโฉมจันทวดีฉวีเหลือง สนมนางอย่างเอกอเนกเนือง ทั้งงานเครื่องงานกลางสำอางตา มีพระราชบุตรีกะจิริด ประไพพิศเพียงเทพเลขา ชื่อนงเยาว์เสาวคนธ์ดังมณฑา ชันษาสองปีกับสี่เดือน น่าเอ็นดูรู้พลอดฉอดฉอดเสียง เสนาะสำเนียงนารีไม่มีเหมือน ทั้งเสนาสามนต์พลเรือน ประชาราษฎร์กลาดเกลื่อนทั้งกรุงไกร อันปิ่นปักนัคราการะเวก ถืออุเบกขามั่นไม่หวั่นไหว พระน้าวโน้มโลมเลี้ยงทั้งเวียงชัย ไม่มีภัยผาสุกทุกทิวา เมื่อวันนั้นบรรทมหลับสนิท ทรงนิมิตฝันฟื้นตื่นผวา พระจำได้ในสุบินจินตนา ถึงเวลาออกยังห้องท้องพระโรง ส่วนเสนาข้ารองละอองบาท ล้วนเปรื่องปราชญ์ปรีชาดูอ่าโถง นุ่งสมปักชักกลีบจับจีบโจง เข้าพระโรงกราบก้มบังคมคัล จึงตรัสบอกโหราพฤฒาเฒ่า คืนนี้เราหลับไปเมื่อไก่ขัน ฝันว่าแร้งแดงทั่วทั้งตัวมัน แต่ขนนั้นเลี่ยนโล้นดูโกร๋นเกรียน มันคาบแก้วแล้วบินกลิ่นตลบ เหม็นเหมือนศพซากหืนให้คลื่นเหียน ครั้นแร้งหายพรายช่วงดวงวิเชียร สว่างเวียนวงรอบขอบบุรี แล้วเคลื่อนคล้อยลอยร่อนเราช้อนได้ เอาส่งให้แก่ธิดามารศรี พอรุ่งตื่นฟื้นกายจะร้ายดี พระโหรปรีชาดูให้รู้ความ ฯ ๏ โหรรับสั่งตั้งวันพระชันษา บอกเวลาคูณครบเคารบสาม ได้เศษเสาร์เข้าตติยะยาม จึงทูลตามไตรเพทสังเกตใจ ซึ่งแร้งสาบคาบแก้วมาแล้วหาย คือคนร้ายรูปจริตผิดวิสัย จะนำหน้าพากุมารอันชาญชัย เข้ามาในนคราไม่ช้านัก ซึ่งได้แก้วแล้วประทานธิดาราช จะสังวาสสืบวงศ์ดำรงศักดิ์ มิเหมือนคำทำนายที่ทายทัก จึงปักหลักลงแล้วเฆี่ยนให้เจียนตาย ฯ ๏ กษัตริย์สุริโยไทยได้สดับ ประทานทรัพย์ผ้าเสื้อให้เหลือหลาย แล้วคืนเข้าแท่นสุวรรณพรรณราย แสนสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์ ฯ ๏ ฝ่ายชีเปลือยเรื่อยมาในสาคเรศ ถึงขอบเขตขึ้นฝั่งดังประสงค์ แกถือหวายสายกระสันไว้มั่นคง ขับม้าทรงตรงมาท้ายธานี ฝ่ายหนุ่มสาวชาวกรุงมุ่งเขม้น คิดว่าเป็นโปร่งเปรตประเภทผี เสียงครึกครื้นตื่นวิ่งเป็นสิงคลี ชาวบุรีร้องอึงคะนึงไป บ้างว่าผีขี่แพะหรือแกะอูฐ บ้างว่าภูตดอกเช่นนี้ผีที่ไหน นางสาวแก่แลดูอดสูใจ ฮ้ายอะไรอย่างนี้ลูกมิเคย เหล่าลูกเล็กเด็กคะนองก็ร้องว่า ดูคนแก่แก้ผ้าเจ้าข้าเอ๋ย ตาชีเปลือยเฉื่อยสบายไม่อายเลย ทำเฉยเมยเดินมาถึงหน้าวัง ที่รู้จักหลักแหล่งก็แจ้งเหตุ ผู้วิเศษเกาะพนมอาคมขลัง อาราธนาว่าเจ้าคุณการุณัง นิมนต์ยั้งหยุดก่อนผ่อนสบาย จึงถามว่ามาประสงค์สิ่งไรบ้าง จงกระจ่างแจ้งอรรถจะจัดถวาย ส่วนตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เพทุบาย เรามาหมายโปรดสัตว์กำจัดภัย ด้วยบัดนี้ผีห่ามันกล้าหาญ จะเกิดการโกลาโรคาไข้ ให้รากท้นคนตายฉิบหายไป จงบอกให้กันรู้ทุกผู้คน แม้นกลัวตายชายหญิงอย่างนิ่งช้า จงออกมานั่งข้างทางถนน กูจึงจะประพรำด้วยน้ำมนต์ ให้รอดพ้นความตายสบายใจ คนทั้งนั้นครั้นได้ยินก็สิ้นเกลียด อุตส่าห์เบียดเสียดกันเสียงหวั่นไหว มานั่งหลามตามทางสล้างไป ที่เจ็บไข้คนจูงพยุงมา ทั้งลูกอ่อนนอนเมาะนางแม่อุ้ม พวกสาวหนุ่มแน่นถนนคนนักหนา ต่างแลดูผู้วิเศษสมเพชตา บ้างก้มหน้านั่งหัวร่ององอไป นางสาวแก่แม่ม่ายใจขี้ขลาด ร้องกรีดกราดกราบนบนั่งซบไหว้ ด้วยกลัวตายหายเกลียดรังเกียจใจ เสนาในกราบก้มบังคมทูล ว่าบัดนี้ชีเปลือยมาโปรดสัตว์ จะกำจัดโรคร้ายให้หายสูญ ขี่อะไรไม่รู้จักศักดิ์ตระกูล รำพันทูลเขาว่าชีนี้ดีนัก ฯ ๏ ธิบดินทร์ยินดีเป็นที่ยิ่ง คิดว่าจริงจะใคร่ดูให้รู้จัก จึงตรัสว่าถ้ากระนั้นขยันนัก ไม่ประจักษ์แจ้งว่าท่านอาจารย์ดี จงช่วยเชิญมารักษาประชาราษฎร์ ให้แคล้วคลาดบาดเจ็บไข้โพยภัยผี ทั่วทุกคนจนรอบขอบบุรี เราจะนีมนต์บ้างเข้าวังใน แล้วสั่งเหล่าสาวสุรางค์ต่างคำนับ ให้คอยรับผู้วิเศษข้างเพทไสย จะพรมพรำน้ำมนต์ให้พ้นภัย พวกข้างในนอบน้อมอยู่พร้อมเพรียง บ้างรีบรัดจัดธูปเทียนบุปผา บ้างห่มผ้าผิวไม้สไบเฉียง เครื่องบูชามาตั้งนั่งเรียบเรียง ขี้ข้าเคียงเข้าไปนั่งข้างหลังนาย ฯ ๏ ฝ่ายเสนามานิมนต์ผู้วิเศษ ไปรอบเขตขอบบุรินทร์สิ้นทั้งหลาย ประน้ำมนต์คนทั่วทั้งหญิงชาย เข้าทางท้ายวังวางมากลางวัง หม่อมผู้หญิงชิงกันดูผู้วิเศษ คิดว่าเปรตตกประหม่าหน้าเป็นหลัง ร้องหวาดหวีดกรีดเสียงสำเนียงดัง นางชาววังวิ่งพัลวันเวียน บ้างร้องช่วยด้วยแม่เจ้าคุณเอ๋ย กระไรเลยเหลือร้ายไม่หายเหียน บ้างซ่อนตัวกลัวสุดเที่ยวมุดเมี้ยน ตกใจเจียนจะเป็นลมไม่สมประดี ส่วนตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เหมือนเดรฉาน หน้ามันด้านดื้อได้ไม่บัดสี ดูสาวสาวชาวบุรินทร์จนสิ้นดี มาถึงที่ในวังนั่งยองยอง สะกดจิตบิดกายไม่หายเหือด ดูดังเลือดขึ้นหน้าเกศาสยอง อำมาตย์พามาริมพระโรงทอง เสียงแซ่ซ้องเสนาออกมารับ บ้างว่าม้าน่ากลัวหัวเหมือนนาค บ้างจุปากว่าไม้เท้ายาวจำหนับ บ้างบอกความตามรับสั่งนั่งคำนับ ตรัสให้รับคุณเข้าไปในพระโรง ฯ ๏ เฒ่ากาลีดีใจลงจากม้า ฝ่ายอาชาลุกโลดกระโดดโหยง ดังลมฉิวปลิวเต้นเผ่นตะโพง ลงน้ำโพล่งแผลงศักดาไปหานาย ส่วนชีเปลือยเมื่อยล้าเห็นม้ากลับ ลมก็จับล้มกลิ้งนิ่งนอนหงาย เสนาในใหญ่น้อยพลอยวุ่นวาย เข้ารอบกายแก้ไขก็ไม่ฟื้น กษัตรามาดูตาครูเฒ่า เห็นตัวเปล่าเปลือยเลี่ยนให้เหียนหืน แต่ทรงเดชเวทนาอุตส่าห์ยืน เห็นริกริกพลิกฟื้นไม่พูดจา จึงให้รับไปไว้ริมทิมโอสถ ให้หมอมดพร้อมพรักอยู่รักษา พระสั่งพลางหมางเมินเกินศรัทธา ลีลามาปรางค์มาศปราสาทชัย ฯ ๏ ส่วนเสนีที่ศรัทธากับตาเฒ่า หามมาเข้าทิมขวาพออาศัย หมอรักษายาวางต่างต่างไป ชีเปลือยได้สมประดีไม่มีสบาย เมื่อม้าหนีนี่จะไปข้างไหนรอด ระทวยทอดทุกข์ซ้ำระส่ำระสาย ให้หาวเรอเพ้อพกผงกกาย เป็นไข้ใจไม่หายอยู่หลายวัน ฯ ๏ ฝ่ายพาชีหนีได้มาในน้ำ พอพลบค่ำควบหนักดังจักรผัน ทั้งหลังเปล่าเบาแรงยิ่งแข็งครัน พอไก่ขันขึ้นละเมาะเกาะพนม เที่ยวหานายหลายตลบไม่พบเห็น แล้วโผนเผ่นเข้าไปหาในอาศรม ด้วยรักใคร่ใจม้าต้องอารมณ์ เที่ยวเดินดมกลิ่นรอยร่อยร่อยมา ถึงเหวห้องปล่องหินได้กลิ่นหนัก แจ้งประจักษ์ว่าเจ้าอยู่ในคูหา ชะโงกมองร้องเรียกประสาม้า ไม่เห็นหน้าเจ้านายวุ่นวายใจ แต่หันเหียนเวียนมองแล้วร้องเรียก สุดสำเหนียกมิ่งม้าน้ำตาไหล เฝ้านั่งดูคูหาด้วยอาลัย ไม่ไปไกลปากปล่องนองน้ำตา ฯ ๏ สงสารสุดสาครยังอ่อนศักดิ์ ชีเปลือยผลักตกอยู่ในคูหา เดชะมนต์ทนคงทรงวิชา ไม่มรณานิ่งซบสลบไป ได้สามคืนชื่นฉ่ำด้วยน้ำหิน ในดวงวิญญาณ์แย้มค่อยแจ่มใส ระริกริกพลิกองค์ทรงฤทัย ในดวงใจเจ็บช้ำแทบทำลาย นิ่งรำลึกตรึกภาวนาเวท ศักดาเดชร้าวฉานบันดาลหาย แต่หิวโหยโดยอดระทดกาย จะปีนป่ายไปไม่ได้ดังใจจง จึงคิดว่าตาเฒ่านี้เจ้าเล่ห์ เราซวนเซเสียเชิงละเลิงหลง โอ้น่าที่ชีวิตจะปลิดปลง ไหนจะคงคืนรอดตลอดไป กุมาราอาดูรพูนเทวษ ชลเนตรแดงเดือดดังเลือดไหล สะอื้นร่ำพร่ำว่าประสาใจ ไหนจะได้พบปะพระบิดร โอ้เจ้าตาอาจารย์ของหลานเอ๋ย พระองค์เคยค่ำเช้าเฝ้าสั่งสอน มาครั้งนี้ชีวาตม์จะขาดรอน พระอาจารย์มารดรไม่เห็นใจ เมื่อต่อตีผีดิบสักสิบโกฏิ์ พระมาโปรดหลานรักไม่ตักษัย โอ้ครั้งนี้มิรู้ด้วยอยู่ไกล ไม่มีใครบอกเล่าพระเจ้าตา สงสารแต่แม่เงือกของลูกน้อย จะหลงคอยคิดถึงคะนึงหา ลูกอยากนมสมเด็จพระมารดา แม้นได้มากล้ำกลืนจะชื่นใจ โอ้แม่คุณทูลกระหม่อมถนอมลูก ไม่ต้องถูกหนักหนาอัชฌาสัย ได้สามปีชีวันจะบรรลัย มิทันได้แทนคุณกรุณา สะอื้นร่ำน้ำพระเนตรลงพรากพราก ด้วยอดอยากนมแม่ชะแง้หา เสียงม้าร้องก้องกรรณหวั่นวิญญาณ์ พี่ม้าขาฉันขึ้นไปไม่ได้แล้ว ไปบอกตามาช่วยฉันด้วยเถิด เหมือนพี่เกิดร่วมท้องกับน้องแก้ว ร้องเรียกร่ำน้ำพระเนตรลงนองแนว สลบแล้วคืนเล่าเฝ้าโศกา ฯ ๏ บัดเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี จงคิดตามไปเอาไม้เท้าเถิด จะประเสริฐสมรักเป็นศักดิ์ศรี พอเสร็จคำสำแดงแจ้งคดี รูปโยคีหายวับไปกับตา ฯ ๏ สงสารหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครเหลียวแลชะแง้หา ไม่เห็นปู่อยู่เดียวเปลี่ยววิญญาณ์ นึกน้ำตาซกซกตกกระเซ็น ด้วยกำลังยังเยาว์ยิ่งเศร้าสร้อย ให้ละห้อยหาแม่ไม่แลเห็น แล้วเหลียวดูสุริยันตะวันเย็น จะจำเป็นจำไปเพราะไม่เคย จึงเหลียวหาม้านิลสินธพ เห็นเซาซบโศกานิจจาเอ๋ย ตรงมาหาม้าแลชะแง้เงย เอาคางเกยกับพระบาทเพียงขาดใจ นาสิกสูบจูบจรดรู้รสกลิ่น แล้วแลบลิ้นเลียลามตามวิสัย พระหน่อน้อยค่อยจูงพยุงไป เก็บลูกไม้ม่วงปรางข้างคีรินทร์ เสวยพลางทางป้อนมังกรม้า ทั้งอาชาชื่นชมสมถวิล แล้วแล่นลงคงคาเที่ยวหากิน หน่อนรินทร์แรงรื่นค่อยชื่นใจ เก็บทับทิมริมกุฎีตาชีปลูก แต่ล้วนลูกดกห้อยย้อยไสว บ้างแตกร้าวราวกับเพชรเห็นเม็ดใน มะเฟืองไฟตูมตาดดาษดา เก็บเสวยเลยชมพนมมาศ ศิลาลาดแลเวิ้งล้วนเพิงผา มีโกรกกรวยห้วยละหานสำราญตา ดูน้ำน่าอาบกินก็ยินดี จึงปลดเปลื้องเครื่องครองลงกองไว้ แล้วลงในบ่อชำระสระเกศี สะอางองค์สรงทิพวารี ผิวฉวีผุดผ่องละอองวรรณ ค่อยเปรมปรีดิ์ลีลาศขึ้นจากสระ มาทรงพระภูษาจุฑากระสัน จงจำนองครองเครื่องเข้าครบครัน แล้วผูกพันโพกชฎาน่าเอ็นดู ครั้นสรรพเสร็จเด็ดดอกกุหลาบซ้อน เชยเกสรโสมนัสแล้วทัดหู เรียกอาชาม้าต้นด้วยมนต์ครู อาชารู้รีบมาหากุมาร สุดสาครวอนว่ากับม้าแก้ว รู้แห่งแล้วทางประเทศเขตสถาน จงพาไปให้พบอ้ายคนพาล ได้คิดอ่านคืนไม้เท้ามันเอาไป ขึ้นหลังม้าผ่าโผนโจนจากเกาะ ราวกับเหาะเหินลิ่วปลิวไสว ดูลับลิบรีบเร็วไรไรไป จนอุทัยลับลงในคงคา จันทร์กระจ่างกลางโพยมดังโคมแก้ว สว่างแถวท้องทะเลพระเวหา สุดสาครนอนเอกเขนกมา ดูดาราเดือนสว่างน้ำค้างพรม พอลมรื่นคลื่นสงัดกำดัดดึก หวนรำลึกถึงเจ้าตาที่อาศรม เคยนั่งแท่นแผ่นผาที่ท่าลม ชวนหลานชมเดือนหงายสบายใจ โอ้สงสารมารดานิจจาเอ๋ย ได้ชมเชยลูกยาอัชฌาสัย น้ำนมแม่แต่ละข้างช่างกระไร ลูกเคยได้รับประทานทั้งหวานมัน โอ้จากมาน่าเสียดายเมื่อภายหลัง จะย้อยพรั่งฟูมนองทั้งสองถัน ลูกยิ่งอยากมากมายเสียดายครัน สะอื้นอั้นอดนมกรมฤทัย ฯ ๏ ฝ่ายม้ามิ่งวิ่งว่ายไปปลายคลื่น เปรียบเหมือนพื้นดินนั่งหลังไม่ไหว ด้วยรักใคร่ได้นายสบายใจ จนอุทัยแจ่มฟ้าถึงธานี ขึ้นตลิ่งหญิงชายทั้งหลายเห็น คิดว่าเป็นลูกหลานท่านฤๅษี ด้วยจำแน่แต่ม้าของตาชี ชาวบุรีเรียกกันดูพระกุมาร บ้างก็ว่าน่ารักพระนักสิทธ์ กะจิริดรูปงามทรามสงสาร บ้างว่าไปไหนมาพระอาจารย์ มาตามท่านผู้เฒ่าหรือเจ้าคุณ ฤๅษีสุดสาครบวรนาถ ตรัสประภาษหน่วงเหนี่ยวไม่เฉียวฉุน พระตอบความตามเขาทักรักการุญ ฉันแบ่งบุญให้ทั่วทุกตัวคน ประเดี่ยวนี้ชีเปลือยอยู่ไหนเล่า จงบอกข่าวให้ฉันแจ้งรู้แห่งหน ชาวพาราว่าพระปิ่นแผ่นดินดล ให้นิมนต์เข้าไปอยู่ในวัง ฯ ๏ หน่อนรินทร์ยินดีเป็นที่สุด ไม่ยั้งหยุดรีบไปเหมือนใจหวัง ถึงศาลาหน้าพระลานทวารวัง เห็นคนนั่งยืนหลามจึงถามไป นี่แน่ขาน้าปู่อยู่ที่นี่ เห็นตาชีเปลือยมาอยู่หาไหน เขาบอกว่าอาจารย์อันชาญชัย ท่านเจ็บไข้อยู่ที่ทิมริมพระลาน สุดสาครวอนว่าช่วยพาฉัน ไปถึงท่านหน่อยเถิดจ๋าเมตตาหลาน พวกขุนนางต่างเอ็นดูพระกุมาร จึงว่าท่านลงเดินดำเนินไป ในวังเวียงเยี่ยงอย่างไปข้างหน้า อ้ายม้าลาอย่างนี้ขี่ไม่ได้ หน่อกษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบใจ สอนอย่างไรฉันจะทำไม่ก้ำเกิน พระว่าพลางทางลงจากหลังม้า ดังสิทธาเทพบุตรสุดสรรเสริญ ส่วนเสนีปรีชาก็พาเดิน นาดดำเนินตรงไปเข้าในวัง ถึงทิมที่ชีเปลือยก็บอกแจ้ง ที่กั้นแผงสองข้างมีอ่างถัง พระหน่อน้อยค่อยแฝงร่มแผงบัง ขยับยั้งหยุดมองแล้วย่องมา เห็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นอนหลับนิ่ง ไม้เท้าพิงพาดวางไว้ข้างฝา พระฉวยได้ไม้แกว่งแผลงศักดา แล้วร้องว่าเหวยอ้ายใจฉกรรจ์ มึงลวงถามความรู้กูก็บอก มึงกลับกลอกแกล้งจะฆ่าให้อาสัญ ผลักลงไปในถ้ำทำเช่นนั้น คนเหมือนกันช่างไม่คิดอนิจจา แล้วมิหนำซ้ำเอาไม้เท้าด้วย ไม่เขินขวยขากทุดอ้ายมุสา แม้มิคิดนิดหนึ่งด้วยเวรา กูจะฆ่าเสียให้ตายวายชีวี ฯ ๏ ฝ่ายชีแก่แลเห็นหน่อกษัตริย์ ถ้าแม้นปัถพีแยกจะแทรกหนี ดูแผงกันกั้นห้องเห็นช่องมี ได้ท่วงทีลุกทะลึ่งขึ้นตึงตัง เอาหัวมุดผลุดออกข้างนอกได้ วิ่งหลงใหลแลเตลิดระเสิดระสัง พวกหมอฉวยถ้วยยาละล้าละลัง ออกวิ่งมั่งเสียงอึงคะนึงไป ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร อลหม่านไม่รู้ว่ามาแต่ไหน เสียงอื้ออึงตึงตังทั้งวังใน ร้องเรียกไพร่เอะอะเกะกะกัน ฯ ๏ ฝ่ายพระสุริโยไทยอยู่ในที่ เสียงเสนีคึกคักชักพระขรรค์ ออกข้างหน้าข้าเฝ้าอยู่เหล่านั้น พัลวันวิ่งบอบหอบหายใจ พระตรัสว่าอะไรจึงออกอึงมี่ ก็ไม่มีใครเห็นว่าเป็นไฉน จึงทูลรุกคุกคักกระอักกระไอ ภูวไนยขึ้นเสียงสำเนียงดัง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครได้สมอารมณ์หวัง ถือไม้เท้าก้าวย่างมากลางวัง เห็นคนนั่งแซ่ซ้องจึงร้องไป เรามาเอาไม้เท้าของเราดอก จะกลับออกไปมหาชลาไหล ไม่ทำร้ายชายหญิงอย่ากริ่งใจ แล้วจ้องไม้เท้าเดินดำเนินมา ธิบดินทร์ผินพระพักตร์เห็นนักสิทธ์ กะจิริดน่ารักเป็นหนักหนา จึงตรัสใช้ให้อำมาตย์ไปราธนา นิมนต์มาพระโรงรัตน์ชัชวาล แล้วนิมนต์ให้ขึ้นนั่งบัลลังก์แก้ว ชลีแล้วตรัสถามตามสงสาร เจ้าประคุณกี่พรรษาพระอาจารย์ สถิตสถานถิ่นที่บุรีใด เป็นพงศ์เผ่าท้าวพระยาหรือพาณิช กะจิริดรู้ศรัทธาจะหาไหน พระมุนีมีนามกรใด ธุระไรหรือจึงมาถึงธานี ฯ ๏ พระหน่อไทได้ฟังรับสั่งถาม จึงตอบความตามจริตกิจฤๅษี อาตมาอายุได้สามปี พระชนนีชื่อมัจฉาวิลาวัลย์ พระบิตุรงค์องค์อภัยมณีนาถ โอรสราชรัตนามหาศวรรย์ เมื่อตัวข้ามากำเนิดเกิดในครรภ์ พระจากกันจากเกาะแก้วพิสดาร ครั้นคลอดข้าดาบสท่านรักใคร่ ช่วยเลี้ยงไว้พันผูกเหมือนลูกหลาน ช่วยสอนฝึกศึกษาวิชาการ แล้วให้ฉานชื่อว่าสุดสาคร ครั้นอำลาดาบสจึงบอกให้ ประทานไม้เท้าทรงลงอักษร ได้ปราบผีขี่พระยาม้ามังกร จึงลาจรจากท่านมารดามา ถึงกุฎีชีเปลือยพอเหนื่อยพัก แวะสำนักนึกว่าซื่อถือสิกขา มันนั่งหน่วงลวงหลอกบอกวิชา แกล้งลวงข้าขึ้นบนช่องริมปล่องเปลว สอนให้นั่งตั้งอารมณ์ประนมหัตถ์ มันผลักพลัดผลุงลงไปตรงเหว ถูกหินผาหักพังทั้งองค์เอว เจียนจะเหลวแหลกลงผงคลี มันจึงได้ไม้กับม้าแล้วพาเที่ยว เวลาเดียวสินธพก็หลบหนี กลับไปหาข้าคืนพื้นชีวี จึงได้ขี่ม้ามาเอาไม้เท้าคืน มันเห็นข้าหน้าเก้อทำเพ้อพก ออกวิ่งวกเวียนวนจนคนตื่น พัลวันกันเองเสียงเครงครื้น รูปจึงยืนอยู่มิได้ทันไคลคลา ซึ่งพระองค์สงสัยจึงไต่ถาม รูปแจ้งความซื่อสุดไม่มุสา เพราะรักใคร่ไม้เท้าจึงเข้ามา อย่าเคืองข้ายกโทษจงโปรดปราน ฯ ๏ พระทรงทราบนามวงศ์พงศ์กษัตริย์ สารพัดพูดจาน่าสงสาร จึงตรัสว่าน่าแค้นอ้ายคนพาล มันคิดอ่านเอาชีวาไม่ปรานี มันมาหลอกบอกว่าผีห่าร้าย ให้หญิงชายเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี ไม่ฆ่าฟันมันจะเคยเหวยมนตรี ไปจับชีเปลือยมาอย่าช้านาน เสนาในใหญ่น้อยก็พลอยแค้น ต่างลุกแล่นเที่ยวหาตามหน้าฉาน เห็นเหนื่อยหมอบหอบโครงโก้งโค้งคลาน ดูซมซานซุ่มซ่ามด้วยความกลัว พวกข้าเฝ้าเข้ากลุ้มรุมกันฉุด แกดิ้นหลุดแพลงพลิกเข้าจิกหัว บ้างทึ้งหนวดหวดด้วยไม้เหมือนควายวัว ลากเอาตัวเข้ามาหมอบหอบหายใจ จอมกษัตริย์ตรัสกริ้วกระทืบบาท เหวยอ้ายชาติทุจริตผิดวิสัย ลักไม้เท้าเอาอาชาเธอมาไย จริงหรือไม่ว่ามาอย่าช้านาน ฯ ๏ ฝ่ายชีเปลือยเหนื่อยอ่อนลงนอนนิ่ง ครั้นรับจริงกลัวจะสั่งให้สังหาร แกล้งบิดเบือนเหมือนเป็นไข้ไม่ให้การ ทำสะท้านเทิ้มเทิ้มระเริ้มริก เขาเตือนตีสีข้างผางถนัด ทำจุกอัดอั้นใจไม่กระดิก เขาจี้จิ้มทิ่มพุงสะดุ้งพลิก หัวเราะริกรื้อกลับนั่งหลับตา พระจอมวังคั่งแค้นแสนพิโรธ ยิ่งกริ้วโกรธตรัสว่าทุดอ้ายมุสา ทำโว้เว้เดรฉานเจ้ามารยา เอาไปผ่าอกมันเสียวันนี้ ฯ ๏ สุดสาครอ่อนจิตคิดสงสาร จึงทัดทานทูลท้าวเจ้ากรุงศรี ว่าขอโทษโปรดอย่าให้ฆ่าตี เหตุทั้งนี้เพราะว่ากรรมกระทำไว้ ไม่หุนหันฉันทาพยาบาท นึกว่าชาติก่อนกรรมจะทำไฉน จะฆ่าฟันมันก็ซ้ำเป็นกรรมไป ต้องเวียนว่ายเวทนาอยู่ช้านาน รูปบวชกายหมายใจจะได้ตรัส ช่วยส่งสัตว์เสียให้พ้นวนสงสาร จะเข่นฆ่าตาเฒ่าไม่เข้าการ ขอประทานโทษไว้อย่าให้ตาย ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าสาธุสะ คารวะหวานหูไม่รู้หาย อันโทษมันนั้นก็ถึงที่วางวาย จะยกถวายเสียก็ได้เป็นไรมี แต่ฉันรักจักใคร่ได้พระดาบส เป็นโอรสร่วมบำรุงซึ่งกรุงศรี จะโปรดได้หรือไม่เล่าแต่เท่านี้ จะปล่อยชีเปลือยให้คุณได้บุญ ฯ ๏ กุมาราดาบสพจนารท แสนฉลาดหน่วงเหนี่ยวไม่เฉียวฉุน ซึ่งทรงเดชเจตนาด้วยการุญ ขอบพระคุณควรจะคิดเหมือนบิดร แม้นไปปะพระผู้บังเกิดเกล้า ทั้งพงศ์เผ่าภิญโญสโมสร จะกลับมาสาพิภักดิ์พระภูธร ให้ถาวรจนชีวันจะบรรลัย ฯ ๏ พระฟังตอบชอบชื่นระรื่นจิต สุจริตรักเหลือเหมือนเนื้อไข จึงตรัสว่าถ้ากระนั้นอย่างพรั่นใจ โยมจะไปด้วยเจ้าคุณพระมุนี แต่จงรอพอให้ได้สืบสวน จะทบทวนถามข่าวชาวกรุงศรี ใครรู้เรื่องเมืองพระอภัยมณี แจ้งคดีจะได้หาบรรณาการ ไปงอนง้อขอองค์พระนักสิทธ์ ตามจริตที่โยมรักสมัครสมาน จงอยู่วังนั่งนอนผ่อนสำราญ พอให้ฉานสมใจจึงไคลคลา ฯ ๏ ส่วนหน่อไทได้สดับรับพระโอษฐ์ ซึ่งทรงโปรดปรานีดีหนักหนา ตามพระทัยไม่ขัดหัทยา แต่เกรงว่าม้ามังกรจะร้อนรน จะต้องให้ไปชลาแล้วมามั่ง ขอโปรดสั่งเสียให้แจ้งทุกแห่งหน ใครเข้าจับขับขี่ซุกซี้ซุกซน จะกินคนเคยตัวไม่กลัวใคร ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสรับกำชับสั่ง เสนานั่งพร้อมหน้าอัชฌาสัย อย่าฆ่าตีชีเปลือยจงปล่อยไป แล้วบอกให้กันรู้ทั้งบูรี ว่าม้าร้ายชายหญิงอย่าทิ้งขว้าง แม้นเดินทางพานพบให้หลบหนี อำมาตย์รับอภิวันท์อัญชลี แล้วไล่ชีเปลือยออกไปนอกวัง กุมารามาริมพระโรงรัตน์ กวักพระหัตถ์เรียกม้าวิชาขลัง มังกรโผนโจนข้ามกำแพงบัง เข้าในวังวิ่งมาหากุมาร พระสั่งม้าว่าน้องต้องอยู่นี่ ด้วยภูมีชวนไว้ในราชฐาน พี่ไปเล่นเย็นแล้วมาหน้าพระลาน ให้พบพานกันทุกวันเหมือนสัญญา ม้ามังกรอ่อนซบเคารพรับ กระโดดกลับข้ามกำแพงแรงหนักหนา ลำพองโผนโจนลงในคงคา เที่ยวกินปลากินน้ำเล่นสำราญ ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ทัศนาเห็นปรากฏ รักดาบสเหมือนหนึ่งบุตรสุดสงสาร มาจับหัตถ์ตรัสสมาพระอาจารย์ ขอให้ฉานอุ้มเข้าไปที่ในวัง แล้วอุ้มแอบแนบข้างมาปรางค์มาศ พร้อมพระญาติวงศาทั้งหน้าหลัง ค่อยวางองค์ลงบนราชบัลลังก์ มุนีนั่งเอี้ยมเฟี้ยมเสงี่ยมใจ ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสบอกมเหสี โอรสมีมาเหมือนจิตพิสมัย แล้วเล่าความตามธุระที่จะไป ให้พบปะพระอภัยผู้บิดา จะได้ขอหน่อนาถให้ขาดเด็ด คงสำเร็จมุ่งมาดปรารถนา นางคำนับรับรสพจนา แล้วคลานมาหมอบเรียงเคียงบัลลังก์ พินิจดูมุนีฤๅษีน้อย ช่างแช่มช้อยชื่นในฤทัยหวัง สมเป็นหน่อสุริย์วงศ์ดำรงวัง เหมือนเดือนปลั่งเปล่งฟ้านภาลัย ฯ ๏ นางคำนับรับขวัญสรรเสริญ แสนเจริญรู้สิกขาจะหาไหน มิเกิดครรภ์ฉันนี้บ้างเป็นอย่างไร ไปเกิดไกลกลับมาหามารดร เครื่องสิกขาดาบสจงปลดเปลื้อง ได้ทรงเครื่องเนาวรัตน์ประภัสสร ทั้งกษัตริย์ภัสดาช่วยว่าวอน สึกเสียก่อนเถิดนะพระมุนี แล้วสั่งให้ไปจัดเครื่องประดับ หลายสำรับกับผ้าภูษาศรี มาเรียงวางข้างองค์พระมุนี จินดาดีดูจำรัสชัชวาล พระเห็นของสองกษัตริย์จัดมาให้ จะใคร่ได้เครื่องทรงน่าสงสาร ว่าหม่อมฉันวันจะจากพระอาจารย์ ได้ตั้งสัตย์อัธิษฐานต่อเทวา มิได้กลับอภิวาทบาทดาบส ก็ไม่ปลดปลิดเปลื้องเครื่องสิกขา ซึ่งสององค์ทรงพระกรุณา จะเมตตาแต่งหม่อมฉันประการใด ขอประดับทับนอกหนังเสือเหลือง ให้ประเทืองมิได้ขัดอัชฌาสัย จะทรงเครื่องเปลื้องหนังเสียทั้งไตร เหมือนได้ใหม่ลืมเก่าดังเผ่าพาล ฯ ๏ สองกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงพระสรวล แล้วคิดควรคำว่าน่าสงสาร จึงตรัสว่าถ้ามิเปลื้องเครื่องอาจารย์ สร้อยสังวาลจงประดับทับกันลง แล้วเตือนให้ไหว้ลาสิกขาบท ช่วยเปลื้องปลดเครื่องครองเข้าห้องสรง ขัดทองคำน้ำกุหลาบให้อาบองค์ แล้วท้าวทรงขัดสีฉวีวรรณ กระหมวดเกล้าเมาลีเฉลิมพักตร์ ด้วยความรักสิ้นรังเกียจไม่เดียดฉันท์ นางเทวีสีสุคนธ์ปนสุวรรณ ดูผิวพรรณผุดผ่องละอององค์ แล้วตามใจให้นุ่งหนังเสือโคร่ง ช่วยจีบโจงจัดวางไว้หางหงส์ ใส่ห้อยหน้าผ้าทิพย์จีบประจง กุมารทรงหนังพยัคฆ์สะพักชาย สองกษัตริย์จัดแจงแต่งประดับ ใส่สร้อยทับทรวงสังวาลประสานสาย คาดปั้นเหน่งเปล่งเม็ดเพชรเพทาย สะอิ้งพรายพลอยวามอร่ามเรือง แล้วให้อย่างช่างชฎามาประดับ เอาแก้วแกมแซมกับหนังเสือเหลือง มงกุฎกลายปลายจีบเป็นกลีบเฟือง ประดับเนื่องแนบเสียดกรรเจียกจอน พระพาหาพาหุรัดกระจัดแจ่ม ล้วนนิลแนมเนาวรัตน์ประภัสสร แล้วสวมสร้อยนวมรองทองพระกร สลับซ้อนแสงแก้วดูแพรวพราย ธำมรงค์วงวาวเขียวขาวเหลือง อร่ามเรืองนิ้วพระหัตถ์จำรัสฉาย ใส่เกือกทองรองบาทแล้วนาดกราย พระผันผายพามานั่งบัลลังก์รัตน์ ฯ ๏ กุมารหมอบนอบนบอภิวาท แทบพระบาทบัวทองสองกษัตริย์ ลูกโฉดเขลาเบาจิตเป็นศิษย์วัด ไม่สันทัดท่วงทีกิริยา ขอชนกชนนีเป็นที่พึ่ง ให้เหมือนหนึ่งกำเนิดเกิดเกศา ช่วยสั่งสอนผ่อนผันกรุณา อย่าโกรธาทอดทิ้งถึงชิงชัง สองกษัตริย์ตรัสว่าอย่าปรารภ ไม่หมายลบล้างลูกจะปลูกฝัง แล้วจะมอบขอบเขตนิเวศน์วัง ให้เหมือนดังดวงจิตของบิดร พระตรัสพลางทางเรียกธิดาราช มาร่วมอาสน์เนาวรัตน์แล้วตรัสสอน ให้อัญชลีพี่ยาสุดสาคร นางโอนอ่อนอภิวันท์จำนรรจา พี่จ๋าพี่ที่พระแกลตุ๊กแกร้อง ทำบ่วงคล้องมันเสียทีเถิดพี่จ๋า กุมารอุ้มจุมพิตพระธิดา แล้วว่าอย่ากลัวตุ๊กแกเลยแม่น้อง ฉันจะตีที่หลังให้ดังผลุง น้องสะดุ้งสรวลสันต์กันทั้งสอง น่าสงสารมารดรกรประคอง อุ้มให้สองทรามเชยเสวยนม สุดสาครนอนทับพระเพลาซ้าย แล้วดื่มสายโลหิตสนิทสนม จนอิ่มหนำฉ่ำชื่นรื่นอารมณ์ นางจูบเกล้าเผ้าผมเฝ้าชมเชย ครั้นราตรีสี่กษัตริย์เข้าไสยาสน์ สำราญราชร่วมเรียงเคียงเขนย ถนอมพักตร์รักใคร่กระไรเลย ร่วมเสวยร่วมสรงพระคงคา แล้วกรุงกษัตริย์จัดเลือกลูกน้อยน้อย ได้ห้าร้อยร่วมวันชันษา ล้วนไว้จุกลูกผู้ดีมีปัญญา ให้ตามเล่นเป็นข้าสุดสาคร ทั้งม้ารถคชสารการกษัตริย์ สารพัดการศึกให้ฝึกสอน หวังจะให้ใจปลื้มลืมบิดร ด้วยภูธรรักสุดเหมือนบุตรา ฯ ๏ พระหน่อน้อยพลอยเพลินเจริญจิต กับน้องหญิงมิ่งมิตรขนิษฐา จะไปไหนไปด้วยกันจำนรรจา เสียงจ๊ะจ๋าจ้อแจ้ไม่แง่งอน หน่อกษัตริย์หัดอะไรก็หัดบ้าง เป็นคู่สร้างเรียนรู้ด้วยครูสอน กระบวนศึกฝึกฝนชนกุญชร ต่างราญรอนเรียนครูให้รู้ครบ รำกระบี่ตีกระบองดาบสองข้าง ทั้งจักรขว้างโล่เขนให้เจนจบ ถึงลางทีพี่น้องเล่นลองรบ ตีกระทบแทงฟันประจัญทัพ ข้างพวกพ้องน้องสาวพุ่งหลาวแหลน ทั้งโล่แพนทวนหอกดูกลอกกลับ ข้างพวกพี่ตีตลบเข้ารอรับ เอาปากงับแหลมหลาวลูกเกาทัณฑ์ ข้างนายทัพขับรถเข้าจดรบ พลตลบหลีกลัดดูผัดผัน บ้างทิ่มแทงแพลงพลาดบ้างฟาดฟัน ไม่ถูกกันแก้ไขไวทุกคน จนเจนจำชำนาญในการศึก อาจารย์ฝึกพลรบให้หลบฝน ทหารเลวเร็วรับกลอกกลับตน แต่เม็ดฝนก็ไม่ถูกลูกเล็กเล็ก ต่างคล่องแคล่วแกล้วกล้าปรีชาหาญ ล้วนกุมารเหมาะเหมาะใส่เกราะเหล็ก บ้างไว้จุกลูกขุนนางผูกหางเจ๊ก ล้วนแต่เด็กน้อยน้อยห้าร้อยคน ด้วยทิศาปาโมกข์เมืองการะเวก เป็นองค์เอกอาจรู้หลบสู้ฝน สำหรับฝึกศึกกษัตริย์ให้จัดพล รู้ผ่อนปรนปราบยุคทุกทุกองค์ จึงพาราผาสุกสนุกสนาน พระกุมารบันเทิงละเลิงหลง ลืมนักสิทธ์บิตุราชมาตุรงค์ ใจพะวงอยู่ด้วยเล่นไม่เว้นวัน ฯ ๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องเมืองผลึก ยังว่างศึกสงัดเหตุทุกเขตขัณฑ์ พระอภัยได้สำราญมานานครัน กับสุวรรณมาลีนิฤมล ตั้งแต่ใช้ให้พระน้องกับหน่อนาถ ไปเฝ้าบาทบิตุเรศฟังเหตุผล เป็นปีหนึ่งจึงได้แจ้งแห่งยุบล ด้วยสานนพราหมณ์ถือหนังสือมา ว่าพระน้องกับสองโอรสราช บังคมบาทบทเรศพระเชษฐา ด้วยไปถึงซึ่งจังหวัดกรุงรัตนา พระพาราผาสุกสนุกสบาย แต่พระชนกชนนีโมลีโลก ชราโรคเรื้อรังยังไม่หาย ต้องคอยฟังรั้งรออยู่พอคลาย จะถวายบังคมกลับกองทัพมา พระทราบเรื่องเปลื้องทรวงที่ห่วงหลัง ด้วยพร้อมพรั่งเผ่าพงศ์พระวงศา จึงปลดเปลื้องเครื่องทรงอลงการ์ ประทานสานนพราหมณ์ด้วยความรัก ทั้งพวกไพร่ได้บำเหน็จแล้วเสร็จสรรพ ทูลลากลับล่องลมไปรมจักร พระโฉมยงองค์อภัยวิไลลักษณ์ บำรุงรักราษฎรไม่ร้อนรน แล้วรางวัลบรรดาสานุศิษย์ ซึ่งตามติดปรนนิบัติเมื่อขัดสน ล้วนจีนจามพราหมณ์แขกฝรั่งปน ทั้งร้อยคนคู่ยากลำบากมา ประทานเมียสาวสาวขาวน้อยน้อย ถ้วนทั้งร้อยรูปงามตามภาษา กับกำปั่นบรรทุกเกลือข้าวปลา ทั้งเงินห้าร้อยทั่วทุกตัวคน ให้ไปอยู่บูรีรอบขอบประเทศ คอยแจ้งเหตุตื้นลึกศึกสิงหล ให้มีไพร่ไว้สำหรับอยู่กับตน ทั้งร้อยคนคนละร้อยไม่น้อยใจ ฯ ๏ ฝ่ายจีนจามพราหมณ์ฝรั่งแขกอังกฤษ สุจริตรักพระองค์ไม่สงสัย ได้กำปั่นภรรยาทั้งข้าไท เหมือนเกิดใหม่มั่งมียินดีนัก ต่างทูลว่าถ้าแม้นเมืองผลึก ต้องทำศึกกับลังกาอาณาจักร จะเจ็บแค้นแทนพระคุณการุญรัก สาพิภักดิ์ต่อเจ้ากินข้าวเกลือ แล้วทูลลาพาอนงค์ลงกำปั่น อยู่ห้องกั้นเก๋งท้ายสบายเหลือ ทั้งไพร่พลคนใช้ที่ในเรือ มีห้องนอนหมอนเสื่อสบายใจ พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก ต่างแล่นออกอ่าวมหาชลาไหล ด้วยเจนทางกลางคงคาเคยมาไป ต่างใช้ใบแยกย้ายไปรายเรียง พวกจีนแล่นแผนที่ตะวันออก ออกเส้นนอกแหลมเรียวเลี้ยวเฉลียง ไปกึงตั๋งกังจิ๋วจุนติ๋วเซียง เข้าลัดเลี่ยงอ้ายมุ้ยแล่นฉุยมา ข้างพวกแขกแยกเยื้องเข้าเมืองเทศ อรุมเขตคุ้งสุหรัดปัตหนา ไปปะหังปังกะเราะเกาะชวา มะละกากะเลหวังตรังกะนู วิลันดามาแหลมโล้บ้านข้าม เข้าคุ้งฉลามแหลมเงาะเกาะราหู อัดแจจามข้ามหน้ามลายู พวกญวนอยู่เวียดนามก็ข้ามไป ข้างพวกพราหมณ์ข้ามไปเมืองสาวถี เวสาลีวาหุโลมโรมวิสัย กบิลพัสดุ์โรมพัฒน์ถัดถัดไป เมืองอภัยสาลีเป็นที่พราหมณ์ ข้างพวกไทยได้ลมก็แล่นรี่ เข้ากรุงศรีอยุธยาภาษาสยาม พม่ามอญย้อนเข้าอ่าวพุกาม ฝรั่งข้ามฟากเข้าอ่าวเยียระมัน ที่บางเหล่าก็เข้าอ่าววิลาส เมืองมะงาดมะงาดามะงาศวรรย์ ข้ามเกาะเชามาลีกปิตัน หาพงศ์พันธุ์พวกพ้องพี่น้องตัว ที่จากบ้านนานเหลือพวกเรือแตก จนเมียแปลกผัวรักไม่ทักผัว ที่ถึงค่ำร่ำเรียกอยู่ริมรั้ว ก็กลับกลัวว่าปีศาจไม่อาจรับ ที่เรือเสียเมียหมายตายเป็นผี จนเขามีผัวใหม่พอได้กลับ ทั้งสองข้างต่างกระดากปากงับงับ บ้างร้องฟ้องต้องปรับจับชู้เมีย ที่เมียมีขี้หึงพอถึงรั้ว ก็แคลงผัวมิอยากเชื่อว่าเรือเสีย รู้ว่าพามาใหม่เหมือนไฟเลีย ต้องปลอบเมียแทบทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ปล่อยคนรักรายแฝงทุกแห่งหน แม้นฝรั่งลังกามาประจญ จะซ้อนกลการศึกให้ลึกซึ้ง แล้วพระองค์ทรงสำราญผ่านสมบัติ แต่นางกษัตริย์มเหสีนั้นขี้หึง เห็นโปรดใครใหญ่ขึ้นก็มึนตึง จึงทรงครรภ์ไม่ทันถึงในครึ่งปี ครั้นคลอดราชธิดาเป็นฝาแฝด ดังทองแปดนพคุณจรูญศรี ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนกันสิ้นทั้งอินทรีย์ พระอัยกีรักใคร่กระไรเลย เห็นหลานมากอยากเลี้ยงเข้าเคียงข้าง พระทัยนางนึกนิยมชมลูกเขย แล้วว่าดีมีถมดอกนมเนย ขอให้เคยคู่แฝดสักแปดคราว แล้วเลือกสรรบรรดานางข้าหลวง ดูงามท่วงทีละมุนพึ่งรุ่นสาว ให้เห่เรื่อยเฉื่อยฉ่ำทุกค่ำเช้า สำเนียงราวเรไรในไพรวัน ทั้งพี่เลี้ยงนางนมล้วนสมศักดิ์ บำรุงรักตื่นหลับเฝ้ารับขวัญ พระอู่ทองสองอู่เป็นคู่กัน ทุกคืนวันเวียนระวังเป็นกังวล ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าลังกาอาณาเขต ปิ่นประเทศแว่นแคว้นแดนสิงหล แต่ลูกยามาแถลงแจ้งยุบล ว่าเสียพลพ่ายแพ้จะแก้อาย ก็ห่วงบุตรอุศเรนพระลูกรัก พระชงฆ์หักหมอแก้พอแผลหาย แล้วรื้อกลับจับไข้มิใคร่คลาย ศึกจึงวายเว้นช้าถึงห้าปี ให้พอประทังยังชั่วตั้งตัวได้ หมายจะไปทำศึกไม่นึกหนี ให้เกณฑ์คนพลเมืองเอกโทตรี บรรดามีมาระดมเข้าสมทบ แต่ทัพหน้าห้าแสนถือแหลนหลาว ทั้งปืนยาวปืนสั้นเข้าบรรจบ ยังปีกป้องกองหลวงควงเข้างบ ทหารรบห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์ ทั้งกองหลังรั้งท้ายก็หลายแสน ล้วนปืนแม่นมีแรงแข็งขยัน มารวมรอมพร้อมหมดกำหนดวัน ใครไม่ทันโทษาถึงผ่าทรวง ราชบุตรอุศเรนเป็นทัพหน้า เจ้าลังกากำกับเป็นทัพหลวง มาถึงทั่วหัวเมืองสิ้นทั้งปวง ตามกระทรวงศึกกษัตริย์ปราบดัสกร แล้วเดินบกยกมาลงท่าข้าม ถนนพระรามเรือแพแซ่สลอน ยั้งหยุดจัดหัดทหารให้ราญรอน ข่าวขจรทั่วทั้งเกาะลังกา ฯ ๏ ฝ่ายทหารพระอภัยเป็นไส้ศึก ที่ตื้นลึกลอบถามตามภาษา ครั้นรู้แจ้งแต่ให้เรือใช้มา แจ้งกิจจาเจ้านายได้ถ่ายเท ฯ ๏ พระอภัยได้ความให้ขามศึก อุตส่าห์ตรึกตรองอุบายเป็นหลายเล่ห์ จะรบพุ่งกรุงไกรใกล้ทะเล ให้ว้าเหว่วิญญาณ์เอกากาย เป็นห่วงหลังระวังหน้าหนักหนานัก พระน้องรักลูกน้อยก็คอยหาย ยิ่งตรองตรึกนึกไปไม่สบาย จึงภิปรายปรึกษานางวาลี ศึกมายั้งตั้งกระบวนจะจวนข้าม มาสงครามรบพุ่งถึงกรุงศรี จะจัดแจงแต่งทหารออกต้านตี หรือจะหนีนางเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ส่วนวาลีปรีชาปัญญาหญิง เป็นยอดยิ่งยิ้มย่องสนองไข จะฟันแทงแย้งยิงออกชิงชัย สงสารไพร่ก็จะม้วยลงด้วยกัน แม้นลวงล่อพอให้ได้ชัยชนะ ก็เห็นจะทำได้ใจหม่อมฉัน ขอพระองค์จงเป็นกองออกป้องกัน คุมกำปั่นแปดร้อยคอยระวัง แม้นสงครามตามตีจงหนีหลบ ไปวันหนึ่งจึงค่อยทบตลบหลัง มาปากอ่าวก้าวสกัดตัดกำลัง ให้พร้อมพรั่งทั้งทัพรบสมทบกัน ข้าจะรับจับท้าวเจ้าสิงหล ด้วยเล่ห์กลโอนอ่อนคิดผ่อนผัน นางทูลความตามปัญญาสารพัน ทั้งสุวรรณมาลีเห็นดีจริง จึงทูลว่าข้าจะรับเป็นทัพซ้ำ ช่วยเผาลำนาวาประสาหญิง พระทรงฟังนั่งเอกเขนกอิง เห็นดียิ่งเจียวปัญญานางวาลี ทั้งโฉมยงนงลักษณ์อัคเรศ รู้ไตรเพทพอใจรบไม่หลบหนี เคยรบเรือเชื่อถือฝีมือดี พระเปรมปรีดิ์ปรึกษาเสนาใน ให้เตรียมรับทัพลังกาพวกข้าศึก ที่ตื้นลึกเล่าแจ้งแถลงไข เห็นสมคะเนเสนีก็ดีใจ ไปเตรียมไว้พร้อมพรั่งคอยฟังความ ฯ ๏ ฝ่ายลังกาฝรั่งอยู่หลังถนน พอพักพลฝึกทหารชาญสนาม ออกจากฝั่งวังวนถนนพระราม แล้วยกข้ามฟากมาสิบห้าคืน ถึงเขตคุ้งกรุงผลึกนึกประหลาด ไม่เห็นลาดตระเวนแขวงมาแข็งขืน เข้าปากน้ำสำคัญให้ลั่นปืน เสียงปึงปังดังครื้นทั้งธรณี พอเช้าตรู่ดูเรือเหนือปากอ่าว ออกแล่นก้าวคลาดเคลื่อนเหมือนจะหนี จึงสั่งบุตรอุศเรนเจนวารี ให้ตามตีต้อนตัดสกัดทาง ฝ่ายทัพหน้าห้าแสนเรือพันสอง ออกลอยล่องแล่นไล่ใบสล้าง ได้ครึ่งวันทันทัพที่ท่ามกลาง เข้ารบพลางแล่นหนียิ่งตีตาม ฯ ๏ ฝ่ายทัพหลวงล่วงเข้าอ่าวปากน้ำ พอพบลำเรือครัวจับตัวถาม ตะคอกขู่ผู้เฒ่าจึงเล่าความ ว่าสงครามข้ามอ่าวมาคราวนี้ จะสังหารผลาญอาณาประชาราษฎร์ ให้วินาศนองเนืองไปเมืองผี พอเดือนเที่ยงเสียงปืนเมื่อคืนนี้ ชาวบุรีหนีพลัดกระจัดกระจาย พระอภัยได้กำปั่นสักพันถ้วน บรรทุกล้วนเงินทองของทั้งหลาย แล้วจุดเผาข้าวปลาพาหญิงชาย หนีไปฝ่ายทะเลลมยมนา ที่เหลืออยู่บูรีก็หนีเร้น มิให้เห็นเนื้อตัวกลัวหนักหนา เดี๋ยวนี้ไฟไหม้เผาฉางข้าวปลา ชาวพาราร้องอึงคะนึงไป ข้าเจ้านี้มีเรือเกลือข้าวสาร พาลูกหลานจะไปหาที่อาศัย ไม่สู้รบหลบตัวด้วยกลัวภัย จงโปรดไว้ชีวาอย่าฆ่าฟัน สมเด็จท้าวเจ้าลังกาอาณาเขต ได้ทราบเหตุเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ จึงว่าทัพอุศเรนเห็นจะทัน ด้วยติดพันพอเขม้นเห็นไรไร ให้ทัพหลังตั้งปิดอยู่ปากอ่าว คอยสืบข่าวทัพหน้าว่าถึงไหน ถ้าหนักแน่นแล่นหนุนเนื่องกันไป เราทัพใหญ่จะเข้าอยู่ในบูรี ได้เกลี้ยกล่อมล้อมอาณาประชาราษฎร์ ที่ขยาดยกอพยพหนี พอเรียบราบปราบปรามสามราตรี จึงตามตีทัพเรือก็เหลือทัน แล้วเตือนไพร่ให้รีบเรือที่นั่ง ทั้งหน้าหลังหลามแม่น้ำล้วนกำปั่น เห็นเมืองไหม้ไฟกลุ้มชอุ่มควัน เห็นสำคัญคิดว่าจริงไม่กริ่งใจ ให้จอดฝั่งพรั่งพร้อมทหารรบ พอจวนพลบไฟฟางสว่างไสว ให้แยกกองป้องกันชาวกรุงไกร อย่าให้ใครหนีออกนอกกำแพง พอมืดมนพลทัพก็ยับยั้ง อยู่บนฝั่งฟากบุรินทร์ไม่กินแหนง บ้างสูบฝิ่นกินเหล้าหุงข้าวแกง ขุนนางแต่งโต๊ะเลี้ยงกันเรียงราย ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร เป็นทัพซ่อนซุ่มสมอารมณ์หมาย จึงขับไพร่ให้ล้อมเลียบหาดทราย แล้วตัดสายสมอใหญ่จุดไฟโพลง ผลักกำปั่นหันกลับทับปะทะ ล้วนเกะกะปะกันควันโขมง นางวาลีที่อยู่ห้องท้องพระโรง เห็นเพลิงโพลงพลอยให้ปืนใหญ่ยิง แล้วยกออกนอกกำแพงไล่แทงทัพ มิทันรับรบสู้เสียรู้หญิง บ้างล้มตายนายไพร่ตกใจจริง กระเจิงวิ่งเวียนวนด้วยจนใจ จะลงเรือเชื้อเพลิงก็โพลงผลาญ เหล่าทหารเห็นไม่มีที่อาศัย บ้างลงน้ำดำดั้นจนบรรลัย ชาวเมืองไล่จับกุมตะลุมบอน ส่วนสุวรรณมาลีตีสกัด ให้แตกตัดขึ้นตลิ่งข้างสิงขร ด้วยมากมายหลายแสนแน่นนคร จึงตีต้อนแต่พอให้ไพร่พลัดพราย หมายว่ารุ่งพรุ่งนี้จึงตีทัพ เที่ยวตามจับก็จะได้ดังใจหมาย ชาวผลึกฮึกใจทั้งไพร่นาย เที่ยวฟันตายดุเดือดลุยเลือดแดง ฯ ๏ สงสารท้าวเจ้าลังกาชราร่าง ขี่ขุนนางนายทหารชาญกำแหง ขึ้นตลิ่งวิ่งเลี้ยวด้วยเรี่ยวแรง ใครกีดขวางทางแทงตะลุยมา ฝ่ายปลัดหัศเกนกุเวนระเวก ทหารเอกสี่นายทั้งซ้ายขวา ไม่ขึ้นบกวกลงข้างคงคา ทัพนางวาลีลัดสกัดกัน เข้าเกลื่อนกลุ้มรุมจับก็กลับรบ ตีตลบเลี้ยวเวียนเที่ยวเหียนหัน พอทัพหลังลังกาเข้ามาทัน ต้องขยั้นหยุดแลอยู่แต่ไกล ด้วยกลางคืนครื้นครึกเสียงกึกก้อง ทั้งพวกพ้องไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่โห่ร้องก้องลั่นสนั่นไป หมายจะให้เพื่อนรู้เร่งสู้รบ ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลบนตลิ่งวิ่งลงน้ำ ชาวเมืองซ้ำแทงทับไม่นับศพ ด้วยเหตุเหล่าชาวบุรีนั้นมีคบ จึงพรักพร้อมล้อมตลบสมทบกัน แต่สุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ ให้เกณฑ์หัดเขนทองกับกองขัน เที่ยวเก็บเรือเหลือเผาที่เหล่านั้น ได้กำปั่นหลายร้อยรีบถอยมา เอาปืนใหญ่ใส่ลำละร้อยบอก ให้ยกออกโอบฝั่งไปข้างหน้า เข้ารบรับทัพหลังชาวลังกา แต่เวลายังดึกเสียงครึกครื้น ฝ่ายเสนาวาลีนารีห้าม ก็ติดตามฆ่าแขกวิ่งแตกตื่น กำปั่นรับกับกำปั่นต่างลั่นปืน สะเทื้อนสะทึกครึกครื้นในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไอศวรรย์ คุมกำปั่นแปดร้อยทำถอยหนี ค่อยรบล่อรอมาในราตรี เห็นทัพตีต้านรุดไม่หยุดยั้ง ให้กองร้อยลอยรอล่อให้ไล่ แต่ทัพใหญ่ย้อนทบตลบหลัง มาปากอ่าวเช้าตรู่ดูประดัง เห็นเรือลังกาลอยจะถอยทัพ เร่งระดมสมทบเข้ารบพุ่ง ช่วยชาวกรุงกลุ้มกลัดสกัดจับ ลังกาแตกแยกย้ายล้มตายยับ อยู่กลางทัพเรือกระหนาบลงกราบกราน ทิ้งศัสตราอาวุธลงทรุดนั่ง ยังสู้มั่งอยู่แต่ฝ่ายนายทหาร คนหนึ่งดำล่ำเหลือดังเสือทะยาน ทั้งถือขวานสองมือดูดื้อดึง โดดขึ้นลำกำปั่นเพื่อนกันได้ จะเข้าไปช่วยเจ้าเข้าไม่ถึง พอทัพบกยกออกมาอึงคะนึง เสียงหึ่งหึ่งโห่ร้องก้องกังวาน องค์พระมเหสีนั้นขี่รถ กั้นพระกลดแปลงกายเป็นนายทหาร นางวาลีขี่ม้ามีเบาะอาน คนละด้านเดินรบบรรจบกัน พอเห็นแขกแบกเจ้าลังกาวิ่ง เลียบตลิ่งจะลงลำเรือกำปั่น นางวาลีฝีมือแม่นเกาทัณฑ์ เขย่งยันยิงท้าวเจ้าลังกา ทั้งสามลูกถูกเกราะกะเทาะทะลุ ลูกหนึ่งปรุปักแน่นที่แขนขวา พอทหารขวานสองมือดื้อเข้ามา ยกใส่บ่าแบกพระองค์วิ่งลงเรือ แล้วรีบฝ่าพาเจ้าออกอ่าวได้ กับนายไพร่ทัพหลังที่ยังเหลือ สงสารท้าวเจ้าลังกาชราเรื้อ ลงถึงเรือรู้ว่าถูกลูกเกาทัณฑ์ พอถอนหลุดสุดแสบให้แปลบปลาบ โลหิตอาบอังสาแทบอาสัญ ที่ปากแผลแก้เอาผ้าเช็ดหน้าพัน รีบกำปั่นข้ามฝั่งไปลังกา ฯ ๏ พระอภัยได้ของพวกกองทัพ เครื่องสำหรับรบพื้นแต่ปืนผา ทั้งหมวกเสื้อเหลือล้นคณนา ของโยธาทิ้งกลาดที่หาดทราย ให้ร้องป่าวชาวเมืองมาเก็บของ ตามจะต้องการในน้ำใจหมาย ทั้งได้คนพลเรือที่เหลือตาย ก็มากมายหมื่นแสนแน่นนคร จึงให้พระมเหสีวาลีห้าม อยู่ปราบปรามพลศึกคิดฝึกสอน ส่วนพระองค์ลงที่นั่งเรือมังกร ให้ตีต้อนฆ้องเตือนแล้วเคลื่อนทัพ ออกกำปั่นพันร้อยลอยสล้าง คอยปิดทางทัพหน้าเมื่อขากลับ กองละร้อยลอยกระบวนจะสวนรับ รุมกันจับอุศเรนเจนณรงค์ ฯ ๏ ฝ่ายลูกท้าวเจ้าลังกากองหน้านั้น ตามกำปั่นไปด้วยเชิงละเลิงหลง เมื่อเสียทัพอับปางเป็นลางลง เผอิญธงชัยปักนั้นหักทบ ทั้งทัพหนีทีจะยกกลับวกหลัง จึงรอรั้งเรียกทัพกลับตลบ ให้กองร้อยลอยล่อมาพอพลบ ก็พอพบทัพพระอภัยมณี ด้วยมืดค่ำสำคัญว่าทัพหลวง ก็ล่องล่วงเลียบคุ้งเข้ากรุงศรี พอลำทรงตรงเข้าอ่าวชาวบุรี ต่างก็ตีฆ้องโห่เป็นโกลา แล้วลอบลอยปล่อยปืนเสียงครื้นครึก ถูกข้าศึกไพร่นายตายหนักหนา อุศเรนเห็นผิดทัพบิดา จะกลับลำเขาก็ล้อมไว้พร้อมเพรียง มานะหนักชักใบขึ้นใส่รอก จะกลับออกปากอ่าวแล่นก้าวเฉียง พวกชาวเมืองเยื้องยิงปืนใหญ่เรียง ลูกส้มเกลี้ยงวับผึงเสียงตึงตัง ถูกท้ายแตกแยกโย้ราโทหัก ทะลุทะลักล่มคว่ำบ้างน้ำขัง จะปิดแผลแก้ไขก็ไม่ฟัง ลำที่นั่งอุศเรนได้เอนเอียง ดังอู้อู้ครู่หนึ่งท่วมถึงท้าย คนลงว่ายน้ำเรียกกันเพรียกเสียง พอลำพระอภัยเข้าไปเคียง จำสำเนียงอุศเรนได้เจนใจ ดังอู้อู้ครู่หนึ่งท่วมถึงท้าย คนลงว่ายน้ำเรียกกันเพรียกเสียง พอลำพระอภัยเข้าไปเคียง จำสำเนียงอุศเรนได้เจนใจ จึงให้คนบนเรือลงไปรับ อุ้มประคับประคองพาขึ้นมาได้ อุศเรนเอนซบสลบไป พระอภัยเข้าประคองนองน้ำตา พอรุ่งแจ้งแสงตะวันกำปั่นรบ ต่างหลีกหลบแล่นไขว่เที่ยวไล่หา พระอภัยให้ยิงปืนสัญญา หยุดโยธาถอยทัพกลับเข้าเมือง ฯ ๏ ฝ่ายพวกเรือเหลือแตกต้องแยกย้าย ที่ไม่ตายรอดบ้างก็คางเหลือง ต่างหลบลี้หนีล่องไปนองเนือง กลัวชาวเมืองผลึกนึกขนพอง พระอภัยใจดีเป็นที่สุด เมื่อจับอุศเรนได้มิให้หมอง ให้เชิญองค์ทรงเสลี่ยงเคียงประคอง หามมาท้องพระโรงรัตน์ชัชวาล ทั้งทอดที่มีแท่นแสนสะอาด ให้ไสยาสน์เอนองค์ด้วยสงสาร พวกมดหมอก็ให้มาพยาบาล เอาเครื่องอานพร้อมเพรียงตั้งเรียงราย ฯ ๏ สงสารสุดอุศเรนเมื่อรู้สึก ทรวงสะทึกแทบจะแยกแตกสลาย พอเห็นองค์พระอภัยยิ่งให้อาย จะใคร่ตายเสียให้พ้นก็จนใจ คลำพระแสงแฝงองค์ที่ทรงเหน็บ เขาก็เก็บเสียเมื่อพบสลบไสล ให้อัดอั้นตันตึงตะลึงตะไล พระอภัยพิศดูก็รู้ที จึงสุนทรอ่อนหวานชาญฉลาด เราเหมือนญาติกันดอกน้องอย่างหมองศรี เมื่อแรกเริ่มเดิมก็ได้เป็นไมตรี เจ้ากับพี่เล่าก็รักกันหนักครัน มาขัดข้องหมองหมางเพราะนางหนึ่ง จนได้ถึงรบสู้เป็นคู่ขัน อันวิสัยในพิภพแม้นรบกัน ก็หมายมั่นจะใคร่ได้ชัยชนะ ซึ่งครั้งนี้พี่พาเจ้ามาไว้ หวังจะได้สนทนาวิสาสะ ให้น้องหายคลายเคืองเรื่องธุระ แล้วก็จะรักกันจนวันตาย ทั้งกำปั่นบรรดาโยธาทัพ จะคืนกลับให้ไปเหมือนใจหมาย ทั้งสองข้างอยู่ตามความสบาย เชิญภิปรายโปรดตรัสสัตย์สัญญา ฯ ๏ อุศเรนเอนเอกเขนกสนอง ตามทำนององอาจไม่ปรารถนา เราก็รู้ว่าท่านเจ้ามารยา ที่เรามาหมายเชือดเอาเลือดเนื้อ ไม่สมนึกศึกพลั้งลงครั้งนี้ จะกลับดีด้วยศัตรูอดสูเหลือ เราก็ชายหมายมาดว่าชาติเชื้อ ไม่เอื้อเฟื้อฝากตัวไม่กลัวตาย จงห้ำหั่นบั่นเกล้าเราเสียเถิด จะไปเกิดมาใหม่เหมือนใจหมาย แกล้งจ้วงจาบหยาบช้าพูดท้าทาย จะใคร่ตายเสียให้ลับอัประมาณ ฯ ๏ พระอภัยใจอ่อนเฝ้าวอนว่า ด้วยปรีชาเชิงชักสมัครสมาน มิปรองดองน้องหมายจะวายปราณ พี่สงสารสุดจะทำให้จำตาย จะขอถามตามในน้ำใจเจ้า จะให้เราทำไฉนดังใจหมาย ที่โกรธขึ้งจึงจะเบาบรรเทาคลาย แม้นไม่ตายแต่พองามจะตามใจ ฯ ๏ ฝ่ายลูกท้าวเจ้าลังกาพยาบาท จึงว่ามาตรแม้นเราตีบุรีได้ จะจับตัวผัวเมียมามัดไว้ แล้วจะให้แล่เนื้อเอาเกลือทา กับเปลี่ยนหัวผัวเมียเสียสำเร็จ จึงจะเสร็จสมมาดปรารถนา พระอภัยได้ยินผินพักตรา เกินศรัทธาที่จะให้เหมือนใจคิด จึงว่าเจ้าเล่าก็ยังกำลังแค้น จะทดแทนทำสงครามก็ตามจิต จะปล่อยไปไม่สังหารผลาญชีวิต ด้วยว่าคิดคุณน้องสนองคุณ เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าก็ป่วยจะช่วยเจ้า แทนที่เรามาเรือเจ้าเกื้อหนุน พระน้องจงสรงเสวยเหมือนเคยคุ้น พระการุญร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ ๏ ฝ่ายวาลีปรีชาปัญญาแหลม คนสอดแนมเข้าไปแจ้งแถลงไข ว่าพระจะส่งองค์อุศเรนไป จึงตรึกไตรตรองความตามปัญญา พระผ่านเกล้าเรานี้อารีเหลือ เหมือนดูถูกลูกเสือเบื่อนักหนา พระทัยซื่อถือว่าคุณเขามีมา ถึงจะว่าเห็นไม่ฟังกำลังเรา ทั้งองค์พระมเหสีก็มิห้าม เพราะมีความการุญคิดคุณเขา ด้วยเป็นมิตรบิตุรงค์ของนงเยาว์ เว้นแต่เราจะต้องทำแต่ลำพัง ประเวณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย ต้องตำรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะทำภายหลังยากลำบากครัน จะพลิกพลิ้วชิวหาเป็นอาวุธ ประหารบุตรเจ้าลังกาให้อาสัญ ต้องตัดศึกลึกล้ำที่สำคัญ นางหมายมั่นมุ่งเห็นจะเป็นการ จึงกลับแกล้งแต่งกายเป็นนายทัพ เหน็บกริชคร่ำด้ามประดับสำหรับทหาร ถือธนูดูทีตะลีตะลาน มากราบกรานทูลพระอภัยมณี ว่าองค์ท้าวเจ้าเกาะลังกานั้น ถูกเกาทัณฑ์สามดอกแล้วออกหนี คงบรรลัยไม่ข้ามสามราตรี ขอตามตีให้กระทั่งเมืองลังกา พระทรงฟังสั่งว่าอย่าเพ่อยก ยังวิตกอยู่ด้วยรักกันนักหนา สงสารสุดอุศเรนพระน้องยา จะรบราฆ่าฟันกันไปไย นางวาลีปรีชาปัญญาเย้ย ทำเงยเงยเหมือนจะดูว่าอยู่ไหน แล้วทำว่าถ้าจะโปรดยกโทษไว้ ก็ปล่อยให้ไปรักษาบิดาเธอ ฯ ๏ ฝ่ายลูกท้าวเจ้าสิงหลอยู่บนแท่น ให้แสนแค้นคำพร้องสนองเสนอ แต่ฮึดฮัดกัดฟันคันคะเยอ ยิ่งหาวเรอโรครุมกลุ้มอุรา ด้วยตัวเราเขาจับมาอัปยศ ทั้งเสียยศเสียศักดิ์เสียนักหนา แล้วมิหนำซ้ำสมเด็จพระบิดา แก่ชราก็มาถูกลูกเกาทัณฑ์ ยิ่งคิดคิดพิษลมระดมกัน สะอื้นอั้นอกแยกแตกทำลาย ชักชะงากรากเลือดเป็นลิ่มลิ่ม ถึงปัจฉิมชีวาตม์ก็ขาดหาย เป็นวันพุธอุศเรนถึงเวรตาย ปีศาจร้ายร้องก้องท้องพระโรง แล้ววิ่งเข้าชาวที่ยืนชี้นิ้ว เหมือนเล่นงิ้วเต้นโลดกระโดดโหยง พวกขอเฝ้าเข้ายุดฉุดชะโลง ปีศาจโหงฮึดฮาดประกาศร้อง ไม่รู้หรือคืออุศเรนราช พยาบาทอีผู้หญิงหยิ่งจองหอง แล้วดิ้นโดดโลดโผนโจนคะนอง ไล่ทุบถองวาลีวิ่งหนีทัน พอผีออกกลอกหัวจับตัวถาม ไม่ได้ความฟั่นเฟือนดูเหมือนฝัน พระอภัยให้ขุนนางช่างสุวรรณ ระดมกันพร้อมพรั่งที่วังใน ทำโกศทองรองศพมณฑปประดับ เครื่องสำหรับราชวัติฉัตรไสว ทั้งพวกพ้องกองทัพที่จับไว้ ก็โปรดให้แห่เจ้าไปด้าวแดน ลงกำปั่นบรรดาโยธาหาญ มากประมาณเบ็ดเสร็จสักเจ็ดแสน ต่างไหว้กราบหลาบหมดไม่ทดแทน ตั้งแห่แหนศพเจ้าออกอ่าวไป ฯ ๏ ฝ่ายวาลีผีทับกลับมาตึก ไม่รู้สึกงวยงงให้หลงใหล กายระรัวกลัวฝรั่งให้คลั่งไคล้ พระอภัยเสด็จมาพยาบาล ทั้งมดหมอก็เข้าล้อมอยู่พร้อมพรั่ง จะแก้คลั่งยังไม่หายหลายขนาน บ้างเสียผีพลีบัตรปัดรางควาน ปรายข้าวสารกรากกรากไม่อยากคลาย ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี เห็นวาลีล้มไข้พระทัยหาย เคียงประคองร้องเรียกอยู่ริมกาย พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาวรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายวาลีปีศาจเข้ากราดเกรี้ยว มันยุดเหนี่ยวหน้าหลังนั่งสลอน สะดุ้งดิ้นสิ้นแรงตะแคงนอน สะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ค่อยสมประดี แลเห็นองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ทั้งองค์อัครชายามารศรี มาพร้อมพรั่งทั้งสิ้นความยินดี ค่อยพาทีทูลลาน้ำตานอง ชันษาข้าบาทนี้ขาดแล้ว จะคลาดแคล้วมิได้อยู่ชูฉลอง ขอดับสูญทูลลาฝ่าละออง กษัตริย์สองพระองค์อยู่จงดี ซึ่งผิดพลั้งตั้งแต่มาเป็นข้าบาท อย่ากริ้วกราดโปรดเกล้าช่วยเผาผี พอขาดคำร่ำว่านางวาลี ร้องหวีดทีเดียวดิ้นก็สิ้นใจ ฯ ๏ สงสารพระมเหสีมีความรัก สะอื้นฮักเห็นกระดิกริกริกไหว จะตกหมอนกรรองประคองไว้ ร่ำพิไรขอขมานางวาลี ได้โกรธขึ้งหึงหวงในดวงจิต อย่าผูกคิดพ้นทุกข์เป็นสุขี นิจจาเอ๋ยเคยอยู่คู่ชีวี ออกต่อตีตามผู้หญิงไม่ทิ้งกัน ตั้งแต่นี้มีทุกข์ถึงยุคเข็ญ ไม่แลเห็นผู้ใดทั้งไอศวรรย์ จะวายเว้นเป็นคนอื่นทุกคืนวัน จนสิ้นกัลป์สิ้นกัปไม่กลับมา แม้นวาลีมีทุกข์ไปทางอื่น ถึงทางหมื่นแสนไกลจะไปหา นี่ขัดสนจนใจไปป่าช้า อนิจจาใจหายเสียดายนัก น่าเอ็นดูรู้ดีอารีอารอบ ทำความชอบช่วยพยุงให้สูงศักดิ์ มาบรรลัยไปยังกำลังรัก สงสารนักนางพร่ำร่ำโศกี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยอาลัยเหลือ มิใช่เชื้อชายซัดสลัดหนี เหมือนคู่สร้างเห็นหน้านางวาลี ให้ปรานีนึกถึงมาสาพิภักดิ์ ลดพระองค์ลงขมาข้างขวาศพ ได้พานพบพิสมัยใจสมัคร ถึงรูปชั่วยั่วเยาะก็เพราะรัก เป็นคำหนักนิดหน่อยอย่าน้อยใจ นิจจาเอ๋ยเคยขับให้จับจิต ช่างประดิษฐ์ดัดแปลงกระแสงใส เสนาะคำพร่ำพร้องทำนองใน ได้ชื่นใจไสยาในราตรี เคยเมียงหมอบลอบลักดูพักตร์พบ ก็เลี่ยงหลบเอียงอายชม้ายหนี แต่นี้ไปไม่เห็นหน้านางวาลี จงดูพี่เสียยังแล้วจะแคล้วน้อง แม้นกำเนิดเกิดไหนขอให้ปะ ได้เป็นพระมเหสีในที่สอง ให้รูปงามทรามสงวนนวลละออง อย่าให้ต้องอดสูกับผู้ใด จงพ้นทุกข์สุโขอโหสิ ไปจุติตามประสาอัชฌาสัย พระครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย พระชลนัยน์ผอยเผาะเหยาะเหยาะย้อย ด้วยอาลัยในที่วาลีห้าม ถึงมิงามก็แต่งอนเหมือนช้อนหอย พระทรงศักดิ์รักใคร่มิได้น้อย จึงเศร้าสร้อยโศกาถึงวาลี แล้วพระองค์ทรงสั่งให้ตั้งแต่ง ศพตำแหน่งน้องพระมเหสี มีโขนหนังตั้งสมโภชโปรดเต็มที แล้วให้มีมวยผู้หญิงทั้งทิ้งทาน ให้ทำบุญมุนีฤๅษีสิทธ์ ตามจริตไสยศาสตร์ในราชฐาน ถึงเจ็ดวันครั้นเสร็จสำเร็จการ โปรดประทานเพลิงศพเป็นจบความ ฯ ๏ ของดเรื่องเมืองผลึกด้วยศึกว่าง แต่กีดขวางยังไม่เตียนที่เสี้ยนหนาม จะกลับกล่าวเจ้าลังกาล่าสงคราม ถึงท่าข้ามเขตฝั่งข้างลังกา ให้หยุดทัพยับยั้งอยู่หลังถนน คอยรับพลแตกกลับคอยทัพหน้า แต่ท้าวถูกลูกกำซาบซึ่งอาบยา พระพาหาแข็งขึงให้ตึงตาย กำเริบฤทธิ์พิษสงลงกระดูก จะปิดหยูกยาอย่างไรก็ไม่หาย ให้ขบปวดรวดเร้าทุกเพรางาย กระสับกระส่ายสู้ทรงดำรงแรง ให้เคลิ้มเห็นเป็นว่าอุศเรนราช มาริมอาสน์อภิวันท์แล้วกันแสง เห็นทรวงแยกแตกกลางเป็นลางแรง แล้วคลางแคลงกลับกลายเคลิ้มหายไป พอโยธาพาศพมณฑปประดับ มาถึงทัพทูลแจ้งแถลงไข ทราบว่าบุตรสุดสิ้นชีวาลัย สลดใจเจียนว่าเลือดตากระเด็น ให้ปลดเปลื้องเครื่องมณฑปดูศพสด ปรอทรดรอบกายให้หายเหม็น แต่อกแตกแปลกซูบกว่ารูปเป็น พระแลเห็นใจหายเจียนตายตาม ประคองบุตรอุศเรนไว้ริมตัก โอ้ลูกรักวายวางลงกลางสนาม เพราะประมาทอาจหาญการสงคราม มาติดตามแตกทัพถึงอับจน โอ้น้อยจิตบิดาก็มาด้วย หรือไม่ช่วยลูกรักได้สักหน ถึงตัวถูกลูกธนูก็สู้ทน พอข้ามพ้นภัยมารักษากาย แต่ตัวเจ้าเขาจับให้ลับเนตร สุดสังเกตกลศึกลึกใจหาย แล้วมิหนำซ้ำเกณฑ์อ้ายเดนตาย เอาศพสายสวาทมามารยาครัน ชิชะพระอภัยกระไรหนอ ทั้งหลอกล่อลามเลยมาเย้ยหยัน ยิ่งแค้นคั่งสั่งมาลีกปิตัน ของของมันสารพัดเครื่องฉัตรธง ทั้งโกศทองรองศพมณฑปใส่ รักษาไว้ท่าข้ามตามประสงค์ จะจับตัวพระอภัยสับใส่ลง ข้ามไปส่งเสียเหมือนกันให้มันอาย พระสั่งพลางทางแลดูลูกรัก สงสารนักนึกไปก็ใจหาย เมื่อยามเป็นเห็นหน้าพาสบาย เห็นเจ้าตายใจพ่อระท้อเย็น โอ้แต่นี้มีแต่จะแลลับ มิได้กลับทวนทบมาพบเห็น เปรียบเหมือนพ่อข้อแขนขาดกระเด็น จะรอดเป็นชีวีอยู่กี่วัน เมื่อดวงใจไปจากอุระแล้ว ไม่คลาดแคล้วกายาคงอาสัญ สิ้นชีวิตบิตุรงค์สิ้นพงศ์พันธุ์ ใครจะกันเขตแคว้นแดนลังกา ยังแต่น้องของเจ้าเป็นสาวรุ่น แม้นสิ้นบุญบิตุเรศกับเชษฐา จะเปล่าเปลี่ยวเดียวดิ้นกินน้ำตา โอนึกน่าหนักทรวงเป็นห่วงใย หวังจะปลูกลูกรักทั้งชายหญิง ให้ยอดยิ่งญาติกาได้อาศัย ไม่สมคิดบิตุราชจะขาดใจ เหลืออาลัยลูกยาธิดาดวง เสียดายศักดิ์รักตระกูลพูนเทวษ น้ำพระเนตรมิรู้สิ้นรินรินร่วง เหมือนอกเจ็บเหน็บเข็มไว้เต็มทรวง โอ้บาทหลวงพระไม่ช่วยฉันด้วยเลย ระทวยทอดกอดศพซบสะอื้น ไม่พลิกฟื้นวรองค์สรงเสวย พอสายัณห์จันทร์กระจ่างน้ำค้างเชย ท้าวก็เลยล่วงสวรรคครรไล ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายเสียดายเจ้า ต่างสร้อยเศร้าซบหน้าน้ำตาไหล พอเช้าตรู่รู้อึงคะนึงไป เสียงร้องไห้แซ่ซ้องทั้งกองทัพ พวกเสนาว่าโอ้พระทูลกระหม่อม นิพพานพร้อมเพราะสิ้นแผ่นดินกลับ เหมือนจันทราภาณุมาศลีลาศลับ เหมือนสิ้นกัปสิ้นกัลป์พุทธันดร สิ้นแผ่นดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ทั้งสิ้นสุดพระสุเมรุเกณฑ์สิงขร เหมือนแผ่นดินสิ้นกษัตริย์ฉัตรนคร ราษฎรร้อนทั่วทุกตัวคน โอ้พระองค์ทรงทวีปประทีปแก้ว จะลับแล้วหล้าแหล่งทุกแห่งหน นิเวศน์วังลังกาประชาชน จะร้อนรนเรรวนรัญจวนใจ ต่างครวญคร่ำรำลึกสะอึกสะอื้น ดังเสียงคลื่นครึมมหาชลาไหล จนรุ่งเช้าเหงาเงียบระเยียบใจ เสนาในพร้อมหน้าปรึกษากัน นางละเวงวัณฬาธิดาท้าว ก็รุ่นสาวควรจะได้ไอศวรรย์ สืบกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ตามพงศ์พันธุ์ เห็นพร้อมกันถ้วนทั่วตัวขุนนาง จึงจัดแจงแต่งมณฑปใส่ศพเจ้า ล้วนเครื่องขาวโขมพัตถ์ตามขัดขวาง ใส่รถทองสองรถพระกลดกาง พวกขุนนางพร้อมเพรียงอยู่เคียงรถ ทหารแห่แตรสังข์ทั้งหลังหน้า ให้โยธาทุกพวกถอดหมวกหมด ตามภาษาฝรั่งตั้งประณต แล้วแห่รถศพมาถึงธานี เข้าในวังยั้งหยุดอยู่ข้างหน้า ให้กราบทูลพระธิดามารศรี ส่วนละเวงวัณฬากุมารี ทราบว่าพี่กับบิดานิคาลัย ตกตะลึงขึงแข็งสิ้นแรงเรี่ยว ร้องกรีดเดียวดิ้นซบสลบไสล พวกพี่เลี้ยงเคียงขนองประคองไว้ ต่างแก้ไขค่อยฟื้นสะอื้นองค์ อุตส่าห์ฝืนขืนอารมณ์ดมโอสถ ระรื่นรสนาสาด้วยยาผง ค่อยมีแรงแข็งขืนยืนดำรง พร้อมพี่เลี้ยงเคียงองค์ลีลามา ถึงเกยทองสองรถเรียงมณฑป รู้ว่าศพบิตุเรศกับเชษฐา ขึ้นบนเกยเผยมณฑปศพบิดา ยังเต็มหน้าหนวดเคราไม่เน่าพอง นางทรุดองค์ลงเคารพอภิวาท กราบพระบาทบิดาบูชาฉลอง สะอื้นร่ำน้ำพระเนตรลงเนืองนอง พิไรร้องร่ำว่าสารพัน ทูลกระหม่อมจอมโลกของลูกเอ๋ย พระละเลยลูกไว้ไปสวรรค์ แล้วมิหนำซ้ำพระพี่สิ้นชีวัน ลูกจะผันพักตราไปหาใคร เหลือลำบากยากเย็นด้วยเป็นหญิง ยิ่งคิดยิ่งเยือกอุราน้ำตาไหล กำพร้าแม่แต่ได้อยู่กับภูวไนย ไม่เปลี่ยวใจลูกยาเหมือนครานี้ โอ้พระองค์ทรงสวัสดิ์ฉัตรทวีป ดังประทีปแจ่มจำรัสรัศมี มาดับวับลับฟ้าทั้งธาตรี ไม่เห็นพี่พ่อแม่อยู่แต่ตัว พระบิดาพาลูกไปด้วยเถิด จะขอเกิดกับอุระพระอยู่หัว เป็นมนุษย์สุดจะอายไม่วายกลัว จะฆ่าตัวตามติดพระบิตุรงค์ แล้วชักตรีที่เหน็บในมือเสื้อ แต่พอเงื้อพระพี่เลี้ยงร้องเสียงหลง เข้าแย่งยุดฉุดชิงนางโฉมยง กันแสงทรงโศกาแล้วว่าพลาง น้อยหรือรุมคุมเหงคะเนงร้าย เขาจะตายนอกรีดมากีดขวาง จะชิงตรีพี่เลี้ยงไม่ละวาง พวกขุนนางร้องห้ามปรามทุกคน อย่าปล่อยนะพระพี่เลี้ยงจงยึดไว้ ไม่มีใครครองสมบัติจะขัดสน แล้วชวนกันอัญชลีนีฤมล อย่าสิ้นชนม์เชิญบำรุงกรุงลังกา อันเยี่ยงอย่างปางก่อนบวรนาถ เสวยราชย์เรียงกันตามชันษา บัดนี้สิ้นปิ่นกษัตริย์ขัตติยา พระธิดาจงเป็นใหญ่ได้เอ็นดู จะได้คิดปิดอุมงค์ปลงพระศพ เป็นเคารพรับตราพระราหู แล้วจึงคิดกิจการผลาญศัตรู ที่เป็นคู่เคืองแค้นแทนบิดร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาน้อย ให้เศร้าสร้อยโศกทรวงดวงสมร จึงตรัสตอบขอบคำที่ร่ำวอน การนครควรคู่กับผู้ชาย เราเป็นหญิงยิ่งเป็นเจ้าชาวสิงหล ทุกตำบลจะบังอาจประมาทหมาย จงจัดกันบรรดาเสนานาย ช่วยสืบสายสมบัติกษัตรา อันเรานี้มิขออยู่จะสู้ม้วย ไปเกิดด้วยบิตุเรศกับเชษฐา นางตรัสพลางทางสะอื้นกลืนน้ำตา พวกเสนาน้อยใหญ่พิไรทูล อันคนอื่นพื้นแต่ไพร่มิใช่กษัตริย์ สุดจะจัดขึ้นเป็นปิ่นบดินทร์สูร แม่เป็นหญิงจริงอยู่แลแต่ตระกูล สืบประยูรปกเกล้าชาวลังกา ข้าพเจ้าเหล่าอำมาตย์มาตยา ขออาสาสิ้นชีวิตไม่คิดกาย ประการหนึ่งซึ่งตราพระราหู เป็นของคู่ขัตติยาเทวาถวาย เป็นตราแก้วแววเวียนวิเชียรพราย แต่เช้าสายสีรุ้งดูรุ่งเรือง ครั้นแดดแข็งแสงขาวดูพราวพร้อย ครั้นบ่ายคล้อยเคลือบสีมณีเหลือง ครั้นค่ำช่วงดวงแดงแสงประเทือง อร่ามเหลืองรัศมีเหมือนสีไฟ แม้นเดินหนฝนตกไม่ถูกต้อง เอาไว้ห้องหับแห่งตำแหน่งไหน ไม่หนาวร้อนอ่อนอุ่นละมุนละไม ถ้าชิงชัยแคล้วคลาดซึ่งสาตรา แต่ครั้งนี้ท้าวมิได้เอาไปศึก เพราะท้าวนึกห่วงพระแม่แน่นักหนา ด้วยเป็นหญิงทิ้งไว้จึงให้ตรา ไว้รักษาสารพันอันตราย จึงธนูผู้หญิงมันยิ่งถูก ควรพระลูกทดแทนให้แค้นหาย หญิงผลึกศึกกล้าเสียกว่าชาย เชิญพระแม่แก้อายอย่าวายวาง ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาลูกฝรั่ง ครั้นได้ฟังข้าเฝ้าเขาถากถาง จึงตรัสตอบขอบคุณพวกขุนนาง ช่วยคิดล้างไพรินให้สิ้นอาย จะถือตราราหูคู่ชีวิต อาญาสิทธิ์สุดแต่บทตามกฎหมาย อนึ่งเราเยาวพาปัญญาคลาย ท่านทั้งหลายแหลมหลักช่วยตักเตือน แต่รีบรัดจัดแจงแต่งพระศพ ตามขนบมาอย่างไรก็ให้เหมือน ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าทหารพลเรือน ไม่บิดเบือนบังคมชมปัญญา พนักงานการสำหรับประดับศพ ก็แต่งครบเครื่องอร่ามตามภาษา อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งเกาะลังกา ท้าวพระยาอยู่ปราสาทราชวัง ก็ต้องมีที่ตายไว้ท้ายปราสาท สำหรับบาทหลวงจะได้เอาไปฝัง เป็นห้องหับลับลี้ที่กำบัง ถึงฝรั่งพลเรือนก็เหมือนกัน ใครบรรลัยไปบอกพระบาทหลวง มาควักดวงเนตรให้ไปสวรรค์ มีไม้ขวางกางเขนเป็นสำคัญ ขึ้นแปลธรรม์เทศนาตามบาลี ว่าเกิดมาสามัญคนทั้งหลาย มีร่างกายก็ลำบากคือซากผี ครั้นตัวตายภายหลังฝังอินทรีย์ เอาเท้าชี้ขึ้นนั้นด้วยอันใด วิสัชนาว่าจะให้ไปสวรรค์ ว่าเท้านั้นนำเดินดำเนินได้ อันอินทรีย์ชีวิตพลอยติดไป ครั้นเท้าย่างไปทางไหนไปทางนั้น จึงฝรั่งฝังผีตีนชี้ฟ้า ให้บาทาเยื้องย่างไปทางสวรรค์ ว่ารูปเหมือนเรือนโรคโสโครกครัน ให้สูญลับกัปกัลป์พุทธันดร เทศนาหน้าศพจบแล้วสวด พวกนักบวชบาทหลวงทั้งปวงสอน ให้เผ่าพงศ์วงศานรากร นั้นมานอนคว่ำเรียงเคียงเคียงกัน ครั้นสวดจบศพใส่เข้าในถุง บาทหลวงนุ่งห่มดำนำไปสวรรค์ อ่านหนังสือถือเทียนเวียนระวัน ลูกศิษย์นั้นแบกผีทั้งสี่คน ค่อยเดินตามข้ามหลังคนทั้งหลาย ที่นอนรายเรียงขวางกลางถนน บาทหลวงพระประพรำด้วยน้ำมนต์ ตลอดจนห้องฝังกำบังลับ หกศีรษะเอาศพใส่หลุมตรุ แต่พอจุศพถุงเหมือนปรุงปรับ พระบาทบงสุ์ตรงฟ้าศิลาทัพ เครื่องคำนับนั้นก็ตั้งหลังศิลา ให้ลูกหลานว่านเครือแลเชื้อสาย ได้ถวายข้าวตอกดอกบุปผา ให้กราบลงตรงบัลลังก์ตั้งบูชา เหมือนกราบฝ่าพระบาทไม่ขาดวัน แล้วกรวดน้ำทำบุญกับบาทหลวง ตามกระทรวงส่งให้ไปสวรรค์ ครั้นสำเร็จเสร็จศพทำครบครัน มาพร้อมกันบรรดาเสนาใน เชิญละเวงวัณฬาธิดาราช ขึ้นนั่งอาสน์เนาวรัตน์จำรัสไข ฝ่ายเสนีที่บำรุงเจ้ากรุงไกร ถวายไอศวรรยาทั้งธานี ทั้งหัศเกนเป็นนายฝ่ายทหาร ถวายรถคชสารชาญชัยศรี แล้วเวียงวังคลังนาบรรดามี อัญชลีแล้วถวายรายกันไป ฯ ๏ นางถือตราราหูคู่พระหัตถ์ เพชรรัตน์รุ้งพร่างสว่างไสว ทรงกระบี่มีโกร่งโปร่งเปลวไฟ จึงปราศรัยเสนาบรรดามี เราขอบคุณขุนนางต่างตำแหน่ง ช่วยตบแต่งให้บำรุงซึ่งกรุงศรี อายุเราเล่าพึ่งได้สิบหกปี เป็นสตรีไม่ชำนาญการสงคราม แต่สุดแสนแค้นเคืองเมืองผลึก จะทำศึกสิ้นชีวิตไม่คิดขาม ขอปัญญาข้าเฝ้าอย่าเบาความ จะปราบปรามเมืองผลึกช่วยตรึกตรา ฝ่ายขุนนางต่างคนก็จนจิต สุดจะคิดการศึกที่ปรึกษา จึงทูลความตามธรรมเนียมเจียมปัญญา ธรรมดาข้าบาทในราชการ ก็เรียนรู้อยู่คงเข้ายงยุทธ์ เพลงอาวุธป้องปัดประหัตประหาร กับพิชัยสงครามตามโบราณ ไม่ทราบการกลศึกที่ลึกลับ สุดแต่องค์นงลักษณ์ศักดิ์กษัตริย์ จะทรงจัดการสำเร็จให้เสร็จสรรพ จะชนะจะแพ้เพราะแม่ทัพ ที่บังคับคิดอ่านการทั้งปวง อันนักปราชญ์ราชครูผู้สำเร็จ คือสมเด็จสังฆราชพระบาทหลวง รู้วิสัยไตรยุคทุกกระทรวง แล้วก็ล่วงรู้ประมาณการสงคราม ทั้งดินฟ้าอาเพศเหตุวิบัติ แม้นกษัตริย์สงสัยได้ไต่ถาม เป็นที่ครูสุริย์วงศ์ทรงพระนาม ได้ปราบปรามบ้านเมืองเรืองเจริญ ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาสุดาสดับ กิตติศัพท์ซึ่งรำพันสรรเสริญ จึงสั่งเสนาในให้ไปเชิญ บาทหลวงเดินเข้ามานั่งบัลลังก์รัตน์ นางโฉมยงทรงรินสุราถวาย เสนานายหลายคนปรนนิบัติ เครื่องน้ำชามาตั้งบ้างนั่งพัด บ้างหยิบยัดยากล้องจ้องประเคน นางละเวงวัณฬาอัชฌาฉลาด คำนับบาทหลวงต่างไม้กางเขน แล้วเล่าเรื่องเมืองผลึกทำศึกเจน อุศเรนบิตุราชไปพลาดพลั้ง เสียพระชนม์คนตายก็หลายแสน จะแก้แค้นคิดหมายไม่วายหวัง ขอพึ่งบุญคนช่วยด้วยสักครั้ง ช่วยโปรดสั่งสอนให้เหมือนใจนึก ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง ฉลาดล่วงคาดการประมาณศึก หัวร่อร่าว่าเป็นกรรมที่ล้ำลึก เมืองผลึกดีแต่สู้กับผู้ชาย แผ่นดินนี้สีกามหากษัตริย์ เห็นจะตัดศึกได้ดังใจหมาย ยิ่งเป็นหญิงยิ่งจะได้ด้วยง่ายดาย ถ้าเป็นชายก็จะแพ้แก่ศัตรู จะต้องตรองตรึกตราวิชาหญิง สละทิ้งเสียทั้งตราพระราหู แม้นคิดเห็นเช่นเราสั่งทั้งชมพู ไม่หาญสู้ศึกโยมพระโฉมงาม ฯ ๏ นางละเวงเกรงฉลาดพระบาทหลวง ไม่ทราบทรวงสงสัยจึงไต่ถาม ข้าพเจ้าเยาวพาปัญญาทราม ช่วยแนะความเหตุผลในกลการ พระหัวเราะเคาะกล้องจะลองจิต บอกเป็นปริศนาว่าวิตถาร กลก็การการก็กลกลปนการ เร่งคิดอ่านองค์ละเวงอย่าเกรงเลย แล้วลุกลาคลาไคลกลับไปกุฏิ์ นิมนต์หยุดก็ยิ่งเดินทำเมินเฉย นางคิดคำทำเนียบที่เปรียบเปรย ยังไม่เคยแก้กลก็จนใจ ให้ทิ้งตราราหูรู้อย่างหญิง จะให้ยิ่งยังไม่เห็นว่าเป็นไฉน ไม่พูดจาว่าขานประการใด กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ ๏ แต่นั้นมาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ พยาบาทเมืองผลึกจึงปรึกษา แม้นโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาพะงา ออกนั่งว่าราชกิจที่ติดพัน จะให้ผู้เฒ่าเฝ้าห้องร้องว่าศึก เมืองผลึกยิงบิดาท่าอาสัญ เหมือนเตือนเจ้าเช้าเย็นไม่เว้นวัน ด้วยผูกพันพยาบาทดังชาติทมิฬ ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาพระยาหญิง ไม่มีสิ่งสุขจิตคิดถวิล ถึงเวลาว่าขานการแผ่นดิน ก็ได้ยินเรื่องเขาฆ่าบิดาตาย นางทรงฟังดังพระกรรณจะลั่นออก เหมือนหนามยอกเสียบหูไม่รู้หาย ถึงยามนอนถอนฤทัยให้ระคาย คิดอุบายบาทหลวงเพียงทรวงโทรม ไม่เห็นหนกลศึกที่ลึกซึ้ง แสนรำพึงผอมซูบพระรูปโฉม ทุกทุ่มยามห้ามฆ้องกลองประโคม มิให้โครมครื้นครึกด้วยตรึกตรอง ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงอยู่เคียงแท่น เห็นนางแสนโศกนักพระพักตร์หมอง จึงเล้าโลมโฉมงามตามทำนอง แม้ขัดข้องข้อใดที่ในทรวง แม่โฉมยงจงอุตส่าห์มีมานะ ไปหาพระสังฆราชผู้บาทหลวง จะได้อ้อนวอนถามความทั้งปวง จะเหงาง่วงงึมงำอยู่ทำไม ฯ ๏ นางฟังสี่พี่เลี้ยงประโลมปลอบ ค่อยชื่นชอบชี้ทางสว่างไสว พอเช้าตรู่สุริโยอโณทัย สั่งให้ไขสินธุพุละออง นางสรงชลบนเตียงพี่เลี้ยงล้อม ประณตน้อมพระบุตรีสีขนอง ขัดสุคนธ์ปนเจือด้วยเนื้อทอง นวลละอองอำไพวิไลตา แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส อย่างกษัตริย์บิตุเรศพระเชษฐา พี่เลี้ยงเหล่าสาวสรรค์กัลยา ล้วนปรีชาเชิญพระแสงแต่งเป็นชาย ส่วนโฉมยงทรงกระบี่แล้วลีลาศ มาทรงราชรถาฝาพระฉาย ขุนนางแห่แต่ล้วนดาบกำซาบสะพาย ออกทางท้ายเมืองมาถึงอาราม ฯ ๏ ลงจากรถบทบาทค่อยยาตรย่าง พี่เลี้ยงนางนำเสด็จไม่เข็ดขาม สาวสะเทิ้นเชิญพระแสงคอยแซงตาม ชมอารามรุ่งโรจน์โบสถ์โบราณ เพิงผนังหลังคาโอฬารึก กุฎีตึกโตโตรโหฐาน บันไดคดลดหลั่นเป็นชั้นชาน ศิลาลานเลี่ยนลาดสะอาดตา ปลูกต้นแก้วทับทิมที่ริมตึก ร่มระรื่นครื้นครึกล้วนพฤกษา กุหลาบดอกออกแซมแย้มระย้า ทั้งพุดจีบปีบจำปาสารภี หอมรวยรวยชวยชื่นระรื่นรส ดอกไม้สดสองข้างทางวิถี สี่พี่เลี้ยงเคียงคลอจรลี ขึ้นกุฎีบาทหลวงมีควงกล พอเหยียบบันไดไพล่พลิกเสียงกริกกร่าง ระฆังหง่างเหง่งตามกันสามหน พระฝรั่งฟังสำคัญอยู่ชั้นบน รู้ว่าคนเข้ามาหาออกมารับ เห็นลูกสาวเจ้าลังกามาเป็นพวก ล้วนถอดหมวกยืนเรียงพี่เลี้ยงสลับ ด้วยถอดหมวกพวกฝรั่งเป็นคำนับ จึงต้อนรับเชิญนั่งที่ตั่งเตียง ฯ ๏ นางละเวงเกรงพระต้องละยศ สละลดส่านไหมสไบเฉียง บรรดาเหล่าสาวศรีพระพี่เลี้ยง อยู่แต่เพียงชั้นล่างห่างห่างกัน บาทหลวงเฒ่าเข้าใจไถลถาม มาอารามรูปทำไมเจ้าไอศวรรย์ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวิลาวัณย์ จึงรำพันพจนาด้วยอาดูร ข้าพเจ้าเอาชีวิตอุทิศถวาย ทั้งร่างกายกว่าชีวาตม์จะขาดสูญ ขอพึ่งบุญคุณพระช่วยอนุกูล ให้เพิ่มพูนภิญโญในโภไคย ซึ่งทิ้งตราราหูเรียนรู้หญิง ทั้งสองสิ่งสุดจะแปลจะแก้ไข พระโปรดด้วยช่วยแสดงให้แจ้งใจ แต่พอให้แก้แค้นแทนบิดร ฯ ๏ บาทหลวงฟังนั่งนึกเห็นลึกแหลม ไอกระแอมอุบอิบกระซิบสอน อันดวงตราราหูคู่นคร ข่าวขจรเจริญมาเนิ่นนาน ทุกด้าวแดนแสนรักจักใคร่ได้ เขียนบอกไปในกระดาษราชสาร แม้นใครรับดับร้อนช่วยรอนราญ จะเชิญท่านผ่านผดุงกรุงลังกา ซึ่งเรียนรู้ผู้หญิงสิ่งสังวาส ให้ฉลาดเหลือเอกเหมือนเมขลา จำลององค์ลงกระดาษให้บาดตา เอาชื่อตราชื่อกรุงจรุงพจน์ กับรูปวาดราชสารการสรรเสริญ ไปเที่ยวเชิญท้าวพระยาคงมาหมด ได้ใช้เล่นเช่นเขาว่าเสนามด เพราะรักยศรักหญิงช่วยชิงชัย อันถิ่นฐานบ้านเมืองที่เรืองเดช หลายประเทศแผนที่คัมภีร์ไสย ทั้งแยบยลกลศึกจารึกไว้ ตั้งแต่ไตรดายุคทุกแผ่นดิน แม้นเรียนได้ไว้เป็นครูรู้ทำเนียบ จะคิดเทียบทำอย่างไรก็ได้สิ้น ไม่เหนื่อยใจไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ใช้แต่ลิ้นก็พอเห็นจะเป็นการ พลางไขตู้ดูตำราไตรดายุค แผนที่ทุกถิ่นประเทศเขตสถาน ให้ลูกสาวเจ้าลังกาแล้วอาจารย์ ก็บอกการกลเล่ห์เสน่ห์ชาย เสกสุคนธ์ปนยาแก้วตามนุษย์ แม้บุรุษเห็นพักตร์รักไม่หาย ยิ่งถูกมือหรือว่าได้เข้าใกล้กาย คนนั้นตายด้วยได้เพราะใจรัก จงพากเพียรเรียนร่ำให้สำเร็จ กลเม็ดเหมือนอย่างกริชที่มิดฝัก แต่ฝึกตัวมั่วชายวุ่นวายนัก ใจจะรักเขาเข้าบ้างระวังใจ นางละเวงเกรงบาปไม่หยาบหยาม จะทำตามชี้แจงแถลงไข แม้นราคีมีระคายที่ชายใด สัญญาให้แล่เนื้อเอาเกลือทา ฯ ๏ บาทหลวงนั่งฟังหัวร่อแล้วขอโทษ อย่ากริ้วโกรธตรองตรึกหมั่นศึกษา นางจดจำคำนับรับตำรา ทั้งผืนผ้าแผนที่ด้วยดีใจ เอาใส่หีบจีบจับระดับกระดาษ ตำรับราชสงครามตามวิสัย ให้คนหามตามหลังเข้าวังใน นางตั้งใจพากเพียรเรียนตำรา รู้วิสัยไตรเพทประเทศถิ่น ภูมิแผ่นดินแดนทะเลพระเวหา แล้วจ้างนางโลภหนักมาควักตา ประสมยายอดเสน่ห์ด้วยเล่ห์กล เลือกเหล่าสาวสุรางค์สำอางโฉม งามประโลมล้ำหญิงในสิงหล ที่รุ่นราวสาวน้อยได้ร้อยคน มาสอนกลสตรีให้ปรีชา แม้นชายใดได้ปะพอประเนตร แสนเทวษหวังรักนั้นนักหนา แล้วฝึกหญิงยิงธนูรู้ศัสตรา เป็นรักษาองค์นั้นสามพันคน ทั้งหัดชายนายทหารชาญกำแหง ให้เข้มแข็งการศึกเฝ้าฝึกฝน ทุกคืนวันหมั่นระวังเป็นกังวล กว่าพวกพลจะได้คล่องถึงสองปี จึงแต่งสารลานทองใส่กล่องแก้ว เหมือนกลแร้วจะได้ดักฝูงปักษี เลือกอำมาตย์ราชทูตที่พูดดี รู้ท่วงทีทำเล่ห์เพทุบาย กับรูปนางช่างเขียนไม่เพี้ยนผิด ตามจริตเมืองทมิฬสิ้นทั้งหลาย สารสำหรับกับรูปของเจ้านาย ไปฝากฝ่ายเมืองมีไมตรีกัน เที่ยวเชิญท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นประเทศ ทั้งต่างเพศเพียงยักษ์มักกะสัน ด้วยแผนที่มีแจ้งแห่งสำคัญ เกณฑ์กำปั่นไปลำละตำบล แล้วเกณฑ์ไพร่ไปตั้งวังสนาม ที่ท่าข้ามขอบฝั่งหลังถนน ก่อกำแพงแหล่งล้อมป้อมประจญ มีตึกกลสูงใหญ่กระไดเวียน เก๋งสำหรับรับแขกทำแปลกอย่าง เลือกล้วนช่างที่ฉลาดมาวาดเขียน มีคนรู้ผู้ดำริคอยติเตียน ให้แปลงเปลี่ยนปลูกสร้างสำอางตา เป็นปีครึ่งจึงสำเร็จได้เสร็จสรรพ วังสำหรับท่าข้ามสำปันหนา หนทางไกลไปแต่วังเมืองลังกา จนถึงท่าที่ข้ามเป็นสามวัน ถ้าตกแล้งแต่งขุนนางต่างพระเนตร เฝ้านิเวศน์เวียงชัยไอศวรรย์ นางยกพลคนแสนกับสามพัน มาตั้งมั่นเมืองใหม่ใกล้คงคา ให้ขึ้นป้อมล้อมระวังเผื่อพลั้งพลาด แต่งออกลาดตระเวนเกณฑ์อาสา สะพรักพร้อมซ้อมหัดเพลงศัสตรา ทั้งคอยท่าทัพท้าวทุกด้าวแดน ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์ราชทูตพวกถือสาร คุมทหารลำละร้อยออกลอยแล่น ด้วยเข็มตั้งสังเกตทุกเขตแคว้น ไปตามแผนที่ทางกลางคงคา ฝ่ายลำหนึ่งถึงละมานสถานถิ่น เมืองทมิฬฟันเสี้ยมเหี้ยมหนักหนา ไม่กินข้าวชาวบุรินทร์กินแต่ปลา กินช้างม้าสารพัดสัตว์นกเนื้อ ถึงเวลาฆ่าชีวิตเอามีดเชือด แล้วคลุกเลือดด้วยสักหน่อยอร่อยเหลือ ทั้งน้ำส้มพรมพล่าน้ำปลาเจือ ล้วนเถือเนื้อดิบกินสิ้นทุกคน จึงพ่วงพีมีกำลังเหมือนดังอูฐ แต่เสียงพูดคล้ายทำนองของสิงหล ไว้ผมปรกปกไหล่เหมือนไฟลน หยิกหยิกย่นย่อย่องององอน ใส่เสื้อแสงแต่งกายคล้ายฝรั่ง มีกำลังเหล็กนั้นทำคันศร ใส่สายลวดกวดกลมพอสมกร ยิงกุญชรแรดควายตายทุกที อันแดนดินถิ่นฐานทุกบ้านช่อง บังเกิดทองเกิดเพชรทั้งเจ็ดสี อึกทึกตึกตั้งด้วยมั่งมี ชาวบุรีก็มิได้ทำไร่นา เก็บเงินทองกองทรัพย์ไว้นับซื้อ โคกระบือม้าช้างต่างภาษา ใครไปขายได้แพงแรงราคา เรือลูกค้าเข้าเมืองนั้นเนื่องไป อันองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นประเทศ อัคเรศร่วมรักนั้นตักษัย ทุกเช้าค่ำคร่ำครวญรัญจวนใจ จะหาใหม่ก็ไม่สมอารมณ์คิด ถึงนารีมีอื่นสักหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นเมียหลวงดังดวงจิต พอหลับลงทรงพระสุบินนิมิต ว่านาคีมีฤทธิ์เผ่นทะยาน ดูยาวเฟื้อยเลื้อยมาบนอากาศ รัดปราสาทสุดยอดตลอดฐาน แล้วพ่นพิษฤทธิ์เริงดังเพลิงกาฬ ประหารผลาญวรองค์เป็นผงคลี พอรู้สึกนึกว่างูคือผู้หญิง จะมีใครใคร่เป็นมิ่งมเหสี จึงแก้ฝันบรรดาโหรากวี เขาว่าทีจะได้องค์อนงค์นาง พอได้ข่าวชาวลังกาจะมาเฝ้า ให้รับเข้าเขตจังหวัดไม่ขัดขวาง ฝ่ายอำมาตย์ราชทูตเอาอูฐช้าง ถวายต่างบุปผาบรรณาการ แล้วเข้าเฝ้าเจ้าบุรีเห็นสีซูบ ถวายรูปกระดาษราชสาร ทั้งทูลความตามประสงค์ของนงคราญ เจ้าละมานตรัสตอบว่าขอบใจ รับไมตรีคลี่กระดาษที่วาดรูป เห็นงามงูบง่วงซบสลบไสล หมอเข้าแก้แต่อังสาถึงขาตะไกร จึงค่อยได้สมประดีกลับคลี่ชม งามเสงี่ยมเอี่ยมอิ่มดูพริ้มพักตร์ พระเกศปักปิ่นทองใส่ช้องผม นิ้วนิดนิดชิดแช่มแฉล้มกลม แต่ทรวงห่มส่านพับนั่งหลับตา นวลละอองสองแก้มเหมือนแย้มยิ้ม ดูจิ้มลิ้มหลงเล่ห์ในเลขา พระโอษฐ์อิ่มพริ้มพรายชม้ายมา พอปะตาเต็มรักพระยักคิ้ว แล้วลืมองค์ทรงกระแอมแล้วแย้มเยื้อน แม่งามเหมือนเดือนเพ็งช่างเปล่งผิว ดังลอยฟ้ามาให้ชมตามลมปลิว แล้วลอยลิ่วลับไปเสียไกลตา ครั้นรู้สึกนึกเก้อทำเรอแก้ เอาพับจีบหนีบรักแร้รักนักหนา ทำถามทูตพูดถึงพระธิดา ชันษาโฉมเฉลาสักเท่าไร ฯ ๏ ราชทูตพูดล่อทั้งยอเจ้า ได้สิบเก้าเข้าปีนี้เป็นปีใหม่ เมื่อคลอดนั้นควันกลบทั้งภพไตร แผ่นดินไหวแว่นแคว้นแดนสุธา โหรทำนายทายว่าจะปรากฏ เกียรติยศคู่สร้างต่างภาษา พอสิ้นบุญทูลกระหม่อมจอมลังกา พระธิดาองค์เดียวก็เปลี่ยวใจ จึงเสี่ยงทายหมายว่านานาประเทศ ทุกขอบเขตขัตติย์วงศ์พระองค์ไหน ทรงโปรดปรานปราบสิ้นอรินทร์ภัย ก็จะให้บำรุงกรุงลังกา ฯ ๏ เจ้าละมานหวานหูไม่รู้อิ่ม ทั้งแย้มยิ้มยังพึ่งรุ่นบุญหนักหนา ได้เมียใหม่ได้ทั้งเมืองลังกา พลางฉีกตราราชสารออกอ่านพลัน ในสารทรงองค์ละเวงวัณฬาราช เสวยราชย์ลังกามหาศวรรย์ สืบกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ในพงศ์พันธุ์ ทุกคืนวันว้าเหว่อยู่เอกา เหมือนหงส์ทองล่องเมฆวิเวกสูง ไม่เหมือนฝูงหงส์ทองห้องคูหา แม้นสิ้นบุญสูญกษัตริย์ขัตติยา ชาวพาราราษฎรจะร้อนรน บัดนี้เล่าชาวผลึกเป็นศึกเสี้ยน ยังเบียดเบียนชายหญิงชาวสิงหล ไม่มีชายนายทัพกำกับพล จะผ่อนปรนปราบศึกช่วยตรึกตรา จึงเสี่ยงทายพรายแพร่งให้แจ้งข่าว ถึงองค์ท้าวเจ้าประเทศเหมือนเชษฐา ผู้ใดรับดับแค้นแทนบิดา ปราบปัจจามิตรให้บรรลัยลาญ จะมอบตราราหูคู่สมบัติ สืบกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงสถาน แต่ละข้อล่อใจเห็นได้การ เจ้าละมานเหมือนจะเหาะหัวเราะคัก แล้วชวนทูตพูดจาประสาซื่อ เรานับถืออยู่จะใคร่ไปรู้จัก แต่เมืองเราชาวลังกาเขาว่ายักษ์ จึงแกล้งกักกั้นด่านเสียนานมา ประเดี๋ยวนี้ศรีสวัสดิ์เสวยราชย์ ให้รูปวาดตามประสงค์ดังวงศา เราต่างเพศเหตุไฉนใจสุดา ว่าเมตตาสงสัยจะใคร่รู้ ฯ ๏ ฝรั่งทูตพูดดีไม่มีขัด เหมือนปืนยัดยิงกรอกกระบอกหู แม้นห่างกันพรั่นตัวเหมือนกลัวงู ถ้าเป็นคู่เคียงข้างก็วางใจ แต่เสือลายร้ายกล้าประดาเสีย ไม่กินเมียกินมิตรพิสมัย ยิ่งได้ยักษ์ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร ยิ่งดีใจจะได้กลัวทั่วแผ่นดิน ฯ ๏ เจ้าละมานพานจะซื่อถือว่าแน่ เสวยแต่ผลยอหัวร่อดิ้น ให้ทองคำบำเหน็จทั้งเพชรนิล เลี้ยงให้กินข้าวปลาประสาเคย แล้วองค์ท้าวเข้าที่คลี่กระดาษ เอารูปวาดวางเรียงเคียงเขนย ยิ่งพิศเพ่งเปล่งปลั่งกำลังเชย พระกรเกยกอดรูปเฝ้าลูบคลำ แต่น่าชังสังวาสตามชาติยักษ์ ฝีมือหนักนีดเน้นเคล้นขยำ กำเริบรักปลักปลอบไม่ตอบคำ เฝ้าสูดร่ำร้องว่าสาแก่ใจ ประหลาดจริงนิ่งหงิมไม่ยิ้มแย้ม เดี๋ยวนี้แก้มแดงดอกจะบอกให้ พระกอดรูปจูบซ้ำนั้นร่ำไป ใครใช้ให้ไม่พูดจะสูดแรง ครั้นรู้สึกนึกยั้งแล้วคลั่งอีก เฝ้าชักฉีกชายเสื้อเหลือแสลง แล้วเคลิ้มเห็นเป็นหยิกทำพลิกแพลง พระองค์แดงดังหนึ่งตำลึงงอม จนรุ่งเช้าท้าวแอบไว้แนบเนื้อ แล้วทรงเสื้อสวมปิดสนิทถนอม คลุมประทมห่มคลุมดูออมครอม ต้องอดออมอารมณ์ให้ตรมเตรียม เวลาสายย้ายย่างออกข้างหน้า พร้อมเสนานับพันพวกฟันเสี้ยม จึงสั่งงานการสงครามตามธรรมเนียม ให้ตรวจเตรียมเภตราพันห้าร้อย พลประจำลำละพันถือคันศร เคยราญรอนรบกล้าไม่ล่าถอย เรือทองคำลำที่นั่งนั้นฝังพลอย ดูพรายพร้อยแพรวพร่างกระจ่างตา ด้วยที่แดนแผ่นดินเพชรนิลมาก ไม่หายากเหมือนอย่างต่างภาษา บรรทุกน้ำลำเลียงกับข้าวปลา ทั้งสัตว์ป่าเป็ดไก่เอาไปกิน ได้พร้อมพรั่งคั่งคับเป็นสรรพเสร็จ คอยเสด็จดาษดาชลาสินธุ์ ส่วนองค์ท้าวเจ้าละมานผ่านแผ่นดิน เหมือนจะบินข้ามฝั่งไปลังกา ด้วยเชยรูปจูบสุคนธ์ปนยาแฝด เปรียบเหมือนแรดได้กลิ่นถวิลหา พอพร้อมไพร่ไม่รอดูฤกษ์พา ยกเภตราพันเศษจากเขตแคว้น ส่วนนายท้ายหมายมั่นตะวันออก ตัดระลอกแล่นข้ามไปตามแผน ด้วยรีบร้อนก่อนท้าวทุกด้าวแดน ได้ลมแล่นร่ำมาไม่ราใบ เป็นเดือนหนึ่งถึงลังกาตรงท่าข้าม ถนนพระรามราชวังที่ตั้งใหม่ ทอดสมอรอเรียงเคียงกันไป บ้างลดใบลดเสากินเหล้ายา ฝ่ายอำมาตย์ราชทูตที่ถือสาร ทูลลาท้าวเจ้าละมานด้วยหรรษา ขึ้นเมืองใหม่ไปเฝ้าพระธิดา ทูลกิจจาตามจริงทุกสิ่งอัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช คิดขยาดอยู่ด้วยยักษ์มักกะสัน แต่ใจรู้อยู่ว่าไม่ทำไมกัน จะดูฟันเสี้ยมเล่นให้เห็นพักตร์ ดำริพลางทางสั่งพวกช่างแต่ง จงจัดแจงให้พิลึกตึกตำหนัก จะรับแขกแปลกประเทศเป็นเพศยักษ์ ให้พร้อมพรักพระที่นั่งเหมือนสั่งไว้ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งช่างประดับได้รับสั่ง มาแต่งตั้งเตียงทองม่านสองไข เป็นลดหลั่นชั้นบนล้วนกลไก มีควงไขฆ้องระฆังก็ดังเอง ริมกระถางวางธูปรูปฝรั่ง ถึงนาทีตีระฆังเสียงหงั่งเหง่ง ระเรื่อยรับขับขานประสานเพลง ผู้ใดฟังวังเวงในวิญญาณ์ ดอกไม้ร้อยสร้อยสนสุคนธรส มะลิสดหอมระรื่นชื่นนาสา แถวถนนหนทางข้างคงคา ให้ปูผ้าขาวรองไว้สองชั้น ฝ่ายพ่อครัวหัวป่าก์หาแกล้มเหล้า จะเลี้ยงเหล่าพวกยักษ์มักกะสัน สังหารแพะแกะควายลงหลายพัน เอาแม่ขันรองเชือดเลือดเอาไว้ บ้างแล่เถือเนื้อสดรดน้ำส้ม ไม่แกงต้มตับดิบพอหยิบได้ ปรุงผักชียี่หร่าโรยพริกไทย ทำเตรียมไว้พร้อมเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสมร พอแดดอ่อนอาบองค์สรงสนาน ชโลมละอองทองปนสุคนธ์ธาร พนักงานขัดสีฉวีวรรณ ทรงภูษาค่าเมืองเรืองระยับ สอดสลับฉลององค์ทรงกระสัน ใส่สร้อยนวมสวมประสานสังวาลวรรณ แก้วกุดั่นแวววามอร่ามองค์ แล้วกวดเกล้าเมาลีศรีสวัสดิ์ ผจงผัดพระนลาฏวาดขนง ปักปิ่นทองช้องผมพอสมทรง ดังอนงค์นางฟ้าสุราลัย ใส่สนอบกรอบหน้าระย้าย้อย ล้วนเพชรพลอยแพรวพรายดอกไม้ไหว แล้วเลือกสาวสันทัดที่หัดไว้ สำหรับใช้ปรนนิบัติกษัตรา แม้นชายใดได้ยลวิมลโฉม หวังประโลมหลงเล่ห์เสน่หา กับนารีที่ได้หัดเพลงศัสตรา คอยรักษาองค์นางข้างละพัน แล้วทรงตราราหูยูรยาตร ดูผุดผาดดังสุรางค์นางสวรรค์ สี่พี่เลี้ยงเคียงคลอจรจรัล นางกำนัลพรั่งพร้อมล้อมจรดล ออกตึกใหม่ใหญ่กว้างสำอางโฉม เสียงประโคมฆ้องกลองก้องกาหล ทั้งธงทิวปลิวเปลื้องไปเบื้องบน ตามถนนใหญ่ยาวผ้าขาวปู ชาวลังกาพากันดูพวกฟันเสี้ยม เห็นหาญเหี้ยมน่ากลัวทั้งหัวหู แต่ล้วนมีฝีมือถือธนู ชวนกันดูเดินตามออกหลามมา เข้าในวังยั้งหยุดกระบวนแห่ ให้ตามแต่ตัวนายทั้งซ้ายขวา เข้าตึกทองห้องประทับระยับตา ขุนเสนาเชิญให้นั่งบัลลังก์รัตน์ ฝ่ายสุรางค์นางสำหรับคอยรับแขก ล้วนรุ่นแรกรู้กลปรนนิบัติ มานบนอบหมอบกรานอยู่งานพัด บ้างก็ยัดจุดกล้องประคองคอย บ้างหมอบเมียงเคียงบัลลังก์เข้าตั้งเครื่อง แลชำเลืองล่อใจให้ใช้สอย พอเนตรสบหลบเลี่ยงเมียงชม้อย ดูแช่มช้อยเชิงชวนให้ยวนใจ ฯ ๏ เจ้าละมานลานจิตพิศเพ่ง ล้วนปลั่งเปล่งปลื้มจิตด้วยพิสมัย กิริยาน่าถนอมละม่อมละไม พระยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยชม้อยเมิน มาเห็นนางข้างซ้ายชม้ายหมอบ ยิ่งชื่นชอบเชิงนางระคางเขิน ดูเพราพริ้มยิ้มแย้มแจ่มเจริญ พระหลงเพลินพลอยยิ้มอยู่พริ้มพราย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสมร เปิดบัญชรฉากเขียนวิเชียรฉาย เห็นองค์ท้าวเจ้าละมานเหมือนมารร้าย ทั้งรูปกายใหญ่หลวงดูพ่วงพี จมูกแหลมแก้มแฟบซีกฟันเสี้ยม ดูหน้าเหี้ยมหาญหนักเหมือนยักษี แต่กิริยาดูประหวัดด้วยสตรี เห็นนารีสาวแส้แลตะลึง ดำริพลางนางกษัตริย์ตรัสปราศรัย ขอบพระทัยเชษฐารีบมาถึง น้องสมหวังดังจิตคิดคะนึง จะได้พึ่งภูมีเหมือนพี่ยา แล้วปราศรัยไต่ถามไปตามเรื่อง ถึงบ้านเมืองเผ่าพงศ์พระวงศา ทั้งแถวทางกลางทะเลมาเภตรา มรคาขัดขวางเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าละมานให้ลานจิต เฝ้าเพ่งพิศฝูงอนงค์ให้หลงใหล เสียงตระหนักทักทายก็อายใจ ชำเลืองไปดูนางตามหว่างโคม เห็นโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช สถิตอาสน์อำไพวิไลโฉม ดังดวงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยโพยม งามประโลมลืมองค์หลงตะลึง เหมือนรูปร่างช่างเขียนไม่เพี้ยนผิด ทศทิศธาตรีไม่มีถึง ลำพระกรอ่อนละม่อมเหมือนกล่อมกลึง นิ้วดังหนึ่งลำเทียนเจียนประจง พระโอษฐ์นางอย่างสีลิ้นจี่จิ้ม ดูไม่อิ่มอกใจให้ใหลหลง เพลินอารมณ์ชมรูปจนงูบลง กลับรู้องค์อายใจอาลัยลาน จึงตอบว่าธานีไม่มีทุกข์ เกษมสุขสืบวงศ์ดำรงสถาน พอทราบข่าวสาวน้อยพลอยรำคาญ จะมาผลาญไพรีซึ่งบีฑา ให้โฉมยงทรงยศในทศทิศ ปัจจามิตรมาบังคมก้มเกศา แม้นขัดเคืองเมืองไหนที่ไม่มา จะอาสาสงครามปราบปรามไป ประเดี๋ยวนี้ที่ว่าเป็นข้าศึก เมืองผลึกนั้นอยู่หนตำบลไหน จะไปมัดตัดศีรษะพระอภัย มาให้ได้ตามประสงค์จำนงนาง ฯ ๏ นางละเวงวัณฬาสุดาสดับ ทำยิ้มรับรักใคร่มิได้หมาง พระล้าเลื่อยเหนื่อยมาตามท่าทาง พักเสียบ้างพอให้ไพร่ได้สำราญ แล้วเล่าเรื่องเมืองผลึกเป็นศึกใหญ่ พระอภัยผ่านสมบัติพัสถาน แม้นทรงเดชเชษฐาปรีชาชาญ ช่วยโปรดปรานปราบได้ดังใจปอง จะมอบตราราหูคู่กษัตริย์ แสนสมบัติในพระคลังทั้งสิบสอง เป็นปิ่นเกล้าชาวเมืองให้เรืองรอง ขอให้น้องพึ่งบุญได้อุ่นใจ ดำรัสพลางนางสั่งให้ตั้งเลี้ยง ล้วนโต๊ะเตียงแต่งงามตามวิสัย เครื่องพล่ายำน้ำส้มพรมพริกไทย สุกรแพะแกะไก่ล้วนใส่จาน ใบผักชียี่หร่าโรยหน้าพร้อม พระแสงส้อมมีดพับสำหรับฝาน สุราเข้มเต็มพระเต้าเก้าทะนาน พนักงานตั้งเตียงไว้เรียงราย ฯ ๏ ฝ่ายสุรางค์นางบำเรอเสนอหน้า รินสุราแลชม้อยคอยถวาย สาวสำหรับขับเคียงเมียงชม้าย ประสานสายซอดังเสียงวังเวง แล้วขับขานประสานเสียงสำเนียงเรื่อย ช่างฉ่ำเฉื่อยฉอเลาะล้วนเหมาะเหมง บ้างไขกลดนตรีให้ตีเอง ได้ฟังเพลงเพลิดเพลินเจริญใจ ฯ ๏ อันองค์ท้าวเจ้าละมานเหมือนบ้านนอก เขาลวงหลอกลุ่มหลงไม่สงสัย เสวยเหล้าเมามายสบายใจ กินแกะไก่ม้าลาสารพัน เอาปลายมีดกรีดเชือดเลือดสดสด อร่อยรสน้ำส้มด้วยคมสัน เนื้อพังผืดตืดไตกินไส้ตัน ยิ่งกลืนมันเมามายทำชายตา ดูรูปทรงองค์ละเวงยิ่งเปล่งปลั่ง ทำนองนั่งน่ารักนั้นนักหนา พอโฉมฉายชายช้อยชม้อยมา ได้ปะตาตละศรสะท้อนทรวง ยิ่งแสนรักสุดรักให้หนักอก เหมือนหนึ่งยกเมรุไกรไศลหลวง โอ้อกใครในแผ่นดินสิ้นทั้งปวง ไม่เหมือนทรวงเจ้าละมานที่ลานรัก จนเคลิ้มว่าถ้าได้เหมือนใจแล้ว จะอุ้มแก้วกอดประทับไว้กับตัก พลางคิดอ่านการศึกพูดฮึกฮัก จะหาญหักห้ำหั่นให้บรรลัย ทั้งข้าเฝ้าเจ้าละมานพลอยหาญฮึก เมืองผลึกจะมาครือมือที่ไหน ทั้งข้าเจ้าเมามัวไม่กลัวใคร จะชิงชัยช่วยบำรุงกรุงลังกา เหล่าพหลพลขันธ์พวกฟันเสี้ยม นั่งพรมเจียมดื่มเหล้าเมาหนักหนา เริงสำรวลสรวลเสเสียงเฮฮา กินวัวพล่าควายยำคำโตโต บ้างกัดกินลิ้นอูฐแล้วพูดพร่ำ ยังซดซ้ำเหล้าเข้มอีกเต็มโถ ที่หยาบคายร้ายกาจชาติเฉโก ก็พูดโอ้อวดตัวไม่กลัวเกรง บ้างกินแกล้มแถมเหล้าจนเมามาก ตีฝีปากโป้งโหยงทำโฉงเฉง ลางพวกพร้องร้องร่ำบ้างทำเพลง ออกครื้นเครงแซ่เสียงทั้งเวียงวัง บ้างเกี้ยวสาวชาวลังกาที่มาเลี้ยง เข้ายืนเคียงขอจูบแล้วลูบหลัง บ้างยื้อยุดฉุดคร่าทำน่าชัง นางฝรั่งร้องอึงคะนึงไป จนพลบค่ำสำเร็จเป็นเสร็จสรรพ ให้กองทัพอยู่พลับพลาที่อาศัย ทั้งข้าเจ้าเมาซานสำราญใจ ต่างหลับใหลลืมกายดังวายปราณ จนยามสองฆ้องระฆังประดังเสียง แซ่สำเนียงนายหมวดตรวจทหาร พวกฝรั่งนั่งล้อมป้อมปราการ ตีฆ้องขานยามเรียกกันเพรียกไป ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าละมานชาญฉกาจ เมื่อไสยาสน์อยู่พลับพลาที่อาศัย เสนหาอาวรณ์ร้อนฤทัย ฝันว่าได้เชยชิดพระธิดา จนฟื้นกายคลายเมายังเคล้าหมอน หมายว่านอนแนบชิดขนิษฐา ถนอมอุ้มจุมพิตผิดพะงา พระลืมตาตกใจกระไรเลย แลเขม้นเห็นหมอนยิ่งค่อนแค้น มาทำแทนเทียมนางขว้างเขนย ยังลืมองค์หลงแลชะแง้เงย ที่ทรามเชยแม่ไปแฝงเสียแห่งใด พอเห็นเหล่าชาวที่นั่งวีพัด จิตประหวัดว่าอนงค์ด้วยหลงใหล ลงจากเตียงเคียงประโลมโฉมวิไล ใครใช้ให้ศรีสวัสดิ์มาพัดวี วางเสียเจ้าเข้าไปนอนเสียก่อนเถิด งามประเสริฐสาวน้อยอย่าถอยหนี พลางจุมพิตชิดชวนเฝ้ายวนยี ตาชาวที่ลุกทะลึ่งเสียงตึงตัง พระฉวยฉุดยุดหัตถ์กระหวัดกอด เสียงฟอดฟอดเฝ้าแต่จูบแล้วลูบหลัง จะขัดขวางอย่างไรก็ไม่ฟัง มันร้องดังดิ้นอึงคะนึงไป พระรู้สึกนึกอายระคายเขิน ชม้ายเมินมัวหมองไม่ผ่องใส ขึ้นสู่แท่นแสนระทดสลดใจ เหลืออาลัยรำลึกนึกถึงนาง มาพานพบสบสมอารมณ์รัก แต่สูงศักดิ์สารพัดจะขัดขวาง เหลือความคิดมิดเม้นไม่เห็นทาง จนรุ่งรางร้อนรนกระวนกระวาย จำจะรีบรบพุ่งกรุงผลึก ให้เสร็จศึกสมคิดที่จิตหมาย จึงออกนั่งสั่งมหาเสนานาย ตะวันบ่ายลมตกจะยกทัพ ไปรบพุ่งกรุงผลึกเป็นศึกใหญ่ ไม่ชนะพระอภัยก็ไม่กลับ อำมาตย์หมอบนอบนบเคารพรับ มากำชับกำชาตรวจตรากัน ให้ตักน้ำลำเลียงเสบียงเบิก เสียงเอิกเกริกเตรียมพหลพลขันธ์ ลงประจำลำที่นั่งทั้งดั้งกัน ลำละพันเภตราทั้งห้าร้อย บ้างเปลี่ยนเสาเพลาใบใส่หางเสือ แต่ล้วนเรือรบใหญ่เคยใช้สอย ปักธงดำกำปั่นเป็นหลั่นลอย ต่างเตรียมคอยพร้อมพรั่งริมฝั่งชล ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าละมานยิ่งหาญฮึก จะทำศึกอวดผู้หญิงเมืองสิงหล จึงโสรจสรงคงคาทาสุคนธ์ ทรงเครื่องต้นแต่งประดับสำหรับกาย สนับเพลาเนาหน่วงมีห่วงรัด คาดเข็มขัดเครื่องมั่นกระสันสาย ใส่เกราะเพชรเกล็ดกลับสลับลาย ดูกรุยกรายกรีดพระหัตถ์จัดประจง ใส่หมวกทองรองนวมสวมพระเศียร ยอดวิเชียรชายร่อนเหมือนหงอนหงส์ ใส่เกือกสวมนวมนุ่มหุ้มพระชงฆ์ ครั้นเสร็จทรงธนูคู่พระกร ออกจากห้องร้องเรียกโยธาหาญ มากราบกรานเตรียมแห่แซ่สลอน ชวนขุนนางย่างย้ายกรีดกรายกร บทจรจากพลับพลาเข้ามาวัง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ออกอำมาตย์นอบน้อมอยู่พร้อมพรั่ง ให้เชิญท้าวเจ้าละมานขึ้นบัลลังก์ มีนางนั่งพัดวีให้ปรีดา แล้วปราศรัยไพเราะเสนาะถ้อย น้องเศร้าสร้อยแสนสังเวชพระเชษฐา เคยสำราญผ่านสมบัติอยู่อัตรา เสด็จมาบรรทมตรมฤทัย เป็นสตรีมิได้ไปให้ใช้สอย อย่านึกน้อยใจน้องจงผ่องใส ประภาษพลางนางประทานพวงมาลัย ให้สาวใช้ไปถวายชม้ายเมิน ฯ ๏ เจ้าละมานหวานเสียงสำเนียงเสนาะ ช่างไพเราะรำพันสรรเสริญ รับบุปผามาลัยใจเจริญ พระชมเพลินพลางตอบว่าขอบใจ จะอาสากว่าจะเสร็จสำเร็จศึก แม่อย่านึกเคลือบแคลงแหนงไฉน เย็นวันนี้พี่จะยกโยธาไป ช่วยชิงชัยเมืองผลึกเหมือนตรึกตรา ไม่เหนื่อยเหน็ดเข็ดขามแก่ความยาก หวังจะฝากชีวิตขนิษฐา สนองพลางนางชม้ายทำชายตา พอสบหน้านางยิ้มยิ่งอิ่มใจ ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาสุดาสดับ มิใคร่รับคำลาอัชฌาสัย แสร้งทำทีกิริยาเหมือนอาลัย ถอนฤทัยทำสะอื้นกลืนน้ำตา แล้วว่าน้องตรองตรึกนึกวิตก พระจะยกทัพเดียวเปลี่ยวหนักหนา จะเกณฑ์ไพร่ให้ฝรั่งชาวลังกา คุมโยธาไปด้วยช่วยสงคราม เจ้าละมานทานทัดอย่าจัดทัพ ฉันจะรับให้สำเร็จไม่เข็ดขาม แม้นเมืองไหนไม่ราบจะปราบปราม ให้สมความปรารถนายุพาพาล นางฟังคำทำชะอ้อนถอนใจใหญ่ แล้วสั่งให้กองตระเวนเกณฑ์ทหาร เป็นเรือนำตำบลชลธาร เอาเหตุการณ์กลับหลังมาลังกา แล้วอวยชัยให้มหาอานุภาพ อรินทร์ราบเรืองเดชพระเชษฐา ศึกสำเร็จเสร็จสรรพรีบกลับมา ได้เห็นหน้าน้องนี้จะดีใจ เจ้าละมานหวานวาบให้ปลาบปลื้ม ตะลึงลืมอำลาน้ำตาไหล สะอื้นร่ำสำลักกระอักกระไอ แต่จำใจจำลายุพาพาล มาลงเรือพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ พร้อมขนัดนาวาโยธาหาญ ให้ตีกลองฆ้องระฆังกังสดาล ทหารขานโห่ลั่นสนั่นดัง ได้ลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก เอะอะออกนาวาทั้งหน้าหลัง ข้ามมหาสาชลในวลวัง ตามฝรั่งเรือนำเป็นสำคัญ ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระอภัยเจ้าไตรจักร มีคนรักคอยเหตุทุกเขตขัณฑ์ เมื่อฟันเสี้ยมเตรียมพลคนสำคัญ เอาข่าวนั้นบอกมาถึงธานี พระทราบความขามขยาดว่าชาติยักษ์ จะหาญหักรบพุ่งเอากรุงศรี จึงตรองตรึกปรึกษาเสนาบดี ศึกคราวนี้ห้าวหาญชาญฉกรรจ์ ทั้งไพร่นายกายสูงถึงหกศอก หนังสือบอกมาว่ายักษ์มักกะสัน จะเกณฑ์พลคนเราเข้าประจัญ เล็กกว่ามันเหมือนหนึ่งหนูไปสู้ช้าง ขึ้นรักษาหน้าที่ไว้ดีกว่า ปล่อยมันมาตามถนัดไม่ขัดขวาง แล้วเสนีตีกรงเหล็กตาราง ไว้ที่ข้างเกยชลาหน้าพระลาน กับโซ่ใหญ่ให้พลไว้คนละเส้น จะจับเป็นพวกฟันเสี้ยมที่เหี้ยมหาญ พระสั่งตรัสจัดเสร็จสำเร็จการ ป้อมทวารปักขวากไว้มากมาย แล้วเสนีตีฆ้องเที่ยวร้องป่าว ประชาชาวข้างใต้ไพร่ทั้งหลาย ให้หลบลี้หนีตัวต้อนวัวควาย ไปอยู่ท้ายเมืองผลึกเมื่อศึกมา ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าละมานชาญฉกาจ คิดประมาทเมืองผลึกฮึกหรรษา รีบยกทัพขับพหลพลนาวา ทั้งพันห้าร้อยสล้างมากลางชล สิบห้าคืนคลื่นลมระดมส่ง เป็นทางตรงเร็วรัดไม่ขัดสน ถึงปากอ่าวเช้าตรู่ไม่รู้กล เห็นผู้คนหนีตัวทั้งวัวควาย เจ้าละมานหาญฮึกนึกประมาท มันไม่อาจต่อตีจึงหนีหาย ให้เข้าฝั่งพรั่งพร้อมทั้งไพร่นาย ต่างโก่งสายเกาทัณฑ์ล้วนคันทอง แล้วตั้งโห่โยธาสิบห้าหมื่น เสียงครึกครื้นพื้นพิภพสยบสยอง เดินธงเทียวเขียวเหลืองดูเนืองนอง ยกข้ามท้องทุ่งมายังธานี เห็นพวกพลบนกำแพงเสื้อแดงดาษ ล้วนสามารถหมายจะรบไม่หลบหนี จึงหยุดทัพยับยั้งสั่งโยธี อย่าเพ่อตีตั้งมั่นประจัญบาน ให้คนใช้ไปหาตรงหน้าป้อม ว่าพระจอมฟันเสี้ยมซึ่งเหี้ยมหาญ ยกพหลพลนิกรมารอนราญ จะทำการแก้แค้นแทนลังกา แม้ว่าองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร ยังคิดรักเผ่าพงศ์พวกวงศา มาคำนับรับพระราชอาชญา จะไม่ฆ่าหญิงชายให้วายปราณ มินอบนบรบสู้จะพรูพร้อม ทำลายป้อมปืนวังไล่สังหาร ชั้นลูกอ่อนนอนฟูกลูกพึ่งคลาน จะเผาผลาญเพลิงคลอกเร่งบอกนาย พวกขุนนางต่างจำคำข้าศึก เห็นหาญฮึกหุนหันเร่งผันผาย ไปทูลความตามเขามาร้องท้าทาย ล้วนหยาบคายคึกคักเหมือนยักษ์มาร ฯ ๏ พระอภัยไม่พรั่นประหวั่นหวาด สั่งอำมาตย์มูลนายฝ่ายทหาร แม้นกองทัพหลับใหลเห็นได้การ เปิดทวารออกไปมัดให้รัดรึง เที่ยวผูกถือมือเท้าพวกบ่าวไพร่ ให้สาใจเหมือนลูกอ่อนลงนอนขึง แต่นายใหญ่ใส่ถ้วนโซ่ตรวนตรึง เสร็จแล้วจึงพามาใส่ไว้ในกรง ให้พวกเราเอาขี้ผึ้งผนึกหู คอยนั่งดูธงชัยอย่าใหลหลง แม้กองทัพหลับใหลเหมือนใจจง จะโบกธงขึ้นให้เห็นเป็นสำคัญ พระสั่งพลางทางลุกลงจากอาสน์ มาทรงราชยานหามงามขยัน ทหารพร้อมห้อมแห่ออกแจจัน ขึ้นบนชั้นเชิงเทินเที่ยวเดินดู เห็นพหลพลขันธ์พวกฟันเสี้ยม กำแหงเหี้ยมโห่ลั่นสนั่นหู แต่ล้วนมือถือคันเกาทัณฑ์ธนู สังเกตดูแต่งกายคล้ายเสี้ยวกาง ทั้งสูงใหญ๋ไพร่นายนั้นหลายหมื่น พอแรงปืนถือถนัดไม่ขัดขวาง พระดูพลบนเชิงเทินดำเนินพลาง พาขุนนางไปประทับที่พลับพลา ขึ้นทรงนั่งยังที่เก้าอี้เอี่ยม อำมาตย์เฟี้ยมเฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา หยิบปี่แก้วแล้วชูขึ้นบูชา พอลมมาเพลาเพลาทรงเป่าพลัน เปิดสำเนียงเสียงลิ่วถึงนิ้วเอก หวานวิเวกวังเวงดังเพลงสวรรค์ ให้ชื่นเฉื่อยเจื้อยแจ้วถึงแก้วกรรณ เหล่าพวกฟันเสี้ยมฟังสิ้นทั้งทัพ ยืนไม่ตรงลงนั่งยิ่งวังเวก เอกเขนกนอนเคียงเรียงลำดับ เจ้าละมานหวานทรวงง่วงระงับ ลงล้มหลับลืมกายดังวายปราณ ฯ ๏ พระอภัยใจบุญการุญราษฎร์ มิให้ขาดดวงจิตคิดสงสาร จึงโบกธงตรงพลับพลาสัญญาการ พวกทหารเห็นสิ้นก็ยินดี เปิดประตูพรูพรั่งออกคั่งคับ เห็นพวกทัพหลับเกลื่อนดูเหมือนผี ต่างผูกมัดรัดรึงตึงเต็มที ทั้งทุบตีเตะซ้ำให้หนำใจ ยกองค์ท้าวเจ้าละมานขึ้นคานหาม เอาโซ่ล่ามเสร็จสรรพทั้งหลับใหล หามมาส่งกรงตารางที่ข้างใน เที่ยวริบไพร่พลซ้ำทำประจาน เก็บศัสตราผ้าเสื้อไม่เหลือหลอ ใส่โซ่คอครบทั่วตัวทหาร เห็นผูกรัดมัดเสร็จสำเร็จการ นฤบาลกลับแกล้งเป่าแปลงเพลง ให้เจื้อยแจ้วแก้วหูกลับรู้สึก เสียงตื่นอึกอักอ่อนลงนอนเขลง เขารัดรึงตึงตัวต้องกลัวเกรง เรียกกันเองอื้ออึงคะนึงไป พวกชาวเมืองเคืองขัดคอยมัดซ้ำ คุมประจำคนละคนพลไพร่ เห็นพลิกแพลงแว้งวัดคิดขัดใจ ตีด้วยไม้กระบองร้องวุ่นวาย ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ โสมนัสในอารมณ์ด้วยสมหมาย จึงตรองตรึกปรึกษาเสนานาย ทหารฝ่ายฟันเสี้ยมเห็นเหี้ยมครัน เหมือนจับช้างกลางป่าอย่างประมาท ต้องผูกกราดกรึงตรวจกันกวดขัน ให้อ่อนหูดูทำนองสักสองวัน จึงผ่อนผันพูดจาดูท่าทาง สั่งกำชับสรรพเสร็จเสด็จกลับ ลงจากพลับพลาเดินเชิงเทินขวาง ทหารแห่แลหลามมาตามทาง ขึ้นสู่ปรางค์ปราสาททองที่ห้องใน ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าละมานซึ่งหาญฮึก ครั้นรู้สึกไสยาสน์ให้หวาดไหว เห็นโซ่ตรวนพวนพันพรั่นพระทัย ต้องอยู่ในกรงตรึงรำพึงคิด นี่เนื้อเคราะห์เพราะทะนงมาหลงหลับ มันลอบจับจองจำให้ช้ำจิต จะรบรับสัปยุทธ์เห็นสุดฤทธิ์ เป็นสุดคิดคั่งแค้นแน่นอุรา โอ้เสียแรงแต่งทัพมานับแสน จะแก้แค้นแทนมิตรกนิษฐา มิทันรบซบหลับมันจับมา โอ้นึกน่าน้อยใจกระไรเลย สงสารแต่แม่ละเวงวัณฬาน้อย จะหลงคอยเชษฐานิจจาเอ๋ย หมายว่าทัพกลับไปจะได้เชย บุญไม่เคยคลาดแคล้วเสียแล้วน้อง ถึงตัวพี่นี้จะตายไม่วายรัก จะไปฟักฟูมเฝ้าเป็นเจ้าของ แม้นชายอื่นชื่นชอบมาครอบครอง จะทุบถองถีบผลักแล้วหักคอ ยิ่งตรึกตราอาลัยใจจะขาด เขาผูกกราดกวดตรึงตึงพระศอ ยิ่งโมโหโกรธาร้องด่าทอ ไม่ย่อท้อแกล้งท้าให้ฆ่าฟัน ฯ ๏ ฝ่ายข้าเฝ้าชาวบุรินทร์สิ้นทั้งหลาย ทั้งหญิงชายชื่นใจทั้งไอศวรรย์ เที่ยวดูเหล่าชาวละมานสำราญครัน แต่ล้วนฟันเสี้ยมแซมแหลมแหลมเล็ก บ้างดูท้าวเจ้าละมานชาญฉกาจ เขาจำกราดตรึงองค์ไว้กรงเหล็ก แขกฝรั่งทั้งพราหมณ์จีนจามเจ๊ก ผู้ใหญ่เด็กเดินดูเป็นหมู่มุง บ้างหัวเราะเยาะหยันพวกฟันเสี้ยม มันอายเหนียมนั่งนิ่งเหมือนลิงถุง จนพลบค่ำตรำตรากให้ตากยุง พวกชาวกรุงตรวจตราในราตรี สงสารท้าวเจ้าละมานให้ร่านร้อน ด้วยอาวรณ์นางวัณฬามารศรี เสียน้ำใจในอารมณ์ไม่สมประดี จนราตรีตรึกตรองนองน้ำตา โอ้เสียดายสายสวาทประหลาดโฉม ชวดประโลมลับเนตรของเชษฐา แต่รูปทรงองค์ละเวงแม่วัณฬา ยังติดมาในเสื้อเป็นเยื่อใย ยิ่งนึกรักชักกระดาษที่วาดรูป มากอดจูบจิตปลงด้วยหลงใหล เฝ้าลูบเล่นเคล้นเคล้าเปล่าเปล่าไป ยิ้มละไมหมายว่าองค์อนงค์นวล ถนอมแนบแอบอุ้มยิ่งคลุ้มคลั่ง เหมือนบ้าหลังลืมองค์ทรงพระสรวล สะกิดเกาเซ้าซี้เฝ้ายียวน เสียงโซ่ตรวนกริ่งกร่างอยู่กลางกรง ฯ ๏ พวกผู้คุมกลุ้มกลาดประหลาดจิต ต่างสะกิดให้กันดูรู้ว่าหลง บ้างแฝงเงาเข้าไปมองตามช่องกรง เห็นรูปทรงสาวน้อยก็พลอยเพลิน บ้างพลั้งว่าน่ารักพยักพเยิด วิไลเลิศล้ำมนุษย์สุดสรรเสริญ บ้างขอดูขู่ตะคอกทำหยอกเอิน เห็นหมางเมินม้วนกระดาษไม่อาจกวน ฯ ๏ สงสารท้าวเจ้าละมานรำคาญจิต เอารูปปิดปกป้องประคองสงวน ต้องอดอยากตรากตรำยิ่งรำจวน ทั้งโซ่ตรวนตรึงตราระอาใจ ไหนจะคิดถึงสมบัติพัสถาน ทั้งวงศ์วานมิได้เห็นว่าเป็นไฉน ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งอาลัย จนหายใจทางปากด้วยยากเย็น ยิ่งดึกดื่นกลืนกล้ำน้ำพระเนตร สุดสังเกตใครจะแก้ไม่แลเห็น หนาวน้ำค้างกลางอากาศสาดกระเซ็น แสยงเย็นเยือกหลับระงับไป พอเช้าตรู่ผู้คุมชุมนุมนั่ง เสียงกรนดังดูระงับเห็นหลับใหล เข้าล้อมลักชักกระดาษรูปวาดไว้ เอามาให้หมื่นขุนเป็นมุลนาย พวกเสนีคลี่ดูเห็นผู้หญิง ชะงามจริงเจียวนะจะถวาย เวลาเช้าเข้ามาเตรียมฟูมเฟี้ยมกาย พร้อมทั้งฝ่ายซ้ายขวาข้าราชการ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยในนิเวศน์ สองโมงเศษเสด็จมายังหน้าฉาน สถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬาร มนตรีกรานกราบก้มบังคมคัล พระถามท้าวจ้าวละมานยังหาญฮึก หรือรู้สึกโทษกรณ์พอผ่อนผัน เสนาทูลมูลความเห็นครามครัน เธอป่วนปั่นเป็นบ้าถึงนารี เอากระดาษวาดรูปออกจูบกอด แล้วหลงพลอดสอดสัมผัสน่าบัดสี แต่รูปร่างนางนั้นขยันดี ประเดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าก็เอามา แล้วนบนอบหมอบเมียงเข้าเคียงอาสน์ คลี่กระดาษออกถวายลายเลขา พวกข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์มาตยา ต่างต้องตาต้องจิตให้ติดใจ พระอภัยได้ยลวิมลโฉม งามประโลมหลงแลดังแขไข ต้องเสน่ห์เลขาคิดอาลัย ด้วยแจ้งใจว่าลูกสาวเจ้าลังกา นี่หรือท้าวเจ้าละมานมิซานซบ มารับรบเมืองผลึกศึกอาสา พระหลงคิดพิศวงองค์วัณฬา แล้วหยิบมาม้วนกระดาษรูปวาดไว้ จึงเอื้อนอรรถตรัสสั่งพวกข้าเฝ้า ให้คุมเจ้าละมานมาได้ปราศรัย นครบาลคลานออกมาพาเข้าไป ทั้งตรวนใหญ่โซ่ล่ามสามประการ ฯ ๏ เจ้าฟันเสี้ยมเหี้ยมฮึกไม่นึกพรั่น แกล้งยืนยันอยู่ตรงหน้าไม่ว่าขาน จะตรัสถามความอะไรไม่ให้การ พระรำคาญเคืองขับให้กลับไป แล้วปรึกษาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ มันเชื้อชาติเสี้ยวกางต่างนิสัย จะฆ่าตีชีวันให้บรรลัย ก็เห็นไม่เป็นผลเลยมนตรี ครั้นจะปล่อยให้ไปเมืองมันเบื้องหน้า มันจะมารบพุ่งเอากรุงศรี จงคุมไปในทะเลเถิดเสนี ปล่อยเสียที่แดนเงาะตามเกาะเกียน เป็นฝ่ายเหนือเรือไปไม่ใคร่จะถึง นั้นและจึงแผ่นดินจะสิ้นเสี้ยน พระสั่งเสร็จเสด็จจากแท่นวิเชียร สู่มนเทียรปรางค์มาศราชวัง ฯ ๏ ฝ่ายข้าเฝ้าเอาเภตราใส่ข้าศึก ออกแล่นลึกแหลมเงาะเกาะกุนตั๋ง เที่ยวปล่อยที่มีน้ำเป็นกำลัง ตามรับสั่งเสร็จสรรพแล้วกลับมา แสนสงสารท่านท้าวเจ้าละมาน กับทหารไพร่นายทั้งซ้ายขวา อยู่เกาะใหญ่ในทะเลถึงเวลา พระสุริยาเย็นย่ำจนค่ำพลบ คลำกระดาษวาดรูปจะจูบเล่น ไม่พบเห็นรูปเขียนเจียนสลบ ในเสื้อแสงแห่งไรก็ไม่พบ ยิ่งเซาซบเสียใจร้องไห้โฮ ถึงยากเย็นเห็นรูปได้ลูบไล้ ค่อยชื่นใจผัวรักขึ้นอักโข มาชวดจูบรูปงามเมื่อยามโซ หัวอกโอ้อาภัพอัประมาณ พระกลิ้งเกลือกเสือกองค์ลงกันแสง จนสิ้นแรงระทดอดอาหาร ลมอัสสาสะประสาสขาดสันดาน เจ้าละมานวายวางอยู่กลางเตียน เมื่อดับจิตคิดรำพึงถึงผู้หญิง เป็นผีสิงรูปกระดาษที่วาดเขียน เปรียบเหมือนเงาเข้านั่งระวังเวียน ให้พิศเพี้ยนผีทับเข้าจับตา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร ยิ่งหลงรักรูปเสน่ห์ในเลขา ถึงยามหลับทับไว้ริมไสยา ครั้นเวลาฟื้นองค์ก็ทรงชม โฉมแฉล้มแก้มคางสำอางเอี่ยม ประโลมเลียมลืมสุรางค์นางสนม ทุกคืนค่ำรำลึกนึกนิยม จะใคร่ชมเชยประโลมโฉมวัณฬา ยามเสวยเคยอร่อยก็ถอยรส ไหนจะอดบรรทมชมเลขา กระสันโศกโรครักหนักอุรา พระพักตรามัวหมองละอองนวล ห้ามมิให้ใครเข้ามาเฝ้าแหน อยู่แต่แท่นที่ทองประคองสงวน เสน่หาอาลัยให้รัญจวน ดังประชวรโรคามากว่าเดือน ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์เศร้าใจใครจะเหมือน ด้วยเห็นองค์ทรงธรรม์เธอฟั่นเฟือน พระพักตร์เฝื่อนฝ้าคล้ำน่ารำคาญ ห้ามมิให้ใครเฝ้าเข้าไสยาสน์ สถิตอาสน์เอองค์น่าสงสาร คิดจะใคร่ไปเฝ้าฟังอาการ ค่อยแหวกม่านเมียงมองเข้าห้องใน เห็นทรงธรรม์บรรทมชมแต่รูป ประโลมลูบลืมองค์ด้วยหลงใหล นางพรายพริ้มยิ้มแย้มกระแอมไอ พระอภัยพับหนีตะลีตะลาน เอาแอบองค์ทรงคลุมหุ้มกระดาษ สุดสวาทวันทาไม่ว่าขาน ทำทูลถามความว่าพระอาการ ร้อนรำคาญขัดขวางเป็นอย่างไร พระฟังคำทำครางเหมือนอย่างเจ็บ ให้เหนื่อยเหน็บลุกนั่งยังไม่ไหว เห็นนางยิ้มพริ้มพรายอายพระทัย ทำจับไข้รีบรูดวิสูตรบัง ฯ ๏ นางนบนอบมอบเมียงอยู่เคียงอาสน์ ลักกระดาษดูได้ดังใจหวัง ยิ่งแลเล็งเพ่งพิศยิ่งคิดชัง พระคลุ้มคลั่งผอมซูบเพราะรูปนี้ จะเอาไว้ไยอีกฉีกกระดาษ ไม่ยักขาดแต่สักนิดด้วยฤทธิ์ผี นางสุดแสนแค้นใจเอาไม้ตี รูปนารีร้องกรีดนางหวีดวาง พระเหลียวเห็นเป็นโมโหพาโลว่า แค้นหนักหนานอกรีตมากีดขวาง เข้าชิงรูปลูบแลดูแผลพลาง ยังกระจ่างแจ่มดีไม่มีช้ำ กลับเข้าที่คลี่วางไว้ข้างแท่น เฝ้าหวงแหนชมชิมไม่อิ่มหนำ จะเคลิ้มองค์หลงงึมเสียงพึมพำ พิไรร่ำรับขวัญจำนรรจา นางโฉมยงองค์สั่นพระขวัญหาย เห็นรูปกายร้องดังก็กังขา จะทูลถามขามขยาดพระอาชญา จึงกลับมาห้องนอกบอกกำนัล พระภูวไนยได้กระดาษที่วาดรูป ประโลมลูบหลงใหลเหมือนใฝ่ฝัน ทีนี้เจ้าเข้าไปด้วยได้ช่วยกัน ลักมาฟันเผาไฟเสียให้ยับ แล้วพาเหล่าสาวสุรางค์ค่อยย่างย่อง เข้าในห้องเห็นพระบาทไสยาสน์หลับ นางนบนอบหมอบเมียงเคียงคำนับ ค่อยขยับหยิบกระดาษรูปวาดมา ชวนกันฉีกเท่าไรก็ไม่ขาด แค้นทายาดหยิกทึ้งด้วยหึงสา เอาเผาไฟในเตาต้มน้ำชา ปีศาจกล้ากลับลุกขึ้นคลุกคลี ขู่ตะคอกหลอกเหล่าสาวสนม บ้างหลบล้มเกลือกกลิ้งบ้างวิ่งหนี ต่างแลเห็นเป็นรูปเข้าทุบตี ฝูงนารีบ้างก็ร้องบ้างป้องกัน บ้างผลักไพล่ไล่ทุบกันตุบตับ เปรียบเหมือนหลับหลงเพ้อละเมอฝัน พระอภัยไสยาสน์อาสน์สุวรรณ เสียงสนั่นแซ่ซ้องมามองเมียง เห็นผลักพลิกขยิกขยี้ตีกระดาษ วุ่นวิวาทวาทาบ้างท้าเถียง ยิ่งคลั่งคลุ้มกลุ้มใจไม่ไล่เลียง ฉวยไม้เมียงเข้ามาใกล้แล้วไล่ตี ลงไม้เรียวเขวียวขวับไม่ยับยั้ง ถูกไหล่หลังเหล่าสุดาพากันหนี พระแปลกพักตร์อัคเรศร่วมชีวี เที่ยวไล่ตีต้อนพัลวันไป แล้วกลับมาหากระดาษที่วาดรูป ประโลมจูบพักตร์น้องให้ผ่องใส เข้าสู่ที่คลี่กระดาษรูปวาดไว้ ให้คลั่งไคล้เคลิ้มอารมณ์ไม่สมประดี ฯ ๏ สงสารองค์นงลักษณ์อัคเรศ ชลเนตรแนวนองให้หมองศรี ให้สาวใช้ไปเชิญพระชนนี มาถึงที่ปรางค์มาศปราสาทชัย จึงทูลความตามกระดาษที่วาดรูป พระโลมลูบลืมองค์ด้วยหลงใหล ลูกหลากนักลักเอามาเผาไฟ มันไม่ไหม้กลับลุกขึ้นคลุกคลี ข้ากับเหล่าสาวสรรค์ชวนกันสู้ ปล้ำกันอยู่ผลักไสมันไม่หนี พระโกรธาคว้าไม้มาไล่ตี แล้วเข้าที่มิได้ออกข้างนอกเลย ฯ ๏ พระมารดรข้อนทรวงเสียงผางผาง กันแสงพลางตรงมาหาลูกเขย เห็นคว้ารูปลูบต้องประคองเชย เอะกรรมเอ๋ยกรรมกรรรมทำกระไร ขึ้นแท่นรัตน์ตรัสถามว่าทรามสวาท ได้กระดาษเลขามาแต่ไหน ขอให้แม่แลดูรูปผู้ใด พระอภัยรู้สึกให้นึกอาย ทำยิ้มย่องป้องปิดแล้วอิดเอื้อน ต่อตรัสเตือนหลายคำจำถวาย แล้วทูลว่านารีดีหรือร้าย ไม่ทราบฝ่ายข้าเฝ้าเขาเอามา ว่าของท้าวเจ้าละมานหม่อมฉานเห็น ก็ดูเล่นตามสบายลายเลขา อีสาวสาวเหล่ากำนัลกัลยา มันเป็นบ้าไปอย่างไรก็ไม่รู้ มาอื้ออึงหึงกระดาษวิวาทวุ่น ชุลมุนด้วยกันหมดไม่อดสู เข้าฉุดคร่าหน้าหลังออกพรั่งพรู ลูกหนวกหูไล่ตีจึงหนีไป ฯ ๏ นางฟังคำทำตรัสว่าบัดสี รูปเช่นนี้ก็จะหึงไปถึงไหน แล้วว่าพ่อก็อย่าเอาเข้ามาไว้ จะกระไรอยู่กระมังระวังองค์ ด้วยรูปนี้มีมาแต่ข้าศึก อย่าได้นึกรักใคร่จะใหลหลง เดี๋ยวนี้พ่อก็ยังซูบทั้งรูปทรง รักษาองค์เสียให้หายสบายใจ นี่แม่ขอพ่อเถิดรูปกระดาษ จงไสยาสน์อยู่ในห้องให้ผ่องใส ประภาษพลางนางพระยาลุกคลาไคล เสด็จไปห้องนอกบอกธิดา พระเหือดหายคลายคลั่งลงบ้างแล้ว พาลูกแก้วกลอยใจเข้าไปหา ถึงกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งไม่ฟังยา ได้เห็นหน้าลูกน้อยก็ค่อยคลาย แล้วส่งรูปเลขาให้จ่าโขลน เอาไปโยนเสียที่วนชลสาย นางรอรั้งฟังเงียบเซียบสบาย จึงผันผายพาสุรางค์ไปปรางค์ทรอง ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีนารีราช เห็นภูวนาถเคลื่อนคลายค่อยวายหมอง จูงธิดานารีทั้งพี่น้อง เข้าในห้องพระบรรทมค่อยก้มคลาน จอมกษัตริย์ตรัสเรียกพระลูกรัก มานั่งตักข้างละองค์ด้วยสงสาร แม่ไปไหนไม่มาหาพ่อช้านาน นางกราบกรานตรงพระเพลาแล้วเล่าความ ฉันเกล้าจุกตุ๊กตาจะมาถวาย มันหนีหายก็ต้องไปเที่ยวไต่ถาม ทั้งน้องน้อยพลอยว่าตุ๊กตางาม ยังอยู่สามตัววางไว้ข้างเตียง พระกอดจูบลูบหลังแล้วฟังพลอด ช่างฉอดฉอดฉอเลาะเสนาะเสียง อุ้มบุตรีพี่น้องประคองเคียง พิศเพียงพิมพ์เดียวแล้วเหลียวมา แกล้งตรัสบอกหยอกมิ่งมเหสี ไหนน้องพี่นี่ยังคิดกังขา นางแย้มยิ้มพริ้มพรายอายวิญญาณ์ พระตรัสว่าวันนี้ฤกษ์ดีครัน จะตั้งนามตามวงศ์พงศ์กษัตริย์ ศรีสวัสดิ์จงขยับมารับขวัญ ให้บุตรีพี่ชื่อสร้อยสุวรรณ น้องชื่อจันทร์สุดากุมารี นางคำนับรับรสพจนารถ แล้วสอนราชธิดามารศรี ให้รับสั่งบังคมก้มโมลี พระบุตรีรับพลอดฉอดสำเนียง สร้อยสุวรรณนั้นว่าชื่อฉันเพราะกว่า น้องก็ว่าของฉันเพราะทะเลาะเถียง ต่างทูลความถามไถ่เฝ้าไล่เลียง ว่าชื่อเสียงใครจะเพราะเสนาะดี พระอภัยใจสบายค่อยคลายคลั่ง ว่าเพราะทั้งพี่น้องทั้งสองศรี นางทูลลาว่าจะไปอวดอัยกี อัญชลีแล้วก็พากันคลาไคล ฯ ๏ พอพลบค่ำย่ำฆ้องกลองกระหึ่ม ประโคมครึ้มครื้นครั่นสนั่นไหว นางสำหรับขับร้องทำนองใน ก็ท้าทับขับไม้มโหรี บรรทมฟังวังเวงด้วยเพลงกล่อม ประสานซ้อมสังคีตทั้งดีดสี จวนจะหลับกลับเห็นรูปนารี อยู่ริมที่ไสยาสน์ประหลาดใจ ประโลมลูบรูปวาดปีศาจซ้ำ ให้จิตคล่ำเคลิ้มองค์กลับหลงใหล แนบถนอมหอมชื่นรื่นฤทัย เฝ้าลูบไล้รับขวัญจำนรรจา เจ้ากับพี่นี้กุศลแต่หนหลัง เห็นจริงจังเจียวนะแม่แน่หนักหนา ถึงพรากไปไว้ที่อื่นคงคืนมา เหมือนเขาว่าคู่แล้วไม่แคล้วเลย ประภาษพลางทางตระโบมประโลมลูบ ถนอมรูปร่วมเรียงเคียงเขนย จนแสงทองส่องสว่างน้ำค้างเชย ลมรำเพยพัดพาสุมามาลย์ มารื่นรื่นชื่นจิตสนิทหลับ ระทวยทับรูปทรงน่าสงสาร จนรุ่งเช้าสาวสรรค์พนักงาน ตั้งเครื่องอานแอบดูพระภูวไนย เห็นสวมสอดกอดกระดาษที่วาดรูป ต่างก็ลูบอกว่าน่าสงสัย เมื่อทิ้งขว้างกลางน้ำทำกระไร จึงมาได้หรือกระดาษปีศาจมี ปรึกษาพลางทางรีบไปปรางค์รัตน์ ทูลรหัสเหตุพระมเหสี นางตกใจให้เชิญพระชนนี มาพร้อมที่ปรางค์รัตน์กษัตรา มองเขม้นเห็นกระดาษประหลาดจิต เป็นสุดคิดแค้นคั่งนั่งปรึกษา ฝ่ายองค์พระอภัยตื่นไสยา เห็นมารดาเดือดดาลรำคาญใจ ทำผินหลังบังกระดาษอนาถนิ่ง กลัวจะชิงฉีกมิตรพิสมัย พระมารดรวอนว่าด้วยอาลัย นี่รูปใหม่หรือเก่าพ่อเฝ้าเชย รูปไม่ดีผีสิงทิ้งเสียเถิด จะก่อเกิดความวุ่นพ่อคุณเอ๋ย ฟังแม่ว่าเถิดอย่าได้เอาไว้เลย พ่อควรเชยสาวสนมกรมใน นางพระยาว่าวอนพระนอนนิ่ง นางก็ยิ่งวอนว่าน้ำตาไหล พระฮึดฮัดตรัสว่าระอาใจ เฝ้าแคะไค้ค่อนว่าดูน่าชัง ทั้งผู้ดีขี้ข้าขึ้นมาแซ่ เฝ้าโหมแห่หึงสาเหมือนบ้าหลัง พระเคืองขับกลับรูดวิสูตรบัง ให้คลุ้มคลั่งเคลิ้มอารมณ์ไม่สมประดี ฯ ๏ พระมารดรถอนฤทัยไห้สะอื้น สุดจะกลืนกลั้นน้ำตามารศรี ทั้งโฉมยงองค์สุวรรณมาลี พระหัตถ์ตีทรวงซ้ำร่ำพิไร โอ้พระร่มโพธิ์ทองของน้องแก้ว หลงเสียแล้วกรรมเอ๋ยกรรมจะทำไฉน พระมารดาว่าพ่อคุณเคยอุ่นใจ เหมือนฉัตรชัยช่วยบำรุงให้รุ่งเรือง มาเกิดเป็นเช่นนี้วิปริต เหมือนมืดมิดแหล่งหล้าฟ้าจะเหลือง แม้ข้าศึกฮึกอึงมาถึงเมือง เมื่อแค้นเคืองขุ่นเข็ญจะเห็นใคร นางครวญคร่ำกำสรดสลดจิต โอ้สุดคิดสุดที่แม่จะแก้ไข ทั้งห้ามแหนแสนสนมกรมใน ต่างร้องไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ ๏ ครั้นสว่างนางให้หาโหราราช ทั้งอำมาตย์เมืองผลึกมาปรึกษา เป็นเหตุใหญ่ไพรีจะมีมา เสวกาจะคิดอ่านประการใด พวกเสนาต่างคนคิดอ้นอั้น สติตันตกประหม่าน้ำตาไหล ต่างทูลความตามแคลงไม่แจ้งใจ แล้วสั่งให้โหรชำระดูพระเคราะห์ พฤฒาเฒ่าเอาประดิทินออกคลี่ ตั้งเดือนปีลงเลขโปกเปกเปาะ ราหูเสาร์เข้ารวบจวบจำเพาะ เป็นพระเคราะห์คราวร้ายจึงทายทูล ต้องตำราว่าผีไพรีร้าย ทำวุ่นวายหวังจะให้เสียไอศูรย์ แต่ไม่ม้วยด้วยพระวงศ์พงศ์ประยูร จะเพิ่มพูนผ่อนปรนให้พ้นภัย ฯ ๏ นางพระยาว่ากระนั้นในวันนี้ จะลงผีไต่ถามตามสงสัย ให้หาท้าวเจ้าสิงที่จริงใจ มาข้างในแต่งตั้งเครื่องสังเวย ทั้งเป็ดไก่บายศรีอาหนีเหล้า เทพเจ้าจงเจริญเชิญเสวย อีท้าวแมนแสนกลเป็นคนเคย ร้องสังเวยไหว้ผีให้ตีโทน ทำถือเทียนเวียนหันสั่นสะเทิ้ม ระริกเริ้มรัวเต้นดังเล่นโขน ลูกสมุนหมุนหน้าทับรับตะโพน ท่านยายโยนเหล้าเข้มเข้าเต็มตึง ทั้งกรีดกรายย้ายอย่างย่างสะบัด ขึ้นเตียงขัดสมาธิ์นั่งทำตั้งขึง คนสำหรับนับถือก็อื้ออึง ท่านอยู่ถึงถิ่นฐานโรงศาลใด อีท้าวแมนแสนรู้ว่ากูนี้ มิใช่ผีโป่งป่ามาแต่ไหน คือองค์ท้าวจ้าวนครแต่ก่อนไร พระอภัยไม่มาง้อกูพ่อตา จึงแค้นนักจักทำให้หนำจิต เอาชีวิตเสียเดี๋ยวนี้แล้วสิหนา ทำตึงตังดังจะเอาซึ่งชีวา นางพระยาตกใจกระไรเลย นึกว่าจริงวิ่งมาหายายท้าว ว่าพ่อเจ้าจงการุญพ่อคุณเอ๋ย อย่าถือโทษพระอภัยเธอไม่เคย เลี้ยงลูกเขยไว้เถิดท้าวเจ้าประคุณ อีท้าวแมนแสนฉลาดตวาดว่า ยายอย่ามาหน่วงเหนี่ยวจะเฉียวฉุน แม้งอนง้อขอชีวาจะการุญ เร่งบนหุ่นโขนละครทั้งมอญรำ สักเจ็ดวันนั้นและยายจะหายแค้น ถ้ามาตรแม้นมิบนอยู่จนค่ำ จะหักคอมรณาทารกรรม พอสิ้นคำทำล้มไม่สมประดี นางพระยาว่าพุคะจะถวาย ขอให้หายเถิดจะให้ทั้งบายศรี แล้วตรัสสั่งทั้งสองเสนาบดี จัดเสนีนายด่านชำนาญเรือ ไปเชิญพระอนุชาหาโอรส มาทั้งหมดเมืองผลึกเป็นศึกเสือ ทั้งโหรดูภูวนาถว่าชาติเชื้อ จะก่อเกื้อแก้หายไม่วายปราณ ฯ ๏ เสนาในได้สดับคำรับสั่ง ออกจากวังเรียกเสมียนมาเขียนสาร ให้เสนีที่ฉลาดรู้ราชการ คุมทหารเภตราไปห้าลำ พอลมดีคลี่ใบทั้งใหญ่น้อย ออกแล่นลอยตามคลื่นทุกคืนค่ำ ต่อน้ำหมดอดนักแวะตักน้ำ แล้วแล่นร่ำรีบไปจนไกลครัน ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก เสวยเสวกฉัตรชัยไอศวรรย์ เมื่อปีสุดสาครจรมานั้น พระนางจันทวดีมีโอรส พระบิตุราชมาตุรงค์วงศ์กษัตริย์ โสมนัสเฝ้าถนอมอยู่พร้อมหมด สาวสุรางค์นางสนมล้วนสมยศ เลี้ยงโอรสค่อยเจริญมาเนิ่นนาน ได้สิบขวบอวบอ้วนเป็นนวลเปล่ง ดังเดือนเพ็งผิวพรรณในสัณฐาน ถวายนามตามชะตาโหราจารย์ ชื่อกุมารหัสไชยวิไลทรง สุดสาครนอนเคียงคอยเลี้ยงน้อง เหมือนร่วมท้องรักใคร่จนใหลหลง ทุกเช้าเย็นเล่นกับน้องทั้งสององค์ จนค่อยทรงพระเจริญยิ่งเพลินใจ มาวันหนึ่งรำพึงถึงบิตุเรศ ไม่แจ้งเหตุว่าอยู่หนตำบลไหน แต่วันลาดาบสกำหนดไว้ น้อยหรือได้สิบปีเข้านี่แล้ว พระบิตุรงค์องค์ไหนยังไม่เห็น เสียแรงเป็นหน่อเนื้อในเชื้อแถว แม้มิตายหมายมาดไม่คลาดแคล้ว พรุ่งนี้แล้วลูกจะลาบิดาไป พระครวญคร่ำรำลึกสะอึกสะอื้น จนดึกดื่นเดือนลับไม่หลับใหล พอรุ่งรางพลางสะท้อนถอนฤทัย จึ่งปราศรัยสั่งพระน้องสองกุมาร เย็นวันนี้พี่จะลาแล้วหนาจ๊ะ ด้วยธุระร้อนใจดังไฟผลาญ เที่ยวตามติดบิตุรงค์หาวงศ์วาน แม้นพบพานพี่จะมาหาพระน้อง แม่นงเยาว์เสาวคนธ์อย่าซนวิ่ง เป็นผู้หญิงเนื้อตัวจะมัวหมอง พระอนุชาอย่าไปเต้นเล่นคะนอง อยู่ในห้องหัดหนังสืออย่าดื้อดึง พลางสวมสอดกอดสองพระน้องแก้ว แม้ไปแล้วพี่จะนึกรำลึกถึง ไม่รู้เรื่องเมืองผลึกยังลึกซึ้ง เมื่อไรจึงจะได้มาเห็นหน้ากัน พระพี่น้องสองกุมารสงสารพี่ ร้ายหรือดีก็ไม่แจ้งกันแสงศัลย์ สะอื้นพลางทางว่าถ้าเช่นนั้น ไปด้วยกันฉันไม่อยู่ในบูรี พระเชษฐาว่าทางกลางสมุทร ลำบากสุดเสียแล้วน้องจะหมองศรี เล่นกับพระอนุชาอยู่ธานี หน่อยหนึ่งพี่ก็จะมาไม่ช้านาน พระพี่น้องร้องไห้จะไปด้วย เข้าฉุดฉวยเชษฐาน่าสงสาร สุดสาครวอนว่าเป็นช้านาน สองกุมารก็ไม่ฟังเข้ารั้งไว้ จะขัดนักจักช้าจึงพาน้อง ไปเฝ้าสองกษัตริย์อัชฌาสัย ศิโรราบกราบบาทเพียงขาดใจ พลางพิไรร่ำว่าด้วยอาวรณ์ โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณการุญรัก ถนอมพักตร์ผิดพลั้งช่วยสั่งสอน เกษมสุขทุกทิวาเฝ้าอาทร ยิ่งบิดรมารดาพยาบาล แต่ตัวลูกผูกคิดถึงบิตุเรศ ไม่แจ้งเหตุธานินทร์ถิ่นสถาน มาพึ่งบุญมุลิกาอยู่ช้านาน นึกสงสารพระบิดาเอกากาย ลูกขอลาฝ่าละอองสองกษัตริย์ ไปปฏิบัติบิตุราชเหมือนมาดหมาย แม้นลูกนี้ชีวิตมิวอดวาย จะผันผายกลับมาเหมือนอาลัย ฯ ๏ สองกษัตริย์อัดอั้นให้ตันจิต สุดจะคิดขัดข้องทำนองไหน เสนหาอาวรณ์ร้อนฤทัย พระชลนัยน์นองเนตรเวทนา จึงว่าพ่อก็ไม่ห้ามจะตามส่ง ให้พบองค์บิตุราชเหมือนปรารถนา จงรอรั้งสั่งเวรเกณฑ์เภตรา ยกโยธาไปด้วยกันสักพันลำ ฯ ๏ สุดสาครอ่อนเกล้าลงเคารพ พระคุณลบเลี้ยงชุบอุปถัมภ์ แต่มิควรกวนองค์พระทรงธรรม แล้วจะลำบากใจแก่ไพร่พล จะขอลาฝ่าละอองไปท่องเที่ยว แต่ผู้เดียวได้แสวงทุกแห่งหน พระบิตุรงค์จงสำราญผ่านมณฑล ให้ไพร่พลบ้านเมืองเรืองสำราญ ขอฝากแต่กนิษฐานุชาน้อย จะเศร้าสร้อยโศกาหาหม่อมฉาน ช่วยว่ากล่าวน้าวโน้มประโลมลาน อย่ารุกรานรับขวัญจนฉันมา พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง เข้ายุดแย่งหยิกแขนแค้นหนักหนา เขาจะได้ไปด้วยไม่ช่วยลา แล้วโศกากอดไว้ไม่ไกลกาย ฯ ๏ สองกษัตริย์ทัศนาธิดาบุตร ยิ่งแสนสุดอาลัยมิใคร่หาย เหมือนพี่น้องท้องเดียวเจียวเสียดาย จึงภิปรายโปรดว่าสุดสาคร ถึงลูกรักจักมิให้พ่อไปด้วย จะขอช่วยแต่งทหารชาญสมร ให้ลูกยาพาพหลพลนิกร เที่ยวสัญจรตามติดพระบิดา เพื่อพบกันวันใดจะได้แจ้ง ว่าพ่อแต่งตามยศโอรสา อย่าตัดญาติขาดเด็ดจงเมตตา ให้บิดาดีใจจึงไกลกัน ฯ ๏ สุดสาครอ่อนหวานประทานโทษ ตามจะโปรดชุบย้อมกระหม่อมฉัน แล้วปลอบน้องสองราอย่าจาบัลย์ สองสามวันพี่ยาจะมาวัง นางว่าชะพระพี่ช่างขี้ปด เขารู้หมดมิใช่ว่าเป็นบ้าหลัง ไม่ทูลลาพาไปก็ไม่ฟัง นางเฝ้านั่งบ่นว่าแล้วจาบัลย์ สุดสาครอ่อนใจอาลัยน้อง จึงทูลสองกษัตรานราสรรค์ พระน้องรักจักใคร่ไปด้วยกัน ให้หม่อมฉันทูลลาฝ่าธุลี ฯ ๏ พระบิตุรงค์สงสารโองการตรัส พ่อไม่ขัดขุ่นข้องให้หมองศรี จะอยู่ไปพ่อไม่ห้ามดอกตามที สุดแต่พี่กับน้องปรองดองกัน พระตรัสพลางทางหาเสนาผู้ใหญ่ มาสั่งให้จัดพหลพลขันธ์ สักห้าหมื่นปืนรบให้ครบครัน ลงกำปั่นร้อยลำประจำการ ที่นั่งรองของเรายาวสามเส้น เอาแต่งเป็นลำทรงใส่ธงฉาน เลือกล้าต้าต้นหนทั้งคนงาน ที่ชำนาญนาวาในสาคร เสนาในได้สดับคำรับสั่ง มาเตรียมพรั่งพร้อมทัพสลับสลอน ลำที่นั่งบังห้องช่องบัญชร มีบรรจถรณ์แท่นตั้งล้วนฝังพลอย ทั้งธงทองรองเรืองเครื่องประดับ เชือกสำหรับรอกใบของใช้สอย มาทอดท่าหน้าวังถ้วนทั้งร้อย ต่างเตรียมคอยพระโอรสยศไกร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมจันทวดีนารีราช แสนสวาทลูกน้อยละห้อยไห้ จะจากวังทั้งสามตามกันไป เป็นจนใจที่จะขัดจะทัดทาน จัดสุรางค์นางสนมพี่เลี้ยงพร้อม ทั้งคนกล่อมกล่าวเกลี้ยงล้วนเสียงหวาน เจ้าขรัวยายนายสำหรับบังคับการ ตรวจเครื่องอานพร้อมเพรียงจนเสียงเครือ เร่งให้คนขนส่งลงกำปั่น ทั้งกำนัลน้อยใหญ่ดีใจเหลือ พอรุ่งรางต่างคนมาลงเรือ มีหมอนเสื่อสารพัดจัดประจง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครชวนพระน้องเข้าห้องสรง สีสุคนธ์ปนทองละอององค์ ต่างสอดทรงเครื่องประดับดูวับวาม แล้วลีลามายังห้องสองกษัตริย์ ชลีหัตถ์พร้อมพรั่งกันทั้งสาม นางไว้จุกลูกน้อยน้อยคอยติดตาม ล้วนงามงามน่ารักลักษณา ฯ ๏ พระบิตุราชมาตุรงค์องค์กษัตริย์ สู้อั้นอัดอดรักไว้หนักหนา กลัวเป็นลางต่างสะอื้นกลืนน้ำตา ทั้งบิดามารดรอวยพรชัย จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ์ อย่าเคืองขัดขุ่นข้องให้ผ่องใส ได้พบปะพระบิดาดังอาลัย อรินทร์ภัยคลาดแคล้วอย่าแผ้วพาน ทั้งสามองค์ทรงสดับอภิวาท ประยูรญาติใหญ่น้อยพลอยสงสาร พระบิตุราชมาตุรงค์ทั้งวงศ์วาน พากุมารมาส่งลงนาวา พร้อมสะพรั่งทั้งร้อยลอยสล้าง มีขุนนางลำละนายรายรักษา เสียงทหารขานโห่ก้องโกลา ปืนสัญญายิงลั่นสนั่นดัง ออกกำปั่นลั่นฆ้องกลองกระหึ่ม ประโคมครึ้มครื้นแซ่ทั้งแตรสังข์ ออกจากท่าสาคเรศนิเวศน์วัง ลำที่นั่งลอยเลื่อนค่อยเคลื่อนคลาย สองกษัตริย์ทัศนานาวาคล้อย หวนละห้อยโหยไห้พระทัยหาย ทั้งแสนสาวท้าวนางท่านขรัวนาย ต่างฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย ยิ่งแลลับวับจิตคิดวิตก ระกำอกอุตส่าห์ขืนสะอื้นไห้ กษัตราพาสนมกรมใน กลับไปไพชยนต์สุวรรณพรรณราย ฯ ๏ สงสารหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครเสาวคนธ์วิมลฉาย ทั้งหน่อกษัตริย์หัสไชยใจสบาย อยู่ห้องท้ายกำปั่นเผยบัญชร บริกรรมสำเหนียกร้องเรียกม้า ด้วยมนตราดลจิตนักสิทธ์สอน จึงดลใจให้พระยาม้ามังกร ทุรนร้อนรีบมาหากุมาร เผ่นขึ้นลำกำปั่นสุวรรณรัตน์ ไม่ดีดกัดเสนาโยธาหาญ มาเฟี้ยมฟุบยุบยอบเหมือนหมอบกราน พระกุมารออกมาหาอาชาไนย แล้วลูบหลังสั่งว่าเวลาค่ำ ขึ้นนอนลำกำปั่นน้องให้ผ่องใส แต่กลางวันนั้นไม่ห้ามตามแต่ไป แล้วก็ให้ของกินด้วยยินดี ฯ ๏ พอออกจากปากน้ำพระกำหนด เหมือนดาบสบอกทางกลางวิถี หมายพายัพรับโห่ทั้งโยธี พอลมดีใช้ใบไรไรมา ทั้งร้อยลำกำปั่นเป็นหลั่นแล่น ตั้งแห่แหนเรียงรายทั้งซ้ายขวา นางสาวสาวเหล่ากำนัลกัลยา ออกเยี่ยมหน้านั่งสลอนข้างตอนท้าย เห็นกว้างขวางว่างโว้งละโล่งลิ่ว เห็นหวิวหวิวหวั่นหวั่นมิ่งขวัญหาย เกาะกระพุ่มคุ่มเคียงเรียงเรียงราย จะเหลียวซ้ายแลขวาก็น่ากลัว กลางอากาศกลาดกลุ้มชอุ่มเมฆ แลวิเวกเวหาฟ้าสลัว เสียงครึกครื้นคลื่นระลอกเป็นหมอกมัว ระวังตัวต่างภาวนาดัง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบรเมศร์เกศกษัตริย์ โสมนัสในอารมณ์ด้วยสมหวัง ขึ้นบาหลีที่สุวรรณเหนือบัลลังก์ พระน้องนั่งแนบข้างไม่ห่างกัน ลมเย็นเย็นเห็นมัจฉาขึ้นคลาคล่ำ บ้างผุดดำดูชวนกันสรวลสันต์ เฝ้าทับยีพี่ยาถามสารพัน ว่ายโน่นนั่นปลาอะไรใหญ่เต็มที พระบอกน้องสองราประสาเด็ก นี่ปลาเล็กดอกนะจ๊ะมารศรี ว่ายข้างนอกดอกมันเท่าเขาคีรี ว่ายเหล่านี้ซิวซ่าปลาเล็กน้อย แล้วชวนดูหมู่สัตว์ปฏิสนธิ์ หัวเป็นคนข้างท้ายกลายเป็นหอย เที่ยวเก็บกินดินสลุตขึ้นผุดลอย พระน้องน้อยชมเพลินเจริญใจ บ้างมีหางอย่างปลาหน้าเหมือนเงาะ ต่างหัวเราะร้องว่าปลาไปไหน มันพูดอย่างข้างเราไม่เข้าใจ พระหน่อไททิ้งอาหารให้ทานกิน มีต่างต่างบ้างพิกลก้นเป็นสาย ขึ้นเรียงรายกลางมหาชลาสินธุ์ มีแต่กายสายหยั่งกระทั่งดิน เที่ยวจับกินกุ้งปลาในสาชล เห็นกำปั่นมันร้องออกก้องเสียง ให้แล่นเลี่ยงหลีกทางไปกลางหน จะถูกสายตายสิ้นมันดิ้นรน เสียงเหมือนคนแต่ข้างเราไม่เข้าใจ พระพี่น้องสององค์ทรงพระสรวล ต่างชี้ชวนชมปลาชลาไหล ทั้งเสนีรี้พลสกลไกร สำราญใจจรมาสิบห้าวัน ฯ ๏ ถึงละเมาะเกาะกาวินถิ่นผีเสื้อ ต่างทอดเรือเรียงเรียงเคียงเคียงคั่น ขึ้นตักน้ำลำเลียงพร้อมเพรียงกัน ผีเสื้อมันได้กลิ่นก็บินมา เสียงคึกคึกครึกครื้นเป็นหมื่นแสน เท่าลำแพนแผ่ปีกหลีกถลา ลงโฉบได้ไพร่พลบนเภตรา กระพือพาขึ้นละเมาะเกาะกาวิน ที่เหลืออยู่สู้รบไม่หลบหลีก มันมาอีกอัดแอกระแสสินธุ์ เปรียบเหมือนเหยี่ยวเฉี่ยวปลาแล้วพาบิน หน่อนรินทร์กับพระน้องอยู่ห้องใน เสียงว้าวุ่นผลุนออกมานอกห้อง มันโฉบสองอนุชาพาไปได้ สุดสาครร้อนอกตกพระทัย ฉวยได้ไม้เท้าโลดกระโดดมา ขึ้นขี่หลังมังกรก็ถอนถีบ ลงน้ำรีบตามติดขนิษฐา ไล่ผีเสื้อเงื้อไม้เท้าของเจ้าตา ร้องเหวยว่าสักเท่าไรก็ไม่วาง มันกลับกลุ้มรุมจับพระรับรบ ทั้งม้าขบโขกกัดสะบัดหาง ทั้งตัวปีกฉีกตายมันวายวาง พระสู้พลางภาวนามหามนต์ หวดไม้เท้าดาบสดังกรดกริช พอถูกนิดกายขาดกลาดกลางหน ผีเสื้อร้ายวายปราณไม่ทานทน ต่างทิ้งคนเสียสิ้นแล้วบินไป พระอุ้มน้องสององค์ขึ้นทรงม้า พวกโยธาว่ายคล่ำในน้ำไหล ต่างขึ้นลำกำปั่นไม่บรรลัย ทั้งนายไพร่พร้อมสิ้นก็ยินดี ฯ ๏ ถอนสมอช่อใบขึ้นใส่รอก จะรีบออกนาวาพากันหนี พออากาศฟาดเปรี้ยงเสียงสุนี เห็นคนดีถือขวานผ่านหน้าเรือ แล้วร้องว่าอย่าเพ่อไปจะได้ลาภ ช่วยกันปราบอสุรีพวกผีเสื้อ มันหยาบคายร้ายกาจเป็นชาติเชื้อ กินชาวเรือค้าขายมาหลายพัน เทพไทใช้เรามาเผาผลาญ ผีเสื้อพาลพวกยักษ์มักกะสัน อ้ายนายใหญ่ในน้ำตัวสำคัญ มันป้องกันพวกพลด้วยมนตรา มิให้เราเข้าไปถึงในถ้ำ ต้องคอยทำร้ายอยู่นอกคูหา ท่านช่วยล่อแต่พอให้มันไล่มา เราจะฆ่าตัวนายให้วายชนม์ จึงคว้าแก้วแววตาทั้งขวาซ้าย ไปกันกายสารพัดไม่ขัดสน บังเกิดแรงแข็งณรงค์ทั้งคงทน ถ้าจับคนเข้าก็อ่อนหย่อนกำลัง ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น จะล่อมันมาให้ได้ดังใจหวัง แล้วปราศรัยให้พระน้องเข้าห้องบัง กำชับสั่งพลไกรทั้งไพร่นาย ถ้าที่นี้ผีเสื้อมาเรืออีก อย่าเลี่ยงหลีกรบพุ่งเหมือนมุ่งหมาย แล้วแต่งองค์ทรงเกาทัณฑ์คันเขาควาย สะพักสายทรงพระยาม้ามังกร สมคะเนเทวดาพาขึ้นเกาะ ข้ามละเมาะเขาเขินเนินสิงขร ถึงปากถ้ำอำลาสุดสาคร ขึ้นแฝงนั่งบังชะง่อนก้อนศิลา พระหน่อนาถอาจองตรงเข้าถ้ำ พิลึกล้ำแลเวิ้งเป็นเพิงผา เห็นผีเสื้อเหลือใหญ่เท่าไอยรา ก็รู้ว่าตัวนายนอนร่ายมนต์ จึงเอี้ยวองค์ทรงลั่นเกาทัณฑ์ขวับ ถูกขมับไม่ระคายเท่าปลายขน ซ้ำอีกทีผีเสื้อเห็นเหลือทน ลืมร่ายมนต์โมโหให้โกรธา คำรนร้องก้องกึกสะอึกไล่ พระหน่อไทหนีออกนอกคูหา ผีเสื้อร้ายหมายจะกินบินออกมา ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงเปรี้ยงสำเนียงดัง ถูกผีเสื้อเนื้อตัวทั้งหัวขาด พระหน่อนาถชื่นชมด้วยสมหวัง เข้าควักแก้วแววตาละล้าละลัง ได้มาทั้งสองข้างสว่างวาว เป็นแสงรุ้งพลุ่งพรายประกายแก้ว ดูวาวแววกลมเกลียวบ้างเขียวขาว พิศเพ่งเปล่งปลั่งดูดังดาว สมที่ท้าวเทวาเธอว่าดี แล้วแลดูผู้นั้นครั้นไม่เห็น ขับม้าเผ่นโผนผาดดังราชสีห์ ลงลำเนาเขาเขินเนินคิรี ข้ามนทีถึงกำปั่นไม่ทันเย็น จึงแจ้งความตามล้วงได้ดวงเนตร ของวิเศษชูให้นายแลไพร่เห็น ดูเปล่งปลั่งดังดาวราวกับเป็น ต่างเขม้นหมอบก้มชมกุมาร พระยื่นแก้วแววตามหายักษ์ ให้น้องรักสององค์ด้วยสงสาร กายสิทธิ์ฤทธิรณทั้งทนทาน สองกุมารอัญชลีด้วยดีใจ ต่างรับแก้วแววเนตรจากเชษฐา ชมจินดาแพรวพร่างสว่างไสว พระอนุชาว่ามณีดีอย่างไร ฉันจะใคร่ดูเล่นให้เห็นฤทธิ์ ออกจากห้องลองยกครกเหล็กใหญ่ เอาขึ้นได้ดูไม่ยากแต่สักนิด ต่างเริงรื่นชื่นชมด้วยสมคิด มานั่งชิดเชษฐาแล้วพาที ฉันข้อแข็งแรงเรี่ยวขึ้นเจียวจ๊ะ ทีนี้ปะข้าศึกไม่นึกหนี ถึงสูงกว่าห้าศอกจะออกตี อวดพระพี่พูดจาประสาใจ แล้วเชษฐาหาขุนนางช่างฉลาด มาคิดคาดเพชรรัตน์จำรัสไข ทำสายสร้อยร้อยกรองทองอุไร ผูกหัตถ์ให้นุชน้องสองกุมาร ฯ ๏ แล้วออกลำกำปั่นเป็นหลั่นแล่น ไปพ้นแดนเกาะกาวินถิ่นสถาน สังเกตทิศสิทธาบัญชาการ มาประมาณสามเดือนไม่เคลื่อนคลา เข้าเขตแคว้นแดนเมืองผลึกราช เห็นเรือลาดตระเวนรายทั้งซ้ายขวา ให้ตีฆ้องร้องถามตามสงกา ชาวพารารับฆ้องแล้วร้องไป เราพวกพ้องกองตระเวนเมืองผลึก นี่ข้าศึกหรือนาวามาแต่ไหน สมคะเนเสนีก็ดีใจ จึงสั่งให้ทอดสมอลงรอรา แล้วบอกเหล่าชาวผลึกใช่ศึกเสือ พระหน่อเนื้อทรงยศโอรสา จะมาเฝ้าเจ้าชีวิตพระบิดา แวะเข้ามาเถิดจะเล่าให้เข้าใจ กองตระเวนเจนจิตคิดสังเกต รู้ว่าเพศพงศ์พราหมณ์ตามวิสัย เป็นโอรสยศยงพระองค์ใด จำจะไปเฝ้าฟังรับสั่งความ จึงขึ้นลำกำปั่นสุวรรณรัตน์ หน่อกษัตริย์ทรงทักแล้วซักถาม ถึงพงศ์เผ่าเหล่ากอพระหน่อนาม ก็ได้ความเที่ยงแท้แน่พระทัย แล้วว่าเราเยาว์อยู่ไม่รู้จัก จึงนับศักดิ์สุริย์วงศ์ด้วยสงสัย ท่านชี้แจงแจ้งสิ้นไม่กินใจ จะขอไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ กองตระเวนเจนจัดจึงขัดขวาง อันเยี่ยงอย่างกรุงไกรมไหศวรรย์ ถึงหน่อเนื้อเชื้อวงศ์เป็นพงศ์พันธุ์ อยู่ไกลกันก็ต้องห้ามตามทำนอง จะนำข่าวราวความไปตามเรื่อง ให้ทราบเบื้องบาทมูลทูลฉลอง แม้นภูวไนยให้หาฝ่าละออง จึงยกกองทัพเข้าไปในนคร แล้วทูลลามาเกณฑ์ตระเวนด่าน เรือทหารห้าร้อยลอยสลอน ให้ประจำกำกับอย่างหลับนอน แล้วรีบร้อนเร็วมาถึงธานี ฯ ๏ จึงแจ้งการท่านมหาเสนาผู้ใหญ่ พาเข้าไปทูลพระมเหสี ฝ่ายโฉมยงองค์สุวรรณมาลี ไม่ทราบที่เท็จจริงยังกริ่งใจ จะทูลความยามคลั่งกำลังเคลิ้ม เนื้อความเดิมเห็นพระองค์จะหลงใหล จึงตรองตรึกปรึกษาเสนาใน จะรับให้มาดีหรือมิควร ขุนนางพร้อมน้อมประณตว่ากฎหมาย แม้นเจ้านายเสียจริตเห็นผิดผวน ครั้นจะกราบทูลความตามประชวร ก็ไม่ควรขอให้ทัพเธอยับยั้ง อยู่ท่าพระอนุชาถ้ามาถึง นั่นแหละจึงจะได้ถามเนื้อความหลัง กลศึกลึกเหลือจะเชื่อฟัง ข้าคิดยังเคลือบแคลงระแวงความ นางกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ ด้วยศัตรูเบียดเบียนเป็นเสี้ยนหนาม จะไล่ขับกลับไปก็ไม่งาม ฉวยเป็นความสุจริตจะผิดนัก เสนาในไปให้ถึงจึงจะชอบ ช่วยโต้ตอบตามโบราณอย่าหาญหัก แม้นโอรสอุตส่าห์มาสาพิภักดิ์ ให้ลูกรักอยู่ที่ด่านชานนคร ฯ ๏ เสนารับอภิวันท์แล้วผันผาย ไปด้วยนายแดนด่านชาญสมร ขึ้นลำทรงองค์พระหน่อบดินทร สุดสาครเรียกหามาข้างนี้ เสนาในไปประณตโอรสราช เห็นผุดผาดผิวผ่องละอองศรี ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนพระอภัยมณี ความยินดีเห็นจริงไม่กริ่งใจ จึงทูลความตามองค์พระทรงศักดิ์ ประชวรหนักลืมองค์ให้หลงใหล ทั้งห้ามแหนแสนสนมกรมใน นั่งร้องไห้ไม่วายฟายน้ำตา แต่ธานีมีศึกนึกวิตก จึงต้องปกปิดความห้ามหนักหนา ให้เรือใช้ไปเชิญพระอนุชา ไม่เห็นมาช้านานจนป่านนี้ พอทราบว่าฝ่าพระบาทราชโอรส ยกพวกทศโยธามากรุงศรี พระมารดาข้าแผ่นดินก็ยินดี ให้ข้านี้มาประณตบทมาลย์ เชิญประทับยับยั้งยังปากอ่าว ด้วยได้ข่าวข้าศึกเห็นฮึกหาญ ให้พระองค์ทรงฤทธิ์ค่อยคิดการ รักษาด่านปากน้ำที่สำคัญ คลายประชวรควรทูลถวายได้ จึงจะให้เชิญเสด็จเข้าเขตขัณฑ์ อนึ่งเล่าพระเจ้าอานุชานั้น สองสามวันเห็นจะมาไม่ช้าที ฯ ๏ สุดสาครร้อนจิตถึงบิตุเรศ ชลเนตรแนวนองให้หมองศรี ถอนสะอื้นฝืนพักตร์ซักเสนี ประเดี๋ยวนี้ทรงธรรม์ค่อยบรรเทา หรือประชวรปรวนแปรกว่าแต่ก่อน อกเราร้อนราวกับไฟประลัยเผา เสนาทูลมูลความตามสำเนา ค่อยบรรเทาขึ้นด้วยถ่ายหลายเวลา พระอาหารวานนี้ก็มีรส เสวยหมดข้าวสวยสักถ้วยฝา เห็นชื่นมื่นฟื้นฟังกำลังยา พระโรคาคงจะหายเหมือนหมายไว้ ฯ ๏ พระฟังคำจำจนให้อ้นอั้น จึงผ่อนผันพูดจาอัชฌาสัย เป็นจำเพาะเคราะห์กรรมกระทำไว้ จึงมิได้รักษาพยาบาล ซึ่งองค์พระชนนีมีรับสั่ง ให้ระวังปากอ่าวด้วยข่าวสาร ถ้าข้าศึกฮึกโหมมาโรมราญ จะต่อต้านตีทัพให้ยับเยิน แต่อาการผ่านเกล้าเบาหรือหนัก ให้ประจักษ์แจ้งบ้างอย่าห่างเหิน ขุนเสนาว่าจะไม่ละเมิน กระนั้นเชิญเข้าด่านชานนคร ฯ ๏ พระทรงฟังสั่งมหาเสนาผู้ใหญ่ ให้ใช้ใบกำปั่นเป็นหลั่นสลอน เข้าปากน้ำย่ำเย็นลงรอนรอน ให้พักผ่อนอยู่ที่ด่านชานบุรี ฯ ๏ อันเรื่องราวกล่าวความที่ห้ามเฝ้า ยังมิเข้าไปประณตบทศรี พอผู้ถือหนังสือมาถึงธานี แจ้งคดีด้วยเรื่องเมืองลังกา ว่าทัพท้าวเจ้าประเทศทุกเขตแคว้น มาถึงแดนสิงหลพลหนักหนา แต่ละเมืองเรืองเดชเวทวิชา ชิงอาสารบก่อนไม่หย่อนกัน นางละเวงเกรงใจให้อนุญาต ใครสามารถรบได้ไอศวรรย์ จะมอบตราราหูให้ผู้นั้น จึงชิงกันยกมาทุกธานี เมืองมะหุ่งกรุงเตนกุเวนลวาด เมืองวิลาสวิลยาชวาฉวี ถึงเมืองเงาะเกาะวลำสำปะลี จะชิงตีเมืองผลึกเป็นศึกรุม ฯ ๏ นางรู้ข่าวราวกับกายวายชีวิต เป็นสุดฤทธิ์ร้อนฤทัยดังไฟสุม พระทูลกระหม่อมจอมวังยังคลั่งคลุ้ม ใครจะคุ้มครองได้เห็นไม่มี พลางเข้าห้องมองดูภูวนาถ จูบกระดาษซูดซูดพูดกับผี เข้าเคียงองค์ทรงธรรม์แล้วอัญชลี ทรงโศกีกลั้นสะอื้นกลืนน้ำตา แล้วทูลความตามฝรั่งบอกหนังสือ พระอืออือแล้วก็เคลิ้มเหิมหรรษา อยู่ดีดีชี้นิ้วกริ้วโกรธา น้อยหรือมานั่งหึงกระบึงกระบอน ทำจ้วงจาบหยาบช้าสารพัด พระผลักพลัดตกสุวรรณบรรจถรณ์ นางสงสารผ่านฟ้ายิ่งอาวรณ์ พระกรข้อนทรวงซ้ำร่ำพิไร โอ้ปิ่นเกล้าเจ้าประคุณของเมียเอ๋ย ไม่ฟื้นเลยแล้วหรือกรรมจะทำไฉน ศึกจะมาธานีไม่มีใคร ช่วยแก้ไขคิดอ่านการณรงค์ โอ้เวียงวังครั้งนี้ไม่มีรอด จะม้วยมอดเหมือนเขาเบื่อไม่เหลือหลง แล้วมิหนำซ้ำสูญประยูรวงศ์ นางร่ำทรงโศกาถึงธานี พระฟังเฟือนเหมือนหนึ่งว่าด่ากระดาษ ตรัสตวาดว่าอุเหม่มเหสี แสนสำออยคอยเฝ้ามาเซ้าซี้ พูดอย่างนี้อย่างนั้นขยันจริง เจ้าคารมลมเติบกำเริบจิต ดัดจริตเข้ามาด่าว่าผู้หญิง พลางแผดเสียงเหวี่ยงเขนยที่เคยอิง นางหวีดวิ่งหนีมาหน้าพระลาน แล้วให้หาข้าเฝ้าเข้ามาสั่ง สงครามครั้งนี้หนักจะหักหาญ เร่งขึ้นป้อมล้อมรอบขอบปราการ หัดทหารเดินรบบรรจบกัน แล้วเกณฑ์ไพร่ไว้ทุกช่องกองละหมื่น ฉวยค่ำคืนเข้มงวดจะกวดขัน ถ้าหนักไหนให้ทหารช่วยด้านนั้น อย่าคิดครั่นคร้ามใจแก่ไพรี ฯ ๏ ฝ่ายเวียงวังคลังนาพวกข้าเฝ้า ต่างก้มเกล้ากราบพระมเหสี มาสั่งเวรเกณฑ์ทหารตามบาญชี ขึ้นนั่งที่เชิงเทินเนินหอรบ นายรักษาหน้าด่านทหารเอก ให้คุมเลกคนละพันเข้าบรรจบ ทั้งกองหมื่นพื้นสันทัดจัดสมทบ บนหอรบรายปืนกองฟืนไฟ บ้างเทียบรถคชาผูกม้าช้าง พวกขุนนางตรวจกันเสียงหวั่นไหว จองหง่องหง่องฆ้องกระแตออกแซ่ไป ต่างเตรียมไว้เสร็จสรรพรับสงคราม ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกข้าศึก ล้วนเหิมฮึกห้าวหาญชาญสนาม กำเริบรักจักชิงผู้หญิงงาม ต่างรีบข้ามเร็วมาไม่ราใบ ถึงเขตคุ้งกรุงผลึกเสียงครึกครื้น ดูดังคลื่นข้ามมหาชลาไหล ด้วยหลายเมืองเนืองแน่นแล่นไรไร พลไพร่โห่ลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ กองตระเวนเจนนาวาทั้งห้าร้อย เที่ยวแล่นลอยแลเห็นทัพมาคับคั่ง เป็นหมื่นแสนแน่นหนาดาประดัง ยังข้างหลังแล่นตามมาหลามทาง จึงปรึกษาว่าศึกเห็นฮึกหาญ จะต่อต้านตีตัดก็ขัดขวาง แต่ลองสู้ดูหน่อยแล้วถอยพลาง ไปปิดทางปากน้ำที่สำคัญ แล้วขานโห่โยธาสัญญารบ แล่นตลบเลี้ยวลัดสกัดกั้น ต่างปล่อยปืนครื้นคลุ้มชอุ่มควัน ถูกกำปั่นตูมตึงปึงปังปัง มันตอกปืนครื้นครึกเสียงกึกก้อง ตระเวนล่องหลีกคล้อยปล่อยปืนหลัง ถูกสำเภาเสากระโดงผึงโผงพัง พลฝรั่งล้มตายลงหลายพัน พวกกองหนุนขุนพลเมืองวิลาส เข้ากลุ้มกลาดยิงแย้งล้วนแข็งขัน ตระเวนน้อยคอยรบบรรจบกัน เสียงครื้นครั่นครึ้มฟ้าสุธาธาร ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครเข้มแข็งกำแหงหาญ กับองค์พระกนิษฐานุชาชาญ ตั้งอยู่ด่านปากน้ำแต่ค่ำพลบ พอเช้าตรู่ดูเรือเห็นเหลือหลาม ไล่ติดตามชาวบุรีตีตลบ ตระเวนด่านพานจะน้อยก็ถอยทบ ไพรีรบรุมกันกระชั้นมา พระตกใจให้อำมาตย์ประกาศสั่ง กำปั่นทั้งร้อยรายอยู่ซ้ายขวา ออกรบรับทัพฝรั่งเมืองลังกา พวกโยธาหมดทั่วไม่กลัวเกรง ต่างจัดแจงแต่งกายทั้งนายไพร่ แต่ล้วนใส่เสื้อเกราะดูเหมาะเหมง ออกกำปั่นลั่นปืนเสียงครื้นเครง บ้างรำเพลงแหลนหลาวโห่ฉาวมา มหาดเล็กเด็กนั้นพันห้าร้อย ล้วนใส่สร้อยสังวาลหาญอาสา ถือธนูคู่องค์พงศ์นรา องค์ละห้าร้อยถ้วนล้วนเล็กเล็ก เคยเรียนรู้สู้รบถึงหลบฝน ต่างราญรณเริงร่าประสาเด็ก บ้างม้วนจุกผูกกระสันพันหางเจ๊ก ดาบเล็กเล็กเหน็บแนบเป็นแยบคาย สุดสาครสอนสองพระน้องน้อย ให้สวมสร้อยสังวาลประสานสาย กุมารีพี่แต่งแปลงเป็นชาย สอดสะพายลูกแล่งพระแสงทรง สุดสาครกรกุมไม้เท้าแก้ว สำเร็จแล้วลีลาศดังราชหงส์ ขึ้นบนหลังถังน้ำทั้งสามองค์ ให้โบกธงตีฆ้องเร่งกลองรบ ฯ ๏ ฝ่ายเสนาการะเวกเอกอำมาตย์ เห็นเรือลาดตระเวนแยกแตกตลบ ไม่หลีกเลี่ยงเรียงระดมเข้าสมทบ ยิงปืนรบรับฝรั่งเสียงปังปึง พอลมหวนป่วนปะปะทะทัพ เอาขอสับสายโซ่พอโล้ถึง กำปั่นปัดฟัดดังเสียงปังปึง พลทะลึ่งโลดโผนโจนลงเรือ พวกฝรั่งอังกฤษโลหิตสาด ใครไม่อาจต่อต้านทหารเสือ ขึ้นลำไหนไพร่นายตายเป็นเบือ ที่หลอเหลือลงน้ำว่ายคล่ำไป พอทัพท้าวเจ้าวิลาสมากลาดกลุ้ม เข้าห้อมหุ้มโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว พลกุมารราญเริงเชิงชิงชัย โดดขึ้นได้บนกำปั่นไล่ฟันแทง ล้วนเร็วรวดหวดฟาดเสียงฉาดฉับ จะรบรับก็ไม่ทันล้วนขันแข็ง ฝรั่งร้ายวายปราณไม่ทานแรง ลำอื่นแซงซอกซอนเข้ารอนราญ เจ้าวิลาสฆาตกลองเร่งกองรบ ให้สมทบซ้ายขวาโยธาหาญ พอเภตราห้าพันประจัญบาน จะหักด่านไปให้ได้ดังใจจง ฯ ๏ ฝ่ายทัพท้าวเจ้าประเทศทุกเขตแคว้น ต่างหลีกแล่นเข้าถึงฝั่งดังประสงค์ เห็นทัพบกยกทหารชาญณรงค์ ทั้งเอกองค์เจ้าเมืองหนุนเนื่องมา ด้วยจะใคร่ได้ผู้หญิงชิงกันรบ ไม่สมทบถ้อยทีประสีประสา เสียงทหารขานโห่เป็นโกลา เดินโยธาข้ามทุ่งเข้ากรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลบนเชิงเทินเนินหอรบ ล้วนเจนจบจ้องปืนยืนไสว เห็นกองทัพคับคั่งคอยชั่งใจ พอจวนใกล้ปล่อยปืนเสียงครื้นครึก ลูกสายโซ่โยทะกาลงดาดาษ ดูกลิ้งกลาดกลางทุ่งกรุงผลึก ปืนป้อมเปรี้ยงเสียงสนั่นลั่นพิลึก ถูกข้าศึกล้มตายลงหลายพัน ที่เหลือตายนายต้อนเข้าถอนขวาก บ้างแล่นลากปืนยิงวิ่งถลัน ด้วยหลายทัพนับแสนแน่นอนันต์ เข้ากระชั้นเชิงเทินเนินกำแพง พวกรักษาหน้าที่ไม่หนีหลบ ยิงปืนรบรำดาบกำซาบแผลง ถูกไพร่นายวายวางลงกลางแปลง ที่เหลือแซงซอกซอนเข้ารอนราญ เมืองมะหุ่งกรุงเตนกุเวนฉวี สำปะลีวิลยาล้วนกล้าหาญ ต่างยกอ้อมล้อมรอบขอบปราการ ทัพละด้านอื้อวิ่งเข้าชิงแดน ถูกปืนตับยับย่อยผอยผอยล้ม ยิงระดมดาษดื่นเป็นหมื่นแสน เสียงข้าศึกฮึกโห่ป้องโล่แพน ถือหลาวแหลนรบพุ่งชาวกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีนารีราช อยู่ปราสาทเสียงรบพิภพไหว อุตส่าห์กลั้นกันแสงแข็งพระทัย ตรงเข้าไปแท่นรัตน์พระภัสดา บังคมทูลมูลความไปตามเรื่อง บัดนี้เมืองใหญ่น้อยร้อยภาษา มาพรั่งพร้อมล้อมรอบขอบพารา ยังรบรายิงปืนเสียงครื้นเครง พระอภัยได้ฟังว่าช่างเขา ใครใช้เจ้ากับสนมมาข่มเหง จึงพวกพ้องของอนงค์องค์ละเวง มาครื้นเครงคราวนี้ไม่มีใคร พระตรัสพลางทางสรวลสำรวลเย้ย แล้วก็เลยลืมองค์ด้วยหลงใหล สงสารนางอย่างชีวันจะบรรลัย สะอื้นไห้ทูลลาพระสามี น้องจะขอต่อยุทธ์จนสุดฤทธิ์ เอาชีวิตแทนทดบทศรี ขอพระคุณบุญญาฝ่าธุลี ให้ไพรีย่อยยับอัปรา แม้นสิ้นบุญทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ จะสูญขัตติยราชพระศาสนา ขอม้วยมรณ์ก่อนกษัตริย์ภัสดา พลางโศกากอดบาทไม่คลาดคลาย พอเสียงปืนครื้นครั่นสนั่นก้อง กลับมาห้องมนเทียรวิเชียรฉาย รีบจัดองค์ทรงแต่งแปลงเป็นชาย สะพักสายแสงศรเคยรอนราญ ทั้งสาวใช้ใหญ่น้อยห้าร้อยเศษ ต่างแปลงเพศโพกศีรษะเหมือนทหาร ถือเกาทัณฑ์สันทัดหัดชำนาญ มากราบกรานเตรียมเสร็จเสด็จจร ออกจากวังดังหนึ่งองค์พระทรงยศ ขึ้นทรงรถเนาวรัตน์ประภัสสร ขุนนางแห่แลสล้างกลางนคร อัสดรเดินรอบขอบกำแพง เที่ยวตรวจพลบนเชิงเทินเนินหอรบ จนจวนพลบทินกรก็อ่อนแสง เห็นทหารด้านเหนือนั้นเหลือแรง ข้าศึกแทงเจ็บป่วยลงม้วยมรณ์ ให้หยุดทัพขับพหลพลทหาร ขึ้นรอนราญรบรับสลับสลอน แล้วโฉมยงลงจากรถบทจร เที่ยวไล่ต้อนโยธาเข้าราวี แล้วแลดูผู้คนพลข้าศึก ล้วนเหี้ยมฮึกหาญรบไม่หลบหนี บ้างถอนขวากลากล้อเข้าต่อตี แต่ล้วนมีโซ่สำหรับสับกำแพง บ้างปีนป่ายบันไดไม้ไผ่พาด ชาวเมืองฟาดฟันมันกันด้วยแผง ทั้งแหลนหลาวง้าวทวนเข้าสวนแทง ต่างต่อแย้งยิงกันประจัญบาน นางดูศึกฮึกฮักเห็นหนักแน่น ไม่ทดแทนถึงขนาดจะอาจหาญ ดำริพลางนางกษัตริย์มาจัดการ จะต้านทานทัพหลวงทะลวงฟัน ทั้งพลโล่โตมรศรกำซาบ ทหารดาบสองเล่มล้วนเข้มขัน กับทวนทองกองหน้าทั้งห้าพัน ช้างน้ำมันกล้างานั่นห้าร้อย เปิดประตูพรูพรั่งออกคั่งคับ เข้าตีทัพเมืองลยาไม่ล่าถอย เที่ยวลุยไล่ไพร่นายตายไม่น้อย ทั้งกองร้อยรุมกันเข้าฟันแทง โยธาทัพรับรบจนพลบค่ำ นางก็ซ้ำต้อนทหารชาญกำแหง เร่งรถทรงตรงออกนอกกำแพง ทหารแซงซ้ายขวาล้วนนารี เข้าหักโหมโจมทัพไม่ยับยั้ง ข้าศึกพังแพ้พ่ายกระจายหนี พลผลึกฮึกโหมกระโจมตี ได้ท่วงทีแทงฟันกระชั้นไป เจ้ามะหุ่งกรุงเตนเผ่นตวาด ไล่พิฆาตพลขันธ์เสียงหวั่นไหว จะชิงพลรบพุ่งเอากรุงไกร พลไพร่โห่ลั่นสนั่นดัง พอพบกับทัพพระมเหสี เข้ารุมตีซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง เสียงครึกครื้นปืนตึงปึงปึงปัง เพียงจะพังแผ่นพิภพด้วยรบกัน สงสารพระมเหสีอยู่ที่ล้อม ข้าศึกห้อมหุ้มทัพไว้คับขัน จะเข้าประตูบูรีก็มิทัน ต้องแยกกันรบรับทุกทัพชัย ทั้งช้างม้ากล้าหาญทะยานยุทธ์ อุตลุดไล่กันเสียงหวั่นไหว จะผินพักตร์หักหาญออกด้านใด ก็ไม่ได้เป็นเวลาเข้าราตรี แต่พวกข้าสาพิภักดิ์เพราะรักเจ้า ทั้งนายบ่าวอุตส่าห์รบไม่หลบหนี จนดึกดื่นครื้นครั่นประจัญตี จนซากผีพลตายก่ายอนันต์ ฯ ๏ ฝ่ายทัพเรือเมื่อกุมารออกราญรบ เลี้ยวตลบเข่นฆ่าให้อาสัญ ข้าศึกแตกแยกย้ายวายชีวัน ได้กำปั่นปืนผาสารพัด มอบให้เหล่าชาวด่านเป็นการหลวง ไม่แหนหวงห้ามปรามตามถนัด พอพลบค่ำน้ำขึ้นเป็นคลื่นซัด ให้แล่นลัดเลียบคุ้งเข้ากรุงไกร ถึงปากน้ำสำเนียงเสียงสนั่น ดังฟ้าลั่นโลกาสุธาไหว ศึกตลบรบพุ่งถึงกรุงไกร พระตกใจจัดแจงแบ่งโยธา ให้น้องน้อยคอยรับทัพเรือรบ ช่วยสมทบกองตระเวนเกณฑ์อาสา แต่พลโล่โตมรศรศัสตรา เป็นหมื่นห้าพันยกขึ้นบกไป รีบเดินทัพขับนิลสินธพ ด้วยเพลิงคบส่งทางสว่างไสว เป็นการด่วนจวนรุ่งถึงกรุงไกร เห็นทัพใหญ่ล้อมรอบขอบกำแพง แต่พวกพลบนหน้าที่ไม่หนีหลบ พอสู้รบรับกันด้วยขันแข็ง แต่ทหารด้านเหนือเห็นเหลือแรง บนกำแพงพลไพร่มิใคร่มี จึงรีบยกวกทางมาข้างหลัง เห็นฝรั่งรบพุ่งชาวกรุงศรี ให้ลั่นฆ้องร้องป่าวชาวบุรี พลางโจมตีติดพันไล่ฟันแทง มหาดเล็กเด็กชาทั้งห้าร้อย ต่างผลุนพลอยแล่นลั่นเกาทัณฑ์แผลง ฝรั่งแขกแตกพล่านไม่ทานแรง ต่างพลัดแพลงผลุนวิ่งทิ้งอาวุธ ทั้งทัพเงาะเกาะวลำสำปะหลัง พลอยแตกทั้งสามทัพรับไม่หยุด พระหน่อไทได้ทีเที่ยวตีรุด อุตลุดรบพุ่งจนรุ่งราง ฯ ๏ ฝ่ายทัพพระมเหสีพ้นที่ล้อม รีบยกอ้อมมาถึงเนินเชิงเทินขวาง เห็นพวกพลคนหลามมาตามทาง ให้ขุนนางถามดูว่าผู้ใด ทราบว่าองค์ทรงยศโอรสราช พระนางนาฏยินดีจะมีไหน จึงหยุดยั้งสั่งมหาเสนาใน ไปบอกให้ทูลแถลงแจ้งคดี ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครรู้ว่าพระมเหสี จึงรอรั้งยั้งหยุดพวกโยธี ด้วยยินดีจะได้เข้าเฝ้าบิดา ลงจากหลังมังกรสอนทหาร ให้หมอบกรานบังคมก้มเกศา ชวนเข้าเฝ้าชาวบุรีแล้วลีลา ทั้งเสนาน้อยน้อยพลอยไปตาม ฯ ๏ นางกษัตริย์ทัศนาพระหน่อนาถ ยุรยาตรเยื้องย่างมากลางสนาม ไม่เพี้ยนผิดบิดาสง่างาม ทหารตามแต่ล้วนเด็กเล็กทั้งนั้น ลงจากรถบทจรมาจูงหัตถ์ หน่อกษัตริย์ทรุดคำนับนางรับขวัญ ประคององค์ตรงขึ้นรถสุวรรณ ให้นั่งบัลลังก์รัตน์ชัชวาล แล้วโลมลูบจูบจอมถนอมพักตร์ ยังเล็กนักเล็กหนาน่าสงสาร มาช่วยแก้แม่จึงได้พ้นภัยพาล หาไม่มารดาหมายว่าวายชนม์ เพราะทรงฤทธิ์บิตุเรศของลูกรัก ประชวรหนักสารพัดจะขัดสน ครั้นไพรีมีมาเข้าตาจน ต้องคุมพลรบพุ่งกันกรุงไกร ซึ่งให้พ่อรอรั้งตั้งอยู่ด่าน คอยภูบาลบิตุรงค์ยังหลงใหล พระลูกยาอย่าละห้อยน้อยพระทัย แม่นี้ไม่เกียดกันด้วยฉันทา ฯ ๏ สุดสาครร้อนจิตด้วยบิตุเรศ น้ำพระเนตรพร่างพรายทั้งซ้ายขวา ศิโรราบกราบกรานพระมารดา ซึ่งศึกมาตั้งล้อมป้อมปราการ จะขอรับดับเข็ญเป็นธุระ มิให้พระภูวนาถเสียราชฐาน แต่ลูกรักหนักจิตคิดรำคาญ ถึงภูบาลบิตุราชไม่คลาดคลาย ประชวรนั้นฉันใดมิได้เห็น เสียแรงเป็นหน่อเนื้อในเชื้อสาย มาถึงวังยังมิได้เข้าใกล้กราย พลางฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสปลอบให้ชอบชื่น เมื่อวานซืนแม่ไม่เห็นเป็นไฉน เดี๋ยวนี้มาหาแม่แน่ในใจ คงจะได้รักษาพยาบาล จงรั้งรอพอสงบที่รบรับ ให้กองทัพออกไปไกลสถาน เดี๋ยวนี้เล่าเขาก็ล้อมป้อมปราการ จะคิดอ่านชิงชัยฉันใดดี ฯ ๏ พระหน่อไทได้สดับอภิวาท ขอรองบาทบงกชบทศรี แต่พวกพ้องของข้าจะราวี ให้ไพรีย่อยยับทุกทัพชัย เชิญพระองค์จงกลับไปยับยั้ง อยู่ในวังอย่าได้พรั่นประหวั่นไหว แล้วกราบกรานมารดาลาครรไล มาตรวจไพร่พลรบยังครบครัน ขึ้นทรงนั่งหลังม้าให้คลาเคลื่อน โห่สะเทื้อนสะท้านทั่วทั้งไอศวรรย์ เห็นไพรีตีเมืองยิ่งเคืองครัน เร่งกระชั้นพลนิกรเข้ารอนราญ พวกโยธาการะเวกเอกระ เคยชนะทัพวิลาสด้วยอาจหาญ เข้าหักโหมโรมรันประจัญบาน ใครไม่ทานแทงฟันกระชั้นชิด ฝรั่งรับสัประยุทธ์อาวุธสั้น ทั้งแทงฟันก็ไม่ถูกลูกหนิดหนิด มันปลิ้นปล้อนรอนราญผลาญชีวิต รอไม่ติดแตกพ่ายกระจายไป ฯ ๏ เจ้ามะหุ่งกรุงเตนกุเวนลวาด เห็นประหลาดลูกเล็กเด็กที่ไหน เป็นหลายร้อยพลอยวิ่งมาชิงชัย จึงขัดใจวิ่งสมทบเข้ารบรับ พวกโยธีสี่เมืองมาเนืองแน่น สักสิบแสนห้อมหุ้มรุมกันจับ พลกุมารต้านตีทั้งสี่ทัพ ดูกลอกกลับกลางแปลงบ้างแทงฟัน เด็กน้อยน้อยพลอยรบตลบไล่ ผลาญผู้ใหญ่โยธาให้อาสัญ ยิ่งฆ่าตายนายต้อนเข้ารอนรัน โจนประจัญจับกุมตะลุมบอน ฯ ๏ พระหน่อนาถอาจองทรงสินธพ ควบเข้ารบนายทหารชาญสมร ไม้เท้าฟาดขาดสะบั้นดังฟันฟอน ม้ามังกรกัดตายลงก่ายกอง ใครขวางกีดดีดผางเอาคางโขก สะบัดโบกหางหันผันผยอง แต่โยธีสี่เมืองมาเนืองนอง เข้าแซ่ซ้องสัประยุทธ์ยุทธนา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมเหสีอยู่ที่ป้อม เห็นศึกล้อมลูกรักเป็นหนักหนา ให้อำมาตย์ฆาตฆ้องกลองสัญญา ยกโยธาออกช่วยรบสมทบทัพ บ้างรำทวนสวนแทงแผลงกำซาบ ทั้งดั้งดาบโดดฟาดเสียงฉาดฉับ ฝรั่งแขกแยกกันประจัญรับ ตีสำทับรบรุมตะลุมบอน ฯ ๏ ฝ่ายพวกเงาะเกาะวลำสำปะหลัง ซึ่งแตกพังพ่ายแพ้ไปแต่ก่อน ต่างมั่วสุมคุมพหลพลนิกร แล้วยกย้อนทางมาถึงธานี เห็นชาวเมืองเคืองแค้นแล่นตลบ เข้ารุมรบทัพพระมเหสี ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังประดังตี ชาวบุรีแตกพลัดกระจัดกระจาย แต่ขุนพลมนตรีเสนีใหญ่ ยังคุมไพร่ต่อตีไม่หนีหาย ข้างฝ่ายหญิงยิงธนูช่วยผู้ชาย อยู่เรียงรายรอบรถทั้งอดทน บ้างถูกง้าวหลาวแหลนแสนสาหัส จนเลือดหยัดหยดชุ่มทุกขุมขน ไม่ทิ้งเจ้าคราวทัพถึงอับจน สู้อดทนแทงฟันประจัญบาน พอทัพท้าวเจ้าวลำถลำไล่ เข้ามาใกล้รถท้าตรงหน้าฉาน นางโฉมยงก่งศรเข้ารอนราญ แล้วน้าวผลาญแผลงหมายนายโยธี พอลั่นลูกถูกท้าวเจ้าวลำ ไม่ทันซ้ำเสนามันพาหนี โยธาทัพกลับกลุ้มเข้ารุมตี ต้องราวีอยู่ในหว่างกลางสงคราม ฯ ๏ ฝ่ายโยธาการะเวกเอกอำมาตย์ กับหน่อนาถชิงชัยในสนาม เห็นทัพพระมเหสีออกตีตาม พอทัพสามเมืองพร้อมเข้าล้อมรบ พระตกใจให้กลับทัพทหาร หันออกด้านนางมาลีตีตลบ ทัพมะหุ่งกรุงเตนเกณฑ์สมทบ เข้ากลุ้มกลบกลาดทางที่กลางแปลง เสียงทหารต่อทหารทะยานยุทธ์ แกว่งอาวุธหอกดาบวะวาบแสง บ้างรับรองป้องกันบ้างฟันแทง บ้างยิงแย้งเยียดยัดสกัดทาง แต่หน่อนาถอาจองทรงสินธพ เข้าไล่ขบโขกดีดคนกีดขวาง ฝรั่งแขกแยกย้ายบ้างวายวาง พอแหวกทางออกมาได้มันไล่ตาม แต่อำมาตย์มหาดเล็กเด็กผู้ใหญ่ ออกไม่ได้ด้วยว่าคนนั้นล้นหลาม กุมารากล้าหาญชาญสงคราม ใครติดตามตีตายลงก่ายกัน พอเห็นพระมเหสีเสียทีทัพ รีบควบขับม้าที่นั่งดังกังหัน เข้าลุยไล่ไพรีทั้งตีรัน คอยป้องกันนางพระยาอยู่หน้ารถ พวกข้าศึกฮึกโหมเข้าโจมจับ พระรบรับตีแยกแตกไปหมด ไล่ข้างหน้ามาข้างหลังเหมือนดังมด ต้องขับรถรับพลางอยู่กลางทัพ ฯ ๏ ฝ่ายพี่น้องสองกุมารอยู่ด่านสมุทร แต่คอยสุดสาครนอนไม่หลับ จนรุ่งเช้าเฝ้าชะแง้ยิ่งแลลับ ไม่เห็นกลับคืนมายิ่งอาวรณ์ จึงจัดพลคนละหมื่นห้าร้อยถ้วน ถือแต่ล้วนดั้งดาบกำซาบศร พระพี่น้องสองกษัตริย์ทรงอัสดร แล้วรีบร้อนยกมายังธานี เห็นสมทบรบรับกันคับคั่ง ดูแน่นทั้งท้องทุ่งริมกรุงศรี ข้างฝรั่งพรั่งพร้อมเข้าล้อมตี ข้างพระพี่เคว้งขวางอยู่กลางทัพ ต่างตกใจให้ทหารเข้าราญรบ ตีสมทบแทงฟันประจัญจับ ฝรั่งแขกแยกย้ายล้มตายยับ พอพบทัพที่ขึ้นมาแต่ราตรี ถามถึงองค์ทรงเดชพระเชษฐา เขาทูลว่าไปช่วยพระมเหสี ทั้งพี่น้องร้องเร่งขุนเสนี ให้โจมตีตัดทางไปกลางพล เป็นสามทัพคับคั่งทั้งดั้งดาบ ยิงกำซาบศัสตราดังห่าฝน พวกไพรีหนีพล่านไม่ทานทน ต้องย่อย่นแยกย้ายกระจายไป ฯ ๏ เจ้ามะหุ่งกรุงเตนกุเวนลวาด ต้อนตวาดพลขันธ์เสียงหวั่นไหว ให้หันกลับรับรบสมทบไว้ แล้วแลไปเห็นพี่น้องสองกุมาร นึกดูว่าลูกใครที่ไหนเล่า เล็กสักเท่าตุ๊กตาทำกล้าหาญ ถ้าแม้ว่าฆ่านายให้วายปราณ พวกทหารก็จะแยกแตกกระจาย ปรึกษาพลางต่างองค์ทรงสินธพ ควบเข้ารบหน่อนาถประมาทหมาย กุมารีพี่นางขวางน้องชาย ต่างลั่นสายศรซ้ำด้วยชำนาญ ถูกพระชงฆ์องค์ท้าวเจ้ามะหุ่ง ตกม้าผลุงผลุนวิ่งทิ้งทหาร เจ้ากรุงเตนเผ่นโผนโจนทะยาน เข้าตีต้านติดพันไม่ทันยิง นางแทงกักชักกริชโลหิตฉีด ผวาหวีดเวทนาประสาหญิง พวกฝรั่งทั้งปวงบ้างช่วงชิง แบกเจ้าวิ่งเลี้ยวลัดเที่ยวพลัดแพลง แต่องค์ท้าวเจ้าลวาดประมาทเด็ก ถือหลาวเหล็กข้างละเล่มด้วยเข้มแข็ง ขับอาชาถาโถมเข้าโจมแทง ก็พลาดแพลงพลั้งพลัดตกอัสดร หน่อกษัตริย์หัสไชยก็ไล่ซ้ำ โดดลงปล้ำเจ้าลวาดฟาดด้วยศร ด้วยฤทธิ์แก้วแววตากล้าราญรอน จับผู้ใดให้อ่อนทั้งอินทรีย์ พอวางมือรื้อแรงตะแคงผลุด ทะลึ่งหลุดแล่นโลดกระโดดหนี พระขึ้นม้าพาไพร่เข้าไล่ตี พวกโยธีแตกตายกระจายไป ฯ ๏ องค์พระสุดสาครเข้ารอนรบ ตีตลบหลีกออกข้างนอกได้ พามารดาล่าเลี่ยงเข้าเวียงชัย พอแลไปเห็นพี่น้องสองกุมาร กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกมาริมรถ ต่างประณตพร้อมพรั่งทั้งทหาร พระน้องยาว่าฝรั่งมันจังฑาล ฉันรอนราญรบรุกสนุกใจ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี เมื่อไพรีรุมจับรับไม่ไหว ถูกเกาทัณฑ์กลั้นแกล้งแข็งพระทัย เอาสไบพันทับให้ลับตา ต่างหยุดรถลดองค์ดำรงนั่ง โลหิตหลั่งไหลซาบอาบอังสา ให้เสียวซาบอาบจิตด้วยพิษยา ยังอุตส่าห์สั่งความสามกุมาร แม่นี้ถูกลูกธนูอยู่ไม่ได้ จะไปใส่ยาแก้แผลสมาน สักครู่หนึ่งจึงจะมาไม่ช้านาน พ่อช่วยต้านตั้งมั่นกันพารา แล้วเอียงไหล่ให้แลดูแผลเจ็บ ยังเมื่อยเหน็บจนกระทั่งถึงอังสา สุดสาครถอนสะอื้นกลืนน้ำตา แล้ววันทาทูลองค์นางนงคราญ พระมารดาอย่าพะวงทรงวิตก ลูกจะยกทัพไปไล่สังหาร มิให้เขาเข้าล้อมป้อมปราการ เชิญพระมารดาไปอยู่ในวัง ให้หมอแก้แผลศรถอนยาพิษ ให้สนิทหายแผลเหมือนแต่หลัง พอเสียงโห่โยธาประดาดัง เห็นทัพทั้งเจ็ดเมืองมาเนืองนอง จึงทูลลาพาพระน้องสองกษัตริย์ มาทรงอัศวราชผาดผยอง ต่างคุมพลคนละทัพออกรับรอง ให้ตีฆ้องแข่งหน้าเข้าราวี ฯ ๏ ฝ่ายพวกเงาะเกาะวลำสำปะหลัง กุเวนทั้งวิลยาชวาฉวี เป็นเจ็ดทัพคับคั่งประดังตี พวกโยธีแทงฟันประจัญบาน บ้างแกว่งง้าวหลาวแหลนโล่แพนโผน เด็กมันโจนจับศีรษะฉะด้วยขวาน บ้างตายกลิ้งวิ่งซุกบ้างคลุกคลาน พลกุมารมีแรงไล่แทงฟัน สุดสาครกรน้าวไม้ท้าวหวด ดูเร็วรวดแรงดังว่ากังหัน พลนิกายนายทัพรับไม่ทัน บ้างหักลันล้มตายลงก่ายกอง เจ้าวลำสำปะหลังประดังรับ พระหวดพับลงกับดินสิ้นทั้งสอง เจ้าเมืองเงาะกระเดาะปากลากกระบอง กับพวกพ้องเงาะป่าเข้าราวี อันองค์พระกนิษฐานุชาเล็ก กับพวกเด็กกลัวเงาะละเลาะหนี แต่เชษฐากล้ากลับขับพาชี เข้าโจมตีเงาะตายกระจายไป ทัพฉวีวิลยาชวาแขก ก็พลอยแตกต่อต้านทานไม่ไหว ต่างวุ่นวิ่งทิ้งอาวุธทุกทัพชัย กุมารไล่ตีตามทั้งสามทัพ บ้างโถมทันฟันแทงด้วยแรงเรี่ยว บ้างลดเลี้ยวไล่ลัดสกัดจับ พวกไพรีหนีหลบไม่รบรับ ต่างล่าทัพถอยหลังข้างคงคา พระหน่อไทไล่รบจนพลบค่ำ เห็นหมอกคล้ำคลุ้มทะเลพระเวหา แล้วหยุดทัพยับยั้งสั่งโยธา ให้ตรวจตราพร้อมทั่วทุกตัวคน แล้วยับยั้งตั้งรายอยู่ปลายทุ่ง คอยรบพุ่งปิดทางไว้กลางหน อันข้าวน้ำลำเลียงเสบียงพล วิเสทขนเอาไปเลี้ยงแต่เวียงชัย ฯ ๏ ฝ่ายทัพท้าวเจ้าวลาชวาฉวี พอราตรีตรงมาชลาไหล ให้ตั้งค่ายรายเรียงเคียงกันไป คอยรับไพร่พลนิกรให้ผ่อนพัก ทั้งบกเรือเหลือตายยังหลายแสน จะแก้แค้นคิดการเข้าหาญหัก ที่บอบช้ำลำบากยังมากนัก ให้หมอรักษาทั่วทุกตัวคน บ้างปิดยาทาน้ำมันสามวันหาย ที่เจ้าตายต่างกลับไปสับสน ที่ตั้งอยู่สู้รบสมทบพล ต่างคิดกลการศึกยังตรึกตรา ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ ถึงปรางค์รัตน์เร้ารวดปวดอังสา ให้หมอแก้แผลกำซาบซึ่งอาบยา เอามีดผ่าขูดกระดูกที่ถูกพิษ เป่าน้ำมันกันแก้ตรงแผลเจ็บ เอาเข็มเย็บยุดตรึงขี้ผึ้งปิด ทั้งข้างนอกพอกยาสุรามฤต ให้ถอนพิษผ่อนปรนพอทนทาน ฯ ๏ จะกล่าวศรีสุวรรณวงศ์ทรงสวัสดิ์ อยู่กรุงรัตนพารามหาสถาน ครั้นเรือใช้ไปแถลงให้แจ้งการณ์ พากุมารสินสมุทรรีบรุดมา แวะเข้าส่งองค์อรุณที่รมจักร พอผ่อนพักพบพงศ์พระวงศา แล้วรับพราหมณ์สามนายบ่ายนาวา ออกแล่นมาตามคลื่นทุกคืนวัน พอจวนเย็นเป็นพายุพยับฝน ให้มัวมนมืดสิ้นดินสวรรค์ คลื่นระดมลมกล้าสลาตัน ตีกำปั่นซัดไปเป็นหลายคืน ครั้นลมหายสายแสงแจ้งกระจ่าง เห็นเกาะกลางสมุทรไทใหญ่ทะมื่น ทอดสมอรอราสัญญาปืน ขึ้นหาฟืนหาน้ำทั่วลำเรือ พอสิงโตโฮ่โฮกกระโชกไล่ ทั้งสูงใหญ่มหึมายิ่งกว่าเสือ ตาถลนขนหุ้มดูคลุมเครือ ทหารเรือรบสิงห์ยิงด้วยปืน เสียงดังตึงปึงถูกลูกลู่ล่อน มันถีบถอนโถมถลาไล่ฝ่าฝืน คำรามร้องก้องกึกเสียงครึกครื้น ทหารตื่นแตกวิ่งเป็นสิงคลี มันไล่คาบดาบหอกกระบอกน้ำ ขบขย้ำย่อยยับดังสับสี เห็นผู้คนพลไพร่ไล่คะยี ทหารหนีสิงโตโผลงน้ำ มันโดดตามหวามว่ายสายสมุทร เห็นคนผุดโผนตบขบขย้ำ พวกโยธีรี้พลเที่ยวด้นดำ จนถึงกำปั่นใหญ่ในคงคา สินสมุทรผุดลุกขึ้นแลเห็น สิงโตเผ่นโผนไล่ไวหนักหนา มิทันเปลื้องเครื่องทรงอลงการ์ โลดถลาลงในน้ำปล้ำสิงโต มันรับรบขบกัดพระฟัดฟาด พระฉวยพลาดพลิ้วโจนกลับโผนโผ ขึ้นขี่หลังนั่งยองยองร้องโยโย อ้ายสิงโตตัวฉลาดขึ้นหาดทราย โลดสลัดพลัดตกพระหกล้ม มันกัดกลมกลิ้งคว่ำคะมำหงาย ทั้งเล็บเขี้ยวเคี้ยวขย้ำจนน้ำลาย ลงโซมกายกอดปล้ำด้วยกำลัง พระดิ้นหลุดฉุดหางไม่วางหัตถ์ กอดถนัดเหนี่ยวขนขึ้นบนหลัง สิงโตร้องก้องเสียงสำเนียงดัง ทั้งลูกทั้งเมียสิงห์มันวิ่งมา เขย่งเต้นเผ่นโผนจะโจนกัด หน่อกษัตริย์หลบโลดโดดถลา ลงในน้ำดำไล่จับได้ปลา กลับขึ้นมาเสกทิ้งให้สิงโต มันกินหมดรสรื่นค่อยชื่นจิต มิได้คิดทำร้ายหายโมโห พระเป่ามนต์ประสมจิตอิศโร เรียกสิงโตเต้นเข้ามาหาทุกตัว จึงเสกน้ำซ้ำประศีรษะให้ แล้วลูบไล้สารพางค์ทั้งหางหัว มันลามเลียเคลียเคล้าด้วยเมามัว แต่ละตัวตาช่วงดังดวงดาว ลูกทั้งคู่ผู้เมียเตี้ยตุบหลุบ มาหมอบฟุบฟอกสีสำลีขาว ตัวพ่อแม่แลลายดูพรายพราว ล้วนเล็บยาวเป็นทองแดงยิ่งแรงครัน ทั้งเขียวสุกทุกตัวสลัวเหลือง เอาไปเมืองจะได้ขี่ดีขยัน แล้วจูงลงคงคามาด้วยกัน ขึ้นกำปั่นไปเฝ้าพระเจ้าอา ฉันได้สิงห์ยิงฟันมันไม่เข้า จะพาเอาไปบุรีดีหนักหนา ศรีสุวรรณสรรเสริญพระนัดดา พอเวลาลมดีให้คลี่ใบ ออกกำปั่นพันร้อยเที่ยวลอยแล่น ไปตามแผนที่ทางหว่างไศล ทุกเช้าเย็นเห็นแต่ฟ้าชลาลัย กำหนดได้เจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา เข้าเขตคุ้งกรุงผลึกเสียงครึกครื้น ยังดึกดื่นดูฝั่งก็กังขา ข้าศึกติดทิศใต้ชายชลา เห็นสีฟ้าเผือดแดงดังแสงไฟ ถึงปากอ่าวเช้าตรู่ก็รู้เรื่อง พวกชาวเมืองออกมาแจ้งแถลงไข ว่าศึกยังตั้งประชิดติดเวียงชัย พระตกใจรีบมาถึงธานี หยุดประทับยับยั้งอยู่ข้างหน้า แจ้งกิจจาไปถึงพระมเหสี ให้สุรางค์นางกำนัลไปอัญชลี เชิญมาที่ปรางค์รัตน์กษัตรา ศรีสุวรรณนั้นคำนับนางรับหัตถ์ หน่อกษัตริย์บังคมก้มเกศา นางเล่าความตามเรื่องเมืองลังกา แต่ยกมาทำสงครามถึงสามครั้ง อันคราวนี้มิรู้จะสู้รบ ศึกตลบซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง พระปิ่นปักนัคเรศนิเวศน์วัง ก็คลุ้มคลั่งเคล้ากระดาษไม่ขาดวัน ข้าออกรบพบทัพสัประยุทธ์ ต้องอาวุธที่อังสาแทบอาสัญ หากโอรสยศยงของทรงธรรม์ ช่วยป้องกันตัวข้าเข้าธานี แล้วเล่าความตามสุดสาครเล่า จะขอเฝ้าประณตบทศรี เดี๋ยวนี้ยังตั้งทัพรับไพรี อยู่ข้างที่ท้องทุ่งนอกกรุงไกร ฯ ๏ สินสมุทรสุดรักพระอัคเรศ ชลเนตรซึมโซมชโลมไหล แล้วทูลว่าข้าพระบาทประมาทใจ หมายว่าไม่มีศัตรูจึงอยู่นาน จนพระองค์สงครามถึงสามครั้ง แล้วต้องทั้งศัสตราน่าสงสาร กันแสงพลางนางพระยาบัญชาการ ชวนกุมารกับพระน้องเข้าห้องใน เห็นทรงธรรม์บรรทมชมแต่รูป จนซีดซูบเศร้าหมองไม่ผ่องใส เข้าหมอบเมียงเคียงบัลลังก์กระทั่งไอ พระอภัยเหลียวมาเห็นหน้าน้อง กับลูกรักอัคเรศสังเกตแน่ แต่แลแลหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง กลับเคลิ้มเห็นเป็นว่าพากันมามอง พิโรธร้องเรียกสาวใช้ให้ไสคอ ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นพี่วิปริต ดังคมกริชกรีดฟาดให้ขาดศอ พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงคั่งคลอ ระทดท้อทุกข์ใจดังไฟกาฬ ศิโรราบกราบก้มบังคมบาท เข้าแอบอาสน์อ้อนวอนด้วยอ่อนหวาน น้องลับเนตรเชษฐาไปช้านาน จึงพาหลานกลับมาถึงธานี โอ้ไฉนไยองค์พระทรงยศ ลืมโอรสลืมน้องทั้งสองศรี เฝ้าโลมลูบรูปนางอยู่อย่างนี้ มิรู้ที่คิดอ่านประการใด โอ้พระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ เวรวิบัติบาปสร้างแต่ปางไหน เมื่อยังเยาว์เล่าก็พรากจากกันไป ไม่บรรลัยก็ได้มาเห็นหน้ากัน แต่ครั้งนี้วิปริตผิดสังเกต พระทรงเดชไม่รู้จักพักตร์หม่อมฉัน พระครวญคร่ำร่ำว่าสารพัน สะอื้นอั้นอารมณ์ไม่สมประดี ฯ ๏ สินสมุทรสุดแสนแค้นกระดาษ เข้ากราบบาทบงกชบทศรี สะอื้นอ้อนวอนว่าฝ่าธุลี จะฆ่าตีก็ไม่ห้ามตามพระทัย แต่รูปนางอย่างนี้วิปริต เอาไว้ชิดกับพระองค์จึงหลงใหล ลูกแค้นนักจักเอาเข้าเผาไฟ พอฉวยได้พระบิดาก็คว้าชิง แล้วชี้นิ้วกริ้วกราดตวาดว่า น้อยหรือมาถูกต้องแม่น้องหญิง พลางผลักพลัดปัจถรณ์ฉวยหมอนอิง ไล่ทุ่มทิ้งทุบพัลวันไป มเหสีหนีออกนอกปราสาท ทั้งหน่อนาถน้องยาอัชฌาสัย ต่างหยุดยั้งนั่งสะท้อนถอนฤทัย นางนึกได้จึงแถลงแจ้งกิจจา โหรเขาดูภูวไนยว่าไม่ม้วย จะรอดด้วยเผ่าพงศ์พระวงศา อันองค์สุดสาครที่จรมา ก็บอกว่าเป็นโอรสยศไกร ช่วยรบสู้กู้เมืองเมื่อเคืองเข็ญ เห็นจะเป็นหน่อเนื้อในเชื้อไข แต่วงศ์วานมารดรนครใด ไม่แจ้งใจจึงยังให้รั้งรา ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นไม่แจ้งยังแคลงจิต ตะลึงคิดความหลังให้กังขา พระหน่อน้อยพลอยนึกนั่งตรึกตรา แล้วทูลว่าทราบบ้างแต่อย่างนี้ เมื่ออยู่เกาะพิสดารพระผ่านเกล้า ไปคลึงเคล้านางมัจฉาที่พาหนี ได้รักใคร่ไปมาอยู่กว่าปี จนนางมีครรภ์แล้วจึงแคล้วมา จะไปถามความดูให้รู้แน่ แม้ลูกแม่แน่ชัดนางมัจฉา จะมีธำมรงค์ครุฑบุษรา กับจุฑามณีที่ประทาน ฯ ๏ สองกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบแล้ว แม้น้องแก้วก็จงพามาสถาน โอรสรับกลับออกมานอกพระลาน นายทวารกราบก้มบังคมคัล พระพรายแพร่งแจ้งความตามรับสั่ง แล้วขึ้นนั่งราชรถพระกลดกั้น ตั้งแห่แหนแทนองค์พระทรงธรรม์ จรจรัลจากกรุงออกทุ่งนา ให้ม้าใช้ไปแถลงให้แจ้งก่อน สุดสาครแจ้งเหตุว่าเชษฐา ความดีใจไปรับที่พลับพลา เห็นเชษฐาลงจากรถบทจร สมสังเกตเนตรแดงดังแสงครั่ง มีเขี้ยวปลั่งเปล่งจำรัสประภัสสร เหมือนคำปู่ดูแลเห็นแน่นอน สุดสาครเชิญพระพี่ให้ลีลา ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรเห็นนุชน้อง พระพักตร์ผ่องผิวอย่างนางมัจฉา จึงหยุดยั้งนั่งประทับที่พลับพลา พระน้องยานอบคำนับอภิวันท์ สินสมุทรสุดสวาทด้วยชาติเชื้อ เหมือนหนึ่งเนื้อแล้วย่อมถนอมขวัญ ทั้งเห็นแหวนแม่นยำเป็นสำคัญ ยิ่งแม่นมั่นมิได้หมางระคางแคลง เข้าสวมสอดกอดน้องประคองหัตถ์ หน่อกษัตริย์สององค์ทรงกันแสง พระเชษฐาว่าพ่อดีมิเสียแรง ช่วยต่อแย้งไพรีจนพี่มา แล้วปราศรัยไถ่ถามกันตามซื่อ พ่อแล้วหรือลูกแม่สุวรรณมัจฉา น้องคำนับรับรสพจนา พระเชษฐาซ้ำถามเนื้อความไป อันเสนีรี้พลพหลทหาร กับกุมารสองราอยู่หาไหน พระน้องน้อยค่อยค่อยเล่าให้เข้าใจ แล้วถามไถ่ถึงบิดาสารพัน ฯ ๏ สินสมุทรสุดสนิทไม่ปิดป้อง บอกพระน้องตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ ผีผู้หญิงสิงองค์พระทรงธรรม์ ให้ป่วนปั่นเป็นบ้าถึงนารี ได้กระดาษวาดรูปมาจูบกอด แล้วหลงพลอดเพลินจิตด้วยฤทธิ์ผี พี่ชิงองค์ทรงธรรม์มาวันนี้ ฉีกขยี้มิอยากขาดประหลาดใจ ฯ ๏ อนุชาว่ากระนั้นอย่าหวั่นหวาด แม้ปีศาจสิงแท้จะแก้ไข ด้วยไม้เท้าเจ้าตาให้มาไว้ สำหรับไล่ผีสางปะรางควาน แต่ผีดิบสิบโกฏิยังโดดวิ่ง ผีผู้หญิงหรือจะอยู่สู้หม่อมฉาน แต่คอยฟังรั้งราอยู่ช้านาน ไม่แจ้งการเลยว่าเป็นถึงเช่นนี้ ฯ ๏ สินสมุทรยุดมือจริงหรือจ๊ะ กระนั้นพระน้องเข้าไปช่วยไล่ผี ทั้งจะปะพระเจ้าอาในธานี พร้อมอยู่ที่ปราสาททั้งมาตุรงค์ หน่อนรินทร์ยินดีชลีหัตถ์ ชวนกษัตริย์ทั้งสองเข้าห้องสรง ประดับเครื่องเรืองอร่ามทั้งสามองค์ ครั้นเสร็จทรงถือไม้เท้าของเจ้าตา พระชวนน้องสองศรีค่อยลีลาศ มาเฝ้าบาทบทเรศพระเชษฐา สินสมุทรสุดสวาทนาถน้องยา พากันมาขึ้นรถบทจร พวกเสนาการะเวกเอกอำมาตย์ ทั้งมหาดเล็กตามหลามสลอน พวกขุนนางแลสล้างกลางนคร พลนิกรตรงมาหน้าพระลาน ถึงที่เกยเคยประทับก็ยับยั้ง พระลงยังชานชลาที่หน้าฉาน เป็นการด่วนชวนพระน้องสองกุมาร เลี้ยวพระลานลัดทางไปปรางค์ทอง เห็นแสนสาวชาวแม่อยู่แออัด กับกษัตริย์พร้อมพรั่งไปทั้งสอง สินสมุทรนำหน้าพาพระน้อง เข้าในห้องปรางค์มาศปราสาทชัย ประณตนั่งบังคมก้มศิโรตม์ ด้วยมาโนชญ์หน่อนราอัชฌาสัย นางรับขวัญสรรเสริญเจริญใจ แล้วสอนให้ก้มเกล้าพระเจ้าอา ศรีสุวรรณนั้นเห็นหลานสงสารนัก ไม่ผิดพักตร์ภูวเรศพระเชษฐา กอดประทับรับขวัญกลั้นน้ำตา แล้วว่าอานี้ไม่รู้ด้วยอยู่ไกล พ่อมาถึงจึงได้เห็นว่าเป็นหลาน นั่นกุมารสองรามาแต่ไหน เป็นลูกเต้าท้าวพระยาพาราใด พระหน่อไททูลฉลองว่าน้องรัก แล้วเล่าความตามมาเมืองการะเวก ได้เป็นเอกโอรสมียศศักดิ์ พระน้องน้อยสุจริตสนิทนัก สามิภักดิ์ตามมาถึงธานี หน่อนรินทร์สินสมุทรเห็นพูดช้า จึงวันทาทูลพระมเหสี พระน้องรักศักดาวิชาดี จะไล่ผีมิให้อยู่ที่ภูวไนย นางพระยาว่ากระนั้นขยันนัก เชิญลูกรักของแม่ช่วยแก้ไข เครื่องหยูกยาหาบ้างหรืออย่างไร พระหน่อไททูลว่าของไม่ต้องการ จะขอตีที่กระดาษปีศาจอยู่ ด้วยความรู้ราวกับไฟประลัยผลาญ ถึงยักษีผีสางปะรางควาน ขอประทานแต่กระดาษรูปวาดมา นางดีใจใช้สินสมุทรน้อย ให้ไปคอยลักกระดาษดังปรารถนา หน่อนรินทร์ยินดีชลีลา แล้วแฝงมาเมียงมองที่ห้องใน เห็นหลับลอบหมอบเมียงเข้าเคียงอาสน์ ลักกระดาษเลขาเอามาได้ แล้วคลี่กลางปรางค์ปราสาทประหลาดใจ พระหน่อไทภาวนามหามนต์ เสกไม้เท้าดาบสจดกระดาษ เสียงรูปวาดหวีดร้องสยองขน แล้วซ้ำตีผีร้ายก็วายชนม์ กระดาษป่นเป็นประกายวุบหายไป สองกษัตริย์ทัศนาเห็นปรากฏ คงจะปลดเปลื้องวิบัติปัถไหม นางพระยาพาพระน้องกับหน่อไท เข้าห้องในนั่งดูพระภูธร ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมณีนาถ เมื่อปีศาจสร่างจิตอดิศร เคลิ้มพระทัยไหวหวิวหิวหาวนอน สะท้อนถอนฤทัยทั้งไสยา จนยามค่ำฉ่ำชื่นระรื่นรส มะลิสดแทรกกุหลาบอาบนาสา เสียงทหารขานโห่เป็นโกลา ก็ผวาหวาดฟื้นตื่นบรรทม รู้สึกองค์ทรงนั่งกำลังน้อย เนตรชม้อยไม่เห็นเหล่าสาวสนม เห็นลูกรักอัคเรศร่วมอารมณ์ มาบังคมพร้อมพรั่งทั้งอนุชา เขม้นดูกุมารโอรสราช เห็นผุดผาดผิวอย่างนางมัจฉา หวนรำลึกนึกสะอื้นกลืนน้ำตา จึงบัญชาถามองค์นางนงลักษณ์ สามกุมารหลานลูกผู้ใดมั่ง มาน้อมนั่งน่าเอ็นดูไม่รู้จัก นางทูลความตามเรื่องพระลูกรัก ให้ทรงศักดิ์ทราบสิ้นด้วยยินดี พระเรียกบุตรสุดสวาทขึ้นอาสน์รัตน์ หน่อกษัตริย์นอบนบซบเกศี พระโลมลูบจูบเกล้าพระเมาลี พลางพาทีไต่ถามตามอาลัย นางสุวรรณมัจฉามารดาเจ้า กำสรดเศร้าเคืองเข็ญเป็นไฉน หรืออยู่ดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย พ่อเล่าให้บิตุเรศแจ้งเหตุการณ์ ฯ ๏ สุดสาครร้อนจิตคิดถึงแม่ มาเห็นแต่บิตุรงค์น่าสงสาร ทรงกันแสงแจ้งเรื่องเคืองรำคาญ อันพระมารดาจนพ้นปัญญา ครั้นรุ่งเช้าเล่าก็ไปกินไคลน้ำ ต่อเย็นค่ำจึงมาอยู่ในคูหา ให้กินนมชมลูกทุกเวลา ตามประสายากจนของชนนี แต่ส้มสูกลูกน้อยที่สอยได้ ก็แบ่งให้แม่มัจฉาตาฤๅษี จนลูกยาอายุได้สามปี พระชนนีแนะความให้ตามมา แล้วเล่าเรื่องเมืองน้องสองกษัตริย์ พูนสวัสดิ์หวังพระองค์เหมือนวงศา ช่วยชุบเลี้ยงเที่ยงธรรม์กรุณา จึงได้มาอภิวาทบาทยุคล สงสารแต่แม่มัจฉานิจจาเอ๋ย ลูกอยู่เคยหักหาผลาผล ไปให้ทานมารดาประสาจน เป็นสองคนค่ำเช้าได้เคล้าคลึง ลูกจากมาน่าที่จะวิตก ด้วยเปลี่ยวอกเปล่าใจอาลัยถึง จะง่วงเหงาเศร้าจิตคิดคะนึง แสนรำพึงถึงลูกผูกอาลัย แล้วสั่งมาว่าแม้นพบพระภูวนาถ ให้กราบบาททูลแจ้งแถลงไข ว่าชาตินี้มิได้มาเป็นข้าไท แต่มีใจคิดถึงองค์พระทรงธรรม์ อันปิ่นทองของประทานของผ่านเกล้า พระแม่เจ้ามอบไว้ให้หม่อมฉัน โอ้สงสารนานแล้วแต่แคล้วกัน จะนับวันเวลาตั้งตาคอย ฯ ๏ พระฟังคำร่ำว่าน่าสังเวช ชลเนตรหยดเหยาะเผาะเผาะผอย เหลืออาลัยในคำเงือกน้ำน้อย ให้เศร้าสร้อยสวมสอดกอดกุมาร ประโลมลูกผูกจิตคิดถึงแม่ มาห่างแหเห็นแต่บุตรสุดสงสาร สะอื้นอ้อนถอนฤทัยอาลัยลาน พระวงศ์วานใหญ่น้อยพลอยโศกี ครั้นโศกสร่างทางดำรัสตรัสประภาษ เรียกหน่อนาถพี่น้องทั้งสองศรี มานั่งตักซักถามถึงเดือนปี กุมารีพลอดรับอภิวันท์ ฉันกับพี่ปีเดียวกันเจียวจ๊ะ แต่องค์พระอนุชาอ่อนกว่าฉัน พระเชษฐานั้นเป็นลูกได้ผูกพัน กระหม่อมฉันจะเป็นด้วยช่วยเมตตา พระจูบกอดพลอดเพลินเจริญจิต แสนสนิทนึกรักนั้นหนักหนา พระลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา พี่เลี้ยงพามาประณตบทมาลย์ พระสอนให้ไหว้พี่สี่กษัตริย์ ต่างกอดรัดพูดจาน่าสงสาร นางเสาวคนธ์บ่นว่าน่ารำคาญ เช่นนี้ฉานดูเฟือนช่างเหมือนกัน พระน้องนางต่างว่าฉันฝาแฝด กษัตริย์แปดองค์ชวนกันสรวลสันต์ เสียงจ๋าจ๊ะคะขาจนสายัณห์ ส่วนทรงธรรม์ตรัสถามความแผ่นดิน นางทูลว่าฝรั่งยังตั้งค่าย อยู่เรียงรายตามมหาชลาสินธุ์ ทั้งยกเพิ่มเติมมาในวาริน ไม่รู้สิ้นศึกเสือเหลือระอา แต่ละทัพนับแสนมาแน่นเนื่อง ล้วนเจ้าเมืองใหญ่น้อยร้อยภาษา แม้ครั้งนี้มิได้สุดสาครมา จะเป็นข้าแขกฝรั่งเสียทั้งเมือง ฯ ๏ พระฟังคำร่ำเล่าเศร้าสลด ยามระทดทุกข์ตรอมยังผอมเหลือง สู้ฝืนแรงแข็งพระทัยให้ประเทือง ตรัสเรียกเครื่องพระกระยามาเหมือนเคย ชวนน้องรักอัคเรศโอรสราช ร่วมพระภาชนะทองของเสวย รสระรื่นชื่นอารมณ์ด้วยนมเนย เหมือนอย่างเคยคาวหวานสำราญใจ ครั้นอิ่มหนำสำเร็จเสด็จออก พระโรงนอกนพรัตน์จำรัสไข สถิตแท่นแว่นฟ้าเสนาใน ต่างดีใจกราบก้มบังคมคัล พระปรึกษาข้าเฝ้าเหล่าทหาร ศึกมาต้านต่อแย้งด้วยแข็งขัน จงเร่งรัดจัดทัพสลับกัน ให้เป็นปัญจเสนาสง่างาม พรุ่งนี้เช้าเราจะยกออกยงยุทธ์ ให้สิ้นสุดศึกเตียนที่เสี้ยนหนาม สั่งกำชับสรรพเสร็จสำเร็จความ พอย่ำยามเยื้องย่างขึ้นปรางค์ทอง ฯ ๏ ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร มาเกณฑ์การกันแต่ดึกเสียงกึกก้อง บ้างตรวจตราหน้าที่บ้างตีฆ้อง เสียงจองหง่องจองหง่องป่องป่องดัง ศรีสุวรรณนั้นเกณฑ์เป็นกองหน้า ล้วนโยธารมจักรคึกคักคั่ง พลทมิฬสินสมุทรมาหยุดยั้ง อยู่พร้อมพรั่งปีกขวาสง่างาม พวกโยธาการะเวกเป็นปีกซ้าย ทั้งไพร่นายล้วนชำนาญชาญสนาม เจ้าวิเชียรโมราสานนพราหมณ์ เป็นกองหลังตั้งตามพยุหทัพ พวกพหลพลผลึกเป็นกองหลวง เวลาล่วงตีสิบเอ็ดพอเสร็จสรรพ บ้างแกว่งกลอกหอกดาบดูวาบวับ มาเตรียมรับเรียงหลามอยู่ตามทาง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยตื่นไสยาสน์ ชวนหน่อนาถนุชน้องมาห้องขวาง ต่างจัดแจงแต่งองค์ทรงสำอาง ครั้นเสร็จย่างเยื้องมาหน้าพระลาน รถม้าเทียบเรียบรับอยู่คับคั่ง ทั้งหน้าหลังแลล้วนทวนธงฉาน พอฤกษ์ดีตีฆ้องก้องกังวาน ทหารขานโห่ฮึกเสียงครึกโครม ศรีสุวรรณนั้นขึ้นทรงรถที่นั่ง ทั้งแตรสังข์เซ็งแซ่เสียงแห่โหม เดินธงทิวปลิวสล้างกลางโพยม กลองประโคมเคียงรถบทจร สินสมุทรหยุดยั้งให้ตั้งโห่ ขี่สิงโตตัวร้ายสะพายศร ข้างปีกซ้ายฝ่ายนุชาสุดสาคร ทรงมังกรกุมไม้เท้าของเจ้าตา พระพี่น้องสองทัพขับทหาร อลหม่านมากมายทั้งซ้ายขวา เสียงฆ้องกลองก้องสะท้านสะเทื้อนสุธา ต่างเฮฮาโห่ร้องซ้องสำเนียง ครั้นเสร็จสรรพทัพหลวงล่วงลีลาศ พระทรงราชรถทองกึกก้องเสียง แล้วกองหลังทั้งสามพราหมณ์พี่เลี้ยง ขี่ม้าเคียงขับพลสกลไกร ออกจากกรุงทุ่งกว้างเป็นทางทัพ แลสลับธงทิวปลิวไสว บ้างลากปืนครื้นครั่นสนั่นไป จนมาใกล้ค่ายฝรั่งให้ตั้งทัพ ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังยับยั้งหยุด ตั้งเป็นครุฑกระบวนนามตามตำรับ เห็นโยธาพวกฝรั่งออกคั่งคับ เป็นแปดทัพทั้งเดิมและเติมมา ล้วนมีธงลงหนังสือชื่อประเทศ เมืองละเมดมลิกันสำปันหนา กรุงกวินจีนตั๋งอังคุลา ที่ยกมาทางบกอีกหกทัพ ที่อยู่เก่าเจ้าลยาชวาฉวี แต่ล้วนตีเมืองไม่ได้ก็ไม่กลับ ต่างขี่ม้าพาทหารออกต้านรับ ปะทะทัพดูทีกิริยา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ เห็นศึกหนักนับแสนดูแน่นหนา จะเป่าปี่ให้สู้ดูศักดา ก็เห็นว่าจะไม่ลือระบือยศ หนึ่งพวกเราเล่าก็รวมอยู่พร้อมพรั่ง แต่ล้วนรังเรียนวิชาได้ปรากฏ จะดูดีพี่น้องสองโอรส ให้มียศเกียรติไว้ในไตรภพ จึงตรัสใช้ให้ทูตไปพูดนัด อย่างกษัตริย์สงครามตามขนบ ครั้นจะให้ไพร่พลเข้ารณรบ จะตายทบทับยับเสียนับพัน ซึ่งจะชนะจะแพ้เพราะแม่ทัพ ออกต่อรับรบสู้เป็นคู่ขัน ใครผลาญเราเจ้าบูรินทร์สิ้นชีวัน คือคนนั้นได้ลูกสาวเจ้าลังกา ฯ ๏ ทั้งเก้าทัพรับกันเป็นธรรมยุทธ์ รำอาวุธเรียงรายทั้งซ้ายขวา แต่ม้าทรงองค์ท้าวเจ้าคุลา ออกยืนหน้านายทหารถือขวานคลี บั้นเอวผูกลูกขลุบแล้วคลุมเสื้อ ดูดังเสือโคร่งคร่ำดำหมิดหมี ทางร้องท้าว่าใครผู้ใดดี มาต่อตีตามพนันเหมือนสัญญา สินสมุทรบุตรยักษ์มักโมโห ขับสิงโตรำทวนสวนถลา เข้ารบรับทัพท้าวเจ้าคุลา ปะทะท่าแทงฟันประจัญบาน หลายกระบวนทวนทบตลบเลี่ยง พอแทงเพลี่ยงพลิ้วหันฟันด้วยขวาน ถูกหน่อนาถฉาดฉับกลับทะยาน เข้าชิงขวานไขว่คว้ารบราวี เจ้าคุลากล้าหาญวางขวานให้ เห็นโถมไล่เลี้ยวมาทำล่าหนี ชำเลืองเหลือบเกือบใกล้เห็นได้ที ทิ้งลูกคลีถูอุระพระกุมาร พลัดตกสิงห์กลิ้งซบสลบหลับ มันจะสับซ้ำเอาเลือดดังเชือดฝาน สุดสาครควบม้าถาทะยาน เข้าต่อต้านตอบตีช่วยพี่ชาย ลืมระวังพลั้งเพลี่ยงมันเหวี่ยงขลุบ ถูกอกอุบจุกอัดขัดไม่หาย พอพระอามาทันเข้ากันกาย ช่วยหลานชายชิงชัยไวกระบอง มันรบพลางขว้างขลุบดูวุบวับ พระควงรับรอนรันผันผยอง ทิ้งไม่ถูกลูกกระเด็นอยู่เป็นกอง พระตีต้องเจ้าคุลาชีวาวาย ฯ ๏ พอพี่น้องสองฟื้นตื่นทะลึ่ง เปรียบเหมือนหนึ่งนอนหลับแล้วกลับหาย เจ้ากวินถิ่นเถื่อนเห็นเพื่อนตาย กระหวัดสายกวินทรงเข้ายงยุทธ์ ศรีสุวรรณหันหวดเร็วรวดรับ มันขว้างขวับไขว่คล้องกระบองหลุด แล้วซ้ำซัดรัดพระชงฆ์พอองค์ทรุด สินสมุทรโผนมาช่วยอาทัน ถูกกวินผินผัดสลัดหลีก มันทิ้งอีกโอบกายสายกระสัน สะบัดขาดผาดโผนโจนประจัญ เอาขวานฟันเจ้ากวินสิ้นชีวา ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าละเมดวิเศษสุด ถืออาวุธกายสิทธิ์ฤทธิ์หนักหนา ชื่อภุขันฟันใครเหมือนไฟฟ้า มรณาเนื้อเผือดเลือดไม่มี ครั้นเห็นท้าวเจ้ากวินสิ้นชีวิต เข้าต่อฤทธิ์รับรบไม่หลบหนี สินสมุทรยุดพลาดมันฟาดตี ถูกอินทรีย์ซวนซบสลบไป ฯ ๏ ศรีสุวรรณกับหลานทะยานยุทธ์ ฤทธิรุทรรบกันเสียงหวั่นไหว เหล็กกระบองต้องภุขันสะบั้นไป พระตกใจโจนหนีมันตีตาม สุดสาครกรทรงไม้เท้าโถม เข้ารุกโรมรำคว้างอยู่กลางสนาม เหล็กภุขันฟันใครเป็นไฟวาม เหตุด้วยความรู้ฤทธิ์พระสิทธา พอได้ทีตีท้าวเจ้าละเมด ถูกพระเกศขาดดิ้นสิ้นสังขาร์ เหล็กภุขันนั้นก็เก็บเหน็บเอามา พอเชษฐาฟื้นกายค่อยคลายใจ ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวจีนตั๋งนั้นฝังเพชร ไม่ขามเข็ดคงกระพันฟันไม่ไหว ทั้งสองมือถือทุรันน้ำมันไฟ ฟาดผู้ใดไฟพิษติดเต็มกาย ควบอาชาม้าทรงเข้ายงยุทธ์ สินสมุทรต่อตีไม่หนีหาย ชิงทุรันมันฟาดปราดประกาย เป็นเพลิงร้ายพราวทั่วทั้งตัวตน สินสมุทรหยุดลูบยิ่งวูบวาบ เป็นเปลวปลาบปวดแปลบแสบเส้นขน ติดแขนขาผ้าเสื้อจนเหลือทน เหมือนเพลิงลนล้มซบสลบไป ท้าวทมิฬจีนตั๋งขึ้นหลังม้า พอสุดสาครถึงทะลึ่งไล่ กระโจนจับกลับพลาดมันฟาดไฟ ถูกกายไหม้ม้วนซบสลบลง มันขึ้นม้าท้าทายเหวยนายทัพ จงเร่งรับแพ้ตามความประสงค์ ศรีสุวรรณหันกระบองที่รองทรง เข้ารณรงค์รบท้าวเจ้าจีนตั๋ง ได้ท่วงทีตีอกพลัดตกม้า ลุกถลาไล่รบตลบหลัง จะฟาดไฟไม่ต้องกระบองบัง พระตีดังผลุงผลุงกระทุ้งแทง ด้วยฤทธิ์เพชรเม็ดใหญ่ไม่ไหวหวาด มันกลับฟาดไฟพรายกระจายแสง ถูกนิ้วมือถือกระบองก็พองแดง พระอ่อนแรงรอรบถอยหลบมา ฯ ๏ พอพี่น้องสองกษัตริย์สกัดกั้น ยิงเกาทัณฑ์ถูกกระดอนดังก้อนผา มันฟาดไฟไม่ต้องทั้งสองรา ด้วยฤทธิ์แก้วแววตารักษากาย ถูกแต่ม้าผ่าโผนโจนสะบัด กุมารพลัดแพลงตกผงกหงาย กุมารีพี่คล่องกว่าน้องชาย กระหวัดสายศรลั่นไปทันที จำเพาะถูกลูกตาข้างขวาขวับ ตกม้าผลับโผนโลดกระโดดหนี พอโพล้เพล้เวลาจะราตรี จีนตั๋งตีกลองสัญญาเป็นหย่าทัพ ฯ ๏ ฝ่ายพวกบ่าวเจ้าตายพอวายรบ รับแต่ศพใส่กำปั่นพากันกลับ แต่จีนตั๋งสั่งให้ไปกำชับ บรรดาทัพอยู่อย่าเพ่อราวี เรารบค้างร้างไว้ยังไม่ทิ้ง ใครอย่าชิงรบพุ่งเอากรุงศรี แล้วปวดตามาในค่ายไม่สมประดี ให้เห็นผีเสื้อสางปะรางควาน จีนแสเข้าเป่ายานัยน์ตาแตก น้ำมันแทรกใส่แก้แผลสมาน ทั้งห้าเมืองเนืองมาถามอาการ พยาบาลบอกยารักษากัน ฯ ๏ สงสารพระอภัยฤทัยระทด กลัวโอรสสองราจะอาสัญ ไม่เห็นฟื้นขึ้นบ้างเหมือนกลางวัน พระทรงกันแสงประคองสองโอรส ศรีสุวรรณนั้นก็พองทั้งสองหัตถ์ สองกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงกำสรด เร่งให้หามาออกสอทั้งหมอมด บางพวกบดยาชโลมโซมน้ำมัน ถึงพรมพรำน้ำฟักไม่ยักฟื้น จนเที่ยงคืนฆ้องตรวจกันกวดขัน ขึงผ้าขาวราวกับค่ายเป็นหลายชั้น กำกับกันตีฆ้องกองอัคคี ตำรวจตั้งหลังคาเอาผ้าขึง เปรียบเหมือนหนึ่งพลับพลาหลังคาสี ปูผ้าขาวราวกับเสื่อล้วนเนื้อดี พวกเสนีนายหมวดตรวจตระเวน ฯ ๏ สองกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ทรงกันแสง จนโรยแรงเรอลมดมพิมเสน ด้วยหาหมดมดหมอในบริเวณ เห็นสิ้นเกณฑ์แก้ไขก็ไม่ฟื้น พระประคองสองบุตรสุดที่รัก ขึ้นวางตักข้างละองค์ทรงสะอื้น โอ้เย็นฉ่ำน้ำค้างในกลางคืน เจ้าไม่ฟื้นขึ้นมาสั่งพ่อบ้างเลย ประหลาดเหลือเนื้อละมุนยังอุ่นอ่อน สินสมุทรสุดสาครของพ่อเอ๋ย เคยกลับเป็นก็ไม่เห็นเหมือนเช่นเคย กระไรเลยแน่นิ่งไม่ติงกาย พระครวญคร่ำร่ำรักโอรสราช ใจจะขาดคิดไปก็ใจหาย พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย ทั้งขวาซ้ายกอดศพสลบลง ฯ ๏ ศรีสุวรรณกันแสงสงสารพี่ กุมารีร้องเรียกจนเสียงหลง ทั้งน้องชายหมายหมดว่าปลดปลง ต่างกอดองค์พี่ยาสุดสาคร กนิษฐาว่าพระพี่มาหนีน้อง ใครจะครองคุ้มขังช่วยสั่งสอน ยังแต่น้องสองราอนาทร นางทุกข์ร้อนร่ำว่าน้ำตากระเด็น จะกลับเล่าเปล่าจิตคิดถึงพี่ อยู่ที่นี่พ่อแม่แลไม่เห็น โอ้แต่นี้พี่เจ้าทุกเช้าเย็น มิได้เล่นกันกับน้องทั้งสองรา เรียกเท่าไรไม่ฟื้นสะอื้นอั้น ต่างปลุกสั่นโศกีพระพี่จ๋า ยิ่งเรียกนิ่งยิ่งสะอื้นกลืนน้ำตา กุมาราแรงน้อยล้มผอยไป พวกข้าเฝ้าเข้าประคองสองกษัตริย์ ไม่ออกอรรถเซ็งแซ่เข้าแก้ไข บ้างนวดเคล้นเส้นพระศอสองหน่อไท ก็กลับได้สมประดีค่อยมีมา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งตั้งรายอยู่หลายค่าย วิสัยชายชิงชู้คู่อิจฉา ต่างไต่ถามไพร่ทุรันจำนรรจา ครั้นรู้ยายามดึกนั่งตรึกความ เจ้าจีนตั๋งครั้งนี้ออกตีทัพ ชาวเมืองรับพ่ายพังไปทั้งสาม เขามีชัยได้เมียเราเสียงาม จึงคิดความยอกย้อนซอกซ้อนกล ค่อยลอบใช้ให้บ่าวบอกชาวทัพ ว่าจะดับพิษไฟได้แต่ฝน ชาวบุรีดีใจทั้งไพร่พล แจ้งยุบลบอกข่าวทูลเจ้านาย พระอภัยให้เที่ยวหาเป็นหน้าแล้ง ทุกหนแห่งมิได้สมอารมณ์หมาย พอนึกได้ให้หาพราหมณ์ทั้งสามนาย พี่เลี้ยงฝ่ายอนุชาชื่อสานน ทำพิธีพลีบวงสรวงพระเวท ศักดาเดชดินฟ้าโกลาหล พิรุณร้องก้องกระหึ่มครึ้มคำรน เป็นสายฝนฟุ้งฟ้าลงมาดิน ให้ประคองสององค์ออกสรงน้ำ ค่อยชื่นฉ่ำชีวาตม์ด้วยธาตุสินธุ์ ถอนน้ำมันอันเป็นกรดหมดมลทิน หน่อนรินทร์รู้สึกลุกคึกคัก คิดว่าสู้อยู่กับแขกจะแหวกออก พอเขาบอกมองดูจึงรู้จัก ฝ่ายบิดาพาบุตรมาหยุดพัก ที่สำนักกลางทัพเหมือนพลับพลา แล้วเล่าความตามรบสลบหลับ พลางกำชับลูกรักนั้นหนักหนา ชาติฝรั่งอังกฤษเป็นอิสรา มีศัสตราสำหรับตัวทั่วทุกคน ถึงชนะจะจับจงยับยั้ง คอยระวังสังเกตดูเหตุผล โอรสรับกลับนึกรู้สึกสกนธ์ ทั้งสองคนแค้นใจจะใคร่รบ จึงทูลว่าข้าขอตีแต่พี่น้อง ให้พวกพ้องพลทมิฬตื่นตลบ พระบิดาว่าฝรั่งตั้งสมทบ จะรุมรบเราน้อยถอยกำลัง คอยรับแต่แม่ทัพให้ยับย่อย พลก็พลอยพ่ายแพ้เหมือนแต่หลัง อย่าอาจหาญการณรงค์จงรอรั้ง พระสอนสั่งสิ้นเสร็จด้วยเมตตา ฯ ๏ ฝ่ายสานนมนต์เวทวิเศษชะงัด ได้ฟังตรัสกราบคำนับรับอาสา จะเรียกฝนปนลมระดมมา ให้พวกข้าศึกหนาวทั้งบ่าวนาย เราแยกยกวกอ้อมออกพร้อมพรัก เข้าโหมหักเห็นจะได้ดังใจหมาย แม้นละไว้ไม่กำจัดให้พลัดพราย จะมากมายมาสมทบเฝ้ารบกวน พระฟังความพราหมณ์คิดด้วยวิทย์เวท อาศัยเหตุฝนลมระดมหวน จึงตรัสตอบขอบจิตว่าคิดควร กระนั้นส่วนตัวท่านจงอ่านมนต์ เราจะขับทัพใหญ่ออกไล่ซ้ำ เห็นเพลี่ยงพล้ำพลอยระดมด้วยลมฝน แล้วสั่งฝ่ายนายหมวดเร่งตรวจพล จะปลอมปล้นค่ายแขกให้แตกแตน ทั้งโยธาการะเวกเมืองรมจักร เสียงคึกคักคั่งคับอยู่นับแสน บ้างถือปืนยืนสะพรั่งทั้งโล่แพน ด้วยคิดแค้นแขกฝรั่งทั้งแผ่นดิน ฯ ๏ ฝ่ายมหาสานนพระมนต์ขลัง เรียกกำลังลมประสาททั้งธาตุสินธุ์ วลาหกตกใจไขเมฆิน เป็นวารินร่วงโรยอยู่โกรยกราว ทั้งเทวามารุตก็ผุดพุ่ง เป็นควันพลุ่งโพลงสว่างขึ้นกลางหาว เสียงครึกครื้นพื้นแผ่นดินทั้งแดนดาว อากาศราวกับจะพังกำลังมนต์ ฯ ๏ ฝ่ายทมิฬจีนตั๋งฝรั่งร้าย เห็นวุ่นวายเวหาเป็นฟ้าฝน ทั้งหนาวเหน็บเจ็บตาอุตส่าห์ทน ออกตรวจพลถ้วนทั่วทุกตัวนาย จะก่อไฟไม่ติดผิดประหลาด ทั้งฝนสาดลูกเห็บเจ็บใจหาย ถูกพลับพลาฝรั่งพังทลาย ทั้งขอบค่ายลู่ล้มด้วยลมแรง ฯ ๏ พระอภัยได้ทีให้ตีฆ้อง แล้วยกกองทัพทหารชาญกำแหง เข้าหักโหมโรมรันไล่ฟันแทง บ้างน้าวแผลงเกาทัณฑ์บ้างลั่นปืน พลฝรั่งอังกฤษไม่คิดรบ แตกตลบลงชลาไม่ฝ่าฝืน บ้างล้มตายวายวางในกลางคืน บ้างวิ่งตื่นแตกป่วนอยู่รวนเร บ้างลงเรือเหลือตายทั้งนายไพร่ พายุใหญ่ปั่นป่วนให้หวนเห บ้างแตกล่มลมพัดเที่ยวซัดเซ จนถึงเวลารุ่งรบพุ่งกัน ฯ ๏ พระอภัยได้ชนะเพราะพระเวท แสนวิเศษสานนคนขยัน ฝรั่งแขกแตกตายเสียหลายพัน ที่เหลือนั้นจับได้ทั้งไพร่นาย ให้เลิกทัพกลับหลังเข้าวังหลวง ค่อยสร่างทรวงเสร็จศึกเหมือนนึกหมาย เสนานายใหญ่น้อยพลอยสบาย ทั้งหญิงชายชาวบุรินทร์ก็ยินดี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร จึงสั่งอัครชายามารศรี เจ้ายกทัพขับทหารออกต้านตี ผู้ใดมีความชอบประกอบการ จงรางวัลชั้นแต่ไพร่ให้ได้ถ้วน พอสมควรยศศักดิ์อัครฐาน ที่วายวางกลางณรงค์ให้วงศ์วาน รับประทานถ้วนทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี ทำบาญชีไว้แต่หลังยังฉงน ให้สาวใช้ไขตู้อยู่ชั้นบน บาญชีคนมาถวายจดหมายไว้ พระทรงอ่านบาญชียินดีหนัก ด้วยนงลักษณ์แสนปัญญาอัชฌาสัย โสมนัสตรัสล้ออรไท นี่หากได้ยอดทหารผลาญไพรี สู้รบรับทัพท้าวเก้าประเทศ ไม่เสียเขตขอบแขกกลับแตกหนี ถูกธนูสู้ทนเป็นคนดี ก็ไม่มีของประทานพานอาภัพ นางแย้มยิ้มพริ้มพรายสบายจิต แล้วทรงคิดของบำเหน็จให้เสร็จสรรพ หาเสนามาพร้อมน้อมคำนับ ประทานทรัพย์เสื้อผ้าเงินตรากราว ฯ ๏ ฝ่ายทหารพลเรือนได้เลื่อนที่ เจียดกระบี่ยศศักดิ์เครื่องปักขาว เงินภาษีปีละแสนทั้งแดนดาว ให้ยกคราวเมื่อศึกมาถึงธานี ถึงโยธาการะเวกเมืองรมจักร ได้เงินทองของรักเป็นศักดิ์ศรี พลทมิฬสินสมุทรฝีมือดี ได้ของที่ต้องใจทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายเสนาการะเวกเอกอำมาตย์ เชิงฉลาดคาดการประมาณหมาย สังเกตดูภูวไนยพระทัยสบาย จึงถวายบังคมทูลมูลความ พระปิ่นปักนัคราการะเวก คิดถึงเอกโอรสหมดทั้งสาม วางพระทัยให้ข้าพยายาม เที่ยวติดตามกว่าจะปะกับพระองค์ แล้วให้ข้าฝ่าละอองฉลองบาท ถวายราชไมตรีที่ประสงค์ บังคมขอหน่อนาถบาทบงสุ์ ให้สืบพงศ์ผ่านสมบัติกษัตรา ประการหนึ่งซึ่งพระองค์ประสงค์สนิท บาทบพิตรภูวเรศเหมือนเชษฐา แม้นบอกไปได้ความจะตามมา ร่วมสุธาสันธมิตรสนิทใน ฯ ๏ พระฟังคำอำมาตย์ฉลาดแหลม จึงยิ้มแย้มยกย่องสนองไข โอรสามาแถลงให้แจ้งใจ ว่าพระทัยทรงธรรม์กรุณา เราขอบจิตคิดจะใคร่ไปรู้จัก บำรุงรักในพระองค์เหมือนวงศา จะบอกไปให้พระน้องนั้นต้องมา ดูดังว่าถือยศไม่งดงาม เราจะไปให้ถึงจึงจะชอบ เหมือนรักตอบตามสุภาพไม่หยาบหยาม จะหยุดยั้งฟังงานการสงคราม อีกสักสามสี่เวลาจึงคลาไคล ฯ ๏ พอปากน้ำนำผู้ถือหนังสือลับ มาคำนับทูลแจ้งแถลงไข ว่าบุตรท้าวเจ้าพาราสุลาลัย ฝรั่งใหญ่ยกมาตั้งอยู่ลังกา กับบุตรท้าวเจ้าระเด่นนั้นเป็นแขก ล้วนรุ่นแรกรักผู้หญิงชิงอาสา จะรบกันขันสู้ดูศักดา นางวัณฬาลวงล่อให้พอใจ แม้นแล้งลงคงจะมาไม่ช้านัก ให้ทรงศักดิ์ทราบกระแสคิดแก้ไข พระฟังข่าวผ่าวร้อนถอนฤทัย นึกสงสัยไต่ถามพราหมณ์พฤฒา เมืองทมิฬถิ่นประเทศทุกเขตแคว้น ในภูมิแผนที่มีกี่ภาษา ได้ฟังถามพราหมณ์เฒ่าเจ้าตำรา จึงวันทาทูลความตามโบราณ อันวิสัยไตรเพทประเทศถิ่น บูรพ์ทักษิณปัจจิมทิศและอิสาน แผ่นดินงอกออกทุกวันเป็นสันดาน เขาสร้างบ้านสร้างเมืองเนื่องกันไป อันแว่นแคว้นแดนดินถิ่นมนุษย์ ไม่รู้สุดสิ้นอย่างต่างวิสัย เป็นหมื่นแสนแผนที่ซึ่งมีไว้ จนถึงใกล้เขตถิ่นเมืองกินรา ยังนอกนั้นตะวันตกยกขึ้นเหนือ พูดเหมือนเนื้อนกคล้ายหลายภาษา แต่พวกเขาเหล่าฝรั่งข้างลังกา เคยไปค้าขายถึงทางครึ่งปี ที่ยังนอกออกไปนั้นหลายเพศ ว่าเขตเปรตอสุรกายและพรายผี ซึ่งทราบความตามอ่านพระบาลี ในคัมภีร์ภูมิประเทศเขตสุธา ฯ ๏ พระอภัยได้สดับกลับวิตก ศึกจะยกข้ามเมืองเนื่องหนักหนา จึงปรึกษาข้าเฝ้าเหล่าเสนา นางวัณฬายังเป็นสาวสิบเก้าปี จะเชิญท้าวด้าวแดนทั้งแสนภพ มารุมรบเมืองผลึกดังศึกผี ฉวยประมาทพลาดพลั้งเหมือนครั้งนี้ ชาวบุรีราษฎรจะร้อนรน เราตรองตรึกนึกว่าน่าจะข้าม ไปปราบปรามแว่นแคว้นแดนสิงหล ล้อมลังกาฆ่านายให้วายชนม์ เหมือนตัดต้นเสียแล้วปลายก็ตายตาม แต่เสนาการะเวกเอกอำมาตย์ จงพาราชโอรสหมดทั้งสาม ไปพาราถ้าสำเร็จเสร็จสงคราม เราจะตามไปเหมือนคำที่รำพัน แล้วให้หาอาลักษณ์จำลองสาร ล้วนอ่อนหวานเพราะพริ้งทุกสิ่งสรรพ์ ใส่ลานทองกล่องแก้วอันแพรวพรรณ ทั้งเครื่องบรรณาการประทานไป แล้วสั่งพระอนุชาเสนาผลึก ล้วนเคยศึกสงครามตามวิสัย จงเตรียมคนพลรบให้ครบไว้ จะข้ามไปลังกาไม่ช้าการ แล้วชวนบุตรสุดสาครบวรนาถ ขึ้นปราสาทแสนวิโยคโศกสงสาร สถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬาร กอดกุมารโศกาด้วยอาลัย โอ้ลูกแก้วแววตาบิดาเอ๋ย ได้ชมเชยชื่นจิตพิสมัย จะแลลับกลับเป็นลูกเขาอื่นไป เหมือนดวงใจพ่อนี้พรากไปจากทรวง จะขัดขวางอย่างไรก็ไม่ชอบ ด้วยเธอมอบรักใคร่มาใหญ่หลวง มิให้ไปไพร่พลคนทั้งปวง จะลามล่วงติโทษว่าโหดไร้ จึงจำส่งองค์เจ้าเพราะเท่านั้น โอ้มิ่งขวัญพ่ออย่าหมองจงผ่องใส พลางสวมสอดกอดโอรสระทดใจ สะอื้นให้อยู่บนที่ศรีไสยา ฯ ๏ สุดสาครอ่อนองค์ลงอภิวาท จับพระบาทภูวไนยใส่เกศา พระปิ่นเกล้าเจ้าประคุณกรุณา มิใช่ว่าลูกนี้จะลืมคุณ แต่พ่อเลี้ยงเที่ยงธรรม์ได้พันผูก เหมือนพ่อลูกล้นเหลือที่เกื้อหนุน อันหนึ่งน้องสองราก็การุญ ได้ทำบุญร่วมกันมามั่นคง ลูกขอลาฝ่าพระบาทบิตุเรศ ไปทูลเหตุมูลความตามประสงค์ แล้วจะลาพาพลมารณรงค์ ช่วยพระองค์รบพุ่งกรุงลังกา ฯ ๏ พระฟังบุตรสุดสวาทฉลาดฉลอง กรประคองรับขวัญด้วยหรรษา พลางกอดจูบลูบหลังพระลูกยา พ่ออย่าปรารมภ์จิตถึงบิดร ศึกเพียงนี้มิสู้ยากลำบากนัก เพราะพร้อมพรักนายทหารชาญสมร ล้วนเรียนรู้ครูประสิทธิ์ฤทธิรอน จะผันผ่อนได้สิ้นดังจินดา เจ้าไปอยู่บุรีให้มีสุข พ่อมีทุกข์จึงจะให้เขาไปหา แล้วก็เปลื้องเครื่องทรงอลงการ์ ให้ลูกยาสวมทรงเป็นมงคล ฯ ๏ สุดสาครซ้อนนอกหนังเสือเหลือง เป็นสามเครื่องเรียบร้อยใส่สร้อยสน แล้วกราบทูลมูลความตามยุบล เหมือนเรื่องต้นตั้งสัตย์ปฏิญาณ มิได้กลับอภิวาทบาทดาบส น้อมประณตแม่มัจฉาเหมือนว่าขาน ก็ไม่เปลื้องเครื่องครองของอาจารย์ ขอประทานโทษาอย่าราคิน ฯ ๏ พระอภัยได้สดับก็รับขวัญ เห็นกตัญญูจิตคิดถวิล ยิ่งรำพึงถึงมัจฉายุพาพิน มิรู้สิ้นรักใคร่อาลัยลาน แล้วจึงว่าถ้าแม้พบกับแม่เจ้า จงบอกเล่าว่าพ่อคิดพิษฐาน ไปชาติหน้าขอให้พบยุพาพาล กับประการหนึ่งนั้นทุกวันนี้ แม้นมิตายหมายใจจะได้พบ ไม่ล้างลบลืมมัจฉามารศรี สั่งโอรสพจนาในราตรี จนรวีวรรณสว่างสำอางองค์ แล้วจัดเครื่องเรืองระยับประดับเพชร มงกุฎเก็จเกี้ยวกระหนกวิหคหงส์ ทั้งภูษาค่าเมืองเครื่องณรงค์ ประทานองค์พระพี่น้องสองกุมาร แล้วโลมลูบจูบพักตร์รักเหมือนบุตร ล้วนแสนสุดซื่อตรงน่าสงสาร เมื่อเติบใหญ่ไหนก็คงเป็นวงศ์วาน กอดกุมารรับขวัญกลั้นโศกา แล้วสอนให้ไหว้อาลาพระพี่ ทั้งชนนีนั่งรายทั้งซ้ายขวา สามกุมารนั่งเรียงเคียงกันมา ชลีลาอัคเรศเกศสุรางค์ ฯ ๏ นางรับขวัญสรรเสริญเจริญรัก จุมพิตพักตร์พี่น้องแล้วหมองหมาง พิไรร่ำพร่ำว่าโศกาพลาง ไปเหินห่างห้องแม่จะแลลับ นิจจาเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า เมื่อไรเจ้าสายใจจะได้กลับ โอ้อนาถวาสนาแม่อาภัพ ได้ลูกแก้วแล้วจะกลับครรไลไป สุดสาครจรมาหาแม่มั่ง พ่อเหมือนดังดวงจิตอย่าคิดไฉน แม่รักน้องของเจ้านั้นเท่าไร ก็รักใคร่ตัวเจ้านั้นเท่ากัน ขอฝากน้องสองหญิงอย่าทิ้งขว้าง ให้เหมือนอย่างร่วมอุทรให้ผ่อนผัน ประภาษพลางนางประทานสังวาลวรรณ ให้เหมือนกันทั้งพระน้องสองกุมาร ฯ ๏ แล้วคลานเข้าเฝ้าอาขอลากลับ พระอารับขวัญจูบโลมลูบหลาน ธำมรงค์วงละแสนแหวนโบราณ ถอนประทานให้ทั้งสามตามอาลัย แล้วคลานมาหาสินสมุทรพี่ อัญชลีอำลาน้ำตาไหล สินสมุทรสุดสวาทเพียงขาดใจ จึงว่าพี่นี้อะไรก็ไม่มี แต่จะผูกลูกสิงโตสองตัวนั้น ช่วยทำขวัญให้พระน้องทั้งสองศรี มันหนังเหนียวเขี้ยวทองแดงเรี่ยวแรงดี จะได้ขี่เข้าณรงค์ทำสงคราม สุดสาครสอนให้น้องสองคำนับ เคารพรับเรียบราบไม่หยาบหยาม จะครวญคร่ำร่ำว่าจะช้าความ ครั้นเสร็จสามกุมาราก็คลาไคล มาลงลำกำปั่นสุวรรณมาศ ออกเกลื่อนกลาดตามมหาชลาไหล พอลมดีคลี่สายระบายใบ แล่นไปในแดนน้ำทุกค่ำคืน ฯ ๏ พระอภัยใจหายเสียดายบุตร คิดถึงสุดสาครถอนสะอื้น แต่ข่าวทัพขับขันต้องกลั้นกลืน ทุกวันคืนคิดการจะราญรอน เตรียมเรือรบครบล้วนกระบวนศึก ดูพิลึกหลายทัพสลับสลอน ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังเหมือนมังกร จะราญรอนรับรองดูว่องไว ให้สินสมุทรกับพระน้องเป็นกองหน้า ยกโยธาธงทิวปลิวไสว พอแลลับทัพหลวงล่วงครรไล พระอภัยคุมทัพกำกับมา พราหมณ์วิเชียรเรียนรู้ธนูแม่น คุมเรือแล่นเรียงหลีกเป็นปีกขวา ข้างปีกซ้ายฝ่ายพราหมณ์นามโมรา คุมโยธาเสียดข้ามไปตามทาง เจ้าสานนมนต์ขลังอยู่รั้งท้าย เรียกพระพายผาดพัดไม่ขัดขวาง ได้ลมคล่องล่องน้ำออกท่ามกลาง ไปตามทางถึงสิบห้าทิวาวัน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังการักษาด่าน สังเกตการกองทัพเห็นขับขัน จึงรีบใช้ใบกลับมาฉับพลัน แล้วพากันขึ้นไปเฝ้าทูลเจ้านาย เห็นเรือเหล่าชาวผลึกมาคึกคัก มีธงปักหน้าเรือดูเหลือหลาย ยังแลหลามข้ามเคียงมาเรียงราย ตะวันบ่ายเห็นจะมาถึงหน้าเมือง ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาน้อย นางเศร้าสร้อยซูบศรีฉวีเหลือง แต่เสียท้าวเจ้าละมานรำคาญเคือง ทั้งเสียเมืองอื่นซ้ำระยำยับ ใครยกไปไพรีก็ตีแตก ช่างเหลวแหลกหลายหมื่นไม่คืนกลับ สิบเก้าเมืองเปลื้องปลดกำหนดนับ เดี๋ยวนี้ทัพข้ามมาถึงธานี อันไพร่นายฝ่ายเขาชาวผลึก ชำนาญศึกสามารถดังราชสีห์ เราชิงชัยไม่สันทัดเป็นสตรี จะต่อตีต้านทานประการใด แล้วนิ่งนึกตรึกตรองว่าสองทัพ จะรบรับหรือว่าจิตคิดไฉน มาหึงหวงหน่วงนานรำคาญใจ จะยุให้สององค์ออกสงคราม ดำริพลางนางสั่งฝรั่งเศส กับแขกเทศพวกระเด่นที่เป็นล่าม ไปทูลสองกองทัพให้ทราบความ ว่าศึกข้ามฟากมาถึงธานี จะเอ็นดูอยู่ด้วยช่วยกันรบ หรือจะหลบหลีกไฉนก็ให้หนี เราจะได้ให้ทหารออกต้านตี อยู่ที่นี่ก็จะพลอยยับย่อยไป แขกฝรั่งฟังนางต่างคำนับ มากองทัพที่ริมท่าชลาไหล ทูลฉลองสองโอรสยศไกร เหมือนทรามวัยว่ามาสารพัน ฯ ๏ ฝ่ายบุตรท้าวเจ้าระเด่นชื่อเซ็นระด่ำ แปลเป็นคำไทยว่าเจ้าฟ้าสวรรค์ จะใคร่รบตบพระหัตถ์แล้วตรัสพลัน ชะแม่วัณฬาว่าเป็นน่าอาย แน่อำมาตย์ชาติเราเหล่าระเด่น ถึงป่นเป็นภัศม์ธุลีไม่หนีหาย นี่หากเคราะห์เพราะมาพ้องกันสองราย หาไม่นายเสร็จการแล้วป่านนี้ จะเข้าไปในวังฟังให้แน่ สุดแล้วแต่พระธิดามารศรี แม้นให้เราเข้าหน้าจะราวี ให้ไพรีหายฉิบในพริบตา แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส หนุ่มกำดัดดูงามตามภาษา ทรงเหน็บกริชฤทธิไกรแล้วไคลคลา แขกชวาวิ่งตามไปหลามทาง ฯ ๏ ฝ่ายมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง เมื่อได้ฟังฝีปากเขาถากถาง ยิ่งเหิมฮึกนึกมานะไม่ละวาง ไฉนนางทรงสั่งมาดังนี้ จะยกไปหลายครั้งฝรั่งห้าม จนศึกข้ามเขตคุ้งมากรุงศรี จะต่อว่าถ้ามิให้รบไพรี จะพลอยตีเมืองลังกาให้สาใจ แล้วแต่งองค์ทรงเสื้อเครือกระหนก หมวกขนนกเหน็บแนมแซมไสว ถือกระบี่ลีลาเหล่าข้าไท ทั้งนายไพร่พรั่งพร้อมห้อมล้อมมา ถึงในวังทั้งระเด่นเซ็นระด่ำ ขุนนางนำเข้าไปตึกที่ปรึกษา ทั้งสองข้างต่างถึงถลึงตา พวกเสนาแลดูรู้ทำนอง เชิญให้นั่งตั้งที่เก้าอี้รับ มีฉากลับแลบังอยู่ทั้งสอง นางสาวสรรค์พนักงานเชิญพานทอง ถวายกล้องเครื่องพระศรีที่น้ำชา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงจะโกรธ ทำขอโทษทอดเทเสน่หา ซึ่งน้องให้ไปถามตามสงกา เพราะเห็นว่าขึ้งเคียดรังเกียจใจ ประเดี๋ยวนี้มีทัพมาคับคั่ง น้องก็หวังจิตว่าจะอาศัย แต่สององค์ทรงฤทธิ์คิดอย่างไร จงโปรดให้ทราบความแต่ตามจริง อันตัวน้องครองสัตย์สันทัดเที่ยง อุตส่าห์เสี่ยงวาสนาประสาหญิง แต่สององค์ทรงระแวงแคลงประวิง จะทอดทิ้งเสียแล้วน้องก็ต้องอาย ประภาษพลางทางชม้อยคอยสังเกต ให้สบเนตรหน่อนาถเหมือนมาดหมาย พอแลสบหลบเลี่ยงเมียงชม้าย แกล้งประปรายโปรดให้แต่นัยนา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งแขกล้วนแรกรุ่น ทั้งหมกมุ่นมนต์เล่ห์รูปเลขา ได้ฟังรสพจมานหวานวิญญาณ์ ยิ่งปะตาต่างตะลึงคะนึงใน จะเกี้ยวนางต่างสองขึ้นพ้องเสียง สวนสำเนียงไม่รู้ว่าภาษาไหน เสียงฝรั่งประดังแขกแทรกขึ้นไป เหมือนสวดมาลัยรับวัดสันทัดกัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงวิวาท เชิงฉลาดแยบคายลวงชายขยัน เขียนฉลากลงให้เห็นเป็นสำคัญ แล้วปนกันให้สุรางค์ไปวางไว้ พลางสัญญาว่าจะหยิบกลีบลำเจียก จงสำเหนียกในหนังสืออย่าถือไฉน ใครได้ก่อนผ่อนกันองค์นั้นไป แม้ปลงใจจึงค่อยหยิบกลีบผกา ฯ ๏ สองกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบแล้ว ต่างผ่องแผ้วยิ้มหยิบกลีบบุปผา ฝรั่งใหญ่ได้หนังสือเหมือนถือตรา หัวร่อร่าร้องว่าแน่แล้วแม่คุณ ทำไมกับทัพผลึกศึกเท่านี้ เหมือนแมลงหวี่โว้เว้เดรฉุน จะขยี้บี้เล่นให้เป็นจุณ เปรียบเหมือนฝุ่นฝอยไหม้ในไฟกาฬ แล้วลามาท่าน้ำลงกำปั่น สั่งให้ลั่นปืนสัญญาโยธาหาญ ให้โห่ภาษาฝรั่งดังสะท้าน ยกออกต้านตั้งมั่นป้องกันเมือง ฯ ๏ น่าสงสารฝ่ายระเด่นเซ็นระด่ำ ทรวงระกำแก้หน้าดูฝาเฝือง แค้นมะหุดสุดแสนจะแค้นเคือง แลชำเลืองลานุชพระบุตรี แล้วตรัสว่าฝรั่งไปตั้งรับ แม้ถอยกลับทวนทบตลบหนี เข้ามายังฝั่งน้ำจะซ้ำตี ให้สาที่ถือตัวไม่กลัวใคร แล้วลงมาท่าน้ำสั่งตำมะหงง ให้ยกธงทัพชวาโยธาไสว พร้อมพหลพลรบสงบไว้ ทั้งนายไพร่พร้อมพรั่งริมฝั่งชล ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาหญิง ยังเกรงกริ่งเกลือกวิบัติจะขัดสน ให้ตรวจตราหน้าที่ต้อนรี้พล ขึ้นอยู่บนป้อมรอบขอบบุรี แล้วชวนเหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย ขึ้นตึกลอยล่องฟ้าหลังคาสี เคยนั่งเล่นเห็นถนัดถึงนที จะดูฝีมือทหารที่ราญรอน ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรฤทธิรุทร สินสมุทรทัพหน้านาวาสลอน พอจวนเย็นเห็นกำปั่นเที่ยวสัญจร เป็นตอนตอนตั้งกระบวนจะสวนรบ ไม่รอรั้งสั่งทหารให้ขานโห่ ไล่เรือโล้เข้าประจัญหันตลบ แล้วตีฆ้องกลองระดมเร่งสมทบ เข้ารุมรบเรือฝรั่งเมืองลังกา ฯ ๏ ฝ่ายมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง ตีระฆังขานรับทัพซ้ายขวา แล้วตั้งโห่โล้หลีกเป็นปีกกา ตามสัญญายิงปืนเสียงครื้นครึก ระดมดังตังตึงกึงกึงก้อง ทั้งปิดป้องปืนรับทัพผลึก โห่กระหึ่มครึมครั่นลั่นพิลึก อึกทึกถูกล่มถล่มทลาย ทั้งพวกพลคนยับลงนับหมื่น ด้วยว่าปืนป้องกันมันไม่หาย สุดแต่ลูกถูกใครทั้งไพร่นาย คนนั้นตายตับปอดตลอดไป แต่สินสมุทรสุดกล้าออกหน้าทัพ หมายจะจับฝรั่งยังไม่ใกล้ พอลูกท้าวเจ้าพาราสุลาลัย ทรงปืนใหญ่ยิงหมายเอานายพล เสียงตึงลูกถูกสินสมุทรผลุง จำเพาะพุงผึงกระเด็นไม่เห็นหน ตกในน้ำสำลักประดักชล จมลงจนถึงดินสิ้นกำลัง พอนายหายฝ่ายไพร่ตกใจร้อง ตลบล่องแล่นหาข้างหน้าหลัง ฝรั่งใหญ่ได้ทีตีประดัง เสียงตึงตังติดตามแล่นหลามมา ฯ ๏ ศรีสุวรรณกันทัพให้รับรบ เรือตลบแล่นรายทั้งซ้ายขวา พอมืดค่ำคล้ำลงในคงคา ด้วยลมกล้ากลางคืนเป็นคลื่นตี ปะทะทัพสับสนอลหม่าน ฝรั่งต้านต่อรบไม่หลบหนี ระดมปืนครื้นครั่นกันไพรี แต่ลมตีเข้าฝั่งข้างลังกา พระอภัยได้ลมเร่งสมทบ ล้วนเรือรบเรียงแล่นเข้าแน่นหนา ฝ่ายฝรั่งตั้งโห่เป็นโกลา ยิงปืนหน้าเรือลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ ฝ่ายระเด่นเซ็นระด่ำเห็นค่ำพลบ เอาเรือรบรายทางออกข้างหลัง ด้วยโกรธขึ้งหึงผู้หญิงคิดชิงชัง ยิงฝรั่งเรือแตกต้องแยกรับ พวกกองหนุนวุ่นวายฝ่ายกองหน้า ก็พะว้าพะวังถอยหลังกลับ ศรีสุวรรณลั่นฆ้องเร่งกองทัพ เข้าคั่งคับขึ้นกำปั่นไล่ฟันแทง ฝรั่งตายย้ายแยกแขกออกรบ ล้วนแกว่งคบหอกดาบกำซาบแผลง สลุบสลัดสกัดทางไว้กลางแปลง แต่รับแรงเรือกระทบหลบไม่ทัน เข้าถึงฝั่งทั้งแขกพลอยแตกซ้ำ บ้างลงน้ำขึ้นตลิ่งวิ่งถลัน เหล่าทัพแตกแขกฝรั่งล้วนชังกัน เข้าแทงฟันเฝ้าแต่ซ้ำกันร่ำไป พวกพหลพลผลึกยิ่งฮึกโห่ กึกก้องโกลาลั่นเสียงหวั่นไหว เข้าถึงฝั่งยั้งหยุดเที่ยวจุดไฟ เพลิงก็ไหม้เรือฝรั่งพลุ่งพลั่งโพลง ติดสลุบวุบตึงถึงทัพแขก ตุ่มดินแตกตึงลั่นควันโขมง เลยลุกไหม้ใบเพลาเสากระโดง ยิ่งพลุ่งโพล่งเพลิงสว่างดังกลางวัน ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเห็นข้าศึก พลผลึกหลายทัพดูขับขัน ฝรั่งแขกแตกยับทบทับกัน บางพวกเข้าเผากำปั่นเสียงครั่นครื้น ให้คร้ามจิตคิดจะล่าโยธาทัพ แล้วนึกกลับกลั้นแกล้งทำแข็งขืน เรียกฝรั่งพรั่งพร้อมขึ้นป้อมปืน ดูดาษดื่นเดินไขว่กันไปมา ยกกระบัตรหัศเกนตระเวนตรวจ ทุกหมู่หมวดมุลนายทั้งซ้ายขวา ข้างฝั่งน้ำสำคัญนางวัณฬา ให้โยธาขึ้นสมทบบรรจบกัน แล้วให้หาข้าเฝ้าเหล่าทหาร มาคิดการแก้ไขไอศวรรย์ เมืองผลึกฮึกโหมเข้าโรมรัน จะป้องกันแก้ไขฉันใดดี ฯ ๏ ฝ่ายเสนาฝรั่งอยู่พรั่งพร้อม ประณตน้อมนางวัณฬามารศรี ต่างทูลว่าข้าพเจ้าอยู่เหล่านี้ คงต่อตีกว่าชีวันจะบรรลัย แต่ศึกเสือเหลือกำลังฝรั่งแขก ก็ตื่นแตกต่างต้านทานไม่ไหว เรารอรั้งตั้งมั่นประจัญไว้ แต่พอให้รุ่งแจ้งแสงตะวัน เห็นชนะจะเข้ารบสมทบทัพ สกัดจับเข่นฆ่าให้อาสัญ ถ้าไพรีมีกำลังตั้งประจัญ จึงผ่อนผันถ่ายเทด้วยเล่ห์กล ขอบุญญาบารมีศรีสวัสดิ์ เป็นชั้นฉัตรชายหญิงชาวสิงหล ช่วยโปรดเกล้าเหล่าอาณาประชาชน คิดผ่อนปรนปราบศึกทรงตรึกการ ฯ ๏ นางฟังคำอำมาตย์ให้หวาดหวั่น แต่แกล้งกลั้นกลับว่าเหมือนกล้าหาญ ให้ปกป้องกองละหมื่นปืนชำนาญ ไปตั้งต้านต่อณรงค์ริมคงคา จะได้รับทัพแตกแขกฝรั่ง ที่อยู่ฝั่งฝ่ายเราคงเข้าหา รับแต่ไพร่ไว้บำรุงกรุงลังกา แต่ตัวนายขายหน้าอย่าเอาไว้ ครั้นสั่งเสร็จเสด็จมาอยู่หน้าป้อม ข้าหลวงล้อมแต่ล้วนปืนยืนไสว พวกกองนอกออกไปตั้งระวังภัย ทั้งนายไพร่พร้อมพรั่งริมฝั่งชล ฯ ๏ ฝ่ายมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง เรือที่นั่งอับปางลงกลางหน ทหารแขกแบกว่ายมาหลายคน พาขึ้นบนฟากฝั่งข้างลังกา พอเห็นไฟไหม้กำปั่นควันตลบ ไม่พานพบพวกคนเที่ยวค้นหา ด้วยกลางคืนตื่นแตกแปลกโยธา ไม่รู้ว่าอยู่หนตำบลใด แต่ทัพบกยกออกตั้งฝรั่งแขก เที่ยวตื่นแตกต่างมาเข้าอาศัย แต่บุตรท้าวเจ้าพาราสุลาลัย หลีกเข้าไปตรงพลับพลาหน้าเชิงเทิน เห็นโฉมยงองค์ละเวงดูเปล่งปลั่ง ขยั้นยั้งยืนชะเง้อไม่เก้อเขิน ช่างขาวผ่องสองแก้มแจ่มเจริญ ให้เพลิดเพลินพลางยิ้มทำพริ้มเพรา เห็นไพร่พลคนตื่นเสียงครื้นครึก กลับรู้สึกเสียใจดังไฟเผา ตะโกนก้องร้องว่าองค์แม่นงเยาว์ ช่วยให้เขาเปิดรับพี่ฉับไว ฯ ๏ นางละเวงเพ่งพักตร์รู้จักแจ้ง ด้วยว่าแสงเพลิงกระจ่างสว่างไสว ให้สาวสรรค์ชั้นนอกตะคอกไป ว่าพวกไอ้ปีศาจฉกาจจริง เขาฆ่าตายร้ายร้องคะนองหลอก มาเรียกออกอื้ออึงจะพึ่งหญิง แล้วขู่ขับจับปืนจะยืนยิง มะหุดวิ่งล้มลุกตะคุกคลาน ฯ ๏ ฝ่ายระเด่นเซ็นระด่ำกับตำมะหงง เที่ยวเวียนวงวิ่งหาโยธาหาญ พอเพลิงฮือรื้อหนีตะลีตะลาน ไม่ต่อต้านแตกมาถึงหน้าวัง เห็นลูกสาวเจ้าลังกาอยู่หน้าป้อม งามละม่อมแม่คุณเป็นบุญหลัง ได้เห็นหน้าพาพี่มีกำลัง ช่างเปล่งปลั่งปลดเปลื้องเหลืองลออ นวลละอองสองแก้มดูแย้มยิ้ม ชะได้ชิมเชยชิดสักนิดหนอ กระแอมไอให้เสียงสำเนียงคอ เขาหัวร่อรู้สึกนึกรำคาญ ให้พวกพ้องร้องว่าเซ็นระด่ำ กับทั้งตำมะหงงฝ่ายนายทหาร จะขอเข้าพึ่งองค์นางนงคราญ เปิดทวารไวไวอย่าได้ช้า ฯ ๏ นางละเวงเกรงใจใช้แต่ล่าม ให้ตอบตามคำแขกแปลกภาษา ว่าระเด่นเป็นผีหนีเข้ามา ยังหลอนหลอกกลอกหน้าทำตาวาว จะถือบวชตรวจน้ำทำนบี ไปถึงผีทัพแขกแตกตาขาว เห็นศึกมาตาเหมี่ยววิ่งเกรียวกราว สิ้นทั้งบ่าวทั้งนายตายไม่ดี ฯ ๏ ฝ่ายระเด่นเห็นเขาแคลงจึงแกล้งร้อง โอ้แม่น้องวัณฬาผินหน้าหนี ขอหยุดยั้งตั้งรับทัพโยคี มิใช่ผีดอกระเด่นได้เอ็นดู ฯ ๏ สาวสุรางค์ต่างกลับขับตะคอก ยังหลอนหลอกแลบลิ้นจะกินหมู อ้ายผีแขกแยกเขี้ยวมาเกี้ยวชู้ เฝ้าแลดูพระธิดาทำตาโพลง พลางจ้องปืนยืนขยับแล้วขับไล่ ไม่ถอยไปหรือจะต้องเป็นสองโหง ทหารเห็นเผ่นโผนโจนตะโพง ออกวิ่งโทงทิ้งนายพลัดพรายไป แต่ระเด่นเซ็นระด่ำละล่ำละลัก ด้วยความรักเหลือรักสู้ตักษัย เห็นลูกสาวเจ้าลังกาตัดอาลัย ร่ำร้องไห้โฮโฮยืนโซเซ สะอื้นพลางทางว่าฆ่าเสียเถิด คงจะเกิดกอดนางไม่ห่างเห ถึงชาตินี้มิได้ชมสมคะเน ไปเป็นเทวดาจะมาเชย แล้วลืมองค์หลงยิ้มจิ้มลิ้มเหลือ เป็นนวลเนื้อเหลือละมุนแม่คุณเอ๋ย เขาถากถางอย่างไรไม่ไปเลย เฝ้าแหงนเงยดูนางไม่วางตา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยได้ชนะ แต่เสียพระลูกน้อยละห้อยหา ให้ทอดสู้อยู่ริมฝั่งตั้งประดา ต้อนโยธาลงในน้ำนั้นคล่ำไป เที่ยวค้นคว้าหาศพไม่พบปะ สงสารพระลูกยาน้ำตาไหล ทั้งองค์พระอนุชาเสนาใน ต่างร้องไห้หาพลางในกลางคืน ไม่เห็นองค์ทรงยศโอรสราช ต่างอนาถนิ่งนึกสะอึกสะอื้น แต่ก่อนตายหลายครั้งก็ยังฟื้น นี่ถูกปืนใหญ่ยับไม่กลับเป็น พระอภัยใจหายเสียดายบุตร ให้หาสุดสายกระแสไม่แลเห็น พระทัยหายตายแน่ตั้งแต่เย็น แม้นกลับเป็นดึกดื่นคงคืนมา ยิ่งเศร้าหมองตรองตรึกสะอึกสะอื้น จนดึกดื่นเดือนคล้อยเฝ้าคอยหา แล้วสงสัยไต่ถามพราหมณ์โหรา พระลูกยายังจะรอดหรือวอดวาย ฯ ๏ โหรารับจับยามตามสังเกต พิเคราะห์เหตุหารคูณไม่สูญหาย จึงทูลความตามตำรับไม่กลับกลาย ยังไม่ตายแต่ว่ายากลำบากครัน ต้องตกไปไกลที่ถึงสี่โยชน์ เดี่ยวสันโดษดังชีวาจะอาสัญ ต่อเช้าตรู่สุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ พระพุธนั้นถึงพฤหัสสวัสดี จะได้ลาภปราบศึกให้กึกก้อง ได้สิ่งของมาประณตบทศรี ในสองโมงคงจะมาไม่ช้าที ประเดี๋ยวนี้ยังอยู่ในใต้คงคา แล้วพราหมณ์เฒ่าเล่าถวายว่าสายสมุทร พิลึกสุดสายชลวนหนักหนา ข้างเหนือใต้ฝ่ายกลางหว่างคงคา ในตำราเรียกชื่อสะดือทะเล ทั้งสามแหล่งแอ่งอ่าวเหล่าสิงหล น้ำนั้นวนเวียนกำปั่นให้หันเห จะทอดทิ้งดิ่งสายหมายคะเน ว่าทะเลลึกล้ำน้ำเพียงไร แต่สายนั้นพันวาสิบห้าเส้น เช้าจนเย็นหย่อนลงด้วยสงสัย ไม่ถึงดินสิ้นสุดสมุทรไท อยู่เหนือใต้ใกล้ฝั่งข้างลังกา แต่วนกลางห่างตลิ่งข้างสิงหล ตรงตำบลปากน้ำสำปันหนา เดี๋ยวนี้เราเข้าในอ่าวแต่เช้ามา สายคงคาเขตวนชลธี ครั้นน้ำลงตรงออกไปนอกอ่าว เวลาเช้าน้ำขึ้นจะคืนที่ คงมาได้ในรุ่งวันพรุ่งนี้ ถ้าแม้นมิเหมือนสัญญาให้ฆ่าฟัน พระฟังความพราหมณ์ทายค่อยคลายจิต ทั้งทรงคิดเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ สั่งพระน้องกองหน้าซ้ายขวานั้น ให้ป้องกันตรวจตราในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร ด้วยเป็นบุตรนางมารหลานฤๅษี ถือพระมนต์ทนคงทรงอินทรีย์ ถอดชีวีไว้ที่ในไตรโลกา ถึงตัวตายสายธาตุไม่ขาดสิ้น คือธาตุดินธาตุน้ำร่ำรักษา ถ้าลมแดดแผดส่องต้องกายา จะแกล้วกล้ากลับเป็นเหมือนเช่นกัน เมื่อตกน้ำค่ำพลบสลบนิ่ง จึงจมดิ่งดึ่งไปจนไก่ขัน พอน้ำขึ้นคลื่นคลั่งประดังกัน ให้กายนั้นขึ้นยังฝั่งคงคา เข้าเกยหาดธาตุลมระดมต้อง ตกถึงห้องนาสิกพลิกผวา พอแดดถูกปลุกชีวิตด้วยฤทธา ยิ่งแกล้วกล้ากลับฟื้นขึ้นยืนดู เห็นเปลวไฟไหม้กำปั่นควันตลบ พลรบโห่ลั่นสนั่นหู กองทัพเราเข้าถึงไหนก็ไม่รู้ จะใคร่ดูทางบกวิ่งหกมา พอเลี้ยวหลังวังใหม่เห็นไพร่พร้อม กำแพงป้อมปืนรายทั้งซ้ายขวา พวกทัพแตกแขกฝรั่งเมืองลังกา ยังวิ่งหากันออกอึงคะนึงไป แล้วแลดูผู้คนพลผลึก กระหึมฮึกโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว ยังรออยู่รู้ทีว่ามีชัย แกล้งเลี้ยวไปดูรอบขอบบุรี พอแลเห็นเซ็นระด่ำกับตำมะหงง ยืนอยู่ตรงพลับพลาหลังคาสี สังเกตตาว่าระเด่นเป็นผู้ดี ได้ท่วงทีทำเป็นเมียงเคียงเข้ามา เห็นสะอื้นยืนชะอ้อนวอนผู้หญิง เฝ้าอ้อยอิ่งออกความตามภาษา ดูบนป้อมพร้อมพรั่งพวกลังกา นางวัณฬานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทอง เหมือนรูปร่างนางเขียนไม่เพี้ยนผิด ยิ่งเพ่งพิศผิวฉวีไม่มีสอง กำดัดงามทรามสงวนนวลละออง ดูผุดผ่องพิศไปใจรัญจวน แม้นได้นางอย่างนี้เป็นที่รัก จะฟูมฟักเฝ้าประคองของสงวน นี่สาวใหญ่ได้แต่ดูไม่คู่ควร ให้ปั่นป่วนเป็นเพราะมนต์เข้าดลใจ ด้วยแป้งทาตามนุษย์บุรุษเห็น มิได้เว้นหวังจิตพิสมัย แต่สินสมุทรสุดดีนี่กระไร อายุได้ถึงสิบเก้าก็เปล่าดาย เมื่ออยู่วังยังไม่รู้รักชู้สาว ล้วนลูกท้าวลูกพระยาเอามาถวาย เขาคอยเข้าเฝ้าแหนให้แสนอาย ไม่ให้กรายแกล้งหนีทุกวี่วัน ถ้าเสร็จศึกนึกจะบวชจนหนวดขาว ที่ชู้สาวสิ่งไรไม่ใฝ่ฝัน เสน่หามาทะลุปัจจุบัน ให้อัดอั้นอ้ำอึ้งตะลึงตะไล ฯ ๏ ฝ่ายมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง เธอเคลิ้มคลั่งลืมองค์ให้หลงใหล แต่เช้าตรู่จู่มาด้วยอาลัย หมายจะได้ดูลูกสาวเจ้าลังกา พอแลเห็นเซ็นระด่ำรำกระบี่ เข้าต่อตีตามติดริษยา เซ็นระด่ำรำกริชด้วยฤทธา ปะทะท่าแทงฟันประจัญบาน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงจะวุ่น จึงใช้ขุนนางนายฝ่ายทหาร เปิดประตูพรูออกนอกปราการ ช่วยว่าขานแขกฝรั่งไม่ฟังกัน ฯ ๏ สินสมุทรหยุดคิดพินิจนึก ด้วยเกิดศึกเข่นฆ่ากันอาสัญ เพราะลูกสาวเจ้าลังกาวิลาวัณย์ แม้นฆ่าฟันเสียให้ตายก็หายความ ครั้นแลเห็นเอ็นดูว่าผู้หญิง งามจริงจริงจิตใจให้ไหวหวาม จะฆ่านางวางวายเสียดายงาม แต่สงครามคราวนี้ได้ทีนัก ถ้าปลอมทัพจับเป็นเห็นจะได้ แต่พอให้ปรากฏเป็นยศศักดิ์ ด้วยยังห้ามปรามศึกกันคึกคัก เขาเปิดปักกะตูไว้เห็นได้ที จึงวิ่งผลุนหมุนมวยพวยขึ้นป้อม เห็นคนล้อมแต่ล้วนเหล่านางสาวศรี ถึงปะทะกะเกะปะเตะตี ชิงกระบี่ฟันตายลงก่ายกัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงรู้เพลงรบ เลี้ยวตลบหลีกลัดวิ่งผัดผัน เข้าปนเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล พัลวันเวียนอ้อมบนป้อมปืน ด้วยบุญญาบารมีเป็นที่สุด ให้สินสมุทรแลเห็นเป็นคนอื่น พวกตีนป้อมล้อมวังบ้างนั่งยืน ต่างแตกตื่นตกใจทั้งไพร่นาย ฯ ๏ นางละเวงเกรงกลัวจนตัวสั่น เห็นจวนทันสุดที่จะหนีหาย ยังแต่ตราราหูอยู่กับกาย กระหวัดสายทรงแกว่งเป็นแสงไฟ ฟาดพระศอหน่อนรินทร์สินสมุทร ความเจ็บสุดซวนซบสลบไสล เขารุมจับกลับฟื้นตื่นตกใจ เห็นเป็นไฟล้อมลูกสาวเจ้าลังกา ลุกทะลึ่งตึงตังถอยหลังกลับ ไม่อาจจับด้วยอำนาจวาสนา กระโดดออกนอกกำแพงแผลงศักดา พิฆาตฆ่าคนตายลงก่ายกอง แล้วเลี้ยวกลับจับมะหุดบุตรฝรั่ง รวบไว้ทั้งแขกระเด่นได้เป็นสอง คนละมือถือโลดโดดคะนอง โถมลงท้องสมุทรไทไปเภตรา พวกกองทัพรับขึ้นเรือที่นั่ง วางฝรั่งแขกให้ไพร่รักษา ฝ่ายว่าพระบิตุรงค์องค์พระอา เสด็จมาเยี่ยมถามตามยินดี สินสมุทรทรุดซบอภิวาท แทบพระบาทบงกชบทศรี แล้วทูลความตามตายวายชีวี จนมาตีเมืองใหม่ได้ศัตรู แล้วทูลว่าตราสำคัญหม่อมฉันเห็น เขาแกะเป็นดวงหน้าพระราหู ครั้นเข้าชิดฤทธิไกรเป็นไฟฟู นางถืออยู่กับกายมีสายพัน เมื่อหวดถูกลูกยาเหมือนฟ้าฟาด เจียนจะขาดชีวาถึงอาสัญ จะจับนางขวางขัดเป็นอัศจรรย์ หาไม่วันนี้ก็เสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ สองพระองค์ทรงพระสรวลว่าด่วนได้ ไม่บอกให้รู้แจ้งแต่งทหาร ขึ้นไปด้วยช่วยกันประจัญบาน นี่ทำการเกินกำลังจึงดังนั้น เพราะนางนี้มีคุณการุญราษฎร์ ยังไม่ขาดชันษาถึงอาสัญ ถือดวงตราราหูคู่ชีวัน ประกอบกันจึงได้ปลอดรอดภัยพาล ซึ่งตัวเจ้าเข้าไปจับให้อัปยศ ก็ปรากฏฤทธาที่กล้าหาญ แต่เพียงนี้ดีล้นพ้นประมาณ จะทำการกลศึกค่อยตรึกตรอง แล้วแลดูหน้าฝรั่งกับทั้งแขก ล้วนรุ่นแรกราวโอรสหมดทั้งสอง มาชิงชู้สู้ศึกนึกคะนอง จนตัวต้องติดโซ่เพราะโลกีย์ ชะรูปร่างนางละเวงวัณฬาเอ๋ย กระไรเลยล่อชายตายเป็นผี แต่เรายังคลั่งถึงเป็นครึ่งปี หนุ่มเช่นนี้แล้วก็มัวจนตัวตาย พลางตรัสถามตามภาษาชวาแขก ว่าแต่แรกรักอย่างไรจึงไม่หาย เซ็นระด่ำซ้ำแค้นด้วยแสนอาย ถ่มน้ำลายแล้วก็กลับนั่งหลับตา พระเสแสร้งแกล้งถามความฝรั่ง เขาชิงชังไยจึงรักเขาหนักหนา มะหุดฟังคั่งแค้นแน่นอุรา ถลึงตาเต็มอดสะกดใจ พระรู้เท่าเซ้าซี้ทีจะวุ่น จึงสั่งขุนเสนาอัชฌาสัย จงคุมขังทั้งสองอยู่ห้องใน แต่ว่าให้กินอยู่ดูระวัง แม้นบิดามาง้อขอโอรส จะเปลื้องปลดปล่อยไปเหมือนใจหวัง ด้วยเป็นเคราะห์เพราะผู้หญิงใช่ชิงชัง พระร่ำสั่งเสนาด้วยปรานี ฯ ๏ สินสมุทรสุดซื่อรื้อกำชับ จะยกทัพรบพุ่งเอากรุงศรี ร้ายกว่าเสือเหลือรู้สู้สตรี การโลกีย์พระก็รู้อยู่แต่ไร แม้นขึ้นรบพบผู้หญิงชาวสิงหล อย่าแปดปนทำเป็นมิตรพิสมัย จะมัวเมียเสียการรำคาญใจ ใครเห็นให้ฆ่าฟันเสียทันที ฯ ๏ ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มพริ้มพระพักตร์ เห็นหนักนักไปแล้วว่าน่าบัดสี หรือไปเห็นเป็นแก่ตัวต้องกลัวดี จะเลือกที่เป็นดอกบอกจริงจริง มิใช่ใครไม่เคยเป็นบุรุษ มันจะยุดใครอยู่กับผู้หญิง แต่เกาะติดชิดปากเหมือนทากปลิง ยังปลิดทิ้งไปเสียได้กระไรเลย ฯ ๏ พระอภัยให้สัญญาว่าข้านี้ รู้ท่วงทีกันเสียแล้วลูกแก้วเอ๋ย แต่นี้ไปไม่เป็นเหมือนเช่นเคย อย่าคิดเลยลูกน้อยจงคอยดู ถ้าจับได้ไว้บิดาจะผ่าอก หญิงโกหกเห็นพยศไม่อดสู แต่รุ่นราวสาวน้อยสักร้อยชู้ ไม่ควรคู่คบหาขายหน้าเรา จะขึ้นบกยกย่ำค่ำวันนี้ ระดมตีเมืองใหม่เอาไฟเผา กำชับไพร่ให้รู้อย่าดูเบา คอยตามเจ้าสินสมุทรคอยจุดไฟ ข้าเฝ้าฟังบังคมบรมนาถ ออกเกลื่อนกลาดกลับมาที่อาศัย สั่งให้คนพลรบสมทบไว้ ทั้งนายไพร่พร้อมพรั่งระวังการ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช คิดขยาดอยู่ด้วยศึกเห็นฮึกหาญ มาหักโหมโจมจับให้อัประมาณ มันทนทานแทงฟันไม่บรรลัย แล้วแลดูหูตาดังทาชาด ช่างองอาจอ้ายคนนี้อยู่ที่ไหน แล้วมิหนำซ้ำจับแม่ทัพไป เสียน้ำใจให้สะอื้นกลืนน้ำตา แต่คนเดียวเจียวยังทำให้ช้ำจิต ปัจจามิตรเหมือนหนึ่งไฟไหม้เวหา เหลือกำลังนั่งนึกนิ่งตรึกตรา ตามตำราเรียนร่ำในคัมภีร์ พอคิดได้ในอุบายพระบาทหลวง ให้ล่อลวงล้างศึกอย่านึกหนี อันกลหมูสู้เสือนั้นเหลือดี ไม่ต่อตีต้อนส่งเข้ากรงตรึง แล้วตรองตรึกปรึกษาพวกข้าเฝ้า เดี๋ยวนี้เราก็ไม่มีที่จะพึ่ง จะผ่อนปรนกลศึกให้ลึกซึ้ง รบให้ถึงแพ้ชนะปะทะทัพ ด้วยเห็นว่าข้าศึกมาฮึกโหม จะจู่โจมจุดไฟเข้าไล่จับ เหมือนไฟป่ามาใกล้จุดไฟรับ จึงจะดับเพลิงได้ดังใจนึก ให้โยธีตีเหล็กตารางล้อม ทุกที่ป้อมคนอยู่ประตูตึก ทำกลไกใครเข้าหันให้ลั่นคึก ขังข้าศึกเสียให้ไฟมันไหม้ตาย ทำรถทรงกงกลถ้าคนขึ้น ให้หักครืนครอบไว้เหมือนใจหมาย ทำรูปร่างอย่างเราเป็นเจ้านาย ขึ้นรถรายไปทุกทัพกำกับพล อ้ายตัวกล้ามาเห็นจะเผ่นจับ คงติดกับรายทางอยู่กลางหน เขาเผาเราเราเผาบ้างจงสั่งพล เร่งให้ขนฟืนตองมากองไว้ ฯ ๏ พวกขุนนางต่างบังคมชมฉลาด ซึ่งทรงคาดคิดดีจะมีไหน แล้วทูลลามาจัดเหมือนตรัสใช้ กำกับไพร่ตรวจตราจนราตรี นางโฉมยงทรงเครื่องพิชัยยุทธ์ เหน็บอาวุธรอบกายามารศรี ขึ้นอยู่ป้อมพร้อมบรรดาฝูงนารี คอยดูทีทัพผลึกนั่งตรึกตรา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรภพ พอค่ำพลบโพล้เพล้ในเวหา ให้ยิงปืนครื้นครั่นเป็นสัญญา เจ้าพราหมณ์สานนอ่านโองการมนต์ ร้องเรียกลมสมทบจบจังหวัด ให้กลับพัดเข้าตลิ่งข้างสิงหล เสียงครึกครึกครื้นโครมโพยมบน ให้พวกพลโห่สนั่นเป็นสัญญา เคลื่อนเรือรบครบถ้วนกระบวนทัพ ดูคั่งคับคึกคักกันหนักหนา ที่หนุนหลังยังหลามตามกันมา ยิงปืนหน้าเรือระดมตามลมฮือ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งตั้งรายอยู่ชายตลิ่ง ต่างแย่งยิงปืนล้อลูกหวอหวือ แต่ลมหวนป่วนปัดพัดกระพือ มันยังดื้อยิงประดังไม่ฟังปืน พอเรือเสยเกยตลิ่งวิ่งขึ้นรบ ล้วนถือคบคั่งคับคนนับหมื่น ต่างโห่ร้องก้องกึกเสียงครึกครื้น ไม่ยิงปืนพากันไล่ฟันแทง ทหารม้าฝรั่งออกคั่งคับ ปะทะทัพถึงกันล้วนขันแข็ง รบสกัดลัดทางไปกลางแปลง ต่างต่อแย้งแทงฟันประจัญบาน ฯ ๏ สินสมุทรสุดกล้าออกหน้าทัพ อากำกับขึ้นไปด้วยช่วยทหาร เข้าตีทัพยับย่นไม่ทนทาน อลหม่านมืดฟ้าสุธาดล พระอภัยให้เทียบเรือที่นั่ง ยกขึ้นฝั่งคั่งคับดูสับสน พราหมณ์วิเชียรโมราเจ้าสานน ต่างยกพลขึ้นบกทั้งหกทัพ ล้วนถือคบรบฝรั่งแลอังกฤษ กระชั้นชิดฉะฟาดเสียงฉาดฉับ พลลังการารอคอยล่อรับ ให้กองทักตามติดชิดกำแพง พามาถึงต้นทางไปข้างเขา จะคอยเผาทัพเรือเหมือนเสือแฝง ฝ่ายพวกพลบนหอรอจุดคบแดง ต่างต่อแย้งยิงสู้ดูศักดา ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรไม่หยุดยั้ง กับไพร่พรั่งพรูพร้อมเข้าป้อมขวา ต่างเผ่นโผนโยนโซ่สวมเสมา โยทะกาเกี่ยวปราการขึ้นราญรอน ฝรั่งแทงแย้งฟันกันหน้าที่ ออกต่อตีต้านรับสลับสลอน เอาไฟฟาดสาดน้ำมันเป็นควันร้อน บ้างปอกปอนป่วยกายบ้างวายชนม์ สินสมุทรฉุดโซ่โผล่ทะลึ่ง พลัดตกผึงโผนกลับขึ้นสับสน มันรุมกันฟันแทงก็แกล้งทน ขึ้นถึงบนใบเสมาไล่ฆ่าฟัน ฝรั่งแขกแตกวิ่งทิ้งอาวุธ สินสมุทรเลี้ยงลัดสกัดผัน ขึ้นจุดไฟไหม้หอรบตลบควัน ศรีสุวรรณต้อนไพร่ขึ้นไปตาม เสียงปึงปังพังประตูเข้าพรูพรั่ง ดูคับคั่งผู้คนออกล้นหลาม เที่ยวจุดไปไหม้โขมงพลุ่งโพลงพลาม กองหนุนตามกันเข้าไปในกำแพง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งต้องกองสิบสองทัพ ยิงปืนรับสู้กันล้วนขันแข็ง ต่างยกออกนอกเมืองเยื้องทแยง แล้วกลับแกล้งเลี้ยวลดล้อมรถกล พลผลึกฮึกฮักเข้าหักหาญ ขึ้นตึกกว้านเก็บทรัพย์ดูสับสน ประตูปิดติดคุกวิ่งซุกซน จะขึ้นบนลงล่างตารางล้อม ศรีสุวรรณนั้นพาโยธาหาญ ช่วยหนุนหลานไล่พลขึ้นบนป้อม ประตูปิดติดขังอยู่พรั่งพร้อม ล้วนเหล็กล้อมทุกทิศติดตาราง จนเพลิงไหม้ใกล้ถึงเสียงอึงอื้อ จะแย่งยื้อขุดคัดก็ขัดขวาง ตะโกนร้องพร้องเพรียงเรียกกันพลาง คนข้างล่างหลบวิ่งเป็นสิงคลี ฯ ๏ สินสมุทรจุดไฟไล่ฝรั่ง เห็นรูปนั่งหน้าพลับพลาเหมือนมารศรี โลดทะลึ่งถึงคว้ารูปนารี กลเก้าอี้หันหกตกในกรง เหมือนตราตรึงตึงตัวดิ้นดั้วเดี้ย รู้ว่าเสียชั้นเชิงละเลิงหลง แต่พลิกผลักหักเหื่อโซมเสื้อทรง ทำลายกรงก็ไม่หลุดสุดกำลัง ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนคุมพลพร้อม แยกกันอ้อมโอบทางไปข้างหลัง เห็นกองล่อรอรถพระกลดบัง รูปนางนั่งนึกหมายว่านายพล เจ้าโมราฝ่าฟันกระชั้นชิด ไล่ตามติดตีทัพมาสับสน ถึงรถทรงตรงถลันขึ้นชั้นบน พอรวบคนหัวหกตกตะกาย เข้าติดกรงกงกำเหมือนสำทับ ฝรั่งกลับล้อมไล่ไพร่ทั้งหลาย พลผลึกครึกครื้นตื่นกระจาย ด้วยตัวนายติดรถหมดทุกคน ฯ ๏ ทัพฝรั่งทั้งสิบสองกองสมทบ ตีตลบไล่ล้างมากลางหน ฝ่ายเสือป่าฝรั่งริมฝั่งชล เห็นทัพบนบกตื่นเสียงครื้นครึก บ้างจุดคบครบมือถือลงน้ำ เที่ยวเผาลำเรือเหล่าชาวผลึก พอเพลิงไหม้ไฟกระพือฮือฮือฮึก เสียงคึกคึกคนวิ่งเป็นสิงคลี เหล่าพวกพลบนเรือที่เหลือหลอ ตัดสมอใหญ่น้อยแล้วถอยหนี ฝรั่งห้อมล้อมลัดสกัดตี ปัถพีเพียงจะล่มถล่มพัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยตกใจวับ เห็นศึกกลับโอบอ้อมเข้าล้อมหลัง ข้างพวกเขาเผาเรือเหลือกำลัง ฝ่ายฝรั่งรบรุกมาทุกที ดูทัพหน้าขวาซ้ายหายไปหมด เขาล้อมรถทรงไว้มิให้หนี ตกพระทัยในอารมณ์ไม่สมประดี จึงทรงปี่เป่าห้ามปรามณรงค์ วิเวกหวีดกรีดเสียงสำเนียงสนั่น คนขยั้นยืนขึงตะลึงหลง ให้หวิววาบซาบทรวงต่างง่วงงง ลืมณรงค์รบสู้เงี่ยหูฟัง พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอน จะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง วิเวกแว่วแจ้วเสียงสำเนียงปี่ พวกโยธีทิ้งทวนชนวนเขนง ลงนั่งโยกโงกหงับทับกันเอง เสนาะเพลงเพลินหลับระงับไป จังหรีดหริ่งสิงห์สัตว์สงัดเงียบ เย็นระเยียบหย่อมหญ้าพฤกษาไสว น้ำค้างพรมลมสงัดไม่กวัดไกว ทั้งเพลิงไฟโซมซาบไม่วาบวู ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ด้วยสามารถมีตราพระราหู เมื่อศึกเข้าเผาวังพังประตู นางไปอยู่เขาพยนต์พ้นอัคคี คอยแลดูหมู่ทหารผลาญข้าศึก พลผลึกล้มตายกระจายหนี ยิ่งชื่นชมสมคะเนนางเทวี ได้ยินปี่เป่าเพราะเสนาะใน สำเนียงดังวังเวงเพลงสังวาส ดูวินาศนอนซบสลบไสล ยังแต่นางพลางสลดระทดใจ จะเรียกใครก็ไม่ตื่นไม่ฟื้นกาย นางโฉมยงองค์สั่นให้หวั่นหวาด กัมปนาทนึกพรั่นพระขวัญหาย คิดสังเกตเหตุผลกลอุบาย เห็นดีร้ายพระอภัยใจฉกรรจ์ เขาระบือลือเล่าว่าเป่าปี่ ให้ไพรีนิทราดังอาสัญ จึงจับท้าวเจ้าละมานผลาญชีวัน เห็นแม่นมั่นเหมือนกระนี้ไม่มีใคร โอ้เคราะห์กรรมซ้ำร้ายอายอดสู เป็นสุดรู้สุดฤทธิ์คิดไฉน แล้วนึกแค้นแม้นปะพระอภัย จะชิงชัยแก้แค้นแทนบิดา คิดจะใคร่ไปดูให้รู้แน่ จะอยู่แต่ลำพังกระมังหนา ได้รบสู้ดูฝีมือให้ลือชา เมื่อกรรมมาถึงกายก็วายปราณ แล้วโฉมยงลงจากรถที่นั่ง ขึ้นทรงหลังม้าต้นพหลหาญ เดชะตราม้าไม่หลับกลับทะยาน นางควบผ่านมาทางข้างกำแพง เห็นพวกพลคนหลับระดับดาษ ดูเกลื่อนกลาดกลืนกลั้นทรงกันแสง แสนเสียดายนายไพร่ได้ใช้แรง มาพลาดแพลงเพลี่ยงพลั้งเสียครั้งนี้ แล้วเลี้ยวด้อมอ้อมมาเห็นข้าศึก พลผลึกหลับสลบเหมือนศพผี เห็นรถทรงองค์พระอภัยมณี นั่งเป่าปี่เปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย จึงเอื้อนองค์ทรงคันเกาทัณฑ์ไว้ เห็นยังไกลกลัวจะพลาดที่มาดหมาย ขับม้าทรงลงริมฝั่งกำบังกาย เข้าทางท้ายรถอ้อมด้อมออกมา พอเห็นองค์ทรงลั่นเกาทัณฑ์แผลง ถูกปี่แพลงพลายพลัดพระหัตถา ซ้ำอีกลูกถูกเกราะกษัตรา แล้วขับม้าชักทวนเข้าสวนแทง ฯ ๏ พระอภัยใจกล้าเห็นข้าศึก ลุกสะอึกองอาจฟาดพระแสง นางแทงอีกหลีกเลี่ยงก็เพลี่ยงแพลง พระต่อแย้งยกปืนขึ้นยืนยิง ถูกปากม้าพาโลดกระโดดดีด นางร้องหวีดเต็มเสียงสำเนียงหญิง ครั้นรู้สึกนึกอายในใจจริง นางควบมิ่งม้ากลับไปทัพชัย ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ ให้คิดขัดเคืองแค้นแสนสงสัย นางคนนี้ดีทายาดบังอาจใจ อยู่ที่ไหนหนอจึงแกล้งแปลงเป็นชาย หรือลูกสาวเจ้าลังกามีตราแก้ว จึงกล้าแกล้วแคล้วคลาดประมาทหมาย จะตามติดคิดล้างให้วางวาย พลางแต่งกายกุมกระบี่เหน็บปี่ทรง เสด็จจากรถาปลุกม้าต้น ขึ้นนั่งบนอานหลังดังประสงค์ ออกควบตามทรามวัยเหมือนใจจง เที่ยววกวงเวียนรอบขอบกำแพง เห็นคล้ายคล้ายพรายพร่างไปข้างหน้า ด้วยดวงตราแก้วสว่างกระจ่างแสง สกัดกั้นทันนางที่กลางแปลง นางพลิ้วแผลงเกาทัณฑ์ประจัญบาน พระหลบเลี่ยงเพลี่ยงผิดประชิดไล่ นางฟาดไฟกรดพรายกระจายผลาญ ถูกกายกรร้อนรนพระทนทาน โถมทะยานฉวยพลาดนางฟาดฟัน พระรับรองป้องปัดสกัดจับ นางกลอกกลับเลี้ยวลัดสะบัดผัน จนอาวุธหลุดพระกรอ่อนด้วยกัน นางกระสันสายตราคอยราวี ฯ ๏ พระอภัยได้แส้ตีสินธพ คอยรับรบกันตราของมารศรี แต่เรียงรอล่อลวงดูท่วงที มาถึงที่แจ้งกระจ่างสว่างไฟ พระเห็นพักตร์ลักษณาวัณฬาน้อย ดูแช่มช้อยชื่นจิตพิสมัย ยิ่งเพ่งพิศฤทธิ์สุคนธ์เข้าดลใจ จึงปราศรัยส่งภาษากับนารี พระน้องหรือชื่อละเวงวัณฬาราช อย่าหวั่นหวาดวิญญาณ์มารศรี จงหยุดยั้งรั้งราจะพาที ไม่ฆ่าตีศรีสวัสดิ์เป็นสัจจา พี่จงจิตติดตามข้ามสมุทร มาด้วยสุดแสนสวาทปรารถนา จะถมชลจนกระทั่งถึงลังกา เป็นสุธาแผ่นเดียวเจียวจริงจริง จงแจ้งความตามในน้ำใจพี่ ไม่ราคีเคืองข้องแม่น้องหญิง อย่าเคลือบแคลงแหนงจิตคิดประวิง สมรมิ่งแม่วัณฬาจงปรานี ฯ ๏ นางฟังคำร่ำว่าก็น่ารัก ไม่รอพักตร์แลพบก็หลบหนี ด้วยความหลังคั่งแค้นแสนทวี เธอฆ่าพี่ฆ่าพ่อให้มรณา แต่ครั้งนี้มีอุบายให้ตายจิต ก็สุดคิดขัดสนจนหนักหนา จะรบรับสัประยุทธ์สุดปัญญา จึงทำกล้าแกล้งถามตามทำนอง ท่านนี้หรือชื่ออภัยจะใคร่รู้ ที่ชิงคู่ไปชมประสมสอง พระเชษฐาปรานีเหมือนพี่น้อง ยังขัดข้องคิดทำลายให้วายชนม์ แล้วมิหนำซ้ำตามข้ามสมุทร มายงยุทธ์กับผู้หญิงถึงสิงหล ครั้นหักโหมโจมจับไม่อับจน กลับแต่งกลเกี้ยวพานด้วยมารยา อันเยี่ยงอย่างข้างชมพูต่อสู้รบ หรือจึงคบคิดรักกันหนักหนา อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งเมืองลังกา จะเมตตาเพราะมีไมตรีกัน ประการหนึ่งซึ่งกษัตริย์กำจัดทัพ แม้นคนหลับแล้วไม่ฆ่าให้อาสัญ ย่อมรบสู้ดูดีตีประจัญ เออเช่นนั้นหรือจะลือว่าชื่อชาย นี่พระองค์ทรงศักดิ์รักแต่ทรัพย์ ทำให้หลับแล้วก็ริบให้ฉิบหาย จะผูกมิตรชิดเชื้อก็เหลืออาย ถึงวอดวายไว้ชื่อให้ลือชา ฯ ๏ พระฟังคำน้ำเสียงสำเนียงสนอง ช่างพร่ำพร้องไพเราะเพราะหนักหนา จึงตรัสตอบปลอบประโลมโฉมวัณฬา อย่าโกรธาเลยจะเล่าให้เข้าใจ ซึ่งพี่ชายสายสวาทขาดชีวิต พี่ยังคิดทุกเวลาน้ำตาไหล เพราะสิ้นบุญหุนหันจึงบรรลัย พลไพร่ก็ย่อมรู้อยู่ด้วยกัน ไม่พอที่ศรีสวัสดิ์จะขัดข้อง ให้ยกกองทัพไปถึงไอศวรรย์ จะนิ่งไว้ไม่เห็นจริงทุกสิ่งอัน จึงหมายมั่นจะมาเล่าให้เข้าใจ เจ้ารบพุ่งมุ่งหมายทำร้ายพี่ จึงเป่าปี่ห้ามทัพให้หลับใหล รักษาตัวกลัวชีวันจะบรรลัย โดยวิสัยสงครามตามโบราณ ประเดี๋ยวนี้พี่ได้พบประสบน้อง อย่าขุ่นข้องขาดรักหักประหาร จงเคลื่อนคลายหายเหือดที่เดือดดาล เชิญแม่ผ่านพาราให้ถาวร อันผู้คนพลไพร่จะให้ตื่น ขอกลับคืนคงถวายสายสมร เป็นเสร็จศึกตรึกตรองครองนคร อย่าให้ร้อนไปถึงท้าวทุกด้าวแดน ด้วยฝรั่งลังกาอาณาเขต ล้ำประเทศถิ่นอื่นสักหมื่นแสน แม้นเมืองไหนไม่นอบนบจะรบแทน เป็นทองแผ่นเดียวกันจนวันตาย ฯ ๏ นางฟังตรัสมธุรสพจนารถ เสียวสวาทหวานหูไม่รู้หาย จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสเททุบาย พระพี่ชายช่างพลอดทอดอาลัย กระนี้หรือลูกสาวเจ้าผลึก จะมินึกรักพระองค์จนหลงใหล อย่าลดเลี้ยวเกี้ยวพานรำคาญใจ ถ้าแม้นไม่มุ่งหมายทำร้ายกัน จงแก้ไขไพร่พลให้คนตื่น แล้วกลับคืนข้ามไปอยู่ไอศวรรย์ จะเห็นจริงสิ่งสวัสดิ์เป็นสัตย์ธรรม์ อย่ารำพันพูดเปล่าไม่เข้าการ อันผู้หญิงสิงหลนี้คนซื่อ จะนับถือแต่ที่แน่นเป็นแก่นสาร แม้นกลับกลายหลายคำแล้วรำคาญ ไม่ขอพานพบกันจนวันตาย ฯ ๏ พระฟังนางช่างฉลาดประภาษพ้อ ทั้งลวงล่อสิ้นลมคมใจหาย จึงว่าพี่นี้ซื่อเป็นชื่อชาย ไม่กลับกลายแกล้งลวงแม่ดวงใจ จะสัญญาว่าขานประการใด พี่จะให้ความสัตย์ไม่ขัดน้อง แล้วจะให้ไพร่พลคนทั้งหลาย รู้สึกกายเห็นเรานั่งอยู่ทั้งสอง ใครเกะกะจะได้ห้ามตามทำนอง ให้ปรองดองดีกันจนวันตาย ฯ ๏ นางฟังคำทำว่าน่าบัดสี พูดเช่นนี้เจ็บใจมิใคร่หาย จะให้หญิงวิ่งไปอยู่กับผู้ชาย ช่างเปรียบปรายปรึกษาไม่ปรานี หรือเชื่อจิตคิดว่าจะชนะศึก อย่าเพ่อนึกก่อนว่าหญิงจะวิ่งหนี แม้นซื่อตรงจงใจเป็นไมตรี ให้โยธีตื่นก่อนได้ผ่อนปรน พระเป็นเจ้าชาวผลึกย่อมกึกก้อง ข้างฝ่ายน้องก็เป็นเจ้าชาวสิงหล จะผูกมิตรคิดประกอบให้ชอบกล ถึงไพร่พลใหญ่น้อยคงพลอยตาม ได้ลือชาปรากฏเป็นยศศักดิ์ ให้สมรักราบเตียนที่เสี้ยนหนาม แม้นไม่เชื่อเมื่อพระองค์จะสงคราม เร่งติดตามโจมจับจะรับรบ แม้นเมตตาอาลัยให้ไพร่ตื่น จะได้คืนคุมกันเข้าบรรจบ แล้วเป่ามนต์ดลสำทับขับสินธพ เลี้ยวตลบลัดแลงเข้าแฝงไฟ ฯ ๏ พระแลตามหวามวับเมื่อลับเนตร ด้วยพระเวทหวังจิตพิสมัย จะตามโลมโฉมละเวงก็เกรงใจ จะผันแปรแก้ไขฉันใดดี แล้วนึกได้ในวิชาพฤฒาเฒ่า จะลองเป่าปี่ประโลมนางโฉมศรี ให้งามสรรพกลับมาได้พาที แล้วทรงปี่เป่าเกี้ยวประเดี๋ยวใจ ต้อยตะริดติดตี่เจ้าพี่เอ๋ย จะละเลยเร่ร่อนไปนอนไหน แอ้อีอ่อยสร้อยฟ้าสุมาลัย แม้นเด็ดได้แล้วไม่ร้างให้ห่างเชย ฉุยฉายชื่นรื่นรวยระทวยทอด จะกล่อมกอดกว่าจะหลับกับเขนย หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย ใครจะเชยโฉมน้องประคองนวล เสนาะดังวังเวงเป็นเพลงพลอด เสียงฉอดฉอดชดช้อยละห้อยหวน วิเวกแว่วแจ้วในใจรัญจวน เป็นความชวนประโลมโฉมวัณฬา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงฟังเพลงปี่ ให้รอรีรวนเรเสนหา คิดกำหนัดอัดอั้นหวั่นวิญญาณ์ นึกนึกน่าจะใคร่ปะพระอภัย เธอพูดดีปี่ฟังดังเสนาะ จะฉอเลาะลูบต้องทำนองไหน แม้ถนอมกล่อมกลอกเหมือนดอกไม้ จะชื่นใจน้องยาทุกราตรี ยิ่งกลับฟังวังเวงเพลงสังวาส ยิ่งหวั่นหวาดวิญญาณ์มารศรี ตะลึงลืมปลื้มอารมณ์ไม่สมประดี ด้วยเพลงปี่เป่าเชิญให้เพลินใจ จนลืมองค์หลงรักชักสินธพ กลับมาพบพิศวงด้วยหลงใหล พระเห็นนางวางปี่ด้วยดีใจ เข้าเคียงใกล้กล่าวประโลมโฉมวัณฬา ขอเชิญนุชสุดสวาทไปราชรถ อย่าระทดท้อจิตกนิษฐา นางรู้สึกนึกพรั่นหวั่นวิญญาณ์ กลับชักม้าควบขับไปลับองค์ อ้อมออกทางข้างเขาให้เศร้าจิต แล้วหยุดคิดแค้นใจด้วยใหลหลง อันลมปี่นี้ละลวยให้งวยงง สุดจะทรงวิญญาณ์รักษาตัว ถ้าขืนอยู่สู้อีกไม่หลีกเลี่ยง ฉวยพลั้งเพลี่ยงเพลงปี่ต้องมีผัว จะพลอยพาหน้าน้องให้หมองมัว เหมือนหญิงชั่วชายเกี้ยวประเดี๋ยวใจ เหลือลำบากยากเย็นด้วยเป็นหญิง จำจะทิ้งกองทัพที่หลับใหล ไปลังกาอย่าให้มีราคีภัย แล้วจะได้แต่งทหารมาราญรอน ดำริพลางนางขยับจับพระแสง สะพายแล่งลูกเกาทัณฑ์ถือคันศร เหน็บกระบี่มีหอกซัดข้างอัสดร แล้วหยุดหย่อนยืนดูหมู่โยธา ไม่ไหวติงนิ่งหลับระงับเงียบ ยิ่งเย็นเยียบเยือกจิตกนิษฐา สุดจะช่วยด้วยทัพอัปรา ชลนานองเนตรสังเวชใจ จะอยู่นานการด่วนจวนจะรุ่ง เขม้นมุ่งมรรคาพฤกษาไสว ควบอาชาผ่าตรงเข้าพงไพร สังเกตใจจำทางไปกลางคืน สันโดษเดี่ยวเปลี่ยวเปล่าเศร้าสลด ระทวยทดทุกข์ร้อนถอนสะอื้น แต่การทัพขับขันสู้กลั้นกลืน อุตส่าห์ขืนขับม้ารีบคลาไคล ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ กำเริบรักร้อนจิตคิดสงสัย เมื่อเป่าปี่เยาวมาลย์มาเหมือนใจ ครั้นหยุดปี่หนีไปไม่ได้การ เที่ยวควบม้าหาจบไม่พบปะ สุดที่จะติดตามความสงสาร เสนหาอาวรณ์ร้อนรำคาญ เยาวมาลย์แม่จะแฝงไปแห่งไร หรือหยุดปี่ดีร้ายจะคลายรัก เสียดายนักนึกน่าน้ำตาไหล จะโลมเล้าเป่าอีกให้อ่อนใจ แม้นมาใกล้เหมือนเมื่อกี้แล้วมิฟัง พลางบรรเลงเพลงปี่ระรี่เรื่อย จนเหน็ดเหนื่อยในอารมณ์ไม่สมหวัง พระศอแสบแหบเครือเหลือกำลัง จึงหยุดยั้งยืนรำพึงคะนึงใน ทีปี่เราเป่าอีกจะหลีกเลี่ยง หรือฟังเสียงหลับซบสลบไสล หรือนิ่มน้องหมองหมางระคางใจ ว่าพี่ไม่ปลุกทัพให้กลับมา ยิ่งครวญคร่ำรำลึกยิ่งนึกรัก ละล่ำละลักเหลียวแลชะแง้หา ที่รอนราญการศึกไม่ตรึกตรา ด้วยเหตุว่าเวทมนตร์เข้าดลใจ จึงคิดว่าอย่าเลยจะปลุกทัพ ให้งามสรรพสิ้นพะวงที่สงสัย เป็นสำเร็จเสร็จศึกเหมือนนึกไว้ เห็นจะได้เชยชมโฉมวัณฬา ดำริพลางทางลงแล้วทรงปี่ เรียกโยธีไพร่นายทั้งซ้ายขวา ให้วาบแว่วแก้วหูรู้วิญญาณ์ ต่างลืมตาตกใจทั้งไพร่นาย ลุกขึ้นวิ่งทิ้งเครื่องสรรพาวุธ อุตลุดล้มคว่ำคะมำหงาย เสียงครึกครื้นตื่นพลัดกระจัดกระจาย ต่างวุ่นวายวิ่งพัลวันไป ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งแขกแตกเข้าป่า ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลไหน พวกผลึกครึกครื้นตื่นตกใจ ทั้งนายไพร่พรูลงข้างคงคา พออุทัยไขแสงแจ้งกระจ่าง แจ่มสว่างกลางทะเลพระเวหา ทั้งไพร่นายฝ่ายฝรั่งเมืองลังกา ต่างแตกล่าเลี้ยวลัดเที่ยวพลัดพราย พวกเสนาหาไพร่ก็ไม่พร้อม จะรวมรอมกันไม่ได้ดังใจหมาย ต่างติดตามถามข่าวถึงเจ้านาย เที่ยวแยกย้ายย้อนหลังไปลังกา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร ไม่พร้อมพรักไพร่พลเข้าค้นหา ที่ไพร่หายนายหมวดเที่ยวตรวจตรา พบบรรดาหมื่นขุนทั้งมุลนาย บ้างติดกลบนหอรบพบในป้อม ที่รถคร่อมครอบไว้น่าใจหาย ช่วยแก้ไขให้สลักหักทลาย ทั้งไพร่นายออกมาได้ดังใจปอง ไปพร้อมพรั่งฝั่งสมุทรหยุดประทับ อยู่คั่งคับคอยฟังรับสั่งสนอง ทั้งทัพเรือเหลือตายอยู่หลายกอง ได้ข้าวของแขกฝรั่งไว้ทั้งนั้น ทั้งปืนผาม้ารถหมดทุกสิ่ง ด้วยคนวิ่งไปแต่ตัวกลัวอาสัญ สินสมุทรสุดแสนคั่งแค้นครัน บังคมคัลพระบิดาแล้วพาที พวกทัพแตกแขกฝรั่งกำลังตื่น เป็นกลางคืนคงจะพลัดกำจัดหนี ไม่ราบเตียนเสี้ยนหนามขอตามตี ผลาญชีวีเสียให้ได้ทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยถูกไฟกรด ทั้งระทดที่ไม่สมอารมณ์หมาย จึงห้ามปรามตามเล่ห์เพทุบาย อย่าวุ่นวายเลยจะเล่าให้เข้าใจ เมื่อเป่าปี่รี้พลผู้คนหลับ ยังอยู่แต่แม่ทัพไม่หลับใหล มาโต้ตอบลอบยิงเราชิงชัย จนต้องไฟกรดทั่วทั้งตัวตน ดูนี่แน่ะแผลลอกยังปอกปวด ให้เร้ารวดรึงรุมทุกขุมขน เหลือกำลังดังหนึ่งกายจะวายชนม์ จึงคิดกลแก้ไขเป็นไมตรี ข้างฝ่ายเขาเล่าก็ยอมเป็นพร้อมจิต มิได้คิดรบพุ่งเอากรุงศรี ได้พร้อมพรั่งตั้งสัตย์สวัสดี จึงเป่าปี่ปลุกทัพให้กลับฟื้น อันฝรั่งทั้งนั้นไม่ทันรู้ จึงวิ่งกรูเกรียวแยกกันแตกตื่น ซึ่งของเขาเอาไว้จะได้คืน ห้ามคนอื่นอย่าให้เอาของเขาไป แต่เดี๋ยวนี้ผู้คนยังอลหม่าน นายทหารเห็นจะห้ามปรามไม่ไหว แม้รวมรอมพร้อมพลสกลไกร เห็นจะได้ทูตามาพาที เรารอรั้งฟังดูให้รู้แน่ สุดแล้วแต่นางวัณฬามารศรี แม้นเสียสัตย์ขัดขวางทางไมตรี จึงตามตีให้กระทั่งถึงลังกา ฯ ๏ ศรีสุวรรณพรั่นจิตผิดสังเกต แลชม้ายชายเนตรดูเชษฐา เห็นจริตผิดทีกริยา จึงแกล้งว่าหวังจะลวงดูท่วงที เมื่อตอบคำทำสัตย์ไม่ขัดข้อง เหมือนเข้าช่องสมหมายไม่หน่ายหนี ไม่ตรองตรึกลึกซึ้งถึงไพรี คงเสียทีทางสวาทต้องคลาดคลา ฯ ๏ พระอภัยใจกระสันยังพันผูก เขาเกาถูกเข้าที่คันก็หรรษา สำรวลพลางทางสนองพระน้องยา ธรรมดามดดำกับน้ำตาล ได้เข้าเรียงเคียงใกล้แล้วไม่อด คงชิมรสรู้กำพืดว่าจืดหวาน อนุชาอย่าประมาทว่าคลาดการ ไม่เนิ่นนานนักดอกบอกจริงจริง ฯ ๏ พระฟังพี่ศรีสุวรรณรำพันว่า นางวัณฬาข้านี้เบื่อเห็นเหลือหญิง แต่รูปเขียนใครได้ยังไม่ทิ้ง ยิ่งรูปจริงแล้วก็เห็นจะเป็นการ พลางเหลียวหน้ามาว่ากับสินสมุทร เห็นร้ายสุดเสียกว่าเสือเหลือแล้วหลาน สินสมุทรสุดแค้นแสนรำคาญ จึงว่าวานนี้หม่อมฉันลั่นวาจา ว่าขึ้นรบพบผู้หญิงอย่านิ่งไว้ สังหารให้ม้วยมุดสุดสังขาร์ พระบิตุรงค์ทรงธรรม์ก็สัญญา ว่าจะผ่าอกนางให้วางวาย เหตุไฉนไม่สังหารผลาญชีวิต กลับจะคิดแผ่เผื่อเป็นเชื้อสาย ฉวยเสียทีผีผู้หญิงเข้าสิงกาย จะมิอายเขาหรือนะพระเจ้าอา ฯ ๏ พระอภัยได้ยินสินสมุทร อดสูสุดแสนสะเทิ้นทำเมินหน้า แล้วตอบความตามวิสัยไวปัญญา เจ้าช่างว่าเหมือนสตรีไม่มีมือ เห็นที่ไหนไล่สังหารผลาญชีวิต ราวกับลิดไม้ไหล้จะได้หรือ เขาเชี่ยวชาญการศึกได้ฝึกปรือ มีฝีมือเหมือนหนึ่งชายเป็นนายทัพ ทำเหมือนเจ้าเข้าไปไล่เอาไฟจุด แล้วไม่หยุดยั้งคิดจะติดกับ อันแยบยลกลศึกย่อมลึกลับ แม้นจะจับก็ให้มั่นคั้นให้ตาย เราชิงชัยไม่ชนะกลัวจะแพ้ จึงเกี้ยวแก้การศึกเหมือนนึกหมาย ด้วยเสียทีชีวันจะอันตราย แต่รอดตายเหมือนกระนี้เป็นดีนัก อนึ่งเล่าเราก็ป่วยระทวยจิต สุดจะคิดทำการไปหาญหัก หยุดพหลพลนิกรได้ผ่อนพัก จะได้รักษากายให้หายดี จึงขึ้นบกยกขึ้นตั้งอยู่วังใหม่ ให้นายไพร่รายรักษาทุกหน้าที่ คอยระวังนั่งยามตามอัคคี อย่าให้มีเภทภัยสิ่งใดพาน แล้วชวนพระอนุชาโยธาทัพ เข้าหยุดยับยั้งอาศัยในสถาน หมอพิทักษ์รักษาพยาบาล คิดรำคาญด้วยลูกสาวเจ้าลังกา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช แสนสามารถมาในไพรพฤกษา ครั้นรุ่งรางสว่างแสงพระสุริยา นางขับม้ามาในดงแต่องค์เดียว จนโพล้เพล้เวลาภาณุมาศ ล่วงลีลาศลับเงาภูเขาเขียว เสียงเสือสิงห์วิ่งตะเพิ่นกระเจิ่นเจียว นางหลีกเลี้ยวหลงทางไปกลางดง แต่เดือนหงายฉายแสงแจ้งกระจ่าง ดูพรายพร่างพฤกษาป่าระหง น้ำค้างโรยโปรยละอองมาต้ององค์ นางแสนทรงโศกสลดระทดใจ โอ้อกเอ๋ยเคยสำราญผ่านประเทศ มาทุเรศแรมเดินเนินไศล เคยพร้อมพรักนักสนมกรมใน มาเปลี่ยวใจจรทางอยู่หว่างเนิน เคยเสวยเนยนมภิรมย์รส มาจำอดโอ้อกระหกระเหิน ทั้งหิวหอบบอบช้ำระยำเยิน หนทางเดินก็ไม่แจ้งว่าแห่งใด แสนสงสารพาชีม้าที่นั่ง สิ้นกำลังเหงื่อโซมชโลมไหล โอ้ครั้งนี้ชีวันจะบรรลัย ไหนจะได้กลับหลังไปลังกา นางนึกนึกแล้วสะอึกสะอื้นไห้ พระชลนัยน์พรั่งพรายทั้งซ้ายขวา จะแลเหลียวเปลี่ยวใจนัยนา จนเวลาดึกสงัดกำดัดนอน ทั้งธารน้ำลำเนาเขาอังกาศ ศิลาลาดแลเลื่อมเงื้อมสิงขร ลงจากม้าพาเดินดำเนินจร ให้อัสดรกินน้ำค่อยสำราญ แล้วโฉมยงทรงเสวยสว่างจิต รำคาญคิดด้วยว่าม้าอดอาหาร แม้นม้าล้มแล้วเหมือนกายเราวายปราณ จึงเสี่ยงสัตย์อธิษฐานถึงบุญญา เดชะผลปรนนิบัติจังหวัดทวีป ช่วยชูชีพชนชาติพระศาสนา ตามเยี่ยงอย่างทางธรรม์กรุณา พระจุฬาติเวนย่อมเห็นใจ แม้ข้านี้มิได้คงดำรงทวีป ขอสิ้นชีพเด็ดดับดังหลับใหล แม้จะได้ไปบำรุงซึ่งกรุงไกร ขออย่าให้ชีวันเป็นอันตราย จะปล่อยม้าไปหากินในถิ่นเถื่อน ให้มาเหมือนใจจิตที่คิดหมาย แล้วปล่อยม้าว่าไปตามความสบาย แต่เดียวดายกินหญ้าประสาใจ ต่อรุ่งเช้าเจ้าจึงมาถึงที่นี่ ค่ำวันนี้เราจะนอนชะง่อนไศล พลางลูบหลังสั่งม้าแล้วคลาไคล ขึ้นอาศัยสิงขรด้วยอ่อนแรง เอาแก้วตราราหูขึ้นชูช่วง โชติดังดวงดาวสว่างกระจ่างแสง เที่ยวส่องดูภูผาศิลาแลง เห็นตำแหน่งหนึ่งเลี่ยนเตียนสบาย เหมือนบัลลังก์บังลมร่มน้ำค้าง พระนุชนางนึกสมอารมณ์หมาย ค่อยเอนองค์ลงบนแท่นศิลาลาย ระทวยกายกัมปนาทหวาดวิญญาณ์ เย็นยะเยียบเงียบเหงาเศร้าสงัด ดึกกำดัดเดือนดับลับเวหา ระโหยหิวหวิวไหวเมื่อไสยา หอมสุมาลัยรอบขอบคีรี เสียงแหร่แหร่แม่ม่ายลองไนร้อง ประสานซ้องเสียงจังหรีดดังดีดสี สะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ไม่สมประดี ดังดนตรีกล่อมขับให้หลับไป ฯ ๏ พอเช้าตรู่รู้สึกนึกถึงม้า ลงมาหาท่าหินที่สินธุ์ใส บ้วนพระโอษฐ์โสรจสรงพักตร์ประไพ คิดอาลัยแลหาอาชาทรง พอได้ยินดินลั่นเสียงครั่นครื้น สะเทื้อนพื้นภูผาป่าระหง ประเดี๋ยวหนึ่งตึงสะดุ้งดังผลุงลง กลิ้งอยู่ตรงหน้าเท่าน้ำเต้าทอง เหลืองอร่ามงามงอมหอมระรื่น ดูสดชื่นชูสีไม่มีสอง สงสัยนักชักมีดออกกรีดลอง ขาดเป็นสองซีกไส้ข้างในแดง นางชิมดูรู้ว่าโอชารส เหลือกำหนดในมนุษย์สุดแสวง ทั้งหอมหวานซ่านเสียวมีเรี่ยวแรง ที่ศอแห้งหิวหายสบายบาน พอม้ามิ่งวิ่งมาแล้วอ้าปาก รู้ว่าอยากยื่นให้ม้าเป็นอาหาร ม้าลำพองลองเชิงเริงสำราญ นางนั่งฝานชิ้นชิมจนอิ่มใจ ยังเหลืออีกซีกเสี้ยวไม่เหี่ยวแห้ง ห่อตะแบงมานมั่นไม่หวั่นไหว ขึ้นทรงนั่งหลังม้าแล้วคลาไคล พอสัตว์ไพรรู้อึงคะนึงมา ทั้งเนื้อเบื้อเสือสิงห์กระทิงถึก หมู่มฤคแรดควายทั้งซ้ายขวา บ้างแลพบหลบตัวด้วยกลัวตรา บ้างวิ่งมาวิ่งไปออกไขว่กัน ฯ ๏ พอเห็นคนบนชะง่อนสิงขรเขา ร้องว่าเรารักษาพนาสัณฑ์ นางวัณฬามาได้กินดินสำคัญ ไม่แบ่งปันให้เราบ้างเป็นอย่างไร นางแลดูผู้เฒ่าบนเขาเขียว เป็นซีกเสี้ยวแต่ข้างขวาน่าสงสัย จึงซักถามตามแคลงไม่แจ้งใจ ท่านชื่อไรร้องทักรู้จักเรา อันของดีมีรสไม่หมดสิ้น จะให้กินได้อยู่ท่านผู้เฒ่า แต่พรายแพร่งแจ้งความตามสำเนา ก่อนเถิดเราก็จะให้เป็นไรมี ฯ ๏ ฝ่ายอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์สถิตสถาน จึงแจ้งการกับวัณฬามารศรี ลูกนั้นหรือชื่อว่านมพระธรณี ถึงพันปีผุดขึ้นเหมือนปืนดัง ฝูงสัตว์ไพรได้ยินทั้งกลิ่นหอม มาพรั่งพร้อมเพราะจะกินถวิลหวัง ด้วยหวานเย็นเห็นประเสริฐเกิดกำลัง กำจัดทั้งโรคาไม่ราคี อายุยืนชื่นชุ่มเป็นหนุ่มสาว ผิวนั้นราวกับทองละอองศรี ถึงแก่เฒ่าเข้าเรือนสามร้อยปี ก็ไม่มีมัวหมองละอองนวล ทั้งเนื้อหอมกล่อมกลิ่นระรินรื่น เป็นที่ชื่นเชยบุรุษสุดสงวน เราได้กลิ่นดินถนันให้รัญจวน ด้วยธุระพระอิศวรเธอสาปไว้ ให้อยู่เฝ้าเขาอังกาศขาดครึ่งซีก สุดจะหลีกเลี่ยงกรรมจะทำไฉน ต่อได้กินดินถนันเมื่อวันไร จึงจะได้เต็มกายสบายบาน ฯ ๏ นางทราบความตามกรรมที่ร่ำเล่า จึงหยิบเอาถันสุธาออกมาฝาน วางไว้บนต้นไม้ที่ใกล้ธาร แล้วว่าท่านเทวดาได้ปรานี ซึ่งธุระพระองค์จำนงนั้น ข้าผ่อนผันพ้นทุกข์เป็นสุขี ข้าหลงทางกลางป่าพนาลี ท่านช่วยชี้มรคาให้คลาไคล ฯ ๏ ฝ่ายเทวัญครั้นสดับที่กลับถาม จึงบอกความเคลือบแฝงแถลงไข ซึ่งโฉมยงหลงทางมากลางไพร เพราะจะได้พบลาภปราบไพรี จงรีบลัดตัดทางไปข้างเขา จะพบชาวบ้านป่าพนาสี ทั้งจะปะพระปี่โปบาลีดี จงพาทีไต่ถามตามสงกา พอเสร็จคำสำแดงแผลงอำนาจ ต้อนตวาดเสือสิงห์มหิงสา แล้วกลับกลายหายวับไปลับตา ถันสุธาที่ถวายก็หายไป ฯ ๏ จะกล่าวถึงนางวัณฬาพระยาหญิง จึงลาสิงขรเจ้าเขาไศล รีบขยับขับม้าให้คลาไคล สังเกตใจจำทางหว่างคิริน รุกขาครึ้มงึ้มเงียบเซียบสงัด ละเลาะลัดเลียบธารละหานหิน หอมบุปผาสารพันทั้งจันทน์อิน อินทนิลนางแย้มแกมสุกรม เห็นสายหยุดพุดพะยอมนางน้อมกิ่ง วิสัยหญิงอยากได้เด็ดใส่ผม ถึงยากเย็นเห็นดอกไม้จะใคร่ชม ชื่นอารมณ์เรี่ยทางไปกลางดง สันโดษเดี่ยวเหลียวแลเห็นแต่นก ฝูงวิหคเหมราพระยาหงส์ ที่หุบเขาเหล่าฝูงนกยูงลง ฟ้อนเป็นวงเวียนรายชม้ายเมียง เค้าโมงมองพร้องเพรียกร้องเรียกคู่ กระลุมพูโพระดกโฮกปกเสียง ซังแซวแจ้วแก้วพลอดฉอดสำเนียง นางนวลเคียงคู่นางไม่ห่างกัน กินปลีเปล้าเขาไฟฝูงไก่ป่า เสียงโกญจาแจ้วแจ้วไก่แก้วขัน นกขุนทองปองไล่เบญจวรรณ ตามเพศพันธุ์ภาษาบรรดามี ขมิ้นอ่อนนอนรายบนปลายเปล้า เป็นคู่เคล้าคลึงคลอลออศรี นกกระตั้วตัวขาวราวสำลี นางโนรีแดงฉาดสะอาดตา พินิจพลางนางรำพึงถึงนิเวศน์ อยู่ขอบเขตเคยรักเลี้ยงปักษา ให้จับคอนนอนเล่นเจรจา ถึงเวลาแสบท้องเคยร้องวอน โอ้จากนกตกมาอยู่ป่าสูง ฟังแต่ฝูงนกเถื่อนไม่เหมือนสอน สงสารโอ้โนรีอยู่ที่คอน เคยชูช้อนชื่นอารมณ์ได้ชมเชย เคยชมสวนล้วนแต่สรรทุกพรรณไม้ มาชมไพรพฤกษานิจจาเอ๋ย มิเคยยากกรากกรำก็จำเคย เมื่อไรเลยจะได้คืนมาชื่นใจ รัญจวนจิตคิดแค้นแสนเทวษ น้ำพระเนตรนองตกซกซกไหล รีบขับม้ามาตามทางที่กลางไพร อนาถใจเดินโขดสันโดษเดียว ฯ ๏ จะกลับกล่าวชาวบ้านสิกคารนำ แปลเป็นคำไทยเล่าว่าเขาเขียว ด้วยเขตคันบรรพตนั้นลดเลี้ยว หนทางเปลี่ยวเดินออกตามซอกเนิน มีนักปราชญ์บาทหลวงเป็นหลักบ้าน ปรีชาชาญชาวอรัญสรรเสริญ สร้างตึกใหญ่ไว้ที่ข้างหนทางเดิน ได้เจริญรักษาตามบาลี อันลูกเต้าชาวป่าเอามาฝาก ประมาณมากเหมือนคณะพระฤๅษี เรียนวิชาไตรดาโหราคี ตามบาลีเพศฝรั่งชาวลังกา คนทั้งนั้นวันอาทิตย์เป็นอิสระ มาไหว้พระพร้อมกันด้วยหรรษา ทำบุญบวชสวดมนต์สนทนา บาทหลวงขึ้นมานั่งบัลลังก์พรต ให้จุดโคมโยมญาติมากลาดเกลื่อน ดูดาวเดือนเต็มวงขึ้นทรงกลด เห็นดาวดวงเจ้าลังกาพิลาลด สีสลดดูสลัวมัวมอซอ แล้วดูดาวเจ้าเมืองผลึกราช เข้าร่วมธาตุวิสัยไฉนหนอ เพ่งพินิจคิดแคลงตะแคงคอ พลางหัวร่อรู้ความตามตำรา พวกฝรั่งทั้งนั้นชวนกันถาม จึงแจ้งความจริงจิตกับศิษย์หา เราดูดวงเจ้าประเทศเขตลังกา ไม่มีข้าคนเที่ยวอยู่เดียวดาย อันดวงดาวเจ้าผลึกเป็นศึกสู้ กลับร่วมรู้รักกันขันใจหาย ส่วนพวกไพร่ใหญ่น้อยจะพลอยตาย แต่ตัวนายนั้นจะอยู่เป็นคู่เคียง พอขาดคำร่ำว่าฝูงกาตื่น ในกลางคืนบอกข่าวกระส่าวเสียง ทั้งอูฐลาม้าร้องซ้องสำเนียง เห็นผิดเยี่ยงอย่างแต่ก่อนร่อนชะไร จึงจับยามตามตำราภาษาสัตว์ ด้วยเจนจัดแจ้งเหตุข้างเพทไสย จึงบอกเล่าชาวป่าพนาลัย หวังจะให้แจ้งจิตในกิจจา ซึ่งสัตว์ร้องต้องยามตามตำรับ มันคอยรับเจ้าแผ่นดินถวิลหา พรุ่งนี้เย็นเห็นลูกสาวเจ้าลังกา จะเข้ามาบ้านนี้เพราะมิตาย ในตำราว่าโจรตามมาด้วย ท่านจงช่วยป้องกันให้ผันผาย ได้อาศัยในแผ่นดินทำกินสบาย ทั้งหญิงชายฉลองคุณอย่าสูญใจ แต่เรานี้มิให้พบจะหลบหน้า ผู้ใดอย่าบอกแจ้งแถลงไข ใครรักยศอตสาห์ตามนางทรามวัย คงจะได้สมหมายเมื่อปลายมือ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งปวงบาทหลวงบอก ต่างก็ออกปากรับด้วยนับถือ ด้วยชาวบ้านการศึกได้ฝึกปรือ มีฝีมือถือตัวไม่กลัวใคร ทั้งอยากเห็นเช่นเขาว่ามหากษัตริย์ จะเหยาะหยัดอย่างเยี่ยงสักเพียงไหน ต่างปรึกษาพาทีด้วยดีใจ จนจวนใกล้สนธยากลับมาเรือน ครั้นรุ่งเช้าชาวบ้านสำราญรื่น บ้างแบกปืนดาบหอกเที่ยวบอกเพื่อน มารวมรอมพร้อมพรักไม่ตักเตือน ดูกลาดเกลื่อนอยู่ที่หน้าศาลาลัย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสมร อ้อมสิงขรเขาเขินเนินไศล ไม่รั้งรอพอบ่ายถึงชายไพร เห็นควันไฟขึ้นโขมงในพงพี มีรอยคนปนเกวียนเดีษรดาษ ดูเกลื่อนกลาดกลางทางหว่างวิถี คิดสำคัญมั่นคงว่าตรงนี้ เห็นจะมีบ้านช่องจึงกองไฟ ด้วยเย็นค่ำจำจะเข้าหาชาวป่า ได้พูดจาไต่ถามตามสงสัย ดำริพลางนางพระยาขับม้าไป จนจวนใกล้ได้ยินเสียงค่อยเมียงมอง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรสามสิบห้า กับกะลาสีฉกรรจ์สามพันสอง เที่ยวตีปล้นชนบทเอาเงินทอง มาถึงหนองน้ำพักสำนักพล ให้ฆ่าแพะแกะไก่กินแกล้มเหล้า กำลังเมาเฮฮาโกลาหล เอาดาบหอกออกประกวดบ้างอวดตน พอเห็นคนขี่ม้าสง่างาม ใส่หมวกเสื้อเครือกระหนกเนาวรัตน์ แจ่มจำรัสรัศมีศรีสยาม ทั้งตราแก้วแพรวพราวดูวาววาม แลอร่ามรุ่งเรืองทั้งเครื่องม้า เห็นมั่งมีดีใจให้ไพร่ล้อม มันหุ้มห้อมเรียงรายทั้งซ้ายขวา อ้ายนายใหญ่ไต่ถามตามสงกา ตัวนี้มาแต่สถานบ้านเมืองใด ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช พระนุชนาฏนึกพรั่นให้หวั่นไหว สังเกตดูรู้ว่าโจรสัญจรไพร มันล้อมไล่หมายจะจับถึงอับจน จำจะบอกออกความนามกษัตริย์ เจ้าจังหวัดแว่นแคว้นแดนสิงหล มันอาศัยในแผ่นดินสิ้นทุกคน ถึงอับจนก็ไม่ควรจะลวนลาม ดำริพลางนางกษัตริย์ตรัสประภาษ ท่านเชื้อชาติชาวไพรมาไต่ถาม อันตัวเราเจ้าลังกาล่าสงคราม หลงมาตามทางเถื่อนให้เฟือนใจ ท่านเอ็นดูรู้แห่งจงแจ้งจิต อย่าคบคิดเคลือบแคลงแหนงไฉน ช่วยนำเราเข้าไปเพียงพระเวียงชัย จะตั้งให้เป็นขุนนางได้รางวัล ฯ ๏ อ้ายโจรแจ้งแกล้งว่าประสาดื้อ เรานี้คือเจ้าป่าพนาสัณฑ์ ไม่รักศักดิ์รักยศอย่าปดกัน จะหมายมั่นเอาแต่ของที่ต้องการ จงปลดเปลื้องเครื่องประดับกับทั้งม้า มาให้เราเจ้าป่าพนาสาณฑ์ จะปล่อยไปไม่ทำลายให้วายปราณ อย่าอ่อนหวานว่ากล่าวให้ยาวความ จะลวงล่อพอให้ไปจะได้จับ บีบขมับเฆี่ยนขู่กระทู้ถาม เรารู้เท่าเข้าใจไม่ไปตาม จงปลดเปลื้องเครื่องอร่ามมาเร็วไว ฯ ๏ นางฟังคำจำวอนด้วยอ่อนหวาน น้องว่าขานตามตรงอย่าสงสัย ซึ่งทำผิดกิจการแต่ก่อนไร ถ้าแม้นได้ความชอบก็ตอบแทน อันต้นร้ายปลายดีไม่มีโทษ เป็นประโยชน์ยาวยืนอยู่หมื่นแสน จะเที่ยวปล้นคนกินเหมือนสิ้นแกน ถึงมาตรแม้นมีทรัพย์ก็อับอาย อันดีชั่วตัวตายเมื่อภายหลัง ชื่อก็ยังยืนอยู่ไม่รู้หาย แม้นสังหารผลาญเราเป็นเจ้านาย ตัวจะตายไม่ทันข้ามสามเวลา ฯ ๏ ฝ่ายโจรไพรใจพาลชาญฉกาจ หมิ่นประมาทตอบความตามภาษา แต่ขุนนางยังเบียนชาวพารา จะมาว่าแต่เราเป็นชาวดง พวกชาวเราเอาหวาอย่าให้เหลือ ทั้งหมวกเสื้อสิ่งของต้องประสงค์ ส่วนว่าพวกไพร่ฮึกนึกทะนง ต่างกรูตรงเกรียวกลุ้มเข้ารุมกัน ฯ ๏ นางกษัตริย์กวัดแกว่งพระแสงสู้ ถูกต้องหมู่โจรป่าแทบอาสัญ ลงรวนเรเหหันพัลวัน นางซ้ำฟันฟาดตายกระจายไป แล้วเลี้ยวกลับขับม้าจะล่าหนี มันตามตีติดพันเสียงหวั่นไหว นางสู้พลางหนีพลางมากลางไพร พวกโจรไล่หลามทางมากลางแปลง อ้ายตัวนายหลายคนขึ้นขี่ม้า บ้างขี่ลาอูฐอาจชาติกำแหง ถือหอกง้าวหลาวทวนเข้าสวนแทง ก็พลาดแพลงเพลี่ยงผิดด้วยฤทธิ์ตรา พอออกห่างนางลั่นเกาทัณฑ์ถูก ตรงจมูกแม่นหมายทั้งซ้ายขวา ลูกละคนหล่นตายวายชีวา จนเวลาแดดดับพยับไพร โจรมันไล่หลามทางมาข้างหลัง เหลือกำลังที่จะด้นไปหนไหน ลูกเกาทัณฑ์นั้นก็หมดสลดใจ มันล้อมไล่เลี้ยวลัดสกัดทาง นางแกว่งหอกกลอกกลับคอยรับรบ ทั้งม้าขบโขกดีดคนกีดขวาง จะหักไปไม่พ้นวนอยู่กลาง ดังหนึ่งนางโฉมฉายจะวายปราณ พอเห็นคนกล่นเกลื่อนมากลางป่า ขี่ม้าลาไล่ตวาดดูอาจหาญ บ้างร้องด่าว่าอ้ายน้ำใจพาล มาล้อมท่านเจ้าสุธาไว้ว่าไร แล้วรบรุกบุกบั่นเข้าฟันฟาด โจรวินาศหนีกระจายทั้งนายไพร่ แล้วกลับมาหานางที่กลางไพร ต่างกราบไหว้พระองค์ทรงพิภพ เสด็จไปให้สำราญผ่านสมบัติ คิดกำจัดเจ้าผลึกให้ศึกสงบ ซึ่งโจรไพรไล่จับจะรับรบ แล้วนอบนบคอยสดับรับบัญชา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ฟังประหลาดหลากจิตคิดกังขา จึงปราศรัยไต่ถามตามสงกา ท่านนี้มาแต่ไหนใครเป็นนาย ช่วยรบตีโจรป่าจนล่าหนี เรายินดีนับเนื้อดังเชื้อสาย เหตุไฉนได้รู้จักมาทักทาย ท่านทั้งหลายหลักแหล่งอยู่แห่งใด ฯ ๏ ฝ่ายผู้เฒ่าชาวป่าสิกคารนำ แกล้งกล่าวคำเคลือบแฝงแถลงไข ข้าพเจ้าชาวป่าพนาลัย แต่ล้วนในพวกพ้องพี่น้องกัน ได้ทราบว่าฝ่าธุลีเสียทีทัพ โจรจะจับเข่นฆ่าให้อาสัญ ข้าอาศัยในแผ่นดินสิ้นทั้งนั้น คิดกตัญญูมาช่วยราวี ให้พระองค์คงเสวยเศวตฉัตร ด้วยซื่อสัตย์มิได้รักด้วยศักดิ์ศรี สิ้นธุระแล้วพระองค์ไปจงดี จวนราตรีแล้วข้าขอลาไป ฯ ๏ นางฟังคำจำจนให้อ้นอั้น จึงผ่อนผันพจนาอัชฌาสัย เราไม่แจ้งแห่งทางที่กลางไพร จะขอไปอยู่ที่บ้านท่านสักวัน เอ็นดูด้วยช่วยไว้ให้ตลอด จะได้รอดกลับไปที่ไอศวรรย์ ถ้าทิ้งไว้เราไม่แจ้งแห่งสำคัญ สุดจะผันผินหน้าไปหาใคร ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าทูลตอบให้ชอบโสต ซึ่งทรงโปรดปรึกษาจะอาศัย ข้าทั้งนี้มิได้ห้ามตามพระทัย ด้วยอยู่ในแว่นแคว้นแดนพระองค์ ทุกถิ่นฐานบ้านช่องของพระแม่ สุดแล้วแต่ต้องธุระพระประสงค์ จะต้องเชิญเดินพาเข้าป่าดง ขอพระองค์อดโทษได้โปรดปราน ฯ ๏ นางฟังคำรำลึกนึกสรรเสริญ ฉลาดเกินวาจาที่ว่าขาน จึงชื่นชอบตอบความตามโบราณ ให้ชาวบ้านนำหน้ารีบคลาไคล ถึงปากทางหว่างเนินเพลินประพาส เห็นอาวาสวัดวาที่อาศัย กุฎีตั้งอาศรมรื่นร่มไทร ศาลาลัยแสนสะอาดด้วยกวาดเตียน ตึกน้อยน้อยห้อยระฆังน่าฟังเล่น ดูเหมือนเช่นฉากฉายระบายเขียน มีเสาหงส์ธงลมใส่โคมเวียน ดาษเดียรด้วยบุปผาสารพัน จึงหยุดม้าปราศรัยผู้ใหญ่บ้าน นี่วัดท่านองค์ใดอยู่ไพรสัณฑ์ จะอาศัยในสำนักนี้สักวัน จะมีอันตรายบ้างหรืออย่างไร ชาวบ้านว่าอาวาสพระบาทหลวง คนทั้งปวงไปมาได้อาศัย แต่องค์ท่านจะกังวลไปหนใด ยังมิได้แจ้งจิตในกิจจา ฯ ๏ นางทรงฟังสั่งเหล่าพวกชาวบ้าน จงสำราญเรียนท่านให้หรรษา พรุ่งนี้เช้าเราเชิญท่านเดินมา พอพูดจาแจ้งทางที่กลางไพร ชาวบ้านรับอภิวันท์แล้วผันผาย ด้วยเป็นชายโฉมยงจะสงสัย รักษาตัวกลัวอาญาต้องคลาไคล หมายจะให้เมียมาพยาบาล ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงลงจากม้าที่นั่ง พลางตรัสสั่งให้ไปหากินอาหาร แล้วนงเยาว์เข้าในวัดนมัสการ ขึ้นหน้าชานเชิงผาศิลาลาย ลีลาศเลี้ยวเที่ยวมาถึงหน้ากุฏิ์ เห็นเด็กจุดโคมเวียนวิเชียรฉาย ทั้งโคมคั่นชั้นเฉลียงตะเกียงราย นางแวดชายชมเพลินเจริญใจ ไม่เห็นพระจะเข้าหาเวลาค่ำ ก็ผิดธรรมดาหญิงสิ่งสงสัย จึงหยุดยั้งนั่งตรงหน้าศาลาลัย ประเดี๋ยวใจเด็กมาสี่ห้าคน บ้างทักถามตามทำนองบ้างร้องว่า นางวัณฬาลูกสาวเจ้าสิงหล จะขอเชิญเดินขึ้นนั่งเสียข้างบน ที่นี่คนจะได้เดินไปมา ฯ ๏ นางฟังคำสำคัญให้หวั่นหวาด เหลือประหลาดลูกเล็กเด็กหนักหนา มารู้จักทักทายอายวิญญาณ์ จึงเรียกมาซักถามเป็นความใน นางละเวงเองรู้จักตระหนักแน่ ได้ดูแลพบเห็นหรือเป็นไฉน หรือใครเขาเล่าแถลงให้แจ้งใจ เห็นอย่างไรจึงสำคัญว่าวัณฬา เด็กคำนับรับสั่งนางกษัตริย์ ไม่ออกอรรถอำความตามภาษา เดิมนั้นได้รู้แจ้งแห่งกิจจา เดี๋ยวนี้ตาแลเขม้นเห็นพระองค์ กลัวจะผิดจิตใจไม่ประจักษ์ ปากจึงทักถามความตามประสงค์ จริงมิจริงสิ่งใดในใจจง ต่อพระองค์โปรดแปลจึงแน่นอน จึงถามว่าอาจารย์ท่านเข้านอน หรือว่าจะจรจากกุฎีไปที่ใด ฯ ๏ เด็กเด็กว่าบาลีท่านมีธุระ ไปเยี่ยมพระอาจารย์ท่านเป็นไข้ นางถามว่าท่านจะมาเวลาใด เด็กว่าไม่รู้แจ้งแห่งคดี นางฟังเล่าเศร้าใจเห็นไม่ปะ ชรอยพระพรางแพร่งแกล้งหน่ายหนี แต่นิ่งนึกตรึกตราไม่พาที พอสตรีเดินกรายมาหลายคน ล้วนโคมไต้ไฟกระจ่างสว่างวัด ถือเครื่องมัจฉะมังสาผลาผล มาพร้อมกันอัญชลีนีรมล เชิญขึ้นบนเก๋งเขียนโคมเวียนมี แล้วต่างว่าข้าพเจ้าเมียชาวบ้าน ขอประทานอยู่รักษามารศรี พวกผู้ชายรายรอบขอบคิรี มิให้มีเภทภัยสิ่งไรพาน แล้วพร้อมพรั่งตั้งโต๊ะแต่งสำรับ เป็ดไก่กับแกล้มเหล้าของคาวหวาน หญิงน้อยน้อยคอยรินสุราบาน ใส่จอกจานจัดถวายสายสุดใจ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช เห็นหญิงชาติชาวป่าอัชฌาสัย ได้ระเบียบเรียบร้อยคอยรับใช้ เหมือนนางในเวียงวังสิ้นทั้งนั้น กุมารีที่รินสุราถวาย ล้วนแยบคายหวีผมก็คมสัน งามละม่อมพร้อมพริ้งทุกสิ่งอัน ดูผิวพรรณผุดผ่องทั้งสองรา เสวยพลางนางกษัตริย์ตรัสประภาษ เหมือนอย่างญาติหญิงชายทั้งซ้ายขวา เราชอบจิตคิดจะถามตามสงกา อันชาวป่าย่อมชำนาญแต่การไพร นี่สันทัดจัดแจงเครื่องแต่งตั้ง รู้รับสั่งสนทนาอัชฌาสัย หรือเชื้อวงศ์พงศ์เผ่าเป็นชาวใน หรือว่าได้ฝึกสอนแต่ก่อนกาล ฯ ๏ ฝ่ายหญิงเฒ่าชาวป่าว่าข้าพเจ้า มิใช่เหล่าในนิเวศน์เขตสถาน เป็นชาวป่าถ้าจะคิดในกิจการ ตามโบราณราษฎรซึ่งสอนไว้ เผื่อข้าเฝ้าท้าวพระยาบัญชาถาม ได้นบนอบตอบความตามนิสัย พอพ้นผิดติดตัวด้วยกลัวภัย เพราะอยู่ในแดนด้าวท้าวพระยา ฯ ๏ นางฟังคำน้ำนวลชวนสนอง ท่านว่าต้องตามระบอบชอบหนักหนา อันชายหญิงสิงหลคณนา สุดจะหาให้เหมือนท่านที่บ้านนี้ มาพบปะจะใคร่ได้ไปไว้ด้วย จะได้ช่วยกันบำรุงซึ่งกรุงศรี ให้ปรากฏยศศักดิ์ด้วยภักดี พอเป็นที่ปรึกษาให้ถาวร พวกชาวบ้านกรานกราบสุภาพพูด ข้าเหมือนอูฐหรือจะไปเป็นไกรสร เคยชำนาญการหยาบแต่หาบคอน จะผันผ่อนผู้คนนั้นจนใจ ซึ่งบัญชาว่าจะชุบอุปถัมภ์ พระคุณล้ำโลกาจะหาไหน ขอพึ่งแต่แผ่นดินอยู่ถิ่นไพร ตามวิสัยสโมสรเหมือนก่อนมา แต่ครั้งนี้ศรีสวัสดิ์พลัดนิเวศน์ มาทุเรศแรมในไพรพฤกษา ทั้งหญิงชายหมายพระแม่เหมือนมารดา จะอุตส่าห์ส่งเสด็จจนเสร็จการ ให้พระองค์คงคืนเข้าเมืองหลวง ข้าทั้งปวงจะขอลามาสถาน ซึ่งทูลความตามประโยชน์จงโปรดปราน อย่ามีการกินแหนงแคลงพระทัย ฯ ๏ นางตรัสตอบขอบจิตที่คิดรัก ตามสมัครมิได้แคลงแหนงไฉน แล้วถามนางข้างบัลลังก์ที่นั่งใช้ เจ้าชื่อไรรูปร่างสำอางตา ส่วนนารีพี่น้องสองสดับ น้อมคำนับทูลความตามภาษา ข้าเป็นพี่นี้ชื่อยุพาผกา นางสุลาลีวันนั้นเป็นน้อง ไม่มีญาติขาดสูญประยูรศักดิ์ บาทหลวงรักเลี้ยงไว้มิให้หมอง ข้าสิบสี่ปีปลายข้างฝ่ายน้อง ได้สิบสองปีเศษสังเกตใจ นางกษัตริย์ตรัสว่าน่าสงสาร ช่างอ่อนหวานวาจาอัชฌาสัย จะขอเจ้าเอาเป็นลูกร่วมฤทัย จะยอมไปหรือมิไปอย่าได้พลาง ฝ่ายนางสองต่างคำนับอภิวาท ข้าพระบาทประดิพัทธ์ไม่ขัดขวาง ขอเป็นข้ากว่าชีวาจะวายวาง พระแม่นางเมตตาได้ปรานี นางตรัสพลางทางเรียกมานั่งใกล้ แล้วลูบไล้พี่น้องทั้งสองศรี จะคอยท่ากว่าพระจะจรลี มากุฎีจะได้ขอต่ออาจารย์ แล้วโฉมยงทรงรินสุราให้ ตามวิสัยสืบรักสมัครสมาน ทั้งพี่น้องคำนับรับประทาน ตามโบราณรับรักด้วยภักดี จนดึกครันบรรดานางฝรั่ง ถวายบังคมลามารศรี แต่พี่น้องสองสุดากุมารี อยู่พัดวีนวดฟั้นนางวัณฬา ฯ ๏ ครั้นรุ่งสายนายบ้านชาญฉลาด ไปหาบาทหลวงอยู่ที่ภูผา แล้วแจ้งความตามลูกสาวเจ้าลังกา จะคอยท่าพบพระจึงจะไป บาทหลวงฟังสรรเสริญว่าเกินฉลาด รู้จักคาดคนดีจะมีไหน ซึ่งรอรั้งหวังจะเอาเราไปใช้ ทำอย่างไรหนอจะปิดให้มิดความ ฝ่ายชาวบ้านว่าเห็นองค์นางนงลักษณ์ อยากรู้จักเพราะจะใคร่ได้ไต่ถาม พระช่วยสอนรอนราญการสงคราม ให้ปราบปรามยุคเข็ญก็เป็นไร ฯ ๏ บาทหลวงว่าอย่าประมาทชาติกษัตริย์ เหลือจำกัดกลความตามวิสัย เมื่อดีเย็นเช่นมหาชลาลัย โกรธเหมือนไฟฟุนฟอนให้ร้อนทรวง แล้วเรารู้อยู่ว่านางแต่ปางหลัง ถือพระสังฆราชผู้บาทหลวง ได้ฝึกสอนรอนราญการทั้งปวง จะไปช่วงชิงรู้เหมือนดูเบา เมื่อยามดีมิได้พึ่งครั้นถึงยาก จะพลอยรากเลือดตายด้วยอายเขา ถึงแม้องค์นงลักษณ์จะรักเรา พวกคนเก่าเขาคงกันด้วยฉันทา หนึ่งอำมาตย์ชาติสอพลอทรลักษณ์ เห็นเจ้ารักชวนกันคิดริษยา คอยยุยงลงโทษโจทนา ไม่รู้ว่าใจนางจะอย่างไร แม้โฉมยงทรงสัตย์สันทัดเที่ยง ถึงพลาดเพลี่ยงพลั้งแพ้จะแก้ไข ด้วยรบพุ่งกรุงผลึกเป็นศึกใน เห็นการใหญ่หลวงล้นพ้นกำลัง พระสังฆราชมาตรแม้มิรากเลือด คงต้องเชือดคอตายเมื่อภายหลัง เราเป็นแต่ผู้น้อยจะคอยฟัง แต่ว่าครั้งนี้นางมาค้างคอย ครั้นมิไปให้พบประสบหน้า อยู่เนิ่นช้าโฉมเฉลาจะเศร้าสร้อย หนึ่งเสนาข้าไทยทั้งใหญ่น้อย เขาจะพลอยโทษว่าช้าเพราะเรา ดำริพลางทางออกมานอกถ้ำ ให้เด็กนำหน้าเดินลงเนินเขา ถึงเก๋งเย็นเห็นองค์นางนงเยาว์ แกล้งเรียกเหล่าศิษย์หามาพาที พอโฉมยงตรงมารับก็ยับยั้ง ขึ้นหยุดนั่งเก๋งกลบนเก้าอี้ แกล้งปราศรัยไต่ถามตามคดี พระบุตรีมาไยในไพรวัน ฯ ๏ นางก้มเกล้าเล่าเรื่องเมืองผลึก จนทำศึกเสียทัพถึงขับขัน แล้วมิหนำซ้ำโจรจะฆ่าฟัน เขาช่วยทันจึงได้รอดตลอดมา ได้พบปะพระคุณการุญด้วย เหมือนชุบช่วยชูชาติพระศาสนา ช่วยสั่งสอนผ่อนผันกรุณา ให้ปราบข้าศึกได้ดังใจจง ฯ ๏ ปี่โปเฒ่าเข้าใจมิใช่ชั่ว ทำถ่อมตัวตอบความตามประสงค์ อันปัญญาข้าพเจ้าเป็นชาวดง รู้แต่ทรงสิกขาสมาทาน ซึ่งแยบยลกลศึกอันลึกลับ ชอบคิดกับข้าเฝ้าเหล่าทหาร เคยฝึกหัดลัทธิชำนิชำนาญ ย่อมเชี่ยวชาญการสงครามตามกระทรวง วิสัยพระเล่าก็พระสังฆราช เป็นยอดปราชญ์โปร่งเปรื่องในเมืองหลวง เสด็จไปไต่ถามตามกระทรวง ก็จะล่วงรู้วิชาสารพัน อันรูปนี้มิเคยพบที่รบศึก สุดจะฝึกสอนให้เจ้าไอศวรรย์ แต่หากว่าถ้าให้มีไมตรีกัน พอจะผันผ่อนได้ดังใจปอง ฯ ๏ นางฟังคำขามเขินสะเทิ้นคิด พูดถูกจิตคิดระคายซังตายสนอง เมื่อคิดอ่านการศึกด้วยตรึกตรอง ทั้งพวกพ้องเสนาพระบาลี ให้สร้างเมืองใหม่รบสมทบทัพ จนศึกกลับข้ามคุ้งถึงกรุงศรี ครั้นต้านต่อล่อลวงได้ท่วงที เขาเป่าปี่ห้ามทัพให้หลับไป เป็นสุดคิดจิตฉันให้อั้นอ้น จะแก้กลการศึกนึกไฉน ขอพึ่งพระอนุกูลอย่าสูญใจ ช่วยแก้ไขคิดบำรุงกรุงลังกา ฯ ๏ พระบาลีมีจิตคิดสงสาร แจ้งวิจารณ์ทางธรรม์ด้วยหรรษา เพราะมีหูอยู่ก็ปี่มีศักดา แม้หูหาไม่ปี่ไม่มีฤทธิ์ วิสัยคนทนคงเข้ายงยุทธ์ ฤทธิรุทรแรงร้ายกายสิทธิ์ แม้เพลิงกาฬผลาญแผ่นดินสิ้นชีวิต อำนาจฤทธิ์ย่อมแพ้แก่ปัญญา เชิญไปฟังสังฆราชพระบาทหลวง อย่าเพ่อล่วงความคิดเป็นศิษย์หา แม้ศึกเสือเหลือขนาดจึงอาตมา จะอาสาหาบหามตามกำลัง แต่เดี๋ยวนี้ศรีสวัสดิ์พลัดทหาร ไม่แจ้งการดีร้ายข้างภายหลัง เสด็จไปให้ถึงเขตนิเวศน์วัง อย่ารอรั้งราชการจะนานวัน ฯ ๏ นางคำนับรับคำแล้วร่ำว่า ไปเบื้องหน้าโปรดด้วยจงช่วยฉัน จะขอลาฝ่าเท้าพระนักธรรม์ ไปเขตคันคิดบำรุงกรุงลังกา แต่นารีพี่น้องทั้งสองนี้ ดิฉันมีใจรักเป็นหนักหนา จะขอเลี้ยงเคียงชิดเหมือนธิดา จงโปรดปรานีให้เหมือนใจปอง ฯ ๏ พระบาลีดีใจให้อนุญาต พลางโอวาทฝากฝังนางทั้งสอง แล้วก็พานารีทั้งพี่น้อง เข้าในห้องให้ตำราวิชาการ กลสตรีวิสัยในมนุษย์ ให้สิ้นสุดสอนสั่งเหมือนดังหลาน แล้วเขียนหนังสือลับพับเหล็กลาน กลการลึกล้ำที่สำคัญ ให้สองนางพลางว่ารักษาไว้ ต่อเมื่อไรรบรับถึงขับขัน ดูหนังสือมือเสื้อที่ใส่นั้น จึงผ่อนผันคิดความตามอุบาย ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างคำนับรับหนังสือ เอาใส่มือเสื้อไว้มิให้หาย แล้วก็พามานั่งบัลลังก์ราย อวยถวายพี่น้องทั้งสองรา แล้วตีกลองร้องเรียกพวกชาวบ้าน มากราบกรานเตรียมกายทั้งซ้ายขวา กระบวนแห่แลกลาดดาษดา ด้วยเหตุว่ารู้ขนบนั้นครบครัน รถม้าเทศลังกาฝากระจก เทียมม้าหกคู่ชักเหมือนจักรหัน ฉัตรระย้าจามรชอนตะวัน แต่ล้วนพรรณบุปผาสุมาลี เพราะเหตุว่าชาวบ้านนั้นสันทัด รู้จักจัดแจงประดับสลับสี มาเรียงเรียบเทียบรถริมคิรี พระบาลีทูลองค์นางนงลักษณ์ พวกชาวป่าเขามารับอยู่สรรพเสร็จ เชิญเสด็จกลับรักษาอาณาจักร จงเปรมปรีดิ์มีชัยวิไลลักษณ์ เป็นปิ่นปักปกเกล้าชาวลังกา ฯ ๏ นางคำนับรับพรอ่อนศิโรตม์ แล้วออกโอษฐ์อวยสวัสดิ์มนัสสา ขอเป็นโยมโสมนัสด้วยศรัทธา จนชีวาวายวางในทางบุญ ขอพระองค์จงสบายอยู่ภายหลัง แม้พลาดพลั้งศึกเสือช่วยเกื้อหนุน ได้มาถึงพึ่งพาพระการุญ ไม่ลืมคุณคุ้มชีวันจนบรรลัย แล้วกราบลาพาสองพี่น้องหญิง ค่อยเลียบสิงขรเขินเนินไศล เห็นรถเรืองเครื่องบุปผาสุมาลัย ทั้งชาวไพรพร้อมกันอัญชลี นางโฉมยงทรงรถกระจกระจ่าง ทั้งสองนางนั่งหน้าเป็นสารถี ทหารโห่โกลาพนาลี สองนารีขับรถบทจร กระบวนแห่แตรสังข์ระฆังฆ้อง เสียงกึกก้องกลางทางหว่างสิงขร มีธงดำนำหน้าพลากร ประทับรอนแรมมาหลายราตรี ถึงแดนถ้ำกลำพันตะวันพลบ เงียบสงบสงัดป่าพนาสี อันเนื้อนกลิงค่างบ่างชะนี ไม่เห็นมีเหมือนทุกแห่งให้แคลงใจ จึงเอื้อมอรรถตรัสสั่งให้รั้งรถ ริมบรรพตเชิงผาพออาศัย พวกโยธีตีฆ้องบ้างกองไฟ ระวังระไววงเวียนผลัดเปลี่ยนกัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช เมื่อไสยาสน์ยามวิโยคให้โศกศัลย์ เรียกยุพาผกาสุลาลีวัน มาเคียงบรรจถรณ์บรรทมแล้วชมเชย สงสารเจ้าเศร้าสร้อยมาพลอยยาก ปราศจากหมอนฟูกแล้วลูกเอ๋ย มิเคยยากกรากกรำก็จำเคย มาชมเชยน้ำค้างอยู่กลางไพร เจ้าขวัญอ่อนนอนเรียงอยู่เคียงแม่ ไม่ห่างแหงามสรรพจงหลับใหล แม่นี้ไม่ไสยาสน์ประหลาดใจ ด้วยป่าใหญ่เย็นเยียบเงียบสำเนียง แต่โพล้เพล้เรไรก็ไม่ร้อง ไม่แซ่ซ้องเสียงสัตว์สงัดเสียง ทั้งเนื้อนกวิหคเงียบเซียบสำเนียง เห็นผิดเยี่ยงอย่างป่าพนาลัย ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่น้องสองสุภาพ ต่างก้มกราบบาทาอัชฌาสัย จึงทูลความตามรู้อยู่ในใจ นี่มาในแนวป่าชื่อกาลวัน ตำแหน่งนี้มีเจ้าป่าเทพารักษ์ สิทธิศักดิ์รักษาพนาสัณฑ์ เข้าสิงสู่อยู่ในถ้ำกลำพัน แสนฉกรรจ์กินสัตว์ในปัถพี ผู้ใดมาอารักษ์ลักสะกด กินเสียหมดมิให้พบทั้งศพผี จึงเยือกเย็นเว้นว่างหนทางนี้ มิได้มีผู้ใดเดินไปมา แต่ทางตรงลงทุ่งกรุงสิงหล ไม่แวะวนเวียนวงตรงหนักหนา แม้วันนี้มีภัยสิ่งไรมา จึงทรงตราแก้วกันอันตราย ฯ ๏ นางทราบความหวามไหวฤทัยหวาด กัมปนาทนึกพรั่นพระขวัญหาย จึงว่าเจ้าเล่าก็รู้อยู่ว่าร้าย ไม่กลัวตายหรือมาค้างอยู่อย่างนี้ อันใจแม่แต่ยังเยาว์คุ้มเท่าใหญ่ เผอิญให้พรั่นตัวนึกกลัวผี ถึงรบราฆ่าฟันทุกวันนี้ ก็สุดที่กลัวแกล้งทำแข็งใจ เจ้าเรียนรู้อยู่กับท่านอาจารย์เฒ่า ท่านบอกเล่าลึกซึ้งไปถึงไหน จะต่อตีผีสางทำอย่างไร จงบอกให้แจ้งจิตในกิจจา ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างคำนับอภิวาท อันพระบาทบาลีดีหนักหนา รู้วิสัยไตรเพทเลศวิชา เหมือนเห็นฟ้าดินจบทั้งภพไตร แม้นประมาณการอันใดก็ไม่ผิด รักษากิจกรุณาอัชฌาสัย พอตาหูรู้เห็นเป็นอย่างไร ในดวงใจคิดเสร็จสำเร็จการ ซึ่งให้ข้าพาพระองค์มาตรงนี้ เหตุด้วยผีร้ายแรงกำแหงหาญ ขอบุญญาอานุภาพช่วยปราบมาร ให้สำราญรัถยาประชาชน อันดวงตราราหูคู่กษัตริย์ คุ้มจังหวัดแว่นแคว้นแดนสิงหล ถึงผีสางปะรางควานไม่ทานทน ย่อมแพ้ผลวาสนาบารมี ขอพระองค์ทรงคิดพิษฐาน ตามโบราณท่านบำรุงซึ่งกรุงศรี เดชะผลปรนนิบัติปัถพี คงปราบผีพ่ายแพ้นั้นแน่นัก อันหนึ่งครูผู้เฒ่าเล่าก็ว่า เกณฑ์ลังกายังไม่สูญประยูรศักดิ์ แล้วทายว่าข้าศึกที่ฮึกฮัก จะกลับรักร่วมจังหวัดปัถพี ฯ ๏ นางทราบคำทำนายนึกอายจิต ช่างบอกศิษย์สารพัดจะบัดสี จึงเสแสร้งแกล้งว่าพระบาลี ท่านเหลือดีดูแลแน่สุดใจ เธอบอกเจ้าแต่เท่านั้นหรือยังอีก อย่าเลี่ยงหลีกเจ้าจงแจ้งแถลงไข หรือท่านว่าข้ากับพระอภัย คงจะได้สมสู่เป็นคู่กัน ทั้งสองนางต่างว่าข้าพเจ้า ได้ยินเท่านั้นจริงทุกสิ่งสรรพ์ ซึ่งจะได้หรือมิได้อย่างไรนั้น กระหม่อมฉันมิได้ซักให้ทักทาย ฯ ๏ นางฟังความยามดึกนึกวิตก สะอื้นอกอาลัยพระทัยหาย คิดถึงพระอภัยแล้วให้อาย ช่างเคราะห์ร้ายนี่ไฉนกระไรเลย เมื่อต่างชาติศาสนาเป็นข้าศึก สุดจะนึกร่วมเรียงเคียงเขนย ขอสู้ตายชายอื่นไม่ชื่นเชย จนล่วงเลยสู่สวรรคครรไล นางนึกนึกแล้วสะอึกสะอื้นอ้อน ด้วยอาวรณ์หวังจิตพิสมัย จนลืมองค์หลงตะลึงคะนึงใน ถอนฤทัยทุกข์รักหนักอุรา ระทวยองค์ลงบนอาสน์ราชรถ โศรกกำสรดเศร้าสร้อยละห้อยหา ส่วนนารีพี่น้องสองสุดา ต่างวันทาโฉมตรูช่วยอยู่งาน ด้วยรู้กลปรนนิบัติกษัตริย์พร้อม ทั้งขับกล่อมกล่าวกลอนก็อ่อนหวาน ศิโรราบกราบประณตบทมาลย์ ขอประทานโทษาฝ่าธุลี จะขับกล่อมจอมสุรางค์สำอางโฉม ต่างประโคมค่อนรุ่งในกรุงศรี แล้วกรายกรีดดีดกลเป็นดนตรี ประสานสีซอดังเสียงวังเวง พี่สาวร้องน้องรับทั้งขับกล่อม เสียงพร้อมพร้อมไพเราะล้วนเหมาะเหม็ง กล่าวประโลมโฉมยงองค์ละเวง ด้วยกาพย์เพลงพลอดคิดประดิษฐ์กลอน ฯ ๏ โอ้พระจันทร์วันเพ็งไม่เปล่งเปลื้อง สลดเหลืองแลเยี่ยมเหลี่ยมสิงขร ดูว้าเหว่เอกาอนาทร เที่ยวเร่ร่อนทรงรถมิลดเลี้ยว สุริยันดั้นเมฆวิเวกลิบ แสงระยิบลับเงาภูเขาเขียว สงสารนกตกอยู่แต่ผู้เดียว ให้เปล่าเปลี่ยวหวั่นหวาดอนาถใจ หนาวน้ำค้างพร่างพรมจะห่มเสื้อ พออุ่นเนื้อนอนสนิทพิสมัย ถึงลมว่าวหนาวยิ่งจะผิงไฟ แต่หนาวใจจำกลั้นทุกวันคืน แม้มีคู่ชูชิดสนิทนุ่ม เหมือนห่อหุ้มผ้าทิพย์สักสิบผืน หอมบุปผามาลัยไม่ยั่งยืน ไม่ชูชื่นเช่นรสพจมาน มณฑาทิพย์กลีบกลิ่นประทิ่นหอม จะอ่อนน้อมโน้มลงน่าสงสาร สาโรชรื่นชื่นแช่มจะแย้มบาน ผกาก้านเกสรขจรโรย ภุมรินบินเลยไปเชยอื่น มิมาชื่นเชยชวนให้หวนโหย น้ำค้างพรมลมโยกมาโบกโบย จะร่วงโรยแรมเหมือนดังเดือนเอย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงฟังเพลงขับ ระทวยทับองค์แอบแนบเขนย เสนาะคำทำเนียบช่างเปรียบเปรย นางชมเชยชื่นจิตเหมือนธิดา แล้วเชือดชิ้นดินถนันรางวัลให้ ทั้งสองได้รับประทานหวานหนักหนา ผิวฉวีสีสันแต่นั้นมา จึงโสภาผ่องผุดเพียงบุตรี พอเดือนเที่ยงเสียงสัตว์สงัดเงียบ เย็นยะเยียบปานว่าป่าช้าผี นางกษัตริย์ตรัสปรึกษาสองนารี เห็นแม่นมั่นวันนี้จะมีภัย แม่จะขับอภิวาท์สุรารักษ์ ซึ่งสำนักเขาเขินเนินไศล ให้คุ้มครองป้องปัดขจัดภัย ตามวิสัยสัตยากฤดาการ แล้วไขกลดนตรีทรงตีกรับ ประดิษฐ์ประดับขับเพลงวังเวงหวาน ขอเดชะปรเมสุเวตาล จงทราบสารสารพัดซึ่งสัจจา จะบำรุงกรุงไกรให้เป็นสุข มาได้ทุกข์แทบชีวังจะสังขาร์ ขอคุณพระปรเมเทวดา เสด็จมาคุ้มครองช่วยป้องกัน ประจามิตรคิดร้ายให้วายวอด ได้ตลอดกลับไปถึงไอศวรรย์ จะสังเวยเนยนมทั้งน้ำจัณฑ์ ทุกเทวัญวานช่วยข้าด้วยเอย พวกไพร่พร้อมล้อมนั่งได้ฟังเสียง ต่างเอนเอียงอ่อนพับลงหลับเฉย ทั้งสองนางต่างบังคมเฝ้าชมเชย จนหลับเลยลืมองค์ทั้งนงเยาว์ ฯ ๏ จะกลับกล่าวชาวบ้านด่านสิงหล มันเป็นคนขี้อายผู้ชายเขลา ชื่อย่องตอดยอดเบอะซมเซอะเซา แต่เป็นเหล่าลูกเศรษฐีมีเงินตรา ครั้นแม่พ่อขอเมียมายกให้ มันก็ไม่เคียงคู่เข้าสู่หา ยามกลางวันนั้นจะชมภิรมยา ก็อายหน้านางผู้หญิงจริงจริงเจียว กลางคืนนั้นมันว่ามืดไม่เห็นหน เป็นจำจนอัดอั้นกระสันเสียว แต่กลิ้งกลับสับสนอยู่คนเดียว วันหนึ่งเฉียวฉุนชื่นจะขืนเมีย ไม่เล้าโลมโจมทับจับสลัด เสียงอึดอัดจะเอาผ้าพันตาเสีย จนหายใจไม่พอเข้าคลอเคลีย อีนางเมียมันตะกายเอาหลายที ทั้งถีบถูกลูกตาข้างขวาบอด อ้ายย่องตอดเต็มโกรธกระโดดหนี เสียดายนักควักออกมาว่าตานี้ เป็นของดีกว่าอื่นเอากลืนไว้ แล้วนึกอายชายหญิงวิ่งเข้าป่า ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลไหน มาถึงถ้ำกลำพันมันเข้าไป ปีศาจให้ความรู้อยู่ด้วยกัน เที่ยวกินเนื้อเสือสีห์เหมือนผีดิบ ตาไม่พริบเปรียบเหมือนยักษ์มักกะสัน สัตว์จึงสิ้นถิ่นป่ากาลวัน คืนวันนั้นอ้ายย่องตอดดอดออกมา เห็นกองไฟไม่เห็นคนด้วยจนจิต เทวฤทธิ์สิทธิศักดิ์ช่วยรักษา พอแสบท้องมองเขม้นเห็นอาชา โถมถลาฟาดฟัดแล้วกัดกิน ที่เหลือนั้นมันเอาไปให้กับผี กินพาชีชักรถเสียหมดสิ้น ยังเที่ยวค้นจนรอบขอบคิริน ด้วยได้กลิ่นเหมือนมนุษย์สุดเสียดาย เทวดาอาเพศให้พบรถ เสกสะกดก้าวย่องค่อยมองหมาย นางไม่หลับกลับตื่นฟื้นพระกาย เห็นคลับคล้ายคลับคลาเข้ามามอง ขยับตราราหูคู่พระหัตถ์ สะกิดตรัสปลุกสั่งนางทั้งสอง ไม่เขยื้อนเหมือนหนึ่งผีทั้งพี่น้อง เหตุด้วยต้องมนต์สะกดหมดทุกคน แต่โฉมยงองค์เดียวให้เปลี่ยวจิต มันคว้าหวิดหวีดร้องสยองขน เห็นปีนป่ายท้ายรถเหลืออดทน ถึงอับจนโจนลงวิ่งวงเวียน อ้ายย่องตอดลอดลัดสกัดจับ นางเลี้ยวลับหลีกลัดฉวัดเฉวียน เอาดาบแกว่งแสงสว่างเหมือนอย่างเทียน จนจวนเจียนถึงฟาดปราดประกาย ถูกตรงหัวขมองอ้ายย่องตอด ปวดตลอดลำหูไม่รู้หาย หกล้มลงนิ่งสลบเหมือนศพตาย มนต์ก็คลายคนฟื้นตื่นตกใจ เห็นนางตีผีกลิ้งวิ่งเข้าช่วย บ้างฉุดฉวยเชือกกระหวัดวัดไว้ได้ ทั้งสองนางต่างตามนางทรามวัย มากราบไหว้ทูลถามตามสงกา ฯ ๏ โฉมเฉลาเล่าเรื่องให้รู้แจ้ง พอส่งแสงสูรย์สว่างกลางเวหา ต่างพิศดูผู้ตายคล้ายคุลา มีแต่ตาข้างเดียวดูเขี้ยวโง้ง ทั้งหน้าลายรายเรี่ยรอยเมียข่วน ผมแต่ล้วนผีผูกจมูกโด่ง ใบไม้นุ่งรุงรังสันหลังโกง ดังผีโป่งปากเหม็นเช่นกุมภา พอพูดกันมันฟื้นยืนสลัด เชือกที่มัดหลุดโลดโดดถลา นางตีซ้ำหนำจิตด้วยฤทธิ์ตรา อุปมาเหมือนจะดิ้นสิ้นชีวิต เห็นโฉมยงทรงตราพระราหู สังเกตดูดังนารายณ์กายสิทธิ์ ด้วยเดชาการุญบุญฤทธิ์ มันกลัวผิดเข็ดหลาบลงกราบกราน นางกษัตริย์ตรัสถามตามสงสัย มึงชื่อไรร้ายกาจมาอาจหาญ เป็นยักษีผีสางหรือรางควาน ที่สถานหลักแหล่งอยู่แห่งใด ฯ ๏ อ้ายย่องตอดพลอดไม่ใคร่จะชัด ด้วยลิ้นขัดแข็งกระด้างเหมือนอย่างใบ้ เสียงล่อแล่แต่เราพอเข้าใจ ด้วยมิได้พูดจามาช้านาน มันบอกว่าข้าชื่ออ้ายย่องตอด เที่ยวเล็ดลอดลืมเรือนเพื่อนสถาน มาอยู่ถ้ำร่ำเรียนสำเร็จการ เป็นศิษย์ท่านเทวดาวราฤทธิ์ ให้เที่ยวหาสารพัดสัตว์มีเลือด เอาไปเชือดสูบกินกลิ่นโลหิต ข้ากินเนื้อเสือเหลืองเป็นเนืองนิตย์ ใครฆ่าตีชีวิตไม่วอดวาย เว้นแต่ตราราหูสู้ไม่ได้ ท่านจับไว้วันนี้ไม่หนีหาย ได้ลักม้าฆ่ากินเสียสิ้นกาย ให้โฉมฉายใช้ข้าต่างพาชี จะชักรถลดเลี้ยวเที่ยวถึงไหน จะชักไปเช่นข้ามารศรี กว่าจะหาม้าได้ไซร้เทวี มาอยู่ที่ถ้ำธารสำราญใจ ฯ ๏ นางโฉมยงทรงฟังให้สังเวช มันถือเพศผีสางต่างวิสัย พลางปรึกษาว่าใครเห็นเป็นอย่างไร มันจะไปเป็นข้าเหมือนพาชี แต่วิสัยใจทมิฬมันกินเลือด จะดุเดือดดึงดื้อด้วยถือผี ประการหนึ่งซึ่งจะพาไปธานี จะย่ำยีหญิงชายให้วายปราณ ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างรู้เพราะครูสั่ง จึงว่าครั้งนี้จะได้ใช้ทหาร จะหาไหนได้เหมือนมันประจัญบาน ใครล้างผลาญชีวันไม่บรรลัย นี่หากแพ้แต่ตราพระราหู จึงยอมอยู่ด้วยดีจะมีไหน ทั้งธานีมีศึกจงตรึกไตร จะได้ใช้สังหารผลาญไพริน ประการหนึ่งซึ่งมาในป่านี้ พระบาลีสอนสั่งหวังถวิล ว่าโฉมยงนงเยาว์เจ้าแผ่นดิน พบไพรินร้ายหยาบช่วยปราบปราม แม้นละไว้ให้ผีอยู่ที่ถ้ำ มันจะทำเบียดเบียนเป็นเสี้ยนหนาม ให้ชี้นำถ้ำใหญ่ยกไปตาม ช่วยปราบปรามพวกผีให้หนีไป ฯ ๏ นางตรัสตอบชอบแล้วลูกแก้วแม่ เหมือนให้แลเห็นทางสว่างไสว ช่างรอบคอบรู้สว่างมาต่างใจ เหมือนแม่ได้ดวงตาพระบาลี แล้วเหลียวมาปราศรัยอ้ายย่องตอด มึงได้รอดชีวาแล้วอย่าหนี ช่วยชักรถอตส่าห์แทนพาชี พาไปที่ถ้ำอยู่ของครูบา แล้วแต่งองค์ทรงสะพายสายกำซาบ กระบี่ปลาบแปลบวับจับเวหา ให้พี่น้องสองนั่งในหลังคา นางนั่งหน้าเดินรถดูงดงาม ทั้งพวกไพร่ใจหาญแกว่งขวานหอก สะอึกออกนำเสด็จไม่เข็ดขาม ล้วนมีครูรู้ชำนาญการสงคราม บ้างแซงตามซ้ายขวาเป็นตาริ้ว อ้ายย่องตอดสอดมือเข้าถือแอก ออกแต่แรกเร็วกลมดังลมฉิว ขึ้นภูเขาเลากามันพาปลิว ทหารหิวหอบวิ่งไม่ทิ้งนาย ถึงปากถ้ำกลำพันเห็นควันพลุ่ง เป็นฝุ่นฟุ้งพวกผีวิ่งหนีหาย เสียงครึกครึ้นตื่นแตกต้องแยกย้าย ไม่กล้ำกรายกลัวตราบารมี พวกโยธาโห่ลั่นสนั่นก้อง เห็นอ้ายย่องตอดนั่งยังไม่หนี บ้างหยอกยุดฉุดมือว่าชื่อดี พระบุตรีตรัสถามตามสงกา พวกมึงไปไหนหมดหรือปดเล่น ไยไม่เห็นครูมึงอยู่ในคูหา อ้ายย่องตอดทอดใจว่าภัยมา เทวดาโดดหนีไม่มีใคร ๏ นางฟังคำซ้ำแลเห็นแต่ศพ ซากสินธพขามังสังยังจำได้ กระดูกหนังยังกลิ้งมันทิ้งไว้ จึงสั่งให้เก็บเข้าเผาอัคคี จึงปรึกษาว่าเราเข้ามารบ ปีศาจหลบหลีกกลัวเอาตัวหนี ครั้นว่าไปไกลตาอยู่ธานี กลัวพวกผีมันจะกลับมาจับคน ฯ ๏ ยุพาว่าถ้าพระองค์จะทรงปราบ ให้ราบคาบเขตแคว้นแดนสิงหล อันพวกผีมิได้เห็นเป็นสกนธ์ จะใช้คนสัประยุทธ์สุดทำนอง ควรจะหาอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสถิตถ้ำเขาเป็นเจ้าของ เข้าโรมรันกันเองคุ้มเกรงครอง จึงจะต้องตามเล่ห์ประเวณี ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสตอบชอบแล้วลูก จำจะปลูกศาลสาปไว้ปราบผี ด้วยตัวเราเจ้าจังหวัดปัถพี จะมอบที่แดนไว้ให้พระกาฬ แล้วเกณฑ์เหล่าชาวป่าให้หาไม้ ประเดี๋ยวใจปลูกเสร็จสำเร็จศาล เอาผ้ากรองรองทรงของนงคราญ ทำเป็นม่านมูลี่ที่เทวัญ เครื่องบูชาสารพัดให้จัดตั้ง ขนมปังเป็ดคู่กับหมูหัน ทั้งเทียนธูปบุปผาสารพัน กระแจะจันทน์เจิมเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสว่าเวลานี้ จะบัตรพลีเทวดารักษาศาล ถวายกรฟ้อนรำให้สำราญ เจ้าตามมารดาฟ้อนจะสอนไว้ แล้วจัดแจงแต่งสองพี่น้องน้อย ใส่เสื้อสร้อยสอดแซมให้แจ่มใส นางแต่งองค์ทรงกรองทองประไพ เสด็จไปหน้าศาลลานชลา ให้ไพร่พร้อมล้อมองค์เป็นวงกว้าง ทั้งสองนางยืนชม้ายทั้งซ้ายขวา ประโคมแตรแซ่ซ้องกลองลังกา นางวัณฬาทอดกรอ่อนระทวย แล้วรำร่ายฉายฉะประปรายบาท กะหวัดวาดไว้จังหวะดูสะสวย สองบังอรฟ้อนตามงามระทวย ดำเนินนวยนาดกายชม้ายเมียง แล้วร้องบวงสรวงศาลหวานวิเวก ทั้งทุ้มเอกอักษรชะอ้อนเสียง เครื่องสังเวยเคยถวายไว้รายเรียง ทั้งหมากเมี่ยงมังสาสุราบาน บุปผาพวงจวงจันทน์คันธรส ทั้งเครื่องสดของเราทั้งคาวหวาน ขอศักดิ์สิทธิ์ฤทธิรงค์องค์พระกาฬ มาสิงศาลสำหรับช่วยดับร้อน อันแว่นแคว้นแดนดินที่ถิ่นร้าย ขอถวายเทเวศร์เขตสิงขร ช่วยคุ้มครองชนชาติราษฎร ให้ถาวรทั่วทั้งเกาะลังกา แล้วฟ้อนรำคำนับอภิวาท สุราสาดเซ่นถวายทั้งซ้ายขวา ให้จุดเทียนเวียนโห่เป็นโลกา พอเสียงฟ้าฟาดเปรื่องกระเดื่องดัง เป็นแสงรุ้งพลุ่งสว่างขึ้นกลางศาล เห็นพระกาฬกายแดงดังแสงครั่ง รับสังเวยเนยนมขนมปัง ทั้งหน้าหลังลักขณาเหมือนวานร ครั้นอิ่มหนำอำนวยอวยสวัสดิ์ นางกษัตริย์จงสุโขสโมสร อันเขตแคว้นแดนป่าพนาดร จะดับร้อนรับปราบที่หยาบคาย ต่อปีหนึ่งจึงมารำเป็นคำนับ จะคอยรับเครื่องสังเวยเช่นเคยถวาย แม้ไม่มาสามัญจะอันตราย แล้วก็หายสูญวับไปกับตา ฯ ๏ นางละเวงเกรงกราบไม่หยาบหยาม ขนานนามตามอยู่ที่ภูผา ชื่อพระกาฬศาลเจ้าชาวลังกา จึงเรียกมาตามกันทุกวันนี้ อันนามถ้ำกลำพันอันอุบาทว์ เกิดปีศาจสาปนามไว้ตามที่ ชื่อว่าเขาเจ้ารำประจำปี ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเช่นโบราณ ถึงเดือนห้าฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ไปถวายวันทาบูชาศาล บ้างบนบานศาลกล่าวเจ้าพระกาฬ ช่วยบันดาลดับร้อนให้ผ่อนเย็น ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ปราบปีศาจสิ้นทุกข์ที่ขุกเข็ญ ยังธุระจะประจญกับคนเป็น เห็นจวนเย็นยกทัพขับโยธา เอาเชือกหนังรั้งท้องอ้ายย่องตอด อย่าให้ลอดลัดไปใต้พฤกษา มันวิ่งหนักชักเชือกให้ช้าช้า พอโยธาทันรถบทจร ออกจากดงลงทุ่งกรุงสิงหล พอพบพลพวกตามหลามสลอน นางกษัตริย์ตรัสถามความนคร แล้วรีบร้อนเข้าเขตนิเวศน์วัง หยุดประทับรับขุนนางที่ข้างหน้า ทั้งพวกล่าทัพกลับมาคับคั่ง ขอโทษตัวกลัวตายด้วยพ่ายพัง เพราะกำลังหลับทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ นางบัญชาว่าเราไม่เอาผิด ด้วยสุดคิดคั่งคับเข้าสับสน เขาจุดเผาเราก่อนเราซ้อนกล จนขังคนเขาไว้ได้เมื่อไฟฮือ พวกเขามีปี่เป่าให้เราหลับ จึงเสียทัพโทษใครจะได้หรือ จงช่วยกันผันแปรคิดแก้มือ เราไม่ถือโทษาเสนาใน แล้วถามข่าวราวเรื่องเมืองผลึก ทราบว่าศึกยังอยู่วังที่สร้างใหม่ ไม่ตามตีนี่เพราะว่าสัญญาไว้ นางเข้าใจจึงแกล้งทำเป็นกำชับ อย่าประมาทราชการท่านทั้งหลาย ศึกไม่วายแต่ละวันนั้นจะดับ เร่งระดมสมทบไว้รบรับ เร่งกำชับด่านทางอย่าวางใจ แล้วเล่าความตามแตกต้องแยกย้าย คนทั้งหลายเวทนาน้ำตาไหล นางเรียกบ่าวชาวป่าด้วยอาลัย มาโปรดให้เสื้อผ้าสารพัน ทั้งเงินทองสองแพนกแจกชาวบ้าน ทั้งลูกหลานเล็กใหญ่อยู่ไพรสัณฑ์ พวกโยธีดีใจได้รางวัล ต่างพากันกราบก้มบังคมลา นางสั่งให้อ้ายย่องตอดอยู่ตึกกว้าง เกณฑ์ขุนนางกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา ให้สูบเลือดเชือดกัดตามอัชฌา กินอูฐลาควายวัวตัวละมื้อ ถ้าหมูแพะแกะเล่าเก้ากะสิบ มันกินดิบดูเหมือนเช่นเป็นกระสือ ฝ่ายทหารการศึกได้ฝึกปรือ จะแก้มือเมืองผลึกยังตรึกความ ฯ ๏ พอเสร็จคำร่ำสั่งพระสังฆราช มานั่งอาสน์เอะตะลึงแล้วจึงถาม ไปเสียทัพอัปราล่าสงคราม ไยงดงามกว่าแต่ก่อนร่อนชะไร หรือไปรบพบรักจึงหนักหน่วง ไม่ล่อลวงล้างศึกนึกไฉน ดูผ่องขาวราวกับจิตสนิทใน หรือกลับใจเลโลเพราะโลกีย์ ฯ ๏ นางละเวงเกรงกราบไม่หยาบหยาม แล้วเล่าความตามรบจนหลบหนี แต่ไม่บอกออกว่าเธอพาที กลัวเป็นที่กินแหนงแคลงฤทัย เล่าแต่ความตามได้กินดินถนัน จึงผิวพรรณผุดละอองให้ผ่องใส พลางเชือดชิ้นดินถนันออกทันใด ถวายให้พระฉันแล้ววันทา ทำถามลองของนี้กินดีนัก ไม่รู้จักต้นรากหลากหนักหนา บาทหลวงดูรู้ความตามตำรา จึงบอกว่าของอยู่ในใต้แผ่นดิน กำหนดนั้นพันปีผุดทีหนึ่ง เสียงดังตึงแตกฟุ้งจรุงกลิ่น เกิดตรงไหนไอเหงื่อเหมือนเกลือกิน พื้นแผ่นดินก็เป็นโป่งขึ้นตรงนั้น มนุษย์เราชาวเมืองเรียกเกลือโป่ง เพราะปล่องโปร่งเปลวกลิ่นดินถนัน ได้ผลกินกลิ่นเนื้อเหมือนเจือจันทน์ บอกแล้วฉันชิมหวานสำราญใจ ฯ ๏ ในขณะพระกำลังยังนั่งพูด พอมีทูตถือสารมาขานไข เป็นข้อความตามธุระพระอภัย แต่ไม่ให้สารสำคัญนั้นเข้ามา นางรู้แจ้งแกล้งสั่งให้ยั้งหยุด บาทหลวงสุดสงสัยจึงให้หา ต้องตามคำนำทูตเข้าวันทา แล้วเปิดตรากล่องลานออกอ่านความ ฯ ๏ ในสาราว่าพระองค์ทรงสวัสดิ์ สืบกษัตริย์ศาสนาภาษาสยาม มาหยุดยั้งฝั่งสมุทรหยุดสงคราม เพราะมีความเสน่หาให้อาวรณ์ คิดถึงวันสัญญาเวลาดึก มิได้นึกแหนงหน่ายสายสมร เจ้าลับเนตรเชษฐานิราจร ถึงยามนอนนึกสะอื้นทุกคืนวัน คิดถึงคำร่ำว่าต้องหย่าทัพ ไม่ลืมรับขวัญน้องประคองขวัญ มิรู้สิ้นกลิ่นเนื้อเหมือนเจือจันทน์ สารพันพิศวาสเพียงบาดตา ถึงอยู่ไกลใจนึกรำลึกถึง เปรียบเหมือนหนึ่งแนบชิดขนิษฐา แม้นตัวตายหมายจะฝังไว้ลังกา แม่วัณฬาละฉันให้รัญจวน หรือลืมคำทำสัตย์มธุรส เกินกำหนดนึกคอยละห้อยหวน จะหน่ายแหนงแคลงใจก็ไม่ควร หรือประชวรจะมาพยาบาล ขอขึ้นบกยกตามทรามสวาท พอชมราชนิเวศน์เขตสถาน จะทำสัตย์มธุรสพจมาน ตามโบราณร่วมจังหวัดปัถพี ไม่รบพุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง จะสืบสร้างเสนหามารศรี แม่เหมือนเพชรเม็ดเท่าเขาคิรี แม้นไม่มีเรือนทองก็หมองนวล ถึงมียศงดงามแต่ยามตื่น ไม่แช่มชื่นเช่นเจ้าของครองสงวน งามละม่อมจอมขวัญอย่ารัญจวน จงคิดควรคำสารที่อ่านเอย ฯ ๏ นางฟังความหวามไหวฤทัยหวั่น ให้อ้นอั้นอายเอกเขนกเฉย บาทหลวงว่าข้าคิดไม่ผิดเลย แต่พอเอ่ยออกก็เป็นเห็นไรฟัน จะคิดรักกันอย่างไรเจ้าไม่บอก ทำย้อนยอกเกกมะเหรกพูดเสกสรร มาปดเล่นเป็นสนุกทุกคืนวัน เมื่อรักกันแล้วก็นางมาพรางพระ ฯ ๏ ยุพยงทรงฟังพระสังฆราช เชิงฉลาดไหว้ว่าสาธุสะ อันทำศึกนึกจะได้ชัยชนะ มิใช่จะจงใจเป็นไมตรี แต่จวนตัวกลัวกำลังจะพลั้งเพลี่ยง จึงหลีกเลี่ยงลวงล่อแต่พอหนี ประการหนึ่งซึ่งมีหูอยู่อย่างนี้ จะหนีปี่เห็นไม่ได้จนใจจริง ฯ ๏ บาทหลวงว่าข้าไม่บอกไว้ดอกหรือ สัญชาติชื่อว่าผู้ชายตายเพราะหญิง จนของ้อของอนถึงวอนวิง ราวกับวิ่งเข้าวานสังหารกาย แม้มิรักหนักหน่วงทำลวงล่อ ขึ้นขี่คอเล่นก็ได้ดังใจหมาย รูปก็รู้อยู่วิสัยใจผู้ชาย มันหลงตายติดกับเหมือนหลับตา อันลมปี่ดีแต่เพราะเสนาะหู ที่จะสู้ลมปากยากหนักหนา แต่ความรักมักจะออกกระบอกตา จะเป็นข้าพวกเขาชาวชมพู แล้วลุกเดินเมินหน้าออกมาวัด นางกษัตริย์แสนสลดนึกอดสู จึงแกล้งว่าข้าเฝ้าเล่าก็รู้ เรารบสู้เสียทีจึงหนีมา อันแยบยลกลศึกย่อมลึกซึ้ง คิดไม่ถึงท่านว่ารักเขาหนักหนา เป็นพระเจ้าเราไม่ขัดอัธยา จะตรึกตราตอบความตามทำนอง จงเลี้ยงดูผู้ถือหนังสือสาร ให้ทหารคุมขังไว้ทั้งผอง แล้วนางพานารีทั้งพี่น้อง เข้าสู่ห้องมนเทียรวิเชียรพราย ฯ ๏ ระทวยองค์ลงบนแท่นแสนระทด โศกกำสรดทรวงกรมไม่สมหมาย จำจะคิดปิดความตามอุบาย ให้หญิงชายเชื่อสิ้นไม่กินใจ แล้วโฉมยงทรงประดิษฐ์คิดอักษร เป็นกาพย์กลอนกล่าวแกล้งแถลงไข ลงแผ่นทองกล่องปิดผนิดไว้ ครั้นเช้าให้หาทูตมาพูดจา หนังสือตอบมอบหมายว่านายท่าน ซึ่งแต่งสารแสนเสนาะเพราะหนักหนา แม้เหมือนคำรำพันซึ่งสัญญา จะเห็นว่ารักใคร่เป็นไมตรี ฯ ๏ ฝ่ายทูตจำคำนับแล้วรับสาร ต่างก้มกรานกราบลามารศรี เรียกบ่าวออกนอกประตูพระบูรี ตามวิถีทางมาได้ห้าวัน ถึงกองทัพยับยั้งอยู่วังใหม่ ตรงเข้าไปหน้าที่นั่งนรังสรรค์ ถวายสารกรานก้มบังคมคัล แล้วรำพันทูลความตามกิจจา ฯ ๏ พระอภัยให้อ่านสารอักษร ว่าอวยพรภูวเรศพระเชษฐา เมื่อแรกองค์ทรงธรรม์ได้สัญญา ว่าจะฆ่าลูกเมียไม่เสียดาย ทั้งมิให้พี่น้องมาข้องกีด จะเข้ารีตร่วมจิตที่คิดหมาย เหตุไฉนไม่ล้างให้วางวาย มากลับกลายกล่าวความเอาตามใจ แม้มิจริงสิ่งสัตย์สะบัดสบถ ไม่ละลดเลยพระองค์อย่าสงสัย จะสู้รบขบฟันจนบรรลัย ไม่ขอไปเป็นข้านางมาลี แม้พระองค์ทรงสัตย์สันทัดเที่ยง จะโลมเลี้ยงแล้วไม่อางขนางหนี ให้เห็นจริงสิ่งสัตย์สวัสดี ไม่มีที่กีดขวางเหมือนอย่างนั้น จะได้ไปคำนับอภิวาท เชิญพระบาทบรเมศวร์มาเขตขัณฑ์ เป็นปิ่นเกล้าสาวสุรางค์นางกำนัล ล้วนเลือกสรรสาพิภักดิ์พนักงาน จะงามหน้าพาน้องให้ผ่องแผ้ว เหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศประเทศสถาน ทุกค่ำเช้าเฝ้าประณตบทมาลย์ คอยอยู่งานนวดฟั้นให้บรรทม ถ้าเมตตาสารพัดไม่ขัดข้อง เสน่ห์น้องนึกไว้ให้ได้สม จะนั่งแนบแอบองค์ให้ทรงชม พึ่งพระร่มโพธิ์ทองของน้องเอย ฯ ๏ พระอภัยได้ยินสิ้นสติ มิได้ปริโอษฐ์เอกเขนกเขนย ศรีสุวรรณนั้นว่ารักจักเป็นเตย คนเขาเคยเข็ดสิ้นลิ้นลังกา มะม่วงมันจันทน์อินลูกลิ้นจี่ จะกินดีกว่าฝรั่งกระมังหนา แม้ขืนจิตติดพันนางวัณฬา จะต้องฆ่าคนตายลงก่ายกัน พระเชษฐาว่าเปล่าดอกเจ้าพี่ ความทั้งนี้นางเอกแกล้งเสกสรร กลศึกลึกล้ำล้วนสำคัญ แม้ไม่ทันตรึกตราจะว่าจริง ทั้งแต่งแต้มแนมเหน็บล้วนเล็บเขี้ยว เราก็เกี้ยวลูกเสือเหลือผู้หญิง จะยุดหางร่างกลอนเฝ้าวอนวิง คงจะกลิ้งลงสักวันหนึ่งมั่นคง ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นจะตัดก็ขัดข้อง ตัวเป็นน้องต้องตอบความไปตามหลง อันน้องนี้มิได้คลาดบาทบงสุ์ ถึงพระองค์จะเชือดเอาเลือดเนื้อ จะควักล้วงดวงใจก็ไม่ว่า จะหลับตาตายก่อนนอนให้เถือ ถ้าพระองค์สงสารกับว่านเครือ อย่าชิดเชื้อช่วงชิงผู้หญิงพาล อันพาราฝรั่งทั้งทวีป จะเร่งรีบรบรับแต่กับหลาน มิได้เมืองเคืองขาดราชการ จึงล้างผลาญชีวันให้บรรลัย จะยกทัพนับโกฏิมาเกี้ยวชู้ ใครจะสู้ส่งลำเลียงเสบียงไหว จะอ้อยอิ่งวิงวอนจนอ่อนใจ เห็นพวกไพร่จะผอมโซเพราะโลกีย์ ฯ ๏ สินสมุทรพูดจาประสาจิต แม้ไม่คิดรบพุ่งเอากรุงศรี จะบวชเข้าเอาบุญเป็นมุนี ไปอยู่ที่เกาะแก้วเสียแล้วกัน อยู่ที่นี่อีละเวงเก่งกว่าเสือ จะฉีกเนื้อเลี้ยงชู้เช่นหมูหัน แม้นโปรดให้ไปรบจะขบฟัน เที่ยวห้ำหั่นเสียให้สิ้นลิ้นลังกา ฯ ๏ พระอภัยไม่พูดกับโอรส ด้วยทรงยศเธอยังรักเขาหนักหนา แต่เกรงน้องข้องขัดหัทยา จึงแกล้งว่าพี่ก็ไม่อาลัยมัน หมายจะล่อพอให้รักไม่พักรบ ได้พิภพโภไคมไหศวรรย์ เมื่อเจ้าเห็นเป็นว่าจะช้าวัน จะช่วยกันสงครามก็ตามใจ พี่จะช่วยกำกับเป็นทัพหลัง แต่จะสั่งสัญญาอัชฌาสัย ถ้าได้ทีตีกระทั่งถึงวังใน ใครอย่าได้ฆ่าฟันนางวัณฬา ด้วยเดิมทีพี่เขากับเรานั้น เหมือนพงศ์พันธุ์ผูกรักกันหนักหนา จะปราบปรามตามทำนองของน้องยา แต่อย่าฆ่าคิดล้างให้วางวาย ฯ ๏ ศรีสุวรรณอัญชลียินดีสุด สินสมุทรกราบก้มด้วยสมหมาย ต่างทูลลาพาพราหมณ์ทั้งสามนาย มาหน้าค่ายคิดกันปันโยธา ศรีสุวรรณให้พราหมณ์สามมานพ เดินบรรจบโจมจับเป็นทัพหน้า สินสมุทรยังอ่อนหย่อนปัญญา คุมโยธาทัพหนุนเป็นขุนพล ศรีสุวรรณนั้นกำกับเป็นทัพหลวง ล้วนรู้ท่วงทีศึกได้ฝึกฝน ได้ฤกษ์สมลมตกให้ยกพล แต่ล้วนคนขี่ม้าถืออาวุธ ทั้งสามพราหมณ์สามทัพให้รับโห่ สำเนียงโร่เรื่อยหูไม่รู้หยุด ทั้งทัพหนุนขุนพลรณยุทธ์ สินสมุทรขี่สิงห์วิ่งทะยาน ศรีสุวรรณนั้นทรงรถที่นั่ง เป็นทัพหลังลมตกยกทหาร แต่องค์พระอภัยใจสำราญ ดึกประมาณสามยามยกตามไป ฯ ๏ ฝ่ายทัพหน้าสานนให้คนบอก ชาวบ้านนอกทุกตำแหน่งแถลงไข ใครไม่สู้อยู่บ้านสำราญใจ เรามิได้ย่ำยีอย่าหนีเลย แล้วเร่งทัพขับพลอลหม่าน พวกชาวบ้านหญิงชายสบายเฉย ชวนพูดจาการุญเหมือนคุ้นเคย จนทัพเลยล่วงมาถึงป่าตาล ฯ ๏ จะกลับกล่าวชาวเมืองที่เลื่องชื่อ มีฝีมือแม่นยำรู้รำขวาน ชื่ออิเรนเจนประจญคนโบราณ รักษาด่านชั้นนอกเป็นคอกเนิน ริมวิถีมีลำแม่น้ำกว้าง ทั้งสองข้างโขดดอนสิงขรเขิน เป็นร่องกลางทางเซาะจำเพาะเดิน มีเชิงเทินรายรอบขอบบุรี ท่านเจ้าเมืองเลื่องชื่อนั้นถือขวาน เป็นทหารเอกอาจดังราชสีห์ มีลูกสาวขาวล้ำดังสำลี อายุยี่สิบสลวยสวยโสภา ไม่มีผัวกลัวที่จะมีลูก ต้องกินหยูกยาฝาดไม่ปรารถนา อยากทำศึกฝึกหัดเพลงศัสตรา จนปรีชาเชิงรบรู้ครบครัน เมื่อคราวศึกลึกซึ้งมาถึงด่าน กรมการเกณฑ์ตรวจกันกวดขัน ฝ่ายอิเรนเกณฑ์ทหารชาญฉกรรจ์ กปิตันให้ไปตั้งหลังบรรพต มูรหุ่มคุมทหารอยู่ชานเขา แต่ล้วนเหล่าโยธาขี่ม้าหมด บังอลูอยู่ลำแม่น้ำคด คอยกำหนดสงครามทั้งสามทัพ ถ้าไพรีตีมาถึงหน้าด่าน ออกต่อต้านตีตัดสกัดจับ พวกเหลือซ้ำสมทบเข้ารบรับ ให้ย่อยยับอยู่ที่ด่านปราการกัน สามขุนนางต่างรับบังคับสั่ง ยกไปตั้งตามตำแหน่งล้วนแข็งขัน กองละหมื่นปืนผาสารพัน แล้วเกณฑ์กันเตรียมนั่งระวังคอย ฝ่ายอิเรนเกณฑ์ปลัดให้จัดทัพ ไปรบรับลับล่อแต่พอถอย พาทหารหนุ่มฉกรรจ์สามพันร้อย ออกตั้งคอยขับทหารเข้าราญรอน ฯ ๏ ฝ่ายทัพพราหมณ์สามนายถึงท้ายด่าน เข้าดงตาลตามทางหว่างสิงขร พอพบกับทัพปลัดอัสดร ให้หยุดหย่อนโยธาแล้วพาที อันทัพเราชาวผลึกไม่นึกร้าย ด้วยเจ้านายปรองดองทั้งสองศรี จะบำรุงกรุงไกรเป็นไมตรี ไม่ย่ำยีอย่ามาขวางหนทางเรา ฯ ๏ ฝ่ายปลัดขัดใจว่าอ้ายเด็ก ล้วนเล็กเล็กลำตัวเท่าหัวเหา กูหัวหงอกหลอกกูไม่ดูเงา จะเล่นเจ้าเสียให้ยับลงกับมือ แม้ไมตรีคงมีให้เบิกด่าน ราชการแล้วก็กูไม่รู้หรือ เหวยพวกเราเอาสิหวาอย่าละมือ ทหารฮือหวนกลุ้มเข้ารุมรบ สามพราหมณ์รับขับไพร่ไล่พิฆาต เสียงฉะฉาดฉาดฉับกลับตลบ เจ้าโมราพาโยธีเขาตีรบ ฝรั่งหลบหนีน้อยแล้วถอยรั้ง ทั้งสามพราหมณ์ตามตีถึงที่ซุ่ม มันออกรุมรบอ้อมเข้าล้อมหลัง บังอลูมุ่งหมายให้พ่ายพัง สะท้านทั้งสองฝ่ายตายระเนน ถึงโจมจับสัประยุทธ์อาวุธสั้น ต่างแทงฟันพุ่งหอกบ้างกลอกเขน พราหมณ์วิเชียรเรียนรู้ธนูเจน จึงเอี้ยวเอนยิงมาลีกปีตัน จำเพาะถูกลูกตาข้างขวาซ้าย ตกม้าตายแต่ปลัดสกัดกั้น ยิงปลัดปัดตบหลบไม่ทัน ถูกหูหันหกคะเมนถึงเวรตาย ฯ ๏ เจ้าเมืองเห็นแผ่นขึ้นนั่งบนหลังสิงห์ ควบเข้าชิงรบไล่ไพร่ทั้งหลาย แล้วแกว่งขวานผลาญพหลพลนิกาย วิเชียรหมายมุ่งเพ่งเขย่งยิง มันหลบทันลั่นทีละสี่ลูก ไม่ยักถูกแต่สักทีทั้งขี่สิงห์ คอยคาบคีบหนีบรับเหมือนกับลิง แล้วกลับวิ่งเหวี่ยงขวานเข้าราญรบ ดูเร็วรวดหวดหันเข้าฟันฟาด แต่ถูกพลาดพราหมณ์วิเชียรเจียนสลบ สลัดโผนโจนวิ่งทิ้งสินธพ ทหารรบรุมจับแทบอับจน เจ้าสานนโมราก็ล่าหนี มันตามตีกลอกกลับอยู่สับสน ต้องสู้พลางหนีพลางมากลางพล พวกพหลพัลวันสนั่นอึง ฯ ๏ วันนั้นพอหน่อนรินทร์สินสมุทร ไม่ยั้งหยุดโยธารีบมาถึง เห็นทัพสามพราหมณ์แตกวิ่งแหกอึง พอทันจึงโอบอ้อมเข้าล้อมรบ เร่งโยธีตีพลางไปกลางทัพ แล้วเลี้ยวกลับขวาซ้ายไล่ตลบ ฝรั่งรับทัพแขกแตกกระทบ พอพานพบพวกทัพจับเจ้าพราหมณ์ ควบสิงโตโฮโฮกกระโชกไล่ ชิงมาได้ด้วยกำลังสิ้นทั้งสาม อิเรนแรงแกว่งขวานทะยานตาม กระโจมจามจ้วงฟันประจัญบาน ฯ ๏ สินสมุทรหยุดพราดฟาดภุขัน มันหลบทันโถมถลาเข้าคว้าขวาน ดูขวักไขว่ไล่โลดโดดทะยาน สิงโตหาญโฮกฟัดเข้ากัดกัน คนต่อคนบนหลังกำลังรบ สิงโตตบเต้นโลดกระโดดหัน วิเชียรพราหมณ์ความแสนแค้นขบฟัน ยิงเกาทัณฑ์ถูกตาเจ้าธานี พลัดตกสิงห์วิ่งโผนโจนขึ้นม้า มือยังคว้าขวานรบไม่หลบหนี เจ้าพราหมณ์พร้อมล้อมหลังประดังตี มันขว้างตรีหลบได้ไล่ติดพัน ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวคราวนั้นอยู่หน้าป้อม เห็นเขาล้อมบิดาจะอาสัญ ถอดกระบี่ตีม้าวิ่งมาทัน เข้าฟาดฟันพลแยกแตกกระจาย เจ้าโมราสานนประจญจับ นางรบรับรื้อไล่ไพร่ทั้งหลาย พออิเรนเห็นบุตรสุดเสียดาย เข้าสู้ชายกลัวจะแพ้เข้าแก้กัน พอฝรั่งบังอลูมูรหุ่ม เข้ารบรุมห้อมนายให้ผายผัน เข้าด่านได้ไพร่ตายเสียหลายพัน แล้วไล่กันขึ้นล้อมป้อมปราการ ฝ่ายผู้เฒ่าเจ้าเมืองเคืองจักษุ แตกประทุหมอทายาสมาน ไม่กลัวตายวายชนม์สู้ทนทาน เที่ยวตรวจการเกณฑ์ทัพไม่หลับนอน ฯ ๏ ฝ่ายสินสมุทรกับสามเจ้าพราหมณ์พร้อม เข้าตั้งล้อมเมืองด่านชานสิงขร จึงบอกข่าวเล่าการที่ราญรอน ให้รีบร้อนไปยังพระอนุชา พอพลบค่ำย่ำฆ้องทุกกองทัพ ตรวจกำกับเกณฑ์รายทั้งซ้ายขวา บ้างตีเกราะเคาะฆ้องกลองสัญญา ต่างตรวจตราเตรียมรบไว้ครบครัน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายนายทหาร รักษาด่านเดินตรวจกันกวดขัน เห็นเจ้าเมืองเคืองตาปรึกษากัน ศึกสำคัญควรจะบอกอย่าออกรบ แม้โฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช แต่งอำมาตย์หมื่นพันมาบรรจบ จึงจัดแจงแต่งกันให้ครันครบ ออกราญรบรอนราญผลาญไพรี ฯ ๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเจ้าเมืองเคืองตะคอก อย่าเพ่อบอกเฟื่องฟุ้งถึงกรุงศรี เราเป็นชายฝ่ายเจ้าเป็นสตรี ชีวิตมีมิให้องค์ออกสงคราม อายุเราเล่าก็จวนหกสิบห้า ถึงแม้ว่าวายวางลงกลางสนาม สู้บรรลัยไว้ชื่อให้ลือนาม จะสงครามปล่อยแก่พอแก้อาย แม้เราม้วยช่วยตัดศีรษะไว้ เอาขึ้นไปลังกาวันทาถวาย อย่าให้เขาเอาไปทำให้ซ้ำร้าย เรานึกอายเหลือล้นพ้นประมาณ อนึ่งเล่าเขามาล้อมอยู่พร้อมพรั่ง เปรียบเหมือนดังโรคตัดอัติสาร จะวางยาแม้มิหายคงวายปราณ แม้เสียด่านก็เหมือนดังเสียลังกา อันไพรีมีชัยใจประมาท จะคิดคาดว่าเราแพ้แน่หนักหนา คงลืมตัวมัวเมาเลี้ยงเหล้ายา เกณฑ์โยธาห้าหมื่นคืนวันนี้ มันยกมาล้าเลื่อยล้วนเหนื่อยอ่อน คงจะนอนหลับมากเหมือนซากผี กำหนดสามยามสงัดกำดัดดี ให้โยธีแยกยกเป็นหกทัพ มูรหุ่มคุมทหารเข้าด้านซ้าย ข้างขวาฝ่ายบังอลูเข้าจู่จับ หัศเกนเจนจบเข้ารบรับ สมทบกับมะลิปาสารวัด อ้ายยันตังอังกฤษลูกศิษย์เอก ดำดังเมฆแม่นขวานอาจารย์หัด ให้ติดตัวอยู่ข้างหลังแล้วสั่งนัด เราตายตัดเอาศีรษะอย่าละไว้ แล้วรอรั้งสั่งบุตรสุดสวาท อย่าองอาจออกมาอัชฌาสัย อยู่ตรวจตราว่าขานการข้างใน เผื่อพวกไพรีมาได้ราวี แม้พ่อตายภายหลังจะสั่งเจ้า จงไปเฝ้านางวัณฬามารศรี สาพิภักดิ์รักกษัตริย์สวัสดี จะได้มีเกียรติยศปรากฏไป นางรำภาสะหรีได้ฟังสอน กราบบิดรวอนห้ามตามสงสัย ท่านป่วยตาอย่าเพ่อวิ่งไปชิงชัย อิเรนไม่ฟังคำว่าจำเป็น ฯ ๏ ฝ่ายโยธีศรีสุวรรณมาทันหลาน ปรึกษาการกลศึกก็นึกเห็น อย่าประมาทชาติฝรั่งแม้นยังเป็น คงเคี่ยวเข็ญคิดอ่านมาราญรอน แม้มีศึกดึกดื่นทำตื่นหนี ให้ศึกตีตามออกนอกสิงขร พี่โมราสานนพลนิกร จงยกย้อนทางมาข้างขวาซ้าย พวกทมิฬสินสมุทรจงหยุดยั้ง อยู่โอบหลังล้อมไว้เหมือนใจหมาย ตีตะพัดตัดหัวเอาตัวนาย แล้วทำลายประตูเข้าบูรี ทั้งสี่ทัพรับสั่งไม่พลั้งพลาด บอกประกาศพลรบอย่าหลบหนี ให้ไพร่พร้อมล้อมนั่งสั่งคดี แกล้งหยุดตีฆ้องกลองรากองไฟ ฯ ๏ ฝ่ายอิเรนเกณฑ์ทัพไว้คับคั่ง คอยตรับฟังข้าศึกนึกสงสัย เสียงโกร่งเกราะเคาะขานก็หายไป ทั้งแสงไฟโซมซาบลงครามครัน กำดัดดึกนึกว่าโยธาหลับ ให้กองทัพถือชุดอาวุธสั้น เข้าปนปะจะได้เห็นเป็นสำคัญ ก็พร้อมกันยกออกนอกกำแพง แต่เจ้าเมืองเคืองตาอุตส่าห์หลับ ออกกำกับกองหน้าให้กล้าแข็ง ถึงทัพล้อมพร้อมกันไล่ฟันแทง ถูกขาแข้งแขนคอมรณา ที่ไม่หลับจับเครื่องสรรพาวุธ อุตลุดลุกโลดโดดถลา ต่างตามนายหมายมั่นเหมือนสัญญา พวกโยธาทำแตกแยกกันไป ข้างชาวด่านหาญฮึกเห็นศึกหนี เข้าโจมตีติดพันเสียงหวั่นไหว พวกกองทัพรับพลางไปกลางไพร ถึงทัพใหญ่ได้ทีศรีสุวรรณ ฯ ๏ สินสมุทรหยุดยกเข้าวกหลัง สกัดตั้งประตูป่าพนาสัณฑ์ วิเชียรขับทัพหลังตั้งประจัญ ฆ้องสำคัญขานโห่เป็นโกลา เจ้าโมราพาทหารเข้าด่านซ้าย สานนนายอ้อมทางเข้าข้างขวา ต่างยิงปืนยืนยันเป็นสัญญา ขับโยธาแทงฟันประจัญบาน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งบังอลูมูรหุ่ม เดิมนั้นคุมทัพแยกก็แตกฉาน เข้าสมทบรบมาถึงป่าตาล พอทหารหุ้มห้อมเข้าล้อมทัพ ทั้งอิเรนเห็นผิดคิดสะดุ้ง พอจวนรุ่งเรียกไพร่จะให้กลับ สินสมุทรจุดคบเข้ารบรับ ทั้งสามทัพได้ทีตีกระทบ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งตั้งมั่นประจัญสู้ พอเช้าตรู่กราวเกรียวเลี้ยวตลบ พิลึกลั่นครั่นครื้นพื้นพิภพ ด้วยเสียงรบซ้อนซุ่มตะลุมบอน พลผลึกฮึกหาญผลาญฝรั่ง ตายเหมือนดังดินกลิ้งริมสิงขร อิเรนแรงแกว่งขวานเข้าราญรอน จนเหนื่อยอ่อนไม่ระอาอุตส่าห์ทน ทั้งตัวถูกลูกธนูดังพู่ห้อย โลหิตย้อยหยดชุ่มทุกขุมขน ออกเอิบอาบซาบเสื้อจนเหลือทน เห็นไม่พ้นพวกทัพจะจับเป็น เรียกอังกฤษศิษย์สั่งให้ตัดหัว ศีรษะตัวอย่าให้ผู้ใดเห็น อ้ายยันตังฟังว่าน้ำตาประเด็น แต่จำเป็นจำทำด้วยจำใจ เฝ้าอิดเอื้อนเตือนหนักชักกระบี่ ออกตัดศีรษะเชือดจนเลือดไหล คลี่เช็ดหน้าผ้าห่อผูกคอไว้ แล้วคว้าได้ขวานครูเป็นคู่มือ เผ่นขึ้นนั่งหลังม้าพาทหาร มันแกว่งขวานขว้างเหวี่ยงเสียงออกหวือ ทะลวงไล่ไพร่แตกวิ่งแหกฮือ เสียงอึงอื้อออกไปพ้นแต่คนเดียว ทหารอื่นฝืนฝ่ามาไม่รอด มันยืนทอดใจใหญ่ให้เปล่าเปลี่ยว แล้วหวนกลับขับพาชีสีกะเลียว ไม่ลดเลี้ยวเลยกระทั่งถึงลังกา ฯ ๏ ฝ่ายพวกทัพจับพลได้ล้นเหลือ ได้หมวกเสื้อนับหมื่นทั้งปืนผา เจ้าสานนคนชำนาญผลาญมาตา เจ้าโมราฆ่าฝรั่งบังอลู เจ้าวิเชียรฆ่ามูรหุ่มตาย พลทั้งหลายอ่อนจิตไม่คิดสู้ พวกผลึกไล่หลังอยู่พรั่งพรู กระโจมจู่ฟันฆ่าชีวาวาย ทั้งสามพราหมณ์ตามมาถึงหน้าด่าน ให้ประจานศพฝรั่งสิ้นทั้งหลาย พวกนายหมวดสั่งพหลพลนิกาย เอาศพนายเสียบเรียงไว้เคียงกัน แล้วร้องเย้ยว่าเหวยอ้ายชาวด่าน ใครรอนราญกูจะฆ่าให้อาสัญ ใครไม่สู้กูจะโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ จงช่วยกันเปิดประตูให้กูไป ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองมีเครื่องครบ รื้อตลบสั่งให้กันกั้นตาไข่ คิดขวางทางข้างบนเป็นกลไก ใครเข้าไปติดตึงเหมือนตรึงตรา พอเห็นเขาเอาศพมาเสียบไว้ นางจำได้แทบจะดิ้นสิ้นสังขาร์ บังอลูมูรหุ่มขุนมาตา แต่บิดายังไม่เห็นว่าเป็นตาย ทั้งยันตังสั่งไว้ยังไม่กลับ หรือเสียทัพท่วงทีจะหนีหาย ยังคิดเห็นเป็นว่ารอดไม่วอดวาย เที่ยวเดินกรายตรวจพลสกลไกร ฯ ๏ ฝ่ายสามพราหมณ์สามทัพไม่ยับยั้ง หมายจะพังป้อมประตูเข้าสู้ไล่ ให้เอาโซ่ทำขั้นเป็นบันได ขึ้นชิงชัยชาวพลบนกำแพง พวกฝรั่งทั้งสิ้นเอาหินทิ้ง บ้างยืนยิงปืนสั้นเกาทัณฑ์แผลง แต่หักหาญราญรอนจนอ่อนแรง ฝรั่งแทงล้มตายเสียหลายคน ฯ ๏ สินสมุทรหยุดอยู่ดูทัพหน้า เห็นโยธาถอยกลับวิ่งสับสน ลงจากสิงห์วิ่งไล่พวกไพร่พล เข้ารุมปล้นป้อมค่ายขึ้นป่ายปีน ทหารปืนยื่นโซ่ขึ้นโย้แย่ง ฝรั่งแทงฟันฟาดขาดเป็นสีน พระหน่อไทไล่ตามแขกจามจีน แล้วพลอยปีนป้อมกำแพงมันแทงฟัน เสียงฮึกฮักชักโซ่โล้ทะลึ่ง พลัดตกตึงเต้นโลดโดดถลัน ทั้งสามพราหมณ์ตามกลุ้มเข้ารุมรัน เสียงครื้นครั่นกราววิ่งเข้าชิงชัย ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองเยื้องขยับ เห็นนายทัพแทงฟันไม่หวั่นไหว ถือธนูอยู่พอพระหน่อไท เข้ามาใกล้น้าวสายหมายสำคัญ ลั่นลูกออกตรอกโอษฐ์กระโดดดิ้น พลัดตกดินแทบชีวาจะอาสัญ ชักลูกดอกออกภาวนาพลัน ที่แผลนั้นหายเหตุด้วยเวทมนตร์ ยิ่งคิดแค้นแหงนดูเห็นผู้หญิง ลุกขึ้นวิ่งขับทัพเข้าสับสน พอหุ้มห้อมล้อมกันขึ้นชั้นบน เข้าใกล้กลไกกางตารางคลุม จึงครอบครุบหุบเอาพลทมิฬ มันยกหินหอบกลิ้งมาทิ้งทุ่ม เปิดประตูจั่นหับออกจับกุม พรูกันกลุ้มคลุกคลีเข้าตีรัน ฯ ๏ สินสมุทรฉุดฉีกจะหลีกลอด บ่าวมันกอดกลมกลัดฮึดฮัดหัน พอทัพพระอนุชายกมาทัน ช่วยแก้กันออกไปทั้งไพร่นาย พอพลบค่ำคล้ำคลุ้มชอุ่มอับ พวกกองทัพถอยหลังมาตั้งค่าย ทุกหมู่หมวดตรวจเกณฑ์ตระเวนราย ฝ่ายตัวนายพร้อมนึกปรึกษาการ อันกลไกอ้ายฝรั่งหลายอย่างนัก จะโหมหักตีเมืองเปลืองทหาร กลศึกตรึกตรองลองวิจารณ์ ใครคิดอ่านเห็นบ้างเป็นอย่างไร ฯ ๏ เจ้าโมราว่าจะผูกเรือยนต์รบ บรรจุครบพลนิกายทั้งนายไพร่ แล่นไปตามข้ามภูเขาเข้าข้างใน เห็นจะได้โดยง่ายไม่หลายวัน ต่างเห็นพร้อมยอมจิตเหมือนคิดอ่าน วิชาการกลเรือเหลือขยัน จะแต่งไพร่ไว้บ้างข้างประจัญ ปรึกษากันตรวจตราในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองเป็นแม่ทัพ เห็นศึกกลับออกไปได้ยังไม่หนี ให้รีบร้อนต้อนเหล่าชาวบุรี ขึ้นหน้าที่พร้อมทหารเป็นการจวน ประหลาดจิตบิดาหามาไม่ คิดสงสัยเศร้าสร้อยละห้อยหวน จะรอรั้งอยู่ที่นี่ก็มิควร เป็นการจวนจึงปรึกษาเสนานาย บอกหนังสือชื่อนางอยู่ต่างพ่อ ให้ส่งต่อตามระยะไปถวาย คนเร็วรับขับม้าจนตาลาย ถึงบ้านรายรับกันเป็นหลั่นไป อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งนั้นอย่างนั้น ทางสามวันวันหนึ่งเดินถึงได้ แต่ลังกามาด่านปราการไพร ประมาณได้สามวันดังพรรณนา ฯ ๏ ฝ่ายยันตังอังกฤษไม่คิดยาก รีบบั่นบากมาตะบึงถึงเข้าหา เอาหัวครูชูถวายนางวัณฬา เล่ากิจจาทูลแถลงให้แจ้งการ ฯ ๏ นางละเวงเพ่งพิศคิดสังเวช น้ำพระเนตรหลั่งลงน่าสงสาร เพราะสัตย์ซื่อถือนายสู้วายปราณ โปรดประทานศพไว้ให้ยันตัง เลื่อนศีรษะเป็นพระอุปราช บรรจุไว้ในปราสาทบาทหลวงฝัง แล้วปรึกษาข้าเฝ้าเล่าให้ฟัง อยู่ข้างหลังเสียด่านแล้วป่านนี้ พอผู้ถือหนังสือมาพาเข้าเฝ้า ในบอกว่าข้าพเจ้ารำภาสะหรี รักษาด่านราญรบตลบตี ผลาญไพรีล้มตายลงหลายพัน จะคิดตามขามจนด้วยพลน้อย ข้าศึกถอยรอรั้งออกตั้งมั่น ประมาณสี่สิบเส้นพอเห็นกัน บิดานั้นหายไปยังไม่มา แม้นมิช่วยให้ทันในวันรุ่ง จะรบพุ่งศึกเสือเหลือรักษา จะเสียด่านบ้านเมืองเคืองบาทา ชีวิตข้าทั้งหลายจะวายปราณ ฯ ๏ นางทรงฟังสรรเสริญว่าเกินหญิง ขยันยิ่งเสียกว่าชายนายทหาร ให้ตั้งนางต่างบิดาบัญชาการ เป็นผู้ผ่านพารารักษาเมือง ทั้งเครื่องยศกลดกระบี่มีสำหรับ หมวกประดับขนนกการเวกเหลือง เสื้อสุหร่ายลายทองดูรองเรือง ทั้งเกราะเครื่องแต่งรบมีครบครัน อ้ายยันตังตั้งให้เป็นปลัดด่าน คุมทหารหมื่นหนึ่งดูขึงขัน แต่งขุนนางให้วิรุญกับกุนตัน ล้วนล่ำสันสูงพีมีกำลัง รีบยกพลคนละหมื่นถือปืนผา ไปรักษาด่านไว้เหมือนใจหวัง ฝ่ายวิรุญกุนตันกับยันตัง ต่างรับสั่งเสร็จความทั้งสามนาย บังคมลาพาพลคนละหมื่น ทั้งกลางคืนกลางวันรีบผันผาย สองวันครึ่งถึงด่านดงตาลราย เข้าทางท้ายเมืองมาหากรมการ ฯ ๏ จึงแจ้งความตามรับสั่งให้ตั้งแต่ง ตามตำแหน่งนางรำภาได้ว่าขาน ทั้งเครื่องยศกลดกระบี่ที่ประทาน นางก้มกรานกราบคำนับแล้วรับตรา พออ่านดูรู้ว่าบิดาม้วย อ่อนระทวยแทบชีวังจะสังขาร์ สลบล้มลมจับอับวิญญาณ์ พอหมอมาแก้ทันไม่บรรลัย นางรู้สึกแล้วก็นึกสะอื้นอั้น พลางรำพันพูดจาอัชฌาสัย บิดาตายฝ่ายเราให้เปล่าใจ นึกจะใคร่เชือดคอให้มรณา แต่จนใจได้รับสั่งมาตั้งแต่ง สุดจะแข็งขัดข้องต้องอาสา แล้วเล่าข่าวข้าศึกฝึกโยธา เอาฟางหญ้ามาทำเป็นลำเรือ สำรองไว้เป็นอันมากเห็นหลากอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะไปข้างใต้เหนือ จะแต่งใครให้สนิทเข้าชิดเชื้อ ก็ล้นเหลือความคิดเห็นผิดที ฯ ๏ ฝ่ายวิรุญกุนตันนั้นประมาท ไม่หวั่นหวาดเห็นว่าศึกคงนึกหนี ด้วยเมืองเราเล่าก็ลำแม่น้ำมี มันเสียทีก็จะลงข้างคงคา แล้วเกณฑ์ไพร่ให้ไปสกัดกัก ในน้ำปักตอหลักไว้หนักหนา ที่จะอยู่หมู่หมวดให้ตรวจตรา ขึ้นรักษาป้อมค่ายรายระวัง ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนพลสมทบ ทำเรือรบเสร็จสมอารมณ์หวัง พอทัพหลวงล่วงมาถึงป่ารัง ยังหยุดยั้งอยู่ไม่มาช่วยราวี พระอนุชาพาสามพราหมณ์ไปเฝ้า ต่างก้มเกล้ากราบประณตบทศรี ทูลแถลงแจ้งความตามคดี ไม่ต่อตีแต่งการจะราญรอน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม ทรวงจะโทรมเสียด้วยหมายสายสมร อยู่รถทรงองค์เอกเขนกนอน คิดแต่กลอนเพลงยาวเมื่อคราวครวญ ครั้นน้องยาพาสามพราหมณ์มาเฝ้า เขาทูลเล่าการณรงค์ทรงพระสรวล แล้วแกล้งว่าข้าไม่ห้ามตามแต่ควร เจ้านี้ด่วนเด็ดขาดประมาทการ จนถูกกลพลตายต้องอายเขา เหตุเพระเจ้าอาสาทั้งอาหลาน แม้นฟังว่าถ้าแต่ก่อนอย่ารอนราญ จะคิดอ่านเพลงยาวอีกคราวเดียว แม้มิได้ให้ปรับจะรับผิด นี่ขืนคิดเคืองขุ่นทำฉุนเฉียว น่าอดสูผู้หญิงจริงจริงเจียว ไม่คิดเกี้ยวชู้สาวแล้วคราวนี้ วาสนาหาไม่มันไพล่พลิก พลอยหยุกหยิกอยากจะถือเป็นฤๅษี จะถือศีลตั้งมั่นในขันตี ไม่ย่ำยียุ่งหยาบเป็นบาปกรรม จะคิดกันฉันใดตามใจเจ้า แต่ตัวเรานี้จะภาวนาร่ำ แล้วเอนเอกเขนกองค์ทรงประคำ ทำพึมพำผินหลังตั้งเมตตา ฯ ๏ ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มพริ้มพระพักตร์ เห็นทรงศักดิ์เศร้าสร้อยละห้อยหา จะเกาแต่แผลคันจำนรรจา นางวัณฬาเหมือนกับไก่อยู่ในมือ จะจับพามาถวายฝ่ายพระพี่ ถือขันตีเสียแล้วมิแคล้วหรือ พระยิ้มพรายคลายโกรธออกโอษฐ์อือ ถึงจะถือก็ทำไมแม้ได้มา จะจัดการบ้านเมืองเปลื้องธุระ มิใช่จะสิ้นเล่ห์เสน่หา พระน้องฟังบังคมชมศรัทธา ทูลลามารั้งรออยู่พอพลบ เรือสำหรับทัพละร้อยทั้งน้อยใหญ่ บรรจุไพร่พร้อมเพียบเงียบสงบ เมื่อฤกษ์ดีมีลมให้สมทบ แล่นตลบเข้าบูรีทั้งสี่นาย เราจะยกวกอ้อมเข้าล้อมหลัง แม้นแตกพังไพรีจะหนีหาย เห็นดีพร้อมน้อมคำนับรับอุบาย สานนนายพราหมณ์อ่านโองการมนต์ ร้องเรียกลมกลมกลุ้มคลุ้มพยับ บัดเดี๋ยวกลับพัดมาโกลาหล โห่สนั่นหวั่นไหวกางใบกล อันเรือยนต์เขยื้อนออกเคลื่อนคลา ทัพละร้อยลอยลิ่วฉิวฉิวเฉื่อย เหมือนงูเลื้อยแล่นลู่บนภูผา กระทบผางกางเกยเลยศิลา ด้วยฟางหญ้าหยุ่นท้องจึงคล่องเคล้า ที่ถือท้ายสายยนต์มือคนเหนี่ยว ให้ลดเลี้ยวแล่นตลอดถึงยอดเขา แล้วกลับตรงลงเชิงเทินเนินลำเนา ในเมืองเหล่าชนวิ่งทั้งหญิงชาย เห็นเรือรบคบอร่ามลงข้ามโขด สะดุ้งโดดโดนกันมิ่งขวัญหาย ต่างหลบลี้หนีพลัดกระจัดกระจาย เสียงเวยวายวิ่งไขว่กันไปมา ฯ ๏ พวกหน้าที่หนีพรูไม่สู้รบ แตกตลบแล่นโลดโดดถลา พลผลึกฮึกโห่เป็นโกลา เที่ยวไล่ฆ่าชายหญิงด้วยชิงชัง บ้างเผาบ้านร้านโรงโพลงสว่าง เห็นกระจ่างจับได้มัดไพล่หลัง ฝ่ายวิรุญกุนตันกับยันตัง เหลือกำลังเลี้ยวลัดเที่ยวพลัดกัน จะรบรับขับไพร่มันไม่อยู่ เปิดประตูแตกตื่นเสียงครื้นครั่น แต่นายนั้นขับม้าเที่ยวฝ่าฟัน ฝ่ายกุนตันรำทวนเที่ยวรวนเร พอพบสามพราหมณ์พร้อมเข้าล้อมจับ ปะทะทัพรับไล่กันไพล่เผล กุนตันฟาดพลาดผวาทั้งม้าเซ ทหารเฮหุ้มจับยังรับรอง พอวิรุญขุนพลอ้อมมาพบ เข้าช่วยรบแก้กันผันผยอง ต่างรำทวนสวนแทงแกว่งกระบอง คอยรับรองป้องกันประจัญบาน ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองใส่หมวกเพชร เสื้อเกราะเกล็ดนาคราชชาติทหาร อาวุธแอบแนบกายหลายประการ เมื่อเสียด่านโดดขึ้นนั่งหลังอาชา กับสาวสาวบ่าวไพร่ที่ใช้ชิด อุตส่าห์ติดตามนายทั้งซ้ายขวา พอยันตังอังกฤษศิษย์บิดา ถือขวานผ่าฟันรบมาพบนาง ออกนำหน้าพาอ้อมไปป้อมนอก จะหักออกไม่ถนัดให้ขัดขวาง เห็นวิรุญกุนตันฟันอยู่กลาง ยันตังนางรำภาช่วยราวี ทหารแตกแยกย้ายพวกนายทัพ ต่างต้อนรับรบพลางพานางหนี เปิดประตูพรูออกนอกบูรี เจ้าพราหมณ์ตีติดตามออกหลามมา ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นตั้งอยู่หลังด่าน วางทหารเรียงรายทั้งซ้ายขวา เห็นคนออกนอกกำแพงแต่งกายา นางรำภาเพชรประดับอยู่วับวาม รู้ว่านายกรายกระบองร้องตวาด ไล่พิฆาตควงขวางมากลางสนาม นางรำภาล่อลัดเข้าวัดพราหมณ์ พระติดตามไล่นางไปห่างพล นางหวดห่วงบ่วงคล้องกระบองหลุด พระโถมฉุดฉวยจับกันสับสน ต่างตกม้าคว้าคลำด้วยจำจน ทั้งสองคนแข็งข้อกอดคอกัน นางเห็นพักตร์ผลักแพลงพลิกแว้งวัด เสียวสัมผัสใกล้ชิดจิตกระสัน พระสวมสอดกอดปะทะพัลวัน นางอกสั่นด้วยว่าชิดสนิทชาย แต่กลัวกันครั้นจะวางจะล้างผลาญ ด้วยทหารก็ไม่เห็นเขม้นหมาย พระรักรูปจูบพลางไม่วางวาย นางเหลืออายอดสูกับภูมี แต่เคราะห์กรรมจำจนทนให้จูบ ครั้นหลบลูบล้ำเหลือเบื่อบัดสี จึงว่าไฮ้ไม่รบกันดีดี เฝ้าจู้จี้จูบข้าหน้าไม่อาย จงวางกันสัญญาหยิบอาวุธ สัประยุทธ์อย่างทหารท่านทั้งหลาย พระว่าหญิงวิ่งมาอยู่กับผู้ชาย จะต้องตายเสียเปล่าเปล่าไม่เข้ายา เสียดายรูปจูบเล่นเหมือนเช่นชู้ เจ้ามาสู้กันด้วยเล่ห์เสน่หา แม้บุรุษสุดแรงแผลงศักดา นี่หญิงมารบสู้เหมือนชู้เมีย จะโลมเล้าเอาไปเลี้ยงไว้เรียงหมอน จงโอนอ่อนอนุกูลอย่าสูญเสีย พลางเฟ้นฟอดกอดคอค่อยคลอเคลีย อะลิ้มอะเหลี่ยลองจิตสะกิดเกา นางว่าเบื่อเชื่อตัวไม่กลัวบาป นิยมหยาบหยอกเยียลูกเมียเขา พระปล้ำปลอบตอบคำว่าทำเนา แม้ตัวเจ้าปลงใจจะได้บุญ มิใช่ผัวตัวติดมากีดขวาง พระว่าพลางกอดเกี่ยวให้เฉียวฉุน ขยำหยอกนอกเสื้อเหลือละมุน อิงแอบอุ่นอักอ่วนให้ยวนยี พอดังเปรี้ยงเสียงผลุงสะดุ้งหวาด เห็นปีศาจสูงง้ำดำมิดหมี ทำตึงตังยังแต่ตัวหัวไม่มี กษัตริย์ศรีสุวรรณวิ่งมันยิ่งตาม พระตกใจได้กระบองรับรองรบ พอพานพบพวกพลมาล้นหลาม ปีศาจหายกายสั่นให้ครั่นคร้าม ไม่ติดตามต้อนทัพรีบกลับไป ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีเห็นผีพ่อ น้ำตาหล่อหลั่งตกซกซกไหล โอ้บิดามาช่วยลูกชิงชัย เหลืออาลัยแลลับวับวิญญาณ์ ให้เย็นอกยกมือขึ้นไหว้กราบ เปลื้องเข้มขาบคาดอกโพกเกศา พอสว่างนางกลับขึ้นอาชา ก็เร่งม้าหมายมุ่งไปกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายวิรุญกุนตันนั้นอยู่หลัง ทั้งยันตังตีฝ่าออกมาได้ พอพบกันทันนางที่กลางไพร ได้พวกไพร่พลบ้างไปลังกา ฯ ๏ ฝ่ายกองทัพยับยั้งเข้าตั้งด่าน พร้อมทหารไพร่นายทั้งซ้ายขวา ให้ตีฆ้องร้องป่าวชาวพารา ให้กลับมาอยู่กินตามถิ่นเคย ศรีสุวรรณนั้นสั่งสินสมุทร อย่ายั้งหยุดอยู่นานเลยหลานเอ๋ย เหมือนเล่าเรียนเขียนกนไปจนเกย อย่าละเลยสงครามตามไปตี ทั้งสามพราหมณ์สามทัพกำกับด้วย จะได้ช่วยรบพุ่งถึงกรุงศรี อาจะตามข้ามทุ่งไปพรุ่งนี้ ให้พระพี่อยู่ที่ด่านสำราญใจ สินสมุทรกับสามพราหมณ์คำนับ มาจัดทัพธงทิวปลิวไสว โห่สนั่นลั่นฆ้องทั้งกลองชัย ต่างขับไพร่พลหลามไปตามกัน ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีหนีจากด่าน กับทหารสามนายรีบผายผัน มาตามทางกลางคืนทั้งกลางวัน ถึงเขตคันเข้าไปเฝ้าเยาวมาลย์ แล้วทูลความตามที่เสียทีทัพ มิทันรับเรือกลพหลทหาร มันข้ามเขาเข้าไปได้ในปราการ จึงเสียด่านด้วยไม่ทันป้องกันพล ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช แสนฉลาดล้ำหญิงในสิงหล จึงเสแสร้งแกล้งตรัสให้จัดพล คอยประจญประจัญรอบขอบเวียงชัย แล้วพิศพักตร์ลักขณารำภาสะหรี ดังสำลีลำยองดูผ่องใส รู้รบศึกฝึกฝนทำกลไก จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้เป็นไมตรี จึงให้หามาใกล้ปราศรัยปลอบ เจ้าทำชอบช่วยบำรุงซึ่งกรุงศรี จะรักใคร่กันให้เหมือนเพื่อนชีวี นึกว่าพี่น้องกันจนวันตาย ฯ ๏ นางรำภาฝรั่งฟังประภาษ แสนสวาทหวานหูไม่รู้หาย ทูลฉลองพร้องเพราะด้วยเราะราย ขอถวายชีวาฝ่าธุลี ถึงเลือดเนื้อเมื่อเป็นของต้องประสงค์ จะปลดปลงเปลื้องถวายไม่หน่ายหนี พระปิ่นเกล้าเจ้าจังหวัดปัถพี อย่าราคีคิดแหนงแคลงพระทัย ฯ ๏ นางโฉมยงทรงสดับให้จับจิต แสนสนิทเสน่หาจะหาไหน ชวนรำภาฝรั่งเข้าวังใน แล้วจัดให้ห้องหับที่หลับนอน ทั้งเครื่องแต่งแป้งสุคนธ์ปนเสน่ห์ อุปเท่ห์สารพัดนางตรัสสอน ปรึกษากิจคิดการจะราญรอน จะผันผ่อนเพทุบายหลายประการ รบคราวนี้มิชนะก็จะขัด ด้วยความรักรึงรัดประหัตประหาร แค้นแต่ใจใครเขาวอนไม่รอนราญ คิดสงสารเสียแล้วใจไม่ได้ความ เหมือนหนึ่งเจ้าเขารักแต่หากว่า จะเข่นฆ่าได้มิได้จะใคร่ถาม นางทูลว่าข้าพเจ้าเข้าสงคราม ไม่เข็ดขามเคยสังหารผลาญชีวี ถึงเขารักหากว่าข้าพเจ้า ไม่รักเขาฆ่าได้ให้เป็นผี แม้นรักเขาถ้าจะฆ่าก็ปรานี เห็นเต็มทีทำใครไม่ได้เลย ฯ ๏ นางฟังเปรียบเฉียบแหลมยิ้มแย้มเยื้อน ใจเจ้าเหมือนใจเราเจียวเจ้าเอ๋ย แต่ครั้งนี้มิเคยต้องจำเคย แล้วชมเชยพี่น้องสองสุดา แม้มารดรอ่อนใจจะใช้เจ้า ให้ฆ่าเขาฆ่าได้หรือไม่ฆ่า ทั้งสองนางพลางคำนับรับบัญชา เว้นแต่ว่าบิตุรงค์พระองค์เดียว ถ้าคนอื่นหมื่นแสนที่แค้นขัด จะไปตัดเอาศีรษะเสียประเดี๋ยว นางฟังพลอดยอดหญิงจริงจริงเจียว ประทานเกี้ยวกับช้องทั้งสองรา แล้วตรัสสั่งตั้งแต่งตำแหน่งที่ เป็นบุตรีกั้นกลดมียศถา ถ้าเทียบอย่างข้างเราเป็นเจ้าฟ้า แล้วปรึกษาสงครามเป็นความลับ อ้ายย่องตอดยอดทหารเหมือนมารร้าย ฆ่าไม่ตายแต่ปิดกิตติศัพท์ เจ้าคุมไปใช้ลองในกองทัพ สมทบกับนางรำภาปรึกษากัน อันแยบยลกลศึกล้วนลึกซึ้ง มิควรขึ้งเคียดอ่อนค่อยผ่อนผัน ไปตั้งสู้อยู่ที่เขาเจ้าประจัญ หนทางวันหนึ่งจะมาถึงธานี เป็นการใหญ่เกณฑ์ไพร่ให้หลายหมื่น หอรบปืนป้อมคูประตูผี มีไฟฝนกลหลบเหล็กตบตี เจ้ารู้ทีทำศึกจงตรึกตรอง แล้วจัดเสื้อเครือกระหนกเกราะหมวกเพชร กลเม็ดสอนสั่งให้ทั้งสอง ครั้นสำเร็จเสร็จมานั่งบรรลังก์ทอง ให้หาย่องตอดมาแล้วพาที เราจะใช้ให้เป็นที่พระพี่เลี้ยง อยู่ใกล้เคียงพี่น้องทั้งสองศรี แม้เกิดเหตุเภทภัยสิ่งใดมี จะฆ่าตีตัวมึงให้ถึงตาย ฯ ๏ อ้ายย่องตอดทอดตาดูหน้าเจ้า ล้วนสาวราวกับเขียนวิเชียรฉาย ฉุนสุคนธ์ปนยาต้องตาชาย รักแทบตายจะได้ใคร่ดังใจปอง เป็นคนซื่อถือว่าที่พระพี่เลี้ยง จะกล่อมเกลี้ยงปลูกฝังให้ทั้งสอง กษัตริย์นั้นมันกลัวหนังหัวพอง พยักร้องว่าอย่าได้ปรารมภ์ ฯ ๏ นางกษัตริย์จัดแจงแต่งย่องตอด ใส่เสื้อสอดสวมเกราะดูเหมาะสม ใส่หมวกทองรองเรืองเฟืองมะยม มันชื่นชมชอบใจด้วยได้ดี แล้วจัดเอาศัสตรามาให้ถือ สำหรับมือมอบให้มันสั่นเกศี เอาแต่พร้าอีโต้โตเต็มที่ เหน็บไว้ที่ท้องน้อยนั่งคอยนาย ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสว่ากับข้าเฝ้า อันตัวเราขาดญาติที่มาดหมาย จะทำศึกปรึกษาบรรดาชาย ก็คิดอายอยู่ว่าเห็นเป็นสตรี อันพี่น้องสองนี้ถืออาญาสิทธิ์ ถ้าใครคิดข้องขัดตัดเกศี รีบยกไปให้ทันในวันนี้ ตั้งอยู่ที่ด่านเขาเจ้าประจัญ ฯ ๏ ฝ่ายนายทัพรับสั่งสะพรั่งพร้อม ประณตน้อมนางกษัตริย์มาจัดสรร ให้ยันตังทั้งวิรุญและกุนตัน คุมฉกรรจ์กองละหมื่นพื้นกำลัง ฝ่ายพี่น้องสององค์ขึ้นทรงรถ กั้นพระกลดเตรียมแห่ทั้งแตรสังข์ ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องกลองระวัง ยกไปตั้งด่านเขาเจ้าประจัญ ฯ ๏ ฝ่ายสามพราหมณ์สามทัพกับสินสมุทร ไม่ยั้งหยุดแยกย้ายกันผายผัน พอร่วมทางหว่างเขาเจ้าประจัญ เห็นป้องกันเชิงเทินเนินหอรบ คนรักษาหน้าที่ดูมี่ฉาว เสียงเกรียวกราวกรูเกริ่นเดินบรรจบ จึงหยุดทัพยับยั้งตั้งสมทบ พอจวนพลบเพลิงโหมประโคมกลอง ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาอยู่หน้าป้อม ทหารพร้อมเฝ้าฟังรับสั่งสนอง เห็นโยธาข้าศึกนั่งตรึกตรอง แล้วบอกน้องโน่นแน่แม่แลดู อันพวกเขาชาวผลึกศึกสันทัด รู้จักจัดตั้งทัพที่รับสู้ มีกองแซงแว้งหางเหมือนอย่างงู ใครโจมจู่จะได้รัดกระหวัดไว้ จำจะคิดบิดเบือนให้เหมือนเหยี่ยว ไปโฉบเฉี่ยวเอาแต่ตามาให้ได้ จึงคลุกคลีตีตัวกลัวอะไร แต่จะได้เกียรติยศให้งดงาม ดำริพลางนางแกล้งแต่งหนังสือ ให้ทูตถือรีบไปปราศรัยถาม พวกทัพหน้าพาขึ้นเฝ้าฝ่ายเจ้าพราหมณ์ ให้อ่านตามหนังสือซึ่งถือมา ฯ ๏ ว่าโฉมยงองค์ยุพาผกาสวรรค์ กับสุลาลีวันกนิษฐา พระบุตรีพี่น้องสองสุดา เสด็จมาอวยทานแทนมารดร ด้วยสินทรัพย์นับโกฏิจะโปรดให้ ทั้งนายไพร่พวกทหารชาญสมร ใครมีแรงหาสาแหรกมาแบกคอน อย่าราญรอนรบกวนชวนกันไป แม้มิรับทรัพย์สินมาปีนปล้น ไม่รอดพ้นความตายทั้งนายไพร่ จะจับมาฆ่าฟันให้บรรลัย สาแก่ใจโจรป่าไม่ปรานี ฯ ๏ สินสมุทรสุดแสนแค้นหนังสือ น้อยไปหรือร่ำว่าน่าบัดสี จะตีทัพจับมันในวันนี้ เถิดหรือพี่พราหมณ์จะเห็นเป็นอย่างไร ทั้งสามพราหมณ์ห้ามว่าช้าก่อนพ่อ เขาลวงล่อเลียมลามตามวิสัย ซึ่งการศึกตรึกตรองทำนองใน พี่จะได้ตอบโต้ข้างโลกีย์ แล้วเขียนคำทำตอบให้มอบหมาย ไปถวายพระธิดามารศรี ฝรั่งรับกลับมาให้นารี แจ้งคดีโดยดังได้ฟังมา ฯ ๏ นางอ่านความนามนรินทร์สินสมุทร ราชบุตรบรเมศร์เหมือนเชษฐา ปลอบประโลมโฉมพระน้องสองสุดา ซึ่งยกมาหมายจะใคร่เป็นไมตรี ด้วยบิตุรงค์ทรงศักดิ์สมัครสมาน กับพระมารดาน้องทั้งสองศรี จะร่วมเสวกเอกฉัตรสวัสดี เจ้ากับพี่เล่าก็คงเป็นพงศ์พันธุ์ ถึงสินทรัพย์นับแสนแม้นจะให้ ไม่เหมือนได้แนบน้องประคองขวัญ โฉมยุพาผกาสุลาลีวัน อย่าโศกศัลย์เศร้าหมองละอองนวล ไม่นึกร้ายหมายรบพอพบพักตร์ จะประจักษ์แจ้งความทรามสงวน ให้เห็นรักหนักในใจรัญจวน อย่าคิดควรขาดเด็ดได้เมตตา แม้นตัดรักหักหาญจะราญรบ กว่าจะสบสมมาดปรารถนา มิพบพักตร์แล้วไม่ยักไปนครา กรุงลังกานี้ก็เหมือนกับเรือนตาย ฯ ๏ นางรู้เรื่องเคืองข้องแต่ต้องนิ่ง น้องสาวชิงฉีกกระดาษเสียขาดหาย แล้วนิ่งนึกตรึกความตามอุบาย จึงสั่งนายย่องตอดจงดอดไป สะกดคนพลทัพให้หลับสิ้น แล้วเลือกกินตามประสาอัชฌาสัย แต่นายทัพจับมาให้สาใจ จะได้ใส่กรงขังไปลังกา ฯ ๏ ย่องตอดรับกลับกลายแล้วหายฉิบ ด้วยผีดิบโดดไปไกลหนักหนา ลงจากป้อมด้อมมองเที่ยวย่องมา เห็นโยธาทัพผลึกยังครึกครื้น เข้าแฝงเงาเป่ามนต์คนทั้งหลาย เปรียบเหมือนทรายซัดตาไม่ฝ่าฝืน บ้างล้มหลับทับหอกกระบอกปืน ดูดาษดื่นเดินเที่ยวลดเลี้ยวมา เห็นวัวควายรายหลับเข้าจับฟาด เชื้อปีศาจสูบเลือดเชือดมังสา กินแต่ตับกับไตกับนัยน์ตา ทั้งม้าลาล้มตายวายชีวัน แล่นขึ้นบนพลับพลาหาแม่ทัพ เห็นพราหมณ์หลับรวบรัดมัดกระสัน ได้แต่พราหมณ์สามคนเอาปนกัน ผ้าขาวพันผูกตาไปหานาย ฯ ๏ ฝ่ายสองนางต่างดูไม่รู้จัก จึงถามซักพวกฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ข้าก็เห็นเป็นพราหมณ์ทั้งสามชาย คนไหนนายหน่อกษัตริย์ขัตติยา นางรำภาว่าเมื่อรบได้พบเห็น พราหมณ์นี้เป็นตัวนายปีกซ้ายขวา ที่รูปร่างอย่างยักษ์ลักขณา ทั้งสองตาแดงช่วงดังดวงไฟ มีเขี้ยวคมผมย่นเหมือนขนแกะ คนนี้แหละแทงฟันมันไม่ไหว นางยุพาว่าพี่กลับไปฉับไว จับให้ได้ตัวนายคนนั้นมา แล้วให้หามพราหมณ์ไปไว้บนป้อม ทหารล้อมพร้อมพรักคอยรักษา ให้โยธีตีกรงจงตรึงตรา ส่งไปวังลังกาไม่ฆ่าฟัน ฯ ๏ ฝ่ายย่องตอดตลอดออกข้างนอกป้อม เที่ยวเดินด้อมดูไปจนไก่ขัน เข้าค่ายใหญ่ไฟสว่างดังกลางวัน ค่อยด้นดั้นด้อมมาพลับพลากลาง มองเขม้นเห็นสินสมุทรหลับ สิงโตกับอัสดรนั้นนอนขวาง มีดโต้เหน็บแทบท้องค่อยย่องพลาง เขย่งย่างยืนขยับขึ้นพลับพลา สิงโตเห็นเผ่นตบทั้งขบกัด ตะครุบฟัดคร่อมขี่ทั้งสี่ขา ด้วยเขี้ยวแก้วแพรวพรรณกันกายา ศัตรูมามิได้หลับคอยรับรบ อ้ายย่องตอดกอดสิงห์ล้มกลิ้งคว่ำ มันขย้ำหยิกฟัดสะบัดขบ ทั้งขาแข้งแย่งชักให้หักทบ เสือกสลบแล้วลุกขึ้นคลุกคลี สิงโตกัดพลัดพลาดมันฟาดสิงห์ ลงเกลือกกลิ้งกลางแปลงด้วยแรงผี มันหลีกตัวกลัวว่าจะช้าที เข้าถึงที่หน่อไทเธอไสยา มองเขม้นเห็นสินสมุทรหลับ กระโจนจับยึดแน่นทั้งแขนขา กุมารตื่นฟื้นตนด้วยมนตรา มันรีบพาออกไปพ้นพลรบ ฯ ๏ หน่อนรินทร์ดิ้นหลุดมันยุดแย่ง ชักพระแสงสวนรับจับประจบ ฟันขมองย่องตอดลงทอดทบ เสือกสลบล้มนิ่งไม่ติงกาย พอสว่างสร่างมนต์ไพร่พลตื่น ต่างฉวยปืนหอกดาบกำซาบสาย ออกวิ่งตามถามข่าวลูกเจ้านาย เห็นศพตายหงายหน้ามีตาเดียว บ้างจับต้องร้องบอกว่าออกกลิ่น เห็นจะกินสัตว์เป็นจึงเหม็นเขียว บ้างว่าเชื้อเสือสมิงจริงจริงเจียว นี่มันเที่ยวมาแต่หนตำบลใด ฯ ๏ สินสมุทรหยุดพิศพินิจนึก พวกข้าศึกมั่นคงไม่สงสัย ให้หาพราหมณ์สามนายก็หายไป ต่างตกใจวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี พอแสงแดดแผดต้องอ้ายย่องตอด ลมตลอดดวงจิตเพราะฤทธิ์ผี โดดถลาถาโถมเข้าโจมตี ชาวบุรีแตกตื่นเสียงครื้นเครง บ้างหลีกหลบรบรับสัประยุทธ์ แกว่งอาวุธดาบหอกกลอกเขนง มันฉุกวิ่งล้มปะทะปะกันเอง เสียงครื้นเครงไพร่พลัดกระจัดกระจาย สินสมุทรสุดโกรธพิโรธร้อง เข้ารบย่องตอดตีไม่หนีหาย แกว่งพระขรรค์ฟันฟาดปราดประกาย มันไม่ตายแต่ว่าล้มลงซมซาน ครั้นรุมจับกลับรบไม่หลบหลีก กระชากฉีกแขนขาโยธาหาญ สิงโตเห็นเผ่นโผนโจนทะยาน ช่วยทหารโฮกกัดทั้งฟัดยี อ้ายย่องตอดลอดโลดกระโดดหลบ เขารุมรบแรงน้อยต้องถอยหนี ทหารห้อมล้อมรุกเข้าคลุกคลี มาถึงที่หน้าเขาเจ้าประจัญ ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาเวลารุ่ง เสียงรบพุ่งย่องตอดลอดถลัน ให้ยันตังทั้งวิรุญกับกุนตัน ออกช่วยกันโอบอ้อมเข้าล้อมรบ ฝรั่งรับขับพลอลหม่าน เข้าต่อต้านตีทัพกลับตลบ ทั้งหน้าหลังพรั่งพร้อมล้อมสมทบ ทหารรบรับกันสนั่นดัง เหล่าพหลพลทมิฬพวกสินสมุทร ต้องอาวุธยับย่อยก็ถอยหลัง เสียกระบวนรวนเรวิ่งเซซัง พวกฝรั่งรุมกันไล่ฟันแทง แต่หน่อนาถอาจองค์ขึ้นทรงสิงห์ แล้วควบวิ่งฝ่าทหารชาญกำแหง เข้ารบรับขับเคี่ยวด้วยเรี่ยวแรง ใครต่อแย้งย่อยยับลงนับพัน ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาเห็นฝรั่ง เข้าหน้าหลังล้อมทัพไว้คับขัน จึงตรัสสั่งทั้งรำภาสุลาลีวัน ออกช่วยกันรบจับนายทัพไว้ ฯ ๏ ฝ่ายสองนางต่างลงมาทรงม้า ยกโยธาถือดาบกำซาบไสว เข้าสมทบรบรุมเป็นกลุ่มไป พระหน่อไทแทงฟันประจัญบาน ฯ ๏ พอวิรุญกุนตันพลันมาพร้อม เข้าห้อมล้อมแต่ชายนายทหาร พระขับสิงห์วิ่งโผนโจนทะยาน เข้าชิงขวานฟาดฟันอ้ายยันตัง มันหลีกหลบรบรับพอทัพหนุน ชุลมุนซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง หน่อนรินทร์สินสมุทรสุดกำลัง ด้วยถูกทั้งแหลนหลาวลูกเกาทัณฑ์ จึงถอยกลับขับสิงห์ให้วิ่งแหวก ทหารแตกตื่นหนีไม่มีขวัญ พอเสียงโห่โยธีศรีสุวรรณ ยกมาทันทัพหลานช่วยราญรอน ทัพฝรั่งลังกาทั้งห้าทัพ ออกรายรับรบทหารชาญสมร เข้าคั่งคับจับกุมตะลุมบอน ยิ่งตายต้อนตามกันเข้าฟันแทง พวกโยธีศรีสุวรรณประจัญสู้ ยิงธนูน้าวลั่นเกาทัณฑ์แผลง ส่วนสองนางต่างขับกองทัพแซง สกัดแย่งยิงปืนเสียงครื้นครึก ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนอยู่บนป้อม ทหารล้อมหลับแน่มาแต่ดึก ตื่นสว่างต่างดูรู้สำนึก ว่าข้าศึกมัดมาในราตรี จึงอ่านมนต์ฝนลมระดมพัด เป็นเมฆกลัดกลุ้มมัวทั่ววิถี สลัดหลุดผุดลุกไล่คลุกคลี ชิงกระบี่พลไพร่แล้วไล่ฟัน ออกประตูผู้คุมมันรุมจับ เจ้าพราหมณ์รับรบฆ่าให้อาสัญ ฝ่ายยุพาผกาวิลาวัณย์ ถือเกาทัณฑ์รีบลงมาทรงรถ ให้ขับตามพราหมณ์ออกไปนอกป้อม ทหารพร้อมพรูพรั่งมาทั้งหมด ทั้งสามพราหมณ์ตามกันขึ้นบรรพต นางเร่งรถรีบตามเจ้าพราหมณ์ไป ฯ ๏ ฝ่ายโยธีศรีสุวรรณกับสินสมุทร ต่างต่อยุทธ์อยู่จนพลบหลบไม่ไหว ทหารแตกแยกยับทั้งทัพชัย ฝรั่งไล่ล้มลุกลงคลุกคลาน ฯ ๏ สินสมุทรหยุดรับทัพฝรั่ง คอยกันหลังโยธาทั้งอาหลาน พอทัพหลวงล่วงมาจากป่าตาล ให้ทหารจุดคบช่วยรบรับ ฝรั่งสิ้นดินลูกถูกอาวุธ บ้างเหนื่อยทรุดเซล้มทั้งลมจับ พระอนุชาพาหลานไล่ผลาญทัพ ฝรั่งยับเยินแยกแตกกระจาย พลผลึกฮึกโหมเข้าโจมจบ ตีตลบล้อมไล่ไพร่ทั้งหลาย บ้างกลุ้มกลัดตัดทัพจะจับนาย ฝรั่งตายย่อยยับลงนับพัน พลลังกาห้าทัพไม่รับรบ แตกตลบหลีกไปเข้าไพรสัณฑ์ พอทัพหลังนางยุพายกมาทัน ช่วยป้องกันแก้ฝรั่งชาวลังกา ให้แยกยกวกหลังประดังรบ ตีกระทบตัดท้ายทั้งซ้ายขวา ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนสนธยา รีบออกมาที่รบพบยันตัง มันตามจับสับสนอลหม่าน ไม่แจ้งการณ์ว่าใครมาข้างหน้าหลัง จึงอ่านมนต์ฝนลมระดมดัง เหลือกำลังที่ทหารจะทานทน พวกลังกาล่ากลับทัพผลึก ยิ่งโหมฮึกไล่ล้างมากลางฝน ด้วยเคยเป็นเห็นเหตุว่าเวทมนตร์ ทั้งอยู่ต้นลมมาไล่ฆ่าฟัน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายวิ่งพรายพลัด พราหมณ์สกัดเข่นฆ่าให้อาสัญ ฝ่ายยุพารำภาสุลาลีวัน พบวิรุญกุนตันขุนยันตัง ต่างต้อนพลฝนหนาวพอเช้าตรู่ เข้าประตูด่านได้ดังใจหวัง พลผลึกศึกกล้าดาประดัง ยกเข้าตั้งโอบเขาเจ้าประจัญ ฯ ๏ ฝ่ายยุพานารีเสียทีศึก พลผลึกล้อมทัพไว้คับขัน ให้ยันตังทั้งวิรุญกับกุนตัน ขึ้นป้องกันเชิงเทินเนินหอรบ แม้ได้ทีตีด่านเข้าหาญหัก จึงหันจักรหกหุ้มคลุมตลบ แล้วเตรียมไพร่ใหญ่น้อยคอยสมทบ ทหารรบรายรอบขอบกำแพง ฯ ๏ ฝ่ายย่องตอดลอดหลบไปซบหลับ จนทัพกลับตื่นตาค่อยกล้าแข็ง ออกวิ่งหนักพักเดียวด้วยเรี่ยวแรง ถึงกำแพงโผนเข้าไปเฝ้านาง ฯ ๏ พระธิดาปราศรัยมิให้หมอง คืนนี้น้องรบพุ่งจนรุ่งสาง เมื่อทัพแตกแยกย้ายแทบวายวาง พี่หลงทางไปข้างไหนจึงไม่มา ฯ ๏ อ้ายย่องตอดกอดเข่าแล้วเล่าบอก หลับไปดอกด้วยว่าเมื่อยเหนื่อยหนักหนา อ้ายนายพลคนดีมีศักดา มันจับข้ามึนอ่อนให้หย่อนแรง ส่วนสามนางต่างนึกว่าศึกใหญ่ จนชั้นไอ้ผีป่ายังว่าแข็ง จึงปรึกษาว่าเขาล้อมป้อมกำแพง จำจะแจ้งความหลังไปลังกา แล้วสามนางร่างบอกแต่ออกรบ เขียนจนจบม้วนปิดผนิดฝา มอบม้าใช้ให้ถือกระบอกตรา ขึ้นควบม้าหมายมุ่งไปกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายพราหมณ์สามกษัตริย์จัดทหาร เข้าล้อมด่านเขาประจัญเสียงหวั่นไหว พอราตรีตีฆ้องให้กองไฟ พระอภัยขึ้นประทับที่พลับพลา ศรีสุวรรณกับหลานทหารพร้อม ประณตน้อมเฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา พระตรัสถามตามเรื่องเมืองลังกา นางวัณฬาลงมาอยู่หรือผู้ใด ฯ ๏ สินสมุทรสุดเคืองด้วยเรื่องนั้น แต่จำกลั้นกล่าวแกล้งแถลงไข ล้วนสาวสาวเหล่าผู้หญิงมาชิงชัย ที่เป็นใหญ่ชื่อยุพาสุลาลีวัน เป็นลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาราช แสนฉลาดลูกเสือเหลือขยัน เมื่อล่าหนีตีทัพจับไม่ทัน จะฟาดฟันสับซ้ำให้หนำใจ ฯ ๏ พระอภัยได้ยินสินสมุทร ฉงนสุดตรัสถามตามสงสัย นางวัณฬาสามีอยู่ที่ใด จึงจะได้ลูกสาวมากล่าวความ สินสมุทรทรุดหมอบไม่ตอบโอษฐ์ พระกริ้วโกรธตรัสขู่กระทู้ถาม หน่อนรินทร์ผินพักตร์พยักพราหมณ์ ให้ทูลตามสารศรีที่มีมา ครั้นดึกมีชายดุจักขุบอด มันลอบลอดเข้ามาได้ไวหนักหนา ใครแทงฟันมันไม่ตายวายชีวา ถามเขาว่ามันเป็นที่พระพี่เลี้ยง พระอภัยได้ฟังลงนั่งนิ่ง ไม่เห็นจริงสารพัดจึงตรัสเถียง แล้วว่าเจ้าเบาใจไม่ไล่เลียง เอาชื่อเสียงผู้ผัวหรือตัวใคร หน่อกษัตริย์ตรัสว่าประสาซื่อ จะเอาชื่อผัวนางไปข้างไหน พระบิตุรงค์หลงรักเฝ้าซักไซ้ ฉันมิใช่พงศ์พันธุ์นางวัณฬา พระบิดรค้อนเคืองยกเรื่องเก่า จึงว่าเจ้าพร้อมกันขันอาสา แม้เสียทัพกับฝรั่งชาวลังกา จะให้ฆ่าชีวันถึงบรรลัย เดี๋ยวนี้ทัพยับแยกแตกตลบ เรามาพบพ่ายแพ้ต้องแก้ไข เดิมสัญญาว่าขานประการใด จงว่าไปตามจริงทุกสิ่งอัน พระอนุชาว่ายังไม่พลั้งพลาด มิควรคาดโทษถึงซึ่งอาสัญ เหยียบลังกามาถึงเขาเจ้าประจัญ สองสามวันก็จะเสร็จสำเร็จการ อันต่อตีมีแพ้แลชนะ มิใช่จะเลิกล่าโยธาหาญ วิสัยศึกตรึกตราต้องช้านาน ต้องคิดการแรมปีจึงมีชัย อันผู้หญิงสิงหลทำกลศึก ย่อมล้ำลึกลวงล่อให้หลงใหล หรือทรงฤทธิ์คิดอ่านประการใด มิให้ไพร่พลยากลำบากกาย พระเชษฐาว่าเจ้ายังเยาว์อยู่ มิได้รู้จักการประมาณหลาย เป็นชายชอบตอบสู้กับผู้ชาย ถึงวอดวายไว้ชื่อให้ลือชา อันสตรีทีท่วงทำหน่วงเหนี่ยว ชอบแต่เกี้ยวกันด้วยเล่ห์เสน่หา แม้เหมือนหมายได้ทั้งเมืองลังกา ทุกพารารู้เรื่องจะเลื่องลือ วิสัยพี่นี้ชำนาญแต่การปาก มิให้ยากพลไพร่ใช้หนังสือ พระน้องยาอาหลานทหารมือ เรียนแต่ดื้อดึงได้เราไม่เคย แล้วเข้าไปในไสยาสน์อนาถนิ่ง พระองค์อิงเอนเอกเขนกเขนย คะนึงนางปางใดเมื่อไรเลย จะได้เชยโฉมฉายเหมือนหมายมา ฯ ๏ ศรีสุวรรณชวนสามพราหมณ์กับหลาน ไปเตรียมการตรวจค่ายทั้งซ้ายขวา ให้ตีเกราะเคาะฆ้องกลองสัญญา วางเสือป่าแมวเซาคอยเฝ้าฟัง ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่ถือหนังสือบอก ขับม้าออกพักเดียวไม่เหลียวหลัง ถึงลังกาคลาไคลเข้าในวัง ถวายหนังสือตามเนื้อความมี ฯ ๏ พนักงานอ่านว่าข้าพระบาท ทั้งสองราชธิดามารศรี ตั้งอยู่เขาเจ้าประจัญกันไพรี เห็นได้ทีข้าศึกนึกทะนง จึงใช้ให้ย่องตอดลอดไปจับ ได้นายทัพสามพราหมณ์ตามประสงค์ ยังพี่น้องสองกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ จะจับส่งมาให้เสร็จสำเร็จการ แต่โอรสพระอภัยมิได้หลับ กลับล้อมจับย่องตอดยอดทหาร มีฤทธิ์เดชเวทมนตร์แล้วทนทาน ย่องตอดต้านทานตีต้องหนีมนต์ จึงออกรบพบทัพรับปะทะ รบชนะสงครามถึงสามหน ครั้นได้ทีตีทัพถึงอับจน บังเกิดฝนลมกล้าสลาตัน ต้องถอยทัพกลับมารักษาด่าน ประจำการเกณฑ์ตรวจกันกวดขัน ข้าศึกอ้อมล้อมเขาเจ้าประจัญ ยังผ่อนผันคิดอ่านการสงคราม ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงทรงฟังสั่งอำมาตย์ นิมนต์บาทหลวงใหญ่มาไต่ถาม ทัพผลึกศึกเสือเห็นเหลือลาม จะปราบปรามคิดอ่านประการใด ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง ฉลาดล่วงพูดจาอัชฌาสัย จะปราบศึกนึกเห็นไม่เป็นไร กลัวแต่ใจจะไม่ทำเหมือนคำเรา ฯ ๏ นางละเวงเกรงกริ่งต้องนิ่งนึก ฉลาดลึกเหลือรู้ท่านครูเฒ่า จึงนบนอบตอบคำตามสำเนา ข้าพเจ้าได้บำรุงกรุงลังกา ก็ตั้งจิตคิดแต่จะแก้เผ็ด แทนสมเด็จบิตุเรศพระเชษฐา อันองค์พระอภัยแม้ได้มา จะแล่เนื้อเกลือทาให้สาใจ ก็ขัดสนจนอยู่เป็นผู้หญิง มีแต่สิ่งซึ่งพระองค์จะสงสัย วิตกนักจักใคร่ล้วงดวงฤทัย ถวายให้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ฯ ๏ บาทหลวงฟังนั่งนิ่งเห็นจริงจิต จึงช่วยคิดความให้เจ้าไอศวรรย์ อันพวกพลคนอื่นสักหมื่นพัน จะป้องกันศึกเสือเหลือกำลัง แต่เทวีมีบุญการุญราษฎร์ จะคิดฆาตข้าศึกสมนึกหวัง แม้คราวนี้มิทำลายให้พ่ายพัง พวกฝรั่งก็จะสูญตระกูลไป จะลวงล่อพอให้เขานั้นเป่าปี่ พวกโยธีกองทัพจะหลับใหล จึงลวงล้างทางเล่ห์เสน่ห์ใน พระอภัยไม่รอดคงวอดวาย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงกริ่งเกรงศึก จึงว่านึกก็จะสมอารมณ์หมาย แต่หากว่าฆ่าพระอภัยตาย ยังลูกชายกับน้องทั้งสองคน กับทั้งพราหมณ์สามนายก็ร้ายกาจ เคยองอาจออกศึกล้วนฝึกฝน ชำนาญในไตรเพทด้วยเวทมนตร์ ทั้งคงทนแทงฟันไม่บรรลัย จะแค้นนักหักโหมเข้าโรมรุก ฉันนี้ทุกข์ที่จะต้านทานไม่ไหว จะรับรองป้องกันทำฉันใด จึงจะให้ศึกเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ บาทหลวงว่าถ้านายถวายชีวิต จะรับคิดเข่นฆ่าโยธาหาญ จะไปด้วยช่วยกันประจัญบาน เอาเพลิงผลาญเสียให้ยับทั้งทัพชัย ฯ ๏ นางทรงฟังสังฆราชฉลาดล้ำ แม้ตามคำเอาชนะพอจะได้ แค้นแต่ตัวกลัวจะปะพระอภัย จะอ่อนใจเสียไม่ฆ่าด้วยการุญ แล้วแค้นว่าฆ่าพ่อไม่ขอพบ คิดจะรบรวดเดียวด้วยเฉียวฉุน จึงกราบพระครูเฒ่าเจ้าประคุณ จงการุญไปด้วยได้ช่วยกัน แล้วสั่งให้ไปเทียมที่รถที่นั่ง ทั้งรถสังฆราชเลิศล้วนเฉิดฉัน ยกโยธาห้าหมื่นปืนทั้งนั้น ไปตั้งเขาเจ้าประจัญป้องกันเมือง ฯ ๏ ฝ่ายสามนางต่างพากันมาเฝ้า แล้วทูลเล่าข้อความไปตามเรื่อง ออกชิงชัยไพร่นายตายก็เปลือง ข้าศึกเนื่องหนุนกันประจัญบาน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง จะดูท่วงทีศึกที่ฮึกหาญ ชวนลูกสาวเจ้าลังกาขึ้นปราการ ตรวจหน้าด่านเชิงเทินเที่ยวเดินดู เห็นทัพล้อมพร้อมพหลพลผลึก กระหึมฮึกโห่ลั่นสนั่นหู ทั้งหกค่ายรายรอบริมขอบคู กระบวนปูเปิดก้ามตามตำรา จึงขึ้นป้อมพร้อมพรั่งนั่งเก้าอี้ ดูท่วงทีทัพศึกแล้วปรึกษา แต่งเป็นสารการกษัตริย์ขัตติยา ไปเจรจากับพระอภัยมณี เป็นใจความตามขนบที่รบพุ่ง ให้ลือเลื่องเฟื่องฟุ้งทุกกรุงศรี ใส่กล่องแก้วแล้วปิดผนิดดี ให้เสนีราชทูตไปพูดจา ฯ ๏ เสนานำคำนับแล้วรับสาร มาใส่พานมรกตขึ้นรถา ออกประตูคู่แห่แตรลังกา เป่าไปหน้ารถทั้งกังสดาล ถึงกองทัพยับยั้งอยู่ข้างนอก ให้ร้องบอกประกาศราชสาร พระอภัยให้ถามตามโบราณ ครั้นทราบการก็ให้รับมาพลับพลา พระออกนั่งยังที่เก้าอี้รัตน์ สองกษัตริย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา ทหารล้อมพร้อมพรั่งฟังกิจจา เจ้าโมราคลี่สารออกอ่านพลัน ฯ ๏ ในสาราว่าพระองค์ดำรงราชย์ บรมบาทบังอรอัปสรสวรรค์ ทรงพระนามตามยศทศธรรม์ ละเวงวัณฬาลบภพไตร บำรุงราษฎร์ศาสนาให้ผาสุก ประเทศทุกภาษาให้อาศัย แต่รบรับกับองค์พระอภัย สงสารไพร่พลตายเสียก่ายกอง เหมือนโจรไพรไม่มีอิสริยยศ จะปรากฏความชั่วให้มัวหมอง คิดจะขอต่อตีกันพี่น้อง สองต่อสองสงครามตามโบราณ เราเพลี่ยงพลั้งลังกาอาณาเขต เป็นของเชษฐาสิ้นทั้งถิ่นฐาน เราชนะจะเอาสัตย์ปฏิญาณ แล้วปล่อยไปไม่สังหารผลาญชีวา ถึงวอดวายภายหลังได้สรรเสริญ จะอยู่เกินกัปกัลป์ชันษา แม้ไม่สู้ผู้หญิงทิ้งศัสตรา ก็เลิกทัพกลับไปหานางมาลี ฯ ๏ พระอภัยใจซื่อถือว่าหึง ยิ่งคิดถึงนางวัณฬามารศรี ปราศรัยทูตพูดถามความบุตรี ว่านางมีลูกผัวคือตัวใคร ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสรรเสริญให้เพลินจิต ใครจะคิดเคียงคู่พระสูริย์ใส กษัตรามาจบภพไตร แต่พระทัยเทพินไม่ยินดี อันพี่น้องสององค์พงศ์กษัตริย์ อยู่ปรางค์รัตน์ร่วมชีวามารศรี จึงชุบเลี้ยงเพียงพระราชบุตรี เสกเป็นที่พระธิดายุพาพาล แล้วทูลถามตามทำนองว่ากองทัพ จะรบรับหรือจะล่าโยธาหาญ จงออกโอษฐ์โปรดตรัสดำรัสการ ขอประทานแต่พอไปได้กราบทูล ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นนิ่งจึงชิงตรัส อันกษัตริย์สูงใหญ่เจ้าไอศูรย์ สงวนยศงดงามตามประยูร ต่ำตระกูลก็ให้ข้าเข้าราวี เหมือนหญิงสู้ผู้ชายเสียดายยศ เปรียบเหมือนคชสารสู้กับหนูผี เหวยอำมาตย์ราชทูตช่างพูดดี เจ้ามึงมีผัวชู้กูรู้ความ อันพระองค์ทรงยศทศพิธ มิได้คิดทำบาปที่หยาบหยาม เหตุเพราะหญิงสิงหลต้นสงคราม คบสิบสามเมืองมาเป็นสามี ไปรบพุ่งกรุงผลึกจึงนึกโกรธ มาลงโทษนางวัณฬามารศรี แม้โอนอ่อนงอนง้อไม่ต่อตี จะไว้ชีวีโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ ยังกลับซ้ำทำอุบายจะหมายสู้ ไม่ควรคู่ควรฆ่าให้อาสัญ ไปบอกกล่าวเจ้าละเวงของเองนั้น มาสู้กันแต่กับกูจึงคู่ควร ฯ ๏ พระอภัยไม่ชอบตอบพระน้อง อย่าขัดข้องเคืองขุ่นทำหุนหวน ถึงผิดชอบตอบคำให้น้ำนวล พอสมควรคุณโทษจะโกรธไย แล้วหยิบสารลานทองมาตรองตรึก ทรงจารึกสาราอัชฌาสัย ไม่พรายแพร่งแต่งตอบตามชอบใจ แล้วส่งให้ทูตกลับไปฉับพลัน ฯ ๏ พระอนุชาอาดูรจึงทูลถาม การสงครามคราวนี้นี่กวดขัน พระลักลอบตอบนางไปอย่างนั้น กระหม่อมฉันทั้งปวงไม่ล่วงรู้ ฉวยเพลี่ยงพลั้งครั้งนี้เป็นที่สุด จะโทรมทรุดเสียยศให้อดสู ทั้งเสียทีกระหม่อมฉันกตัญญู ไม่ได้รู้เรื่องสารรำคาญใจ ฯ ๏ พระเชษฐาว่าเราตีด้วยฝีปาก ไม่เหนื่อยยากโยธาหามิได้ จึงแต่งตอบปลอบนางเป็นทางใน ด้วยเข้าใจกลศึกที่ลึกซึ้ง เราห่างเหินเนิ่นนานไม่พานพบ จึงชวนรบชะรอยจิตจะคิดถึง ที่ท้าทายปลายคำจะรำพึง เป็นเชิงหึงเห็นจะรักหนักอุรา ข้างพวกเจ้าเล่าก็ชายนายทหาร จะคิดการมิได้ห้ามตามประสา เห็นอย่างไรไม่ห้ามตามอัชฌา การของข้าข้าจะตอบตามชอบใจ ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นจะขัดตัดประโยชน์ กลัวกริ้วโกรธกราบลาอัชฌาสัย เที่ยวสั่งซ้ำกำชับทุกทัพชัย พอพลบให้ขานฆ้องกองอัคคี ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์ราชทูตมาถึงด่าน ถวายสารนางวัณฬามารศรี ทูลแถลงแจ้งความตามคดี พระบุตรีคลี่สารแล้วอ่านความ ฯ ๏ ในสาราว่าพระองค์ดำรงโลก มาวิโยคแยกน้องที่ท้องสนาม เสน่ห์นุชสุจริตสู้ติดตาม ได้แต่ความโศกเศร้าทุกเช้าเย็น แม่ยอดมิ่งทิ้งสัตย์เฝ้าจัดทัพ มาตั้งรับพี่ต้องรบใคร่พบเห็น เจ้าตัดรักหักสวาทขาดกระเด็น ไม่ยอมเข็นขืนใจเป็นไมตรี จะรบพุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง ไม่ขัดขวางขวัญน้องอย่าหมองศรี จะสู้ม้วยด้วยสวาทแล้วชาตินี้ พรุ่งนี้พี่จะไปหาให้ฆ่าฟัน ฝากแต่รักหนักแน่นเท่าแผ่นภพ ขอประสบทรามเชยเสวยสวรรค์ จะเกิดไหนขอให้พบประสบกัน ละเวงวัณฬาน้องอย่าหมองนวล แม้นปรานีศรีสวัสดิ์ไม่ตัดรัก จะฟูมฟักเข้าประคองครองสงวน งามละม่อมจอมขวัญอย่ารัญจวน จงคิดควรคำจริงทุกสิ่งอัน ฯ ๏ นางฟังความยามเศร้ายิ่งเหงาง่วง พระบาทหลวงร้องว่าเอทำเหหัน เห็นได้ทีมิทำที่สำคัญ จะมีอันตรายเพราะตายใจ ฯ นางละเวงเกรงครูเห็นรู้แจ้ง ทำเสแสร้งแกล้งถามตามสงสัย ที่ธุระจะไปฆ่าพระอภัย เห็นจะได้ด้วยเล่ห์เพทุบาย แล้วจะเผาเหล่าทหารผลาญข้าศึก ยังต้องตรึกเกรงจะไม่เหมือนใจหมาย ขอทราบเหตุเภทผลกลอุบาย เชิญภิปรายโปรดเล่าให้เข้าใจ ฯ ๏ บาทหลวงว่าถ้าเขาได้เป่าปี่ พวกโยธีกองทัพคงหลับใหล แต่พวกเราเอาปรอทหยอดหูไว้ ให้ถือไฟฟางหญ้าทาน้ำมัน กองดินปืนฟืนรอบเป็นขอบคอก เอาเพลิงคลอกโยธาให้อาสัญ ถึงอยู่ปืนยืนยงคงกระพัน ก็เห็นมันจะไม่รอดคงวอดวาย ฯ ๏ นางวัณฬาว่าชอบมอบทหาร ให้อาจารย์จัดใช้เหมือนใจหมาย จะคิดฆ่าพระอภัยเสียให้ตาย ตามอุบายสั่งสอนแต่ก่อนกาล บาทหลวงรับกลับมาเวลาพลบ ถึงหอรบเรียกฝ่ายนายทหาร นางละเวงวัณฬายุพาพาล คิดรำคาญขัดข้องไม่คล่องใจ ขึ้นประทับพลับพลาตรงหน้าป้อม ดูไพร่พร้อมพลรบครบไสว ทั้งสองนางต่างนั่งระวังระไว คอยช่วงใช้ชิดองค์นางนงคราญ ฯ ๏ นางวัณฬาอาวรณ์ถอนสะอื้น สุดจะขืนข่มรักหักประหาร คิดจะฆ่าพระอภัยเห็นได้การ แต่สงสารสาราที่อาวรณ์ เมื่อแรกรบพบน้องได้ลองจิต เห็นทรงฤทธิ์แสนรักเหมือนอักษร จะตัดรักหักสวาทไม่ขาดรอน สะท้อนถอนฤทัยไม่ไสยา จนยามสองกลองเกราะเสนาะสนั่น นางเคลิ้มฝันฟื้นกรีดหวีดผวา พระบุตรีพี่น้องสองสุดา ทั้งรำภาพยุงองค์นางนงคราญ ครั้นโฉมยงรู้สึกทรงนึกได้ เหมือนพบปะพระอภัยให้สงสาร จึงเล่าความตามนิมิตพิสดาร ว่าอาจารย์จุดเพลิงตะเกิงกอง พระอภัยเธอเข้ามาผวากอด จนกายคอดขาดกระเด็นออกเป็นสอง เธอรวบรัดหัตถ์รับประคับประคอง ข้าร้องร้องรู้สึกก็นึกอาย อัศจรรย์ฝันเห็นไปเช่นนี้ จะเสียทีหรือจะสมอารมณ์หมาย แล้วตรัสถามสามสุดาตำราทาย เคยทำนายบ้างหรือไม่ช่วยให้พร นางยุพาว่าเมื่ออยู่กับครูเฒ่า ได้เรียนเล่าโฉลกตั้งพระสั่งสอน ทายนิมิตมีตำราพยากรณ์ ตามอักษรซึ่งสุบินจินตนา แล้วนั่งนับจับยามตามโฉลก ราชาโชคชัยวันชันษา ทราบนิมิตพิสดารของมารดา นางก้มหน้านึกยิ้มทำพริ้มพราย นางนงลักษณ์ซักถามถึงสามครั้ง กลัวรับสั่งจำทูลทำนายถวาย เห็นองค์พระอภัยจะไม่ตาย จะกลับกลายเกลียวกลมภิรมยา ซึ่งเสียทรงองค์ขาดชาติฝรั่ง จะเสื่อมทั้งศักราชพระศาสนา เธอประคองสองหัตถ์คือสัจจา จะรักษาสัตย์สวาทไม่คลาดคลาย ซึ่งครูเฒ่าเผาเพลิงตะเกิงแสง จะโกรธแรงราวกับไฟมิใคร่หาย แล้วอวยผลมนต์พร่ำรำพันท้าย น้อมถวายพรนบอภิวันท์ ฯ ๏ นางลูบอกตกตะลึงรำพึงคิด นึกพินิจเหมือนจะจริงทุกสิ่งสรรพ์ นางปรึกษาว่าเป็นไปเช่นนั้น จะผ่อนผันแก้ไขฉันใดดี ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างคนก็จนจิต เป็นสุดคิดสุดจะอายชม้ายหนี นางยุพาว่าอือหนังสือมี พระบาลีให้สำหรับเมื่ออับจน จึงฉีกเสื้อเครือปักชักกระดาษ เป็นลายลักษณ์ศักราชชาติสิงหล ว่าถึงยุคทุกภาษาจะมาปน ด้วยตั้งต้นแต่ลูกสาวเจ้าลังกา พระอภัยอย่าได้หมายทำร้ายเขา จะสูญเผ่าพงศ์ชาติพระศาสนา เป็นคู่สร้างนางละเวงวัณฬามา ถึงไตรดายุคแล้วไม่แคล้วกัน แม้บาทหลวงล่วงรู้จะขู่ถาม อย่าบอกความว่าจะฆ่าให้อาสัญ ผู้มีบุญขุ่นหมองช่วยป้องกัน จะสืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี เมื่อแม่เลี้ยงได้ผัวตัวเป็นลูก จงพันผูกพึ่งพาเป็นราศี ตามวิสัยในจังหวัดปัถพี อย่าถือผีพวกฝรั่งเมืองลังกา ทั้งสี่นางต่างฟังต่างนั่งนิ่ง ต่างเห็นจริงจวนดึกจึงปรึกษา พระบาลีนี้คะเนเหมือนเทวา ช่างเขียนมามิได้ผิดสักนิดเลย นางละเวงเกรงฝรั่งสังฆราช จะกริ้วกราดโกรธงกแล้วอกเอ๋ย จึงตรัสถามยุพาว่าทรามเชย เจ้าก็เคยอยู่มากับอาจารย์ จะควรฟังหนังสือในมือเสื้อ หรือจะเชื่อสังฆราชอันอาจหาญ ขอฟังคำรำภาตุลาการ ช่วยว่าขานขาดคำจะทำตาม ฯ ๏ ฝ่ายพี่น้องสองนางต่างคำนับ ที่บังคับควรฟังมีทั้งสาม คือครูเฒ่าเจ้าสุธาบิดาปราม ต้องทำตามตัวจึงได้พึ่งพา ประการหนึ่งถึงที่กลียุค จะปราบทุกเมืองน้อยร้อยภาษา เป็นมนุษย์สุดแต่ชื่อให้ลือชา พี่รำภาเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายรำภานารีคนมีสัตย์ สุดจะขัดสุดจะขืนฝืนนิสัย ต้องทูลความตามจริงทุกสิ่งไป ถึงใจไม่ปรารถนามีสามี เมื่อเคราะห์กรรมจำเป็นเหมือนเช่นข้า ต้องชั่วช้าชายต้องให้หมองศรี เขามาขอพ่อจะให้ไม่ไยดี ประเดี๋ยวนี้ซ้ำร้ายเสียดายตัว เมื่อต่อตีศรีสุวรรณประจัญปล้ำ แสนระยำยังเว้นแต่เป็นผัว จะมีใหม่ให้เป็นสองก็หมองมัว จึงครองตัวตั้งสัตย์ว่าภัสดา เธอม้วยมอดวอดวายจะตายด้วย แม้ไม่ม้วยหมายจะรบไม่คบหา แม้ตรัสใช้ให้ประหารผลาญชีวา จะเชือดคอมรณากับสามี พระแม่เจ้าเล่าก็ยังกำลังสาว ทุกไทท้าวเธอนิยมประสมศรี ฉวยเสียเมืองเบื้องหน้าจะราคี เป็นสตรีสำหรับจะอับอาย พระอภัยให้สัตย์จะตัดศึก จงทรงตรึกตรองการประมาณหมาย แม้ลวงหลอกคลอกเผาเขาไม่ตาย จะฉิบหายสิ้นทั้งเกาะลังกา อันหนังสือมือเสื้อคงเชื่อได้ ด้วยเขียนไว้ก่อนกาลนานหนักหนา คำโบราณท่านว่าคิดผิดตำรา ไปเบื้องหน้าจะลำบากให้ยากเย็น ฯ ๏ นางวัณฬาว่าจะสู้เขาไม่ได้ เมื่อนานไปก็เป็นเครื่องจะเคืองเข็ญ เพราะรบรุกฉุกเฉินเผอิญเป็น ก็เหมือนเช่นอกข้าเมื่อหย่าทัพ พระอภัยไล่ลัดสกัดกั้น หลบไม่ทันเธอก็โถมเข้าโจมจับ จึงลวงล่อขอสัตย์เธอตรัสรับ ไปปลุกทัพโยธีได้หนีมา เมื่อจิตใจไม่ชั่วแต่ตัวช้ำ ผลกรรมจะให้ขาดพระศาสนา ถึงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะนินทา เทวดาท่านก็รู้อยู่ด้วยกัน แต่ได้สั่งสังฆราชพระบาทหลวง ว่าจะลวงล่อฆ่าให้อาสัญ มิทำเขาเล่าจะโกรธทำโทษทัณฑ์ จะป้องกันแก้ไขฉันใดดี ฯ ๏ นางรำภาว่าออกไปเสียให้พบ เธอไม่รบรอนราญเหมือนสารศรี จึงถอยทัพกลับมาเข้าธานี ไม่ได้ทีใครจะฆ่าได้ว่าไร ถึงท่านครูรู้ว่าเราหย่าทัพ ที่การลับแล้วแต่จะแก้ไข เห็นดีพร้อมยอมคิดตั้งจิตใจ จนอุทัยรุ่งรางสว่างตา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชประสาทสั่ง ทหารทั้งไพร่นายทั้งซ้ายขวา เอาปรอทหยอดหูดูปัญญา เก็บฟางหญ้าฟืนตองสำรองไว้ ถ้าโบกธงตรงออกไปคลอกทัพ กำลังหลับเลยตายทั้งนายไพร่ ทหารพร้อมรอมริบรีบกลับไป ทั้งนายไพร่เตรียมตัวทั่วทุกคน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร ละล่ำละลักถึงลูกสาวเจ้าสิงหล ให้หวนเห็นเป็นเหตุด้วยเวทมนตร์ หอมสุคนธ์เหมือนเมื่อได้เข้าใกล้เคียง อยู่อยู่ผีปีศาจให้หวาดหวั่น เหมือนเสียงวัณฬาแว่วแจ้วแจ้วเสียง ลางทีเห็นเป็นนางอยู่ข้างเตียง ลุกขึ้นเมียงมองหาทุกราตรี ซึ่งรอนราญการศึกไม่นึกรบ จะใคร่พบนางวัณฬามารศรี พอเช้าตรู่จู่มาสรงวารี กรีดพระหัตถ์ขัดสีฉวีวรรณ อยู่กลางทัพอับจนสุคนธรส ดอกไม้สดใส่แช่ในแม่ขัน พนักงานพานสุคนธ์คอยฝนจันทน์ ต่างสุคันธรสรื่นค่อยชื่นใจ แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองระยับ เพชรประดับแพรวพร่างสว่างไสว ออกหยุดยั้งนั่งหน้าพลับพลาชัย เสนาในอภิวาทดาษดา พระโอรสอนุชาก็มาพร้อม ประณตน้อมนั่งฝ่ายทั้งซ้ายขวา พระเอื้อนอรรถตรัสความตามสัญญา นางวัณฬาจะออกรบพบกับเรา จะขอสู้ผู้เดียวเกี้ยวให้ติด ใครอย่าคิดมุ่งหมายทำร้ายเขา จะปลอบโลมโฉมงามตามสำเนา การของเรามิใช่การราญณรงค์ ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นผิดจริตนัก จะห้ามหักเห็นไม่ฟังกำลังหลง จึงทูลว่าถ้ากระนั้นให้มั่นคง การณรงค์จะได้ทำแต่ลำพัง แล้วทูลลาพาหลานมาด้านหน้า เขาออกมาเราจะได้ออกไปมั่ง กลศึกลึกเหลือจะเชื่อฟัง คอยระวังตนทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬารัตน์ เป็นยอดขัตติยาหญิงในสิงหล บรรทมตื่นฟื้นองค์เข้าสรงชล ในมณฑลถือเสน่ห์เทวดา กับสามนางต่างเลียนจุดเทียนพร้อม เสกน้ำหอมโซมซาบอาบมังสา ผัดสุคนธ์ปนแก้วแววนัยน์ตา ใครเห็นหน้านึกรักร้องทักทาย ยิ่งเข้าใกล้ได้กลิ่นเหมือนกินเหล้า ให้มัวเมาความรักหักไม่หาย เสน่ห์ยาทาปนกระวนกระวาย อยากใคร่ก่ายกอดจูบใคร่ลูบโลม แล้วทรงเสื้อเครือวัลย์สีจันทร์อ่อน ดังกินนรแน่งน้อยแช่มช้อยโฉม มวยกระหมวดกวดกันน้ำมันโซม อุณาโลมลงแก้มยิ้มแย้มงาม แล้วทรงช้องป้องพักตร์แล้วปักปิ่น ล้วนเพชรนิลแนมมณีสีสยาม ตุ้มหูห้อยพรอยแพรวดูแวววาม นิ้วอร่ามธำมรงค์เป็นวงวาว ใส่เกือกเพชรเสร็จสรรพจับกระบี่ นางนารีเรียงตามทั้งสามสาว แลละม้ายคล้ายเคลื่อนดังเดือนดาว ใครเห็นหาวนอนทั่วทุกตัวชาย ถึงหอรบพบฝรั่งสังฆราช อภิวาทถามไถ่เหมือนใจหมาย เห็นเมฆเบิกฤกษ์ดีจะคลี่คลาย แต่การภายหลังนั้นให้ทันการ ฯ ๏ บาทหลวงว่าอย่าวิตกเร่งยกทัพ เตรียมไว้รับรถาโยธาหาญ นางรับคำอำลาพระอาจารย์ มาพระลานเลยตรงขึ้นทรงรถ สามนารีขี่ม้าสีฟ้าเหลือง ประดับเครื่องเครือกุดั่นกั้นพระกลด จามรชอนตะวันเป็นหลั่นลด ให้ชักรถรีบออกนอกกำแพง ทหารแห่แตรสังข์ประดังเสียง ก้องสำเนียงโห่ฮึกนึกแสยง พวกเกียกกายซ้ายขวาพวกม้าแซง เป็นคู่แข่งเคียงรถบทจร ถึงหน้าทัพยับยั้งคอยฟังศึก พลผลึกออกมารับสลับสลอน แต่รู้ความตามสารไม่ราญรอน ต่างหยุดหย่อนยืนยั้งระวังความ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม เสียงแห่โหมกึกก้องท้องสนาม ให้สืบดูรู้ว่าพะงางาม ออกมาตามสัญญายิ่งอาวรณ์ ขึ้นทรงนั่งหลังพระยาวลาหก เครื่องกระหนกเนาวรัตน์ประภัสสร ฝ่ายพระน้องหน่อกษัตริย์ขึ้นอัสดร คอยราญรอนเรียงมาริมม้าทรง ถึงหน้าทัพยับยั้งพระสังเกต พอสบเนตรทรามสงวนนวลหง สวาทหวังคลั่งคลุ้มใคร่อุ้มองค์ ตะลึงหลงแลเปล่งดังเพ็งจันทร์ จะพิศไหนให้เห็นเหมือนเช่นรัก วิไลลักษณ์ล้ำสุรางค์นางสวรรค์ ขนงเนตรเกศแก้มแต้มอำพัน เหมือนลูกจันทร์แจ่มผ่องละอองนวล ขึ้นดำรงทรงนั่งบัลลังก์รถ ดูช้อยชดโฉมงามทรามสงวน ยิ่งเพ่งพิศฤทธิ์เสน่ห์ให้เรรวน จึงตรัสชวนเชิญนางทางประโลม แม่วัณฬายาหยีเจ้าพี่เอ๋ย กระไรเลยลืมรักเฝ้าหักโหม พี่คนซื่อหรือมาลวงให้ทรวงโทรม จึงรุกโรมติดตามด้วยความรัก แม่คิดร้ายหมายรบไม่คบแล้ว หรือน้องแก้วแลดูยังรู้จัก ที่เมืองใหม่ไฟสว่างกระจ่างพักตร์ แม่นงลักษณ์ลืมแล้วหรือแก้วตา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงฟังเพลงพลอด ระทวยทอดนัยน์เนตรดูเชษฐา ทำเยื้อนยิ้มพริ้มพรายชม้ายมา กิริยาอย่างละครให้งอนงาม แล้วตรัสตอบขอบคุณการุญรัก ที่หาญหักข่มเหงไม่เกรงขาม เหลือละโมบโลภลาภเที่ยวปราบปราม ไม่ทำตามมธุรสพจมาน เมื่อพบกันสัญญาจะหย่าทัพ แล้วไม่กลับแกล้งว่ารักมาหักหาญ เห็นพระทัยไม่ตามความโบราณ จะสู้ต้านต่อยุทธ์จนสุดมือ วันนี้ที่สัญญาได้มาพบ จะรอรบกันกับน้องแต่สองหรือ หรือจะขับทัพใหญ่ไล่กระพือ จึงไม่ถือศัสตรามาราวี ฯ ๏ พระอภัยได้ฟังเห็นยังรัก อุตส่าห์ปลักปลอบประโลมนางโฉมศรี ซึ่งพูดกันสัญญาในราตรี โทษของพี่นี้ไม่ผิดสักนิดเลย ได้ปลุกทัพกลับมาลังกาหมด ว่าฉันปดเสียอีกเล่าแม่เจ้าเอ๋ย คอยรอรั้งฟังความแม่ทรามเชย ก็ลอยเลยลิบหายมาหลายเดือน แสนละห้อยคอยข่าวทุกเช้าค่ำ จนโรคซ้ำเสียใจใครจะเหมือน จึงแต่งสารการรักมาตักเตือน แม่กลบเกลื่อนแกล้งเสด้วยเล่ห์กล จะเลิกทัพกลับไปอย่างไรรอด รักแม่ยอดเยาวมิ่งเมืองสิงหล แม้ชีวีพี่ชายมิวายชนม์ มิให้คนอื่นต้องแม่น้องเลย เจ้าหมายมั่นสัญญาจะมารบ พี่อยากพบนวลละอองดอกน้องเอ๋ย ไม่ณรงค์สงครามกับทรามเชย อย่าแคลงเลยไม่ลวงแม่ดวงใจ ตัวของพี่นี้ถ้าแม้แม่แค้นเดือด ตามแต่เชือดฉะลงที่ตรงไหน จะขอกอดยอดมิ่งไม่ชิงชัย จนขาดใจจึงจะวางให้ห่างทรวง ฯ ๏ นางวัณฬาอาวรณ์ถอนสะอื้น สู้กล้ำกลืนกลัวอำนาจพระบาทหลวง สงสารคำร่ำง้อไม่ล่อลวง เราแกล้งหน่วงเนิ่นช้าเธอว่าจริง เป็นจนใจไม่รู้ที่จะชี้ชอบ จะต้องตอบตามประสามารยาหญิง จึงว่าชะพระช่างกล่าวล้วนเพราพริ้ง ว่าไม่ทิ้งความสัตย์ซึ่งปฏิญาณ จนยินยอมน้อมนบไม่รบพุ่ง เชิญบำรุงราชัยมไหสถาน ขอเป็นข้าสารภาพถึงกราบกราน หนังสือสารก็ยังมีที่พระองค์ จนข้าเฝ้าเขาเย้ยไม่เงยพักตร์ ว่าลานรักพระอภัยจนใหลหลง แต่ตัวของน้องนี้ถือว่าซื่อตรง ต่อตีวงต้านแตกจึงแปลกใจ มาล้อมเขาเจ้าประจัญจึงขันสู้ ก็ทราบอยู่จะชนะพระที่ไหน เหมือนมาวานผลาญชีวันให้บรรลัย แต่พอได้ลือชื่อว่าซื่อตรง อย่าร่ำรักนักเลยน้องเคยพบ เชิญมารบเอาศีรษะตามประสงค์ แล้วลงจากรถาขึ้นม้าทรง ให้ปักธงสัญญาต่อหน้าคน น้องวอดวายฝ่ายพระองค์ทรงสวัสดิ์ ผ่านสมบัติแว่นแคว้นแดนสิงหล พระแพ้น้องกองทัพให้กลับพล ไปเสียพ้นพาราอย่ามาตี อันผู้หญิงสิงหลคนนี้ซื่อ ใครดึงดื้อแล้วก็สู้ไม่รู้หนี ไม่เหมือนอย่างนางสุวรรณมาลี เขารู้ทีทำจริตกระบิดกระบวน ฯ ๏ พระอภัยใจรู้ว่าขู่หยอก จึงเอื้อนออกโอษฐ์พลางทางพระสรวล พี่อาลัยใจรักไม่ชักชวน มาก่อกวนท้าพี่มิอยากรบ จะฆ่าฟันฉันใดก็ไม่ห้าม ก็เล่าความตั้งแต่ต้นไปจนจบ เมื่อแจ้งการสารตอบตามนอบนบ ไม่นึกรบนึกรักน้องหนักครัน เป็นคราวเคราะห์เพราะพระน้องเข้าข้องขัด ว่าให้ตัดญาติกาให้อาสัญ บอกว่าหยอกดอกก็เขาว่าเข้ากัน จึงหุนหันหักด่านดงตาลมา พี่ผิดจริงมิ่งแม่จงแก้แค้น ทำทดแทนเถือหนังแลมังสา ไม่ต่อตีศรีสวัสดิ์เป็นสัจจา พลางขับม้าเข้าไปตรงธงสำคัญ นางละเวงเกรงจะจับขยับกริช พระน้องชิดชักทวนสวนถลัน ฝ่ายสามนางต่างน้าวสายเกาทัณฑ์ ต่างขยั้นหยุดยั้งระวังที ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นหน้ารำภาน้อย ดูแช่มช้อยชื่นจิตด้วยฤทธิ์ผี พึ่งรุ่นสาวขาวล้ำเหมือนสำลี ได้เป็นที่เจ้าเมืองมีเครื่องยศ ยิ่งงามคมสมควรเป็นนวลเปล่ง ยิ่งพิศเพ่งผ่องเหมือนเดือนทรงกลด ยิ่งรวยรินกลิ่นกลั่นคันธรส เหลือจะอดออกปากฝากไมตรี เออนี่แน่แม่รำภานิจจาเอ๋ย กระไรเลยแลพบก็หลบหนี เมื่อแรกเล่าเราก็เหมือนเพื่อนชีวี เจ้าแปลกพี่แล้วหรือน้องลองรำลึก ถึงรบรับอับจนใช่คนอื่น พอได้ชื่นใจบ้างที่กลางศึก ไฉนน้าวเกาทัณฑ์หุนหันฮึก ไม่รำลึกความหลังดูบ้างเลย ฯ ๏ นางรำภาหน้าอายซังตายตอบ ถึงจะชอบเหมือนคำก็ทำเฉย เคยรบสู้รู้จักอย่าทักเปรย ถึงเยาะเย้ยอย่างไรก็ไม่อาย เมื่อรบกันฉันได้ผ้าเช็ดหน้าไว้ ถ้าแม้ไม่มีอื่นจะคืนถวาย แต่หมวกเพชรเม็ดบุษย์สุดเสียดาย จะขอถ่ายเงินทองที่ต้องการ ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางว่าเช็ดหน้าพี่ ถึงจะมีเหมือนหาไม่ด้วยไกลสถาน สู้เปลื้องไว้ให้เจ้าอ้างต่างพยาน ไม่ต้องการเลยแล้วหรือแก้วตา หมวกของเจ้าเอาไว้จะได้ชื่น แล้วจะคืนให้กับมิตรกนิษฐา พลางใช้ไพร่ให้กลับไปพลับพลา เอาหมวกมาจูบต้องประคองเชย พี่ขอยืมปลื้มใจเมื่อไสยาสน์ อย่าเพ่อขาดไมตรีเจ้าพี่เอ๋ย นางแลดูชูผ้าเช็ดหน้าเย้ย ต่างก็เปรยเปรียบปราศรัยกันในที ฯ ๏ สินสมุทรหยุดฟังบนหลังม้า ดูยุพาผกามารศรี ก็ฉุนเฉียวเสียวเสน่ห์ประเวณี ด้วยฤทธิ์ผีพาให้พระทัยเพลิน จะเกี้ยวบ้างอย่างพระอาบิดาเกี้ยว แล้วหน่วงเหนี่ยวนึกคร้ามให้ขามเขิน แต่ยิ้มเยื้อนเอื้อนอายชม้ายเมิน ให้เผอิญอกใจดังไฟฮือ จึงขับม้ามาตรงนางแล้วพลางถาม แม่น้องนามยุพาผกาหรือ ยิงเกาทัณฑ์สันทัดเคยหัดปรือ มีหนังสือมาถึงฉันเมื่อวันซืน ว่าสินทรัพย์นับโกฏิจะโปรดให้ ขอสไบน้องรักแต่สักผืน อย่าหมองหมางจางจืดให้ยืดยืน ใช่คนอื่นคนไกลหาไหนมา ฯ ๏ นางฟังคำน้ำใจมิได้รัก ดูเหมือนยักษ์ร้ายกาจไม่ปรารถนา แกล้งยียวนสรวลสันต์จำนรรจา ขอทานผ้าพี่ชายไม่อายเลย มาตีปล้นขนทรัพย์ไปนับหมื่น ยังขอผืนผ้าเล่าเจ้าแม่เอ๋ย ละโมบนักมักได้ฉันไม่เคย ไม่อายเลยเจียวหรือพี่พูดดีจริง ฯ สินสมุทรสุดจนให้อ้นอั้น ไม่รู้ผันผ่อนแก้แพ้ผู้หญิง แต่ยิ้มยิ้มหงิมง่วงไม่ท้วงติง ทำเมินนิ่งนึกเขินสะเทิ้นที ฯ ๏ พระอภัยได้เห็นสองพี่น้องน้อย ดูแช่มช้อยเช่นวัณฬามารศรี ให้นึกรักทักยุพาสุลาลี มาถึงนี่หน่อยเถิดพ่อจะขอชม ช่างฉอเลาะเราะรายละม้ายเหมือน ได้เป็นเพื่อนชนนีเห็นดีสม ฝ่ายสองนางได้ฟังต่างบังคม พระตรัสชมกระหม่อมฉันด้วยกรุณา ขอบพระคุณอุ่นจิตดังบิตุเรศ จงโปรดเกศกระหม่อมฉันให้หรรษา ช่วยเลิกทัพกลับไปอย่าได้มา จะเห็นว่าโปรดปรานสำราญใจ ฯ ๏ พระฟังนางช่างพลอดฉอดฉอดเสียง เหมือนแม่เลี้ยงเหลือดีจะมีไหน จึงตอบว่าข้าจะขับกองทัพไป มิให้ใครรบพุ่งกรุงลังกา แต่ตัวพ่อขออยู่เอ็นดูด้วย เจ้าจงช่วยปลูกฝังพ่อบ้างหนา แม้รับคำสำคัญที่สัญญา จะให้ล่าเลิกทัพถอยกลับไป ฯ ๏ นางยุพาผกาปรีชาฉลอง พระแกล้งลองเล่นว่าจะอาศัย เมืองผลึกตึกกว้านสำราญใจ จะเห็นอะไรกับฝรั่งเมืองลังกา แม้จริงจังดังตรัสไม่ขัดข้อง สุดแต่ต้องพระประสงค์คงอาสา เชิญพระองค์ทรงธรรม์ได้สัญญา จะเลิกล่าพลขันธ์ไปวันไร ฯ ๏ พระแย้มพลางทางว่านิจจาเอ่ย ไม่ลวงเลยแล้วบิดาจะอาศัย ให้มารดรอ่อนน้อมพร้อมพระทัย พ่อจะให้สัจจังอยู่ลังกา แล้วถอดเพชรธำมรงค์ที่ทรงก้อย วงน้อยน้อยน่ารักเป็นหนักหนา ให้ทหารคลานไปให้ใกล้อาชา ให้ยุพาผกาสุลาลีวัน แล้วว่าพ่อขอมีไมตรีไว้ ถ้าแม้ได้เหมือนคำจะทำขวัญ นางยอบองค์ลงรับแล้วอภิวันท์ พอสายัณห์หย่าทัพต่างกลับไป ฯ ๏ นางวัณฬามายังพระสังฆราช เชิงฉลาดเล่าแจ้งแถลงไข ไม่สมหวังดังจิตที่คิดไว้ ต้องเกลี่ยไกล่กลับมาตรึกตราการ แล้วกราบลามาสำนักตำหนักตึก เปลื้องเครื่องศึกสรงเสวยนมเนยหวาน พอพลบค่ำย่ำฆ้องก้องกังวาน เหล่าทหารเฮฮาพูดจาเกรียว เราไปทัพกับผู้ชายเป็นนายทัพ ต้องรบรับฟันแทงสิ้นแรงเรี่ยว ไปตามเจ้าเราเป็นหญิงดีจริงเจียว ฟังเธอเกี้ยวกันก็เพลินเจริญใจ บ้างร้องถามสามคู่สู้ศึกปาก เดิมพันมากอยู่อ้ายเกลอเสมอไหน เสียงหัวร่อต่อรองกันก้องไป บาทหลวงได้ยินความเที่ยวถามดู ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายต่างพรายแพร่ง บาทหลวงแจ้งจึงว่าเบื่อเหลืออดสู คิดไปว่าราวีมามีชู้ ขี้ปดกูกูจะว่าให้สาใจ แล้วรีบหาข้าเฝ้าเหล่าฝรั่ง มาพร้อมพรั่งที่วัณฬาอยู่อาศัย ขึ้นนั่งเตียงเสียงสำลักกระอักกระไอ แล้วถามไถ่พี่น้องสองสุดา พระอภัยให้แหวนไว้แทนหรือ นางแม่สื่อสองทัพรับอาสา ให้ลวงเขาเจ้าไม่ลวงหน่วงเวลา แล้วมีหน้าไหว้เขาให้เราอาย อ้ายพวกไพร่ได้เห็นมาเป็นโจทก์ จะทำโทษตามบทในกฎหมาย นางแม่สื่อซื้อหน้าฆ่าให้ตาย แต่เจ้านายเนรเทศจากเขตคัน ฯ ๏ ยุพาฟังสังฆราชกริ้วกราดโกรธ จะลงโทษโทษาให้อาสัญ ถึงอับจนกลศึกรำลึกทัน เอากลผันภูผาออกพาที พระคุณเจ้าเฒ่าชราพูดจาหลง ไม่มั่นคงควรหรือกลับถือผี วิสัยศึกลึกซึ้งจึงจะดี ได้รู้ที่แข็งอ่อนได้ผ่อนปรน จะลวงเขาเป่าปี่เขามิเป่า ปากของเขาใครจะงัดเห็นขัดสน จึงยักย้ายถ่ายเทด้วยเล่ห์กล ชื่อว่าฝนดับไฟท่านไม่รู้ พรุ่งนี้เช้าเราจะจับทัพผลึก ให้สิ้นศึกเสียไม่เหลือเหมือนเบื่อหนู พวกนายไพร่ใหญ่น้อยจงคอยดู จะได้รู้ความในทำไมมี อันเยี่ยงอย่างข้างกำหนดในกฎหมาย โทษถึงตายแต่ไม่รบกลับหลบหนี นี่เราปราบราบได้ด้วยไมตรี พอพรุ่งนี้ก็จะเสร็จสำเร็จการ ฝ่ายพระบาทมาตุรงค์ปลงธุระ สั่งให้พระยกออกคลอกทหาร แม้ไม่ทันสัญญาพระอาจารย์ โทษของท่านใหญ่หลวงอย่าท้วงติง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชฉลาดมาก แต่ฝีปากอ่อนแอแพ้ผู้หญิง นึกว่าถูกลูกคนนี้มันดีจริง ตะลึงนิ่งหน้าม้านรำคาญใจ สักครู่หนึ่งจึงว่าถ้าเช่นนั้น ใครไม่ทันโทษหนักถึงตักษัย แล้วลุกลามากำชับทุกทัพชัย ให้นายไพร่พร้อมกันตามสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงบาทหลวง ครั้นดึกดวงเดือนสว่างกลางเวหา จึงตรัสถามความคิดของธิดา ไยสัญญาอย่างนั้นกับท่านครู ฯ ๏ นางยุพาว่าพระคุณการุญเลี้ยง การแต่เพียงนี้มิได้ให้อดสู จะผ่อนปรนกลการผลาญศัตรู ชื่อว่างูกินหางอย่างโบราณ แล้วเล่าความตามคิดไม่ปิดป้อง มิให้ต้องคลอกเผาเหล่าทหาร พระชนนีดีใจเห็นได้การ ค่อยคิดอ่านอุบอิบซุบซิบกัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมิได้หลับ แต่พลิกกลับกลุ้มใจจนไก่ขัน เผยพระแกลแลชมพนมวัน เห็นพระจันทร์แจ่มดวงจะล่วงลับ ค่อยคล้อยเคลื่อนเลื่อนรถสลดเหลือง ดูเรื่อเรืองไรไรมิใคร่ดับ โอ้ดูเดือนเหมือนวัณฬาเมื่อล่าทัพ ไปลิบลับแล้วเมื่อไรจะได้เชย โอ้รินรินกลิ่นพิกุลมาฉุนชื่น ถอนสะอื้นอิงแอบแนบเขนย หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย พระก็เลยหลับไปในไสยา เทพเจ้าเอายุบลมาดลจิต ให้นิมิตฝันฟื้นตื่นผวา พระตรึกไตรในสุบินจินตนา จนเวลารุ่งแจ้งยิ่งแคลงใจ จึงโสรจสรงทรงเครื่องเรืองระยับ ออกหน้าพลับพลาทองม่านสองไข พร้อมโอรสอนุชาเสนาใน จึงตรัสให้สานนเป็นคนทาย ฝันว่าปี่ที่เราเป่าแต่ก่อน เป็นมังกรกับนาคมามากหลาย เข้ารุมรบขบตอดเราวอดวาย ยังแต่กายกรบาทขาดกระเด็น แล้วตัวเราเข้าไปอยู่ในถ้ำ จะคลานคลำไปข้างไหนก็ไม่เห็น พระโยคีมหาคงคาเย็น ชุบให้เป็นคนคืนพอฟื้นกาย ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมบรมนาถ จึงอ่านศาสตร์ไสยมนต์มงคลถวาย แจ้งนิมิตคิดคูณแล้วทูลทาย พระเคราะห์ร้ายเร่งระมัดบำหยัดองค์ อันงูขบรบรอนมังกรกลุ้ม หญิงจะรุมรักใคร่ให้ใหลหลง จะพลัดพรากจากตระกูลประยูรวงศ์ แต่พระองค์นั้นว่าหญิงจะชิงไป ซึ่งมืดสิ้นดินฟ้ามหาสมุทร จะทิ้งพุทธภาวนาภาษาไสย อันโยคีที่ให้ฟื้นใช่อื่นไกล คือผู้ใหญ่อยู่ในศีลพระชินวงศ์ จะชูช่วยด้วยวิชาอานุภาพ ให้เกิดลาภล้นลบสบประสงค์ สืบกษัตริย์อติเรกเป็นเอกองค์ พระญาติวงศ์พรั่งพร้อมเป็นจอมเจิม ในสามวันชันษาชะตาขาด จะร้างราชสมบัติฉัตรเฉลิม ที่ตรงปี่นี้สังเกตเป็นเหตุเดิม จะแรกเริ่มร้ายดีให้มีมา ขอทัดทานผ่านเกล้าอย่าเป่าปี่ ภัยจะมีแม่นแท้แน่หนักหนา เคราะห์นี้ร้ายคล้ายพระรามตามสีดา ไมราพณ์พาลงไปไว้ใต้บาดาล แต่มีชายตายแทนเป็นแม่นมั่น พระเคราะห์ร้ายนั้นถึงฆาตอย่าอาจหาญ จงอยู่ในไสยาสมาทาน จะตั้งศาลบวงสรวงดวงชาตา เสกสะเดาะเคราะห์ร้ายให้คลายเคลื่อน จนดาวเดือนดวงดับลับเวหา จึงสรงชลมนต์พรหมมุรธา ตามตำราไสยเวทประเภทพราหมณ์ ฯ ๏ พระฟังคำทำนายเห็นร้ายนัก ค่อยลืมรักนางละเวงด้วยเกรงขาม แต่มานะกษัตริย์จึงตรัสความ ที่ห้ามปรามสอนสั่งจะฟังคำ จงคิดอ่านการสะเดาะพระเคราะห์ด้วย เหมือนชูช่วยเชิดชุบอุปถัมภ์ แล้วเข้าห้องของพระองค์นั่งทรงธรรม ชักประคำภาวนาสมาทาน ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนมนต์ชะงัด จึงรีบจัดแจงสั่งให้ตั้งศาล กันยาแฝดแปดทิศพิสดาร มาแต่งการข้างที่บัตรพลีราย เอาแพรบางอย่างดีแปดสีซ้อน บนบรรจถรณ์ให้บรรทมโบกลมถวาย แล้วอ่านมนต์สะเดาะสดัมยัมพวาย ธงนารายณ์กรายปัดกำจัดภัย ผ้าแพรสีที่รองขนองนั้น เอาผูกพันภาพยนตร์ด้วยมนต์ไสย เป็นคนธรรพ์รับเคราะห์แล้วเหาะไป พระอภัยค่อยหายกระวายกระวน ที่ผูกพันวัณฬามาแต่หลัง ครั้นคล้ายคลั่งคิดเห็นไม่เป็นผล ปรึกษาพราหมณ์ถามฤกษ์จะเลิกพล เจ้าสานนคอยสนองให้ต้องตาม ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงกริ่งเกรงตรึก กลัวการศึกจะไม่เสร็จคิดเข็ดขาม ครั้นเช้าใช้ให้ยุพาพะงางาม ไปจัดตามกลศึกซึ่งตรึกการ ๏ ฝ่ายพี่น้องสองสุดาลาลีลาศ มาบอกบาทหลวงฝ่ายนายทหาร รับสั่งใช้ให้มาหาพระอาจารย์ เห็นว่าท่านฟั่นเฟือนไม่เหมือนเดิม ฉวยได้ทีมิทำให้สำเร็จ ไม่สิ้นเสร็จเสี้ยนศึกจะฮึกเหิม จะเกณฑ์ไพร่ในลังกาให้มาเติม พอได้เพิ่มพลขันธ์ให้ทันการ แล้วจัดผู้รู้ขนบในรบพุ่ง ไปกันกรุงลังกามหาสถาน เผื่อเพลี่ยงพลั้งตั้งมั่นประจัญบาน ท่านคิดการอย่างเดียวมันเปลี่ยวใจ ฯ ๏ พระฝรั่งสังฆราชตวาดว่า อย่าพักมาผันแปรพูดแก้ไข เราได้รับสัประยุทธ์จะจุดไฟ แม้ไม่ได้แล้วกูจะสู้ตาย จะแต่งใครไปรักษาลังกานั้น ตามจะผันผ่อนการประมาณหมาย แม้ไพรีมิหลับทำกลับกลาย จะต้องตายตามกันเหมือนสัญญา ฯ ๏ นางฟังคำทำเป็นว่าถ้าเช่นนั้น ต้องแยกกันทำสงครามตามประสา คงจะคิดบิดผันจำนรรจา พิฆาตฆ่าพระอภัยเสียให้ตาย แล้วจะรีบไปรักษาลังกาไว้ ที่จุดไฟนี่เป็นการท่านทั้งหลาย บาทหลวงรับกลับว่าแม้ฆ่าตาย เอารูปกายพระอภัยมาให้เรา จงไปวังลังกาเถิดอย่าอยู่ แล้วพวกกูจึงจะออกไปคลอกเผา นางคำนับรับความตามสำเนา นึกว่าเราลวงได้ด้วยง่ายดาย แล้วกราบลามาเตรียมรถที่นั่ง มีบัลลังก์หลังคาฝาพระฉาย พวกนารีที่ให้แต่งแปลงเป็นชาย อยู่เรียงรายซ้ายขวารักษาองค์ สุลาลีนั้นสำหรับให้ขับรถ บอกกำหนดสงครามตามประสงค์ คอยประทับรับพระบาทมาตุรงค์ แล้วรีบตรงไปลังกาในราตรี เตรียมสำเร็จเสร็จสรรพกลับมาเฝ้า ทูลพระเจ้าลังกามารศรี จะออกไปใช้พระอภัยมณี ให้เป่าปี่คนหลับทบทับกัน แล้วจะพามาถวายขึ้นท้ายรถ แต่ทรงยศอย่าเพ่อฆ่าให้อาสัญ คุมไปวังขังไว้ให้หลายวัน กระหม่อมฉันจะอยู่รับกองทัพชัย ด้วยท่านครูผู้เฒ่าจะเอาศพ จะต้องกลบเกลื่อนล้างทางสงสัย แล้วจัดแจงแต่งหนังสือจะถือไป ห่อสไบย้อมยาไว้ช้านาน ทูลลาบาทมาตุรงค์มาทรงม้า ร้องเรียกหาย่องตอดยอดทหาร ให้ตามหลังสั่งเสร็จสำเร็จการ ออกจากด่านเดินมาถึงหน้าทัพ จึงร้องบอกหลอกเหล่าชาวผลึก วันนี้ศึกจะสำเร็จเป็นเสร็จสรรพ นางทรามวัยใช้ธิดามาคำนับ จงเปิดรับเร็วเราจะเข้าไป ฯ ๏ นายประตูรู้ความตามสุภาพ วิ่งไปกราบทูลแจ้งแถลงไข ทั้งสามพราหมณ์ความเดิมให้เคลิ้มใจ จึงสั่งให้รับมาพลับพลาพลัน พอสตรีผีปอบเข้าขอบค่าย มนต์ก็คลายเสื่อมขลังทั้งอาถรรพณ์ นางยุพามาถึงองค์พระทรงธรรม์ บังคมคัลคอยสดับตรับคดี ฯ ๏ พระเพ่งพิศธิดายุพาพักตร์ ให้กลับรักนางวัณฬามารศรี จึงปราศรัยไต่ถามความบุตรี พระชนนีใช้มาว่าอย่างไร ฯ ๏ นางทูลว่าข้าพเจ้าจะเล่าถวาย จะแพร่งพรายพระปัญญาอัชฌาสัย จึงหยิบสารการลับกับสไบ ถวายในพระหัตถ์กษัตรา ฯ ๏ พระยินดีคลี่ผ้าย้อมยาแฝด เปรียบเหมือนแรดได้กลิ่นถวิลหา ประจงจำสำคัญของวัณฬา พระเชยผ้าหอมหวนให้ยวนยี แล้วทรงสารอ่านลิขิตพินิจนิ่ง ว่าน้องหญิงกราบประณตบทศรี ซึ่งทรงศักดิ์รักใคร่เป็นไมตรี ไม่ต่อตีตามสัตย์ปฏิญาณ น้องเห็นจริงสิ่งใดมิได้แหนง แต่กลั่นแกล้งกลัวอายฝ่ายทหาร ให้ธิดามาประณตบทมาลย์ ขอประทานโทษาฝ่าธุลี ด้วยไหนไหนได้ต้องตัวน้องแล้ว เหมือนฉัตรแก้วเก้าชั้นกั้นเกศี ซึ่งสิ่งใดได้ว่าให้ราคี ขออย่ามีเวราข้างหน้าไป ด้วยเป็นหญิงยิ่งยากมาฝากรัก สุดจะชักชายชิดพิสมัย จนแสนโศกโรคช้ำระกำใจ จะกลับไปลังการักษากาย สไบบางต่างน้องอยู่รองบาท อย่าคิดขาดความรักสมัครหมาย หนึ่งสาราอย่าให้รู้ถึงหูชาย น้องต้องอายอนุกูลให้สูญความ พระเชษฐาอาลัยฉันใดมั่ง จงตรัสสั่งถึงละเวงอย่าเกรงขาม ไว้ความลับกับยุพาพะงางาม จะผ่อนตามสารพัดไม่ขัดเอย ฯ ๏ พระทราบสารหวานชื่นไม่ขืนขัด พอรู้ชัดชุบน้ำแล้วทำเฉย เจ้าพราหมณ์คิดผิดใจกระไรเลย ไม่เหมือนเคยทูลถามตามสงกา พระแกล้งตรัสตัดความอย่าถามซัก เป็นเรื่องรักมิใช่ศึกจะปรึกษา พากันไปให้ลับที่พลับพลา จะพูดจาเล่นตามความสำราญ ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ดูรู้กลว่ามนต์เสื่อม พระเนตรเลื่อมลงอีกจึงฉีกสาร เสียพิธีผีสางเข้ารางควาน จึงทัดทานข้อความตามทำนอง เชิญผ่านเกล้าเข้ามณฑลบนแท่นที่ อย่าสูสีถูกกลจะหม่นหมอง เวลาเย็นเช่นนี้ผีคะนอง จะถูกต้องตกไปแก่ไพรี ยังสะเดาะเคราะห์ค้างอยู่กลางฆาต อย่าประมาทเทวดาในราศี อดพระทัยไว้พอรุ่งขึ้นพรุ่งนี้ จึงพาทีเถิดไม่ขัดพระอัธยา ฯ ๏ พระฟังพราหมณ์ยามหลงทรงพระสรวล เออก็ควรหรือมาคิดริษยา นี่ศึกเสือเหนือใต้ที่ไหนมา นางยุพาคนเดียวเปลี่ยวจริงจริง จะพูดเล่นเห็นตัวว่ากลัวผี พูดไม่มีอดสูแก่ผู้หญิง ยักออกไปใครจะล่วงมาท้วงติง ถ้าขืนนิ่งอยู่ไม่ได้ขัดใจกัน จะสะเดาะมิสะเดาะที่เคราะห์ร้าย ถึงไม่หายก็ไม่กลัวดอกตัวฉัน พอพรุ่งนี้ดีร้ายที่ทายนั้น จะเห็นกันมั่นคงไม่สงกา ฯ ๏ ฝ่ายสามพราหมณ์ห้ามไว้เห็นไม่หยุด ความกลัวสุดซึ่งว่าคิดริษยา ต้องคลานคล้อยถอยไปพอไกลตา พวกเสนาใหญ่น้อยพลอยถอยตาม ฯ ๏ พระอภัยได้ช่องไม่ข้องขัด จึงเอื้อนอรรถอ้อนวอนสุนทรถาม ประชวรนั้นฉันใดไม่ได้ความ จงเล่าตามจริงพ่อจะขอฟัง ฯ ๏ นางยุพานารีได้ทีพร้อม ทั้งหว่านล้อมเล่าตามเนื้อความหลัง เมื่อเลิกทัพกลับไปถึงในวัง พวกฝรั่งรู้ประจักษ์ว่ารักกัน ไปบอกพระจะให้เนรเทศเจ้า ลูกนี้เขาจะฆ่าให้อาสัญ พระชนนีมีแต่ว่าจะจาบัลย์ เอาผ้าพันผูกพระศอจะมรณา ฉันพี่น้องร้องไห้รีบไปแก้ ก็นิ่งแน่ไปเหมือนดังดับสังขาร์ จนเที่ยงคืนฟื้นองค์คงชีวา เฝ้าโศกากอดลูกผูกอาลัย จะกลับวังครั้งนี้เพราะชีวิต จะม้วยมิดมั่นคงไม่สงสัย จึงตรัสใช้ให้ข้าเอาผ้าสไบ ถวายไว้ต่างหน้าทูลลาตาย ฯ ๏ พระฟังคำยามรักพระพักตร์สลด เหมือนบัวสดสายฟ้าผ่าสลาย พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย แสนเสียดายด้วยว่าใกล้จะได้การ สะอื้นพลางทางว่ายุพาพ่อ พ่อจะขอตายตามทรามสงสาร ถึงกระไรได้รักษาพยาบาล นี่เป็นการกีดขวางทุกอย่างไป จะหักหาญราญรบให้พบน้อง กลัวจะต้องเคืองขัดถึงตัดษัย จะโอนอ่อนผ่อนผันทำฉันใด จึงจะได้ช่วยรักษาพยาบาล ฯ ๏ นางนิ่งนั่งฟังคำพระร่ำว่า พลอยโศกาแกมกลบ่นสงสาร แล้วเสแสร้งแกล้งว่าดูอาการ จะพบพานกันก็ได้ด้วยง่ายดาย แต่ผ่านเกล้าเล่าไม่ลดพระยศศักดิ์ เป็นแต่รักรูปทรงจำนงหมาย แม้จริงจังดังไม่คิดชีวิตวาย ก็ง่ายดายที่จะพบประสบกัน ฯ ๏ พระอภัยได้ทียินดีนัก จึงประจักษ์แจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ อันยศศักดิ์อัครฐานการทั้งนั้น ไม่ผูกพันสารพัดเป็นสัจจา แม้ได้แต่แม่ละเวงที่เปล่งปลั่ง มาเหมือนดังมุ่งมาดปรารถนา ถึงยากเย็นเป็นไพร่จะไถนา สู้ปลูกงาปลูกถั่วกินผัวเมีย เมื่อเห็นพักตร์จะได้ชื่นทุกคืนค่ำ ช่วยแนะนำอนุกูลอย่าสูญเสีย พ่อร้อนอกหมกไหม้เหมือนไฟเลีย ถึงลูกเมียก็มิได้อาลัยมัน แม้ยุพาการุญทำคุณพ่อ เหมือนชะลอขึ้นไปผ่านวิมานสวรรค์ ถึงยากง่ายตายเป็นพอเห็นกัน จะรักขวัญเนตรสนิทเหมือนธิดา ฯ ๏ นางยินดีที่ได้สมอารมณ์คิด ด้วยทรงฤทธิ์ร่านรักเป็นหนักหนา เคารพรับอภิวันท์จำนรรจา พระสัญญาล้นเหลือลูกเชื่อฟัง ขอผ่านเกล้าเป่าปี่ขึ้นที่ทัพ ให้คนหลับสิ้นสมอารมณ์หวัง จะอาสาพาไปเข้าในวัง ตามไปลังกาอยู่เป็นคู่ครอง ฯ ๏ พระฟังคำรำลึกพอนึกได้ ดีพระทัยที่จะชมประสมสอง หยิบขี้ผึ้งที่เธอทำขึ้นสำรอง โยนให้ย่องตอดบ้างทั้งธิดา อันปรอทหยอดหูสู้ไม่ได้ มันเหลวไหลเข้าในหนังในมังสา แล้วแลดูสุริยนพอสนธยา หยิบปี่มาเป่าเพลงวังเวงใจ เสียงแจ้วแจ้วแว่วโหวยโหยละห้อย โอ้หอมสร้อยเสาวรสแป้งสดใส เสาวคนธ์มณฑาสุมาลัย สักเมื่อไรสาวน้อยจะลอยมา แล้วเป่าเห่เรไรจับใจแจ้ว ค่ำลงแล้วเจ้าจะคอยละห้อยหา ระหวยหิวหวิววับจับวิญญาณ์ พวกลังกากองทัพต่างหลับไป ถึงเคยรู้อยู่วันนั้นไม่ทันรู้ พอแว่วหูหวนวับก็หลับใหล นางยุพานารีก็ดีใจ จึงเชิญให้แต่งองค์ทรงอาชา พระทรงเครื่องเรืองจำรัสดูตรัจเตร็จ ล้วนพลอยเพชรแพรวพราววาวเวหา ทรงมหามาลัยแล้วไคลคลา มาทรงม้าพระที่นั่งอลังการ ฯ ๏ นางยุพาผกาขี่ม้าผาย ร้องเรียกนายย่องตอดยอดทหาร ให้นำหน้าพาข้ามตามสะพาน ตรงเข้าด่านฟังเงียบเซียบสำเนียง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงฟังเพลงปี่ เห็นได้ทีกลัวจะหลับที่ตรับเสียง รีบเรียกเหล่าสาวใช้อยู่ใกล้เคียง ค่อยหลีกเลี่ยงหลบองค์ไปทรงรถ สุลาลีตีม้าให้พาวิ่ง พวกผู้หญิงรีบหนีปี่ไปหมด ออกหลังเขาเจ้าประจัญพ้นบรรพต ค่อยรอรถไปตามทางหว่างศิลา ฯ ๏ ฝ่ายยุพาพาองค์พระทรงศักดิ์ เข้าตำหนักเห็นแต่ห้องเที่ยวมองหา รู้ว่าไปไม่ทันเหมือนสัญญา จึงวันทาทูลพระอภัยมณี ขอพระองค์จงเปลื้องพระเครื่องต้น ได้ปลอมปนไปกับเหล่านางสาวศรี จะตามไปให้เขาเห็นเช่นสตรี ขึ้นนั่งที่ท้ายรถช่วยบดยา ฯ ๏ พระอภัยไม่ขัดสู้ผลัดเครื่อง ค่อยปลดเปลื้องแปลงองค์ทรงภูษา ใส่เครื่องรองของลูกสาวเจ้าลังกา ขึ้นทรงม้าพระที่นั่งกำลังแรง ฯ ๏ นางผกาพาอ้อมออกป้อมหลัง พอมืดทั้งฟ้าดินสุดสิ้นแสง ก้าวสกัดลัดทางมากลางแปลง ถึงตำแหน่งนัดกันพอทันรถ แกล้งเรียกน้องร้องว่าอย่าช้าอยู่ แล้วเดินดูใครไม่สงสัยหมด ถึงท้ายเกรินเชิญองค์พระทรงยศ ขึ้นทรงรถแล้วก็กลับกองทัพชัย ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีมิได้หลับ อยู่ห้องหับตามสัญญาอัชฌาสัย หยิบเครื่องทรงขององค์พระอภัย แล้วพาอ้ายย่องตอดดอดไปทัพ พอเห็นชายคล้ายองค์พระทรงศักดิ์ ให้จับหักคอทั้งกำลังหลับ เอาศพไปในด่านคิดการลับ เครื่องประดับดังกษัตริย์แล้วตัดคอ ขึ้นกำแพงแกล้งร้องก้องประกาศ พระสังฆราชหนีไปข้างไหนหนอ แต่ได้ทีตีระฆังยังรั้งรอ จะตัดคอเสียให้ขาดตามอาชญา ฯ ๏ บาทหลวงหลับวับแว่วถึงแก้วหู เสียงเขาขู่ตกใจไหวผวา ทะลึ่งลุกกุกกักควักขี้ตา เห็นรำภาพูดสำทับให้อัประมาณ จึงว่าศพพระอภัยอยู่ไหนเล่า ชี้ให้เราจะได้ออกคลอกทหาร นางรำภาว่านั่นแน่แลที่ลาน พระอาจารย์ลงไปเห็นเขม้นมอง มีเครื่องทรงมงกุฎอาวุธทิ้ง ประจักษ์จริงให้เปลื้องเอาเครื่องของ แล้วกลับมาหน้าที่ขึ้นตีกลอง พวกนายกองนายทัพยังหลับกรน คนหนึ่งตื่นยืนตะลึงคนหนึ่งหลับ ต้องวิ่งกลับฉวยเชือกเสลือกสลน เที่ยวหวดนายรายปลุกขึ้นทุกคน พวกไพร่พลพลอยตื่นเสียงครื้นครึก ฉวยฟางคบครบมือบ้างถือชุด ขับกันรุดรีบมาค่ายข้าศึก ฝ่ายพวกทัพหลับกรนเสียงคนครึก พลผลึกรมจักรกึกกักกัน พอเย็นย่ำค่ำพลบเห็นคบรอบ ทหารหอบฟางทิ้งวิ่งถลัน บ้างตีฆ้องกลองทัพรับประจัญ ออกไล่ฟันพวกฝรั่งชาวลังกา ฯ ๏ พอเพลิงไหม้ไฟฟางสว่างแจ้ง ต่างทิ่มแทงฟืนทิ้งยิงปืนผา เจ้าพราหมณ์ตื่นยืนขยับจับศัสตรา ขึ้นควบม้าฝ่าฟันประจัญบาน ศรีสุวรรณนั้นคว้าคทาวุธ สินสมุทรพลิกผวามือคว้าขวาน ต่างหนุนไพร่ไล่ต้อนเข้ารอนราญ พวกชาวด่านแตกพลัดกระจัดกัน บ้างทิ้งฟืนปืนผาผ้าขี้ริ้ว ดินประสิวดินดำกำมะถัน เข้าปราการด่านเขาเจ้าประจัญ ต่างต้อนกันขึ้นรักษาหน้าเชิงเทิน ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกามาถึงด่าน เห็นทหารรบรุกถึงฉุกเฉิน ขึ้นตรวจคนบนป้อมแล้วอ้อมเดิน มาเชิงเทินหอรบพบรำภา ต่างดีใจไต่ถามถึงความคิด ช่างมิดชิดเชิงศึกลึกหนักหนา ทั้งพี่น้องสองนางวางวิญญาณ์ ขึ้นพลับพลาทั้งคู่นั่งดูดาว ฯ ๏ พระสังฆราชบาทหลวงลงง่วงโงก กำเริบโรครากเรอเผยอหาว กูประมาทพลาดพลั้งเสียทั้งคราว อีสาวสาวมันจะว่าเป็นน่าอาย ให้นึกทุกข์ลุกออกมานอกป้อม เที่ยวเดินด้อมดูทหารการทั้งหลาย ให้ตีฆ้องกองไฟทั้งไพร่นาย เอาปืนรายเรียงรอบขอบเสมา ฯ ๏ ฝ่ายโยธีศรีสุวรรณกับสินสมุทร ได้ฟางชุดเชื้อฟืนทั้งปืนผา ครั้นไพรีหนีกลับอัปรา ต่างตรวจตราพวกพลสกลไกร ไม่เห็นองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ หรือรบพลัดพวกพลไปหนไหน ให้ตีฆ้องส่องคบหาจบไป ไม่มีใครพบองค์พระทรงยศ พระอนุชาหาสามพราหมณ์กับหลาน เหล่าทหารกลับมาพลับพลาหมด ไม่เห็นองค์ทรงธรรม์ยิ่งรันทด ต่างกำสรดเสียใจทั้งไพร่พล พระอนุชาอาดูรพูนเทวษ น้ำพระเนตรพรั่งพรอยดังฝอยฝน สินสมุทรทรุดเสือกเกลือกสกนธ์ ฟายสุชลโศกาด้วยอาลัย ศรีสุวรรณกลั้นกลืนสะอื้นอ้อน พลางสุนทรถามพราหมณ์ตามสงสัย เป็นเหตุเพราะเคราะห์ร้ายจึงหายไป จะบรรลัยล่วงลับหรือกลับมา ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์รับนับหนึ่งไปถึงสี่ ปถวีวาโยอาโปกล้า แต่เพลิงธาตุฆาตในไส้ชะตา เสียเดชานุภาพพลางกราบทูล ไม่ถึงที่ชีวิตไม่ปลิดปลด เสียแต่ยศหญิงยังช่วยไม่ม้วยสูญ ข้างต้นร้ายปลายปีบริบูรณ์ จะเพิ่มพูนภิญโญเดโชชัย ฯ ๏ พระฟังทายหมายแน่เหมือนแลเห็น จึงว่าเป็นไปเพราะหลงอย่างสงสัย อันพระพี่นี้แต่ก่อนร่อนชะไร จะพอใจจู้จี้ไม่มีเลย แต่ห้ามแหนแม้นเห็นว่าเล่นเพื่อน ถึงรูปเหมือนนางฟ้ามาก็เฉย ทั้งคู่เขาเล่าก็ไม่พอใจเชย พระไม่เคยคบหารักษาองค์ แต่ครั้งนี้อีฝรั่งมันช่างล่อ มีมดหมอทำให้พระทัยหลง เหมือนนกเขาเข้าเพนียดไม่เกลียดกรง โอ้คิดสงสารนักพระจักรา รักสตรีทีไรก็ได้ทุกข์ ไม่มีสุขแสนประหลาดวาสนา เขาออกตัวกลัวสิ้นลิ้นลังกา เรานี้มาเลยหลงเข้าดงรัก ถึงแสนรู้ผู้หญิงเข้าสิงสู่ ก็เสียรู้แสนร้อนดังศรปัก จะรบศึกนึกไม่เห็นเป็นไรนัก แต่รบรักเรานี้คิดอึดอิดใจ พระพี่มีปี่เพราะเสนาะเสียง สู้แต่เพียงฝีปากไม่อยากไหว อียุพาผกาแหละพาไป ทำกระไรจึงจะเห็นว่าเป็นตาย ฯ ๏ สินสมุทรสุดแสนแค้นฝรั่ง จึงว่าครั้งนี้ทวีปจะฉิบหาย เข้าหักด่านผลาญลังกาฆ่าหญิงชาย เท่าเม็ดฝ้ายมิให้เหลือเชื้อลังกา ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นห้ามปรามพระหลาน ไม่แจ้งการทรงเดชพระเชษฐา แม้จับไปให้ประหารผลาญชีวา เกาะลังกานี้จะคว่ำให้ทำลาย แม้กักขังยังดำรงคงชีวิต จะได้คิดแก้ไขเหมือนใจหมาย ใครจะอาสาได้ทั้งไพร่นาย ไปสืบร้ายดีดูให้รู้ความ ฯ ๏ ฝ่ายชาวพลคนทมิฬบ่าวสินสมุทร ชื่อกลบุดปันจุเร็จไม่เข็ดขาม ที่บ้านเดิมเริ่มแรกเป็นแขกจาม มันติดตามมาแต่ครั้งสุหรั่งตาย เข้าขันรับอาสาว่าข้าพเจ้า เคยย่องเบาบ้านเรือนได้เหมือนหมาย ถึงเหล็กไหลใส่กุญแจแก้ทำลาย รู้อุบายบังเหลื่อมให้เลื่อมลับ แม้เข้าได้ไล่ค้นเอาจนทั่ว มิได้กลัวผู้ใดจะไล่จับ แม้พบองค์ทรงฤทธิ์จะคิดรับ ค่อยแฝงลับเล็ดลอดให้รอดมา ฯ ๏ อ้ายมงคลพลรบเมืองรมจักร รักยศศักดิ์พลอยคำนับรับอาสา ข้าพเจ้าเล่าก็ดีมีวิชา เห่าเหมือนหมาไม่มีใครสงสัยแล้ว จะไปด้วยช่วยเห่าให้เขาไล่ ได้เข้าไปวังในได้คล่องแคล่ว แม้ไม่ไล่ย้ายทำนองร้องเหมือนแมว พอทูลแล้วร้องถวายให้หายแคลง คนหนึ่งนั้นขันได้เหมือนไก่แก้ว เสียงแจ้วแจ้วเจื้อยเย็นเป็นกระแสง จะล่อให้ไล่สกัดวิ่งพลัดแพลง พระฟังแจ้งจึงว่าเห็นจะเป็นการ จึงให้พราหมณ์สามคนผูกกลว่าว สายรอกยาวโรยผ่อนหย่อนทหาร ให้แปลงกายคล้ายฝรั่งขึ้นนั่งคาน เจ้าพราหมณ์อ่านอาคมเรียกลมมา เชือกน้ำมันขันกว้านเป็นป่านรั้ง ต้องกำลังลงลิ่วปลิวเวหา ให้หย่อนล่ามข้ามภูเขาเข้าพารา พอเวลาลั่นฆ้องได้สองยาม โพยมบนฝนกลุ้มชอุ่มหมอก ก็โรยรอกลงในวังได้ทั้งสาม อ้ายย่องเบาเข้าหน้าไก่หมาตาม เที่ยวฟังความพูดจาในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬามาบนรถ อลงกตแก้วกระจ่างสว่างศรี ซุ้มหลังคาฝารอบกรอบเหล็กดี นางอยู่ที่แท่นสุวรรณบรรจง ประสาหญิงอิงเขนยเผยสิงหาสน์ แลประพาสพุ่มไม้ไพรระหง ด้วยมืดค่ำทำเป็นไม่เห็นองค์ แต่แสนสงสารพระอภัยมณี น้อยไปหรือซื่อนักเพราะรักน้อง จนถึงต้องปลอมเหล่านางสาวศรี เมื่อรู้แน่แลเห็นอยู่เช่นนี้ จะรู้ที่ฆ่าฟันเธอฉันใด รูปก็ดีปี่เล่าก็เป่าเพราะ ช่างฉอเลาะเหลือดีจะมีไหน พระงามนามงามจริตงามจิตใจ บุรุษในธรณีไม่มีเทียม มาเออองค์ทรงนั่งเกรินหลังกระหนก ฝากระจกแจ่มกายไม่อายเหนียม น่าสงสารผ่านเกล้าเธอเฝ้าเฟี้ยม ตามธรรมเนียมพนักงานพานสำอาง โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณทูลกระหม่อม น้องนอบน้อมไม่ถนัดยังขัดขวาง มิอายเหล่าสาวสวรรค์กำนัลนาง น้องไม่ห่างเหินให้อาลัยเลย จะเชิญองค์ทรงนั่งบัลลังก์รัตน์ ได้คอยจัดจุดบุหรี่พระศรีเสวย จะหมอบเมียงเคียงบรรทมให้ชมเชย โอ้อกเอ๋ยเอกาน่าปรานี นางนึกยิ้มอิ่มใจอยู่ในจิต ด้วยทรงฤทธิ์รักแรงไม่แหนงหนี ทำเสแสร้งแกล้งถามความบุตรี มาถึงที่แห่งหนตำบลใด ฯ ๏ ธิดาน้อยค่อยสนองให้ต้องจิต ยังมืดมิดมิได้เห็นว่าเป็นไฉน แต่พระจันทร์ดั้นเมฆมาไรไร ประเดี๋ยวใจจะสว่างกระจ่างตา ฯ ๏ แสนสงสารพระอภัยวิไลลักษณ์ ค่อยแฝงพักตร์เพ่งพิศกนิษฐา เห็นไวไวไม่ถนัดอัธยา แค้นด้วยฝากั้นกีดอยู่นิดเดียว นึกจะถามความโศกโรคที่เศร้า ก็กลัวเขาเคืองขุ่นจะฉุนเฉียว เหลือลำบากยากยิ่งจริงจริงเจียว จะพูดเกี้ยวก็ประชวรจะกวนใจ จนเดือนหงายฉายแสงแจ้งกระจ่าง ส่องสว่างเวหาพฤกษาไสว กระจกแก้วแวววามเห็นทรามวัย บรรทมในรถที่นั่งดูปลั่งองค์ สำอางอ่อนกรเกยเขนยหนุน งามละมุนละม่อมล้วนนวลหง แต่เสื้อหุ้มพุ่มพวงที่ทรวงทรง เห็นแต่องค์พระวิลาสเพียงบาดตา พระปรางดังปรางทองดูผ่องพ่วง เปล่งดังดวงจันทร์เพ็งเปล่งเวหา เป็นน้ำนวลชวนชื่นรื่นวิญญาณ์ สุดนาสาเสียวทรวงให้ง่วงงง สุลาลีตีม้าให้คลาเคลื่อน เข้าลับเดือนเดินในไพรระหง เห็นกรวดทรายพรายพร่างน้ำค้างลง บุปผาส่งกลิ่นเกลี้ยงเมื่อเที่ยงคืน หอมคัดค้าวสาวหยุดพุทธชาด พระพายพาดพัดเฉื่อยระเรื่อยรื่น น้ำค้างเผาะเหยาะกระเซ็นก็เย็นชื้น ยิ่งดึกดื่นดงรังเสียงวังเวง กวางระเริงเปิงร้องในท้องถิ่น ว่าถึงดินแล้วก็ว่าถึงป่าระเหง จักจั่นแจ้วแว่วหวานประสานเพลง เหมือนละเวงวัณฬาแม่จาบัลย์ พระเฟือนจิตคิดว่าแอบอยู่แนบน้อง พระหัตถ์จ้องจะขยับไปรับขวัญ ก็กีดฝาอ้าค้างด้วยห่างกัน ให้อ้นอั้นอกดังจะพังโทรม กระซิบถามทรามวัยเป็นไรแม่ อย่าท้อแท้นวลน้องจะหมองโฉม ถามเท่าไรไม่ตอบปลอบประโลม พระเนตรโทรมชลนาด้วยปรานี คิดว่านางครางครวญประชวรหนัก เห็นลูกรักนั่งหน้าเป็นสารถี ค่อยย่องเหยียบเลียบริมรถรมมณี สุลาลีแลเห็นทำเป็นทัก นางอะไรไต่มาข้างหน้ารถ มรกตแก้วเก้าเขาจะหัก พระค่อยว่าอย่าอึงคะนึงนัก เจ้าแปลกพักตร์พ่อแล้วหรือแก้วตา เมื่อตะกี้นี้หวีดกรีดกรีดเสียง เหมือนสำเนียงนงลักษณ์แน่หนักหนา เจ้าเข้าไปไต่ถามความโรคา จะรักษาทรามวัยเสียให้คลาย ทูลว่าพ่อขอประทานอยู่งานนวด ถึงเจ็บปวดเป็นไฉนจะให้หาย เคยเรียนดูรู้เส้นที่เป็นตาย อย่าระคายเลยอุตส่าห์รักษาองค์ ฯ ๏ พระธิดาว่าหม่อมฉันไม่ทันทราบ ได้พูดหยาบคายหยามตามประสงค์ ก็คิดเห็นเป็นผิดต่อบิตุรงค์ ขอพระองค์อดโทษได้โปรดปราน ซึ่งจะให้ไปถามความพระโรค เห็นเศร้าโศกไสยาสน์ไม่อาจหาญ อนึ่งนั้นชั้นในก็ใส่ดาล เผยแต่บานแกลลมพอชมไพร ฯ ๏ พระทรงฟังยั้งยืนสะอื้นอั้น จึงผ่อนผันพจนาอัชฌาสัย หรือลูกรักหากเห็นไม่เป็นไร จงบอกให้บิดารู้อาการ ฯ ๏ นางนบนอบตอบว่าข้าพเจ้า ไม่ทราบเกล้าเกศาจะว่าขาน แม้เรียกใช้ได้ประณตบทมาลย์ ถามอาการก็จะทราบได้กราบทูล ฯ ๏ พระชื่นชอบตอบว่าบิดานี้ แม้เทวีล่วงลับจะดับสูญ ไม่ขออยู่ดูพักตร์ศักดิ์ตระกูล พระลูกทูลด้วยเถิดหนาพ่อมาตาม แล้วมานั่งยังเกรินกระหนกรถ แสนกำสรดเศร้าพระทัยจะใคร่ถาม ฝ่ายละเวงวัณฬาพะงางาม ครั้นสามยามเย็นเยียบเงียบสำเนียง เสนาะดังจังหรีดวะหวีดแว่ว เสียงแจ้วแจ้วไก่ขันสนั่นเสียง ทุกก้านกิ่งมิ่งไม้เรไรเรียง ชม้ายเมียงดูพระอภัยมณี เห็นเศร้าสร้อยพลอยทุกข์จะปลุกปลื้ม ให้หลงลืมละเสน่ห์มเหสี จึงเสแสร้งแกล้งว่าสุลาลี เวลานี้หนาวใจกระไรเลย เหลือรำคาญมารดรนอนไม่หลับ เจ้าคิดขับขึ้นสักมุขเถิดลูกเอ๋ย ธิดารับขับถวายอภิปรายเปรย น้ำค้างเชยชื่นชุ่มพุ่มผกา เกสรโรยโชยชายระบายโบก หอมดอกโศกเศร้าสร้อยละห้อยหา เหมือนโศกทรวงง่วงเหงาเปล่าอุรา มาอาทวาอ้างว้างอยู่กลางไพร โอ้พระพายชายเฉื่อยเรื่อยเรื่อยริ้ว หนาวดอกงิ้วงิ้วออกดอกไสว เกสรงิ้วปลิวฟ้ามายาใจ ให้หนาวในทรวงช้ำสุดกล้ำกลืน โอ้รื่นรินกลิ่นกลอยดอกสร้อยฟ้า ทรงแต่สาโรชรวยชวยชวยชื่น หอมกระถินกลิ่นเกลี้ยงเมื่อเที่ยงคืน เหมือนเคยกลืนกลิ่นกลั่นสุคันธา โอ้นางแย้มแย้มเหมือนจะเบือนยิ้ม ให้เชยชิมแช่มชื่นรื่นนาสา ส่งแต่กลิ่นรินร่วงพวงผกา สร้อยสุมาลีแฝงอยู่แห่งไร ภุมรินบินลองละอองอ่อน อาบเกสรเสาวรสซึ่งสดใส เสาวคนธ์มณฑาพอยาใจ ไม่เหมือนได้ดอกฟ้าลงมาเชย โอ้ยามหนาวดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อย จะล่องลอยลับฟ้านิจจาเอ๋ย มิลงมาหน้าบานบัญชรเลย จะได้เชยชมพระศศิธร ฯ ๏ พระอภัยได้สดับขับประเทียบ ค่อยค่อยเลียบรถมาตรงหน้าสมร เห็นทรามเชยเผยสุวรรณบัญชร โฉมสมรอ่อนศรีฉวีวรรณ พระพักตร์ผ่องต้องเดือนดังเยื้อนยิ้ม ดูนุ่มนิ่มนอนหลับน่ารับขวัญ ยิ่งหอมหวนนวลเนื้อด้วยเจือจันทน์ สุดจะกลั้นสุดจะกลัวด้วยมัวเมา จะเข้าไปในห้องก็ข้องขัด เอื้อมพระหัตถ์ลูบโลมโฉมเฉลา พบเขนยเลยหาไล่คว้าเดา นางยิ่งเย้ายุดพระหัตถ์กษัตรา แกล้งตรัสกริ้วว่าใครไฉนนี่ พระว่าพี่สาพิภักดิ์มารักษา ขอทราบโรคโศกศัลย์แม่วัณฬา จะอุตส่าห์แก้ไขเสียให้คลาย จึงจับต้องลองดูด้วยเป็นหมอ หม่อมฉันขอประทานอยู่งานถวาย ให้เสื่อมสร่างทางลมบรรทมสบาย แม้นไม่หายเมื่อยขัดให้ตัดมือ ฯ ๏ นางกลั้นยิ้มพริ้มพักตร์ผลักพระหัตถ์ แล้วแกล้งตรัสว่าพระพี่ดอกนี่หรือ จะรบพุ่งฟุ้งเฟื่องให้เลื่องลือ ไยไม่ถือศัสตรามาราวี เดี๋ยวนี้แต่งแปลงปลอมทำถ่อมยศ ขึ้นปีนรถลอบมาน่าบัดสี ไม่มอดม้วยด้วยว่าเพราะเป็นเคราะห์ดี เช่นพระพี่พวกหมอตัดคอคน ฯ ๏ พระวิงวอนอ่อนหวานประทานโทษ อย่ากริ้วโกรธตรองตรึกนึกฉงน ไม่หมายมาฆ่าตีนีฤมล มาปลอมพลเพื่อจะให้เห็นใจรัก ทั้งรู้ความทรามสงวนประชวรโรค ยิ่งเศร้าโศกแสนวิตกเพียงอกหัก แม้ว่าพี่มิได้ยลวิมลพักตร์ ทรวงจะหักแตกตายวายชีวา จงเห็นเถิดศรีสวัสดิ์ที่สัตย์ซื่อ ต้องดึงดื้อด้วยว่ารักเป็นหนักหนา ไม่ยกโทษโปรดแล้วหรือแก้วตา ช่วยเข่นฆ่าเสียให้ลับที่อับอาย แม้ละไว้ให้พี่อยู่เป็นบุรุษ เห็นแสนสุดที่จะหักให้รักหาย ชีวิตพี่นี่ก็รักแต่หักคลาย ไม่เสียดายเหมือนไม่ได้ดังใจจง จะขอติดพิศวาสไปชาติอื่น ให้ได้ชื่นเชยชมสมประสงค์ ถึงชาตินี้ชีวิตจะปลิดปลง ที่รถทรงนี่แหละเหมือนเป็นเรือนตาย ฯ ๏ นางฟังคำร่ำเพราะเสนาะโสต ชะอ้อนโอษฐ์อาลัยมิใคร่หาย ขืนขู่เข็ญเห็นไม่รอดคงวอดวาย จึงภิปรายเปรียบความตามธรรมเนียม ถึงรักใคร่ใจจริงไม่ทิ้งสัตย์ ขอผ่อนผัดพอให้หายที่อายเหนียม ยังเจ็บไข้ใจเปรียบข้าวเกรียบเกรียม อย่าและเลียมลูบต้องให้หมองมัว น้องหมายมาดชาตินี้ไม่มีชู้ แม้มีคู่ก็ให้เห็นว่าเป็นผัว พระก็ได้ใกล้น้องถูกต้องตัว โดยชั้นชั่วก็ยังรักศักดิ์สตรี ถึงอินทราหน้าเขียวมาเกี้ยวน้อง มิให้ต้องตัวอีกจะหลีกหนี ยังรบสู้อยู่แต่พระอภัยมณี จะร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ มเหสีขี้หึงเหมือนหนึ่งเสือ จะฉีกเนื้อน้องกินเหมือนชิ้นหมู จะเจ็บช้ำคำคารมชาวชมพู เพราะชิงชู้ของเขาเอามาเชย คนทั้งปวงล่วงรู้จะดูหมิ่น เหมือนแผ่นดินไร้หญ้านิจจาเอ๋ย ทั้งต่างรีตกีดขวางยังไม่เคย มิรู้เลยจะคิดอ่านประการใด ฯ ๏ พระแช่มชื่นยืนยิ้มอยู่ริมรถ ดูช้อยชดชื่นจิตพิสมัย จึงสัญญาว่าพี่แต่นี้ไป ไม่จากไกลทรามสงวนนวลละออง จะตามเจ้าเข้ารีตฝรั่งด้วย จนมอดม้วยมิได้คิดเป็นจิตสอง ลูกก็ดีเมียก็ดีทั้งพี่น้อง ไม่เกี่ยวข้องขาดรักจึงหักมา แม่ประชวรส่วนพี่ไข้น้ำใจด้วย จะขอช่วยฟูมฟักอยู่รักษา ด้วยความรักเหลือรักหนักอุรา ไม่เห็นหน้านึกวิตกเพียงอกพัง ฯ ๏ ยุพยงสงสารรำคาญจิต รู้ว่าฤทธิ์รสสุคนธ์คุณมนต์ขลัง เธอผูกพันฟั่นเฝือเหลือกำลัง มิผ่อนมั่งเหมือนอย่างหมายเห็นวายวาง จึงตรัสตอบขอบคุณการุญรัก ที่ถ่อมศักดิ์สารพัดไม่ขัดขวาง แม้มั่นคงทรงฤทธิ์ไม่คิดร้าง น้องจะวางชีพถวายจนวายชนม์ แต่โบราณท่านว่าจะค้าขาย อย่ามักง่ายเงินก็ลองทองก็ฝน เกิดเป็นคนอย่าไว้แก่ใจคน ค่อยผ่อนปรนปรองดองให้ต้องความ ซึ่งทรงศักดิ์รักจะใคร่เข้าใกล้ชิด น้องนี้คิดเขินอายระคายขาม แม้จริงใจไม่กวนทำลวนลาม ก็จะตามใจให้เข้าใกล้กราย กลัวแต่พระจะคะนองเข้าต้องถือ โรคจะรื้อหนักไปมิใคร่หาย จงรั้งรอพอให้ใจสบาย อย่าวุ่นวายวอนว่าได้ปรานี ฯ ๏ พระชื่นชอบตอบความทรามสงวน ไม่ลามลวนเลยนะน้องอย่าหมองศรี แม้กวนแก้วแววตาให้ราคี จงหยิกตีตามจะทำให้หนำใจ ฯ ๏ นางยิ้มพลางทางชักสลักเลื่อน ขยดเขยื้อนแย้มบานทวารไข พระอภัยได้ทีดีพระทัย เข้าข้างในรถทรงอลงการ เห็นนางนอนกรกอดพระทรวงนิ่ง เขนยอิงแอบองค์น่าสงสาร ไม่ถูกต้องครองสัตย์ปฏิญาณ ถามอาการกัลยาด้วยอาวรณ์ แม่เนื้อเย็นเป็นไฉนที่ไข้เจ็บ ให้เมื่อยเหน็บในกายสายสมร หรือคลื่นเหียนเวียนเกล้าให้หาวนอน พระองค์ร้อนหรือว่าเย็นเป็นอย่างไร เห็นนอนนิ่งอิงเขนยไม่เงยพักตร์ สุดจะซักไซ้ถามความไฉน มองเขม้นเห็นโฉมประโลมใจ งามวิไลแลเปล่งดังเพ็งจันทร์ พระปรางทองผ่องพ่วงดูช่วงแช่ม พระหลงแย้มยิ้มขยับจะรับขวัญ ค่อยเชยชื่นกลืนกล้ำกลิ่นอำพัน ละเวงวัณฬาผวาแล้วพาที ประหลาดเหลือเชื่อใจมิใช่หรือ มาต้องถือสารพัดน่าบัดสี เมื่อสัญญาว่าไม่กวนทำยวนยี ประเดี๋ยวนี้ใครเล่ามาเฝ้ากวน ฯ ๏ พระขวยเขินเมินคิดผิดถนัด กอดพระหัตถ์ตอบความทรามสงวน เมื่อตะกี้พี่ถามความประชวร เห็นนิ่มนวลนอนหลับแล้วกลับคราง ด้วยมืดอยู่ดูไกลก็ไม่เห็น ต้องเขม้นมองชิดอย่าคิดหมาง ประจวบเคราะห์เพราะจมูกถูกพระปราง อย่าระคางขอโทษจงโปรดปราน ประชวรนั้นฉันใดที่ในจิต พี่นี้คิดทุกข์แทนแสนสงสาร แม้นตรัสบอกออกให้รู้จะอยู่งาน ให้สำราญโรคคลายสบายองค์ ฯ ๏ นางผินผันกลั้นยิ้มพริ้มพระพักตร์ รู้ว่ารักร้อนใจให้ใหลหลง จึงว่าโรคโศกซูบเสียรูปทรง เพราะทำสงครามคิดผิดทำนอง แต่เสียพลมนตรีแล้วมิหนำ ยังจะซ้ำเสียตัวให้มัวหมอง แม้สำเร็จเสร็จศึกเหมือนตรึกตรอง โรคของน้องก็จะสร่างสว่างทรวง จงทราบความตามเล่าอย่าเซ้าซี้ ประเดี๋ยวนี้ก็จะรุ่งถึงทุ่งหลวง จงนิ่งนอนซ่อนสุรางค์นางทั้งปวง อย่าให้ล่วงรู้แจ้งจะแพร่งความ ซึ่งเมื่อยเหน็บเจ็บปวดจะนวดฟั้น กระหม่อมฉันกลัวบาปไม่หยาบหยาม ถึงกรุงไกรไว้ยศให้งดงาม จะผ่อนตามสารพัดไม่ขัดเลย ฯ ๏ พระฟังนางช่างพลอดเป็นยอดยิ่ง เห็นจริงนิ่งนอนเอกเขนกเฉย แล้วคิดปลอบตอบความว่าทรามเชย อย่าถือเลยความหลังมิบังควร ซึ่งสงครามลามลุกต้องรุกรบ หวังจะพบโฉมงามทรามสงวน เป็นกุศลดลใจจึงใคร่ครวญ อย่าหมองนวลนึกการที่ราญรอน จะรักน้องครองมิตรพิศวาส ไม่สิ้นชาติก็ไม่ทิ้งมิ่งสมร จนล่วงลับกัปกัลป์พุทธันดร อย่าอาวรณ์ว่าจะร้างให้ห่างเชย ซึ่งห้ามพี่มิให้ต้องแม่น้องหญิง จะสู้นิ่งนั่งเพียงเคียงเขนย ถ้าถูกบ้างพลั้งมืออย่าถือเลย ขอชมเชยแต่สไบพอใจคลาย แล้วทรงคลี่สีนวลที่หวนหอม ออกห่มกรอมนั่งบังคนทั้งหลาย ค่อยชื่นจิตชิดเฉียดเบียดสบาย นางเอียงอายแอบเขนยทำเฉยเชือน พระหอมกรุ่นอุ่นใจปราศรัยถนอม แม่เนื้อหอมหาไหนจะได้เหมือน นางถอยหนีมิให้ชิดทำบิดเบือน แกล้งร้องเตือนพระธิดาขับพาชี พอตกทุ่งรุ่งรางสว่างแจ้ง เห็นกำแพงป้อมประตูบูรีศรี พวกเกณฑ์แห่แต่บรรดาฝูงนารี มิได้มีใครรู้ว่าผู้ชาย ด้วยทรงแปลงแต่งอย่างนางฝรั่ง แล้วนั่งบังรถาฝาพระฉาย ทั้งมนตรีมิให้ใครเข้าใกล้กราย ให้เดินรายริมทางมากลางแปลง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาบนหน้าที่ ครั้นรวีวรรณสว่างกระจ่างแสง เห็นรถทรงธงทองทั้งกองแซง ก็รู้แจ้งว่าลูกสาวเจ้าลังกา พวกขุนนางต่างเปิดประตูรับ คอยคำนับเรียงรายทั้งซ้ายขวา ฝ่ายสุลาลีวันกัลยา บอกบรรดาหมื่นขุนพวกมุลนาย ประชวรหนักจักเข้าเฝ้าไม่ได้ จงกลับไประวังการท่านทั้งหลาย พวกนารีที่แต่งแปลงเป็นชาย ให้เที่ยวรายตรวจตรารอบธานี แล้วขยับขับพระยาม้าพยศ รีบชักรถเข้าประตูบูรีศรี ไม่ประทับกับเกยเคยทุกที ประเทียบที่อัฒจันทร์ชั้นชาลา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ดำเนินนาดนำเสด็จพระเชษฐา ขึ้นปรางค์ทองห้องในที่ไสยา ชาวลังกามิได้รู้ทั้งบูรี เรียกธิดามาเป็นคนปรนนิบัติ ประจงจัดเครื่องอานพานพระศรี ถวายองค์ทรงศักดิ์ด้วยภักดี แล้วพาทีเพทุบายให้ตายใจ เชิญบรรทมชมห้องของน้องบ้าง ให้เหมือนอย่างเมืองผลึกอย่านึกไฉน แต่ตัวของน้องยาจะลาไป แก้สงสัยเสียให้สิ้นที่นินทา แล้วลาออกนอกห้องจะลองจิต แกล้งป้องปิดฉากชั้นที่กั้นฝา ชวนสาวใช้ไปประทับอยู่พลับพลา กับธิดาร่วมจิตคิดอุบาย ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง เขาล่อลวงหลงเฟือนไม่เหมือนหมาย สำคัญว่าฆ่าพระอภัยตาย ยังลูกชายกับน้องแต่สองคน จะแค้นนักหักโหมเข้าโรมรุก ยิ่งกว่าทุกครั้งคราโกลาหล จำจะลวงหน่วงทัพให้กลับพล ด้วยเล่ห์กลกันสมุทรยุทธนา จึงสั่งฝ่ายนายทหารเป็นการลับ จงบอกกับไพร่นายทั้งซ้ายขวา ว่าองค์พระอภัยจับได้มา ไม่เข่นฆ่าเสียยังคุมขังไว้ ศพนั้นเราเอาใส่ไว้ในตึก อย่าให้ศึกสอดเห็นว่าเป็นไฉน ให้คนล้อมพร้อมพรั่งระวังระไว อย่าให้ไพร่พลแจ้งจะแพร่งพราย ให้ข้าศึกนึกหน่วงเป็นห่วงเจ้า จะลวงเผาเสียให้ได้ดังใจหมาย พวกนายทัพรับความตามอุบาย ดูศพตายคิดว่าพระอภัยมณี หามเข้าไว้ในตึกแต่ดึกดื่น แต่พวกอื่นมิได้เห็นว่าเป็นผี อยู่พร้อมพรั่งนั่งยามตามอัคคี ทหารตีเกราะกลองก้องโกลา ฯ ๏ ส่วนสามนายชายปลอมเที่ยวอ้อมแอบ คอยฟังแยบคายความตามประสา เข้าเดินปนเหล่าฝรั่งเมืองลังกา เที่ยวตรวจตราไปจนรอบขอบกำแพง ถึงตึกศพพบกันสำคัญแน่ รู้กระแสความนั่งคอยฟังแฝง ว่าคุมไว้ในตึกยังนึกแคลง จะใคร่แจ้งกิจจาปรึกษากัน จะย่องเบาเข้าไปดูให้รู้แน่ แต่ประแจใส่ตรวจไว้กวดขัน ทั้งสองนายไก่สุนัขชักชวนกัน ไปเห่าขันขึ้นพอให้เขาไล่นาย เราจะได้ไขประแจเข้าแก้เจ้า คงจะเอาไปได้เหมือนใจหมาย เห็นพร้อมใจไม่กลัวที่ตัวตาย ต่างแยกย้ายย่างย่องเข้ามองเมียง มาลับไฟไก่นั้นก็ขันเจื้อย เสียงฉ่ำเฉื่อยเอื่อยอีเอกวิเวกเสียง สุนัขหอนวอนโหวยโหยสำเนียง แล้วหลีกเลี่ยงลัดแลงเข้าแฝงตน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งพรั่งพร้อมที่ล้อมตึก ได้ยินนึกแหนงจิตคิดฉงน บ้างหาหมาหาไก่เที่ยวไล่ค้น มันล่อวนเวียนวงให้หลงแล บ้างจุดไต้ไล่มองบ้างส่องคบ มันหลีกหลบลัดทางไปห่างแห อ้ายย่องเบาเข้าไปไขประแจ เข้าตึกแต่ลำพังไม่รั้งรอ เปิดอังแพลมแจ่มแจ้งเหมือนแสงคบ เห็นแต่ศพเสียใจกระไรหนอ ชะรอยองค์พงศ์กษัตริย์เขาตัดคอ หยิบหัวห่อผ้าเปลื้องเอาเครื่องทรง กลับออกไปใส่ประแจแก้สงสัย แล้วอ้อมไปพบเพื่อนเหมือนประสงค์ พอรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยง เที่ยวเดินวงเวียนดูประตูราย พอพวกเหล่าฝรั่งข้างหลังด่าน เปิดทวารออกให้ไพร่ทั้งหลาย ออกเกี่ยวหญ้าหาเสบียงมาเลี้ยงกาย ทั้งสามนายปลอมปนพลออกไป แล้วมาถึงที่ประทับไม่ยับยั้ง เข้าเฝ้าบังคมแจ้งแถลงไข เครื่องประดับกับศีรษะพระอภัย ถวายให้สองกษัตริย์ทัศนา ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นพินิจคิดว่าแน่ ตะลึงแลสังเวชพระเชษฐา สะอื้นอ้อนซบองค์ลงโศกา พระชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย หน่อนรินทร์สินสมุทรสุดสลด โศกกำสรดโศกาเกศาสยาย พวกข้าเฝ้าเจ้าพราหมณ์ทั้งสามนาย ต่างฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย ทั้งโยธีรี้พลพหลทหาร พลอยสงสารแซ่ซ้องเสียงร้องไห้ สินสมุทรสุดแสนที่แค้นใจ ว่าไหนไหนพระบิดาชีวาวาย ข้าขอรับอาสาพาทหาร เข้าหักด่านเอาให้ได้ดังใจหมาย พบฝรั่งลังกาฆ่าให้ตาย ทั้งไพร่นายรีบรัดไปจัดกัน ฯ ๏ จอมกษัตริย์ทัดทานว่าหลานรัก อย่าร้อนนักนึกก่อนค่อยผ่อนผัน อันภูมิฐานด่านเขาเจ้าประจัญ เป็นที่มั่นคงอยู่อย่าวู่วาม เห็นจะไว้ไกกลทุกหนแห่ง ป้อมกำแพงปีนยากล้วนขวากหนาม ให้พวกเราเข้าไปจุดไฟลาม จึงค่อยตามกันเข้าไปทั้งไพร่นาย จะได้พบศพองค์พระทรงเดช มาต่อเกศเสียให้ได้อย่าให้หาย แม้นมิได้ไม่ลับที่อับอาย แล้วสั่งนายช่างสำหรับประดับประดา ให้รีบรัดจัดทำเป็นโกศแก้ว สำเร็จแล้วใส่เกศพระเชษฐา ให้จัดแจงแต่งไว้ในพลับพลา เครื่องบูชาพร้อมเพรียงตั้งเรียงราย แล้วรางวัลบรรดาที่มีความชอบ ซึ่งลักลอบเอาศีรษะมาถวาย ให้มียศงดงามทั้งสามชาย เป็นตัวนายฝ่ายทหารผลาญศัตรู แล้วเกณฑ์คนพลรบไว้ครบถ้วน ตั้งกระบวนยาตราเป็นราหู ให้ครบนามตามตำรับฉบับครู จะโจมจู่จับเขาเจ้าประจัญ มีกรกายซ้ายขวามีหน้าปาก จะข้ามขวากหนามกำแพงล้วนแข็งขัน เป็นหมู่หมวดตรวจจัดให้ทัดกัน ได้ครบครันเตรียมไว้ทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผการำภาสะหรี นั่งอยู่ที่พลับพลาเวลาสาย พอเห็นเหยี่ยวเฉี่ยวนกมาตกตาย เป็นลางร้ายจับยามตามตำรา ก็รู้ว่าข้าศึกจะฮึกหาญ มาตีด่านได้แท้แน่หนักหนา จึงว่ากรรมเอ๋ยกรรมพี่รำภา ศึกจะมาแม่นมั่นแล้ววันนี้ เราไปฟังสังฆราชพระบาทหลวง จะล่อลวงล้างศึกหรือนึกหนี นางรำภาว่าไปขู่เธอดูที แม้ศึกมีเราได้ช่วยเธอด้วยกัน แล้วต่างแต่งแปลงกายเหมือนชายชาติ ใส่เกราะคาดเข็มขัดรัดกระสัน เหน็บอาวุธยุทธนาสารพัน ไฟน้ำมันมีสำหรับอยู่กับกาย ให้ผูกม้ามาประทับสำหรับรบ เตรียมให้ครบเครื่องอานการทั้งหลาย เรียกสตรีที่ให้แต่งแปลงเป็นชาย กับทั้งนายย่องตอดตาบอดมา กำชับสั่งนั่งดูอยู่ที่นี่ ถ้าเหตุมีแล้วให้ช่วยฉันด้วยหนา มันร้องฮื้อรื้อกลับนั่งหลับตา อยู่พลับพลาพร้อมพรั่งคอยฟังความ ฯ ๏ ฝ่ายสองนางทางเดินดำเนินนาด มาถึงบาทหลวงไหว้แล้วไต่ถาม ท่านประมาทอาจองในสงคราม ถ้าทำตามกฎหมายถึงวายชนม์ แต่ยกโทษโปรดไว้ยังไม่ฆ่า ด้วยเป็นอาจารย์ท้าวเจ้าสิงหล ให้แก้ผิดคิดอ่านการประจญ จะผ่อนปรนเป็นไฉนจะใคร่รู้ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชตวาดว่า มึงอย่ามาร่ำเรื่องให้เคืองหู ถึงลูกสาวเจ้าลังกาจะฆ่ากู ก็จะสู้ตายไปมิใช่การ แล้วงกเงิ่นเดินมาเรียกม้าใช้ มาสอนให้พูดจาไปว่าขาน ช่วยล่อลวงหน่วงศึกเหมือนตรึกการ จะคิดอ่านเอาชัยดังใจจง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังคำที่กำชับ เคารพรับรู้ความตามประสงค์ มาขึ้นม้ากล้าหาญชาญณรงค์ รีบควบตรงออกประตูบูรพา ถึงกองทัพยับยั้งอยู่ข้างนอก แล้วร้องบอกไปว่าเราจะเข้าหา ศรีสุวรรณนั้นให้รับมาพลับพลา แล้วว่ามาทำไมเร่งให้การ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังคำจึงร่ำเล่า เหตุด้วยเจ้าเมืองผลึกทำฮึกหาญ พวกกองทัพจับเป็นไปเย็นวาน จะล้างผลาญเสียให้ตายวายชีวี เธอวิงวอนงอนง้อขอชีวิต ว่าไม่คิดรบพุ่งเอากรุงศรี พระปิ่นเกล้าเจ้าลังกาก็ปรานี ให้ข้านี้มาแถลงให้แจ้งใจ ว่าพวกพ้องของท้าวเจ้าผลึก จะทำศึกเคี่ยวเข็ญเป็นไฉน หรือจะง้อขอรับกันกลับไป จะโปรดไว้ชีวาไม่ฆ่าตี จงเลิกทัพกลับหลังไปฝั่งน้ำ อย่าอยู่ทำศึกอีกเร่งหลีกหนี จึงจะส่งองค์พระอภัยมณี ไปบุรีเหมือนแต่ก่อนอย่ารอนราญ แม้พวกพ้องกองทัพไม่กลับหลัง จะขืนตั้งทำศึกด้วยฮึกหาญ จะฆ่าตีพี่ชายให้วายปราณ เสียบประจานไว้ที่คูริมบูรี ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสว่าอ้ายฝรั่ง มาหลอกทั้งเป็นเป็นเหมือนเช่นผี แต่เป็นทูตพูดจาจะฆ่าตี ก็ไม่ดีอย่าเพ่อทำเอาจำไว้ พวกกองทัพจับลากกระชากฉุด สินสมุทรยินดีจะมีไหน ให้เปลี่ยนเปลื้องเครื่องแต่งจะแปลงไป ได้เข้าในด่านเขาเจ้าประจัญ จะจุดไฟไล่ฆ่าโยธาหาญ เปิดทวารไว้รับกองทัพขันธ์ ท่านทั้งหลายนายทัพเร่งขับกัน ไปช่วยฟันอ้ายฝรั่งชาวลังกา ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบแล้ว พระหลานแก้วคิดนี้ดีหนักหนา แล้วสั่งฝ่ายนายหมวดให้ตรวจตรา พร้อมบรรดาหมื่นขุนพวกมุลนาย ล้วนเคยศึกฝึกคล่องทำนองยุทธ์ ถืออาวุธดั้งดาบกำซาบสาย หน่อกษัตริย์จัดแจงแกล้งแปลงกาย ให้ละม้ายเหมือนอ้ายม้าใช้มา แต่ชั้นในใส่ทรงเครื่องยงยุทธ์ เหน็บอาวุธอยู่กับกายทั้งซ้ายขวา ใส่หมวกดำคล้ายฝรั่งชาวลังกา ขึ้นขี่ม้าควบออกนอกทวาร กำลังโกรธรีบรุดไม่หยุดยั้ง ตรงมายังข้าศึกด้วยฮึกหาญ ฝ่ายฝรั่งพรั่งพร้อมล้อมปราการ เปิดทวารไว้ท่าว่าม้าใช้ หน่อนรินทร์สินสมุทรไม่หยุดอยู่ เข้าประตูดูคนสับสนไสว เห็นดินปืนยืนหยุดฉวยจุดไฟ เที่ยวจุดไหม้ร้านโรงขึ้นโพลงควัน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายพวกนายทัพ จะมาดับเพลิงชิงวิ่งถลัน พระหน่อไทไล่พิฆาตเที่ยวฟาดฟัน สิ้นชีวันวอดวายลงหลายคน บาทหลวงดูรู้ว่าปัจจามิตร ร้องให้ปิดประตูจับวิ่งสับสน สินสมุทรจุดไฟหลายตำบล ไล่ฆ่าคนผลักบานทวารพัง ศรีสุวรรณนั้นขับทัพทหาร เข้าในด่านได้สมอารมณ์หวัง ทั้งสามพราหมณ์สามทัพขับประดัง เข้าล้อมหลังเมืองได้ไล่ฆ่าพล พวกวิรุญกุนตังฝรั่งแขก ต่างตื่นแตกตายยับกันสับสน เสียงครื้นครั่นหันเหียนเที่ยวเวียนวน บ้างจวนจนโจนกำแพงตะแคงคราง ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผการำภาสะหรี พากันหนีเพลิงอ้อมมาป้อมขวาง พระหน่อไทไล่ลัดสกัดทาง ทั้งสองนางหนีต่อมาหอรบ เห็นพวกพราหมณ์ตามจับก็กลับสู้ ยิงธนูพลาดเพลี่ยงหลีกเลี่ยงหลบ พอพวกพ้องย่องตอดดอดมาพบ ช่วยกันรบหักออกนอกกำแพง แล้วสองนางต่างคนขึ้นขี่ม้า พอเวลาทินกรก็อ่อนแสง พบไพรีตีสกัดหลบลัดแลง ด้วยรู้แห่งหนทางที่กลางไพร ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายหนีพรายพลัด แตกกระจัดกระจายทั้งนายไพร่ พวกกองทัพจับฟันให้บรรลัย ที่หนีได้ไปยังเมืองลังกา ฯ ๏ ฝ่ายศรีสุวรรณวงศ์ทรงสินธพ คิดถึงศพทรงเดชพระเชษฐา ขึ้นหยุดยั้งนั่งประทับบนพลับพลา ให้โยธาดับไฟในปราการ แล้วตีฆ้องกลองสัญญาโยธาทัพ ให้ถอยกลับมาชุมนุมคุมทหาร ครั้นพรั่งพร้อมจอมกษัตริย์ตรัสสั่งการ เราได้ด่านแล้วก็ยังแต่ลังกา ที่รอรั้งหวังใจจะใคร่พบ ซึ่งซากศพทรงเดชพระเชษฐา แล้วใช้ให้ย่องเบาไปเอามา บนพลับพลาพลางแลเห็นแต่กาย จะเพ่งพิศจิตใจให้สังเวช น้ำพระเนตรภูวนาถไม่ขาดสาย สินสมุทรสุดแค้นแสนเสียดาย ยิ่งฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่เป็นนายคนตายนั้น เห็นสำคัญแขนผีนั้นมีไฝ ทูลสนองสองกษัตริย์ขึ้นบัดใจ นี่มิใช่เชษฐาอย่าจาบัลย์ บ่าวของข้าหน้าละม้ายคล้ายพระพี่ เป็นไฝที่แขนขวามันอาสัญ ฟังขุนนางทางเขม้นเห็นสำคัญ สารพันเพ่งพิศยิ่งผิดไป เอาหัวผีที่พลับพลานั้นมาต่อ ได้กับคอแต่คนนี้มันมิใช่ แต่เครื่องทรงนั้นขององค์พระอภัย เหตุไฉนจึงเป็นไปเช่นนี้ เจ้าพราหมณ์ว่าข้าได้ทายเหมือนหมายแม่น เขาตายแทนจึงพบแต่ศพผี ซึ่งเครื่องใส่ไว้กับชายวายชีวี เห็นท่วงทีถ่ายเททำเล่ห์กล พิเคราะห์ดูภูวไนยเห็นไม่ม้วย จะไปด้วยพวกผู้หญิงเมืองสิงหล พระทรงฟังยังไม่วายคลายกังวล จึงว่ากลการศึกนี้ลึกซึ้ง จะสังเกตเหตุการณ์ประมาณมาด ก็สุดคาดคิดไปมิใคร่ถึง แม้การเป็นเช่นคำอย่างรำพึง พอพบจึงจะแจ้งบอกแพร่งพราย แล้วสั่งให้เอาศพไปกลบฝัง จะยับยั้งอยู่สักวันจึงผันผาย ให้นายหมวดตรวจพหลพลนิกาย ทั้งไพร่นายพร้อมพรั่งระวังระไว ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผการำภาสะหรี ซึ่งล่าหนีตามทางหว่างไศล ไม่รั้งรอพอรุ่งถึงกรุงไกร ตรงเข้าในนัคเรศนิเวศน์วัง ต่างเข้าเฝ้าเจ้าลังกาวัณฬาราช อภิวาททูลตามเนื้อความหลัง ชาวผลึกศึกเสือเหลือกำลัง ชำนาญทั้งสงครามแลความคิด พระบาทหลวงลวงล่อจะรอทัพ เขาก็กลับปลอมปนเป็นคนสนิท เข้าจุดไฟไหม้ด่านผลาญชีวิต ไม่ทันคิดรบสู้ทุกผู้คน เขาได้เขาเจ้าประจัญแล้ววันนี้ จะตามตีมาประชิดติดสิงหล จะเสียวังลังกาเข้าตาจน จงผ่อนปรนโปรดตริดำริการ ฯ ๏ นางฟังเล่าเศร้าจิตอนิจอนาถ ให้หวั่นหวาดวิญญาณ์จึงว่าขาน ซึ่งข้าศึกฮึกโหมมาโรมราญ เราเสียด่านก็เหมือนดังเสียลังกา เป็นการด่วนจวนจนต้องอ้นอั้น เจ้าช่วยกันตรองตรึกได้ปรึกษา แม้สงครามตามติดประชิดมา จะพูดจาคิดอ่านประการใด เออนี่แน่แม่จะถามทรามสวาท พระสังฆราชนั้นเจ้าเห็นเป็นไฉน เมื่อเสียทีหนีทันหรือบรรลัย จะได้ใครคิดอ่านการสงคราม ฯ ๏ นางยุพาว่าประหลาดพระบาทหลวง คนทั้งปวงปะใครก็ไต่ถาม จะเป็นตายหายไปไม่ได้ความ ด้วยสงครามเหลือรู้จะสู้รบ ถึงใครดีมีศักดาอานุภาพ มาช่วยปราบก็เห็นจะไม่สงบ เว้นแต่องค์พระอภัยเจ้าไตรภพ จะเกลื่อนกลบให้แผ่นดินสิ้นศัตรู ฯ ๏ นางฟังคำรำพึงแล้วจึงตอบ เจ้าว่าชอบอยู่แต่จิตคิดอดสู ตั้งแต่พามาไว้มิได้ดู ให้เธออยู่ในห้องถึงสองวัน สุลาลีนี้เป็นคนปรนนิบัติ เห็นข้องขัดเคืองแค้นแสนกระสัน ไม่สรงเสวยเลยเฝ้าแต่จาบัลย์ จะผ่อนผันคิดอ่านประการใด ฯ ๏ นางยุพาว่าพระองค์ไม่สงสาร ทรมานเหมือนหนึ่งว่าเลือดตาไหล จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าเศร้าพระทัย ขอลาไปช่วยชีวิตพระบิดา แล้วบังคมก้มกรานค่อยคลานคล้อย ชวนน้องน้อยร่วมจิตขนิษฐา ไปปรางค์ทองห้องในที่ไสยา ค่อยแอบฝาคอยฟังกำบังกาย ฯ ๏ สงสารองค์พระอภัยอยู่ในห้อง แต่ตรึกตรองไม่สมอารมณ์หมาย ครั้นห่างนางสร่างมนต์กระวนกระวาย ให้คิดอายอกใจกระไรเลย มิรอรั้งบังอาจประมาทหมิ่น มาหลงลิ้นลังกานิจจาเอ๋ย โอ้ยามเคราะห์เพราะนิยมจะชมเชย โอ้ไม่เคยเลยแสนจะแค้นใจ จนจวนแก่แพ้รู้อีผู้หญิง ประหลาดจริงเจียวน่าเลือดตาไหล นอนไม่หลับกลับนั่งคลั่งพระทัย หวนอาลัยลูกยานุชาชาญ เคยเห็นพี่มิได้เห็นทุกเย็นเช้า จะโศกเศร้าโศกาน่าสงสาร ทั้งเสียเมียเสียพงศ์ทั้งวงศ์วาน เพราะเสียการกลศึกไม่ตรึกตรา โอ้เอ็นดูสุมาลีเจ้าพี่เอ๋ย จะลับเลยหลงคอยละห้อยหา โอ้ลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ทั้งสุดสาครพ่อจะท้อใจ ยิ่งรัญจวนป่วนจิตคิดวิตก เหมือนหนึ่งนกเข้าเพนียดเบียดไม่ไหว ลงนอนเอกเขนกอึ้งตะลึงตะไล ทุกข์พระทัยถึงพระองค์ทั้งวงศ์วาน ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาที่มาเฝ้า เห็นโศกเศร้าซูบทรงน่าสงสาร กระทั่งไอให้เสียงแล้วเมียงคลาน มากราบกรานทรงศักดิ์ตรงพักตรา จึงทูลถามความในใจจะใคร่รู้ พระมาอยู่เมืองหม่อมฉันนั้นหรรษา หรือเศร้าหมองข้องขัดพระอัชฌา ลูกพึ่งมามิได้อยู่ในบูรี ฯ ๏ พระผันแปรแลเห็นหน้ายุพาพักตร์ กลับนึกรักวัณฬามารศรี สะอื้นพลางทางว่าบิดานี้ สู้เสียพี่น้องมาเอกากาย ได้เห็นแต่แม่วัณฬาพอมาถึง ก็โกรธขึ้งทิ้งขว้างให้ห่างหาย ชีวิตพ่อก็ไม่รอดจะวอดวาย พลางฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาปรีชาฉลาด อภิวาทว่าพระองค์อย่าสงสัย พระชนนีมิใช่จะมาละไป เพราะรักใคร่จึงได้พามาธานี จะนบนอบมอบสมบัติพัสถาน ให้พระผ่านไตรจักรเป็นศักดิ์ศรี ที่การศึกนึกว่าไม่ราวี จะเป็นที่พึ่งอาณาประชาชน เหตุไฉนให้พระน้องยกกองทัพ มาเคี่ยวขับรบพุ่งกรุงสิงหล แกล้งอุบายถ่ายเททำเล่ห์กล ไม่ผ่อนปรนปรองดองครองสัจจา จึงน้อยใจไม่เข้ามาเฝ้าแหน เห็นทั้งแค้นทั้งรักนั้นหนักหนา สู้คิดอ่านการศึกไปตรึกตรา อยู่พลับพลาชมจันทร์ข้างชั้นใน ลูกไปเฝ้าเล่าก็ตรัสกระจัดแจ้ง ว่าเสียแรงรักพระองค์ไม่สงสัย ส่วนทรงฤทธิ์คิดอุบายให้ตายใจ ต้องเสียไพร่พลเมืองเคืองรำคาญ ฯ ๏ พระตันอกตกตะลึงแล้วจึงว่า อนิจจังอนิจจาน่าสงสาร เมื่อสงสัยไม่แถลงให้แจ้งการณ์ จะสาบานให้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ซึ่งน้องรักหักหาญทำการศึก เห็นจะนึกแหนงว่าข้าอาสัญ แม้รู้ว่ามาเป็นคู่อยู่ด้วยกัน ศรีสุวรรณก็จะกลับกองทัพไป มิได้ถามความจริงมานิ่งโกรธ ช่วยขอโทษด้วยเถิดแม่ไปแก้ไข ว่าจริงจิตบิตุรงค์นี้จงใจ ความรักใคร่แม่ละเวงยิ่งเกรงกลัว ซึ่งพวกเราชาวผลึกทำฮึกหาญ จะทัดทานถ้าใครขัดจะตัดหัว อย่าแหนงนึกตรึกตรองให้หมองมัว จะยอมตัวไปจนตายเหมือนหมายมา เจ้าช่วยพ่อขอให้พบประสบพักตร์ อย่าหาญหักห่างเหเสน่หา แม้ไม่เห็นเว้นหายหลายเวลา เห็นชีวาพ่อไม่รอดคงวอดวาย ฯ ๏ นางว่าเคราะห์เพราะจะไม่ให้สำเร็จ มิรู้เสร็จศึกเสือเบื่อใจหาย แม้จริงจังดังพระโอษฐ์โปรดภิปราย จะสบายบ้านเมืองไม่เคืองใจ จงหยุดยั้งรั้งรออยู่พอค่ำ ลูกจะนำไปพลับพลาที่อาศัย ถึงจะกริ้วโกรธว่าลูกพาไป จะแก้ไขขอโทษคงโปรดปราน หม่อมฉันรู้อยู่ว่าในพระทัยอ่อน ถ้าอ้อนวอนแล้วก็คงจะสงสาร มานิ่งไว้ใจเย็นมิเป็นการ กระหม่อมฉานจะช่วยคิดด้วยบิตุรงค์ แต่รู้ข่าวเศร้าสร้อยก็พลอยทุกข์ จะหาสุขไม่สำเร็จเสร็จประสงค์ เชิญชำระสระสนานสำราญองค์ ที่โศกทรงเศร้าสร้อยจะค่อยคลาย แล้วเรียกน้องของเสวยที่เคยแต่ง มาจัดแจงเรียงเรียบเทียบถวาย พระอภัยใจอิ่มค่อยยิ้มพราย สรงสุหร่ายแล้วมานั่งบรรลังก์ทอง ฯ ๏ เสวยพลางทางว่าถ้ามิม้วย พ่อจะช่วยปลูกฝังเจ้าทั้งสอง ให้สมสุดบุตรีทั้งพี่น้อง จะปกป้องไปจนตายวายชีวี จริงนะลูกปลูกฝังพ่อมั่งเถิด เหมือนช่วยเชิดชูพักตร์เป็นศักดิ์ศรี ไปว่าขานมารดาให้ปรานี คุณจะมีอยู่กับพ่อจนมรณา ฯ ๏ นางรับรสพจนารถฉลาดฉลอง พระคุณของทรงศักดิ์นั้นหนักหนา ด้วยรักใคร่ใช้ชิดเหมือนธิดา จึงอุตส่าห์สุจริตไม่ปิดบัง อยากจะใคร่ให้พระชนนีนาถ รักพระบาทบิตุรงค์เหมือนจงหวัง แต่เดินป่ามาถึงเขตนิเวศน์วัง มิสมดังปรารถนาลูกอาภัพ วันนี้ค่ำจำจะพาไปถึงห้อง ถ้าฟ้องร้องก็จะเสียบาทเบี้ยปรับ แต่จะรักจะชังจะบังคับ สุดจะรับสั่งได้ด้วยไม่เคย ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายสบายจิต พ่อคิดผิดไปแล้วลูกแก้วเอ๋ย มันน่าแสนแค้นใจกระไรเลย ช่างเฉยเมยมีแต่กลัวนั้นทั่วไป ถ้าแม้เป็นเช่นนั้นแล้ววันนี้ ช่วยหยิกตีให้บิดาน้ำตาไหล พระสรวลพลางเสวยพลางสว่างใจ อิ่มพระทัยอิ่มโอชโภชนา ฯ ๏ พอพลบค่ำย่ำระฆังเสียงวังเวก ชอุ่มเมฆมืดมิดทุกทิศา ส่วนสองนางพลางเชิญดำเนินมา ขึ้นพลับพลาชมจันทร์เป็นหลั่นลด เดินบันไดในนั้นขึ้นชั้นสูง แกล้งขับฝูงสาวใช้ลงไปหมด ถึงชั้นสุดหยุดยั้งนั่งประณต ให้ทรงยศเยื้องย่องเข้าห้องใน ดูแจ่มแจ้งชวาลาระย้าระยับ กระจกจับเพลิงกระจ่างสว่างไสว เห็นนางเอกเขนกนั่งกระทั่งไอ นางตกใจเหลียวเห็นทำเป็นเมิน แต่ใจรู้ว่ายุพาให้มาพบ สุดจะหลบเหลืออายระคายเขิน ให้พรั่นพรั่นหวั่นไหวฤทัยสะเทิน ทำนั่งเมินเหมือนไม่รู้จะดูที ฯ ๏ พระเห็นนางหมางหมองค่อยย่องย่าง เข้าเคียงข้างค่อยค่อยเบียดพอเสียดสี ยิ่งหอมรื่นชื่นชวนให้ยวนยี เหมือนมาลีลอยฟ้ามายาใจ จะจุมพิตคิดขยับแล้วกลับยั้ง แต่รอรั้งรวนจิตหวิดหวิดไหว พอเหลือบเหลียวเสียวซาบวาบฤทัย พระเคลิ้มใจจุมพิตนางหวีดดัง แล้วว่าดูสินี่พระเหมือนจะแกล้ง มาแอบแฝงโจมจับเอาลับหลัง นี่ใครพาหรือว่ามาแต่ลำพัง ไม่รู้รั้งรอบ้างเป็นอย่างไร ฯ ๏ พระว่าพี่นี้เหมือนอกวิหคหงส์ ต้องติดกรงตรึงตราน้ำตาไหล เขาปล่อยปละปะคู่ที่ชูใจ สุดจะให้เหินห่างจึงอย่างนี้ ส่วนน้องรักหนักหน่วงเฝ้าแหนหวง ส่วนพี่แสนเสนหามารศรี มิผ่อนผันกรุณาจงฆ่าตี เสียเถิดพี่จะขอลาแก้วตาตาย แม้ยังเป็นเห็นน้องก็ต้องรัก สุดจะหักห้ามสวาทให้ขาดหาย ถึงปลดปลงคงจะกอดเจ้าวอดวาย ไม่วางสายสุดสวาทแล้วชาตินี้ พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า นางหยิกเพลาผลักหัตถ์น่าบัดสี เมื่อแรกพบคบค้านึกว่าดี เพราะพระพี่ให้สัตย์ปฏิญาณ ไม่รบพุ่งกรุงลังกาจะหย่าทัพ จึงได้รับมานิเวศน์เขตสถาน เหตุไฉนให้ลูกมารุกราน เข้าตีต้านรบพุ่งถึงกรุงไกร ยังจะมาว่าไม่รักทำกักขัง ก็ใครมั่งจะไม่น่าน้ำตาไหล แต่เสียรู้สู้อดระทดใจ เชิญพระไปกองทัพกำกับพล ได้คิดอ่านราญรอนเหมือนก่อนนั้น มารบกันกับผู้หญิงเมืองสิงหล ไม่หลบลี้หนีหายสู้วายชนม์ อย่าแต่งกลลวงล่อต่อไปเลย ฯ ๏ พระวิงวอนอ่อนหวานประทานโทษ อย่ากริ้วโกรธตรึกตรองก่อนน้องเอ๋ย ไม่ณรงค์สงครามกับทรามเชย อย่าคิดเลยพี่จะเล่าให้เข้าใจ เมื่อแจ้งความทรามสงวนประชวรหนัก พี่ทุกข์นักจะใคร่เห็นว่าเป็นไฉน จึงเป่าปี่ที่ในทัพให้หลับไป มิทันได้แพร่งพรายว่าร้ายดี กับธิดาพากันตามทรามสวาท มาทันราชรถนางกลางวิถี ซึ่งพวกทัพกลับกล้าเข้ามาตี หมายว่าพี่ล้มตายวายชีวา ไว้ธุระจะให้เรียบเงียบสงบ มิให้รบพุ่งกันได้หรรษา ไม่เหมือนคำรำพันที่สัญญา จงเข่นฆ่าพี่เสียแทนที่แค้นใจ จริงนะเจ้าเยาวลักษณ์จงหนักหนวง ไม่ล่อลวงนวลหงส์อย่าสงสัย จะทำศึกตรึกตราไปว่าไร พี่มิให้แก้วตาต้องราวี ทั้งแผ่นภพรบได้พี่ไม่แพ้ กลัวก็แต่แม่วัณฬามารศรี จะโกรธกริ้วนิ่วหน้าไม่พาที มิรู้ที่ที่จะปลอบให้ชอบใจ จงแย้มเยื้อนเบือนหน้าพูดจาบ้าง อย่าหมองหมางเมินพักตร์เฝ้าผลักไส พลางลูบต้องลองเล่ห์เสน่ห์ใน นางว่าไฮ้น่าเบื่อเหลือรำคาญ ขืนจู้จี้นี้ก็หยิกเอาอิกดอก เฝ้ายวนหยอกแยบคายไม่วายหวาน เพราะพาซื่อถือสัตย์ปฏิญาณ จึงเสียด่านบ้านเมืองขุ่นเคืองใจ เดี๋ยวนี้พระจะมารับระงับศึก ไม่สมนึกเหมือนหนึ่งคำจะทำไฉน ถึงสัญญาว่าขานประการใด ไม่มีใครที่จะกล้าไปฆ่าตี ด้วยพวกพ้องของพระองค์ประสงค์ทรัพย์ จึงเคี่ยวขับรบพุ่งเอากรุงศรี ข้างฝ่ายพระจะมาชวนให้ยวนยี ทำเช่นนี้นึกดูเหมือนรู้กัน แม้จริงจังดังรับจะดับเข็ญ ทำให้เห็นจริงก่อนจะผ่อนผัน นี่สงครามตามรุกมาทุกวัน จะผูกพันผ่อนปรนเป็นจนใจ ฯ ๏ พระฟังนางพลางว่านิจจาเอ๋ย ไม่เชื่อเลยหนอกรรมจะทำไฉน เมือตัดขาดญาติกาไม่อาลัย พี่จึงได้ติดตามแม่งามมา แม้ใครรบพบปะจะได้ห้าม ให้เห็นความจริงจังที่กังขา ถ้าผู้ใดไม่ฟังอหังการ์ จะเข่นฆ่าเสียให้ตายวายชีวี นี่ศึกเหนือเสือใต้ที่ไหนเล่า เนื้อแท้เจ้าจะแกล้งอางขนางหนี เฝ้าหน่วงหนักกักขังเสียดังนี้ ชีวิตพี่จะมิตายหรือสายใจ เจ้าสัญญาว่าถึงเมืองไม่เคืองขัด จะซ้ำผัดต่อตะบึงไปถึงไหน มิปรานีก็มิฟังชั่งเป็นไร แม้แม่ไม่เมตตาจงฆ่าฟัน ฯ ๏ พระว่าพลางกางกรประคองกอด เยาวยอดข่วนหยิกผลักพลิกผัน นางว่าพระจะมารุกทำบุกบัน เถิดเช่นนั้นแล้วก็ลึกอย่านึกเลย น้องชอบหูอยู่แต่ปลอบไม่ชอบปล้ำ ถ้าขืนทำเจ็บปวดแล้วชวดเสวย จงยั้งหยุดพูดจาประสาเคย อย่าคิดเลยว่าจะได้ด้วยไม้มือ ที่เมืองใหม่ได้พบได้รบรับ พระยังจับน้องไม่ได้ลืมไปหรือ ที่ตื้นลึกปรึกษาค่อยหารือ ไม่ดึงดื้อดอกแต่ว่าต้องช้าที พระรักใคร่ใจน้องยังครองสัตย์ ใช่จะขัดคิดอางขนางหนี จงรั้งรอพอให้รุ่งขึ้นพรุ่งนี้ ศึกจะตีมากระทั่งถึงลังกา แม้โปรดปรามห้ามทัพให้สรรพเสร็จ ศึกสำเร็จแล้วจะรักให้หนักหนา แม้เลี่ยงหลีกอีกทีนี้พระพี่ยา จึงเข่นฆ่าน้องเสียบ้างให้วางวาย จงผ่อนผันวันเดียวค่อยเหนี่ยวหน่วง ไม่ล่อลวงเลยน้องจะกองถวาย สืบสนองรองบาทไม่คลาดคลาย อย่าให้อายอัปยศจงอดออม ฯ ๏ พระอ้นอั้นตันทรวงต้องหน่วงหนัก เพราะความรักวรนุชสุดถนอม จึงว่าพี่นี้ระทมด้วยตรมตรอม เพราะอดออมอกดังจะพังโทรม ได้อิงแอบแนบกายค่อยคลายโศก เหมือนคนโรคซึ่งได้รสโอสถโสม มาซึมซาบอาบอุราประชโลม ที่ทรุดโทรมหนักนั้นค่อยบรรเทา ถ้าน้องรักกักขังเหมือนครั้งก่อน อกพี่ร้อนเหมือนหนึ่งไฟประลัยเผา ขออยู่ให้ใกล้องค์กับนงเยาว์ จะคอยเฝ้าปรนนิบัติช่วยพัดวี อีกวันเดียวเจียวเป็นแน่นะแม่น้อง อย่าปิดป้องผัดเกี่ยงหลีกเลี่ยงหนี ศึกจะมาหรือมิมาก็ตามที ในพรุ่งนี้เป็นเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ นางขวยเขินเมินยิ้มพริ้มพระพักตร์ เธอแสนรักร่ำว่าน่าสงสาร ทำเสแสร้งแกล้งว่าเบื่อเหลือรำคาญ น่าขี้คร้านพูดซ้ำให้ช้ำทรวง ซึ่งจะให้ใกล้เคียงแต่เพียงนั้น พอจะผันผ่อนตามไม่ห้ามหวง แต่สิ่งของน้องระวังอยู่ทั้งปวง อย่าลามล่วงเหลือเกินเชิญบรรทม แล้วแต่งที่ยี่ภู่นางปูปัด ปรนนิบัติทรงฤทธิ์สนิทสนม แล้วเผยแกลแลสว่างน้ำค้างพรม เชิญพระชมดวงดาวดูพราวตา ฯ ๏ น้องจะยังนั่งเล่นเย็นเย็นก่อน ข้างในร้อนจะต้องออกไปนอกฝา พระโอบอุ้มจุมพิตวนิดา ไม่ให้ลาแล้วจะอุ้มเจ้าคุมไว้ พี่รู้เท่าเจ้าเสียแล้วนะแก้วพี่ วานซืนนี้เหมือนหนึ่งว่าเลือดตาไหล อย่าเลี่ยงหลีกอีกเลยจะเคยใจ จงอยู่ในแท่นทองเถิดน้องรัก สายสมรร้อนรนจะปรนนิบัติ ช่วยนั่งพัดให้บรรทมพอสมศักดิ์ แล้วอิงแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ นางพลิกผลักแล้วก็ว่าน่ารำคาญ เห็นน้องนิ่งแล้วก็เฝ้าแต่เซ้าซี้ ทำเช่นนี้หรือว่ารักแกล้งหักหาญ ให้ชอกช้ำสำหรับแต่อัประมาน ไม่สงสารสมเพชเวทนา น้องตามใจไม่ถือเพราะซื่อสัตย์ ปรนนิบัติบทเรศพระเชษฐา มิชุบเลี้ยงเที่ยงธรรม์เหมือนสัญญา จะเงยหน้าดูมนุษย์ก็สุดอาย เพราะเอออวยด้วยพระองค์ลุ่มหลงรัก จึงเสื่อมศักดิ์เสียตระกูลเป็นสูญหาย แม้นคลาดแคล้วแล้วไม่อยู่จะสู้ตาย ไม่เสียดายชีวิตสักนิดเลย ฯ ๏ พระสวมสอดกอดแอบแนบถนอม งามละม่อมแม่อย่าหมองเลยน้องเอ๋ย สักแสนปีมิได้ร้างให้ห่างเชย ไม่ละเลยลืมสัตย์ปฏิญาณ ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา แม่เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป เป็นสัจจังหวังจิตสนิทถนอม งามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว จงโอนอ่อนผ่อนตามความอาลัย ให้ชื่นใจเสียรู้แล้วเถิดแก้วตา ฯ ๏ พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า นางผลักเพลาพลิกปัดพระหัตถา แล้วว่าเบื่อเหลือล้ำคำสัญญา ยิ่งไม่ว่าก็ยิ่งทำให้ก้ำเกิน อย่าลามลวนกวนใจที่ได้ห้าม มิผ่อนตามน้องบ้างจะห่างเหิน เยี่ยมบัญชรก่อนเถิดให้เพลิดเพลิน โน่นแน่เชิญชมฟ้าดาราราย ดูโชติช่วงดวงดาวบ้างขาวเหลือง ประจำเมืองสุกเหมือนดังเดือนฉาย พระอิงแอบแนบนางไม่ห่างกาย แสนสบายบรรทมเมื่อลมเชย เฉื่อยเฉื่อยชื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ หอมอังกาบแกมลำดวนหวนระเหย ชื่นอารมณ์ยมโดยโรยรำเพย พระชื่นเชยปรางน้องประคองกร ประคองกอดสอดหัตถ์สัมผัสเคล้า ค่อยเคล้นเต้าเต่งทรวงดวงสมร นางผลักพลิกหยิกหัตถ์สลัดกร เมื่อไม่นอนนิ่งบ้างเป็นอย่างไร เฝ้าจับกุมหยุมหยิมไม่อิ่มหนำ จะลูบคลำเคล้าคลึงไปถึงไหน จงหยุดหย่อนผ่อนสบายให้หายใจ อย่าเพ่อให้ชอกช้ำระกำตรอม ฯ ๏ พระเชยโฉมโลมเล้าว่าเจ้าพี่ สุมาลีแล้วหรือกลิ่นจะสิ้นหอม ไม่อิ่มหนำน้ำใจเพราะไม่ยอม ต้องอดออมอกใจดังไฟฮือ เหมือนอยากน้ำกล้ำกลืนแต่กล้วยกล้าย จะเหือดหายหิวในน้ำใจหรือ จึงจับต้องของรักไม่หนักมือ แม่อย่าถือโทษเลยที่เชยชม แล้วเบือนเบียดเสียดชิดจุมพิตพักตร์ เหมือนคู่รักร่วมจิตสนิทสนม จนดึกเดือนเลื่อนสว่างน้ำค้างพรม นางชวนชมดาวเดือนแกล้งเชือนแช กระซิบบอกหยอกนางว่าข้างใต้ ชื่อดาวไก่กกนางไม่ห่างแห โน่นดาวสาวขาวผ่องตรงช่องแกล ถ้าใครแลดูนักมักขี้อาย นางว่าเบื่อเหลือใจเที่ยวไล่ว่า เช่นนี้น่าหนวกหูไม่รู้หาย จะนอนเล่นเย็นลมชมสบาย เฝ้ากอดก่ายกวนใจกระไรเลย แล้วหลบพักตร์ชักผ้าเช็ดหน้าแต้ม มาปิดแก้มก้มแอบแนบเขนย พระสวมสอดกอดน้องประคองเกย จนลืมเลยหลับไปในไสยา ฯ ๏ ฝ่ายพี่น้องสองศรีบุตรีเลี้ยง นอนอยู่เพียงชั้นล่างที่ข้างฝา มิให้เหล่าสาวใช้ผู้ใดมา จนเวลารุ่งรางสว่างวัน จึงจัดแจงแต่เครื่องแล้วเยื้องย่าง ไปตั้งข้างแท่นทองนอกห้องกั้น ของเสวยเนยนมทั้งน้ำจัณฑ์ สารพันเสร็จสรรพแล้วกลับไป ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ตื่นไสยาสน์ยามรุ่งสะดุ้งไหว ค่อยขยับหับบานบัญชรชัย มิให้องค์พระอภัยตื่นไสยา แล้วลดเลื่อนเคลื่อนองค์นางนงลักษณ์ มาสรงพักตร์แล้วก็ออกมานอกฝา เห็นบุตรีพี่น้องทั้งสองรา ร้องเรียกมานั่งใกล้แกล้งใส่ความ ไม่บอกเล่าเจ้าไปพาเธอมาไว้ ให้กวนใจจ้วงจาบทำหยาบหยาม ถ้างวยงงหลงเชื่อก็เหลืองาม นี่หากห้ามใจได้จึงไม่อาย เจ้าก็รู้อยู่ว่าพวกฝรั่ง เขาชิงชังพระอภัยนี่ใจหาย จะให้ห้ามปรามทัพมากลับกลาย มิวุ่นวายขึ้นแล้วเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาปรีชาฉลาด อภิวาทว่าพระแม่พอแก้ไข ด้วยข้าเฝ้าท้าวพระยาเสนาใน ไม่มีใครอาจองออกสงคราม จงให้หามาประชุมนุมวันนี้ ให้พร้อมที่ข้างหน้าปรึกษาถาม แม้ใครใครไม่รับไปปราบปราม จึงแต่งตามกลเล่ห์เพทุบาย จะลวงล่อต่อตามด้วยความลับ เอาศึกกลับเป็นมิตรเหมือนคิดหมาย ให้ห้ามทัพกลับไปได้ง่ายดาย คนทั้งหลายก็เห็นคงจะปลงใจ นางวัณฬาว่าเจ้าคิดสนิทนัก เจ้าดวงจักขุแม่ช่วยแก้ไข กระนั้นเจ้าเข้าไปอยู่ด้วยภูวไนย แม่จะไปข้างหน้าบัญชาการ แล้วเทวีลีลาออกมานั่ง บนบัลลังก์เลขาตรงหน้าฉาน ให้ตีกลองร้องเรียกข้าราชการ มากราบกรานพร้อมพรักตรงพักตรา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ตรัสประภาษการศึกแล้วปรึกษา ซึ่งสงครามตามติดประชิดมา พวกเสนาจะคิดอ่านประการใด ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างคนก็จนจิต เป็นสุดคิดสุดพรั่นให้หวั่นไหว ที่ขี้ขลาดชาติหญิงก็นิ่งไป ที่จิตใจแกล้วกล้าว่าข้านี้ จะสู้ซื่อถือสัตย์พิพัฒน์ผล รบไปจนสิ้นชีวิตไม่คิดหนี สนองคุณมุลิกาฝ่าธุลี ตายอยู่ที่ท้องทุ่งริมกรุงไกร ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบจิต เราก็คิดผันแปรยังแก้ไข จะถ่ายเทเล่ห์กลให้คนไป ลวงให้องค์พระอภัยมาในวัง แล้วจะล่อให้ละเลิงในเชิงรัก คงคิดหักห้ามทัพให้กลับหลัง แล้วตัดปลายสินต้นก่นกำบัง ขุนนางทั้งปวงจะเห็นเป็นอย่างไร พวกเสนาว่าคงสมอารมณ์นึก ชนะศึกมั่นคงไม่สงสัย ตามพระแม่จะบำรุงซึ่งกรุงไกร ข้าจะได้พึ่งพาบารมี นางโฉมยงทรงสดับกำชับสั่ง จงระวังตรวจตราทุกหน้าที่ เผื่อข้าศึกฮึกโหมมาโจมตี จะเสียทีไม่ทันคิดซึ่งกิจการ จงรบรับทัพใหญ่ไว้ให้หยุด อย่าให้รุดรุกราษฎร์มาอาจหาญ ฝรั่งรับกลับไปพร้อมป้อมปราการ เยาวมาลย์เสด็จมาพลับพลาทอง พอเห็นองค์พระอภัยตื่นไสยาสน์ ธิดานาฏพร้อมพรั่งอยู่ทั้งสอง จึงหยุดยั้งนั่งที่เก้าอี้รอง ให้ยกของที่เสวยนมเนยมา มีดตะเกียบเทียบทำไว้สำเร็จ ทั้งไก่เป็ดขนมปังเครื่องมังสา ฝ่ายบุตรีพี่น้องสองสุดา รินสุราคอยประคองให้สององค์ ฯ ๏ พระอภัยไม่เคยเสวยเหล้า แต่รักเขาก็ต้องตามด้วยความหลง เก้าอี้ตั้งข้างเตียงเคียงพระองค์ พึ่งสอนทรงหยิบตะเกียบไม่เรียบเลย ค่อยค่อยคีบหนีบพลัดให้ขัดข้อง นางยิ้มย่องหยิบช้อนช่วยป้อนเสวย สุกรไก่หมูหันชิ้นมันเนย น้ำส้มเชยตับแพะลิ้นแกะแกม นางนั่งชี้นี่นั่นรำพันบอก สุราจอกจับจิบคอยหยิบแถม พระอภัยไม่อิ่มนั่งยิ้มแย้ม นางป้อนแกล้มกล้ำกลืนยิ่งชื่นใจ แล้วหยิบช้อนป้อนบ้างนางไม่รับ ให้นางกลับป้อนพระองค์ด้วยหลงใหล ทั้งเมาเหล้าเมาเล่ห์เสน่ห์ใน แล้วลูบไล้ลดเลี้ยวพูดเกี้ยวพาน ฯ ๏ จะกล่าวกลับทัพศรีสุวรรณราช กับหน่อนาถสินสมุทรหยุดทหาร ครั้นฤกษ์ดีตีฆ้องก้องกังวาน ยกจากด่านเจ้าประจัญสนั่นดัง สินสมุทรสุดคะนองเป็นกองหน้า ทหารห้าหมื่นแห่ล้วนแตรสังข์ ทรงสิงห์กลิ้งกลดกั้นบดบัง พลดาบดั้งเดินดำเนินธง พี่เลี้ยงพราหมณ์สามนายปีกซ้ายขวา ต่างขี่ม้าเครื่องกระหนกวิหคหงส์ ให้เดินทัพขับทหารเข้าดานดง ดูทวนธงปลาบปลิวเป็นทิวมา ศรีสุวรรณนั้นขึ้นทรงรถที่นั่ง พวกกองหลังหลายหมื่นถือปืนผา ยกทหารขานโห่เป็นโกลา เหมือนเสียงฟ้าครื้นครั่นสนั่นดัง ฝูงเนื้อเบื้อเสือสีห์หมูหมีเม่น ต่างตื่นเต้นแตกเตลิดระเสิดระสัง ทั้งนกหกตกร่วงจากรวงรัง ด้วยเสียงสังข์เสียงกลองก้องกังวาน พวกบ้านรายชายหญิงชาวสิงหล บ้างแบกขนหมอนฟูกอุ้มลูกหลาน ไม่สู้รบหลบหนีตะลีตะลาน ทหารขานโห่ลั่นสนั่นไป พอตกทุ่งกรุงลังกาเวลาพลบ เห็นหอรบเชิงเทินดังเนินไศล ล้วนธงทิวปลิวระยับวับวับไว ดูไรไรเรียงรอบขอบกำแพง ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรไม่หยุดยั้ง ด้วยกำลังห้าวหาญชาญกำแหง ขับทหารล่วงทางไปกลางแปลง ใกล้กำแพงเมืองนั้นสักพันวา จึงหยุดทัพยับยั้งให้ตั้งค่าย ทั้งทัพพราหมณ์สามนายปีกซ้ายขวา ทั้งทัพหลังตั้งเคียงเรียงกันมา ถึงปากป่าชายทุ่งริมกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาเห็นข้าศึก พลผลึกโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว ไม่รอรั้งยั้งหยุดฉวยชุดไฟ ยิงปืนใหญ่เยี่ยมศึกเสียงครึกครื้น ไฟวับถึงตึงตามถูกสามค่าย ระเนียดแตกแหลกทลายลงหลายหมื่น ต้องถอยค่ายไปให้ห่างในกลางคืน แล้วตอกปืนหลักลั่นเสียงครั่นครึก ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายชายหญิงชาวสิงหล เสียงไพร่พลโห่ร้องดังก้องกึก แผ่นดินลั่นหวั่นไหวอกใจทึก รู้ว่าศึกเข้ามาล้อมป้อมกำแพง ต่างตัวสั่นงันงกสะทกสะท้าน อลหม่านทั้งประเทศทุกเขตแขวง มีตู้หีบรีบหามไปตามแรง หิ้วหม้อแกงหม้อข้าวแบกเตาไฟ ที่ลางคนขนของไปกองทิ้ง แต่ตัววิ่งเวียนวงด้วยหลงใหล บ้างแบกเบาะเมาะฟูกหิ้วหูกไน ได้โอ่งไหใส่แสรกแบกกระบุง บ้างฉวยได้แพรพรรณลูกขันเชี่ยน ที่เงินเหรียญมีมากก็ลากถุง ที่แก่งมซมซานลูกหลานจุง หอบหมอนมุ้งม้วนเสื่อเสื้อกางเกง ที่ง่อยเปลี้ยเสียขาคว้าไม้เท้า สะดุดสะเด่าเดินกระโดดโลดเขย่ง เวทนาตาบอดกอดกันเอง ออกโก้งเก้งร้อนตัวด้วยกลัวภัย ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาพระยาหญิง ได้ยินยิงปืนรบพิภพไหว ให้ถามดูรู้แจ้งไม่แคลงใจ ว่าทัพใหญ่ยกมาถึงธานี จึงทูลองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ พระน้องรักมาประชิดติดกรุงศรี จะให้รบหรือจะห้ามก็ตามที ในครั้งนี้แล้วจะใคร่เห็นใจจริง ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายปลอบ พี่แสนชอบช่างพลอดแม่ยอดหญิง อย่านึกแหนงแคลงในน้ำใจจริง ไม่ทอดทิ้งมิ่งแม่ให้แดดาล จะออกไปให้พระน้องเลิกกองทัพ พากันกลับไปประเทศเขตสถาน ที่สัญญาว่ากันไว้วันวาน เยาวมาลย์แม่อย่าลืมนะปลื้มใจ ฯ ๏ นางฟังคำทำเป็นว่าฉาพระพี่ พูดเช่นนี้แค้นน่าเลือดตาไหล พระอนุชามารับจะกลับไป พอเข้าใจอยู่ดอกอย่าพักพาที จะห้ามทัพดับเข็ญไม่เห็นด้วย เห็นจะช่วยรบพุ่งเอากรุงศรี เสียแรงรักหากพามาธานี หวังพระพี่ว่าจะอยู่เป็นคู่ครอง นี่เนื้อเคราะห์เพราะซื่อด้วยถือสัตย์ สารพัดเนื้อตัวก็มัวหมอง เมื่อรู้ว่าข้าศึกไม่ตรึกตรอง จะขืนครองชีวาไปว่าไร แล้วแกล้งทำกล้ำกลืนสะอื้นอั้น กันแสงศัลย์สำออยละห้อยไห้ พระตันอกตกประหม่าด้วยอาลัย เข้าลูบไล้โลมปลอบให้ชอบที พี่พูดตามความซื่อควรหรือน้อง มามัวหมองว่าจะอางขนางหนี ก็ตามแต่แม่จะสั่งเถิดครั้งนี้ จะให้พี่ทำไฉนจะได้ตาม แม้มิตายวายวอดไม่ทอดทิ้ง สมรมิ่งแม่ละเวงอย่าเกรงขาม พลางช่วยเช็ดชลนาพะงางาม จงเห็นความจริงบ้างอย่าหมางใจ ฯ ๏ นางฟังคำทำงอนอ่อนจริต ว่าน้องคิดว่าจะตรงไม่สงสัย เมื่อสัญญามาในทางที่กลางไพร ไม่อาลัยแล้วเป็นขาดญาติวงศ์ จะโปรดเกล้าเข้ารีตฝรั่งด้วย จึงเอออวยอ่อนใจอาลัยหลง แม้วงศามาประสบพบพระองค์ จะยุยงต่างต่างให้จางใจ คำโบราณท่านผูกว่าลูกเขย ไม่ชอบเลยกับพ่อตาอย่าสงสัย ญาติกาสามีกับพี่สะใภ้ เล่าก็ไม่ชอบกันเป็นมั่นคง ถึงเจ้าตัวผัวเมียมิขัดข้อง ฝ่ายพวกพ้องญาติกาก็ว่าหลง ถ้าแม้พระจะช่วยห้ามปรามณรงค์ จงโปรดทรงอักษรคิดผ่อนปรน เป็นสำคัญมั่นหมายลายพระหัตถ์ ไปทานทัดน้องรักเสียสักหน แม้พวกพ้องกองทัพมิกลับพล จึงขึ้นบนพลับพลาหน้าธานี เขามารบพบปะจะได้ว่า ตามประสาพี่น้องไม่หมองศรี ถ้าขืนบุกรุกโรมเข้าโจมตี จึงเป่าปี่ให้หลับแล้วจับเป็น ช่วยปราบปรามตามทำเนียบพอเรียบร้อย แล้วจึงปล่อยไปเมืองไม่เคืองเข็ญ พวกฝรั่งทั้งชมพูจะอยู่เย็น จึงจะเห็นว่าพระรักประจักษ์ใจ ฯ ๏ พระฟังนางพลางตอบว่าชอบแล้ว พระน้องแก้วคิดดีจะมีไหน จะฟังคำทำตามแม่ทรามวัย พี่มิให้แก้วตาอนาทร พระว่าพลางร่างสารแล้วอ่านสอบ นางเห็นชอบจึงประจงลงอักษร ครั้นเสร็จสรรพพับจีบด้วยรีบร้อน ให้บังอรองค์ละเวงด้วยเกรงใจ นางยินดีตีตราพระราหู ให้เป็นคู่ควรความตามวิสัย เรียกธิดามาสั่งที่ข้างใน เจ้าจงไปตรวจตราในราตรี ให้พรั่งพร้อมป้อมประตูคอยสู้ศึก จะหาญฮึกรบพุ่งเอากรุงศรี ต่อรุ่งแจ้งแต่งทูตที่พูดดี เอาสารศรีไปให้พระอนุชา ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างรับคำนับน้อม เที่ยวตรวจป้อมปืนรายทั้งซ้ายขวา ให้ทหารขานยามตามเวลา มิให้ข้าศึกเข้ามาเล้ารุม แล้วเกณฑ์กองป้องกันที่ชั้นนอก ทั้งปืนหอกให้ระวังออกนั่งสุม มีกองกลางหว่างป้อมพร้อมชุมนุม ระวังทุ่มยามเรียกเพรียกกันไป ฯ ๏ ฝ่ายกองทัพยับยั้งอยู่ชายป่า ต่างตรวจตราเตรียมกันอยู่หวั่นไหว พอลมแดงแรงเร็วเหมือนเปลวไฟ พัดธงชัยสามทัพหักพับลง แล้วหอบหวนป่วนปั่นเป็นควันกลุ้ม ผงคลีคลุ้มเวียนวุ่นทั้งฝุ่นผง พอลมหายสายรุ้งก็พลุ่งตรง จำเพาะลงกลางค่ายแล้วหายไป ฯ ๏ จอมกษัตริย์อัดอั้นให้หวั่นหวาด ทั้งหน่อนาถนึกพรั่นให้หวั่นไหว ให้เปลี่ยนทรงคันธงขึ้นทันใด แล้วรีบไปที่เฝ้าพระเจ้าอา พอสามพราหมณ์ตามหลังมาพรั่งพร้อม ประณตน้อมนั่งฝ่ายทั้งซ้ายขวา จอมกษัตริย์ตรัสถามตามสงกา ไฉนมาเป็นลางขึ้นอย่างนี้ ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์รู้อยู่ว่าร้ายแกล้งทายกลับ กิตติศัพท์สรรเสริญเจริญศรี ซึ่งเสาธงยุทธนาเคยราวี พายุตีหักยับทุกทัพชัย จะสำเร็จเสร็จสงบที่รบพุ่ง เหมือนอย่างมุ่งมั่นคงไม่สงสัย ซึ่งสายรุ้งพลุ่งพร่างสว่างไป พระจะได้บ้านเมืองรุ่งเรืองงาม เป็นนิมิตกฤษฎาอานุภาพ จะเกิดลาภปราบเตียนที่เสี้ยนหนาม เชิญพระองค์ทรงตริดำริความ ทำสงครามคราวนี้ให้มีชัย ฯ ๏ พระฟังเตือนเอื้อนอรรถดำรัสสนอง ฉันตริตรองกริ่งจิตคิดสงสัย อันพระพี่ชีวันไม่บรรลัย จะมาได้ความสุขหรือทุกข์ทน ดูท่าทางนางละเวงวัณฬาเล่า ก็เห็นเขาจะไม่รักเป็นพักผล ด้วยฆ่าพ่อพี่ชายเขาวายชนม์ จึงแต่งกลแก้แค้นจะแทนทด บัดนี้เล่าเขาก็พาเอามาได้ เกรงจะให้ย่อยยับอัปยศ จะรีบรบพบองค์พระทรงยศ หรือจะงดรอรั้งคอยฟังความ ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์พร้อมน้อมนอบตอบสนอง ดูทำนองนางละเวงก็เกรงขาม ด้วยสุจริตคิดอ่านการสงคราม จึงทำตามตัวถนัดเป็นสตรี ไปลวงล่อพอได้พาเธอพาไว้ หมายมิให้รบพุ่งเอากรุงศรี ถึงชิงชัยยังมิกล้าให้ฆ่าตี เห็นท่วงทีจะผดุงบำรุงบำเรอ ฝ่ายพระพี่ผีปากที่ฝากรัก ก็แหลมหลักเหลือดีไม่มีเสมอ ผู้หญิงคงงงงวยลงอวยเออ จะฆ่าเธอที่ไหนได้คงไม่ตาย ด้วยวิสัยในประเทศทุกเขตแคว้น ถึงโกรธแค้นความรักย่อมหักหาย อันความจริงหญิงก็ม้วยลงด้วยชาย ชายก็ตายลงด้วยหญิงจริงดังนี้ แม้พระองค์หลงไปอยู่กับผู้หญิง ไหนจะนิ่งเสียให้เราเข้ากรุงศรี จะห้ามปรามตามวิสัยเป็นไมตรี ในพรุ่งนี้คงจะแจ้งที่แคลงใจ พระอนุชาว่าฉันเห็นก็เช่นนั้น ถ้าแม่นมั่นเหมือนหนึ่งคำจะทำไฉน ต่างตรองตรึกนึกรำพึงคะนึงใน จนมิได้นิทราในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาเวลาเช้า ชวนน้องสาวขึ้นพลับพลาหลังคาสี เรียกข้าเฝ้าเข้ามานั่งฟังคดี ให้รู้ทีทางความจะห้ามทัพ แล้วเชิญราชสารใส่ลงในกล่อง มีพานทองเรือนเก็จเพชรประดับ ทั้งเอมโอชโภชนาห้าสำรับ ครั้นเสร็จสรรพยกขึ้นตั้งบัลลังก์รถ มีเกณฑ์แห่แตรสังข์ข้างหลังหน้า ชักรถามากลางกางพระกลด ทูตฝรั่งทั้งสามแต่งตามยศ แล้วนำรถตรงออกนอกบุรี ประโคมฆ้องกลองแตรเซ็งแซ่เสียง เครื่องสูงเรียงแลระยับสลับสี ถึงกองทัพยับยั้งฟังคดี พอโยธีออกมาถามตามสงกา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสั่งความให้ล่ามพูด เราเป็นทูตของสมเด็จพระเชษฐา มาเยี่ยมทัพกับพระอนุชา อย่ารอรารับเราจะเข้าไป ฝ่ายพวกทัพกลับถามได้ความชัด ก็รีบรัดเข้าไปแจ้งแถลงไข จอมกษัตริย์ตรัสสั่งเสนาใน ให้ออกไปรับทูตมาพูดจา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งบังคมบรมนาถ ทูลว่าราชสารสมเด็จพระเชษฐา กับของเครื่องเอมโอชโภชนา ให้ข้ามาถวายองค์พระทรงธรรม์ ที่เครื่องทองของพระหน่อวรนาถ สำหรับราชกษัตริย์ทรงจัดสรร กับสามพราหมณ์สามสำรับลำดับกัน พระทรงธรรม์โปรดปรานประทานมา แล้วสั่งบอกนอกสารเป็นการลับ ว่ากองทัพลำบากยากหนักหนา จะจำหน่ายจ่ายเสบียงเลี้ยงโยธา ให้รีบล่ากองทัพยกกลับไป ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราช เชิงฉลาดแหลมปัญญาอัชฌาสัย ไม่ออกโอษฐ์พจมานประการใด แต่สั่งให้พราหมณ์อ่านสารสุนทร ในสารทรงองค์อภัยมณีนาถ บรมบาทบพิตรอดิศร เฉลิมวังลังกาสถาวร กับบังอรอัคเรศเกศสตรี ทั้งกรุงไกรไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ พึ่งพระบาทบงกชบทศรี นิคมคามร้อยเอ็ดเขตบุรี ไม่ย่ำยีราษฎรให้ร้อนรน ไฉนพระอนุชาพาทหาร มารอนราญรบพุ่งกรุงสิงหล ให้ลำบากยากใจแก่ไพร่พล ทุกตำบลบ้านเมืองเคืองรำคาญ อันตัวเราเอาแต่ปากมาฝากรัก ได้องค์อัคเรศประเทศสถาน จะบำรุงกรุงไกรให้สำราญ อย่าเป็นภารธุระพระอนุชา จงเลิกทัพกลับไปอยู่ชมพูทวีป ช่วยชูชีพชนชาติพระศาสนา อันพวกเราชาวฝรั่งเมืองลังกา จะไปค้าขายบ้างทางไมตรี แม้นมิฟังหนังสือไม่ถือญาติ จะหมายมาดรบพุ่งเอากรุงศรี ขอเชิญพระอนุชาเข้าราวี ผู้ใดดีก็จะได้ดังใจจง พอจบความพราหมณ์กราบพระทราบเหตุ ว่าพระเชษฐายังกำลังหลง จะเลิกทัพกลับไปไกลพระองค์ ก็แสนสงสารพระพี่จะมีภัย จะขืนอยู่ดูดังไม่ฟังห้าม จะมีความแคลงจิตคิดสงสัย ให้ขัดสนอ้นอั้นตันพระทัย จึงเกลี่ยไกล่กล่าวคำเป็นท่ามกลาง แม้ทรงเดชเชษฐาบัญชาสั่ง จะเชื่อฟังสารพัดไม่ขัดขวาง แต่ขอถามความขำอย่าอำพราง ด้วยเดิมนางอยู่ที่เขาเจ้าประจัญ ให้ม้าใช้ไปแถลงบอกแจ้งเหตุ ว่าจับเชษฐาจะฆ่าให้อาสัญ จึงหักด่านรานรุกไล่บุกบัน มาโรมรันรบพุ่งกรุงลังกา ประเดี๋ยวนี้มีสารมาทานทัด ว่าสมบัติของสมเด็จพระเชษฐา อย่างไรอยู่ผู้ถือหนังสือมา จงพูดจาให้เราแจ้งที่แคลงใจ วานซืนนี้ตีทัพได้รับรบ แล้วกลับคบเคียงชิดพิสมัย ภิเษกสองครองกันเมื่อวันใด ช่วยเล่าให้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ฯ ๏ ฝรั่งทูตพูดตามเนื้อความสั่ง เดิมก็หวังว่าจะฆ่าให้อาสัญ ครั้นลอบพามาถึงเขาเจ้าประจัญ พอเกิดควันมืดมนสนธยา เทพเจ้าเข้าประคองสองกษัตริย์ ใส่พระหัตถ์เหาะเร่ขึ้นเวหา มาส่งถึงในวังเมืองลังกา ให้สองรารักใคร่เป็นไมตรี ชาวกรุงไกรไพร่นายฝ่ายฝรั่ง จึงพร้อมพรั่งให้เป็นเอกภิเษกศรี ด้วยนายทัพกลับมาอยู่ธานี พระจึงตีได้เขาเจ้าประจัญ ซึ่งสงสัยไม่ประจักษ์ตระหนักแน่ จงดูแต่ลายพระหัตถ์ที่จัดสรร พระทรงเขียนมาให้เห็นเป็นสำคัญ ทั้งตรานั้นชื่อราหูคู่นคร ฯ ๏ พระฟังทูตพูดดีเป็นที่ยิ่ง มันอ้างอิงเอาหลักที่อักษร เป็นความลับกลับกลอกแกล้งยอกย้อน ไม่แน่นนอนนิ่งคิดพินิจดู ก็จำได้ลายพระหัตถ์กระจัดแจ้ง กับตราแดงดวงหน้าพระราหู จึงแกล้งว่าตัวเราเจ้าชมพู ยกมาอยู่ใกล้วังเมืองลังกา แม้จริงจังดังคำที่ร่ำเล่า จงให้เราเฝ้าสมเด็จพระเชษฐา จะทูลความตามประสงค์จำนงมา ให้ทราบฝ่าบาทบงสุ์พระทรงยศ แม้วันนี้มิได้เฝ้าเหมือนเราสั่ง ฝ่ายฝรั่งราชทูตก็พูดปด จะรบพุ่งกรุงไกรมิได้งด ตามกำหนดนัดกันในวันนี้ อันตัวเราเหล่าทหารกับหลานรัก จะไปพักเพียงประตูบูรีศรี ท่านกลับไปในกำแพงแจ้งคดี ให้พระพี่ทราบความตามกิจจา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังตรัสเห็นตัดขาด แสนฉลาดแหลมหลักนั้นหนักหนา ต่างคำนับรับรสพจนา แล้วทูลลากลับหลังเข้าวังใน ทูลแถลงแจ้งคดีบุตรีเลี้ยง เหมือนไล่เลียงเล่าแจ้งแถลงไข เห็นไม่ฟังหนังสือที่ถือไป ว่าแม้ไม่พบองค์จะสงคราม ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาสุดาสดับ นางกำชับนายทหารชาญสนาม แม้มาเฝ้าเราจึงช่วยกันห้ามปราม ให้ทำตามเยี่ยงอย่างวางสาตรา แม้ฟังคำนำไปแล้วให้นั่ง ที่ตึกฝังคนตายข้างฝ่ายขวา ใส่ประแจแม่เหล็กแล้วลอบมา เรียกโยธาไปให้พร้อมแล้วล้อมไว้ สั่งสำเร็จเสร็จสรรพมากับน้อง เข้าเฝ้าสองกษัตราอัชฌาสัย แล้วทูลความตามหนังสือที่ถือไป พระน้องไม่กลับจะเข้าเฝ้าพระองค์ ฯ ๏ พระอภัยได้ฟังยิ่งคั่งแค้น ด้วยสุดแสนรักใคร่อาลัยหลง ว่าครั้งนี้ก็เห็นขาดญาติวงศ์ ในจะคงฆ่าฟันให้บรรลัย แล้วเล้าโลมละเวงวัณฬาราช นุชนาฏนวลหงอย่าสงสัย แม้เขามาหาข้างนอกจะออกไป หรือจะให้สงครามก็ตามที ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงสินสมุทร จะรีบรุดรบพุ่งเอากรุงศรี ชลีกรวอนว่าเป็นอารี จะฆ่าตีพี่น้องไม่ต้องการ เชิญเสด็จขึ้นพลับพลาหน้าหอรบ ให้มาพบพูดจาได้ว่าขาน แม้ดื้อดึงขึงขัดที่ทัดทาน จึงคิดอ่านปราบปรามตามทำนอง ฯ ๏ พระฟังนางช่างดีอารีเหลือ มิให้เชื้อวงศ์ผัวนั้นมัวหมอง จึงตอบความทรามสงวนนวลละออง พวกพี่น้องของพี่ไม่ดีเอง แม่โอบอ้อมพร้อมพรักด้วยรักพี่ ส่วนเขามีแต่จะรุมกันคุมเหง จะไปว่าถ้าทีนี้เขามิเกรง แม่ละเวงวัณฬาอย่าอาลัย จะจับมาผ่าทรวงเอาดวงจิต ออกเพ่งพิศให้เห็นว่าเป็นไฉน จริงนะเจ้าพี่ไม่ลวงแม่ดวงใจ พลางลูบไล้เล้าโลมแม่โฉมยง นางแย้มยิ้มพริ้มพรายชม้ายหมอบ ให้ชื่นชอบชั้นเชิงละเลิงหลง เจียนหมากดิบหยิบพระศรีบุหรี่ทรง ถวายองค์พระอภัยอยู่ใกล้เคียง ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณครั้นฝรั่ง กลับมาวังพอนาฬิกาเที่ยง จึงปรึกษากับพราหมณ์สามพี่เลี้ยง จะบ่ายเบี่ยงแก้ไขไฉนดี เราไปเฝ้าเล่าก็เห็นจะห้ามทัพ ให้คืนกลับไปสถานเหมือนสารศรี ครั้นจะละพระพี่ไว้กับไพรี เห็นชีวีคงไม่รอดจะวอดวาย ครั้นจะอยู่ดูเหมือนเช่นเป็นขบถ พระทรงยศยิ่งจะเดือดมิเหือดหาย ใครจะเห็นเป็นไฉนทั้งไพร่นาย ช่วยอุบายบอกความให้งามใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถราชบุตร สินสมุทรมีปัญญาอัชฌาสัย ทูลพระอาว่าเห็นมิเป็นไร เราอ้างเอาท้าวไทพระอัยกา กับองค์พระอัยกีให้มีสาร มาด้วยการร้อนให้รีบไปหา มิไปตามความผิดอยู่บิดา พระเจ้าอาอย่าฟังชั่งเป็นไร ศรีสุวรรณสรรเสริญเจริญจิต พ่อช่างคิดแก้ดีจะมีไหน พระตรัสพลางทางให้หาเสนาใน มาสอนให้เป็นทูตมาพูดจา แล้วแต่งสารลานทองใส่กล่องแก้ว สำเร็จแล้วจึงให้จัดขึ้นรถา พร้อมกันชิงกลิ้งกลดรจนา ทั้งซ้ายขวาจามรชอนตะวัน กระบวนแห่แต่ล้วนฝ่ายนายทหาร เคยรอนราญเรี่ยวแรงแข็งขยัน กำชับสั่งครั้งนี้ที่สำคัญ คอยดูชั้นเชิงฝรั่งชาวลังกา ให้เจ้าพราหมณ์สามนายอยู่ค่ายตั้ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา ถ้าเหะหะจะได้ยินปืนสัญญา ยกโยธาหนุนกันให้ทันการ แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องพิชัยยุทธ์ สินสมุทรกับพระอาล้วนกล้าหาญ ทั้งสององค์พระยาอาชาชาญ ให้แห่สารข้ามทุ่งเข้ากรุงไกร ประโคมทั้งสังข์แตรแซ่สนั่น เสียงครื้นครั่นกลองชนะปี่ไฉน ฝ่ายฝรั่งลังกาให้ม้าใช้ ไปห้ามให้หยุดประทับตรงพลับพลา ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นจึงว่าเหวยฝรั่ง นิเวศน์วังของสมเด็จพระเชษฐา เปิดประตูกูจะเข้าในพารา ถ้านิ่งช้าโทษมึงจะถึงตาย ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกข้าเฝ้า จึงว่าเราถือกำหนดพระกฎหมาย แม้จะเข้าเฝ้าข้างในได้แต่นาย ไพร่ทั้งหลายนั้นให้อยู่นอกบูรี ตามเยี่ยงอย่างต้องวางสรรพาวุธ บริสุทธิ์จึงเข้าเฝ้าเจ้ากรุงศรี พระอนุชาว่าเองห้ามปรามทั้งนี้ ชอบแต่ที่ข้าบาทราชการ กูเป็นพระอนุชานรารักษ์ ประเสริฐศักดิ์กษัตรามหาศาล ย่อมทรงรถคชบาทราชยาน มีทหารแห่เข้าไปถึงในวัง ต่อจวนใกล้ได้เห็นองค์พระทรงยศ จึงจะลดลงอย่างแต่ปางหลัง นี่เหตุใดจึงมาห้ามตามลำพัง จะให้ยั้งหยุดช้าอยู่ว่าไร ฯ ๏ ฝรั่งว่ามาทางต่างประเทศ จะเข้าเขตราชวังยังไม่ได้ จะบอกกล่าวท้าวนางทูลข้างใน ต่อโปรดให้เข้าเฝ้าจึงเข้ามา แล้วขุนนางต่างไปบอกบุตรีเลี้ยง เหมือนทุ่มเถียงคึกคักกันหนักหนา ฝ่ายสองนางฟังแถลงแจ้งกิจจา ไปวันทาทูลยุบลพระชนนี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ให้หวั่นหวาดวิญญาณ์มารศรี แอบชะอ้อนวอนพระอภัยมณี เชิญพระพี่ขึ้นพลับพลาบนปราการ จงแต่งองค์ทรงสำอางอย่างฝรั่ง เป็นเจ้าลังกาเขตประเทศสถาน พวกเสนาข้าบาทในราชการ จะสำราญรักใคร่พร้อมใจกัน ทั้งถือตราราหูคู่กษัตริย์ ใครแข็งขัดเข่นฆ่าให้อาสัญ ทั้งห้ามแหนแสนสุรางค์นางกำนัล ไม่หวงกันตามประสงค์จำนงใน น้องจะขอเป็นแต่เหล่านางเถ้าแก่ ช่วยดูแลตามประสาอัชฌาสัย เชิญพระองค์สรงสนานสำราญใจ เสด็จไปออกข้างหน้าพลับพลาทอง ฯ ๏ พระฟังนางทางตอบให้ชอบชื่น ไม่ขัดขืนคำเจ้าให้เศร้าหมอง ที่ปราบปรามห้ามทัพจะรับรอง ผู้ใดข้องเคืองขัดจะตัดคอ ซึ่งน้องรักจักไปเข้าเป็นเถ้าแก่ สงสารแต่จะต้องรับกำกับหมอ หม่อมห้ามออกนอกวังตามหลังวอ พี่จะขอเข้าประสมเป็นกรมวัง ได้พบเห็นเย็นเช้ากับเฒ่าแก่ ประจ๋อประแจ๋กว่าจะสมอารมณ์หวัง พระหยอกนางพลางเสด็จจากบัลลังก์ ขึ้นนั่งตั่งสรงชลสุคนธา นางจัดเครื่องเมืองฝรั่งตั้งถวาย ล้วนเพชรพรายพลอยระยับจับเวหา พระอภัยไม่เคยทรงให้สงกา ถามวัณฬาทูลฉลองยิ้มย่องกัน พระสอดซับสนับเพลาเนาสำรด รัตคตพรรณรายสายกระสัน ฉลององค์ทรงเสื้อเครือสุวรรณ สลับชั้นเชิงหุ้มดุมวิเชียร สายปั้นเหน่งเปล่งเม็ดเพชรประดับ สอดสลับซ้อนระบายล้วนลายเขียน ทัดพระมาลาทรงประจงเจียน ดูแนบเนียนเนาวรัตน์ชัชวาล ใส่เกือกทองรองเรืองเครื่องกษัตริย์ เพชรรัตน์รจนามุกดาหาร มีนวมนุ่มหุ้มพระชงฆ์อลงการ สอดประสานสายสุวรรณกัลเม็ด ธำมรงค์วงรายพรายพระหัตถ์ เนาวรัตน์วุ้งแววล้วนแก้วเก็จ ทรงกระบี่มีโกร่งปรุโปร่งเพชร แล้วห้อยเช็ดหน้ากรองทองประจง มาหยุดยั้งนั่งที่เก้าอี้รัตน์ นางกษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์ ถวายตราราหูเป็นคู่องค์ สำหรับทรงว่าขานการพารา ให้ลูกเลี้ยงเคียงคำนับคอยรับสั่ง ใช้ฝรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา แล้วเลือกเหล่าสาวสุรางค์สำอางตา เชิญเครื่องชาชุดกล้องประคองพาน ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงกระบี่แล้วลีลาศ ธิดานาฏนำมาข้างหน้าฉาน ขึ้นประทับพลับพลาตรงปราการ พนักงานฆาตฆ้องกลองสัญญา พระหยุดยั้งนั่งที่เก้าอี้อาสน์ ธิดานาฏเฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา ฝ่ายขุนนางข้างฝรั่งเมืองลังกา ต่างก็มาเฝ้าฟังรับสั่งความ ฯ ๏ พระผันแปลแลเล็งเพ่งพระพักตร์ เห็นลูกรักกับพระน้องที่ท้องสนาม กับรถทรงราชสารตระหง่านงาม ไม่ทราบความคิดอ่านประการใด จึงตรัสสั่งนางยุพาให้หาทัพ นางน้อมรับพจนาอัชฌาสัย จึงโบกธงส่งภาษาให้ม้าใช้ ไปบอกให้นายเข้ามาเฝ้าพลัน ฯ ๏ ฝ่ายม้าใช้ไปแถลงให้แจ้งอรรถ สองกษัตริย์เคลื่อนพหลพลขันธ์ มาปักธงตรงพลับพลาพร้อมหน้ากัน ศรีสุวรรณพิศดูภูวไนย เห็นแต่งองค์ทรงสำอางอย่างฝรั่ง ครั้นจะบังคมพระองค์ก็สงสัย สินสมุทรสุดแสนที่แค้นใจ แกล้งทำไม่รู้จักเมินพักตรา ฯ ๏ พระอภัยใหลหลงทรงพิโรธ ตรัสคาดโทษน้องรักโอรสา มายืนดูอยู่ด้วยกันไม่วันทา หรือจะมารบพุ่งเอากรุงไกร ฯ ๏ ศรีสุวรรณพรั่นจิตคิดขยาด เชิงฉลาดทูลแจ้งแถลงไข แม้มิโปรดโทษทัณฑ์ก็บรรลัย ซึ่งมิได้กราบก้มบังคมคัล ด้วยถือสารการแผ่นดินปิ่นกษัตริย์ บุรีรัตน์รัตนามหาศวรรย์ ให้ข้าพามาถึงองค์พระทรงธรรม์ กับราชมัลมนตรีทั้งสี่นาย ขอพระองค์จงรับราชสาร ตามโบราณอย่าให้ช้ำระส่ำระสาย แล้วตัวข้าสามนต์พลนิกาย จะถวายวันทาฝ่าธุลี ฯ ๏ พระอภัยได้สดับกลับได้คิด เราหลงผิดพี่น้องพลอยหมองศรี โอ้สงสารพระชนกชนนี ต้องให้มีสารแสดงมาแจ้งการ จึงลดองค์ลงจากเก้าอี้อาสน์ น้อมคำนับอภิวาทราชสาร ให้เสนาอาลักษณ์พนักงาน เชิญมาอ่านที่ตรงหน้าพลับพลาชัย สารสมเด็จบิตุราชมาตุรงค์ สองพระองค์ทรงภพสบสมัย แสนคะนึงถึงโอรสยศไกร พระอภัยมณีศรีโสภา แต่พลัดพรากจากเขตนิเวศน์สถาน ก็เนิ่นนานตั้งแต่คอยละห้อยหา ไม่เห็นหายฝ่ายเราเฒ่าชรา มีโรคาเยี่ยมเยือนทุกเดือนปี จะอาสัญวันใดก็ไม่รู้ ไม่มีผู้จะบำรุงซึ่งกรุงศรี ถ้าศึกเหนือเสือใต้พวกไพรี มาย่ำยีเขตแคว้นจะแค้นเคือง พวกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย ทั้งหญิงชายทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง เสียดายองค์ทั้งสงสารแก่บ้านเมือง จึงแต่งเรื่องราชสารเป็นการร้อน ให้เสนีสี่นายมาพรายแพร่ง หวังให้แจ้งลูกรักในอักษร แม้สงสารมารดากับบิดร จงรีบร้อนเร็วมายังธานี จะรอใจไว้ท่ากว่าจะถึง หวังจะพึ่งบุญเจ้าช่วยเผาผี แม้ธุระพระอภัยสิ่งไรมี จงให้ศรีสุวรรณน้องอยู่ป้องกัน แม้มิมาครานี้เป็นที่สุด เป็นขาดบุตรบิดาจนอาสัญ พอจบสารกรานก้มบังคมคัล ศรีสุวรรณอัญชลีพระพี่ยา ฯ ๏ พระอภัยใจขยับจะกลับหลัง แต่มนต์คลั่งเคลิ้มรักนั้นหนักหนา ยิ่งเห็นลูกผูกพันถึงวัณฬา จึงตรึกตราตรัสสนองพระน้องรัก ราชสารการร้อนมาเร่งรัด ถ้าผ่อนผัดบิดพลิ้วจะกริ้วหนัก อันตัวพี่นี้ก็ป่วยระหวยนัก จะผ่อนพักพอให้คลายก็หลายวัน เจ้ากับหลานภารธุระหามีไม่ จงรีบไปรัตนามหาศวรรย์ เผื่อข้าศึกฮึกโหมมาโรมรัน ช่วยป้องกันกรุงไกรทั้งไพร่นาย ช่วยกราบทูลมูลเหตุว่าเชษฐา เป็นโรคาขุกไข้ยังไม่หาย พอโรคร้อนหย่อนลงจะทรงกาย ไปถวายวันทาฝ่าธุลี ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นได้ฟังรับสั่งตรัส จึงทานทัดทูลฉลองด้วยหมองศรี ซึ่งมีสารการรับสั่งมาครั้งนี้ ให้พระพี่รีบรัดไปจัดการ อันตัวข้าว่าให้อยู่ดูข้างหลัง มีรับสั่งสิทธิ์ขาดในราชสาร จะขืนไปให้เคืองเบื้องบทมาลย์ เหมือนหม่อมฉานขัดรับสั่งไม่บังควร ฯ ๏ พระฟังน้องข้องขัดตัดบังคับ ด้วยเรื่องรับสั่งมีมาถี่ถ้วน จะตอบคำทำเป็นครางอย่างประชวร เวลาจวนจับไข้ไม่สบาย พระอนุชาพาทูตไปหยุดพัก แล้วจึงจักคิดอ่านการทั้งหลาย เป็นสำเร็จเสร็จศึกอย่านึกร้าย ทั้งสองฝ่ายจะเป็นมิตรสนิทกัน แม้ผู้ใดไม่ฟังเราบังคับ จะเฆี่ยนขับเข่นฆ่าให้อาสัญ แล้วหยิบสารลานทองของสำคัญ จรจรัลจากพลับพลาเข้ามาวัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาจึงพาหลาน กับทหารกองทัพนั้นกลับหลัง มาอยู่ค่ายนายไพร่ให้ระวัง จะคอยฟังข่าวที่พระพี่ยา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมณีนาถ ขึ้นปราสาทสามชั้นด้วยหรรษา นั่งบนเตียงเคียงลูกสาวเจ้าลังกา แจ้งกิจจาตามความที่ห้ามทัพ ศรีสุวรรณสินสมุทรก็หยุดยั้ง พี่ซ้ำสั่งขาดเด็ดเป็นเสร็จสรรพ แม้ผู้ใดไม่ฟังพี่บังคับ จะเฆี่ยนขับฆ่าฟันให้บรรลัย แต่สมเด็จพระบิดาให้หาพี่ ใช้เสนีนำสารมาขานไข พี่บอกป่วยด้วยเป็นห่วงเจ้าดวงใจ ไม่ขอไกลกลอยสวาทแล้วชาตินี้ วันนี้วันสัญญาแล้วหนาน้อง อย่าขัดข้องคิดอางขนางหนี นางคมค้อนซ่อนหน้าแล้วพาที ชะพระพี่เพทุบายได้หลายทาง พระบิตุราชมาตุรงค์ของทรงศักดิ์ เป็นที่รักหรือจะตัดยังขัดขวาง แกล้งบอกป่วยด้วยจะหน่วงเป็นห่วงค้าง แล้วจะร้างแรมวังเป็นรังกา พระกลับไปอาณาจักรถึงหลักแหล่ง ไม่ขาดแคลงดอกที่เล่ห์เสน่หา กลัวจะหลงลืมเลยเชยวัณฬา สงสารหน้าน้องจะคล้ำดังน้ำคราม หนึ่งพระน้องกองทัพไม่กลับหลัง ก็สุดหวังว่าจะเตียนที่เสี้ยนหนาม แม้ศึกเงียบเรียบราบพระปราบปราม จะยอมตามคำรับไม่กลับกลาย นี่ทัพยังตั้งล้อมอยู่พร้อมพรัก สุดจะรักทูลกระหม่อมยอมถวาย พระไม่ไปไหนเลยพระน้องชาย จะเคลื่อนคลายกองทัพถอยกลับไป ฉวยได้ทีตีตลบเข้ารบพุ่ง จะเสียกรุงลังกาเลือดตาไหล หรือทรงฤทธิ์คิดอ่านประการใด ที่จะให้กองทัพกลับโดยดี ฯ ๏ พระฟังนางพลางว่านิจจาเอ๋ย ไม่เชื่อเลยแม่วัณฬามารศรี ถึงกองทัพกลับกล้าเข้าราวี จะผลาญชีวีมันให้บรรลัย น้องก็รู้อยู่ว่าท้าวเจ้าละมาน ยังต่อต้านลมปี่พี่ไม่ไหว ถึงคนอื่นหมื่นแสนทุกแดนไตร จะผลาญให้วอดวายตายทุกทัพ เว้นเสียแต่แม่ละเวงพี่เกรงฤทธิ์ ด้วยสุดคิดเป่าปี่ก็มิหลับ ของ้อรักสักเท่าไรก็ไม่รับ เฝ้าคอยจับผิดพี่ไปทีเดียว บอกว่าไม่ไปจากไม่อยากเชื่อ น่าหยิกเนื้อหนักหนาจนขาเขียว สัญญาแน่แท้เที่ยงแล้วเลี่ยงเลี้ยว เฝ้าหน่วงเหนี่ยวนึกระแวงแคลงวิญญาณ์ พระชนกชนนีของพี่นั้น มิใช่ท่านยากไร้จะไปหา แต่แจ้งการสารศรีที่มีมา ก็จำว่าเจ็บป่วยด้วยนิดน้อย พี่ไม่ไปใครจะกล้ามาว่ากล่าว มิใช่บ่าวใช่ไพร่เช่นใช้สอย ซึ่งกองทัพรับสั่งมาตั้งคอย นานเข้าหน่อยหนึ่งก็เหลือที่เบื่อใจ คงเลิกทัพกลับหมดเพราะอดอยาก จะกรำกรากแรมปีอยู่ที่ไหน แต่ตัวพี่ชีวันมิบรรลัย ก็มิให้นิ่มน้องเจ้าหมองนวล จนแก่เฒ่าเฝ้าแอบแนบถนอม สู้อดออมอุส่าห์รักษาสงวน วันนี้วันสัญญาเวลาจวน อย่าหยิกข่วนข้องขัดเสียสัจจา ฯ ๏ นางแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายสนอง อันตัวน้องซื่อสุดไม่มุสา แม้กองทัพกลับไปไกลลังกา สมสัญญาแล้วไม่ห้ามตามพระทัย แต่สมบัติพัสถานการทั้งหลาย ขอถวายตามพระอัชฌาสัย ทั้งห้ามแหนแสนสนมกรมใน ยังจัดไว้พร้อมเพรียงทั้งเวียงวัง โปรดให้เข้าเฝ้าแห่งตำแหน่งห้าม ให้ต้องตามเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง แล้วหลีกออกนอกสุวรรณบัลลังก์ เลี้ยวมานั่งตึกลมที่ชมจันทร์ จึงเรียกสองธิดารำภาสะหรี มานั่งที่เงียบสงัดให้จัดสรร บรรดาเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล จงแบ่งปันกะเกณฑ์เป็นเวรการ พวกสาวใหญ่ได้ระเบียบที่เรียบร้อย สำหรับคอยเครื่องต้นสุคนธ์สนาน ที่เชิงชั้นสันทัดหัดชำนาญ เป็นอยู่งานงามพร้อมละม่อมละไม ที่เวรจัดมัสการพานพระศรี เลือกที่มีกิริยาอัชฌาสัย เจ้าพาเข้าเฝ้าดูพระภูวไนย จะเห็นใจจริงจังในครั้งนี้ ถามถึงข้าว่าไปเที่ยวตรวจทหาร ระวังการรบพุ่งนอกกรุงศรี ทั้งสามนางต่างรับพระเสาวนีย์ ดูบาญชีเบี้ยหวัดจัดชาววัง ให้ท้าวนางตั้งเกณฑ์เวรหม่อมห้าม เป็นโมงยามตามอย่างแต่ปางหลัง ที่เล่นเบี้ยเสียห้ามปรามไม่ฟัง ส่งไปคลังราชการเป็นงานกลาง ที่สาวใหญ่ไม่สมัครรักไปบ้าน ให้ลบบาญชีเบี้ยหวัดไม่ขัดขวาง ขรัวนายรับนับถ้วนจำนวนนาง จัดสุรางค์รายนามตามบาญชี ฯ ๏ ฝ่ายสนมกรมในทั้งใหญ่น้อย บ้างเศร้าสร้อยบ้างก็เปรมเกษมศรี ด้วยว่างเว้นเป็นม่ายมาหลายปี พึ่งจะมีเวรเฝ้าไม่เปล่าดาย บ้างอาบน้ำกุหลาบอาบน้ำกลั่น กระแจะจันทน์เจือเนื้อให้เหงื่อหาย บ้างเข้าห้องส่องกระจกกระจ่างกาย ลองชม้ายหมอบก้มประนมนิ้ว บ้างเรียกข้ามาสีขี้ไคลให้ ขมิ้นใส่น้ำส้มระบมผิว บ้างหวีผมคมสันบ้างกันคิ้ว บ้างบีบสิวใส่ยาผัดหน้าทับ บ้างปิดป้องห้องหับให้ลับลี้ แล้วสีชี่ให้ฟันเป็นมันขลับ ที่ผมบิดติดขี้ผึ้งตรึงกระชับ เอาหมึกจับเขม่าซ้ำให้ดำดี บ้างอบน้ำร่ำกลิ่นให้หอมฟุ้ง เลือกผ้านุ่งผ้าห่มที่สมสี บ้างเข้าห้องลองหัดพัชนี ทำท่วงทียิ้มพรายชายชำเลือง ที่มีมิตรคิดจะออกก็บอกป่วย ทำระทวยทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง ลอบบนบานท่านผู้ใหญ่มิให้เคือง ช่วยปลดเปลื้องปล่อยตามความสบาย ที่ขัดสนจะใคร่ออกนอกตำแหน่ง แต่คิดแคลงคนนอกจะหลอกขาย ทั้งเบี้ยหวัดจะไม่ได้ให้เสียดาย จะสู้ตายอยู่กับรังที่วังใน พอเวลาห้าโมงพวกหม่อมห้าม ต่างแต่งตามกิริยาอัชฌาสัย ตามท้าวนางย่างเยื้องชำเลืองไป ชึ้นเฝ้าในมนเทียรวิเชียรพราย สะพรั่งพร้อมน้อมคำนับหมอบพับเพียบ ได้ระเบียบมิให้สไบขยาย บ้างขวยเขินเมินเมียงบ้างเอียงอาย บ้างชม้ายชม้อยดูพระภูวไนย เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมลักษณ์ ให้นึกรักร่วมจิตหวิดหวิดไหว ดูยิ้มเยื้อนเหมือนจะชวนให้ยวนใจ ตะลึงตะไลแลลืมปลื้มอารมณ์ เจ้าขรัวยายฝ่ายที่พระพี่เลี้ยง ถวายเวียงวังสุรางค์นางสนม ทั้งเฝ้าเวรเกณฑ์ยามอยู่ตามกรม แล้วบังคมคอยสดับรับบัญชา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาท เชิงฉลาดแลชม้ายดูซ้ายขวา เห็นห้ามแหนแสนสุรางค์สำอางตา แต่ละหน้านวลละอองเป็นยองใย บ้างพ่วงพีมีแต่เนื้อเหลือจะอ้วน แต่เลือกล้วนลักขณาอัชฌาสัย บ้างเอวบางร่างน้อยน่ากลอยใจ งามวิไลหลายอย่างต่างต่างกัน บ้างงามเกศเนตรรับกับขนง พักตร์อนงค์เรือนผมก็คมสัน บ้างขาวผ่องสองสีฉวีวรรณ ล้วนรู้ชั้นเชิงฉลาดในราชการ ชำเลืองสบหลบเลี่ยงเมียงชม้อย ทั้งใหญ่น้อยน่ารักสมัครสมาน สักประเดี๋ยวเสียวมนต์ดลบันดาล ให้ซาบซ่านโศกศัลย์ถึงวัณฬา แกล้งขับเหล่าสาวสุรางค์นางทั้งหลาย เออเจ้านายอยู่ที่ไหนไม่ไปหา แม้พบองค์จงแถลงแจ้งกิจจา ว่าเชิญมาปรางค์มาศปราสาททอง ฯ ๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์ต่างสดับ รู้ว่าขับมิให้เฝ้าก็เศร้าหมอง ต่างนอบนบหลบเลี่ยงเที่ยวเมียงมอง มาถึงท้องพระโรงหลังที่วังใน เห็นโฉมยงองค์ละเวงต่างเกรงกราบ ทูลให้ทราบกิจจาอัชฌาสัย พระปิ่นเกล้าเจ้าลังกาบัญชาใช้ ให้เชิญไปมนเทียรวิเชียรพราย ฯ ๏ นางฟังเหล่าสาวสรรค์กลั้นพระสรวล มารบกวนคนเหลือเบื่อใจหาย จะเอ็นหลังนั่งเล่นเย็นสบาย นางทั้งหลายอย่าไปว่าพบข้าเลย แล้วตรัสเรียกนางยุพาเข้ามาใกล้ รับสั่งให้หาแล้วลูกแก้วเอ๋ย มิอยากไปให้ปะเธอจะเคย ทำเกินเลยล้ำเหลือน่าเบื่อใจ เจ้าเคยเฝ้าเข้าไปดูสักครู่หนึ่ง ถ้าถามถึงทำไม่รู้ว่าอยู่ไหน นางน้อมรับกลับสนองให้ต้องใจ เห็นจะให้ตามหาทุกตาปี แล้วทูลลามาปราสาทฉลาดเลี่ยง ทำส่งเสียงเรียกเหล่านางสาวศรี ใครอยู่บ้างนั่งยามตามอัคคี แกล้งพาทีเพทุบายภิปรายเปรย ฯ ๏ พระอภัยได้ยินเสียงลูกเลี้ยงพูด แหวกวิสูตรเรียกยุพาผกาเอ๋ย สายสุดใจไม่ช่วยพ่อด้วยเลย แม้เฉยเมยเสียแล้วพ่อจะมรณา ประหลาดแท้แม่ละเวงยิ่งเกรงจิต ยิ่งเบือนบิดห่างเหเสนหา จนค่ำพลบหลบไปเสียไม่มา เจ้าช่วยพาพ่อไปตามนางทรามวัย ฯ ๏ นางยุพานารีชลีกราบ ลูกไม่ทราบว่าพระองค์อยู่ตรงไหน วานซืนนี้ที่พลับพลาลูกพาไป เจียนจะได้ผิดด้วยก็ป่วยการ แต่ร่วมอาสน์คลาดเคลื่อนไม่เหมือนคิด หรือจะติดตามออกไปนอกสถาน เหมือนคเชนทร์เจนขอเหลือหมอควาญ ใครจะหาญขี่ขับช่วยจับกุม ฯ ๏ พระฟังเปรียบเรียบร้อยค่อยค่อยว่า เหมือนลมกล้ายาเย็นเป็นสุขุม ไม่หายโศกโรคจึงจำรึงรุม ต้องหาพุมเสนประสมให้ลมคลาย เจ้าช่วยพ่อพอให้เสร็จสำเร็จรัก จะรู้จักบุญคุณไม่สูญหาย ถ้าทีนี้มิได้มิใช่ชาย จะสู้ตายเสียให้พ้นที่ทรมาน ฯ ๏ นางนิ่งนั่งฟังคำพระร่ำตรัส เห็นถือสัตย์ซื่อตรงก็สงสาร จึงทูลว่าข้าเห็นไม่เป็นการ จะเนิ่นนานนับเดือนด้วยเชือนแช แม้ทรงฤทธิ์คิดทำเหมือนคำลูก เป็นจะผูกศอม้วยลูกช่วยแก้ ไปทูลสารมารดาคงมาแท้ ขอเสียแต่อย่าให้แจ้งว่าแต่งกล ฯ ๏ พระสรวลพลางทางตอบชอบแล้วลูก เอาผ้าผูกต่างเชือกเสลือกสลน แล้วพันเข้าไว้ทางที่ข้างบน ทำเล่ห์กลเสร็จสรรพแล้วดับไฟ ฯ ๏ ฝ่ายยุพาลาออกมานอกห้อง ไปตึกทองทูลแจ้งแถลงไข เชิญเสด็จพระมารดารีบคลาไคล พระภูวไนยผูกศอจะมรณา นางโฉมยงองค์สั่นให้หวั่นหวาด มาปราสาททรงเดชพระเชษฐา เห็นทวารบานปิดเรียกธิดา จุดเทียนมาทรงส่องที่ห้องใน เห็นพระองค์ทรงกระสันพันพระศอ เข้ายุดข้อหัตถาชิงผ้าได้ พระยุดแย่งแกล้งสะบัดทำขัดใจ นางกราบไหว้วอนว่าโศกาพลาง อย่ากริ้วโกรธโปรดเถิดทูลกระหม่อม น้องจะยอมสารพัดไม่ขัดขวาง พระฟังวอนอ่อนหวานสงสารนาง ค่อยช้อนคางเคียงน้องประคองเชย หากว่ารักหนักหนาแม้หาไม่ ไม่เห็นใจพี่แล้วน้องแก้วเอ๋ย อย่าปัดมือดื้อดึงหน่อยหนึ่งเลย พลางก่ายเกยกอดแอบไว้แนบทรวง ค่อยสอดกรช้อนชิดจุมพิตพักตร์ นางพลิกผลักปิดป้องที่ของหวง แล้วตรองตรึกนึกแคลงหรือแกล้งลวง ดูเห็นท่วงทีชื่นรื่นสำรวล ผิดสำเหนียกเรียกหาธิดาหาย เอะดีร้ายรู้กันนางกลั้นสรวล พลางเสแสร้งแกล้งว่าพระเจ้ากระบวน อย่าเฝ้ากวนไปเลยเขารู้เท่าทัน ความคิดใครไฉนหนอพ่อหรือลูก มาแกล้งผูกคอได้ไม่น่าขัน ทำย้อนยักซักซ้อมสมยอมกัน เถิดเช่นนั้นแล้วก็ไม่พอใจยอม พระยิ้มพลางทางว่านิจจาเอ๋ย ไม่เห็นเลยรักนุชสุดถนอม จะผูกศอก็ว่าปดทำคดค้อม จะไม่ยอมจริงจังหรืออย่างไร อย่าสำคัญมั่นหมายว่าทายถูก นี่ก็ผูกอีกดอกจะบอกให้ นางว่าชะพระพี่มิผูกไย น้องจะได้ดูเล่นให้เห็นจริง พระแกล้งว่าอย่าห้ามนะคราวนี้ ตายเป็นผีจะมาอยู่เข้าสู่สิง แม้ชายใดใครล่วงมาช่วงชิง เข้าแอบอิงน้องรักจะหักคอ แล้วเหลียวหาผ้าแพรทำแก้ขวย เอะใครฉวยเอาไปไว้ข้างไหนหนอ แกล้งเหลียวหาหน้าหลังทำรั้งรอ นางหัวร่อนี่แนะท่านเจ้ามารยา อะไรเล่าเฝ้าหัวเราะเยาะไปได้ จะหยิกให้ห้อเลือดเดือดหนักหนา พลางแนบเน้นเคล้นพุ่มปทุมมา นางค่อนว่าน่าเบื่อเหลือละอาย จะผูกศอก็ไม่ผูกจะถูกหยิก ขืนจุกจิกหนีไปเสียให้หาย พระว่าพี่มิได้กอดจะวอดวาย ได้กอดก่ายแล้วก็ฟื้นค่อยชื่นใจ พลางโอบอุ้มจุมพิตสนิทถนอม งามละม่อมละมุนจิตพิสมัย ร่วมภิรมย์สมสองทำนองใน แผ่นดินไหวจนกระทั่งหลังอานนท์ ในนทีตีคลื่นเสียงครื้นครึก ลั่นพิลึกโลกาโกลาหล หีบดนตรีปี่พาทย์ระนาดกล ไม่มีคนไขดังเสียงวังเวง อัศจรรย์ลั่นดังระฆังฆ้อง เสียงกึกก้องเก่งก่างโหง่งหง่างเหง่ง ปืนประจำกำปั่นก็ลั่นเอง เสียงครื้นเครงครึกโครมโพยมบน สุนีบาตฟาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงเปรื่อง กระดอนกระเดื่องดินฟ้าเป็นห่าฝน ทุกธารถ้ำน้ำพุทะลุล้น ท่วมถนนแนวฝั่งเกาะลังกา สองสนิทชิดชมอารมณ์ชื่น ระเริงรื่นเริ่มแรกแปลกภาษา พระลืมองค์พงศ์พันธุ์สวรรยา นางลืมวังลังกาไม่อาลัย พระหลงรื่นชื่นกลิ่นดินถนัน นางหลงชั้นเชิงชิดพิสมัย แต่คลึงเคล้าเย้ายวนรัญจวนใจ จนระงับหลับไปในไสยา ฯ ๏ ครั้นรุ่งรางนางตื่นสะอื้นอ้อน ให้อาวรณ์ถึงญาติศาสนา เสียดายกายอายฝรั่งทั้งลังกา จะเอาหน้าหนีไปแฝงเสียแห่งไร ยิ่งตรึกตรองหมองจิตด้วยผิดเพศ น้ำพระเนตรคลอคลอหลั่งหล่อไหล แล้วผันแปรแลดูภูวไนย กลับอาลัยลืมสะอื้นชื่นอารมณ์ เห็นร้อนรนปรนนิบัติพัดให้หลับ ด้วยรักจับดวงจิตสนิทสนม เรียกธิดามาในห้องทองบรรทม ประชดชมเจ้าช่างคิดประดิษฐ์ดี จะดับเข็ญเย็นได้เหมือนไฟดับ หรือจะกลับแสนแค้นแสนบัดสี เมื่อศึกยังตั้งอยู่ในบูรี เร่งให้มีผัวน่าระอาอาย ต้องเป็นน้อยย่อยยับยิ่งคับแค้น ยังซ้ำแสนอดสูไม่รู้หาย หรือคิดเห็นเป็นผลกลอุบาย จะยักย้ายอย่างไรเห็นไม่ฟัง ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาก้มหน้ายิ้ม ด้วยนึกอิ่มอารมณ์ที่สมหวัง จึงว่าพี่รำภาดูน่าชัง จะเหมือนดังเรื่องราวท่านกล่าวไว้ ว่ารักนักมักหน่ายมักหายรัก ถ้าคิดนักมักงงมักหลงใหล แม้เสร็จศึกนึกหมายข้างภายใน แล้วจะได้ผ่อนผันตามปัญญา อันศึกนอกออกตีด้วยฝีปาก เห็นไม่ยากใจนักไม่หนักหนา เป็นการเบาเท่านี้พี่รำภา จะอาสาปราบได้ดังใจจง ฯ ๏ นางฟังคำร่ำเปรียบเห็นเฉียบแหลม ค่อยยิ้มแย้มชื่นชมสมประสงค์ พอเห็นพระอภัยฟื้นตื่นพระองค์ เชิญให้สรงเสวยตามความสบาย แล้วหยิบชิ้นดินถนันสำคัญของ ใส่จานทองนพคุณทูลถวาย แล้วเล่าเรื่องเคืองขัดที่พลัดพราย เจียนจะตายเสียในป่าพนาลัย ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางว่าน่าสงสาร หากว่าท่านเทพเจ้าเขาไศล อุปถัมภ์บำรุงเจ้ากรุงไกร พี่จึงได้ตามติดมาชิดเชื้อ แล้วหยิบชิ้นดินถนันสำคัญของ เสวยลองรสชาติประหลาดเหลือ ให้ชื่นใจไม่รู้หิวทั้งผิวเนื้อ ไม่มีเหงื่อหอมรื่นทุกคืนวัน เสวยอิ่มยิ้มย่องว่าน้องรัก ขอบใจนักที่ได้กินดินถนัน จะชุ่มชื่นยืนยืดสืบพืชพันธุ์ เป็นเพื่อนขวัญเนตรน้องอยู่ห้องใน ฯ ๏ นางคมค้อนอ่อนโอษฐ์ว่าโปรดเกล้า พระคุณเท่าดินฟ้าชลาไหล แต่น้องนี้วิตกในอกใจ กลัวจะไม่เหมือนรสพจมาน เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล ด้วยโอรสอนุชาเข้ามารับ กลัวจะกลับทิ้งขว้างไปห่างแห อันอารมณ์ลมหวนมักปรวนแปร จะขอแต่คำมั่นที่สัญญา จะจากกันวันใดอย่าไปเปล่า ช่วยตัดเกล้าน้องให้ขาดเหมือนปรารถนา พอให้พ้นทนทุเรศเวทนา แล้วผ่านฟ้าจึงไปตามความสบาย ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มเพราว่าเจ้าพี่ ไม่หน่ายหนีนุชนาฏอย่ามาดหมาย ซึ่งสิ่งไรได้รับไม่กลับกลาย จะเป็นตายอย่างไรไม่ไกลกัน ถึงแก่กกงกเงิ่นเดินไม่รอด จะสู้กอดแก้วตาจนอาสัญ ซึ่งพระน้องกองทัพมารับนั้น ถึงผูกพันพวกลากไม่อยากไป พอน้ำข้าวลำเลียงเสบียงหมด ก็จะอดอ่อนหูไม่อยู่ได้ ห้ามฝรั่งลังกาอย่าให้ใคร ไปส่งให้ข้าวน้ำเป็นลำเลียง ฯ ๏ นางละเวงเกรงเหล่าชาวผลึก จะทำศึกว้าวุ่นจึงทูลเถียง พระน้องมาธานีจะมิเลี้ยง ก็ผิดเยี่ยงอย่างกษัตริย์ขัตติยา จะแต่งโต๊ะตามอย่างข้างฝรั่ง ถวายทั้งสององค์ตามวงศา ทั้งนายทัพกับพราหมณ์สามเวลา เหล่าโยธาจ่ายเสบียงให้เลี้ยงกัน เชิญพระองค์ส่งสารอาการไข้ ไปบอกให้เห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ อันโอรสกับพระน้องทั้งสองนั้น จะพากันมาเฝ้าก็เข้ามา ฯ ๏ พระฟังนางทางว่าจะหาไหน ที่จะได้เหมือนนุชนี้สุดหา ไม่ห้ามปรามตามแต่จิตวนิดา แล้วเขียนอาการไข้ส่งให้นาง นางน้อมรับพับจีบหนีบพระหัตถ์ ทูลลาภัสดามาตึกขวาขวาง ขึ้นนั่งเพียงเตียงทองที่ห้องกลาง ร้องเรียกนางรำภามาพาที เจ้าเอ็นดูชูช่วยเราด้วยเถิด อย่าให้เกิดรบพุ่งถึงกรุงศรี จะปราบปรามห้ามได้ด้วยไมตรี เนื้อความนี้เจ้าก็รู้อยู่ด้วยกัน ศรีสุวรรณนั้นเป็นใหญ่อยู่ในทัพ เจ้าเคยรับรบสู้เป็นคู่ขัน เจ้าพูดล่อพอให้หลงลืมพงศ์พันธุ์ ตัวสำคัญเอามาขังไว้วังใน เห็นแว่นแคว้นแดนดินจะสิ้นศึก หรือเจ้าตรึกตรองเห็นเป็นไฉน ช่วยธุระอนุกูลอย่าสูญใจ เราจะได้รักกันจนวันตาย ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีชลีฉลอง พระคุณของบาทมูลไม่สูญหาย ถึงเสียตัวชั่วช้าชีวาวาย จะสู้ตายมิได้ขัดพระอัชฌา แต่ตรองตรึกนึกเห็นเช่นหม่อมฉัน ศรีสุวรรณจะไม่มาดปรารถนา จะอดสูผู้ชายอายวิญญาณ์ ทั้งขายฝ่าบาทบงสุ์แม่นงเยาว์ ฯ ๏ นางยิ้มแย้มแต้มเติมช่วยเสริมส่ง กลัวจะงงจิกปีกเสียอีกเจ้า แป้งสุคนธ์มนตราตำราเรา จะให้เจ้าจูงจมูกมาผูกไว้ แล้วโฉมยงทรงเขียนให้เรียนมนต์ เสกสุคนธ์ใส่เวทข้างเพทไสย แล้วว่าเจ้าเอาหนังสือนี้ถือไป อาการไข้ให้แก่พระอนุชา ขอบาญชีที่ทัพจะรับเลี้ยง ให้พร้อมเพรียงไพร่นายทั้งซ้ายขวา ทั้งเครื่องของสองกษัตริย์ขัตติยา ว่าของข้าให้ไปด้วยใจจง ฯ ๏ นางคำนับรับสั่งมายังห้อง จัดข้าวของพร้อมตามความประสงค์ เครื่องสุคนธ์มนต์เสกเขียนเลขลง ทำเป็นผงลงผ้าเช็ดหน้านวล แล้วอาบน้ำซ้ำอาบกุหลาบกลั่น กระแจะจันทน์เจิมพร้อมให้หอมหวน แล้วทาแป้งแต่งตัวให้ยั่วยวน กระหมวดม้วนมวยรัดกระหวัดเวียน แล้วใส่ช้องป้องพักตร์จำหลักเพชร สะพักเช็ดหน้านางเหมือนอย่างเขียน นุ่งริ้วเครือเสื้อแบบดูแนบเนียน สังวาลเวียนประดับดูวับวาว แล้วเลือกสรรบรรดาเหล่าข้าหลวง ที่งามท่วงทีละมุนพึ่งรุ่นสาว เชิญเครื่องทองของประทานทั้งหวานคาว แล้วมีท้าวนางกำกับสำหรับยศ ทั้งหีบทองของนางเป็นอย่างเอก ใส่เครื่องเสกผ้าเช็ดหน้าบุหงาสด ครั้นแล้วออกนอกวังขึ้นนั่งรถ คนกั้นกลดตรงมาท้ายธานี ถึงริมค่ายนายประตูมาขู่ถาม จึงบอกนามว่ารำภาสะหรี จะมาเฝ้าเล่าตามเนื้อความมี อย่าช้าทีทูลแถลงแจ้งกิจจา ฯ ๏ นายประตูรู้รีบไปทูลสนอง พระตรึกตรองกริ่งใจจึงให้หา นางดีใจไปคำนับที่พลับพลา พอเห็นหน้านางมนต์เข้าดลใจ ตะลึงจิตพิศดูเป็นครู่พัก ยิ่งนึกรักรูปทรงจนหลงใหล ดูคมขำสำอางทุกอย่างไป จะดูไหนงามนั่นเป็นขวัญตา ขนงเนตรเกศแก้มเมื่อแย้มยิ้ม ดูจิ้มลิ้มเหลือเอกเหมือนเมขลา พระหลงรักทักถามตามสงกา เจ้างามขำรำภามาว่าไร ฯ ๏ นางทูลตอบนอบน้อมว่าหม่อมฉาน เชิญอาการออกมาแจ้งแถลงไข ทั้งองค์พระมเหสีมีพระทัย ทำโต๊ะใหญ่อย่างฝรั่งเมืองลังกา ถวายองค์ทรงยศโอรสราช หวังพระบาทสององค์เหมือนวงศา ทั้งหม่อมฉันพรั่นตัวกลัวอาญา หมายจะมาลุแก่โทษได้โปรดปราน อันหีบทองของใส่มาในนั้น ของหม่อมฉันขอสมาที่ว่าขาน กับซับพักตร์ชักมาคราวป่าตาล ขอประทานโทษกายถวายคืน ฯ ๏ พระพรายพริ้มยิ้มเยื้อนแล้วเอื้อนโอษฐ์ ไม่ถือโทษโฉมตรูใช่ผู้อื่น เมื่อพานพบรบราญกันวานซืน ก็ได้ชื่นจิตอยู่ไม่รู้ลืม รำลึกถึงพึ่งจะพบประสบพักตร์ เคยรู้จักกันก็ให้น้ำใจปลื้ม อันหมวกของน้องรักพี่จักยืม ไว้พอลืมตรอมตรมได้ชมเชย จะยอมใจให้พี่เป็นที่ชื่น หรือจะคืนเอาเดี๋ยวนี้เจ้าพี่เอ๋ย ได้พบเห็นเป็นบุญเหมือนคุ้นเคย อย่าละเลยลืมคำที่รำพัน ถ้าแม้นได้เนื้อน่วมไว้ร่วมห้อง จะเลี้ยงน้องให้เป็นเอกไม่เสกสรร แล้วถอดเพชรเก็จกุหร่าราคาพัน ให้รางวัลด้วยประสงค์จำนงนาง แล้วเอื้อนโอษฐ์โปรดประทานพานพระศรี กินหมากพี่บ้างเถิดน้องอย่าหมองหมาง จะรักใคร่ให้ยืดไม่จืดจาง อย่าเหินห่างหวงห้ามความอาลัย ฯ ๏ นางคำนับรับแหวนแสนสุภาพ ทำเกรงกราบกิริยาอัชฌาสัย ซึ่งออกโอษฐ์โปรดปรานประการใด จะรับใส่เศียรสิ้นด้วยยินดี แต่บุญน้อยถอยถดทั้งยศศักดิ์ จะรับรักเหมือนหนึ่งตรัสน่าบัดสี ขอเป็นข้าฝ่าละอองรองธุลี อย่าเลื่อนที่ยศศักดิ์ขึ้นหนักเลย ฉันเจียมตัวกลัวจะตกหัวอกแตก สุดจะแบกหน้าหยิบหมากดิบเสวย พวกข้าเฝ้าเขาจะเยาะหัวเราะเย้ย ยังไม่เคยรับประทานถึงพานทอง รับสั่งให้มาเฝ้าด้วยเศร้าโศก ทูลพระโรคร้อนรนที่หม่นหมอง กระดาษเขียนพระอาการในพานรอง ฝ่าละอองอ่านดูของภูวไนย ฯ ๏ ศรีสุวรรณฟั่นเฟือนเหลือเลือนหลง รู้สึกองค์อ่านแจ้งแถลงไข ว่าทรงพระประชวรรัญจวนใจ ให้จับไข้กลางวันสั่นสะท้าน ครั้นกลางคืนคลื่นเหียนอาเจียนด้วย หอบระหวยหิวเหลือเบื่ออาหาร ทั้งจุกเสียดเคียดระดมเป็นลมดาน หมออยู่งานก็ไม่หายหลายเวลา ให้เมื่อยขัดปัตคาดไฟธาตุหย่อน สะอึกซ้อนสามชั้นหวั่นผวา ยังไม่ไปจังหวัดรัตนา เห็นเนิ่นช้ากว่าจะหายก็หลายเดือน วิตกจิตคิดจะใคร่ให้พระน้อง ไปเฝ้าสองกษัตริย์แทนก็แม้นเหมือน ถ้าน้องแหนงแคลงจิตว่าบิดเบือน เชิญมาเยือนเยี่ยมบ้างที่ข้างใน พอจบคำรำพันกลั้นพระสรวล ทำประชวรเชือนแชพูดแก้ไข พอเห็นสินสมุทรมาพลับพลาชัย จึงสั่งให้อ่านความตามอาการ นัดดาดูรู้แจ้งจึงแกล้งพูด เข้าตรีทูตถึงตัดอติสาร เป็นโรคาสารบิดพิสดาร ดูอาการเกือบสวรรคครรไล ฯ ๏ พระทานทัดนัดดาอย่าว่ากล่าว คอยฟังข่าวฟังความตามวิสัย แล้วแกล้งถามนางรำภาว่าเจ้าไป สักเมื่อไรจึงจะออกมาบอกกัน พี่อยู่หลังตั้งแต่นี้ไม่มีสุข ไหนจะทุกข์ถึงพระโรคที่โศกศัลย์ ไหนจะคอยกลอยสวาทไม่ขาดวัน ไหนจะกลั้นกลืนรักไว้หนักทรวง ไหนจะเศร้าเปล่าจิตคิดวิตก เหมือนอย่างยกเมรุไกรไศลหลวง เห็นแท้เที่ยงเพียงรำภาสุดาดวง จะดับทรวงให้พี่สร่างสว่างใจ เป็นสัจจังหวังถนอมเป็นจอมมิตร อย่าควรคิดเคลือบแคลงแหนงไฉน แม้ปลดเปลื้องเคืองขัดตัดอาลัย เหมือนตัดใจพี่ให้ขาดสวาทวาย ฯ ๏ นางฟังคำทำชม้อยให้ช้อยชด น้อมประณตนึกสมอารมณ์หมาย แกล้งทูลตอบขอบพระโอษฐ์โปรดภิปราย แม้มิตายจะต้องคิดเป็นนิจนิรันดร์ แม้เป็นข้าฝ่าละอองสองกษัตริย์ จะปรนนิบัติผ่านฟ้าจนอาสัญ มิได้คลาดราชกิจจะติดพัน กระหม่อมฉันทูลลาพระคลาไคล ซึ่งออกโอษฐ์โปรดว่าให้มาเฝ้า จนด้วยเกล้าเกศามาไม่ได้ แม้โปรดใช้ให้ออกมาเวลาไร ก็จะได้กลับมาทูลอาการ ฯ ๏ พระห้ามว่าช้าก่อนสมรมิ่ง แม้ใจจริงจะรักสมัครสมาน จะทูลขอก็เห็นจะโปรดประทาน ถวายจานทองคำตามธรรมเนียม จริงจริงนะนางรำภาไม่ว่าเล่น จะเลี้ยงเป็นเพื่อนตายไม่อายเหนียม นางทูลว่าข้าพเจ้าไม่เท่าเทียม ก็คิดเจียมใจตัวด้วยกลัวภัย ถ้าทูลขอก็จะมาเป็นข้าบาท สำหรับกวาดพลับพลาที่อาศัย ช่วยแบกหามตามประสาเป็นข้าไท จะรับใช้ชิดชมไม่สมควร พระว่าพี่มิให้น้องต้องเศร้าสร้อย ไม่ใช้สอยจะอุตสาห์รักษาสงวน แล้วเสแสร้งแกล้งถามความประชวร เวลาจวนจะเข้าไปเห็นไม่ทัน ช่วยทูลพระมเหสีพรุ่งนี้เช้า จะไปเฝ้าฟังพระโรคที่โศกศัลย์ จงมาคอยหน่อยหนึ่งนะให้ปะกัน พอตะวันสายเราจะเข้าไป ฯ ๏ สินสมุทรหยุดฟังเห็นสั่งซ้ำ จึงว่ากรรมเอ๋ยกรรมจะทำไฉน พระบิตุรงค์หลงคลั่งอยู่วังใน พระจะไปเข้าซองเป็นสองโรง มิเสียทีอีฝรั่งมันช่างล่อ จะตามต่อเอาด้วยลิ้นให้สิ้นโขลง พระก็รู้อยู่ว่าลังกาโกง ขืนตะโกรงกระไรเลยไม่เคยพบ แต่ศพเดียวเขี้ยวเข้มก็เต็มปล้ำ ยังจะซ้ำตายต้องเป็นสองศพ จนชั้นอีขี้ข้าไม่น่าคบ ขืนเร้ารบรักใคร่เป็นไมตรี ฯ ๏ นางรำภาลาองค์พระทรงยศ มาขึ้นรถเรียกเหล่านางสาวศรี จากกองทัพกลับมาเข้าธานี ฝูงนารีตามหลังมาพรั่งพรู ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาว่ากับหลาน ไม่ต้องการที่จะให้ได้อดสู ถึงชั่วดีมิใช่จะไม่รู้ เขาเป็นผู้หญิงมาบอกอาการ ก็ปราศรัยไต่ถามไปตามเล่ห์ มาโว้เว้ว่ากล่าวให้ร้าวฉาน วิสัยชายหมายชู้คู่สำราญ ก็เกี้ยวพานพูดจาให้น่าฟัง เขาบอกกล่าวข่าวไข้มิไปเยี่ยม ผิดธรรมเนียมเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง พรุ่งนี้เช้าจะเข้าไปที่ในวัง เจ้าอยู่หลังค่ายคูจงดูแล แล้วให้ยกหีบทองเข้าห้องหับ เป็นของลับสิ่งไรยังไม่แน่ นึกพะวงสงสัยไขประแจ ก็เห็นแต่เครื่องต้นสุคนธ์ธาร กับเช็ดหน้ายาดมพระชมชื่น ยิ่งหอมรื่นก็ยิ่งรักสมัครสมาน คิดถึงปล้ำรำภาที่ป่าตาล ยิ่งซาบซ่านเสียวทรวงจนง่วงงง เห็นเงาผีที่เข้าสิงว่าหญิงสาว ดูรูปราวกับรำภาผวาหลง กอดเขนยเชยแอบไว้แนบองค์ พิศวงหวังว่านางอยู่ข้างเคียง ค่อยจุมพิตคิดพลางว่านางข่วน ทรงพระสรวลคิกคิกระริกเสียง สินสมุทรกับสามพราหมณ์พี่เลี้ยง ต่างหมอบเมียงมองดูภูวไนย เห็นกรกุมอุ้มแอบแนบเขนย เอะกรรมเอ๋ยอีกองค์แล้วหลงใหล ต่างอึ้งอั้นตันอกตกฤทัย คลานเข้าไปอัญชลีที่ไสยา แล้วทูลเตือนเหมือนจะให้พระได้คิด ข้าเห็นว่าพระจริตผิดหนักหนา ในหีบทองของอะไรเขาให้มา จนผ่านฟ้าฟั่นเฟือนไม่เหมือนเคย ฯ ๏ พระเห็นสินสมุทรสามพราหมณ์พี่เลี้ยง มาหมอบเมียงเคียงค้อนซ่อนเขนย ตรัสว่าเบื่อเหลือใจกระไรเลย มาเยาะเย้ยหยาบคายน่าอายใจ เมื่อนอนอยู่เห็นว่าเป็นบ้าเพ้อ คะข้าเซ่อเสียจริตผิดวิสัย มิใช่การงานดอกถอยออกไป บ้าจะไล่เตะตีคนดีตาย ฯ ๏ ฝ่ายทั้งสามพราหมณ์สินสมุทรหลาน แสนสงสารภูวไนยจิตใจหาย ครั้นจะกวนหวนหุนจะวุ่นวาย ต่างถวายอภิวันท์กลั้นน้ำตา แล้วถอยไปให้ลับนั่งปรับทุกข์ มาเกิดยุคอย่างเพศพระเชษฐา เหตุทั้งนี้ที่ทำอีรำภา มันแกล้งมาคลอเคลียจนเสียการ กลศึกลึกลับไม่รับรบ กลับตลบเอาด้วยรักหักประหาร สินสมุทรสุดแค้นแสนรำคาญ จะคิดอ่านแก้ไขอย่างไรดี เจ้าสานนท์บ่นว่าเป็นยาแฝด มาติดแปดปนทั้งกำลังผี ถ้าได้ดูรู้เริ่มแต่เดิมที จะบัตรพลีแก้ไขดังใจจง นี่คลั่งไคล้ใครจะห้ามเมื่อยามคลั่ง จะเชื่อฟังคำใครด้วยใหลหลง พระโอรสจงอุส่าห์รักษาองค์ มันก็คงจะมาชักไปสักคราว สินสมุทรสุดแค้นว่าแสนชาติ ฉันไม่ปรารถนาดูอีชู้สาว เสร็จธุระจะไปบวชจนหนวดยาว มิให้ฉาวเช่นบิดาพระอาเลย พรุ่งนี้พระจะไปหาอีฝรั่ง มิพลาดพลั้งเสียทีหรือพี่เอ๋ย พี่ช่วยห้ามปรามพระอาประสาเคย อย่าละเลยให้ไปถึงในวัง เจ้าพราหมณ์ว่าข้าวิตกเพียงอกแตก ด้วยเห็นแปลกพระจริตผิดแต่หลัง ถึงเราทูลห้ามไว้ก็ไม่ฟัง ด้วยคลุ้มคลั่งเคลิ้มสกนธ์กระวนกระวาย แม้มิให้ไปประสบได้พบปะ พระอุระก็จะแยกแตกสลาย ต้องปล่อยให้ไปตามความสบาย ด้วยเคราะห์ร้ายฤกษ์ยามตามตำรา พอปลายปีมีผู้จะชูช่วย ไม่มอดม้วยด้วยอำนาจวาสนา คราวนี้ห้ามเห็นไม่หยุดสุดปัญญา จะโกรธาว้าวุ่นเป็นฟุนไฟ ฯ ๏ สินสมุทรสุดจนให้อ้นอั้น จึงว่าฉันเห็นพระองค์ลุ่มหลงใหล จะปล่อยปละละวางเสียอย่างไร จะต้องไปตามด้วยช่วยระวัง ถึงอับจนคนเดียวจะเคี่ยวขับ ฆ่าให้ยับนับร้อยไม่ถอยหลัง พี่คุมไพร่ไปอยู่ประตูวัง ฉวยพลาดพลั้งก็จะได้แก้ไขกัน ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ตอบชอบอยู่อย่าดูหมิ่น ชาติทมิฬเหมือนยักษ์มักกะสัน แต่ครั้งนี้ฉันเห็นไม่เช่นนั้น เป็นกลกันช้างโขลงเข้าโรงใน จะทำต่อล่อลวงเหมือนบ่วงดัก ด้วยความรักรัดตีนดิ้นไม่ไหว พรุ่งนี้พระจะรักษาพระอาไป ที่วังในนั้นเหมือนหลงเข้าดงรัก ล้วนรูปแต่งแป้งขมิ้นใส่กลิ่นหอม ละมุนละม่อมเหมาะหมดมียศศักดิ์ ทั้งสาวแส้แลลออนรลักษณ์ อย่าหลงรักรูปเขาอย่าเบาความ แม้หลงเลยเชยชมเข้าสมทบ เหมือนสองศพแล้วมิหนำยังซ้ำสาม อันพวกพลมนตรีกับพี่พราหมณ์ จะถึงความมรณาชีวาลัย ฯ ๏ พระโกรธกริ้วนิ่วหน้าแล้วว่าพี่ อันชาตินี้น้องไม่หลงอย่าสงสัย ถึงนางฟ้ามาล่อไม่พอใจ มิตบให้ยับย่อยก็คอยดู แต่พระอามาเป็นไปเช่นนี้ เสียศักดิ์ศรีเสียยศต้องอดสู จะแก้ไขไม่หยุดเป็นสุดรู้ พูดกันอยู่ที่พลับพลาจนราตรี ฯ ๏ พอรำภามาถึงวังกำลังพลบ ไปนอบนบนางวัณฬามารศรี ทูลแถลงแจ้งตามเนื้อความมี วันพรุ่งนี้เธอจะมาดูอาการ แล้วทูลที่ศรีสุวรรณรำพันปลอบ ได้โต้ตอบตามรักสมัครสมาน สินสมุทรพูดจาว่าประจาน ว่าหม่อมฉานช้างต่อไปล่อลวง คงจะเป็นเช่นชนิดพระบิดา เขาลวงมาหลงคลั่งอยู่วังหลวง เห็นจะตัดทัดทานการทั้งปวง ให้เสียท่วงทีทำให้รำคาญ นางวัณฬาว่าสุคนธ์พระมนต์ขลัง คงหลงคลั่งตามมาเหมือนว่าขาน นางรำภาว่าฉันเห็นไม่เป็นการ ถึงมาหลานก็จะตามมาห้ามอา ฯ ๏ นางละเวงเกรงกริ่งลงนิ่งตรึก เห็นเสร็จศึกสมมาดปรารถนา จึงว่าเจ้าเอาธุระที่พระอา นางยุพาข้าจะวานผูกหลานไว้ ไปห้องหับหลับนอนอย่าร้อนเร่า การของเจ้าตามแต่จะแก้ไข ประภาษพลางนางวัณฬาลุกคลาไคล เสด็จไปห้องยุพาในราตรี ขึ้นบัลลังก์นั่งใกล้มิให้ห่าง ธิดานางน้อมประณตบทศรี นางลูบหลังลูกยาแล้วพาที ทุกวันนี้ยุคเข็ญไม่เห็นใคร แต่ลูกน้อยพลอยทุกข์พลอยสุขด้วย เจ้าจงช่วยทุกข์แม่ช่วยแก้ไข ช่วยดับทุกข์ขุกเข็ญให้เย็นใจ พออย่าให้บ้านเมืองเคืองรำคาญ แล้วเล่าความตามรำภาเขามาเล่า เขาจะเข้ามาปราสาทราชฐาน สินสมุทรพูดจาติดสามานย์ จะคิดอ่านเอาขังไว้วังใน เจ้าช่วยล่อพอระเริงด้วยเชิงรัก คอยรับพักตร์ผูกจิตพิสมัย พระมนต์ขลังสั่งสอนแต่ก่อนไร ผู้ใดใกล้ได้กลิ่นก็ยินดี ฯ ๏ ฝ่ายยุพาฝรั่งได้ฟังตรัส สุดจะขัดสุดจะคบสุดหลบหนี อภิวาทบาทยุคลพระชนนี ลูกไม่มีใจรักเหมือนยักษ์มาร ดูน่ากลัวหัวหยิกหลุกหลิกหลอก เขี้ยวก็งอกหน้าก็โง่ทั้งโวหาร มุทะลุดุดันในสันดาน จะประทานให้เป็นผัวลูกกลัวภัย แม้ลวงล่อพอให้ตายวายชีวิต ลูกจะคิดมิให้ขัดอัชฌาสัย ด้วยแสนแค้นแสนชังไม่หวังใจ จะเข้าใกล้เกลียดหน้าระอาอาย ฯ ๏ นางโฉมยงองค์ละเวงเกรงจะฉาว จึงว่ากล่าวไกล่เกลี่ยเสียให้หาย แม้ฆ่าตีชีวันเป็นอันตราย รู้ระคายเคืองแค้นจะแทนทด จะกลับทุกข์ยุคเข็ญทุกเส้นหญ้า เพราะเหตุว่าเชื้อสายไม่ตายหมด เขาหน่อเนื้อเชื้อวงศ์องค์โอรส เกียรติยศยิ่งกว่าทุกสากล อันสตรีนี้จะเลือกรูปบุรุษ ก็ยากสุดแสนเข็ญไม่เป็นผล เหมือนหนึ่งแม่แต่แรกไม่แปลกปน แต่จำจนด้วยเจ้าทำให้จำเป็น เดี๋ยวนี้ถูกลูกแก้วบ้างแล้วหรือ จึงดึงดื้อมิได้ทุกข์ถึงยุคเข็ญ เมื่อมิรับดับร้อนให้ผ่อนเย็น คงจะเป็นเสี้ยนหนามสงครามไป ฯ ๏ นางยุพาสารภาพกราบพระบาท อย่ากริ้วกราดกริ่งจิตคิดไฉน ซึ่งทูลความตามชังไม่หวังใจ คิดจะใคร่สังหารผลาญชีวี เมื่อไม่เห็นเช่นว่าแล้วข้าบาท ก็ไม่อาจขัดข้องให้หมองศรี ถึงเสียตัวชั่วช้ายิ่งกว่านี้ ก็ตามทีเถิดไม่ขัดพระอัชฌา นี่เหล่ากอหน่อเนื้อเป็นเชื้อแถว ไม่เลือกแล้วลูกจะรักให้หนักหนา ถึงจะเถือเนื้อกินไม่นินทา พระแม่อย่าเคืองขัดถึงตัดรอน ฯ ๏ นางชื่นชอบตอบว่าอย่าประชด เมื่อถึงบทกลัวจะรักไม่พักสอน พรุ่งนี้ผัวตัวจะมาหาบิดร เจ้าจงงอนให้ออกชดเป็นรถทรง แล้วเทวีลีลากลับมาห้อง ขึ้นแท่นทองทูลความตามประสงค์ บอกอาการผ่านเกล้าถึงเผ่าพงศ์ พรุ่งนี้องค์อนุชาจะมาเยือน ฯ ๏ พระอภัยได้สดับลงปรับทุกข์ จะทำจุกจับไข้นั้นไม่เหมือน เขาคงเห็นเป็นแน่ว่าแชเชือน จะบิดเบือนแก้ไขอย่างไรดี นางฟังคำทำเป็นว่าถ้าเช่นนั้น กระหม่อมฉันจะช่วยว่ารำภาสะหรี ไปชวนพระอนุชานั่งพาที อยู่แต่ที่ห้องกลางให้ห่างองค์ ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางตอบว่าชอบแล้ว พระน้องแก้วคิดควรนวลหง จะคอยทายาชโลมของโฉมยง จะแอบองค์อุ่นใจให้ไข้คลาย ถึงเจ็บจุกสุขุมให้กลุ้มกลัด จะได้นัดยาดมให้ลมหาย พลางแนบชิดพิศวาสไม่คลาดคลาย แสนสบายบรรทมเฝ้าชมเชย ต่างชื่นแช่มแย้มยิ้มให้อิ่มจิต ถนอมสนิทเนื้อน่วมร่วมเขนย จนน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย พระก่ายเกยกอดประทับจนหลับไป ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาเวลาดึก หวนรำลึกลืมองค์ให้หลงใหล หอมสุคนธ์มนตรายิ่งอาลัย เชยสไบบางต่างนางรำภา นึกถึงทรงวงพักตร์ที่ลักพิศ ยังเห็นติดเนตรให้อาลัยหา คิดถึงคำพร่ำไว้อาลัยลา พระชลนาคลอคลอท้อฤทัย เผยพระแกลแลดูดวงบุหลัน เห็นพระจันทร์แจ่มฟ้าพฤกษาไสว ดูเวียงวังลังกายิ่งอาลัย แม้เหาะได้จะไปหาสุดาดวง ได้อิงแอบแนบชิดสนิทสนม ถนอมชมร้อยชั่งในวังหลวง จะอุ่นเหลือเนื้อนุ่มเจ้าพุ่มพวง กระเพื่อมทรวงแสนจะชื่นทุกคืนวัน เสียงแจ้วแจ้วแว่วว่ารำภาเรียก นิ่งสำเหนียกฟังไปเป็นไก่ขัน เห็นขอบฟ้าฝ้าแดงด้วยแสงจันทร์ ว่าตะวันรุ่งรางค่อยสร่างใจ ออกจากห้องร้องเรียกโยธาหาญ ไม่เห็นขานขอรับยังหลับใหล ยิ่งโกรธาด่าวุ่นเป็นฟุนไฟ พระฉวยไม้ไล่หวดทุกหมวดกอง เห็นคนนั่งตั้งนาฬิกาทุ่ม ทำคองุ้มโหงกหงุบเธอทุบถอง จนเวลาฟ้าเหลืองขึ้นเรืองรอง ไม่ย่ำฆ้องรุ่งบ้างเป็นอย่างไร พวกกองทัพหลับใหลตกใจตื่น เสียงครึกครื้นเรียกกันสนั่นไหว พอรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงชัย เธอก็ได้สติกลับเข้าพลับพลา ฯ ๏ สินสมุทรกับสามพราหมณ์พี่เลี้ยง เที่ยวไล่เลียงไพร่นายทั้งซ้ายขวา ไม่ได้ความถามไต่กันไปมา จึงทราบว่าภูวไนยเธอไล่ตี ชะรอยองค์ทรงฤทธิ์คิดว่ารุ่ง ด้วยหมายมุ่งจะไปหารำภาสะหรี ต่างตรองตรึกปรึกษาในราตรี มิรู้ที่จะผ่อนผันเป็นฉันใด จนดาวเดือนเลื่อนลับพยับฟ้า พระสุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล ให้นายหมวดตรวจพหลพลไกร ต่างเตรียมไว้รับเสด็จสำเร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาเวลาเช้า เสด็จเข้าที่ชำระสระสนาน แล้วปรายประพระสุคนธ์วิมลมาลย์ พนักงานพัชนีนั่งวีลม พระสอดใส่สนับเพลาเนากระหนก ทรงผ้ายกพื้นตองปักทองถม ใส่ห้อยหน้าผ้าทิพย์ขลิบมะยม ชายไหวลมพัดแกว่งแย่งเครือวัลย์ ฉลององค์ทรงรัดให้ครัดเคร่ง คาดปั้นเหน่งเพชรพรายสายกระสัน กรองศอรับทับทรวงดวงดอกจันทน์ สังวาลวรรณแวววับประดับพลอย ทรงมหาพาหุรัดดูตรัจเตร็จ ทองกรเพชรน้ำวิ่งดังหิ่งห้อย พระธำมรงค์วงรายประพรายพร้อย สลับพลอยเพชรแพรววะแววไว แล้วสวมทรงมงกุฎบุษยรัตน์ กรรเจียกจัดจอนรายดอกไม้ไหว ห้อยอุบะมะลิลาสวมมาลัย หมายจะไปเกี้ยวชู้ได้ดูงาม เสด็จออกหน้าฉานเห็นหลานรัก อยู่พร้อมพรักนายไพร่จึงไต่ถาม พระนัดดาว่าประชวรฉันควรตาม ไปฟังความข่าวไข้ที่ในวัง ฯ ๏ ศรีสุวรรณอั้นอ้นยิ่งจนจิต จะห้ามผิดเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง ถึงมิให้ไปตามห้ามไม่ฟัง แต่รอรั้งตรึกตราไม่พาที แล้วรำพึงถึงรำภาจะว่าปด ขึ้นทรงรถให้นัดดาเป็นสารถี ออกจากค่ายฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามเสนี คุมโยธีติดตามออกหลามมา ถึงประตูบูรีที่ประทับ จึงบอกกับตัวนายทั้งซ้ายขวา ว่าโอรสกับพระอนุชา เสด็จมาเฝ้าพระภูวไนย ฯ ๏ นายประตูรู้รีบไปบอกเล่า หลวงแม่เจ้าทูลแจ้งแถลงไข นางทรงฟังสั่งสะหรีด้วยดีใจ จงช่วยไปรับตัวกับขรัวนาย ฯ ๏ นางรำภาลาองค์นางนงลักษณ์ มาตำหนักนึกสมอารมณ์หมาย รีบผลัดผ้าทาแป้งจัดแจงกาย ชวนขรัวนายนาดเดินดำเนินมา ถึงประตูดูแลออกแซ่ซ้อง เห็นพระน้องหน่อกษัตริย์บนรถา นางคำนับอภิวันท์จำนรรจา รับสั่งมารับเข้าไปที่ในวัง ฯ ๏ พระยิ้มหยอกบอกว่ามาแต่เช้า ต้องคอยเจ้าเหนื่อยเหน็บนั่งเจ็บหลัง นึกพรั่นจิตคิดว่าทิ้งเสียจริงจัง ผู้รับสั่งพึ่งจะออกมาบอกความ เสด็จจากรถทรงด้วยองอาจ พระหน่อนาถตามเสด็จไม่เข็ดขาม เข้าในวังลังกาสง่างาม รำภาตามทูลหนทางมาข้างใน ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาออกมานั่ง สนมพรั่งพร้อมหน้าอัชฌาสัย นางยุพามาถึงห้องทองประไพ อาบน้ำในแม่ขันอันบรรจง แล้วนุ่งห่มสมเป็นที่บุตรีเอก จุดเทียนเสกมนต์ตามความประสงค์ แป้งน้ำมันจันทน์ลูบทั้งรูปทรง สุคนธ์ผงผัดผ่องละอองนวล น้ำมันแก้วแววตาเจิมหน้าผาก แล้วสีปากจิ้มแก้มแล้วแย้มสรวล กระจกส่องลองเยื้อนเบือนกระบวน ให้ยั่วยวนแย้มยิ้มทำพริ้มพราย แล้วหวีผมกลมกวดกระหมวดเกล้า ปักปิ่นเนาวรัตน์จำรัสฉาย ใส่กรอบช้องป้องพักตร์จำหลักลาย แซมดอกไม้ไหวรายดูพรายพราว ส่านสีม่วงดวงดอกห่มนอกเสื้อ จับผิวเนื้อนวลปลั่งกำลังสาว ใส่แหวนเนื่องเรืองอร่ามแวววามวาว เล็บมือยาวย้อมเทียนเจียนประจง ครั้นสรรพเสร็จเด็ดดอกกุหลาบซ้อน ลงอักษรเสกมนต์ให้คนหลง สำหรับมือถือเดินดำเนินตรง มาเฝ้าองค์อัคเรศเกศลังกา ประนมนอบหมอบเรียงเข้าเคียงอาสน์ ตำแหน่งราชบุตรีมียศถา นางละเวงเพ่งพิศดูธิดา ยิ้มในหน้านึกกริ่มกระหยิ่มใจ พอองค์พระอนุชาถึงปราสาท ทั้งหน่อนาถนางรำภาอัชฌาสัย ยิ่งชื่นชมสมประสงค์จำนงใน จึงเชิญให้นั่งยังบัลลังก์รัตน์ พนักงานพานสลาออกมาตั้ง ถวายทั้งพี่น้องสองกษัตริย์ บ้างนบนอบหมอบกรานอยู่งานพัด นางแกล้งตรัสปราศรัยเป็นไมตรี ซึ่งทรงยศอตส่าห์เข้ามาเยี่ยม ตามธรรมเนียมวงศาเป็นราศี ทั้งไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะยินดี ได้เป็นที่พึ่งพาข้างหน้าไป ฯ ๏ พระอนุชาว่าหม่อมฉันกับหลานรัก สาพิภักดิ์มั่นคงอย่าสงสัย ซึ่งหักหาญราญรอนแต่ก่อนไร ด้วยมิได้แจ้งกระจัดเป็นสัจจา ประเดี๋ยวนี้พี่นางเหมือนอย่างพี่ ด้วยภักดีต่อสมเด็จพระเชษฐา จึงสู้ซื่อถือสัตย์ทั้งนัดดา อุส่าห์มาหมายให้เห็นใจจริง ซึ่งพระโรคโศกศัลย์หม่อมฉันอ่าน พระอาการเจ็บจุกเป็นทุกสิ่ง ยังดำรงคงได้พอไหวติง หรือแน่นิ่งไปไม่ฟื้นทุกคืนวัน ฯ ๏ นางแกล้งยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ หมอประกอบยากินเข้าดินถนัน เสวยชอบหอบเหียนอาเจียนนั้น ค่อยผ่อนผันบรรเทาฟื้นดูชื่นบาน เวลาเช้าข้าวตังรังนกเสวย กับนมเนยน้ำองุ่นทั้งวุ้นหวาน ลมบรรเทาเข้าบรรทมหลับนมนาน เห็นอาการค่อยเป็นสุขขึ้นทุกที บรรทมตื่นขึ้นมาจะทูลฉลอง ให้ทั้งสององค์เข้าเฝ้าในที่ แล้วเสแสร้งแกล้งเยื้อนเตือนบุตรี บังคมพี่เสียบ้างนางยุพา นางฟังคำทำอายชม้ายชม้อย ชำเลืองช้อยชายเนตรดูเชษฐา พอเนตรสบนบนอบยอบกายา ภาวนาอาคมเป่าลมปราณ ฯ ๏ ฝ่ายหน่อนาถชาติเชื้อผีเสื้อน้ำ ผีจะทำมิใคร่ได้ด้วยใจหาญ แต่ฤทธิ์เดชเวทมนตร์ดลบันดาล ให้ซาบซ่านเสียวรักหักอารมณ์ ดูที่ไหนให้เพลินเจริญจิต ประไพพิศเพราพริ้งทุกสิ่งสม ทั้งสองแก้มแย้มยิ้มน่าชิมชม ป่วนอารมณ์ก้มพักตร์สู้หักใจ ฯ ๏ นางโฉมยงองค์ละเวงให้เกรงกริ่ง เห็นเฉยนิ่งก้มหน้าไม่ปราศรัย บอกธิดาว่าเจ้าเอาดอกไม้ ไปยื่นให้เชษฐาต่างยาดม นางก้มกรานคลานหมอบทำยอบย่อ ถวายต่อพระหัตถ์ชิดสนิทสนม สินสมุทรสุดซื่อรับถือดม พอสูดลมแล่นวับเข้าจับใจ ทั้งผีวิ่งสิงซ้ำละล่ำละลัก จะห้ามรักหักรักหักไม่ไหว จะลดเลี้ยวเกี้ยวพานประการใด ก็ยังไม่เคยขยั้นพรั่นวิญญาณ์ แต่ความรักหักอายภิปรายปลอบ พี่คิดขอบคุณของน้องหนักหนา แล้วแก้เก้อเออนี่แน่แม่ยุพา ชันษาโฉมเฉลาสักเท่าไร ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาก้มหน้ายิ้ม ดูพรายพริ้มพจนาอัชฌาสัย อันชันษาข้าพเจ้าไม่เข้าใจ มาซักไซ้ไล่เลียงน้องไม่ต้องการ หรือทรงเดชเชษฐาโหราเอก จะลงเลขสูตรศูนย์ทั้งคูณหาร อย่าพูดเล่นเช่นนั้นหม่อมฉันวาน ดูอาการบิตุรงค์แล้วทรงทาย ฯ ๏ สินสมุทรสุดสะเทิ้นให้เขินขาม จะตอบความลำบากยากใจหาย แต่อิดเอื้อนเยื้อนย้ำคำภิปราย ฉันทำนายทายไม่เป็นเช่นประชวร ฉันจะแก่หรือว่าแม่แก่กว่าฉัน เพราะเท่านั้นดอกจึงถามทรามสงวน นางละเวงเกรงความจะลามลวน จึงแปรปรวนแก้ไขมิให้อาย ยุพานั้นวันพุธเขาพูดมาก เสาร์เป็นปากวาจากล้าใจหาย ระกาไก่ได้สิบเก้ากับเดือนปลาย จะถวายให้เป็นน้องของพระองค์ สินสมุทรสุดกริ่มแย้มยิ้มเยื้อน เพราะโปรดเหมือนหมายจิตคิดประสงค์ สมคะเนทูลไปอย่างใจจง ฉันนี้คงรักนางไม่ห่างไกล แล้วเหลียวมาว่าประทานฉันนะน้อง หรือจะข้องขัดรับสั่งชิงชังไฉน มิฝากตัวแก่ฉานเถิดนานไป จะหยิกให้ขาเขียวเจียวไม่ฟัง นางยุพาว่าหม่อมฉันไม่หาญขัด สารพัดจะทำตามรับสั่ง จะให้หามก็จะหามตามกำลัง เชิญพระนั่งยังบ่าจะพาไป สินสมุทรสุดแก้แพ้ฝีปาก อุส่าห์ฝากไมตรีตามวิสัย ว่าเช่นนั้นฉันจะจำถ้อยคำไว้ พระอาได้รู้เห็นเป็นพยาน ฯ ๏ ศรีสุวรรณเห็นว่านัดดาแพ้ แกล้งพูดแก้เกี้ยวรำภาค่อยว่าขาน เจ้ากับพี่นี้มานั่งฟังอาการ ต้องรู้เห็นเป็นพยานรำคาญใจ เออจะถามความจริงมิ่งสมร ที่หลับนอนน้องรักตำหนักไหน บอกตำแหน่งแจ้งบ้างแม้อย่างไร จะแวะไปเยี่ยมเยือนเพื่อนชีวัน ฯ ๏ นางรำภาว่าพระคุณการุญถาม จะบอกตามความจริงทุกสิ่งสรรพ์ อยู่ตึกขวางข้างปรัศว์อัฒจันทร์ ห้องหม่อมฉันคับแคบพอแอบกาย มิได้มีที่นั่งตั้งพระแท่น เหมือนห้ามแหนพนักงานท่านทั้งหลาย มิควรคู่ภูวไนยจะใกล้กราย จะพลอยขายบาทาฝ่าธุลี ฯ ๏ พระว่าพี่นี้หรือไม่ถือศักดิ์ ถ้าใครรักรักจนตายไม่หน่ายหนี เหมือนหนึ่งเจ้าเผ่าพงศ์วงศ์ผู้ดี ทั้งเป็นที่ท่านเจ้าเมืองก็เลื่องลือ อย่าถ่อมถดยศถาบรรดาศักดิ์ พี่นี้รักแล้วก็ใจมิใคร่ถือ เคยพบเห็นเป็นกุศลแต่ต้นมือ เดี๋ยวนี้หรือมาสนิทได้ชิดเชื้อ ถึงคับที่มีผู้ว่าอยู่ได้ แต่คับใจอยู่ยากลำบากเหลือ เจ้าเป็นโสดโปรดปรานเหมือนว่านเครือ ช่วยแผ่เผื่อพี่บ้างอย่าหมางเมิน ฯ ๏ นางละเวงเกรงจิตคิดอดสู จะนั่งอยู่ที่นั่นด้วยก็ขวยเขิน แกล้งพาทีมิให้ฤทัยสะเทิน หม่อมฉันเชิญอยู่จนหายเห็นหลายวัน แล้วแสร้งสั่งนางรำภาว่าไปจัด พระปรัศว์แท่นทองที่ห้องกั้น เจ้าเป็นคนปรนนิบัติหัดกำนัล คอยนวดฟั้นเฝ้าพระอนุชา สั่งบุตรีที่ในห้องของเจ้าอยู่ จงปัดปูจัดไว้ให้เชษฐา ให้หน่อไทอยู่ห้องของน้องยา ตามประสาซื่อตรงเป็นวงศ์วาน ฉันจะกลับเข้าไปดูพระภูวนาถ ตื่นไสยาสน์ช่วยชโลมโซมสนาน จะทูลถามความมาบอกอาการ นางแหวกม่านคลานเข้าในที่ไสยา ฯ ๏ พระอภัยยังไม่หลับคอยตรับเสียง มองอยู่เพียงชั้นกลางริมข้างฝา ฟังโอรสลดเลี้ยวเกี้ยวยุพา ชอบอัชฌายิ้มย่องอยู่ช่องแกล ศรีสุวรรณนั้นชำนาญในการเกี้ยว พูดลดเลี้ยวสกัดนางไม่ห่างแห สินสมุทรสุดเคอะเลอะเทอะแท้ จะใคร่แก้แทนลูกให้ถูกใจ พอละเวงวัณฬาเข้ามาเฝ้า นางรู้เท่าทูลแจ้งแถลงไข จะป้องปัดทัดทานประการใด เกรงหน่อไทกับพระอนุชา ฯ ๏ พระพาทีมิให้ดังว่าชั่งเขา จะยั่วเย้ายุให้รักนั้นหนักหนา เหมือนพันผูกปลูกฝังไว้ลังกา อย่าไปว่าเขาเลยน้องไม่ต้องการ เขาก็เขาเราก็เราหนอเจ้าหนอ พี่เป็นต่อที่ได้กอดยอดสงสาร แล้วอุ้มนางวางที่แท่นแสนสำราญ อยู่ในม่านไม่มีใครเหมาะใจจริง ฯ ๏ สินสมุทรหยุดปากให้ยากใจ เฝ้าซักไซ้ไล่สำออยพูดอ้อยอิ่ง แม่ยุพาอย่าระแวงแคลงประวิง ฉันไม่ทิ้งแม่ยุพาผกาเลย พระมารดรสอนสั่งอย่างไรเล่า ทำไมเจ้าไม่ไปแต่งแกล้งทำเฉย ไหนที่ห้องน้องบรรทมขอชมเชย จะได้เคยคุ้นไว้เวียนไปมา นางว่าห้องน้องนั้นแน่มีแต่เบาะ ไม่หมดเหมาะเหมือนนิเวศน์พระเชษฐา ทั้งม่านมุ้งรุงรังเหมือนรังกา มิอยากพาพระไปดูอดสูใจ ฯ ๏ สินสมุทรว่าเมื่อกี้มีรับสั่ง น้องไม่ฟังแล้วจะดื้อหรือไฉน ว่าดีดีมิพาพี่คลาไคล ฉันขัดใจนี่ก็ฟ้องให้ต้องตี ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นว่าแต่มานั่ง ก็เจ็บหลังเหลือระอารำภาสะหรี ห้องปรัศว์จัดไว้ที่ไหนมี ขอให้พี่เอนหลังประทังกาย ฯ ๏ นางรำภาว่าพุคะจะไปจัด แล้วลาลัดเลยไปเสียให้หาย เข้าห้องนอนซ่อนหน้าระอาอาย วันนี้ชายชิดแล้วไม่แคล้วเลย นึกถึงเช่นเคล้นคลำเมื่อปล้ำปลัก กระดากกระดักสารยำแล้วกรรมเอ๋ย เป็นท่าทางอย่างไรด้วยไม่เคย จะก่ายเกยกอดรัดอึดอัดใจ โอ้แก้มเอ๋ยเคยแต่งเอาแป้งลูบ จะต้องจูบเสียแล้วแก้มไม่แจ่มใส อกเอ๋ยอกปกป้องประคองไว้ จะถูกไม้มือน่วมบวมระบม เหลือลำบากยากที่จะมีผัว กลัวเหมือนกลัวบอระเพ็ดให้เข็ดขม รักก็รักอักอ่วนป่วนอารมณ์ เปลื้องผ้าห่มเสียด้วยร้อนนั่งถอนใจ แล้วนึกว่าถ้าแม้จะมากอด จะทำทอดทับตักพลิกผลักไส เมื่อเคล้าเคล้นเน้นน้องจะร้องไฮ้ เลยหลงใหลควักค้อนข่วนหมอนอิง ครั้นรู้สึกนึกอายใจหายวูบ ลงง่วงงูบตรึกตราประสาหญิง ฉวยมีท้องต้องอายเขาตายจริง ซบหน้านิ่งนอนคะนึงรำพึงไป ฯ ๏ สินสมุทรสุดรักไม่ยักนิ่ง เฝ้าอ้อยอิ่งตามประสาอัชฌาสัย พี่รำภาเข้าไปจัดปรัศว์ไว้ เจ้าไม่ไปจัดห้องเล่าน้องรัก พี่ก็เป็นเช่นพระอาขาเป็นเหน็บ แล้วก็เจ็บสันหลังดังจะหัก ไหนนี่ห้องน้องช่วยนำไปสำนัก อย่าเมินพักตร์ผินหน้ามาพาที ฯ ๏ นางยุพาผกาว่าหน้าน้อง หม่นมัวหมองมอมเปื้อนจึงเบือนหนี จะไปห้องน้องตรงนั้นหม่อมฉันชี้ ทำไมมิไปเล่ามาเฝ้ากวน ฉันมีราชการมารักษาไข้ คอยฟังให้รู้แน่ที่แก้ผวน พระก็มาด้วยธุระที่ประชวร หรือมากวนให้น้องไปห้องนอน หรือเสียพระจักขุอายุสูง จะต้องจูงขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์ สินสมุทรหยุดคิดเหมือนติดกลอน ฝีปากอ่อนออกปากว่ายากจริง คารมจัดขัดข้องเหมือนป้องโล่ เรายิ่งโง่ก็ยิ่งใหญ่ไปทุกสิ่ง ยิ่งนึกไปใจอ่อนเฝ้าวอนวิง ฉันรักจริงเจียวนะจ๊ะยุพาผกา ฯ ๏ นางบ่นร่ำกรรมเอ๋ยฉันเฉยอยู่ เออก็ดูเถิดมารักฉันหนักหนา พอโฉมยงองค์ละเวงวัณฬามา บอกพระอาการเห็นเป็นประทัง แล้วสั่งให้ไปรูดวิสูตรพลาง อยู่ห่างห่างเห็นพระองค์ดำรงนั่ง ต่างนบนอบหมอบชม้อยจะคอยฟัง ด้วยคลุ้มคลั่งเคลิ้มเฟือนอยู่เหมือนกัน ฯ ๏ พระอภัยใส่กลเหมือนคนง่อย ครางตะบอยบอกโรคที่โศกศัลย์ พี่เจ็บมากหากว่ายาสำคัญ เขาแก้ทันจึงได้รอดไม่วอดวาย ฯ ๏ พระน้องฟังคลั่งเคลิ้มเฉลิมฉลอง จะจัดห้องนอนให้แล้วไปหาย พระเชษฐาว่าแต่พอผูกคอตาย ก็สมหมายเหมือนได้ผ่านพิมานพรหม สินสมุทรว่าไม่ได้ก็ไม่กลับ จะรักรับเลี้ยงดูเป็นคู่สม พระบิดรสอนว่าอย่าปรารมภ์ อยู่บรรทมที่ในวังฟังอาการ สุดแต่แม่ละเวงวัณฬาเถิด ด้วยชูเชิดชวนรักสมัครสมาน แกล้งทำครางอย่างประชวรหวนรำคาญ ให้ชักม่านปิดป้องอยู่ห้องใน ฯ ๏ พอพลบค่ำย่ำระฆังเสียงหง่างเหง่ง ประโคมเครงครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว นางโฉมยงองค์ละเวงคิดเกรงใจ พาหน่อไทไปที่ห้องของธิดา แสงโคมเวียนเทียนสว่างอยู่กลางห้อง มีแท่นทองช่องชั้นฉากกั้นฝา จึงว่าพ่อหน่อไทจงไสยา นางยุพาปรนนิบัติคอยพัดวี เรียกเครื่องทองของเสวยอย่าเฉยนะ บำรุงพระเชษฐาของมารศรี หน่อนรินทร์สินสมุทรสุดยินดี จึงว่าพระชนนีมีเมตตา ช่วยกำชับลับหลังสั่งพระน้อง อย่าให้ย่องหนีออกไปนอกฝา จะซื่อสัตย์ปฏิญาณเหมือนมารดา อยู่ลังกากับพระชนนี นางโฉมยงสงสารด้วยหวานหู แสร้งค้อนขู่นางยุพามารศรี จะต้องแก้แผลดื้อผูกมือตี อยู่เพื่อนพี่นะอย่าขัดพระอัชฌา กำชับพลางนางออกมานอกห้อง เห็นพระน้องหน้าจ๋อยนั่งคอยหา เรียกบุตรีลีวันแม่ขวัญตา เชิญพระอาไปที่ห้องต้องพระทัย ได้เอนองค์สรงน้ำสว่ำเสวย เหมือนอย่างเคยอย่าให้ขัดอัชฌาสัย แล้วลาพระอนุชาพลางคลาไคล เข้าเสียในม่านทองห้องวิเชียร ฯ ๏ สุลาลีปรีชานำหน้าเสด็จ ไปตึกเจ็ดห้องฝาหลังคาเขียน ค่อยนำทางย่างย่องมือส่องเทียน แกล้งพาเวียนวนวงลงบันได ถึงตึกทองห้องที่สะหรีอยู่ เห็นประตูเปิดกระจ่างสว่างไสว พรั่งพร้อมหน้าข้าหลวงคอยช่วงใช้ เขาเตรียมไว้แต่หัวค่ำนางรำภา ฯ ๏ พระเข้าห้องช่องฉากหลากสลับ หยุดประทับแท่นสุวรรณที่กั้นฝา พอโต๊ะทองของเครื่องเชิญเนื่องมา นางรำภาคลานเข้าไปเฝ้าพลัน แล้วทูลเตือนให้พระองค์ทรงเสวย เครื่องนมเนยน้ำสาชูกับหมูหัน แล้วนางจัดจอกทองรองน้ำจัณฑ์ อภิวันท์ส่งถวายชม้ายตา ฯ ๏ พระรับพลางทางตรัสเป็นตัดพ้อ เออใครหนอน้องแก้วพี่แล้วหนา มาจัดแจงแล้วก็แกล้งแฝงกายา ให้เนิ่นช้านั่งคอยน้อยหรือนาง ฯ ๏ นางเสแสร้งแกล้งว่าองค์พระทรงตรัส สั่งให้จัดก็มาจัดไม่ขัดขวาง ไหนจะเลือกรูปเหล่าสาวสุรางค์ ให้ใช้ข้างแท่นที่นั้นมีครบ ราชการงานก็ทำไว้สำเร็จ คอยเสด็จอยู่ที่นี่ไม่หนีหลบ เสด็จถึงจึงหมอบเฝ้านอบนบ พรั่งพร้อมครบเครื่องเสวยไม่เฉยเชือน ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางว่าน่าหัวเราะ ช่างพูดเพราะนี่กระไรใครจะเหมือน สารพัดขัดคิดแกล้งบิดเบือน แล้วกลบเกลื่อนไกล่เกลี่ยมิเสียแรง มาร่วมโต๊ะกันกับพี่เถิดซิเจ้า อย่านั่งเหงาอายเหนียมฟุบเฟี้ยมแฝง กินด้วยกันกระนั้นกระนี้ได้ชี้แจง ถึงคอแห้งเห็นหน้าน้องค่อยคล่องคอ ฯ ๏ นางรำภาว่าไม่ควรชวนร่วมเสวย อย่าตรัสเลยเช่นนั้นหม่อมฉันขอ เป็นคนใช้ไม่ทะลึ่งขึ้นถึงวอ โปรดแต่พอควรเถิดประเสริฐครัน พระว่าพี่นี้หรือไม่ถือศักดิ์ สุดแต่รักแล้วถนอมเป็นจอมขวัญ นางยิ้มพลางทางถวายจอกน้ำจัณฑ์ แม้รักฉันเชิญเสวยอย่าเฉยเชือน ฯ ๏ พระว่าพี่นี้ไม่เคยกินเลยนะน้อง แต่ว่าต้องตามน้ำใจใครจะเหมือน พลางจิบซ้ำน้ำจัณฑ์ยิ่งฟั่นเฟือน นางยิ่งเตือนเติมแกล้มแกมสุรา จนสำเร็จเสร็จเสวยไม่เงยพักตร์ ละล่ำละลักเนตรพรายทั้งซ้ายขวา ไม่เคยเมาเหล้าเข้มเต็มประดา เรียกรำภาอิงเขนยเลยหลับไป ฯ ๏ นางชื่นชมสมคิดค่อยปิดม่าน มิให้ผ่านฟ้าตื่นฟื้นขึ้นได้ กำชับเหล่าสาวสรรค์ซึ่งปันไว้ ให้อยู่ใช้ข้างที่อย่าหนีนอน ฯ ๏ ฝ่ายสินสมุทรเวลาค่ำก็จำเสวย อิ่มแล้วเลยขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์ เฝ้าลดเลี้ยวเกี้ยวยุพาด้วยอาวรณ์ เชิญขึ้นนอนเสียบนที่พี่จะพัด จนดึกดื่นขืนมานั่งอยู่อย่างนี้ เหมือนไม่มีม่านมุ้งยุงจะกัด พลางเข้าใกล้ไล่ยึดนางฮึดฮัด แกล้งเคืองขัดขึงขู่ดูทำนอง เออพระพี่นี่อย่างไรมาไล่ฉัน ทำเช่นนั้นนี้ก็ได้ไปทูลฉลอง สำคัญว่าปรานีเหมือนพี่น้อง มาเลียมลองลามเหลือน่าเบื่อใจ ฯ ๏ สินสมุทรหยุดกลัวถอยตัวหนี ว่าไหนนี่ถูกต้องน้องที่ไหน พาโลเล่นเห็นว่ารักแล้วหนักไป หรือใครได้รู้เห็นเป็นพยาน แต่หยุดยั้งนั่งคิดเห็นผิดประหลาด เราหมายมาดไม่สมอารมณ์สมาน เมื่อใกล้ชิดนิดหน่อยก็คอยพาล จะคิดอ่านแก้ไขฉันใดดี เป็นขัดสนจนจิตยิ่งพิศเพ่ง ยิ่งงามปล่งปลื้มจิตด้วยฤทธิ์ผี ผียิ่งร้อนรักอักอ่วนให้ยวนยี ปลอบโดยดีก็หนักหนาไม่อาลัย จะตายเป็นเล่นข้างดื้อเถิดหรือนะ ร้องก็จะจุกปากหายากไม่ ถึงมารดาว่าขานประการใด เราคงได้กอดจูบได้ลูบโลม แม้ละไว้ไหนจะสมอารมณ์รัก เสียดายพักตร์พิสมัยวิลัยโฉม ยิ่งฉุนชื่นขืนหน่วงเพียงทรวงโทรม เข้าถึงโถมกอดนางไม่วางมือ อย่าร้องนะจะต้องจุกจมูกปาก มิให้ฝากรักใคร่จะได้หรือ ถึงมอดม้วยด้วยเจ้าเขาก็ลือ ไม่พ้นมือพี่เสียแล้วนะแก้วตา ฯ ๏ นางผลักพลิกหยิกข่วนแต่ล้วนเล็บ สู้ทนเจ็บจูบซ้ายแล้วย้ายขวา ประคองนางวางลงในที่ไสยา เสน่หาหอมระรินด้วยกลิ่นนาง นางผลักไสไม่หลุดก็สุดคิด สุดจะปิดสุดจะปัดสุดขัดขวาง ซังตายว่าน่าแค้นแม้นมิวาง จะต้องค้างเดี๋ยวนี้และพลางแกะมือ อะไรเล่าเฝ้ามารัดจนอัดอั้น ข่มเหงฉันเช่นนี้เห็นดีหรือ ยิ่งสู้นิ่งยิ่งฉุดเฝ้ายุดยื้อ ยิ่งไม่ถือแล้วยิ่งทำนั้นร่ำไป ถ้าจริงจังหวังจะรักเป็นพักผล น้องจะพ้นมือพระพี่ไปที่ไหน ขืนรักเร้าเย้ายีอย่างนี้ไป จะกลั้นใจตายเสียดอกบอกจริงจริง พอขาดคำทำระทวยจะม้วยมุด สินสมุทรนั้นไม่รู้เท่าผู้หญิง เสียดายนางวางนอนแนบหมอนอิง ไม่ไหวติงตกใจกระไรเลย เห็นอัดอั้นกลั้นจิตผิดสำเหนียก ค่อยค่อยเรียกนางยุพาผกาเอ๋ย ไม่รบกวนลวนลามแล้วทรามเชย อย่าตายเลยลืมตาขึ้นพาที ฯ ๏ นางแกล้งว่าถ้ากระนั้นฉันจะเชื่อ เดี๋ยวนี้เนื้อตัวน้องก็หมองศรี จะสู้ซื่อถือสัตย์สวัสดี คนอื่นมิให้ต้องเป็นสองชาย แต่ทูลขอพอให้พ้นเป็นคนชั่ว จะฝากตัวตามประสงค์จำนงหมาย แม้เลียมเล่นเช่นชู้อยู่ก็อาย จะสู้ตายเสียให้สิ้นความนินทา ฯ ๏ สินสมุทรสุดสวาทไม่อาจขัด ด้วยซื่อสัตย์แสนรักเขาหนักหนา ซึ่งให้ขอก็จะคิดทูลบิดา แต่สัญญาโดยดีแล้วมิฟัง ถึงวันนี้มิให้ชื่นวันอื่นเล่า คงได้เจ้าชมสมอารมณ์หวัง อยู่รอเรียงเคียงกันบนบัลลังก์ ขอชมมั่งนิดหน่อยเถิดกลอยใจ ฯ ๏ นางนึกว่าหน้าโง่โตเสียเปล่า จะหน่วงเจ้าไว้ให้ช้าเลือดตาไหล จึงเสแสร้งแกล้งว่าให้อาลัย แม้รักใคร่จริงจังจงฟังคำ จะขอนอนผ่อนพักเสียสักงีบ อย่าแหนบหนีบหยุมหยิมไม่อิ่มหนำ ขืนยั่วเย้าเคล้าคลึงจะถึงกรรม แล้วแกล้งทำหลับลวงดูท่วงที ฯ ๏ สินสมุทรหยุดกอดทอดใจใหญ่ เอะหลับใหลแล้วก็จะสละหนี ลุกขึ้นนั่งตั้งตาดูนารี เสน่ห์ผีช่วยชักให้รักแรง เห็นแก้มอะหลั่งปลั่งเปล่งเต้าเต่งตั้ง ยังระวังไม่ใคร่หลับขยับแฝง แล้วเอนเอกเขนกเรียงเคียงตะแคง ค่อยพลิกแพลงเพลิงกระจ่างสว่างนวล หน้าแฉล้มแก้มคางช่างน่าจูบ พลางค่อยลูบเลียมประคองของสงวน นางว่าไฮ้อะไรเล่ามาเฝ้ากวน ขืนลามลวนลูบคลำนั้นร่ำไป ชะพระพี่นี่แลหรือว่าซื่อสัตย์ สบถสะบัดเสียประเดี๋ยวเจียววิสัย นี่หรือรักหากด่วนมากวนใจ เถิดมิได้แล้วทีนี้ดีแล้วคะ ลุกขึ้นนั่งตั้งสง่านุ่งผ้ารัด เสื้อกระหวัดเฉวียงวกปกอุระ ขู่สำทับรับหมดไม่ลดละ เป็นคนจะกลัวตายนึกอายจริง ถึงวายวางกลางฟูกกระดูกร้อง ผิดก็ต้องตีด่าประสาหญิง พลางชม้อยถอยหลังมานั่งอิง หมายให้วิงวอนแค่นด้วนแสนงอน ฯ ๏ สินสมุทรสุดขยั้นประหวั่นจิต ตะลึงคิดเอะไฉนใจสมร เมื่อแรกรับกลับผัดแล้วตัดรอน จะยอกย้อนคิดอย่างไรผิดใจจริง จะปลักปลอบตอบโต้เราโง่กว่า ชะปัญญาเอ๋ยไม่รู้เท่าผู้หญิง เหมือนลมหวนปรวนเปรประเวประวิง พูดจริงจริงก็เป็นเท็จเข็ดคารม ผิดก็ถือดื้อดึงให้ถึงแต้ม ได้ชื่นแช่มเชยชิดสนิทสนม ยิ่งเพ่งพิศติดใจจะใคร่ชม เข้าเกลียวกลมกอดรัดกระหวัดกร ฯ ๏ นางเบือนหยิกพลิกแพลงวัดแว้งวุ่น พระกอดอุ่นแนบทรวงดวงสมร นางเหนื่อยเหน็ดเข็ดใจพิไรวอน อย่าเพ่อก่อนเช่นนั้นฉันไม่เคย คิดว่าหยอกดอกมาเล่นถึงเช่นนี้ คิดบัดสีพระมาทำเคราะห์กรรมเอ๋ย ไม่พูดจาพาทีโดยดีเลย ขืนก่ายเกยปลุกปล้ำด้วยกำลัง ฯ ๏ สินสมุทรว่าพี่แพ้แต่ฝีปาก เรี่ยวแรงมากไม่ยักพ้นเหมือนหนหลัง ไม่โอนอ่อนผ่อนให้ก็ไม่ฟัง อุยน่ายังหยิกเล่าดูเอาซิ พลางสวมสอดกอดเกยชมเชยชิด นางสุดคิดสุดขัดถึงปัตนิ ข่วนเท่าไรไม่เจ็บจนเล็บลิ อโหสิสู้เมินด้วยเกินการ ฯ ๏ พระกอดเกี้ยวเกลียวกลมประทมประทับ นางคำนับน้อมรักสมัครสมาน ไม่ห่างเหินเพลินเชิงละเลิงละลาน เหมือนคชสารสู้หมอลงขอฟัน จนเลือดฟูมฮูมแปร้นแล่นเตลิด ระเห็จระเหิดงางวงทะลวงถลัน ลงแทงเงาเซาซึมกระหึ่มมัน ขยับยั่นยำขอระย่อยืน พายุพยับกลับกลอกเมฆหมอกกลุ้ม ดูมืดคลุ้มฝนฟ้าก็ฝ่าฝืน ที่ในวังครั้งนั้นเสียงครั่นครื้น ดังเหมือนปืนตูมตามเข้าสามตึง ฝนตกพรำน้ำเหนือก็เหลือล้น ท่วมพื้นพ้นปถพีหยั่งมิถึง เมื่อแรกรักปลักปลื้มลืมตะลึง เห็นดาวดึงส์ลิบลิบเหมือนทิพรส ด้วยรุ่นสาวคราวหนุ่มต่างชุ่มชื่น ลืมอื่นอื่นอับอายก็หายหมด นางยุพานั้นแต่ก่อนนั้นงอนชด ครั้นรู้รสเชิงชายเหือดหายงอน ระทวยทับกับตักไม่พักง้อ เฝ้าเคลียคลอเคล้ากันบนบรรจถรณ์ ทำจุดหลังนั่งแนบแอบชะอ้อน แต่เก่าก่อนก้ำเกินขวยเขินอาย ประทานโทษโปรดน้องขอรองบาท จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย ไม่แกล้งว่าฟ้าผี่ถ้าผัวตาย มิให้ชายอื่นมาเป็นสามี ฯ ๏ สินสมุทรสุดสวาทไม่คลาดเคลื่อน พี่รักเหมือนดวงชีวิตไม่คิดหนี จะเคียงคู่อยู่จนตายวายชีวี แต่ฟังพี่พี่นี้เจ็บด้วยเล็บยาว พลางกอดเกยเชยชิดจุมพิตพักตร์ วิไลลักษณ์รวบรวนมักชวนหนาว เกิดอัศจรรย์ครั้นว่าดังทุกครั้งคราว ป่วยการกล่าวแกล้งข้ามไปตามเกิน นางยุพาฝรั่งหล่อนช่างชะอ้อน สารวอนแนบข้างไม่ห่างเหิน หน่อนรินทร์สินสมุทรก็สุดเพลิน เฝ้าหยอกเอินแอบประทับเลยหลับไป ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาเวลาเช้า สร่างแต่เมามนต์ยังคงให้หลงใหล ฝันว่าสอดกอดนางเหมือนอย่างใจ พอนางไปก็พอตื่นฟื้นพระองค์ ยิ่งนึกยิ้มอิ่มเอิบกำเริบจิต ด้วยต้องจิตใจกระบวนนวลหง จึงเผยม่านชั้นกลางนางอนงค์ ถวายสรงพระพักตร์กับซับพักตรา ฯ ๏ พระแต่งองค์ทรงเสวยตามเคยเสร็จ แกล้งเสด็จดูห้องเที่ยวมองหา ถึงห้องสุดหยุดเขม้นเห็นรำภา นั่งผัดหน้านวลแป้งดังแสงจันทร์ จึงย่างย่องมองเมียงขึ้นเตียงตั่ง ถนอมนั่งแนบน้องประคองขวัญ ค่อยเบนเบียดเสียดเชยเหมือนเคยกัน นางหวาดหวั่นเห็นพระองค์ต้องลงฟุบ ฯ ๏ พระแก้เก้อเออดอกไม้หรือในจอก พี่ขอดอกเถิดหนานี่ดอกยี่หุบ นางเสแสร้งแกล้งว่าพระมาตะครุบ จนจิตวุบตกใจกระไรเลย อย่าหยอกเล่นเช่นนั้นหม่อมฉันแค้น ที่ข้างแท่นถมไปสิไม่เสวย มาลักโลมโจมจู่เหมือนชู้เชย ฉันไม่เคยคบชายให้อายใจ ฯ ๏ พระว่าเจ้าเปล่าอยู่ดอกหรือออกหาก พึ่งจะจากมาเมื่อจวนปัจจุสมัย อุแม่เอ๋ยเลยลืมปลื้มอาลัย เมื่อคืนใครเล่าพี่กอดตลอดคืน ฯ ๏ นางลูบอกตกประหม่านิจจาเอ๋ย แม้คุ้นเคยเหมือนหนึ่งตรัสไม่ขัดขืน เนื้อความยังทั้งนั้นมายันยืน อะไรคืนนี้ฉันได้เข้าใกล้เคียง แต่สำเร็จเสร็จเสวยก็เลยหลับ หม่อมฉันกลับมาอยู่ห้องจึงต้องเถียง เขาพร้อมพรั่งนั่งยามตามตะเกียง จงไล่เลียงไต่ถามเอาความจริง ฯ ๏ พระฟังคำรำพึงหรือหนึ่งฝัน มายืนยันหยาบคายนึกอายหญิง แล้วแสแสร้งแกล้งว่านางช่างอ้างอิง ใครจะวิ่งเข้าไปเห็นเป็นพยาน เมื่อว่าเปล่าเจ้าไม่รับปรับเอาพี่ ก็ตามทีเถิดหรือน้องจะฟ้องศาล พี่กับนางไปอยู่กลางตุลาการ ค่อยคิดอ่านสู้ความตามสำเนา แพ้ชนะก็จะอยู่เป็นคู่สร้าง พระตรัสพลางทางประโลมโฉมเฉลา นางหักนิ้วพลิ้วพลิกหยิกพระเพลา หรือผ่านเกล้าแกล้งจะทำให้ช้ำใจ จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงคู่อยู่ที่นี่ มเหสีเคยคู่จะอยู่ไหน ไม่ถึงปีนี่ก็จะสละไป กลัวจะไม่เหลียวหลังดูลังกา หม่อมฉันรู้อยู่นะจอมกระหม่อมแก้ว ไม่หมายแล้วที่อำนาจวาสนา พระรักฉันฉันทุพลคนต่ำช้า หน่อยน้ำตาก็จะตกต้องอกตรม พระมีศักดิ์รักไหนก็ได้คล่อง จะปกครองคู่ไพร่เห็นไม่สม กษัตราหาแต่ราชบุตรีชม อย่านิยมอย่างเช่นน้องมิต้องการ ใช่สาวแส้แก่เรื้อมันเหลือสาว มะพร้าวห้าวไม่เหมือนอ่อนทรามช้อนหวาน อย่ากล่าวเกลี้ยงเลี่ยงเลี้ยวพูดเกี้ยวพาน กระหม่อมฉานขอตัวคิดกลัวภัย ฯ ๏ พระว่าห้ามความอื่นพอขืนหัก จะห้ามรักนี้พี่ห้ามปรามไม่ไหว วาสนาถ้าแม้พี่มีฉันใด จะเลี้ยงให้แม้นเหมือนไม่เคลื่อนคลาย มเหสีมีอยู่ชมพูทวีป จะสิ้นชีพสิ้นชาติไม่มาดหมาย ไม่นับถือซื่อราวกับลาวตาย ไม่แยบคายคมขำเหมือนรำภา พี่เห็นเจ้าเยาวลักษณ์ก็รักเหลือ ช่วยแผ่เผื่อผ่อนผันให้หรรษา พลางสอดกรช้อนชมภิรมยา นางซบหน้าขวยเขินสะเทิ้นใจ มิโปรดบ้างกลางวันยังแสกแสก อกจะแตกกรรมเอ๋ยกรรมจะทำไฉน อย่ารีบรุดหยุดยั้งรั้งพระทัย น้องนี้ไม่พ้นองค์พระทรงยศ แม้ชุบเลี้ยงหม่อมฉันอย่างนั้นแน่ สุดแล้วแต่ทูลกระหม่อมจะยอมหมด แต่โปรดรอพอตะวันลับบรรพต นางเปลื้องปลดปลิดหัตถ์สะบัดกร ฯ ๏ พระกอดแอบแนบเนื้อว่าเหลือรัก สุดจะหักห้ามหายนะสายสมร พระสุริยันนั้นสว่างกลางอัมพร เรานั่งนอนอยู่ในตึกนี่ลึกลับ เปรียบเหมือนอย่างกลางคืนคนอื่นเล่า ใช่การเขาใครจะรู้มาจู่จับ ซึ่งคืนวันนั้นไซร้ใช่บังคับ ใครจะปรับไหมได้หรือไรนาง พลางอิงแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ นางพลิกผลักพระหัตถ์คอยขัดขวาง แล้วว่าพระจะมาคิดให้ผิดทาง อายผีสางเทวดาหนักหนานัก ฯ ๏ พระแย้มพรายชายชม้อยค่อยค่อยว่า เทวดานั้นมิใช่ไม่รู้จัก เธอมีคู่สู่สมภิรมย์รัก กลัวจะหนักไปเสียกว่าพวกมนุษย์ อย่าถือเลยเคยคู่จึงชูชัก เพราะสุดรักสุดรั้งสุดยั้งหยุด มิผ่อนตามห้ามหวงเห็นทรวงทรุด เจ้าสายสุดสวาทน้องอย่าป้องกัน พลางกอดเกี่ยวเกลียวกลมสมสังวาส ไม่เคลื่อนคลาดเคล้าเคล้นเหมือนเช่นฝัน ดวงดาวเดือนเลื่อนสว่างออกกลางวัน อัศจรรย์จวนเที่ยงเหมือนเสียงโทน ทั้งมดท้าวเจ้าเข้าถูกเหล้าเข้ม จนเมาเต็มประดาออกท่าโขน ซัดชาตรีตีกรับขยับโยน รำเพลงโทนเทิ้มเทิ้มระเริ่มระริก อานนท์ใหญ่ใต้แผ่นดินดิ้นขยับ ต่างกลิ้งกลับกลอกเกลือกกระเดือกกระดิก พระสุเมรุเอนทบพิภพพลิก พลอยถึงมิคสัญญีกลียุค ทั้งหญิงชายหมายเห็นกันเป็นเนื้อ เข้าแล่เถือแทงทำถึงปล้ำปลุก ครั้นโลกีย์พิกลเกิดฝนชุก น้ำท่วมทุกฝากฝั่งถึงวังใน ฯ ๏ นางลืมอายหายกลัวมีผัวลูก เหมือนเพชรถูกน้ำค้างสว่างไสว เฝ้าหมอบเมียงเคียงชิดด้วยติดใจ ขออภัยได้ผิดพลั้งแต่หลังมา อย่าถือโทษโปรดน้องขอรองบาท จนสิ้นชาติสิ้นชีวังสิ้นสังขาร์ แม้ทิ้งขว้างห่างเหให้เอกา ต้องน้อยหน้าน้องจะขอเชือดคอตาย ฯ ๏ พระยิ้มย่องของหวงพี่ล้วงได้ ต้องร้องไห้เศร้าซูบจนรูปสลาย หรือฝันเห็นเช่นกับพี่แล้วดีร้าย มามุ่งหมายจริงจังเมื่อครั้งไร ฯ ๏ นางค่อนว่าน่าเบื่อพระเชื่อรูป จนเกินซูบแล้วน่าเลือดตาไหล พระว่าเปล่าเล่าก็ดีแต่นี้ไป ฉันมิได้เป็นหม่อมห้ามอย่าลามลวน ฯ ๏ พระลูบโลมโฉมเฉลาว่าเจ้าพี่ ช่วยว่าที่แทนหม่อมห้ามเถิดทรามสงวน อุส่าห์เฝ้าเช้าเย็นให้เป็นนวล สักเดือนถ้วนจะถึงหม่อมจอมมารดา พลางกอดเกยเชยชมภิรมย์รัก เฝ้าเฟ้นฟักฟูมฟายทั้งซ้ายขวา ความเพลิดเพลินเนิ่นนานทั้งหลานอา อุปมาเหมือนหนึ่งหนังตั้งประชัน พระบิตุรงค์หลงเพลงละเวงน้อย พระน้องพลอยรักรำภาหลับตาฝัน โอรสหลงองค์ยุพาวิลาวัณย์ เหมือนช้างมันหมอชโลงโยงเข้าซอง ทั้งน้ำหญ้าสารพัดเขาจัดป้อน จึงลืมดอนดงป่าทุ่งนาหนอง เหมือนสามองค์หลงเชิงเริงคะนอง ไม่จากห้องห่างเหเสน่ห์ใน ฯ ๏ ฝ่ายทั้งสามพราหมณ์อยู่ประตูนอก ไม่เห็นออกมาสักองค์นึกสงสัย จนจวนค่ำซ้ำสั่งไปครั้งไร ไม่มีใครกลับออกมาบอกความ ต้องคอยค้างต่างก็คิดผิดประหลาด หรือหน่อนาถจะไปเล่นเข้าเป็นสาม คิดว่าให้ไปช่วยรั้งเป็นหางยาม ยังหลงตามติดกับไม่กลับมา พอรุ่งเช้าเข้าไปสั่งอีกครั้งหนึ่ง ทูลให้ถึงทรงยศโอรสา แม้วันนี้มิได้ปะเราจะพา พวกเสนานายไพร่เข้าไปตาม ท่านข้างในไปฉลองละอองบาท อยู่ปราสาทพร้อมพรั่งกันทั้งสาม ศรีสุวรรณนั้นว่าเขาไม่เบาความ ไปสั่งพราหมณ์เสียให้ชัดเถิดนัดดา ให้เลิกทัพกลับไปเสียให้หมด เราจะงดตามเสด็จพระเชษฐา สินสมุทรพูดไว้แต่ไรมา นึกระอาอายพราหมณ์ทั้งสามนาย แต่จำใจไปบอกมิออกปาก ลาลงจากอัฒจันทร์รีบผันผาย ถึงประตูดูดำเนินสะเทิ้นอาย พอสามนายเข้ามาหาจึงพาที พระเจ้าอาว่าให้กลับทัพเสียเถิด อย่าให้เกิดรบพุ่งในกรุงศรี ครั้งเสร็จคำอำลาไม่ช้าที จะเดินหนีสามพราหมณ์ยุดห้ามไว้ แล้วว่าพ่อหน่อนาถประหลาดนัก ไปพลอยรักด้วยแล้วกรรมทำไฉน อยู่ในวังทัพยังค้างอยู่กลางไพร เชิญออกไปยังทัพที่พลับพลา ฯ ๏ สินสมุทรสุดอายซังตายตอบ ฉันไม่ชอบผู้หญิงจริงหนาจ๋า จะอยู่ดูทรงฤทธิ์พระบิดา พอโรคาค่อยระงับจะกลับไป พี่พราหมณ์กลับทัพเถิดไม่เกิดศึก อย่าได้นึกเคลือบแคลงแหนงไฉน อันองค์พระมเหสีดีสุดใจ กลับรักใคร่ซื่อตรงเหมือนวงศ์วาน พี่พราหมณ์จ๋าหาชาววังมั่งไหมเล่า จะได้เฝ้าฟักฟูมเป็นภูมิฐาน ฉันจะพามาให้เห็นได้การ จะคิดอ่านการอื่นอื่นไม่ชื่นใจ ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์รู้อยู่ว่าคลั่งกำลังหลง ยิ่งแสนสงสารน่าน้ำตาไหล ว่าตัวพี่นี้นะพ่อมิพอใจ สิ้นอาลัยชาววังเพราะชังเล็บ แล้วก็เขาเจ้ากระบวนสำนวนมาก ทั้งฝีปากจุกจิกหยิกก็เจ็บ แต่รู้จักปักสะดึงตรึงกรองเย็บ กับรู้เก็บถอนไรจุกไม่ทุกข์ร้อน พ่อรักใคร่ไปอยู่ไม่รู้อิ่ม เพราะหลงชิมชาววังไม่ฟังสอน น้อยหรือแผลแลลายทั้งกายกร ชะเล็บหล่อนแหลมเหลือเสือในวัง ฟังพี่ว่าอย่าไปอยู่ศัตรูเก่า จะมัวเมาว่านยาเป็นบ้าหลัง แม้ว่ากล่าวคราวนี้ถ้ามิฟัง เหลือกำลังแล้วก็เห็นไม่เป็นการ จะเศร้าสร้อยพลอยพาน้ำตาตก ด้วยเปล่าอกไกลองค์น่าสงสาร สินสมุทรสุดสะเทิ้นเขินรำคาญ แกล้งว่าฉานมาอยู่ช้าจะลาไป ทั้งสามพราหมณ์ห้ามว่าช้าขอรับ ต่างเข้าจับมือยุดฉุดไม่ไหว พระเลี้ยวลัดตัดทางมาปรางค์ชัย เข้าห้องในแนบนางไม่ห่างกาย ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนเป็นจนจิต สุดความคิดคิดไปก็ใจหาย พาพหลพลไกรทั้งไพร่นาย มาอยู่ค่ายคอยหาปรึกษาความ เดี๋ยวนี้เราเจ้านายก็กลายกลับ ไปติดกับเสียในวังสิ้นทั้งสาม เราทั้งหลายนายไพร่เหมือนไฟลาม มีแต่ความร้อนรุกมาทุกที จะบอกข่าวราวเรื่องไปเมืองผลึก ให้รู้สึกองค์พระมเหสี เชิญสุดสาครมาวิชาดี ได้ไล่ผีอีฝรั่งเมืองลังกา เห็นพร้อมจิตคิดทำเป็นคำบอก ใส่กลักพอกครั่งปิดผนิดฝา ให้ม้าใช้ไปยังฝั่งชลา ลงเภตราข้ามคุ้งไปกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายนางสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์ไสยาสน์ให้หวาดไหว ด้วยสามีวิปริตในจิตใจ ให้หม่นไหม้มิ่งขวัญก็รัญจวน คิดถึงพระอภัยที่ไปทัพ นอนไม่หลับเลยให้อาลัยหวน ได้ลำบากยากแค้นแม้นประชวร จะคร่ำครวญถึงน้องตรึกตรองตรอม สรงเสวยเคยอร่อยจะถอยรส ต้องออมอดโอ้พระรูปจะซูบผอม เข้ารบพุ่งฟุ้งฝุ่นจะมุ่นมอม ทูลกระหม่อมเมียเอ๋ยมิเคยเป็น นางครวญคร่ำรำลึกจนดึกดื่น หลับลงคืนวันนั้นให้ฝันเห็น ว่าเดือนหงายฉายช่วงดวงกระเด็น มาติดเป็นเพลิงร้อนเผากรกาย แล้วสตรีมีศัสตราวิ่งมาตัด ทั้งสองหัตถ์นางนาฏนั้นขาดหาย ความเจ็บแสบแทบไม่รอดจะวอดวาย พอมีชายเหาะมาแต่ปราจิม เอาน้ำมันมาให้ใส่เป็นขวด ที่เจ็บปวดหายเห็นเป็นปัจฉิม แล้วซ้ำหยิบทิพรสให้ซดชิม นางกลืนอิ่มอมฤกรู้สึกองค์ พอรุ่งรางนางคิดนิมิตฝัน ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นจิตพิศวง หรือผ่านเกล้าเข้าประจญรณรงค์ จะเสียองค์อับปางเป็นอย่างไร หรือว่าการบ้านเมืองจะเคืองเข็ญ หรือจะเป็นสุริย์วงศ์พระองค์ไหน จะเกิดเหตุเภทพาลประการใด จึงดลใจให้วิบัติอัศจรรย์ ดำริพลางทางให้หาโหราเฒ่า เข้ามาเฝ้าเล่าตามเนื้อความฝัน พระโหรดูรู้โชคโฉลกวัน ฝันว่าจันทร์แจ่มฟ้าในราตรี ต้องตำราว่าหญิงช่วงชิงคู่ ไปเป็นชู้เชยชมประสมศรี ซึ่งเดือนหงายกลายเห็นเป็นอัคคี ต้องอินทรีย์สายสมรให้ร้อนรน จะเกิดความลามลุกถึงยุคเข็ญ ให้จำเป็นรวนเรระเหระหน ซึ่งหัตถ์ขาดญาติที่รักร่วมพระชนม์ จะมีคนเขามาพรากให้จากไป ซึ่งมีผู้รู้วิชาคืออารักษ์ จะช่วยชักชายแก่มาแก้ไข อันกลืนน้ำอมฤกนึกสิ่งไร ก็จะได้เสร็จสมนิยมยิน เห็นแม่นมั่นวันนี้จะมีข่าว มาบอกกล่าวให้ประจักษ์ทิศทักษิณ แล้วอวยชัยให้พระองค์ทรงแผ่นดิน ได้เพิ่มภิญโญยศปรากฏไป นางประทานส่านเหลืองเครื่องคำนับ ดำรัสรับพรพราหมณ์ตามวิสัย โหรคำนับรับประทานสำราญใจ กลับออกไปเคหาพฤฒาจารย์ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงทรงเสวยเหมือนเคยแล้ว ชมลูกแก้วสั่งสอนด้วยอ่อนหวาน ถึงเวลาเคยว่าราชการ ออกวิมานบุษบกกระจกบัง เบิกสุวรรณบัญชรสุนทรถาม ถึงถ้อยความเกี่ยวค้างแต่ปางหลัง เหล่าลูกขุนทูลละอองอ่านฟ้องดัง นางทรงฟังฝ่ายโจทก์จำโนทความ แล้วสอบคำจำเลยเคยชำระ ต้องบทพระอัยการวิตถารถาม พอปากน้ำนำผู้ถือหนังสือพราหมณ์ มาทูลความตามที่ทัพถึงอับจน นางทรงฟังสั่งให้เปิดใบบอก มาอ่านออกเนื้อความตามนุสนธิ์ พราหมณ์วิเชียรโมรากับสานน ทั้งสามคนขอประณตบทมาลย์ แด่องค์พระมเหสีผู้มีศักดิ์ ซึ่งอยู่รักษาเขตนิเวศน์สถาน ด้วยกองทัพขับนิกรเข้ารอนราญ ได้แดนด่านจนกระทั่งถึงลังกา นางละเวงเกรงทัพไม่รับรบ กลับตลบเอาด้วยเล่ห์เสน่หา ทั้งสามองค์หลงกลด้วยมนตรา จะวอนว่าสักเท่าไรไม่ไยดี พระทรงศักดิ์รักละเวงวัณฬาราช พระนุชนาถเสนหารำภาสะหรี หน่อนรินทร์สินสมุทรกับบุตรี ประเดี๋ยวนี้เข้าไปอยู่ในวัง สั่งให้ทัพกลับมาพาราผลึก เป็นเสร็จศึกสิ้นตามเนื้อความหลัง เห็นพระองค์หลงเหลือจะเชื่อฟัง เกรงฝรั่งจะทำร้ายเมื่อปลายมือ ข้าพเจ้าเหล่านี้สิ้นที่พึ่ง จนใจจึงแจ้งความตามหนังสือ เหมือนดินหูอยู่ใกล้กองไฟฮือ ลมกระพือพัดวับดับชีวัน ขอองค์พระมเหสีเป็นที่พึ่ง ช่วยชุบซึ่งชีพพหลพลขันธ์ กลศึกลึกล้ำเป็นสำคัญ จะผ่อนผันโปรดปรานประการใด ฯ ๏ นางฟังเรื่องเคืองขัดให้อัดอั้น น้ำเนตรนั้นครั้นจะกลืนก็ขืนไหล โมโหหึงรึงรุมดังสุมไฟ ยิ่งแค้นใจสินสมุทรเหมือนบุตรา อยู่ที่นี่อีผู้หญิงชิงกันเกี้ยว ยังโกรธเกรี้ยวกริ้วกราดไม่ปรารถนา ประเดี๋ยวนี้อีฝรั่งชาวลังกา มันชักพาเอาไปติดกับบิตุรงค์ ชิชะพระอนุชาก็น่าแค้น ทำหนุ่มแน่นลองเชิงละเลิงหลง ยังสอนหลานหว่านเครือเอาเชื้อวงศ์ จะบอกองค์อัคเรศเกษรา ดำริพลางนางว่ากับข้าเฝ้า พระผ่านเกล้ากลับชาติศาสนา จำจะตามข้ามฝั่งไปลังกา ให้เรือใช้ไปหาสุดสาคร แล้วก็ให้ไปบุรีรมจักร แจ้งพระอัคเรศความตามอักษร เร่งชำระพระที่นั่งเมืองมังกร กับเรือจรเจ็ดลำเป็นกำลัง พอป้องกันอันตรายทั้งซ้ายขวา เป็นกองหน้าปีกป้องทั้งกองหลัง สั่งเสร็จสรรพหับบานบัญชรบัง เหมือนจะคลั่งเป็นบ้าเพราะสามี พอมารดาพาสองพี่น้องน้อย มานั่งคอยจะใคร่ถามความกรุงศรี จึงเล่าเรื่องเมืองลังกาพระสามี ประเดี๋ยวนี้เธออยู่ปรางค์นางละเวง ฯ ๏ พระชนนีขี้หึงเหมือนหนึ่งลูก ฟังไม่ถูกในอารมณ์ว่าข่มเหง ทำมนตรายาแฝดมันแปดเพลง อีละเวงนั้นและลูกทำหยูกยา จะโกรธพระอภัยอย่างไรเล่า เธอมัวเมาไปด้วยมนต์ดลคาถา ยุหลานน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ช่วยกันด่าอีละเวงอย่าเกรงมัน พระธิดาว่ามิใช่พระไม่ทราบ ถ้าเข็ดหลาบแล้วก็ใจไม่ใฝ่ฝัน นี่ท้าวเธอเอออวยไปด้วยกัน กระหม่อมฉันจะขอลาฝ่าธุลี ไปลังกาพาลูกน้อยฉันไปด้วย จะได้ช่วยด่าวัณฬามารศรี คงได้ปะพระอภัยเป็นไรมี มะรืนนี้ลูกจะลาพระคลาไคล ฯ ๏ พระมารดาว่าจะใคร่ตามไปด้วย จะได้ช่วยพูดจาอัชฌาสัย นางกราบบาทมารดาพระอย่าไป อยู่วังในไว้ยศให้งดงาม ลูกจะไปครั้งนี้ถึงศีรษะ ใครจะฉะเสียให้เด็ดไม่เข็ดขาม แม้การนี้มิเสร็จสำเร็จความ มิขอข้ามคืนมายังธานี ฯ ๏ ฝ่ายเสนามานั่งสั่งเสมียน ให้เร่งเขียนสารสองบุรีศรี ครั้นเสร็จสรรพพับปิดผนิดดี ให้เสนีเรือใช้รีบไคลคลา บ้างจัดแจงแต่งเรือพระที่นั่ง บัลลังก์มังกรประกอบมีกรอบฝา บุษบกกระจกกระจังบนหลังคา ท้ายเภตราแวววามอร่ามเรือง อันหัวท้ายสายชโลงระโยงแย่ง สร้อยทองแดงใบดาดล้วนตาดเหลือง มาเทียบจอดทอดท่าที่หน้าเมือง ทั้งเรือเครื่องรองทรงปักธงทอง กองหน้าหลังตั้งกันกำปั่นแห่ ใส่ใบแพรสีฉาดผาดผยอง ปักธงเทียวเขียวเหลืองดูเรืองรอง ตีฆ้องกลองแตรสังข์ตั้งกระบวน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมเหสี สุมาลีเศร้าสร้อยละห้อยหวน ครั้นโหรเบิกฤกษ์พาเวลาจวน จึงตรัสชวนสองธิดาสรงวารี แล้วโฉมยงทรงเครื่องแต่เก่าเก่า ด้วยยามเศร้าซูบหมองไม่ผ่องศรี ใส่เครื่องทรงมงกุฎพระบุตรี พระอัยกีตามส่งมาลงแพ พวกแสนสาวชาววังร้องสั่งห้อง เสียงแซ่ซ้องสั่งต่อกันจ๋อแจ๋ พอฤกษ์ดีตีฆ้องฆาตกลองแตร ทหารแห่โห่ทั้งเรือดั้งกัน นางกราบกรานมารดาทูลลาแล้ว ชวนลูกแก้วทั้งสองประคองขวัญ พระพี่เลี้ยงเคียงคลอจรจรัล ลงกำปั่นพระที่นั่งบัลลังก์ทอง สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาอยู่ขวาซ้าย เจ้าขรัวนายนั่งระวังอยู่ทั้งสอง ออกจากท่าหน้าเมืองมาเนืองนอง เป็นหลั่นล่องเลื่อนมาอ่าวสาคร นางทรามเชยเคยทะเลมาหลายครั้ง นางชาววังเคยคลื่นนั่งยืนสลอน พอเวลาสายัณห์ตะวันรอน ลมอ่อนอ่อนออกกลางให้กางใบ บ่ายกำปั่นลั่นปืนเสียงครื้นครึก แลพิลึกลำทรงทวนธงไสว ทั้งหน้าหลังดั้งกันเป็นหลั่นไป ต่างใช้ใบลอยสล้างกลางคงคา ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสมร เผยบัญชรฉากฉายทั้งซ้ายขวา ชวนลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ชมฝูงปลาแปลกอย่างต่างต่างกัน หมู่ราหูงูเงือกขึ้นเกลือกกลอก ตามระลอกลมกระพือหือรือหัน ฉนากฉลามตามคลื่นนับหมื่นพัน บ้างดำดั้นโดดดิ้นในสินธู เห็นมัจฉาหน้าคนขึ้นกล่นเกลื่อน ต่างเคล้าเพื่อนเหมือนมนุษย์สุดอดสู เหราร้ายว่ายล่องขึ้นฟ่องฟู เป็นคู่คู่เขาไม่พลัดกระจัดกระจาย แต่ตัวน้องท่องเที่ยวมาเปลี่ยวจิต ไม่มีมิตรเหมือนมัจฉาปลาทั้งหลาย ยิ่งรำลึกนึกฝืนสะอื้นอาย จะเหลียวซ้ายแลขวาก็น่ากลัว พอเย็นย่ำค่ำพลบดูกลบกลุ้ม ท้องฟ้าคลุ้มคล้ำหมดสลดสลัว เหมือนมืดในใจน้องให้หมองมัว มาตามผัวผัวก็ไม่อาลัยแล ชิชะพระอภัยพระทัยเอ๋ย เจ็บก็เคยยังไม่จำยังซ้ำแผล รู้ว่าต่อแล้วยังล่อมาตอแย ไม่เจียมแก่เกี้ยวชู้จนอยู่มัน ยิ่งคิดแค้นแสนรักสลักอก แสนวิตกแต่ชั้นหลับก็กลับฝัน ข้ามทะเลเตร่เตร็จมาเจ็ดวัน ถึงเขตคันขอบฝั่งข้างลังกา ขึ้นเมืองใหม่ไพร่พลอลหม่าน นายทหารรมจักรอยู่รักษา ทราบว่าพระมเหสีบุตรีมา ต่างก็หามันกลอยกล้วยอ้อยตาล มารวบรอมพร้อมพรั่งตั้งถวาย นางทักทายถามสิ้นถึงถิ่นฐาน สั่งให้จัดเสื้อผ้ามาประทาน กรมการกราบก้มประนมกร ฯ ๏ นางตรัสสั่งทั้งหลายพวกนายทัพ เราจะยับยั้งทหารชาญสมร ถึงช้าหน่อยคอยท่าสุดสาคร มาถึงก่อนจึงจะยกขึ้นบกไป พวกนายทัพรับสั่งอยู่พรั่งพร้อม นอนกองล้อมวงวังตั้งอาศัย ถึงราตรีตีฆ้องให้กองไฟ ประทับอยู่เมืองใหม่พร้อมไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายเรือข่าวชาวผลึกออกลึกแล่น ไปตามแผนที่ทะเลคะเนหมาย ทุกคืนค่ำร่ำแล่นแสนสบาย ให้ท้องสายสาคเรศประเทศธาร ลำหนึ่งถึงพาราการะเวก เข้าหาเอกอำมาตย์แจ้งราชสาร เวลาเฝ้าเข้าท้องพระโรงธาร ทูลแล้วอ่านออกความตามสารา ฯ ๏ ในราชสารสุมาลีศรีสวัสดิ์ เชิญกษัตริย์ทรงยศโอรสา ให้รีบตามข้ามฝั่งไปลังกา ช่วยบิดาเหมือนได้แก้มาแต่เดิม เมื่อได้รูปซูบบ้างพอยังชั่ว นี่ได้ตัวสมนึกยิ่งฮึกเหิม ประเดี๋ยวนี้พี่ยาทั้งอาเติม ไปพูนเพิ่มพิสมัยอยู่ในวัง แล้วยกความพราหมณ์บอกนั้นออกอ่าน ราชสารเบื้องต้นแต่หนหลัง พระลูกยามาช่วยด้วยสักครั้ง แม่จะรั้งรอท่าอย่าช้าการ ฯ ๏ กษัตริย์สุริโยไทยได้สดับ เป็นเรื่องรับรสรักสมัครสมาน ผิดขนบรบสู้แต่บูราณ จึงบรรหารตรัสว่าสุดสาคร จงพาสองน้องรักรีบไปช่วย อย่าเข้าด้วยพวกฝรั่งนะฟังสอน สนองบาทราชการพระมารดร ดูผันผ่อนหน้าหลังระวังภัย พระบิดาอาพี่เจ้าดีนัก เข้ารบรักรักติดปลิดไม่ไหว เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าก็รุ่นเหมือนฟุนไฟ จะไปใกล้ดินดำพ่อรำคาญ อย่าคบค้าฝรั่งจะพลั้งพลาด ตัดให้ขาดความรักหักประหาร ช่วยชีวิตบิตุรงค์ทั้งวงศ์วาน สำเร็จการแล้วก็พากันมาเมือง ฯ ๏ สุดสาครอ่อนน้อมว่าหม่อมฉัน ถึงทุกวันนี้ยังทรงหนังเสือเหลือง เหมือนหนึ่งเณรเจนจิตคิดเนืองเนือง มิได้เปลื้องกาสาของอาจารย์ ถ้าแผ่นดินสิ้นทุกข์สิ้นยุคเข็ญ บ้านเมืองเป็นผาสุกสนุกสนาน ได้ไปลาตาที่เกาะพิสดาร กระหม่อมฉานจึงจะสึกเหมือนตรึกตรอง ฯ ๏ พระบิดาว่าอย่าเชื่อหนังเสือเหลือง กลัวจะเปลื้องมิใคร่ทันเหมือนฉันของ แม้ใกล้ชิดคิดคบสบทำนอง หนังเสือครองหรือจะขัดจะทัดทาน ท่านผู้รู้ผู้สำเร็จยังเข็ดรัก ไม่ปลอมปลักปลีกไปเสียไพรสาณฑ์ แม้อยู่เฝ้าเคล้าเคลียจะเสียการ จงคิดอ่านออกองค์ให้จงดี ฯ ๏ พระรับสั่งบังคมประนมสนอง ไม้เท้าของครูให้เคยไล่ผี ถึงเสน่ห์เล่ห์ลมอาคมดี เอาไม้ตีหายฤทธิ์ประสิทธิ์นัก ซึ่งโปรดให้ไปกับสองพระน้องนั้น เป็นห่วงฉันเหลือจะห่วงเพียงทรวงหัก กนิษฐานารีเป็นที่รัก ใครรู้จักทักทายก็อายใจ ขอให้อยู่บูรีที่ปราสาท ให้รองบาทพระบิดาอัชฌาสัย แต่องค์พระอนุชาจะพาไป ด้วยจะได้เห็นหน้าปรึกษากัน ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม งามประโลมรุ่นราวดังสาวสวรรค์ สิบเอ็ดปีศรีปลั่งเพียงเพ็งจันทร์ ไม่เว้นวันเล่นสนุกตุ๊กตา เคยนอนหลับกับพระสุดสาครพี่ ด้วยถ้อยทีซื่อตรงเหมือนวงศา ครั้นเจ้าพี่มิให้นางไคลคลา พระชลนาผอยผอยด้วยน้อยใจ จึงว่าชะพระพี่นี้เป็นหนุ่ม จะต้องอุ้มต้องถือหรือไฉน เมื่อคราวนั้นนั่นเป็นไรจึงให้ไป ประเดี๋ยวนี้ทำไมจึงอายคน หรือน้องนี้ขี้ฉ้อทรลักษณ์ ให้ขายพักตร์พระเจ้าพี่สักกี่หน ทั้งผูกแก้วแววตารักษาตน ไม่กลัวคนใครจะกล้ามาว่าไร ฯ ๏ พระเชษฐาว่าถ้าแม้เหมือนแต่ก่อน ยังเด็กอ่อนก็ไม่ห้ามตามวิสัย ประเดี๋ยวนี้ว่าพี่มิพาไป ใครใช้ให้เป็นสาวขึ้นเล่าน้อง พี่ปรานีมิพาไปให้ได้ยาก จะต้องตากลมฝนจะหม่นหมอง ธรรมเนียมสาวเขาก็เพียรเรียนร้อยกรอง จะเที่ยวท่องไปทำไมมิใช่การ ฯ ๏ นางว่าชะปรานีหนอพี่เจ้า เขารู้เท่าดอกอย่ามาเฝ้าว่าขาน ถ้าไปด้วยฉวยจะขัดจะทัดทาน จะเสียการพี่ยาไม่พาไป แต่เขาอ้วนขึ้นก็เห็นว่าเป็นสาว แกล้งว่ากล่าวแค้นน่าน้ำตาไหล ส่วนองค์พระอนุชาจะพาไป เป็นผู้ใหญ่ลำเอียงไม่เที่ยงธรรม์ ฯ ๏ พระบิตุราชมาตุรงค์ทรงพระสรวล จึงว่าควรเขาเป็นชายต้องผายผัน เจ้าจงอยู่ดูสุรางค์นางกำนัล ทะเลาะกันเปล่าเปล่าไม่เข้าการ แล้วตรัสสั่งเสนาวายุพัด จงเร่งรัดเภตราโยธาทหาร ให้พี่น้องสองตามความสำราญ ทั้งตัวท่านจงไปด้วยช่วยระวัง ฯ ๏ อำมาตย์รับอภิวาทมาบาดหมาย ทหารฝ่ายฝึกฝนแต่หนหลัง เลกขุนนางต่างกรมสมกำลัง มาพร้อมพรั่งไพร่นายเร่งจ่ายปืน แล้วแต่งลำกำปั่นสุวรรณมาศ ใส่ใบตาดใหญ่น้อยสักร้อยผืน ผลัดเชือกเสาเพลานอกสายรอกยืน ประจำปืนท้ายหน้าจังก้าตรง ทั้งปืนช่องสองข้างสล้างสลับ แล้วเสร็จสรรพฟ่องฟูดูระหง ทั้งเรือเครื่องเฟื่องฟ่องเรือรองทรง ปักทวนธงทอดท่าในสาคร คนประจำลำละพันล้วนสันทัด ถือหอกซัดขัดดาบกำซาบศร เคยตามเจ้าห้าวหาญรบราญรอน เสด็จจรจึงประจำอยู่ลำทรง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อปรเมศเกศกษัตริย์ ชวนพระหัสไชยน้องเข้าห้องสรง โซมสุคนธ์ปนทองทั้งสององค์ แล้วต่างทรงผ้าต้นกำพลรัต คาดกระสันปั้นเหน่งดูเปล่งปลั่ง พระสอดสังวาลวิเชียรเฉวียนฉวัด ตาบประดับทับทรวงดุนดวงชัด พาหุรัดทองกรสอดซ้อนซับ ทรงมหามงกุฎบุษย์กระจาย กรรเจียกพรายพร่างไสวดอกไม้ประดับ อุบะห้อยพรอยแพรววาวแวววับ ครั้นเสร็จสรรพจับไม้เท้าของเจ้าตา พระน้องนาถอาจองทรงพระขรรค์ จรจรัลตามเสด็จพระเชษฐา ไปห้องทองสองกษัตริย์ขัตติยา ต่างทูลลากราบก้มบังคมคัล พระเชษฐาลาเสาวคนธ์น้อง อย่าขัดข้องเคืองค้อนให้พรฉัน พี่จะไปไม่ช้าสิบห้าวัน จะพากันกลับมายังธานี ฯ ๏ นางเสาวคนธ์อ้นอั้นให้ตันจิต ไม่นั่งชิดเชษฐาผินหน้าหนี มิไปไยไปดีก็มาดี ฉันไม่มีพี่น้องจึงต้องอาย สะอื้นอั้นกลั้นไว้อยู่ในหน้า ส่วนน้ำตากลืนกลั้นมันไม่หาย ยิ่งแค้นหนักหักมั่งยิ่งพรั่งพราย ทั้งพี่ชายชลนัยน์ก็ไหลนอง พระวงศ์วานมารดากับบิตุเรศ น้ำพระเนตรหล่อหลั่งด้วยทั้งสอง พอฤกษ์งามยามดีเขาตีฆ้อง พระพี่น้องกราบก้มบังคมลา พระบิตุราชมาตุรงค์พงศ์กษัตริย์ อวยสวัสดิ์ทรงยศโอรสา ต่างตามส่งลงกำปั่นกลั้นน้ำตา พระเรียกหาม้ามังกรขึ้นตอนท้าย หน่อกษัตริย์หัสไชยนั้นได้สิงห์ ร้องเรียกวิ่งตามได้ดังใจหมาย ต่างโปรดปรานพานทองรองปลาตาย ให้กินหลายเวลาประสาใจ แล้วตั้งโห่โล้ออกไปนอกอ่าว พอลมว่าวริ้วริ้วหวิวหวิวไหว ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องทั้งกลองชัย ต่างใช้ใบเรียงตามกันหลามลำ ต้นหนนั่งตั้งเข็มให้เล็มแล่น ไปตามแผนภูมิพื้นทุกคืนค่ำ ด้วยอยู่เยื้องเมืองผลึกออกลึกล้ำ ได้ลมร่ำรีบมาไม่ราใบ ฯ ๏ สุดสาครกับพระน้องอยู่ห้องท้าย ฝาพระฉายฉากช่องม่านสองไข เฝ้าพูดพลอดกอดรัดพระหัสไชย หวนอาลัยโฉมเฉลาเสาวคนธ์ จะเหลียวกลับลับนุชสุดสังเกต น้ำพระเนตรหยดย้อยดังฝอยฝน นิจจาเอ๋ยเคยมาในสาชล เป็นสามคนขาดหน้าก็อาลัย อนุชาว่าพระองค์ทรงกันแสง ฉันไม่แจ้งเคืองเข็ญเป็นไฉน พระว่าพี่นี้นึกรำลึกไป ให้อาลัยกนิษฐาจึงจาบัลย์ พระน้องพลอยรำลึกสะอึกสะอื้น ไม่ฝ่าฝืนฟุบแฝงกันแสงศัลย์ พอโพล้เพล้เวลาเข้าสายัณห์ พระรับขวัญนุชน้องประคองเคียง สั่งให้เหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย ร้องดอกสร้อยลำนำเฉื่อยฉ่ำเสียง ประสานซอหน้าทับรับจำเรียง เสียงพร้อมเพรียงเพราะพร้องทำนองใน อนุชาว่าพระพี่ช่วยตีทับ ฉันจะขับตามประสาอัชฌาสัย โอ้แลเหลียวเปลี่ยวสุดสมุทรไท จะแลไหนน้องก็เปล่าเศร้าวิญญาณ์ จะแลซ้ายสายเนตรน้องพรายพร่าง เห็นแต่หว่างวงทะเลกับเวหา จะแลแหงนแสนสูงสุดสายตา เห็นแต่ฟ้าหมอกเมฆวิเวกใจ จะแลขวาสาครกระฉ่อนคลื่น ไม่มีพื้นพสุธาจะอาศัย โอ้เปลี่ยวสิ้นดินฟ้านภาลัย เหมือนเปลี่ยวในใจฉันทุกวันเอย ฯ ๏ สุดสาครกรกอดว่ายอดมิ่ง พ่อขับพริ้งเพราะพร้องจริงน้องเอ๋ย จะขับมั่งฟังความนะทรามเชย แล้วทรงเอ่ยเอื้อนเสียงสำเนียงนวล โอ้ยามหนาวดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างพร้อยพร่างพรมเมื่อลมหวน คิดถึงเนื้อเจือจันทร์ยิ่งรัญจวน เหมือนจะชวนชื่นจิตคิดคำนึง เสาวคนธ์มณฑาจำปาเทศ มาลับเนตรให้พี่นึกรำลึกถึง แก้วพี่เอ๋ยเคยเฝ้าแต่เคล้าคลึง เมื่อไรจึงจะได้มาเห็นหน้าน้อง โอ้แลเหลียวเปลี่ยวใจให้ละห้อย สงสารสร้อยเสาวคนธ์จะหม่นหมอง มาลับนุชสุดสงวนนวลละออง กอดแต่น้องน้อยอุ่นละมุนทรวง พระขวัญเอ๋ยเคยนอนบรรจถรณ์แท่น มาเที่ยวแล่นเรือเร่ทะเลหลวง โอ้ดวงเดือนเหมือนจะส่องให้ต้องดวง พระพักตร์พ่วงผ่องเพียงจะเคียงเดือน ถึงดินแดนแผ่นฟ้าจะหาอื่น มาชูชื่นจิตพี่ไม่มีเหมือน ขนงเนตรเกศแก้มแย้มยิ้มเยื้อน เหมือนจะเตือนอารมณ์ให้ชมเอย ฯ ๏ พระน้องน้อยพลอยฟังให้วังเวก เอกเขนกนิ่งหลับกับเขนย พระเอนแอบแนบน้องประคองเชย พระกรเกยกอดประทับเลยหลับไป ฯ ๏ สุดสาครนอนวันนั้นก็ฝันร้าย ว่าลงว่ายกลางมหาชลาไหล ไม่เห็นฝั่งดังชีวันจะบรรลัย ปะงูใหญ่ผุดขึ้นพบได้รบกัน มันกอดเกี้ยวเกลียวกลมจมสมุทร ทะลึ่งผุดเพียงชีวาจะอาสัญ แต่พอแม่มัจฉาว่ายมาทัน ได้ดื่มถันกล้ำกลืนค่อยชื่นใจ พระโยคีที่เป็นครูมาอยู่ด้วย ที่เจ็บป่วยบาดแผลท่านแก้ไข พอพลิกฟื้นตื่นตะลึงคะนึงใน จนรุ่งให้โหรทายให้หายแคลง ฯ ๏ โหรชำระพระสุบินจนสิ้นเสร็จ ไล่ฤกษ์เกร็ดคูณหารวิตถารแถลง ฝันว่าว่ายสายสมุทรจนสุดแรง จะพลัดแพลงถิ่นฐานรำคาญเคือง ซึ่งงูรัดกัดขบจะพบคู่ ได้สมสู่กับสตรีฉวีเหลือง ข้างต้นร้ายปลายมือรื้อประเทือง จะรุ่งเรืองฤทธิรงค์สืบวงศ์วาน ฯ ๏ พระรับพรถอนฤทัยใจเห็นแน่ นึกถึงแม่มัจฉาน่าสงสาร ลูกพลัดพรากจากมาก็ช้านาน คิดรำคาญเคืองเข็ญมิเห็นกัน หรือเมื่อค่ำรำลึกนึกถึงลูก จิตจึงผูกผ่านเกล้ามาเข้าฝัน ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งจาบัลย์ สะอื้นอั้นอ่อนองค์ลงโศกา ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเข้าไปกอด ชะอ้อนพลอดถามเหตุพระเชษฐา พระเป็นไรไม่แถลงแจ้งกิจจา เฝ้าโศกาบ่อยบ่อยจะถอยแรง คิดถึงใครให้ประจักษ์บ้างสักหน่อย ฉันจะพลอยทุกข์ด้วยช่วยกันแสง อย่าปิดงำอำพรางให้คลางแคลง น้องไม่แพร่งพรายให้ผู้ใดฟัง ฯ ๏ สุดสาครถอนสะอื้นสู้กลืนกล้ำ สุดจะร่ำเรื่องต้นแต่หนหลัง จึงว่าพี่นี้อาลัยถึงในวัง คิดถึงทั้งบิตุราชมาตุรงค์ แม่นงเยาว์เสาวคนธ์จะบ่นร่ำ ทุกเช้าค่ำขาดเคยเสวยสรง พระน้องพลอยกำสรดสลดลง กันแสงทรงโศกาด้วยอาลัย พระแย้มสรวลชวนน้องเข้าห้องสรง สำอางองค์เอี่ยมละอองดูผ่องใส ขึ้นบัลลังก์บังลมที่ร่มใบ พระหัสไชยเอนทับลงกับเพลา พลางทูลถามนามมหาสาคเรศ ทุกขอบเขตโขดเกาะละเมาะเขา สุดสาครอ่อนโน้มประโลมเล้า แล้วตรัสเล่าเขตแขวงตำแหน่งนาม นับสิบห้าราตรีไม่มีหยุด ให้เร่งรุดรีบเสด็จไม่เข็ดขาม ถึงฟากฝั่งลังกาท่าสงคราม ต่างไต่ถามแจ้งยุบลพระชนนี จึงชวนน้องหัสไชยขึ้นไปเฝ้า ต่างก้มเกล้ากราบพระมเหสี สร้อยสุวรรณจันทร์สุดากุมารี ต่างไหว้พี่พูดจาหรรษากัน ฯ ๏ นางลดองค์ลงประคองสองโอรส โศกสลดเล่าแจ้งกันแสงศัลย์ พระบิตุรงค์องค์อาเชษฐานั้น ไปได้กันกับฝรั่งแล้วคลั่งไคล้ ทั้งสามคู่อยู่ปราสาทราชฐาน ทิ้งทหารสามพราหมณ์ห้ามไม่ไหว พ่อมาด้วยช่วยเอ็นดูพระภูวไนย ไปแก้ไขเสียให้ฟื้นกลับคืนเป็น ฯ ๏ สุดสาครอ่อนคำนับอภิวาท ข้าพระบาทจะขอรับช่วยดับเข็ญ พระต้องมนต์รนร้อนไม่หย่อนเย็น จึงเคลิ้มเคล้นคลั่งรักสู้หักอาย จะแก้ไขไล่ตีขับผีสาง ให้สิ้นรางควานทับก็กลับหาย แต่อยู่ห่างอย่างนี้ที่ดีร้าย จะมุ่งหมายนั้นไม่แน่เหมือนแลดู ฯ ๏ นางตรัสตอบชอบแล้วลูกแก้วแม่ เหมือนช่วยแก้เกียรติยศที่อดสู แต่ระวังครั้งนี้จะตีงู มันคงสู้หมอแล้วไม่แคล้วเลย แม้หลงใหลไปเป็นเช่นพระพี่ แม่สิ้นที่พึ่งแล้วลูกแก้วเอ๋ย พลางจูบเกล้าเผ้าผมนั่งชมเชย ชวนเสวยพร้อมพรั่งทั้งธิดา ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพกำชับสั่ง ให้พร้อมพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา พรุ่งนี้เช้าเราจะยกกับลูกยา ไปลังกาเตรียมกันให้ทันการ ฯ ๏ พวกนายทัพรับสั่งมาบังคับ กำหนดนับหมู่หมวดตรวจทหาร ทั้งเสนีพี่น้องสองกุมาร ต่างเตรียมการพร้อมพรั่งริมฝั่งชล พอแสงทองส่องฟ้าห้ากษัตริย์ สรงสหัสธาราดังห่าฝน น้ำกุหลาบอาบองค์ทรงสุคนธ์ ใส่เครื่องต้นตามอย่างต่างต่างกัน แม้องค์พระมเหสีผู้มียศ ขึ้นทรงรถพรายเพริศดูเฉิดฉัน สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาวิลาวัณย์ ขึ้นร่วมบัลลังก์รถพระกลดบัง สุดสาครทรงนิลสินธพ ทหารครบรักษาทั้งหน้าหลัง พระน้องทรงสิงห์คะนองลองกำลัง พลตั้งโห่แห่สังข์แตรเกรียว ฯ ๏ พระพี่น้องกองหน้าพาทหาร เข้าดงดานแดนดอนสิงขรเขียว ดำเนินทางทางรถต้องลดเลี้ยว ดูธงเทียวปลายปลิวเป็นทิวไป นางโฉมยงองค์พระมเหสี ทุกข์ทวีไปตามทางหว่างไศล คิดจะใคร่ได้ดูแต่ภูวไนย เห็นอะไรอย่างอื่นไม่ชื่นตา แต่พี่น้องสองศรีบุตรีน้อย ชะโงกคอยเอื้อมหัตถ์ริมรถา พอรถเรียงเคียงต้นผลผกา ชิงกันคว้าหักกิ่งเก็บปริงปราง ฝูงสาวสรรค์กัลยาพวกข้าหลวง ต่างหยิบช่วงชิงกันอยู่ชั้นล่าง ที่หอมรื่นยื่นถวายเจ้านายพลาง ทั้งสองข้างเหน็บรอบริมขอบรถ สุดสาครขับม้าพาพระน้อง เที่ยวเก็บช้องนางหาบุปผาสด เก็บกระถินอินจันข้างบรรพต มาริมรถให้พระน้องสองบังอร แล้วอ้อมทางกลางป่ามาหน้าทัพ ให้เร่งขับพลเดินเนินสิงขร ครั้นพลบค่ำทำพลับพลาพนาดร ประทับนอนรุ่งทวีปแล้วรีบไป ฯ ๏ ถึงดงตาลด่านกลางขุนนางพร้อม ต่างนบน้อมนางกษัตริย์ตรัสปราศรัย ประทานทรัพย์เสื้อผ้าแล้วคลาไคล เสด็จไปถึงเขาเจ้าประจัญ เห็นปืนรายค่ายคูประตูด่าน ป้อมปราการแม้นเหมือนหนึ่งเขื่อนขัณฑ์ ยังตีได้ไม่ข้ามถึงสามวัน สติปัญญาเลิศประเสริฐชาย ควรหรือหลงงงงวยไปด้วยหญิง น่าแค้นจริงเป็นเจ้าชู้ไม่รู้หาย นางหึงหวงง่วงหงิมไม่ยิ้มพราย จนเบี่ยงบ่ายตรัสบัญชาให้คลาไคล ออกจากเขาเจ้าประจัญเสียงครั่นครึก เข้าดงลึกแดนด่านห้วยธารไศล เป็นป่าหลวงจวงจันทน์พรรณดอกไม้ ทั้งเปลือกใบรากหอมมีพร้อมเพรียง พฤกษาดอกออกช่อลอออ่อน แย้มเกสรภู่ผึ้งหึ่งหึ่งเสียง ที่จอมเขาสาวหยุดพุดพุมเรียง ลำพักเคียงขอนดอกออกระย้า นางโฉมยงทรงรถอดไม่ได้ เด็ดดอกไม้มาพลางข้างรถา ให้ลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา จนพ้นป่าไม้หอมตรอมฤทัย ออกทุ่งกว้างทางเลี่ยนเตียนตะล่ง พออัสดงเดือนกระจ่างสว่างไสว รีบเดินพลจนรุ่งถึงกรุงไกร ไปค่ายใหญ่ที่ตั้งล้อมลังกา ฯ ๏ พอข้าเฝ้าเจ้าพราหมณ์ทั้งสามทัพ มาคอยรับอภิวันท์ด้วยหรรษา ทูลเชิญพระมเหสีให้ลีลา ขึ้นพลับพลาที่องค์พระทรงยศ แท่นสุวรรณบรรจงที่ทรงเสวย เหมือนอย่างเคยพร้อมพรั่งอยู่ทั้งหมด พระบุตรีพี่น้องสองโอรส อยู่ชั้นลดใกล้พระชนนี ฯ ๏ นางออกนั่งยังหน้าพลับพลาโถง ท้องพระโรงทิวทุ่งริมกรุงศรี แสนรำลึกตรึกตราถึงสามี จะอยู่ที่ห้องไหนหนอในวัง เขม่นจิตคิดหึงคำนึงนึก หรืออยู่ตึกแต้มทองที่สองหลัง เฝ้าคลึงเคล้าเช้าค่ำแต่ลำพัง ยิ่งแค้นคั่งเคืองขืนกลืนน้ำตา จึงเอื้อนอรรถตรัสถามความพี่เลี้ยง อยู่พร้อมเพรียงไพร่นายทั้งซ้ายขวา พวกฝรั่งยังไม่แจ้งแห่งเรามา จะพูดจาคิดอ่านประการใด ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์พร้อมน้อมนอบตอบสนอง แล้วแต่ต้องพระปัญญาอัชฌาสัย ด้วยเผ่าพงศ์วงศ์วานการข้างใน อันพวกไพร่พรั่นพระราชอาชญา นางเห็นจริงนิ่งตรึกจารึกสาร คิดว่าขานเขียนความตามประสา ฉบับหนึ่งถึงกษัตริย์ภัสดา แล้วตีตราพับปิดผนิดดี ฉบับสองถึงละเวงวัณฬาราช เนื้อความพาดถึงผการำภาสะหรี ฉบับสามถามนุชาด้วยปรานี ฉบับสี่ให้โอรสยศไกร เลือกแต่งนางช่างพูดเป็นทูตถือ นำหนังสือศุภสารไปขานไข มีเครื่องยศงดงามตามข้างใน พวกสาวใช้เชิญตามให้งามยศ ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์จัดรถาแห่หน้าหลัง ทั้งแตรสังข์ตามธรรมเนียมตระเตรียมหมด แล้วเชิญพานสารตั้งบัลลังก์รถ มีกลิ้งกลดชุมสายถือรายเรียง ฯ ๏ ฝ่ายนารีที่เป็นทูตช่างพูดเพราะ จะทะเลาะชาวลังกากินยาเสียง มาแต่เมืองเครื่องหอมมีพร้อมเพรียง ขึ้นนั่งเตียงแต่งตัวให้ยั่วยวน ตั้งคันฉ่องส่องหวีเกศีเส้น มีขนเม่นน้อยน้อยสอยสงวน ไรจุกดิบกริบผมพอสมควร เอาแป้งนวลผัดหน้าด้วยมาไกล นุ่งลายอย่างช่างจีบกลีบสลับ ห่มสีทับทิมทองดูผ่องใส แล้วทูลลาพาเหล่านางสาวใช้ เดินออกไปที่รถาขึ้นหน้ารถ พวกเกณฑ์แห่แตรสังข์ประดังเสียง เครื่องสูงเคียงกรรชิงทั้งกลิ้งกลด สาวใช้นางย่างเยื้องเชิญเครื่องยศ พลางแห่รถข้ามทุ่งเข้ากรุงไกร ถึงประตูบูรีที่ประทับ จึงหยุดยับยั้งแจ้งแถลงไข แล้วบอกกล่าวข่าวสารท่านข้างใน เร่งทูลให้ทราบความตามสำเนา ฯ ๏ นายประตูรู้จำเอาคำสั่ง ไปในวังเล่าตามเนื้อความเขา พวกท้าวนางต่างว่าฉาวแล้วชาวเรา รีบเข้าเฝ้าทูลแถลงแจ้งกิจจา บัดนี้พระมเหสีผู้มียศ กับโอรสบุตรีมียศถา เสด็จตามข้ามฝั่งมาลังกา อยู่พลับพลาพลพร้อมล้อมพระองค์ แต่งสตรีมีชื่อมาสื่อสาร จะว่าขานข้อความตามประสงค์ แม้รับเฝ้าก็จะเข้ามาเฝ้าองค์ มิรับคงจะเข้ามาไม่ช้าที ฯ ๏ พระอภัยให้หาน้องกับโอรส มาพร้อมหมดทั้งวัณฬามารศรี พลางปรึกษาว่าคงฉาวแล้วคราวนี้ นางมาลีหล่อนช่างพาลูกมาตาม จะหวงหึงดึงดื้อถือทิฐิ เขาแล้วสิใจเพชรไม่เข็ดขาม เชิญพระน้องลองออกไปบอกความ ช่วยห้ามปรามให้เขากลับกองทัพไป ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นอายทูลบ่ายเบี่ยง แต่มาเพียงนี้นั่งยังไม่ไหว ให้เมื่อยเหน็บเจ็บกายทุกหายใจ จงโปรดให้สินสมุทรไปพูดจา ฯ ๏ สินสมุทรทรุดหมอบตอบสนอง ฉันยังย่องไม่ถนัดให้ขัดขา แต่ทาไพลไม่หายหลายเวลา พลางนิ่วหน้านวดเพลาเข้ากระบวน ฯ ๏ พระอภัยได้ยินสินสมุทร กับหน่อนุชน้องนั้นแกล้งผันผวน พลางเอนองค์ลงเสียบ้างอย่างประชวร ทำปวดมวนไม่สร่างครางฮือฮือ ฯ ๏ นางวัณฬาว่าคราวนี้สิ้นที่พึ่ง เขามาถึงทูนหัวกลัวเขาหรือ เมื่อเกี้ยวพานทานบนแต่ต้นมือ ว่าจะถือเพศฝรั่งอยู่ลังกา เป็นขาดญาติขาดมิตรเหมือนปลิดปลด ไม่ร่วมรสร่วมชาติศาสนา เดี๋ยวนี้เขาเอาหนังสือให้ถือมา ไม่บัญชาทำประชวรแกล้งครวญคราง หรือจะใคร่ให้หม่อมฉันไปกรานกราบ โปรดให้ทราบสารพัดไม่ขัดขวาง จะให้เขาเข้ามาหึงจนถึงปรางค์ ก็ผิดอย่างยิ่งจะช้ำระกำกรม เป็นอันขาดชาตินี้แล้วชีวิต ไม่ขอคิดสักเท่าซีกกระผีกผม แต่เจ็บใจได้ทะนงเพราะหลงลม นางซบก้มพักตราโศกาลัย ฯ ๏ พระดูนางรางควานให้ลานรัก ประคองพักตร์ผูกจิตพิสมัย ปลอบประโลมโฉมละเวงด้วยเกรงใจ นี่คือใครทิ้งสัตย์เฝ้าขัดเคือง ทุกวันนี้พี่ก็ว่าเป็นฝรั่ง ให้ชิงชังชาวชมพูเบื่อหูเหือง แต่เขารื้อดื้อดึงมาถึงเมือง ให้มีเรื่องสารามาพาที จึงสู้นิ่งชิงชังไม่ฟังสาร เพราะขี้คร้านพบปะสละหนี ยังโกรธเกรี้ยวเขี้ยวเข็ญไม่เห็นดี จะให้พี่คิดอ่านประการใด ดวงสมรสอนสั่งมั่งสิเจ้า จะขับเขาหรือจิตจะคิดไฉน อันตัวพี่นี้ไม่ห้ามจะตามใจ ว่าอย่างไรคงจะช่วยว่าด้วยกัน ฯ ๏ นางว่าชะพระองค์ช่างทรงสัตย์ ไม่อาจขัดแต่งแก้ให้แปรผัน ถ้ามิเลี้ยงเที่ยงแท้แน่กระนั้น ให้สาวสรรค์ไปเอาสารมาอ่านฟัง จึงตัดรอนค่อนว่าให้สาหัส แม้ขืนขัดขู่ขับให้กลับหลัง เมื่อหวงหึงถึงหม่อมฉันดันทุรัง ก็ไม่ฟังจะขอฝากฝีปากไป ฯ ๏ พระพลอยว่าถ้าสู้สองต่อสอง คงแพ้น้องมั่นคงไม่สงสัย จะฟังคำทำตามน้องทรามวัย ให้ใครไปรับสารมาอ่านดู ฯ ๏ นางรับรสพจมานพระผ่านเกล้า จึงสั่งเถ้าแก่ว่าน่าอดสู ช่วยพาเหล่าสาวใช้ไปประตู พูดกับผู้ที่ถือหนังสือมา ว่ารับสั่งบังคับให้รับสาร เข้ามาอ่านที่ในวังด้วยกังขา เถ้าแก่รับเสาวนีย์ชลีลา แล้วเรียกข้าหลวงออกไปนอกวัง เห็นรถทรงราชสารทหารแห่ อยู่เซ็งแซ่ซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง จึงบอกทูตพูดเสียงสำเนียงดัง มีรับสั่งให้มาถามตามโบราณ ว่าสารามาเดี๋ยวนี้กี่ฉบับ โปรดให้รับไปปราสาทราชฐาน ท่านอยู่ทิมริมวังคอยฟังการ ส่งแต่สารมาให้เราจะเอาไป ฯ ๏ ฝ่ายนารีที่เป็นทูตเห็นพูดผิด จึงแกล้งคิดเอาให้เก้อเออไฉน ส่วนสารเจ้าเราแห่มาแต่ไกล ตามวิสัยกษัตราทุกธานี ควรหรือใช้ให้ขี้ข้าออกมารับ ไม่มีเครื่องสำหรับรับสารศรี ไม่ยำเยงเกรงอาญาฝ่าธุลี หรือเชื่อดีที่ว่าได้ไว้ในมือ เจ้าของกูเป็นคู่ราชาภิเษก ไม่เป็นเอกยิ่งกว่าลังกาหรือ ชาติฝรั่งฟังเขาพูดเล่าลือ ว่าด้านดื้อได้มาเห็นเหมือนเช่นมึง ทั้งเจ้านายหมายสมอารมณ์คิด จะแกล้งปิดปักกะตูเขารู้ถึง ไม่ต่ำต้อยน้อยหรือทำดื้อดึง หรือพวกมึงหมายว่าไม่ใช่เชลย ไม่แห่รับนับถือหนังสือสาร ราชการกูเป็นสูญจะทูลเฉลย หยิบหนังสือถือเอาไปกูไม่เคย อย่าช้าเลยไปแถลงให้แจ้งความ ฯ ๏ นางฝรั่งคั่งแค้นแสนสาหัส จะตอบตัดตามติดก็คิดขาม จึงว่าทูตพูดอะไรฟังไม่งาม ลิ้นลมลามเหลือตัวไม่กลัวเกรง อย่าพูดมากปากจะอมส้มไม่ได้ กูมิใช่ชาติเชลยเคยข่มเหง อย่าประมาทชาติฝรั่งใส่กังเกง จะเท้งเต้งตัวเปล่าตามเจ้านาย แล้วหน้าเง้าเข้าในวังกำลังโกรธ ต่างกล่าวโทษทูลตามความทั้งหลาย นางโฉมยงทรงทราบที่หยาบคาย สั่งขรัวนายช่วยประกอบให้ชอบที จัดพานทองรองสารใส่คานหาม ให้สมตามยศพระมเหสี ไม่เคยแห่แต่โบราณสารสตรี แม้นมันมิให้รับขับมันไป อีพวกเราเจ้าคารมมีถมอยู่ ออกไปสู้เขาสิวะเป็นไฉน เจ้าขรัวนายหมายสั่งพวกข้างใน จัดวอใหม่ผูกม่านตั้งพานทอง แล้วเลือกเหล่าสาวสำอางที่คางเพชร ไปแก้เผ็ดนางพวกทูตพูดจองหอง ให้โขลนหามตามแห่มาแซ่ซ้อง ครั้นถึงร้องเรียกทูตพูดสำทับ นี่แน่เจ้าชาวผลึกเป็นปึกแผ่น เครื่องแห่แหนสารศรีมีสำหรับ ส่งสารามาเถิดเจ้าเรามารับ หรือไม่ให้จะได้ขับเจ้ากลับไป ฯ ๏ ทูตผลึกฮึกเหิมว่าเริ่มแรก เจ้าเจ้าแปลกเมืองผลึกแล้วนึกได้ ให้วอทองรองพานเชิญสารไป พอจะให้ตามอย่างทางโบราณ แต่พวกเจ้าเหล่านี้อีขี้ข้า มิเข้ามาอภิวาทราชสาร ใส่ด้วยบทกฎหมายถึงวายปราณ เร่งกราบกรานรับพระเสาวนีย์ ฝรั่งรุมทุ่มเถียงขึ้นเสียงแซ่ ตัวถือแต่สารพระมเหสี เราถือรับสั่งลังกาพระสามี ไม่ต้องที่คำนับรับสารา นางทูตเถียงเยี่ยงอย่างแต่ปางก่อน เจ้านครมีกำหนดด้วยยศถา นี่ตัวเป็นเช่นแต่ไพร่เจ้าใช้มา ไม่วันทาโทษมีตีให้ยับ ฯ ๏ นางฝรั่งบ้างก็แพ้บ้างแก้คล้อย ถึงผู้น้อยก็ต้องทำตามตำรับ แม้ส่งสารมาเมื่อไรเราได้รับ จะคำนับหนังสือไม่ถือตัว นี่ท่านทูตพูดจาชักหน้าเง้า ดูมัวเมามึนตึงเหมือนหึงผัว หรือผู้ชายรายเรือเขาเบื่อตัว ต้องยกครัวข้ามฝั่งมาลังกา เร็วเร็วเข้าเราจะรับราชสาร พูดป่วยการเก่งกาจไม่ปรารถนา บ้างก็ว่าแต่ชั้นสารก็มารยา ยังมีหน้าอภิเษกเป็นเอกองค์ ฯ ๏ ทูตผลึกฮึกเหิมซ้ำเติมตอบ จนหิวหอบเสียงแห้งเป็นแป้งผง คะข้าเจ้าเปล่าทรวงให้ง่วงงง ชายไม่ปลงจิตหมายเพราะร้ายแรง จึงอุส่าห์หาหมอขอเสน่ห์ อุปเท่ห์ร้อยแปดยาแฝดแฝง จนหลงใหลไม่คลาดไม่ขาดแคลง ถึงปลอมแปลงเปลี่ยนหน้าสารยำ เป็นผู้หญิงชิงผัวเขายั่วเย้า เหมือนแกงข้าวขอชิมไม่อิ่มหนำ ต้องเจ็บอกยกครัวตัวเจ้ากรรม ต้องระยำยุ่งเก๋เหมือนเทครัว เราโกรธขึ้งหึงคู่เพราะผู้หญิง ไม่เหมือนชิงผัวเขาเถียงเจ้าผัว ไม่อดสูรู้สึกสำนึกตัว เขาลือชั่วชาติทมิฬลิ้นลังกา แล้วเชิญสารใส่พานทองประคองตั้ง พวกฝรั่งบังคมก้มเกศา รับขึ้นวางกลางวอแล้วรอรา ต่างตอบว่าฝรั่งนี้ยังมีอาย เขาขอสู่อยู่กับที่จึงมีผัว มิใช่ตัวดิ้นรนเที่ยวขวนขวาย ก็ชายทิ้งหญิงตะกลามเที่ยวตามชาย ไม่มีอายดอกหรือไรจะใคร่รู้ อันฝรั่งลังกาใครมาเกี้ยว ก็ผัวเดียวเมียเดียวเจียวทุกคู่ มิฟั่นเฟือนเหมือนเหล่าชาวชมพู ประเดี๋ยวชู้ประเดี๋ยวผัวดูพัวพัน ฯ ๏ นางทูตตอบชอบอยู่ชมพูภพ เป็นคู่คบร่วมชีวาจนอาสัญ ด้วยเมียชู้คู่ความย่อมตามกัน จึงผูกพันภัสดาด้วยอาลัย ใครชิงคู่สู้ตามไม่ขามเข็ด คงแก้เผ็ดมันให้สาเลือดตาไหล ถึงเสียทองเท่าตัวเสียหัวไป แต่มิให้เสียผัวสู้ตัวตาย ดูเยี่ยงเขาชาวลังกาไม่หาผัว เพราะล้อมรั้วรักเพื่อนซ่อนเงื่อนสาย แต่เขารู้อยู่ว่าตับเจ้ากลับกลาย ไม่ง้อชายเชื่อเพื่อนก็เหมือนกัน จนเมืองอื่นตื่นมาอาสารบ เจ้าเคยคบทุกทิศไม่บิดผัน พอพบเห็นเป็นจำนำแล้วกำนัล นั่นแล้วนั่นนั่นแลเจ้าข้าเข้าใจ ประเดี๋ยวนี้ที่มาอยู่ชู้หรือผัว จะออกตัวหรือจะปิดคิดไฉน หรือผูกขาดมาดหมายไม่ขายใคร ไม่อายใจเจ้าของบ้างหรือนางงาม ฯ ๏ พวกฝรั่งสั่งลำว่าน้ำหน้า มันจะมาแก้เผ็ดไม่เข็ดขาม เที่ยวหึงหวงล่วงว่าเป็นบ้ากาม ไยมิล่ามเชือกผัวของตัวไว้ ทั้งผู้ดีขี้ข้าก็หน้าแห้ง ออกเต้นแร้งเต้นกาเลือดตาไหล ทะเลาะพลางนางฝรั่งเข้าวังใน ตามกันไปปรางค์มาศปราสาททอง จึงเชิญพานสารศรีทั้งสี่ฉบับ ขึ้นคำนับบาทมูลทูลฉลอง แล้วเล่าความตามพูดทูตเป็นรอง นางยิ้มย่องหยิบสารบนพานมา มีตรานอกบอกตรงขององค์นั้น สารสำคัญจะใคร่ฟังที่กังขา จึงแจกไปให้โอรสอนุชา แล้ววัณฬาถวายองค์พระทรงธรรม์ แต่ของนางวางไว้ยังไม่อ่าน เห็นจะพานเผ็ดร้อนค่อยผ่อนผัน พระอภัยได้สารทรงอ่านพลัน ว่าหม่อมฉันอภิวาทบาทมูล คอยเสด็จเจ็ดปีเข้านี่แล้ว จะกวาดแผ้วไพรินให้สิ้นสูญ ชาวชมพูสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร ได้เพิ่มพูนพึ่งพาพระบารมี เหตุไฉนไม่กลับทัพทหาร คืนไปผ่านพิภพอยู่ชมพูศรี พระศาสนาสามัญทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครบำรุงให้รุ่งเรือง พฤฒามาตย์ราษฎรเดือดร้อนสิ้น อกแผ่นดินจะเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง ทั้งประเทศเขตแดนให้แค้นเคือง ก็เพราะเรื่องรบพุ่งกรุงลังกา เดี๋ยวนี้พระจะมาอยู่กับชู้ชื่น เหมือนกับฟื้นโลกธาตุศาสนา อันลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา กับสุดสาครเศร้าทุกเช้าเย็น ทูลกระหม่อมจอมทวีปประทีปแก้ว มาลับแล้วก็ไม่มีที่จะเห็น แม้ตัดชาติขาดเสร็จเด็ดกระเด็น ใครจะเป็นปิ่นกษัตริย์ในปัถพี จึงออกแขกแบกหน้าตามมาเฝ้า แม้โปรดเกล้ากลับไปอยู่ชมพูศรี โอรสาข้าพระบาทราชบุตรี จะได้มีผาสุกสิ้นทุกคน อันครั้งนี้มิกลับไม่นับเนื้อ จะถือเชื้อชาติหญิงในสิงหล โปรดประทานผลาญชีวิตให้วายชนม์ จึงจะพ้นเคืองขัดพระหัทยา แม้ชีวีมีอยู่เป็นผู้หญิง สุดจะทิ้งทูลเกศพระเชษฐา ถ้าตัวตายหมายจะฝังไว้ลังกา แม้เมตตาแล้วจงกลับกองทัพไป ฯ ๏ พระทรงอ่านสารสิ้นถวิลหวัง จะกลับหลังแล้วพะวงให้หลงใหล เห็นโฉมยงองค์ละเวงยิ่งเกรงใจ ถอนฤทัยเศร้าทรวงให้ง่วงงง ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นก็อ่านสารอักษร ว่าอวยพรภูวนาถดังราชหงส์ ควรสิงสู่คูหารักษาองค์ หรือมาหลงแกมกาที่สาธารณ์ นางห้ามแหนแสนสนมในรมจักร ล้วนอุดมสมศักดิ์อัครฐาน มาคบหาทาสีสตรีพาล ไม่สงสารอัคเรศเกษรา แรกพระองค์ลงเรือมารบด้วย หมายจะช่วยชูเดชพระเชษฐา ยังมิหนำซ้ำมาจัดให้นัดดา เสวยฝาหรั่งพลอยอร่อยใจ จะอยู่จริงทิ้งเพศประเทศถิ่น ไม่ถือศิลเสียแล้วหรือมาถือไสย ขอทราบความตามประสงค์จำนงใน จะบอกไปรมจักรนัครา ฯ ๏ พอจบคำรำลึกนึกขึ้นได้ ตกพระทัยกลัวจะขาดพระศาสนา นึกประเดี๋ยวเฉียวฉุนด้วยคุณยา รักรำภาพูดแก้ที่แผลเป็น พี่สุวรรณมาลีนี้ขี้หึง สักหน่อยหนึ่งก็จะนำมาทำเข็ญ แต่พวกเรานี้วิสัยเขาใจเย็น หึงไม่เป็นปากก็หง่อยดังหอยปู ฯ ๏ นางรำภาว่าแต่ศรีพี่สะใภ้ ยังเสียวไส้เหลือแล้วถึงแก้วหู แม้นงลักษณ์อัคเรศสังเกตดู จะข่มขู่ให้ช้ำระกำตรม คงออกฉาวคราวนี้ไม่ลี้ลับ จะสมกับตรัสไว้หรือไม่สม พระตอบคำร่ำว่าอย่าปรารมภ์ มิให้ข่มเหงเราชาวลังกา ฯ ๏ สินสมุทรคลี่สารออกอ่านมั่ง ว่าแม่ตั้งแต่จะคอยละห้อยหา จึ่งพาน้องสองพระอนุชา ติดตามมาหมายจะพบประสบกัน เห็นแต่พ่อหน่อนาถแล้วชาตินี้ จะเผาผีมารดาเมื่ออาสัญ จะปลูกฝังตั้งจิตคิดทุกวัน ให้สืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี ที่ควรคู่สุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ แม่หมายจัดไว้เป็นเอกภิเษกศรี อย่าปนแปดแพศยาหญิงกาลี จะราคีขัดข้องไม่ต้องการ เอ็นดูแม่แต่ให้สมอารมณ์หวัง ได้ปลูกฝังฟักฟูมเป็นภูมิฐาน เข้าอยู่วังลังกาก็ช้านาน มาหามารดามั่งจะนั่งคอย ฯ ๏ พออ่านสิ้นสินสมุทรสุดสังเวช น้ำพระเนตรหยดเหยาะลงเผาะผอย สงสารน้องสองสุดานุชาน้อย พากันพลอยเหนื่อยยากลำบากมา กลับรู้สึกนึกคิดผิดทุกสิ่ง มารักหญิงยาแฝดแพศยา ลุกขยับกลับใจจะไคลคลา นางผกากุมพระหัตถ์สะบัดมือ ครั้นเห็นหน้ายามนต์เข้าดลจิต ให้กลับคิดรักใคร่ทำไขสือ จะไปห้องน้องนุชเฝ้าฉุดมือ แล้วก็รื้อหมอบกรานแอบม่านบัง ฯ ๏ นางยุพาว่าหม่อมฉันเห็นกันแสง นึกว่าแปลงเปลี่ยนสัตย์พลัดเป็นถัง พระราชสารมารดาฉันน่าฟัง จะปลูกฝังฝากผีพิรี้พิไร จะหาคู่สุริย์วงศ์พระองค์เอก อภิเษกปีนี้หรือปีไหน เมื่อไรจ๊ะพระเจ้าพี่ฉันดีใจ ที่ตรัสไว้เห็นจะกลายเมื่อปลายมือ ฯ ๏ สินสมุทรยุดหยอกบอกว่านี่ มิใช่พระมเหสีของพี่หรือ คนเขารู้อยู่ทั้งเมืองออกเลื่องลือ คือหล่อนชื่อแม่ยุพาพะงางอน รูปก็งามนามก็เพราะฉอเลาะเหลือ แก้มก็เจือจันทน์จรุงปรุงเกสร แต่ว่าเขาชาวฝรั่งนะบังอร นางคมค้อนขวยเขินสะเทินที ฯ ๏ นางละเวงเกรงความจะหยามหยาบ แต่อยากทราบทรงอ่านดูสารศรี ว่าโฉมยงองค์สุวรรณมาลี เจริญราชไมตรีนีฤมล ถึงโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช กษัตริย์ชาติเชื้อหญิงในสิงหล เหมือนจามรีที่รู้จักรักษ์สกนธ์ ไม่แปดปนต่างภาษาเป็นราคี ไปรบพุ่งกรุงผลึกเป็นศึกสู้ คนเขารู้เฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี ได้ภิเษกเอกฉัตรสวัสดี หรือไม่มีการเมืองให้เลื่องลือ ทั้งลูกสาวบ่าวไพร่ได้ภิเษก ร่วมเสวกฉัตรเดียวกันเจียวหรือ ล้วนรุ่นราวสาวทึนทึกได้ฝึกปรือ เป็นชักสื่อสายสนล้วนคนเคย ร้อยภาษามาประชุมล้วนหนุ่มแน่น ไม่เป็นแก่นสารปละสละเฉย เดี๋ยวนี้ปะพระอภัยกระไรเลย เธอช่างเชยชอบเชิงละเลิงลืม สมคะเนเทครัวเข้ามั่วสุม เป็นรักรุมรวมรักเฝ้าปลักปลื้ม เที่ยวชิงรักหักดิบไม่หยิบยืม จะทำลืมเสียแล้วหรือด้วยถือตัว ธรรมดานารีผู้ดีไพร่ เมียน้อยไหว้กราบเขาเจ้าของผัว นี่เห็นถูกหยูกยาหูตามัว จึงตั้งตัวสูงเสริมเห็นเหิมฮึก อันเป็นหญิงชิงคู่เขาชูชื่น เหมือนกล้ำกลืนของสำลักมักสะอึก ช่วยเตือนใจให้จำรู้สำนึก จงตรองตรึกรับพระเสาวนีย์ แม้คิดทราบบาปบุญที่คุณโทษ อย่าตอบโกรธกราบประณตบทศรี จะไว้หน้าตามประสาเป็นนารี ถ้าเกินดีก็จะได้ผิดใจกัน ฯ ๏ นางฟังเรื่องเคืองคำชุบน้ำฉีก ช่างตีปีกค่อนขอดยอดขยัน แล้วทูลองค์ทรงยศประชดประชัน เขาว่าฉันชิงผัวไม่กลัวเกรง พระผ่านเกล้าเล่าก็ตรัสให้สัตย์ไว้ ว่ามิให้ชาวผลึกฮึกข่มเหง เดี๋ยวนี้เล่าเขาก็ขืนมาครื้นเครง แม้มิเกรงภูวไนยก็ไม่ลด จะตอบต่อข้อความให้งามหน้า ให้เลือดตาตกเผาะเหยาะเหยาะหยด น้อยหรือชะจะให้ไปไหว้ประณต มาไว้ยศยังกะว่าเป็นข้าไท นี่เนื้อเคราะห์เพราะพระองค์จึงหลงถ้อย ต้องเป็นน้อยนึกน่าน้ำตาไหล จะออกโอษฐโปรดปรานประการใด จะกลับไปหรือจะอยู่พระภูธร ฯ ๏ พระว่าพี่นี้ไม่เข้ากับเขาดอก เขามันนอกรีตฝรั่งไม่ฟังสอน เฝ้ารบกวนจวนจะแก่ยิ่งแง่งอน เจ้าคิดค่อนขอดว่าให้สาใจ พี่จะทำคำตัดสลัดสละ ไม่ปนปะเป็นมิตรพิสมัย แล้วสั่งพระอนุชาพากันไป คิดแก้ไขคำตอบให้ชอบเชิง ฯ ๏ พระรับรสพจนาทั้งอาหลาน ตาลีตาลานลืมองค์ด้วยหลงเหลิง ต่างเข้าห้องทองบรรทมภิรมย์เริง นางรู้เชิงชวนชิดสนิทใน ฯ ๏ ฝ่ายนางพวกช่างพูดทูตผลึก ต่างเหิมฮึกมาพลับพลาที่อาศัย ทูลแถลงแจ้งความนางทรามวัย เหมือนดังได้ด่าฝรั่งแล้วบังคม ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลียินดีด้วย ข้าหลวงช่วยด่าว่าให้สาสม โปรดประทานส่านสุหรัดแล้วตรัสชม เจ้าคารมรู้หึงให้ถึงใจ จะคอยฟังครั้งนี้อีฝรั่ง มันจะตั้งปึ่งชาว่าไฉน นางนึกแค้นแสนขัดหัดสาวใช้ ให้เข้าใจหึงผัวทุกตัวคน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสมร ปิ่นนิกรเกศหญิงในสิงหล ไม่เคยทราบหยาบคายซังตายทน ยิ่งอั้นอ้นโอ้ว่ากรรมช่างจำเป็น ประดาเสียเมียน้อยนี่ร้อยชาติ เป็นอันขาดไม่ขอคบก็พบเห็น ความเจ็บแสบแทบพาเลือดตากระเด็น ถ้าใครเป็นเช่นข้าจะว่าจริง เมื่อคราวชื่นกลืนฉ่ำดังน้ำวุ้น คราวเฉียวฉุนเช่นกับยามหาหิงคุ์ เจ็บคารมคมปากเหมือนทากปลิง เขาว่าชิงผัวเขาให้เราอาย แต่ความในใจจริงก็ชิงเขา เนื้อความเรามันจึงเสียเขาเบี้ยหงาย จะเกลื่อนกลบทบทับให้กลับกลาย พอแก้อายหมู่อำมาตย์ราษฎร จึงคิดทำคำตอบประกอบแก้ ให้เป็นแต่ไฟสุขุมเหมือนสุมขอน แล้วแอบองค์ทรงฤทธิ์คิดชะอ้อน ทรงอักษรตอบประทานหม่อมฉานชม ฯ ๏ พระอภัยใจปลื้มไม่ลืมอิ่ม แต่เฝ้าชิมเชยชิดสนิทสนม เสนหาพาเหิมเคลิ้มอารมณ์ รู้สึกสมประดีกลับจับกระดาน ประดิษฐ์คำทำร่างให้นางชอบ เป็นความตอบตัดรักหักประหาร นางแต่งแต้มแซมซ้ำคำประจาน พระโปรดปรานเขียนความให้ตามใจ จนเสร็จสรรพพับส่งให้นงลักษณ์ ประคองพักตร์เชยชิดพิสมัย พูดภาษาฝรั่งช่างพิไร เฝ้าลูบไล้เลียมรักสะพักพิง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาเวลาค่ำ ยิ่งรักรำภาสะหรีด้วยผีสิง นางนั่งแนบแอบชะอ้อนเฝ้าวอนวิง แม่โปรดจริงพระจงทำคำสารา ให้สมตรัสตัดให้ขาดทั้งญาติมิตร จะสนิทถนอมรักให้หนักหนา พระเขียนความตามคำให้รำภา แล้วตรัสว่าพี่ก็ปละสละทิ้ง แต่รู้จักรักรู้มีชู้สาว ที่รุ่นราวคราวกันสักพันหญิง พี่รักเขาเล่าก็มีอยู่ที่จริง แต่ไม่ยิ่งยอดอย่างนางรำภา ถึงสมบัติพัสถานการอื่นอื่น ก็ไม่ชื่นเหมือนปรางนางซ้ายขวา พลางยิ้มยวนชวนชิดแนบนิทรา จนเบื่อว่าอัศจรรย์ทุกวันคืน ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรก็สุดหลง เขายุยงสารพัดไม่ขัดขืน รักยุพาฝรั่งดังจะกลืน ในกลางคืนคิดทำคำสารา ชอบใจนางอย่างไรก็ไม่ขัด เป็นความตัดเผ่าพงศ์พระวงศา แล้วเขียนอ่านทานสอบชอบอัชฌา ให้ยุพาพับปิดผนิดเนียน ฯ ๏ ครั้นรุ่งรางนางผการำภาสะหรี เอาสารศรีสองพระองค์ที่ทรงเขียน มาถวายนางวัณฬาหน้ามนเทียร ไม่ติเตียนคำตอบชอบพระทัย จึงสั่งนางเถ้าแก่อย่าแห่แหน เป็นตอบแทนทางความตามวิสัย บอกขุนนางข้างหน้าให้ม้าใช้ เอาไปให้กองทัพแล้วกลับมา ฯ ๏ เถ้าแก่น้อมพร้อมคำนับแล้วรับสาร ประคองพานเยื้องย่างไปข้างหน้า บอกสนมกรมวังสั่งกิจจา เร่งจัดม้าใช้ไปให้กองทัพ ฯ ๏ ฝ่ายม้าใช้ได้หนังสือถือรับสั่ง เผ่นขึ้นหลังพาชีเตือนตีขวับ ม้าก็เต้นเผ่นน้อยซอยยับยับ มาถึงทัพเล่าแถลงแจ้งกิจจา ให้สารศรีสี่ฉบับแล้วกลับหลัง มาเวียงวังแจ้งความตามประสา ฝ่ายพวกพ้องกองทัพรับสารา มาวันทาทูลองค์นางนงคราญ ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ ให้เคืองขัดในวิญญาณ์ไม่ว่าขาน สั่งเสนาอาลักษณ์พนักงาน จงอ่านสารสินสมุทรสุดอาลัย ฯ ๏ อาลักษณ์รับอภิวาทราชสาร พลางคลี่อ่านจะแจ้งแถลงไข ว่าสารทรงองค์โอรสยศไกร ให้ทราบใต้ฝ่าพระบาทมาตุรงค์ มาอยู่วังลังกาอาณาจักร ได้คู่รักร่วมอารมณ์สมประสงค์ พระบุตรีศรีสวัสดิ์ขัตติยวงศ์ พอสมพงศ์สมพักตร์ศักดิ์ตระกูล อันพงศ์เผ่าที่อยู่ชมพูทวีป จนสิ้นชีพสิ้นชาติเป็นขาดสูญ ไม่นับเนื้อเชื้อวงศ์พงศ์ประยูร จึงจำทูลเสียให้เสร็จสำเร็จการ ขอเชิญกลับเสียเถิดประเสริฐกว่า แม้อยู่ช้าเห็นจะฉาวจนร้าวฉาน ถ้ารักองค์จงเหือดที่เดือดดาล อย่าก่อการเกินไปจะได้อาย ฯ ๏ พอจบคำช้ำจิตผิดสังเกต น้ำพระเนตรหลั่งไหลพระทัยหาย สินสมุทรสุดสุภาพไม่หยาบคาย นี่ดีร้ายอีฝรั่งสิ้นทั้งนั้น โอ้ลูกเอ๋ยเลยหลงลืมวงศ์ญาติ เหมือนตัดขาดเกศาแม่อาสัญ สะอื้นร่ำพร่ำว่าแล้วจาบัลย์ อุสาห์กลั้นกลัวจะขาดราชการ ฯ ๏ จึงให้อ่านสารศรีสุวรรณราช ว่าอุปราชลังกามหาสถาน แจ้งพี่นางต่างมีรสพจมาน ด้วยหม่อมฉานฉุนคิดอนิจจัง ชาวชมพูทั้งบูรีไม่มีสัตย์ สบถสะบัดเสียประเดี๋ยวไม่เหลียวหลัง ทั้งถือผิดคิดรังเกียจให้เกลียดชัง ฝ่ายฝรั่งถือศิลสิ้นทุกคน มีผัวเดียวเมียเดียวไม่เลี้ยวลด ไม่โป้ปดลวงล่อคิดฉ้อฉล จึงมาอยู่สู่สุขสิ้นทุกคน ไม่กังวลวงศ์ญาติเป็นขาดกัน เขาจะตรงลงนรกที่หมกไหม้ ฉันจะไปสู่สถานพิมานสวรรค์ จึงตัดเสียเมียลูกไม่ผูกพัน เป็นขาดกันแล้วอย่าอ้างเหมือนอย่างเคย ฯ ๏ พอจบเรื่องเคืองขัดจึงตรัสว่า แม่เกษราแม่อรุณแม่คุณเอ๋ย อยู่หาไหนไม่มาฟังเธอมั่งเลย ลูกไม่เคยสุดขืนกลืนน้ำตา จะเก็บไว้ให้ฟังสิ้นทั้งสอง จะได้ร้องไห้รักให้หนักหนา แล้วอ่านสารสำคัญของวัณฬา เจ้าลังกาปิ่นเกศนิเวศน์วัง มาถึงพระมเหสีบุรีผลึก อย่าเหิมฮึกหึงสาเป็นบ้าหลัง ก็ย่อมรู้อยู่ทุกสิ่งที่จริงจัง เพราะเพลี่ยงพลั้งลึกซึ้งต้องถึงตัว มิใช่ข้าหาสัดจองไปท่องเที่ยว ถึงน้ำเขียวขึ้นบนเกาะเที่ยวเสาะผัว คิดความหลังมั่งเถิดเจ้าอย่าเมามัว ตัวของตัวเมื่อเป็นสาวก็ฉาวลือ อุศเรนพี่ของเราขอเจ้าได้ เจ้ามิใช่มเหสีพระพี่หรือ กลับมีชู้สู่ผัวไม่กลัวมือ ยังจะถือตัวดีหรือพี่สะใภ้ ว่าชิงผัวชั่วช้าส่วนฆ่าผัว มันไม่ชั่วมั่งดอกหรือถือไฉน จนเกิดยุครุกรบทั้งภพไตร ก็เพราะใครเล่าขานางมาลี แพศยาฆ่าคู่เขารู้ทั่ว ไปลักผัวนางผีเสื้อลงเรือหนี ส่วนตัวแสนแค้นว่าข้าชิงสามี ส่วนฆ่าพี่เขาสิไม่ให้เขาแค้น พระทรงยศอดสูมิอยู่ด้วย ยังแร่รวยลามล่วงมาหวงแหน แต่ผัวนางข้างหนึ่งก็หึงแทน เจ้ามันแสนสันทัดได้หัดปรือ มาตามเก้อเธอก็ไม่ออกไปหา จะให้ข้าอุ้มพระองค์ไปส่งหรือ มาโกรธาหน้ามืดทำฮืดฮือ ยังด้านดื้อว่าเป็นผัวไม่กลัวอาย จงมาขุดอุศเรนไปเป็นคู่ พระนี้ชู้มิใช่ผัวอย่ามัวหมาย สงสารเจ้าเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย แม้เป็นชายจะช่วยโลมนางโฉมงาม ให้หายเหือดเดือดดิ้นถวิลสวาท เป็นพระราชสามีอยู่ที่สาม มิใช่เช่นเป็นเชลยไม่เคยลาม ยิ่งหยาบหยามยิ่งจะซ้ำระยำยับ เหมือนหยั่งน้ำเห็นปลิงจริงนะเจ้า นัยน์ตาเขาลืมได้มิใช่หลับ พี่มาลีศรีผลึกกินลึกลับ อย่าให้น้องต้องขับจงกลับไป ฯ ๏ พอสารจบสบเจ็บให้เหน็บแน่น ยิ่งแสนแค้นดังเขาเชือดเอาเลือดไหล มันเติมแต้มแนมเหน็บน่าเจ็บใจ ชะกระไรหนอกระนี้อีละเวง เห็นผัวรักซักถามเอาความหลัง กระทบกระทั่งทับถมจะข่มเหง ทะเลาะเราเจ้าผัวไม่กลัวเกรง มันชั่วเองว่าเขาเป็นเหมือนเช่นตัว ชะได้เชือดเลือดเนื้อเถือเป็นชิ้น กูจะกินเสียจริงจริงอีชิงผัว มาอ้างความสามสองให้หมองมัว เขารู้ทั่วตัวของมันสักพันชาย แล้วให้อ่านสารองค์พระทรงเดช จะโปรดเกศอนุกูลหรือสูญหาย แต่เพียงนี้นี่ก็เบื่อเหลือละอาย จะได้ตายเสียให้แล้วได้แคล้วกัน พนักงานอ่านเนื้อความออกตามเรื่อง พระมิ่งเมืองจอมลังกามหาสวรรย์ ด้วยทราบตามความขำที่สำคัญ นางสุวรรณมาลีที่มีคาว เหมือนเต่าใหญ่ไข่ปิดให้มิดหลุม จะคุ้ยขุมขุดรื้อออกอื้อฉาว ยังมิหนำซ้ำแล่นข้ามแดนดาว มาว่ากล่าวนางละเวงไม่กรงกลัว จะกรวดน้ำคว่ำขันไม่พลันคบ มิขอพบขอเห็นไม่เป็นผัว มีลูกเต้าเฒ่าแก่ก็แต่ตัว ใจยังมัวเหมือนหนึ่งว่าสิบห้าปี ข้ารับแพ้แต่เมื่ออยู่ชมพูภพ ยังตามรบกวนอีกต้องหลีกหนี เป็นขาดเด็ดเสร็จสั่งเสียครั้งนี้ เดือนแปดปีวอกวันจันทร์ข้างแรม เรื่องสารศรีนี้แหละคือหนังสือหย่า อย่ามาว่าปรายเปรียบดูเฉียบแหลม ถ้ารักตัวกลัวเจ็บอย่าเหน็บแนม ขืนลอมแลมแล้วจะอายเมื่อปลายมือ เจ้าครองกรุงรุ่งเรืองเป็นเมืองเอก อภิเษกตัวใหม่ไม่ได้หรือ พอจบคำช้ำใจดังไฟฮือ เห็นสุดมือไม่มีใครอาลัยแล ไหนจะช้ำคำนางละเวงเล่า ทั้งผ่านเกล้าเล่าก็หย่าไม่แยแส จะพึ่งที่ศรีสุวรรณก็ผันแปร เคยเห็นแต่สินสมุทรก็หลุดลอย ยิ่งแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าเศร้าสังเวช น้ำพระเนตรหยดเหยาะลงเผาะผอย สุดจะทรงองค์นั่งกำลังน้อย กำสรดสร้อยซวนซบสลบไป ฯ ๏ ฝ่ายบุตรีพี่น้องสองโอรส พลอยกำสรดเซ็งแซ่เข้าแก้ไข ทั้งแสนสาวท้าวนางพวกข้างใน ร้องเรียกให้หมอบดโอสถเร็ว หมอผู้หญิงวิ่งออกมานอกม่าน หลงนวดท่านตาหมอหลอจนคอเหลว หมอเพชรคงหลงคั้นตามบั้นเอว ข้าหลวงเลวร้องหวีดกราดกรีดเกรียว ฯ ๏ ครั้นฟื้นองค์นงลักษณ์อัคเรศ พูนเทวษหวั่นไหวอาลัยเหลียว เหมือนสิ้นเหล่าเผ่าพงศ์อยู่องค์เดียว ยิ่งเปล่าเปลี่ยวในใจให้วังเวง ดูเวียงวังลังกายิ่งพาแค้น จะทดแทนเสียให้สมที่ข่มเหง ถึงชีวันบรรลัยก็ไม่เกรง อีละเวงจะให้ยับลงกับมือ ถึงแม้ว่าสามีจะมิเลี้ยง ให้แท้เที่ยงเถิดไม่ฟังแต่หนังสือ จะสู้ตายวายชนม์ให้คนลือ คงจะดื้อเข้าไปถึงในวัง ขอประสบพบองค์พระทรงยศ สองโอรสช่วยกำกับเป็นทัพหลัง มิให้เราเข้าไปก็ไม่ฟัง จะรบพังปากประตูเข้าบูรี อีสาวใช้ไปช่วยด้วยให้หมด ให้ลือยศหญิงผลึกไม่นึกหนี ได้เห็นหน้าข้ากับเจ้ากันคราวนี้ แม้ใครมีชัยชนะกูจะเลี้ยง นางสาวใช้ใหญ่น้อยพลอยประจบ จะตีตบอีฝรั่งมันชั่งเถียง ต่างจีบปากอยากทะเลาะให้เพราะเพรียง มาหมอบเมียงพร้อมหน้าทุกข้าไท ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิสร สุดสาครขัตติยาอัชฌาสัย ทูลทัดทานมารดาด้วยอาลัย พระอย่าไปปนกับกาที่สาธารณ์ เหมือนทองคำชัมพูรู่กระเบื้อง จะลือเลื่องชั่วกัลปาวสาน จงรอรั้งฟังกิจค่อยคิดการ พรุ่งนี้ฉานจะขอเข้าไปเฝ้าฟัง แม้เกี่ยวข้องต้องเสน่ห์ลมเพลมพัด จะเป่าปัดแก้กลด้วยมนต์ขลัง รู้สึกองค์คงจะออกมานอกวัง เดี๋ยวนี้คลั่งเคลิ้มองค์เหมือนหลงเดิม หนังสือนี้ดีร้ายฝ่ายฝรั่ง มันจะนั่งยุยงคอยส่งเสริม เห็นสร่างมนต์ดลทำเฝ้าซ้ำเติม จึงพูนเพิ่มพิศวาสไม่คลาดคลา มิควรฟังหนังสืออย่าถือโกรธ ประทานโทษบิตุเรศกับเชษฐา วันนี้จวนสุริยนสนธยา พระมารดาจงระงับดับพระทัย ฯ ๏ นางฟังสุดสาครค่อยอ่อนจิต พ่อช่วยคิดผันแปรเคยแก้ไข แต่แม่นี้วิตกในอกใจ กลัวจะไปเข้าที่เป็นสี่องค์ ฯ ๏ พระโอรสอดสูว่าผู้หญิง ถึงงามยิ่งอย่างไรก็ไม่หลง หนังเสือเหลืองเครื่องไตรยังใส่องค์ ไม่เปลื้องปลงเปรมปรีดิ์กับสีกา ฯ ๏ นางทรงฟังยังพรั่นให้หวั่นจิต ด้วยเคยติดตังรักมันหนักหนา จึงว่าพ่อก็วิเศษเวทวิชา คิดรักษาพระองค์ให้จงดี ถ้าแม้เจ้าเข้าไปติดชีวิตแม่ เห็นตายแท้แล้วขอฝากแต่ซากผี นางสอนบุตรสุดสวาทราชบุตรี จงพึ่งพี่ทั้งสององค์เป็นพงศ์พันธุ์ ด้วยแสนแค้นแน่นเหน็บให้เจ็บจิต เหมือนชีวิตมารดาจะอาสัญ พลางแนบชิดธิดายิ่งจาบัลย์ สะอื้นอั้นตรอมอารมณ์ไม่สมประดี จนพลบค่ำย่ำฆ้องยิ่งหมองเศร้า เสด็จเข้าในพลับพลาหลังคาสี แสนรำลึกตรึกตราถึงสามี ทรงโศกีกำสรดสลดใจ ฯ ๏ ฝ่ายบุตรีพี่น้องสองโอรส อยู่ชั้นลดตามประสาอัชฌาสัย สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาร้อยมาลัย พระหัสไชยช่วยปลิดนั่งชิดกัน พูดพุคะจ๊ะจ๋าประสารุ่น ด้วยเคยคุ้นเคียงใกล้ไม่ใฝ่ฝัน วิชาธรจรมาเวลานั้น ให้ไหวหวั่นจิตกษัตริย์หัสไชย นึกฉุนรักลักชม้ายชายชม้อย ดูโฉมสร้อยสุวรรณน้องอันผ่องใส ลอออิ่มพริ้มพร้อมละม่อมละไม งามวิไลแลเหมือนจะเยื้อนยิ้ม ยิ่งพิศเพ่งเปล่งปลั่งกำลังรุ่น เนื้อละมุนน่าอุ้มดูนุ่มนิ่ม อันน้องนางอย่างพี่ดังตีพิมพ์ นึกอะลิ้มเอลี่ยนั่งเคลียคลอ คิดใคร่รู้ว่าผู้ใหญ่เขาได้เสีย เป็นผัวเมียกันอย่างไรที่ไหนหนอ ไม่เข้าใจในทีต้องรีรอ แต่เฝ้าคลอคิดกริ่มใคร่ชิมเชย ฯ ๏ ส่วนสองนางต่างองค์ยังหลงเล่น ด้วยว่าเป็นเด็กอยู่ไม่รู้เฉย แต่หัสไชยจะใคร่พลอดใคร่กอดเกย ยังไม่เคยขามเขินสะเทินใจ ยิ่งแลเล็งเพ่งพิศยิ่งคิดรัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ต้องถอยถดอดอั้นกลั้นฤทัย ไปนอนใกล้เชษฐาสุดสาคร ฯ ๏ ฝ่ายสองนางต่างร้อยดอกไม้เสร็จ ตามเสด็จขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์ ถวายทรงองค์ละพวงช่วยสวมกร แล้วนางนอนริมพระพี่ไม่มีแคลง ดึกสงัดหัสไชยยังไม่หลับ เห็นอัจกลับข้างที่ริบหรี่แสง นางนอนใกล้ได้กลิ่นผินตะแคง ค่อยค่อยแพลงพลิกเบียดพอเฉียดเชย ยิ่งหอมชื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ ยิ่งเสียวซาบทรวงริกนาสิกเสย แต่เดิมทีนั้นมิใช่จะไม่เคย เลยก่ายเกยจูบกอดพูดพลอดกัน แต่น้ำจิตมิได้คิดพิศวาส เหมือนอย่างญาติเย้ายอมถนอมขวัญ ครั้นรู้รักจักเป็นดังเช่นนั้น กลับขยั้นพรั่นตัวคิดกลัวเกรง พินิจน้องสองนางกระจ่างแจ่ม งามแฉล้มอะเหลาะเฉาะล้วนเหมาะเหมง อันโลกีย์มิต้องสอนเหมือนกลอนเพลง มันเป็นเองในอารมณ์ใคร่ชมชิม ถ้าเชยชื่นฟื้นตัวกลัวจะร้อง ว่าพี่น้องเล้ารุมทำหยุมหยิม แต่มุ่งมองสองแก้มดูแย้มยิ้ม ค่อยจ่อจิ้มจุมพิตยิ่งติดใจ ด้วยมาแขกแรกเริ่มประเดิมรัก ไม่รู้จักจืดเปรี้ยวฉุนเฉียวไฉน สวาทซาบปลาบปลื้มแล้วลืมไป หลับอยู่ในแท่นที่ทั้งสี่องค์ ฯ ๏ ครั้นรุ่งสายฝ่ายสุดสาครคิด ถึงพระบิดายังกำลังหลง น้อมคำนับอภิวาทพระมาตุรงค์ ลูกกับองค์อนุชาทูลลาไป แม้ได้เฝ้าเข้าชิดกับบิตุเรศ จะสังเกตดูแลคิดแก้ไข พระมารดาอย่าประหวั่นพรั่นฤทัย ลูกมิให้อายเขาชาวลังกา ฯ ๏ นางโฉมยงทรงสดับกำชับสั่ง คอยระวังยาหยูกนะลูกหนา จะเข้าวังทั้งพระน้องเป็นสองรา มันมากกว่าเกลือกจะรุกเข้าบุกบัน ช่วยทูลองค์ทรงฤทธิ์พระบิตุเรศ มิโปรดเกศกลับไปไอศวรรย์ เชิญเสด็จเมตตามาฆ่าฟัน ให้ชีวันวอดวายก็หายความ แม้รู้เห็นเป็นคนทนไม่ได้ จะเข้าไปตามเสด็จไม่เข็ดขาม จะเคืองขัดตัดคอเสียก็ตาม มิขอข้ามคงคาไปธานี ฯ ๏ พระโอรสจดจำคำรับสั่ง ถวายบังคมลามารศรี พลางชวนพระอนุชาสรงวารี ในห้องที่ทำลับแลไว้แต่เดิม หนังเสือเหลืองเครื่องทรงบรรจงจีบ ชฎากลีบเกล้าเวียนพระเศียรเสริม ประดับเครื่องเรืององค์ประจงเจิม พักตร์เฉลิมจันทน์จุณเหมือนมุนี พระน้องนุ่งยกอย่างไว้หางหงส์ แล้วสอดทรงเครื่องกษัตริย์จำรัสศรี มงกุฎนวมสวมเกล้าพระเมาลี พระเจ้าพี่ทรงไม้เท้าของเจ้าตา พระน้องนาถอาจองทรงพระขรรค์ จรจรัลตามเสด็จพระเชษฐา มาหยุดยั้งนั่งประทับที่พลับพลา จัดบรรดาหนุ่มน้อยสองร้อยคน เป็นคู่หัดจัดเอามาแต่การะเวก ทหารเอกอาจรบถึงหลบฝน องค์ละร้อยคอยรับเมื่ออับจน ผูกสิงห์ต้นตัวกำลังม้ามังกร ทั้งสององค์ทรงพระยาพาหนะ เรียงระกะมหาดเล็กเด็กสลอน ขุนนางนั้นกั้นกลดบทจร สุดสาครควบม้าเข้าธานี ฯ ๏ พวกลังกาฝรั่งสิ้นทั้งหลาย เห็นม้ากลายกลัวจะขบก็หลบหนี เสียงครึกครื้นตื่นกันดูทั้งบูรี ตำรวจตีห้ามปรามไปตามทาง บ้างว่าม้าหน้าเหมือนมังกรร้าย เข้าใกล้กรายกลัวจะดีดไม่กีดขวาง พระแกล้งขับกลับตลบกระทบทาง ให้ฟาดหางหวดคนหลบลนลาน หน่อกษัตริย์หัสไชยแกล้งไสสิงห์ ไล่ผู้หญิงล้มลุกสนุกสนาน ถึงท้ายวังลังกานอกปราการ หยุดทหารพร้อมพรั่งแล้วสั่งความ ฯ ๏ นายประตูรู้ว่าหน่อวรนาถ นึกขยาดยำเยงด้วยเกรงขาม ไม่รู้จักซักไซ้ได้พระนาม ไปแจ้งความกับท้าวนางที่ข้างใน ฯ ๏ ฝ่ายท้าวนางต่างเข้าไปเฝ้าแหน แล้วทูลแทนคำแจ้งแถลงไข สุดสาครกับกษัตริย์หัสไชย สั่งมาให้ทูลเนื้อความตามกิจจา ว่าบังคมสมเด็จพระบิตุราช ทั้งพระมาตุรงค์ทรงยศถา ได้ทราบความตามประชวรจึงด่วนมา เฝ้าพระอาพระเจ้าพี่ทั้งสี่องค์ ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาราช นึกประหลาดหลากจิตพิศวง จึงทูลความถามโอรสยศยง เกิดด้วยองค์อัคเรศประเทศใด ฯ ๏ พระเล่าความตามยุบลแต่หนหลัง ให้นางฟังจะแจ้งแถลงไข นางแกล้งถามความคิดฤทธิไกร พระเล่าให้รู้ฤทธิ์ถึงวิทยา มีไม้เท้าดาวบสดังกรดกริช สุจริตแจ้งจำคำสิกขา หนังเสือเหลืองเครื่องทับประดับประดา ถือศีลห้าอายุสิบแปดปี ฯ ๏ นางคาดถูกลูกจะมารักษาพ่อ จำจะล่อไว้บำรุงซึ่งกรุงศรี จึงเสแสร้งแกล้งว่าเหมือนปรานี บุตรพระพี่มัจฉาน่าเอ็นดู แต่ยังไม่ได้พบประสบพักตร์ ยังน่ารักรสถ้อยอร่อยหู อย่าปล่อยไปให้ประสมชาวชมพู ให้หล่อนอยู่เสียในวังที่ลังกา โปรดประทานฉันจะใคร่ได้เป็นลูก แล้วจะปลูกฝังรักให้หนักหนา พลางสอพลอพ้อตัดพระภัสดา นี่หรือว่าโปรดเกล้าตรัสเปล่าไป มเหสีที่ฉลาดเขาคาดถูก จึงได้ลูกสองสามตามวิสัย เหมือนหม่อมฉันนั้นไม่รื่นชื่นพระทัย จึงไม่ได้ลูกเต้าเหมือนเขาเลย พระเล้าโลมโฉมฉายสายสวาท อย่าประมาทมือเก่านะเจ้าเอ๋ย เมื่อว่าไรไม่ตามนี่ทรามเชย เพราะนิ่งเฉยมันจึงช้าอุสาห์จำ อันโอรสยศไกรพี่ให้เจ้า โฉมเฉลาจงช่วยชุบอุปถัมภ์ สุดสาครสอนสั่งรู้ฟังคำ ให้เป็นกรรมสิทธิ์วนิดา ฯ ๏ นางยินดีที่ได้สมอารมณ์นึก จะปราบศึกนั้นด้วยเล่ห์เสน่หา ลาพระบาทยาตรเยื้องชำเลืองมา ห้องสุลาลีวันเข้าชั้นใน ขึ้นนั่งเตียงเคียงประโลมโฉมลูกน้อย พลางค่อยค่อยเล่าแจ้งแถลงไข จริงจริงเจียวเดี๋ยวนี้พระภูวไนย ขอเจ้าให้กับโอรสยศยง แม่ก็ยอมพร้อมใจยกให้แล้ว นะลูกแก้วแก้ไขให้ใหลหลง ล่อให้อยู่บูรีทั้งสี่องค์ ได้ดำรงช่วยรักษาพาราเรา ฯ ๏ ฝ่ายสุลาลีวันนั้นก็รุ่น เห็นเขาอุ่นแอบผัวแต่ตัวเหงา ด้วยอยู่ใกล้ได้เห็นทุกเย็นเช้า จึงพลอยเมาเหมือนหนึ่งฝิ่นได้กลิ่นอาย พระมารดาพาทีให้มีผัว หน้าเหมือนบัวบังร่มด้วยสมหมาย แต่ซ่อนเงื่อนเหมือนรังเกียจเกลียดผู้ชาย กราบถวายวันทาแล้วพาที พระชุบเลี้ยงเพียงบุตรสุจริต ถึงชีวิตวอดวายไม่หน่ายหนี แต่จะให้ไปเป็นเหมือนเช่นนี้ มิรู้ที่คิดอ่านประการใด ด้วยไม่เคยเลยหม่อมฉันประทานโทษ อย่ากริ้วโกรธกริ่งตรึกนึกไฉน นางฟังคำร่ำปลอบให้ชอบใจ กลัวทำไมมีผัวอย่ากลัวเลย ไม่ลำบากยากเย็นเป็นแต่เขา เข้าคลึงเคล้าต้องถูกดอกลูกเอ๋ย ชื่นอะไรนั้นไม่รื่นเหมือนชื่นเชย กลัวจะเคยเสียหนักอีกอย่าหลีกตัว ไม่ว่าเล่นเป็นผู้หญิงจริงจริงนะ ถ้าเจ้าจะเล่นเพื่อนไม่เหมือนผัว เขาชวนเชยเคยเองอย่าเกรงกลัว จงแต่งตัวตามตำรับให้จับตา ถึงปลุกเสกเลขยันต์ประกันแก้ ไม่ดูแลหลงเล่ห์เสน่หา เข้าต้องถูกผูกจิตด้วยวิทยา เสื่อมวิชาชายก็คงจะหลงรัก แม่จะให้ไปรับคำนับเขา แล้วก็เจ้าจะได้ดูให้รู้จัก สายอยู่แล้วแก้วตาอย่าช้านัก นางนงลักษณ์ออกมานั่งสั่งขรัวนาย เรียกสุรางค์นางน้อยน้อยมาคอยท่า ตามสุลาลีวันจะผันผาย เชิญเครื่องยศกลดกั้นพรรณราย อย่าให้อายจะออกหน้าเวลานี้ ฯ ๏ ขรัวนายน้อมพร้อมพรั่งสั่งกำชับ นางสำหรับเครื่องอานพานพระศรี สาวน้อยน้อยคอยตามรูปงามดี มาพร้อมที่ชาลาคอยท่านาง ฯ ๏ ฝ่ายสุลาลีวันลงยันต์เลข นั่งปลุกเสกสารพัดไม่ขัดขวาง แล้วอ่าองค์สรงน้ำทรงสำอาง สยายสางผมเผ้าพลางเกล้ามวย กระหมวดมุ่นรุนปิ่นฝังนิลปัก ช้องจำหลักแซมดอกไม้ไหวสลวย ลูบสุคนธ์มนตรามหาละลวย ให้รื่นรวยรสสุคนธ์วิมลมาลย์ แล้วนุ่งห่มสมทรงประจงจัด คาดเข็มขัดเพชรพรายสายประสาน ใส่สร้อยนวมสวมทรงวงสังวาล ทองกรบานพับเพชรแก้วเก็จแกม ธำมรงค์วงวาวดูพราวพร้อย ล้วนเพชรย้อยรุ่งเรี่ยมเจ็ดเหลี่ยมแหลม กรรเจียกจรซ้อนใส่ดอกไม้แซม กรอบหน้าแนมเนาวรัตน์จำรัสเรือง แล้วร่ายมนต์คนดูให้ชูโฉม งามประโลมเปล่งปลั่งอลั่งเหลือง ใส่เกือกทองรองบาทแล้วยาตรเยื้อง นางเชิญเครื่องรุ่นงามตามลีลา ลงจากปรางค์นางที่พระพี่เลี้ยง ประคองเคียงกลั้นกลดมียศถา พร้อมด้วยเหล่าสาวสรรค์กัลยา ลีลามาริมปราการทวารวัง เห็นพี่น้องสององค์ล้วนทรงลักษณ์ ประไพพักตร์ผิวฉวีดังสีสังข์ ค่อยมองเมียงเพียงบานทวารบัง เห็นนุ่งหนังเสือเหลืองใส่เครื่องทรง ดูน่ารักนักสิทธ์ชนิดหนุ่ม ล้วนรัดกุมกรเกศเนตรขนง พระน้องงามยามรุ่นละมุนองค์ พิศวงหวั่นไหวฤทัยสะเทิน ขืนอารมณ์ก้มกรานค่อยคลานเข่า เข้าไปเฝ้าทูลความยิ่งขามเขิน สองกษัตริย์ขัตติยาให้มาเชิญ เสด็จเดินไปปราสาทราชวัง ฯ ๏ สุดสาครค้อนเคืองชำเลืองพิศ ระรื่นฤทธิ์รสสุคนธ์ต้องมนต์ขลัง ให้เสียวซาบปลาบปลื้มจนลืมชัง เห็นเปล่งปลั่งพรั่งพร้อมละม่อมละไม ดำริรักสักครู่ก็รู้สึก อนาถนึกวิปลาสให้หวาดไหว มิเสียทีอีฝรั่งช่างกระไร มนต์มันใส่ฉุนเฉียวให้เสียวรัก นี่หรือชะพระบิดาพระอาพี่ จึงเสียทีจำเป็นเห็นประจักษ์ พลางนึกภาวนาในพระไตรลักษณ์ พอกันรักรู้พระองค์ไม่หลงเลย แล้วชวนพระอนุชาลงม้าสิงห์ ไม่ดูหญิงแกล้งเมินทำเดินเฉย ถามว่านางทางไหนยังไม่เคย จะหลงเลยไปเสียดอกช่วยบอกทาง นางทูลว่าอย่าได้ทรงพระวิตก วังไม่รกเหมือนหนึ่งป่ารุกขาขวาง แล้วเหลียวมาว่ากล่าวให้ท้าวนาง เดินนำทางหน่อไทเข้าในวัง ฯ ๏ พระพี่น้องสองเดินดำเนินหน้า นางสุลาลีงามเดินตามหลัง พวกห้ามแหนแสนสาวเหล่าชาววัง มาคอยนั่งดูหน้าสุดสาคร เห็นสององค์ทรงโฉมประโลมสวาท ยุรยาตรเยื้องย่างอย่างไกรสร ดูคมคายส่ายสอดค่อยทอดกร ชะอ้อนอ่อนเอวองค์ทรงสำอาง บ้างนึกรักอักอ่วนรัญจวนจิต ดัดจริตเมียงเมินทำเดินขวาง บ้างตามหลังนั่งยิ้มอยู่ริมทาง สาวสุรางค์รักใคร่อาลัยแล บ้างเยี่ยมห้องร้องบอกกันออกวุ่น งามเหมือนหุ่นหนอเจ้าหนอเสียงจ๋อแจ๋ ที่สาวใหญ่ใจคอนั้นท้อแท้ เสียดายแก่เกินเธอชะเง้อเงย พระหน่อนาถยาตรเยื้องชำเลืองเหลียว เขากวักเกี้ยวหยอกเอินแกล้งเดินเฉย ใครเลียมล่อตอแยไม่แลเลย ด้วยคิดเคยเข็ดขยาดไม่พาดพิง พระหัสไชยให้สติลัทธิว่า ภาวนาไว้ให้มั่นกันผู้หญิง มันตามดูพรูพรั่งน่าชังชิง พระพี่นิ่งเดินมาชาลาลาน พอถึงปรางค์นางวัณฬาออกมารับ พระคำนับน้อมองค์น่าสงสาร นางเชิญนั่งตั้งที่พระศรีประทาน อยู่นอกม่านหมายจะดูให้รู้ที เรียกธิดามาใกล้ไหว้คำนับ แล้วตรัสกับพี่น้องทั้งสองศรี พระโอรสอุสาห์มาถึงธานี แม่ยินดีได้เห็นหน้าสุดสาคร ไฉนหนอพ่อจึงนุ่งหนังเสือเหลือง มิทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ประภัสสร ไม่หาคู่สู่สมสยมพร จะรีบร้อนไปสวรรค์หรือฉันใด พระบิตุรงค์โองการให้ฉันแล้ว เป็นลูกแก้วกลอยจิตพิสมัย อยู่เวียงวังลังกาเถิดอย่าไป หรือพ่อไม่ปลงจิตจะบิดเบือน ฯ ๏ สุดสาครอ่อนตามความรับสั่ง พระคุณดังดินฟ้าไม่หาเหมือน แม้ชุบเลี้ยงเที่ยงแท้ไม่แชเชือน จะเยี่ยมเยือนเหมือนพระบาทมาตุรงค์ แต่ไม่รักนัคเรศนิเวศน์สถาน ชอบสำราญราวป่าเป็นอานิสงส์ ถือนิโรธโดดเดี่ยวเที่ยวธุดงค์ จึงสู้ทรงหนังเสือเหลืองเครื่องสิทธา ได้ทราบเหตุว่าประชวรจึงด่วนข้าม มาฟังความเบาหนักช่วยรักษา พอโรคร้ายหายสูญจะทูลลา พระมารดาบิตุรงค์ไปดงดาน แม้บ้านเมืองเคืองขัดจะจัดทัพ มาช่วยรับรบศึกที่ฮึกหาญ แล้วแกล้งถามความว่าพระอาการ ร้อนรำคาญขัดขวางเป็นอย่างไร ฯ ๏ นางรู้ว่ายาหยูกมิถูกต้อง ด้วยมีของคุ้มองค์ไม่หลงใหล จะยอกย้อนผ่อนปรนด้วยกลใด ให้เอาไม้เท้าวางเสียห่างองค์ ให้ผู้หญิงอิงแอบเข้าแนบเนื้อ หน่อยก็เหลือรักใคร่จนใหลหลง ดำริพลางนางบอกว่าบิตุรงค์ ค่อยฟื้นองค์ขึ้นแล้วเห็นไม่เป็นไร เมื่อตะกี้นี้บรรทมลมปะทะ ตื่นจึงจะทูลแจ้งแถลงไข แล้วนวลนางย่างย่องเข้าห้องใน พระอภัยพยักหน้าให้มาเคียง ฯ ๏ พลางตรัสถามความสองพี่น้องน้อย นางค่อยค่อยทูลกระซิบอุบอิบเสียง หม่อมฉันรักจักใคร่เอาไว้เลี้ยง แต่เธอเลี่ยงหลีกไปไม่ไยดี พระโปรดด้วยช่วยกักไว้สักหน่อย อย่าเพ่อปล่อยไปให้พระมเหสี ค่ำจึงให้พระธิดาสุลาลี คุมไว้ที่ในห้องลองสักคราว เมื่อเป็นไรไปก็ตามไม่ห้ามรัก พอสมพักตร์สมภูมิสมหนุ่มสาว ได้สืบวงศ์พงศ์พืชให้ยืดยาว อย่างว่ากล่าวพระจะเห็นเป็นกระไร ฯ ๏ พระชื่นชอบตอบนางว่าอย่างเอก อภิเษกเสียในห้องให้ผ่องใส บอกให้มาหาพี่ที่ข้างใน จะสอนให้ลูกรักรู้จักดี ฯ ๏ นางคำนับรับสั่งไปนั่งนอก แล้วตรัสบอกพระพี่น้องทั้งสองศรี แม่ทูลแล้วแก้วตาอย่าช้าที ไปเฝ้าที่ห้องในแท่นไสยา ฯ ๏ พระคำนับรับสั่งทั้งพี่น้อง คลานเข้าช่องฉากชั้นที่กั้นฝา แลเห็นองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา ไม่โรยราโรคภัยสิ่งใดมี แต่พระรูปซูบซีดลงนิดหน่อย พระพักตร์สร้อยเศร้าหมองด้วยต้องผี เข้ากอดบาทบิตุรงค์ทรงโศกี มิพอที่ทูลกระหม่อมมาตรอมตรม จนมารดามาตามด้วยความทุกข์ ไม่มีสุขสักเท่าซีกกระผีกผม เพราะพระถูกหยูกยาต้องอาคม ทุกข์ระทมทั่วไปทั้งไพร่นาย จึงโปรดให้ไปหาลูกมาด้วย จะได้ช่วยแก้ไขเสียให้หาย แล้วกราบทูลมูลความตามอุบาย อันผู้ชายต้องเสน่ห์ลมเพลมพัด เอาไม้เท้าดาวบสจรดอุระ จึงร่ายพระคาถามหาจำกัด ปีศาจตายคลายมนต์ดลชะงัด จะรีบรัดเร่งรักษาฝ่าธุลี แต่ตัวเขาเจ้าตำราทำยาหยูก อย่าให้ถูกองค์อีกเร่งหลีกหนี จงโปรดให้ได้รักษาเวลานี้ อย่าให้มีผีผู้หญิงเข้าสิงองค์ ฯ ๏ พระอภัยใจเหิมเคลิ้มเหมือนบ้า เธอหมายว่าเธอไม่ถูกพระลูกหลง สำรวลพลางทางว่าเจ้าเง่าโง่งง เขายุยงพลอยเห็นว่าเป็นจริง นางสุวรรณมาลีเธอขี้หึง นั่นเขาจึงว่าบิดาต้องยาหญิง พระลูกน้อยพลอยแหนงแคลงประวิง คราวนี้นิ่งเสียหนาอย่าพูดไป อันโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช กษัตริย์ชาติเชื้อลังกาภาษาไสย เขารักเจ้าเท่ากับบุตรสุดอาลัย จนหล่อนให้พระธิดาสุลาลี ให้อยู่วังฝังปลูกเหมือนลูกเต้า เออก็เจ้าควรหรือกลับถือผี แต่พี่ยาอายังเห็นว่าเป็นดี เขามามีคู่ครองทั้งสองคน อันสตรีที่อื่นอื่นสักหมื่นแสน ไม่มีแม้นเหมือนหญิงชาวสิงหล ทั้งสาวแก่แม่ม่ายเหมือนไก่ชน เขารู้กลปรนนิบัติภัสดา ถึงผัวทุกข์ปลุกปลื้มให้ลืมทุกข์ มีแต่สุขสรวลเสเสน่หา ไม่คบเขาชาววังเมืองลังกา ที่อื่นให้ไปหาเลือดตากระเด็น เจ้าได้นางอย่างนี้ดีนะลูก จะช่วยปลูกเสียต่อตาบิดาเห็น ให้หายห่วงทรวงร้อนจะผ่อนเย็น จงอยู่เป็นเขยขวัญนางวัณฬา ฯ ๏ สุดสาครร้อนจิตผิดสังเกต น้ำพระเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ทั้งน้องน้อยพลอยสะอื้นกลืนน้ำตา แต่สุดสาครซ้ำร่ำพิไร โอ้พระคุณทูลกระหม่อมจอมมนุษย์ จะละพุทธเสียแล้วหรือมาถือไสย จะขวางขัดทัดทานประการใด เล่าก็ไม่ควรตัวกลัวพระองค์ พระเกิดเกล้าเจ้าประคุณการุญเลี้ยง ลูกจะเถียงที่ไหนได้ว่าใหลหลง เป็นเวรามาทันลูกมั่นคง จึงได้ทรงคิดเห็นเป็นเช่นนั้น ลูกเกิดมาอาภัพอัปภาคย์ พบแต่ยากดังชีวาจะอาสัญ ให้เปลี่ยวใจไร้วงศ์ทั้งพงศ์พันธุ์ สุดจะผันผินหน้าไปหาใคร จึงอุสาห์ลาแม่มาแต่น้อย จะตายร้อยพันคราน้ำตาไหล ครั้นว่าปะพระบิดาดังอาลัย ก็ทุกข์ใจให้สงสารพระมารดา จะอยู่เดียวเปลี่ยวเปล่าทุกเช้าค่ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา แม้เจ็บไข้ใครเล่าจะเอายา มารักษาชนนีไม่มีเลย โอ้ใจลูกผูกพันจนฝันเห็น มิได้เว้นวายวิตกเลยอกเอ๋ย จึงถือบวชกรวดน้ำไปตามเคย ไม่ละเลยลืมพระคุณกรุณา มาพึ่งบุญทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ ได้สืบขัตติยราชพระศาสนา เดี๋ยวนี้พระจะบำรุงกรุงลังกา กลับเป็นฝาหรั่งกลายเมื่อปลายมือ ก็ฝ่ายลูกผูกชฎารักษากิจ ศีลประสิทธิ์ศักราชไม่ขาดหรือ ทุกถิ่นฐานบ้านเมืองจะเลื่องลือ คนเดียวถือสองฝ่ายน่าอายจริง ซึ่งออกโอษฐ์โปรดลูกจะปลูกฝัง หม่อมฉันยังไม่รู้จักรักผู้หญิง ครั้นมีคู่ผู้ชายมักหมายชิง ต้องยุ่งยิ่งยุคเข็ญเหมือนเห็นมา เป็นอันขาดชาตินี้ไม่มีคู่ จะไปอยู่ปรนนิบัติแม่มัจฉา แม้แม่ตายหมายจิตเป็นสิทธา เดี๋ยวนี้มาเลื่อนลอยพลอยรำคาญ จะพึ่งบุญทูลกระหม่อมให้พร้อมญาติ ก็ตัดขาดญาติวงศ์พงศ์สถาน จะพึ่งบาทมาตุรงค์พระวงศ์วาน ก็เกินการดาลเดือดไม่เงือดงด จะพึ่งบุญพี่ยาพระอาเล่า ก็มาเข้ารีตเมียไปเสียหมด กระหม่อมฉันก็จะลารักษาพรต เป็นดาบสอยู่ริมหิมพานต์ ฯ ๏ พระฟังคำรำลึกรู้สึกบ้าง คิดถึงนางมัจฉาน่าสงสาร สักประเดี๋ยวเสียวมนต์ดลบันดาล รื้อสำราญสำรวลชวนโอรส ขืนจะใคร่ไปบวชชวดมีลูก นุ่งหนังผูกคากรองทั้งต้องอด อยู่ถิ่นฐานบ้านเมืองมีเครื่องยศ ลองชิมรสลูกฝรั่งมั่งเป็นไร อร่อยจริงยิ่งกว่ากินลูกลิ้นจี่ จะหานางอย่างนี้หาที่ไหน เขมรลาวชาวละครทั้งมอญไทย พ่อก็ได้ลองแล้วนะแก้วตา ที่รูปดีขี้มักไม่รักผัว เพราะเชื่อตัวว่าไม่ขาดคนปรารถนา บ้างดึงดื้อถือยศไม่ลดลา บ้างดูหน้าบางบางแต่คางเพชร บ้างรู้แต่แง่งอนไม่อ่อนหวาน บ้างจัดจ้านจ้วงจาบจึงหลาบเข็ด มีเมียเดียวเจียวจึงหาที่กลเม็ด เป็นสำเร็จราชการสำราญรมย์ พอนึกได้ไม่ทันพักพยักหน้า ทั้งวงศาสุจริตสนิมสนม ส่วนท่วงทีดีเหลือไม่เบื่อชม เขามักคมในฝักชักออกวาว ถึงยามร้อนผ่อนสบายให้หายร้อน ยามหนาวนอนแนบกายให้หายหนาว อันหญิงอื่นหมื่นแสนในแดนดาว ไม่สู้ชาวลังกาสัจจาจริง เจ้าไม่เคยเลยพ่อนี้คอเก่า จนแก่เฒ่าก็ไม่เรื้อเบื่อผู้หญิง โอรสฟังนั่งง่วงไม่ท้วงติง พระก็ยิ่งใหลหลงอยู่องค์เดียว ฯ ๏ ฝ่ายสองนางฟังยิ้มอยู่ริมฉาก ชมฝีปากหน่อนาถฉลาดเฉลียว ไม่รู้จักรักผู้หญิงจริงจริงเจียว จึงเด็ดเดี่ยวไม่ถูกมนต์หยูกยา ไม้เท้านี้ดีจริงแม้หญิงจับ เห็นจะกลับเสื่อมมนต์ดลคาถา เข้าเลียมลองต้องตัวให้มัวตา หน่อยหนึ่งหน้าก็จะก่ำดังตำลึง ถ้าจะให้ไปห้องสองกับเจ้า ชิงไม้เท้าเสียให้ได้เข้าให้ถึง นางแอบฟังนั่งนึกกันลึกซึ้ง อันดื้อดึงได้ผัวอย่ากลัวอาย ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยพิไรสอน สุดสาครบิดเบือนไม่เหมือนหมาย จนจวนค่ำทำเล่ห์เพทุบาย กริ้วลูกชายช่างไม่รู้รักผู้ดี มาพบเห็นเป็นลูกจะปลูกฝัง ว่าไม่ฟังปล่อยปละก็จะหนี พลางตรัสเรียกธิดาสุลาลี มาข้างที่พระบัลลังก์สั่งกำชับ ช่วยคุมเขาเจ้าคนนี้ไว้ทีหนึ่ง เขาดื้อดึงอยู่อย่าปล่อยคอยกำกับ หัสไชยไว้ธุระพ่อจะรับ อยู่นอนกับบิดาได้พาที ฯ ๏ สุดสาครอ่อนหวานประทานโทษ แม้ไม่โปรดให้ไปก็ไม่หนี ถวายชีวิตสิทธิ์ขาดแล้วชาตินี้ ตามแต่ที่บุญกรรมได้ทำมา ถึงเนื้อเลือดเชือดถวายเหมือนหมายมาด ขอแต่อย่าให้ขาดพระศาสนา ถ้าเดี๋ยวนี้มิสงสารพระมารดา ลูกจะฆ่าตัวถวายให้หายแคลง นี่ห่วงใยไม่ตายเป็นกายอยู่ ก็จะสู้ปรนนิบัติไม่ขัดแข็ง พลางนึกแค้นแสนเทวษพระเนตรแดง ก้มกันแสงเศร้าจิตด้วยบิดร ฯ ๏ พระอภัยให้ธิดาพาไปห้อง เอาแต่น้องไว้สุวรรณบรรจถรณ์ นางลีวันนั้นพาสุดสาคร มาห้องนอนขึ้นนั่งบัลลังก์ทอง จัดเครื่องอานพานสลานั้นมาตั้ง แล้วแกล้งนั่งเคียงล่อสองต่อสอง พอมืดกลุ้มคลุ้มค่ำเขาย่ำฆ้อง ประทีปส่องแสงสว่างกระจ่างตา สุดสาครร้อนตัวกลัวผู้หญิง ไม้เท้าพิงพาดวางไว้ข้างขวา นั่งกอดเข่าเซาซึมพึมภาวนา นางพูดจาว่ากระไรก็ไม่เงย คิดถึงน้องต้องไปอยู่ไกลพี่ เคยร่วมที่แอบองค์สรงเสวย เวลานี้มิได้เห็นเหมือนเช่นเคย โอ้อกเอ๋ยเป็นเคราะห์ต้องเกาะกุม พระบิตุรงค์หลงใหลแล้วไม่สา ยังจะพาลูกให้ซ้ำถลำหลุม ไม่ยอมรักกักขังให้นั่งคุม ให้นึกกลุ้มกลัดใจด้วยไม่เคย นางลีวันนั้นเอาเครื่องมาเทียบถวาย ไม่สบายพระทัยก็ไม่เสวย เขาวอนเตือนเชือนแชไม่แลเลย อิงเขนยนั่งภาวนาไป ฯ ๏ นางเห็นนิ่งยิ่งล้อยิ่งพ้อตัด กอดพระหัตถ์เจ่าจุกเป็นทุกข์ไฉน เฝ้าบ่นงึมพึมพำร่ำพิไร หรือตรึกไตรตรองคำทำเพลงยาว หรือแต่งสารสังวาสนิราศเรื่อง มาจากเมืองมัวหมองถึงน้องสาว เสียดายนุชสุดสวาทต้องขาดคราว พระพี่หนาวหนักหนาไม่มาตาม เสาวคนธ์มณฑายุพาพักตร์ มิงามนักแล้วหรือหนอน้องขอถาม สุดสาครร้อนใจดังไฟลาม มันออกนามกนิษฐาต้องพาที ฯ ๏ กระไรเจ้าเฝ้าพ้อเฝ้าล้อเล่น ดูหน้าเป็นสารพัดไม่บัดสี เอานามน้องของข้ามาพูดกาลี โน่นหล่อนดีดอกไม่เป็นเหมือนเช่นตัว พึ่งรุ่นราวสาวแส้กระแตวับ ไม่นอนหลับเลียปากให้อยากผัว เฝ้าพูดจาว่าแต่เขาช่างเมามัว เจ้ามันตัวสันทัดได้หัดปรือ จนดึกดื่นขืนเฝ้าแต่เซ้าซี้ จะไม่มีผัวนี้ไม่ดีหรือ พระเคืองแค้นค่อนขอดนั่งกอดมือ นางไม่ถือคิดว่าผัวเฝ้ายั่วเย้า ฯ ๏ นางว่าข้าไม่มีผัวตัวพระพี่ จะไม่มีเมียได้หรือไม่เล่า เห็นเมินนิ่งยิ่งล้อขอไม้เท้า ขยับเข้าแย่งยุดพระฉุดชิง เดชะฤทธิ์สิทธารักษาไม้ ครั้นหญิงใกล้กลับเป็นงูไล่ผู้หญิง ดูยาวเฟื้อยเลื้อยมาน่ากลัวจริง นางหวีดวิ่งวุ่นวายกลับหายวับ ยังตัวสั่นหวั่นหวาดไม่อาจชะอ้อน สุดสาครแค้นอารมณ์ลมจะจับ เสียดายเหลือเหงื่อชโลมออกโซมซับ สลบกับที่นิ่งไม่ติงกาย ฯ ๏ พระสะอื้นฟื้นองค์ดำรงนั่ง ดูหน้าหลังแลเปล่าไม้เท้าหาย คู่ชีวาอาวุธสุดเสียดาย พระฟูมฟายชลนัยน์สงสัยความ ลงจากเตียงเลี่ยงออกไปนอกห้อง เที่ยวหาของคู่ชีวิตไม่คิดขาม เห็นสาวสาวชาววังที่นั่งยาม แวะเข้าถามถึงไม้เท้าก็เปล่าไป แล้วถามถึงพระเจ้าอาเชษฐานั้น พระทรงธรรม์ทั้งสองอยู่ห้องไหน เขาทูลแจ้งอยู่ที่แสงสว่างไฟ เสด็จไปแฝงฟังกำบังองค์ เห็นพี่เอกเขนกแอบแนบผู้หญิง เฝ้าอ้อยอิ่งโอบอุ้มดูลุ่มหลง อีฝรั่งนั่งเรียงอยู่เคียงทรง เข้าแอบองค์เอียงแก้มยิ้มแย้มพราย แล้วมิหนำซ้ำชะอ้อนป้อนชานหมาก น่าเหียนรากรังเกียจเกลียดใจหาย จะเข้าเฝ้าเล่าก็เบื่อเหลือละอาย ค่อยแฝงกายเยื้องย่องไปห้องอา ไม่แจ้งความถามเหล่านางสาวใช้ ว่าอยู่ในฉากชั้นที่กั้นฝา มองเขม้นเห็นพระองค์ทรงสกา นางรำภาแพ้นับเบี้ยทับคะแนน ถึงเจ็ดเบี้ยเสียหายถวายแก้ม พระจูบแถมเถียงท้วงทำหวงแหน ต้องจูบคืนยืนดูอดสูแทน ทำหนุ่มแน่นน่าเบื่อเหลือรำคาญ ฯ ๏ กระแอมไอให้เสียงแล้วเมียงนั่ง พระเหลียวหลังแลเขม้นเห็นพระหลาน เรียกให้ขึ้นบนที่นั่งอลังการ พ่อมาป่านนี้ไยไม่ไสยา สุดสาครอ่อนเกล้าเล่าถวาย ไม้เท้าหายเสียทีเดียวจึงเที่ยวหา แล้วทูลความตามสมเด็จพระบิดา ให้สุลาลีขังไว้วังใน ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นหัวเราะว่าเคราะห์เจ้า เมื่อไม้เท้าอยู่กับกายให้หายได้ จงมีเมียเสียเถิดหลานสำราญใจ นึกเหมือนไพร่มันว่าตำราบุราณ มีเมียเคล้ามีข้าวกินแล้วสิ้นทุกข์ อยู่ไหนไหนได้เป็นสุขสนุกสนาน แล้วลืมองค์หลงเลี้ยวพูดเกี้ยวพาน สามกระดานแล้วหนาจำนางรำภา ฯ ๏ สุดสาครร้อนรุ่มให้กลุ้มอก เหมือนมาตกกลางทะเลเสนหา จะพึ่งพี่มิได้พึ่งมาถึงอา อาก็พาผูกรักชักชโลง โอ้เหมือนอย่างช้างเถื่อนที่เพื่อนเบียด เข้าเพนียดแดดิ้นจนสิ้นโขลง เหมือนตัวเราเล่าจะถูกเข้าผูกโรง เพราะญาติโยงยั่วเย้าให้เข้าซอง ขี้เกียจฟังนั่งนานรำคาญจิต อารมณ์คิดถึงไม้เท้ายิ่งเศร้าหมอง บังคมลามาสิงหาสน์ปราสาททอง เที่ยวเดินมองหาไม้อาลัยแล ฯ ๏ ฝ่านสุลานารีบุตรีน้อย สะกดรอยฟังความตามกระแส เห็นโศกศัลย์ฟั่นเฟือนเที่ยวเชือนแช ด้วยของแก้อิทธิฤทธิ์ไม่ติดตัว ยิ้มละไมในหน้าสมาบาป คงตายราบน้องแล้วไม่แคล้วผัว ทำแกล้งเดินเมินหน้าเหมือนตามัว เข้ากอดตัวยุดไว้ว่าใครยืน แล้วเป่ามนต์สนจิตประสิทธิ์ประสาท เสียวสวาทประดิพัทธ์ไม่ขัดขืน พลางทำเป็นเห็นฟางว่ากลางคืน พระมายืนอยู่ไยไม่ไสยา ให้อยู่ห้องต้องขังไม่นั่งนิ่ง ติดผู้หญิงอยู่ที่ไหนหรือไปหา เที่ยวเชือนแชแต่หัวค่ำไม่อำลา แล้วจูงมาเข้าห้องอยู่สองคน หับทวารบานไว้เสียให้แน่น แล้วขึ้นแท่นสังเกตดูเหตุผล สุดสาครร้อนจิตด้วยฤทธิ์มนต์ ทั้งผีดลจิตชักให้รักนาง นึกหอมกรุ่นฉุนเฉียวเสียวแสยง พระพักตร์แดงดูก่ำดังน้ำฝาง ลืมความรู้ครูสอนแต่ก่อนปาง ให้รักนางบุตรีลาลีวัน พินิจชมคมขำล้ำมนุษย์ ดูงามสุดสิ้นอย่างนางสวรรค์ ตะลึงหลงลงกระดูกให้ผูกพัน จนสุดกลั้นผันผ่อนพูดงอนง้อ ประหลาดจริงยิ่งดึกยิ่งนึกหนาว เป็นลมว่าวข้าวเบาหนอเจ้าหนอ เมื่อพลบค่ำย่ำระฆังเฝ้านั่งล้อ ไยไม่พ้ออีกเล่าหรือหาวนอน นางรู้ทีผีวิ่งเข้าสิงสู่ นึกว่าอยู่แล้วเหมือนถูกเล่นลูกศร จะเชือนแชแก้เผ็ดให้เข็ดงอน ทำคมค้อนบึ้งหน้าแล้วพาที ฯ ๏ พระบิตุรงค์ทรงศักดิ์ให้กักขัง จึงต้องนั่งคุมตัวกลัวจะหนี แต่หัวค่ำร่ำว่าเป็นกาลี ประเดี๋ยวนี้จะให้ล้อพูดก่อความ แล้วก็พระจะได้ด่าให้สาหัส สารพัดจ้วงจาบทำหยาบหยาม ยังเจ็บอกฟกช้ำดังน้ำคราม อย่าลวนลามเลียมล้อไม่พอใจ ฯ ๏ สุดสาครผ่อนแก้นี่แน่น้อง พี่แกล้งลองใจดอกจะบอกให้ ไม่ถือโทษโกรธตอบขอบฤทัย จะรักใคร่ครองกันจนวันตาย อันตัวเจ้าเยาวมาลย์ประทานพี่ ให้เป็นที่รักสมอารมณ์หมาย อย่าควรคิดปลิดเปลื้องเคืองระคาย ขอฝากกายแก้วตาสุลาลี แล้วเอนแอบแนบน้องประคองหัตถ์ นางป้องปัดผลักพลิกแล้วหลีกหนี อะไรเล่าเฝ้ากวนทำยวนยี น้อยหรือพี่พูดเลี้ยวมาเกี้ยวน้อง กระหม่อมฉันมันตอแหลกระแตวับ อย่ามาจับต้องตัวจะมัวหมอง ขืนเลี่ยงเลียบเทียบเทียมทำเลียมลอง คงร้องก้องไปทั้งวังไม่ฟังเลย ว่าประทานฉันทำไมฉันไม่รู้ พระมาตู่เอาเปล่าเปล่าแม่เจ้าเอ๋ย อย่าเลียมเล่นเช่นนั้นฉันไม่เคย ไม่ยอมเลยแล้วพระองค์อย่าสงกา ฯ ๏ พระแก้เกี้ยวเลี้ยวประโลมโฉมเฉลา ทำไมเล่ามิให้ชิดกนิษฐา เจ้าเป็นน้องของพี่เพียงชีวา ควรหรือมาข้องขัดคอยปัดมือ ประเวณีพี่น้องก็ต้องลูบ แล้วกอดจูบกันเป็นไรไม่ได้หรือ ส่วนตัวพี่นี้เจ้าฉุดแย่งยุดมือ ก็ไม่ถือโทษเห็นว่าเป็นน้อง ซึ่งว่าหยอกออกเจ็บจะเก็บโกรธ พี่ขอโทษเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าหมอง พลางลูบกายสายสมรกรตระกอง นอนเถิดน้องพี่จะกล่อมถนอมนวล ประคองอุ้มจุมพิตเชยชิดโฉม เลียมประโลมลูบต้องของสงวน นางผลักพลิกหลีกเลื่อนเบือนกระบวน แกล้งหยิกข่วนแก้เผ็ดให้เข็ดมือ แล้วว่าเบื่อเหลือที่เป็นพี่น้อง มาลูบต้องเหมือนเช่นชู้ได้อยู่หรือ เหมือนพระพี่นี้น้องต้องยุดมือ ด้วยน้องซื่อสุจริตพระคิดคด นางเสาวคนธ์มณฑาจะมาหึง สักหน่อยหนึ่งน้องจะยับอัปยศ พระเป็นชายหมายจะลิ้มลองชิมรส แล้วจะปลดเปลื้องปละสละไป น้องก็รู้อยู่สิ้นว่าลิ้นถอด ไม่ตลอดลึกซึ้งไปถึงไหน มามูมมามลามลวนทำกวนใจ น้องจะได้ความอายเมื่อปลายมือ ฯ ๏ พระว่าเจ้าเสาวคนธ์วิมลพักตร์ เหมือนน้องรักร่วมครรภ์พี่นั้นหรือ ขอเสียเถิดอย่าปัดให้ฟัดครือ นี่แหละสื่อเท่าตัวสมผัวเมีย จะคลึงเคล้าเฝ้ากอดจนมอดม้วย จงเอออวยอนุกูลอย่าสูญเสีย พลางขยับทับเพลาเข้าเคล้าเคลีย อะลิ้มเอลี่ยลูบต้องประคองโลม ฯ ๏ สุลาลีมีแต่หยิกแล้วพลิกผลัก นี่หรือรักน้องหนักทำหักโหม ข่มเหงเล่นเช่นชู้ทำจู่โจม แล้วเล้าโลมลูบคลำให้ช้ำมือ สาธุสะพระก็ถือเป็นฤๅษี มายวนยียุ่งหยาบไม่บาปหรือ แม้รักจริงทิ้งเมืองให้เลื่องลือ เชิญมาถือเพศฝรั่งเมืองลังกา หนังเสือเหลืองเครื่องพรตจงปลดเสีย จึงมีเมียจะได้ขาดพระศาสนา แม่ทำตามความฉันจำนรรจา จะเห็นว่ารักจริงไม่กริ่งใจ ฯ ๏ พระฟังคำร่ำว่าให้ลาพรต เสียวสลดรำลึกนึกขึ้นได้ ด้วยพระเดชะพระกุศลเข้าดลใจ เสียดายไม้เท้าสะอื้นกลืนน้ำตา นางรู้ทีแกล้งจี้ที่สีข้าง เหลียวเห็นนางนึกรักเป็นหนักหนา จึงว่าพี่นี้ไม่ขัดหัทยา อยากเป็นฝาหรั่งเล่นเย็นเย็นใจ แล้วลาพรตปลดเปลื้องเครื่องหนังเสือ ทรงใส่เสื้อเส้นทองดูผ่องใส ด้วยโลกีย์นี้มันปลื้มให้ลืมไตร เหมือนสึกใหม่มีเมียเฝ้าเคลียคลอ เข้าคลึงเคล้าเฝ้าพลอดทางกอดเกี้ยว เราผัวเดียวเมียเดียวกันเจียวหนอ นางแกล้งว่าอย่าเพ่อหวังคอยรั้งรอ น้องไม่ล่อลวงจริงจะยิงยอม แต่รอรักสักหน่อยค่อยค่อยรัก มิใช่จักโหยหิวให้ผิวผอม ดูฤกษ์พานาทีให้ดีพร้อม น้องจะยอมอย่างประสงค์จำนงใน พระอิงแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ จะผัดรักรื้อตะบึงไปถึงไหน อันอดอื่นหมื่นแสนทั้งแดนไตร พี่อดได้อยู่ดอกด้วยนอกกาย แต่ครั้งนี้ที่จะอดซึ่งรสรัก สุกจะหักห้ามสวาทให้ขาดหาย เขาเป็นทั้งลังกาไม่น่าอาย อย่ากลับกลายแกล้งว่าทารกรรม พลางกอดเกี้ยวเกลียวกลมภิรมย์รื่น ถนอมชื่นเชยชิมไม่อิ่มหนำ นางว่าเบื่อเหลือเข็ญเฝ้าเคล้นคลำ จะชอกช้ำไปเสียแล้วไม่แคล้วเลย ห้ามเท่าไรไม่ยั้งไม่ฟังห้าม ตามเถิดตามบุญกรรมแกล้งทำเฉย พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น กระดี้กระดิกพลิกเพลี่ยงเบือนเบี่ยงบิด เหมือนเรือติดตมตื้นจะขืนเข็น แต่สาวหนุ่มชุ่มชื่นระรื่นเย็น บังเกิดเป็นอัศจรรย์ไม่ทันรู้ ด้วยรวดเร็วเปลวไฟประลัยราค เหมือนขึ้นปากนกหินใส่ดินหู พอลั่นฉับสับไกก็ไฟฟรู เสียงฟุบฟู่ฟุ้งฟูมดังตูมตึง ต่างละเลิงเชิงชมภิรมย์รื่น อันรสอื่นหรือจะเปรียบประเทียบถึง นางเมียยั่วผัวเย้าเฝ้าเคล้าคลึง จนเหนื่อยจึงเคลิ้มหลับระงับไป ฯ ๏ อันเรื่องราวคราวสุดสาครคลั่ง ด้วยกำลังโลกีย์เป็นวิสัย ถึงนักสิทธ์ฤทธิรงค์ทั้งทรงไตร เข้าเคียงใกล้โลกีย์แล้วมิพ้น พอแจ่มแจ้งแสงสีรวีจำรัส จบจังหวัดฟากฟ้าเวหาหน หน่อกษัตริย์หัสไชยอยู่ไพชยนต์ บรรทมบนแท่นทองที่รองทรง ครั้นรู้สึกนึกรำพึงถึงพระพี่ ฉวยเสียทีอีผู้คุมจะลุ่มหลง ค่อยขยดลดเลื่อนพระองค์ลง มาโสรจสรงพักตราแล้วคลาไคล ถึงห้องที่ลาลีวันกำนัลนั่ง ถามว่ายังไสยาสน์อนาถไฉน คอยฟังเสียงเมียงมองเข้าห้องใน เห็นหลับใหลแลแปลกแต่แรกมา มองเขม้นเห็นเปลื้องเครื่องหนังเสือ ใส่แต่เสื้อสมเพชพระเชษฐา กอดผู้หญิงอิงแอบแนบนิทรา คลอน้ำตาตกใจกระไรเลย ตะลึงคิดผิดทีพระพี่เจ้า มาหลงเข้าซองซ้ำแล้วกรรมเอ๋ย จนรุ่งแจ้งแสงสายยังก่ายเกย ไม่เห็นเลยว่าจะเป็นถึงเช่นนี้ เข้าปลุกสั่นบรรทมริมบรรจถรณ์ สุดสาครรู้สึกนึกบัดสี ด้วยแรกตื่นฝืนอารมณ์ได้สมประดี ลงจากที่แท่นทองกอดน้องน้อย ทรุดพระองค์ลงนั่งนึกสังเวช น้ำพระเนตรหยดเหยาะลงเผาะผอย พี่ผิดพลั้งครั้งนี้เพราะผีพลอย เหมือนตายน้อยน้องเอ๋ยไม่เคยเป็น วิปริตจิตใจให้ไหลเลื่อน อยู่ก็เชือนเฟือนฟั่นเหมือนฝันเห็น แล้วตรัสกับอนุชาเวลาเย็น ไม้เท้าเป็นงูหายเสียดายนัก พลางสะอื้นกลืนกลัดให้ขัดข้อง กอดพระน้องแนบประทับไว้กับตัก ประโลมลูบจูบจอมถนอมพักตร์ เหมือนเคยรักรู้สึกด้วยนึกมนต์ ฯ ๏ อนุชาว่าพระพี่หนีเถิดจ๊ะ ขืนอยู่นะคิดเห็นไม่เป็นผล เรารีบออกนอกห้องทั้งสองคน ข้างพระชนนีคงจะหลงคอย ฯ ๏ นางสุลาลีฟังเห็นคลั่งหาย เชื่อน้องชายฉุนแค้นแน่นคอหอย ลุกมานั่งข้างเตียงเมียงชม้อย แล้วว่าน้อยหรือพระพี่เธอดีจริง เห็นนอนฝันพันผูกถึงลูกสวาท เหลือประหลาดแล้วผู้ชายกลายเป็นหญิง พอเห็นนางวางน้องต้องประวิง พระก็นิ่งนั่งพินิจด้วยคิดเกรง รูปก็งามนามก็เพราะฉอเลาะแหลม ทั้งสองแก้มเหมือนอย่างมะปรางเปล่ง ดูผิวผ่องเพียงพระจันทร์เมื่อวันเพ็ง ชำเลืองเล็งแลแฉล้มแล้วแย้มยิ้ม ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นใหลหลง กำสรดทรงสร้อยเศร้านั่งเหงาหงิม แค้นฝรั่งช่างไม่อายทำพรายพริ้ม เข้านั่งริมผัวแอบไว้แนบเนื้อ นึกด่าทอตอแหลชอบแต่ตบ ไม่เคยพบหน้าเป็นทะเล้นเหลือ ชะเช่นนี้มีมีดจะกรีดเนื้อ ให้ทานเสือเสียให้สิ้นลิ้นลังกา จะนั่งดูอยู่ก็แสนจะแค้นคั่ง สุชลหลั่งคลอเนตรดูเชษฐา เหลือเจ็บช้ำน้ำใจอาลัยลา กลับออกมาห้องกลางที่ปรางค์ใน ฯ ๏ พอบิตุรงค์องค์ละเวงวัณฬาราช ตื่นไสยาสน์เรียกหาแล้วปราศรัย ให้แต่งองค์ทรงเสวยสว่างใจ พระหัสไชยกราบก้มบังคมลา จ่ามหาดเล็กอยู่ประตูนอก จึงไปบอกไพร่นายทั้งซ้ายขวา พระจะกลับไปประทับที่พลับพลา ได้ปล่อยม้าปล่อยสิงห์วิ่งสบาย ฯ ๏ นางละเวงเกรงไม่กลับกำชับสั่ง คืนมาวังนะอย่าไปให้สูญหาย แล้วเหลียวหลังสั่งตัวเจ้าขรัวนาย ช่วยถวายพระกลดทรงองค์โอรส บอกสาวสาวเหล่าสุรางค์นางน้อยน้อย ให้มาคอยตามหลังไปทั้งหมด หน่อกษัตริย์หัสไชยฤทัยระทด น้อมประณตลามาชาลาลาน ฯ ๏ ข้าหลวงตามหลามทางท้าวนางกั้น กลดสุวรรณกันแสงพระสุริย์ฉาน เสด็จมาหน้าประตูดูอาการ เห็นทหารหิวโหยโรยกำลัง จึงขับเหล่าสาวใช้ไปเถิดนะ แล้วคงจะพบกันอีกวันหลัง แล้วบอกกล่าวเล่าให้นายไพร่ฟัง ขึ้นทรงนั่งสิงห์ขับไปพลับพลา ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร สุดสาครคลาดคล้อยเฝ้าคอยหา แต่ราตรีมิได้วายฟายน้ำตา อยู่พลับพลาริมทุ่งจนรุ่งเช้า นั่งชะแง้แลตะลึงรำพึงคิด หรือไปติดปมเชือกตามเถือกเถา หรือพระจะแกล้งพรากไปจากเรา ยิ่งคิดเศร้าเสียใจอาลัยแล ไม่แต่งองค์ทรงเสวยให้เลยอิ่ม ความแค้นปริ่มเป็นฝีเขาตีแผล แต่กลืนน้ำช้ำพระศอให้ท้อแท้ เหมือนอยู่แต่กายสิ้นซึ่งวิญญาณ์ ฯ ๏ พอเหลือบเห็นหัสไชยมาใกล้ทัพ นางแลรับลูกเธอชะเง้อหา ไม่เห็นหนจนกุมารคลานเข้ามา บนพลับพลากราบก้มบังคมคัล แล้วทูลความตามเข้าไปมิได้แก้ พระพี่แพ้ผู้หญิงทิ้งหม่อมฉัน ไปสมสู่อยู่กับอีลาลีวัน แล้วรำพันถึงเสน่ห์ทำเล่ห์กล ฯ ๏ มเหสีตีทรวงเสียงผางผาง น้ำเนตรพร่างพรายพร้อยดังฝอยฝน ชิชะอีฝรั่งมันขลังมนต์ เหมือนผูกคนขังไว้ที่ในกรง โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของเมียเอ๋ย กระไรเลยฟั่นเฝือเห็นเหลือหลง ให้พลอยทุกข์ลูกเต้าทั้งเผ่าพงศ์ ทั้งเสียองค์ไอศวรรย์เพราะวัณฬา ทีนี้หมดมดหมอไม่หลอเหลือ เห็นสิ้นเชื้อสุริย์วงศ์เผ่าพงศา แม้มิห่วงดวงจิตด้วยธิดา จะกลืนยาพิษให้บรรลัยลาญ อยู่เป็นคนทนอายนั้นหลายอย่าง ธุระพ่างเพียงระบมด้วยคมขวาน ยิ่งคิดแค้นแม้นกายจะวายปราณ คำโบราณว่าเอาชื่อให้ลือชา จะดื้อดึงถึงสถานพระผ่านเกล้า ตบอีเจ้ายาแฝดแพศยา มิให้ปะก็จะพังเมืองลังกา เข้าไปหาให้ได้พบประสบองค์ แม้ไม่เลี้ยงเที่ยงแท้แล้วแม่นี้ ถวายชีวีตามความประสงค์ จะเชือดคอให้ตายทำลายลง จำเพาะตรงพักตราพระสามี ฯ ๏ แล้วสั่งพราหมณ์สามนายอยู่ค่ายใหญ่ เราจะไปรบพุ่งชาวกรุงศรี ทหารเราชาวผลึกล้วนฝึกดี ช่วยกันตีชาวลังกาอย่าช้านาน พวกผู้หญิงยิงธนูเคยสู้รบ แต่งสมทบทัพด้วยช่วยทหาร ทั้งสาวสาวเหล่ากำนัลพนักงาน ที่จัดจ้านเอาไปด้วยได้ช่วยกู จะฝีมือหรือฝีปากไม่อยากพรั่น มึงช่วยกันรุมทะเลาะให้เพราะหู ให้เลื่องลือชื่อเราชาวชมพู คงจะสู้ทนเจ็บจนเย็บตา ฯ ๏ ฝ่ายหญิงชายชาวพหลพลผลึก อึกทึกแต่งกายทั้งซ้ายขวา ถือทวนง้าวหลาวแหลนแสนสาตรา แล้วผูกม้าพระที่นั่งบัลลังก์รถ อภิรุมชุมสายลายจำรัส มยุรฉัตรกรรชิงทั้งกลิ้งกลด พวกสตรีสี่ร้อยคอยประณต อยู่ริมรถถือธนูเป็นคู่เคียง ทั้งสามสาวเจ้าคารมหาส้มเปรี้ยว ไปขับเคี่ยวคอแห้งได้แต่งเสียง ล้วนจ้านจัดหัดซ้อมไว้พร้อมเพรียง ทหารเรียงรายริ้วเป็นทิวธง ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ ให้กษัตริย์สามพี่น้องเข้าห้องสรง ประดับเครื่องเรืองอร่ามทั้งสามองค์ ส่วนนางทรงเครื่องเก่าเศร้าวิญญาณ์ ชวนบุตรีพี่น้องกับหน่อนาถ ขึ้นทรงราชรถแก้วแววเวหา พระหน่อน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา นั่งอยู่หน้ารถก้มประนมกร ให้เดินทัพขับพลพหลโห่ ทหารโล่เขนดั้งหน้าหลังสลอน ประโคมฆ้องกลองแห่สังข์แตรงอน เสียงสะท้อนสะท้านทุ่งมากรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาบนหน้าที่ เห็นโยธีธงทิวปลิวไสว เป็นทัพศึกกึกก้องมีกลองชัย พวกนายไพร่ขึ้นพร้อมป้อมเสมา ปิดประตูบูรีคลี่ธงรบ เตรียมอยู่ครบครั่นครื้นเครื่องปืนผา คอยรับสู้หมู่หมวดเที่ยวตรวจตรา ให้เขามารบก่อนจึงรอนราญ ฯ ๏ ฝ่ายทัพพระมเหสีถึงที่ป้อม สะพรั่งพร้อมซ้ายขวาโยธาหาญ หยุดรถทรงตรงพลับพลานอกปราการ สั่งกุมารหน่อกษัตริย์หัสไชย พ่อเคยเข้าเฝ้าองค์พระทรงฤทธิ์ ช่วยทูลกิจจาแจ้งแถลงไข จะขอเข้าเฝ้าพระภูวไนย แม้นมิให้พบพระองค์จะสงคราม ฯ ๏ กุมาราว่าขอรับอภิวาท ลงจากราชรถเสด็จไม่เข็ดขาม บอกฝรั่งนั่งประตูต่างรู้ความ ไม่ห้ามปรามเปิดให้เข้าในวัง ตรงขึ้นบนมนเทียรทูลฉลอง ให้ทราบสองกษัตริย์ตามเนื้อความหลัง ไม่ให้เฝ้าคราวนี้ก็มิฟัง จะรบพังประตูเข้าบูรี พระอภัยใหลหลงทรงพระสรวล เฝ้ารบกวนเกเรมเหสี ให้พวกเราเข้าสู้ดูสักที ไหนจะตีเข้ามาได้ในประตู ฯ ๏ นางละเวงเกรงศึกที่ฮึกหึง จะอื้ออึงอัปยศให้อดสู คิดผ่อนปรนกลศึกฝึกต่อครู จะลองสู้ศึกรักให้หักทบ ออกรับหน้าพาผัวไปยั่วเล่น ขี้หึงเห็นใจจะหมองต้องสลบ แล้วเสแสร้งแกล้งว่าเขามารบ จะใคร่พบภูวไนยจงไปรับ แม้จะรักครองสัตย์จงตัดเขา มิโปรดเกล้ายั่งยืนจงคืนกลับ จะตามไปให้เห็นกายนางนายทัพ ได้ยินกับสองหูดูกับตา หรือว่าพระจะไม่ไปอย่างไรเล่า พลางหยิกเพลาเป่ามนต์ดลคาถา พระโอนอ่อนผ่อนผันตามวัณฬา ไปสิพากันไปล้อให้พอการ ฯ ๏ นางรับสั่งบังคมประนมน้อม มาสั่งพร้อมแสนสาวชาวทหาร ข้าหลวงเหล่าเจ้าคารมมานมนาน ไปออกงานเสียด้วยกันประชันโรง แล้วก็มาอ่าองค์สรงน้ำกลั่น เจิมน้ำมันจันทน์ทาให้อ่าโถง มุ่นกระหมวดกวดเกล้าเป็นเงาโง้ง ปักปิ่นโปร่งกระจ่างจับประดับพลอย ทรงภูษาค่าเมืองเรืองจำรัส คาดเข็มขัดเพชรพริ้งเหมือนหิ่งห้อย ฉลององค์ทรงนางเสื้ออย่างน้อย แล้วสอดสร้อยสังวาลประสานทรง เฉลิมช้องป้องพักตร์จำหลักเพชร กรรเจียกเก็จนกอย่างเช่นหางหงส์ ทองกรเพชรเตร็จตรัจกระหวัดวง ธำมรงค์รายพระหัตถ์จำรัสเรือง แล้วร่ายมนต์ดลจิตให้พิศเพ่ง ดูปลั่งเปล่งผิวผ่องละอองเหลือง เสร็จแต่งองค์เอี่ยมอร่ามงามประเทือง แล้วย่างเยื้องมายังองค์พระทรงยศ ฯ ๏ เข้าหมอบเมียงเอียงแก้มแล้วแย้มยิ้ม พระเชยชิมชื่นใจดอกไม้สด นางเชิญองค์สรงชลสุคนธรส ทรงเครื่องยศอย่างฝรั่งเจ้าลังกา ล้วนเครื่องดำสำคัญวันอาทิตย์ ตามจริตศักราชพระศาสนา อร่ามเรืองเครื่องสำหรับประดับประดา พระมาลาสวมสอดใส่ยอดเพชร ทรงรองบาทชาติฝรั่งนวมหนังนุ่ม พระชงฆ์หุ้มคลุมสนับแล้วสรรพเสร็จ กระบี่ทรงองค์กุดั่นกัลเม็ด แล้วเสด็จนำนางจากปรางค์ทอง พวกห้ามแหนแสนสุรางค์นางเชิญเครื่อง ค่อยยาตรเยื้องยอบก้มประนมสนอง ข้าหลวงเหล่าเถ้าแก่ออกแซ่ซ้อง มาตามท้องทางใหญ่ที่ในวัง ขึ้นตรวจพลบนเชิงเทินพระเดินหน้า นางวัณฬาเหล่าหม่อมห้ามเดินตามหลัง ท่านท้าวนางกางกลดให้บดบัง จนกระทั่งถึงประทับที่พลับพลา เห็นกองทัพนับหมื่นดูดื่นดาษ วรนาฏนางกษัตริย์ทรงรถา เห็นลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา พระชลนาแนวนองจะร้องทัก กลับเคลิ้มองค์หลงลืมพระลูกแก้ว รู้จักแล้วแล้วก็ดูไม่รู้จัก นางเสแสร้งแกล้งเมียงเข้าเคียงพักตร์ ทำชี้ชักชวนให้ดูหมู่โยธา แกล้งเยาะเย้ยมเหสีที่ทรงรถ ยุดทรงยศเหยียดกรป้อนสลา แล้วยืนดูอยู่ตรงทัพที่พลับพลา แกล้งรอเรียงเคียงหน้าพระสามี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์อัคเรศ ทอดพระเนตรบนพลับพลาหลังคาสี ไม่รู้จักพักตร์พระอภัยมณี ด้วยภูมีเหมือนฝรั่งเมืองลังกา นึกว่าใครไหนหนอมาคลอหญิง ดูเย่อหยิ่งกั้นกลดมียศถา สองนงเยาว์เข้าชิดทูลกิจจา พระบิดานะพุคะพระชนนี นางสงสัยให้เคลื่อนรถพระที่นั่ง ไปหยุดยั้งใกล้พลับพลาหลังคาสี เห็นประจักษ์พักตราพระสามี อัญชลีแล้วสะอื้นกลืนน้ำตา ยิ่งแสนแค้นแน่นอัดตรัสไม่ออก เหมือนเสี้ยนยอกเนตรสลายทั้งซ้ายขวา สุดจะขืนกลืนกลั้นตันอุรา ทรงโศกากรรมเอ๋ยไม่เคยเป็น รู้ฉะนี้มิเป็นคนทนเทวษ จะควักเนตรเสียมิให้ได้มาเห็น พระชลนัยน์ไหลซกตกกระเซ็น เจียนจะเป็นบ้าหลังคลั่งอารมณ์ ฯ ๏ พระอภัยได้เห็นพักตร์อัคเรศ ยังชื่นเนตรนึกคิดสนิทสนม พอลูกสาวเจ้าลังกาเป่าอาคม เคลิ้มอารมณ์รื้อค้อนว่างอนเกิน กระต่ายแก่แร่ข้ามมาตามติด ช่างไม่คิดขวยอายระคายเขิน เขาเบื่อใจไม่อยู่จนสู้เมิน มาก้ำเกินดูเบาเพราะเมามัว มาตามข้าว่ากระไรใครเป็นหนี้ หรือเดิมทีช่วยไถ่ไว้เป็นผัว หรือข้าเป็นขอเฝ้ามาเอาตัว ข้านี้กลัวเจ้าแล้วเจ้านางเฒ่ารึง ได้เริศร้างต่างคนก็ต่างอยู่ ยังมิรู้สึกตัวมามัวหึง ชะร้องไห้ไม่ฟื้นสะอื้นอึง ชาติหน้าจึงจะช่วยปลอบให้ชอบใจ ฯ ๏ มเหสีตีทรวงเข้าฮักอัก อกมิหักแล้วหรือกรรมจะทำไฉน นางแสนแค้นแสนละห้อยน้อยพระทัย สลบไปเป็นครู่แล้วรู้องค์ สะอื้นพลางทางว่านิจจาเอ๋ย กระไรเลยภูวไนยช่างใหลหลง เสียแรงน้องปองจิตเหมือนบิตุรงค์ รักพระองค์อุสาห์ตามข้ามคงคา ไม่มีโทษโกรธตรัสถึงตัดขาด เหมือนพระบาทฟาดฟันบั่นเกศา แต่ลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา มาวันทาพระไม่ทักเลยสักคำ เคยพึ่งบุญทูลกระหม่อมเหมือนฉัตรแก้ว ไม่มีแล้วใครจะชุบอุปถัมภ์ จะสู้ตายมิให้เป็นซึ่งเวรกรรม แต่อย่าซ้ำแนมเหน็บให้เจ็บใจ อันฝรั่งลังกาเป็นข้าศึก ไม่เคยนึกว่าพระองค์จะหลงใหล แม้พวกอื่นหมื่นแสนทั้งแดนไตร น้องมิได้ข้องขัดพระอัชฌา นี่ศัตรูงูพิษมันคิดคด ให้เสียยศเสียชาติพระศาสนา เสียโอรสหมดทั้งพระอนุชา แต่ธิดาเด็กนิดยังคิดชัง ฯ ๏ พระฉุนรักพักตร์สลดกำสรดเศร้า ละเวงเป่ามนต์เสียวกลับเหลียวหลัง หลงรักข้างนางวัณฬาว่าไม่ฟัง น้อยหรือนั่งร่ำไห้พิไรครวญ จนแก่เฒ่าเง้างอดทำออดแอด ลูกฝาแฝดของเจ้าจงเฝ้าสงวน เขาไม่มาดปรารถนาอย่ามากวน เจ้ากระบวนล้นเหลือจนเบื่อฟัง ฯ ๏ ส่วนลูกสาวเจ้าลังกาออกมาขวาง ชิชะนางโฉมงามลืมความหลัง แกล้งใส่หน้าว่าเสียดน่าเกลียดชัง ชาติฝรั่งนี่แลเจ้าเขาเล่าลือ ว่าคบชู้สู่หาแกล้งฆ่าผัว อันความชั่วตัวปิดสนิทหรือ มาเลียมลามปามไปดังไฟฮือ แต่ก่อนถือว่าเป็นพี่ศรีสะใภ้ ประเดี๋ยวนี้ดีแตกแหลกแล้วคะ เขาไม่ละลดดอกจะบอกให้ พระตัดขาดศาสนาไม่อาลัย อย่าร่ำไรสำออยตะบอยวอน ฯ ๏ นางฟังคำซ้ำแค้นยิ่งแสนแสบ ความเจ็บแทบถึงกระดูกดังลูกศร น้อยหรือเสียงเปรี้ยงแปร้นมันแสนงอน กลับมาค่อนขอดขุดถึงอุศเรน พระพานเกล้าเคล้าคลึงถึงขนาด จนเลือดฝาดขึ้นหน้าดังทาเสน มายืนดูคู่เคียงส่งเสียงเกน เห็นเอียงเอนสมนึกแล้วฮึกไป ว่าเดิมทีพี่ตัวเป็นผัวรัก ไม่รู้จักน้ำหน้าว่าคนไหน พระชนนีภิเษกให้ภูวไนย ข้ามิได้ดื้อตะครุบเอางุบงิบ แต่รุ่นราวสาวแส้จนแก่เฒ่า ไม่เหมือนเจ้าองค์เอกภิเษกดิบ ได้สุคนธ์มนต์เจือดังเนื้อทิพย์ ขึ้นจนลิบลอยเหลิงกว่าเชิงเทิน แต่ก่อนไรไม่หลงก็ทรงโปรด ไม่พิโรธเริศร้างระคางเขิน เหตุเพราะมึงพระจึงได้ละเมิน ถึงก้ำเกินก็ไม่ว่าเป็นสามี มาแต้มเติมเสริมความตามพระโอษฐ์ นางตัวโปรดเปรื่องประสิทธิ์เพราะฤทธิ์ผี แต่กระดาษวาดรูปจูบเป็นปี ประเดี๋ยวนี้องค์เธอบำเรอเอง ถึงออกโรงโจ่งครึ่มเป็นทึมทึก แต่สาวฝึกฉอเลาะไว้เหมาะเหมง ร้อยภาษามาสู่เคยรู้เพลง นางละเวงแต่ละว่าชาละวัน แต่เพียงพี่แล้วมิหนำยังซ้ำน้อง โอรสสองแทรกเจือเหลือขยัน เหมือนไหมย้อมปลอมเส้นเบญจพรรณ จึงต้องฟั่นเฝือผดุงบำรุงบำเรอ ข่มเหงเขาเจ้าของจองหองเหิม ยุส่งเสริมสารพันอีปั้นเจ๋อ ไม่เจียมกายอายเหนียมทำเทียมเธอ ขึ้นเสมอแม่เจ้าเอ๋ยเคยเคล้าคลอ มิเกรงพระจะไปจับมาสับเชือด ให้สิ้นเลือดสิ้นเนื้อไม่เหลือหลอ ถึงตัวตายก็จะหมายมาหักคอ เป็นคนขอแก้แค้นอีแสนเพลง ฯ ๏ นางวัณฬาว่าเหม่มเหสี ขึ้นอ้ายอีออกทะเลาะล้วนเหมาะเหมง เพราะปากกล้าว่าผัวไม่กลัวเกรง จึงเท้งเต้งต้องอดเหมือนมดตะนอย ชะจะเชือดเลือดเนื้อเถือกระดูก อย่าดูถูกชาวลังกาไม่ล่าถอย สักหน่อยหนึ่งก็จะพาเลือดตาย้อย กูก็คอยจะใคร่เชือดเอาเลือดเนื้อ ไปเซ่นศพอุศเรนกับบิตุเรศ ใครต้นเหตุอยู่ที่ไหนมิให้เหลือ ชะลูกสาวเจ้าผลึกทึมทึกเทื้อ มิเต็มเรื้อหรือจึงข้ามมาตามทวง ประทานโทษโปรดปรานเถิดผ่านเกล้า ช่วยคลึงเคล้าคลอเคลียเหมือนเสียขวง ได้ดับทุกข์ยุคเข็ญให้เย็นทรวง อย่าให้ง่วงงุ่นง่านทะยานทะเยอ ฯ ๏ นางโฉมยงทรงฟังยิ่งคั่งแค้น มันตอบแทนทับทวีตีเสมอ เพราะผ่านเกล้าเข้าด้วยพลอยอวยเออ ได้ท้ายเธอปรักปรำยิ่งซ้ำเติม กันแสงพลางทางว่าอีฝาหรั่ง มึงขึ้นซังสมนึกทำฮึกเหิม อันข้อพ่อพี่ชายตายแต่เดิม ว่ากูเริ่มเหตุผลแต่ต้นมือ แค้นแต่กูภูวไนยมึงไม่แค้น เธอทดแทนถึงที่กลับดีหรือ อีแสนกลคนเขาออกเล่าลือ ไม่พ้นมือกูดอกวะอีละเวง แล้วโศกาว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว ไม่เลี้ยงแล้วให้เมียน้อยคอยข่มเหง เพราะให้ท้ายหมายได้จึงไม่เกรง อีละเวงมันจองหองกับน้องนัก มิเมตตาฆ่าเมียเสียให้ม้วย แต่อย่าช่วยเสริมซ้ำมาปรำปรัก เสียแรงน้องรองบาทาสาพิภักดิ์ พระเหมือนหลักโลกเที่ยงอย่าเอียงเอน ฯ ๏ พระอภัยใหลหลงทรงพระสรวล ถึงบทครวญแล้วหรือเจ้าไม่กราวเขน เมื่อตะกี้นี้ออกเปรี้ยงขึ้นเสียงเกน เดี๋ยวนี้เบนเบือนหน้ามาหารือ ช่างเป็นไรไยมิตายอยู่ขายหน้า เดี๋ยวนี้ข้าได้เป็นผัวของตัวหรือ เจ้ากับข้าสารพัดไม่ฟัดครือ ข้าก็ถือเมียของข้าว่าไม่แพ้ นางวัณฬาว่าชอบเขาตอบโต้ ตัวโมโหที่เขาถากถูกปากแผล ยิ่งแสนงอนอ่อนคอทำท้อแท้ ไม่เจียมแก่เกะกะเที่ยวระรั้ว ฯ ๏ นางฟังคำซ้ำแค้นยิ่งแสนเจ็บ เมียน้อยเหน็บแล้วมิหนำยังซ้ำผัว ส่วนฝ่ายข้างนางละเวงพระเกรงกลัว เห็นเมามัวมนต์มันอีวัณฬา ทั้งลูกเต้าเล่าก็พลอยขาดลอยหมด ใครจะปลดเปลื้องมนต์ดลคาถา จะลืมองค์หลงคลั่งอยู่ลังกา สุดปัญญายิ่งระย่อท้อระทด ด้วยทุกข์ร้อนซ้อนซมระดมทับ จนลมจับนงลักษณ์พักตร์สลด ล้มสลบทบทับอยู่กับรถ เจียนจะปลดเปลื้องชีวานิคาลัย ฯ ๏ สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาผวาหวีด ร้องกราดกรีดกอดแม่เข้าแก้ไข ต่างนวดฟั้นสั่นเพลาสักเท่าไร มิหวาดไหวกายายิ่งจาบัลย์ นางกรีดก้องร้องทูลพระบิตุเรศ พระทรงเดชโปรดด้วยช่วยหม่อมฉัน เร็วเร็วพระชนนีสิ้นชีวัน พลางทรงกันแสงสงสารพระมารดา ฯ ๏ นางละเวงเกรงองค์จะสงสาร แกล้งว่าขานด้วยจิตริษยา มเหเสือเหลือการเจ้ามารยา พระพลอยว่าจริงหนอเจ้าเฝ้าสำออย เธอร้องตอบบุตรีว่าขี้หึง นั่นแหละจึงลมจับลงพับผอย ชักไปเผาเอากระดูกเถิดลูกน้อย อย่ามาพลอยเรียกพ่อมิขอพบ นางวัณฬาหน้าเปรมเป็นเหมฮึก เห็นสมนึกนิ่งเกลือกเสือกสลบ แกล้งเชิญองค์ลงมาหน้าหอรบ พอจวนพลบกลับเข้าไปเสียในวัง ฯ ๏ สองบุตรีตีทรวงสะอื้นอ้อน โอ้บิดรเด็ดเดี่ยวไม่เหลียวหลัง เรียกเท่าไรไม่หยุดสุดกำลัง ทรุดลงนั่งนวดเพลาพระเสาวนีย์ ร้องเรียกเหล่าสาวสุรางค์ขึ้นข้างรถ ต่างกำสรดด้วยพระมเหสี ทั้งโยธาข้าเฝ้าเศร้าโศกี พระบุตรีกรีดกราดเพียงขาดใจ เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของลูกแก้ว สิ้นเสียแล้วลมริกริกไม่พลิกไหว พอเหลียวเห็นหน่อกษัตริย์หัสไชย ยืนบนใบเสมาร้องว่าวอน ลมจับพระชนนีเจ้าพี่จ๋า รู้หยูกยาอย่างไรมั่งช่วยสั่งสอน พระพี่ช่วยด้วยเถิดคะพระบิดร ท่านตัดรอนเสียแล้วไม่เห็นใครเลย ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยตกใจวิ่ง ด้วยรักจริงอยากจะใคร่ได้เป็นเขย มาสั่งให้ไขประตูเขารู้เคย ไม่ห้ามเผยให้เธอออกนอกกำแพง ขึ้นรถทรงตรงเข้านวดพระเพลาพลาง เห็นสองนางจาบัลย์พลอยกันแสง จนโพล้เพล้เวลาท้องฟ้าแดง ค่อยมีแรงริกริกนางพลิกฟื้น พิมเสนผงทรงดมรอลมถวาย ระทวยกายกัลยาไม่ฝ่าฝืน ด้วยเจ็บช้ำน้ำจิตดังพิษปืน ถอนสะอื้นวรองค์ทรงฤทัย ให้เลิกทัพกลับมาพลับพลาพัก แต่นงลักษณ์ลุกนั่งยังไม่ไหว ยุดพระศอหน่อกษัตริย์หัสไชย ค่อยแข็งใจจากที่นั่งบัลลังก์รถ สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาอยู่ขวาซ้าย เจ้าขรัวนายห้อมล้อมมาพร้อมหมด ขึ้นพลับพลาอาศัยฤทัยระทด โศกกำสรดไสยาสน์เหนืออาสน์ทอง พอมืดค่ำคล้ำคลุ้มชอุ่มฝน ยิ่งมัวหม่นมุ่นในฤทัยหมอง ประโคมขับตรับฟังแตรสังข์ซ้อง เสียงฆ้องกลองกลุ้มใจกระไรเลย ให้สาวใช้ไปปรามห้ามแซ่เสียง สะอื้นเอียงอ่อนองค์ไม่สรงเสวย ให้ร้อนรนคนผลัดพัดรำเพย ด้วยไม่เคยขัดข้องให้หมองมัว อันโศกอื่นหมื่นแสนในแดนโลก มันไม่โศกลึกซึ้งเหมือนหึงผัว ถึงเสียทองของรักสักเท่าตัว ค่อยยังชั่วไม่เสียดายเหมือนชายเชือน ถึงสมบัติวัตถาบรรดาศักดิ์ ลูกที่รักร่วมใจก็ไม่เหมือน ทั้งแสนแค้นแสนรักคอยตักเตือน จนฟั่นเฟือนใฝ่ฝันถึงวัณฬา ละเมอเห็นเป็นว่าพบนางตบต่อย ข่วนเป็นรอยร้องกรีดหวีดผวา ร้องเรียกเหล่าสาวใช้ริมไสยา จิกหัวมาตบซ้ำให้หนำใจ ฯ ๏ ฝ่ายสาวสาวเจ้าสั่งระวังผิด ใครนั่งชิดฉุดคร่าไม่ปราศรัย บ้างทุ่มเถียงเสียงก้องทั้งห้องใน นางกลับได้คิดห้ามปรามทั้งปวง จะบรรทมกรมฤทัยมิใคร่หลับ ด้วยทุกข์ทับเทียมเท่าภูเขาหลวง เหมือนเสี้ยนยอกชอกช้ำระกำทรวง ให้งุบง่วงงีบสะดุ้งจนรุ่งราง กำเริบโรคโศกรักสลักจิต ด้วยสุดคิดสารพัดจะขัดขวาง เห็นบุตรีพี่น้องทั้งสองนาง นั่งอยู่ข้างแท่นรัตน์กับหัสไนย จึงตรัสถามความองค์พระทรงศักดิ์ ซึ่งลูกรักได้ไปเห็นเป็นไฉน ทั้งเชษฐาอานั้นทำฉันใด พ่อเล่าให้ฟังความแต่ตามจริง ฯ ๏ กุมาราว่ายังกำลังหลง แต่ละองค์แอบอยู่กับผู้หญิง อีฝรั่งนั่งชะอ้อนเฝ้าวอนวิง ทำพาดพิงพูดยั่วให้ผัวรัก ทุกเวลานาทีไม่มีอื่น สำรวลรื่นเริงริกเสียงขิกขัก แค้นทรงฤทธิ์บิดาหนักหนานัก ช่างแสนรักเรียกมันแม่วัณฬา ฯ ๏ นางฟังคำร่ำเล่าเศร้าสะอื้น เหมือนจะฟื้นความแค้นให้แสนสา เสียดายองค์ทรงสวัสดิ์ภัสดา พระชลนาคลอคลอท้อพระทัย จึงว่าแม่แลเหลียวให้เปลี่ยวจิต สุดจะคิดผันแปรที่แก้ไข พ่อจัดแจงแต่งสารแจ้งการไป ถึงท้าวไทบิตุราชมาตุรงค์ เผื่อหมอมนต์คนดีจะมีมั่ง มาแก้คลั่งเคลิ้มคลายให้หายหลง มิช่วยแก้แม่นี้เห็นไม่เป็นองค์ จะปลดปลงลงกระดูกด้วยถูกยา ฯ ๏ พระคำนับรับสั่งมานั่งนอก เป็นที่ออกขุนนางพร้อมข้างหน้า ให้อาลักษณ์นักการแต่งสารตรา ไปกรุงการะเวกทูลมูลความ ครั้นเสร็จสรรพพับให้ม้าใช้รับ ขึ้นควบขับม้าระเห็จไม่เข็ดขาม ไปฝั่งน้ำตำบลถนนพระราม ลงเรือข้ามตัดมาตรงธานี ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าบุรีรมจักร กับองค์อัครชายามารศรี ทั้งโฉมแก้วเกษราปิ่นนารี องค์อรุณรัศมีศรีโสภา ต่างเศร้าสร้อยคอยศรีสุวรรณราช ทั้งพระญาติใหญ่น้อยละห้อยหา แต่ปีขาลป่านนี้ถึงปีระกา ยังหามาเมืองไม่ทั้งไพร่พล จะเคืองเข็ญเป็นไฉนก็ไม่รู้ ให้หมอดูบ่อยบ่อยสักร้อยหน บนอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิรณ แขวนเบี้ยบนเป็นระนาวทุกเจ้านาย ข้างครอบครัวตัวไพร่ที่ไปทัพ ผัวหากลับมาไม่ก็ใจหาย จะนั่งนอนร้อนรนกระวนกระวาย ต่างขวนขวายเช้าค่ำด้วยจำเป็น ที่หญิงดีมีศักดิ์รู้รักผัว ก็ซ่อนตัวมิให้ชายทั้งหลายเห็น ถึงยามนอนหมอนฟูกกระดูกเย็น น้ำตากระเด็นดังหนึ่งกายจะวายวาง ที่เช่นชั่วผัวต้องไปกองทัพ พอผัวลับแล้วก็เต้นออกเล่นหาง ที่กินลึกฝึกลูกเลี้ยงไว้เคียงข้าง ถึงผัวร้างสามปีไม่มีชู้ ท่านผู้หญิงริงเรือที่เหลือโศก กลายเป็นโรคเรอหาวลมผ่าวหู ให้บ่าวนวดปวดกระดูกถูกเส้นครู กลายเป็นงูพันกันประชันโรง ที่ผัวไปหลายปีจึงมีท้อง เหลือจะป้องปิดกันเหมือนควันโขมง บ้างคิดถึงหึงผัวกลัวจะโกง ไปลงโรงเรือนใหม่เหมือนไฟรุม ด้วยเมียผัวทั่วโลกที่โศกถึง เปรียบเหมือนหนึ่งเรือร้างค้างมรสุม ถึงตัวไปใจอยู่เป็นคู่คุม ทั้งแก่หนุ่มนึกเห็นก็เช่นกัน พอรู้ข่าวราวเรื่องเมืองผลึก อึกทึกถามเหตุทั้งเขตขัณฑ์ บ้างว่าทัพกลับมาเวลานั้น ต่างตื่นกันวิ่งพลอยมาคอยรับ พวกห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม ต่างอบรมคอยเสด็จไว้เสร็จสรรพ จนสารตรามาถึงวังคนคั่งคับ ขุนนางรับสารเข้าเฝ้าพระองค์ ฯ ๏ อ่านแถลงแจ้งความสามกษัตริย์ ซึ่งข้องขัดเข้าเชิงละเลิงหลง เหมือนเรื่องหลังฟังหมดท้าวทศวงศ์ หยิบสารตรงขึ้นปราสาทนั่งอาสน์ทอง อยู่พร้อมพรั่งมเหสีบุตรีหลาน ให้อ่านสารฟังความตามสนอง ว่าพระองค์หลงเชิงละเลิงลอง ไปครอบครองนางรำภาเจ้าป่าตาล มเหสีมิรู้หึงตะลึงนึก ชนะศึกเสียองค์น่าสงสาร นางฝรั่งยังจะรู้จักอยู่งาน ให้สำราญหรือจะยากลำบากองค์ โอ้พระคุณทูลกระหม่อมต้องถ่อมศักดิ์ เพราะผีชักผูกไว้จึงใหลหลง จะมัวมอมผอมซูบทั้งรูปทรง ให้แสนสงสารสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ พระชนนีขี้หึงเหมือนหนึ่งเสือ จึงว่าเบื่อเสียแล้วรักนั้นหนักหนา เขาชิงผัวกลัวเขาเฝ้าโศกา ไม่รู้ด่ามันให้มั่งมานั่งเซา อีฝรั่งลังกาอีหน้าด้าน มันคิดอ่านพันพัวลูกผัวเขา หน่อนรินทร์สินสมุทรเหมือนบุตรเรา ล้วนพงศ์เผ่าภัสดาเจ้าอย่ากลัว แม่มาลีพี่สะใภ้หล่อนไปแล้ว พาลูกแก้วไปกับแม่ได้แก้ผัว แล้วทูลท้าวคราวนี้มันตีครัว ลูกเขยมัวเมียฝรั่งคิดยังไร ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงวิตก ว่าเอออกเอ๋ยกรรมจะทำไฉน ข้าจะพาลูกยานัดดาไป ช่วยแก้ไขเขยขวัญตามปัญญา ท่านยายอยู่บูรีเถิดขี้หึง ไปอื้ออึงวุ่นวายจะขายหน้า แต่แรกสาวราวกับเสือเหลือระอา นึกจะหย่าเสียกับยายก็หลายครั้ง แม่เกษราอย่าเชื่อยายเสือเฒ่า ผัวของเจ้าจะระคายเมื่อภายหลัง ถึงหยาบช้าด่าทอค่อยรอรั้ง เมื่อหายคลั่งแล้วคงกลับมากับเรา ฯ ๏ นางพระยาว่าแม่เอ๋ยไม่เลยแล้ว ผัวเหมือนแก้วตาใครจะให้เขา เหมือนท้าวตรัสตัดคำว่าทำเนา ให้เหมือนเต่าต้มสุกสนุกจริง แม้มีผัวกลัววิวาทแล้วชาตินี้ มิได้มีผัวเหมือนเพื่อนผู้หญิง สุดแต่มีอีทั้งปวงมันช่วงชิง ให้นั่งนิ่งเป็นม่ายน่าอายใจ ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงพระสรวลว่าจวนค่ำ ยังจะร่ำรื้อหึงไปถึงไหน พระตรัสพลางทางให้หาเสนาใน มาสั่งให้จัดแจงแต่งเภตรา ทั้งเรือใช้ใหญ่น้อยสักร้อยถ้วน ตั้งกระบวนปีกหางอย่างปักษา จะข้ามชลวนวังไปลังกา ในเวลาตีสิบเอ็ดให้เสร็จการ ฯ ๏ เสนาทราบกราบลารีบมาสั่ง ให้เกณฑ์ทั้งมหาดไทยฝ่ายทหาร กรมท่าพาต้นหนพวกคนงาน ลงแต่งกว้านเสารอกสายนอกใน ที่นั่งหงส์องอาจดูผาดเผ่น เหมือนอย่างเป็นปีกหางระยางไสว ผ้าโมรีสีชาดเอาดาดใบ มีปืนใหญ่หน้าท้ายปืนรายเรียง มีห้องกั้นบัลลังก์ที่นั่งเล่น ประดับเป็นช่องกั้นชั้นเฉลียง พวกเสนีรี้พลขนเสบียง ลงพร้อมเพรียงไพร่นายรายระวาง ทอดประจำลำทรงตรงฉนวน ตั้งกระบวนแบบหัดไม่ขัดขวาง เป็นทัพหงส์องอาจผาดนภางค์ มีปีกหางครบถ้วนกระบวนบิน ฯ ๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม ถ้วนทุกกรมรู้ทั่วเตรียมตัวสิ้น เสื่อที่นอนหมอนรองเครื่องของกิน ล้วนใส่ปิ่นโตตั้งกำบังมิด ขี้เกียจกล่าวชาววังล้วนรังแต่ง กระแจะแป้งเป็นต้นด้วยสนจิต แหนบมีดพับกับหวีคู่ชีวิต ไปไหนติดตัวนางไม่ห่างกาย ท่านท้าวนางต่างหาสินค้าของ ใส่สำรองปากเรือไว้เผื่อขาย จะซื้อเครื่องเมืองฝรั่งทั้งผ้าลาย มาจำหน่ายเมืองเราเอากำไร ต่างเรียกหาข้าคนมาขนของ จนย่ำฆ้องคบกระจ่างสว่างไสว บ้างลืมเสื่อเสื้อผ้าบ้างมาไป ออกขวักไขว่แซ่เสียงจนเที่ยงคืน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมแก้วเกษราเวลาค่ำ ยิ่งโศกซ้ำโศกาไม่ฝ่าฝืน คิดถึงองค์ทรงธรรม์สู้กลั้นกลืน ทุกค่ำคืนเคยอยู่เป็นคู่ครอง โอ้ครั้งนี้อีฝรั่งมันขังรัก ให้ลับพักตร์ผ่านเกล้าจะเศร้าหมอง เมื่อไรพระจะได้มาเห็นหน้าน้อง แต่ตรึกตรองตรมจิตไม่นิทรา จนสิบทุ่มรุ่มร้อนอาวรณ์เทวษ น้ำพระเนตรพร่างพรายทั้งซ้ายขวา สู้ฝืนองค์นงลักษณ์สรงพักตรา มาเตรียมคอยพระบิดาจะคลาไคล ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี พระบุตรีมัวหมองไม่ผ่องใส ด้วยบิตุเรศเชษฐาที่อาลัย ไปหลงใหลล้นเหลือเบื่ออารมณ์ ไปครั้งนี้อีฝรั่งช่างชะอ้อน จะขอดค่อนด่าว่าให้สาสม แต่สู้ขืนกลืนแค้นด้วยแสนตรม นิ่งบรรทมมิใคร่หลับนึกอับอาย จนจวนแจ้งแต่งองค์สรงสนาน พนักงานเครื่องต้นสุคนธ์ถวาย สำอางองค์ทรงเครื่องแล้วเยื้องกราย เจ้าขรัวนายพี่เลี้ยงเคียงประคอง ข้าหลวงเหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย เชิญเครื่องคอยกราบก้มประนมสนอง เสด็จมาสู่หน้ามนเทียรทอง คอยท่าสองภูบาลกับมารดา ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ ตื่นไสยาสน์โสรจสรงทรงภูษา ประดับเครื่องเรืองงามตามชรา ทรงมหามงกุฎแก้วดูแวววาว มเหสีมียศยังสดชื่น นุ่งลายพื้นเขียวตองห่มกรองขาว พระธำมรงค์วงรายพรอยพรายพราว ดูเหมือนสาวสุดสะอาดระวาดระไว ครั้นพร้อมเสร็จเสด็จออกมานอกห้อง ตรัสชวนสองกษัตราอัชฌาสัย พร้อมห้ามแหนแสนสนมกรมใน พระคลาไคลไปลงเรือหงส์ทอง พระธิดานารีบุตรีนั้น อยู่ห้องกั้นบัลลังก์มีทั้งสอง พร้อมแสนสาวชาวแม่ต่างแซ่ซ้อง อยู่ตามห้องหีบหมอนที่นอนเรียง พอได้ฤกษ์เบิกอรุณขุนทหาร ตีฆ้องขานโห่ลั่นสนั่นเสียง ทั้งหน้าหลังสังข์แตรแซ่สำเนียง ออกรายเรียงลำสล้างมากลางชล ทั้งเรือใช้ใหญ่น้อยแปดร้อยถ้วน เดินกระบวนเป็นลำดับไม่สับสน ออกชะวากปากมหาชลาวน พวกต้นหนหันเข็มตั้งไปลังกา พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก ต่างแล่นออกอ่าวรายทั้งซ้ายขวา ถึงน้ำเขียวเปลี่ยวใจนัยนา เห็นแต่ฟ้าสุดสูงสิ้นฝูงนก ออกน้ำลึกครึกครื้นด้วยคลื่นคลุ้ม กลิ้งมาทุ่มเรือกำปั่นให้หันหก ที่นั่งหงส์กงวานสะท้านสะทก ท้าวเธอตกพระทัยกระไรเลย เข้าในห้องร้องเตือนนางห้ามว่า ภาวนานะชาววังอย่านั่งเฉย สาวสนมกรมในล้วนไม่เคย แม่เจ้าเอ๋ยลูกไม่รอดลงทอดตัว บ้างซบเซาเมาทะเลโซเซล้ม พะอืดพะอมอาเจียนวิงเวียนหัว ต่างเข้าห้องร้องไห้ด้วยใจกลัว แม้มีผัวแล้วจึงตายไม่อายเลย มาทะเลเหลืออายต้องตายดิบ จะลอยลิบไปในน้ำแล้วกรรมเอ๋ย เขาว่ายวางอย่างไรเราไม่เคย ที่ไหนเลยลูกจะได้กลับไปวัง บ้างตัวสั่นงันงกตกประหม่า ภาวนาในใจจะไม่ขลัง คุณพระช่วยด้วยเจ้าข้าว่าดังดัง ด้วยกำลังกลัวตายไม่อายใคร พอพลบค่ำคล้ำมัวทั่วทุกทิศ ยิ่งมืดมิดมิ่งขวัญประหวั่นไหว น้ำกระจายพรายแดงดังแสงไฟ แล่นมาในแนวคลื่นทุกคืนวัน ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก อดิเรกเรืองเดชทุกเขตขัณฑ์ ออกอมาตย์มาตยาเวลานั้น พอราชมัลนำผู้ถือหนังสือมา ทูลแถลงแจ้งข่าวว่าหน่อนาถ บังคมบาทบอกเหตุพระเชษฐา ทั้งสี่องค์หลงคลั่งอยู่ลังกา ทราบสาราร้อนใจดังไฟฮือ ชะความรู้ผู้หญิงดีจริงหนอ หน่วงเอาหมอไปได้มิใช่หรือ เราเห็นเหตุเภทผลแต่ต้นมือ ลูกอ่อนถือหนังเสือเหลืองเครื่องสิทธา เมื่อหนุ่มสาวราวกับไฟใกล้ดินหู สุดจะสู้ศึกรักนั้นหนักหนา พระตรัสพลางทางถามขุนโหรา ให้ชำระพระชาตาสุดสาคร ฯ ๏ โหรบังคมก้มตรึกรำลึกโฉลก ลงเลขโชควิภังค์เข้าสังหรณ์ อังคารรึงตรึงทับพระจันทร ชลีกรกราบก้มบังคมทูล พระเคราะห์องค์ทรงยศโอรสร้าย ถึงอับอายอานุภาพเพียงสาบสูญ ผู้ทรงธรรมสมณะจะอนุกูล ให้เพิ่มพูนภิญโญเดโชชัย ฯ ๏ พระฟังคำทำนายเคยทายแน่ สงสารแต่เดี๋ยวนี้กรรมจะทำไฉน ยิ่งตรึกตราอาวรณ์ร้อนฤทัย กลับเข้าในมนเทียรวิเชียรพราย จึงบอกองค์นงลักษณ์อัคเรศ เหมือนอย่างเหตุหนหลังสิ้นทั้งหลาย มเหสีดังชีวีจะวางวาย แสนเสียดายลูกยาสุดสาคร อยู่ที่นี่ดีจริงหล่อนนิ่งเฉย แม่เจ้าเอ๋ยอีฝรั่งมันช่างสอน แม้ภูวไนยไม่ช่วยคงม้วยมรณ์ จะผันผ่อนโปรดปรานประการใด ฯ ๏ พระฟังนางทางว่าพี่ปรารภ ไม่เคยพบเคยเห็นเป็นไฉน นึกจะข้ามตามไปเองก็เกรงใจ ด้วยพระอภัยเข้าไปอยู่ในบูรี แต่นงลักษณ์อัคเรศอยู่เขตค่าย เราเป็นชายไปถึงพระมเหสี จะพูดจาปราศรัยก็ไม่ดี ครั้นจะมิเจรจาก็น่าชัง ซึ่งดีชั่วทั่วโลกไม่เล็งเห็น เกลือกจะเป็นรอยร้ายไปในภายหลัง จะแต่งให้ใครข้ามตามไปฟัง ก็คิดยังไม่เห็นใครจะไปเลย ฯ ๏ ฝ่ายนางจันทวดีโศกีร่ำ โอ้กรรมกรรมใครจะแก้เจ้าแม่เอ๋ย จะคลุ้มคลั่งอย่างไรเจ้าไม่เคย เมื่อไรเลยลูกยาจะมาวัง แม่รักเท่าเสาวคนธ์มาจนใหญ่ หรือจะไปลิบลับไม่กลับหลัง สะอื้นอ้อนอ่อนองค์ทรงกำลัง คิดความหลังขึ้นมาทูลสามี ท่านทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ ผู้วิเศษสัตย์ซื่อเหมือนฤๅษี ชันษากว่าร้อยยี่สิบปี เห็นท่วงทีท่านจะรู้เรื่องบูราณ เชิญไปด้วยช่วยพระหน่อวรนาถ ให้หายขาดคืนเขตนิเวศน์สถาน พระตรัสตอบชอบอยู่ครูอาจารย์ ท่านเชี่ยวชาญชาวเมืองย่อมเลื่องลือ แล้วเป็นครูสืบวงศ์พงศ์กษัตริย์ จนถัดถัดมาถึงเราเล่าหนังสือ อายุยืนตื้นลึกได้ฝึกปรือ ทั้งสัตย์ซื่อไม่สอพลอพูดล่อลวง ครั้งแผ่นดินปิ่นเกล้าพระเจ้าปู่ ให้ตึกอยู่ตามควรในสวนหลวง จะไปหามาเหมือนเหล่าเขาทั้งปวง เป็นที่ล่วงเกินครูรู้วิชา พี่จะไปให้ถึงจึงจะชอบ ได้นบนอบตามจริตเป็นศิษย์หา วันนี้ไปไม่ควรจวนเวลา ต่อรุ่งพระสุริยาจึงคลาไคล ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์ยิ่งหม่นหมอง คิดถึงน้องถึงพี่ป่านนี้ไฉน นางนึกแค้นอีฝรั่งยิ่งคลั่งใจ สะอื้นไห้ฮักฮักซบพักตรา แล้วทูลองค์ทรงฤทธิ์บิตุเรศ ลูกฟังฟังสังเวชพระเชษฐา ได้เป็นพี่มีคุณขอทูลลา ไปพามาเสียให้พ้นพวกคนพาล ฯ ๏ ทั้งสององค์ทรงฟังพระลูกรัก ไม่รู้จักเดียงสาน่าสงสาร ดูสัตย์ซื่อถือเหมือนสาวคราวโบราณ จะทัดทานก็เหมือนสอนให้งอนความ อนึ่งแก้วแคล้วคลาดก็คาดอยู่ เคยรบสู้ศึกเสร็จไม่เข็ดขาม ถ้าครั้งนี้มิให้ไปก็ไม่งาม ต้องปล่อยตามวาสนาประสาเคย ดำริพลางทางว่าบิดานี้ มิรู้ที่พูดถูกเลยลูกเอ๋ย ตามแต่ใจพ่อไม่ห้ามดอกทรามเชย ด้วยเจ้าเคยไปไหนไปด้วยกัน แต่ครั้งนี้พี่เขาเห็นว่าเป็นสาว จึงว่ากล่าวแกล้งให้อยู่ไอศวรรย์ จะตามไปไกลเนตรต่างเขตคัน พ่อคิดพรั่นเพราะเป็นหญิงนี้สิ่งเดียว จะวอนวานท่านปาโมกข์โลกเชษฐ์ ผู้วิเศษไสยศาสตร์ฉลาดเฉลียว ไปด้วยเจ้าคราวนี้ก็ดีเจียว ร่วมลำเดียวจะได้ถามความโบราณ แล้วท้าวหาข้าเฝ้าเข้ามาสั่ง เร่งจัดทั้งนาวาโยธาหาญ ที่นั่งใหญ่ให้ธิดากับอาจารย์ ไปแก้การกลฝรั่งเมืองลังกา ฯ ๏ มนตรีกราบทราบความตามรับสั่ง ออกจากวังนั่งริมโรงทิมขวา ให้เสมียนเขียนหมายจ่ายโยธา ทั้งข้างหน้าข้างในตามใหญ่น้อย พวกขุนนางต่างทำตามตำแหน่ง บ้างเปลี่ยนแปลงเชือกใบเครื่องใช้สอย ที่เรือใช้ไพร่ประจำลำละร้อย บ้างรีบถอยเรือแพออกแซ่ซ้อง ทั้งนายไพร่พร้อมหน้ากันว้าวุ่น ชุลมุนเอิกเกริกเบิกข้าวของ ที่คร่ำคร่ายาชันกันใต้ท้อง ที่เป็นช่องตอกหมันกันข้อเกร็ง ทำห้องหับจับรั่วต่างตั้งสิว โซมตั้งอิ้วเขียนฝาหลังคาเก๋ง ที่บ่าวไพร่ไม่มาด่าระเบง ระดมเร่งสารวัตรรีบจัดการ ที่นั่งครุฑบุษบกยาวหกเส้น ดูผาดเผ่นเรี่ยวแรงกำแหงหาญ ห้องสุวรรณบัลลังก์ดังวิมาน สูงตระหง่านงามสง่าในสาคร ทั้งเรือน้อยร้อยถ้วนกระบวนแห่ มาลอยแลคั่งคับสลับสลอน เหล่าล้าต้าต้นหนพลนิกร ล้วนเคยจรเจนทางกลางทะเล มาทอดท่าหน้าฉนวนพอจวนค่ำ ที่ลางลำลมปั่นให้หันเห บ้างน้ำเชี่ยวเหนี่ยวพวนอยู่รวนเร เสียงฮาเฮโห่ร้องก้องโกลา ฯ ๏ จนรุ่งสายฝ่ายพระองค์ดำรงราชย์ ตื่นไสยาสน์โสรจสรงทรงภูษา พร้อมสุรางค์นางนาฏราชธิดา เครื่องบูชาจานทองล้วนรองพาน ทั้งแก้วแหวนแทนข้าวตอกกับดอกไม้ ตามวิสัยกษัตรามหาศาล ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาหน้าพระลาน มนตรีกรานกราบก้มบังคมคัล พระทรงอาสน์ราชยานทหารแห่ พระแสงแส้เครื่องยศพระกลดกั้น สองพระองค์ทรงวอจรจรัล ฝูงกำนัลแวดล้อมมาพร้อมเพรียง มาตามทางหว่างฉนวนถึงสวนหลวง ไพร่ทั้งปวงอยู่ต่างหากห้ามปากเสียง นางสาวสาวชาววังเที่ยวนั่งเมียง ตำรวจเรียงรายห้ามตามทำนอง ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสชวนนางนงลักษณ์ กับลูกรักพนักงานเชิญพานของ เข้าในสวนล้วนแผ่นศิลารอง พระพาสองนางเดินดำเนินชม ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ เป็นพราหมณ์เทศเทวฤทธิ์อิศยมภ์ มีสมบัติพัสถานพานอุดม แต่อารมณ์ไม่สู้รักด้วยมักน้อย ตึกประทานบ้านตั้งหลังสวนหลวง ทาสทั้งปวงจัดไว้พอใช้สอย แต่ท่านยายขายเพชรเมล็ดพลอย อายุร้อยสิบเก้าแก่คราวกัน ดูรูปเห็นเป็นชราแต่หน้าอ่อน ฟันไม่คลอนเลยทีเดียวเคี้ยวขยัน แต่ผมหงอกดอกจึงแลดูแก่ครัน นอกกว่านั้นดีอยู่ทั้งหูตา ฯ ๏ ออกหน้าหอตึกก่อใต้ต้นสน เสียงผู้คนมากมายมองซ้ายขวา เห็นองค์ท้าวเจ้าประเทศเสด็จมา พราหมณ์พฤฒาดีใจลงไปรับ เชิญพระองค์ตรงขึ้นบนตึกขวาง มีหนทางทอดทำไว้สำหรับ พนักงานพานทองของคำนับ ตั้งลำดับเรียงกันบนบัลลังก์ ฯ ๏ สามกษัตริย์มัสการอาจารย์เฒ่า แล้วท้าวเล่าเรื่องต้นแต่หนหลัง สุดสาครหล่อนประมาทจนพลาดพลั้ง ไปงวยงงหลงฝรั่งเมืองลังกา ข้างบุตรีนี้เป็นน้องเฝ้าร้องไห้ จะลาไปฟังเหตุพระเชษฐา ไม่มีใครไปช่วยคิดกับธิดา เห็นแต่อาจารย์เจ้าเหมือนเผ่าพงศ์ แม้สบายหมายจะเชิญไปด้วยหลาน ช่วยแก้การคุณไสยด้วยใหลหลง ช่วยดูทีพี่น้องทั้งสององค์ จะสืบวงศ์ได้บ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ ทรงไตรเพทพิทยาภาษาไสย สังเกตยามตามนวางศ์เป็นทางใน เห็นจะได้คืนคงสืบพงศ์พันธุ์ จึงเคารพนบนอบตอบสนอง พระคุณของสองกษัตริย์ดังฉัตรกั้น ได้อยู่เย็นเป็นสุขทุกคืนวัน เพราะพระองค์ทรงธรรม์ทศพิธ เสด็จมาหาหม่อนฉานถึงบ้านช่อง พระคุณของทรงศักดิ์เป็นอักนิษฐ์ ข้าพเจ้าเล่าก็มีแต่ชีวิต ย่อมคงคิดกตัญญูรู้พระคุณ แต่ฝรั่งครั้งนี้ใช้ผีหญิง เข้าแทรกสิงเสียทีเดียวให้เฉียวฉุน ลงลึกซึ้งถึงกระดูกดังถูกคุณ นี่หากบุญของพระหน่อไม่มรณา อยู่ในวังรังควานประมาณมาก เห็นแสนยากยิ่งนักจะรักษา แก้ไม่หายฝ่ายหมอจะมรณา จะอุสาห์สาพิภักดิ์ไปสักครั้ง กับท่านยายฝ่ายวิชามารยาหญิง ทราบทุกสิ่งมาแต่สาวเมื่อคราวหลัง ไปด้วยกันนั้นจะได้เข้าในวัง ดูกำลังลมเล่ห์เสน่ห์ใน แล้วเพ่งพิศธิดาเจ้าการะเวก เป็นองค์เอกเอี่ยมอ่องดูผ่องใส นรลักษณ์อัคเรศเกศกรุงไกร แต่เป็นไฝแฝงโอษฐ์จะโกรธร้าย ดูราศรีปีหน้าชาตาตก จะกระกรกกระกรำระส่ำระสาย จึงทูลความตามตำราพฤฒาทาย พระเคราะห์ร้ายครั้งนี้ทั้งพี่น้อง จึงเผอิญเหินห่างให้ร้างเริศ ประดักประเดิดเดินหนต้องหม่นหมอง เมื่อปลายมือรื้อกระเดื่องจะเรืองรอง ได้ครอบครองสุริย์วงศ์สืบพงศ์พันธุ์ ฯ ๏ ท้าวฟังคำทำนายค่อยวายเศร้า ด้วยครูเฒ่าถึงเอกไม่เสกสรร จึงว่าผู้รู้วิชาที่สามัญ ไม่เทียมทันชันษาท่านอาจารย์ จะเปรียบรู้ผู้ใดไม่มีเทียบ ปัญญาเปรียบสมุทรไทอันไพศาล จึงรู้รอบขอบฟ้าจักรวาล ช่วยตามหลานรับมาอยู่ธานี คุณยายได้ไปด้วยช่วยหลานสาว พึ่งรุ่นราวไม่รู้ว่าประสาประสี ช่วยสั่งสอนหล่อนให้เรียบระเบียบดี เย็นวันนี้เชิญไปลงลำทรงนาง แล้วโอภาปราศรัยอภัยโทษ เหมือนได้โปรดทั้งสองเมื่อหมองหมาง แล้วท้าวลาตาพราหมณ์อวยพรพลาง พาสองนางกลับหลังเข้าวังใน ฯ ๏ ฝ่ายสาวสาวเหล่าข้าหลวงที่เลือกจัด ล้วนเคร่งครัดกิริยาอัชฌาสัย จะได้ตามพระบุตรีต่างดีใจ บ้างลงไปคอยท่าอยู่หน้าแพ พอบ่ายคล้อยหน่อยหนึ่งจะถึงฤกษ์ เสียงเอิกเกริกเรียกเร่งกันเซ็งแซ่ เรือที่นั่งตั้งขนัดอยู่อัดแอ ต่างคอยแลดูเสด็จให้เสร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม สระสรงโซมมุรธากระยาสนาน ประดับเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล เหมือนชายชาญเชิงณรงค์ทรงสำอาง แล้วลงมาหน้าโรงสิงโตเลี้ยง ด้วยอยู่เคียงปรางค์รัตน์ไม่ขัดขวาง เคยป้อนข้าวเช้าเย็นไม่เว้นวาง ร้องเรียกนางสิงโตวิ่งโผมา เข้าเคล้าเคลียเลียชงฆ์นางนงลักษณ์ ด้วยรู้จักแจ้งความตามภาษา นางรับมิ่งสิ่งขวัญจำนรรจา น้องจะพาไปเป็นเพื่อนเหมือนชีวัน อย่าเศร้าสร้อยน้อยใจไปกับน้อง นางสิงห์ร้องเหมือนจะรับขยับหัน นางเรียกมาหน้าปรัศว์อัฒจันทร์ พร้อมกำนัลน้อยน้อยคอยธิดา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศักดิ์กับอัคเรศ บ่ายโมงเศษสระสรงทรงภูษา พร้อมพระวงศ์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา กับธิดามาหยุดพักตำหนักชล คอยอาจารย์ท่านครูเป็นผู้ใหญ่ จะมาให้ฤกษ์พาสถาผล สิงโตทรงนงเยาว์เสาวคนธ์ เข้าปะปนหมอบเมียงอยู่เคียงนาง ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์ทั้งเมียผัว ต่างแต่งตัวสระหวีเกศีสาง ถึงผมขาวเกล้ามวยสวยสำอาง ประพฤติอย่างพราหมณ์พรตดาบสนี สวมประคำสำหรับร่ายพระเวท ห่มเศวตพัสตร์ผ่องละอองศรี แล้วเจิมพักตร์อักขระพระศุลี เด็กถือกลี่กล่องย่ามมีสามคน ออกเดินตามงามสง่าประสาแก่ ขึ้นขี่แคร่คนหามตามถนน ลงฉนวนส่วนสมเด็จพระภูวดล เชิญนั่งบนเจียมรองทั้งสองรา ต่างอำนวยอวยพรถาวรสวัสดิ์ ทั้งกษัตริย์สุริย์วงศ์เผ่าพงศา พอฤกษ์ดีตีฆ้องสองพฤฒา นำธิดาลงบัลลังก์ที่นั่งครุฑ ประโคมฆ้องกลองแตรอยู่แซ่เสียง ออกเรือเรียงรายสล้างกลางสมุทร เสียงโห่ร้องก้องบุรินทร์เพียงดินทรุด ต่างล่องรุดเรียงมาตามวารี ฯ ๏ พอออกจากปากอ่าวลมว่าวส่ง ที่นั่งทรงล้วนแต่ใบแพรสี ทั้งเรือน้อยลอยลำได้ลมดี ต่างก็คลี่ใบแล่นตามแผนทาง พวกนายท้ายหมายเกาะลังกาทวีป ออกแล่นรีบเร็วรัดไม่ขัดขวาง ข้าหลวงเหล่าสาวสรรค์กำนัลนาง นั่งท้าวคางบ้างก็เอกเขนกพิง บ้างแอบเพื่อนเหมือนหนึ่งน้องประคองปลอบ ชวนชื่นชอบชมชลาประสาหญิง บ้างเบียดผลักควักค้อนชะอ้อนอิง บ้างช่วงชิงที่นั่งทำรังแก ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์อยู่ห้องท้าย ข้างท่านยายเคียงข้างไม่ห่างแห เห็นกุ้งกั้งมังกรสลอนแล ประสาแก่กอดเข่านั่งเฝ้ามอง ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม งามประโลมเลิศสตรีไม่มีสอง เมื่อจากพี่วิบัติพลัดพระน้อง พระพักตร์ผ่องมัวเหมือนเดือนพยับ อยู่แท่นทองห้องกลางกระจ่างกระจก บุษบกบัลลังก์บังสลับ พอเวลาภานุมาศลีลาศลับ ดูดังดับดวงลงในคงคา ฯ ๏ โอ้เมื่อครั้งพรั่งพร้อมพระน้องพี่ เคยชวนชี้ชมสัตว์หมู่มัจฉา เคยคิดบอกดอกสร้อยสักวา คราวนี้มาเหงาเงียบระเยียบเย็น น้องแลรอบขอบฟ้าสาคเรศ ทุกขอบเขตแขวงแควไม่แลเห็น นี่เนื้อเคราะห์เพราะกรรมให้จำเป็น ต้องยากเย็นแยกย้ายพลัดพรายกัน ฯ ๏ นางครวญคร่ำรำลึกดึกสงัด น้ำค้างหยัดหยิมหยิมเมื่อคิมหันต์ โอ้อกเอ๋ยยามหนาวเมื่อคราวนั้น เคยเบียดกันบรรทมเมื่อลมเชย นี่หนาวใจไม่มีที่จะพลอด ใครจะกอดน้องเล่าลมว่าวเอ๋ย อย่าพัดต้องน้องรักนี้หนักเลย น้องไม่เคยนอนหนาวให้เปล่าใจ ถึงผู้คนอักนิษฐ์ในจิตเปลี่ยว เหมือนมาเดียวดังจะพาน้ำตาไหล โอ้พระจันทร์ดั้นฟ้าขึ้นมาไย น้องมิได้ชมจันทร์แล้ววันนี้ น้อยหรือดาววาววามอร่ามแสง กระจ่างแจ้งแจ่มฟ้าทั่วราศี น้องอยากดูอยู่แต่ไม่มีใครชี้ โอ้พระพี่เอ๋ยช่างไม่อาลัยน้อง ป่านฉะนี้พี่จะนึกรำลึกเหมือน หรือมีเพื่อนปรีดิ์เปรมเกษมสอง พระเชษฐาน่าจะอยู่กับคู่ครอง แต่พระน้องจะอยู่ไหนก็ไม่รู้ แค้นพระพี่มีเมียเสียแต่เล็ก ดูดังเด็กแข็งคดไม่อดสู อีคนไรใครที่รักกับพี่กู จะได้ดูน้ำหน้าด่าให้ยับ ยิ่งแค้นคั่งนั่งนึกสะอึกสะอื้น จนดึกดื่นดาวเคลื่อนทั้งเดือนดับ ไม่หลับใหลไสยาสน์ให้หวาดวับ จนฟ้าจับแสงทองผ่องโพยม ฯ ๏ นางฟื้นองค์สรงชลสุคนธรส นั่งชั้นลดร่มรื่นให้ชื่นโฉม คอยแลดูสุริยงดังวงโคม แย้มโพยมปริ่มน้ำขึ้นรำไร ประเดี๋ยวหนึ่งครึ่งดวงขึ้นช่วงแสง เป็นดวงแดงวงกระจ่างสว่างไสว เห็นอื่นอื่นรื่นเริงบรรเทิงใจ ชวนสาวใช้ชมปลาประสาสบาย ด้วยสาวรุ่นฉุนเฉียวประเดี๋ยวหนึ่ง ครั้นตรัสถึงเล่นสนุกก็ทุกข์หาย ไม่เหมือนตัวผัวเมียเขาเสียดาย บ่นน้ำลายฟูมปากด้วยอยากพบ แล่นเภตรามากับครูผู้วิเศษ จึงหายเหตุคลื่นลมระงมสงบ ถึงฟากฝั่งลังกามหรณพ พอบรรจบรมจักรนัครา ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ตรงขึ้นตั้งอยู่วังใหม่ ทั้งนายไพร่รมจักรอยู่รักษา นางเสาวคนธ์ขึ้นประทับอยู่พลับพลา ต่างรู้ว่าวงศ์วานสำราญใจ โฉมเฉลาเสาวคนธ์วิมลพักตร์ องค์เอกอัครธิดาอัชฌาสัย จึงชวนเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน เสด็จไปอัญชลีทั้งสี่องค์ ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าเมืองรมจักร เห็นนงลักษณ์เลิศล้วนนวลหง จึงปราศรัยไต่ถามถึงนามวงศ์ ครั้นทราบสงสารนางอย่างนัดดา ยังเด็กนักรักพี่เป็นที่ยิ่ง ไม่ทอดทิ้งทุกข์เทวษด้วยเชษฐา ฝ่ายนงลักษณ์อัคเรศเกษรา ขยับมานั่งชิดด้วยคิดรัก แม่อ่อนกว่าอรุณรัศมี จงเป็นพี่น้องกันเถิดประเสริฐศักดิ์ พลางโลมลูบจูบจอมถนอมพักตร์ ด้วยความรักร่วมจิตเหมือนธิดา ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร รู้โอนอ่อนฝากองค์เหมือนวงศา ขอพึ่งบุญชนนีพระพี่ยา กรุณาสั่งสอนด้วยอ่อนความ ฯ ๏ ฝ่ายอรุณรัศมีอารีรัก ด้วยสมศักดิ์สุภาพไม่หยาบหยาม ต่างปราศรัยไพเราะเสนาะความ ด้วยสองทรามรุ่นรักรู้จักกัน จนเย็นจวนชวนน้องเข้าห้องหับ อยู่นอนหลับชื่นชวนกันสรวลสันต์ สมทบเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล อยู่ด้วยกันเมืองใหม่ใกล้ทรงยศ ฯ ๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสนมเมืองรมจักร แต่ล้วนนักเลงเพื่อนเหมือนกันหมด ด้วยเมื่ออยู่บูรีภิรมย์รส เพราะท้าวทศวงศาไม่ว่าไร จนเคยเล่นเป็นธรรมเนียมนางรมจักร ทั้งร่วมรักร่วมชีวิตพิสมัย กลางคืนเที่ยวเกี้ยวเพื่อนออกเกลื่อนไป เป็นหัวไม้ผู้หญิงลอบทิ้งกัน เห็นสาวสาวชาวเมืองการะเวก ที่เอี่ยมเอกต้องใจจนใฝ่ฝัน แกล้งพูดพลอดทอดสนิทเข้าติดพัน ทำเชิงชั้นชักชวนให้ยวนใจ ฯ ๏ พวกพาราการะเวกไม่รู้เล่น คิดว่าเช่นซื่อตรงไม่สงสัย ต่อถูกจูบลูบต้องทำนองใน จึงติดใจไม่หมายให้ชายเชย หนุ่มหนุ่มเกี้ยวเบี้ยวบิดไม่คิดคบ เหตุเพราะสบเชิงเพื่อนจึงเชือนเฉย แต่เมืองเราชาวบุรีนี้ไม่เคย อย่าหลงเลยเล่นเพื่อนไม่เหมือนจริง อันรมจักรนัครากับการะเวก อภิเษกเสนหาประสาหญิง ออกอื้ออึงหึงหวงเพราะช่วงชิง ถึงลอบทิ้งทุบตีเพราะที่รัก ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงวิตก จะรีบยกไปลังกาอาณาจักร สั่งนายหมวดตรวจไพร่ให้พร้อมพรัก ชวนลูกรักนัดดาสรงวารี แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองระยับ กระจ่างจับผิวผ่องละอองศรี พร้อมสุรางค์นางกำนัลพวกขันที เสด็จลีลาเลยมาเกยลา ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงรถกับอัคเรศ แล้วรถเกษราทรงกับวงศา ส่วนบุตรีพี่น้องสองสุดา ร่วมรถาที่นั่งอลังกรณ์ พวกหม่อมห้ามงามยศขึ้นรถประเทียบ นั่งพับเพียบพิงพนักเยี่ยมพักตร์สลอน ทั้งหน้าหลังตั้งถ้วนกระบวนจร เดินนิกรกองทัพสลับพล ฯ ๏ ท่านทิศาปาโมกข์กับเมียแก่ ขึ้นขี่แคร่นำทางไปกลางหน สิงโตทรงนงเยาว์เสาวคนธ์ พลอยเดินปนชาววังตามหลังรถ ทหารแห่แตรสังข์ประดังเสียง เครื่องสูงเรียงฉัตรกรรชิงทั้งกลิ้งกลด ต้องขึ้นเนินเดินหว่างกลางบรรพต เสียงกงรถเหล็กดังกึงกังโกง กระทบหินบิ่นบิบ้างลิแหลก งอนแปรกเพลาพนักแตกหักโผง ถึงโกรกลงกงกลิ้งวิ่งโกรงโกรง ต้องแย่งโยงเชือกด้วยช่วยกำลัง พอเข้าป่าสาลวันจักจั่นแจ้ เสียงระเบงเซงแซ่กลบแตรสังข์ สุธาพื้นรื่นร่มพนมบัง เป็นป่ารังรุกขชาติประหลาดมี บ้างผลิตดอกออกผลทุกต้นกิ่ง บ้างตูมติ่งแตกประทับสลับสี ประดู่ออกดอกระย้าสารภี มะลุลีลำดวนรำจวนใจ นางสาวสาวน้าวกิ่งชิงกันเก็บ ให้นายเหน็บริมรถสดไสว นางห้ามแหนแสนสนมกรมใน ต่างคว้าไขว่ปริงปรางไปข้างรถ พวกขอเฝ้าเจ้าข้างในแบกไม้สอย ออกวิ่งร่อยรายหาบุปผาสด มาส่งให้พี่เลี้ยงเคียงประณต อยู่ท้ายรถส่งถวายสายสุดใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีทั้งพี่น้อง นั่งร้อยกรองตามประสาอัชฌาสัย อรุณร้อยสร้อยอ่อนซ้อนดอกไม้ ประทานให้โฉลมเฉลาเสาวคนธ์ กนิษฐ์น้อยร้อยสังวาลแลบานพับ ถวายกับเฟื่องห้อยแลสร้อยสน นางโฉมยงองค์อรุณร้อยกุณฑล นางเสาวคนธ์ร้อยจอนซ้อนดอกจันทน์ อรุณน้อยร้อยตาบเป็นกาบกิ่ง ประสาหญิงตรึงกลัดช่างจัดสรร ต่างประจงทรงอวดประกวดกัน แล้วชมพรรณพฤกษาระย้าย้อย พวงพะยอมหอมรื่นดูชื่นสด ลงระรถรวบหักไม่พักสอย ที่สูงลิบกลีบหล่นเวียนวนลอย นกน้อยน้อยจับจิกดูพลิกแพลง ทั้งพลับพลวงม่วงปรางลูกลางสาด มะตูมตาดแต่ละต้นพวงผลแฝง หญ้าฝรั่นจันทน์อินส่งกลิ่นแรง สมุลแว้งแจงจวงร่วงเรณู ฝูงนกหกผกโผนโจนโจมจับ บ้างขันรับร้องเรียกกันเพรียกหู นกโนรีสัตวาน่าเอ็นดู เป็นคู่คู่เคล้าคลอจ้อเจรจา ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างคะนึงถึงพระพี่ เคยพาทีไต่ถามนามปักษา มาจากน้องต้องข้ามติดตามมา ชลนาคลอคลองทั้งสององค์ ทั้งอัคเรศเกษรามาบนรถ โศกกำสรดเศร้าจิตพิศวง เหมือนมาเดียวเปลี่ยวใจอยู่ในดง เฝ้าซบทรงโศกาถึงสามี ฯ ๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องเมืองฝรั่ง ที่ในวังวัณฬามารศรี ได้ครองคู่อยู่กับพระอภัยมณี แต่เดือนยี่ยามหนาวคราวเหมันต์ เฝ้าคลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นว่าง จนถึงกลางเดือนห้าหน้าคิมหันต์ พอฝนตกหกห่าเวลานั้น สบกำลังตั้งครรภ์นางวัณฬา เคลิ้มระงับหลับใหลมิใคร่ตื่น ฝันว่ากลืนดาวจระเข้ในเวหา มีเทวัญพลันเสด็จระเห็จมา ถือสายฟ้าฟาดนางเหมือนอย่างไฟ แล้วก็ควักจักษุทั้งสองสิ้น ไม่เห็นดินเห็นฟ้าเลือดตาไหล ตื่นผวาคว้าปะพระอภัย ร้องทูลให้ช่วยด้วยจะม้วยมรณ์ ฯ ๏ พระแว่วเสียงเคียงน้องประคองกอด ระทวยทอดประทับทรวงดวงสมร แม่เป็นไรไหวหวั่นขวัญบังอร อย่าอาวรณ์เชิญแถลงให้แจ้งการ นางก้มเกล้าเล่าตามเนื้อความฝัน ยังหวาดหวั่นวรองค์น่าสงสาร พระแย้มสรวลชวนชื่นรื่นสำราญ เยาวมาลย์มีท้องแล้วน้องรัก เตรียมยี่ภู่อู่ทองไว้เถิดเจ้า พี่เลี้ยงเหล่านางนมให้สมศักดิ์ ลูกผู้ชายสายใจวิไลลักษณ์ อย่าเมินพักตร์ผินหน้าพูดจากัน เห็นแล้วหรือมือเก่านะเจ้าพี่ ไม่ถึงปีก็ได้เชื้อเหลือขยัน ไม่นับถือหรือจะว่าเล่นพนัน คนละปีมิให้คั่นจนวันตาย ฯ ๏ นางอายเอียงเถียงองค์พระทรงศักดิ์ อย่ามาทักทายหม่อมฉันพรั่นใจหาย ถ้าท้องไส้ใหญ่โตต้องโย้ย้าย อายเขาตายเสียแล้วกรรมทำอย่างไร โอ้แสนเข็ญเห็นไม่รอดเมื่อคลอดลูก ต้องกินหยูกกินยาเลือดตาไหล ยังมิหนำซ้ำจะร้อนต้องนอนไฟ ยิ่งทุกข์ใจเฝ้าสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ พระสวมสอดกอดประทับแล้วรับขวัญ อย่าหวาดหวั่นพรั่นจิตกนิษฐา จะช่วยครางบ้างให้เจ้าเบาโรคา แม้กินยาขมขื่นจะกลืนแทน พลางแย้มสรวลชวนชิดพิศวาส พี่ผูกขาดของหลวงอย่าหวงแหน นางว่าเบื่อเหลือระอาช่างน่าแค้น ยังขืนแค่นไค้แคะเฝ้าและเลียม แต่ตรงที่มีท้องน้องเป็นทุกข์ จะต้องซุกซ่อนกายเพราะอายเหนียม ยิ่งตรึกตราปรารมภ์ให้ตรมเกรียม อย่าและเลียมเลยมิได้แล้วไม่ยอม จะเหมือนนางมาลีมีฝาแฝด จนแก่แรดโรครูปก็ซูบผอม เป็นสตรีมีลูกต้องทุกข์ตรอม ทูลกระหม่อมเป็นผู้ชายสบายใจ พระจุมพิตชิดชวนสำรวลเย้ย นิจจาเอ๋ยมีท้องก็ร้องไห้ พลางยั่วเย้าเฝ้าล้ออรไท ตามวิสัยเซ้าซี้ด้วยปรีดา จนรุ่งรางต่างองค์สรงสนาน พนักงานคอยถวายเครื่องซ้ายขวา ตั้งโต๊ะทองของเสวยสามเวลา พระผ่านฟ้าฟั่นเฟือนไม่เคลื่อนคลาย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสมร ตั้งอุทรทุกข์ใจมิใคร่หาย คิดถึงฝันนั้นก็รู้อยู่ว่าร้าย พระทำนายยังไม่สิ้นที่กินใจ อันพี่น้องสองสุดาตำราแน่ จะให้แก้ฝันเห็นว่าเป็นไฉน ดำริพลางย่างย่องจากห้องใน เสด็จไปตึกลมที่ชมจันทร์ ให้หาสองธิดารำภาสะหรี มานั่งที่พระแกลแล้วแก้ฝัน ตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุบินนั้น เจ้าช่วยกันทำนายร้ายหรือดี ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาธิดาผู้ใหญ่ นางเข้าใจจับยามตามดิถี ด้วยได้เรียนรู้ตำราพระบาลี เห็นจะมีเหตุร้ายจึงทายทูล ซึ่งชมชื่นกลืนดาวจระเข้นั้น จะทรงครรภ์สืบปิ่นบดินทร์สูร ได้ปรากฏยศยงพงศ์ประยูร ให้เพิ่มพูนภิญโญในโลกา ซึ่งอารักษ์ควักเนตรนั้นเหตุใหญ่ จะจำให้ห่างเหเสนหา เป็นเหตุใหญ่ไพรีจะมีมา กำหนดไว้ในสิบห้าทิวาวัน นางฟังคำทำนายใจหายวับ เคยได้นับถือแน่เชิงแก้ฝัน จึงตรัสว่าถ้าจะเป็นไปเช่นนั้น จะผันแปรแก้กันทำฉันใด นางยุพาผกาทูลแถลง จะต้องแต่งบัตรพลีคัมภีร์ไสย ประตูทั้งแปดทิศให้ปิดไว้ อย่าให้ใครเข้าออกบอกกิจจา ในเจ็ดวันนั้นพระองค์จงทรงศิล ตัดให้สิ้นพยาบาทปรารถนา สังเวยไหว้ไทเทวโลกา ให้รักษาสะเดาะพระเคราะห์นาม นางวัณฬาว่าเจ้ารู้เอ็นดูแม่ สุดแล้วแต่เจ้าจะสั่งเถิดทั้งสาม ปิดประตูผู้คนเร่งห้ามปราม จงทำตามแบบฉบับระงับภัย ฯ ๏ นางรำภาว่าหม่อมฉันฝันประหลาด ว่าฟ้าฟาดเปรื่องเปรี้ยงวังเวียงไหว แต่ขวานฟ้ามาเหมือนแก้ววับแววไว วาบเข้าในปากกลืนพอตื่นนอน นางยุพาว่าหม่อมฉันก็ฝันเห็น ว่าเมฆเป็นเกลียวกลีบมีครีบหงอน เหมือนสายรุ้งพุ่งลงตรงอุทร พอตื่นนอนนึกอนาถประหลาดใจ สุลาลีว่าหม่อมฉันก็ฝันหลาก ว่าอ้าปากกลืนแผ่นดินกินเสียได้ ต้องว่ายน้ำสำลักกระอักกระไอ ตื่นตกใจก็พอแจ้งแสงตะวัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬาสุดาสดับ รู้ตำรับเรื่องทายทำนายฝัน จึงว่าเจ้าเหล่านี้จะมีครรภ์ ช่างพร้อมกันกับข้าน่ารำคาญ อย่าบอกให้ใครรู้อดสูเขา ช่างมาเข้าท้องพลุกทั้งลูกหลาน แต่ปลายฝันนั้นสังเกตเป็นเหตุการณ์ จงคิดอ่านกันไปจัดตั้งบัตรพลี ทั้งสามนางต่างคำนับพลางรับสั่ง ออกไปนั่งหน้าพลับพลาหลังคาสี เรียกสนมกรมวังสั่งคดี องค์เทพีจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย ประตูรอบขอบวังให้ตั้งศาล เครื่องคาวหวานนมเนยสังเวยถวาย สุกรแกะแพะโคสิงโตควาย ล้มถวายกว่าจะเสร็จทั้งเจ็ดวัน ปิดประตูผู้คนห้ามให้ขาด ใครล่วงราชอาชญาถึงอาสัญ เร่งปักธงตรงทวารศาลสำคัญ ให้ทันวันฤกษ์รุ่งขึ้นพรุ่งนี้ ฯ ๏ ฝ่ายสนมกรมวังรับสั่งพร้อม ประนมน้อมลามาเกณฑ์หน้าที่ บ้างปลูกศาลบ้างก็จัดทำบัตรพลี เครื่องพลีกรรมแกะทั้งแพะโค ปักธงเทียวเขียวดำประจำศาล เขียนรูปท่านพระมหาเยวาโห ทั้งแปดด้านศาลเทวอิศโร ให้ภิญโญอย่างฝรั่งตั้งบูชา ประตูทั้งแปดทิศก็ปิดหมด บอกกำหนดนายประตูผู้รักษา แต่งสำเร็จเสร็จสรรพแล้วกลับมา แจ้งกิจจาตัวนายทูลรายงาน ฯ ๏ ฝ่ายสามนางต่างจัดปรัศว์ซ้าย ให้วงสายสิญจน์ตั้งที่นั่งสนาน น้ำมนต์รดกลดสังข์ให้ตั้งพาน ดาดเพดานม่านบังบัลลังก์ทรง ครั้นเสร็จสรรพกลับมาเฝ้าเยาวราช อภิวาททูลความตามประสงค์ อรุณฤกษ์เบิกแสงพระสุริยง เชิญพระองค์สรงน้ำสุรามฤต แล้วแต่งองค์ทรงดำทั้งสำรับ ไปคำนับศาลสุรากลากิจ วันละหนจนทั่วทั้งแปดทิศ เทวฤทธิ์จะรักษาให้ถาวร ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาสุดาสดับ ดำรัสรับตามคำแล้วร่ำสอน ทั้งสามเจ้าเหล่านี้มีอุทร ที่เผ็ดร้อนสิ่งไรอย่าได้กิน จะคลอดบุตรสุดลำบากยากสาหัส จงถือสัตย์สุจริตเป็นนิจสิน ไปด้วยกันวันทาเจ้าฟ้าดิน จะได้สิ้นทุกข์โศกทั้งโรคภัย กลัวแต่พระจะเสด็จออกไปด้วย ให้นึกขวยเขินจิตจะคิดไฉน ทั้งสามนางต่างว่าถ้าเสด็จไป ที่ร่วมใจเห็นจะตามทั้งสามองค์ ต่างชื่นแช่มแย้มยิ้มพริ้มพระพักตร์ ด้วยผัวรักไม่รู้เบื่อจนเหลือหลง นางวัณฬาว่าค่ำเย็นย่ำลง ทั้งสามองค์เจ้าจงกลับไปหลับนอน ทั้งสามนางต่างคำนับแล้วกลับหลัง ขึ้นนั่งยังสุวรรณบรรจถรณ์ ต่างแอบผัวยั่วเย้าเฝ้าชะอ้อน แต่ล้วนหล่อนล่อแพนแสนสันทัด เมื่อคราวมัวผัวเหมือนหนึ่งขี้ผึ้งเคล้น จะปั้นเป็นรูปอะไรก็ไม่ขัด ปูว่าหอยพลอยว่าด้วยสารพัด เพราะรู้กลปรนนิบัติช่างดัดแปลง ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาพระยาหญิง ชะอ้อนอิงพระอภัยพิไรแถลง หม่อมฉันฝันข้างปลายเห็นร้ายแรง ให้จัดแจงจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย เวลารุ่งพรุ่งนี้จะพลีศาล ทุกทวารวังเวียงจนเที่ยงสาย เชิญบรรทมชมนางห้ามตามสบาย อย่าใกล้กรายกว่าจะเสร็จเพียงเจ็ดวัน พระกอดเกยเชยปรางว่านางอื่น ไม่ชุ่มชื่นเหมือนกับกลิ่นดินถนัน เจ้าจากไปไกลพักตร์เพียงสักวัน เหมือนจากกันร้อยปีไม่มีสบาย เจ้าอยู่ใกล้ได้เห็นอยู่เช่นนี้ ถึงจะมีทุกข์ร้อนก็ผ่อนหาย จะไปด้วยช่วยสะเดาะพระเคราะห์ร้าย ลูกผู้ชายเหมือนพ่อหน่อนงลักษณ์ ฯ ๏ นางว่าเบื่อเหลือรำคาญด้วยผ่านเกล้า ขืนยั่วเย้ายามวิตกเพียงอกหัก พระกอดเกยเชยชิดจุมพิตพักตร์ เสียงขิกขักซักไซ้จนไสยา ฯ ๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องบาทหลวงเฒ่า เมื่อเสียเขาเจ้าประจัญขันอาสา แปลงเป็นเหล่าชาวพลคนชรา ลูกศิษย์พาไปอยู่บ้านสะพานยนต์ แต่ตรอมจิตคิดอายไม่หายเหือด เจียนจะเชือดคอตายเสียหลายหน สำคัญว่าข้าศึกทำซ้อนกล ที่แยบยลหญิงลวงไม่ล่วงรู้ ให้คนใช้ไปลอบคอยฟังข่าว ได้เรื่องราวจริงหมดคิดอดสู พระอภัยไม่ตายกลายเป็นชู้ เข้าไปอยู่กับลูกสาวเจ้าลังกา แขกฝรั่งทั้งหลายพวกนายไพร่ ก็พร้อมใจกันให้ขาดศาสนา ยิ่งแค้นขัดอัดอั้นตันอุรา ดังเลือดตาแกจะตกตีอกตึง คิดน่าแค้นตัวของตัวจนหัวหงอก เด็กมันหลอกลวงได้ไม่รู้ถึง จนฟุ้งเฟื่องเลื่องลือออกอื้ออึง ดูประหนึ่งโง่เง่าเหมือนเต่าตาย แกชกหัวตัวเองเสียงโกกโกก กำเริบโรครากเลือดไม่เหือดหาย สลบล้มลมจับพับเจียนตาย ศิษย์ทั้งหลายแก้ไขจึงได้ฟื้น เจ็บอยู่ป่าห้าเดือนเหมือนจะม้วย แต่รอดด้วยหยูกยาค่อยฝ่าฝืน พอพ่วงพีมีกำลังลุกนั่งยืน ทุกค่ำคืนแค้นลูกสาวเจ้าลังกา จึงบอกเหล่าชาวบ้านทหารศิษย์ เดิมกูคิดกลศึกลึกหนักหนา แนะความในให้มันอีวัณฬา เจียนจะฆ่าพระอภัยได้หลายครั้ง มันสับปลับกลับเอาเขาเป็นผัว ช่างชาติชั่วผิดคนแต่หนหลัง ถึงฆ่าฟันฉันใดกูไม่ฟัง จะไปวังด่าว่าให้สาใจ ฯ ๏ แล้วจัดแจงแต่งตัวกลัวจะช้า เหล่าพวกสานุศิษย์หามตามไสว ออกจากบ้านดั้นดงตัดตรงไป หนทางไกลกับลังกาสามราตรี ค่ำที่ไหนให้ประทับคนรับสิ้น ทุกบ้านถิ่นนับถือเหมือนฤๅษี บ้างช่วยหามตามมาในธานี ชาวบูรีพรูวิ่งทั้งหญิงชาย มาดาษดื่นยื่นไหว้แล้วไต่ถาม ได้แจ้งความหนหลังสิ้นทั้งหลาย นางวัณฬาจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย พอแดดสายจะออกมาบูชายัญ บาทหลวงดูรู้การว่าศาลนี้ ชื่อพลีโลกาบูชาขยัน นางวัณฬาน่าที่จะมีครรภ์ คงพบกันแล้วสินะกูจะคอย ถึงจะมาฆ่าตีเอาชีวิต กูไม่คิดแล้วกูแค้นแน่นคอหอย แล้วหยุดยั้งนั่งหน้าศาลาน้อย ให้ศิษย์คอยนั่งดูประตูกลาง ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเวลาอรุณ น้ำมันมุ่นมวยประจงทรงพระสาง ประดับองค์ทรงดำดูสำอาง พร้อมสามนางสามกษัตริย์ภัสดา แล้วเชิญองค์ทรงยศบทบาท ออกลีลาศนำนางไปข้างหน้า ศรีสุวรรณนั้นนำนางรำภา สองสุดาสินสมุทรสุดสาคร ขึ้นเชิงเทินเดินเรียงเคียงเคียงคู่ ข้าหลวงหมู่นางห้ามตามสลอน ต่างเดินดูหมู่พหลพลนิกร ที่สัญจรเดินทางข้างกำแพง แล้วดูพลบนปราการข้างด่านนอก ถือดาบหอกปืนประจำล้วนกำแหง ตั้งรายรอบขอบเมืองเขียวเหลืองแดง เลียบกำแพงวังสูงดูฝูงคน ฯ ๏ ถึงประตูบูรพาตรงหน้าศาล สมมติท่านเทวาสถาผล นางยั้งหยุดจุดเทียนเวียนมณฑล เจิมสุคนธ์จวงจันทน์แล้ววันทา บรรดาสัตว์มัดเชือดเอาเลือดสด สุรารดเซ่นถวายทั้งซ้ายขวา ขอสังเวยเนยนมทั้งถั่วงา สวดมนตราสะเดาะพระเคราะห์นาม ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาบูชาศาล ทุกทวารถวายของที่สองสาม อร่ามเรืองเครื่องบูชาสง่างาม แล้วเลียบตามเชิงเทินดำเนินมา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง ศิษย์ทั้งปวงบอกว่านางมาข้างหน้า โมโหหุนหมุนออกนอกศาลา เห็นลูกสาวเจ้าลังกาเคียงสามี เลียบเชิงเทินเดินดูเป็นคู่กัน ศรีสุวรรณเคียงหน้ารำภาสะหรี เป็นสี่คู่ทั้งยุพาสุลาลี แต่ล้วนมีท้องทั่วทุกตัวคน พลอยขายหน้าฝรั่งทั้งประเทศ เสียประเภทพวกหญิงชาวสิงหล ยิ่งฉุนคิดแม้ว่ากายกูวายชนม์ จะให้คนเลื่องชื่อออกอื้ออึง ฯ ๏ พลางเดินมาหน้าประตูร้องอุเหม่ อีเจ้าเล่ห์ลวงกูไม่รู้ถึง กูเจ็บแค้นแทนด้วยจึงช่วยมึง เพราะคิดถึงคุณท้าวเจ้าลังกา ยังลวงหลอกกลอกกลับไปรับชู้ มาเป็นคู่หลู่ขาดพระศาสนา มึงผ่าเหล่าเผ่าพันธุ์อีวัณฬา คบขี้ข้าเข้ามาเลี้ยงไว้เคียงตัว อีลาลีอีผการำภาสะหรี ล้วนตัวดียอดรักช่วยชักผัว หาให้เจ้าเอาเองไม่เกรงกลัว แต่ล้วนตัวตอแหลกระแตวับ มึงลวงกูรู้กันทำผันผ่อน เหมือนหนึ่งหนอนบ่อนไส้กินไตตับ จนด่านแตกแยกย้ายล้มตายยับ เพราะมึงกลับกลายแกล้งไปแปลงความ จนฝรั่งลังกาเป็นข้าเขา เพราะมึงเข้าเพศภาษาสยาม เป็นเมียน้อยช้อยชดช่างงดงาม เมียหลวงตามเข้ามาหึงถึงประตู กูรักใคร่ให้วิชาสารพัด ไม่ซื่อสัตย์ซ้ำปดให้อดสู แกล้งคิดอ่านพาลโกรธยกโทษกู เมื่อจืดแล้วจึงจะรู้จักคุณเกลือ จงเร่งมาฆ่ากูจะสู้ม้วย ให้ตายด้วยพี่พ่ออย่าหลอเหลือ กูแค้นนักจักเชือดเอาเลือดเนื้อ อีลูกเสือลูกจระเข้เนรคุณ ฯ ๏ นางวัณฬาฝรั่งเห็นสังฆราช มากริ้วกราดโกรธเกรี้ยวอยู่เฉียวฉุน ไม่ถือโทษโกรธตอบด้วยขอบคุณ ท่านการุญรักใคร่จึงได้แค้น นางนบนอบตอบว่าสมาบาป ที่ปรามปราบศึกเสือยากเหลือแสน ทุกภาษาสมทบช่วยรบแทน ก็แตกแตนตายยับทุกทัพไป จนศึกข้ามตามมาประดารบ หลายตลบเหลือจิตจะคิดไฉน ด้วยเป็นหญิงยิ่งยากลำบากใจ สงสารไพร่ใหญ่น้อยจะพลอยตาย จึงมีผัวกลัวว่าวงศ์ฝรั่ง ในเกาะลังกาทวีปจะฉิบหาย สิ้นที่พึ่งจึงต้องรับความอับอาย ศึกจึงวายรบพุ่งที่กรุงไกร ประทานโทษโปรดเกล้าเถิดเจ้าคะ ไม่ทิ้งพระศาสนาหามิได้ เจ้าคุณมาธานีฉันดีใจ นิมนต์ไปวัดวาให้ถาวร ฯ ๏ พระฝรั่งฟังนางค่อยสร่างโกรธ จึงยกโทษที่ไม่ทำตามคำสอน จนข้าศึกฮึกหาญมาราญรอน แผ่นดินร้อนไปทั่วเพราะผัวมึง แต่ทัพชายนายไพร่ยังไม่กลับ เดี๋ยวนี้ทัพเมียหลวงล่วงมาถึง เจ้าช่างคิดกลศึกอย่างลึกซึ้ง ทำไมจึงหลบตัวน่าหัวเราะ ฯ ๏ นางละเวงเกรงกลัวพาผัวรัก รีบหลบพักตร์ท่านผู้เฒ่าเดินเหย่าเหยาะ ทั้งสามนางต่างเรียงเถียงทะเลาะ เป็นเหตุเพราะผู้เป็นเจ้าเฒ่าชรา ออกไปด้วยช่วยแก้ก็แพ้พ่าย เช่นนั้นอายหรือไม่เล่าพระเจ้าข้า ที่ด่านเขาเจ้าประจัญคุณสัญญา ให้เข่นฆ่าแล้วกระไรจึงไม่ตาย ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเกาอกโกรธงกเงิ่น อุสาห์เดินตามด่าแหงนหน้าหงาย อีแม่สื่อถือดีไม่มีอาย เที่ยวชักชายชักผัวให้ตัวเอง ไม่ถึงปีมีท้องกระปองเหยาะ ยังมีหน้ามาทะเลาะล้วนเหมาะเหมง อวดฝีมือถือตัวไม่กลัวเกรง จะเท้งเต้งตามกันเป็นมั่นคง กูสัญญาว่าจะทำให้สำเร็จ มึงกลับเท็จลวงให้กูใหลหลง จึงเสียทีชีวิตแทบปลิดปลง มึงจะลงขุมนรกหกคะเมน เพราะสับปลับลับลวงกูผู้มีศีล ทั้งมือตีนจะต้องถ่างบนกางเขน น้อยหรือรุมทุ่มเถียงขึ้นเสียงเกน อีเมียเถนเทวทัตสัตว์นรก ทำปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งเป็นกิ้งก่า หน้าจะดำคล้ำฝ้าน้ำตาตก อีกาฝากปากกล้าทำลามก กลับมายกโทษทัณฑ์ให้พันพัว ทั้งสามนางต่างล้อว่าขอถาม อยากแจ้งความอนุกูลเถิดทูนหัว ว่ามีท้องมองเห็นมันเป็นตัว หรือตามัวดูให้แน่อย่าแลเกิน ฯ ๏ นางละเวงเกรงบาปไม่หยาบช้า จึงได้พาสามนางไปห่างเหิน แกตามด่ามาจนรอบขอบเชิงเทิน นางนิ่งเมินลงบันไดเข้าในวัง บาทหลวงเฒ่าจะเข้าไปไม่ได้ด้วย หอบระหวยหิววับต้องกลับหลัง ลูกศิษย์หามข้ามทุ่งพะรุงพะรัง ไปหยุดยั้งวัดวาประสาใจ ฯ ๏ จะกล่าวท้าวทศวงศ์ดำรงร่าง ซึ่งแรมทางทัพเดินเนินไศล ทั้งโยธาการะเวกสองเวียงชัย ถึงกรุงไกรลังกาพอราตรี เข้าค่ายศรีสุวรรณพร้อมกันหมด ท้าวทรงยศขึ้นพลับพลาหลังคาสี ฝ่ายโฉมยงองค์สุวรรณมาลี พาบุตรีกับกษัตริย์หัสไชย ไปเฝ้าท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ อภิวาทวันทาต่างปราศรัย น้อมคำนับรับกันเป็นหลั่นไป แล้วท้าวไทถามเรื่องเมืองลังกา ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีมีแต่เศร้า จะร่ำเล่าแล้วให้แค้นนั้นแสนสา ต้องทูลตามความหลังหลั่งน้ำตา พรรณนาตามเรื่องเคืองรำคาญ พอสิ้นคำสำลักพักตร์สลด ทรงกำสรดทรวงผ่าวเพียงร้าวฉาน บรรดาเหล่าเผ่าพงศ์พระวงศ์วาน พลอยสงสารโศกาด้วยอาลัย ท้าวทศวงศ์ทรงฟังแล้วนั่งบ่น ชะเวทมนตร์มันขลังอย่างไฉน ทั้งหนุ่มแก่แปรปรวนรัญจวนใจ ใครเข้าไปก็เป็นสิทธิ์เหมือนติดตัง แล้วตรัสเล่าเสาวคนธ์มาตามพี่ ได้พราหมณ์ชีโลกเชษฐ์พระเวทขลัง แกรับว่าถ้าแม้ออกมานอกวัง จะแก้คลั่งเสียให้หายเหมือนหมายใจ แต่เดี๋ยวนี้สี่องค์ยังหลงอยู่ ท่านพราหมณ์ครูจะได้ปะพระที่ไหน จะพูกจาว่าขานประการใด จึงจะได้พานพบประสบองค์ ฯ ๏ นางทูลว่าอาการนั้นพานเคลิ้ม แต่ความเดิมจำได้ไม่ใหลหลง แม้ทราบว่าฝ่าพระบาทญาติวงศ์ มาถึงคงจะออกมาเฝ้าฝ่าธุลี แล้วทูลความตามที่ให้คนไปอยู่ คอยสืบรู้สารพัดน่าบัดสี เสด็จมาหน้าฉานเมื่อวานนี้ พร้อมทั้งสี่คู่เปรียบเที่ยวเลียบเดิน เขาเห็นแซ่แลดูด้วยอยู่สูง ผัวนั้นจูงมือนางไม่ห่างเหิน นางเมียนั้นลอยดอกให้หยอกเอิน เลียบเชิงเทินเที่ยวสะเดาะพระเคราะห์นาม หน่อกษัตริย์หัสไชยเคยไปเฝ้า แต่ก่อนเข้าออกได้เขาไม่ห้าม แต่เดี๋ยวนี้ที่คนไปสืบความ ว่าห้ามปรามกวดขันหลายวันมา ปิดประตูผู้คนห้ามเข้าออก มิให้บอกถ้อยความห้ามหนักหนา ต่อเจ็ดวันจึงจะเลิกสิ้นฤกษ์พา ต้องรอท่ากว่าจะได้ไขทวาร ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นกลศึก นางนิ่งนึกตรึกตราแล้วว่าขาน ถ้าละไว้ให้เสร็จสำเร็จการ จะเชี่ยวชาญเชิงมนต์กลวิชา คิดเข้าไปให้ถึงจึงจะค้าง ทำลายล้างพิธีดีหนักหนา อันท่านครูผู้เจริญซึ่งเชิญมา มีตำรารู้จบภพไตร จะพรายแพร่งแจ้งรหัสที่ขัดข้อง ให้ทั้งสองพราหมณ์แก่คิดแก้ไข การเพียงนี้ทีเห็นไม่เป็นไร คงจะได้ด้วยปัญญาท่านอาจารย์ จำจะให้ไปอยู่ที่เงียบเงียบ ตามระเบียบพฤฒามหาศาล หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นได้การ จึงกราบกรานทูลความตามปัญญา อันค่ายที่พี่สินสมุทรตั้ง ยังพร้อมพรั่งไพร่พลคนรักษา เชิญพี่นางไปประทับที่พลับพลา กับพฤฒาทั้งสองตริตรองการ ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังตรัสสรรเสริญ ฉลาดเกินชันษาหนักหนาหลาน ทั้งสององค์จงพาท่านอาจารย์ ไปคิดอ่านอนุกูลอย่าสูญใจ พระพี่น้องสองสดับแล้วรับสั่ง ไปอยู่ยังพลับพลาที่อาศัย พวกแสนสาวท้าวนางอยู่ข้างใน ทั้งนายไพร่พร้อมหน้ารักษาองค์ ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีกับสี่กษัตริย์ ยังนั่งตรัสความเมืองด้วยเรื่องหลง แต่โฉมแก้วเกษรานั้นว่าตรง จะโทษองค์ภูวไนยนั้นไม่ควร เขาทำถูกหยูกยานิจจาเอ๋ย จึงหลงเลยลืมอารมณ์ดั่งลมหวน จะหิวหอบบอบช้ำประช่ำประชวร น้องใคร่ครวญให้สงสารรำคาญแทน ฯ ๏ พระมารดาว่าผัวของตัวรัก มันหาญหักชิงช่วงไม่หวงแหน ชอบชี้หน้าด่ามันให้ทันแค้น ทำทดแทนจึงจะถูกสิลูกรัก แม่มาลีดีจริงใครชิงผัว มันถือตัวตบมันให้ฟันหัก ท้าวทศวงศ์ทรงพระสรวลเสียงคักคัก ท่านยายยักษ์อย่าไปสอนลูกอ่อนเลย เมื่อชาติหน้าข้าจะมีสักทีหนึ่ง ยายจึงหึงให้แทบตายเถิดยายเอ๋ย แม่เกษรามาลีหล่อนมิเคย อย่าหึงเลยลูกรักขายพักตรา ถึงดีชั่วผัวผิดอย่าคิดโรธ รู้สึกโทษแล้วเธอรักเสียหนักหนา แม้หึงหวงล่วงพระราชอาชญา จะขัดเคืองเบื้องหน้าเป็นราคี นางฟังคำไม่คำนับไม่รับสั่ง ด้วยแค้นคั่งเคืองอุรามารศรี พอโพล้เพล้เวลาเข้าราตรี สุมาลีลากลับคืนพลับพลา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ ถามน้องรักรู้เหตุพระเชษฐา เป็นทุกข์ร้อนซ่อนสะอื้นกลืนน้ำตา พอเวลาย่ำฆ้องชวนน้องชาย ไปบูชาปาโมกข์โลกเชษฐ์ แล้วเล่าเหตุหนหลังสิ้นทั้งหลาย นางวัณฬาสะเดาะพระเคราะห์ร้าย หรืออุบายล่อลวงจะหน่วงนาน ฯ ๏ พฤฒาเฒ่าเข้าใจทางไสยศาสตร์ จึงว่าราชพิธีบัตรพลีศาล เขาทรงครรภ์ฝันร้ายกลัววายปราณ จึงบนบานบวงสรวงไม่ลวงใคร นางวอนว่าการุญพระคุณช่วย จะแก้ด้วยมนต์เวทวิเศษไฉน ทั้งหยูกยาสารพัดให้หัสไชย เข้าไปได้ถึงที่ทั้งสี่องค์ ฯ ๏ พราหมณ์พฤฒาว่ากระนั้นวันพรุ่งนี้ จะแก้ผีภูตพรายให้หายหลง แล้วพราหมณ์เอาทองคำทำเป็นธง มาเขียนลงอักขระพระศุลี แล้วลงยันต์พระพิเนกเสกสะกด ดังจักรกรดพระนารายณ์ทำลายผี ให้น้องนางพลางสอนซ่อนให้ดี ไปให้พี่เผ่าพงศ์องค์ละคัน แม้ถือธงคงหายเคลื่อนคลายคลั่ง อย่ารอรั้งพามานี่ขมีขมัน ที่ประตูผู้คนเขาป้องกัน จงผ่อนผันพูดความตามอุบาย แล้วลงเลขเสกข้าวตอกเป็นดอกฟ้า ล้ำบุปผาในแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย ยื่นดอกไม้ให้กุมารเหมือนหลานชาย สอนอุบายที่จะให้เข้าในวัง ฯ ๏ พระพี่น้องสองสมอารมณ์นึก พอจวนดึกคำนับลากลับหลัง มาเข้าห้องน้องรักร่วมบัลลังก์ บรรทมฟังกล่อมขับเลยหลับไป ฯ ๏ พอดาวเดือนเลื่อนลับพยับโพยม เสียงประโคมดนตรีปี่ไฉน ต่างฟื้นองค์สรงสนานสำราญใจ พระหัสไชยแต่งองค์ทรงสำอาง โฉมเฉลาเสาวคนธ์ช่วยผัดพักตร์ ให้น้องรักแล้วหวีเกศีสาง เกล้ากระหมวดกวดรัดปิ่นกลัดกลาง เคยเป็นช่างเกล้าเจ้าจุกตุ๊กตา แล้วแต่งองค์ทรงเสื้อสีม่วงอ่อน ธงทองซ่อนไปกับกายทั้งซ้ายขวา สังวาลวงทรงประดับทับอุรา เหน็บสาตรากริชสั้นไว้ชั้นใน เอาพานทองรองใส่ดอกไม้เสก กลีบเป็นเลขลงอักษรซ้อนไสว ผู้ใดดมสูบกลิ่นสิ้นจัญไร ถึงเจ็บไข้ค่อยสบายไม่วายวาง ฯ ๏ ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาหน้าสนาม พี่เลี้ยงตามเคียงประคองทั้งสองข้าง หนุ่มขนาดมหาดเล็กลูกขุนนาง ล้วนรูปร่างรุ่นราวคราวพระองค์ เชิญเครื่องอานพานพระศรีพระแสงเพชร ตามเสด็จยุรยาตรดังราชหงส์ ให้ผูกสิงห์มิ่งม้ามังกรทรง ไปรับองค์เชษฐาสุดสาคร แล้วทรงนั่งหลังสิงห์กั้นกลิ้งกลด เผ่นพยศเยื้องไล่เช่นไกรสร ตำรวจเรียงเคียงข้างหนทางจร เข้านครเสด็จมาถึงหน้าวัง หยุดสิงห์ทรงตรงประตูเขารู้จัก ต่างถามทักทุกคนเหมือนหนหลัง พระเรียกหาฝรั่งเฝ้าเล่าให้ฟัง เราออกนั่งหน้าพระลานชานชาลา พอฟ้าแลบแปลบสว่างเห็นนางหนึ่ง มาเขียนซึ่งลายลิขิตติดบุปผา แล้วฝากไว้ให้ลูกสาวเจ้าลังกา ว่าธิดาเคราะห์ร้ายให้คลายดี แล้วร่ำบอกดอกฟ้านี้ปรากฏ ใครสูบรสบุปฝาเป็นราศี แล้วโปรดให้นายประตูดูมาลี อักษรมีอย่างที่เราไม่เข้าใจ พระมาตุรงค์ทรงมหาอานุภาพ คงจะทราบมั่นคงไม่สงสัย เร่งไปบอกท้าวนางที่ข้างใน ไปทูลให้แจ้งกิจจาสารพัน ฯ ๏ นายประตูผู้กำกับว่ารับสั่ง ให้ระวังเวียนตรวจกันกวดขัน ใครเข้าออกบอกกิจจาให้ฆ่าฟัน กระหม่อมฉันกลัวพระราชอาชญา ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าเองโฉดเขลา ชอบแต่เอาตัวมัดตัดเกศา ซึ่งห้ามปรามความแผ่นดินถิ่นสุธา นี่เทวาอวยชัยจะให้ลือ แม้ปิดบังของหลวงให้ร่วงหล่น ตัวจะพ้นความตายฉิบหายหรือ เป็นขุนนางช่างโง่เหมือนโคกระบือ ดีแต่ดื้อไม่รู้จักที่หนักเบา กูเข้าออกนอกในไม่ทรงห้าม มึงห้ามปรามจะเป็นโทษอ้ายโฉดเขลา ไม่แจ้งความตามคำก็ทำเนา เปิดประตูกูจะเข้าไปเฝ้าเอง ฯ ๏ นายประตูรู้น้อยพลอยเห็นชอบ เธอรอบคอบกล่าวเพราะช่างเหมาะเหมง ต้องงอนง้อขอตัวด้วยกลัวเกรง จะเปิดเองก็ขยาดพระอาชญา ขอบอกกล่าวท้าวนางให้ทูลก่อน จงหยุดหย่อนงดโทษโปรดเกศา แล้วไปบอกในวังเช่นฟังมา เหมือนวาจาหน่อกษัตริย์หัสไชย พวกในวังฟังว่าดอกฟ้าเกิด ฟ้าผี่เถิดจะใคร่เห็นเป็นไฉน จะปิดป้องของสำคัญก็พรั่นใจ ต้องจำไปทูลลูกสาวเจ้าลังกา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงไม่เกรงกริ่ง คิดว่าจริงจะใคร่ดูดอกบุหงา หลงอุบายหมายจิตว่าเทวา เอาดอกฟ้าลงมาให้คุ้มภัยพาล จึงสั่งให้ไปเปิดประตูรับ ศาลสำหรับเซ่นวักหักทุกศาล เห็นศักดิ์สิทธิ์วิทยาพฤฒาจารย์ พระกุมารดีใจเข้าในวัง ถึงตึกเย็นเห็นนางอยู่ข้างนอก ถวายดอกไม้งามทูลความหลัง นางหลงกลล้นเหลือทรงเชื่อฟัง ด้วยเห็นยังย่อมเยาว์ไม่เข้าใจ หยิบบุปผามาพินิจพิศดูดอก อ่านไม่ออกอักขระเรียงไสว นิ่งตะลึงอึ้งอั้นตันพระทัย จึงสั่งให้หายุพาสุลาลี นางน้อยน้อยคอยคำนับถือรับสั่ง แยกไปยังพี่น้องทั้งสองศรี ทูลแถลงแจ้งความตามคดี สองบุตรีรีบมาพร้อมหน้ากัน ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นได้ช่อง ลามาห้องหาพี่ขมีขมัน เข้านั่งใกล้ให้ธงองค์ละคัน แล้วรำพันชี้แจงให้แจ้งใจ สุดสาครร้อนจิตได้คิดหมด เสียดายยศราวกับว่าเลือดตาไหล หยิบธงทองน้องยารีบคลาไคล พากันไปห้องที่พระพี่ยา ประณตนอบยอบองค์ยื่นธงให้ เอาความในแจ้งเหตุพระเชษฐา สินสมุทรถือธงทรงศักดา ที่ฤทธิ์ยาแฝดเฟือนก็เคลื่อนคลาย รู้สึกตัวกลัวจะช้ารีบพาน้อง เข้าในห้องบิตุรงค์ยื่นธงถวาย พระอภัยได้ธงดำรงกาย ที่คลั่งคลายเคลิ้มตะลึงคำนึงใน ฯ ๏ นางวัณฬาแอบมองตามช่องฉาก พอเห็นหลากจิตพรั่นประหวั่นไหว เข้าชิงธงที่องค์พระอภัย มาหักให้ย่อยยับสำทับความ น้อยหรือเจ้าเหล่านี้หนามาถึงแท่น ทะลวงแล่นเข้ามาเองไม่เกรงขาม แล้วว่าชะพระองค์ถือธงงาม จะวิ่งตามเขาไปไหนจะใคร่รู้ พระกลับหลงธงหักให้รักหญิง พลอยว่าจริงเหมือนแม่ว่าน่าอดสู ทะลวงทะลึ่งตึงตังมาพรั่งพรู พลางขับขู่เคืองค้อนขว้างหมอนอิง ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเข้าไปฉุด สินสมุทรกับพระพี่วิ่งหนีหญิง แต่พอออกนอกได้ดีใจจริง ขึ้นทรงสิงห์ทรงพระยาม้ามังกร ไปกองทัพพลับพลาตรงมาที่ ห้องสุวรรณมาลีศรีสมร ต่างกราบกรานมารดาด้วยอาวรณ์ พระมารดรดีใจวิ่งไปรับ แล้วกอดจูบลูบหลังเจ้าทั้งสอง พ่อคุณของแม่ฟื้นได้คืนกลับ สินสมุทรสุดสาครอ่อนคำนับ แล้วลมจับนิ่งซบสลบไป ฯ ๏ พระชนนีตีอกตกประหม่า ร้องเรียกหาหมอออกแซ่ช่วยแก้ไข ไม่ฟื้นกายหมายมั่นว่าบรรลัย ต่างตกใจวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี ท้าวทศวงศ์องค์อรุณพอรู้เหตุ ทั้งแก้วเกษรามารศรี มากองทัพพลับพลาสุมาลี พอพระพี่น้องฟื้นค่อยชื่นใจ นางเชิญองค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ พร้อมพระญาติวงศาอัชฌาสัย ท้าวทศวงศ์สงสารสองหน่อไท จึงปราศรัยสินสมุทรค่อยพูดจา คนนี้หรือชื่อสุดสาครน้อง ดูผุดผ่องน่ารักเป็นนักหนา พระพี่น้องสองคำนับรับบัญชา แล้วไหว้อาสะใภ้นางให้พร ฯ ๏ ฝ่ายอรุณรัศมีเป็นที่น้อง บังคมสองพี่ชายสายสมร จอมกษัตริย์ตรัสว่าสุดสาคร อายุอ่อนแต่เป็นที่พระพี่ยา จงรู้จักรักใคร่กันไว้เถิด เสียแรงเกิดร่วมชาติวาสนา เออหลากจิตบิตุรงค์องค์พระอา ไยไม่มาด้วยกันเหตุฉันใด ฯ ๏ สินสมุทรสุดสาครถอนสะอื้น อุสาห์ฝืนพักตร์แจ้งแถลงไข เหมือนความหลังพลั้งพลาดประมาทใจ จนเสียไม้เท้าครูคู่ชีวี อันทรงฤทธิ์บิดาพระอานั้น ผู้หญิงมันคุมตัวกลัวจะหนี เข้าชิงชักหักธงเป็นผงคลี จึงเสียทีผีซ้ำประจำไว้ ฯ ๏ สุมาลีขี้หึงว่าถึงหาย เธอเสียดายอีวัณฬาไม่มาได้ แต่ถือธงลงยันต์ไว้กันภัย ยังนิ่งได้ให้มันหักเพราะรักมัน นางเกษราว่าสงสารพระผ่านเกล้า โอ้ใครเล่าจะช่วยแก้ให้แปรผัน ถึงกระไรได้ธงที่ลงยันต์ พอทรงธรรม์รู้องค์แล้วคงมา ประเดี๋ยวนี้อีฝรั่งมันขังไว้ จะได้ใครลอบลักไปรักษา เสียแรงตามข้ามฝั่งมาลังกา ถึงกระไรได้วันทาพระสามี แม้ไม่เลี้ยงเคียงองค์พระทรงศักดิ์ จะสมัครอยู่เป็นข้าเหมือนทาสี วิบากกรรมถึงรำภาจะด่าตี ก็ตามทีเถิดสู้ทนไปจนตาย สนองคุณมุลิกาฝ่าพระบาท จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย ถึงชาติอื่นหมื่นชาติไม่คลาดคลาย พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย พระญาติวงศ์สงสารรำคาญจิต เป็นสุดคิดพลอยพาน้ำตาไหล แต่สุวรรณมาลีว่านี่อะไร เฝ้าร้องไห้สมเพชแม่เกษรา จะยอมเป็นทาสีอีฝรั่ง ไม่ขอฟังแล้วฉันแค้นมันแสนสา แม้มิตายหมายมั่นอีวัณฬา จะแล่เนื้อเกลือทาให้สาใจ ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงตรึกเห็นลึกซึ้ง ไม่รู้ถึงบาดแผลจะแก้ไข จึงห้ามว่าอย่าหึงให้อึงไป เร่งคิดให้ได้ผัวของตัวมา ไปบนบานท่านปาโมกข์โลกเชษฐ์ ให้แจ้งเหตุธงหักได้รักษา จะไปด้วยช่วยอ้อนวอนพฤฒา แล้วท้าวพาเผ่าพงศ์รีบตรงไป ถึงที่อยู่ผู้เฒ่าเข้าไปพร้อม คำนับน้อมพฤฒาอัชฌาสัย พราหมณ์คำนับรับเสด็จด้วยดีใจ ถวายชัยมงคลด้วยมนต์พราหมณ์ แล้วทูลว่าข้าแต่พระทรงภพ แม้ปรารภข้อไรจงไต่ถาม ท้าวทศวงศ์โองการวิถารความ เล่าให้พราหมณ์ตามผู้หญิงมันชิงธง แต่สินสมุทรสุดสาครหล่อนมาได้ พระอภัยศรีสุวรรณนั้นยังหลง ช่วยแก้ไขให้ฟื้นกลับคืนคง ทั้งเงินทองสององค์คงรางวัล ฝ่ายสองนางต่างว่าข้าพเจ้า จะกราบเท้าทองคำเต็มกำปั่น คนละลำบำรุงพระคุณครัน ช่วยแก้กันผ่อนปรนให้พ้นภัย ฯ ๏ พราหมณ์เคารพนบนอบตอบสนอง พระคุณของวนิดาจะหาไหน แต่ตรองตรึกนึกวิตกในอกใจ ด้วยอยู่ในเวียงวังกำบังกาย ถ้าแม้ว่าข้าพเจ้าได้เข้าชิด คงจะคิดแก้ไขเสียให้หาย นี่ยากนักจักใคร่วานให้ท่านยาย คิดอุบายแก้ไขเข้าในวัง ซึ่งพี่น้องสองออกมานอกได้ มันจะใช้ผีทับให้กลับหลัง ภาวนาอย่าประมาทให้พลาดพลั้ง ด้วยเคราะห์ยังอีกสิบห้าทิวาวัน ท้าวทศวงศ์ทรงฟังจึงสั่งซ้ำ จงฟังคำอาจารย์นะหลานขวัญ สองกุมารกรานก้มบังคมคัล ต่างพากันสอบถามพราหมณ์พฤฒา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ รู้ประจักษ์แจ้งเหตุว่าเชษฐา ออกมาได้ไปอยู่ห้องสองพฤฒา อยากเห็นหน้าพระพี่ด้วยดีใจ จึงมาที่ท่านผู้เฒ่าคลานเข้าห้อง พอเห็นสองเชษฐาเธอปราศรัย นางไหว้องค์พงศ์กษัตริย์ถัดถัดไป แต่ไม่ไหว้เชษฐาสุดสาคร แค้นว่าพี่มีเมียพลอยเสียหน้า พระบิดาสอนสั่งไม่ฟังสอน ด้วยนางถือซื่อแท้ไม่แง่งอน สะกิดกรเชษฐาแล้วพาที พระอยู่วังลังกาสาพิภักดิ์ ได้ยศศักดิ์สมคะเนมเหสี พระบิตุราชมาตุรงค์ทรงโศกี ถึงพระพี่เช้าเย็นไม่เว้นวัน จึงใช้ให้ฉันข้ามมาตามเสด็จ แม้หลาบเข็ดเชิญไปไอศวรรย์ หรือรักเมียเสียญาติเป็นขาดกัน กระหม่อมฉันจะได้ลาพระคลาไคล ฯ ๏ สุดสาครถอนสะอื้นแล้วฝืนพักตร์ ปลอบน้องรักร่ำว่าอัชฌาสัย พี่ผิดแล้วแก้วตาว่าอย่างไร ก็มิได้เคืองขัดเป็นสัจจา มิห่วงน้องสองชนกที่ปกเกล้า พี่จะเผาตัวตายเพราะขายหน้า ถึงอยู่ไปก็ไม่พ้นคนนินทา จนม้วยฟ้าสูญดินไม่สิ้นอาย จนพระน้องต้องข้ามมาตามด้วย แล้วได้ช่วยแก้ไขจึงได้หาย จะตามไปรอใจยังไม่ตาย พอถวายอภิวาทบาทบงสุ์ ได้ทูลลาฝ่าละอองสองกษัตริย์ แล้วจะตัดโลกข้ามตามประสงค์ พระร่ำพลางทางระทดระทวยองค์ กำสรดทรงโศกาไม่พาที ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์จึงตรัสห้าม อย่าวู่วามเลยพี่น้องทั้งสองศรี แม่ก็รู้อยู่ว่าเป็นไปเช่นนี้ เพราะว่าพี่ตามติดพระบิดา จะเด็ดด่วนชวนชักไปนัคเรศ สองทรงเดชใครจักช่วยรักษา เอ็นดูพ่อรอรั้งอยู่ลังกา ช่วยพระอาบิตุรงค์ให้คงคืน แม่นงเยาว์เสาวคนธ์อย่าบ่นโกรธ พี่ขอโทษสารพัดไม่ขัดขืน ซึ่งผิดพลั้งทั้งนั้นจงกลั้นกลืน ใช่คนอื่นคนไกลหาไหนมา ฯ ๏ นางตกใจได้คิดผิดถนัด ชลีหัตถ์ก้มเกศกราบเชษฐา น้องว่าหยอกดอกเมื่อกี้พระพี่ยา ฉันขมาขอโทษได้โปรดปราน ฯ ๏ พระญาติวงศ์ทรงพระสรวลไม่ควรโกรธ รู้ขอโทษพร่ำว่าน่าสงสาร สินสมุทรพูดกลับไม่อัประมาน กระหม่อนฉานดอกไม่ตายไม่อายใคร มันติฉินนินทาฆ่ามันเสีย แต่มีเมียนี่หรืออายจนตายได้ ยิ่งได้แปลกแขกฝรั่งทั้งมอญไทย ยิ่งดีใจอีกขอรับไม่อับอาย เขาได้เมียได้ผัวทั่วพิภพ เขาไม่หลบหลีกลี้ไม่หนีหาย ก็เห็นอยู่ผู้ใหญ่เขาไม่ตาย เราจะอายเขาไยเล่าไม่เข้ายา ฯ ๏ สุดสาครร้อนจิตถึงบิตุเรศ ไม่แจ้งเหตุเห็นจะคอยละห้อยหา จึงพรายแพร่งแจ้งความพราหมณ์พฤฒา อันหยูกยาของมันขลังทั้งรังควาน จึงแก้ไขไม่ถนัดมันขัดข้อง พระคุณสองโปรดประสาทนุญาตหลาน จะลาไปเกาะแก้วพิสดาร นิมนต์ท่านโยคีซึ่งมีพรต มาแก้ไขให้คลายหายเคลิ้มคลั่ง ด้วยผีทั้งจักรวาลกลัวท่านหมด แล้วร่ำเล่าคราวกระนั้นตกบรรพต พระดาบสช่วยทันไม่บรรลัย ฯ ๏ ตาพราหมณ์ตอบชอบอยู่ท่านครูเฒ่า เขาลือเล่าเหลือดีจะมีไหน ต่างพูดกันผันผ่อนพอหย่อนใจ ต่างลาไปพลับพลาทั้งนารี สุดสาครเสาวคนธ์วิมลพักตร์ กับน้องรักร่วมพลับพลาหลังคาสี สินสมุทรอยู่พลับพลาสุมาลี ต่างพาทีไต่ถามเนื้อความกัน ฯ ๏ จะกล่าววังลังกาวัณฬาราช เสียหน่อนาถนึกหมายเหมือนทายฝัน กับรำภาผกาสุลาลีวัน ปรับทุกข์กันเห็นจะมีหมอดีมา เพราะหัสไชยได้ธงลงอักษร มาถอดถอนเวทมนตร์ดลคาถา ไม่ทันรู้จู่ไปเสียไกลตา จะตรึกตราแก้ไขฉันใดดี ฯ ๏ นางละเวงเกรงว่าพวกข้าศึก จะหาญฮึกรบพุ่งเอากรุงศรี อนึ่งพระอนุชากับสามี ได้หมอดีมาแก้จะแปรปรวน ทางปรึกษาปรารมภ์ระทมทุกข์ ไม่มีสุขเศร้าสร้อยละห้อยหวน เขาชิงรักหักหาญเป็นการจวน จะก่อกวนการศึกให้นึกกลัว นางยุพาลาลีทั้งพี่น้อง ไม่จากห้องร้องไห้อาลัยผัว คิดถึงที่มีท้องให้หมองมัว ต่างซ่อนตัวซบสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช คิดถึงบาทหลวงครูคู่ปรึกษา จำจะไปงอนง้อขอสมา ขอวิชาช่วยประจญคนทั้งปวง จึงแจ้งความสามนางเหมือนอย่างนึก จะไปตึกสังฆราชพระบาทหลวง ถึงโกรธาด่าทอว่าล่อลวง เราทั้งปวงง้องอนคงอ่อนใจ อย่าถือโทษโกรธขึ้งไปพึ่งพระ เห็นพระองค์คงจะไม่เสียได้ จงรีบจัดรถาหาดอกไม้ จะรีบไปขอสมาท่านอาจารย์ ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างรับคำนับน้อม มาเตรียมพร้อมรถาที่หน้าฉาน เทียนข้าวตอกดอกไม้จัดใส่พาน พร้อมทหารแห่แหนมาแน่นนันต์ นางวัณฬาอ่าองค์แล้วทรงเครื่อง ค่อยย่างเยื้องขึ้นรถพระกลดกั้น นางรำภายุพาสุลาลีวัน ขึ้นนั่งชั้นลดเลื่อนให้เคลื่อนคลา ถึงกุฎีที่ฝรั่งสังฆราช ค่อยลีลาศเลียบบันไดขึ้นไปหา เห็นพระนั่งตั้งธูปเทียนบูชา ขอสมาหมอบเรียงเคียงเคียงไป ฯ ๏ บาทหลวงแก่แลเห็นเขม้นมุ่ง โมโหฟุ้งร่ำด่าไม่ปราศรัย อีตอแหลแร่ออกมาหากูไย กูมิได้ปรารถนาคบค้ามึง ทั้งเจ้าข้าหน้าสดปดเป็นครอก มีแต่หลอกลวงกูไม่รู้ถึง ไปรับตัวผัวเขามาเคล้าคลึง เมียเขาหึงโรมโรมเหมือนโหมโรง อียุพาลาลีอีตอแหล ไม่ทันแก่จะเป็นม่ายอีตายโหง ช่างชักสื่อหาผัวอีตัวโกง จนท้องโป่งป่องหยอดยอดตำแย ฯ ๏ นางวัณฬาสารภาพกราบบาทหลวง ฉันทั้งปวงผิดหมดปดตอแหล รู้สึกในใจตัวว่าชั่วแท้ สุดแล้วแต่เจ้าคุณกรุณา ยังเคืองแค้นแม้นว่าจะลงโทษ ไม่ถือโกรธเลยสักนิดผิดหนักหนา ฉันไม่มีที่เห็นเป็นกำพร้า จงเมตตาหลานรักอีกสักครั้ง จะสัตย์ซื่อถือพระละพยศ ไม่โป้ปดตอแหลเหมือนแต่หลัง บาทหลวงด่าว่ากูไม่พอใจฟัง นางชาววังปากหวานน้ำตาลทา ถ้าถึงที่มีการมาวานใช้ ส่วนบุญไม่ได้ทำกรรมหนักหนา กูคิดถึงคุณท้าวเจ้าลังกา กรุณานับถือคนซื่อตรง ครั้นมาถึงมึงได้ครองไอศูรย์ ผ่าประยูรเสียศักดิ์กูรักหลง เสียดายเหลือเชื้อกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ ไม่ดำรงรักศักดิ์รักแต่ตัว พลอยให้หญิงสิงหลปะปนเปื้อน แต่เล่นเพื่อนแล้วมิหนำยังซ้ำผัว กูเป็นพระละชีวิตไม่คิดกลัว มึงจะคั่วหรือจะยำมิทำไย อันร่างเหมือนเรือนโรครับโศกสุข ตายแล้วทุกข์มันจะมีมาที่ไหน กูสัตย์ซื่อถือมั่นแม้บรรลัย จะขึ้นไปเป็นพระอินทร์กินสุรา นี่ธุระอะไรที่ไหนหรือ จึงด้านดื้อมากุฎีอีมุสา หรือรู้ตัวกลัวบาปที่หยาบช้า จะสมาโทษทัณฑ์หรือฉันใด กูก็จะอนุญาตไม่คาดโทษ หาถือโกรธให้มึงตกนรกไม่ ถือคุณพระให้ดีแต่นี้ไป จงอย่าได้โป้ปดประชดกู จงป้องกันอันตรายเสียดายศักดิ์ แม้ไม่รักษายศจะอดสู เห็นพวกพ้องของเขาชาวชมพู มาตั้งอยู่พร้อมพรั่งระวังภัย ฯ ๏ นางฟังพระอนุญาตประภาษถาม จึงเล่าความจริงแจ้งแถลงไข แล้วหยิบธงลงอักษรที่ซ่อนไว้ กับดอกไม้ยื่นให้ดูอยากรู้ความ ฯ ๏ บาทหลวงรับจับต้องมองพินิจ อักษรผิดลังกาภาษาสยาม เคยเรียนครูรู้ว่าคือหนังสือพราหมณ์ จึงอ่านตามปริศนาว่าอย่าทำ ใครผูกไว้ไม่แก้เป็นแม่ม่าย เคยนอนหงายมาแต่ก่อนจะนอนคว่ำ พออ่านออกดอกร่วงยับระยำ รู้ว่าทำด้วยข้าวตอกเป็นดอกฟ้า แล้วดูธงลงยันต์พระพิเนก ประจุเสกล้างเล่ห์เสนหา จึงว่าออหมอเฒ่าเจ้าตำรา เห็นจะมากับกษัตริย์หัสไชย คือทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ ผู้วิเศษการะเวกเสกมาให้ ทั้งปริศนาว่าเหน็บให้เจ็บใจ นึกจะใคร่ลองฤทธิ์ไม่คิดกลัว เกลียดแต่มึงซึ่งตอแหลมาแต่หลัง ให้นึกชังน้ำหน้ากะลาหัว แล้วร่ำบอกดอกฟ้าเขาว่าตัว เป็นผู้หญิงชิงผัวไม่กลัวใคร ซึ่งแต่ก่อนนอนหงายจะกลายคว่ำ เป็นข้อคำเยาะเย้ยเฉลยไข มีผัวเหมือนเดือนหงายสบายใจ พอผัวไปจะต้องคว่ำกินน้ำตา ฯ ๏ นางฟังคำร่ำบอกยิ่งชอกช้ำ ทั้งแค้นคำค่อนคิดเป็นปริศนา จึงวิงวอนผ่อนผันด้วยปัญญา เจ้าคุณด่าดีใจเหมือนให้พร แต่ครั้งนี้มิช่วยเห็นม้วยมิด อย่าถือผิดหนหลังช่วยสั่งสอน แม้ได้ตัวสินสมุทรสุดสาคร เหมือนแต่ก่อนเห็นจะกลับกองทัพไป ฯ ๏ พระฝรั่งฟังคำยังอ้ำอึ้ง เขาวอนถึงหลายหนทนไม่ได้ จึงว่ากูสู้สลัดตัดอาลัย หมายจะไปสู่สวรรค์ชั้นวิมาน เหตุเพราะมึงจึงต้องทำบาปกรรมด้วย แม้มิช่วยก็จะฉาวจะร้าวฉาน จงพร้อมกันตั้งสัตย์ปฏิญาณ กูคิดการให้แล้วทำตามคำกู ฯ ๏ ทั้งสี่นางรับคำแล้วทำสัตย์ ไม่ข้องขัดคิดคดให้อดสู มิสัตย์ซื่อถือมั่นกตัญญู พระเยชูจงสังหารผลาญชีวี ฯ ๏ บาทหลวงว่าสาธุสะกูจะรับ ให้ผัวกลับมาอีกไม่หลีกหนี แต่พวกเขาเล่าไม่ชั่วล้วนตัวดี เราใช้ผีแพ้เขาเราก็อาย จะต้องเชือดเลือดอกออกประสม กับน้ำนมฝิ่นเสกเมฆฉาย แม้ใครกินโลหิตไม่คิดกาย รักจนตายทั้งชาติไม่คลาดคลา ให้หอมเนื้อเหลืออดซึ่งรสราค เหมือนเด็กอยากนมแม่ชะแง้หา ค่ำวันนี้อียุพาผกาสุลา จงเอายาพาย่องตอดดอดออกไป ให้มันเข้าเป่ามนต์สะกดทัพ แม้ไม่หลับพราหมณ์แก่คิดแก้ไข เองเป็นหญิงยิงเกาทัณฑ์ข้ามมันไป พอมนต์ไสยเสื่อมหายให้พรายทับ จึงเอายาทาลิ้นอ้ายสินสมุทร กับอ้ายสุดสาครทั้งนอนหลับ ปลุกให้ตื่นกลืนน้ำนมอาคมวับ จะรักกลับตามมาในราตรี นางละเวงวัณฬารำภาเล่า ทำเหมือนเขาอย่าให้ผัวเอาตัวหนี คอยระวังขังไว้พอได้ที ออกไปตีกองทัพไล่จับตัว บรรดาเหล่าเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์ ทั้งข้าเฝ้าเอามามัดแล้วตัดหัว เอาไพร่ไว้ใช้เล่นเหมือนเช่นวัว ตัวกับผัวจะได้อยู่เป็นคู่กัน ต้องลงยันต์ฟันลิ้นให้สิ้นเสร็จ ถึงพูดเท็จก็เห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ แล้วเรียกไปในตึกจารึกยันต์ ลงลิ้นฟันให้สตรีทีละคน แล้วเอามีดกรีดถันคั้นโลหิต ทำยาติดเกลือกกินแทรกฝิ่นฝน รสสตรีแม้บุรุษปุถุชน ให้รักทนไปไม่รอดต้องกอดกัน แล้วสอนว่าครั้งนี้มิตีทัพ เขาจะจับตัวฆ่าให้อาสัญ ทั้งสี่นางต่างรับอภิวันท์ พอสายัณห์กราบลามาในวัง เรียกย่องตอดยอดรักมาซักซ้อม มันรับพร้อมใจสมอารมณ์หวัง ต่างผูกม้ามาประทับแล้วยับยั้ง ขึ้นหยุดนั่งหน้าพลับพลาในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ เสกทรายเวทอาถรรพณ์ให้กันผี โรยรอบค่ายควายธนูประตูมี ในราตรีตรวจตราเรียกหากัน บ้างตีฆ้องกองไฟมิให้หลับ เห็นคนจับเข่นฆ่าให้อาสัญ กองตระเวนเกณฑ์รบไว้ครบครัน คอยป้องกันเจ้านายรายระวัง ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีปรานีบุตร กลัวสินสมุทรจะไม่ชื่นคิดคืนหลัง เหมือนนกผู้คู่พรากมาจากรัง ใจจะยังปั่นป่วนถึงนวลนาง จำจะจัดสตรีที่น้อยน้อย ให้เคียงคอยปรนนิบัติไม่ขัดขวาง แล้วฝึกหัดจัดเหล่าสาวสุรางค์ ที่รูปร่างรุ่นราวสาวน้อยน้อย ให้สำหรับขับกล่อมอยู่พร้อมพรัก ให้ลูกรักร่วมใจเรียกใช้สอย ถือโทนทับพับเพียบล้วนเรียบร้อย ร้องดอกสร้อยเสียงหวานประสานเพลง ย้ายลำนำฉ่ำเฉื่อยระเรื่อยเสียง สอดสำเนียงระนาดฆ้องหน่องหน่องเหน่ง เสียงผู้หญิงนิ่งฟังยิ่งวังเวง จนดึกดื่นครื้นเครงบรรเลงลาน ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ กับน้องรักสิ้นทุกข์สนุกสนาน แต่งละครฟ้อนรำเล่นสำราญ ร้องนิทานพระมณีเปรียบพี่ยา ให้คนรำทำบทกำสรดเศร้า คิดถึงเจ้ายอพระกลิ่นถวิลหา เป็นทุกข์ร้อนนอนอู้อยู่ศาลา แล้วรับช้าปี่นอกแกล้งหยอกกัน ฯ ๏ สุดสาครนอนดูรู้ว่าเย้ย พลอยชมเชยชื่นชวนกันสรวลสันต์ ด้วยสามองค์จงรักดั่งร่วมครรภ์ มาถึงกันก็สนิทไม่คิดแคลง ฯ ๏ ฝ่ายยุพาลาลีสองพี่น้อง ถึงยามสองดาวฤกษ์ขึ้นเบิกแสง ต่างขึ้นม้าพากันออกนอกกำแพง ย่องตอดแต่งตัวนำช่วยกำบัง มาริมค่ายนายไพร่มิได้เห็น เสียงยังเล่นทุกพลับพลาทั้งหน้าหลัง ค่อยลัดแลงแฝงลับคอยตรับฟัง ถึงที่ฝังอาถรรพณ์เป็นควันโพลง เหมือนเพลิงพลามลามไหม้ในพิภพ ย่องตอดหลบหลีกโลดกระโดดโหยง ทั้งม้านางต่างเต้นเผ่นตะโพง ฉุดชโลงลากไว้มิใคร่ฟัง ออกห่างค่ายหายวับเพลิงดับหมด เห็นปรากฏว่าเขากันอาถรรพณ์ฝัง สองนางใช้ย่องตอดตาบอดบัง กลับเข้ายังกองทัพที่พลับพลา น้าวธนูผู้หญิงขึ้นยิงข้าม หลังคาพราหมณ์ไพร่นายทั้งซ้ายขวา ภูมิเจ้าที่หนีออกนอกพลับพลา เสียงโศกาแซ่ซ้องกึกก้องไป ฯ ๏ พอเสื่อมมนต์คนเล่นเห็นประหลาด เสียงหวีดหวาดเผืองฝาหลังคาไหว ย่องตอดเข้าเป่ามนต์ดลฤทัย ทั้งนายไพร่สามทัพหลับระเนน นางละครฟ้อนรำยังทำบท ล้มหลับหมดมือเท้ายังกราวเขน พวกหน้าที่ตีฆ้องกลองตระเวน ล้มระเนนนิ่งเงียบเซียบสำเนียง เสนาะเสียงจังหรีดวะหวีดแว่ว ทั้งแจ้วแจ้วจักจั่นสนั่นเสียง ฝ่ายพี่น้องสองราขับม้าเรียง ย่องตอดเคียงเข้าประตูธนูควาย มันขวิดขวับตับปอดย่องตอดแตก กระดูกแหลกย่อยยับแล้วกลับหาย ชักพร้าโต้โย้ตัวไม่กลัวตาย เข้าฟันควายคึกคักจะหักคอ แล้วฟันฟาดพลาดมือกระบือสู้ สองนางรู้แยบคายว่าควายหมอ น้าวธนูคู่มือแล้วถือรอ หมายแต่พอตรงข้างสองนางยิง พอถูกควายหายเห็นแต่เส้นตอก มนต์ต้องออกหนีธนูอีผู้หญิง พลทั้งหลายนายไพร่ไม่ไหวติง ระเนนนิ่งนอนหลับทุกทัพชัย แต่ปาโมกข์โลกเชษฐ์วิเศษขลัง ร่ายมนต์บังนิ่งระงับไม่หลับใหล แต่ความรู้ผู้หญิงแก้สิ่งไร ก็เสื่อมไปเป็นว่าแก้ได้แต่ตัว ฯ ๏ ส่วนยุพาลาลีสองพี่น้อง เที่ยวทุกห้องพลับพลามองหาผัว นางลีวันนั้นถือกริชไม่คิดกลัว มาพบตัวภัสดาสุดสาคร เห็นหลับเรียงเคียงน้องทั้งสองข้าง ชิดกับนางเสาวคนธ์บนบรรจถรณ์ หมายว่าชู้รู้แท้ด้วยแสงอน นึกเคืองค้อนคิดจะทำให้หนำใจ เข้าถีบเอาเสาวคนธ์ที่บนอาสน์ แต่แคล้วคลาดพลาดผิดคิดสงสัย เดชะสัตย์อัศจรรย์ให้พรั่นใจ จำจะใส่กลแกล้งให้แคลงกัน จึงยั้งหยุดจุดเทียนเขียนหนังสือ ทำลายมือเหมือนของผัวตัวขยัน แกล้งกล่าวกลอนค่อนว่าสารพัน แล้วลีวันจึงวางข้างเสาวคนธ์ เอายาใส่ให้ผัวของตัวตื่น พระหอมชื่นซาบชุ่มทุกขุมขน กลับคลุ้มคลั่งดั่งเดิมเคลิ้มสกนธ์ รู้สึกตนลืมตาเห็นลาวัน จึงผวาคว้ากอดสอดมือยุด นางทำผลุดผลุนปัดสะบัดหัน สุดสาครร้อนใจดังไฟกัลป์ ตามลีวันวิ่งมาขึ้นพาชี ฯ ๏ ฝ่ายยุพามาถึงพลับพลาสุด เห็นสินสมุทรกับพระมเหสี นางสำหรับขับไม้มโหรี หลับกับที่เกลื่อนกลาดดาษดา ให้นึกแสนแค้นพวกชาวผลึก เป็นข้าศึกจะใคร่จับสับเกศา แต่คิดกลัวผัวจะขัดหัทยา ไม่เข่นฆ่าแต่จะทำให้หนำใจ ให้แจ้งความว่าเราเข้ามาชิด แม้จะปลิดเอาศีรษะก็จะได้ คิดแล้วลักชักดาบอันปลาบไฟ เอาพาดไว้กับอุรานางมาลี แล้วเที่ยวส่องมองดูตามหมู่หญิง ไม่ไหวติงต้องมนต์สะกดผี พลางเลี้ยววงตรงมาเห็นสามี หยิบขยี้ยาใส่ค่อยไหวติง สะดุ้งตื่นกลืนน้ำนมอารมณ์รื่น ให้ฉุนชื่นเชยสตรีเพราะผีสิง เห็นยุพามาใกล้ดีใจจริง ผวาวิ่งตามมาแล้วคว้ามือ พลางกอดจูบลูบคลำแล้วซ้ำว่า ไปไหนมาให้พี่คอยน้อยไปหรือ นางผลักไสไม่หยุดพระยุดยื้อ แล้วจูงมือกันออกมาขึ้นพาชี ต่างควบขับกลับหลังเข้าวังใน ต่างพาไปเข้าห้องทั้งสองศรี เมื่อคราวผัวมัวยาในราตรี นางเมียมิอยากนอนจนอ่อนแรง ครั้นรุ่งเช้าเป่ามนต์ดลประทับ เห็นเธอหลับแล้วไปเฝ้าเล่าแถลง ต่างยิ้มหัวผัวมาหน้าตาแดง ไม่หน้าแห้งเหมือนเมื่อผัวจากตัวไป ฯ ๏ นางวัณฬาว่าระวังนะครั้งนี้ หมอคงมีมาเป็นแน่จะแก้ไข คอยป้องกันอันตรายข้างภายใน แต่พอได้ท่วงทีจะตีทัพ จะเอาใจไพร่นายฝ่ายฝรั่ง ให้พร้อมพรั่งปกปิดกิตติศัพท์ พรุ่งนี้ป่าวชาวพาราให้มารับ จะแจกทรัพย์ให้ทั่วทุกตัวคน ทั้งสามนางต่างฟังสรรเสริญ จะจำเริญยศยิ่งในสิงหล แล้วทูลลามาข้างนอกบอกยุบล ให้ป่าวคนเข้ามารับหน้าพลับพลา ฯ ๏ จะกล่าวความสามทัพหลับสนิท ครั้นรุ่งฤทธิ์มนต์สร่างต่างผวา รู้สึกตัวทั่วทัพทุกพลับพลา ต่างเที่ยวหาสินสมุทรสุดสาคร นางเสาวคนธ์อัดอั้นให้พรั่นจิต เห็นลิขิตที่สุวรรณบรรจถรณ์ ว่าสารศรีพี่ยาสุดสาคร เจริญพรโฉมเฉลาเสาวคนธ์ เมื่อแรกเริ่มเดิมทีเราพี่น้อง หมายจะครองความรักเป็นพักผล บุญหาไม่ให้พี่จากนีฤมล เป็นต่างคนขาดกันแต่นั้นมา เดี๋ยวนี้พี่มีคู่ที่ชูชื่น อันหญิงอื่นตัดขาดไม่ปรารถนา ซึ่งน้องตามข้ามฝั่งมาลังกา พระบิดาจะให้อยู่เป็นคู่ครอง เดี๋ยวนี้พี่เข้ารีตฝรั่งแล้ว จะคลาดแคล้วเสาวคนธ์อย่าหม่นหมอง จะรับเจ้าเข้ามาเลี้ยงเคียงประคอง ฝรั่งสองเมียห้ามบอกตามจริง จึงออกมาหาให้พบประสบพักตร์ พอสมรักร่วมห้องแม่น้องหญิง จงกลับหลังยังนครอย่าวอนวิง อุส่าห์นิ่งนอนอยู่กับบูรี คงได้คู่สู่ขอหน่อกษัตริย์ ครองสมบัติการะเวกภิเษกศรี นี่เป็นหญิงวิ่งมาเหมือนกาลี จะไม่มีใครสู่เป็นคู่ครอง หรือรักเราเจ้าไม่กลับจะรับเลี้ยง อย่าทุ่มเถียงทะเลาะเขาเป็นเจ้าของ จงวันทาลาลีเป็นที่รอง จะเลี้ยงลองไว้สักครั้งที่ลังกา ฯ ๏ พอจบคำนางรำพึงตะลึงคิด ความนี่ผิดทรงเดชพระเชษฐา ชะรอยอีลีวันมันมารยา มาแกล้งว่าจะให้ขาดญาติวงศ์ แต่มิใช่ลายมือหนังสือฝรั่ง สำนวนทั้งลายลิขิตน่าพิศวง ดูคลับคล้ายลายพระหัตถ์จัดประจง เห็นมั่นคงเชษฐาสุดสาคร ยิ่งแค้นคั่งดังชีวิตจะปลิดปลด โศกกำสรดเศร้าทรวงดวงสมร คิดเหมือนพี่ที่กำเนิดร่วมอุทร ควรหรือค่อนขอดน้องให้หมองมัว แต่เด็กมาอายุถึงเพียงนี้ ก็ยังมิได้รู้จักรักชู้ผัว มาตามพี่มิได้คิดชีวิตตัว กลับเป็นชั่วเชษฐาว่ากาลี กรรมเอ๋ยกรรมซ้ำร้ายอายอดสู แม้ใครรู้สารพัดจะบัดสี เพราะตามติดผิดพลั้งเสียครั้งนี้ ถึงจะดีก็เหมือนชั่วมัวมลทิน เป็นสาวแส้แร่วิ่งมาชิงผัว อันความชั่วดังเอามีดเข้ากรีดหิน ถึงจะคิดปิดหน้าสิ้นฟ้าดิน ก็ไม่สิ้นสุดอายเป็นลายมือ มิขออยู่สู้ตายวายชีวิต นางชักกริชข้างองค์มาทรงถือ คิดจะแทงที่คอแล้วรอมือ อารมณ์รื้อรักน้องเป็นสองใจ สงสารพระชนนีที่ปกเกศ ไม่ทราบเหตุเคืองเข็ญเป็นไฉน จะพรายแพร่งแจ้งกระจัดกับหัสไชย จะเสียใจพระน้องไม่ต้องการ จำจะปิดกิตติศัพท์ให้ลับลี้ พบพระพี่ภายหน้าจึงว่าขาน ให้เห็นจริงสิ่งสัตย์ปฏิญาณ แล้วจะผลาญชีวีอีลีวัน ดำริพลางนางซ่อนหนังสือไว้ ให้เจ็บใจดังชีวาจะอาสัญ ยิ่งคิดถึงเชษฐายิ่งจาบัลย์ สะอื้นอั้นมิได้ออกนอกพลับพลา พวกสาวศรีพี่เลี้ยงอยู่เคียงข้าง คิดว่านางพูนเทวษถึงเชษฐา พระหัสไชยไปเที่ยวค้นแล้ววนมา ถึงพลับพลาเข้าในที่ทูลพี่นาง ไม่ทราบเหตุเชษฐาหามิได้ เห็นจะไปตามสตรีเพราะผีสาง นางฟังคำทำประชวรแกล้งครวญคราง สะอื้นพลางตรัสบอกพระอนุชา พี่ปวดเศียรเจ็บหลังนั่งไม่ได้ พระน้องไปองค์เดียวเถิดเที่ยวหา แล้วนิ่งนอนถอนสะอื้นกลืนน้ำตา อนุชาตกใจกระไรเลย เรียกหาหมอรอฟังอยู่พรั่งพร้อม เตรียมยาหอมเครื่องอานคาวหวานเสวย กำชับสั่งสี่พี่เลี้ยงที่เคียงเคย อย่าละเลยคอยระวังฟังอาการ พระเข้านอกออกในมิได้หยุด อุตลุดเลี้ยวมาข้างหน้าฉาน ให้ไพร่นายนั่งจุกทุกทวาร ตรวจทหารพร้อมพรั่งระวังภัย ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีไม่มีชื่น สะอึกสะอื้นอ่อนซบสลบไสล ท้าวทศวงศ์พงศาพวกข้าไท ช่วยแก้ไขพร้อมเพรียงเคียงประคอง นางรู้สึกนึกถึงสินสมุทรหาย กับน้องชายคืนหลังไปทั้งสอง เห็นแก้ไขไม่หยุดสุดทำนอง ยิ่งฟูมฟองชลนาโศกาลัย แล้วทูลท้าวทศวงศ์ผู้ทรงยศ มันสะกดกองทัพให้หลับใหล แล้วมิหนำซ้ำย่องเข้าห้องใน เอาดาบไว้ริมอาสน์พาดอุรา อันไพรีมีฤทธิ์ความคิดมาก เห็นแสนยากยิ่งนักจะรักษา คิดถึงองค์พงศ์กษัตริย์ภัสดา นางโศกากำสรดสลดใจ ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์สงสารรำคาญจิต ให้มืดมิดไม่เห็นแผลจะแก้ไข ตรัสว่าเราก็เห็นจนไม่พ้นภัย จำจะไปวอนว่าท่านอาจารย์ ช่วยแก้ไขให้หายเหมือนหมายพึ่ง หรือจะถึงโรคตัดอติสาร แล้วพาเหล่าเผ่าพงศ์พระวงศ์วาน มาหาท่านพราหมณ์พร้อมน้อมประณต แล้วเล่าความยามสองพวกกองทัพ พากันหลับเหมือนกับต้องมนต์สะกด ประเดี๋ยวนี้พี่น้องสองโอรส หายไปหมดมิได้รู้ทุกผู้คน เป็นผีสางนางใช้ให้มารับ หรือจะกลับไปด้วยหลงงงฉงน เขาศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เดชด้วยเวทมนตร์ จะผ่อนปรนคิดอ่านประการใด ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ จึงแจ้งเหตุให้พระองค์สิ้นสงสัย หม่อมฉันเล่าก็เฝ้านั่งระวังภัย คอยแก้ไขผีสางปะรางควาน แต่เหตุด้วยผีป่านัยน์ตาบอด มันรู้ถอดชีวาจึงกล้าหาญ ควายธนูสู้มันประจัญบาน บรรลัยลาญแล้วก็กลับเข้าจับควาย ซึ่งป้องกันมันไม่อยู่เพราะผู้หญิง มันลอบยิงข้ามหลังคาคาถาสลาย จึงได้เข้าเป่ามนต์พลนิกาย ทั้งไพร่นายนอนหลับพากลับไป ซึ่งสตรีผีป่าเข้ามาปล้น พระเวทมนตร์ป้องกันมันไม่ไหว จะตั้งกรรมทำมันให้บรรลัย เล่าก็ได้ดอกแต่ผิดในกิจพราหมณ์ เพราะถือศิลกินบวชสวดสวัสดิ์ ไม่ฆ่าสัตว์ทำบาปที่หยาบหยาม ได้แต่ทำกำราบเพียงปราบปราม ก็เสียความข้องขัดด้วยสตรี แม้มีใครไปถึงจึงจะเสก นกการเวกการวิกให้จิกผี โลหิตออกนอกกายจึงหายดี แต่ไม่มีใครจะไปถึงในวัง ครั้นจะให้ท่านยายไปขายนก ก็วิตกกลัวจะไม่เหมือนใจหวัง ขอบพิตรคิดด้วยช่วยกำลัง ได้เข้าวังแล้วก็เห็นจะเป็นการ แม้กลับหลังครั้งนี้อีผู้หญิง มาตามชิงแล้วจงแปลงแต่งทหาร มิให้กลับจับจำทำประจาน แต่อย่าผลาญชีวันให้บรรลัย ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสรับคำนับน้อม ต่างยินยอมยินดีจะมีไหน พอเวลาสายัณห์พรั่นพระทัย ต่างลาไปพลับพลาตรวจตราพล ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกข้าเฝ้า เที่ยวร้องเป่าชายหญิงชาวสิงหล ให้รู้รอบขอบประเทศเขตมณฑล ทั้งคนจนเข็ญใจไพร่ผู้ดี พรุ่งนี้เช้าเจ้านายจะจ่ายทรัพย์ เข้าไปรับหน้าพลับพลาหลังคาสี ฝ่ายฝรั่งฟังรู้ทั้งบูรี แต่ราตรีมาบ้างที่ทางไกล พอเช้าตรู่ผู้คนอลหม่าน แน่นพระลานยัดเยียดเบียดไม่ไหว ยังมาหลามตามทุ่งนอกกรุงไกร ต่างเข้าไปเตรียมรับที่พลับพลา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์ยิ่งหม่นหมอง แต่ตรึกตรองตรอมจิตกนิษฐา คิดบอกป่วยด้วยจะกลับไปพารา แต่รอรั้งหวังจะฆ่าอีลาลี พอรู้ว่าเจ้านายฝ่ายฝรั่ง จะออกนั่งยังพลับพลาหลังคาสี จะปลอมแปลงแต่งเป็นชายชาวบุรี ไปดูทีเผื่อจะพาเมียมาตาม อีฝรั่งครั้งนี้แล้วศีรษะ กูจะฉะเสียให้เด็ดไม่เข็ดขาม ไหนก็ขาดญาติวงศ์จะสงคราม เราจะข้ามคุ้งไปทำไมมี ด้วยแรกรุ่นฉุนเฉียวไม่เหนี่ยวหน่วง สั่งข้าหลวงเหล่านางอยู่ข้างที่ เราธุระจะไปดูชาวบูรี อยู่ที่นี่นะอย่าให้ใครสงกา แล้วทรงดำสำหรับสัประยุทธ์ เหน็บอาวุธไว้กับกายทั้งซ้ายขวา แล้วลัดแลงแฝงออกนอกพลับพลา แขกกะลาสีตามสองสามคน ขึ้นพาชีรี่มาทางหน้าป้อม เข้าเดินปลอมชายหญิงชาวสิงหล ผู้ใดเห็นว่าเป็นชายพวกนายพล เข้าไปจนถึงพลับพลาหน้ากำแพง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสมร ครั้นแดดอ่อนสุริย์ฉายเมื่อบ่ายแสง พร้อมบุตรีสี่กษัตริย์ต่างจัดแจง เลียบกำแพงมาประทับที่พลับพลา ให้ชาวคลังนั่งรายจำหน่ายทรัพย์ ให้คนรับคนละขันด้วยหรรษา ที่รับได้ไปบ้างที่ยังมา นางวัณฬานั่งดูกับภูวไนย นางพี่น้องสองสุดากับสะหรี เคียงสามียิ้มย่องสนองไข ทั้งสี่คู่อยู่ที่บนพลับพลาชัย เอาทองในคลังโกยมาโปรยปราย ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง คิดจะยิงเสียให้สมอารมณ์หมาย พอเห็นหน้าลาลีเคียงพี่ชาย จึงขึ้นสายเกาทัณฑ์ค่อยผันแปร จะยิงล่อพอให้เมียนั้นเสียโฉม เมื่อผัวโลมจะได้เห็นว่าเป็นแผล พอลีวันผันเพ่งไปเล็งแล นางหมายแน่ยิงขวับกลับอัสดร พอถูกปรางนางฝรั่งเข้าดังปุ แก้มทะลุลูกตลอดไม่ถอดถอน นางร้องกรีดหวีดคว้าสุดสาคร ประคองกรกอดเมียนึกเสียใจ ดูคนยิงวิ่งหนีเห็นขี่ม้า ใส่เสื้อผ้าสีดำพอจำได้ ยิ่งกริ้วโกรธโดดลงหน้าพลับพลาชัย ทะลวงไล่เลี้ยวลัดสกัดสะแกง กนิษฐากล้าหาญในการรบ แกล้งหลีกหลบล่อลั่นเกาทัณฑ์แผลง พระโถมทันกั้นกางไว้กลางแปลง เข้าจับแพลงพลัดพลาดประหลาดจริง เขม้นดูรู้ว่าน้องร้องอุเหม่ ช่างโว้เว้วิปริตผิดผู้หญิง เขาว่าไรให้มั่งจึงชังชิง มาลอบยิงแก้มเมียเขาเสียงาม ฯ ๏ กนิษฐาว่าน้อยหรือพี่เจ้า ส่วนว่าเขาละก็เจ็บดังเหน็บหนาม หรือเห็นเมียว่าหอยพลอยว่าตาม มันหยาบหยามเย่อหยิ่งจึงยิงมัน ถ้ารักเมียเสียญาติขาดกันหมด อย่าละลดเลยมาฆ่าให้อาสัญ เชิญเชษฐาพาอีลาลีวัน มาสู้กันกับน้องทั้งสองคน ฯ ๏ สุดสาครค่อนแค้นว่าแสนแง่ เหมือนอีแม่ค้าถั่วหัวถนน แล้วนึกห่วงเมียรักพะวักพะวน ละลานละลนแล่นกลับมาพลับพลา เห็นเมียป่วยช่วยประคองแล้วร้องชะ เป็นแผลหวะเห็นไม่หายทั้งซ้ายขวา นางละเวงเกรงกษัตริย์ภัสดา ให้หามมาปรางค์มาศปราสาทชัย ฯ ๏ นางลีวันรันทดสลดสลบ จนค่ำพลบลุกนั่งยังไม่ไหว สุดสาครนอนประคองอยู่ห้องใน เอายาใส่แผลแก้มแต้มน้ำมัน ถึงว่าแผลแลตลอดไม่มอดม้วย เพราะเหตุด้วยได้กินดินถนัน จึงจานเจือเนื้องอกออกมาทัน ไม่ถึงวันแผลติดสนิทดี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช พยาบาทองค์พระมเหสี มันแกล้งใช้ให้มาฆ่าสุลาลี จะออกตีตอบแทนแก้แค้นมัน จึงลอบสั่งนางรำภาผกาด้วย วันนี้ช่วยกำกับกองทัพขันธ์ ให้ยันตังทั้งวิรุญกับกุนตัน ไปตั้งกันกองทัพจะกลับไป แล้วเร่งลากปืนใหญ่ขึ้นใส่ป้อม ยิงค่ายอ้อมเสียให้ยับยกทัพไล่ สกัดสะแกงแทงฟันให้บรรลัย แม้ถอยไปกองซุ่มเร่งรุมรบ ให้พวกเราตีประดาล้อมหน้าหลัง อย่าให้ตั้งติดแยกแตกตลบ พรุ่งนี้เช้าเราจะยกทัพสมทบ ออกประจบจับไว้ทั้งไพร่พล ฯ ๏ ฝ่ายสองนางต่างบังคมประนมสนอง จะเกณฑ์กองทัพไว้ไม่ขัดสน ถึงไพรีมีปีกหลีกไม่พ้น แล้วต่างคนต่างลารีบคลาไคล เที่ยวลอบสั่งทั้งหลายพวกนายทัพ เป็นความลับเล่าแจ้งแถลงไข พวกขุนนางต่างยอมเห็นพร้อมใจ ต่างเตรียมไว้พร้อมกันตามสัญญา พอเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มอับ ต่างยกทัพแยกย้ายตามซ้ายขวา บ้างโอบหลังตั้งหลีกเป็นปีกกา สกัดหน้าปิดทางที่กลางไพร ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์อยู่บนตำหนัก แต่น้องรักก็ไม่แจ้งแถลงไข ด้วยอ่อนศักดิ์หนักเบาไม่เข้าใจ มิให้ใครล่วงรู้ทุกผู้คน ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทุกกองทัพ ตรวจกำชับโยธาโกลาหล ท่านปาโมกข์โลกเชษฐ์ร่ายเวทมนตร์ ช่วยคุ้มพลคุ้มกษัตริย์กำจัดภัย ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเวลาดึก เห็นข้าศึกสามทัพจะหลับใหล พอฤกษ์ดีตีฆ้องฆาตกลองชัย ยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาเข้าราวี ทั้งปืนป้อมพร้อมพรั่งยิงพังค่าย หักทำลายชายหญิงออกวิ่งหนี ทัพฝรั่งตั้งโห่ต้อนโยธี เข้ารุมตีตึงตังประดังปืน ฯ ๏ ฝ่ายพวกพ้องกองทัพออกรับรบ บ้างหลีกหลบลุยแฝกบ้างแตกตื่น ไม่แลเห็นหนทางด้วยกลางคืน เสียงครึกครื้นตายยับแทบอับจน ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ ร่ายพระเวทวิทยาเป็นห่าฝน ให้ถูกตัวทั่วไปทั้งไพร่พล ต่างคงทนแทงฟันไม่บรรลัย แล้วบังตัวผัวเมียเสียให้หาย อยู่สบายในพลับพลาที่อาศัย นางเสาวคนธ์เร่งกษัตริย์หัสไชย พ่อรีบไปช่วยรักษาแม่มาลี แล้วโฉมยงทรงสิงห์หญิงน้อยน้อย ทั้งห้าร้อยเจนจบไม่หลบหนี ออกรับรองป้องกันประจัญตี เสียงโยธีฮึกโห่เป็นโกลา ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีเสียทีทัพ ทหารยับแยกย้ายทั้งซ้ายขวา จูงลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด พวกผู้หญิงวิ่งหลามมาตามเจ้า เรียกขอเฝ้าเหล่าขุนนางไปข้างไหน พอเหลียวเห็นหน่อกษัตริย์หัสไชย นางดีใจจูงกรแล้ววอนวิง พ่อช่วยแม่แก้ไขพอให้รอด แล้วอย่าทอดทิ้งน้องทั้งสองหญิง หน่อกษัตริย์หัสไชยชอบใจจริง ฉันไม่ทิ้งมารดาอย่าปรารมภ์ แล้วเชิญองค์ทรงรถขับลดเลี้ยว ให้คนเที่ยวต้อนเหล่านางสาวสนม พวกมดหมอขอเฝ้าทั้งเจ้ากรม บ้างหกล้มหลงทางเพราะกลางคืน พวกผู้หญิงวิ่งตลบเข้ารบพุ่ง เหลือผ้านุ่งมาไม่ถึงสักครึ่งผืน ตกประหม่าข้าศึกเสียงครึกครื้น ด้วยเสียงปืนทัพฝรั่งดังระดม ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์องค์อรุณกับอัคเรศ ทั้งแก้วเกษราสุรางค์นางสนม อุตลุดยุดเหนี่ยวกันเกลียวกลม ทั้งสี่กรมเข้าประสมเป็นกรมเดียว ข้างหน้าออกนอกประตูคนอยู่หลัง ช่วยกันรั้งยุดยื้อล้วนมือเหนียว จอมกษัตริย์ขัดเขมรออกเป็นเกลียว หม่อมห้ามเหนี่ยวเหนื่อยหอบบอบเต็มที ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามนายออกรายรบ เห็นไพร่หลบหลีกหายพลัดพรายหนี จึงรีบจัดรถาเทียมพาชี มาเทียบที่ริมพลับพลาหน้าพระลาน แล้วเชิญท้าวทศวงศ์ขึ้นทรงรถ อยู่พร้อมหมดมเหสีบุตรีหลาน ข้าหลวงเหล่าเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน ปีนทะยานยุดตะกายขึ้นท้ายรถ บ้างพลัดตกหกคะเมนโคลนเลนเปื้อน นางตัวเพื่อนพยุงย่องค่อยจ้องจด ทั้งสามพราหมณ์ตามระวังหน้าหลังรถ อ้อมบรรพตผ่านมาข้างป่ารัง พบกุนตันกั้นกางออกขวางทัพ ต้องถอยกลับทวนทบตลบหลัง พวกห้ามแหนแสนสาวนางชาววัง เหลือกำลังล้มลุกลงคลุกคลาน เห็นแสงไฟไหม้ขอนเขาทอนสุม เสือตะคุ่มคิดว่าโยธาหาญ ที่ขลาดเลาทิ้งดาบลงกราบกราน โปรดประทานชีวาอย่าฆ่าตี เสือโฮกปีบถีบไปจิตใจหาย ลงนอนหงายแน่นิ่งไม่วิ่งหนี ฝรั่งกลุ้มรุมรุกไล่คลุกคลี แต่ถ้อยทีแทงฟันไม่บรรลัย ด้วยถูกฝนทนคงทรงชีวิต ที่เหนื่อยจิตเจ็บจุกลุกไม่ไหว ที่กลัวตายชายหญิงวิ่งร่ำไป ฝรั่งไล่รบพุ่งจนรุ่งราง ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาอยู่หน้าป้อม เตรียมไพร่พร้อมพอเวลาฟ้าสางสาง จึงคุมพลคนละกองกับสองนาง ยกแยกทางซ้ายขวาเข้าราวี นางรำภาหาพวกรมจักร จะหาญหักเกษรามารศรี นางวัณฬาหาสุวรรณมาลี เที่ยวไล่ตีไพร่พลอยู่จนเช้า นางยุพามาที่เสาวคนธ์อยู่ จะเชือดหูแก้แค้นแทนน้องสาว เห็นรบรับขับเคี่ยวเสียงเกรียวกราว สั่งให้บ่าวโบกธงเข้ายงยุทธ์ สมทบทัพขับฝรั่งจะพังค่าย ขึ้นปีนป่ายตีต่อไม่รอหยุด บ้างพุ่งซัดศัสตราแกว่งอาวุธ อุตลุดจับกุมตะลุมบอน ฯ ๏ ฝ่ายโยธาการะเวกทั้งเล็กน้อย ไม่หนีถอยรบรับสลับสลอน อันฝูงคนฝนช่วยไม่ม้วยมรณ์ ครั้นแดดอ่อนฤทธิ์หายค่อยคลายมนต์ กลับแทงฟันกันตายทั้งนายไพร่ ทะลวงไล่รบรับกันสับสน ส่วนโฉมยงนงเยาว์เสาวคนธ์ เห็นนายพลนางผกาออกมารบ จึงขับสิงห์วิ่งออกมานอกค่าย ห้ามไพร่นายน้อยใหญ่ให้สงบ แล้วร้องว่านางผกาเรามาพบ ให้พลรบกันทำไมมิใช่การ แต่ฆ่าฟันกันตายเสียหลายหมื่น มิได้คืนเคหาน่าสงสาร มาเราสองลองกันประจัญบาน ให้ทหารเห็นทั่วไม่กลัวกัน เราเด็กกว่าอายุก็ยังอ่อน เจ้าฝึกสอนมาแต่ผัวตัวขยัน เร่งออกมาราวีทั้งมีครรภ์ ไม่ควรพรั่นดอกอุส่าห์เอาผ้ารัด นางยุพาผกาไม่กล้าศึก ด้วยได้ฝึกไว้แต่กลปรนนิบัติ ที่ยิงแย้งแทงฟันไม่สันทัด แต่ปากจัดร้องชะเจ้าเสาวคนธ์ สุดสาครหล่อนไม่เลี้ยงเพราะเปรี้ยงแปร้น มาคุมแค้นลอบยิงชาวสิงหล ใช่เผ่าพงศ์วงศ์วานใช่การตน พลอยคุมพลมารบสมทบทัพ วานซืนนี้พี่ผัวพบตัวแล้ว หรือน้องแก้วติดใจยังไม่กลับ พระธิดาการะเวกภิเษกลับ จะรบรับเรานั้นไม่พรั่นใจ แต่ตัวเจ้าเล่าเดี๋ยวนี้อยู่ที่ล้อม ยังไม่ยอมแพ้หรือถือไฉน ถึงตัวดีมีปีกจะหลีกไป ก็เห็นไม่พ้นมาวันทาเรา ฯ ๏ นางเสาวคนธ์ฟังคำยิ่งซ้ำแค้น จึงว่าแสนส่ำสามใส่ความเขา พระเชษฐามาเป็นผัวเพราะมัวเมา มึงอีเจ้ากลเสน่ห์ทำเล่ห์ลวง พระพี่มาหากูอยู่ที่ทัพ มึงพากลับเข้าไปขังไว้วังหลวง จึงยิงน้องของมึงแถมให้แก้มกลวง เพราะล่อลวงเชษฐาสุดสาคร น้อยหรือชะพระธิดาอีกาฝาก แต่ต้นรากก้านกิ่งอยู่สิงขร มิคิดที่มีครรภ์จะบั่นรอน สมที่ค่อนว่าเขาเพราะเมามัว ฯ ๏ นางยุพาว่าน้อยหรือช้อยชด นางงอนรถรักพี่ไม่มีผัว เขาหุ้มห้อมล้อมไว้ยังไม่กลัว จะจับตัวทารกรรมให้หนำใจ จึงร้องว่าฝรั่งสิ้นทั้งทัพ ถ้าใครจับตัวศัตรูให้กูได้ จะแต่งตั้งดังมหาเสนาใน แล้วจะให้ทองคำพันตำลึง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายพวกนายไพร่ ประมาทใจว่าเป็นหญิงต่างวิ่งถึง เข้าจับกุมกลุ้มกลมพลาดล้มตึง สิงห์ทะลึ่งไล่กัดทั้งฟัดยี เขย่งตบขบเขี้ยวลดเลี้ยวไล่ ทั้งนายไพร่กลาดกลิ้งบ้างวิ่งหนี นางขยับขับสิงโตไล่โยธี เที่ยวต้อนตีแตกพลัดกระจัดกระจาย ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกายืนม้ามุ่ง เห็นรบพุ่งขึ้นคันเกาทัณฑ์หมาย ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์คอยชม้าย พอลั่นสายเสียงขวับนางรับทัน ถึงสามทีมิถูกรับลูกได้ ด้วยว่องไวไสสิงห์วิ่งถลัน จะฆ่าเสียเมียพี่ทั้งมีครรภ์ เข้าตีรันนางผกาตกพาชี พอย่องตอดลอดลัดสกัดจับ จะฟันสับสักเท่าไรมันไม่หนี แทงทะลุปรุยับแล้วกลับดี รู้ว่าผีตาบอดถอดเกาทัณฑ์ นางยิงถูกลูกตาถึงห้าดอก มันชักออกหักทิ้งวิ่งถลัน สิงโตตบขบขย้ำนางซ้ำฟัน ดิ้นยันยันประเดี๋ยวหนึ่งลุกตึงตัง ฯ ๏ นางยุพาผกาขึ้นม้าได้ ขับแต่ไพร่พรั่งพร้อมเข้าล้อมหลัง นางเสาวคนธ์รนร้อนอ่อนกำลัง พวกฝรั่งไล่รุกเข้าคลุกคลี คิดจะฆ่าตาบอดให้มอดม้วย ไม่รบด้วยแกล้งผละสละหนี กลับเข้าค่ายให้ทหารออกต้านตี นางไปที่โลกเชษฐ์แจ้งเหตุการณ์ อ้ายผีป่าตาบอดดอดมาด้วย ฆ่าไม่ม้วยมรณามันกล้าหาญ ขอความคิดวิทยาคุณอาจารย์ ให้หลานผลาญตาบอดให้วอดวาย ฯ ๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐ์แจ้งเหตุสิ้น เสกสายสิญจน์สามเกลียวลงเรียวหวาย ส่งให้นางพลางให้มนต์กลอุบาย อย่าให้ตายแต่พอหลาบทำปราบปราม ฯ ๏ นางคำนับรับหวายกับสายเชือก วิ่งเสลือกสลนมาหน้าสนาม ขึ้นทรงสิงห์วิ่งตรงออกสงคราม ทหารตามตีฝรั่งไม่รั้งรอ ฯ ๏ ย่องตอดเห็นเผ่นมาเงื้อพร้าโต้ ฟันสิงโตผิดตัวมันหัวร่อ นางชักด้ายสายสิญจน์ไปสวมคอ มันกลัวงอยอบยุบลงฟุบตัว นางได้ทีตีซ้ำด้วยลำหวาย มันดิ้นหงายใจริกริกเข้าจิกหัว ไปผูกไว้ในค่ายเหมือนควายวัว ย่องตอดกลัวนอนนิ่งไม่ติงกาย นางขับไพร่ไล่ฆ่าพวกฝรั่ง ก็แตกพังหลบลี้วิ่งหนีหาย ทหารนางต่างสกัดไล่พลัดพราย ทิ่มแทงตายตีล้มลงซมซาน ฯ ๏ นางยุพาผกาขับม้าหนี ด้วยเสียทีเสียย่องตอดยอดทหาร ทั้งสามทัพยับย่นไม่ทนทาน เที่ยววิ่งพล่านพลัดพรายกระจายกัน นางยุพามาพบพวกนายทัพ ต่างรอรับพวกพหลพลขันธ์ ประชุมได้ไพร่นายเป็นหลายพัน สมทบกันตามลูกสาวเจ้าลังกา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์ขับพลไล่ เก็บของได้ดาษดื่นดาบปืนผา เที่ยวตามน้องสองทัพที่อัปรา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด ฯ ๏ ฝ่ายสามพราหมณ์ตามท้าวรมจักร ทหารชักรถทรงเที่ยวหลงใหล ทั้งสาวสรรค์กัลยาเสนาใน ข้าศึกไล่รบพุ่งจนรุ่งราง พอพบกับทัพรำภาพวกฝรั่ง มาคับคั่งคอยสกัดก็ขัดขวาง ต้องรอรั้งยั้งหยุดอยู่หว่างกลาง สมนึกนางรำภาจะฆ่าฟัน ขับฝรั่งพรั่งพร้อมเข้าล้อมรบ ตีตลบหุ้มทัพถึงขับขัน บ้างยิงแย้งแทงรุกไล่บุกบัน เสียงครื้นครั่นคราวทัพเข้าอับจน พวกขอเฝ้าสาวสนมชาวรมจักร ละล่ำละลักวิ่งเสือกเสลือกสลน พราหมณ์วิเชียรโมราเจ้าสานน ทั้งสามคนขับม้าเข้าราวี ฯ ๏ เจ้าโมราฝ่าฟันถลันไล่ ทั้งนายไพร่พลัดพรายกระจายหนี วิเชียรนั้นลั่นธนูสู้ไพรี ยิงไปทีละเจ็ดลูกถูกไพร่พล บ้างล้มตายหลายร้อยก็ถอยหลัง ไล่ฝรั่งแตกยับวิ่งสับสน ที่ทัพขวางข้างขวาเจ้าสานน ไล่ฟันพลพวกผรั่งแตกพังไป แต่รำภาสะหรีไม่หนีหน้า ต้อนโยธาหุ้มห้อมเข้าล้อมไล่ ต่างยิงแย้งแทงฟันกันบรรลัย ฝรั่งได้ทีโห่ก้องโกลา พอยันตังทั้งทหารมาพานพบ ช่วยรุกรบรำขวานเข้าด้านขวา ฟันขอเฝ้าสาวใช้ไล่โยธา รุกเข้ามาริมรถท้าวทศวงศ์ ฯ ๏ จอมกษัตริย์กวัดแกว่งพระแสงสู้ ตะโกนกู่พราหมณ์พี่เลี้ยงจนเสียงหลง เห็นศึกชิดติดตามพาสามองค์ กระโดดลงจากรถเลี้ยวลดไป เจ้าพราหมณ์กลับขับม้ารบฝรั่ง ยิงยันตังตกม้าเลือดตาไหล พวกขอเฝ้าเข้าไปฟันจนบรรลัย บ้างแทงไพร่พลตายลงก่ายกัน ฯ ๏ นางรำภากล้าหาญถือขวานพ่อ ไม่รั้งรอเร็วรวดรบหวดหัน ใครกีดขวางเหวี่ยงขวานประหารฟัน วิเชียรกั้นหน้านางนางขว้างคลี เจ้าพราหมณ์หลบรบรุมเข้ากลุ้มกลัด แกล้งสกัดกั้นหน้ารำภาสะหรี แต่มีครรภ์ครั้นว่าจะฆ่าตี พระหน่อที่ครรภ์นางจะวางวาย จึงแหวกทางพลางว่านางฝรั่ง เดิมเราหวังว่าจะห้ามสงครามหาย ให้สัญญาว่าเป็นมิตรไม่คิดร้าย มาปล้นค่ายฆ่าฟันด้วยอันใด ฯ ๏ นางรำภาว่าใครก่อข้าขอถาม ทั้งสามพราหมณ์ไม่รู้ไปอยู่ไหน เมื่อวานนี้พี่สาวเจ้าหัสไชย ปลอมเข้าไปหน้าพลับพลายิงลาลี ว่าไม่รู้อุแหม่มาแก้เก้อ เพราะพวกเธอทิ้งสัตย์ไม่บัดสี จึงแก้แค้นแทนบ้างเหมือนอย่างนี้ ยังจะมีหน้าว่าน่าไม่อาย ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์แจ้งแกล้งว่าฉาหม่อมห้าม ดูรูปงามปากกล้าประดาหาย หากธิดาการะเวกทำวุ่นวาย จะคิดร้ายรบแก้ก็แต่กัน ตัวเป็นแต่พระสนมเมืองรมจักร ควรจะรักอย่างเป็นข้านราสรรค์ บัดนี้ท้าวทศวงศ์พาพงศ์พันธุ์ มาพร้อมกันอัคเรศเกศสตรี จงไปเฝ้าเคารพอภิวาท จะพ้นราชอาชญารำภาสะหรี แม้มิฟังยังจะดื้อเฝ้าถือดี โทษจะมีไม่แคล้วแล้วนะนาง ฯ ๏ นางรำภาสามารถชาติทหาร จึงว่าขานอะไรปากมาถากถาง ถึงชาตินี้ชีวิตจะวายวาง ไม่ไหว้นางอัคเรศเกษรา พระผ่านเกล้าเข้ารีตเป็นสิทธิ์ขาด ไม่นับญาตินับวงศ์เผ่าพงศา เป็นอุปราชราชวังอยู่ลังกา เราได้ว่าที่พระเสาวนีย์ แต่บรรดามาอยู่ก็รู้หมด เรามียศอย่างพระมเหสี ตัวเป็นข้าฝ่าละอองรองธุลี ชอบภักดีด้วยเราเป็นเจ้านาย จะได้เกียรติเจียดกระบี่ได้มียศ ให้ปรากฏกตัญญูไม่รู้หาย อันข้าครอกนอกเจ้าบ่าวนอกนาย หลังจะลายเลอะล้นถึงต้นคอ แม้เจ้าพราหมณ์สามส่งองค์กษัตริย์ ให้เราตัดชาติเชื้อไม่เหลือหลอ จะทูลให้เป็นเจ้าทั้งเหล่ากอ ไม่ลวงล่อเลยนะเจ้าเราจะเลี้ยง ฯ ๏ สามพราหมณ์ฟังคั่งแค้นแทนกษัตริย์ ต่างเคืองขัดคิดเกลียดขี้เกียจเถียง จึงว่ากูผู้เป็นพระพี่เลี้ยง มีชื่อเสียงศักดินาเจ้าธานี อันพวกเจ้าเหลาวิเรนเป็นเดนห้าม มาหยาบหยามต่อกษัตริย์น่าบัดสี ถึงโปรดเจ้าเล่าก็เลี้ยงแต่เพียงนี้ ไม่ทันที่จะถึงหม่อมจอมมารดา จะให้เกียรติเจียดกระบี่เป็นที่พึ่ง ไม่คิดถึงต่างชาติวาสนา มาจาบจ้วงล่วงพระราชอาชญา โทษถึงผ่าปากเจ้านางชาววัง แม่สี่องค์ทรงทราบว่าหยาบหยาม นางหม่อมห้ามเห็นจะยับไม่กลับหลัง แล้วยิงขาม้าคะมำด้วยกำลัง นางพลาดพลั้งพลัดหงายตะกายอาน เผ่นขึ้นนั่งหลังม้าไม่กล้ารบ ควบสินธพเที่ยวหาโยธาหาญ ประชุมได้ไพร่นายเหลือวายปราณ มาประมาณสามพันตามวัณฬา ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามนายหญิงชายพร้อม ไม่เห็นจอมกษัตริย์สกัดหา พอเห็นออกนอกชะง่อนก้อนศิลา ต่างเชิญมาทรงนั่งบัลลังก์รถ กรุงกษัตริย์ตรัสกับสามพราหมณ์พี่เลี้ยง เดี๋ยวนี้เล่าเราเสบียงลำเลียงหมด จะรบรับขับเคี่ยวเที่ยวเลี้ยวลด จะมิอดหรือจะไปข้างไหนดี ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมประนมสนอง จำจะต้องตามพระมเหสี กับกษัตริย์หัสไชยรบไพรี จะเสียทีหรือพระองค์ยังสงคราม แม้พบปะจะสมทบช่วยรบรับ โยธาทัพพร้อมพรั่งกันทั้งสาม เดี๋ยวนี้น้อยถอยกลับแม่ทัพตาม จะเสียความขัดขวางทุกอย่างไป ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ เจ้าเคยรู้ผันแปรช่วยแก้ไข เจ้าพราหมณ์รับนับพลสกลไกร ทั้งนายไพร่ติดตามสักสามพัน รถฝรั่งลังกามันล่าทิ้ง เก็บให้หญิงขี่ไปในไพรสัณฑ์ ทั้งเครื่องมือถือรบมีครบครัน แล้วพากันตัดทางมากลางไพร ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีหนีฝรั่ง ไปกับทั้งหญิงชายพร้อมนายไพร่ แต่สองยามตามกษัตริย์หัสไชย หมายจะไปยังเขาเจ้าประจัญ ทัพฝรั่งตั้งซุ่มออกรุมรบ ต้องหลีกหลบเลี้ยวเวียนเที่ยวเหียนหัน ออกทางใหญ่ไปพอแจ้งแสงตะวัน พบวิรุญกุนตันออกกั้นทาง จะหักไปเห็นไม่พ้นด้วยคนน้อย จะกลับถอยหลีกลัดก็ขัดขวาง พอเหลียวหลังยังเห็นคนข้างต้นทาง กองทัพนางวัณฬาออกมาตาม สกัดล้อมพร้อมพรั่งทั้งหลังหน้า ดาษดาดูคนออกล้นหลาม สุมาลีมีทหารต้านสงคราม ประมาณสามสี่ร้อยน้อยเท่านั้น นางตกใจไหวหวาดจะขาดจิต เห็นสุดคิดเขาจะฆ่าให้อาสัญ กอดธิดานารีร่วมชีวัน สะอื้นอั้นอารมณ์ไม่สมประดี พระหัสไชยใจกล้าว่าพระแม่ อย่าท้อแท้ทุกข์ทำไมฉันไม่หนี ถึงโกฏิแสนแน่นมามากกว่านี้ ลูกจะตีตัดออกไปคงไม่ฟัง พวกขอเฝ้าชาววังสิ้นทั้งหมด คอยรุนรถตามทางไปข้างหลัง พระมาตุรงค์ทรงพระแสงแกว่งระวัง สองน้องนั่งบังฝารถาไว้ สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาว่าพระพี่ แล้วอย่าหนีน้องรักให้ตักษัย สุมาลีศรีสวัสดิ์กอดหัสไชย ไม่เห็นใครแล้วพ่อคุณกรุณา ถึงแม่นี้มิรอดจะมอดม้วย พ่อจงช่วยชีวิตกนิษฐา แม่ยกให้ไว้เป็นน้องทั้งสองรา เจ้าเมตตาน้องหญิงอย่าทิ้งกัน ฯ ๏ พอเสียงโห่โยธาเข้ามาใกล้ พระหัสไชยลุกขยับจับพระขรรค์ สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาต่างจาบัลย์ นางช่วยกันยุดคร่าเชษฐาไว้ พวกฝรั่งลังกามันมากลุ้ม จะจับกุมแล้วพระพี่นี้ไปไหน อยู่ช่วยฉันมารดาเถิดอย่าไป พระหัสไชยจูบกอดพูดพลอดพลาง พี่จะไปไล่ฆ่าอ้ายฝรั่ง คอยระวังพระน้องอย่าหมองหมาง แล้วลูบหลังสั่งน้องทั้งสองนาง พอนางวางหัตถาออกหน้ารถ ขึ้นทรงสิงห์วิ่งเข้ารับทัพฝรั่ง ต่างแตกพังล้มตายกระจายหมด ใครกีดกั้นฟันฉะไม่ละลด แล้วนำรถฝ่าฟันป้องกันไป ฯ ๏ ฝ่ายวิรุณกุนตันมันแรงร้าย ทั้งสองนายเห็นทหารต้านไม่ไหว ต่างหัวร่อหน่อกษัตริย์หัสไชย เหมือนลูกไก่กระจ้อยร่อยมาพลอยตาย ต่างชัยม้าถาโถมเข้าโจมจับ กุมารรับรุกไล่มิได้ขยาย ฟาดพระขรรค์ฟันต้องทั้งสองนาย คอขาดตายตกม้าไล่ฆ่าพล พวกฝรั่งทั้งทัพไม่รับรบ ต่างหลีกหลบล้มเสือกเสลือกสลน นางละเวงเกรงจะไปเสียได้พ้น เร่งต้อนพลหุ้มห้อมเข้าล้อมรถ พระป้องกันฟันฟาดตายดาษดื่น อ้ายพวกอื่นเข้ามาอีกไม่หลีกหลบ พอยุพารำภายกมาพบ เข้าช่วยรบรุมสกัดจับหัสไชย พระควบสิงห์วิ่งระวังหน้าหลังรถ จนแรงหมดฆ่าฟันมันไม่ไหว ทั้งสามนางขับพลสกลไกร เข้ารุกไล่จับกุมตะลุมบอน เดชะแก้วแคล้วคลาดก็พลาดเพลี่ยง พระเหนื่อยเพียงสิ้นแรงหยุดแผลงศร บ้างถูกเหน็บเจ็บป่วยบ้างม้วยมรณ์ มันยิ่งต้อนกันเข้าไปมิได้ลด พวกตามเจ้าชาวผลึกไม่นึกรอด หมายม้วยมอดมิได้คิดชีวิตหมด ทั้งชายหญิงวิ่งวุ่นเข้ารุนรถ เที่ยวเลี้ยวลดหลบพัลวันมา ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยมิได้หยุด ออกรบรุดแหลกทางไปข้างขวา เห็นรถทรงองค์ลูกสาวเจ้าลังกา จึงร้องว่าถากถางนางละเวง เป็นผู้หญิงชิงเอาผัวเขาไว้ แล้วยังไม่สาสมทำข่มเหง เขารู้เช่นเห็นชั่วไม่กลัวเกรง มารำเพลงอาวุธยุทธนา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงนึกเกรงฤทธิ์ ลูกนิดนิดมันแข็งแรงหนักหนา แต่ยังเล็กเด็กอ่อนหย่อนปัญญา จะพูดจาล่อลวงดูท่วงที แล้วห้ามไพร่ให้สงบที่รบสู้ หมายจะดูเหลี่ยมเล่ห์มเหสี จึงเสแสร้งแกล้งว่านางมาลี ใช้ให้พี่สาวเจ้าถือเกาทัณฑ์ ไปยิงแก้มนางลาลีหน้าที่นั่ง จึงตรัสสั่งให้มาฆ่าให้อาสัญ แต่ตัวเจ้าเขายุจึงดุดัน จะผ่อนผันปล่อยไปมิให้ตาย นางมาลีนี้ข้าแค้นแสนสาหัส จะต้องตัดเอาศีรษะไปถวาย แม้จะใคร่ได้รอดไม่วอดวาย อย่าอับอายออกมาพูดจากัน แม้งอนง้อขอโทษไม่โกรธขึ้ง นั่นแหละจึงจะไม่ฆ่าให้อาสัญ แม้มิฟังตั้งปึ่งทำดึงดัน จะห้ำหั่นเสียให้แร้งมันแย่งกิน จะบอกเจ้าเราให้ทัพไปนับแสน ตั้งปิดแดนด่านท่าชลาสินธุ์ อย่าว่าแต่แม้เพียงจะเดินดิน จึงจะบินขึ้นบนไม่พ้นมือ ด้วยมากมายหลายทัพจะจับเจ้า น้อยกว่าเรานี้จะสู้ได้อยู่หรือ จงตรองตรึกไปปรึกษาพูดหารือ แม้นดึงดื้อก็จะได้ไล่ตะลุย ฯ ๏ พระหัสไชยไม่กลัวกลับหัวเราะ ตบมือเยาะยิ้มย่องร้องกุ๋ยกุ๋ย เมื่อตะกี้นี้ตายกระจายกระจุย จนต้องลุยเลือดนองดังท้องธาร ถึงโกฏิแสนแน่นมากเหมือนหยากเยื่อ เราเหมือนเชื้อเพลิงน้อยจะคอยผลาญ ไม่ย่อท้อง้องอนมารอนราญ อย่ามาพาลผิดที่นะพี่ยา เมื่อพี่นางครางครวญประชวรไข้ หมอยังไปพร้อมพรักอยู่รักษา พาโลเขาเอาแต่โทษมาโจทนา ไม่ปรารถนาง้องอนจะรอนราญ ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีอยู่ที่รถ ได้ยินหมดเมื่อวัณฬาร้องว่าขาน จะฆ่าเราเอาโทษตัวโปรดปราน มันคิดอ่านแอบรับสั่งสิ้นทั้งนั้น จะตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง โมโหหึงหมกมุ่นให้หุนหัน จึงแต่งองค์นงเยาว์ถือเกาทัณฑ์ ออกยืนยันหน้ารถไม่ลดละ แล้วร้องว่าฉาฉีอีฝรั่ง ขึ้นเสียงดังข่มขู่กูหรือหวะ มาแต่งกลปล้นคายหมายชนะ เห็นว่าพระหลงใหลแล้วได้ที จะให้กูผู้ใหญ่นี้ไหว้กราบ ช่างหยามหยาบยิ่งกว่ากะลาสี ถึงชั้นไพร่ในจังหวัดปถพี ก็ไม่มีผู้ใดไหว้เมียน้อย มึงอย่าพักยักยอกตะคอกขู่ ถึงม้วยสู้ไว้ยศไม่ถดถอย เห็นเอนเอียงเพลี่ยงพล้ำมาซ้ำพลอย อีกิ่งก้อยก็จะแปรเป็นแม่มือ แม้มึงกล้าก็มาสู้ตามผู้หญิง พลางหมายยิงเยื้องคันเกาทัณฑ์ถือ เห็นแม่นมั่นสันทัดเคยหัดปรือ ขยับมือขวาขวับดูฉับไว ถูกที่ถันวัณฬาผวาหวีด แต่เกราะกีดขีดเชือดพอเลือดไหล ครั้นยิงซ้ำนางรำภาฉวยคว้าไว้ ละเวงได้สมประดีดูที่ทรวง เอาเสื้อปิดมิดแผลร้องแก้หน้า กูจะผ่าอกเสียอีเมียหลวง แล้วเร่งทัพขับไล่ไพร่ทั้งปวง ลุยทะลวงไล่ล้างให้วางวาย ฝรั่งล้อมห้อมหุ้มเข้ารุมรบ ตีตลบเลี้ยวไล่ไพร่ทั้งหลาย พระหัสไชยไล่ฆ่าโยธาตาย แตกข้างซ้ายฝ่ายขวาเข้าราวี ต้องรบเวียนเหียนหันป้องกันรถ เที่ยวเลี้ยวลดลัดป่าจะล่าหนี ฝรั่งรุมกลุ้มกลัดสกัดตี เสียงโยธีครื้นครั่นสนั่นดัง ฯ ๏ ทั้งสามพราหมณ์ตามเที่ยวเลี้ยวตลบ มาพบรบชุลมุนช่วยหนุนหลัง ให้โยธีตีรุดไม่หยุดยั้ง ฟันฝรั่งล้มตายลงก่ายกัน พระหัสไชยได้ทีตีกระทบ ฝรั่งรบรวนเรระเหหัน ทั้งสามนางต่างขับทัพประจัญ เสียงครื้นครั่นครึ้มฟ้าสุธาธาร พอนงเยาว์เสาวคนธ์คุมพลรบ มาพานพบพวกฝรั่งไล่สังหาร ต่างตื่นแตกแยกย้ายกลัววายปราณ อลหม่านเมื่อเวลาจะสายัณห์ ฯ ๏ นางละเวงเกรงกลับขับสินธพ เลี้ยวตลบหลีกไปในไพรสัณฑ์ นางรำภากล้าหาญแกว่งขวานฟัน คอยป้องกันลูกสาวเจ้าลังกา ฯ ๏ ฝ่ายข้าเฝ้าชาวผลึกรมจักร กลับฮึกฮักโห่ลั่นด้วยหรรษา ทั้งสามทัพขับกันไล่ฟันมา พลลังกาแตกพลัดกระจัดกระจาย ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชคอยคาดศึก เสียงครื้นครึกเกรียวกราวแต่เช้าสาย จนจวนเย็นเห็นพหลพลนิกาย ที่เหลือตายแตกมาถึงธานี จึงรีบพาสานุศิษย์ซึ่งอยู่ด้วย จะไปช่วยนางวัณฬามารศรี ให้พวกพ้องร้องป่าวชาวบุรี ผู้ใดมีกตัญญูตามกูมา ไปช่วยเจ้าคราวนี้เสียทีทัพ จะสูญลับศักราชศาสนา แม้เจ้าตายฝ่ายฝรั่งทั้งลังกา จะเป็นข้าครอกเขาชาวชมพู คนทั้งหลายชายหญิงเห็นจริงด้วย ต่างคว้าฉวยอาวุธชุดดินหู ออกแล่นหลามตามหลังมาพรั่งพรู ออกประตูแต่งทัพให้นับพล ได้ห้าพันบรรดาซึ่งมาด้วย จะไปช่วยลูกสาวเจ้าสิงหล ให้ถือคบครบทั่วทุกตัวคน แล้วแบ่งพลกองละพันสำคัญคบ เข้าตีทัพสัประยุทธ์เร่งจุดพร้อม จึงรวมรอมอ้อมกันเข้าบรรจบ คอยฟังกลองกองทัพสำหรับรบ เร่งสมทบช่วยกันให้ทันที ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชขึ้นรถเหล็ก ลูกศิษย์เด็กขับม้าเป็นสารถี แยกโยธาห้ากองฆ้องกลองตี พอราตรีเกรียวกราวโห่ฉาวมา ฯ ๏ ฝ่ายปีโปบาลีมีหนังสือ ให้หญิงถือมาถึงวังอยู่ข้างหน้า สั่งให้ทูลมูลกิจพระธิดา นางสุลาลีแจ้งจึงแข็งใจ ไปรับเหล่าชาวบ้านสิกคารนำ มาในตำหนักถามความสงสัย ฝ่ายหญิงเฒ่าเล่าตามเนื้อความไป แล้วหยิบให้หนังสือที่ถือมา ฯ ๏ สุลาลีคลี่อ่านเป็นการลับ ว่าเกณฑ์กลับศักราชศาสนา เกณฑ์ชมพูอยู่ที่ฉัตรวัฒนา เกณฑ์ลังกาหมายชนะจะประลัย ถ้ารบพุ่งพวกฝรั่งสิ้นทั้งหลาย จะล้มตายพ่ายแพ้คิดแก้ไข ให้พวกพ้องขององค์พระอภัย ช่วยชิงชัยจึงจะเสร็จสำเร็จการ สุลาลีดีใจจบใส่ผม พระปรารมภ์ทุกข์ร้อนสั่งสอนหลาน แล้วให้จัดเสื้อผ้ามาประทาน ให้ชาวบ้านน้าป้าพวกย่ายาย ฯ ๏ แล้วได้ข่าวคราวทัพถึงยับย่อย ยิ่งเศร้าสร้อยเสียใจมิใคร่หาย ยังเจ็บแผลแก้ไขใช้อุบาย ทำฟูมฟายชลนารีบคลาไคล เข้าทูลองค์ทรงฤทธิ์พระบิตุเรศ มิโปรดเกศลูกรักจะตักษัย พวกกองทัพเกือบกระทั่งถึงวังใน สังหารไพร่ล้มตายลงก่ายกัน พระชนนีพี่ผกาพากันหนี ทั้งสะหรีสูญไปแต่ไก่ขัน ฝ่ายองค์พระอภัยตกใจครัน เรียกศรีสุวรรณสินสมุทรสุดสาคร มาแจ้งความตามที่ลาลีเล่า ต่างโศกเศร้าแสนเสียดายสายสมร นางลีวันกันแสงแกล้งอ้อนวอน ถึงภูธรไม่สงสารพระมารดา เห็นแก่องค์ทรงยศโอรสราช มาเอาชาติชีวังจะสังขาร์ พระทรงฟังคั่งแค้นแทนวัณฬา จึงตรัสว่าพ่อจะไปชิงชัยเอง ใครฆ่าฟันวัณฬาจะฆ่าเสีย ถึงลูกเมียไม่เอาไว้ให้ข่มเหง มารบพุ่งกรุงไกรมันไม่เกรง แม่ละเวงก็ไม่บอกจะออกตี แล้วชวนพระอนุชาพาโอรส มาพร้อมหมดทั้งธิดามารศรี นาลาลีดีใจเห็นได้ที เรียกเสนีฝรั่งมาสั่งการ จัดโยธาห้าหมื่นถือปืนรบ จุดเพลิงคบถ้วนทั่วตัวทหาร ผูกพระยาม้าที่นั่งบัลลังก์อาน สำเร็จการกษัตราทรงพาชี พระอภัยให้พระน้องสองโอรส แยกไปหมดมุ่งหามารศรี ทัพละหมื่นดื่นป่าพนาลี แสงอัคคีคบสว่างดังกลางวัน ฯ ๏ ฝ่ายทัพพราหมณ์สามกษัตริย์สกัดป่า ตามวัณฬาเลี้ยวลัดสะพัดผัน พอบาทหลวงล่วงหน้ารีบมาทัน เข้าป้องกันลูกสาวเจ้าลังกา ให้จุดคบรบรับทัพผลึก กำดัดดึกครึกครื้นเสียงปืนผา แล้วคุมพลด้นดั้นพาวัณฬา รีบลัดป่าจะไปลงข้างดงยาง พอเสียงโห่โยธาเมืองการะเวก ทหารเอกออกสกัดก็ขัดขวาง ต้องถอยทัพกลับวนมาต้นทาง ฝ่ายองค์นางเสาวคนธ์ขับพลตาม ตีทัพหลังสังฆราชพระบาทหลวง ไพร่ทั้งปวงแตกล่าเข้าป่าหนาม พอโยธีศรีสุวรรณมาทันพราหมณ์ จะเร่งตามนางวัณฬาหาให้พบ เห็นพวกพ้องกองทัพกระสับกระส่าย ต่างเรียงรายรวมกันเข้าบรรจบ นางเสาวคนธ์พลน้อยก็ถอยรบ ฝรั่งหลบหลีกไปในไพรวัน ฯ ๏ ฝ่ายสามพราหมณ์พี่น้องสองกษัตริย์ เข้าสกัดรบไปจนไก่ขัน ฟันฝรั่งตายดื่นนับหมื่นพัน มาพบกันสามทัพจึงยับยั้ง ท้าวทศวงศ์สงสารลูกหลานรัก เห็นเหนื่อยนักพลน้อยจะถอยหลัง จึงปรึกษาว่าเราหย่อนอ่อนกำลัง พวกฝรั่งชาวเมืองหนุนเนื่องมา เสียงโห่ร้องก้องกึกอยู่ครึกครื้น ดูนับหมื่นมากมายทั้งซ้ายขวา เราแรงน้อยรบรับจะอัปรา ไปพลับพลาพักพลสกลไกร พอหายเหนื่อยเมื่อยล้ากินอาหาร เผื่อว่าการผันแปรจึงแก้ไข เห็นพรักพร้อมรวมทัพถอยกลับไป เข้าค่ายใหญ่ที่ตั้งล้อมลังกา ฯ ๏ ฝ่ายพวกอยู่รู้แจ้งแต่งสำรับ ไว้เสร็จสรรพเรียงรายทั้งซ้ายขวา พอพวกพ้องกองทัพถึงพลับพลา หุงข้าวปลากินตามความสบาย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ตามพระบาทหลวงนั้นรีบผันผาย กับสองนางต่างพลัดกระจัดกระจาย ครั้นศึกวายวิ่งมาทางธานี พอเสียงโห่โยธามาครื้นครึก คิดว่าศึกแซงสกัดจะลัดหนี พระฝรั่งสั่งให้ทัพดับอัคคี ขึ้นคีรีรวมพลสกลไกร แล้วหยุดหย่อนซ่อนอยู่บนภูเขา ต่อรุ่งเช้าเห็นแน่ได้แก้ไข แล้วจัดพลคนกล้าลัดป่าไป เข้ากรุงไกรบอกกิจจาลาลีวัน ให้แบ่งพลบนเชิงเทินเนินหอรบ มาสมทบกองทัพถึงขับขัน ที่พวกอยู่ภูผาทั้งห้าพัน ให้เกณฑ์กันเก็บศิลาไว้ราวี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยคุมไพร่พร้อม เที่ยวอ้อมค้อมค้นหามารศรี คบสว่างกลางป่าในราตรี เห็นแต่ผีพลตายเรี่ยรายไป ต้องเหยียบศพทบทับระดับดาษ ลุยเลือดฝาดฟูมฟองออกนองไหล ฝรั่งพบศพญาติจะขาดใจ เสียงร้องไห้แซ่ซ้องทั้งกองทัพ พระอภัยใจหายเห็นตายมาก ดูศพซากซ้อนสมแทบลมจับ เร่งโยธาฝรั่งเดินคั่งคับ ไม่พบทัพเที่ยวมาถึงป่าแดง ประหลาดจริงยิงปืนเสียงครื้นครึก ครั้นยามดึกเงียบสิ้นให้กินแหนง หรือโฉมฉายวายวางนึงคลางแคลง จนจวนแจ้งยังไม่พบพวกรบกัน คิดถึงนางรางควานให้ร่านรัก ละล่ำละลักหลงใหลเหมือนใฝ่ฝัน จะลดเลี้ยวเที่ยวหาเห็นช้าพลัน ละเวงวัณฬาน้องจะหมองมัว ฯ ๏ จำจะเป่าปี่ลองเรียกน้องรัก ให้ประจักษ์แจ้งความมาตามผัว ทั้งพวกเราชาวผลึกรู้สึกตัว จะเกรงกลัวลมปี่หลบหนีไป ดำริพลางทางสั่งให้ยั้งหยุด ทหารจุดคบกระจ่างสว่างไสว ให้รายรอบขอบป่าพนาลัย คอยรับไพร่พวกเราจะเข้ามา แล้วพระองค์ลงจากม้าที่นั่ง ขึ้นหยุดยั้งอยู่บนเนินเชิงเทินผา คิดรำพึงถึงลูกสาวเจ้าลังกา หยิบปี่มาเป่าดังเป็นกังวาน แต่ไม่ให้ไพร่พลผู้คนหลับ ให้วาบวับแว่วเพลงวังเวงหวาน วิเวกโหวยโหยไห้อาลัยลาน โอ้ดึกป่านนี้แล้วแก้วกลอยใจ แม่วัณฬานารีศรีสวัสดิ์ จะพรากพลัดไพร่พลไปหนไหน น้ำค้างย้อยพรอยพรมพนมไพร จะหนาวในทรวงน้องจนหมองนวล โอ้ยามสามยามนี้เจ้าพี่เอ๋ย พี่เคยเกยกอดน้องประคองสงวน แม่ยอดหญิงมิ่งขวัญจะรัญจวน เสียดายนวลเนื้ออุ่นละมุนทรวง เคยไสยาสน์อาสน์อ่อนบรรจถรณ์แท่น มาเดินแดนดงรังใช่วังหลวง ขอเชิญแก้วแววตาสุดาดวง มาชมพวงมาลีด้วยพี่ยา ล้วนชื่นแช่มแย้มบานทุกก้านกิ่ง ยิ่งคิดยิ่งหวนหอมบนจอมผา พี่อยู่เดียวเปลี่ยวใจนัยนา แม่วัณฬาหลบแฝงอยู่แห่งไร จนดาวเคลื่อนเดือนดับยิ่งลับน้อง เห็นแต่ห้องหิมวาพฤกษาไสว มาหาพี่นี่หน่อยเถิดกลอยใจ จะกล่อมให้บรรทมได้ชมเชย ถึงยากไร้ไม่มีที่พระแท่น จะกางกอดทอดแขนแทนเขนย หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย ใครจะเชยโฉมน้องประคองเคียง เคยอยู่วังฟังนางสุรางค์เห่ มาฟังเรไรเพราะเสนาะเสียง วิเวกแว่วแจ้วเจื้อยเรื่อยสำเนียง เสนาะเพียงพิณเพลงบรรเลงลาน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งสิ้นได้ยินปี่ ที่หลบลี้หนีมาอยู่หน้าฉาน ส่วนลูกสาวเจ้าลังกากับอาจารย์ ซุ่มทหารกองทัพค่อยตรับฟัง เสนาะคำร่ำเรียกสำเหนียกแน่ นางเหลียวแลลืมขยับจะกลับหลัง แล้วรู้ตัวกลัวอาจารย์จะพานชัง จึงบอกสังฆราชว่าเธอมารับ จะควรไปให้พบหรือหลบเสีย เผื่อลูกเมียเขามาแก้จะแปรกลับ พระบาทหลวงล่วงรู้ขู่สำทับ ผัวมารับไยไม่ไปจะได้นอน ทั้งอาคมถ่มน้ำมันทำกันไว้ ชีวิตไม่ม้วยมุดไม่หลุดถอน จงตั้งจิตคิดอ่านที่ราญรอน ไปวิงวอนว่าผัวให้มัวมนต์ ให้ฆ่าตีพี่น้องพวกพ้องเขา คงตามเราสารพัดไม่ขัดสน นางโฉมยงจงไปกับไพร่พล กูก็พ้นทุกข์ธุระแล้วจะลา พลางลงเนินเดินพาบรรดาเด็ก ขึ้นเกวียนเหล็กไปในไพรพฤกษา นางโฉมยงทรงนั่งหลังอาชา กับพลห้าพันบรรจบถือคบไฟ ให้ตัดทางไปในดงตรงเสียงปี่ พบบุตรีกับรำภาต่างปราศรัย ทั้งพระน้องสองโอรสยศไกร ต่างขับไพร่พลมาพร้อมหน้ากัน ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างเข้าไปเฝ้าผัว ทำสั่นรัวกลัวแกล้งกันแสงศัลย์ นางวัณฬาว่าพระองค์ให้พงศ์พันธุ์ มาฆ่าฟันไพร่ฟ้าไม่ปรานี ไม่ช่วยห้ามกองทัพให้กลับหลัง เหลือกำลังแล้วน้องจะต้องหนี เชิญพระองค์จงพานางมาลี เข้าบุรีราชวังอยู่ลังกา เป็นปิ่นเกล้าสาวสนมชมสมบัติ ทั้งกษัตริย์เผ่าพงศ์สืบวงศา แต่ตัวของน้องนี้ขอชีวา ไปทำไร่ไถนาอยู่ป่าดอน ฯ ๏ พระฟังนางทางว่านิจจาเอ๋ย อย่าแคลงเลยพี่ไม่ทิ้งมิ่งสมร ซึ่งเผ่าพงศ์วงศ์วานมาราญรอน มีโทษกรณ์กฎหมายถึงวายวาง จะตามทัพจับมาเข่นฆ่าเสีย ทั้งลูกเมียนอกรีตไม่กีดขวาง ต่างปราศรัยไต่ถามเนื้อความนาง จนสว่างเวลารุ่งราตรี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงรู้เพลงผัว เห็นเมามัวมนต์ประสิทธิ์ด้วยฤทธิ์ผี จึงเสแสร้งแกล้งว่าได้ปรานี ชาวบุรีแรงน้อยจะย่อยยับ พระโปรดเกล้าเป่าปี่ขึ้นดีกว่า ให้โยธาทั้งหลายหญิงชายหลับ พอให้หลาบปราบปรามทั้งสามทัพ แต่เพียงจับเอาไปส่งเสียคงคา ฯ ๏ พระตรัสสรวลควรอยู่เป็นรู้แล้ว เหมือนกวาดแผ้วไพรีดีหนักหนา นางนบนอบลอบสั่งชาวลังกา ให้ไปหาดินปืนทั้งฟืนไฟ เห็นกองทัพหลับสิ้นเอาดินออก จุดไฟครอบเสียทั้งทัพเมื่อหลับใหล แล้วเกณฑ์กันบรรดาพวกม้าใช้ ให้แยกย้ายรายไปสืบไพรี พอได้ความสามทัพไปยับยั้ง อยู่ค่ายยังชายทุ่งริมกรุงศรี เอาเค้ามูลทูลพระอภัยมณี พระภูมีสั่งน้องสองโอรส ทั้งยุพาลาลีสะหรีด้วย ยกไปช่วยกันล้อมให้พร้อมหมด ฝ่ายสามคู่อยู่พร้อมน้อมประณต ลงบรรพตพากันมาทรงพาชี ฯ ๏ ศรีสุวรรณเคียงม้ารำภาชม้อย พระหน่อน้อยคอยยุพามารศรี สุดสาครเคียงม้าสุลาลี เดินโยธีทัพละหมื่นเสียงครื้นเครง พวกฝรั่งลังกามัดหญ้าแฝก บ้างก็แบกดินประสิวหิ้วเขนง จะไปเผาเจ้าผัวไม่กลัวเกรง นางละเวงสมถวิลก็ยินดี จึงเชิญองค์ทรงยศขึ้นรถราช พระนางนาฏนั่งหน้าเป็นสารถี ทหารแห่แต่ล้วนเหล่าชาวบุรี ยกโยธีตัดทางไปข้างธาร ฯ ๏ จะกลับกล่าวเก้าองค์พงศ์กษัตริย์ ให้พราหมณ์จัดพลรบสมทบทหาร คอยรับรองป้องกันประจัญบาน พอแจ้งการกองนอกมาบอกความ ว่าบัดนี้สี่องค์พานงนุช ให้รีบรุดยกพลมาล้นหลาม ท้าวทศวงศ์องค์สั่นให้ครั่นคร้าม จะคิดความแก้ไขอย่างไรดี จะรบสู้ผู้คนไพร่พลน้อย จำจะถอยทัพล่าโยธาหนี ฝ่ายอัคเรศเกษราสุมาลี สองนางตีทรวงแสนที่แค้นใจ เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย กระไรเลยลืมองค์จนหลงใหล ลำพังพระจะมาฟันให้บรรลัย ก็มิได้สู้ผัวด้วยกลัวเกรง แต่ครั้งนี้อีวัณฬามันมาด้วย ถึงมอดม้วยก็ไม่ให้ใครข่มเหง จะต้องสู้ดูดีอีละเวง ไม่ครื้นเครงคราวนี้ก็ที่ตาย นางเกษราว่าสงสารพระผ่านเกล้า ถึงจะเอาศีรษะจะถวาย จะหลีกหลบรบรับก็อับอาย ขอสู้ตายอยู่ตรงหน้าพระสามี ท้าวทศวงศ์สงสารลูกหลานรัก จึงว่าจักอยู่รบไม่หลบหนี อันฝรั่งลังกาพอราวี กลัวแต่ปี่เธอจะเป่าให้หาวนอน แล้วปรึกษาปาโมกข์โลกเชษฐ์ ท่านรู้เวทมนตร์ขลังช่วยสั่งสอน พระยกทัพขับทหารมาราญรอน จะผันผ่อนคิดอ่านประการใด ฯ ๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐ์ว่าเหตุนี้ เพราะฤทธิ์ผีพาพระองค์ให้หลงใหล จึงพาคู่ผู้หญิงออกชิงชัย จะแก้ไขขัดขวางด้วยห่างกัน แต่จะช่วยด้วยวิชาสถาผล อย่าให้คนเข่นฆ่ากันอาสัญ ซึ่งเป่าปี่ขี้ผึ้งก้อนหนึ่งนั้น เอาปิดกรรณเสียเห็นไม่เป็นไร แต่รบพุ่งรุ่งค่ำคงลำบาก ข้างเขามากเราจะต้านทานไม่ไหว ข้ามีครูรู้เรียนจุดเทียนชัย ออกชื่อไปก็จะรู้ถึงหูกัน อันโยคีที่เป็นครูอยู่ที่เกาะ เธอรู้เหาะเหินเวทวิเศษขยัน คงแจ้งเหตุเจตนาบูชายัญ กำหนดวันหนึ่งจะมาไม่ช้านาน แม้โยคีมิช่วยจะม้วยมอด เอาตัวรอดเถิดท้าวเหล่าทหาร ข้าจะอยู่ภูผาสมาทาน กระทำการแก้ไขช่วยไพร่พล แม้ศึกมาอย่าเพ่อรบสงบอยู่ คอยปิดหูดูสังเกตซึ่งเหตุผล พระองค์กับมเหสีนีฤมล เสาวคนธ์กับกษัตริย์หัสไชย ออกห้ามทัพรับองค์พระทรงศักดิ์ ให้พบพักตร์พูดจาอัชฌาสัย แม้คลุ้มคลั่งสั่งผู้หญิงเข้าชิงชัย จึงปล่อยให้ปักษาออกราวี แล้วเสกเข็มเล่มใหญ่ให้ใส่พก กลายเป็นนกการวิกคอยจิกผี แล้วเสกสายกายสิทธิ์ด้วยฤทธี ให้เสนีนายใหญ่ทั้งไพร่พล คงกระพันฟังแทงก็แพลงพลาด ทั้งแคล้วคลาดสาตราสถาผล แล้วพราหมณ์ลาพาเด็กอีกหลายคน ขึ้นไปบนเขาเขินเนินศิลา เอาหินต่างธรรมาสน์เหมือนอาสน์สงฆ์ ปักฉัตรธงเทียนข้าวตอกดอกบุปผา แล้วพราหมณ์เฒ่าเข้านั่งตั้งบูชา บนเนินผ้าขาวลาดดาดเพดาน จึงจุดเทียนเขียนชื่อพระฤๅษี ตั้งพิธีทำสัตย์อธิษฐาน เอาจิตวางทางกสิณอภิญญาณ ไปถึงท่านโยคีผู้ปรีชา ฯ ๏ ฝ่ายเก้าองค์พงศ์กษัตริย์อติเรก ได้นกเสกพราหมณ์มนต์ดลคาถา ค่อยอุ่นใจไม่พรั่นหวั่นวิญญาณ์ ต่างตรวจตราเตรียมรับกองทัพชัย ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังการำภาสะหรี สุลาลีนางผกาอัชฌาสัย ยกโยธามากับผัวไม่กลัวใคร ถึงค่ายใหญ่แยกหลีกเป็นปีกกา เข้าโอบอ้อมล้อมทัพไว้คับคั่ง ทั้งหน้าหลังตั้งรายทั้งซ้ายขวา พอรถทรงองค์ละเวงวัณฬามา ถึงตรงหน้าค่ายล้อมอยู่พร้อมกัน ดูคั่งคับนับหมื่นเสียงครื้นครึก เห็นข้าศึกนิ่งเฉยก็เย้ยหยัน ว่าพวกผิดคิดขบถหมดทั้งนั้น สมคบกันรบพุ่งเจ้ากรุงไกร ไม่เกรงใจมเหสีสี่กษัตริย์ จะต้องตัดเอาศีรษะเสียบไสว แม้รักตัวกลัวชีวันจะบรรลัย ก็กราบไหว้พวกฝรั่งชาวลังกา ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ จึงรีบจัดแจงองค์ทรงภูษา ด้วยเชื่อคำทำตามพราหมณ์พฤฒา ให้เสนาใหญ่น้อยนิ่งคอยฟัง สองพระองค์ทรงยศขึ้นรถราช ธิดานาฏหลานยานั่งหน้าหลัง พี่เลี้ยงพราหมณ์สามนายรายระวัง ตรงออกยังทัพที่ศรีสุวรรณ บอกฝรั่งทั้งสิ้นว่าปิ่นปัก รมจักรจอมวังนรังสรรค์ ให้หาพระอนุชาลังกานั้น มาด้วยกันกับรำภาอย่าช้าที ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งคั่งแค้นใคร่แทนทด เข้าล้อมรถรอบไว้มิให้หนี เป็นพงศ์พันธุ์ครั้นว่าจะฆ่าตี เกรงจะมีโทษทัณฑ์ถึงบรรลัย ต้องบอกต่อข้อความที่พราหมณ์สั่ง ให้คนหลังทูลแจ้งแถลงไข ศรีสุวรรณฟั่นเฟือนเลื่อนเปื้อนไป จึงว่าใครหนอสั่งมาดังนี้ ให้แหวกทัพขับพระยาม้าที่นั่ง มาพร้อมพรั่งทั้งม้ารำภาสะหรี เห็นรถทรงนงนุชพระบุตรี ทั้งชนนีบิตุเรศเสด็จมา รู้สึกองค์ลงจากม้าพระที่นั่ง นางฝรั่งเคียงเข้าเป่าคาถา กลับกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งขึ้นหลังม้า ตวาดว่าลูกเมียไปเสียไป ถ้าขืนอยู่จู้จี้เดี๋ยวนี้แหละ จะต้องแหวะปากเชือดให้เลือดไหล พระอัคเรศเกษราโศกาลัย แล้วทรามวัยวันทาทูลสามี จงโปรดเกล้าเจ้าประคุณทูลกระหม่อม น้องจะยอมเป็นข้ารำภาสะหรี ไม่ล่วงราชอาชญาฝ่าธุลี อย่าฆ่าตีชีวันให้บรรลัย ฯ ๏ นางอรุณฉุนแค้นว่าแสนชาติ กูหาปรารถนาเป็นข้าไม่ ถึงบิดาฆ่าฟันให้บรรลัย กูก็ไม่คบค้าสมาคม ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีเห็นทีกล้า จึงแกล้งว่าน้อยหรือกลับมาทับถม ช่างขึ้นเสียงเถียงบิดาค้าคารม นางแสนคมคอจะหักไปสักที ท้าวทศวงศ์โองการห้ามหลานรัก จะขายพักตร์พูดจากับทาสี ได้ฟังคำรำภายุสามี จงฆ่าตีเสียให้หมดทั้งรถทรง ศรีสุวรรณฟั่นเฟือนเขยื้อนขยับ แล้วก็กลับคิดได้กลับใหลหลง พราหมณ์พี่เลี้ยงเคียงรถท้าวทศวงศ์ ต่างปลอบองค์ศรีสุวรรณจำนรรจา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง ขึ้นทรงสิงห์ทหารรายทั้งซ้ายขวา ออกจากค่ายหมายตรงพระพี่ยา เห็นสุดสาครพี่เคียงลีวัน ยิ่งแค้นคิดพิศแลเห็นแผลแก้ม แกล้งยิ้มแย้มเปรียบเปรยทำเย้ยหยัน ฝรั่งวิ่งสิงห์ไล่เข้าใกล้กัน นางลีวันยุให้ผัวจับตัวไว้ สุดสาครแลเขม้นเห็นพระน้อง นึกจะร้องเรียกหามาปราศรัย แล้วลืมองค์หลงเพ้อเอออะไร เฝ้ากวนใจจู้จี้ไปทีเดียว เป็นผู้หญิงวิ่งรุกมาจุกจิก จะใคร่หยิกหนักหนาให้ขาเขียว นางว่าชะพระพี่เช่นนี้เจียว มากราดเกรี้ยวโกรธแค้นเถียงแทนเมีย จนไม้เท้าดาบสก็หมดม้วย ไม่เขินขวยขายหน้าประดาเสีย น้อยหรือเคียงเรียงรอเดินคลอเคลีย จงปล่อยเมียออกมาสู้ดูผีมือ ฯ ๏ สุดสาครค้อนน้องแล้วร้องตอบ จะมาลอบยิงเขาอีกเล่าหรือ ยิ่งห้ามปรามลามไปดังไฟฮือ ดีแต่ดื้อดุดันไม่บรรเทา เมียของข้าลาลีเป็นพี่สะใภ้ ตัวไม่ไหว้แล้วมิหนำลอบทำเขา จนเสียแก้มแต้มยายังมาเย้า มาทำเข้าเถิดทีนี้แล้วดีจริง ฯ ๏ ซึ่งเชษฐาว่าอีนี่พี่สะใภ้ ข้าไม่ไหว้มันอีพวกผีสิง ชาตินี้ข้าจองหองจึงต้องยิง พระก็ทิ้งความสัตย์ถึงตัดรอน จะรบสู้ดูดีอีฝรั่ง ไม่เชื่อฟังเชษฐาอย่ามาสอน แล้วโถมไล่ลาลีวันจะฟันฟอน สุดสาครขวางน้องคอยป้องกัน สุลาลีมิได้กลัวเพราะผัวช่วย ถึงแก้มป่วยปากคารมยังคมสัน จึงว่าชะจะเข้ามาไล่ฆ่าฟัน อย่าปิดควันไว้เลยเจ้าข้าเข้าใจ นี่น้องหรือดื้อดึงมาหึงพี่ หรือเดิมทีเป็นผัวของตัวไฉน ประเดี๋ยวนี้ชีวันจะบรรลัย พลางขับไพร่พลล้อมไว้พร้อมเพรียง นางเสาวคนธ์ด้นดั้นจะฟันฆ่า แต่เชษฐากีดกั้นช่วยมันเถียง ทะเลาะพลางทางไล่เข้าใกล้เคียง ลาลีเลี่ยงล้อเล่นเป็นเฮฮา ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์แสนสลดทรงรถา กับลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ได้เห็นหน้าอยู่แต่พระหัสไชย ช่วยขับรถอุส่าห์สาพิภักดิ์ ถึงศึกสักหมื่นพันไม่หวั่นไหว ออกจากค่ายหมายจะปะพระอภัย พระหัสไชยขับม้าอยู่หน้ารถ แกล้งร้องว่าฝรั่งสิ้นทั้งหลาย หลีกเจ้านายออกไปเสียให้หมด แล้วตรงมาท่าเดียวไม่เลี้ยวลด จนใกล้รถพระอภัยกลางไพร่พล ฯ ๏ ฝ่ายละเวงเกรงผัวกลัวจะกลับ คอยกำกับเสกเป่าเป็นเก้าหน แล้วคุมเชิงชิงจะจับเมื่ออับจน พระต้องมนต์นางวัณฬาลืมมาลี ไม่รู้จักอัคเรศพระเนตรเฝื่อน แล้วแลเหมือนพักตร์พระมเหสี ครั้นจำได้ในอารมณ์ไม่สมประดี เรียกบุตรีตรัสว่าแม่มาไย อยู่กับพ่อหนออย่ากลับไปกับแม่ แล้วเหลียวแลลืมองค์ด้วยหลงใหล สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาโศกาลัย พระภูวไนยไม่สงสารพระมารดา ให้ฝรั่งพรั่งพร้อมมาล้อมจับ จนแตกทัพคืนนี้แล้วมิสา ยังมิหนำซ้ำลูกสาวเจ้าลังกา ยังจะให้มาฆ่าพระชนนี ลูกขอม้วยด้วยพระแม่บังเกิดเกล้า จึงมาเฝ้าให้ฟันบั่นเกศี ฝ่ายโฉมยงองค์สุวรรณมาลี กราบสามีวอนว่าด้วยอาลัย โอ้พระคุณทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ เวรวิบัติบาปสร้างแต่ปางไหน มันเฝ้าทำซ้ำเติมเคลิ้มพระทัย จนหม่นไหม้มัวหมองเพราะต้องมนต์ เมื่อตามมาฝรั่งสิ้นทั้งหลาย จะฆ่าตายเสียวันละพันหน ต้องรบพุ่งรุ่งค่ำเพราะจำจน จนเสียพลไพร่นายล้มตายครัน คราวนี้ปะพระองค์ดำรงราชย์ ขอเชิญบาทบรเมศไปเขตขัณฑ์ บำรุงราษฎร์ศาสนาในสามัญ เป็นฉัตรกั้นเกศาประชาชน พระฟังเชิญเมินเฉยกลัยเลยหลง ด้วยลืมองค์ลืมสังเกตซึ่งเหตุผล ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาพิรากล คอยเป่ามนต์ร่ำไปมิให้คลาย ครั้นเห็นองค์ทรงธรรม์ยังพันผูก ไม่ฆ่าลูกเมียได้ดังใจหมาย แกล้งพูดขวางทางความตามอุบาย แน่ะนางนายทัพผลึกกินลึกลับ เพราะพระองค์งงงวยมาช่วยแก้ หรือว่าแม่เปล่าใจนอนไม่หลับ หรือเหลือทนจนต้องข้ามมาตามรับ เธอไม่กลับแกล้งว่าจะฆ่าฟัน มารบพุ่งมุ่งหมายทำร้ายผัว จะจับตัวเข่นฆ่าให้อาสัญ แล้วสั่งไพร่ให้ล้อมไว้พร้อมกัน นางสุวรรณมาลีไม่มีกลัว จึงร้องท้าว่าละเวงเองมาสู้ กันกับกูก่อนเถิดมึงอย่าพึ่งผัว จะชนะจะแพ้ก็แต่ตัว กูไม่กลัวมึงดอกนะอีละเวง นางวัณฬาว่าพระองค์ไม่ทรงโปรด ให้เขาโกรธอึกทึกฮึกข่มเหง ค้าคารมข่มขู่ขึ้นกูเอง ไม่กลัวเกรงบาทาฝ่าธุลี แล้วมิสาซ้ำว่าทำยาแฝด เห็นเกินแรดไปแล้วพระมเหสี จะฆ่าฟันบรรลัยก็ไม่ดี ชอบเป่าปี่ขึ้นให้หลับแล้วจับเป็น ฯ ๏ พระจับปี่ที่ใส่ไว้ในเสื้อ เอาน้ำเจือลิ้นปี่บุตรีเห็น จึงปล่อยนกผกโผนโจนกระเด็น ปักษาเผ่นผันผยองทั้งสองตัว นกกาสักปักษีเห็นผีสาง เข้าจิกนางการวิกเข้าจิกผัว จะตีรันมันเท่าไรมันไม่กลัว จะจับตัวก็ไม่อยู่มันสู้รบ พระอภัยไม่ทันเป่าเฝ้าแต่ปัด จนปี่พลัดตกลงพะวงหลบ นางละเวงเกรงทัพชัยสินธพ ให้เข้ารบรุมกันไล่ฟันแทง ต่างตีฆ้องกลองศึกเสียงครึกครื้น ระดมปืนหลักลั่นเกาทัณฑ์แผลง เดชะสายกายสิทธิ์ฤทธิแรง ให้พลาดแพลงแคล้วคลาดซึ่งสาตรา พระหัสไชยไม่หนีตีสินธพ ชักรถรบไพร่นายทั้งซ้ายขวา เสียงทหารขานโห่เป็นโกลา นางรำภาตีฆ้องเร่งกองทัพ ให้จับท้าวทศวงศ์องค์อรุณ ฝรั่งวุ่นวิ่งกลุ้มเข้ารุมจับ ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังดูคั่งคับ เจ้าพราหมณ์รับประจัญเข้าฟันแทง ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์องค์สั่นคอยกันหลาน ช่วยรอนราญรบฉะด้วยพระแสง มันโรมรันฟันฟาดก็พลาดแพลง รำภาแกว่งขวานโถมกระโจมฟัน ถูกรถทรงกงแตกแปรกหัก พระทรงศักดิ์เซซานยึดหลานขวัญ คอยรบสู้อยู่ในรถหมดด้วยกัน รำภาฟันฟาดผิดหวิดหวิดไป เห็นจวนจริงทิ้งนกไล่จกจิก รำภาพลิกแพลงรบหลบไม่ไหว จึงกลับมาหาผัวด้วยกลัวภัย มันซ้ำไล่จิกตีศรีสุวรรณ ต่างวุ่นวายนายไพร่ใกล้กระทบ ลาลีรบเสาวคนธ์ขับพลขันธ์ เข้าห้อมหุ้มกลุ้มกลัดสกัดกัน สิงโตผันผกโผนกระโจนรับ ทหารนางทั้งสิงห์ไม่ทิ้งเจ้า แกว่งขวานเข้าฟันฟาดเสียงฉาดฉับ ฝรั่งแตกแยกย้ายล้มตายยับ ที่เหลือกลับกลุ้มกันเข้าฟันฟอน นางเสาวคนธ์วนไล่พวกไพร่หนี เห็นลาลีไล่รันด้วยคันศร สุลาลีหนีปนพลนิกร สุดสาครขับม้าขวางหน้าน้อง นางแค้นใจไล่รันกระชั้นชิด พระพี่ปิดป้องกันผันผยอง นางปล่อยนกผกโผนโจนคะนอง เข้าจิกท้องแขนขาสุดสาคร แล้วไล่ตีลาลีวันหลบพันผัว ต่างจวนตัวตีรันด้วยคันศร พอนายทัพขับทหารรุกราญรอน นางก็ต้อนไล่กระชั้นประจัญบาน นางผกาพาสินสมุทรผัว ไปเพื่อนตัวตีไพร่ไล่ทหาร พวกเฝ้าค่ายนายต้อนออกรอนราญ ต่างต่อต้านตอบตีไม่หนีเร้น ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงห่วงลูกสาวเจ้าสิงหล ขึ้นอยู่บนป้อมปืนยืนเขม้น ดูโยธีตีค่ายจนบ่ายเย็น ยังไม่เห็นแตกแตนน่าแค้นใจ ให้กองนอกบอกคนที่ปล้นค่าย ให้ไพร่นายหลีกปืนอย่ายืนใกล้ เห็นพลแยกแหวกกว้างเป็นทางไป ยิงปืนใหญ่กังกึงเสียงตึงตัง แต่ละลูกถูกค่ายทลายยับ แล้วยิงพลับพลาทลายลงหลายหลัง พวกมดหมอขอเฝ้านางชาววัง พลับพลาพังพากันวิ่งเป็นสิงคลี ฯ ๏ พวกโยธาการะเวกเมืองรมจักร ต่างรบหักออกทุ่งข้างกรุงศรี พวกผลึกศึกกล้าพาสตรี ประดังตีตัดทางออกข้างซ้าย ต่างตามเจ้ากราวเกรียวเลี้ยวตลบ ตีกระทบรบฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ทั้งสามทัพกลับเข้าพบเจ้านาย ทั้งสองฝ่ายแทงฟันประจัญบาน พลฝรั่งครั้งนั้นมันไม่หนี เหตุด้วยสี่กษัตราอยู่หน้าฉาน แตกแล้วกลับซับซ้อนเข้ารอนราญ เสียงสะท้านสะเทื้อนทั้งเกาะลังกา ฯ ๏ พออากาศฟาดเปรี้ยงเสียงสนั่น เป็นหมอกควันมืดมิดทุกทิศา พวกรบสู้ดูเหมือนไม่มีตา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด ประเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งเสียงเครงครึก ลั่นพิลึกโลกาสุธาไหว เป็นฝนฟุ้งทุ่งท่าพนาลัย ทุกนายไพร่หนาวทั่วทุกตัวคน ไม่รู้ที่หนีไปข้างไหนรอด เหมือนตาบอดมืดเขม้นไม่เห็นหน หนาวสะท้านคลานคลำด้วยจำจน เสียงแต่ฝนซู่ซู่เข้าหูตา ดูมืดสิ้นดินสวรรค์เป็นควันโขมง แต่เพลิงโพลงพลุ่งอยู่ที่ภูผา เห็นหนทางต่างคลานทะยานมา พวกโยธาโถมชิงกันผิงไฟ แต่บรรดาข้าศึกไม่นึกร้าย ทั้งสองฝ่ายเหลือทนปนกันได้ ด้วยเพลิงอุ่นรุนเบียดเสียดเข้าไป ทั้งนายไพร่ล้อมรอบขอบคิรี บรรดาเหล่าเผ่าพงศ์องค์กษัตริย์ มาเยียดยัดอยู่กับเหล่านางสาวศรี เพลิงสว่างต่างอุ่นเห็นมุนี พระโยคีนั่งอยู่ในกองไฟฮือ กับปาโมกข์โลกเชษฐ์สังเกตแน่ ดูรู้แท้พวกทัพต่างนับถือ ทิ้งหอกดาบกราบก้มประนมมือ ไม่อึงอื้ออุบอิบซุบซิบกัน ที่ต้องถูกหยูกยาถูกฟ้าฝน ก็สร่างมนต์เหมือนก่อนดังนอนฝัน ฝ่ายพวกพระอภัยมณีศรีสุวรรณ มาพร้อมกันกราบก้มประนมกร ทั้งพวกข้างนางละเวงก็เกรงหมด น้อมประณตนั่งนิ่งริมสิงขร ทั้งไพร่พลฝนช่วยไม่ม้วยมรณ์ นั่งสลอนแลดูพระมุนี ฯ ๏ ขณะนั้นค่อนดึกศึกสงบ ต่างนอบนบนับถือพระฤๅษี ไม่กริบเกรียบเงียบสงัดทั้งปัถพี พระโยคีเทศนาในอาการ คือรูปรสกลิ่นเสียงไม่เที่ยงแท้ ย่อมเฒ่าแก่เกิดโรคโศกสงสาร ความตายหนึ่งพึงให้เห็นเป็นประธาน หวังนิพพานพ้นทุกข์สนุกสบาย ซึ่งบ้านเมืองเคืองเข็ญถึงเช่นนี้ เพราะโลกีย์ตัณหาพาฉิบหาย อันศีลห้าว่าอย่าทำให้จำตาย จะตกอบายภูมิขุมนรก หนึ่งว่าอย่าลักเอาของเขาอื่น มาชมชื่นฉ้อฉลคนโกหก หนึ่งทำชู้คู่เขาเล่าลามก จะตายตกในกระทะอเวจี หนึ่งสูบฝิ่นกินสุรามุสาวาท ใครทำขาดศิลห้าสิ้นราศี ใครสัตย์ซื่อถือมั่นในขันตี จะถึงที่พระนิพพานสำราญใจ อย่าโกรธขึ้งหึงสาพยาบาท นึกว่าชาติก่อนกรรมจะทำไฉน เหมือนดุมวงกงเกวียนวนเวียนไป อย่าโทษใครนี่เพราะกรรมจึงจำเป็น ประการหนึ่งซึ่งขาดพระศาสนา ทั้งโลกาเกิดทุกข์ถึงยุคเข็ญ ซึ่งจะกลับดับร้อนให้ผ่อนเย็น ก็ต้องเป็นไมตรีปรานีกัน จงฟังคำจำศิลจนสิ้นชาติ ไม่แคล้วคลาดจะไปผ่านพิมานสวรรค์ ซึ่งชอบผิดคิดเห็นให้เป็นธรรม์ อย่าหึงกันนะทีนี้นางสีกา กูคนซื่อถือสัตย์จะตัดสิน ให้หายสิ้นโมโหที่โทษา ด้วยแรกเริ่มเดิมนั้นนางวัณฬา จะลวงฆ่าพระอภัยเสียให้ตาย ข้างโน้นมีปี่เป่าเป็นเจ้าเล่ห์ ฝ่ายข้างนี้มีเสน่ห์เหมือนนึกหมาย แต่สตรีดีกว่าจึงพาชาย ให้หลงตายติดขังอยู่วังใน แต่ลูกสาวเจ้าลังกาไม่ฆ่าเสีย ยอมเป็นเมียนั้นคิดผิดวิสัย เขาหึงหวงล่วงว่าให้สาใจ จะโทษใครโทษจิตที่ผิดพลั้ง นางมาลีมีโทโสโมโหมาก เมื่อผัวจากมาสงครามรู้ความหลัง ใช่รักใคร่ใจจริงต่างชิงชัง เพราะพลาดพลั้งที่ทัพจึงกลับกลาย ไม่แก้ไขแล้วมิหนำยังซ้ำหึง จนได้ถึงเกิดศึกไม่นึกหมาย แม้วัณฬาฆ่าผัวของตัวตาย ต้องเป็นม่ายเปล่าเปล่าเพราะเบาความ ลูกทั้งสองน้องยาจะมาแก้ ก็พลอยแพ้ฝรั่งสิ้นทั้งสาม ยังซ้ำเหล่าเผ่าพงศ์มาสงคราม แทบถึงความตายทั่วทุกตัวคน จนเขาซ้ำทำเธอให้เพ้อพก เหตุเพราะยกทัพมาโกลาหล หากปาโมกข์โลกเชษฐ์รู้เวทมนตร์ ช่วยคุ้มคนทั้งหลายไม่วายปราณ อย่าโทษเขาเราก็ผิดให้คิดเห็น จึงจะเป็นสัตย์ธรรม์ในสัณฐาน จงปรองดองครองสัตย์ปฏิญาณ ถือศีลทานเถิดอย่าหมายทำร้ายกัน ทั้งชาตินี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อน เมื่อม้วยมรณ์ก็จะได้ไปสวรรค์ เป็นผัวเมียเสียตัวได้พัวพัน จงรักกันเถิดสีกาดีกว่าชัง มีลูกเต้าเล่าก็คงเป็นวงศ์ญาติ ได้สืบชาติเชื้อสายไปภายหลัง กูว่านี้ดีเหลือแม้เชื่อฟัง จงเร่งตั้งสัจจาอย่าช้าที ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์ขัตติยาสิบห้ากษัตริย์ ต่างจบหัตถ์สาธุสะพระฤๅษี โปรดปรึกษาว่าให้เป็นไมตรี ข้าเห็นดีพร้อมพรักจะรักกัน แล้วองค์พระอภัยจึงให้สัตย์ ไม่ข้องขัดขึ้งเคียดคิดเดียดฉันท์ จะปกครองสองนางด้วยทางธรรม์ จนถึงวันเวลาชีวาวาย สุมาลีศรีสวัสดิ์ให้สัตย์บ้าง ไม่โกรธนางฝรั่งสิ้นทั้งหลาย จะรักใคร่ให้เหมือนญาติไม่คลาดคลาย ขอถวายสัจจาเหมือนพาที ฝ่ายละเวงเกรงกราบไม่หยาบหยาม ข้าสิ้นความแค้นพระมเหสี จะสู้ซื่อถือสัตย์สวัสดี หมายเหมือนพี่ร่วมครรภ์จนบรรลัย ฯ ๏ พระโยคีปรีดาว่าสาธุ สืบอายุยืนยงอสงไขย แล้วเคลื่อนคลายหายวับไปฉับไว อโณทัยใสสว่างกระจ่างตา คนทั้งสิ้นยินดีเป็นที่ยิ่ง ทั้งชายหญิงพร้อมอยู่ที่ภูผา พวกกองทัพกับฝรั่งเมืองลังกา ต่างพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช อภิวาทองค์พระมเหสี สะอื้นอ้อนวอนว่าพระสามี เมื่อเดิมทีทำผิดด้วยคิดกลัว บัดนี้ทราบบาปบุญการุญโปรด อย่าถือโทษบาปกรรมที่ทำชั่ว ไปเมื่อหน้าฝ่าละอองอย่าหมองมัว จะฝากตัวไปจนตายวายชีวา ขอเชิญองค์ทรงศักดิ์อัคเรศ เข้านิเวศน์ทั้งพระวงศ์เผ่าพงศา หยุดประทับยับยั้งอยู่ลังกา ให้ช้าช้าสักหน่อยจึงค่อยไป ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาท ครั้นปิศาจสร่างองค์สิ้นหลงใหล ลืมความต้นหนหลังที่คลั่งไคล้ โปรดปราศรัยสองนางด้วยทางธรรม์ ซึ่งนุชน้องสององค์ดำรงรัก ให้งามพักตร์พี่ดังได้ไปสวรรค์ จะรักน้องสองเจ้าให้เท่ากัน เหมือนร่วมครรภ์ครองสัตย์ปฏิญาณ แล้วตรัสถามนามวงศ์เหล่าพงศา ครั้นทราบว่าเกี่ยวดองพี่น้องหลาน จึงยอบองค์ลงประณตบทมาลย์ พระผู้ผ่านรมจักรนัครา ขอบพระคุณสองพระองค์ผู้ทรงเดช ซึ่งโปรดเกศน้องรักนั้นหนักหนา สู้ติดตามข้ามฝั่งมาลังกา ขอเชิญฝ่าพระบาทยั้งอยู่วังใน แล้วตรัสเรียกเสาวคนธ์วิมลพักตร์ กับน้องรักสองราเข้ามาใกล้ พระกอดจูบลูบหลังพระหัสไชย น่ารักใคร่กระไรเลยพลางเชยชม แม่เสาวคนธ์มณฑายุพาพักตร์ พ่อเคยรักร่วมจิตสนิทสนม ความรักเจ้าเท่าลูกผูกอารมณ์ จะได้สมนึกหวังในครั้งนี้ พ่อจะไปให้พบพระบิตุเรศ ของดวงเนตรพี่น้องทั้งสองศรี ได้สืบวงศ์ทรงจังหวัดปัถพี เป็นไมตรีกว่าชีวันจะบรรลัย พระพี่น้องสองกุมารก้มกรานกราบ ด้วยเรียบราบกิริยาอัชฌาสัย ฝ่ายสามนางห่างผัวคิดกลัวภัย ต่างกราบไหว้ขอสมาพระสามี แล้วรำภามาเคารพอภิวาท พระนางนาฏเกษรามารศรี นางยุพาลาลีวันมาอัญชลี กราบบุตรีโฉมเฉลาเสาวคนธ์ แล้วทูลว่าข้าบาทชาติฝรั่ง มีแต่ตั้งกตัญญูเป็นกุศล อาสาเจ้ากว่ากายจะวายชนม์ หวังให้คนชาวเมืองเขาเลื่องลือ เมื่อรบพุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง ได้เอื้อมอ้างหยาบช้าพระอย่าถือ ขอรองบาทมาดหมายเมื่อปลายมือ จะสู้ซื่อสารพัดเป็นสัจจา ฯ ๏ ฝ่ายอัคเรศเกษราพระยาหญิง ไม่มีสิ่งโกรธขึ้งที่หึงสา รับคำนับรับคำนางรำภา แล้วพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี ข้างนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม ลูบประโลมพี่น้องทั้งสองศรี วิสัยศึกตรึกตราจะฆ่าตี ไม่ถือที่หยาบหยามเป็นความจริง จะรักใคร่ให้เหมือนน้องทั้งสองเจ้า จริงนะเราไม่ดูถูกลูกผู้หญิง ต่างผันผ่อนอ่อนน้อมด้วยยอมยิง ต่างสิ้นสิ่งหึงสาสัจจาใจ ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ ผู้วิเศษทราบความตามวิสัย ถือไม้เท้าฤๅษีที่ฝากไว้ มาส่งให้กษัตราสุดสาคร แล้วบอกความตามหนังสือพระฤๅษี เขียนไว้ที่แผ่นผาหน้าสิงขร แล้วพฤฒาลากลับไปหลับนอน สุดสาครดีใจได้ไม้เท้า จบพระคุณพระมุนีเหนือศิโรตม์ ด้วยมาโนชกตัญญูต่อครูเฒ่า เคยดับร้อนสอนสั่งแต่ยังเยาว์ ยังโปรดเกล้ากรุณาถึงครานี้ ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์ขัตติยาสิบห้ากษัตริย์ ใคร่แจ้งอรรถตามหนังสือพระฤๅษี มาที่แท่นแผ่นผาหน้าคิรี เห็นบาลีลายลักษณ์อักขรา ว่าทุกข์สุขชั่วดีทั้งสี่สิ่ง ให้ชายหญิงหยั่งคิดเป็นปริศนา กับข้อหนึ่งซึ่งเกิดกำเนิดมา มีหูตาปากจมูกสิ้นทุกคน ที่ต้องใจนัยนาก็พาชื่น ดูอื่นอื่นเห็นแจ้งทุกแห่งหน ที่คิ้วตาหน้าผากปากของตน ถ้าแม้คนใดเห็นจะเป็นบุญ แม้ไม่เห็นเป็นกระบือทั้งดื้อดุ มุทะลุเลโลโมโหหุน ไม่เห็นผลประโยชน์ที่โทษคุณ ย่อมหมกมุ่นเมามัวว่าตัวดี เมื่อใครไม่เห็นหน้าหากระจก จะช่วยยกเงาส่องให้ผ่องศรี อนึ่งนั้นตัณหาตาไม่มี ไม่เห็นที่ทางสวรรค์เป็นสันดาน อนึ่งว่าตาบอดสอดตาเห็น ให้คิดเป็นทางธรรมพระกรรมฐาน สืบกุศลผลผลาปรีชาชาญ ตามโบราณรักษาสัจจาใจ ฯ ๏ ไทยฝรั่งพรั่งพร้อมนั่งล้อมคิด ต่างแจ้งจิตใจความตามวิสัย ทั้งเสนีรี้พลสกลไกร ต่างเข้าใจตามประสาปัญญามี พวกลังกาว่าดีที่สัตย์ซื่อ พวกไทยถือว่าศิลพระชินศรี พวกขุนนางต่างว่ายศปรากฏดี เจ้าว่ามีความสุขสนุกสบาย ต่างคิดเห็นเช่นประสงค์จำนงนึก อึกทึกทุ่มเถียงจนเที่ยงสาย ฝ่ายองค์พระอภัยสั่งไพร่นาย ให้ตั้งรายตาริ้วเป็นทิวธง ทั้งรถรัถพลัดแพลงจัดแจงจับ เทียบประทับถวายตามความประสงค์ ส่วนกษัตริย์ขัตติยาสิบห้าองค์ ต่างขึ้นทรงรถที่นั่งเข้าวังใน ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังการำภาสะหรี สุลาลีนางยุพาอัชฌาสัย ให้ชาววังลังกาพวกข้าไท จัดตึกใหญ่ตึกน้อยนับร้อยพัน ให้ห้ามแหนแสนสุรางค์ท้าวนางอยู่ แล้วเลี้ยงดูชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์ บรรดาเหล่าเผ่าพงศ์ของทรงธรรม์ อยู่ช่องชั้นตึกต้นเหมือนมนเทียร ประทีปแก้วแวววับจับกระจ่าง แกล้งจัดวางแจ่มฟ้าหลังคาเขียน ที่พื้นรองทองลาดดาษเดียร ฉากวิเชียรตั้งสลับเป็นลับแล นางสาวสาวชาวชมพูเที่ยวดูห้อง เห็นพวกพ้องพูดจ้อประจ๋อประแจ๋ บ้างไขกลดนตรีมีทุกแกล เสียงเซงแซ่ไปทั้งวังเมืองลังกา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรภพ ครั้นค่ำพลบโพล้เพล้ในเวหา กับลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา อยู่ไสยาแท่นทองที่ห้องกลาง ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ อยู่ปรัศว์ฝ่ายขวาชาลากว้าง ปรัศว์ซ้ายฝ่ายวัณฬาธิดานาง จัดสุรางค์ขับกล่อมไว้พร้อมเพรียง ศรีสุวรรณนั้นอยู่กับมเหสี ในตึกที่แท่นสุวรรณชั้นเฉลียง ท้าวทศวงศ์องค์อัคเรศเคียง อยู่ตึกเรียงศรีสุวรรณเป็นหลั่นไป นางเสาวคนธ์กับอรุณรัศมี สถิตที่ห้องทองม่านสองไข สินสมุทรสุดสาครกับหัสไชย อยู่ตึกใหญ่ร่วมเตียงเคียงบรรทม ด้วยถ้อยทีมีสัตย์ไม่ขัดข้อง เหมือนพี่น้องร่วมชิดสนิทสนม ทั้งข้าเฝ้าสาวสุรางค์นางต่างกรม ต่างชิดชมชาววังเมืองลังกา ฯ ๏ นางละเวงเกรงองค์พระทรงศักดิ์ ว่าไม่รักเผ่าพงศ์พระวงศา แต่งโต๊ะทองของเสวยสามเวลา เลี้ยงบรรดาพงศ์กษัตริย์สวัสดี แล้วทูลองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ทั้งองค์อัครชายามารศรี ที่ท้ายวังลังกาสวนมาลี มีคิรีรังเก็จเกิดเพชรนิล อันรุ้งแก้วแวววาวเขียวขาวเหลือง อร่ามเรืองรายงอกออกนอกหิน แล้วร่วงหล่นกล่นกลาดดาษแผ่นดิน ไม่รู้สิ้นสืบสำหรับกับลังกา ต้องก่อทำกำแพงแลงล้อมรอบ ตารางครอบเบื้องบนคนรักษา สำหรับท้าวเจ้าแผ่นดินเก็บจินดา ตีราคาขายได้เงินให้ทาน เชิญพระองค์วงศาพาสนม ไปเที่ยวชมเนินสวนฉนวนสนาน ไม่ห้ามปรามตามประโยชน์จะโปรดปราน เชิญสำราญอยู่ให้ช้าหลายราตรี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ไม่สิ้นรักวัณฬามารศรี คิดจะพาไปอยู่ร่วมบูรี เกรงสุวรรณมาลีจะมิยอม ดูผิวพรรณวัณฬาผิดกว่าเก่า พระพักตร์เศร้าโศกรูปก็ซูบผอม ยิ่งทอดทิ้งยิ่งจะตรมอารมณ์ตรอม จะหายหอมดินถนันเพราะรัญจวน จะปราศรัยไม่ถนัดให้ขัดข้อง พระยิ้มย่องตอบความทรามสงวน เวลารุ่งพรุ่งนี้พี่จะชวน ไปชมสวนเพชรนิลดังจินดา แล้วแลดูสุมาลีทำทีหึง เกรงใจจึงตรองตรึกเป็นปรึกษา จะหยุดพักสักสองสามเวลา ให้โยธาชื่นทั่วทุกตัวคน แล้วเลิกทัพกลับไปเมืองรมจักร เสกหลานรักร่วมชีวาสถาผล เหมือนตัดห่วงบ่วงหลังสิ้นกังวล จะได้พ้นทุกข์ร้อนนอนสำราญ แล้วจะได้ไปพาราการะเวก คิดจะเสกฝังปลูกทั้งลูกหลาน คิดจะใคร่ให้วัณฬายุพาพาล ไปช่วยงานอภิเษกเอกโอรส แต่คนอยู่บูรีหามีไม่ หนทางไกลเกลือกว่าจะเกิดกบฏ จงครองวังลังการักษายศ เลี้ยงโอรสที่ในครรภ์ของกัลยา พี่จากไปใจจริงไม่ทิ้งขว้าง พอว่างว่างวายธุระจะมาหา ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงบัญชา กลั้นน้ำตาตอบรสพจมาน ได้พึงบุญทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ ดังชั้นฉัตรกั้นเกศประเทศสถาน ฤกษ์ใดดีวิวาห์ปรึกษาการ โปรดให้ฉานทราบความจะตามไป เป็นสัจจังหวังจิตสนิทสนอง ตามทำนองน้ำเนื้อในเชื้อไข แม้ลังกาธานีไม่มีภัย จะตามไปธานีกับพี่นาง ขอเป็นน้องรองบาทเหมือนมาดมุ่ง โปรดบำรุงรับสัตย์อย่าขัดขวาง แม้ทุกข์โศกโรคภัยถึงไกลทาง ให้ทราบบ้างน้องจะได้เวียนไปเยือน ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีปรานีสนอง สงสารน้องหาไหนจะได้เหมือน จะรักใคร่ให้สนิทไม่บิดเบือน ประสาเพื่อนผู้หญิงไม่ทิ้งกัน จริงจริงนะจะใคร่ได้แม่ไปด้วย จะได้ช่วยว่ากล่าวฝูงสาวสรรค์ สาพิภักดิ์รักองค์พระทรงธรรม์ ไม่เดียดฉันท์โฉมยงอย่าสงกา แม่ทรงครรภ์รัญจวนประชวรไฉน พี่จะได้ฟูมฟักเฝ้ารักษา ด้วยลูกเจ้าเล่าก็น้องของธิดา ไม่ฉันทาทิ้งขว้างให้ห่างไกล ไม่โกรธขึ้งหึงหวงล่อลวงน้อง อย่าเศร้าหมองหมางจิตคิดไฉน จะร่วมรู้คู่ชีวิตร่วมจิตใจ เชิญแม่ไปบูรีกับพี่ยา ฯ ๏ นางละเวงเกรงตอบให้ชอบโสต ซึ่งทรงโปรดน้องรักคุณหนักหนา แม้มิกีดรีตฝรั่งในลังกา จะอุส่าห์ตามปองสนองคุณ ด้วยบรรดาฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ทั้งหญิงชายมีบุตรได้อุดหนุน เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษาด้วยการุญ ครั้นสิ้นบุญแม่พ่อมรณา ฝ่ายลูกเต้าเอาศพไปกลบฝัง คอยระวังเวียนพิทักษ์อยู่รักษา ถ้าทิ้งไว้ไปบุรีกับพี่ยา จะนินทาทั่วจังหวัดปัถพี ว่าทิ้งญาติศาสนาพวกฝรั่ง จะรุมชังรบพุ่งเอากรุงศรี นิคมคามพราหมณ์มหุ่มกระฎุมพี ไม่มีที่พึ่งพาจะอาดูร ซึ่งออกโอษฐ์โปรดน้องจะครองเลี้ยง พระคุณเพียงฟ้าดินไม่สิ้นสูญ เห็นมั่นคงทรงพระอนุกูล จะเพิ่มพูนผาสุกทุกเวลา ขอยั้งอยู่บูรีสักปีหนึ่ง เป็นที่พึ่งพวกญาติศาสนา รำลึกถึงจึงจะได้เวียนไปมา ขอพึ่งพาพี่นางจนวางวาย ฯ ๏ ทั้งสองข้างต่างคิดสนิทสนอง เหมือนพี่น้องน้ำเนื้อในเชื้อสาย ทั้งองค์พระอภัยพระทัยสบาย พลอยอภิปรายปรองดองทั้งสองนาง แต่โฉมยงองค์ละเวงกริ่งเกรงตรึก จะอยู่ดึกนึกก็คิดเหมือนกีดขวาง ชลีลาสามีทั้งพี่นาง ค่อยเยื้องย่างเข้าในห้องทองประทม แต่องค์พระมเหสีอยู่ที่เฝ้า คิดอายเหล่าห้ามแหนแสนสนม จะว่าเราเฝ้าจนดึกนึกนิยม น้อมบังคมคืนไปห้องไสยา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาท เชิงฉลาดในเล่ห์เสนหา รู้ทำนองสองนางต่างอัชฌา แกล้งหลีกลาไปเสียห้องจะลองเรา ดูท่าทางนางละเวงเห็นเกรงมาก หมายจะฝากพวกพ้องพี่น้องเขา นางมาลีนี่ก็ใจดีไม่เบา จะเล่นเราท่าไรก็ไม่รู้ อันถ่านเก่าเถ้าคงจะต่อติด แต่ให้คิดเขินขวยด้วยอดสู แล้วหวนฮึกนึกว่าเราก็เจ้าชู้ ถึงจะขู่ก็คงปลอบให้ชอบใจ แต่นั่งยิ้มกริ่มตรึกจนดึกดื่น จนเที่ยงคืนกาลศัพท์คนหลับใหล คลุมประทมห่มองค์แล้วตรงไป เข้าห้องในทัศนาสุมาลี เห็นนางยังนั่งสอนสาวน้อยน้อย ให้ตะบอยเจียนหมากดิบจีบพระศรี เข้าแอบหลังนั่งเฉยเหมือนเคยดี นางสาวน้อยถอยหนีไปที่นอน นางเห็นองค์ทรงธรรม์แล้วกลั้นยิ้ม ลดลงริมแท่นสุวรรณบรรจถรณ์ ตั้งเครื่องอานพานพระศรีชลีกร เขนยอ่อนแอบอิงให้พิงองค์ ทำผินผันหันคว้าหาพระแส้ เที่ยวดูแลเป่าปัดสลัดผง ช่วยพัดวีมิได้ถือทำซื่อตรง คอยฟังองค์ภัสดาจะพาที พระอภัยใจพรั่นหวั่นหวิวหวิว ทำนับนิ้วพลางว่ากับมารศรี พี่พลัดพรากจากน้องมาสองปี บัดเดี๋ยวนี้ได้คิดที่ผิดพลั้ง อันความเก่าเรายกเสียเถิดหนอ คิดแต่ต่อไปข้างหน้าดีกว่าหลัง จวนจะกลับหลับนอนผ่อนกำลัง อย่านิ่งนั่งทนหนาวจะหาวนอน พี่จะมาหารืออย่าถือผิด เชิญสถิตแท่นสุวรรณบรรจถรณ์ เมื่อเคราะห์ร้ายพรายพลัดกำจัดจร ไม่ม้วยมรณ์ก็ได้มาเห็นหน้ากัน ฯ ๏ นางยิ้มเยื้อนเหมือนจะเย้ยเฉลยฉลอง อันใจน้องไม่รังเกียจคิดเดียดฉันท์ แต่อายเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล จึงป้องกันผ่อนปรนให้พ้นภัย เขาจะว่ามาถึงก็หึงผัว เฝ้าคุมตัวมิได้ห่างไปข้างไหน ทำรังแกแม่ละเวงไม่เกรงใจ เชิญพระไปห้องนางเหมือนอย่างเคย จะมาพลอยน้อยจิตว่าปิดป้อง อย่าขัดข้องบิดเบือนทำเชือนเฉย ได้คลาดแคล้วแล้วก็พระสละเลย ใช่ไม่เคยนอนเดียวต้องเปลี่ยวทรวง ซึ่งอุส่าห์มาตามด้วยความยาก หมายจะฝากชีวาเป็นข้าหลวง อันห้ามแหนแสนสุรางค์นางทั้งปวง ไม่หึงหวงห้ามปรามตามพระทัย ฯ ๏ พระฟังเปรียบเฉียบแหลมยิ้มแย้มหยอก จะออกนอกราชการคิดอ่านไฉน ที่โทษผิดติดพันมาฉันใด พี่จะให้ดอกเบี้ยไม่เสียดาย หรือจะมาลาบวชให้ชวดอีก จึงเลี่ยงหลีกลดเลื่อนซ่อนเงื่อนสาย แต่ฝ่ายพี่นี้เห็นเมียยังเสียดาย จะเป็นม่ายอยู่เปล่าเปล่าจึงเฝ้าง้อ เจ้าปล่อยปละละเลยทำเฉยได้ ไม่อะไรกันกับพี่แล้วสิหนอ แต่หากว่าถ้าปลอบเห็นชอบพอ จะปลูกหอขึ้นให้งามเพราะความรัก จะอ่อนน้อมยอมดีกับพี่อีก หรือจะหลีกไปไฉนให้ประจักษ์ ถึงเริศร้างนางวัณฬาไม่ช้านัก ด้วยเคียงพักตร์พบเห็นทุกเย็นเช้า แต่จากน้องสองปีเข้านี่แล้ว ต้องคลาดแคล้วมิได้เห็นเหมือนเช่นเขา ครั้นมาหาว่าให้นอนก็ค่อนเอา จะให้เปล่าไปแล้วหรือทำดื้อดึง ฯ ๏ นางว่าเบื่อเหลืออดสูกระทู้หลวง ครั้นห้ามหวงแล้วว่าตามมาหึง ครั้นไม่ห้ามความเห็นเป็นมึนตึง ว่าดื้อดึงจึงให้อายในใจคอ เพราะปีเถาะเคราะห์กรรมเกิดน้ำมาก ขึ้นท่วมปากท่วมลิ้นเสียสิ้นหนอ ตามแต่ว่าสารพัดจะตัดพ้อ จะปลูกหอให้หม่อมฉันไม่ทันรู้ จะอุส่าห์ทาขมิ้นใส่กลิ่นด้วย ไว้ผมมวยปักพุ่มใส่ตุ้มหู ด้วยเข้าหอพอให้เห็นน่าเอ็นดู จะได้อยู่ห้องน้องสักสองปี จึงจะไม่ได้เปล่าทุกเช้าค่ำ ไม่ต้องจำใจรักสมศักดิ์ศรี เหมือนเช่นน้องของเก่าลูกเต้ามี มันสิ้นดีไปเสียหมดไม่งดงาม แต่อยู่ใกล้ในห้องก็ต้องกริ้ว ว่าบิดพลิ้วห่างเหินไม่เขินขาม คงขัดเคืองเรื่องที่พากันมาตาม จะปราบปรามให้เหมือนไก่อยู่ในมือ หรือพระมีที่รักไม่พักเรียก เคยสำเหนียกนึกได้ทันใจหรือ น้องจนใจไม่สันทัดได้หัดปรือ ต้องดึงดื้อด้วยวิบากกระดากกระเด็น ฯ ๏ น้อยหรือเจ้าเฝ้าแต่แกะแคะแผลเจ็บ ทั้งเขี้ยวเล็บซ่อนไว้มิให้เห็น เจ้าแหละหรือซื่อราวกับลาวเป็น เคยรู้เช่นชาวผลึกที่ลึกซึ้ง ถึงเฒ่าแก่แม่ลูกอ่อนยังงอนช้อย สาวน้อยน้อยก็ไม่เปรียบประเทียบถึง สังเกตดูรู้ดอกเจ้ายังเพราพรึง ไม่รู้หึงหวงห้ามช่างตามใจ จริงจริงนะจะขอถามทรามสงวน จะกระบวนให้ตะบึงไปถึงไหน ฝีปากพี่นี้ยอมแพ้มาแต่ไร เคยลวงได้หลายหนแต่ต้นมือ บวชเมื่อสาวคราวหนึ่งครั้นถึงแก่ จะปรวนแปรเลี่ยงหลีกไปอีกหรือ ใช่คนอื่นตื้นลึกเคยฝึกปรือ มิควรถือโทษทัณฑ์รำพันพ้อ ยิ่งเชื้อเชิญก็เหมือนกับจะจับผิด สำแดงฤทธิ์ราวกับงูจะสู้หมอ นี่แน่นางอย่างไรในใจคอ ให้เจ้าของต้องง้อต่อความคิด ก็ตามทีพี่จะของ้ออีกเล่า ขอเชิญเจ้าสาวน้อยมากลอยจิต ความรักนางดังจะดิ้นสิ้นชีวิต อย่าตะบิดตะบอยอยู่หน่อยเลย ฯ ๏ นางยิ้มเยือนเอื้อนอายธิบายแก้ เหมือนสาวแส้สมจะเรียงเคียงเขนย นี่ก็รู้อยู่ว่าเบื่อด้วยเหลือเคย จึงเฉยเมยมิได้เหมือนเพื่อนทั้งปวง เป็นเจ้าของน้องก็รู้อยู่แล้วละ เมื่อพบปะพระองค์คงเสียขวง ไปพบอื่นชื่นชุ่มเหมือนพุ่มพวง ไม่หลอกลวงดอกเจ้าข้าว่าให้ควร มาประเดี๋ยวเฉียวฉุนให้ขุ่นขิ่น เหมือนเงี่ยนฝิ่นใฝ่ฝันหุนหันหวน ว่าชักช้าทารกรรมทำกระบวน พระจะด่วนไปข้างไหนหรือใครคอย ฯ ๏ พระแกล้งว่าข้านี้แพ้แก้ไม่หลุด เจ้ามันสุดแสนงอนเหมือนช้อนหอย กลับถามไต่ใครเล่าเฝ้าตะบอย ให้ข้าคอยข้างเดียวต้องเที่ยวเชือน จะหาไหนได้เหมือนเจ้าถึงเฒ่าแก่ นางสาวแส้เหล่านี้ไม่มีเหมือน เมื่อกระนั้นนั่นสิน้องไม่ต้องเตือน เดี๋ยวนี้เบือนบิดตะกูดช่างพูดเพราะ เกือบจะเป็นเช่นเขาร่ำร้องจ้ำจี้ แม่ม่ายขี่คอนเรือมะเขือเปราะ อยากจะใคร่ได้ลูกมาปลูกเพาะ กลับกะเทาะหน้าแว่นเพราะแสนงอน พี่ก็รู้อยู่ว่ายากกระดากกระเดื่อง ด้วยเต็มเคืองสุขุมเหมือนสุมขอน ถึงรักใคร่ใจจริงจะวิงวอน ก็เคืองค้อนร่ำไรพูดไค้แคะ ถือว่าเราเจ้าของไม่ต้องห้าม ถึงถ้อยความสู้กันกระนั้นแหละ พลางอิงแอบแนบหลังนั่งกระแซะ ปะเหลาะปะแหละลูบต้องทำนองใน ประคองนางวางแท่นแสนสวาท สัมผัสพาดเพิ่มจิตพิสมัย อัศจรรย์ลั่นเลื่อนสะเทื้อนไป ที่ถ่านไฟเก่าดับก็กลับโพลง เหมือนเมื่อปีมีวันจันทร์อังฆาต โลกธาตุเลื่อนลั่นควันโขมง เขาเนมินท์อิสินธรเคลื่อนคลอนโคลง ทะเลโล่งลมคลื่นเสียงครื้นครึก พวกสำเภาเหล่าที่รอค้างมรสุม ออกแล่นกลุ้มกลางคืนจนดื่นดึก สู้กรำฝนทนหนาวออกอ่าวลึก ต่างสมนึกเลยหลับระงับไป ฯ ๏ แต่ตึกที่ศรีสุวรรณนั้นยังตื่น คิดจะคืนกองทัพกลับไม่หลับใหล แว่วยามสองฆ้องเร้าเข้าห้องใน พระปราศรัยอัคเรศเกษรา เสียแรงพี่นี้ชำนาญในการยุทธ มาโทรมซุดเสียด้วยเล่ห์เสนหา ให้ฟั่นเฟือนเหมือนไม่มีนัยนา นึกก็น่าอดสูพึ่งรู้ฤทธิ์ จนถึงน้องสองกษัตริย์ต้องจัดทัพ มาตามรับครั้งนี้โทษพี่ผิด โฉมเฉลาเจ้าก็เหมือนเพื่อนชีวิต อย่าควรคิดขุ่นข้องจะหมองนวล แม้ขัดเคืองเรื่องไรอย่าได้นิ่ง แม่แจ้งจริงเจ้าจงห้ามเถิดทรามสงวน ด้วยครั้งนี้พี่ก็ผิดคิดก็ควร เจ้าจงข่วนเสียให้สมที่ตรมตรอม จะหาไหนได้เหมือนเจ้าเพื่อนยาก สู้ลำบากตามผัวจนตัวผอม จะกลับไปไตรจักรให้พรักพร้อม งามละม่อมแม่อย่าหมางระคางความ ได้พบกันวันนี้ยินดีสุด ไฉนนุชห่างเหินเหมือนเขินขาม เมื่อตะกี้ตีฆ้องย่ำสองยาม เชิญโฉมงามขึ้นบนเตียงเคียงพี่ยา ฯ ๏ นางฟังตรัสมธุรสพจนารถ แสนสวาทหวั่นจิตกนิษฐา สู้กลืนกลั้นน้ำเนตรเวทนา ขอสมาหมอบเมียงค่อยเคียงคลาน ขึ้นแท่นรัตน์หัตถ์ประนมบังคมบาท ภูวนาถแอบองค์น่าสงสาร สะอื้นร่ำกำสรดแล้วพจมาน โปรดประทานโทษาฝ่าธุลี น้องก็รู้อยู่ว่าข้ามมาทำศึก ใช่จะนึกเสนหารำภาสะหรี แต่ฤทธิ์เดชเวทมนตร์ดลเขาดี จึงเสียทีถูกเสน่ห์หลงเล่ห์กล ได้ทราบความตามมาว่าจะช่วย เจียนจะม้วยเสียวันละพันหน นี่หากมีพี่พราหมณ์ทั้งสามคน จึงได้พ้นภัยตลอดไม่วอดวาย เดชะบุญทูลกระหม่อมอยู่พร้อมพรั่ง คิดความหลังแล้วก็ให้จิตใจหาย ไม่หึงหวงจ้วงจาบให้หยาบคาย ขอถวายความสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งร้องไห้ใช่จะเคืองที่เรื่องร้าง ด้วยเหินห่างพระองค์ก็สงสาร เคยผุดผ่องหมองคล้ำคิดรำคาญ จะอยู่งานนวดฟั้นให้บรรทม ทั้งมดหมอเล่าก็มีพรุ่งนี้เช้า จะให้เขาทำครบประคบผงม พระรับขวัญกัลยาอย่าปรารมภ์ ให้เจ้ากรมหมอมาพยาบาล ตั้งแต่พี่มิได้พบประสบเจ้า ดูโศกเศร้าซูบลงน่าสงสาร เพราะเริศร้างห่างชมมานมนาน อย่าอยู่งานเลยขยับมาหลับนอน พี่ก็ซูบรูปเจ้าก็เศร้าผอม แต่ยังหอมอยู่ไม่หายเลยสายสมร พลางอิงแอบแนบน้องประคองกร ถนอมช้อนเชยพุ่มปทุมทอง กอดประทับกับกายสายสวาท นุชนาฏถนอมจิตสนิทสนอง เสน่ห์แนบแอบเอียงเคียงประคอง ตามทำนองสองสนิทไม่บิดพลิ้ว อัศจรรย์หวั่นไหวไม่เร่งรัด เป็นลมพัดเรื่อยเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉิว ช่อใบไม้ไหวกระดิกริกริกริ้ว ระหวยหิวหอบระเหยเลยหลับไป ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร อนาถนอนนิ่งตรับไม่หลับใหล ฟังปรึกษาว่าจะกลับกองทัพไป สองกรุงไกรเริ่มงานการวิวาห์ เห็นทีพระจะไปขอต่อบิตุเรศ ให้สมสองครองนิเวศน์กับเชษฐา แค้นพระพี่ที่ไม่รักพระพักตรา น้อยหรือมามีเมียจนเสียตัว จนลูกเต้าเล่าก็มีกับอีฝรั่ง มันก็หวังว่าเราวิ่งมาชิงผัว ยิ่งนึกนึกตรึกตรองยิ่งหมองมัว จะหลีกตัวออกได้ฉันใดดี แม้มิพ้นจนใจจะให้อยู่ คงจะสู้ซอกซอนสัญจรหนี พรุ่งนี้เช้าเราจะลาไปธานี อยู่ที่นี่อีทมิฬจะนินทา แต่นิ่งนึกตรึกไตรมิใคร่หลับ ให้กระสับกระส่ายจิตกนิษฐา ทั้งโฉมยงองค์อรุณขุ่นวิญญาณ์ ด้วยตรึกตราโกรธพระพี่ว่ามีเมีย จะเสกสองครองคู่ดูเป็นน้อย ต้องต่ำต้อยเต็มอายสู้ตายเสีย คะนึงนอนร้อนฤทัยดังไฟเลีย น้ำตาเรี่ยรดแขนแน่นอุรา แว่วสำเนียงเสียงเสาวคนธ์สะอื้น รู้ว่าตื่นค่อยค่อยถามตามประสา แม่เป็นไรให้สะท้อนถอนวิญญาณ์ หรือโรคาขัดขวางเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์คิดอ้นอั้น ข้อสำคัญสุดจะแจ้งแถลงไข พลางประเทียบเปรียบปราบเป็นภายใน น้องตรอมใจตรองตรึกให้นึกกลัว เกิดเป็นหญิงสิ่งสำหรับอัปยศ ต้องถอยยศศักดิ์ศรีเพราะมีผัว พิเคราะห์ดูบุรุษก็สุดมัว น้องนี้กลัวจะเป็นน้อยถึงย่อยยับ จะตั้งสัตย์ตัดขาดเสียชาตินี้ ไม่ขอมีคู่ครองร่วมห้องหับ ขอพี่นางต่างพยานที่การลับ แม้กลายกลับก็มิใช่ใจสตรี ฯ ๏ อรุณน้อยพลอยว่าถ้าเช่นนั้น ก็เช่นกันกับวิตกในอกพี่ จะถือคำทำสัตย์สวัสดี ไม่ขอมีคู่ครองเหมือนน้องนึก ต่างคาดคั้นสัญญาประสารุ่น ให้เฉียวฉุนขุ่นข้องไม่ตรองตรึก ต่างหยิบมีดขีดหัตถาเหมือนจารึก ลืมรำลึกจะได้เห็นเหมือนเช่นตรา ต่างตรึกไตรไม่หลับกระสับกระส่าย ทั้งเสียดายทั้งรักก็หนักหนา พอรุ่งเช้าเสาวคนธ์สุมณฑา ค่อยลอบมาแจ้งความยายพราหมณี จะลาออกนอกวังสั่งกำชับ ฉันจะกลับข้ามคุ้งไปกรุงศรี ทั้งสาวสรรค์บรรดาฝูงนารี ใครอยู่ที่ไหนให้ไปเรียกมา ฯ ๏ ยายพราหมณ์ฟังนั่งคิดผิดสังเกต ก็เห็นเหตุโกรธขึ้งด้วยหึงสา จึงทูลความห้ามให้ไว้อัชฌา ด้วยได้มารบพุ่งถึงกรุงไกร เข้าเหยียบวังลังกาได้ปรากฏ เกียรติยศยืนยงอสงไขย เข้าเตรียมกันวัณฬาจะพาไป ชมดอกไม้แก้วเตร็จกับเพชรนิล แม่จะได้ไปด้วยจะช่วยแนะ อย่าเก็บแกะเพชรออกอยู่นอกหิน อันเพชรดีมีอยู่คู่แผ่นดิน เป็นมวกหินหุ้มพอกดังดอกบัว อยู่กลางโขดโคตรเตร็จเป็นเพชรเอก สีเหมือนเมฆหมอกหมดสดสลัว แม้นเขาให้ได้มาแล้วอย่ากลัว จะฦๅทั่วไทท้าวทุกด้าวแดน เอาไปใส่ในภูเขาเมืองเรานั้น จะเกิดพลันเพชรสำหรับประดับแหวน เป็นเพชรงอกออกเหมือนดังว่ารังแตน สำหรับแผ่นดินเมืองได้เลื่องฦๅ จงหยุดยั้งฟังยายอย่าอายเหนียม ตามธรรมเนียมนิ่งเฉยไม่เคยถือ อย่าด่วนทำน้ำพระทัยดังไฟฮือ ให้เลื่องฦๅซื่อตรงตามวงศ์วาน นางคำนับรับคำยายพราหมณ์เฒ่า ลาไปเข้าที่ทรงสรงสนาน บรรดาเหล่าเยาวลักษณ์พนักงาน เตรียมเครื่องอานไว้แต่เช้าคอยเจ้านาย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬามารศรี สุลาลีนางผกาเวลาสาย ให้ระคางร้างคู่ไม่สู้สบาย แต่ซังตายฝืนหน้าทุกนารี มาเฝ้าองค์พระอภัยเชิญไปสวน ต่างชื่นชวนปรีดิ์เปรมเกษมศรี ท้าวทศวงศ์นงนุชพระบุตรี มาพร้อมที่พระอภัยทั้งใหญ่น้อย นางวัณฬาพาสิบห้ากษัตริย์เสด็จ ไปเนินเพชรกับนางในพวกใช้สอย เที่ยวชมสวนล้วนบุปผาระย้าย้อย ทั้งสนสร้อยสายหยุดพุดพะยอม อีกสุกกรมนมแมวแก้วกุหลาบ เหล่าอังกาบโกฐกระถินส่งกลิ่นหอม นางสาวสาวเหล่าผู้หญิงเหนี่ยวกิ่งน้อม บ้างพลอยปลอมเก็บปลิดที่ติดพวง ถึงสระศรีสี่เหลี่ยมต่างเยี่ยมหยุด ชมปลาผุดเห็นตัวทั้งบัวหลวง บ้างแตกขาวง่าวงอกเป็นดอกดวง เกสรร่วงโรยรายขจายจร ปลาเงินทองล่องลอยขึ้นคอยคาบ กลีบอังกาบโกมินทร์กินเกสร ดอกบัวเผื่อนเหมือนจีบเป็นกลีบซ้อน บานสลอนแลขาวดังดาวราย ที่ร่มรอบขอบสระรุกขชาติ แปลกประหลาดหลากหลากดูมากหลาย มีที่แท่นแผ่นผาศิลาลาย เก้าอี้รายสำหรับชมทุกร่มไม้ บ้างก็หยุดบ้างก็เดินเพลินประพาส รุกขชาติช่อดอกออกไสว มะเดื่อดูกลูกเหลืองมะเฟืองมะไฟ นางสาวใช้ชิงกันเก็บเสียเล็บเยิน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเดินไปหน้า สองธิดาเคียงข้างไม่ห่างเหิน มเหสีลีลาศนาดดำเนิน กำนัลเชิญเครื่องตามล้วนงามคม ท้าวทศวงศ์องค์อรุณอัคเรศ ทั้งแก้วเกษราสุรางค์นางสนม เที่ยวเก็บลูกรุกขชาติประพาสชม ระรื่นร่มรวยรินกลิ่นผกา เก็บยี่สุ่นให้อรุณรัศมี กับบุตรีต่างคำนับรับบุปผา แล้วเก็บให้นางห้ามที่ตามมา นางพระยายังไม่ได้ขัดใจจริง ว่าเก็บให้แต่เหล่านางสาวแส้ สวนคนแก่เหมือนหนึ่งไม่ใช่ผู้หญิง เข้าหยิกทึ้งหึงหวงพลางช่วงชิง เอามาทิ้งให้ข้าหลวงที่ช่วงใช้ ท้าวทศวงศ์ทรงพระสรวลสำรวลร่า นี่ยายบ้าวิ่งแร่มาแต่ไหน แล้วนำนางย่างเยื้องชำเลืองไป ชมดอกไม้ต่างต่างริมทางเดิน แต่นงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง กับพวกหญิงสาวตามไม่ขามเขิน ทั้งองค์พระอนุชาพาดำเนิน ซังตายเพลินหลีกเลี่ยงค่อยเมียงบัง ศรีสุวรรณนั้นนำสินสมุทร กับทั้งสุดสาครจรตามหลัง เก็บดอกไม้ให้สาวสาวนางชาววัง ประทานทั้งกนิษฐาสุดาดวง สุดสาครร้อนจิตค่อยพิศพักตร์ เห็นน้องรักเดินหน้าพวกข้าหลวง พระลดเลี้ยวเที่ยวหาบุปผาพวง ได้ดอกดวงแล้วปลิดให้ติดใบ ให้นงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร นางยอกรรับบุปผาอัชฌาสัย น่าหัวร่อหน่อกษัตริย์หัสไชย คิดอาลัยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา เก็บดอกไม้ได้ดีจำปีขาว ซ่อนพี่สาวเสียมิให้ได้บุปผา ตามกระบวนพระอภัยรีบไคลคลา ให้จำปาพระน้องทั้งสององค์ นางดีใจว่าพี่อยู่นี่เถิด อย่าเตลิดไปเสียนะฉันจะหลง แล้วนงนุชยุดมือด้วยซื่อตรง อยู่เคียงองค์เชษฐาทั้งขวาซ้าย พระหัสไชยไม่กล้าพูดจาเกี้ยว แต่พาเที่ยวเดินชมนิยมหมาย นางเด็ดดอกมาลีให้พี่ชาย ไม่รู้อายหยอกเอินคอยเดินตาม ฯ ๏ นางวัณฬาพาเดินขึ้นเนินเพชร ดูพรายเตร็จรัศมีสีอร่าม ตะวันส่องต้องแก้วดูแวววาม เรืองอร่ามทั้งเนินน่าเพลินใจ นางวัณฬาว่าองค์พงศ์กษัตริย์ จะเก็บจัดเอาไปเล่นเป็นไฉน ไม่ห้ามปรามตามประสงค์จำนงใน แต่ต้องใส่ฉลองบาทจึงยาตรา ไม่ใส่เกือกเลือกเพชรแล้วเตร็จยอก จะช้ำชอกเช่นกับมีดขีดมังสา แล้วจะได้ไปสรงพระคงคา ที่เนินหน้าเขาใหญ่ไขวาริน ฯ ๏ ฝ่ายเหล่าองค์พงศ์กษัตริย์ไม่ขัดข้อง ทรงฉลองพระบาทเดินขึ้นเนินหิน ชำเลืองเลียบเหยียบเตร็จชมเพชรนิล กระจ่างจินดาดวงดูร่วงรุ้ง เรืองจำรัสรัศมีสีต่างต่าง บ้างเขียวด่างสีกุหร่าดังตากุ้ง บ้างเหลือบลายพรายแพรวแววนกยูง อร่ามรุ่งเรืองงามอยู่วามแวม บ้างเขียวขาวพราวพร้อยทั้งน้อยใหญ่ เหมือนเจียระไนเรียบเรียมเป็นเหลี่ยมแหลม สีเมฆหมอกดอกตะแบกขึ้นแซกแซม บ้างเกิดแกมเตร็จแก้วดูแพรวพราว ท้าวทศวงศ์องค์มิ่งมเหสี เลือกเพชรดีไปประทานให้หลานสาว สอนให้รู้ดูเพชรถึงเจ็ดคราว แม้นแตกร้าวอย่าเอาไปจัญไรร้าย เออนั่นแม่แม่เอ๋ยเหมือนมรกต ดูน้ำสดสังวาลประสานสาย นั่นทับทิมริมเตร็จเม็ดเพริศพราย ราคาขายสามสิบหยิบเอาไว้ ริมก้อนหินนิลสีบริสุทธิ์ นั่นก็บุษราคัมดูน้ำใส แต่ก้อนเหลี่ยมเรียมเรี่ยดังเจียระไน คือเพชรไพฑูรย์ขาวดูวาววับ ที่แดงก่ำปัทมราชดังชาดเสน แก้วโกเมนโมรามุกดาสลับ โน่นหมู่เม็ดเพชรหลีกปีกแมงทับ ดูซ้อนซับใหญ่น้อยล้วนพลอยเพชร แก้วการีสีอินทนิลคล้ำ นั่นเพชรน้ำตะกั่วตัดดูตรัจเตร็จ เหมือนหิ่งห้อยพรอยพรายกระจายเม็ด เกิดกับเตร็จก้อนหินซอกศิลา นางสอนหลานวานเก็บให้มากมาก เอาไปฝากเผ่าพงศ์พระวงศา ทั้งจัดแจงแต่งตัวให้ตุ๊กตา พระนัดดาอายเอียงหลีกเลี่ยงเดิน ฯ ๏ แต่นงเยาว์เสาวคนธ์ใส่กลเฉย ไม่เก็บเลยเลียบทางทำห่างเหิน นางละเวงเกรงใจปราศรัยเชิญ ไยแม่เมินไม่ดูเตร็จเก็บเพชรนิล นางนบนอบตอบว่าถ้าแม้โปรด จะขอโคตรไข่เพชรก้อนเตร็จหิน นางวัณฬาว่าสิ่งไรในแผ่นดิน ฉันให้สิ้นสารพัดไม่ขัดใจ นางเสาวคนธ์ค้นเพชรพบเตร็จงอก ดูดังดอกบุษบงไม่สงสัย ค่อยสั่นคลอนถอนหลุดหลากสุดใจ แผ่นดินไหวเลื่อนลั่นเสียงครั่นครื้น ทวีปวังลังกาสุธาหย่อน เหมือนจะคลอนโคลงคว่ำน้ำเป็นคลื่น ทุกแถวทางหว่างถนนผู้คนยืน ถลาลื่นล้มลุกสนุกจริง ชาวบ้านช่องท้องตลาดวิ่งกลาดเกลื่อน บ้างโดนเพื่อนวุ่นวายทั้งชายหญิง ดูปั่นป่วนหวนเหียนอยู่เวียนวิง ทั้งสัตว์สิงวิ่งตื่นอยู่ครื้นเครง สาวสนมล้มปะทะบ้างผละผลัก กระชากชักผ้าห่มว่าข่มเหง เห็นครึกโครมโฉมยงองค์ละเวง ให้กริ่งเกรงกราบกษัตริย์ภัสดา เหตุไฉนไหวหวั่นเป็นฉันนี้ ไม่เคยมีมาแต่หลังให้กังขา พระอภัยไม่สู้รู้ตำรา จึงตรัสว่าวันนี้ฤกษ์ดีนัก มาชมเตร็จเพชรนิลแผ่นดินไหว เพราะจะได้ปรากฏเป็นยศศักดิ์ ไม่วุ่นวายร้ายรองดอกน้องรัก ทั้งไตรจักรจะเป็นสุขสนุกสบาย นางคำนับรับพรถาวรสวัสดิ์ เชิญกษัตริย์สิ้นทั้งนั้นให้ผันผาย ขึ้นสรงชลบนบัลลังก์ที่นั่งราย เขาไขสายกลไกข้างใต้ดิน น้ำทะลุพุพุ่งขึ้นฟุ้งฟ้า ดูดังห่าฝนกระจายเป็นสายสินธุ์ ลงโซมองค์สรงชลสิ้นมลทิน ระรื่นกลิ่นกลั่นฟุ้งจรุงใจ เหมือนอาบฝนบนอากาศซึ่งสาดซัด โสมนัสนั่งเล่นน้ำเย็นใส ทั้งห้ามแหนแสนสนมกรมใน สำราญใจพอเวลาตีห้าโมง นางวัณฬาพาองค์พระทรงศักดิ์ มาหยุดพักพุ่มพฤกษ์เป็นตึกโถง นั่งเก้าอี้ที่ห้องท้องพระโรง ข้างนอกโล่งเลี่ยนรื่นพื้นสุธา ต้นไม้ร่มลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยพัด โต๊ะเขาจัดแต่งไว้ทั้งซ้ายขวา พอพร้อมกันลั่นระฆังสั่งสัญญา โต๊ะก็มาเกลื่อนกล่นด้วยกลไก ลูกล้อกลิ้งวิ่งเวียนเหมือนเกวียนขับ พร้อมสำรับหวานคาวขวดเหล้าใส่ เสียงกริ่งกร่างต่างเขม้นไม่เห็นใคร แต่โต๊ะใหญ่ไปถึงทั่วทุกตัวคน นางเชิญองค์พงศาบรรดากษัตริย์ เสวยมัจฉะมังสาผลาผล นางหม่อมห้ามนั่งเรียงเคียงโต๊ะกล ข้าหลวงคนใช้นั้นเป็นหลั่นไป บ้างลองลิ้มชิมเหล้าจนเมาหมด เปรียบประชดเถียงกันเสียงหวั่นไหว ส่วนเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์นั้นหัสไชย สนุกใจชิมเหล้าอยากเมาลอง ฤทธิ์สุรากล้าหาญให้ร่านรัก ชวนนงลักษณ์ร่วมบัลลังก์อยู่ทั้งสอง ส่งสุราว่าอร่อยแม่น้อยน้อง เสวยลองเล่นสักนิดจะติดใจ สร้อยสุวรรณจันทร์สุดารับมาเสวย ยังไม่เคยเมาเหลือจนเหื่อไหล ต่างองค์โทษโกรธกษัตริย์หัสไชย ว่าลวงให้กินเหล้าจนเมามาย เข้าหยิกตีมิหนำยังซ้ำข่วน ใครใช้ชวนฉันทำไมแก้ให้หาย หน่อกษัตริย์ปัดป้องประคองกาย ได้กลิ่นอายแอบอิงเหมือนผิงไฟ พงศ์กษัตริย์ขัตติยาบรรดาเสวย แกล้งเมินเฉยตามประสาอัชฌาสัย ด้วยยังเยาว์เมามายสบายใจ พระหัสไชยชิงปล้ำถอดธำมรงค์ เพชรรังแตนแหวนมณฑปนพรัตน์ มาใส่หัตถ์ชื่นชมสมประสงค์ แกล้งเลียนล้อขอน้องทั้งสององค์ นางโฉมยงยกให้มิได้แคลง ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผการำภาสะหรี ไขดนตรีที่ตั้งกำบังแฝง เหมือนคนตีปี่พาทย์ไม่พลาดแพลง เสียงกระแสงซ้อนเพลงวังเวงใจ กระจับปี่สีซอเสียงกรอกรีด บัณเฑาะว์ดีดดนตรีปี่ไฉน นางสำหรับขับร้องทำนองใน บ้างขับไม้มโหรีให้ปรีดิ์เปรม เป็นภาษาฝรั่งว่าครั้งนี้ จะเป็นที่เสน่ห์สนุกสุขเกษม จะชื่นแช่มแย้มยิ้มให้ปริ่มเปรม เที่ยวชมเหมหงส์อื่นไม่ชื่นเลย บรรดานั่งฟังขับให้วับวาบ ด้วยเสียวซาบโสตเสนาะเฉลาะเฉลย บ้างชมผลกลไกด้วยไม่เคย กระไรเลยลั่นเองเป็นเพลงการ ครั้นอิ่มหนำสำเร็จสิ้นเสร็จสรรพ โต๊ะก็กลับกลิ้งไปเข้าในม่าน ข้าหลวงเหล่าสาวสรรค์พนักงาน แสนสำราญกับฝรั่งชาวลังกา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ เห็นพร้อมพรักเผ่าพงศ์พระวงศา จึงทูลความทรามชมก้มวันทา ลูกขอลาเลิกทัพกลับธานี พระบิตุราชมาตุรงค์พงศ์กษัตริย์ อย่าเคืองขัดขุ่นข้องให้หมองศรี มาหยุดยั้งตั้งทัพอยู่นับปี พระชนนีบิดาจะอาวรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ด้วยความรักเสาวคนธ์วิมลสมร จะห้ามปรามทรามวัยมิให้จร จะอาวรณ์ด้วยยังกำลังเยาว์ จึงเรียกมาหน้าที่นั่งบัลลังก์รัตน์ ยื่นพระหัตถ์ลูบประโลมโฉมเฉลา นิจจาเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า พ่อรักเท่าเชษฐาสุดสาคร เป็นเพื่อนยากฝากชีวิตสนิทนัก ยังอ่อนศักดิ์รู้ฟังคำสั่งสอน พ่อไม่ห้ามตามแต่แม่จะจร ไปนครด้วยคิดถึงบิดา แม่ไปถึงจึงช่วยทูลมูลเหตุ ว่าบิตุเรศฝากรักไว้หนักหนา จะรั้งรอพอกำหราบปราบประชา แล้วบิดาจะตามไปในทางเรือ ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีนารีราช แสนสวาทเสาวคนธ์นั้นล้นเหลือ เคยอยู่ด้วยช่วยชีวิตได้ชิดเชื้อ เหมือนหนึ่งเนื้อพี่น้องทั้งสององค์ แล้วสวมสอดกอดจูบแล้วลูบไล้ แสนอาลัยทรามสงวนนวลหง มิเสียทีมีฝีมือทั้งซื่อตรง แม่นี้สงสารเจ้ายังเยาว์นัก จะหาไหนได้เหมือนแม่เพื่อนยาก จะจำจากใจหายเสียดายหนัก สะอื้นไห้ไม่หยุดด้วยสุดรัก นางซบพักตร์ลงเช็ดพระชลนัยน์ ทั้งนงเยาว์เสาวคนธ์หล่อชลเนตร พระบิตุเรศวงศาน้ำตาไหล เป็นทุกข์แท้แต่กษัตริย์หัสไชย เหลืออาลัยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา นั่งอยู่ใกล้ได้สั่งนางทั้งสอง พี่จะต้องไปประเทศกับเชษฐา แค้นพี่นางช่างไม่ไว้อัชฌา มาด่วนลาไปก่อนพระภูวไนย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครขัตติยาอัชฌาสัย เห็นเสาวคนธ์มณฑาทูลลาไป นึกตกใจเห็นจะเคืองด้วยเรื่องเรา ไม่ปรึกษาหารือยังถือแค้น พระคิดแสนโศกทรวงให้ง่วงเหงา แล้วแข็งขืนกลืนกลั้นให้บรรเทา มาก้มเกล้ากราบชิดพระบิดา ลูกขอลาฝ่าละอองด้วยน้องรัก ไปพร้อมพรักกับพระกนิษฐา ด้วยจากทั้งสองกษัตริย์ขัตติยา มานานช้าเหินห่างเพราะทางไกล ฯ ๏ พระอภัยใจอาวรณ์ถอนสะอื้น สุดจะขืนกลืนกล้ำน้ำตาไหล ต่างครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย พระหัสไชยโศกาด้วยอาวรณ์ สุมาลีมิได้วายเสียดายสุด รักเหมือนบุตรเกิดกับกายสายสมร สาพิภักดิ์หักหาญช่วยราญรอน จะจำจรจากแม่ไปแลลับ กอดกษัตริย์หัสไชยไห้สะอื้น ไม่มีชื่นช้ำอารมณ์จนลมจับ ท่านเถ้าแก่แซ่ซ้องประคองรับ แก้ไขกลับฟื้นอารมณ์สมประดี ต่างอำนวยอวยพรถาวรสวัสดิ์ ให้กำจัดเหตุภัยในวิถี พอโพล้เพล้เวลาเข้าราตรี กลับมาที่ปรางค์มาศปราสาททอง นางเสาวคนธ์ตรงมาพลับพลาค่าย แต่น้องชายแวะสั่งนางทั้งสอง ฝ่ายเชษฐาอารมณ์ให้ตรมตรอง คอยท่าน้องหน่อกษัตริย์หัสไชย สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาว่ากับพี่ ไปธานีน้องด้วยกันเถิดฉันไหว้ ต่างห้ามปรามตามประสาคิดอาลัย พระหัสไชยก็มิอาจจะคลาดคลาย ฯ ๏ ฝ่ายสุลาลีวันมีครรภ์อ่อน สุดสาครเขาจะไปก็ใจหาย เห็นง่วงเหงาเศร้าหมองคอยน้องชาย ทำเดินกรายเข้าไปใกล้ก็ไม่ทัก คิดถึงที่มีคุณทั้งบุญบาป คลานมากราบผัวลงที่ตรงตัก สะอื้นไห้ใจหายเสียดายนัก พระเคยรักร่วมห้องมาสองปี จะจำจากพรากไปน่าใจหาย เหมือนพระแกล้งแหนงหน่ายเสน่ห์หนี โอ้พระมิ่งทูลกระหม่อมจอมโมลี ในชาตินี้มิได้มาเห็นหน้าน้อง ไม่มีครรภ์ฉันหมายจะวายวอด ไม่ขอรอดอยู่เป็นคนให้หม่นหมอง นี่เวทนาอาลัยลูกในท้อง จึงจะต้องอยู่เป็นคนทนทรมาน แต่ปางหลังหวังใจจะได้พึ่ง ก็ไม่ถึงยืดยาวมาร้าวฉาน อย่าเคืองขัดตัดประโยชน์จงโปรดปราน ขอประทานโทษาฝ่าธุลี ฯ ๏ สุดสาครร้อนใจอาลัยรัก แต่เกรงนักด้วยพระน้องทั้งสองศรี สู้กลืนกลั้นชลนาแล้วพาที อยู่จงดีเถิดข้าจะลาแล้ว แม้คลอดลูกปลูกเลี้ยงไว้เคียงพักตร์ ให้สืบศักดิ์ว่านเครือเป็นเชื้อแถว แม้มิตายหมายมาดไม่คลาดแคล้ว เมื่อเคราะห์แล้วก็ให้เป็นไปเช่นนี้ แล้วถอดแหวนแทนองค์ออกส่งให้ จงใส่ไว้แหวนยันต์ได้กันผี แม้นคลอดลูกผูกหัตถ์สวัสดี กลับไปที่เถิดเจ้าอย่าเศร้าใจ ฯ ๏ ฝ่ายสุลาลีวันกลั้นสะอื้น น้ำตาขืนก็กลับตกซกซกไหล เฝ้าอวยพรวอนวิงทุกสิ่งไป ประเดี๋ยวใจพระจะกลับไปลับองค์ ขอนั่งอยู่ดูให้เต็มนัยน์เนตร พระปิ่นเกศกษัตริย์ชาติราชหงส์ ถึงหมื่นปีมิได้พบประสบองค์ ธำมรงค์ลูกรักต่างพักตรา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เตรียมพลพร้อม ให้คนด้อมดูเหตุพระเชษฐา เห็นเขายังสั่งกันจำนรรจา กับสุลาลีวันที่บัลลังก์ ทั้งให้แหวนแทนองค์ไว้วงหนึ่ง ยิ่งตรึกถึงความต้นแต่หนหลัง ด้วยรุ่นรักหักใจเห็นไม่ฟัง จึงตรัสสั่งเสนาบรรดานาย ให้ยกพวกพลรบจุดคบส่อง ตามแถวท้องทางเถื่อนดังเดือนหงาย รถที่นั่งลังกาให้ตายาย ขึ้นนั่งท้ายรถาไม่พาที รถพี่เลี้ยงเคียงตามอร่ามคบ พลรบรู้แนวแถววิถี ออกตามทุ่งกรุงลังกาในราตรี แสงอัคคีโคมสว่างหนทางเดิน พอเดือนขึ้นชื่นฉ่ำด้วยน้ำค้าง เข้าป่ากว้างหว่างลำเนาภูเขาเขิน ทั้งข้าไทใหญ่น้อยก็พลอยเพลิน ต่างหยอกเอินกันไปพลางในกลางไพร ฯ ๏ ฝ่ายสุดสาครนั่งสั่งผู้หญิง ข้าหลวงวิ่งมาแจ้งแถลงไข ว่าองค์พระกนิษฐายกคลาไคล พระตกใจเรียกพระอนุชา ออกจากวังสั่งสี่พระพี่เลี้ยง ให้พร้อมเพรียงไพร่นายทั้งซ้ายขวา ให้ดูฤกษ์เลิกทัพจากพลับพลา พลางสั่งพระอนุชาด้วยอาวรณ์ พระน้องจงทรงรถได้ร่มฝน พาไพร่พลเดินทางหว่างสิงขร แล้วพระองค์ทรงพระยาม้ามังกร อัสดรโดดร้องก้องโกลา ขับม้าลัดตัดทุ่งกรุงสิงหล บัดเดี๋ยวดลทางเดินขึ้นเนินผา อุส่าห์ตามยามสองทันน้องยา เทียบขึ้นหน้ารถนางเหมือนอย่างเคย อายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ แกล้งสังเกตกัลยาทำหน้าเฉย แล้วว่าแม่แร่มาไม่ช้าเลย หรือทรามเชยขัดเคืองด้วยเรื่องไร ฯ ๏ นางฟังคำทำเป็นว่าน่าหัวร่อ จะมีข้อขัดเคืองที่เรื่องไหน แต่พวกพ้องน้องนี้ไม่มีใคร เป็นห่วงใยยกมาประสาสบาย เหมือนพระพี่มีห่วงต้องหน่วงหนัก จะตัดรักหักสวาทไม่ขาดหาย ถึงตัวไปให้แหวนไว้แทนกาย น้องนึกหมายว่าจะมาเวลาเช้า ฯ ๏ สุดสาครถอนใจไฉนหนอ มาเสียดส่อร้อนใจดังไฟเผา ปลอบประโลมโฉมยงว่านงเยาว์ เนื้อความเก่าเหมือนดังกายพี่วายชนม์ ประเดี๋ยวนี้เกิดใหม่ด้วยได้คิด ใช่จะติดใจหญิงชาวสิงหล เมื่อได้ฤกษ์เลิกทัพจะกลับพล ก็กังวลอยู่ด้วยพระอนุชา ลาทั้งสองน้องนุชนางยุดไว้ ต่างร่ำไรสั่งความตามประสา ลีวันนั้นเพียงมาขอสมา ที่ต้องช้าอยู่ถนัดเพราะหัสไชย ประเดี๋ยวนี้พี่ให้น้องป้องกองทัพ พี่รีบขับม้าเดินตามเนินไศล มาตามน้องป้องกันให้ครรไล พี่จะได้เคียงข้างไม่ห่างกัน ฯ ๏ นางยิ้มพลางทางว่าเป็นขากลับ ต่างเดินทัพจะสมทบไม่ขบขัน ทั้งคราวนี้มิใช่ว่ามาด้วยกัน เชิญไปบรรทมตามความสบาย ด้วยน้องได้ท่านครูเป็นผู้ใหญ่ มาคุ้มภัยไม่วิตกกลัวหกหาย สุดสาครร้อนจิตให้คิดอาย แกล้งกลับกลายเกลี่ยไกล่เสียให้ดี เมื่อครูเฒ่าท่านมารักษาน้อง พี่ไม่ต้องรักษามารศรี จงบรรทมโสมนัสสวัสดี แต่ตัวพี่จะคอยท่านุชาชาญ กลับลงนั่งหลังม้าเวลาดึก อนาถนึกเอ้องค์น่าสงสาร สะอื้นอั้นตันใจอาลัยลาน เหลือประมาณเหมือนครั้งเมื่อยังเยาว์ แต่หยุดม้าปรารมภ์ให้ตรมจิต จะแก้ผิดพูดประโลมโฉมเฉลา หวั่นฤทัยในอารมณ์ให้ซมเซา กำสรดเศร้าเสียใจกระไรเลย สงสารน้องหมองเศร้าเพราะเราผิด สุดจะคิดคืนดีเจ้าพี่เอ๋ย คะนึงนึกตรึกความถึงทรามเชย จนหลับเลยอยู่บนหลังม้ามังกร ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยอยู่ในรถ ทุกข์ระทดถึงพี่น้องสองสมร เคยพูดเล่นเจรจาให้อาวรณ์ มาจำจรจากน้องทั้งสององค์ โอ้จนจิตคิดไฉนจะได้นุช เห็นยากสุดที่จะสมอารมณ์ประสงค์ เฝ้ากอดจูบลูบคลำธำมรงค์ คิดถึงองค์อาลัยด้วยไกลกัน เคยพูดพลอดกอดพี่เป็นที่รัก ไม่รู้จักรังเกียจคิดเดียดฉันท์ นึกจะเกี้ยวเจียวเมื่อไปอยู่ใกล้กัน กลับหวนหันไปเสียได้เจียวใจคอ นึกคะนึงถึงที่เขาเป็นเจ้าชู้ จะเรียนรู้ไว้อย่างไรที่ไหนหนอ ผู้หญิงรักลักลอบมาชอบพอ แม้พบหมอเหมือนเช่นนั้นขยันจริง จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก มันยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง ถึงยามดึกนึกนอนแนบหมอนอิง เรไรหริ่งเรื่อยริมหิมวา เสียงจังหรีดแว่ววับตรับสำเหนียก ว่าร้องเรียกนึกสงสารร้องขานจ๋า จนรู้สึกนึกสะอื้นกลืนน้ำตา ตามประสามิตรจิตมิตรใจ ฯ ๏ สุดสาครนอนหลับพอทัพถึง ตื่นตะลึงลืมองค์นึกสงสัย พอเห็นคนพลรบถือคบไฟ จึงจำได้เดินมาหากองทัพ ขึ้นรถทองน้องนอนค่อยอ่อนแอบ ถนอมแนบอนุชานิทราหลับ ดำริพลางทางสั่งให้ตั้งทัพ ลงเรือกลับข้ามคุ้งไปกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาตรึกตราเหตุ ซึ่งอาเพศเพชรนิลแผ่นดินไหว จะร้ายดีมิได้แจ้งยังแคลงใจ จึงตรัสใช้นางรำภาอย่าช้าการ ไปแจ้งความถามพระสังฆราช ซึ่งหวั่นหวาดไหวสิ้นทุกถิ่นฐาน จะดีร้ายภายหน้าให้อาจารย์ ท่านแจ้งการแล้วมาเล่าให้เราฟัง ฯ ๏ นางรำภาลาออกนอกตำหนัก มีพร้อมพรักคนหามมาตามหลัง ครั้นถึงครูผู้เฒ่าเล่าให้ฟัง ฝ่ายพระสังฆราชเล่าก็เข้าใจ กูจับยามตามตำราไตรดายุค ยังเป็นทุกข์ที่ว่าสุธาไหว โศลกว่านารีจะหนีไป เอาหัวใจเมืองออกนอกบุรินทร์ นางรำภาว่าเห็นแน่แล้วแต่ต้น เมื่อเสาวคนธ์ขอเพชรก้อนเตร็จหิน กระชากฉุดหลุดก็ไหวในแผ่นดิน ฉันได้ยินเที่ยงแท้เห็นแน่ความ พระสังฆราชตวาดก้องร้องขู่คุ แกเดือดดุด่าละเวงไม่เกรงขาม มันรักผัวชั่วช้าอีบ้ากาม ช่างบอกความเพชรนิลจนสิ้นตัว เสียแผ่นดินถิ่นที่แล้วมิหนำ ยังกลับซ้ำปั้นเจ๋อบำเรอผัว เอาเพชรดีสีออกเหมือนหมอกมัว เท่าดอกบัวอยู่บนโขดเป็นโคตรเพชร มันให้เขาเอาไปเสียได้แล้ว ที่เนินแก้วก็จะเริศไม่เกิดเตร็จ มันมีครูรู้ตำรากาลเม็ด เอาโคตรเพชรไปสำหรับประดับเมือง แม้ใส่ไว้ในศิลาข้าจะบอก เป็นเพชรงอกแวววาวเขียวขาวเหลือง จะบริบูรณ์สมบัติไม่ขัดเคือง แต่พวกเมืองลังกาจะอาดูร แต่ลูกมันนั้นประเสริฐเกิดมาเล่า จะกลับเอามาได้ยังไม่สูญ จะต้องขาดญาติวงศ์พงศ์ประยูร เพราะเค้ามูลแม่เพชรเตร็จมณี ไปบอกเล่าเจ้ามึงหมายพึ่งผัว ไม่รอดตัวเช่นบำรุงซึ่งกรุงศรี เร่งรำลึกตรึกตรองคืนของดี มาไว้ที่ลังกาให้ถาวร ฯ ๏ นางรำภานารีชลีฉลอง จะตรึกตรองตามพระคุณการุญสอน แล้วกราบลามาวังทูลบังอร นางทุกข์ร้อนรู้ว่าคิดนั้นผิดพลั้ง เป็นคราวเคราะห์เพราะว่ากรรมจะทำเข็ญ เผอิญเป็นผิดอย่างแต่ปางหลัง ไม่บอกกล่าวเล่าให้ผู้ใดฟัง ที่ผิดพลั้งตื้นลึกไม่ตรึกตรอง แล้วเปิดหีบหยิบชิ้นดินถนัน ดูสีสันนั้นยังดีไม่มีหมอง นางเชือดใส่ในจานรองพานทอง เป็นส่วนของสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา แต่ส่วนพระมเหสีนั้นที่หนึ่ง มิให้หึงจะให้รักนั้นหนักหนา ให้บุตรีพี่น้องสองสุดา ถือตามมาหาสุวรรณมาลี ให้พี่น้องสององค์วางตรงหน้า นางวันทาถวายพระมเหสี แล้วเล่าความตามที่หลงในพงพี ไปถึงที่เขาอังกาศเพียงขาดใจ เป็นบุญช่วยด้วยว่ากินดินถนัน จึงผิวพรรณพักตร์หมองก็ผ่องใส ฝ่ายองค์พระมเหสีดีพระทัย ว่าขอบใจแม่วัณฬาหนักหนานัก ความรักพี่ดีจริงทุกสิ่งสิ้น สมเป็นปิ่นปถพีที่มีศักดิ์ ทั้งชาตินี้พี่กับน้องจะครองรัก สาพิภักดิ์พึ่งพาพระบารมี แล้วหยิบชิ้นดินถนันนั้นเสวย พลางชวนเชยสองรามารศรี สร้อยสุวรรณจันทร์สุดากุมารี อัญชลีแล้วเสวยชื่นเชยชม ต่างโอภาปราศรัยด้วยใจซื่อ มิได้ถือชอบชิดสนิทสนม เดชะฌานท่านโยคีให้นิยม ปลงอารมณ์รักกันไม่ฉันทา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร ชวนน้องรักมาในตึกแล้วปรึกษา จะเลิกทัพกลับคืนไปพารา แต่งวิวาห์สินสมุทรกับบุตรี ช่วยบำรุงกรุงผลึกเฉลิมราชย์ อุปราชว่าขานการกรุงศรี ตามวิสัยในจังหวัดปัถพี จะเห็นดีด้วยกันหรือฉันใด ศรีสุวรรณอัญชลีพระพี่เจ้า ซึ่งโปรดเกล้านี้ก็งามตามวิสัย จะจัดแจงแต่งงานประการใด ตามพระทัยไม่ขัดพระอัชฌา ฯ ๏ พระชื่นชมสมหวังแล้วสั่งน้อง เตรียมพวกพ้องพลนิกายทั้งซ้ายขวา พรุ่งนี้เช้าเราจะได้ยกไคลคลา พระอนุชาน้อมคำนับรับโองการ ออกพลับพลาหน้าวังสั่งอำมาตย์ ให้เตรียมราชรถาโยธาหาญ ประเทียบเหล่าสาวสรรค์พนักงาน ล้วนใส่ม่านเคียงคั่นเป็นหลั่นไป เกณฑ์กองนำทำทางไปข้างหน้า ปลูกค่ายทัพพลับพลาที่อาศัย จัดสำเร็จเสร็จสรรพกองทัพชัย พอจวนใกล้สุริยาจะสายัณห์ ฯ ๏ ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าขุนหมื่น แต่ล้วนพื้นกองพหลพลขันธ์ เก็บเอาเกวียนพวกฝรั่งสิ้นทั้งนั้น มาจัดบรรทุกเสบียงไว้เรียงราย บ้างซื้อหาผ้าผ่อนเพชรนิลนาก เป็นของฝากชู้เมียสู้เสียหาย จะกลับทัพหลับนอนผ่อนสบาย ทั้งไพร่นายสรวลเสเสียงเฮฮา ฯ ๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม ทุกหมู่กรมเตรียมจัดเครื่องรถา ให้บ่าวไพร่ไปกำกับกำชับกำชา ทั้งหีบผ้าเครื่องแต่งแป้งน้ำมัน บ้างซื้อเครื่องเมืองฝรั่งดังหมายมาด ทั้งโหมดตาดอัตลัดเข็มขัดขัน ทั้งเครื่องแก้วเครื่องทองของสำคัญ ขอแบ่งปันซื้อหาราคาแพง ให้ข้าคนขนใส่มาในรถ ทั้งเครื่องยศหวีแหนบเหน็บแอบแฝง บ้างหาบหีบรีบรัดไปจัดแจง จุดคบแดงเดินไขว่กันไปมา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ ไม่เสียชาติเชื้อวงศ์เผ่าพงศา จึงพรายแพร่งแจ้งเหตุกับเกษรา นางรำภาเดี๋ยวนี้ก็มีครรภ์ พี่จะใคร่ให้ของสำคัญไว้ แหวนกำไลปะวะหล่ำเครื่องทำขวัญ สำหรับผูกลูกเต้าเป็นเผ่าพันธุ์ จะได้กันครหาข้างหน้าไป นางทูลตอบขอบพระคุณทูลกระหม่อม ซึ่งโอบอ้อมเอื้อเฟื้อกับเนื้อไข พระเอ็นดูกุมารประการใด น้องมิได้เคืองขัดเป็นสัจจา พระแย้มยิ้มพริ้มพรายไม่หน่ายรัก ด้วยนงลักษณ์รักสนิทไม่อิจฉา ให้คนใช้ไปแถลงแจ้งกิจจา นางรำภาดีใจจะใคร่ฟัง ไม่จัดแจงแต่งตัวเพราะผัวร้าง ค่อยเยื้องย่างเข้าในตึกให้นึกหวัง เห็นทรงศักดิ์อัคเรศร่วมบัลลังก์ ประณตนั่งน้อมนบอภิวันท์ ฯ ๏ มเหสีดีใจปราศรัยทัก สงสารนักชันษาอ่อนกว่าฉัน ได้ร่วมคู่รู้จักจะรักกัน เหมือนพงศ์พันธุ์พี่น้องอย่าหมองใจ เจ้าเป็นหญิงจริงอยู่แต่สู้รบ หากว่าพบคู่ชีวิตพิสมัย เมื่อเธอมีโอรสยศไกร ก็จะได้เป็นน้องของบุตรี แล้วถอดธำมรงค์เพชรเจ็ดกะรัต จากพระหัตถ์ให้รำภามารศรี นางคำนับรับไว้ด้วยไมตรี อัญชลีแล้วสนองให้ต้องความ ขอบพระคุณสุนทราเมตตาโปรด ไม่ถือโทษจ้วงจาบทำหยาบหยาม ซึ่งผิดพลั้งครั้งณรงค์ในสงคราม อย่าคุมความโทษาขออาภัย ฯ ๏ นางรับคำร่ำว่าประสาซื่อ มิได้ถือทำสงครามตามวิสัย ไม่ดูถูกลูกผู้หญิงอย่ากริ่งใจ จะรักใคร่ให้เหมือนเพื่อนชีวี ศรีสุวรรณนั้นเห็นหน้ารำภาน้อย ไม่แช่มช้อยผุดผ่องเหมือนต้องผี แต่อาลัยใจซื่อฝีมือดี จึงพาทีเพทุบายภิปรายเปรย นางรำภาข้าจะกลับกองทัพแล้ว จะคลาดแคล้วฟูกหมอนที่นอนเขนย ยังรำลึกนึกเห็นเหมือนเช่นเคย ใช่จะเฉยเลยลืมปลื้มอาลัย จะชวนเจ้าเยาวลักษณ์ไปนัคเรศ จะถือเพศพุทธกิจหรือคิดไฉน หรือรักรีตกีดขวางเป็นอย่างไร ก็ตามใจใช่จะขัดอัธยา นางนบนอบตอบรสพจนารถ โปรดประภาษเพียงนี้ดีหนักหนา แต่ข้าบาทชาติฝรั่งเกาะลังกา จะพูดจาก็ไม่ชัดสันทัดไทย อนึ่งเล่าเจ้าลังกาเมตตาเลี้ยง พระคุณเพียงแผ่นภพสบสมัย แม้ชาตินี้ชีวันมิบรรลัย ก็ตั้งใจจะเป็นข้ายุพาพาล เชิญพระองค์นงลักษณ์ไปนัคเรศ คืนประเทศธานินทร์ถิ่นสถาน แต่หนหลังพลั้งผิดกิจการ โปรดประทานโทษาอย่าราคี ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายโปรด ไม่ถือโทษโทษารำภาสะหรี ถึงไม่ไปชมพูร่วมบูรี จะช่วยพี่นางบำรุงกรุงลังกา ก็ตามใจได้เป็นคู่เคยรู้จัก ขอฝากรักไว้กับนางต่างภาษา แล้วยื่นของรองพานประทานรำภา เกี้ยวจินดาปะวะหล่ำทั้งกำไล สร้อยสังวาลบานพับสำหรับบุตร อย่าให้สุดสิ้นเชื้อเป็นเนื้อไข รำลึกถึงจึงค่อยพาลูกยาไป ชมเมืองไทยบ้างเถิดนางอย่าหมางเมิน นางคำนับรับของสนองตอบ พระรอบคอบคุณนั้นสุดสรรเสริญ ย่อมทราบความตามเคราะห์จำเพาะเพลิน ถึงมิเมินก็เหมือนเมินด้วยเกินกาย แม้บุญปลอดคลอดบุตรสุดสวาท จะพาราชตระกูลไปทูลถวาย นางทูลความยามดึกให้นึกอาย ค่อยก้มกรายกราบลากลับมาเตียง ฯ ๏ ฝ่ายยุพาผกาชาติฝรั่ง เห็นผัวนั่งแท่นสุวรรณชั้นเฉลียง พอคนว่างนางค่อยแฝงแสงตะเกียง ชม้ายเมียงหมอบกรานถือพานทอง ตั้งเทียนธูปบุปผาสมาผัว ค่อยยอบตัวกราบก้มประนมสนอง แต่ก่อนไรได้เป็นข้าฝ่าละออง ทำให้ข้องเคืองขัดพระอัชฌา ประทานโทษโปรดให้อภัยผิด อย่าได้คิดขุ่นแค้นถึงแสนสา กระหม่อมฉันถึงเสด็จมิเมตตา กรุณาหน่อไทที่ในครรภ์ ความทุกข์ทนล้นเหลือแต่เมื่อคลอด จะได้รอดชีวาหรืออาสัญ ขอบุญญาฝ่าละอองช่วยป้องกัน อย่าให้อันตรายมีทางนี้เลย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร คิดถึงบุตรบ่นว่านิจจาเอ๋ย แต่ก่อนไรได้อยู่เป็นคู่เชย จะจำเลยลาลับไปนับนาน น้ำใจพี่ที่จริงไม่ทิ้งขว้าง ใคร่พานางไปนิเวศน์ประเทศสถาน แต่เกรงเหล่าเผ่าพงศ์พระวงศ์วาน จะว่าขานครหาเป็นราคี ด้วยเคยถูกหยูกยาข้างฝรั่ง จะว่าคลั่งเคลิ้มอีกจึงหลีกหนี เป็นเคราะห์แล้วแคล้วคลาดในชาตินี้ ถึงจะมีผัวข้าไม่ว่าความ แต่ลูกเต้าเอามาให้ข้าเลี้ยง ตั้งชื่อเสียงตามข้าภาษาสยาม เป็นเชื้อไขไว้ยศให้งดงาม ได้ถือตามภาษาพาราเรา อย่ากลัวนะจะบอกเมื่อออกลูก เอาผ้าผูกโยงเหนี่ยวไว้เจียวเจ้า ที่ปวดป่วนครวญครางค่อยบางเบา เห็นอย่างเขาเคยทำจึงจำไว้ ฯ ๏ นางผกากล้าปากมิอยากลด ทูลประชดชี้แจงแถลงไข ซึ่งนอบน้อมยอมอยู่ด้วยภูวไนย เพราะชิงชัยเพลี่ยงพล้ำต้องจำเป็น อันภาษาฝรั่งถึงทั้งชั่ว ไม่มีผัวสองเลยเช่นเคยเห็น ถึงขัดสนรนร้อนไม่หย่อนเย็น จะตามเล่นเพื่อนผู้หญิงเสียจริงเจียว ซึ่งโปรดว่าข้าเมื่อกี้ให้มีผัว ถึงทั้งชั่วให้อินทรามาเขียวเขียว ไม่ขอเห็นเว้นแต่ตรงพระองค์เดียว ถ้าลดเลี้ยวลงอาญาฝ่าธุลี จงคอยจับปรับไหมชายฝรั่ง เฆี่ยนให้หลังลายส่งไปโรงสี ขอพึ่งบุญมุลิกาเป็นสามี พอไพรีรู้ทั่วได้กลัวเกรง ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าอย่าปรารภ ทั้งแผ่นภพพี่มิให้ใครข่มเหง แม้ศึกมีพี่ยาจะมาเอง ไม่กลัวเกรงฤทธิ์ท้าวทุกด้าวแดน แล้วถอดธำมรงค์บุษย์ที่สุดอย่าง ยื่นให้นางแล้วว่าพี่มีแต่แหวน เก็บไว้เถิดเกิดลูกได้ผูกแทน ถ้ามาตรแม้นชีวันไม่บรรลัย จะกลับมาหาเจ้าอย่าเศร้าสร้อย ไม่ขาดลอยลืมมิตรพิสมัย พลางลูบหลังตามเคยชะเลยใจ เหมือนเปลวไฟฝอยนิดก็ติดเชื้อ เข้าเคียงข้างพลางพลอดแล้วกอดก่าย ไม่รู้หายหอมให้อาลัยเหลือ ระรื่นกลิ่นดินถนันจวงจันทน์เจือ ไม่รู้เบื่อรสฝรั่งเมืองลังกา อัศจรรย์นั้นเพียงตะเกียงดับ หิ่งห้อยวับแวมเรืองริมเฝืองฝา เฝ้าสั่งซ้ำร่ำไห้อาลัยลา แล้วต่างไปไสยาในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม เสียงประโคมยามสองให้หมองศรี จะไปสั่งนางวัณฬาเกรงมาลี แกล้งพาทีเพทุบายให้ตายใจ พรุ่งนี้เช้าเราจะกลับกองทัพแล้ว นะน้องแก้วงีบระงับให้หลับใหล แต่ตัวพี่นี้จะลาน้องยาไป พูดเกลี่ยไกล่ผูกพันนางวัณฬา ให้ฝากตัวกลัวเราหนอเจ้าพี่ อย่าให้มีศึกเสือเบื่อหนักหนา นางยิ้มแย้มแช่มช้อยพลอยเจรจา พระไปหาเห็นจะราบเพราะปราบปราม แม้ไม่ไปไหนเลยจะเสร็จศึก จวนจะดึกเชิญเสด็จอย่าเข็ดขาม พระขวยเชินเมินหมางเห็นขวางความ จึงว่าตามแต่จะว่าแล้วคลาไคล เข้าตึกทองห้องละเวงวัณฬาสนิท เห็นม่านปิดป้องลับหรือหลับใหล แหวกวิสูตรรูดกระจ่างสว่างไฟ เห็นนางนอนถอนฤทัยทั้งไสยา เหมือนจะรู้อยู่ว่าโศกเพราะโรครัก สงสารนักนั่งชิดกนิษฐา เห็นสาวน้อยพลอยสะอื้นฝืนพักตรา พระชลนาคลอคลองประคองเคียง ค่อยสวมสอดกอดประทับนางกลับตื่น ว่าคนอื่นแอบนุชร้องสุดเสียง เห็นทรงฤทธิ์คิดอายชม้ายเมียง ยังคมเคียงขอสมาพระสามี ไม่ทันรู้จู่มาเวลาดึก น้องนี้นึกเกรงพระมเหสี จะขัดเคืองเบื้องหน้าเป็นราคี หรือพระมีธุระมาจะว่าไร ฯ ๏ พระลูบโลมโฉมเฉลาเยาวลักษณ์ ไม่สิ้นรักร่วมชีวิตพิสมัย ถึงตัวพี่นี้จะพรากจากเจ้าไป แต่จิตใจอยู่เฝ้าทุกเช้าเย็น แม่โฉมยงจงสำราญผ่านสมบัติ ให้ศรีสวัสดิ์สิ้นทุกข์สิ้นยุคเข็ญ เป็นเคราะห์กรรมจำจากกระดากกระเด็น ต้องจำเป็นจำไปจำไกลกัน จริงนะน้องตรองตรึกให้ลึกซึ้ง ใช่จะขึ้งโกรธรังเกียจคิดเดียดฉันท์ ขอฝากบุตรสุดใจที่ในครรภ์ ให้สืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี แล้วเปลี่ยนเปลื้องเครื่องทรงทั้งมงกุฎ ให้นงนุชนางวัณฬามารศรี สำหรับทรงองค์โอรสเครื่องยศนี้ เหมือนตัวพี่ผู้บิดาให้ถาวร ฯ ๏ นางคำนับรับประทานใส่พานตั้ง บนบัลลังก์ริมสุวรรณบรรจถรณ์ ระทวยทับกับพระเพลาเฝ้าชะอ้อน แต่ชาติก่อนกรรมน้องมากเหมือนพรากนก เป็นกำพร้ามาแต่น้อยให้สร้อยเศร้า เดี๋ยวนี้เล่าผัวก็พรากไปจากอก ไม่เห็นใครในทวีปจะหยิบยก ทุกข์ในอกออกให้เบาบรรเทาทรวง ที่ทรงครรภ์นั้นก็ทุกข์ถึงสุขุม เหมือนหนึ่งอุ้มเมรุไกรอันใหญ่หลวง อาภัพใครในแผ่นดินสิ้นทั้งปวง ไม่เหมือนทรวงวัณฬาเหลืออาภัพ ได้พึ่งบุญทูลกระหม่อมเหมือนฉัตรแก้ว จะคลาดแคล้วคล้อยเคลื่อนเหมือนเดือนดับ โอ้จันทราคลาคลาดลีลาศลับ ยังคืนกลับมาสว่างเมื่อกลางเดือน พระจากไปไหนจะมาเห็นหน้าน้อง เหมือนเดือนส่องภพไตรใครจะเหมือน จะนับปีมิได้กลับมาเยี่ยมเยือน ยิ่งกว่าเดือนลับฟ้าเหลืออาลัย จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าทุกเช้าค่ำ โอ้ว่ากรรมน้องสร้างแต่ปางไหน นางครวญคร่ำกำสรดระทดฤทัย สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ ๏ พระกอดองค์นงลักษณ์อัคเรศ น้ำพระเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ประคองนางทางเช็ดชลนา อย่าโศกานักน้องจะหมองนวล จะหาไหนได้เหมือนเจ้าเยาวมิ่ง เป็นยอดยิ่งในมนุษย์สุดสงวน ไม่ทอดทิ้งมิ่งขวัญอย่ารัญจวน เหมือนเพชรล้วนควรบำรุงให้รุ่งเรือง แม่ก็รู้อยู่ว่าพี่เป็นที่รัก อย่าทุกข์หนักเนื้อละม่อมจะผอมเหลือง ไปจัดแจงแต่งงานอยู่บ้านเมือง พอปลดเปลื้องสิ้นธุระไม่ละเลย จะกลับมาหานุชเยี่ยมบุตรบ้าง ให้เหมือนอย่างดวงเดือนไม่เชือนเฉย พลางเอนแอบแนบน้องประคองเกย ถนอมเชยปรางน้องทั้งสองปราง แอบปทุมอุ้มประทับนางรับพักตร์ ภิรมย์รักร่วมสัมผัสไม่ขัดขวาง เหมือนไขกลดนตรีดุริยางค์ เสียงต่างต่างตีย้ายได้หลายเพลง กระจับปี่สีซอกรีดกรอเสียง ระนาดเรียงรับฆ้องเสียงหน่องเหน่ง ดีดบัณเฑาะว์เคาะระฆังเสียงวังเวง เหมือนชมเพลงเพลินประทมภิรมยา เมื่อยามปลื้มลืมทุกข์สุขเกษม ต่างปรีดิ์เปรมประดิพัทธ์มนัสสา ต่างยิ้มสรวลยวนยีให้ปรีดา เหมือนหนึ่งว่าหนุ่มสาวไม่หาวนอน พอเวลานาทีตีสิบเอ็ด จวนเสด็จให้เสียดายสายสมร จะจากวังลังกาให้อาวรณ์ สท้อนถอนหฤทัยอาลัยลาน ลูบประโลมโฉมละเวงเกรงจะโกรธ จะออกโอษฐ์สั่งนุชสุดสงสาร สู้กลืนกล้ำน้ำตาอยู่ช้านาน สุดจะหาญห่างรักหักอาลัย จะลาจากปากเอ่ยเผยไม่ขึ้น ให้มืดมึนเหมือนจะพาเลือดตาไหล อุส่าห์ฝืนขืนแกล้งแข็งพระทัย เอาสไบซับพระชลนา แล้วสั่งความทรามสงวนว่าจวนรุ่ง จะจากกรุงเตรียมองค์ตามวงศา แม่เนื้อคู่อยู่จงดีพี่ขอลา นางโศกากอดบาทไม่คลาดคลาย ทูลกระหม่อมจอมทวีปประทีปแก้ว จะลับแล้วเช้าเย็นไม่เห็นหาย ไม่มีท้องน้องจะขอเชือดคอตาย ไม่เสียดายชีวิตสักนิดเลย ได้พบเห็นเย็นเช้าเคยเฝ้าแหน อยู่ข้างแท่นที่พระองค์สรงเสวย ตั้งแต่นี้มิได้เห็นเหมือนเช่นเคย จะละเลยแลเหลียวเปลี่ยววิญญาณ์ ถึงคนอยู่ผู้อื่นสักหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นทูลกระหม่อมจอมเกศา จะเย็นเยียบเงียบทั้งเกาะลังกา กินน้ำตาต่างข้าวทุกเช้าเย็น โอ้ยามนี้มีแต่จะแลลับ มิได้กลับทวนทบมาพบเห็น เหมือนตัดรักหักสวาทขาดกระเด็น ไหนจะเว้นวายวิตกในอกน้อง ทั้งจะรับอับอายเป็นม่ายผัว เหมือนหญิงชั่วอกช้ำเป็นน้ำหนอง นางครวญคร่ำร่ำว่าน้ำตานอง พระประคองเคียงปลอบด้วยขอบใจ จงกลืนกลั้นกันแสงขืนแข็งจิต อย่าครวญคิดเคลือบแคลงแหนงไฉน พลางรับขวัญวัณฬาแล้วคลาไคล เสด็จไปสรงชลสุคนธาร แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส ทั้งกษัตริย์สุริย์วงศ์พลอยสงสาร ครั้นเสร็จสรรพกลับมาหน้าพระลาน พระวงศ์วานพรั่งพร้อมมาล้อมรวม ขึ้นรถรัตน์จัดกระบวนจวนจะออก พระแสงหอกดาบถอดแล้วสอดสวม แต่พวกนางวัณฬาล้วนตาบวม เหมือนน้ำท่วมปากเปี่ยมต้องเจียมตัว มาตามส่งตรงพลับพลาที่หน้าป้อม ประณตน้อมยอกรให้พรผัว พอฤกษ์ดีตีฆ้องให้หมองมัว จะทรงตัวมิใคร่ไหวฤทัยระทวย ฯ ๏ พระอภัยได้ฤกษ์ให้เลิกทัพ ลมก็จับใจหวิวหิวระหวย ทั้งสองข้างต่างพะวงให้งงงวย เจียนจะม้วยมรณาด้วยอาลัย พอกองทัพลับตานางฝรั่ง จะกลับวังให้ผเอิญเดินไม่ไหว เรียกสาวสาวเหล่าสนมกรมใน พยุงไปตึกทองที่ห้องนอน เคยเห็นหน้าสามีมิได้เห็น ให้หนาวเย็นเยือกกระดูกทั้งฟูกหมอน ยิ่งหอมกลิ่นวิญญาณ์ยิ่งอาวรณ์ สะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ระทมทวี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมาในรถ ครั้นเลี้ยวลดลับวัณฬามารศรี เสียพระทัยในอารมณ์ไม่สมประดี ไม่รู้ที่ทำกระไรที่ไหนเลย ทั้งลูกรักอัคเรศมาในรถ ยามระทดให้สะเทิ้นทำเมินเฉย แกล้งเหลียวแลแก้เก้อชะเง้อเงย อิงเขนยเอกเขนกวิเวกใจ จะเหลียวกลับลับทางวังนิเวศน์ พระชลเนตรคลอคลอชะลอไหล อุส่าห์กลั้นกันแสงแข็งพระทัย หมายมิให้อัคเรศรู้เหตุการณ์ แต่สุวรรณมาลีรู้ทีผัว เห็นหมองมัวเหมือนจะหลงก็สงสาร ให้พี่น้องสองสุดายุพาพาล ช่วยอยู่งานนวดฟั้นพระบรรทม พระผ่านเกล้าหาวเรอเพราะเธอโศก กำเริบโรคร้างรักมาหมักหมม กลัวว่าพระจะรัญจวนประชวรลม หยิบยาดมยอบถวายชม้ายเมิน ฯ ๏ พระอภัยไม่หลับกระสับกระส่าย สะอื้นอายอางขนางระคางเขิน ในอารมณ์ชมอะไรก็ไม่เพลิน ให้เผอิญแต่อาวรณ์ถอนฤทัย คิดถึงวังลังกาวัณฬาน้อย จะโศกสร้อยซอนซบสลบไสล อยู่หลัดหลัดพลัดนางมากลางไพร เหลืออาลัยแลเหลียวเปลี่ยววิญญาณ์ ทำแข็งขืนฝืนรูดวิสูตรกว้าง ชวนสองนางลูกรักชมปักษา แล้วเคลิ้มองค์หลงว่าแน่แม่วัณฬา นกสาลิกาจิกตะโกโน่นโนรี แล้วรู้สึกนึกเก้อทำเรอแก้ ชำเลืองแลดูเล่ห์มเหสี ฝ่ายอัคเรศเวทนาพระสามี แกล้งพาทีทำว่าน่าเสียดาย ฉันอยากใคร่ได้วัณฬาหล่อนมาด้วย จะได้ช่วยบุตรีพัดวีถวาย พระฟังเปรียบเฉียบแหลมยิ้มแย้มพราย เจ้าเสียดายหรือว่าเจ้าตีเค้าลอง นางเสแสร้งแกล้งว่านิจจาเอ๋ย เมื่อหล่อนเคยเชยชิดสนิทสนอง ถึงว่าพระมเหสีเธอมีท้อง ก็เป็นน้องของฉันแม่วัณฬา จึงรำลึกนึกถึงไม่หึงหวง เพราะเห็นพวงผลไม้ไพรพฤกษา มาพร้อมพรักจักได้ชมภิรมยา เก็บผกานางแย้มให้แซมมวย พระเยื้อนยิ้มพริ้มพรายซังตายตอบ เจ้ารู้รอบเปรียบปราบช่างฉาบฉวย พี่ขอบใจไรซ้ำที่สำรวย ดีกว่ามวยผมฝรั่งฟังคารม นางทูลว่าถ้าพระทัยรักไรจุก เห็นไม่ทุกข์ร้อนระทวยถึงมวยผม พระว่าที่มีไรอยากใคร่ชม ชอบอารมณ์รักงามจึงตามมา นางนบนอบตอบคำว่าจำจาก เดี๋ยวนี้อยากใคร่เหาะไปเสาะหา พระเคลิ้มคล้ายหมายมั่นว่าวัณฬา ทรงภาษาฝรั่งตอบบังอร นางยิ้มพลางทางว่าภาษาฝรั่ง หม่อมฉันยังไม่สันทัดช่วยตรัสสอน รู้ภาษาถ้าแปลได้แน่นอน จะผันผ่อนพูดฝรั่งรับสั่งความ พระแก้เก้อเออผิดพูดติดปาก ต้องพูดยากหนักหนาเข้าป่าหนาม แล้วเฉยเชือนเตือนกระบวนให้ด่วนตาม เป็นตัดความเดินป่าพนาลัย ฯ ๏ ถึงฟากฝั่งลังกามหาสมุทร ประทับหยุดโยธาที่อาศัย พร้อมพระองค์วงศาเสนาใน พระอภัยนั่งที่เก้าอี้ทอง ให้ยกโทษโปรดฝรั่งทั้งระเด่น ที่จับเป็นคุมขังไว้ทั้งสอง พอเข็ดหลาบปราบปรามตามทำนอง แล้วคืนของข้าไทที่ไม่ตาย ให้ทั้งลำกำปั่นสลุบแล่น ไปเขตแดนตามประสงค์จำนงหมาย แขกฝรั่งทั้งเจ้าทั้งบ่าวนาย กราบถวายบังคมลาไปธานี ฯ ๏ ฝ่ายทุกองค์พงศ์กษัตริย์ต่างจัดทัพ ลงเรือกลับข้ามคุ้งไปกรุงศรี ต่างถึงเมืองเรืองสำราญผ่านบุรี พอเดือนยี่ยามหนาวคราวเหมันต์ ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร สุดสาครหัสไชยถึงไอศวรรย์ ทั้งพราหมณ์เฒ่าเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ อภิวันท์หมอบเรียงเคียงกันไป ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสถามถึงความหลัง พฤฒาฟังสำแดงแถลงไข ตั้งแต่ต้นจนถึงซึ่งกรุงไกร ส่วนท้าวไทสรรเสริญเจริญยศ ไม่เสียทีมีศักดาอานุภาพ ไปช่วยปราบลังกาให้ปรากฏ สุดสาครร้อนฤทัยให้รันทด โศกกำสรดโศกาวันทาทูล ลูกผิดพลั้งครั้งนี้เหมือนชีวิต จะเปลื้องปลิดจากกายไปหายสูญ หากพระน้องสององค์พงศ์ประยูร กับทั้งทูลกระหม่อมช่วยไม่ม้วยมรณ์ สิ้นธุระจะขอรองละอองบาท จนสิ้นชาติจะเชื่อฟังพระสั่งสอน ท้าวสรวลพลางทางว่าสุดสาคร แต่ก่อนอ่อนอายุก็ดุดัน ประเดี๋ยวนี้ดีอยู่เป็นผู้ใหญ่ ด้วยคิดได้บาปบุญไม่หุนหัน แต่ดูรูปซูบผอมทั้งผิวพรรณ จะทำขวัญลูกรักเสียสักคราว ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์ไม่ปนพี่ ไปหมอบที่ห้ามแหนพวกแสนสาว ถวายเพชรเตร็จแก้วก้อนแวววาว ให้สองท้าวทัศนาต่อหน้าพราหมณ์ แล้วทูลท้าวว่าเข้าขุดพอหลุดเคลื่อน สุธาสะเทื้อนโคลงเคลงน่าเกรงขาม เป็นโคตรเพชรเตร็จตรัจรู้ชัดความ เพราะยายพราหมณ์บอกตำราสารพัน จอมกษัตริย์ตรัสว่าของหายาก บุญเรามากจึงได้เพชรมาเขตขัณฑ์ ให้เงินทองสองถังเป็นรางวัล ทั้งแพรพรรณเสื้อผ้าบูชาพราหมณ์ ฯ ๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐรู้เหตุใหญ่ จะเกิดไพรีเบียนเป็นเสี้ยนหนาม จึงทูลท้าวเจ้าเมืองตามเรื่องความ โทษยายพราหมณ์คราวนี้ถึงที่ตาย ไม่ห้ามนางช่างแนะให้แกะเตร็จ ทำให้เพชรเขาสูญประยูรหาย ให้ชาวเมืองเคืองแค้นแสนเสียดาย จะคิดร้ายรบพุ่งถึงกรุงไกร ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าธิดาชอบ บุญประกอบแล้วก็กรรมทำไฉน จะคืนเขาเล่าก็ดูอดสูใจ ประจุไว้ภูผานอกธานินทร์ ให้ชื่อเขาเนาวรัตน์จัดสำเร็จ เมื่อเกิดเพชรจะได้ชมสมถวิล ฝ่ายพฤฒาลาท้าวเจ้าแผ่นดิน ไปสู่ถิ่นฐานพราหมณ์ตามสำราญ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร ให้อาลักษณ์ตรึกตรองจำลองสาร ไปนัดฤกษ์อนุชาวิวาห์การ ตามโบราณร่วมจังหวัดปถพี ฉบับหนึ่งถึงพาราการะเวก ว่าจะเสกลูกรักเป็นศักดิ์ศรี บรรณาการพานทองล้วนของดี ทูตทั้งสี่นายรับกำกับไป เชิญลงลำกำปั่นสุวรรณหงส์ เป็นลำทรงราชสารไปขานไข พอลมดีคลี่คลายขยายใบ แล่นไปในแถวทางกลางทะเล ระลอกคลื่นครื้นครึกเสียงกึกก้อง กระทบท้องกำปั่นให้หันเห นายท้ายบ่ายหัวทิศาอาคเนย์ ข้ามทะเลลอยแล่นแสนสำราญ ไม่ขัดข้องล่องลมถึงรมจักร ขึ้นตึกพักแขกเมืองแจ้งเรื่องสาร ทั้งเพชรนิลจินดาบรรณาการ พนักงานพาเข้าเฝ้าพระองค์ ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นออกนั่งบัลลังก์โถง ท้องพระโรงตรัสความตามประสงค์ แสนเสนาข้าบาทพระญาติวงศ์ เฝ้าพระองค์อภิวาทดาษดา พนักงานคลานก้มบังคมบาท ทูลเบิกราชทูตประเทศพระเชษฐา เข้าเฝ้าทูลมูลความตามกิจจา แล้วให้อาลักษณ์อ่านสารสุนทร ฯ ๏ ในสารทรงองค์อภัยมณีนาถ บรมบาทบพิตรอดิศร มาถึงพระอนุชาสถาวร เจริญพรพูนสวัสดิ์ปถพี ด้วยเยี่ยงอย่างปางก่อนบวรนาถ เสวยราชย์ร่วมรักเป็นศักดิ์ศรี ย่อมสู่ขอหน่อนาถราชบุตรี ตั้งพิธีทำงานการวิวาห์ อันโฉมยงองค์อรุณราชบุตร กับสินสมุทรสมอำนาจวาสนา จะเสกสองครองบุรีแทนพี่ยา ตามประสาสุริย์วงศ์สืบพงศ์พันธุ์ เชิญพระน้องตรองตริดำริสาร ตามโบราณรัตนามหาสวรรย์ พอจบสารกรานก้มบังคมคัล ศรีสุวรรณสมถวิลที่จินดา จึงปราศรัยไต่ถามผู้ถือสาร ถึงวงศ์วานวังนิเวศน์พระเชษฐา ยังไพบูลย์พูนสวัสดิ์วัฒนา หรือโรคารำคาญประการใด ฯ ๏ ฝ่ายเสนีสี่ทูตที่ถือสาร ต่างกราบกรานทูลแจ้งแถลงไข ด้วยเดชะพระเดชปกเกศไป สำราญใจไพร่ฟ้าทั้งธานี ฯ ๏ พระทรงฟังสั่งทูตให้หยุดพัก ตึกตำหนักนอกประตูบูรีศรี แล้วหยิบสารลานทองกล่องมณี จรลีไปประณตท้าวทศวงศ์ ถวายสารอ่านจบแล้วนบนอบ ท้าวเธอชอบชื่นอารมณ์สมประสงค์ ว่าควรแล้วพี่น้องทั้งสององค์ จะดำรงร่วมคู่ตามบุราณ มเหสีดีใจดังได้แก้ว เป็นรู้แล้วพ้นทุกข์ทั้งลูกหลาน แล้วสั่งเหล่าสาวสรรค์พนักงาน ตระเตรียมการไว้เสียเจียวประเดี๋ยวนี้ ฯ ๏ ศรีสุวรรณทูลลาออกมาสั่ง ให้ตอบทั้งบรรณาการตอบสารศรี ทั้งข้าวเกลือเสื้อผ้าบรรดามี ประทานสี่ทูตถือหนังสือมา ทูตคำนับรับสารก้มกรานกราบ ต่างได้ลาภทั่วกันก็หรรษา ลงเรือใช้ใบขึงตะบึงมา ไปกรุงการะเวกถึงทางครึ่งเดือน ประทับทอดจอดท่าขึ้นหาล่าม ต่างแจ้งความดีใจใครจะเหมือน บ้างทักถามตามธรรมเนียมมาเยี่ยมเยือน เคยเป็นเพื่อนกันเมื่อครั้งรบลังกา ฯ ๏ ฝ่ายเสนีสี่นายครั้นสายแสง ต่างตกแต่งตามกำหนดมียศถา แล้วเชิญเครื่องบรรณาการกับสารตรา ตามเสนานำเข้าไปในพระโรง ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างแต่งตำแหน่งนั่ง พานหมากตั้งทั้งคนโทล้วนโอ่โถง พอเวลานาทีถ้วนสี่โมง เข้าพระโรงคอยพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ฯ ๏ ฝ่ายปิ่นปักนัคราการะเวก อดิเรกเรืองเดชทุกเขตขัณฑ์ สถิตแท่นแม้นมหาเวชยันต์ บนสวรรค์บัณฑุอาสน์อมรินทร์ สาวสุรางค์นางบำเรอเสนอบาท บำรุงราชรู้เชิงบันเทิงถวิล บ้างร้องรับขับเพลงบรรเลงพิณ บำเรอปิ่นปถพีให้ปรีดา ครั้นสายแสงแต่งองค์สรงสนาน พนักงานเครื่องถวายทั้งซ้ายขวา ทรงสุคนธ์ปนทองประคองทา ผลัดภูษาค่าเมืองเรืองระยับ ฉลององค์ทรงสวมเกราะนวมกระหนก ทับทรวงอกปิดทรวงดวงประดับ กระหวัดองค์ทรงสังวาลผูกบานพับ ปั้นเหน่งทับทิมอร่ามแวววามแวม แล้วสวมทรงมงกุฎบุษยรัตน์ ดูเตร็จตรัจเรียงซ้อนสลอนแหลม ทองกรเพชรเม็ดรอบประกอบแกม กระจ่างแจ่มธำมรงค์เรียงวงวาว ครั้นสรรพเสร็จเสด็จเดินนางเชิญเครื่อง ผิวเนื้อเหลืองเหมือนหุ่นพึ่งรุ่นสาว เชิญพระแสงแต่งเล็บไว้ยาวยาว ต่างตามท้าวออกที่นั่งบัลลังก์ทอง พระลดองค์ลงบนที่ทอดยี่ภู่ มีนางอยู่งานนั่งรับสั่งสนอง ประโคมทั้งสังข์แตรออกแซ่ซ้อง ท้าคู่กลองแขกเสนาะเพราะสำเนียง ปี่ไฉนได้ทำนองกลองชนะ เสียงเปิงปะเปิงครึ่มกระหึ่มเสียง อำมาตย์หมอบนอบน้อมอยู่พร้อมเพรียง บังคมเคียงคอยสดับรับโองการ ฯ ๏ กรมวังบังคมบรมนาถ ทูลเบิกราชทูตถือหนังสือสาร มาเฝ้าพร้อมน้อมประณตบทมาลย์ อาลักษณ์อ่านออกความตามกิจจา ฯ ๏ ในลักษณ์อักษรสารศรีสวัสดิ์ ปิ่นกษัตริย์ทรงเดชพระเชษฐา เจริญราชไมตรีด้วยปรีดา มาถึงพระอนุชาให้ถาวร เป็นปิ่นปักนัคราการะเวก อดิเรกเรืองฤทธิ์อดิศร พระทรงธรรม์กรุณาสุดสาคร เหมือนบิดรเลี้ยงดูให้อยู่เย็น ทั้งนงเยาว์เสาวคนธ์คุมพลรบ ไปสมทบช่วยทุกข์เมื่อยุคเข็ญ เหมือนหนึ่งญาติมาดหมายไม่วายเว้น ขอไว้เป็นธิดาด้วยอาลัย ขอพระองค์จงประสิทธิ์มิตรภาพ อย่าให้สาบสูญเชื้อเหมือนเนื้อไข ประการหนึ่งซึ่งกษัตริย์หัสไชย ได้ตามไปสมทบรบลังกา สนิทนักจักขอเป็นหน่อนาถ ร่วมพระญาติประยูรวงศ์เผ่าพงศา อันลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา พระอนุชาช่วยเลี้ยงเพียงบุตรี อันนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร สุดสาครพี่น้องทั้งสองศรี สุดแต่พระอนุชาจะปรานี ด้วยเป็นที่บิตุราชมาตุรงค์ ขอร่วมฉัตรปัถพีศรีสวัสดิ์ สืบกษัตริย์สมตามความประสงค์ ในเดือนสี่นี้จะพร้อมพระญาติวงศ์ ช่วยทำมงคลงานการวิวาห์ อภิเษกสินสมุทรกับบุตรน้อง เป็นคู่ครองนคเรศแทนเชษฐา แล้วเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์ขัตติยา จึงจะมาเมืองพระน้องครองไมตรี จนตราบสิ้นดินฟ้าสุทธาวาส ดำรงราชย์ร่วมบำรุงซึ่งกรุงศรี ได้ดับเข็ญเช่นฉัตรชาวปถพี จะเป็นที่พึ่งจบทั้งภพไตร ฯ ๏ พอจบสารกรานกราบพระทราบสิ้น สมถวิลหวังสนิทพิสมัย ไม่บัญชาว่าขานประการใด จึงปราศรัยเสนีทั้งสี่นาย พระเชษฐามาบำรุงกรุงผลึก ค่อยว่างศึกเสร็จสมอารมณ์หมาย หรือวงศ์วานบ้านเมืองเคืองระคาย หรือสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์ ฯ ๏ ฝ่ายเสนีสี่ทูตพูดฉลาด อภิวาททูลความตามประสงค์ พระเดชาอานุภาพปราบณรงค์ เสมอองค์อวตารผลาญไพริน ให้ราบเรียบเงียบสงบที่รบพุ่ง ทรงบำรุงศาสนารักษาศิล เสนาในไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ได้ทำกินค้าขายสบายใจ ฯ ๏ พระชื่นชมสมหวังสั่งอำมาตย์ ให้นำราชทูตาไปอาศัย แล้วจากอาสน์ยาตรย่างเข้าปรางค์ใน ตรัสบอกให้อัคเรศแจ้งเหตุการณ์ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมจันทวดีชลีสนอง ดูทำนองนั้นเห็นรักสมัครสมาน เพราะใคร่ได้พระองค์เป็นวงศ์วาน จึงว่าขานเลี่ยงเลียบเป็นเปรียบเปรย หัสไชยไปลังกาอาสาศึก เจ้าผลึกจะใคร่ได้ไว้เป็นเขย ก็คิดเห็นเป็นบุญที่คุ้นเคย ไม่แคลงเลยแล้วจะคงเป็นวงศ์วาน ตามแต่พระทรงเดชเกศกษัตริย์ จะตอบตัดหรือจะตามเนื้อความสาร พระว่าพี่นี้ตริดำริการ จะแต่งงานเสียให้สิ้นที่นินทา ไหนไหนได้เป็นลูกจะปลูกฝัง ให้พร้อมพรั่งเผ่าพงศ์พระวงศา สองกษัตริย์ตรัสอยู่ในที่ไสยา จนนิทราเลยหลับระงับไป ฯ ๏ ครั้นรุ่งเช้าท้าวออกพระโรงหลวง พร้อมกระทรวงเสนาอัชฌาสัย ตรัสประภาษราชการสำราญใจ แล้วสั่งให้ตอบสารลงลานทอง เป็นข้อความตามมีไมตรีกษัตริย์ พูนสวัสดิ์สืบวงศ์ดำรงสนอง เขียนสำเร็จเสร็จสารใส่พานทอง กับสิ่งของมีราคาบรรณาการ ทั้งข้าวเกลือเสื้อผ้าเงินตราแจก ให้พวกแขกเมืองมาพร้อมหน้าฉาน ทั้งนายไพร่ได้ลาภต่างกราบกราน แล้วรับสารสองฉบับรีบกลับไป ถึงพาราพากันเข้าเฝ้าพร้อม ประณตน้อมทูลแจ้งแถลงไข แล้วถวายสิ่งของสองกรุงไกร พระสั่งให้พนักงานอ่านสารตรา ฯ ๏ ในสารศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ บังคมบาทบทเรศพระเชษฐา ซึ่งบุตรีศรีสวัสดิ์กับนัดดา จะวิวาห์นั้นก็งามตามโบราณ พระบิตุราชมาตุรงค์พงศ์กษัตริย์ ไม่ข้องขัดพร้อมพรักสมัครสมาน ขอเชิญพระเสด็จมาวิวาห์งาน จะจัดการไว้ให้พร้อมไพบูลย์ ฯ ๏ แล้วให้อ่านสารการะเวกตอบ ว่านบนอบจอมปิ่นบดินทร์สูร จะสืบวงศ์ทรงพระอนุกูล ให้เพิ่มพูนภิญโญในโลกา ขอบพระคุณสุนทรถาวรสวัสดิ์ ประดิพัทธ์ภูธเรศพระเชษฐา อันหลานน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ชันษาคราวทัดกับหัสไชย ขอรับเลี้ยงเพียงบุตรสุจริต ถนอมสนิทเหมือนหนึ่งเนื้อในเชื้อไข การวิวาห์ถ้าจะเลื่อนไปเดือนใด ตามพระทัยไม่ขัดพระอัชฌา ฯ ๏ พอสิ้นสารอ่านจบแล้วนบนอบ พระชื่นชอบสรวลสันต์ด้วยหรรษา จึงตรัสสั่งทั้งอำมาตย์ชาติเสนา เร่งตรวจตราเตรียมกำปั่นสักพันลำ บรรดาเหล่าชาวพลคนทั้งหลาย ทั้งไพร่นายนุ่งห่มให้คมขำ สำหรับเมืองเครื่องเล่นพวกเต้นรำ ทั้งมวยปล้ำเมืองเราจัดเอาไป เล่นประชันกันกับเขาชาวเมืองโน้น ละครโขนแต่งงามตามวิสัย ครั้นสั่งเสร็จเสด็จขึ้นปราสาทชัย สั่งข้างในทุกตำแหน่งจัดแจงการ ฯ ๏ ฝ่ายเวียงวังคลังนาพวกข้าเฝ้า เตรียมสำเภาตรวจตราโยธาหาญ เลือกล้าต้าต้นหนพวกคนงาน เปลี่ยนรอกกว้านเสาใบใหม่ทั้งนั้น ทั้งเสื้อผ้าประทานให้ไว้ใส่แห่ โหมดตาดแพรกำมะหยี่ต่างสีสัน พวกรำเต้นเป็นงานการประชัน สมทบกันเข้าระดมประสมมือ บ้างจัดแจงแต่งชฎาเจิมหน้าโขน กลองตะโพนฉิ่งกรับเครื่องนับถือ บ้างไหว้ครูหมูไก่จะให้ลือ อุส่าห์ซื้อเสื้อแสงจัดแจงการ พวกนายหนังช่างเขียนแปลงเปลี่ยนย้อม บ้างหัดซ้อมพากย์เจรจาจะว่าขาน ทั้งจอแผงแต่งใหม่จะไปงาน บ้างแต่งร้านฆ้องระนาดตรึงกราดกลอง ฯ ๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม จัดเสื่อพรมหมอนเจียมตระเตรียมของ ตะไกรหนีบหีบหมากเครื่องนากทอง มีพานรองขันน้ำโต๊ะสำรับ ที่ชาววังรังหนี้ไม่มีแหวน ทำเป่าแล่นกาไหล่ใส่ประดับ บ้างซื้อเชื่อเผื่อเบี้ยหวัดด้วยขัดทรัพย์ บ้างปลี่ยนสับยืมเขาพวกชาววัง ทั้งเครื่องแต่งแป้งน้ำมันมุ้งหมอนเสื่อ ขนลงเรือเรียกข้าหน้าเป็นหลัง ลงลำทรงหงส์สุวรรณบัลลังก์ ลำที่นั่งสินสมุทรเรือครุฑบิน มาทอดท่าหน้าแพเรือแห่แหน อเนกแน่นในมหาชลาสินธุ์ บ้างร้องรำทำเพลงบรรเลงพิณ คอยท่าปิ่นปถพีด้วยปรีดา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ชวนลูกรักอัคเรศโอรสา เข้าที่สรงทรงเครื่องย่างเยื้องมา ลงเภตราพร้อมสนมกรมใน ออกลำทรงหงส์บินฝ่ายสินสมุทร ออกเรือครุฑครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว เสียงสังข์แตรแซ่ซ้องลั่นฆ้องชัย พลไพร่พร้อมโห่โล้สำเภา พอออกจากปากน้ำก็ค่ำพลบ จุดเพลิงคบโคมรายขึ้นปลายเสา เป็นเดือนสามยามหนาวลมข้าวเบา พัดเพลาเพลาพอได้ใช้ใบสบาย ลำที่นั่งดั้งกันเป็นหลั่นแล่น ไปตามแผนที่ทะเลคะเนหมาย ล้วนเคยคลื่นชื่นใจทั้งไพร่นาย นั่งสบายบังลมแลชมดาว พวกผู้หญิงพิงเพื่อนดูเดือนแจ่ม จับผิวแก้มแลล้วนเป็นนวลขาว ที่ปั่นป่วนครวญครุ่นพึ่งรุ่นราว ร่างเพลงยาวเยาะเย้ยเปรียบเปรยกัน ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสชวนมเหสี กับบุตรีชมดาวทั้งสาวสรรค์ เหมือนโคมเคียงเรียงรอบเป็นขอบคัน ล้อมพระจันทร์แจ่มฟ้านภาลัย บอกบุตรีชี้หัตถ์แล้วตรัสว่า ที่กลางฟ้าเรืองยาวนั้นดาวไถ โน่นดาวธงตรงหน้าอาชาไนย ดาวลูกไก่เขาก็เรียกสำเหนียกนาม พระบุตรีพี่น้องค่อยส่องเนตร ที่สังเกตสงสัยทูลไต่ถาม พระชี้หัตถตรัสแถลงให้แจ้งความ ทั้งหม่อมห้ามหม่อมแหนนั่งแหงนคอ จนเดือนดับลับรุ่งสะดุ้งตื่น ไปกลางคืนมิได้จอดทอดสมอ ฝูงปลาร้ายว่ายเรียงเข้าเคียงคลอ ชะเง้อคอคอยดูทุกผู้คน เห็นงูเงือกเกลือกกลอกขึ้นหยอกยุด อุตลุดโลดเสือกเสลือกสลน หางเหมือนอย่างหางปลาในสาชล หน้าเหมือนคนแปลกเหลือตามเรือเรียง ไม่ขัดข้องล่องลมถึงรมจักร เสียงคึกคักฆ้องกลองแซ่ซ้องเสียง ทหารโห่โล้ล้อมมาพร้อมเพรียง เข้าทอดเรียงรายท่าหน้าธานี ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ ช่วยตรวจจัดตำหนักตามศักดิ์ศรี ให้แขกมาอาศัยไพร่ผู้ดี จัดทั้งที่ไพชยนต์พระมนเทียร ประทีปแก้วชวาลาระย้ายับ กระจ่างจับแลหลากขึงฉากเขียน ตะเกียงรายสายสร้อยห้อยโคมเวียน แท่นวิเชียรชัชวาลมีม่านบัง ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นลงมาหน้าฉนวน จัดกระบวนเสนาแห่หน้าหลัง รับองค์พระอภัยเข้าในวัง พร้อมสะพรั่งนักสนมกรมใน ขึ้นไพชยนต์มนเทียรวิเชียรรัตน์ ตึกปรัศว์สาวสุรางค์ต่างอาศัย พวกเสนีรี้พลสกลไกร ปลูกโรงใหญ่ขึ้นให้อยู่ตามหมู่กรม ท้าวทศวงศ์พงศาก็มาเยี่ยม ตามธรรมเนียมชอบชิดสนิทสนม คิดจัดแจงแต่งงานสำราญรมย์ จนพระประทมแทบจะหลับจึงกลับไป ฯ ๏ หยุดสบายหลายคืนต่างชื่นแช่ม พอเดือนแรมฤกษ์ดีพิธีไสย ให้หมายเวรเกณฑ์บอกสมนอกใน ทั้งนายไพร่พร้อมวงศ์พงศ์ประยูร ปลูกโรงราชพิธีสิบสี่ห้อง มีมุขช่องมณฑปนภศูล ประดับเครื่องเรืองแอร่มแจ่มจำรูญ ที่พื้นพูนปูนลาดดาดศิลา ปูเสื่ออ่อนซ้อนเจียมเอี่ยมสะอาด เพดานดาดห้อยห่วงพวงบุปผา ประทีปจัดอัจกลับประดับประดา แก้วระย้าเพชรห้อยดูพรอยพราย พระแท่นที่อภิเษกเอกฉัตร ล้วนแก้วเก้าเนาวรัตน์จำรัสฉาย ทั้งกลดสังข์ตั้งเคียงอยู่เรียงราย บายศรีซ้ายขวาขวัญจุณจันทน์เจิม ทั้งกองแก้วแล้วก็กองทองประกอบ ที่ริมรอบราชวัติฉัตรเฉลิม พวกนายช่างทั้งปวงข้าหลวงเดิม คอยแต้มเติมติเตียนผลัดเปลี่ยนแปลง ฯ ๏ ฝ่ายพวกถูกปลูกโรงสำหรับเล่น บ้างลากเข็นล้อเกวียนบ้างเขียนแผง ผูกภูเขาเอาไม้ดัดขึ้นจัดแจง ต่างคิดแต่งต่างกันประชันโรง มีสายรอกนอกในลวดไต่เล่น ทำป้อมเป็นเมืองพลับพลาดูอ่าโถง ที่หน้าฉานร้านยาวผ้าขาวโยง มีเกราะโกร่งเตรียมสำรองทั้งสองเมือง ที่พวกถูกปลูกพลับพลาดาดผ้าสี ม่านมู่ลี่เลขาเขียนฝาเฝือง ราชวัติฉัตรเบญจรงค์เรือง ให้ปักรอบขอบเมืองเครื่องมงคล หุ่นละครมอญรำทำโรงงิ้ว เป็นแถวทิวสองข้างทางถนน เด็กผู้ใหญ่ไพร่ฟ้าประชาชน มาเกลื่อนกล่นกลาดกลุ้มประชุมกัน ฯ ๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสนมเมืองรมจักร ล้วนรู้หลักเหลือสาวเพลงยาวขยัน กับสาวสาวชาวเมืองผลึกนั้น รู้จักกันแต่เมื่อครั้งไปลังกา ล้วนเคยเป็นเล่นอีกไม่หลีกเลี่ยง นัดเพื่อนเลี้ยงโต๊ะกันด้วยหรรษา ที่มีทรัพย์รับเพื่อนก็เยื้อนมา ได้หน้าตาตั้งปึ่งท่าขึงคม ที่รักใคร่ให้ของเครื่องทองนาก กระจกฉากมีดน้อยไม้สอยผม ที่ขัดทรัพย์รับเพื่อนต้องเลื่อนกรม ผ้านุ่งห่มหอบจำนำมาทำยศ ท่านท้าวนางต่างจัดขนัดแห่ บ้างเชิญแส้พระแสงตามล้วนงามหมด ที่ถวายชายชม้อยทำช้อยชด ต้องทำบทเป็นครูให้รู้ที หัดให้ยอบหมอบกรานอยู่งานพัด ประจงจัดเครื่องอานพานพระศรี ทั้งสาวใหญ่เก็บไรจุกลูกผู้ดี รู้ท่วงทีถูกต้องทำนองใน ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรีรมจักร เห็นพร้อมพรักยินดีจะมีไหน ให้โหราหาฤกษ์เจริญชัย ประจวบได้เจ็ดค่ำเป็นสำคัญ โขนละครนอนโรงตีโกร่งซ่าว เสียงเกรียวกราวกรุงไกรมไหศวรรย์ พวกโยธีชีพราหมณ์พรหมจรรย์ มาพร้อมกันสี่หมวดสวดพิธี ปุโรหิตติดเทียนคอยเวียนแว่น พลูคะแนนจันทน์เจิมเฉลิมศรี โหรคอยท่าหาฤกษ์เบิกบัตรพลี ระวังตีฆ้องสำคัญเป็นสัญญา ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ กับนางนาฏมเหสีมียศถา ต่างทรงเครื่องเรืองงามตามชรา ใส่มหามงกุฎใหญ่ถือไม้ท้าว แล้วสั่งพระมเหสีไปที่หลาน ดูงานการตักเตือนเป็นเพื่อนสาว เหมือนมาแขกแรกรักอีกสักคราว ข้างเพื่อนบ่าวข้าจะเป็นได้เล่นกัน แล้วแย้มสรวลชวนพระวงศ์พงศ์กษัตริย์ มาแท่นรัตน์โรงพิธีที่ทำขวัญ อยู่พร้อมพรั่งทั้งกษัตริย์ศรีสุวรรณ คอยนับชั้นฤกษ์พาเวลากาล ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร จูงลูกรักเข้าในมณฑลสถาน ประโคมฆ้องกลองดังกังสดาล พราหมณ์ก็อ่านมนต์สนองประคองเคียง ค่อยรินรดกลดสังข์หลั่งพระเต้า บัณเฑาะว์เป่าสังข์แตรเซงแซ่เสียง ครั้นเสร็จสรงทรงเครื่องต้นขึ้นบนเตียง พี่เลี้ยงเคียงคอยหยิบจีบประจง สนับเพลาเพราพรายปลายกระหนก ทรงผ้ายกแย่งอย่างไว้หางหงส์ ห้อยชายแครงแฝงใส่ชายไหวทรง ฉลององค์อินทรธนูชมพูนุท คาดปั้นเหน่งเปล่งเม็ดเพชรอร่าม สังวาลวามแวมวับประดับบุษย์ ทั้งทองกรซ้อนทรงธำมรงค์ครุฑ ใส่มงกุฎกรรเจียกซ้อนจอนมณี อุบะห้อยพรอยแพรววาวแวววับ กระจ่างจับพักตร์ผ่องละอองศรี พระบิดาพาไปเข้าโรงพิธี ให้นั่งที่บนบัลลังก์ตั้งมณฑล ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณให้ขุ่นคิ่น แต่ได้ยินเริ่มวิวาห์สถาผล คิดถึงองค์นงเยาว์เสาวคนธ์ ให้ทัณฑ์บนไว้ที่วังเมืองลังกา ว่าตัดขาดชาตินี้ไม่มีผัว แต่แสนกลัวบิตุเรศพระเชษฐา จะเอามีดกรีดศอให้มรณา ก็ไม่กล้าทำได้จนใจจริง จะต้องดื้อถือสัตย์ขัดรับสั่ง สู้ทนทั้งตีด่าประสาหญิง แกล้งทำหลับจับไข้ไม่ไหวติง บรรทมนิ่งนึกสะอื้นฝืนฤทัย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์เกษราราช นึกประหลาดหลากจิตคิดสงสัย ดูอรุณขุ่นหมองเข้าห้องใน ตั้งแต่ให้เริ่มงานการวิวาห์ หรือหนีนอนซ่อนกายเพราะอายเหนียม ไม่ไปเยี่ยมเผ่าพงศ์พระวงศา นิ่งฉะนี้มิควรจวนเวลา จะไปว่าวิงวอนให้อ่อนใจ ลงจากอาสน์ยาตรย่างเข้าปรางค์รัตน์ เสียงสงัดเงียบระงับหรือหลับใหล พวกสาวศรีพี่เลี้ยงหลีกเลี่ยงไป ด้วยเข้าใจจะต้องวุ่นถึงขุ่นเคือง นางเข้าในไสยาสน์ประหลาดนัก เห็นลูกรักเศร้าศรีฉวีเหลือง เอะเป็นไรเศร้าศัลย์แม่ขวัญเมือง ไม่รู้เรื่องดีร้ายมาหลายวัน ประโลมนางพลางว่าเวลานี้ ตั้งพิธีสรงน้ำจะทำขวัญ พระอัยกาพาพระองค์เผ่าพงศ์พันธุ์ ไปพร้อมกันคอยเจ้าเยาวมาลย์ แม่สายใจไปวิวาห์สถาผล รดน้ำมนต์มุรธากระยาสนาน พระบุตรีพิลาปก้มกราบกราน กระหม่อมฉานจับไข้ไม่สบาย จะรดน้ำซ้ำหนาวยิ่งคราวจับ จะเด็ดดับปีวันเหมือนมั่นหมาย แม้หาญหักจักขอผูกคอตาย สู้ถวายชีวาไม่อาลัย ฯ ๏ นางลูบอกตกตะลึงแล้วจึงว่า จวนเวลาแล้วกรรมจะทำไฉน จะเรียนดื้อหรือเห็นเป็นอย่างไร รำคาญใจไม่รู้ที่จะเจรจา จะหาไหนได้เหมือนพ่อสินสมุทร ประเสริฐสุดสมชาติวาสนา จึงจัดแจงแต่งงานการวิวาห์ ตามประสาพี่น้องให้ครองกัน ควรแล้วหรือดื้อดึงไม่พึ่งพี่ ไม่พอที่จะรังเกียจคิดเดียดฉันท์ พลางแนบชิดธิดาวิลาวัณย์ อย่าจาบัลย์บิดเบือนทำเชือนแช แม้มิไปอัยกามาเดี๋ยวนี้ จะหยิกตีย่อยยับไม่นับแผล แข็งฤทัยใจคออย่าท้อแท้ ไปกับแม่เถิดมาแม่อย่ากลัว อันตัวเจ้าเป็นสาวย่อมเปล่าเปลี่ยว อยู่คนเดียวก็ไม่ดีเหมือนมีผัว บุญพระพี่มีมากคิดฝากตัว คนจะกลัวเกรงจบภพไตร ฯ ๏ อรุณน้อยสร้อยเศร้าเฝ้ากำสรด สุดจะปดป้องปิดคิดไฉน จึงทูลตามความจริงทุกสิ่งไป หม่อมฉันได้ปฏิญาณสาบานตัว กับนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง เป็นความจริงชาตินี้ไม่มีผัว เหมือนพระพี่สินสมุทรลูกสุดกลัว มิใช่ตัวเปลี่ยวเปล่าเมียเขามี ทั้งลูกเต้าเล่าก็ยังอยู่ทั้งท้อง จะไปต้องน้อยหน้าชาติทาสี มิขออยู่สู้ตายวายชีวี พระชนนีโปรดด้วยช่วยสักครั้ง ฯ ๏ นางฟังคำทำพิโรธเหมือนโกรธขึ้ง ช่างขี้หึงแค้นเคืองถึงเรื่องหลัง เมื่อต้องผีมิได้ทำแต่ลำพัง ครั้นหายคลั่งก็มาเข้าข้างเผ่าพงศ์ ถึงฝ่ายข้างนางยุพาผกาเล่า มีลูกเต้าเก้อเก้อเพราะเธอหลง พระลูกรักจักภิเษกเป็นเอกองค์ จะเกรงตรงอีขี้ข้าว่ากระไร ยิ่งวอนวิงก็ยิ่งดื้อว่าถือสัตย์ กอดพระหัตถ์กรรมกรรมจะทำไฉน จะให้ร้างค้างงานรำคาญใจ แล้วลุกไปกริ้วสุรางค์นางกำนัล นางพี่เลี้ยงเอี้ยงดูอยู่ไหนเล่า ไม่โลมเล้าเจ้านายให้ผายผัน จวนเวลานาทีแม้มิทัน จะพากันกินหวายหลังลายงาม ฯ ๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเสียงกริ้วต่างนิ่วหน้า แล้วลอบมาเชิญเสด็จไม่เข็ดขาม พลางขู่ขับกลับว่าอีบ้ากาม ต้องเป็นความจำจนสู้ทนทาน ฯ ๏ ฝ่ายโหรนั่งตั้งนาฬิกากำกับ กำหนดนับนาทีสุริย์ฉาน พอฤกษ์ดีตีฆ้องก้องกังวาน พนักงานสังข์แตรขึ้นแซ่ซ้อง พวกเต้นรำทำขวัญสำคัญฤกษ์ เสียงเอิกเกริกรำเต้นเล่นฉลอง พระอภัยใคร่คิดผิดทำนอง จะขัดข้องข้างในวังจึงดังนี้ ท้าวทศวงศ์สงสัยเข้าในม่าน ให้เดือดดาลว่าอุเหม่มเหสี อย่างไรไม่ใคร่มาฤกษ์พาดี ทำให้ตีฆ้องเก้อเอออะไร ไม่ว่าขานหลานลูกช่วยปลูกฝัง ออกมานั่งพูดพร่ำจะทำไฉน เข้าไปเองเร่งให้ออกมาไวไว ถ้ามิได้โทษมีอยู่ที่ยาย ฯ ๏ นางพระยาว่ารำคาญเพราะหลานลูก ให้พลอยถูกกริ้วกราดไม่ขาดสาย รีบไปปรางค์นางอรุณเสียงวุ่นวาย เห็นโฉมฉายเกษรากริ้วข้าไท โกรธบุตรีดีจริงช่างนิ่งเฉย ให้ลูกเขยคอยท่าเลือดตาไหล พระบิดาว้าวุ่นเป็นฟุนไฟ ทำไมไม่จัดแจงไปแต่งงาน พระธิดาว่าเขาดื้อถือทิฐิ เหลือสติปัญญาจะว่าขาน ปลอบเท่าไรไม่เชื่อเหลือรำคาญ เชิญพระมารดาถามเนื้อความดู ฯ ๏ นางพระยาว่าไม่ไปได้หรือนะ การเขาจะเสียหมดต้องอดสู มาไปหาว่ากระไรจะใคร่รู้ ผิดก็อยู่กับเจ้าไม่เข้าใจ แล้วเข้าห้องสององค์ตรงขึ้นแท่น เห็นนางแสนเศร้าหมองไม่ผ่องใส กลับสงสารหลานรักนั่งซักไซ้ เออเป็นไรแม่คุณให้วุ่นวาย นางสู้ดื้อถือสัตย์ทูลขัดข้อง อดสูน้องเสาวคนธ์วิมลฉาย เขาถือมั่นฉันจะกลับก็อับอาย ขอสู้ตายตามจะโปรดมีโทษทัณฑ์ พระอัยกีตีอุราว่าประหลาด ตัดสวาทก็เหมือนตัดสมบัติสวรรค์ อันใจหญิงสิ่งสบายทั้งหลายนั้น ไม่เทียมทันเท่าผัวร่วมหัวใจ ถึงนงเยาว์เสาวคนธ์ที่ทนดื้อ จะขืนถือว่าไม่มีได้ที่ไหน เสร็จการเราเข้าเดือนหกจะยกไป แต่งงานให้เชษฐาสุดสาคร เมื่อผู้ใหญ่ให้ภิเษกร่วมเอกฉัตร ไม่เสียสัตย์ดอกจงฟังยายสั่งสอน ไปสรงชลมุรธาจะพาจร นางวิงวอนกราบไหว้พระอัยกี เสียแรงพระถนอมเฝ้ากล่อมเกลี้ยง บำรุงเลี้ยงหลานรักเป็นศักดิ์ศรี ความน้อยหน้าฝรั่งในครั้งนี้ ต้องเสียชีวีถวายสู้วายชนม์ ด้วยเกิดมาอาภัพให้ลับเสีย ไม่เป็นเมียน้อยหญิงชาวสิงหล จงโปรดให้ไปภิเษกแม่เสาวคนธ์ เข้ามณฑลต่อทีหลังขอรั้งรอ ฯ ๏ พระอัยกีตีทรวงเข้าผางผึง กลับขี้หึงยิ่งกว่าข้าหนักหนาหนอ โน่นฝรั่งข้างเราเป็นเหล่ากอ คงมาง้อสิ้นทั้งเมืองลังกา สุดสาครเขาเป็นน้องต้องทีหลัง เราต้องตั้งก่อนเหตุเป็นเชษฐา จะขืนดื้อถือสัตย์ขัดวิวาห์ คงน้อยหน้าอีฝรั่งจงฟังยาย ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นช้าให้ข้าหลวง คนทั้งปวงไปเตือนก็เชือนหาย ท้าวทศวงศ์สงสัยไม่สบาย ด้วยเกรงฝ่ายเกี่ยวดองจะหมองใจ ลงจากอาสน์พลาดล้มสนมช่วย พยุงด้วยมิได้เมินเดินใกล้ใกล้ พระงุ่นง่านพาลด่าพวกข้าไท ตรงเข้าไปปรางค์รัตน์ห้องนัดดา เห็นพระมเหสีบุตรีพร้อม ช่างมาล้อมลูกหลานนานหนักหนา นี่ขัดขวางอย่างไรไม่ไคลคลา ท่านยายมาแล้วก็เชือนไม่เตือนเลย เขาตีฆ้องกลองเอิกเกริกอยู่ ไม่มีหูหรือกระไรทำใจเฉย ให้คอยนั่งตั้งแต่ชะแง้เงย กระไรเลยพูดมากน้ำหมากพรู นางพระยาว่ามันกลายเป็นหลายเรื่อง มาขัดเคืองคนวอนจนอ่อนหู มาว่าขานหลานสาวของท้าวดู ฉันไม่รู้ที่จะว่าน่ารำคาญ ฯ ๏ อรุณกลัวตัวสั่นซบกันแสง ท้าวเธอแกล้งเมินพักตร์ด้วยรักหลาน เสด็จออกนอกห้องแล้วร้องพาล หลานของท่านยายสอนแต่ก่อนมา ไม่พาไปให้ทันทำขวัญเขา ก็ดูเอาวันนี้แหละสิหนา ทำฮึดฮัดตรัสเร่งเร็วเร็วมา นางพระยาตกใจกระไรเลย โกรธบุตรีนี้ก็เช่นจะเป็นใบ้ ไม่ว่าไรลูกมั่งมานั่งเฉย แล้ววิงวอนผ่อนตามว่าทรามเชย ไม่หวังเลยลูกผัวอย่ากลัวเกรง เมื่อไม่ยอมพร้อมใจก็ใครเล่า จะกล้าเข้าชิดชมทำข่มเหง พระอัยกามายืนกริ้วครื้นเครง ควรจะเกรงกลัวพระราชอาชญา ไปสรงน้ำทำขวัญเสียสักครู่ แล้วมาอยู่ที่นี่ประสีประสา ค่อยวิงวอนผ่อนผันด้วยปัญญา พระนัดดาเชื่อฟังน้อมบังคม แล้วทูลว่าถ้าหม่อมฉันทำขวัญแล้ว อย่าให้แผ้วพานพบประสบสม ยายรับคำซ้ำว่าอย่าปรารมภ์ ให้นุ่งห่มขาวผ่องละอององค์ แล้วพาออกนอกห้องประคองข้าง ไปเข้ากลางมณฑลน้ำมนต์สรง พร้อมสุรางค์นางนาฏพระญาติวงศ์ ช่วยกันสรงน้ำนางล้อมข้างเตียง พราหมณ์ผู้เฒ่าเป่าสังข์เสียงวังเวก เครื่องภิเษกสังข์แตรขึ้นแซ่เสียง บัณเฑาะว์ดังกังสดาลขานสำเนียง นางพี่เลี้ยงหมอบกรานอยู่งานพัด ทรงภูษาค่าเมืองเรืองอร่าม รัดองค์วามแววแวมแจ่มจำรัส ฉลององค์ทรงสวมค่อยรวมรัด ใส่ดุมกลัดกลมกล่อมละม่อมละมุน สังวาลแก้วแววเวียนวิเชียรช่วง สร้อยทับทรวงสอดสวมใส่นวมหนุน สไบบังอังสากรองตาชุน มงกุฎกุณฑลประดับเพชรทับทิม เสร็จสำอางนางทรุดลงหยุดนั่ง ด้วยกำลังโศกเศร้าให้เหงาหงิม สองกษัตริย์ตรัสเตือนไม่เยื้อนยิ้ม พระเนตรปิ่มเปี่ยมล้นชลนา สู้ทนแรงแข็งขืนค่อยยืนย่าง ท่านท้าวนางเจ้าขรัวนายเคียงซ้ายขวา เกณฑ์แห่หัดจัดพร้อมห้อมล้อมมา ค่อยลีลาเยื้องย่างตามทางไป ฯ ๏ เข้ามณฑลมณฑปอภิวาท ประยูรญาติโยคีฤๅษีไสย มโหระทึกกึกก้องทั้งฆ้องชัย พระอภัยน้อมประณตท้าวทศวงศ์ แล้วลีลามาพยูงจูงโอรส ตามทรงยศยุรยาตรดังราชหงส์ ขึ้นกองแก้วแพรวพร่างกระจ่างองค์ ท้าวทศวงศ์จูงหัตถ์พระนัดดา ขึ้นนั่งกองทองงามอร่ามเหลือง พาประเทืองเปล่งปลั่งพระมังสา ให้เกี่ยวก้อยหน่อยหนึ่งนางดึงมา พระอัยกาขืนเหนี่ยวให้เกี่ยวไว้ นางพลิกนิ้วพลิ้วแพลงแกล้งให้หลุด สินสมุทรหนีบติดบิดไม่ไหว พวกพราหมณ์สวดมนต์นารายณ์ถวายชัย พอจบให้โห่สนั่นเสียงครั่นครึก ทั้งแตรสังข์กังสดาลประสานเสียง แซ่สำเนียงฆ้องกลองเสียงก้องกึก ทั้งโรงงานขานโห่มโหระทึก เสียงพิลึกโลกาทั้งธานี ปุโรหิตติดเทียนให้เวียนแว่น มาข้างแท่นถวายท้าวเจ้ากรุงศรี ท้าวทศวงศ์ส่งให้พระอัยกี สุมาลีเกษราธิดาดวง แล้วส่งไปให้พระวงศ์พวกพงศ์เผ่า หลวงแม่เจ้าจอมจ่านางข้าหลวง ถึงพวกชายฝ่ายขุนนางต่างกระทรวง คอยรับช่วงชูเทียนส่งเวียนไป ประโคมฆ้องกลองแตรเซงแซ่เสียง เสนาะสำเนียงดนตรีปี่ไฉน ดุริยางค์วังเวงเจ้งจับใจ ตีโทนทับขับไม้มโหรี เสียงสุรางค์วังเวงร้องเพลงขับ ซอกระจับปี่กรีดนิ้วดีดสี ข้างชั้นในไขกลเพลงดนตรี พร้อมพราหมณ์ชีช่วยกันเวียนเทียนเจ้านาย ถ้วนสำเร็จเจ็ดรอบได้ชอบโชค ดับเทียนโบกควันเฉลิมเจิมถวาย ให้สององค์ทรงตรารูปนารายณ์ เป็นที่ฝ่ายหน้าพระชนกา ต่างอำนวยอวยพรสุนทรสวัสดิ์ ทั่วกษัตริย์สุริย์วงศ์เผ่าพงศา ส่วนสององค์ลงจากกองทองจินดา นางก้มลาหลีกไปเสียในวัง ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์อติเรก เสร็จภิเษกสองสมอารมณ์หวัง พอแดดร่มลมชายเบี่ยงบ่ายบัง ออกพร้อมพรั่งนั่งพลับพลาหน้ากำแพง พวกรำเต้นเล่นงานละครโขน เสียงตะโพนกลองประชันล้วนขันแข่ง พวกโหม่งครุ่มทุ่มกลองเล่นกลางแปลง คุลาแต่งตัวดีเดินตีไม้ เล่นประชันกันกับวงพวกโหม่งครุ่ม เป็นกลุ่มกลุ่มกลางแปลงแทงปิไส หกคะเมนเล่นหน้าพลับพลาชัย ขึ้นกระไดดาบทะลวงลอดบ่วงเพลิง บ้างขึ้นไต่ไม้สูงสามต่อตั้ง รำแพนทั้งโจนร่มตามลมเหลิง บ้างสรวลเสเฮฮาเสียงร่าเริง ทำชั้นเชิงรำเต้นเล่นประชัน ริมป้อมโถงโรงโขนเมืองรมจักร ขึ้นเล่นชักรอกเวียนเหาะเหียนหัน เป็นอินทร์องค์ทรงพระยาเอราวัณ ค่อยขึ้นคันศรสาตร์พรหมมาสตร์เมียง บทพระลักษณ์ศักดาป้องหน้าแหงน คนพากย์แทนทำชม้อยชดช้อยเสียง อินทรชิตฤทธิรงค์เอี้ยวองค์เอียง วางศรเปรี้ยงเสียงดังกำลังแรง ต้องพระลักษณ์ปักอกพลัดตกรถ ต้องทำบทวายุบุตรฉุดพระแสง พวกพลลิงกลิ้งเกลื่อนลงกลางแปลง พวกยักษ์แผลงพระโอดอุโฆษกลอง เสียงกลองโยนโขนเมืองผลึกเล่น ทำบทเป็นละครด้วยช่วยฉลอง เล่นบุตรลบพลบค่ำต้องจำจอง ขึ้นขาหยั่งนั่งยองยองนองน้ำตา นายโรงรำทำบทกำสรดเศร้า นั่งกอดเข่าคิดถึงแม่ชะแง้หา สะอึกสะอื้นฝืนเช็ดชลนา ทั้งร้องช้าปี่เอกวิเวกใจ ผู้หญิงดูอยู่ข้างโขนเมืองผลึก บ้างก็นึกเวทนาน้ำตาไหล หุ่นละครมอญรำระบำไทย เพลงปรบไก่เทพทองร้องค้างคาว คนมาดูผู้ดีปนขี้ข้า แก่ชราเด็กอุ้มทั้งหนุ่มสาว เที่ยวดูเล่นเต้นรำจำเรื่องราว ด้วยการคราวครั้งนั้นประชันเมือง พวกชาววังนั่งหน้าพลับพลาสี เลิกมู่ลี่แลล้วนเป็นนวลเหลือง ดูรำเต้นเป็นแต่แลชำเลือง เห็นชาวเมืองเมินหน้าไม่กล้าดู ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์องค์กษัตริย์ สั่งให้จัดมวยดีมาทีละคู่ พอมวยมาหน้าที่นั่งคนพรั่งพรู ชิงกันดูชุลมุนซวนซุนเซ พวกตำรวจหวดไล่จะให้นั่ง บ้างถอยหลังพัลวันดูหันเห คอยหลบหวายซ้ายขวาเสียงฮาเฮ ดูซวนเซแทรกเสียดยัดเยียดกัน พอมวยชกยกแรกคอยแลกหมัด ขยับปัดปิดป้องทุบถองถลัน ไล่ถลาคว้าหวิดตามติดพัน พัลวันเตะต่อยต่างทอยทุบ เข้าท่าจับกลับกลอกใส่ศอกเข่า คนดูเอาเออรับดังปับปุบ ถูกปากฟกชกถูกจมูกยุบ ลงหมอบฟุบฝ่ายขุนนางให้รางวัล ฯ ๏ ฝ่ายกระบี่มีคู่สู้กับดั้ง บังคมตั้งท่าเวียนรำเหียนหัน ต่างเยื้องกรายร่ายเรียงเข้าเคียงกัน ตั้งประจัญตามทำนองตีกลองแปลง ตั้งถลันฟันกระบี่ตีประทับ เสียงเขวียวขวับพัลวันด้วยขันแข็ง กระชั้นชิดปิดปัดเพลี่ยงพลัดแพลง ต่างเลือดแดงทั้งสองข้างให้รางวัล ฯ ๏ จะร่ำว่าช้าเรื่องที่เครื่องเล่น สมมตเป็นเสร็จเสริมเฉลิมขวัญ พร้อมกษัตริย์ขัตติย์วงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ อยู่สุวรรณปรางค์มาศราชวัง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร ทราบว่านุชน้องเคืองด้วยเรื่องหลัง แต่เสร็จงานการวิวาห์คอยท่าฟัง จนกระทั่งถึงสิบห้าทิวาวัน ไม่เห็นส่งองค์อรุณมาร่วมแท่น ยิ่งโศกแสนเศร้าพระทัยเฝ้าใฝ่ฝัน จะออกปากยากยิ่งทุกสิ่งอัน สะอื้นอั้นอารมณ์ระทมทวี เวลาดึกตรึกไตรมิใคร่หลับ โอ้อกอับอายพักตร์เสียศักดิ์ศรี มาเศร้าสร้อยคอยค้างอยู่อย่างนี้ ชาวบูรีรู้สิ้นจะนินทา น้อยไปหรือถือโทษเฝ้าโกรธขึ้ง เพราะหวงหึงเห็นจะขาดวาสนา แต่นิ่งนึกตรึกอารมณ์ตรมอุรา อายเสนานักสนมกรมใน อนาถนอนกรพาดนลาฏนึก ยิ่งยามดึกดังจะพาน้ำตาไหล จะม่อยหลับกลับฟังด้วยหวังใจ เสียงสาวใช้นั่งยามไอจามดัง ว่ามารดามาส่งองค์อรุณ ให้เฉียวฉุนชื่นอารมณ์ด้วยสมหวัง สไบทรงบงเฉียงค่อยเมียงฟัง หมายจะนั่งคำนับรับชนนี แล้วกลับเงียบเชียบสงัดกำดัดดึก หวนรำลึกถึงพระน้องให้หมองศรี ขึ้นสู่แท่นแสนศัลย์พันทวี มิรู้ที่จะคิดอ่านประการใด ยามเสวยเคยอร่อยก็ถอยรส กับทั้งอดบรรทมเลยลมใส่ ให้วิงเวียนเหียนหิวหวิวหวิวใจ จนจับไข้กลางวันสั่นสะท้าน ฯ ๏ สาวสุรางค์ต่างเห็นเจ้านั้นเศร้าโศก กลายเป็นโรคบีฑาน่าสงสาร ไปทูลกิจบิตุรงค์พระวงศ์วาน ตามอาการหน่อไทไข้ประชวร พระอภัยได้ฟังก็หยั่งรู้ เพราะอดสูเศร้าสร้อยละห้อยหวน จะบัญชาว่ากระไรก็ไม่ควร จึงตรัสชวนสองธิดาสุมาลี ไปไพชยนต์มนเทียรที่ลูกรัก เห็นเผือดพักตร์ผอมรูปเศร้าซูบศรี เข้าเคียงองค์สงสารแสนทวี สุมาลีเหลือแค้นแน่นอุรา ค่อยต้ององค์ทรงยศโอรสร้อน นางกอดกรถอนฤทัยพิไรว่า เป็นเคราะแล้วแก้วแม่เห็นแก่ตา ดูไม่น่าจะประชวรควรหรือเป็น วาสนาอาภัพเหมือนกับแม่ ให้มีแต่หมองมัวด้วยตัวเข็ญ สุดจะรับดับร้อนให้ผ่อนเย็น เหตุเพราะเป็นกาฝากใช่รากรัก รู้กระนี้มิอยากของ้อมาเกิด ไม่ประเสริฐสมตระกูลประยูรศักดิ์ โอ้อาภัพอัปภาคย์พูดยากนัก พระลูกรักหรือประชวรไม่ควรเลย จะว่ามั่งยังเป็นกรรมด้วยน้ำมาก ขึ้นท่วมปากแม่เสียแล้วลูกแก้วเอ๋ย พระอภัยได้แต่ห้ามนางทรามเชย เฝ้าบ่นเบยราวกับบ้าน่ารำคาญ ไม่เลือกหน้าว่ากันเองเขาอื่นมั่ง กระทบกระทั่งไปเสียสิ้นทุกถิ่นฐาน แล้วสั่งให้ไปเรียกหมอมาอยู่งาน พยาบาลนวดฟั้นให้บรรทม ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นรู้ว่านัดดาไข้ ก็เข้าใจว่าเพราะรักนั้นหมักหมม จึงตรัสกับเกษราด้วยปรารมภ์ นัดดาตรมตรอมใจเป็นไข้รัก อันยาดีมีสำหรับแก้กับโรค จะดับโศกนั้นไม่ได้ทั้งไตรจักร เมื่อหนุ่มสาวคราวเราก็เศร้านัก อันหลานรักนี้ก็เป็นเหมือนเช่นเรา เสร็จวิวาห์มาก็นานถึงปานนี้ ส่วนบุตรียังมิได้ส่งให้เขา จนเจ็บไข้หลายวันไม่บรรเทา ทั้งพงศ์เผ่าพี่น้องจะหมองใจ พระเชษฐาน่าจะเคืองว่าเยื้องยัก ทั้งหลานรักมัวหมองไม่ผ่องใส หรือนงเยาว์เจ้าเห็นเป็นอย่างไร จึงตามใจธิดาน่ารำคาญ ฯ ๏ พระอัคเรศเกษราสารภาพ พระไม่ทราบเหลือปัญญาจะว่าขาน เหมือนคเชนทร์เจนขอเหลือหมอควาญ กระหม่อมฉานวอนว่าสารพัน แค้นว่าพี่มีคู่ไม่อยู่ด้วย จะสู้ม้วยมรณาให้อาสัญ ไปทูลให้อัยกีช่วยตีรัน ก็ผินผันพักตราไม่คลาไคล พระบุตรีมิใช่ชั่วไม่กลัวม้วย ไม่เห็นด้วยถ้อยคำจะทำไฉน พระภัสดาว่าไม่ฟังช่างเป็นไร ไปทูลให้ทราบถึงพระอัยกา ว่าสินสมุทรสุดโศกเป็นโรคร้อน โปรดให้หล่อนออกไปด้วยช่วยรักษา พี่จะไปอยู่ห้องของนัดดา ตรัสแล้วมามนเทียรวิเชียรพราย เห็นพระพี่ที่บัลลังก์ตั้งประณต มธุรสกลบเกลื่อนที่เงื่อนสาย พระหลานไข้ไม่รู้ไม่สู้สบาย ด้วยวุ่นวายอยู่ในใจมิได้มา แล้วถามผู้อยู่งานอาการไข้ เขาว่าไฟธาตุหย่อนอ่อนหนักหนา พระเห็นชอบปลอบตรัสกับนัดดา เสวยยาหอมรื่นให้ชื่นใจ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์อัคเรศ นางแก้วเกษราหมองไม่ผ่องใส เรียกสาวสรรค์กัลยาตามคลาไคล เสด็จไปเฝ้าพระชนนี เห็นทรงฤทธิ์บิตุเรศอยู่พร้อมพรั่ง ค่อยหมอบนั่งนอมประณตบทศรี กราบทูลท้าวกล่าวโทษโกรธบุตรี คุมแค้นพี่นี่กระไรว่าไม่ฟัง จนเดี๋ยวนี้พี่ชายประชวรไข้ ก็ไม่ไปดูแลเหมือนแต่หลัง ปลอบเท่าไรไม่เชื่อเหลือกำลัง ช่วยโปรดบังคับให้หล่อนไปเยือน ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์สงสารสินสมุทร เพราะโศกสุดเสียใจใครจะเหมือน เสร็จวิวาห์มาก็ถึงได้ครึ่งเดือน ไม่ตักเตือนเจือจานเลยท่านยาย ไม่ว่าขานหลานสาวนั่งท้าวแขน จะหวงแหนเอาไว้หรือจะซื้อขาย นิ่งดูเล่นเป็นผู้ใหญ่ช่างไม่อาย เหตุเพราะยายสั่งสอนแต่ก่อนกาล จนขี้หึงดึงดื้อน้อยหรือนั่น เหมือนใจกันก็เห็นดีไม่ตีหลาน แม้มิให้ไปรักษาพยาบาล ได้เล่นงานกันแล้วไม่แคล้วยาย ฯ ๏ นางพระยาหน้านิ่วกริ้วลูกสาว ไม่ว่ากล่าวเตือนกันให้ผันผาย หม่อมฉันหึงถึงจะหนักก็หักคลาย ไม่มากมายเหมือนหลานสาวของท้าวไท ประหลาดจริงยิ่งกว่าเสือมันเหลือหึง ใครไม่ถึงทั้งพิภพสบสมัย เมื่อแม่พ่อก็ไม่ว่าช่วยพาไป มารุมใช้แต่ข้าน่ารำคาญ แล้วทูลลาสามีลุกลีลาศ กับองค์ราชธิดาไปหาหลาน เข้าเคียงข้างพลางแถลงให้แจ้งการ เมื่อเย็นวานสินสมุทรทรุดประชวร พวกพงศ์เผ่าเขาไปเยือนอยู่เพื่อนไข้ นี่อะไรแม่อรุณทำหุนหวน เมื่อคราวดีมิได้ห้ามตามกระบวน เมื่อไข้ควรจะรักษาพยาบาล แม้มิไปอัยกาจะมากริ้ว อย่าบิดพลิ้วเชือนเฉยเลยนะหลาน จงแต่งองค์สรงน้ำให้สำราญ ยายกับมารดามาจะพาไป ฯ ๏ ฝ่ายอรุณขุ่นหมองเพราะครองสัตย์ สู้ทูลทัดพจนาอัชฌาสัย เมื่อทำขวัญบัญชาให้คลาไคล ก็ตามใจไม่ขัดพระอัชฌา ประเดี๋ยวนี้พี่ป่วยให้ช่วยนั้น กระหม่อมฉันไม่รู้จักจะรักษา ข้อรับสั่งครั้งนั้นเป็นสัญญา โปรดอย่าพาไปให้พบประสบกัน ฯ ๏ นางพระยาว่ายายเสียดายนัก ใจไม่รักที่จะให้แม่ผายผัน แต่จนใจอัยกาบิดานั้น ให้พาขวัญเนตรไปที่พระพี่ยา แม้ไม่ไปไม่ดีเป็นพี่น้อง จะขัดข้องเผ่าพงศ์ขาดวงศา จะเคืองจิตบิตุรงค์องค์อัยกา ฟังยายว่าบ้างเถิดแม่อย่าแชเชือน ฯ ๏ นางฟังคำร่ำว่าสารพัด ให้อั้นอัดอายใจใครจะเหมือน มิตอบบ้างนางกษัตริย์ยิ่งตรัสเตือน แกล้งบิดเบือนบอกป่วยระทวยกาย นางพระยาว่าไม่ไปจะได้หรือ พลางฉุดมือหลานขวัญให้ผันผาย ดูดู๋ดื้อถือตัวไม่กลัวยาย ทำเหลียวซ้ายแลขวาหาไม้เรียว แล้วนางตีที่ตรงน่องนั้นสองแปะ เข้ากอดแกะยุดยื้อทำมือเหนียว พลางหยิกเพลาเบาบิดนิดนิดเดียว ทำเข่นเขี้ยวขู่ทีนี้กลัวมิกลัว ฯ ๏ นางกันแสงแกล้งว่าขอลาบาท ให้สิ้นชาติชีวีไม่มีผัว พลางหยิบมีดพับมาจะฆ่าตัว สองนางกลัวร้องกรีดชิงมีดไว้ ฯ ๏ นางพระยาว่าอย่าตายเลยยายขู่ จะให้อยู่ตามประสาอัชฌาสัย พลางอ้อนวอนผ่อนปรนด้วยกลใน ถึงแม่ไม่ไยดีด้วยพี่ยา ก็นับเนื้อเชื้อไขกันไปอีก อย่าเลี่ยงหลีกลืมวงศ์เผ่าพงศา เคยร่วมเตียงเคียงนอนแต่ก่อนมา มันไม่น่าจะอายพี่ชายเลย ไปเยี่ยมเยือนเหมือนเจ้ายังเยาว์อยู่ ทำไม่รู้ไม่เห็นทำเป็นเฉย ทำปราศรัยไต่ถามกันตามเคย จะเกินเลยได้หรือเราซื่อตรง อย่าให้ผิดติดอยู่ที่ผู้ใหญ่ เป็นว่าได้ให้ตามความประสงค์ เมื่อมีน้ำใจไม่อยู่เป็นคู่คง ญาติวงศ์ใครจะมาว่ากระไร สินสมุทรสุดโง่เหมือนโคฝูง ตามจะจูงจมูกย่างไปข้างไหน เหมือนครั้งยายเป็นสาวกับท้าวไท ยังอยู่ในถ้อยคำไม่ก้ำเกิน พี่ของตัวกลัวไยออกไปเยี่ยม ตามธรรมเนียมนั้นแหละงามอย่าขามเขิน ไม่พอที่วิตกสะทกสะเทิ้น ทำห่างเหินให้เขาว่าดูน่าชัง ฯ ๏ อรุณน้อยพลอยเห็นเหมือนเช่นสอน จะผันผ่อนเพทุบายต่อภายหลัง อันครั้งนี้มิไปเห็นไม่ฟัง จึงน้อมนั่งนบนอบตอบบัญชา ซึ่งจะให้ไปเยือนกันเหมือนญาติ พร้อมพระบาทมาตุรงค์เผ่าพงศา จะตามไปให้ถึงที่พระพี่ยา เสด็จมาแล้วจะตามอย่าห้ามไว้ ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ ยายจะรู้กันกับแม่ช่วยแก้ไข แล้วแกล้งว่าน่าเบื่อล้วนเหงื่อไคล มาแม่ไปสรงน้ำให้สำราญ แล้วจูงนางย่างย่องเข้าห้องสรง สำอางองค์ขัดสีฉวีหลาน กันกระหมวดกวดเกล้าให้เยาวมาลย์ สุคนธารแผ้วผัดให้นัดดา แล้วนุ่งห่มสมศรีฉวีเหลือง ประดับเครื่องอย่างเอกเหมือนเมขลา ครั้นเสร็จพระอัยกีชวนลีลา นำธิดาหลานขวัญกำนัลใน ขึ้นไพชนยต์มนเทียรวิเชียรรัตน์ พร้อมขนัดวงศาอัชฌาสัย น้อมคำนับรับกันเป็นหลั่นไป ถามข่าวไข้โอรสยศยง ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีได้ทีแถลง เป็นโรคแรงเพราะพระภูมิให้ลุ่มหลง จะผันแปรแก้บนหาคนทรง มาช่วยลงเจ้านายถามร้ายดี ก็อดสูหมู่ประชาพวกข้าเฝ้า จะบอกเล่าเลื่องลือว่าถือผี ขอพึ่งบุญมุลิกาฝ่าธุลี ช่วยชีวีลูกรักฉันสักคราว ฯ ๏ นางพระยาว่าไม่ทิ้งจริงนะแม่ แต่คนแก่ฟั่นเฟือนไม่เหมือนสาว เป็นลมเคียดเสียดอกเหงื่อตกพราว ด้วยเป็นคราวเคราะห์โศกเกิดโรคภัย แล้วแกล้งเฉยเผยม่านเรียกหลานรัก มาตรงพักตร์เชษฐาอัชฌาสัย เห็นหลับนิ่งยิ่งสงสารรำคาญใจ สะกิดให้นัดดาดูอาการ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี เห็นพักตร์พี่เผือดลงก็สงสาร เพราะโศกเศร้าเปล่าใจอาลัยลาน นางรำคาญข้องขัดด้วยสัจจา มิอายเขาเสาวคนธ์วิมลมิ่ง ไม่ทอดทิ้งทุกข์เทวษให้เชษฐา แล้วผูกจิตคิดแค้นแน่นอุรา พระชลนาคลอเนตรสังเวชใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถไสยาสน์หลับ พอสร่างจับระหวยหิวหวิวหวิวไหว เห็นอรุณฉุนชื่นรื่นฤทัย นั่งขึ้นได้ไหว้องค์พระอัยกี นางพระยาว่าอย่าก้มบรรทมเถิด โรคจะเกิดขัดข้องให้หมองศรี แล้วสั่งหลานพานยาหยิบมาที ให้พระพี่เสวยบ้างสว่างใจ ฯ ๏ นางรับสั่งบังคมประนมน้อม ยกยาหอมถ้วยฝาอัชฌาสัย ตั้งบนพานคลานประคองเข้าห้องใน ถวายไทเชษฐาด้วยปรานี ฯ ๏ สินสมุทรสุดชื่นระรื่นรส ด้วยโอสถเสนหามารศรี สร่างประชวรสรวลสันต์ได้ทันที พระอัยกีดีใจกระไรเลย เรียกสาวใช้ให้เชิญเครื่องมาตั้ง อรุณนั่งพัดวีให้พี่เสวย ของคาวหวานพานส้มทั้งนมเนย นางเทียบเคยรู้ทีพระพี่ยา ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรชวนนุชน้อง เสวยของด้วยกับฉันให้หรรษา นางนบนอบตอบรสพจนา เชิญเชษฐาเสวยให้ได้ครันครัน สินสมุทรสุดสบายเหมือนหายไข้ เสวยได้เต็มสามชามกุดั่น นางชี้ลงตรงไหนของในนั้น ทั้งหวานมันดีทุกสิ่งจริงจริงเจียว จนอิ่มหนำสำเร็จเสร็จเสวย ถวิลเชยโฉมอรุณให้ฉุนเฉียว ยิ่งหอมรื่นชื่นอารมณ์ใคร่กลมเกลียว จะพูดเกี้ยวเกรงใจพระอัยกี ฯ ๏ ฝ่ายพระวงศ์พงศาคณาญาติ เห็นหน่อนาถอิ่มเอมเกษมศรี ต่างชื่นชมสมถวิลพลอยยินดี เห็นชอบทีกษัตราต่างลาไป แต่สองนางต่างอยู่ส่งองค์อรุณ กลัวจะวุ่นวิ่งตามห้ามไม่ไหว พระอัยกีปรีชาปัญญาไว ทำปราศรัยสั่งหลานด้วยมารยา แม่อรุณรัศมีอยู่นี่ด้วย จะได้ช่วยสังเกตดูเชษฐา คอยว่ากล่าวสาวสรรค์กัลยา ต่างตัวข้ากับพระชนนี แล้วลาหน่อวรนาถจากอาสน์รัตน์ ทั้งกษัตริย์เกษรามารศรี อรุณน้อยพลอยลาจะจรลี พระอัยกีห้ามไว้ก็ไม่ฟัง ต้องอยู่บนมนเทียรเปลี่ยนกันปลอบ นางไม่ตอบแต่ขยับจะกลับหลัง เฝ้าว่าขานหลานน้อยคอยระวัง กำกับนั่งอยู่ด้วยนางจนกลางวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ครั้นลูกรักสร่างโรคที่โศกศัลย์ อยู่พร้อมพระอนุชาปรึกษากัน พรุ่งนี้วันเดือนหกจะยกพล ไปพาราการะเวกเสกโอรส ให้ปรากฏการวิวาห์สถาผล พระน้องรับอภิวาทบาทยุคล มาเตรียมพลพร้อมเสร็จสำเร็จการ แล้วเข้าวังสั่งพระมเหสี อันบุตรีนั้นให้นำลงลำหลาน นางคำนับรับรสพจมาน เตรียมเครื่องอานตรวจตราในราตรี แล้วสั่งเหล่าเถ้าแก่หลวงแม่เจ้า พรุ่งนี้เช้านำธิดามารศรี ไปก่อนข้าอย่าให้แจ้งแห่งคดี ลงลำที่สินสมุทรเรือครุฑา ฯ ๏ ฝ่ายแสนสาวท้าวนางต่างรับสั่ง เตรียมระวังวุ่นวายทั้งซ้ายขวา ครั้นรุ่งรางต่างกษัตริย์ขัตติยา ไปทูลลาบิตุราชมาตุรงค์ พระเชษฐาพามิ่งมเหสี กับบุตรีลงที่นั่งบัลลังก์หงส์ หน่อนรินทร์สินสมุทรลงครุฑทรง เข้าซ่อนองค์อยู่สบายท้ายเภตรา ศรีสุวรรณนั้นกับองค์อนงค์นาฏ ลงเรือราชสีห์ทรงพร้อมวงศา ทั้งหน้าหลังตั้งกระบวนจวนเวลา ให้เร่งราชธิดาจะคลาไคล ฯ ๏ ฝ่ายท้าวนางต่างไปทูลอรุณน้อย เสด็จคอยกริ้วกราดอยู่หวาดไหว ใช้ให้ข้ามาเร่งเร็วเร็วไว นางตกใจทรงภูษาละล้าละลัง ครั้นเสร็จสรรพกับพี่เลี้ยงเคียงลีลาศ จากปราสาทท้าวนางเดินข้างหลัง ขึ้นทรงวอช่อฟ้าไปหน้าวัง ลงที่นั่งสินสมุทรเรือครุฑา ออกเรือแห่แตรสังข์ประดังเสียง เรือดั้งเคียงคู่รายทั้งซ้ายขวา ทหารโห่โล้เลื่อนค่อยเคลื่อนคลา ออกมหาสมุทรใหญ่คลี่ใบกาง พวกนายท้ายหมายพาราการะเวก ล้วนตัวเอกเคยสันทัดไม่ขัดขวาง ดูแผนที่มีหนังสือคอยถือกาง สังเกตทางกลางทะเลทุกเวลา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี สถิตที่แท่นทองของเชษฐา ไม่พบพานมารดรพระบิดา จนออกมาถึงทะเลว้าเหว่ใจ จึงถามสี่พี่เลี้ยงอยู่เคียงอาสน์ พระบิตุราชชนนีอยู่ที่ไหน นี่เราหลงลงมาเภตราใคร ทำไมไม่ไปกับพระชนนี พี่เลี้ยงนางต่างคนใส่กลแก้ ท่านเถ้าแก่ว่าให้พามารศรี ทั้งท้าวนางต่างนำลงลำนี้ แล้วก็หนีกลับไปมิได้มา อรุณฟังนั่งคิดว่าผิดเหลือ ดีร้ายเรือทรงเดชพระเชษฐา พี่ไปถามความเขาเหล่าเสนา นี่เภตราลำทรงพระองค์ใด พี่เลี้ยงรับกลับออกไปนอกห้อง ถามนายกองปืนแดงแถลงไข ว่าลำทรงองค์โอรสยศไกร จึงเข้าไปทูลแถลงแจ้งคดี ฯ ๏ นางตกใจไม่ทันรู้อยู่แล้วสิ เสียสติองค์สั่นมิ่งขวัญหนี นึกสังเกตเหตุเป็นขึ้นเช่นนี้ เพราะชนกชนนีให้พี่ยา จะแอบแฝงแห่งไรไฉนหนอ ให้แต่พอลับเนตรพระเชษฐา นั่งสะอื้นฝืนเช็ดชลนา นึกก็น่าโจนน้ำให้จำตาย แต่จะอยู่สู้อีกไม่หลีกเลี่ยง สั่งพี่เลี้ยงเหล่าสุรางค์นางทั้งหลาย จงอยู่เพื่อนเหมือนอย่าให้เราได้อาย ดูแยบคายคอยนั่งระวังระไว แม้นทรงเดชเชษฐามาที่นี่ อย่าลุกหนีที่ทางไปข้างไหน แม้นครั้งนี้หนีเร้นไม่เห็นใจ จะเหลาไม้เรียวตีไม่มีเบา แล้วนางหยิบมีดพับไว้กับหัตถ์ มิได้ตรัสแย้มยิ้มหงอยหงิมเหงา ยิ่งเย็นย่ำค่ำพลบยิ่งซบเซา กำสรดเศร้าอยู่แต่ในห้องไสยา ฯ ๏ จะยกข้อหน่อนรินทร์สินสมุทร ได้นงนุชมาด้วยกันก็หรรษา สถิตแท่นแสนสบายท้ายเภตรา คอยเวลาที่จะลอบไปปลอบนาง แต่เกรงกริ่งสิ่งเดียวด้วยเกี้ยวยาก ทั้งฝีปากติดจะจัดคอยขัดขวาง กระบวนกระบิดมิดแม้นไม่เห็นทาง จะทำอย่างไรหนอให้ง้อเรา จำจะถามความรู้เจ้าชู้ก่อน ไปผันผ่อนพูดประโลมโฉมเฉลา แล้วตรัสสั่งนายประจำลำสำเภา หาคนเก่ามีคู่ชิดชู้เมีย มาซักถามความเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง เดิมพาดพิงพูดอย่างไรจึงได้เสีย หรือมีหมอบริกรรมช่วยทำเยีย หรือคลอเคลียคลำต้องทำนองใน ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าชู้ผู้ชายหลายประเทศ อวดวิเศษตามประสาอัชฌาสัย บ้างทูลว่าข้าพเจ้าแอบเข้าไป จะหยอกให้หญิงรักจี้รักแร้ พอหัวร่อก็เข้ารัดกระหวัดกอด ไม่มีรอดเริศร้างไปห่างแห บ้างทูลว่าถ้าแม้เกี้ยวไม่เหลียวแล ต้องตอแยยักคิ้วยุดนิ้วมือ ถึงจะว่าด่าทอกอดคอติด จึงสมคิดเคยจับได้นับถือ บ้างทูลว่าข้าสันทัดเคยหัดปรือ ดีดนิ้วมือเกี้ยวผู้หญิงทิ้งปูนพลู ปิดขมับจับเขม่าหย่งเผ้าผม มียาดมหรือยานัตถุ์ไว้ทัดหู เดินลอยชายส่ายไหล่ผู้ใดดู อยากใคร่รู้เล่นจริตรักติดใจ แต่ล้วนเหล่าเจ้าชู้ประตูข้าง มีต่างต่างทูลความตามวิสัย บ้างมีมนต์กลเล่ห์เสน่ห์ใน กราบทูลให้แจ้งกระจัดตามสัจจา ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสขับไม่นับถือ มันเกี้ยวดื้ออย่างประดาษไม่ปรารถนา แต่นิ่งนึกตรึกตรองถึงน้องยา จนเวลาเย็นย่ำจะค่ำพลบ ชื่นอารมณ์ลมเฉื่อยระเรื่อยรื่น ระลอกคลื่นรายเรียบเงียบสงบ พวกต้นหนคนงานทหารรบ ต่างจุดคบโคมรอบตามขอบเรือ พระแต่งองค์สรงสนานน้ำกุหลาบ สำอางอาบลูบไล้ชื่นใจเหลือ ทรงสุคนธ์ปนสุวรรณจวงจันทน์เจือ จับผิวเนื้อนวลผ่องละอององค์ ขึ้นเตียงนั่งตั้งพระฉายชม้ายส่อง ชำเลืองลองเหลือบชายปรายขนง นุ่งเขียนทองจ้องพระหัตถ์จัดประจง สไบทรงสีทับทิมแล้วยิ้มพราย พระศรีดิบหยิบเสวยเลยลีลาศ เลียบประพาสพลเรือเห็นเหลือหลาย ลมระเรื่อยเฉื่อยชื่นคลื่นก็คลาย พลางเดินกรายมาถึงห้องพระน้องยา ค่อยย่องแฝงแสงไฟเข้าในที่ ฝูงนารีหนีออกไปนอกฝา เห็นโฉมยงนงลักษณ์ซบพักตรา ชวาลาส่องสว่างสำอางนวล เข้านั่งแนบแอบน้องนางร้องหวีด ขยับมีดเมินประคองของสงวน แล้วถอยถดลดเลื่อนเบือนกระบวน จะมากวนก่อกรรมให้จำตาย แล้วนางแกล้งแต่งธูปเทียนดอกไม้ มาตั้งไว้ขอสมาวันทาถวาย จะเคียงคู่อยู่ไปก็ได้อาย ขอสู้ตายเสียให้พ้นคนนินทา ได้ผิดพลั้งครั้งใดอภัยโทษ อย่าถือโกรธเลยเป็นขาดวาสนา แล้ววางพานกรานก้มบังคมลา หยิบมีดมาสินสมุทรฉวยฉุดชิง แล้วว่าชะประหลาดแท้แม่อรุณ ช่างเฉียวฉุนหงุดหงิดผิดผู้หญิง นี่แน่ะจ๊ะจะขอถามแต่ตามจริง โกรธแค้นสิ่งใดหรือจะดื้อตาย พระบิตุราชมาตุรงค์ก็ปลงให้ ควรหรือใจจึงมาเดือดไม่เหือดหาย มิเมตตาปรานีแล้วพี่ชาย จะได้ตายเสียด้วยกันขยันดี ฯ ๏ นางฟังคำทำระทดกำสรดสนอง ไม่ขัดข้องคิดอางขนางหนี เมื่ออยู่วังลังกาได้พาที กับเทวีเสาวคนธ์ทัณฑ์บนตัว แล้วทูลความตามซื่อเพราะถือสัตย์ จึงข้องขัดข้อนี้ไม่มีผัว จะยอมอยู่คู่สองก็หมองมัว จะฆ่าตัวเสียให้ตายวายชีวา แม้นทรงศักดิ์รักใคร่อาลัยน้อง ช่วยปกครองโปรดเกศเหมือนเชษฐา จะจงรักภักดีพระพี่ยา จงเมตตาอย่าให้น้องนี้ต้องตาย ฯ ๏ สินสมุทรสุดซื่อกอดมือนิ่ง ประหลาดจริงเจียวหนอใจคอหาย แม้นขืนใจเห็นไม่รอดจะวอดวาย จะลงร้ายว่าเราพามาฆ่าตี ให้คิดลึกนึกกลัวไปทั่วทิศ ชำเลืองพิศพักตร์น้องให้หมองศรี เสียน้ำใจในอารมณ์ไม่สมประดี ไม่รู้ที่จะคิดอ่านประการใด ดูพระนุชสุดเสียดายไม่วายเทวษ น้ำพระเนตรนั้นจะกลืนก็ขืนไหล สะอื้นอิงพิงหมอนถอนฤทัย พลางคิดได้ด้วยปัญญาจึงพาที ไปพาราการะเวกเสกพระน้อง เป็นคู่ครองศฤงคารตามสารศรี แม้นข้องขัดตัดใจไม่ไยดี ทำให้พี่อับอายเพียงวายปราณ ฯ ๏ นางฟังคำร่ำว่าประสาซื่อ สุดจะถือความแค้นแสนสงสาร จึงโอนอ่อนผ่อนตามความโบราณ แม้แต่งงานเสาวคนธ์สุมณฑา เขายอมอยู่คู่ครองแล้วน้องรัก จะเป็นอัคเรศพระเชษฐา นางวิงวอนผ่อนผันจำนรรจา ด้วยมารยาแยบคายให้ตายใจ ฯ ๏ หน่อนรินทร์ยินดีเป็นที่ยิ่ง ว่าจริงจริงนะอย่าเบือนเชือนไฉน อันพระน้องสององค์คงปลงใจ พี่จะได้แม่อรุณแอบอุ่นทรวง แต่เดี๋ยวนี้พี่จะขอแต่พอชื่น สำราญรื่นร่วมแท่นอย่าแหนหวง ที่สิ่งใดได้ห้ามความทั้งปวง ไม่ลามล่วงเลยจริงจริงอย่ากริ่งกลัว ฯ ๏ นางว่าถ้าจะมาอยู่เหมือนคู่ชื่น ฝ่ายคนอื่นเขาก็เห็นว่าเป็นผัว แม้นเมตตาอย่าให้มีราคีมัว ขอครองตัวตามสัตย์ปฏิญาณ จงรั้งรอพอให้หายที่ขายพักตร์ ถึงคราวรักจึงค่อยรักสมัครสมาน พระก็รู้อยู่ว่าช้าเป็นการ อย่าหักหาญให้หม่อมฉันถึงบรรลัย ฯ ๏ พระฟังคำจำตามด้วยความรัก เสียดายนักนึกน่าน้ำตาไหล พระว่าพี่นี้จะผอมเพราะตรอมใจ หนักอะไรจะเหมือนรักหนักอุรา อดอะไรจะเหมือนอดที่รสรัก อกจะหักเสียด้วยใจอาลัยหา ไม่เห็นรักหนักดิ้นในวิญญาณ์ จะเป็นบ้าเสียเพราะรักสลักทรวง จะรอใจไปจนสมอารมณ์รัก ทุกข์จะหนักดังคะเนทะเลหลวง แล้วพิศพักตร์ลักขณาสุดาดวง ให้เหงาง่วงหงอยจิตหงุดหงิดใจ จึงว่าพี่นี้จะลาแล้วหนาน้อง อย่ามัวหมองมิ่งขวัญประหวั่นไหว ออกจากห้องน้องยาเหลืออาลัย ถอนฤทัยเรรวนจนซวนเซ เข้าห้องท้ายทอดกายลงกำสรด แสนสลดสละนางมาห่างเห หมายจะเชยไม่ได้ชมสมคะเน เป็นกรรมเวราสร้างให้ร้างรัก คบชาววังครั้งไรก็ได้ทุกข์ ไม่มีสุขแสนวิตกเพียงอกหัก ดูหญิงชายฝ่ายอื่นเขาชื่นพักตร์ ต่างตอบรักใคร่กันจนพันพัว ประหลาดแท้แต่เราเกี้ยวเขาบ้าง พบแต่นางตัวดีไม่มีผัว ยิ่งไม่ปล้ำยำเยงด้วยเกรงกลัว ยิ่งเล่นตัวนี่กระไรเจ็บใจจริง น่าเบื่อจิตคิดก็จะสละบวช ให้มันชวดผัวอยู่อีผู้หญิง แต่ความรักหนักจิตเหมือนปลิดปลิง อนาถนิ่งอยู่ในห้องทองบรรทม ฯ ๏ ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเห็นเจ้าโศก ต่างรู้โรคในอุระซึ่งสะสม บ้างพูดกันสรรเสริญเจริญชม ผู้หญิงรมจักรเพชรกูเข็ดใจ ทำเชิงชั้นปั้นปึ่งจนถึงแผด เหมือนหนังแรดใครจะเกี้ยวเหนี่ยวไม่ไหว กระบวนกระบิดติดจะมากเหมือนรากไม้ ทั้งกิ่งใบคดคอดตลอดปลาย บ้างว่าจริงยิ่งลงมาชั้นข้าหลวง มันล่อลวงเลี้ยวลดปดใจหาย บ้างพูดเล่นเจรจาประสาชาย ด้วยเจ้านายเศร้าสร้อยพลอยรำคาญ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี คิดถึงพี่สินสมุทรสุดสงสาร ช่างแสนซื่อถือสัตย์ปฏิญาณ จะเกี้ยวพานพูดอะไรก็ไม่เป็น เพราะเช่นนี้อีฝรั่งจึงขังเสีย ช่างกลัวเมียกระไรเลยไม่เคยเห็น ไม่รู้กลจนจากกระดากกระเด็น เหมือนหนึ่งเช่นลาวตายน่าอายใจ โอ้สงสารป่านนี้พระพี่เจ้า จะโศกเศร้ามัวหมองไม่ผ่องใส ขอเทวัญชั้นฟ้าสุราลัย ให้เห็นในใจหญิงทุกสิ่งอัน ว่าชอบปลอบชอบง้อสอพลอพลอด ถึงเง้างอดง้องอนพูดผ่อนผัน ยิ่งข่วนหยิกพลิกผละไม่ละกัน เออกระนั้นหรือจะได้ดังใจนึก นางตรึกตราอาลัยอยู่ในห้อง จนยามสองเสียงสงัดกำดัดดึก เผยพระแกลแลมหาชลาลึก อนาถนึกหนาวใจกระไรเลย โอ้เช่นนี้พี่ยาจะมาอยู่ ก็ไม่สู้กลัวเจ้าดอกหนาวเอ๋ย นี่อายเธอเก้อใจด้วยไม่เคย คิดจนเลยลืมอารมณ์ไม่สมประดี ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก หวังภิเษกลูกรักเป็นศักดิ์ศรี ด้วยเดือนเจ็ดเสร็จพระอภัยมณี มาบุรีเริ่มงานการวิวาห์ พอเดือนหกตกแรมดำรัสสั่ง ให้แต่งวังที่ประทับรับวงศา เป็นสามแห่งแต่งไว้ใกล้คงคา เสร็จคอยท่าเกี่ยวดองทั้งสองเมือง หน่อกษัตริย์หัสไชยไปกำกับ ทำวังรับเมืองผลึกตึกฝาเฝือง ล้วนก่ออิฐปิดทองดูรองเรือง มุงกระเบื้องโบกปูนทั้งพูนดิน ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม เป็นทุกข์โทมนัสในฤทัยถวิล แต่ทูตถือหนังสือมาถึงธานินทร์ นางทราบสิ้นศุภสารการวิวาห์ ครั้นจะอยู่สู้ดื้อด้วยถือสัตย์ สุดจะขัดบิตุรงค์พระวงศา วิบากกรรมจำหนีพระพี่ยา นางตรึกตราเตรียมการมานานครัน คิดความลับกับกะเทยที่เคยใช้ ชื่อมาลัยมาลาปัญญาขยัน อยู่ในวังทั้งสองพี่น้องกัน เลี้ยงเป็นชั้นคนสนิทช่วยคิดการ ให้ลอบทำสำเภายาวเก้าเส้น สำหรับเล่นทะเลลึกฝึกทหาร เลือกล้าต้าต้นหนพวกคนงาน ล้วนชำนาญนาวาในสาชล พวกนารีที่เป็นข้าทั้งห้าร้อย เคยใช้สอยการศึกได้ฝึกฝน จะไปด้วยช่วยเจ้าเมื่อคราวจน ทั้งพวกพลขอเฝ้าตามเจ้านาย ขนข้าวน้ำลำเลียงเสบียงไพร่ บรรทุกไว้ในเรือนั้นเหลือหลาย กำหนดนัดจัดแจงไม่แพร่งพราย ทั้งไพร่นายพันร้อยรอคอยฟัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยใช้ใบแล่น เรือแห่แหนซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง ทั้งทัพพระอนุชาดาประดัง ลำที่นั่งสินสมุทรอยู่สุดท้าย ได้เดือนหนึ่งถึงพาราการะเวก ต้นหนเอกหยั่งดิ่งให้ทิ้งสาย ทอดสมอรอเคียงอยู่เรียงราย เสนานายนำข่าวทูลท้าวไท ฯ ๏ ฝ่ายปิ่นปักนัคราการะเวก จึงสั่งเอกเสนาอัชฌาสัย จัดเกณฑ์แห่แตรสังข์เรือดั้งไว้ เราจะไปรับกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างตำแหน่งจัดแจงเสร็จ พระเสด็จจรลีเข้าที่สรง ครั้นเสร็จสรรพกับโอรสยศยง ต่างลงทรงเรือที่นั่งบัลลังก์ทอง ไปเชิญพระอภัยเจ้าไตรจักร เรือคู่ชักดั้งกันผันผยอง ประโคมทั้งสังข์แตรเสียงแซ่ซ้อง ทั้งฆ้องกลองก้องมาถึงธานี ประทับท่าหน้าแพเกณฑ์แห่แหน ชุนนางแน่นแนวทางกลางวิถี เชิญเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์สวัสดี มาพร้อมที่ปรางค์มาศปราสาทชัย เชิญนั่งที่ยี่ภู่ซึ่งปูลาด ตรัสประภาษพูดจาอัชฌาสัย ทั้งเผ่าพงศ์วงศ์พระสุริโยไทย บังคมพระอภัยศรีสุวรรณ ด้วยอ่อนกว่าสององค์ลงเป็นน้อง กษัตริย์สองอวยชัยเจ้าไอศวรรย์ ส่วนสามพราหมณ์มเหสีบุตรีนั้น ต่างคำนับรับกันจำนรรจา ฯ ๏ กษัตริย์สุริโยไทยปราศรัยสนอง ขอบคุณสองทรงเดชพระเชษฐา สู้ล้าเลื่อยเหนื่อยเหน็ดเสด็จมา ในมรรคาข้ามสุดสมุทรไท อันเสนีรี้พลพหลทหาร ร้อนรำคาญเคืองเข็ญเป็นไฉน หรือพร้อมมูลพูนสวัสดิ์กำจัดภัย ทั้งนายไพร่พร้อมพรั่งหรือยังมา ฯ ๏ สองกษัตริย์ตรัสสนองว่ากองทัพ มาเสร็จสรรพพร้อมกันต่างหรรษา เดชะสัตย์ปัถพีจะปรีดา กลางชลาลมคลื่นรื่นสำราญ เหมือนจะส่งตรงมากรุงการะเวก ช่วยอภิเษกสืบสมบัติพัสถาน แม้สามเมืองเคืองขัดขอปฏิญาณ ให้มีสารทราบด้วยจะช่วยกัน เจ้าพาราการะเวกก็รับสัตย์ โสมนัสตรัสชวนกันสรวลสันต์ ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์นางกำนัล ล้วนรู้ชั้นเชิงฉลาดราชการ เวลาเลี้ยงเมียงหมอบคอยนอบน้อม เชิญเครื่องพร้อมทั้งพระเต้าของคาวหวาน เทียบถวายรายองค์พระวงศ์วาน นางอยู่งานที่เสวยล้วนเคยใช้ ช้อยจริตกรีดกระหวัดปัดพระแส้ ชำเลืองแต่หางตาอัชฌาสัย นางสำหรับขับร้องทำนองใน ก็ท้าทับขับไม้มโหรี ร้องลำนำทำนองพระทองหวน เสนาะสำนวนนิ้วกรีดเพลงดีดสี ซอประสานหวานเสียงสำเนียงดี ดังดนตรีไกรลาสสังวาสวอน นางสำหรับจับระบำก็ทำบท น้อมประณตน่าเอ็นดูด้วยครูสอน ใส่จริตกรีดกรายถวายกร ชะอ้อนอ่อนเอวองค์ตีวงเวียน ไว้จังหวะประท้าวก้าวสกัด ประคองเกี้ยวเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน ดูช้อยชดบทแบบช่างแนบเนียน เหมือนนางเขียนคิ้วค้อมละม่อมละไม สามกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ประจงเสวย นางรำเพยพัดประคองให้ผ่องใส ฟังขับลำคำร้องทำนองใน เพลินพระทัยทุกองค์พระวงศ์วาน บ้างกรายกรีดดีดเพลงกระจับปี่ รับซอสีเสียงเอกวิเวกหวาน จนอิ่มหนำสำรวลสรวลสำราญ ดูงานการฟ้อนรำระบำบรรพ์ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเห็นใกล้พลบ ลาปิ่นภพภูวไนยเจ้าไอศวรรย์ มาอยู่วังตั้งทัพลำดับกัน ศรีสุวรรณอัคเรศเกษรา นางโฉมยงองค์อรุณรัศมี ไปอยู่ที่บิตุเรศหนีเชษฐา สินสมุทรหยุดประทับอยู่พลับพลา คอยวิวาห์หวังใจจะได้พลอย หน่อกษัตริย์หัสไชยไปอยู่ที่ สุมาลีอาศัยให้ใช้สอย พอพูดเล่นเห็นสองพระน้องน้อย ด้วยรักสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา พระบิตุราชมาตุรงค์ก็ปลงให้ แกล้งทำไม่รู้ความตามประสา หน่อกษัตริย์จัดตุ๊กตางา ให้น้องยาหลากหลากฉากเล็กเล็ก นางเกล้าจุกตุ๊กตาตัดผ้าถุง ให้ลูกนุ่งเหมือนหนึ่งลาวสาวเด็กเด็ก หน่อกษัตริย์จัดแจงแต่งเป็นเจ๊ก ตัวเล็กเล็กเล่นกับลาวลูกสาวนาง แต่เปรียบเทียบเลียบและกระแชะชิด จะมอบมิตรไม่ถนัดยังขัดขวาง พูดกับพี่ทีน้องข้องระคาง ครั้นปลอบนางน้องทีข้างพี่ชัง ต้องของ้อของอนวิงวอนปลอบ จะชวนชอบชิดชมไม่สมหวัง จนราตรีมิได้ไปที่ในวัง อยู่เล่นฟังขับร้องกับน้องยา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร จะจำจรจากประเทศหนีเชษฐา คิดอาลัยในพระอนุชา ทั้งบิดามารดรจะร้อนรน ครั้นจะอยู่บุรีร่วมภิเษก ไม่เป็นเอกอายหญิงชาวสิงหล ยิ่งตรึกตราอาวรณ์ยิ่งร้อนรน สายสุชลเนตรนางลงพร่างพราย เพราะเพลงยาวคราวลังกาเก็บมาไว้ อ่านทีไรแค้นเดือดไม่เหือดหาย เป็นมนุษย์สุดจะรับความอับอาย ไปสู้ตายเสียให้พ้นคนนินทา จึงตรัสสั่งทั้งหลายฝ่ายข้าหลวง ให้ทั้งปวงปิดความใครถามหา บอกว่าเราเข้าบำเพ็ญภาวนา ไม่พูดจากว่าจะเสร็จสักเจ็ดวัน แล้วเขียนคำอำลาสมาโทษ ตามประโยชน์อยากจะใคร่ไปสวรรค์ กับเพลงยาวคราวลังกาเก็บมานั้น ไว้บนบรรจถรณ์สถิตปิดทวาร สลักในใส่ซ้ำพอค่ำพลบ ค่อยหลีกหลบลงปราสาทราชฐาน กับพวกหญิงสิงห์ทรงของนงคราญ ออกไปชานชายทะเลลงเภตรา ให้ใช้ใบไปทางทิศพายัพ ออกลึกลับลำเดียวเปลี่ยวหนักหนา หมายจะเข้าอ่าวสินธุ์มิถิลา สายคงคายมนาแนวสาชล ด้วยโฉมยงทรงเพียรเรียนตำรับ ได้ฉบับโลกเชษฐ์แจ้งเหตุผล ดูแผนที่มีสังเกตเขตตำบล กับพวกพลพันร้อยแล่นลอยไป ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก จวนอภิเษกฤกษ์แรมอันแจ่มใส แต่บุตรีศรีสวัสดิ์กับหัสไชย ไปไหนไม่เห็นหายหลายเวลา มเหสีอัญชลีสนองถ้อย พระหน่อน้อยนั้นเห็นรักเขาหนักหนา ไปสิงสู่อยู่ที่น้องสองสุดา ไม่เข้ามาในวังกำลังเพลิน อันบุตรีมิได้ออกข้างนอกห้อง เห็นทำนองนั้นจะอายระคายเขิน แต่ทัพกลับกับพี่ทีสะเทิน เรียนเจริญบำเพ็งเห็นเคร่งครัน แล้วสั่งเหล่าสาวใช้ให้ไปหา มาทูลว่าห้ามกำกับกันขับขัน ปิดทวารบานบังเสียทั้งวัน เข้าผลักดันดูข้างในก็ใส่ดาล พระบิตุรงค์ทรงพระสรวลว่าครวญใคร่ เห็นน้ำใจเจ้าสาวจะร้าวฉาน หน่อยจะคิดบิดเบือนให้เลื่อนงาน ไปว่าขานเกลี่ยไกล่เสียให้ดี นางคำนับรับรสพจนารถ มาปราสาทพระธิดามารศรี ผลักทวารบานติดเห็นผิดที ให้หาพี่เลี้ยงทั้งหลายก็หายไป เห็นผิดอย่างนางกษัตริย์จึงตรัสสั่ง ให้ชาวคลังเปิดทวารลูกดาลไข สลักเลื่อนเคลื่อนคล่องเข้าห้องใน ไม่เห็นใครในปราสาทประหลาดนัก ดูบนที่มีหนังสือหยิบถืออ่าน ได้ทราบสารแสนวิตกเพียงอกหัก จะเสกลูกปลูกฝังกำลังรัก มาลับพักตร์หนีหายไปหลายวัน วิบากกรรมจำเป็นไม่เว้นว่าง ให้อ้างว้างวิญญาณ์เพียงอาสัญ ระทวยองค์ลงบนที่บุตรีนั้น สะอื้นอั้นอ่อนซบสลบไป ฯ ๏ ฝ่ายแสนสาวท้าวนางต่างเข้าแก้ เห็นนิ่งแน่จึงว่ากรรมจะทำไฉน ไปทูลท้าวเจ้านครร้อนฤทัย เสด็จไปสู่ปราสาทราชบุตรี เข้าเคียงนางข้างแท่นเห็นแผ่นกระดาษ ภูวนาถนิ่งอ่านดูสารศรี ทราบพระทัยในอารมณ์ไม่สมประดี มิรู้ที่คิดอ่านประการใด ทั้งเกี่ยวดองสองเมืองมาเนืองแน่น ความอายแสนสุดจิตคิดไฉน สงสารท้าวหาวหวอดทอดฤทัย สลบไปเป็นครู่ไม่รู้องค์ ฯ ๏ พวกผู้หญิงวิ่งเพรียกร้องเรียกหมอ ให้ผูกคอกรมวังกำลังหลง บ้างไปทูลพระโอรสยศยง ทราบถึงองค์พระอภัยไหววิญญาณ์ ชวนพระน้องสองพระมเหสี ทั้งบุตรีพร้อมหมดโอรสา ตามกษัตริย์หัสไชยรีบไคลคลา ขึ้นมหาปรางค์ทองเข้าห้องกลาง พอสององค์ทรงฟื้นลุกขึ้นนั่ง เห็นพร้อมพรั่งเกี่ยวดองยิ่งหมองหมาง ท้าวถวายลายมือหนังสือนาง ให้อ่านกลางสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร ฯ ๏ ข้าพเจ้าเสาวคนธ์วิมลสมร ชลีกรกราบปิ่นบดินทร์สูร ซึ่งพระองค์ทรงพระอนุกูล จะเพิ่มพูนอภิเษกเป็นเอกองค์ อายฝรั่งลังกาเหมือนข้าชั่ว ไปชิงผัวเขามาตามความประสงค์ จึงจำลาฝ่าพระบาทญาติวงศ์ ไปเที่ยวทรงศีลวัตรตามศรัทธา เป็นอันขาดชาตินี้ไม่มีคู่ จะบวชสู่สุขสวรรค์ให้หรรษา ด้วยเพลงยาวคราวครั้งเมืองลังกา เหมือนศัสตราตรึงประจำให้ช้ำใจ ขอพระองค์จงสละอนุญาต อย่ากริ้วกราดเคลือบแคลงแหนงไฉน แม้พระพี่มีคู่แล้วรู้ไป จึงจะได้คืนมาเยี่ยมธานี อย่าควรคิดติดตามด้วยความยาก จงบริจาคให้ลูกถือเป็นฤๅษี ขอพระคุณมุลิกาฝ่าธุลี จงเปรมปรีดิ์โปรดช่วยอำนวยพร ฯ ๏ พอจบคำซ้ำให้อ่านสารฝรั่ง ต่างทรงฟังศุภลักษณ์ในอักษร ว่าสารศรีพี่ยาสุดสาคร เจริญพรโฉมเฉลาเสาวคนธ์ เมื่อแรกเริ่มเดิมทีเราพี่น้อง หมายจะครองความรักเป็นพักผล บุญหาไม่ให้พี่จากนีรมล เป็นต่างคนขาดกันแต่วันมา เดี๋ยวนี้พี่มีคู่ที่ชูชื่น อันหญิงอื่นตัดขาดไม่ปรารถนา ซึ่งน้องตามข้ามฝั่งมาลังกา พระบิดาจะให้อยู่เป็นคู่ครอง เดี๋ยวนี้เราเข้ารีตฝรั่งแล้ว จึงคลาดแคล้วเสาวคนธ์อย่าหม่นหมอง จะรับเจ้าเข้าไปเลี้ยงเคียงประคอง ฝรั่งสองเมียห้ามบอกตามจริง จึงออกมาหาให้พบประสบพักตร์ พอสมรักร่วมห้องแม่น้องหญิง จงกลับหลังยังนครอย่าวอนวิง อุส่าห์นิ่งนอนอยู่ในบูรี คงได้คู่สู่ขอหน่อกษัตริย์ ครองสมบัติการะเวกภิเษกศรี นี่เป็นหญิงวิ่งมาเหมือนกาลี จะไม่มีใครสู่เป็นคู่ครอง หรือรักเราเจ้าไม่กลับจะรับเลี้ยง อย่าทุ่มเถียงทะเลาะเขาเป็นเจ้าของ จงวันทาลาลีเป็นที่รอง จะเลี้ยงลองไว้สักครั้งที่ลังกา ฯ ๏ พอจบเรื่องเคืองจิตบิตุเรศ จึงว่าเหตุนิดหนึ่งมาหึงสา หนังสือนี้อีลีวันใช้ปัญญา ประดิษฐ์แต่งแกล้งว่าสุดสาคร แต่ลูกเราเฉาโฉดหลงโกรธขึ้ง ไม่รู้ถึงกลศึกที่ฝึกสอน มาปลดเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน จะง้องอนเอามาไว้ทำไมมี สู้กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกจะปลูกฝัง ว่าไม่ฟังแล้วมิหนำยังซ้ำหนี ให้เสียงานการค้างถึงอย่างนี้ ก็เสียทีเลี้ยงไว้จนใหญ่มา ฯ ๏ พระอภัยให้ระทดกำสรดเศร้า สงสารเสาวคนธ์น้อยละห้อยหา ทั้งพระน้องสองนางต่างโศกา เวทนานงเยาว์เสาวคนธ์ จึงทูลท้าวเจ้าพาราการะเวก จะอภิเษกศรีสวัสดิ์ยังขัดสน ซึ่งบุตรีหนีไปกับไพร่พล เพราะอายคนขอจงโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ จะตามหาว่ากล่าวค่อยน้าวโน้ม ปลอบประโลมทรามวัยมาไอศวรรย์ ถึงเร็วช้ากว่าจะได้พร้อมใจกัน ไม่เดียดฉันท์โฉมเฉลายังเยาว์ความ ไว้ธุระจะขอลาพาพระน้อง รีบยกกองทัพไปเที่ยวไต่ถาม แม้โฉมตรูอยู่ไหนจะไปตาม ให้ได้ทรามสวาทมายังธานี ขอพระองค์ทรงพระอนุญาต อย่ากริ้วกราดโกรธามารศรี จะสืบวงศ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี ไม่ราคีเคืองระคางที่ค้างงาน ฯ ๏ กษัตริย์สุริโยไทยได้สดับ น้อมคำนับรับสุนทรด้วยอ่อนหวาน ซึ่งทรงธรรม์กรุณาบัญชาการ กระหม่อมฉานมิได้ขัดพระอัชฌา จะทำตามพระประสงค์จำนงสนอง ด้วยหวังสองทรงเดชเป็นเชษฐา แม้ตามไปได้องค์ธิดามา จะวิวาห์เสกสองให้ครองกัน ฯ ๏ สุดสาครถอนสะอื้นสู้ฝืนพักตร์ ทูลทรงศักดิ์ตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ อันหนังสือคืออีลาลีวัน กระหม่อมฉันมิได้ทราบที่หยาบคาย เพราะเหตุนี้ศรีสวัสดิ์จึงขัดข้อง เป็นกรรมของลูกจึงช้ำระส่ำระสาย แม้นงเยาว์เล่าแจ้งให้แพร่งพราย มันหยาบคายควรว่าจะฆ่าตี นี่ทรามวัยไม่แถลงให้แจ้งเรื่อง มาขัดเคืองคิดอางขนางหนี ด้วยสาราน่าแค้นแสนทวี เหตุทั้งนี้ก็เพราะลูกต้องถูกมนต์ พลอยพระน้องข้องขัดต้องพลัดพราก จะลำบากทางทะเลระเหระหน ขอกราบบังคมลาฝ่ายุคล ไปตามจนจะได้พบประสบกัน แล้วจะฆ่าลาลีเอาศีรษะ มาให้พระน้องหญิงเห็นจริงฉัน ยิ่งฉุนแค้นแสนเสียดายทั้งอายครัน สะอื้นอั้นอ่อนซบสลบไป ฯ ๏ พระบิตุราชมาตุรงค์พงศ์กษัตริย์ เห็นอั้นอัดนิ่งแน่เข้าแก้ไข ค่อยฟื้นกายฝ่ายพระสุริโยไทย จึงเกลี่ยไกล่ตรัสว่าสุดสาคร อย่าโกรธาฝรั่งทำหนังสือ ไม่รู้หรือกลศึกเขาฝึกสอน น้องสาวเจ้าเฉาโฉดถือโทษกรณ์ ปัญญาอ่อนกว่าอีลาลีวัน อย่าเพ่อคิดติดตามคอยถามข่าว ได้เรื่องราวมั่นหมายจึงผายผัน อันฝรั่งลังกาอย่าฆ่าฟัน เสียสัตย์ธรรม์ทศพิธผิดโบราณ ฯ ๏ สุดสาครร้อนอกวิตกนัก ด้วยน้องรักร้างเขตนิเวศน์สถาน จึงทูลความตามใจอาลัยลาน ลูกสงสารแสนสุดด้วยนุชน้อง แม้พบปะจะได้ให้ความสัตย์ ศรีสวัสดิ์จะสว่างที่หมางหมอง ประการหนึ่งถึงมิอยู่เป็นคู่ครอง เป็นพี่น้องอยู่ด้วยกันจนวันตาย ได้พบเห็นเย็นเช้าเคยเฝ้าแหน ลูกสุดแสนอาลัยจิตใจหาย ขืนให้อยู่แล้วอุระจะทลาย พลางฟูมฟายชลนาร่ำพาที โอ้น้องเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า จะเปลี่ยวเปล่าวิญญาณ์มารศรี ทั้งเป็นหญิงทิ้งขว้างเสียอย่างนี้ จะรู้ที่ผินหน้าไปหาใคร ฯ ๏ พระบิตุราชมาตุรงค์ต่างสงสาร ทั้งวงศ์วานเวทนาน้ำตาไหล วิบากกรรมจำจะปละสละไป จึงสั่งให้โหรทายทำนายนาง โหรชำระพระชาตาธิดาท้าว เห็นจวบคราวเคราะห์วิบัติจึงขัดขวาง จึงทูลความตามดิถีต้องตรียางค์ ว่าไปทางทิศพายัพจะลับนาน แม้ตามไปในตำราว่าจะพบ แต่เกลื่อนกลบกลับกลายหลายสถาน ต่อสิบสี่ปีเศษสังเกตกาล เยาวมาลย์จึงจะมาอยู่ธานี ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น แต่งกำปั่นไปเที่ยวหามารศรี สุดสาครวอนว่าจะช้าที ลูกจะขี่แต่พระยาม้ามังกร ไปตามนางกลางชลามหรณพ กว่าจะพบพุ่มพวงดวงสมร เห็นท้าวนิ่งกริ่งใจมิให้จร ชลีกรกราบก้มบังคมลา ไปแต่งองค์ทรงไม้ท้าวของดาบส น้อมประณตนึกพระคุณอุ่นเกศา แล้วรีบออกนอกวังไม่รั้งรา ขึ้นทรงม้าที่นั่งนิลมังกร หมายพายัพขับใหญ่วิ่งไวว่อง ระเริงร้องเร็วรีบโถมถีบถอน ถึงหาดทรายชายชลาลงสาคร อัสดรโดดน้ำด้วยกำลัง ประเดี๋ยวเดียวเหลียวกลับลับประเทศ ทุกข์เทวษหวั่นทรวงเป็นห่วงหลัง เห็นแต่ปลาสาชลกับวนวัง อุส่าห์ตั้งตามสำเภาเสาวคนธ์ ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรก็สุดเศร้า แต่หมอบเฝ้าฟังรหัสเห็นขัดสน หมายว่าน้องสองสมรเข้าผ่อนปรน จะพลอยพ้นทุกข์ด้วยก็ป่วยการ เขาซ้ำเป็นเช่นนี้แล้วที่ไหน เราจะได้ร่วมรักสมัครสมาน จะดึงดื้อถือสัตย์ปฏิญาณ เหลือรำคาญคิดถนอมยิ่งตรอมตรม ดูอรุณฉุนเฉียวเสียวสวาท ใจจะขาดเสียด้วยรักที่หมักหมม กำเริบโรคโศกสะอื้นฝืนอารมณ์ จนเป็นลมจับนิ่งไม่ติงกาย ฯ ๏ สามกษัตริย์อัศจรรย์ให้หวั่นหวาด เห็นหน่อนาถนิ่งไปก็ใจหาย ช่วยแก้ไขพอค่อยทรงดำรงกาย แกล้งอุบายบ่นว่าเคยมาพบ ผู้ที่นั่งทั้งปราสาทประหลาดนัก หมายว่ารักเสาวคนธ์จนสลบ ทั้งหัสไชยในอุราให้ปรารภ กันแสงซบโศกีถึงพี่ยา ทั้งอาลัยในลูกสาวเจ้าผลึก จวนสมนึกจะได้ชิดกนิษฐา จะเหินห่างร้างรักไปนัครา ยิ่งโศกาตรอมจิตดังพิษปืน ทั้งพงศ์เผ่าเศร้าหมองจนฆ้องย่ำ ต่างกลืนกล้ำกันแสงสู้แข็งขืน หน่อกษัตริย์หัสไชยมิใคร่ฟื้น สะอึกสะอื้นอืดอืดยังยืดยาว เพราะรักหญิงจริงจังคนทั้งนั้น ว่าโศกศัลย์โศกีถึงพี่สาว ฝ่ายองค์พระอภัยทูลไทท้าว พรุ่งนี้เช้าฉันจะใช้ใบเภตรา ขอพระองค์จงสำราญผ่านสมบัติ ไม่เคืองขัดคิดคงเป็นวงศา สามกษัตริย์ตรัสไว้อาลัยลา แล้วลงมาที่ประทับหยุดยับยั้ง ฯ ๏ กษัตริย์สุริโยไทยตามไปส่ง พร้อมพระวงศ์อวยไชยดังใจหวัง จนดึกดื่นคืนเขตนิเวศน์วัง ยังรอรั้งอยู่แต่พระหัสไชย ค่อยสั่งสองน้องน้อยละห้อยละเหี่ย ต่างสั่งเสียเศร้าหมองไม่ผ่องใส นางให้ลูกตุ๊กตากับผ้าสไบ พระหัสไชยให้แหวนทดแทนกัน ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ เห็นหน่อกษัตริย์สินสมุทรสุดโศกศัลย์ ต่อจะไม่ได้เขาเปล่าทั้งนั้น มาด้วยกันทีเดียวกรรมทำอย่างไร เห็นท่าทางนางจะลวงแกล้งหน่วงเหนี่ยว ไม่รู้เกี้ยวก็ไม่ดื้อดอกหรือไฉน ช่างโง่งงสงสารรำคาญใจ จำจะไปสอนสิกขาเป็นอาจารย์ จึงลงลำกำปั่นสินสมุทร เห็นอยู่สุดท้ายเภตราน่าสงสาร เข้าห้องแนบแอบโอรสแล้วพจมาน พ่อรำคาญขัดขวางเป็นอย่างไร หรือทุกข์โศกโรคร้อนมานอนนิ่ง บอกจริงจริงเถิดนะแม่จะแก้ไข ความรักเจ้าเท่าชีวิตเป็นจิตใจ เห็นหม่นไหม้แม่นี้ไม่มีสบาย ไม่อยู่ห้องน้องสาวหรือร้าวฉาน จงแจ้งการเถิดจะให้เหมือนใจหมาย สินสมุทรทรุดคำนับแล้วกลับอาย แต่ก้มกายแกะเล็บนึกเจ็บใจ จะมิทูลมูลความแต่ตามซื่อ ก็สุดมือมิได้ชิดพิสมัย แต่ยิ้มเยื้อนเอื้อนอึ้งตะลึงตะไล อยากใคร่ได้แยบยลของชนนี จึงทูลฟ้องน้องรักที่หนักหน่วง ว่าลามล่วงแล้วก็เห็นจะเป็นผี อ้อนวอนเขาเท่าไรไม่ไยดี เหตุทั้งนี้วาสนาลูกอาภัพ แต่กลางวันนั้นจะไปปราศรัยบ้าง ก็เมินหมางมัวหมองปิดห้องหับ แรกลงเรืออยู่แต่สองในห้องลับ ฉวยมีดพับมาจะขอเชือดคอเอง ถ้าขืนทำจำตายไปภายหน้า ก็จะว่าลูกรักหักข่มเหง จึงหนีนอนซ่อนตัวด้วยกลัวเกรง เห็นสุดเพลงที่จะปลอบให้ชอบที ฯ ๏ นางฟังคำรำพันกลั้นพระสรวล ทำเบือนบ้วนโอษฐ์เลยเสวยพระศรี จะแนะให้ไม่ถนัดเป็นสตรี แกล้งพาทีชักทำเนียบมาเปรียบปราย อันวิสัยใจจริงหญิงมนุษย์ รักบุรษสุดรักสมัครหมาย ซึ่งมารยาพาทีเพราะมีอาย เขาไม่ตายจริงดอกบอกให้รู้ ด้วยรุ่นราวสาวแส้แล้วแต่แรก เปรียบเหมือนแขกคิดเดียดด้วยเกลียดหมู ต่อเมื่อไรได้เป็นเหมือนเช่นชู้ จึงกลับรู้รักชายถวายตัว อรุณเขาเจ้ากระบวนสำนวนมาก ทั้งฝีปากคารมจะข่มผัว ถ้าทีหลังฟังแม่ว่าเถิดอย่ากลัว เข้าถึงตัวแล้วไม่ตายสบายใจ ถ้าแม้น้องของพ่อม้วยลงด้วยรัก แม่นี้จักไปช่วยรับที่ปรับไหม แล้วเสสรวลจวนเวลาจะคลาไคล นางกลับไปสู่พลับพลาพระสามี เห็นกษัตริย์หัสไชยยังไม่กลับ นั่งพูดกับพี่น้องทั้งสองศรี รักลูกเขยเลยมานั่งพาที ชนนีนี้จะลาพ่อคลาไคล พระลูกน้อยค่อยอยู่อย่ารู้โรค จงดับโศกเศร้าหมองให้ผ่องใส รำลึกถึงจึงทูลลาบิดาไป หาแม่ได้เล่นกับน้องทั้งสองรา แต่เดี๋ยวนี้พี่นางไปกลางสมุทร มิได้หยุดยั้งจะตามเที่ยวถามหา พลางลูบหลังสั่งสะอื้นกลืนน้ำตา พอเวลาย่ำสามยามประโคม ฯ ๏ ได้ฤกษ์ดีศรีสุวรรณให้ลั่นฆ้อง เสียงแซ่ซ้องสังข์แตรพลแห่โหม ทั้งโห่รับทัพผลึกเสียงครึกโครม พระชวนโฉมธิดาสุมาลี ออกลำทรงหงส์บินฝ่ายสินสมุทร ออกเรือครุฑรีบล่องกลัวน้องหนี ทั้งสองทัพรับโห่เสียงโยธี ปถพีเพียงคว่ำจะทำลาย พอออกจากปากน้ำเกณฑ์กำปั่น ให้แยกกันไปทุกทิศเหมือนคิดหมาย พระอนุชาลาแล่นแสนสบาย ไปฝั่งฝ่ายรมจักรนัครา พระอภัยให้แล่นตามแผนนอก ต่างตัดออกลึกรายไปฝ่ายขวา พระทรงส่องกล้องสว่างกลางคงคา เหมือนต่อตาช่วงโชติสามโยชน์ยาว แลเขม้นเห็นรอบทั้งขอบเขต สาคเรศเรือใช้ใบขาวขาว พบลูกค้ามาทุกเมืองถามเรื่องราว ไม่ได้ข่าวเลยมาในสาคร ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถราชบุตร สินสมุทรตั้งแต่พระแม่สอน ค่อยคิดเห็นเล่นสนุกไม่ทุกข์ร้อน ร้องละครเมื่ออิเหนาเข้ามะละกา พระอุ้มองค์นงลักษณ์ใส่ตักไว้ ชี้ขวนให้ศรีสวัสดิ์ชมมัจฉา หนุ่มน้อยน้อยคอยรับทับรำมะนา ค่อยช้าช้าเฉื่อยเสียงสำเนียงนวล แล้วลืมองค์หลงร้องว่าน้องเอ๋ย อยากใคร่เชยชื่นอารมณ์เมื่อลมหวน ได้นั่งตักสักทีจะชี้ชวน ชมแต่ล้วนเหล่าปลาในวาริน แล้วรู้สึกนึกอายแปลงปลายบท เป็นพระรถชมสวนหวนถวิล พลางตีทับขับเพลงบรรเลงพิณ จนพลบสิ้นสุริยงลับคงคา ดาวสว่างกลางคืนทั้งคลื่นเงียบ ดูเรือเลียบแล่นรายทั้งซ้ายขวา พระแต่งองค์สรงชลสุคนธา ลีลามาเข้าห้องพระน้องนาง ขึ้นนั่งเตียงเคียงองค์นางนงลักษณ์ ยิ้มพยักคนสนิทไม่กีดขวาง รับขวัญน้องลองลูบพระปฤษฎางค์ นางข่วนพลางผลักพลิกซ้ำหยิกตี แล้วว่าเบื่อเมื่อสัญญาว่าเป็นแน่ สุดแล้วแต่นุชน้องทั้งสองศรี เขายอมกันฉันจะได้รับไมตรี นี่เขาหนีไปเสียแล้วเป็นแคล้วกัน ยังกลับมาหาสู่ทำจู้จี้ ประเดี๋ยวนี้ก็ได้วุ่นจะหุนหัน มาทำเทียมเลียมเล่นเหมือนเช่นนั้น ผิดก็ฉันเชือดคอให้มรณา ฯ ๏ พระยิ้มเยาะเคราะห์กรรมก็จำดื้อ ไม่รู้หรือว่าพี่รักนั้นหนักหนา ถึงพระน้องสองศรีหนีวิวาห์ เจ้าสัญญาว่าจะยอมให้พร้อมใจ จริงไหมเล่าเจ้าว่าต่อหน้าพี่ พยานมีแม่นแท้อย่าแก้ไข จะคอยน้องสองราอยู่ว่าไร เมื่อพี่ได้แต่งงานประทานน้อง มิเคียงคู่อยู่ตามความรับสั่ง เหมือนชิงชังจึงไม่ชมประสมสอง จะเคืองขัดอัธยาฝ่าละออง จึงจำต้องตามรับสั่งไม่ฟังกัน ฯ ๏ นางนิ่งนั่งฟังพระพี่ตีฝีปาก ดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนรู้ผ่อนผัน หรือใครสอนวอนว่าสารพัน อัศจรรย์จำจะลวงดูท่วงที ซึ่งโปรดให้ใช่จะสั่งให้สังวาส ให้รับราชกิจการผ่านกรุงศรี จึงต้องตามความรับสั่งมาดังนี้ หมายพระพี่คงจะไม่ทำไมน้อง ถ้าขืนคิดชิดเชื้อเหนือรับสั่ง ห้ามไม่ฟังแล้วก็จะทูลฉลอง อย่าเลียมล่อคลอเคลียใช่เมียรอง ฉันเป็นน้องไม่ใช่อย่างนางยุพา ฯ ๏ สินสมุทรพูดคล่องว่าน้องแก้ว พี่ทิ้งแล้วลูกฝรั่งชังน้ำหน้า จะเชยชมสมสองกับน้องยา อย่าขืนว่ารักฝรั่งเหมือนอย่างนี้ จะใคร่ให้ประจักษ์ว่ารักสุด ตรงพระนุชคู่เสน่ห์มเหสี มีรับสั่งทั้งชนกชนนี พระอัยกีอัยกาส่งมาเรือ ให้จูบกอดยอดหญิงจริงนะน้อง พี่ก็ต้องตามคำไม่ล้ำเหลือ พลางอิงแอบแนบสนิททำชิดเชื้อ แม่ไม่เชื่อทูลถามเถิดทรามวัย จงโอนอ่อนผ่อนตามความรับสั่ง พลางลูบหลังนงลักษณ์นางผลักไส เออพระพี่นี้ข่มเหงไม่เกรงใจ มาลูบไล้เลียมทำให้ช้ำมือ หมายว่าพี่ที่พึ่งเหมือนหนึ่งพี่ ไม่ปรานีน้องแก้วแน่แล้วหรือ จะสู้ตายวายชนม์ให้คนลือ ทำเอื้อมมือหยิบมีดจะกรีดคอ สินสมุทรยุดแย่งแล้วแกล้งลูบ แต่ถูกจูบนิดก็เดือดจะเชือดศอ ไว้ค่อยตายภายหลังจงรั้งรอ เดี๋ยวนี้ข้อความผิดยังติดพัน ไม่อ่อนน้อมยอมตามความรับสั่ง พี่ก็ยังมิให้เจ้าไปสวรรค์ แม้จะใคร่ได้ตายง่ายง่ายนั้น จงผ่อนผันพอได้หว่านเป็นว่านเครือ ให้สำเร็จเสร็จสรรพข้อรับสั่ง แล้วทีหลังจึงค่อยตายสบายเหลือ แล้วพาดพิงอิงแอบอุ้มแนบเนื้อ นางว่าเบื่อเบือนหยิกทำพลิกแพลง ทั้งข่วนผลักสักเท่าไรก็ไม่เจ็บ จนเสียเล็บหักหมดกำสรดกันแสง พระสวมสอดกอดกระหวัดนางวัดแวง จนสิ้นแรงอ่อนพับนิ่งหลับตา พระกอดเกยเชยปรางถึงอย่างยอด เสียงฟอดฟอดเฟ้นซ้ายแล้วย้ายขวา ถนอมแนบแอบอรุณอุ่นอุรา เหมือนสายฟ้าแลบรอบขอบทะเล สลาตันลั่นพิลึกเสียงครึกครื้น โคลงเคลงคลื่นโดนดันกำปั่นเห กลับท้ายหกผกโผนดังโยนเปล ปลิงทะเลลอยเกลือกทั้งเงือกงู ข้างในน้ำดำด้นไล่ชนเงือก ลงงาเกลือกเสยกลอกกระบอกหู นาคราชผาดผยองพ่นฟองฟู เสียงซู่ซู่สายฝนปนน้ำเค็ม สำเภาโยงโคลงเคลงเขย่งโขยด ทะลึ่งโลดเลี้ยวท้ายตามปลายเข็ม ถูกคลื่นสาดดาดฟ้าคงคาเต็ม ต้องและเล็มแล่นกระดืดด้วยมืดมัว เมื่อเดิมทีพี่น้องร่วมห้องหับ แล้วก็กลับได้เสียเป็นเมียผัว นางน้องสาวคราวอ่อนวอนฝากตัว ฉันได้ชั่วดีด้วยช่วยเอ็นดู อย่าทิ้งขว้างร้างเสียมีเมียอื่น ทั้งอย่าคืนไปที่เคยเสวยหมู สินสมุทรสุดอุ่นคิดคุณครู คราวนี้รู้ฤทธิ์ผู้หญิงไม่วิงวอน แม้พบปะแล้วประเดี๋ยวเกี้ยวสำเร็จ กัลเม็ดมีอยู่เหมือนครูสอน ถ้าพบปะอนุชาสุดสาคร จะบอกหล่อนเสียให้รู้เชิงชู้เชย แล้วชมโฉมโลมลูบเฝ้าจูบกอด พี่ไม่ทอดทิ้งแล้วน้องแก้วเอ๋ย เนื้อละมุนอุ่นใจกระไรเลย ต่างชื่นเชยชิดเสียดเบียดกระแซะ นาสิกสูดพูดหยอกว่าดอกไม้ ไม่ชื่นใจเหมือนหนึ่งเนื้อเจือกระแจะ พระแนบเน้นเคล้นไคล้เฝ้าไค้แคะ ปะเหลาะปะแหละโลมเล้าคลึงเคล้ากัน ฯ ๏ อันหว่างทางถ้ากล่าวจะยาวเรื่อง ไปถึงเมืองเสียเถิดท่านอ่านขยัน อันองค์พระอภัยมณีศรีสุวรรณ เกณฑ์กำปั่นไปทุกทิศเที่ยวติดตาม ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง เป็นยอดหญิงเจนศึกไม่นึกขาม นางแปลงองค์ทรงสำอางเหมือนอย่างพราหมณ์ กับคนตามพันร้อยแล่นลอยไป ถึงน้ำเขียวเดี่ยวโดดโขยดคลื่น เสียงครืนครืนโตเท่าภูเขาใหญ่ ทุกเช้าเย็นเห็นแต่เมฆวิเวกใจ นางอยู่ในฉากฉายท้ายเภตรา เผยพระแกลแลเหลียวให้เปลี่ยวจิต ดูทั่วทิศล้วนทะเลกับเวหา หวนรำลึกตรึกตรองถึงน้องยา พระบิดามารดรจะร้อนทรวง ต้องเสียงานการวิวาห์จะว้าวุ่น คงเคืองขุ่นไปทั้งในวังหลวง อีกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งปวง จะเหงาง่วงเงียบเชียบยะเยียบเย็น โอ้ยามนี้มีแต่จะแลลับ มิได้กลับพานพบประสบเห็น วิบากกรรมจำพรากกระดากกระเด็น จะบวชเป็นดาบสสู้อดออม นางโศกาอาดูรพูนเทวษ ได้เดือนเศษโศกซูบจนรูปผอม พวกพี่เลี้ยงเคียงบัลลังก์อยู่พรั่งพร้อม บดยาหอมให้เสวยเชยชโลม แล้วชวนตีปี่พาทย์ระนาดฆ้อง บ้างรับร้องรวยรื่นให้ชื่นโฉม จนเข้าเขตพาราวาหุโลม ทางขึ้นโรมวิสัยเมืองใหญ่พราหมณ์ เห็นเกาะเพลิงเริงแรงแสงสว่าง ลุกอยู่กลางเกาะเองน่าเกรงขาม ตีนสิงขรล่อนโล่งพลุ่งโพลงพลาม ยาวสักสามสิบเส้นล้วนเป็นไฟ จึงดูแดนแผนที่มีหนังสือ ว่าเกาะชื่อชุมเพลิงเชิงไศล มีเรื่องราวกล่าวแถลงให้แจ้งใจ ว่าเกาะใหญ่พระยานาคมีมากมาย ขึ้นพ่นพิษฤทธิ์เริงดังเพลิงพลุ่ง เป็นควันฟุ้งฟ้าดินสิ้นทั้งหลาย ถูกเทวาสารพัดสิงสัตว์ตาย พระนาราย์รู้เรื่องเปลื้องอาดูร มาปิดปล่องช่องชะวากที่นาคผุด ถอนพิษภุชงค์ร้ายให้หายสูญ เหลือเปลวปล่งตรงปล่องเหมือนกองกูณฑ์ เป็นไฟฟูนสักเท่าเขาคิริน ฯ ๏ นางอ่านดูรู้โฉลกโลกเชษฐ์ ที่เขาเขตขวางแควกระแสสินธุ์ ว่าไหลมาแต่สวรรค์ชั้นพระอินทร์ ผู้ใดกินแก้บาปอาบก็ดี ตายจะได้ไปกำเนิดเกิดสวรรค์ ลำน้ำนั้นมาแต่หน้าพาราณสี พวกถือไสยในจังหวัดปถพี เอาซากผีนั้นมาทิ้งทั้งหญิงชาย ด้วยเชื่อฟังหนังสือตามถือไสย จะให้ไปเกิดสวรรค์เหมือนมั่นหมาย นางอ่านดูรู้เรื่องว่าเมืองร้าย จะเข้าฝ่ายฝั่งชลาขึ้นธานี จึงแปลงองค์ทรงหนังเฉียงอังสา มุ่นชฎาจุณเจิมเฉลิมศรี สมาทานถือศีลครองอินทรีย์ เป็นฤๅษีทรงพรตดูงดงาม เปลี่ยนชื่อพระอัคนีมีสง่า นำพวกข้าโดยเสด็จไม่เข็ดขาม ทั้งหญิงชายแปลงกายเป็นชีพราหมณ์ ต่างเปลี่ยนนามบวชทั่วทุกตัวมี ให้บอกกล่าวว่าเราชาวกบิลพัสดุ์ เที่ยวโปรดสัตว์ตามจริตกิจฤๅษี แล้วนางนึกตรึกตราถึงธานี แม้พระพี่รู้ความจะตามทัน จึงทำตามความรู้ของครูเฒ่า เขียนสำเภาอักขราเป็นอาถรรพณ์ บริกรรมซ้ำเสกปลุกเลขยันต์ เอาเรือนั้นลอยลงในคงคา ใครตามเห็นเป็นสำเภาที่เราขี่ ให้พระพี่ลดเลี้ยวเที่ยวหลงหา แล้วสั่งให้นายท้ายบ่ายเภตรา เข้าอ่าววาหุโลมแล่นดูแดนไตร เห็นปากน้ำทำป้อมคร่อมภูเขา จำเพาะเข้าออกเดินเนินไศล แลพิลึกตึกกว้านสำราญใจ เข้าจอดใกล้เมืองด่านชานบุรี สังเกตดูผู้คนบนตลิ่ง ทั้งชายหญิงโพกผมนุ่งห่มสี ส่วนเครื่องขาวเจ้านายฝ่ายผู้ดี พวกเสนีทุกตำแหน่งแต่งทั้งนั้น แต่ไพร่นายฝ่ายทหารชาญกำแหง ใส่เสื้อแสงสีดำล้วนล่ำสัน ด้วยห้ามปรามตามแพนกให้แปลกกัน สีหมอกนั้นเป็นของคนพลเรือน ล้วนเสื้อกลีบจีบนุ่งคาดพุงทับ ไม่สลับสีไหนก็ให้เหมือน เห็นเรือจอดทอดท่าลงมาเยือน ดูเดินเกลื่อนตามตลิ่งทั้งหญิงชาย นายด่านใหญ่ให้ล่ามถามไปว่า เรือนี้มารบหรือมาซื้อขาย ฝ่ายขอเฝ้าเหล่าข้าบรรดาชาย จึงอุบายบอกเหล่าชาวบุรี อันพวกเราชาวบุรินทร์กบิลพัสดุ์ รักษาสัตย์ศีลถือเป็นฤๅษี เที่ยวประโยชน์โปรดสัตว์ในปถพี ไม่คิดที่รบสู้กับผู้ใด ซึ่งมานี้มีกิจคิดประสงค์ จะธุดงค์เที่ยวไปชมโรมวิสัย แล้วถามล่ามตามประสงค์จำนงใน นี่เมืองใดใครเป็นเจ้าชาวพารา ฯ ๏ ฝ่ายล่ามบอกออกอรรถกระจัดแจ้ง อันเขตแขวงโรมวิสัยไกลหนักหนา ไปแต่นี้ปีเศษเขตอาณา ถึงเมืองวาหุโลมนี้สิ้นที่แดน อันเมืองกลางทางไปทั้งใหญ่น้อย ก็นับร้อยพลโจษนับโกฏิแสน นับถือผู้รู้ไตรเพททุกเขตแคว้น บูชาแทนเทวดาเป็นอาจารย์ ทั้งถือพระอาทิตย์อิศเรศ เป็นดวงเนตรในแผ่นดินทุกถิ่นฐาน ทรงสัตย์ธรรม์กรุณาเวลากาล มาโปรดปรานส่องแสงให้แรงมี ครั้นพระกลับหลับสบายทั้งชายหญิง พระคุณยิ่งได้พำนักเป็นศักดิ์ศรี หนึ่งผู้รู้ไตรเพทวิเศษดี เรียนบาลีโลกสิ้นทั้งดินฟ้า ใครเจ็บป่วยช่วยระงับให้ดับโรค ถึงเคราะห์โศกสิ่งไรก็ไปหา ท่านดูแลแน่เหมือนเช่นเห็นแก่ตา ให้รู้ว่าเป็นตายร้ายหรือดี ทั้งฤกษ์พาฟ้าฝนบนสวรรค์ มีสูรย์จันทร์แจ้งสิ้นถิ่นวิถี เป็นที่พึ่งจึงว่าครูความรู้ดี ก็ฤๅษีเชี่ยวชาญประการใด ซึ่งเที่ยวมาว่าประโยชน์จะโปรดสัตว์ ให้แก้วเก้าเนาวรัตน์หรือไฉน หรือจะรับดับโศกดับโรคภัย ซึ่งจะให้เป็นประโยชน์เที่ยวโปรดปราน ฯ ๏ ฝ่ายฤๅษีพี่เลี้ยงออกเถียงล่าม ซึ่งคนความรู้ตำราเหมือนว่าขาน ไม่ควรหลงสรรเสริญให้เกินการ เป็นเดรฉานวิชาเที่ยวหากิน อันเราถือฤๅษีนั้นดีสุด เป็นภูมิพุทธวิชารักษาศิล อันแก้วแหวนแสนทรัพย์นับเหมือนดิน มีแล้วสิ้นเสียเปล่าไม่เข้าการ อันกุศลผลผลาอานิสงส์ จะช่วยส่งเป็นสมบัติพัสถาน ใครถือธรรมจำศิลอภิญญาณ ถึงนิพพานพูนสวัสดิ์อยู่อัตรา แม้จะใคร่ได้สดับรับโอวาท ทำธรรมาสน์พุทธเพทเทศนา จะให้ศิลภิญโญในโลกา ที่คิดสารพัดได้ดังใจปอง ฯ ๏ ฝ่ายล่ามว่าถ้ากระนั้นขยันยิ่ง ใคร่ฟังสิ่งซึ่งว่าดีไม่มีสอง แล้วกลับมาหน้าค่ายบอกนายกอง ทั้งพวกพ้องพูดจาปรึกษากัน อันฤๅษีดีอย่างไรเราไม่รู้ จะลองดูให้เห็นจริงเป็นทุกสิ่งสรรพ์ จึงจัดแจงแต่งธรรมาสน์อาสน์สุวรรณ แล้วชวนกันหามมาหน้าประตู ทั้งเทียนธูปบุปผาสารพัด มาตั้งจัดแจงไว้ทั้งไก่หมู ที่พวกพ้องของใครบอกให้รู้ ไปฟังผู้วิเศษท่านเทศน์ธรรม์ ศีลฤๅษีที่จะให้ผู้ใดรับ ดีกว่าทรัพย์สินยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ บรรดาเหล่าชาวบ้านเมืองด่านนั้น ต่างสำคัญว่าเป็นของที่ต้องการ บ้างแบกกระบุงถุงไถ้ไปใส่ศิล มาพร้อมสิ้นซ้ายขวาแน่นหน้าฉาน แล้วล่ามตรงลงเภตราว่าอาจารย์ นิมนต์ท่านเทศน์ธรรม์เหมือนสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายนงลักษณ์อัคนีฤๅษีเอก อดิเรกรู้ธรรมคำสิกขา คิดประโยชน์โปรดทมิฬดังจินดา จึงครองผ้าผูกคาดราดประคต ชฎากลีบจีบเวียนกระเสียนพระศก พัดขนนกป้องหน้าอย่างดาบส พวกฤๅษีพี่เลี้ยงเคียงประณต ขึ้นเดินทางกางพระกลดไปบดบัง เณรพี่น้องสองกะเทยที่เคยใช้ ต่างถือไม้เท้าย่ามเดินตามหลัง ถึงหน้าป้อมพร้อมกันที่บัลลังก์ นางขึ้นนั่งเหนือธรรมาสน์อาสน์โอฬาร์ พวกข้าเฝ้าเหล่าฤๅษีพระพี่เลี้ยง อยู่ข้างเคียงเรียงรายทั้งซ้ายขวา พระอัคนีมีพัดป้องพักตรา สำรวมท่ารักษาพรตดาบสนี ฯ ๏ ฝ่ายพวกฟังทั้งสิ้นทมิฬหมด ไม่ประณตนับถือพระฤๅษี ต่างดูของมองเขม้นไม่เห็นมี บ้างพาทีไต่ถามตามสงกา ศีลฤๅษีที่เอามาว่าจะให้ อยู่ที่ไหนไม่เห็นเขม้นหา ต่างเข้าไปใกล้ธรรมาสน์ดาษดา จะดูหน้าว่าฤๅษีมีสิ่งใด ศิษย์ฤๅษีพี่เลี้ยงเคียงธรรมาสน์ ต่างตวาดว่าห้ามปรามไม่ไหว จึงบอกความตามภาษาว่าผู้ใด จะใคร่ได้ศีลมั่งก็นั่งลง แล้วองค์พระอัคนีผู้มีพรต บอกกำหนดศีลห้าอานิสงส์ ผู้ใดฟังทั้งหมดเมื่อปลดปลง บุญจะส่งไปสวรรค์ชั้นวิมาน ไม่มีโรคโศกทุกข์กินสุกดิบ เสวยทิพย์โอชากระยาหาร อุส่าห์สร้างทางกุศลผลทาน ถึงนิพพานผาสุกไปทุกวัน พอจบคำสำเร็จเป็นเสร็จสิ้น พวกทมิฬหัวเราะเยาะเย้ยหยัน ว่าศีลมีขี้ปดหมดทั้งนั้น ลวงให้กันเอากระบุงถุงย่ามมา เมื่อเทศน์ไปไม่เห็นเหมือนเช่นเทศน์ ถือผิดเพศฤๅษีนี่มุสา เที่ยวลวงล่อพอได้กินสินบูชา หรือหมายมาเมืองนี้จะตีชิง บ้างว่าดูผู้สำแดงจะแปลงเพศ เสียงสังเกตรูปร่างเหมือนอย่างหญิง เข้าเหยียบย่านบ้านไหนจัญไรจริง ขุดดินทิ้งเสียในวนชลธาร ไม่นับถือฤๅษีพวกชีป่า ไม่ขายค้าขอกินทุกถิ่นฐาน เราขับไล่ไปเสียอย่าให้ช้าการ เสียกบาลให้เสียเจียวประเดี๋ยวนี้ ฯ ๏ ฝ่ายดาบสอดจิตด้วยคิดบาป มันหยามหยาบก็ทำเมินลุกเดินหนี ชาวด่านเตรียมเสียมพร้าตะกร้ามี คอยขุดที่รอยเท้าทุกก้าวไป พวกศิษย์หาดาบสเหลืออดกลั้น มันกระชั้นชิดนักต่างผลักไส แกล้งแยกย้ายรายเที่ยวลดเลี้ยวไป หมายจะให้ตามขุดจนสุดแรง ฯ ๏ ฝ่ายนายด่านพาลจะดุมุโมโห ว่าคนโซเที่ยวเล่นจะเป็นแขนง ให้บ่าวไพร่ไล่ลัดสกัดแสกง ใครขัดแข็งฆ่าฟันให้บรรลัย พวกทมิฬยินนายทั้งชายหญิง พากันวิ่งคึกคักไล่ผลักไส ฝ่ายฤๅษีที่ไม่เคร่งเก่งสุดใจ ตีด้วยไม้เท้ามันรุมฟันแทง พวกโยธาสานุศิษย์ไม่คิดบาป ชิงหอกดาบโดดฟันด้วยขันแข็ง ทมิฬตายวายวางลงกลางแปลง ต่างพลัดแพลงวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี ขุนด่านไล่ไพร่พลที่บนป้อม ลงพรักพร้อมนายไพร่ไล่ฤๅษี ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์พระอัคนี เห็นเสียทีถอยมาริมสาชล ฯ ๏ ฝ่ายนายไพร่ในสำเภาเห็นชาวด่าน ไล่รอนราญรบรับกันสับสน ฉวยศัสตราสำหรับตัวทั่วทุกคน วิ่งขึ้นบนบกมาช่วยราวี ต่างแกว่งกลอกหอกดาบกำซาบศร เข้าราญรอนรับมือทั้งฤๅษี ฝ่ายทหารด่านสมุทรก็สุดดี ปะทะตีแทงฟันกระชั้นชิด บ้างพุ่งซัดศัสตราพวกการะเวก ล้วนตัวเอกหลบเลี่ยงพลาดเพลี่ยงผิด กลับไล่เหล่าชาวด่านผลาญชีวิต ต่อไม่ติดแตกพลัดกระจัดกระจาย พวกชีพราหมณ์ตามฆ่าโยธาหาญ เข้าในด่านได้สมอารมณ์หมาย โห่สนั่นฟันทมิฬลงดิ้นตาย แต่ตัวนายคงกระพันประจัญรบ รุมแทงฟันมันไม่ไหวจึงใช้หญิง เอาศรยิงปากปุทะลุสลบ จับนายได้ไพร่หมอบลงนอบนบ ไม่สู้รบรับแพ้ขอแต่ตัว พวกฤๅษีชีพราหมณ์คุกคามขู่ ใครรบสู้ขืนขัดจะตัดหัว แม้ไม่สู้กูไม่ฆ่าดอกอย่ากลัว แล้วหามตัวนายด่านขึ้นศาลกลาง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีกับพี่เลี้ยง เข้าอยู่เพียงตึกโถงที่โรงขวาง พวกเหลือตายนายมุลหมื่นขุนนาง บ้างหลบบ้างเข้าหาเป็นข้าไท พอจวนเย็นเห็นแต่คนแก่เฒ่า ถือไม้เท้าจดจ้องเดินร้องไห้ พวกชีพราหมณ์ถามว่าท่านมาไย ต่างกราบไหว้ว่าจะมาหาเจ้านาย จะห้ามปรามตามอย่างแต่ปางก่อน ราษฎรจะได้พึ่งเหมือนหนึ่งหมาย แม้มิโปรดโทษปากผิดมากมาย ก็ยอมตายแต่จะห้ามดูตามบุญ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีรู้ทีศึก ฉลาดลึกหน่วงเหนี่ยวไม่เฉียวฉุน เห็นคนแก่แซ่มาก็การุญ จะเอาบุญบทจรไปต้อนรับ เชิญผู้เฒ่าเก้าคนขึ้นบนศาล นั่งสำราญเรียงกันเป็นอันดับ แล้วตรัสห้ามปรามว่าอย่าคำนับ จะพูดกับดีฉานประการใด ฯ ๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเหล่าทมิฬได้ยินตรัส โสมมัสนึกว่าดีจะมีไหน แต่รูปร่างอย่างหญิงนึกกริ่งใจ พวกผู้ใหญ่ยิ่งรักพระอัคนี ต่างทูลว่าข้าพเจ้าคนเฒ่าแก่ ยังก็แต่จะตายกลายเป็นผี เห็นทหารท่านมาไล่ฆ่าตี ชาวบุรีใหญ่น้อยก็พลอยตาย จึงอุส่าห์มาห้ามตามขนบ ธรรมเนียมรบเมืองได้เหมือนใจหมาย แม้ครองแคว้นแดนด้าวเป็นเจ้านาย คนทั้งหลายก็จะมาเป็นข้าไท ถ้าจะเอาข้าวของเงินทองนาก ก็ได้มากเหมือนจินดาอัชฌาสัย จะฆ่าตีชีวันให้บรรลัย นั้นเห็นไม่เป็นประโยชน์จงโปรดปราน ซึ่งปรารถนามาห้ามปรามทั้งนี้ เพราะปรานีหนุ่มสาวชาวลูกหลาน แม้จะเอาข้าวของที่ต้องการ กระหม่อมฉานจะไปป่าวชาวพารา ฯ ๏ พระอัคนีดีใจปราศรัยสนอง อันเงินทองถือขาดไม่ปรารถนา เมื่อเดิมทีมีธรรมาสน์ไปราธนา จึงขึ้นมาเทศน์ธรรม์ให้มันฟัง ไม่นับถือฤๅษีแล้วมิหนำ ขับไล่ซ้ำว่าคนโซทำโอหัง ให้ขุดรอยน้อยหรือทำแต่ลำพัง ลูกศิษย์ทั้งปวงแค้นจึงแทนทด ให้เห็นมือฤๅษีที่มีศิล พวกทมิฬมาดหมายกลับตายหมด อันถิ่นฐานบ้านเมืองแลเครื่องยศ เราสร้างพรตมิได้ปองเอาของใคร ท่านมาห้ามปรามนี้ก็ดีนัก จงประจักษ์จริงแจ้งแถลงไข ช่วยบอกเล่าให้เขารู้ว่าผู้ใด ไม่สู้ไม่ฆ่าฟันทำอันตราย จงกลับมาหากินตามถิ่นฐาน ให้สำราญไร่นาที่ค้าขาย เราจะยั้งรั้งรออยู่พอสบาย ให้เหือดหายเมื่อยล้าจะลาไป ประการหนึ่งซึ่งเราถือเป็นฤๅษี ใครเห็นดีโดยจริงจงทิ้งไสย มาถือพุทธสุดดีไม่มีภัย อาวุธไม่ต้องตนเป็นมลทิน ใครรักมีฝีมือเหมือนฤๅษี มาที่นี่เราจะได้ช่วยให้ศิล นางแกล้งสั่งหวังจะให้ใจทมิฬ นิยมยินยอมสมัครมาภักดี ฯ ๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเก้าคนทุพพลภาพ ต่างก้มกราบนับถือพระฤๅษี แล้วลามาว่ากล่าวชาวบุรี ให้ภักดีดาบสถือพรตธรรม์ ฯ ๏ พอเวลาราตรียังมีเด็ก ลูกเล็กเล็กชายหญิงวิ่งถลัน มาศาลกลางทางว่าพ่อข้านั่น ใครแทงฟันสักเท่าไรก็ไม่ตาย พวกฤๅษีมีฤทธิ์คิดไฉน จึงฆ่าได้ให้ตระกูลเราสูญหาย เราพี่น้องสองบุตรนี้สุดอาย จะตามตายแต่ขอพบศพบิดา ฯ ๏ พระอัคนีมีจิตคิดสงสาร ด้วยกุมารพูดความตามประสา ดูพี่น้องผ่องพักตร์ลักขณา เห็นแปลกตากว่าทมิฬสิ้นทั้งนั้น จึงเรียกหามาใกล้ซักไซ้ถาม ได้ข้อความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ บุตรหญิงชายนายด่านชาญฉกรรจ์ พี่สาวนั้นได้สิบเอ็ดน้องเจ็ดปี ให้นึกเห็นเช่นกับองค์ของนงลักษณ์ เคยเคียงพักตร์กับพระน้องทั้งสองศรี คิดจะใคร่ได้เป็นลูกผูกไมตรี จึงพาทีทำเป็นว่าน่าเสียดาย มาตามศพพบพ่อจะขอม้วย เราจะช่วยชุบชีวิตเหมือนคิดหมาย ให้พ่อฟื้นคืนรอดไม่วอดวาย จะถือฝ่ายพุทธหรืออย่าดื้อดึง ฯ ๏ สองเด็กว่าถ้าแม้เป็นให้เห็นแน่ ท่านดีแท้ใครจะเปรียบประเทียบถึง ถึงเลือดเนื้อเมื่อจะเอาข้าเจ้าจึง จะเถือทึ้งแทนคุณกรุณา จะนับถือฤๅษีผู้วิเศษ จะฟังเทศน์ถือพุทธไม่มุสา ถ้าชุบขึ้นคืนชีวิตให้บิดา จะเป็นข้าพระฤๅษีทั้งพี่น้อง ฯ ๏ พระอัคนีดีใจจะได้ลูก เปรียบเหมือนผูกพ่อไว้มิให้หมอง เป็นแยบยลกลศึกนางตรึกตรอง นายด่านต้องศรซบสลบไป จะเสกทำน้ำมนต์ให้คนเห็น ว่าชุบเป็นมั่นคงไม่สงสัย จะลือชาปรากฏยศไกร จึงสั่งให้สานุศิษย์ตั้งพิธี ชุมนุมนั่งบังศพจะกลบเหตุ ให้ลับเนตรพี่น้องทั้งสองศรี แล้วโฉมยงนงลักษณ์พระอัคนี เสกวารีพรมพรำนั้นร่ำไป ฤๅษีหมอขอเฝ้าแฝงเข้านวด ที่เจ็บปวดบาดแผลปิดแก้ไข พิมเสนรอพอชื่นมื่นฤทัย นายด่านได้สมประดีค่อยมีแรง เห็นลูกยามานั่งอยู่ทั้งสอง ให้พวกพ้องข้าศึกให้นึกแหนง เรียกมาใกล้ไต่ถามดูตามแคลง ครั้นรู้แจ้งใจจิตให้คิดคุณ หมอบคำนับกลับถือพระฤๅษี น้ำใจดีจริงเจียวไม่เฉียวฉุน ชุบให้มีชีวาเพราะการุญ ขอบพระคุณควรเชื่อเห็นเหลือดี จะทิ้งชาติศาสนาข้างวาหุ ขอสาธุถือศิลพระชินศรี อันพี่น้องสองราบุตรข้านี้ แม่ไม่มีอุปถัมภ์เป็นกำพร้า ถวายไว้ในพระองค์จงช่วยบวช ให้รู้สวดศักราชพระศาสนา ทั้งข้านี้มิได้ขัดอัธยา พระสิทธาสั่งสอนจะผ่อนตาม ฯ ๏ พระอัคนีปรีชาว่าสาธุ เห็นจะลุละบาปที่หยาบหยาม จึงปราศรัยให้พรสั่งสอนความ แล้วไต่ถามถึงประเทศของเขตคัน ฯ ๏ นายด่านเล่าว่าเจ้าวาหุโลมราช กษัตริย์ชาติเชื้อยักษ์มักกะสัน เลี้ยงนกไก่ไว้กินสิ้นทั้งนั้น สารพันสัตว์ที่มีปีกบิน อันกุ้งปลาสาครเรียกหนอนน้ำ ไม่กรายกล้ำเกลียดคิดพินิจสถิล ทั้งสัตว์อื่นหมื่นแสนในแดนดิน ก็ไม่กินกินแต่ไข่เป็ดไก่นก เอาขนไว้ใส่ประดับสำหรับแต่ง หมวกเสื้อแสงสวมตนขนวิหค แต่องค์ท้าวเจ้าเมืองมีเครื่องยก เหมือนรูปนกสวมองค์ออกสงคราม บินไปได้ไกลเป็นร้อยเส้นเศษ ปราบประเทศร้อยเอ็ดย่อมเข็ดขาม ชนบทจรดเขตประเทศพราหมณ์ นิคมคามรายรอบเป็นขอบคัน ข้าอยู่ด่านชานสมุทรเป็นสุดถิ่น คุมทมิฬหมื่นเศษเฝ้าเขตขัณฑ์ ขึ้นไปนี้มีเมืองเนื่องเนื่องกัน ยี่สิบวันถึงพาราวาหุโลม เจ้าบุรีมีบุตรสุดวิเศษ รู้พระเวทวิทยาชื่อวาโหม บิดาใช้ให้ไปยอมอ่อนน้อมโน้ม ถึงเมืองโรมวิสัยได้วิชา เข้าสิบสี่ปีถ้วนอ้วนเป็นพ้อม จะเป็นจอมสุริย์วงศ์สืบพงศา ซึ่งธุระพระฤๅษีจะลีลา ไปพาราโรมวิสัยทางไกลครัน จะบอกกล่าวราวเรื่องไปเมืองหลวง ตามกระทรวงทูลเหตุเจ้าเขตขัณฑ์ ขอเบิกด่านท่านให้เสร็จทั้งเจ็ดชั้น ได้ผายผันไปตามความสบาย ฯ ๏ พระอัคนีชี้ชอบว่าขอบจิต ท่านช่วยคิดให้เราสมอารมณ์หมาย ได้เบิกทางอย่างว่าจะลานาย พลางภิปรายปราศรัยเป็นไมตรี ดึกหนักหนาพาบุตรไปหยุดยั้ง แล้วตรัสสั่งพี่น้องทั้งสองศรี เมื่อคิดถึงจึงลาจรลี ลงไปที่เภตราพูดจากัน ฯ ๏ นายด่านว่าข้านิมนต์อยู่บนศาล ให้สำราญรับครองเครื่องของฉัน จะว่ากล่าวเหล่าทมิฬสิ้นทั้งนั้น มาฟังธรรม์เทศนาตามบาลี แล้วจัดแจงแต่งศาลเพดานดาด ปูเสื่อสาดอาสนะพระฤๅษี จุดโคมเวียนเทียนประทีปให้ดิบดี ลาไปที่หลับนอนผ่อนสบาย ครั้นรุ่งเช้าป่าวร้องทำของเลี้ยง มาพร้อมเพรียงชาวบ้านคาวหวานถวาย ชมฤๅษีดีจริงทั้งหญิงชาย ด้วยคนตายชุบเป็นเห็นแก่ตา ต่างถือธรรมจำศิลทั้งกินบวช อุส่าห์สวดศักราชศาสนา บุตรหญิงชายนายด่านพานศรัทธา ถือศีลห้าอยู่กับพระอัคนี ฯ ๏ ฝ่ายทหารด่านแตกเมื่อแรกรบ ที่หลีกหลบเหล่าชายพลัดพรายหนี เที่ยวบอกเล่าเจ้าเมืองเอกโทตรี ว่าโจรตีด่านได้นายใหญ่ตาย ต่างบอกข่าวราวเรื่องไปเมืองหลวง ด่านทั้งปวงเกณฑ์ตรวจทุกหมวดหมาย จะยกไปหลายทัพจับโจรร้าย พอพวกนายด่านถือหนังสือมา ผิดสำเหนียกเรียกเอาสำเนาอ่าน ขอเบิกด่านว่าฤๅษีดีหนักหนา เนื้อความกลับทัพยั้งหยุดรั้งรา รีบส่งม้าใช้ถือหนังสือไป ถึงพาราวาหุโลมขึ้นกรมท่า หาเสนาตามตำแหน่งแถลงไข พวกขุนนางต่างซักประจักษ์ใจ พาเข้าไปเตรียมเฝ้าเจ้าบุรี ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าวาหุโลมราช กษัตริย์ชาติเชื้อยักษ์กินปักษี พระชันษาห้าสิบพอดิบพอดี ทั้งพ่วงพีผิวดำดังน้ำรัก พระเนตรแดงแสงปลั่งเหมือนดังชาด บรมนาถหนวดรกลงปรกตัก มีเขี้ยวงอกออกพอเห็นว่าเป็นยักษ์ ยี่สิบนักขาดำดังน้ำนิล เกศานั้นพันกลุ่มเป็นปุ่มเปาะ เหมือนผมเงาะเหลืองหงอกดอกกระถิน ผ่านประเทศเขตเขาชาวบุรินทร์ อยู่ตึกหินทำผนังและหลังคา ให้เวียงวังตั้งตึกพิลึกสลับ ล้วนปรุงปรับแน่นแฟ้นด้วยแผ่นผา ปราสาทศรีที่สถิตอิศรา ล้วนศิลาเลื่อมลายพรายโพยม อยู่ด้วยพระมเหสีมีโอรส เฉลิมยศฝ่ายหน้าชื่อวาโหม กษัตริย์สองครองพาราวาหุโลม เป็นสุขโสมนัสาทั้งธานี ครั้งรุ่งเช้าเจ้าเมืองทรงเครื่องต้น ใส่เสื้อขนนกประดับสลับสี ใส่หมวกหงอนวิหคนกอินทรี แล้วหน็บตรีคทาธรถือศรทรง ครั้นสรรพเสร็จเสด็จออกมานอกห้อง สอดฉลองบาทอย่างงอนหางหงส์ นางเชิญเครื่องเยื้องย่องจ้องประจง ตามพระองค์ออกอำมาตย์นั่งอาสน์ทอง ฯ ๏ โอรสาข้าเฝ้าก้มเกล้ากราบ ศิโรราบตรับฟังรับสั่งสนอง เสนาทูลมูลความตามทำนอง หนังสือสองฉบับบอกกลอกกลับกลาย แล้วอ่านความตามเรื่องเจ้าเมืองด่าน ส่งทหารมาให้ถามความทั้งหลาย ว่าฤๅษีตีด่านสังหารนาย ให้ล้มตายตัวจึงหนีรอดชีวา หัวเมืองรายฝ่ายใต้จะไปจับ เกณฑ์กองทัพเมืองละหมื่นล้วนปืนผา ประเดี๋ยวนี้มีผู้ถือหนังสือมา เนื้อความว่านายด่านชานชลธี บอกธุระพระนักธรรม์สักพันเศษ ทั่วประเทศนับถือเรียกฤๅษี ทรงเวทมนตร์คนตายวายชีวี ช่วยชุบชีวิตรอดไม่วอดวาย จะไปโรมวิสัยให้หม่อมฉาน ขอเบิกด่านเดินไปดังใจหมาย แม้ฤๅษีมีพรตประทษร้าย ขอถวายชีวิตข้าฝ่าธุลี ฯ ๏ พระทราบเรื่องเคืองขัดตรัสประภาษ มันสามารถมีหนังสือรับฤๅษี สรรเสริญเกินสังเกตอันเหตุนี้ เห็นท่วงทีถ่ายเททำเล่ห์กล ที่รบราฆ่าฟันมันไม่บอก ทำย้อนยอกแยบคายเป็นสายสน มันเชื่อถือฤๅษีว่ามีมนต์ จะปลอมปล้นเมืองเราเป็นเจ้านาย จึงตรัสขู่ผู้ถือหนังสือถาม ได้ข้อความว่าทมิฬสิ้นทั้งหลาย ถือฤๅษีผีสิงทั้งหญิงชาย จึ่งสั่งฝ่ายกรมท่าเสนาใน จงบอกเรื่องเมืองตะวันด่านชั้นสาม ไปปราบปรามด่านมหาชลาไหล อ้ายนายด่านมารยาสองหน้าไป ฆ่าเสียให้สิ้นโคตรตามโทษทัณฑ์ ทั้งฤๅษีชีไพรอย่าให้เหลือ จะเป็นเชื้อช่วยกันฆ่าให้อาสัญ ครั้นสั่งเสร็จเสด็จจากอาสน์สุวรรณ เข้าสู่บรรทมแท่นแสนสบาย ฯ ๏ ฝ่ายเสนามานั่งสั่งเสมียน ให้เร่งเขียนข้อรับสั่งสิ้นทั้งหลาย ฝ่ายม้าใช้ได้ตรากราบลานาย ขึ้นม้ารายไปทุกเมืองแจ้งเรื่องความ ฯ ๏ ฝ่ายเสนาราหูคนผู้เฒ่า ซึ่งเป็นเจ้าเมืองตะวันด่านชั้นสาม รู้เวทมนตร์ทนคงเคยสงคราม ครั้นทราบความตามรับสั่งไม่รั้งรา เกณฑ์ทหารบาญชีสิบสี่หมื่น ถือหอกปืนปีกซ้ายทั้งฝ่ายขวา บ้างถือทวนล้วนแต่ดีขี่อูฐลา แต่ตัวราหูขี่สัตว์กิเลน สูงกว่าม้าลางามสักสามศอก แม้ขับออกควบวิ่งเหมือนจิ้งเหลน หน้าเหมือนคนกลศึกได้ฝึกเจน แล้วกะเกณฑ์เกวียนลำเลียงเสบียงพล ครั้นเสร็จสรรพทัพบกยกทหาร จากเมืองด่านออกเดินตามเนินถนน ค่ำที่ไหนให้ชาวบ้านย่านตำบล เลี้ยงไพร่พลพวกทหารทุกย่านมา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีอยู่ที่ด่าน พวกชาวบ้านปรนนิบัติหัดภาษา จนพูดเป็นเช่นทมิฬเหมือนจินดา คอยรอท่าผู้ถือหนังสือไป ขอเบิกด่านท่านจะให้หรือไม่หนอ จะได้ต่อขึ้นไปชมโรมวิสัย ทุกเช้าค่ำรำพึงคะนึงใน ตั้งพระทัยแต่จะหนีพระพี่ยา บุตรนายกองสองคนอยู่ปรนนิบัติ คอยนวดพัดวีถวายทั้งซ้ายขวา นางให้นามตามสนิทชื่อธิดา น้องชื่อว่าโอรสยศไกร พวกศิษย์หาพากันเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ต่างพาดพิงผูกมิตรพิสมัย บ้างลวงหลอกบอกสิกขาประสาใจ ที่บวชใหม่กินแต่งาถั่วสาคู พวกบวชเก่าเข้ากระดูกรู้ผูกศิล ตามจะกินเป็ดไก่นกไข่หมู พวกชาวด่านพานซื่อเชื่อถือครู ขอเรียนรู้รักฤๅษีผู้ปรีชา แต่ยับยั้งฟังข่าวเจ้าประเทศ สองเดือนเศษจนสนิทกับศิษยหา พอเบี่ยงบ่ายนายด่านลนลานมา บอกว่าม้าใช้ถือหนังสือไป ขอเบิกด่านท่านว่าเป็นขบถ แกล้งเลี้ยวลดลวงพระองค์คิดสงสัย ให้ทัพบกยกมาคนม้าใช้ ลอบหนีได้มาแถลงแจ้งคดี ว่าราหูผู้เฒ่าจะเอาโทษ ให้สิ้นโคตรคนที่ถือพระฤๅษี เป็นเคราะห์กรรมจำตายวายชีวี พระมุนีจะคิดอ่านประการใด ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์รู้กลศึก ฉลาดลึกแหลมปัญญาอัชฌาสัย จึงเสแสร้งแกล้งตอบว่าขอบใจ ที่รักใคร่เจ้านายสู้วายปราณ แต่ตัวดีมิได้ผิดเขาคิดโกรธ จะฆ่าโคตรพลอยถูกทั้งลูกหลาน ไม่ไต่ถามความสัตย์ปฏิญาณ ผิดโบราณเรื่องราวท้าวพระยา อนึ่งเล่าเราก็ถือเป็นฤๅษี ไม่ฆ่าตีชีวิตริษยา จะต่อสู้ดูฝีมือให้ลือชา คิดรักษาครอบครัวอย่ากลัวมัน ทำไมกับทัพทมิฬเหมือนริ้นล่อง มาเข้ากองไฟฟ้าจะอาสัญ นายด่านนั่งฟังยุพลอยดุดัน จริงกระนั้นคุณว่าไม่น่าตาย ไม่ไต่ถามความจริงมากริ่งโกรธ จะลงโทษถึงขบถผิดกฎหมาย น่าน้อยใจไม่เอาเป็นเจ้านาย ขอสู้ตายอยู่กับเท้าของเจ้าคุณ ทหารเราชาวบุรีก็มีอยู่ จะรบสู้กันจนสิ้นดินกระสุน ด้วยสัตย์ซื่อถือพระเดชะบุญ ข้าคิดอุ่นใจตัวไม่กลัวมัน แล้วกราบลามาเที่ยวตรวจหมวดทหาร ป้อมปราการกำกับกันขับขัน ชุดไฟฟืนปืนผาสารพัน ตระเตรียมกันพร้อมพรั่งระวังภัย ฯ ๏ ฝ่ายราหูแม่ทัพกับทหาร มาถึงด่านแดนมหาชลาไหล ให้ตั้งค่ายรายเรียงเคียงกันไป ปักธงไชยเมืองตะวันเป็นสัญญา แล้วตัวขี่กิเลนไม่เกณฑ์แห่ ให้ตามแต่สี่นายเคียงซ้ายขวา จากกองทัพขับกิเลนเผ่นโผนมา ถึงตรงหน้าป้อมปืนหยุดยืนดู ให้พวกพ้องร้องเรียกนายด่านใหญ่ เยี่ยมออกไปพูดจากับราหู จึงแจ้งความตามรับสั่งตั้งกระทู้ ตัวเป็นผู้รั้งเมืองย่อมเลื่องลือ ท่านชุบเลี้ยงเพียงนี้มีเครื่องยศ เป็นขบถเจ้านายไม่อายหรือ เหมือนแมลงเม่าเข้าในกองไฟฮือ เราผู้ถือรับสั่งมาครั้งนี้ จะไกล่เกลี่ยเสียให้นายค่อยหายผิด อย่าควรคิดนับถือพวกฤๅษี เร่งเปิดรับทัพเราเข้าบุรี จะพ้นที่โทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ ๏ ฝ่ายนายด่านหาญศึกไม่นึกพรั่น จึงผ่อนผันพูดจาอัชฌาสัย เรานับถือฤๅษีเพียงนี้ไซร้ ผิดอย่างไรหนักหนาจะฆ่าฟัน ท่านผู้รู้ผู้วิเศษเที่ยวเทศน์โปรด เป็นประโยชน์ที่จะได้ไปสวรรค์ ไม่ถามไต่ไล่เลียงให้เที่ยงธรรม์ ต้องจำกันตัวไว้มิให้ตาย ถ้าท่านจะอนุกูลช่วยทูลเรื่อง ที่ขัดเคืองแค้นเดือดให้เหือดหาย เราจะได้ไปเฝ้าถึงเจ้านาย อย่าทำร้ายกันเลยกลับกองทัพไป ฯ ๏ ฝ่ายเสนาราหูคนผู้เฒ่า จึงว่าเจ้านี้คิดผิดวิสัย ตัวเป็นข้าถ้าไม่สู้กับภูวไนย ควรขึ้นไปทูลความแต่ตามตรง จะนิ่งอยู่ดูเหมือนเช่นเป็นขบถ จะตายหมดเหมือนอย่างเบื่อไม่เหลือหลง ฟังเราว่าถ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์ จะช่วยส่งไปให้สมอารมณ์ปอง ฯ ๏ ฝ่ายนายด่านพาลจะซื่อด้วยถือสัตย์ กลัวเคืองขัดคิดชอบตอบสนอง ท่านร่ำว่าปรานีเหมือนพี่น้อง ขอตรึกตรองสักเวลาปรึกษากัน แล้วไปหาดาบสประณตนั่ง เล่าให้ฟังตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ ท่านราหูผู้เฒ่าเจ้าเมืองตะวัน เป็นมิตรกันมาแต่ก่อนช่วยผ่อนปรน ข้าจะใคร่ไปเฝ้าเจ้าเมืองหลวง เห็นได้ท่วงทีถวายฝ่ายกุศล ถึงฆ่าตีชีวิตให้ปลิดชนม์ ก็ตายคนเดียวได้เป็นไรมี อันลูกหลานว่านเครือในเชื้อสาย ขอถวายไว้ธุระพระฤๅษี ช่วยรักษาอย่าให้ตายวายชีวี วันพรุ่งนี้ข้าจะลาพระคลาไคล ฯ ๏ พระอัคนีปรีชาเห็นอาเพศ สมสังเกตยินดีจะมีไหน พลางจับยามความก็เห็นไม่เป็นไร จึงเกลี่ยไกล่แกล้งว่าเจ้ากล้าดี เป็นคนซื่อถือสัตย์จะขัดไว้ ก็มิใช่เป็นจริตกิจฤๅษี จะไปเฝ้าเราไม่ห้ามดอกตามที แต่ให้มีแยบคายคิดรายคน เข้าปลอมอยู่บุรีละยี่สิบ ค่อยซุบซิบสังเกตดูเหตุผล แล้วบอกให้นายด่านรู้การกล ถึงอับจนก็จะได้แก้ไขกัน ลูกศิษย์เราเล่าจะให้ปลอมไปด้วย จะได้ช่วยสั่งสอนคิดผ่อนผัน ท่านไปเฝ้าหากมิโปรดต้องโทษทัณฑ์ จงคิดกันกับคนใช้ที่ไปตาม นายด่านว่าสาธุสะคุณพระช่วย จะรอดด้วยกลเม็ดไม่เข็ดขาม แล้วเรียกบ่าวเหล่าสนิทมาคิดความ ให้ปลอมตามขึ้นไปอยู่ทุกบูรี ฯ ๏ จัดสำเร็จเสร็จสรรพกลับไปสั่ง ให้คนทั้งปวงถือพระฤๅษี ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์พระอัคนี เขียนบาลีให้กะเทยที่เคยใช้ ปลอมไปด้วยฉวยฉุกมีทุกข์ร้อน เอาอักษรดูแลคิดแก้ไข ทหารดีที่สำหรับกำกับไป นางสอนให้รู้ทั่วทุกตัวคน ต่างจัดแจงแปลงกายตามนายด่าน พวกทหารร้อยเศษรู้เหตุผล พอรุ่งสายนายใหญ่นำไพร่พล ต่างแบกขนของออกนอกประตู ตรงไปค่ายนายทัพผู้รับสั่ง คำนับนั่งพูดจากับราหู ข้าคนซื่อถือมั่นกตัญญู ไม่รบสู้จะไปเฝ้าเจ้าชีวิต ทูลให้ทราบบาปบุญที่คุณโทษ ท่านช่วยโปรดผ่อนปรนให้พ้นผิด แม้ปลดปลอดรอดตายไม่วายคิด พระคุณติดก็จะต้องสนองคุณ ฯ ๏ ฝ่ายราหูผู้เฒ่าคนเจ้าเล่ห์ สมคะเนหน่วงเหนี่ยวไม่เฉียวฉุน จะยกไว้ไม่ฆ่าด้วยการุญ ช่วยทำคุณขังกรงบอกส่งไป เป็นขบถลดละก็จะผิด อย่าน้อยจิตเจ้าเลยกรรมจะทำไฉน จะกริ้วโกรธโปรดปรานประการใด เราจะได้รอทัพอยู่ตรับฟัง แล้วสั่งให้ไพร่จำตัวนายด่าน ห้าประการมั่นคงใส่กรงขัง ทหารตามสามร้อยคอยระวัง ทั้งบอกหนังสือสำหรับกำกับไป พวกทหารด่านสมุทรเดินสุดท้าย ทำตามนายหาบหามตามวิสัย เขาส่งตัวหัวเมืองเนื่องเนื่องไป พวกบ่าวไพร่ปลอมเข้าอยู่ทุกบูรี ยี่สิบวันบรรลุถึงเมืองหลวง ส่งกระทรวงกรมท่าเจ้าภาษี กราบทูลท้าวเจ้าจังหวัดปถพี เหมือนคำที่นายด่านให้การมา ซึ่งนับถือฤๅษีผู้วิเศษ ทรงไตรเพทเวทมนตร์ดลคาถา ซากอสุภชุบเป็นเห็นแก่ตา จึงอุส่าห์นอบน้อมเกลี้ยกล่อมไว้ เป็นอาจารย์บ้านเมืองเรืองพระยศ จะขบถมุลิกานั้นหาไม่ กราบทูลความตามจริงทุกสิ่งไป หวังจะให้เป็นประโยชน์ช่วยโปรดปราน ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสว่าข้านอกเจ้า ชาติโฉดเฉาชาวทะเลเดรฉาน ช่างเชื่อถือฤๅษีพวกชีพาล มาให้การสรรเสริญจนเกินดี ใช้อุบายหมายว่ากูไม่รู้เท่า จะให้เข้ารีตถือพวกฤๅษี อันวิสัยในจังหวัดปถพี จะชุบชีวีเป็นไม่เห็นใคร อันฤๅษีมีแต่พระสยมภุ์ ตระกูลพรหมวาโหมโรมวิสัย รู้ชุบคนสนชีวิตถอดจิตใจ อายุได้อยู่ยืนนับหมื่นพัน นี่แกล้งบอกหลอกเจ้าข้าวนอกหม้อ กูไม่ขอคบฆ่าให้อาสัญ ตระเวนไปให้รอบขอบเขตคัน อย่าให้มันดูเยี่ยงทั้งเวียงชัย ให้ราหูผู้เป็นนายฝ่ายทหาร จับชาวด่านแดนมหาชลาไหล ที่นับถือฤๅษีมีเท่าไร ฆ่าเสียให้สิ้นเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ มนตรีรับอภิวาทมาบาดหมาย ตำแหน่งนายเพชฌฆาตอันอาจหาญ ถือดาบแดงแซงสลอนนครบาล เอานายด่านปากน้ำมาจำจอง ติดคาคอข้อมือใส่ขื่อเล็ก สายโซ่เหล็กล่ามรั้งไว้ทั้งสอง พวกตรวจตรัดพัศดีเดินตีฆ้อง สอนให้ร้องโทษทัณฑ์ที่พันพัว ใครอย่าดูเยี่ยงข้าคนขบถ คิดเลี้ยวลดลวงกษัตริย์ให้ตัดหัว นายด่านหมายตายแท้สุดแก้ตัว ถึงนึกกลัวก็ต้องเฉยไม่เวยวาย ฯ ๏ ฝ่ายมาลามาลัยไพร่ชาวด่าน เห็นเกินการแก้ไขก็ใจหาย ฉีกหนังสือฤๅษีออกคลี่คลาย ได้แยบคายเข้าไปอยู่แทรกผู้คุม บอกอุบายนายด่านเป็นการลับ นายด่านกลับกล้าใจเหมือนไฟสุม เห็นชายหญิงวิ่งพรูมาดูชุม พอผู้คุมตีฆ้องแกล้งร้องอึง เดิมให้หามาเฝ้ากลับเอาโทษ ไม่มีโจทก์จับจะฆ่าใส่คาขึง รู้กระนี้มิมาเป็นข้ามึง จะดื้อดึงชิงเอาทั้งด้าวแดน แม้รบสู้กูจะต่อให้พ่อลูก จับไปผูกพันธนาตัดขาแขน ถึงกูตายฝ่ายลูกจะผูกแค้น มาทดแทนทารกรรมให้หนำใจ จงบอกกล่าวเจ้ามึงให้พึงรู้ แม้กูสู้หรือน้ำหน้าจะฆ่าได้ แม้ฤๅษีตีบ้านด่านวันใด เจ้าเมืองใหญ่ญาติวงศ์เป็นผงคลี ว่าจริงจริงหญิงชายอยู่ภายหลัง จงเชื่อฟังนับถือพระฤๅษี แล้วร้องว่าฆ่าเสียเจียวประเดี๋ยวนี้ พวกกูมีจะได้มาคอยฆ่ามึง พวกผู้คุมรุมตีมิให้ว่า แกล้งเหวี่ยงคาตบปากแล้วลากขึง แต่ชายหญิงวิ่งฮือเสียงอื้ออึง จนทราบถึงองค์ท้าวเจ้านคร ฯ ๏ เจ้าพาราวาหุโลมเหงื่อโซมหน้า มันหยาบช้าแค้นจิตดังพิษศร แม้ฆ่าตายฝ่ายอำมาตย์ราษฎร จะขอดค่อนว่ามันมาแล้วฆ่าฟัน จะปล่อยไปให้มันสู้ดูสักพัก ให้เห็นศักดาเดชทุกเขตขัณฑ์ จึงจับมาฆ่าเสียลูกเมียมัน ให้พร้อมกันกับฤๅษีพวกชีไพร ดำริพลางทางหาเข้ามาขู่ มึงจะสู้ฝีมือกูหรือไฉน ยังไม่ฆ่าถ้ากูจะปล่อยไป กลัวจะไม่ต่อตีจะหนีกู ฯ ๏ นายด่านเห็นเป็นต่อหัวร่อร่า ให้เหมือนว่าแต่สักหนจะบนหมู อย่าพักเย้ยเลยถ้าปล่อยจงคอยดู แม้ไม่สู้ภูวไนยมิใช่ชาย กลัวแต่พระจะไม่แน่พูดแต่ปาก หรือจะอยากให้เราริบให้ฉิบหาย สิบห้าวันนั้นจะมาฆ่าให้ตาย แกล้งท้าทายจะให้ถอดรอดชีวี ฯ ๏ ท้าวเคืองขัดตรัสว่าแม้ฆ่าเสีย พวกลูกเมียมันจะอพยพหนี จะปล่อยไปให้มันสู้จะดูดี แล้วให้มีธงหนังสือให้ถือไป ว่าโปรดให้นายด่านคิดการขบถ ไม่ห้ามหมดเมืองแขวงตำแหน่งไหน จะเข้าด้วยนายด่านประการใด ให้ตามไปเป็นขบถหมดทั้งนั้น แล้วเอาตรามาประทับคำรับสั่ง อย่ากักขังเข่นฆ่าให้อาสัญ แล้วปลดเปลื้องเครื่องพิฆาตราชทัณฑ์ ธงสำคัญส่งไปให้รีบไคลคลา ฯ ๏ นายด่านรับจับธงเดินตรงออก แกล้งโบกบอกหญิงชายทั้งซ้ายขวา เราจะไปให้ผู้รู้วิชา มาเข่นฆ่าโคตรท้าวเจ้าบุรี ใครเจ็บแค้นแม้นจะเข้ากับเราด้วย จงชูช่วยรบพุ่งในกรุงศรี จะสิ้นสูญบุญท้าวแล้วคราวนี้ ใครต่อตีตายเปล่าไม่เข้าการ แล้วโบกธงตรงออกนอกเมืองหลวง คนทั้งปวงรู้สิ้นทุกถิ่นฐาน ฝ่ายมาลามาลัยใจสำราญ คุมทหารปลอมอยู่ในบูรี ฯ ๏ จะกลับกล่าวชาวบ้านด่านสมุทร เป็นที่สุดนับถือพระฤๅษี นางโฉมยงนงลักษณ์อัคนี ขึ้นอยู่ที่ป้อมปืนทุกคืนวัน ทั้งพี่เลี้ยงเคียงอาสน์ต่างคาดว่า นายด่านกล้าขึ้นไปถึงไอศวรรย์ เห็นทีท้าวเจ้าพาราจะฆ่าฟัน เมื่อวันนั้นนึกจะห้ามก็ขามใจ แม่ก็รู้อยู่ทำไมจึงไม่ห้าม หรือต้องตามกลศึกนึกไฉน นางยิ้มพลางทางว่าเห็นไม่เป็นไร ปล่อยขึ้นไปได้ทีดีข้างเรา ถึงเจ้าเมืองเคืองขัดจะตัดหัว ตายแต่ตัวนายกองกรรมของเขา ฝ่ายพวกพ้องต้องโทษทั้งโคตรเค้า จะช่วยเรารบรุดจนสุดมือ ได้รายทางวางคนทำกลศึก ฉันตรองตรึกเห็นกระนี้ไม่ดีหรือ แม้รบเราเผาเมืองให้เลื่องลือ ทั้งฝีมือความคิดวิทยา อันนายด่านฉันให้ไปมิได้ห้าม ด้วยจับยามเห็นว่ายังไม่สังขาร์ ให้หนังสือถือไปมาลัยมาลา ใช้ปัญญาดูสักครั้งจะอย่างไร พี่เลี้ยงฟังบังคมชมฉลาด แม่คิดคาดเหลือดีจะมีไหน ต่างจับยามตามตำราประสาใจ เห็นจะได้คืนกลับไม่อับจน ต่างเตรียมศึกฝึกเหล่าพวกชาวบ้าน ให้รอนราญรุกรบถึงหลบฝน ฝ่ายโฉมยงนงเยาว์เสาวคนธ์ ขึ้นอยู่บนป้อมชั้นเชิงบรรพต ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านถึงบ้านไหน เกลี้ยกล่อมได้เพื่อนสนิทคิดขบถ เป็นหลายร้อยพลอยสมัครด้วยรักยศ ล้วนคนคดเขาไม่เอาเข้าบาญชี ไปตามทางกลางถนนคนทั้งหลาย ไม่ใกล้กรายเกลียดกลัวเอาตัวหนี พวกนายด่านพาลทะนงด้วยธงมี ทำท่วงทีเป็นสุภาตุลาการ ถึงบ้านไหนได้คำนับธงรับสั่ง เรียกเอาทั้งเหล้าข้าวของคาวหวาน ข่มเหงเล่นเป็นโสดด้วยโปรดปราน จะไปด่านคิดสู้กับภูมินทร์ ชาวบ้านเมืองเคืองแค้นแสนสาหัส โกรธกษัตริย์กระซิบว่านินทาสิ้น ทำธงให้อ้ายขบถคดแผ่นดิน มาขู่กินเล่นสนุกปรับทุกข์กัน นายด่านได้ไพร่พลมาอลหม่าน เข้าถึงด่านดังหนึ่งมาถึงสวรรค์ พวกลูกเต้าบ่าวไพร่ดีใจครัน มาพร้อมกันอยู่ที่พระอัคนี นายด่านกราบราบเรียบพับเพียบพลอด ครั้งนี้รอดเพราะหนังสือพระฤๅษี แล้วเล่าความตามท้าวเจ้าบูรี ให้ฆ่าตีตอบโต้โมโหฮึก กำลังโกรธโปรดปรานประทานยศ ให้เป็นขบถคิดอ่านทำการศึก ตีตราธงส่งให้เหมือนใจนึก เหลือรำลึกถึงคุณพระมุนี ช่างฉลาดคาดแน่เหมือนแลเห็น หรือพระเป็นเทวดาในราศี โปรดประหารผลาญท้าวเจ้าบุรี ขึ้นนั่งที่แทนกษัตริย์ขัตติยา ฯ ๏ พระดาบสอดยิ้มพริ้มพระโอษฐ์ ภิปรายโปรดว่าเราขาดปรารถนา ไม่นิยมสมบัติกษัตรา หมายโสดาแดนสวรรค์ชั้นวิมาน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้จะมิช่วย สงสารด้วยศิษย์หาโยธาหาญ ถ้าเขารบเราก่อนจึงรอนราญ อันเมืองด่านแดนเดินเนินบรรพต จงหัดให้ไพร่พลรู้กลรบ ที่หลีกหลบไล่ล้อมพร้อมกันหมด เดินกระบวนส่วนเดียวไม่เลี้ยวลด ชื่อว่าทศโยธาแสนยากร เป็นสิบกองต้องหัดให้ผลัดเปลี่ยน กระหวัดเวียนวกหลังเหมือนสั่งสอน สำคัญกลองฆ้องขานเข้าราญรอน ให้พลผ่อนผลัดรบบรรจบกัน ฯ ๏ นายด่านฟังดังหนึ่งได้ชัยชนะ สาธุสะศึกเสือเหลือขยัน ไม่กลัวใครได้ครูจะสู้กัน ไล่ห้ำหั่นกินดิบในพริบตา แล้วสั่งให้ไปจัดหัดทหาร ให้ชำนาญหนีไล่เลี้ยวซ้ายขวา ได้หลายหมื่นล้วนทมิฬสิ้นโยธา ทั้งพลการะเวกนั้นด้วยพันร้อย แบ่งพวกหญิงชาญธนูอยู่กำกับ ทั้งสิบทัพคุมไพร่คอยใช้สอย เห็นแทงฟันมันไม่ม้วยจึงช่วยพลอย ยิงให้ลอยข้ามทัพพออัปรีย์ เป็นสิบหมู่รู้กันสำคัญฆ้อง ให้ตีกลองว่องไวทีไล่หนี สงบให้เขามารบราวี จึงตามตีติดพันเหมือนสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายราหูผู้รับสั่งที่ตั้งทัพ มิได้กลับด้วยยังไม่ได้ให้หา พอรู้ข่าวท้าวปล่อยคนโทษมา ทั้งมีตราสั่งกำชับให้จับเป็น เห็นวิปริตผิดอย่างแต่ปางก่อน ราษฎรจะได้ทุกข์เกิดยุคเข็ญ มิควรทำลำบากให้ยากเย็น แต่จำเป็นก็จะต้องฉลองคุณ จึงสั่งฝ่ายนายรองทั้งกองทัพ ให้กำกับกันแต่พื้นพวกหมื่นขุน จะปีนเข้าเผาเมืองให้ชุลมุน ทั้งทัพหนุนหน้าหลังประดังกัน นายกองรับกลับออกมาบอกไพร่ เตรียมเชื้อไฟดินดำกำมะถัน ทั้งสายโซ่โยทะกาผ้าน้ำมัน บ้างทำบันไดปีนตีนกำแพง ส่วนราหูผู้ชำนาญในการรบ แต่งตัวครบเครื่องยุทธ์อาวุธแฝง ถือโลหะจรีเหมือนตรีแทง คันทองแดงสี่ศอกเม็ดดอกบัว กิเลนขี่มีเกราะโลหะหุ้ม หมวกโหม่งครุ่มครอบสวมใส่กรวมหัว มันยักคิ้วหลิ่วตาดูน่ากลัว ตัวเหมือนตัวพยัคฆาหน้าเหมือนคน แล้วตีฆ้องกลองศึกพิลึกลั่น ธงสำคัญโบกคว้างมากลางหน ต่างโห่ร้องซ้องเสียงสำเนียงพล ขับกันกล่นเกลื่อนมาล้อมป้อมปราการ แล้วหยุดทัพยับยั้งสั่งให้บ่าว ร้องว่าชาวทะเลเดรฉาน เป็นขบถคดโกงพระโองการ จะรอนราญเร่งออกมาอย่าช้าที แม้นิ่งอยู่กูจะเข้าไปเอาโทษ ให้สิ้นโคตรคนถือพระฤๅษี ใครนับถือซื่อต่อเจ้าธรณี มาภักดีจะโปรดที่โทษกรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลบนเชิงเทินเนินหอรบ ไม่หลีกหลบต้านศึกเหมือนฝึกสอน เหวยราหูผู้เฒ่าเจ้านคร เมื่อคราวก่อนก็อุบายปดนายกู ให้ออกไปใส่กรงส่งเมืองหลวง ทำล่อลวงเลี้ยวลดไม่อดสู ยังมีหน้ามาอีกเล่าเฒ่าหัวงู แล้วนายกูจะไปจับมาสับฟัน ฯ ๏ ราหูฟังคั่งแค้นขับทหาร เข้าหักด่านเข่นฆ่าให้อาสัญ พลางตีฆ้องกลองรบสมทบกัน โห่สนั่นครั่นครื้นยิงปืนไฟ บ้างโยนโซ่โยถกาขาเกี่ยวติด ไต่ประชิดแทงฟันเสียงหวั่นไหว ชาวด่านเอาเสาทิ้งกลิ้งลงไป ถูกนายไพร่เจ็บป่วยบ้างม้วยมรณ์ ที่เหลือตายนายขับขึ้นรับรบ จุดเพลิงคบขว้างทิ้งบ้างยิงศร ชาวด่านแทงแพลงพลาดสาดน้ำร้อน ต่างแทรกซ่อนรอนรันประจัญบาน ฯ ๏ ฝ่ายนงลักษณ์อัคนีอยู่ที่ป้อม เห็นทัพล้อมพร้อมพรักเข้าหักหาญ ได้ท่วงทีตีฆ้องก้องกังวาน ทหารขานโห่รับทั้งทัพชัย เปิดประตูตรูตรงออกยงยุทธ์ อุตลุดไล่ฟันเสียงหวั่นไหว ทั้งสิบทัพนับหมื่นยิงปืนไฟ ถูกนายไพร่ตายล้มไม่สมประดี พวกราหูสู้รบบ้างหลบเลี่ยง ไม่พร้อมเพรียงพลัดพรายกระจายหนี พวกชาวด่านรานรุกเข้าคลุกคลี ผลาญโยธีกองทัพลงนับพัน แต่เสนาราหูยังสู้รบ เลี้ยวตลบหลีกลัดสกัดกั้น ขับกิเลนเผ่นโผนโจนประจัญ ไล่แทงฟันหันคว้างอยู่กลางพล พวกด่านห้อมล้อมรุมกลุ้มสกัด ต่างพุ่งซัดศัสตราดังห่าฝน ถูกราหูสู้ดำรงด้วยคงทน ถึงอับจนคนเดียวสิ้นเรี่ยวแรง ฯ ๏ ฝ่ายนายด่านชาญสมุทรขี่อูฐรบ เลี้ยวตลบไล่ทหารชาญกำแหง เห็นราหูจู่โจมโถมเข้าแทง ราหูแรงน้อยรบหลบไม่ทัน ถูกหอกหกตกกิเลนลุกเผ่นโผน นายด่านโจนจับมัดรัดกระสัน ทหารแตกแยกย้ายพลัดพรายกัน นายด่านฟันไพร่นายล้มตายยับ พวกโยธาราหูไม่สู้รบ ลงนอบนบนั่งไหว้ยอมให้จับ พระอัคนีตีกลองเรียกกองทัพ ต่างคืนกลับเกลื่อนมาหน้าปราการ ฯ ๏ นายด่านพาราหูคนผู้เฒ่า มาหมอบเฝ้าที่ตรงป้อมพร้อมทหาร นางเห็นหน้าราหูคนบุราณ คิดสงสารคนแก่ให้แก้มัด เห็นเหน็ดเหนื่อยเมื่อยเหน็บยังเจ็บปวด ให้หมอนวดหลายคนปรนนิบัติ ทั้งเอมโอชโภชนาสารพัด มาตั้งจัดแจงให้เป็นไมตรี แล้วตรัสว่าราหูเป็นผู้เฒ่า อันตัวเรานี้ถือเป็นฤๅษี คิดประโยชน์โปรดสัตว์ในปถพี ไม่ฆ่าตีหญิงชายให้วายชนม์ เราหมายมาว่าจะชมโรมวิสัย ด้วยจงใจเจตนาสถาผล เจ้าเมืองใหญ่ใช้ท่านมาไล่ฆ่าคน จึงจำจนจำสู้ให้รู้ฤทธิ์ เราจับได้ให้สงสารท่านราหู อย่าไปอยู่แปดปนกับคนผิด จะยกโทษโปรดให้ไว้ชีวิต จะสัตย์ซื่อหรือจะคิดเบือนบิดไป ฯ ๏ ราหูฟังสั่งสอนสุนทรปลอบ พลอยเห็นชอบเชิงความตามวิสัย สารภาพกราบฤๅษีด้วยดีใจ พระคุณใครไม่เหมือนคุณพระมุนี มารบรับจับได้ไว้ชีวิต จะขอคิดนับถือพระฤๅษี อยู่เป็นข้ากว่าจะตายวายชีวี พระมุนีอย่าได้แหนงแคลงพระทัย อันองค์ท้าวเจ้าวาหุโลมราช จะสิ้นวาสนาคิดผิดวิสัย ให้ธานีมีศึกไม่ตรึกไตร จะพาไพร่พลตายวายชีวัน ฯ ๏ พระอัคนีปรีชาว่าราหู ท่านย่อมรู้ความจริงทุกสิ่งสรรพ์ อันชิงชัยได้ชนะจะละกัน ชื่อว่าจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย ท่านไปด้วยช่วยกำกับเป็นทัพหน้า ปราบบรรดาเมืองทมิฬสิ้นทั้งหลาย พวกกองทัพจับได้ทั้งไพร่นาย ยังมากมายมอบให้ท่านใช้การ ฯ ๏ ราหูฟังบังคมประนมสนอง จะเป็นกองทัพหน้าไปว่าขาน แม้เมืองไหนไม่อ่อนจะรอนราญ สังหารผลาญชีวันให้บรรลัย แล้วทูลลาพาบ่าวมาเข้าค่าย ทั้งไพร่นายยินดีจะมีไหน ทุกหมู่หมวดตรวจพลสกลไกร ยังอยู่ได้ห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์ ทั้งเกวียนม้าลาที่เคยขี่ขับ เตรียมสำหรับรับนายจะผายผัน พอฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสำคัญ โห่สนั่นลั่นเลื่อนยกเคลื่อนคลา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีกับพี่เลี้ยง จัดพร้อมเพรียงไพร่นายทั้งซ้ายขวา คอยอยู่หลังนั่งคะเนดูเวลา ให้ทัพหน้าเดินไปก่อนได้ค่อนวัน พอแดดร่มลมตกยกทหาร ออกจากด่านเดินพหลพลขันธ์ ต่างขานฆ้องกองทัพรับโห่กัน นายด่านนั้นนำหน้าพลากร นางโฉมยงทรงสิงห์กั้นกลิ้งกลด เผ่นพยศเยื้องไหล่เยี่ยงไกรสร ประโคมฆ้องกลองแห่ทั้งแตรงอน อ้อมสิงขรขึ้นทางไปหว่างเนิน พวกขอเฝ้าเหล่าสี่พระพี่เลี้ยง ประคองเคียงข้างนางไม่ห่างเหิน ต้นยางยูงสูงสล้างริมทางเดิน ต่างมุ่งเมินเดินชมพนมไพร พฤกษาออกดอกดวงเป็นพวงห้อย ระย้าย้อยช้อยชดสดไสว พวกผู้หญิงชิงช่วงพวงดอกไม้ ต่างเด็ดได้ไปถวายพระอัคนี ริมเชิงเขาสาวหยุดพุทธชาด เดียรดาษดอกประดับสลับสี รสสุคนธ์มณฑาสารภี มะลุลีลั่นทมน่าชมเชย สองข้างทางนางแย้มแกมกุหลาบ แก้วอังกาบพุดพะยอมหอมระเหย นางชมชื่นรื่นร่มลมรำเพย คิดถึงเคยคราวครั้งไปลังกา เคยพร้อมพรั่งทั้งสองพระน้องพี่ ได้ชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา มาห่างแหแต่นี้พระพี่ยา ไม่เห็นหน้าน้องแล้วจะแคล้วกัน ยิ่งตรึกตราอาลัยจะใคร่กลับ แต่ล่าทัพอับอายจำผายผัน พระพักตร์เศร้าเปล่าใจในไพรวัน สู้อัดอั้นกลั้นสะอื้นฝืนฤทัย รีบเดินทางกลางวันได้พันเส้น ครั้นจวนเย็นทำพลับพลาหยุดอาศัย ครั้นเช้าตามทัพหน้าเคลื่อนคลาไคล ตลอดไปตามทางหว่างคีรี ฯ ๏ ฝ่ายราหูผู้เฒ่าเข้าแดนด่าน ห้ามชาวบ้านน้อยใหญ่มิให้หนี เที่ยวบอกเล่าเจ้าเมืองเอกโทตรี ว่ามุนีมีบุญกรุณา เมืองเล็กน้อยพลอยเห็นเช่นราหู ไม่รบสู้สาพิภักดิ์ด้วยหนักหนา คอยรับทัพคับคั่งตั้งบูชา ล่วงด่านมาห้าชั้นไม่อันตราย ฯ ๏ จะกล่าวเรื่องเมืองด่านทหารเอก ชื่อตรีเมฆคุมทมิฬสิ้นทั้งหลาย ครั้นรู้ว่าราหูคบผู้ร้าย ชวนหญิงชายภักดีด้วยชีไพร จะยกมาชวนเราให้เข้าด้วย จำต้องช่วยเจ้าปราบราบให้ได้ จึงรีบรัดจัดพลสกลไกร ทั้งนายไพร่พร้อมหน้าถืออาวุธ แล้วยกออกนอกด่านด้วยหาญฮึก จะปราบศึกเสี้ยนแผ่นดินให้สิ้นสุด ทั้งสี่หมื่นพื้นทหารชำนาญยุทธ์ ไม่ยั้งหยุดยกเดินขึ้นเนินทราย พอพบกับทัพหน้าพวกราหู ต่างรอดูท่วงทีไม่หนีหาย บ้างแกว่งกลอกหอกดาบปลาบประกาย นายต่อนายออกหน้าร้องพาที ตรีเมฆว่าราหูเป็นผู้เฒ่า ไยไปเข้านับถือพระฤๅษี เสียแรงท้าวเจ้าจังหวัดปถพี ประทานที่บ้านเมืองแลเครื่องยศ ให้ยกทัพนับแสนไปแดนด่าน สังหารผลาญผู้ผิดคิดขบถ เหตุไฉนใจจิตจึงคิดคด ทรยศยกมาจะราวี ฯ ๏ ฝ่ายราหูผู้เฒ่าจึงเล่าเรื่อง เดิมคิดเคืองคนนับถือพระฤๅษี เรายกไปให้ทหารเข้าต้านตี จนเสียทีชีวันจะบรรลัย พระฤๅษีมีคุณการุญโปรด ไม่ถือโทษเมตตาอัชฌาสัย ให้กลับมาว่ากล่าวทูลท้าวไท มิให้ไพร่พลเมืองเคืองรำคาญ ด้วยฤๅษีประโยชน์จะโปรดสัตว์ ไม่นิยมสมบัติพัสถาน เรานำหน้ามาแถลงให้แจ้งการณ์ จะรุกรานท่านผู้ใดก็ไม่มี ท่านเลิกทัพขับไพร่ไปเสียเถิด อย่าให้เกิดรบพุ่งเอากรุงศรี ช่วยทูลท้าวเจ้าจังหวัดปถพี ให้ภักดีดาบสทรงพรตธรรม์ จะก่อศึกฮึกหาญเป็นการชั่ว จะร้อนทั่วทุกประเทศทั้งเขตขัณฑ์ ท่านกับเราเล่าก็มีไมตรีกัน จงผ่อนผันพอให้ควรอย่าลวนลาม ฯ ๏ ตรีเมฆว่าราหูคบผู้ร้าย คิดอุบายเบียดเบียนเป็นเสี้ยนหนาม เป็นข้าครอกนอกเจ้าข้าวนอกชาม ช่วยติดตามรบราญด่านเข้ามา ตัวเองนี้เราเห็นเป็นคนคด ทรยศต่อแผ่นดินสิ้นขายหน้า ไม่คิดคุณทูลกระหม่อมชุบย้อมมา ซ้ำอาสานำขบถมาปดเรา เร่งถอยทัพกลับไปเสียให้พ้น ไม่คบคนหือรือโหดพวกโฉดเฉา มิฟังว่าราหูอย่าดูเบา จะตัดเอาศีรษะเสียบประจาน ฯ ๏ ราหูว่าฉาฉีอ้ายตรีเมฆ กลับโหยกเหยกก่อศึกพูดฮึกหาญ จะทำให้ไพร่เมืองเคืองรำคาญ กูจะผลาญเสียให้ตายวายชีวี ขับกิเลนเผ่นโผนกระโจนจับ ตรีเมฆขับแรดรบไม่หลบหนี ต่างรับรองป้องกันประจัญตี ปะทะทีฟันแทงต่อแย้งยุทธ์ เหล่าทหารต่อทหารรุกราญรบ ไม่หลีกหลบกลอกกลับสัประยุทธ์ ต่างพุ่งซัดศัสตราแกว่งอาวุธ อุตลุดตะลุมบอนไล่ฟอนฟัน ทั้งสองฝ่ายนายไพร่ต่างไวว่อง ต่างรับรองเรี่ยวแรงล้วนแข็งขัน พอนายด่านชานชลายกมาทัน โห่สนั่นหนุนกลุ้มเข้ารุมรบ บ้างโอบอ้อมล้อมหลังไล่สังหาร พวกพลด่านตายยับซ้อนซับศพ ทั้งสองทัพขับโยธีตีสมทบ ตรีเมฆหลบหลีกล่าเข้าป่ารัง ราหูไล่นายด่านเข้าต้านหน้า พวกโยธาหุ้มห้อมล้อมหน้าหลัง ตรีเมฆรับสัประยุทธ์สุดกำลัง ตกจากหลังแรดล้มไม่สมประดี ทหารรุมกลุ้มกลัดจับมัดมั่น ไล่ฆ่าฟันไพร่นายพลัดพรายหนี พอทัพหลังทั้งองค์พระอัคนี มาถึงที่รบทัพตั้งพลับพลา ฯ ๏ ฝ่ายสองทัพจับได้ไพร่ชาวด่าน มาประมาณสามหมื่นล้วนปืนผา ราหูให้ไพร่มัดตรีเมฆมา หมอบตรงหน้าเฝ้าพระอัคนี แล้วทูลความตามพบได้รบสู้ นี่ตัวผู้รั้งด่านชานกรุงศรี นางทรงฟังสั่งว่าอย่าฆ่าตี ให้แก้ตรีเมฆออกแล้วบอกความ เราถือศิลจินตนารักษากิจ มิได้คิดการบาปที่หยาบหยาม เจ้าของท่านไม่ควรทำลวนลาม นายด่านห้ามก็ไม่ฟังอหังการ์ ไม่ทำบุญฉุนเฉียวซ้ำเกรี้ยวโกรธ จะฆ่าโคตรญาติวงศ์เผ่าพงศา จึงจำช่วยด้วยสมเพชเวทนา หมายจะมาว่ากล่าวกับท้าวไท ให้ถือธรรมจำศิลสิ้นมานะ แล้วเราจะขึ้นไปชมโรมวิสัย ท่านซื่อตรงจงบำรุงเจ้ากรุงไกร ให้อยู่ในศีลสัตย์สวัสดี ฯ ๏ ตรีเมฆนั่งฟังตรัสมธุรส น้อมประณตนับถือพระฤๅษี ท่านคิดชอบขอบคุณพระมุนี ขอเป็นที่พึ่งให้พ้นภัยพาล จะไปด้วยช่วยส่งถึงเมืองหลวง คนทั้งปวงปะข้าจะว่าขาน ให้เปิดด่านชั้นเจ็ดสำเร็จการ ได้พบพานพูดกับท้าวเจ้าแผ่นดิน ให้ท้าวหายร้ายดุด้วยสุภาพ ไม่ทำบาปหยาบช้ารักษาศิล ได้เย็นใจไพร่ฟ้าเห็นอาจิณ จะเพิ่มภิญโญยศปรากฏไป ขอพระองค์จงพาโยธาหาญ เข้าในด่านอย่าแคลงแหนงไฉน แล้วนำหน้าพาพลสกลไกร เข้าอยู่ในด่านสิ้นดังจินดา แล้วเร่งใช้ให้บ่าวไปป่าวร้อง ชาวบ้านช่องหญิงชายทั้งซ้ายขวา แต่งสำรับกับข้าวทั้งเหล้ายา เลี้ยงบรรดาพลพรรคพระอัคนี แล้วบอกเล่าเหล่าทมิฬสิ้นทั้งนั้น ให้พร้อมกันนับถือพระฤๅษี ครั้นรุ่งเช้าเข้ามาว่าข้านี้ ขอเป็นที่ทัพหน้าล่วงคลาไคล ไปบอกเล่าเจ้านครเขื่อนเพลิงนั้น ให้ด่านชั้นเจ็ดแจ้งแถลงไข เปิดทางทัพรับพระองค์ให้ตรงไป เห็นจะได้ด้วยเป็นมิตรสนิทกัน ฯ ๏ พระอัคนีดีใจมิได้ห้าม สุดแต่ความคิดนายเร่งผายผัน ตรีเมฆลาพาทหารขาวด่านนั้น หมื่นห้าพันเข้าประจำนำลีลา ตรีเมฆนั่งหลังแรดผาดแผดร้อง พาพวกพ้องพลเดินบนเนินผา แล้วองค์พระอัคนีผู้ปรีชา ตรัสสั่งราหูให้ยกไปตาม ตะวันบ่ายนายทหารด่านปากน้ำ ยกทัพนำหน้าเสด็จไม่เข็ดขาม ทั้งทัพหลังทัพหลวงล่วงสามยาม จึงยกตามสามทัพกำกับไป ฯ ๏ จะกล่าวความนามพระกาลชาญสมร เจ้านครเขื่อนเพลิงเชิงไศล คุมทหารด่านสำคัญอยู่ชั้นใน ให้ม้าใช้สืบเรื่องหัวเมืองราย รู้ข่าวว่าราหูกับตรีเมฆ คิดโหยกเหยกคบขบถจึงจดหมาย เป็นความเมืองเรื่องราวทูลเจ้านาย แล้วแจกจ่ายเสื้อหมวกให้พวกพล ทั้งปืนผาอาวุธเครื่องยุทธ์ครบ จะคอยรบทัพศึกเตรียมฝึกฝน ตระเวนระวังนั่งทางทุกตำบล แล้วขับพลขึ้นประจำป้อมกำแพง ให้ลงขวากลากปืนเข้าจุกช่อง ทุกหมวดกองเกณฑ์กันล้วนขันแข็ง หอรบรายค่ายป้อมให้ซ่อมแปลง รีบจัดแจงอาวุธยุทธนา ฯ ๏ ฝ่ายตรีเมฆเสนีที่ไปก่อน ถึงนครเขื่อนเพลิงริมเชิงผา เห็นพวกพลล้นหลามตามเสมา เดินตรวจตราเตรียมการจะราญรอน จึงรอรั้งตั้งค่ายอยู่ชายทุ่ง พอย่ำรุ่งเรียกเสมียนเขียนอักษร ให้บ่าวไปในเมืองแจ้งเรื่องร้อน เจ้านครรับอ่านดูสารพลัน ฯ ๏ หนังสือนี้ตรีเมฆเจ้าเมืองด่าน ขอแจ้งการณ์เวียงชัยไอศวรรย์ อย่าโมโหโกรธาคิดฆ่าฟัน จงอดกลั้นตรองความให้งามดี เร่งถือธรรมจำศิลสิ้นโทโส ได้ภิญโญยศบำรุงชาวกรุงศรี เดิมราหูผู้เฒ่ากับเรานี้ ออกต้านตีแตกทัพได้อับอาย เธอจับได้ไม่สังหารผลาญชีวิต จึงเห็นฤทธิ์ว่าฤๅษีดีใจหาย ใครรบสู้ผู้นั้นจะอันตราย คนทั้งหลายเลื่อมใสพร้อมใจกัน จงรู้เถิดเปิดด่านให้ท่านด้วย จะได้ช่วยโปรดให้ไปสวรรค์ เราบอกความตามจริงทุกสิ่งอัน แม้ป้องกันกีดฤๅษีจะมีภัย ฯ ๏ พระกาลฟังคั่งแค้นแสนพิโรธ สู้อดโกรธรักษาอัชฌาสัย จึงเสแสร้งแกล้งตอบว่าขอบใจ ที่ชวนชักรักใคร่จะให้ดี ทั้งบอกกล่าวราวเรื่องให้รู้เหตุ ผู้วิเศษจะบำรุงเจ้ากรุงศรี แม้จริงจังดังว่าอย่าช้าที บอกให้ตรีเมฆมาพูดจากัน ฯ ๏ ฝ่ายผู้ถือหนังสือลับกลับมาค่าย บอกความนายตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ ตรีเมฆฟังนั่งรำพึงอยู่ครึ่งวัน คิดพรั่นพรั่นเพื่อนเราจะเผาเรือน แม้มิไปไม่ดีเหมือนขี้ขลาด ไม่องอาจอายใจใครจะเหมือน พอพระกาลให้ม้าใช้ออกไปเตือน ไม่บิดเบือนบอกว่าเราจะเข้าไป เรียกบ่าวตามสามคนเข้าเมืองด่าน ฝ่ายพระกาลยินดีจะมีไหน จับเสนีตรีเมฆลงเหล็กไว้ แล้วคุกคามถามไต่จงให้การ ตัวเป็นข้าฝ่าพระบาทบดินทร์สูร ได้เพิ่มพูนยศศักดิ์อัครฐาน เคยถือน้ำทำสัตย์ปฏิญาณ กินเมืองด่านแดนประเทศเขตนคร เหตุไฉนใจคอจึงทรยศ เป็นขบถบพิตรอดิสร มาชวนเราเข้าด้วยให้ม้วยมรณ์ ทำยอกย้อนอย่างนั้นด้วยอันใด เคยเป็นมิตรคิดว่าดีดูตรีเมฆ มาโหยกเหยกอย่างนี้ผิดวิสัย จะต้องเอาเข้ากรงบอกส่งไป จะว่าไรเร่งว่าอย่าช้าที ฯ ๏ ตรีเมฆฟังคั่งแค้นแหงนหัวร่อ กูไม่ง้อขอชีวิตไม่คิดหนี นึกว่าเพื่อนเหมือนเขาว่าเพราะปรานี มึงกลับตีเอาเรือไม่เชื่อฟัง ถึงกูตายภายหน้ากรรมมาถึง พวกของมึงจึงจะตายเมื่อภายหลัง กูซื่อตรงหลงประมาทจึงพลาดพลั้ง มึงระวังหัวเถิดวะอ้ายพระกาล ฯ ๏ เจ้าเมืองฟังสั่งให้ใส่กรงไว้ แต่บ่าวไพร่ปล่อยออกไปบอกทหาร ว่านายผิดคิดร้ายจะวายปราณ พวกชาวด่านเป็นแต่ไพร่มิได้คิด พากันมาหาเราไม่เอาโทษ จะช่วยโปรดผ่อนปรนให้พ้นผิด ให้จงรักภักดีเจ้าชีวิต อย่าควรคิดขัดขวางเหมือนอย่างนาย ฯ ๏ ฝ่ายโยธีตรีเมฆสักหมื่นเศษ ครั้นรู้เหตุย่อท้อใจคอหาย แต่นายกองร้องห้ามตามอุบาย เขาลวงนายเราเข้าไปจับใส่กรง เราเข้าหาน่าที่จะมีผิด มันคงคิดจับกุมอย่าลุ่มหลง รักษาค่ายไว้ด้วยกันให้มั่นคง เมื่อมันส่งเมืองหลวงจึงช่วงชิง ช่วยแก้แค้นแทนนายเหมือนหมายมาด เราล้วนชาติชายใช่น้ำใจหญิง ทั้งพวกไพร่ใหญ่น้อยพลอยเห็นจริง หวังจะชิงนายด่านคอยราญรอน ฯ ๏ ฝ่ายราหูผู้กำกับอยู่ทัพหน้า ยกโยธามาตามทางหว่างสิงขร พอแดดลบหลบสิ้นแสงทินกร ใกล้นครเขื่อนเพลิงเชิงคิรี จึงหยุดทัพยับยั้งอยู่หลังเขา คอยจับชาวเมืองข้างทางวิถี ให้ม้าใช้ไปที่ค่ายฟังร้ายดี พอพวกตรีเมฆมาบอกว่านาย เขาจับได้ใส่กรงเหล็กขังไว้ จะส่งไปให้เสมียนเขียนจดหมาย ราหูฟังสั่งความตามอุบาย ไปอยู่ค่ายคอยดูชาวบูรี แม้พระกาลเกณฑ์ทหารออกห้อมล้อม อุส่าห์พร้อมใจรบอย่าหลบหนี แล้วพวกพ้องกองเราจะเข้าตี ชิงบุรีเห็นจะเสร็จสำเร็จการ ปลัดทัพรับลากลับมาค่าย บอกอุบายถ้วนทั่วตัวทหาร ต่างดีใจไม่นอนจะรอนราญ แม้ชาวด่านมาจับจะรับรบ ฯ ๏ ฝ่ายพระกาลหาญศึกนั่งปรึกษา กับบรรดาขุนนางผู้รู้ขนบ พวกโยธีตรีเมฆไม่นอบนบ เห็นจะรบรอราอยู่ท่าทัพ ถ้าพวกพ้องของมันนั้นมามาก จะทำยากจริงเจียวต้องเคี่ยวขับ อยู่แต่ไพร่ไม่ยอมน้อมคำนับ ไปล้อมจับตัวมันเสียวันนี้ พวกนายรองกองทะลวงหลวงปลัด จงรีบรัดเรียกกันขมันขมี พอคุมคนพรักพร้อมออกล้อมตี เป็นพลสี่กองรบสมทบกัน ฯ ๏ ฝ่ายนายรองกองทะลวงหลวงปลัด รับคำจัดพวกพหลพลขันธ์ ถืออาวุธจุดคบมีครบครัน แล้วชวนกันยกออกนอกกำแพง เข้าโอบอ้อมล้อมรอบริมขอบค่าย จุดคบรายเรียงสว่างกระจ่างแสง บ้างถอนขวากลากเหนี่ยวด้วยเรี่ยวแรง ชาวด่านแย้งยิงปืนเสียงครื้นครึก ทั้งสี่ทัพขับระดมเข้าสมทบ เร่งให้รบตีกลองเสียงก้องกึก โห่สนั่นลั่นเลื่อนสะเทื้อนสะทึก กำดัดดึกครึกครื้นด้วยปืนรบ ฯ ๏ ฝ่ายราหูรู้ว่าคนออกปล้นค่าย ขับไพร่นายหนุนกันแล้วบรรจบ เข้าล้อมหลังชาวบุรีตีกระทบ ฟันจนศพซ้อนซับลงทับกัน พวกนายรองกองทะลวงหลวงปลัด แตกกระจัดกระจายเวียนวิ่งเหียนหัน พวกโยธีตรีเมฆหมื่นสี่พัน ออกไล่ฟันไพร่นายวอดวายวาง พลบุรีสี่หมื่นตายดื่นดาษ กลิ้งเกลื่อนกลาดกลางทุ่งจนรุ่งสาง บ้างหลบลี้หนีจนวนอยู่กลาง บ้างเจ็บบ้างตายล้มไม่สมประดี ฯ ๏ ฝ่ายพระกาลหาญเหี้ยมยืนเยี่ยมป้อม เห็นศึกล้อมเหล่าทหารลนลานหนี เร่งยกทัพขับออกนอกบุรี ตัวขึ้นขี่โลโตไล่โยธา รุมระดมสมทบรบราหู เป็นหมวดหมู่มากมายทั้งซ้ายขวา พอแดดสายนายด่านชานชลา ยกโยธามาสำทับช่วยรับรบ ทัพราหูอยู่กลางข้างนายด่าน ล้อมพระกาลไว้อีกไม่หลีกหลบ เป็นห้าทัพขับโยธีตีกระทบ ต่างรุกรบรับกันประจัญบาน พอทัพพระอัคนีกับพี่เลี้ยง ได้ยินเสียงแซ่เซงเร่งทหาร แซงสกัดลัดทางข้างพระกาล ผลาญชาวด่านตายกลาดดาษดา ฯ ๏ ฝ่ายพวกพ้องของฤๅษีทั้งยี่สิบ คอยซุบซิบอยู่ในด่านนานหนักหนา ขึ้นปลอมดูผู้คนบนเสมา เห็นโยธาทัพพระอัคนี จึงช่วยกันฟันคนอลหม่าน เปิดทวารออกไปรับทัพฤๅษี พวกพลล้อมพร้อมพรูเข้าบูรี ไล่ฆ่าตีรี้พลบนกำแพง พวกอยู่ป้อมล้อมวงโดดลงวิ่ง ตกใจจริงทิ้งอาวุธลงมุดแฝง ฝ่ายพระกาลราญรอนจนอ่อนแรง เห็นทัพแซงเกรียวกรูเข้าบูรี จะถอยกลับทัพฤๅษีสกัดไว้ ทั้งพวกไพร่พลตายพลัดพรายหนี เห็นศึกเสือเหลือจะสู้พวกมุนี จริงของตรีเมฆบอกไม่หลอกลวง จึงขับโลโตวิ่งทิ้งทหาร ไม่เข้าด่านแยกเยื้องไปเมืองหลวง ที่เหลือตายนายรองกองทะลวง ต่างเสียท่วงทีทัพอัปรา ทิ้งอาวุธทรุดหมอบนบนอบน้อม ต่างร้องยอมสาพิภักดิ์ด้วยหนักหนา พระอัคนีมีจิตคิดเมตตา เรียกโยธาถอยกลับทั้งทัพชัย ต่างล้าเลื่อยเหนื่อยหนักเข้าพักผ่อน อยู่นครเขื่อนเพลิงเชิงไศล เหล่าฤๅษีรี้พลสกลไกร สำราญใจสรวลเสเสียงเฮฮา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีถอดตรีเมฆ ตั้งเป็นเอกอำมาตย์อาจอาสา แล้วเลี้ยงดูหมู่พหลพลโยธา อยู่พาราเขื่อนเพลิงเริงสำราญ ฯ ๏ จะกลับกล่าวท้าววาหุโลมราช สถิตอาสน์ออกเสนาแน่นหน้าฉาน พอรู้ข่าวราวเรื่องเมืองพระกาล ว่าเสียด่านทั้งหกก็ตกใจ จึงตรัสว่าข้าศึกมันฮึกหาญ เพราะพวกด่านแดนมหาชลาไหล ลวงเกลี้ยกล่อมพร้อมเพรียงชาวเวียงชัย กูจะไปรบเองไม่เกรงกลัว น้อยหรือหวาชะล่าใจอ้ายตรีเมฆ มันโหยกเหยกสาหัสจะตัดหัว ทั้งฤๅษีที่โกหกพูดยกตัว กูไม่กลัวดอกจะจับมาสับฟัน อ้ายพวกด่านบ้านนอกมันหลอกเจ้า ทั้งโคตรเค้าเข่นฆ่าให้อาสัญ พระเคืองขัดตรัสด่าสารพัน ยังมิทันขาดคำเธอสำลัก พอพระกาลด่านในหนีไปถึง เสียงกริ้วอึงอึกทึกใจตึกตัก จะผ่อนตัวกลัวว่าจะช้านัก อุส่าห์หักใจคอไม่รอรั้ง คลานเข้ามาหน้าฉานก้มกรานกราบ สารภาพทูลตามเนื้อความหลัง ได้รบทัพสัประยุทธ์สุดกำลัง สงครามครั้งนี้ล้นพ้นประมาณ ด้วยมากมายหลายทัพดูนับแสน มาเนืองแน่นหนุนหนักเข้าหักหาญ ทั้งราหูจู่โจมมาโรมราญ จึงเสียด่านเมืองหลวงเสียท่วงที พระเดือดด่าราหูตรีเมฆด้วย น้อยหรือช่วยกันรบคบฤๅษี คงเห็นกันมันกับกูได้ดูดี เหวยมนตรีเร่งรัดไปจัดทัพ ทั้งหน้าหลังตั้งกองสักสองแสน ให้ทันแค้นกูจะไปล้อมไล่จับ อำมาตย์หมอบนอบนบเคารพรับ ไปจัดทัพทวยหาญชำนาญรบ เป็นเกียกกายซ้ายขวากองหน้าหลัง ถือดาบดั้งโล่เขนล้วนเจนจบ ทั้งปีกป้องกองตระเวนเกณฑ์สมทบ ถือเครื่องรบครบทั่วทุกตัวคน บ้างขี่ม้าลีลาชุมพาแพะ ขี่กวางแกะเลียงผาโกลาหล ตั้งกระบวนถ้วนหน้าตรวจตราพล ผูกเสือต้นลายเหลืองเรืองระยับ มีเบาะอานผ่านอกผ้าปกข้าง แก้วกระจ่างแจ่มเม็ดเพชรประดับ มาเรียงเรียบเทียบเกยเคยประทับ ต่างเตรียมรับสรรพเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าวาหุโลมราช ยุรยาตรอ่าองค์สรงสนาน ประดับเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล เกราะประสานสร้อยกระสันกันอาวุธ แล้วเหน็บตรีมีฝักสะพักศร คทาธรถือสำหรับสัประยุทธ์ กริชทองแดงแฝงองค์เครื่องยงยุทธ์ มายั้งหยุดยืนดูหมู่โยธา เห็นพร้อมพรั่งคั่งคับขับทหาร ให้พระกาลกำกับกองทัพหน้า พระทรงนั่งหลังพยัคฆ์อันศักดา ให้เคลื่อนคลาพลออกนอกบุรี ทหารโห่โกลาทั้งหน้าหลัง ดูคับคั่งเกลื่อนกลางทางวิถี อึกทึกกึกก้องฆ้องกลองตี ทั้งผงคลีคลุ้มฟ้านภาดล ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีอยู่ที่ด่าน ปรนทหารเหิมฮึกแล้วฝึกฝน ทั้งไล่หนีทีโถมโจมประจญ ให้รู้กลการณรงค์ในสงคราม เรียกราหูผู้เฒ่าเข้ามาสั่ง ตรีเมฆทั้งนายด่านชาญสนาม บอกนายรองกองร้อยให้รู้ความ เป็นคนสามสิบกองคอยป้องกัน จนล่วงหน้าพากันไปแม้ใครรบ เลี้ยวตลบล้อมทัพให้ขับขัน คอยวงเวียนเปลี่ยนผลัดสกัดฟัน ชื่อกลกันโขลงช้างจับกลางแปลง พวกนายทัพรับว่าสาธุสะ คงชนะข้าศึกไม่นึกแหนง แล้วทูลลาพากันออกนอกกำแพง ต่างจัดแจงพร้อมพลสกลไกร พวกปากน้ำนำหน้าโยธาหาญ โห่สะท้านสะเทื้อนลั่นเสียงหวั่นไหว แล้วเสนีตรีเมฆยกหนุนไป กำหนดไกลร้อยเส้นพอเห็นกัน แล้วราหูผู้กำกับกองทัพหลัง พร้อมสะพรั่งไพร่นายยกผายผัน แล้วทัพพระอัคนีนารีนั้น คุมฉกรรจ์สี่หมื่นเสียงครื้นครึก รีบยกตามสามทัพคนคับคั่ง ประโคมสังข์แตรกลองเสียงก้องกึก โห่สนั่นครั่นครึ้มกระหึมฮึก สะเทื้อนสะทึกทั่วป่าพนาดร ฯ ๏ ฝ่ายกองหน้าวาหุโลมรีบกองทัพ พอพบกับนายด่านชาญสมร พระกาลขับทัพทหารเข้าราญรอน นายด่านต้อนพลขันธ์ประจัญรับ พวกฤๅษีทีรบรู้หลบเลี่ยง เห็นพลาดเพลี่ยงผลุนฟาดเสียงฉาดฉับ พวกวาหุโลมล้มตายไพร่นายยับ พระกาลขับโลโตต้อนโยธี ถือทวนแกว่งแทงทหารชาวด่านโดด เลี่ยงหลีกโลดหลบผิดศิษย์ฤๅษี ยิ่งเดือดใจไล่รุกเข้าคลุกคลี นายด่านขี่อูฐขับเข้ารับรบ ถือหอกแกว่งแทงพระกาลถูกซานทรุด ทิ้งทวนหลุดสุดกำลังกลับหลังหลบ เหล่าทหารด่านกลุ้มเข้ารุมรบ ตีกระทบพระกาลไม่ทานทน ทั้งไพร่นายตายยับลงนับหมื่น เหลือตายตื่นแตกทัพวิ่งสับสน เจ้าวาหุโลมโถมไล่พวกไพร่พล ขับเสือต้นเผ่นโผนโจนทะยาน เสียงโฮกปีบถีบถลาเหลือกตาเขียว ยืนแยกเขี้ยวขวางหน้าโยธาหาญ พวกโยธีรี้พลหลีกลนลาน เห็นนายด่านปากน้ำด่าสำทับ กูเลี้ยงมึงถึงขนาดอ้ายชาติข้า ทำมารยาย้อนยอกคิดกลอกกลับ ให้ฤๅษีที่มึงคบช่วยรบรับ มาสู้กับกูเดี๋ยวนี้ดูฝีมือ ฯ ๏ นายด่านตอบยอบตัวทำหัวเราะ เป็นเหตุเพราะภูวไนยหาไม่หรือ ให้รบพุ่งฟุ้งเฟื่องจนเลื่องลือ ครั้นสุดซื่อสิจะล้างให้วางวาย จึงอุส่าห์มาตามความรับสั่ง ลองกำลังภูวนาถเหมือนมาดหมาย มิคิดบุญคุณท้าวว่าเจ้านาย พระจะวายชีวาเวลานี้ จะตอบแรนแทนคุณทูลกระหม่อม จงนบน้อมนับถือพระฤๅษี ทรงศีลธรรม์กรุณาทั่วธานี จะได้มีเกียรติยศปรากฏไป อันถิ่นฐานบ้านเมืองแลเครื่องยศ พระดาบสไม่จำนงอย่าสงสัย จะสั่งสอนผ่อนปรนให้พ้นภัย ตั้งพระทัยทำบุญกับมุนี ฯ ๏ พระโกรธกริ้วนิ่วหน้าด่านายด่าน อ้ายเดรฉานชาติโกหกยกฤๅษี มึงจองหองลองกับกูดูเดี๋ยวนี้ แม้มึงดีให้เป็นเจ้าชาวพารา แล้วขับเสือเงื้อกระบองร้องตวาด เข้าตีพลาดพลิ้วกายทั้งซ้ายขวา นายด่านหันกันกระบองป้องปัดมา แกล้งล่อล่าลวงให้เธอไล่ตาม พอเธอห่างพรั่งพร้อมเข้าล้อมหุ้ม เป็นศึกรุมรอบข้างกลางสนาม ต้องด้วยกลรณรงค์ในสงคราม แยกเป็นสามสิบกองคอยป้องกัน สกัดตีรี้พลอลหม่าน สังหาญผลาญโยธาให้อาสัญ นายด่านกลับทัพประจบรบประจัญ ตัวนายนั้นล้อมท้าวเจ้าบุรี พระเห็นหน้าราหูว่าอุเหม่ อ้ายโว้เว้กลับไปถือพวกฤๅษี ราหูว่าข้าพเจ้าเข้าด้วยนี้ เพราะเสียทีเธอไม่ล้างให้วางวาย จึงทราบว่าดาบสละยศศักดิ์ มิใคร่รักเงินทองของทั้งหลาย จะไปชมโรมวิสัยให้สบาย จึงมุ่งหมายจะมาเฝ้าทูลท้าวไท ที่นับถือฤๅษีผู้มีพรต ไม่คิดคดต่อพระองค์อย่าสงสัย ขืนรบสู้บูรีจะมีภัย ทั้งนายไพร่ใหญ่น้อยจะพลอยตาย ฯ ๏ พระเดือดด่าราหูอ้ายงูเฒ่า กลับหลอกเจ้าจองหองนี่ใจหาย อันคนดีที่เขารักเจ้านาย ถึงวอดวายไว้ชื่อให้ลือชา มึงนี้หมายขายเจ้าเอาประโยชน์ หือรือโหดฮึกฮักขึ้นหนักหนา มาล่อลวงล่วงพระราชอาชญา จะเข่นฆ่าเสียให้ตายวายชีวี พลางขับเสือเงื้อง่าคทาโถม เข้ารุกโรมราหูก็สู้หนี แกล้งรบรับขับทหารเข้าต้านตี พอพบตรีเมฆมาขวางหน้าไว้ แกล้งร้องว่าฝ่าพระบาทประมาทนัก เมื่อคนรักหรือพระองค์มาสงสัย พระฤๅษีนี้ประเสริฐเลิศไกร ตั้งพระทัยทำบุญกรุณา ไม่ชื่นชมสมบัติพัสถาน จะโปรดปรานไปสวรรค์ให้หรรษา ขอพระองค์จงเป็นมิตรกับสิทธา จะได้ผาสุกสวัสดิ์กำจัดภัย เดี๋ยวนี้เล่าเขาก็ล้อมไว้พร้อมพรั่ง เหมือนเสือขังกรงสิ้นดิ้นไม่ไหว มิโอนอ่อนผ่อนปรนให้พ้นภัย จะเสียไพร่เสียองค์พระทรงยศ ฯ ๏ พระชี้หน้าว่าอุเหม่อ้ายตรีเมฆ พลอยโหยกเหยกเอกกะระอ้ายขบถ กลับมาขู่กูให้ยอมน้อมประณต มึงเหลือคดควรทำลายให้วายปราณ พลางโถมตีตรีเมฆก็ไม่ต้อง คอยปัดป้องปิดทางขวางทหาร เจ้าพาราวาหุโลมไล่โรมราญ จะออกด้านไหนก็ไปมิใคร่พ้น ดูโยธามาด้วยก็ม้วยมอด ที่ยังรอดรวนเรระเหระหน ศึกสมทบรบรับถึงอับจน เที่ยวหันเหียนเวียนวนอยู่หว่างกลาง จนค่ำพลบคบล้อมอยู่พร้อมพรั่ง ข้างหน้าหลังไล่สกัดให้ขัดขวาง ออกด้านไหนไพร่นายยิ่งวายวาง ด้วยเพลิงแดงแสงสว่างดังกลางวัน พระอัคนีมีจิตคิดสงสาร ให้ทหารเรียกพหลพลขันธ์ ใครออกมาหาเราเข้าด้วยกัน ไม่ทำอันตรายสบายดี ฯ ๏ ฝ่ายพวกไพร่ได้สดับไม่รับรบ ออกนอบนบนับถือพระฤๅษี ต่างเรียกเพื่อนเกลื่อนมาในราตรี ที่ต่อตีตัวนายก็วายปราณ ฯ ๏ เจ้าพาราวาหุโลมเหงื่อโซมเสื้อ เที่ยวขับเสืออยู่แต่องค์น่าสงสาร จนรุ่งเช้าท้าวไปปะกับพระกาล หาทหารนายไพร่ก็ไม่มี แต่พวกล้อมพร้อมพรั่งดูคั่งคับ เห็นกองทัพแลพบแต่ศพผี ถามพระกาลท่านกับเราอยู่เท่านี้ จะต่อตีต้านทานประการใด ฯ ๏ พระกาลฟังบังคมบรมนาถ ขอรองบาทบริรักษ์จนตักษัย เชิญพระองค์ทรงศักดิ์รบหักไป ถึงกรุงไกรเตรียมทัพกลับมารบ จะขับเคี่ยวเดี๋ยวนี้แม้มิถอย เหมือนน้ำน้อยดับไฟไม่สงบ ด้วยข้าศึกฝึกฝนพลสมทบ จึงรุมรบครั้งนี้ได้มีชัย ฯ ๏ พระฟังคำรำพึงแล้วจึงตอบ ท่านว่าชอบชี้ทางสว่างไสว แต่หยุดพักสักหน่อยจึงค่อยไป เดี๋ยวนี้ให้หิวโหยโรยกำลัง ทอดพระองค์ลงจากหลังพยัคฆ์ เข้าหยุดพักพุ่มไม้เหมือนใจหวัง พระกาลนั้นกตัญญูดูระวัง อุส่าห์นั่งนวดพัดกษัตรา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีที่ตีทัพ ขึ้นหยุดยับยั้งอยู่บนภูผา ครั้นอุทัยไตรตรัดทัศนา เห็นโยธาทัพล้อมอยู่พร้อมกัน แต่พลท้าวเจ้าวาหุโลมราช ตายเกลื่อนกลาดกลางป่าพนาสัณฑ์ พอเสนีตรีเมฆราหูนั้น มาพร้อมกันกับนายด่านชานชลา ทูลว่าท้าวเจ้าบุรินทร์สิ้นทหาร กับพระกาลเข้าอาศัยใต้พฤกษา แม้เห็นพระจะโมโหผินโผมา คอยรักษาพระองค์ให้จงดี ฯ ๏ พระยิ้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสประภาษ เราคิดคาดใจท้าวเจ้ากรุงศรี จะใส่ปีกหลีกพหลพลโยธี ไปบุรีคิดการมาราญรอน ให้ปีกป้องกองตระเวนพวกเกณฑ์หัด ไปสกัดตามทางหว่างสิงขร เมื่อเหนื่อยหนักจักลงในดงดอน จึงไล่ต้อนตีตะพัดจับมัดมา กองตระเวนเจนทางต่างรับสั่ง ยกไปตั้งซุ่มอยู่ริมภูผา พระอัคนีตีฆ้องกลองสัญญา ให้โยธารบพุ่งเจ้ากรุงไกร ฝ่ายทัพล้อมพร้อมพรั่งก็ตั้งโห่ สำเนียงโกลาลั่นสนั่นไหว บ้างก็พุ่งศัสตรายิงมาไป ไล่เข้าใกล้กลัวสง่าจะฆ่าฟัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าวาหุโลมราช กษัตริย์ชาติเชื้อยักษ์มักกะสัน จะหักทัพกับพระกาลชาญฉกรรจ์ ใส่ปีกขันควงทองทั้งสองกร แล้วจัดแจงแต่งองค์ขึ้นทรงพยัคฆ์ สอดสะพักสะพายแล่งพระแสงศร ท้าวนำหน้าพาพระกาลออกราญรอน คทาธรถือเงื้อขับเสือทะยาน โขยกปีบถีบกระโชกแล้วโฮกขบ สองมือตบตีนฟัดประหัตประหาร พระได้ทีรี้พลหลบลนลาน ทั้งพระกาลกุมทวนคอยสวนแทง พวกทัพล้อมห้อมหุ้มเข้ากลุ้มกลัด รบสกัดกั้นหน้าล้วนกล้าแข็ง ต่างตีรันฟันฟาดพลิกพลาดแพลง ทั้งกองแซงเข้าสมทบช่วยรบรับ เจ้าพาราวาหุโลมเข้าโหมหัก จนหอบฮักเหงื่อโซมแทบลมจับ ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังดูคั่งคับ ต้องหันรับรบขวางอยู่กลางพล จนอาวุธหลุดพระหัตถ์แล้วลัดหลีก กระพือปีกบินเร่ขึ้นเวหน ถีบถลาถาโถมพโยมบน พวกไพร่พลพากันตามออกหลามไป ฯ ๏ ฝ่ายพระกาลราญรอนจนอ่อนจิต เป็นสุดฤทธิ์รบต้านทานไม่ไหว ถลาล้มลมจับวับหัวใจ ตรีเมฆให้ไพร่รัดผูกมัดมา ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์รีบบินหนี ไปถึงที่ทางเดินบนเนินผา ให้เหนื่อยอ่อนร่อนลงริมหิมวา สิ้นศัสตราอาวุธสุดกำลัง พวกทัพซุ่มรุมกันแทงฟันฟาด พอล้มพลาดจับได้มัดไพล่หลัง ต่างโห่ร้องก้องเสียงสำเนียงดัง พาไปยังที่อยู่พระมุนี พอพร้อมทั้งพระกาลทหารเอก ที่ตรีเมฆมัดเข้ามาหน้าฤๅษี พระนักสิทธ์พิศดูท้าวเจ้าบูรี เห็นท่วงทีถือตัวไม่กลัวตาย แต่โฉมยงสงสารโองการตรัส ให้แก้มัดมิให้ช้ำระส่ำระสาย เชิญนั่งแท่นแผ่นผาศิลาลาย พลางภิปรายปราศรัยเป็นไมตรี นี่แท้ท้าวเจ้าเมืองเรืองพระยศ เราสร้างพรตเพราะว่าถือเป็นฤๅษี ไม่นิยมสมบัติในปถพี มาทั้งนี้นึกจะใคร่ให้ได้บุญ เป็นเหตุเพราะเคราะห์กรรมต้องทำศึก พระไม่นึกหน่วงเหนี่ยวจึงเฉียวฉุน เราจับได้ไม่ฆ่าเพราะการุญ จะทำคุณคืนให้ทั้งไพร่พล จะปล่อยให้ไปสำราญผ่านสมบัติ รักษาสัตย์สืบสร้างทางกุศล ถือศีลธรรม์กรุณาประชาชน จะได้พ้นภัยพาลสำราญใจ ฯ ๏ ท้าวทมิฬยินคำที่ร่ำโปรด ค่อยหายโกรธตรึกตราอัชฌาสัย จึงเอื้อนอรรถตรัสตอบว่าขอบใจ แต่เราไม่ขอตัวไม่กลัวตาย ด้วยเสียทัพกับท่านรำคาญจิต อยู่ไปคิดอดสูไม่รู้หาย จงฆ่าตีชีวิตให้วอดวาย จะสู้ตายเสียให้ลับอัประมาน ฯ ๏ พระอัคนีมีจิตคิดสังเวช จึงตรัสเทศนาว่าวิตถาร ธรรมดาสามัญในสันดาน คำโบราณว่าไว้แต่ไรมา อันต่อตีมีแต่แพ้ชนะ มิใช่จะเสียชาติวาสนา เราจับได้ไม่สังหารผลาญชีวา ท่านจะมาชิงตายเสียดายนัก จงกลับไปให้สำราญผ่านสมบัติ สืบกษัตริย์สุริย์วงศ์ซึ่งทรงศักดิ์ โอรสพระมเหสีเป็นที่รัก ไม่หน่วงหนักนึกเสียดายจะวายปราณ ฯ ๏ ท้าวทมิฬยินคำที่ร่ำปลอบ จึงโต้ตอบตามวิสัยน้ำใจหาญ เราก็รู้อยู่บ้างทางโบราณ เป็นชายชาญชอบแต่ตามจามรี สงวนศักดิ์รักยศสู้ปลดปลิด รักชีวิตเหมือนไม่รักยศศักดิ์ศรี ซึ่งร่ำปลอบขอบคุณพระมุนี เราจะมีหนังสือให้ถือไป ให้ลูกยาวาโหมน้อมโน้มจิต มิให้คิดเคลือบแคลงแหนงไฉน พลางฉะเชือดเลือดพระหัตถ์ออกบัดใจ เขียนสไบบอกบุตรด้วยสุดอาย ให้พระกาลท่านจงถือหนังสือนี้ ไปบุรีแจ้งการท่านทั้งหลาย แล้วเอามีดกรีดศอเชือดคอตาย ระทวยกายอยู่บนแท่นแผ่นศิลา ฯ ๏ พระอัคนีมีจิตคิดสงสาร เกณฑ์ทหารไพร่นายทั้งซ้ายขวา ทำมณฑปศพท้าวเจ้าพารา ด้วยดอกดวงพวงผกาสุมาลี ผูกเพดานม่านบังที่นั่งสวด ให้สำรวจตามจริตศิษย์ฤๅษี แล้วโฉมยงองค์พระอัคนี ขึ้นสู่ที่พลับพลาหน้าบรรพต ให้พระกาลด่านในไพร่ทั้งหลาย ที่เหลือตายหลายหมื่นคืนไปหมด ต่างรับสั่งพรั่งพร้อมน้อมประณต จากบรรพตหมายมุ่งไปกรุงไกร ฯ ๏ สองวันครึ่งถึงเมืองนำเรื่องข่าว เฝ้าหน่อท้าวทูลแจ้งแถลงไข วาโหมอ่านสารศรีที่สไบ ว่าพ่อไปรบรับอัปรา พระฤๅษีมิได้ทำให้จำม้วย สู้ตายด้วยขายพักตร์นั้นหนักหนา หวังจะใคร่ไว้ชื่อให้ลือชา พระลูกยาจงสำราญผ่านบุรี อย่ารบพุ่งมุ่งร้ายเมื่อภายหลัง จงเชื่อฟังนับถือพระฤๅษี อุปถัมภ์ทำบุญกับมุนี เอาเป็นที่พึ่งพาข้างหน้าไป พอจบคำร่ำว่าเจ้าวาโหม น้ำตาโซมซึมตกซกซกไหล เห็นโลหิตบิดายิ่งอาลัย ยกขึ้นใส่กลางเกล้าเฝ้าโศกา ฯ ๏ โอ้พระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ มารีบรัดตัดชาติวาสนา เสียแรงลูกผูกยนต์รู้มนตรา กำบังตาล่องหนทั้งทนคง ครั้นศึกมีก็มิให้ลูกไปด้วย ไม่ได้ช่วยสงครามตามประสงค์ จนเสียทีชีวิตพระบิตุรงค์ มาปลดปลงเปล่าใจกระไรเลย โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณทูลกระหม่อม เลี้ยงถนอมลูกมานิจจาเอ๋ย เคยจูบเกล้าเผ้าผมเคยชมเชย มาละเลยลูกไว้ให้ได้อาย โอ้ม้วยดินสิ้นฟ้ามหรณพ มิได้พบภูวนาถเหมือนมาดหมาย สะอื้นอ้อนอ่อนลงไม่ทรงกาย เจียนจะวายชีวาด้วยอาลัย ฯ ๏ ทั้งเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร ต่างสงสารโศกาน้ำตาไหล บ้างนบนอบปลอบโอรสยศไกร ควรรีบไปให้พบศพพระองค์ ได้เชิญมาธานีบุรีรัตน์ อย่างกษัตริย์สูงชาติราชหงส์ พระฟังคำจำฝืนยืนดำรง ถือผ้าทรงเยื้องย่างเข้าปรางค์ใน ทูลยุบลชนนีไม่มีชื่น สะอึกสะอื้นกันแสงแถลงไข นางทรงฟังดังชีวันจะบรรลัย ดูสไบอ่านจบสลบลง ฯ ๏ ฝ่ายแสนสาวท้างนางต่างเข้านวด บ้างรินขวดน้ำดอกไม้ลูบไล้สรง เกษรสดรดรื่นค่อยฟื้นองค์ กันแสงทรงโศกาถึงสามี โอ้สงสารผ่านเกล้าเจ้าประคุณ เคยมีบุญเลี้ยงบำรุงซึ่งกรุงศรี มาประมาทพลาดพลั้งลงครั้งนี้ ถึงชีวีวายวางลงกลางไพร พระสุดแสนแค้นเดือดเชือดพระศอ ไม่รั้งรอเลยหนอกรรมจะทำไฉน เป็นสามีที่พึ่งถึงกระไร ให้เห็นใจเจ้าประคุณกรุณา โอ้ทีนี้มีแต่จะแลลับ เหมือนเดือนดับมืดมิดทุกทิศา ทั้งลูกน้อยพลอยซ้ำเป็นกำพร้า โอ้อุราเหมือนจะต้องพุพองพัง เคยพึ่งบุญพูนสวัสดิ์เหมือนฉัตรแก้ว พระทิ้งเมียเสียแล้วไม่กลับหลัง ละลูกรักอัคเรศนิเวศน์วัง ไม่เหลียวหน้ามาสั่งเมียมั่งเลย เคยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงบุตรสุดถนอม มาสิ้นบุญทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย จนสิ้นชาติคลาดเคลื่อนไม่เหมือนเคย เมื่อไรเลยเมียจะวายฟายน้ำตา นางครวญคร่ำร่ำสะอึกสะอื้นไห้ ชลนัยน์พรั่งพรายทั้งซ้ายขวา บรรดาเหล่าสาวสรรค์กัลยา พลอยโศกาก้องเสียงทั้งเวียงวัง ฯ ๏ ครั้นสร่างโศกนางกษัตริย์ให้จัดรถ พร้อมเครื่องยศแหนแห่ทั้งแตรสังข์ ใส่โกศรัตน์ชัชวาลมีม่านบัง ทหารตั้งตาริ้วเป็นทิวไป นางพระยาวาโหมขึ้นทรงรถ โศกกำสรดเศร้าหมองไม่ผ่องใส พร้อมพระวงศ์พงศาเสนาใน จากกรุงไกรตรงมาพนาดร สองวันครึ่งถึงทัพหยุดยับยั้ง พร้อมสะพรั่งชายหญิงริมสิงขร นางพระยาพาโอรสบทจร กับนิกรกัลยาฝูงนารี ไปประทับพลับพลาหน้ามณฑป ต่างนอบนบนับถือพระฤๅษี ผ่ายโฉมยงนงลักษณ์พระอัคนี เห็นเทวีวาโหมก็โสมนัส จึงยิ้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสประภาษ ด้วยนางนาฏญาติวงศ์พงศ์กษัตริย์ อันตัวเราชาวบุรินทร์กบิลพัสดุ์ ละสมบัติบวชประโยชน์โพธิญาณ ได้บอกกล่าวท้าวไทเธอไม่หยุด จนสิ้นสุดเสียองค์น่าสงสาร ได้สวดทั้งบังสุกุลทำบุญทาน ช่วยทำการปลูกมณฑปสวมศพไว้ วันนี้วงศ์พงศาพวกข้าเฝ้า มาถึงเรายินดีจะมีไหน เชิญขึ้นบนมณฑปชักศพไป ทำบุญให้ได้สวรรค์ชั้นวิมาน ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสว่าสาธุสะ นิมนต์พระไปประเทศนิเวศน์สถาน ด้วยหน่อท้าวเยาว์อยู่ไม่รู้การ ถวายท่านพระสิทธาจงการุญ ช่วยสั่งสอนอ่อนบ้างเหมือนอย่างบุตร ด้วยสิ้นสุดญาติเชื้อช่วยเกื้อหนุน พลางจูงกรสอนให้ไปไหว้คุณ นางการุญเรียกมาใกล้ด้วยไมตรี แล้วตรัสว่าน่ารักลักขณะ ควรที่จะบำรุงชาวกรุงศรี พลางถามวันชันษาด้วยปรานี ได้สิบสี่ปีรุ่นสมบูรณ์ครัน จึงอวยพรสอนคำพระกรรมฐาน ให้วงศ์วานวายวิโยคที่โศกศัลย์ แล้วพาเหล่าชาววังสิ้นทั้งนั้น กับเผ่าพันธุ์พงศาเสนาใน ขึ้นชั้นบนมณฑปดูศพท้าว เสียงแสนสาวแซ่ซ้องนั่งร้องไห้ มเหสีตีอุราโศกาลัย ทั้งหน่อไทกราบพระศพซบโศกา สงสารนางข้างในใจจะขาด ยกพระบาทบดินทร์สูรทูลเกศา โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณกรุณา ครั้งนี้มาปลดปลงอยู่ดงดาน เคยพร้อมเหล่าสาวสุรางค์ในปรางค์มาศ มาจากอาสน์เอองค์น่าสงสาร บรรทมที่พระยี่ภู่เคยอยู่งาน มานิพพานเพิงผาพนาดร โอรสาว่าพระคุณการุญเลี้ยง ให้ชื่อเสียงสารพัดจะตรัสสอน มาสิ้นบุญทูลกระหม่อมจอมนคร จะผันผ่อนผินหน้าไปหาใคร พระวงศาว่าทีนี้สิ้นที่พึ่ง พระเหมือนหนึ่งโพธิ์ทองอันผ่องใส จะสูญลับนับปีแต่นี้ไป ไม่มีใครครอบครองช่วยป้องกัน นางห้ามแหนแสนสุรางค์ว่าปางก่อน เคยดับร้อนร่มเกล้าฝูงสาวสรรค์ พระเลี้ยงดูชูชื่นทุกคืนวัน จะเลยลับกัปกัลป์พุทธันดร พวกเสนาว่าพระองค์ดำรงราชย์ เคยพึ่งบาทบพิตรอดิศร เป็นสัตย์ธรรม์กรุณาประชากร จะกลับร้อนเริงรุมดังสุมไฟ ต่างครวญคร่ำรำลึกสะอึกสะอื้น ดังเสียงคลื่นในมหาชลาไหล บ้างเป็นลมล้มกลิ้งนิ่งแน่ไป ต่างแก้ไขค่อยสว่างสร่างวิญญาณ์ ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสให้เชิญพระศพ จากมณฑปใส่โกศขึ้นรถา มีจามรชอนตะวันเป็นหลั่นมา มยุราฉัตรพัชนีวี โยงผ้าขาวดาวบสขึ้นรถชัก พิงพนักอ่านหนังสือของฤๅษี ออกจากเนินเดินทางหว่างคิรี พระอัคนีนำหน้าเคลื่อนคลาไคล พวกเกณฑ์แห่แตรสังข์ประดังเสียง ก้องสำเนียงกลองชนะปี่ไฉน พระญาติวงศ์พงศาเสนาใน ต่างร่ำไรเรียงตามกันหลามมา พระลูกรักอัคเรศอยู่รถหลัง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา ครั้นพลบค่ำทำประทับที่พลับพลา ตลอดมานคเรศนิเวศน์วัง แล้วขุดหินศิลาปลูกปราสาท ประชุมญาติยกศพไปกลบฝัง คอยนะบีมีบุญกรุณัง จะมาสั่งบุญบาปจึงทราบความ ฯ ๏ แล้วเชิญองค์พระอัคนีศรีสวัสดิ์ อยู่ปรางค์รัตน์ราบเตียนที่เสี้ยนหนาม ทั้งขอเฝ้าเหล่าลูกศิษย์ที่ติดตาม พลอยได้ความสุขทั่วทุกตัวคน อยู่พาราวาหุโลมโยมสาวสาว ทั้งเย็นเช้าปรนนิบัติไม่ขัดสน แต่องค์พระอัคนีมีกังวล กลัวไม่พ้นเชษฐาสุดสาคร ครั้นยามดึกปรึกษาสี่พี่เลี้ยง ที่อยู่เคียงแท่นสุวรรณบรรจถรณ์ จะทำศึกตรึกการเที่ยวราญรอน น้องนี้อ่อนอกใจมิใคร่วาย อันแว่นแคว้นแดนทมิฬถิ่นประเทศ มีขอบเขตข้างเหนือนั้นเหลือหลาย ล้วนถือไสยใจบาปทั้งหยาบคาย ไม่กลัวตายร้ายกาจชาติทมิฬ จะไปชมโรมวิสัยยังไกลอยู่ ไม่มีผู้ศรัทธารักษาศิล จะสมทบรบสู้ทุกบุรินทร์ กว่าจะสิ้นศึกเสือนั้นเมื่อไร แต่เพียงนี้ปีหนึ่งจึงสำเร็จ น้องคิดเข็ดคนบาปปราบไม่ไหว ต้องทำศึกตรึกตราระอาใจ จะผันแปรแก้ไขอย่างไรดี ฯ ๏ พี่เลี้ยงตอบปลอบประโลมโฉมเฉลา พี่แสนเศร้าด้วยพระน้องมัวหมองศรี ไม่ทันถึงครึ่งทางสิอย่างนี้ เป็นทุกข์ที่มรรคาข้างหน้าไป แม้นพบเหล่าชาวทมิฬถิ่นประเทศ ที่ทนคงทรงพระเวทข้างเพทไสย ฉวยเสียทีรี้พลสกลไกร จะบรรลัยแหลกลงเป็นผงคลี แม้นมีผู้รู้เห็นว่าเป็นหญิง มีแต่สิ่งสารพัดจะบัดสี ด้วยชิงชัยไม่สันทัดเป็นสตรี จะเสียทีเสียดายไม่วายคิด โบราณว่าสี่ท้าวยังก้าวพลาด เป็นนักปราชญ์แล้วก็ยังรู้พลั้งผิด อันทำศึกเหมือนสู้กับงูพิษ จงทรงคิดใคร่ครวญให้ควรการ กลับไปลำสำเภาเถิดเจ้าพี่ เที่ยวชมที่ธานินทร์ทุกถิ่นฐาน ได้ใช้ใบไปตามความสำราญ จะพ้นพาลไพรีไม่บีฑา ฯ ๏ นางฟังสี่พี่เลี้ยงประโลมปลอบ จึงตรัสตอบว่าจิตกนิษฐา จะกลับไปในทะเลลงเภตรา น้องคิดอายขายหน้ายิ่งกว่ารบ ถึงศึกเสือเหลือร้ายข้างภายนอก ก็ง่ายดอกด้วยว่ามีที่หนีหลบ เกรงแต่ที่พี่ยาตามมาพบ จะต้องรบรักเหลือจะเบื่อใจ ฯ ๏ พี่เลี้ยงว่าน่าสมเพชพระเชษฐา จะตรึกตราโกรธขึ้งไปถึงไหน แต่ดาบตัดกัทลียังมีใย หรือตัดใจขาดเด็ดไม่เมตตา แสนสงสารปานฉะนี้พระพี่เจ้า จะโศกเศร้าสืบความเที่ยวตามหา จะซูบผอมตรอมตรองถึงน้องยา เวทนาน่าสงสารรำคาญใจ ฯ ๏ นางฟังคำรำลึกนึกสังเวช น้ำพระเนตรคลอคลอชะลอไหล ไม่บัญชาว่าขานประการใด สะอื้นอ้อนถอนฤทัยอาลัยลาน คิดถึงครั้งลังกาก็น่าแค้น คิดถึงแสนซื่อตรงก็สงสาร จะไปชมโรมวิสัยเกรงภัยพาล เหลือรำคาญคิดจะกลับก็อับอาย แต่อักอ่วนป่วนใจมิได้ตรัส ให้อั้นอัดอาดูรไม่สูญหาย ทุกค่ำเช้าเศร้าพระทัยไม่สบาย ระทวยกายกำสรดสู้อดออม จนลืมองค์สรงเสวยเลยเป็นโรค ทุกข์กับโศกซ้ำให้รูปนั้นซูบผอม พวกข้าไม่เป็นสุขพลอยทุกข์ตรอม มาแวดล้อมพร้อมพรั่งฟังอาการ นายพระยาวาโหมพลอยโทมนัส ปรนนิบัติบนปราสาทราชฐาน พวกมดหมอก็ให้มาพยาบาล กำหนดนานหลายเดือนไม่เคลื่อนคลา ฯ ๏ จะกล่าวหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครตามติดกนิษฐา จนล่วงเข้าอ่าวสินธุ์ถิ่นนาคา เห็นภูผาวุ้งเวิ้งเชิงคิริน ดูโพลงพลุ่งรุ่งโรจน์โชติสว่าง อยู่ท่ามกลางเกลียวมหาชลาสินธุ์ จะแลซ้ายฝ่ายขวาล้วนนาคิน ขึ้นไล่กินกุ้งปลาในสาชล รู้ทำนองปล่องนาคจึงบากข้าม ตัดไปตามคลื่นทะเลระเหระหน พอเห็นลำสำเภาที่เสาวคนธ์ ทำด้วยมนต์หมายว่าเภตราทรง ขับมังกรถอนถีบเร็วรีบไล่ เห็นไรไรไม่รู้ถึงตะลึงหลง เลี้ยวละเมาะเกาะเกียนวกเวียนวง จนสุริยงเย็นรอนอ่อนกำลัง เห็นลิบลิบถีบถลาข้างหน้าลับ ครั้นเหลียวกลับแลเขม้นเห็นข้างหลัง เอะผิดทีผีหลอกดอกกระมัง ให้หลงตั้งติดตามถึงสามวัน จึงลงเลขเสกเป่าไม้เท้าทิพย์ ชื่อมนต์นิพพารนาแก้อาถรรพณ์ ชี้สำเภาเป่าไปเป็นไฟกัลป์ สำเภานั้นหายวับไปกับตา ฯ ๏ พอแลเห็นเป็นชะวากที่ปากอ่าว มีเกาะยาวใหญ่ขวางอยู่ข้างหน้า ควันโขมงสงสัยในวิญญาณ์ จึงขับม้าขึ้นละเมาะเกาะค้างคาว เห็นโรงใหญ่ไปดูพบผู้เฒ่า นั่งชันเข่าเหลาตอกผมหงอกขาว เป็นชายอยู่ผู้เดียวหญิงเกรียวกราว ล้วนสาวสาวน้อยน้อยสักร้อยคน บ้างนั่งเรียงเคียงรอบริมขอบแคร่ พระแลแลหลากจิตคิดฉงน ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าผัวตามัวมน มองเห็นคนขับเมียไปเสียไกล แลดูม้าน่ากลัวก้มหัวกราบ จะใคร่ทราบซักถามตามสงสัย จะมาหาข้าหรือจะธุระอะไร จงโปรดให้แจ้งจิตในกิจจา ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสถามตามสุภาพ อย่ากรานกราบเลยธุระจะมาหา แล้วลงนั่งยังชะง่อนก้อนศิลา ร้องเรียกมาซักถามตามพระทัย แน่ท่านครูผู้เฒ่าจงเล่าเรื่อง อยู่บ้านเมืองแห่งหนตำบลไหน เกิดวิบัติขัดขวางเป็นอย่างไร มาอยู่ในเกาะแก่งตำแหน่งนี้ ฯ ๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเล่าความไปตามซื่อ ข้าเจ้าหรือชาวพาราสาวัตถี เมื่อหนุ่มนั้นภรรยาข้าไม่มี เกี้ยวสตรีโกรธาเที่ยวด่าทอ จนขอสู่ผู้ใหญ่ยกให้พร้อม ยังไม่ยอมเป็นเมียต้องเสียหอ อายมนุษย์สุดกำลังไม่รั้งรอ จะผูกคอเสียให้ตายวายชีวา ขึ้นไปบนต้นกระแมงลายแทงผุด จึงทราบสุดซึ่งเล่ห์เสนหา กลับไปเที่ยวเกี้ยวสาวชาวพารา พอปะตาต้องจิตสนิทใน ประการหนึ่งคลึงเคล้าเย้ายั่วหญิง ให้หลงลิงโลดจิตพิสมัย ถึงแม่พ่อก็ให้ลืมด้วยปลื้มใจ เหตุด้วยได้แยบคายในลายแทง ถึงแก่เฒ่าสาวรักอักนิษฐ์ พอใจชิดชวนแนบนั่งแอบแฝง รู้ถึงท้าวเจ้าเมืองคิดเคืองแคลง จึงกลับแกล้งแสร้งว่าเป็นกาลี ด้วยแก่เฒ่าเคล้าเคลียมีเมียสาว มาปล่อยอ่าวพาราสาวัตถี จึงสิงสู่อยู่เกาะละเมาะนี้ พวกนารีทั้งนั้นเป็นภรรยา ขอถามพระจะไปไหนอยากใคร่ทราบ แสนสุภาพน่ารักนั้นหนักหนา พระตรองตรึกนึกจะใคร่ได้วิชา ให้น้องยายอมบ้างเหมือนอย่างใจ จึงเล่าความตามเรื่องที่เคืองข้อง มาตามน้องมิได้แจ้งตำแหน่งไหน ท่านตาครูรู้เล่ห์เสน่ห์ใน ช่วยสอนให้แยบคายตามลายแทง ถ้าสมหวังดังคำที่ร่ำกล่าว ให้ได้สาวประดิพัทธ์ไม่ขัดแข็ง จะแทนบุญคุณบ้างอย่าคลางแคลง ช่วยจัดแจงเภตราออกมารับ ฯ ๏ ฝ่ายตาครูรู้ว่าเป็นกษัตริย์ ไม่ขืนขัดไขความตามตำรับ เชิงสัมผัสสตรีที่ลี้ลับ สังเกตจับจิกเล็บที่เทพจร จะปลาบปลื้มลืมหลงปลงสวาท อย่าให้คลาดเคลื่อนจำเหมือนคำสอน รู้จับแน่แก่สาวย่อมหาวนอน สุดสาครขอประสิทธิ์สมคิดไว้ แล้วถามว่าตาครูอยู่ที่นี่ เห็นเภตรามาทางนี้บ้างหรือไฉน เฒ่าชราว่าเขม้นเห็นไรไร เขาแล่นไปแต่เดือนสี่เมื่อปีกลาย ออกน้ำเขียวฝ่าคลื่นขึ้นข้างเหนือ ใหญ่กว่าเรือไปมาเที่ยวค้าขาย สังเกตแดนแผนที่บุรีราย จะเข้าฝ่ายฝั่งพาราวาหุโลม แล้วจับยามตามไปจะได้ปะ สงสารพระผอมซูบเสียรูปโฉม ช่างเดินทางกลางคลื่นครึกครื้นโครม ต้องทุกข์โทมนัสสาน่าปรานี ฯ ๏ พระฟังคำร่ำเล่าสำเภาใหญ่ จะตามไปเพื่อจะพบประสบศรี จึงบัญชาว่าท่านครูอยู่จงดี ธุระมีจะขอลาท่านคลาไคล แล้วขึ้นนั่งหลังมังกรรีบถอนโถม โจนกระโจมลงมหาชลาไหล ออกน้ำลึกครึกครื้นตามคลื่นไป กำหนดในทิศทางข้างอุดร ฯ ๏ สิบห้าวันครั้นเย็นแลเห็นด่าน มีปราการก่อป้อมคร่อมสิงขร สำเภาจอดทอดท่าริมสาคร เห็นแน่นอนนางจะมาเภตรานี้ เมื่อแรกทำจำได้ทั้งใบเสา ผิดสำเภาชาวเมืองมีเครื่องสี่ ขับม้าทรงตรงมาพอราตรี ก็ถึงที่ฝั่งทะเลขึ้นเภตรา เห็นคนอยู่รู้จักจึงทักถาม ถึงเรื่องความตามติดกนิษฐา เขาทูลความตามเรื่องจากเมืองมา จนชิงชัยได้พาราวาหุโลม ฯ ๏ พระฟังคำร่ำแถลงแจ้งประจักษ์ เหมือนพบพักตร์เสาวคนธ์วิมลโฉม เป็นฤๅษีพี่จะได้ไปเป็นโยม ปลอบประโลมลองวิชาของตาครู แม้สมนึกสึกชีเหมือนอิเหนา ไม่ปลอดเปล่าเปลื้องปลดที่อดสู จะบวชตามทรามวัยลอบไปดู มิให้ผู้อื่นแจ้งจะแพร่งพราย จึงแปลงองค์ทรงนุ่งหนังเสือเหลือง ประดับเครื่องครองเลิศล้วนเฉิดฉาย พอรุ่งแจ้งแสงตะวันพรรณราย จึงสั่งนายพวกที่เฝ้าสำเภาทรง ให้จ้างเขาชาวด่านบ้านปากน้ำ ได้คนนำทางตามความประสงค์ ถือไม้เท้าดาวบสจรดประจง ไปขึ้นทรงนั่งหลังม้ามังกร กับผู้นำตำบลหนทางนั้น ต่างผายผันพาเดินเนินสิงขร เข้าแดนด่านบ้านป่าพนาดร ประทับร้อนแรมทางมากลางไพร ฯ ๏ จะกล่าวพระอัคนีนารีราช แต่อาพาธพักตร์หมองไม่ผ่องใส ให้โหยหิวหวิววับลมจับใจ สะอึกไอไห้สะอื้นทุกคืนวัน เสวยยาสารพัดจัดถวาย ไม่เหือดหายคลายโรคที่โศกศัลย์ พี่เลี้ยงน้อมพร้อมหน้าปรึกษากัน ด้วยพระชันษายี่สิบห้าปี เป็นคราวเคราะห์เพราะว่าพระราหู มาสมสู่สุริยาในราศรี อังคารถึงซึ่งพฤหัสบดี ตกต้องที่ช้างฉัททันต์อันตราย จงสึกหาลาพรตให้ปลดเปลื้อง ได้แต่งเครื่องพลีกรรมทำถวาย จะเชือดแพะแกะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย ให้เคลื่อนคลายหายโศกสิ้นโรคภัย ฯ ๏ นางเชื่อคำตำราจึงลาพรต ทรงเครื่องยศอย่างพราหมณ์ตามวิสัย ตั้งบวงสรวงดวงชาตาสุราลัย ให้เชือดแพะแกะไก่ไหว้เทวัญ ค่อยฟื้นองค์สรงเสวยนมเนยหอม หายผ่ายผอมผิวฉวีเป็นสีสัน พี่เลี้ยงเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล คอยป้องกันห้ามมิให้ใครเข้ามา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร คิดจะจรจากนิเวศน์หนีเชษฐา คืนวันนั้นครั้นสามยามเวลา เคลิ้มนิทราม่อยลงทรงสุบิน ว่าองค์พระอนันตนาคราช เผ่นผงาดมาทางลำแม่น้ำสินธุ์ เข้ารัดนางกลางคืนจะกลืนกิน ร้องจนสิ้นเสียงสะดุ้งพอรุ่งราง รู้ตำราว่างูคือบุรุษ ยิ่งแสนสุดตรึกตรองคิดหมองหมาง ตรัสเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงนาง ไม่อำพรางทางเล่าให้เข้าใจ ประหลาดสุดภุชงค์ตรงมารัด จะเป็นศัตรูตรึกนึกไฉน จะว่าพี่ที่เป็นคู่ก็อยู่ไกล แล้วใจไม่ยินดีจึงหนีตัว ถึงพบพานฉันจะตัดจะขัดข้อง ขอเป็นน้องเป็นพี่ไม่มีผัว แต่กริ่งใจในฝันเห็นพันพัว นาคนั้นกลัวว่าจะได้แก่ไพรี ฯ ๏ พี่เลี้ยงช่วยอวยพรสมรมิ่ง จะใหญ่ยิ่งยศถามารศรี อันศึกเสือเหนือใต้เห็นไม่มี เพราะพระพี่ผูกพระทัยอยู่ในน้อง จึงฝันเห็นเป็นคู่ที่ชูชื่น ใช่ผู้อื่นจะระคนอย่าหม่นหมอง นางขวยเขินเมินนึกนิ่งตรึกตรอง อยู่ในห้องให้รัญจวนปั่นป่วนใจ ฯ ๏ จะกล่าวสุดสาครหยุดหย่อนบ้าง ผู้นำทางร่ำเดินเนินไศล ยี่สิบวันครั้นรุ่งถึงกรุงไกร จึงปล่อยให้ม้ามังกรผ่อนกำลัง สั่งผู้นำตำบลสองคนนั้น ให้พากันกลับไปเหมือนใจหวัง แต่พระองค์ตรงมาถึงหน้าวัง เข้าหยุดยั้งนั่งหน้าศาลาลัย พอขอเฝ้าเยาวมาลย์มาพานพบ เข้านอบนบยินดีจะมีไหน พระรู้จักทักถามถึงทรามวัย เขาทูลให้แจ้งจิตไม่ปิดบัง อันฤๅษีที่เป็นหมอพวกขอเฝ้า เคยเดินเข้าออกได้เหมือนใจหวัง เชิญพระองค์ตรงไปเข้าในวัง อย่าให้ทั้งปวงแจ้งจะแพร่งพราย ฯ ๏ พระชื่นชอบตอบคำให้นำหน้า ขอเฝ้าพามาปราสาทเหมือนมาดหมาย เห็นฤๅษีพี่เลี้ยงอยู่เรียงราย แกล้งเมียงม่ายมิให้รู้ว่าผู้ใด ครั้นเห็นเมินเดินด้อมแอบอ้อมเสา ค่อยแฝงเงาม่านทองที่สองไข เห็นน้องนอนซ่อนหน้านึกอาลัย เข้านั่งใกล้แกล้งประคองลองตำรา นางซาบเสียวเหลียวดูรู้ว่าพี่ ไม่หน่ายหนีนึกสมเพชพระเชษฐา พระแอบอุ้มจุมพิตวนิดา พี่อุส่าห์ติดตามด้วยความรัก พลางรับขวัญมั่นหมายว่าตายราบ นางก้มกราบซบทับลงกับตัก พระลูบโลมโฉมเฉลาเยาวลักษณ์ นางแกล้งผลักพลางว่าไม่ปรานี พอมาถึงคลึงเคล้าเฝ้าเย้ายั่ว ไม่เกรงกลัวบาปหรือเป็นฤๅษี พระปลอบนางข้างนอกดอกเป็นชี แต่ใจพี่เป็นคฤหัสถ์อยู่อัตรา พลางปลดเปลื้องเครื่องครองออกกองไว้ เครื่องทรงในนั้นเป็นพราหมณ์งามหนักหนา กอดประทับรับขวัญจำนรรจา อย่าหน่วงช้าทารกรรมให้ช้ำใจ อันตัวพี่นี้เหมือนแมงภู่ผึ้ง มาพบซึ่งเสาวรสอันสดใส สุดจะห้ามความรักหักฤทัย พลางลูบไล้โลมน้องประคองเชย ถนอมแนบแอบชิดจุมพิตพักตร์ ภิรมย์รักร่วมเรียงเคียงเขนย นางเบือนหนีนี่อะไรฉันไม่เคย พระก่ายเกยกอดประทับไว้กับทรวง พอสบเชิงเริงรื่นชูชื่นแช่ม ต่างยิ้มแย้มหย่อนตามไม่ห้ามหวง มณฑาทิพย์กลีบหุ้มเป็นพุ่มพวง ขยายดวงเด่นกระจ่างเมื่อกลางวัน เกษมสุขทุกสถานพิมานทิพย์ เห็นลิบลิบลอยสล้างกลางสวรรค์ พวกรำเต้นเล่นงานค้างการนั้น กลับประชันโรงรำตามลำพัง เหมือนราตรีมีโขนละครหุ่น กลางวันวุ่นวิ่งเต้นกลับเล่นหนัง ตะโพนฆ้องกลองตีไม่มีดัง เหมือนสองสังวาสสวาทไม่คลาดคลา พระคลึงเคล้าเย้ายวนให้ป่วนปลื้ม นางหลับลืมหลงเล่ห์เสนหา พระเอนแอบแนบชิดวนิดา อุ่นอุราพลอยหลับระงับไป ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงแว่วเสียงตรัส กลับสงัดเงียบระงับหรือหลับใหล ค่อยแหวกม่านคลานแลอยู่แต่ไกล เห็นเนาในแท่นทองทั้งสององค์ นึกเอะใจใครหนอนอนคลอเคล้า พลางเคียงเข้าพินิจพิศวง สังเกตจำสำคัญได้มั่นคง รู้ว่าองค์เชษฐาสุดสาคร มาเมื่อไรได้เสร็จสำเร็จคิด ถนอมสนิทแนบทรวงดวงสมร เดิมพระน้องข้องขัดถึงตัดรอน กลับโอนอ่อนอัศจรรย์ไม่ทันรู้ น่าหัวเราะเพราะหนีอภิเษก มาลอยเมฆเหมือนเขาว่าน่าอดสู นางถอยกลับลับม่านขี้คร้านดู ทำไม่รู้เสียเถิดหนอหัวร่อกัน บ้างค่อยว่าตาขยิบซุบซิบพูด เทวทูตท่านมาเตือนจึงเฟือนฝัน นึกว่าใครไหนจะคิดมาติดพัน มิรู้ว่าพระอนันตนาคา บ้างพลอยว่าสาแก่จิตที่บิดพลิ้ว เดี๋ยวนี้หิวเห็นจะรักเธอหนักหนา จะคอยดูอยู่เมื่อตื่นฟื้นกายา จะพูดจาว่ากระไรจะใคร่ฟัง บ้างค่อยว่าน่าสงสัยหรือไม่รู้ เธอจะจู่มาเมื่อหลับลอบลับหลัง บ้างค่อนว่าถ้ากระนั้นก็น่าชัง ดูเหมือนดังดินอิฐใช่จิตใจ จนผู้ชายก่ายกอดสอดสัมผัส ยังไม่ฟัดไม่ครือหรือไฉน ต่างหัวร่อต่อกระซิกขิกขิกไป ด้วยยินดีที่จะได้ไปพารา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม ปลื้มประโลมหลับเนตรแนบเชษฐา ครั้นเต็มตื่นฟื้นกายอายวิญญาณ์ กลับซบหน้านึกแน่นแค้นใจตัว แต่เดิมทีหนีหายไม่หมายคบ เธอมาพบหรือเผอิญกลับเพลินผัว ผิดวิสัยใจเรามาเมามัว เหมือนหญิงชั่วชายเกี้ยวประเดี๋ยวใจ วิบากกรรมจำจนให้อ้นอั้น สุดจะผันสุดจะแปรสุดแก้ไข สุดจะอายขายหน้าพวกข้าไท น่าน้อยใจใจเอ๋ยไม่เคยคิด จะใคร่ล้วงดวงใจออกให้เห็น ว่ามันเป็นอย่างไรหนอในจิต จึงริรักมักง่ายให้ชายชิด ช่างไม่คิดเกรงกลัวมืดมัวเมา เมื่อหลบลี้วิวาห์เมืองการะเวก มาภิเษกเสียตัวกับผัวเขา ชะน่าแค้นแม้นมิใช่จิตใจเรา จะใคร่เอาเกลือทาให้สาใจ ลงจากแท่นแค้นสี่พระพี่เลี้ยง เรียกมาเคียงค่อนว่าไม่ปราศรัย นั่งอยู่นี่พี่ยามาเมื่อไร ไม่บอกให้แจ้งจิตแกล้งปิดบัง เป็นลมจับหลับอยู่ไม่รู้แจ้ง นี่เนื้อแกล้งจะให้อายเมื่อภายหลัง ให้นอนเคียงเรียงกันบนบัลลังก์ เห็นงามทั้งห้าไร่จะได้ดู คิดว่าดีพี่เลี้ยงก็เพียงพี่ ทีนี้ดีแตกหมดน่าอดสู แกล้งรู้เห็นเป็นใจทำไม่รู้ ให้จู่ลู่ลามลวนไม่ควรเป็น ฯ ๏ พี่เลี้ยงฟังนั่งตะลึงแล้วจึงว่า นี่เธอมาแต่เมื่อไรก็ไม่เห็น ดู๋อยู่อยู่จู่จรมาซ่อนเร้น ควรจะเป็นโทษทั่วทุกตัวคน บ้างบ่นว่ามาตรงตรงก็คงปะ ชะรอยพระลอดช่องเช่นล่องหน บ้างบ่นว่าข้าเห็นทีจะมีมนต์ จึงบังตนเข้ามาได้ในไสยา ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถไสยาสน์ตื่น ยังหอมรื่นรสกุหลาบอาบนาสา สำอางองค์ทรงศักดิ์สรงพักตรา พอเห็นหน้าพี่เลี้ยงหมอบเมียงมอง จึงแกล้งตรัสตัดพ้อเออออหม่อม ฉลาดพร้อมพูดเพราะเสนาะสนอง เจ้าเป็นที่พี่เลี้ยงเคียงประคอง พาพระน้องหนีมาจากธานี ช่างแนะนำทำศึกที่ฝึกสอน เที่ยวราญรอนรบพุ่งทุกกรุงศรี ไม่ห้ามปรามตามลำพังทำดังนี้ เจ้าเห็นดีแล้วสิหนอไม่รอรา พระบิตุราชมาตุรงค์ทรงกำสรด ทุกข์ระทดทั้งพระวงศ์เผ่าพงศา ด้วยเริศร้างค้างงานการวิวาห์ เพราะตัวพาพระบุตรีหนีนคร เจ้าเป็นที่พี่เลี้ยงรู้เยี่ยงอย่าง จึงได้วางพระทัยให้สั่งสอน ถึงพระน้องข้องขัดให้ตัดรอน ควรผันผ่อนเพ็ดทูลมูลิกา นี่กลับเห็นเป็นดีพาหนีหาย โทษถึงตายหรือไม่เล่าหม่อมเจ้าขา ซึ่งทั้งปวงล่วงพระราชอาชญา ให้เรามาตัดศีรษะเสียบประจาน จะรับองค์นงนุชสุดสวาท กลับไปราชนิเวศน์เขตสถาน เร่งรู้ความตามโทษที่โปรดปราน จงให้การแก้ผิดที่ติดพัน ฯ ๏ พี่เลี้ยงนางต่างว่าข้าพเจ้า มีโทษเท่าดินฟ้าควรอาสัญ ถ้าลงพระอาญาให้ฆ่าฟัน สุดจะผันผ่อนตนให้พ้นตาย ได้ทูลห้ามสามครั้งไม่ฟังห้าม ต้องติดตามทรามสวาทเหมือนมาดหมาย สืบสนองรองบาทไม่คลาดคลาย แม้เจ้านายไปถึงไหนก็ไม่ทิ้ง ด้วยเป็นข้าสาพิภักดิ์ถึงจักม้วย สู้ตายด้วยพระธิดาประสาหญิง ไม่แกล้งว่าสารพัดเป็นสัตย์จริง สุดจะทิ้งเจ้าพระคุณกรุณา ฯ ๏ พระฟังคำทำเป็นเคืองชำเลืองค้อน ที่โทษกรณ์ก็รู้จักว่าหนักหนา จะหยุดยั้งรั้งพระราชอาญา ให้คิดหาความชอบปลอบพระน้อง ให้เจ้านายหายดื้อได้หรือไม่ ไปกรุงไกรแล้วก็จะทูลฉลอง ให้พ้นโทษโปรดปรานกินพานทอง จงตรึกตรองเกรงพระราชอาชญา ฯ ๏ ทั้งสี่นางต่างรู้ว่าขู่หยอก จึงว่านอกจากสมเด็จพระเชษฐา สุดจะฝืนขืนขัดพระอัชฌา เสด็จมาแล้วก็เห็นจะเป็นการ ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์รู้กลพี่ ทำห้ามสี่กัลยาอย่าว่าขาน ช่วยกันหาฝรั่งมาตั้งพาน ติดบนท่านผู้รับสั่งจึงบังควร พระชื่นชอบตอบว่าลูกฝรั่ง พี่นี้ชังกลิ่นฉุนให้หุนหวน ถ้าแม้บนผลมะปรางสำอางนวล จะสงวนเชยชื่นทุกคืนวัน จะละวางบ้างอยู่ไม่ขู่เข็ญ มิให้เป็นโทษกรณ์ช่วยผ่อนผัน มิตามคำสำรองของกำนัล ได้เกาะกันวันนี้ไม่มีรอ ฯ ๏ นางว่าชะพระพี่ผู้รับสั่ง ได้ขึ้นซังครั้งนี้แล้วสิหนอ อย่าเพ่อนึกฮึกฮักมิยักง้อ ไม่รักขอโทษตัวไม่กลัวตาย มีรับสั่งอย่างไรแล้วไม่ขัด เชิญช่วยตัดเอาศีรษะไปถวาย พระตอบว่าสรรพางค์รูปร่างกาย มิสูญหายเสียหรือเจ้าเยาวมาลย์ จริงนะน้องจะต้องตามความรับสั่ง พาไปทั้งรูปทรงส่งสัณฐาน พลางอิงแอบแนบองค์อุ้มนงคราญ ขึ้นแท่นรัตน์ชัชวาลรูดม่านบัง พี่เลี้ยงออกนอกห้องสองกษัตริย์ โสมนัสนงนุชนั่งจุดหลัง อยู่ปรางค์ทองห้องสุวรรณร่วมบัลลังก์ ตามลำพังพิศวาสไม่คลาดคลา นางโฉมยงหลงละเลิงด้วยเชิงชื่น พระหลงรื่นรสสุคนธ์ปนบุปผา นางลืมวงศ์พงศ์พันธุ์สวรรยา พระลืมลาลีวันกำนัลใน ต่างบันเทิงเริงรื่นชุ่มชื่นแช่ม ทั้งขึ้นแรมร่วมจิตพิสมัย ไม่เริศร้างห่างเหินเพลิดเพลินใจ กำหนดได้หลายเดือนไม่เคลื่อนคลาย ฯ ๏ อยู่วันหนึ่งจึงองค์นางนงลักษณ์ คิดอายพักตร์พวกทมิฬสิ้นทั้งหลาย แม้มีผู้รู้แจ้งจะแพร่งพราย ทั้งระคายคิดถึงองค์จะทรงครรภ์ จึงแจ้งเหตุเชษฐาเมื่อมารบ ได้สมทบพวกพหลพลขันธ์ จะจัดแจงแต่งตั้งให้รางวัล เหมือนผูกพันมั่นไว้ด้วยไมตรี มีธุระก็จะได้ใช้ทหาร ช่วยรอนราญรบพุ่งกันกรุงศรี แต่ตัวน้องนี้จะต้องเป็นมุนี ออกนั่งแท่นที่สุวรรณพรรณราย เสร็จธุระจะได้ไปเสียให้ลับ จึงสึกกลับแปลงนามให้ความหาย อยู่ที่นี่มีผู้รู้ระคาย จะได้อายอัประมานรำคาญใจ ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางว่าจะลาบวช ฉันมิชวดอยู่หรือกรรมจะทำไฉน นางว่าเบื่อเหลือแล้วคะภูวไนย ฉันมิใช่ชาติฝรั่งลิ้นลังกา พระสวมสอดกอดประคองว่าน้องรัก บวชแต่สักสองวันเท่านั้นหนา พลางแย้มสรวลชวนชิดวนิดา จนหลับใหลไสยาในราตรี ฯ ๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยงนางทรงพรต น้อมประณตศีลถือเป็นฤๅษี ข้าหลวงล้อมพร้อมตามพระมุนี ออกนั่งที่แท่นรัตน์ชัชวาล พร้อมเสนาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ อภิวาทดาษดาแน่นหน้าฉาน พระอัคนีศรีสวัสดิ์ดำรัสการ ตามโบราณมอบสมบัติสวัสดี ให้โอรสยศยงองค์วาโหม ครองพาราวาหุโลมเฉลิมศรี นางธิดาชันษาสิบห้าปี ให้เป็นที่อัคเรศเกศกำนัล อันนายด่านชานชลาซึ่งสามารถ เป็นอุปราชราชวังนรังสรรค์ ฝ่ายราหูผู้เป็นเจ้าเมืองตะวัน ตรีเมฆนั้นเป็นมหาเสนาบดี ฝ่ายพระกาลด่านในให้ไปอยู่ คงเป็นผู้รั้งด่านชานกรุงศรี ที่นอกนั้นบรรดาช่วยราวี ให้แทนตรีเมฆราหูเป็นผู้รั้ง ทั้งบุตรชายนายด่านประทานยศ เช่นโอรสรักเหมือนลูกช่วยปลูกฝัง อายุได้สิบปีมีกำลัง เป็นผู้รั้งเมืองด่านชานชลา ทั้งเงินทองของประทานทหารรบ ได้ถ้วนครบไพร่นายทั้งซ้ายขวา ต่างเริงรื่นชื่นชมบังคมลา ไปรักษาแดนด่านสำราญใจ ฯ ๏ พระอัคนีปรีชาสั่งวาโหม จงอยู่โสมนัสสาอัชฌาสัย อุปถัมภ์บำรุงชาวกรุงไกร ตั้งอยู่ในยุติธรรมอย่าลำเอียง ปรึกษาความตามบทในกฎหมาย อย่ากลับกลายว่ากล่าวให้ก้าวเฉียง ผู้ดีใดมีวิชาเอามาเลี้ยง จึงต้องเยี่ยงอย่างกษัตริย์ขัตติยา คิดกำจัดศัตรูโจรผู้ร้าย ให้หญิงชายชื่นจิตทุกทิศา มีโทษกรณ์ผ่อนผันกรุณา ให้เย็นใจไพร่ฟ้าประชาชน หนึ่งม้ารถคชสารทหารรบ ให้รู้จบเจนศึกเฝ้าฝึกฝน แม้มีผู้ยุยงอย่าหลงกล อย่าคบคนสอพลอทรลักษณ์ ใครข้องขัดทัดทานอย่าหาญฮึก ค่อยตรองตรึกชอบผิดคิดหน่วงหนัก แม้มีผู้รู้มาสาพิภักดิ์ ให้ยศศักดิ์สมควรอย่าชวนชัง จงฟังคำร่ำว่ารักษาศิล จะเพิ่มภิญโญไปเหมือนใจหวัง รูปขอลาวาโหมโยมชาววัง กลับไปยังฝั่งทะเลลงเภตรา เที่ยวหลีกบ่วงห่วงสัตว์ตัดสงสาร ไปวิมานเมืองสวรรค์ให้หรรษา วาโหมฟังหลั่งหล่อคลอน้ำตา ด้วยความอาลัยในพระอัคนี ฯ ๏ จึงทูลว่าข้าคิดเหมือนบิตุเรศ เคยฟังเทศน์ถือศิลพระชินศรี พระจะไปไกลวังเสียครั้งนี้ ไม่มีที่อุปถัมภ์ก็จำจน ด้วยฝ่ายพระประโยชน์เที่ยวโปรดสัตว์ สุดจะขัดทัดทานการกุศล แม้สบายภายหลังสิ้นกังวล ขอนิมนต์กลับมายังธานี ฯ ๏ พระรับคำอำลากลับมาห้อง พร้อมพวกพ้องพหลพลฤๅษี พอโพล้เพล้เวลาจวนราตรี ชวนพระพี่รีบออกนอกนคร พระทรงเดชเชษฐาทรงม้ามิ่ง นางทรงสิงห์ตามเดินเนินสิงขร น้ำค้างย้อยพรอยพรำแต่อัมพร เข้าดงดอนแดนป่าพนาลัย พวกขอเฝ้าสาวศรีเหล่าพี่เลี้ยง ส่งโคมเคียงข้างทางสว่างไสว ประทับค้างตามทางมากลางไพร ถึงบ้านไหนรับเลี้ยงพร้อมเพรียงกัน ด้วยนับถือฤๅษีเป็นที่ยิ่ง ทั้งชายหญิงอยากจะใคร่ไปสวรรค์ แต่แรมทางกลางย่านสำราญครัน ถึงเขตคันด่านสมุทรที่หยุดยั้ง เจ้าเมืองทำตำหนักไว้พรักพร้อม ทั้งกระท่อมน้อยน้อยสักร้อยหลัง ให้ศิษย์หาหลับนอนผ่อนกำลัง อยู่ริมฝั่งหาดทรายสบายใจ ฯ ๏ พระอัคนีมิได้ลาสิกขาบท ดูทรงยศพี่ยาจะว่าไฉน อยู่ตำหนักชักประคำนั้นร่ำไป เรียกมาลามาลัยไว้ใช้การ พวกขอเฝ้าสาวสรรค์พากันสึก ต่างสมนึกแสนสุขสนุกสนาน แต่องค์สุดสาครร้อนรำคาญ ด้วยเยาวมาลย์มารยาไม่ลาพรต อยู่กุฎีที่พระน้องมีห้องกั้น ทุกคืนวันวอนว่าพระดาบส นางผ่อนผัดขัดข้องก็ต้องงด สู้ออมอดอกใจดังไฟลาม คิดจะทำตามตำรับให้กลับสึก แล้วตรองตรึกเกรงบาปไม่หยาบหยาม แต่พากเพียรเวียนวอนไม่อ่อนตาม จนถึงสามเดือนแล้วไม่แผ้วพาน เวลานั้นหันหุนให้ฉุนแค้น ขึ้นนั่งแท่นเทียมสิทธาแล้วว่าขาน นี่แน่ะคะพระบรมสมภาร บวชมานานยิ่งนิ่งก็ยิ่งลวง จะบวชไปให้เป็นขรัวใช่ตัวเปล่า เป็นเมียเขาเจ้าของยังครองหวง เหมือนเป็นหนี้มิใช่น้อยเขาคอยทวง จะลุล่วงไปได้หรือขืนดื้อดึง เร่งสึกหาลาศีลเสียเถิดคะ ไม่ลดละแล้วจริงจริงอย่านิ่งขึง มิฟังคำทำดื้อได้อื้ออึง ไปฟ้องถึงไหนก็ไปเถิดไม่กลัว พระบิตุราชมาตุรงค์ก็ปลงให้ แล้วก็ได้เป็นพี่เป็นที่ผัว ขืนผ่อนผัดขัดข้องให้หมองมัว เดี๋ยวนี้ตัวเปล่าหรือถืออย่างไร ฯ ๏ นางฟังคำทำเป็นขึงแล้วจึงว่า เมื่อศรัทธายังไม่เสื่อมที่เลื่อมใส ไม่สึกหาฆ่าฟันเป็นฉันใด ตามพระทัยเถิดไม่ขัดพระอัชฌา ด้วยชาตินี้มีกรรมจึงลำบาก ต้องพลัดพรากสุริย์วงศ์เผ่าพงศา จะถือศิลภิญโญโมทนา ไปชาติหน้าจะได้สุขไม่ทุกข์ทน ถึงจะเชือดเลือดเนื้อเมื่อมิโปรด ไม่ขึ้งโกรธดอกจะใคร่ได้กุศล จะสู้ซื่อถือศิลไม่ดิ้นรน อุส่าห์ทนจนถึงกายจะวายปราณ ฯ ๏ พระว่าชะจะนิ่งจริงหรือน้อง จะได้ลองชมศรัทธาที่กล้าหาญ จะแล่เถือเนื้อน้องไม่ต้องการ โปรดประทานแต่ที่เคยได้เชยชิด จะกอดจูบลูบต้องที่ของรัก อย่าพลิกผลักมือนะจ๊ะพระนักสิทธ์ ช่วยเอียงแก้มแย้มเยื้อนให้เหมือนคิด พลางเข้าชิดโฉมฉายยิ่งอายใจ จึงว่าพระจะข่มเหงไม่เกรงบาป ทำหยามหยาบหยอกฤๅษีผิดวิสัย พระชื่นชวนสรวลสันต์นั่นเป็นไร ปากว่าได้ใจเบือนไม่เหมือนคำ อย่าขัดเขาเจ้าของไม่ต้องที่ สึกดีดีเถิดนะน้องไม่ต้องปล้ำ ขืนหน่วงหนักชักช้าทารกรรม แก้มจะช้ำเสียเปล่าเปล่าไม่เข้าการ ฯ ๏ นางเสแสร้งแกล้งว่าพระเป็นคฤหัสถ์ จะมาตัดกิจกรมพรหมวิหาร แม้เลือดเนื้อเถือได้ควรให้ทาน นี่เป็นการบาปกรรมที่สำคัญ จึงหลีกตัวกลัวพระพี่จะมีโทษ ด้วยประโยชน์อยากจะใคร่ไปสวรรค์ จะจับต้องกองไฟประลัยกัลป์ ครั้นจะผันผ่อนให้ก็ไม่ควร พระมิใช่ไม่เคยเชยชมน้อง เคยถูกต้องชิดเชื้อเนื้อสงวน นี่บาปกรรมจำห้ามขืนลามลวน พระเห็นควรหรือไฉนจะใคร่ฟัง ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางว่าสิกขาบท พี่รู้หมดมิใช่ว่าเป็นบ้าหลัง แม้รักใคร่ใจจริงไม่ชิงชัง จะจับมั่งก็ไม่บาปไม่หยาบคาย แม้ฤๅษีมีผัวหนีตัวบวช ให้ผัวชวดรักใคร่บาปใจหาย ไม่สึกหาถ้าแม้คู่ข้างผู้ชาย เขากอดก่ายกรรมอยู่กับมุนี จริงจริงนะจะต้องปล้ำอย่าทำดื้อ พี่เคยถือศีลห้าก่อนมารศรี นางขืนขึ้งบึ้งหน้าไม่พาที จะเซ้าซี้สักเท่าไรไม่เจรจา พระกอดรัดขัดใจอุ้มใส่ตัก นางเฉยพักตร์หลับเนตรแกล้งเชษฐา พระแนบเน้นเคล้นพุ่มปทุมา แล้วจูบซ้ายย้ายขวาให้สาใจ เสาวคนธ์ทนจูบให้ลูบต้อง พระจี้ลองร้องกรีดหวีดหวั่นไหว ผลักพระหัตถ์บัดสีนี่กระไร เฝ้าลูบไล้เหลือเบื่อเหลือจะลาม แค้นหนักหนาฟ้าผี่เถิดซินะ ไม่บวชละจะเป็นบาปเพราะหยาบหยาม พลางลาพรตปลดเปลื้องทรงเครื่องพราหมณ์ พระเดินตามเข้าในห้องแนบน้องยา สาแก่ใจไยจึงมิดึงดื้อ ไม่รู้หรือว่าพี่รักนั้นหนักหนา สู้ติดตามข้ามทะเลเร่ร่อนมา กินน้ำตาต่างข้าวทุกเช้าเย็น มาพบปะจะได้ชื่นขืนให้ชวด กลับถือบวชตรวจน้ำแกล้งทำเข็ญ เฝ้าห่างเหเรรวนไม่ควรเป็น ดูเหมือนเช่นมิใช่คู่ไม่รู้รัก หรือชิงชังรังเกียจไม่เฉียดชิด อย่าเกรงจิตจงแถลงแจ้งประจักษ์ ต้องง้องอนวอนว่าหนักหนานัก เสียดายรักที่ได้รักหนักอุรา มิคิดถึงทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ ก็ไม่ขัดขืนจิตกนิษฐา จะขอถามตามวิสัยใจสุดา ซึ่งหนีมาหมายจะไม่ไปบุรี หรือกระไรใคร่แจ้งที่แคลงจิต ใช่จะคิดเคืองข้องให้หมองศรี สิ้นอาลัยในชนกชนนี แล้วหรือพี่จะได้ลาเจ้าคลาไคล ฯ ๏ เสาวคนธ์อ้นอั้นให้ตันจิต สุดจะคิดออกช่องทำนองไหน จึงว่าเพราะเคราะห์กรรมได้ทำไว้ จะกลับไปเฝ้าแหนก็แสนอาย อันชาตินี้มิขออยู่จะสู้ม้วย พระพี่ช่วยเอาศีรษะไปถวาย จริงจริงนะจะขอลาก้มหน้าตาย อยู่ก็อายไปก็รับอัประมาน นางซบพักตร์ลงบนแท่นแสนระทด โศกกำสรดเศร้าถวิลถึงถิ่นฐาน สุดสาครช้อนโฉมประโลมลาน แสนสงสารสวมสอดกอดประคอง อย่าครวญคร่ำกำสรดสลดนัก แม่ยอดรักเสาวคนธ์จะหม่นหมอง พี่แกล้งว่าเล่นดอกหยอกพระน้อง อย่าขัดข้องคิดตายวายชีวา พระชนกชนนีโมลีโลก จะซ้ำโศกสิ้นวงศ์เผ่าพงศา แม้ศึกเสือเหนือใต้ที่ไหนมา หรือโรคาเคืองเข็ญไม่เห็นใคร หนึ่งพระน้องหมองเศร้าทุกเช้าค่ำ แม่ไม่รำลึกบ้างหรือถือไฉน จะสูญวงศ์พงศาไม่อาลัย น้อยหรือใจเจ้าจะตายวายชีวี ฯ ๏ นางฟังว่าอาวรณ์ถอนสะอื้น อุส่าห์ฝืนพักตร์สนองทั้งหมองศรี ซึ่งน้องคิดผิดพลั้งลงครั้งนี้ ด้วยเดิมทีมิได้ตรึกให้ลึกซึ้ง อันพระน้องสองชนกที่ปกเกล้า ทุกค่ำเช้าเศร้าใจอาลัยถึง จะกลับไปใจน้องตรองรำพึง จะอื้ออึงอดสูไม่รู้วาย พระบิตุราชมาตุรงค์พงศ์กษัตริย์ ยังเคืองขัดแค้นเดือดไม่เหือดหาย มีแต่ผิดคิดน่าระอาอาย นึกระคายขวยเขินสะเทินใจ ถ้าหากว่าฝ่าละอองสองกษัตริย์ เกิดวิบัติแปรปรวนประชวรไข้ หรือธานีมีศึกนึกจะไป ทำชอบให้หายผิดที่ติดพัน ฯ ๏ พระเชยโฉมโลมเล้าว่าเจ้าพี่ แม่คิดดีดวงสมรจะผ่อนผัน แต่งเรือน้อยคอยเหตุไปเขตคัน แม้มีอันตรายมาถึงธานี ไปช่วยการบ้านเมืองเมื่อเคืองแค้น พอทดแทนทำผิดที่คิดหนี หนอแม่หนอรอรั้งฟังคดี ต่างเปรมปรีดิ์ปรองดองกันสองรา ฯ ๏ แล้วองค์สุดสาครบวรนาถ ออกนั่งอาสน์สั่งช่างทั้งซ้ายขวา ต่อเรือใช้ไพร่ประจำลำนาวา ให้คืนคลาไปนิเวศน์ฟังเหตุการณ์ อันเรื่องราวเสาวคนธ์วิมลสมร สุดสาครคู่รักสมัครสมาน คอยฟังข่าวเช้าค่ำค่อยสำราญ อยู่เมืองด่านชานชลาริมวารี ฯ ๏ จะกล่าวเรื่องเมืองลังกาพวกฝรั่ง นิเวศน์วังนางวัณฬามารศรี ทั้งรำภานางยุพาสุลาลี ตั้งแต่ปีผัวกลับกองทัพไป ต่างครองครรภ์รันทดสลดจิต ด้วยจากมิตรมัวหมองไม่ผ่องใส ทุกเช้าค่ำคร่ำครวญรัญจวนใจ จนครรภ์ได้สิบเดือนไม่เคลื่อนคลา อันโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช คลอดหน่อนาถเมื่อวันเข้าพรรษา เป็นชายเฉิดเลิศลักษณ์ดวงพักตรา เหมือนบิดาประหนึ่งหล่อลออองค์ ผิวฉวีสีสังข์สำอางค์อ่อน เหมือนมารดรแต่พระเกศเนตรขนง ดูคมขำอำไพวิไลทรง มาตุรงค์ให้ชื่อพระมังคลา นางรำภาสะหรีมีโอรส เหมือนทรงยศศรีสุวรรณกรรณหัตถา ทั้งผิวเหลืองเรืองรองดังทองทา ชื่อวลายุดางามสรรพางค์ นางยุพานารีก็มีบุตร เหมือนสินสมุทรเนตรแดงดังแสงฝาง ผิวเนื้อเขียวเขี้ยวแหลมเกศแก้มคาง ไม่ผิดอย่างบิดาชื่อวายุพัฒน์ แล้วลาลีมีบุตรสุดสวาท เป็นชายชาติเชื้อวงศ์พงศ์กษัตริย์ ไม่เพี้ยนผิดบิตุรงค์ทรงสันทัด ทั้งเอวบางร่างรัดชื่อหัสกัน ฯ ๏ พระมังคลากับวลายุดาราช อยู่กับบาทหลวงใหญ่ในไอศวรรย์ กุมาราวายุพัฒน์หัสกัน ทั้งสองนั้นอยู่ที่พระปีโป ตั้งพากเพียรเรียนหนังสือถือฝรั่ง อาจารย์สั่งสอนสิกขาเยวาโห ดูตำราฟ้าดินค่อยภิญโญ ไม่มีโรคาพานสำราญใจ ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก การภิเษกขัดข้องไม่ผ่องใส ครั้นเกี่ยวดองสองทัพยกกลับไป พระหัสไชยสร้อยเศร้าเปล่าอุรา คิดคะนึงถึงลูกสาวเจ้าผลึก ไม่วายนึกนอนฝันกระสันหา โอ้น้องน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา เสียดายมาถึงแล้วกลับแคล้วกัน นิจจาเอ๋ยเคยหอมถนอมสนิท เคยนอนชิดชมน้องประคองขวัญ เคยยิ้มสรวลชวนชื่นทุกคืนวัน เมื่อกระนั้นน้อยหรือใจไม่ไยดี ได้ร่วมเรียงเคียงเขนยชมเชยกอด เจ้าเคยพลอดจุกจิกพี่พลิกหนี แม้รักใคร่ในนางเหมือนอย่างนี้ ให้ฟ้าผี่เถิดสินะไม่ละเลย เมื่ออยู่ทัพพลับพลาลังกานั้น เหมาะเบาบันหรือช่างเฉาเจียวเราเอ๋ย ให้อายใจได้แต่เบียดชิดเฉียดเชย มิได้เกยกอดชมสมคะเน มาเมืองนี้พี่ก็หมายไม่คลายคลาด กลับนิราศเริศร้างไปห่างเห อันกรุงไกรไกลทางขวางทะเล สุดคะเนนึกสะอื้นกลืนน้ำตา โอ้แต่นี้มิได้พบประสบแล้ว เสียดายแก้วนัยน์เนตรของเชษฐา เมื่อรบรับกับฝรั่งเมืองลังกา พระมารดายกให้เหมือนใจคิด เคยกอดพี่มิให้ออกไปนอกรถ หอมแป้งสดแสนชื่นระรื่นจิต เคยกอดจูบลูบต้องประคองชิด มาเปลื้องปลิดเปล่าใจจำไกลกัน ถึงยามนอนกรพาดนลาฏนึก เหลือรำลึกหลงเพ้อละเมอฝัน จนใช้เหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล หลงเรียกชื่อสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา แต่ดิ้นโดยโหยหวนคร่ำครวญคิด มิรู้ลืมปลื้มจิตกนิษฐา จำจะคิดบิดผันจำนรรจา ลาบิดาชนนีตามพี่นาง แล้วจะได้ไปเมืองผลึกน้อง ได้พบสองศรีสวัสดิ์ไม่ขัดขวาง รำพึงความยามเศร้าค่อยเบาบาง พอสว่างเวลารุ่งราตรี จึงโสรจสรงทรงเครื่องแล้วเยื้องย่าง พร้อมด้วยเหล่าสาวสุรางค์นารีศรี มาขึ้นเฝ้าพระชนกชนนี อัญชลีแล้วสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสถามด้วยความรัก เป็นไรพักตร์เผือดรูปซูบหนักหนา โอรสรับอภิวันท์จำนรรจา ลูกตรึกตรากตรอมใจมิได้วาย ด้วยพี่นางช่างกระไรมิได้เหตุ ทั้งพระเชษฐาตามสูญความหาย ฉวยขัดขวางอย่างไรจะได้อาย ขอถวายบังคมลาฝ่ายุคล ไปเที่ยวตามถามข่าวสืบราวเรื่อง ตามบ้านเมืองเกาะแก่งทุกแห่งหน หรือเสียเรือเผื่อจะค้างอยู่กลางชล ถึงอับจนจะได้พามาธานี พระฟังความห้ามบุตรสุดสวาท เขาตัดขาดเชื้อสายจึงหน่ายหนี อย่าตามไปให้ลำบากยากโยธี อยู่บูรีเช้าค่ำให้สำราญ ฯ ๏ พระฟังตรัสตัดรอนถอนสะอื้น อุส่าห์กลืนชลนาน่าสงสาร ศิโรราบกราบประณตบทมาลย์ ขอประทานโทษที่พระพี่ยา ซึ่งแค้นเคืองเรื่องราวคราวฝรั่ง ไม่จงหวังร่วมนิเวศน์กับเชษฐา จึงหลบลี้หนีงานการวิวาห์ ได้ล่วงราชอาชญาฝ่าธุลี แต่ส่วนลูกผูกใจอาลัยหนัก เคยเห็นพักตร์พี่น้องกันสองศรี ทั้งเป็นหญิงทิ้งขว้างเสียอย่างนี้ จะรู้ที่ผินหน้าไปหาใคร พลางโศกาอาดูรพูนเทวษ พระชลเนตรนองตกซกซกไหล พระบิตุรงค์สงสารรำคาญใจ มิให้ไปก็จะเศร้าเฝ้าโศกา จึงว่าพ่อก็ไม่ห้ามตามแต่จิต เมื่อขืนคิดรักใคร่ก็ไปหา ตามลำพังพี่น้องกันสองรา แต่อย่าว่าข้าใช้ให้ไปตาม ฯ ๏ พระรับสั่งบังคมบรมนาถ จากปราสาทเสด็จมาหน้าสนาม ขึ้นหยุดยั้งนั่งพลับพลาสง่างาม จึงสั่งความแก่มหาเสนาใน จงแต่งลำกำปั่นสุวรรณมาศ ใช้ใบตาดธงทองให้ผ่องใส เปลี่ยนรอกใบสายสมอเชือกช่อใบ ทำด้วยไหมเบญจพรรณให้ทันการ คนประจำกำปั่นสักพันถ้วน เลือกแต่ล้วนเข้มแข็งกำแหงหาญ ทั้งล้าต้าต้นหนพวกคนงาน ที่ชำนาญนาวาจะคลาไคล ครั้นสั่งเสร็จเสด็จกลับผู้รับสั่ง ไม่รอรั้งเรียกกันเสียงหวั่นไหว บ้างเปลี่ยนเชือกเลือกเสาผลัดเพลาใบ สมอไหมเบญจพรรณฟั่นเป็นพวน บรรทุกน้ำลำเลียงเสบียงเพียบ ทอดประเทียบประทับท่าหน้าฉนวน พร้อมปืนผาอาวุธชุดชนวน ทหารถ้วนพันประจำในลำทรง ฯ ๏ ครั้นรุ่งแจ้งแสงสูรย์จำรูญจำรัส หน่อกษัตริย์จรลีเข้าที่สรง น้ำกุหลาบอาบอบตลบองค์ แล้วสอดทรงเครื่องกษัตริย์จำรัสเรือง มงกุฎเก็จเพชรกระจ่างสว่างวับ เป็นนวลจับแจ่มศรีฉวีเหลือง สอดฉลองพระบาทแล้วยาตรเยื้อง นางเชิญเครื่องงามงามตามลีลา ลงกำปั่นบัลลังก์ขึ้นนั่งอาสน์ พร้อมมหาดเล็กพี่เลี้ยงเคียงซ้ายขวา นายทหารขานโห่เป็นโกลา ยิงปืนหน้าเรือตึงกึงกึงกัง ประโคมฆ้องกลองฤกษ์เอิกเกริกเสียง เสนาะสำเนียงเซงแซ่ทั้งแตรสังข์ ลอยลำเลื่อนเคลื่อนคลาจากหน้าวัง ได้กำลังลมดีให้คลี่ใบ แล่นออกจากปากอ่าวลมว่าวส่ง สะบัดธงปลายปลิวหวิวหวิวไหว ดูอ้างว้างกลางทะเลว้าเหว่ใจ ชลาไลยลมคลื่นเสียงครื้นครึก ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสสั่งให้ตั้งเข็ม ออกแล่นเล็มจะไปเข้าอ่าวผลึก พอแดดลบพลบค่ำออกน้ำลึก เรือสะทึกสะท้านเลื่อนสะเทื้อนคลอน ถูกลมแดงแคลงคลื่นทะมึนมืด เป็นเกลียวยืดใหญ่กลิ้งเท่าสิงขร เยือกเขยื้อนเคลื่อนโขยดโลดกระดอน กำปั่นคลอนโคลงป่วนซุนซวนเซ ยิ่งดึกดื่นคลื่นสาดบนดาดฟ้า ลมสลาตันผันพัดหันเห คนเข้าห้องท้องคลอนดังนอนเปล จนถึงเวลาสว่างไม่สร่างลม พวกล้าต้าฆ่าไก่ตั้งไหว้เจ้า ทั้งเหล้าข้าวเครื่องสังเวยนมเนยขนม จนเบี่ยงบ่ายคลายคลื่นต่างชื่นชม กลับเป็นลมว่าวแล่นแสนสบาย ฯ ๏ พระขึ้นนั่งบัลลังก์ท้ายบาหลี ผูกม่านสีซุ้มหลังคาฝาพระฉาย ชมมัจฉาคลาเคลื่อนลอยเลื่อนราย เห็นคล้ายคล้ายว่ายเคล้าสำเภาทอง ทั้งกุ้งกั้งมังกรสลอนสล้าง บ้างดำบ้างผุดฟูเป็นคู่สอง พวกเหราม้าน้ำคล่ำคะนอง บ้างพ่นฟองฟุ้งฟ้าฝูงปลาวาฬ เหล่ากระโห้โผล่ผุดไล่วุดวาด ฉนากฟาดงวงฟัดอยู่ฉัดฉาน เสือสมุทรผุดโผนโจนทะยาน คชสารสินธูขึ้นชูงา บ้างตัวเหมือนวัวควายมีหลายอย่าง เหมือนแรดกวางหางพลัดเป็นมัจฉา บ้างเหมือนหอยลอยเลื่อนค่อยเคลื่อนคลา ครั้นเยี่ยมหน้าออกเหมือนหมีต่างชี้ดู เงือกมนุษย์ผุดกลุ้มทั้งหนุ่มสาว ล้วนผมยาวปรกบ่ามีตาหู บ้างเหมือนแพะแกะกายกลายเป็นงู ขึ้นฟ่องฟูฟันคลื่นเสียงครื้นเครง ฝูงโลมากาสิกผุดพลิกโพล่ง ที่ใหญ่โล่งงวงโง้งกระโทงเหง ฮุบกันติดบิดสะบัดฟัดกันเอง ดูน่าเกรงกลัวปลาในสาชล มังกรว่ายสายสมุทรขึ้นผุดขวาง ยาวเหมือนอย่างโขดเขินเนินถนน เห็นกำปั่นหันเหียนวงเวียนวน ต้องเผาขนไก่กันด้วยควันไฟ พอสัตว์จมลมเงียบเชียบสงัด ไม่แกว่งกวัดธงทิวริกริ้วไหว ดูน้ำนิ่งวิ่งพร่างเป็นหางไป เหมือนน้ำในสระซึ้งอั้นอึ้งลม ต้องเลื่อนลอยคอยวายุพาพัด ให้ฆ่าสัตว์เซ่นพระกาลเผาสารส้ม แล้วตีกลองฆ้องระฆังดังระดม พอได้ลมแล่นตัดตามอัธยา ด้วยหมายมุ่งกรุงผลึกออกลึกล้ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา จะแลเหลียวเปลี่ยวใจนัยนา จนเวลาค่ำพลบจุดคบโคม ฯ ๏ พระนั่งเล่นเย็มลมชมอากาศ พระพายผาดพัดเรื่อยเฉื่อยชื่นโฉม ดูดาวเดือนเกลื่นสว่างกลางโพยม ยิ่งนึกโทมนัสในใจรัญจวน คิดคะนึงถึงพี่เป็นที่รัก เคยพร้อมพรักปรีดิ์เปรมเกษมสรวล เคยคิดบอกดอกสร้อยน้องคอยทวน เคยชี้ชวนชมฟ้าดาราราย โอ้ยามนี้วิบัติต้องพลัดพราก ต่างจำจากจำไกลจิตใจหาย ทุกค่ำเช้าเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย มิได้วายวันนึกนิ่งตรึกตรอง แล้วรำพึงถึงลูกสาวเจ้าผลึก จะรำลึกถึงพี่มั่งหรือทั้งสอง ฝาแฝดคู่ดูดีทั้งพี่น้อง ประไพพริ้มยิ้มย่องละอองนวล ดูรูปร่างช่างเหมือนไม่เคลื่อนคลาด เหลือประหลาดลืมองค์ทรงพระสรวล คิดถึงเคยเชยชื่นรื่นรัญจวน ยิ่งอักอ่วนป่วนจิตคิดคะนึง ฯ ๏ ดูเรือช้ากว่าทุกครั้งสั่งคนใช้ ให้แทรกใบซ้ายขวาผูกผ้าขึง ทุกคืนค่ำร่ำใช้ใบตะบึง จนเข้าถึงอ่าวผลึกดึกสองยาม ทอดสมอรอราอยู่หน้าด่าน พวกทหารเห็นรู้จักร้องทักถาม ด้วยเกี่ยวดองสองเมืองรู้เรื่องความ ไม่ห้ามปรามปล่อยให้ขึ้นไปวัง กำปั่นจอดทอดท่าหน้าฉนวน ขุนนางชวนกันมารับคอยคับคั่ง พระทรงอาสน์ราชสุวรรณบัลลังก์ เข้าในวังคอยเฝ้าเจ้านคร ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมณีนาถ บรมบาทบพิตรอดิศร สถิตแท่นแวนฟ้าสถาวร พร้อมนิกรกัลยาคณานาง คอยขับรำบำรุงกรุงกษัตริย์ บริบูรณ์พูนสวัสดิ์ไม่ขัดขวาง ครั้นสายแสงแต่งองค์ทรงสำอาง พร้อมขุนนางน้อมประณตบทมาลย์ ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเข้าไปเฝ้า พระเรียกเข้าไปที่แท่นแสนสงสาร พานพระศรีที่บัลลังก์ตั้งประทาน ให้กุมารร่วมเสวยชมเชยพลาง แล้วตรัสถามตามทำนองถึงสองกษัตริย์ ยังไพบูลย์พูนสวัสดิ์หรือขัดขวาง แต่จากมากว่าปีอันพี่นาง ยังได้ข่าวคราวบ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ทรงสดับ น้อมคำนับทูลแจ้งแถลงไข อันสองกษัตริย์ขัตติยาเสนาใน ทั้งพลไพร่พร้อมดีบริบูรณ์ แต่พี่นางทั้งสมเด็จพระเชษฐา ไม่ทราบว่าดีร้ายไปหายสูญ แสนละห้อยคอยหาให้อาดูร จึงมาทูลถามความตามสงกา ด้วยเกณฑ์เรือเหนือใต้ไปเที่ยวค้น ทุกตำบลเกาะแก่งแสวงหา ไม่เห็นหายหมายที่พระพี่ยา จะแวะมาเฝ้าบ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ พระฟังคำร่ำว่านิจจาเอ๋ย จะหลงเลยลึกซึ้งไปถึงไหน ที่จริงจิตบิดรไม่นอนใจ ให้เวียนไปสืบเรื่องทุกเมืองราย แต่เรือใช้ใหญ่น้อยสักร้อยเศษ คอยฟังเหตุเช้าเย็นก็เห็นหาย หมอดูดีที่ไหนก็ให้ทาย ว่าไม่ตายแต่จะมายังช้านาน พ่อทุกข์ถึงเสาวคนธ์วิมลมิ่ง ด้วยเป็นหญิงยากแค้นแสนสงสาร ทั้งเห็นเจ้าเศร้าสร้อยพลอยรำคาญ จะคิดอ่านเตรียมพลเที่ยวค้นคว้า จงฟังข่าวราวเรื่องอยู่เมืองนี้ คอยพวกที่แยกย้ายเที่ยวรายหา ทั้งใต้เหนือเผื่อไปปะเขาจะมา เราจึงพากันไปตามนางทรามวัย ฯ ๏ พระตรัสพลางทางชวนพระหน่อนาถ ขึ้นปราสาทด้วยสนิทพิสมัย ฝ่ายองค์พระมเหสีดีพระทัย เข้าลูบไล้ลูกเขยนั่งเชยชม แม่รำลึกนึกถึงพึ่งได้เห็น พ่อเคยเป็นเพื่อนชีวิตสนิทสนม น้อยหรือรูปซูบผอมด้วยตรอมตรม เพราะระทมทุกข์ทวีถึงพี่นาง แม่เสาวคนธ์มณฑานิจจาเอ๋ย กระไรเลยละน้องให้หมองหมาง เที่ยวสืบถามตามติดทุกทิศทาง น้อยหรือช่างแคล้วคลาดประหลาดใจ ฯ ๏ พระฟังตรัสมธุรสประณตสนอง พระคุณสองกษัตราจะหาไหน ถึงทุกข์ทนผลกรรมได้ทำไว้ ก็มิได้ลืมพระคุณกรุณา น้ำใจลูกผูกพันทุกวันนี้ เหมือนชนนีที่กำเนิดเกิดเกศา เที่ยวตามพี่มิได้แจ้งแห่งกิจจา จึงแวะมาอภิวาทบาทบงสุ์ ฯ ๏ นางฟังหน่อวรนาถฉลาดฉลอง นั่งยิ้มย่องชื่นชมสมประสงค์ เรียกบุตรีพี่น้องทั้งสององค์ ให้โฉมยงอัญชลีพระพี่ยา พระรับหัตถ์ตรัสทักด้วยรักใคร่ สบายใจอยู่หรือสองพระน้องจ๋า นางรับจ๊ะอภิวันท์จำนรรจา ตามประสาซื่อตรงเหมือนวงศ์วาน พระมารดาว่าพ่อก็เหมือนบุตร จงยั้งหยุดอยู่ปราสาทราชฐาน ได้เห็นเจ้าเช้าค่ำค่อยสำราญ อยู่กับมารดาได้ใกล้ใกล้กัน แล้วทูลลาพาพระหน่อวรนาถ ไปปราสาทสั่งเหล่านางสาวสรรค์ ทอดยี่ภู่ปูลาดอาสน์สุวรรณ มีฉากกั้นบรรจถรณ์อ่อนสำอาง นางอยู่งานพานพระศรีมีสำหรับ คอยกล่อมขับปรนนิบัติไม่ขัดขวาง แต่บุตรีพี่น้องทั้งสองนาง อยู่ห้องกลางต่างหากจัดหมากพลู ด้วยรู้ทีพี่ชายก็อายเหนียม เห็นและเลียมเล่นตาน่าอดสู กลัวสาวสาวเหล่าข้าหลวงจะล่วงรู้ แกล้งซ่อนอยู่เสียมิได้ไปใกล้กราย แต่เช้าเย็นเป็นธุระเครื่องเสวย เหมือนอย่างเคยต้องไปเรียบเทียบถวาย พระหัสไชยใจรักตรัสทักทาย ชวนสองสายสวาทเสวยเหมือนเคยกัน นางอายเอียงเมียงเมินเชิญพระพี่ พระเซ้าซี้ซ้ำชวนนางสรวลสันต์ พระวอนวิงจริงนะเมื่อกระนั้น กินด้วยกันหรือรังเกียจคิดเกลียดชัง ฯ ๏ สองสุดาว่าพระองค์สิทรงยศ น้องถอยถดวาสนากว่าแต่หลัง มิควรเคียงเรียงชิดกลัวผิดพลั้ง ไม่ชิงชังเชิญเสวยแล้วเลยลา แกล้งหลีกออกนอกฉากไปจากห้อง พระตรัสร้องเรียกก็ไม่กลับไปหา พระหัสไชยไม่เสวยเลยนิทรา พวกสาวสรรค์กัลยาปรึกษากัน จะเชิญเครื่องกลับไปมิได้เสวย ฉวยเกินเลยลงหวายเสียดายสัน ต้องรอรั้งตั้งค้างจนกลางวัน นางสาวสรรค์พรั่นกลัวทุกตัวนาง ฯ ๏ พอโฉมยงองค์พระมเหสี ออกจากที่เฝ้ามามุขขวาขวาง เห็นเครื่องอานพานตั้งยังคั่งค้าง จึงถามนางสาวสรรค์กำนัลใน เขาทูลความตามเรื่องที่เคืองข้อง ชวนพระน้องไม่เสวยเลยหลับใหล มาตุรงค์สงสารรำคาญใจ เสด็จไปเข้าห้องสองธิดา จึงแกล้งขู่ดูดู๋ดื้อถือทิฐิ จะเรียนริตัดวงศ์เผ่าพงศา ร่วมเสวยเคยแต่ครั้งไปลังกา เดี๋ยวนี้มาขัดขวางเป็นอย่างไร แม้ทราบถึงบิตุรงค์คงจะกริ้ว ทำบิดพลิ้วเช่นนี้เห็นดีไฉน อย่าขัดขวางห่างแหไปแม่ไป ปลุกพี่ให้เธอเสวยเหมือนเคยกัน ฯ ๏ สองบุตรีขี้ขลาดมิอาจขัด ชลีหัตถ์หักอายจำผายผัน มาชวนเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล เข้าเคียงบรรจถรณ์ที่พระพี่ยา ค่อยยอบองค์ลงคำนับอภิวาท สะกิดบาทบทเรศพระเชษฐา พระเหลือบดูรู้ว่าน้องสองสุดา แกล้งชักผ้าคลุมพระพักตร์ไม่ทักทาย จันทร์สุดาว่าพระพี่มิอยากหลับ เชิญช่วยรับเครื่องเสวยเคยถวาย สร้อยสุวรรณนั้นว่าเหลือเบื่อจะตาย จนเบี่ยงบ่ายช้านานรำคาญครัน แกล้งหลับเฉยเลยนิ่งจริงนะจ๊ะ จะให้พระชนนีมาตีฉัน น้องจะมาเสวยด้วยพลางช่วยกัน เฝ้าปลุกสั่นเซ้าซี้พระพี่ยา ฯ ๏ พระแช่มชื่นฝืนองค์ดำรงนั่ง แกล้งผินหลังลองจิตกนิษฐา สร้อยสุวรรณนั้นถวายสรงพักตรา จันทร์สุดาเรียงเรียบเทียบเครื่องอาน แล้วต่างอ้อนวอนว่านิจจาเอ๋ย ไม่เสวยโภชนากระยาหาร จะให้น้องต้องโทษไม่โปรดปราน แต่ก่อนกาลก็ไม่เป็นเหมือนเช่นนี้ จริงจริงนะพระช่างไม่อาลัยน้อง จึงขัดข้องคิดอางขนางหนี อย่าอดเสวยเลยถ้าแม้นแค้นเต็มที จะหยิกตีตามจะทำให้หนำใจ พระฟังคำร่ำว่าน่าสงสาร ช่างอ่อนหวานวาจาอัชฌาสัย จึงว่าพี่มิได้เฉยเคยอย่างไร ก็รักใคร่อย่างนั้นไม่ฉันทา จริงจริงนะพระน้องทั้งสองอีก แกล้งเลี่ยงหลีกหลบพักตร์เสียหนักหนา เคยชิดเชื้อเมื่อครั้งอยู่ลังกา เดี๋ยวนี้มาห่างเหินเผอิญเป็น ชวนเสวยไม่เสวยแกล้งเลยหลบ ไม่อยากพบไม่รอไม่ขอเห็น อยู่ดีดีวิบากกระดากกระเด็น ไกลสักราวเก้าเส้นสิบห้าวา นี่หากพระชนนีจะตีน้อง ดอกจึงต้องตามบังคับกลับมาหา ถ้าหาไม่ไหนพระน้องสองสุดา จะกลับมาหาพี่ไม่มีเลย ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างยิ้มว่าอิ่มเหลือ พระชวนเมื่อเช้าจึงไม่ได้เสวย แต่เพียงนี้มิใช่ว่าไม่เคย มิควรพระจะว่าเฉยว่าเลยละ คุณพระพี่ที่ลังการบข้าศึก น้องก็นึกอยู่ทุกสิ่งจริงจริงหนะ อย่าพักร่ำลำเลิกเลยพุคะ มิใช่จะลืมพระคุณกรุณา น้องก็รู้อยู่ในจิตว่าสิทธิ์ขาด เป็นข้าบาทบทเรศพระเชษฐา ฆ่าก็ตายขายก็ขาดตามอาชญา จงเมตตาอย่าให้น้องนี้ต้องตี ฯ ๏ แม่สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาหนักหนานัก มิควรจักแกล้งว่าเป็นทาสี ทีหลังถ้าว่ากล่าวเหมือนคราวนี้ จะทูลพระชนนีให้ตีน้อง แล้วลีลามานั่งที่ตั้งเครื่อง แลชำเลืองเหลียวหลังดูทั้งสอง นางเรียงเรียบเทียบสุวรรณภาชน์ทอง ส้อมฉลองพระหัตถ์จัดประจง พระเห็นสองทรามวัยไม่เสวย แกล้งนิ่งเฉยเสียไม่ชวนนวลหง นางรู้เท่าเฝ้าอ้อนวอนพระองค์ ไม่โปรดทรงเสวยบ้างเป็นอย่างไร พระค้อนพลางทางถามทรามสงวน แม่ไม่ควรเสวยหรือถือไฉน เมื่อตะกี้นี้สัญญาว่ากระไร ทำลืมไปเสียแล้วหรือแก้วตา ฯ ๏ นางฟังคำร่ำตรัสสุดขัดข้อง ยกชามทองมาตั้งทั้งซ้ายขวา พระแย้มสรวลชวนน้องสองสุดา เสวยเครื่องพระกระยากับนารี นางหยิบลงตรงไหนพระหยิบมั่ง นางหยุดยั้งยิ้มพรายชม้ายหนี พระซักถามนามกับข้าวแกล้งเซ้าซี้ นางทูลชี้ถวายพลางต่างต่างกัน ไก่พะแนงแกงเผ็ดกับเป็ดหั่น ห่อหมกมันจันลอนสุกรหัน ทั้งแกงส้มต้มขิงทุกสิ่งอัน กุ้งทอดมันม้าอ้วนแกงบวนเนื้อ พระฟังนางช่างฉลองของเล็กน้อย พลอยอร่อยรสชาติประหลาดเหลือ จนอิ่มหนำซ้ำเสวยของหวานเจือ ค่อยชิดเชื้อชอบชื่นระรื่นใจ ฯ ๏ ครั้นสำเร็จเสร็จเสวยเหมือนเคยรัก ต่างแย้มพักตร์พจนาอัชฌาสัย แล้วพี่น้องสองสุดาทูลลาไป พระหัสไชยสร้อยเศร้าเปล่าอุรา ขึ้นไสยาสน์อาสน์อ่อนบรรจถรณ์แท่น ยิ่งสุดแสนเศร้าสร้อยละห้อยหา คิดถึงน้องสองสมรแต่ก่อนมา เคยพูดจาชมเชยเช่นเคยรัก เมื่อยังเยาว์เฝ้ากวนเฝ้าชวนพลอด ไม่พูดกอดจี้พี่จักดี้หนัก พระนึกหลงทรงพระสรวลเสียงคักคัก คิดอายพักตร์สาวสรรค์กำนัลใน อนาถนอนกรเกยเขนยหนุน ให้คร่ำครุ่นครวญคิดพิสมัย จะโลมเล้าเยาวมาลย์ประการใด ยิ่งคิดให้มืดเม้นไม่เห็นทาง จะลดเลี้ยวเกี้ยวสร้อยสุวรรณพี่ ก็กีดที่จันทร์สุดาเข้ามาขวาง จะเกี้ยวน้องลองสักทีกีดพี่นาง ไม่เหมือนอย่างใจนึกยิ่งตรึกตรา ดูทำนองสององค์พระนงนุช ยังซื่อสุจริตรักเราหนักหนา แต่คราวเคราะห์เพราะมาพ้องกันสองรา ต้องเกี้ยวฝาแฝดคู่อยู่จริงจริง การอะไรให้ทำไม่ลำบาก มันยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง กระบิดกระบวนรวนเรประเวประวิง ยิ่งคิดยิ่งปั่นป่วนรัญจวนใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีทั้งพี่น้อง แต่งเครื่องของตามเวลาอัชฌาสัย เป็นกังวลปรนนิบัติพระหัสไชย นางมิให้พี่ยาอนาทร เครื่องสุคนธ์ปนปรุงจรุงรส ดอกไม้สดสารพันใส่บรรจถรณ์ บุหรี่นางช่างพันเจือจันทน์ขจร พระศรีเจียนเซี่ยนอ่อนซอยซ้อนซับ ถึงราตรีมีสุรางค์นางน้อยน้อย ล้วนเรียบร้อยรู้พร้อมทั้งกล่อมขับ เป็นเวรเวียนเปลี่ยนยามสามสำรับ คอยสำหรับปรนนิบัตินวดพัดวี ฯ ๏ ฝ่ายพระสินสมุทรหน่อวรนาถ เป็นอุปราชราชการผ่านกรุงศรี ทราบว่าหัสไชยมาถึงธานี ชวนอรุณรัศมีศรีโสภา ไปถามข่าวเสาวคนธ์วิมลพักตร์ ช่างซื่อสัตย์ตัดรักเสียหนักหนา นางขวยเขินเมินพักตร์ไม่พูดจา พระพี่ยายิ้มแย้มกระแอมไอ แล้วชวนนางย่างเยื้องยุรยาตร มาทรงราชยานทองอันผ่องใส นางทรงวอช่อฟ้าตามคลาไคล กำนัลในนางห้ามตามลีลา ไปเฝ้าพระชนนีที่ปราสาท อภิวาทนางกษัตริย์ตรัสเรียกหา พระบุตรีพี่น้องสองธิดา มาพร้อมหน้าทั้งกษัตริย์หัสไชย ต่างคำนับรับหัตถ์ตรัสประภาษ อุปราชเรียกนุชามาปราศรัย ถามถึงที่พี่นางเป็นอย่างไร พระหัสไชยทูลแถลงแจ้งกิจจา เที่ยวสืบถามตามรอบทุกขอบเขต ทั่วประเทศใหญ่น้อยร้อยภาษา ไม่ได้ข่าวคราวที่พระพี่ยา ทั้งเชษฐาสูญความไปตามกัน ฯ ๏ สินสมุทรคาดสังเกตว่าเหตุนี้ เพราะเทวีเสาวคนธ์เวทมนตร์ขยัน ให้เฟือนความตามไปจึงไม่ทัน คนอื่นนั้นนึกเห็นไม่เป็นการ สุดสาครหล่อนคงหากว่าจะปะ หน่อยก็จะคืนเขตนิเวศน์สถาน พระน้องอย่าอาวรณ์ร้อนรำคาญ อยู่ชมบ้านเมืองพี่ให้ปรีดา ทั้งด้าวแดนแม้นประสงค์จำนงไฉน จะหาให้สมมาดปรารถนา ฝ่ายอรุณรัศมีว่าพี่ยา แม้รู้ว่านงเยาว์เสาวคนธ์ จะคิดหนีพี่จะได้ไปด้วยน้อง มิให้ต้องอายหญิงชาวสิงหล จะสร้างพรตอตส่าห์บวชเรียนสวดมนต์ ก็จะพ้นอับอายสบายใจ สินสมุทรว่านี่แน่แม่อรุณ อยากได้บุญง่ายดอกจะบอกให้ ถือศีลห้าอย่าหึงโกรธขึ้งใคร ก็จะได้โสดาไม่ช้าที พระหน่อนาถมาตุรงค์ทรงพระสรวล นางค้อนข่วนเชษฐาเบือนหน้าหนี ต่างพูดเล่นเจรจาจนราตรี ลาไปที่ปรางค์รัตน์ชัชวาล ฯ ๏ จะกลับกล่าวท้าวสุทัศน์ขัตติเยศ มงกุฎเกศรัตนามหาสถาน ครองประเทศเขตแคว้นแสนสำราญ พระชนมานร้อยยี่สิบปีปลาย ให้ลืมหลงสรงเสวยพานเลยละ ลมปะทะพระหทัยมิใคร่หาย คนแก่เฒ่าสาวใหญ่มิให้กราย คิดระคายเคืองขัดพระหัทยา ชอบพระทัยใช้สอยแต่สาวสาว ที่รุ่นราวรู้หลักโปรดหนักหนา ลืมบรรทมลมจับวับวิญญาณ์ พอเวลาไก่ขันสวรรคต ฝ่ายองค์พระมเหสีสามีม้วย ระทดระทวยทอดองค์ทรงกำสรด สิ้นกำลังทั้งชราพิลาลด พระชนม์ปลดเปลื้องสวรรคครรไล พระวงศาข้าเฝ้าเหล่าสนม ทุกหมู่กรมแซ่ซ้องเสียงร้องไห้ สะอึกสะอื้นครื้นเครงวังเวงใจ ทั้งข้างในข้างหน้าปรึกษากัน เชิญศพสองท้าวไทใส่โกศรัตน์ ตามกษัตริย์ทรงเดชเจ้าเขตขัณฑ์ ไว้ปรางค์มาศราชวัติฉัตรสุวรรณ เป็นช่องชั้นซ้อนสลับประดับประดา ประโคมยามตามอย่างนางร้องไห้ พวกชีไพรพราหมณ์บวชสวดคาถา แล้วเสนาธิบดีผู้ปรีชา แต่งสาราเรื่องราวสองท้าวไท ไปทูลองค์ทรงยศโอรสราช จัดอำมาตย์มีปัญญาอัชฌาสัย ให้ถือสารคุมสำเภาเหล่าพลไกร รีบใช้ใบตามคลื่นทุกคืนวัน ฯ ๏ สามเดือนครึ่งถึงบุรีรมจักร ขึ้นหาอัครเสนาพาผายผัน เข้าสู้ห้องท้องพระโรงทูลทรงธรรม์ อภิวันท์อ่านตามเนื้อความมี ใบบอกว่าข้าพเจ้าเหล่าอำมาตย์ บังคมบาทบงกชบทศรี ด้วยองค์พระชนกชนนี จอมโมลีโลกาสถาวร เดือนแปดปีวอกตะวันสายัณห์ย่ำ สิบเอ็ดค่ำพุธวันขึ้นบรรจถรณ์ ฤกษ์อรุณทูลกระหม่อมจอมนคร สองภูธรเธอสวรรคครรไล จึงจัดแจงแต่งพระศพครบเยี่ยงอย่าง ไว้บนปรางค์ปราสาททองอันผ่องใส ต้องขึ้นป้อมล้อมวงระวังภัย จงทราบใต้บงกชบทมาลย์ ฯ ๏ กษัตริย์ศรีสุวรรณวงศ์ทรงสดับ หทัยวับหวั่นวิโยคโศกสงสาร สงสัยหนักซักว่าพระอาการ ไม่ประทานบอกมาบ้างเป็นอย่างไร อ้ายพวกแพทย์พิทยาโหราศาสตร์ มันไม่คาดชันษาอยู่หาไหน หนึ่งแสนสาวท้าวนางพวกข้างใน ทำไมไม่รู้ที่จะนิพพาน ฯ ๏ อำมาตย์ฟังบังคมบรมนาถ เชิงฉลาดผ่อนผันตามบรรหาร พระทรงธรรมค่ำคืนรื่นสำราญ อันอาการโรคภัยมิได้มี หมอประจำค่ำเช้าทั้งเถ้าแก่ คอยดูแลพร้อมเหล่านางสาวศรี พระโหรพราหมณ์รามราชก็คาดปี ถึงร้อยยี่สิบถ้วนควรบรรลัย เมื่อวันพระจะนิพพานสำราญรื่น จนเที่ยงคืนฟังศัพท์เหมือนหลับใหล เงียบสงัดตัดบ่วงไม่ห่วงใย ทั้งเวียงชัยชมบุญมุลิกา ฯ ๏ พระฟังคำร่ำทูลพูนเทวษ ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ให้เลี้ยงดูผู้ถือหนังสือมา เงินเสื้อผ้าแจกให้ทั้งไพร่นาย แล้วสั่งให้ไปทูลมูลเหตุ เชิญพระเชษฐานั้นรีบผันผาย ว่าพวกเราเหล่าพหลพลนิกาย จะถวายบังคมลาล่วงหน้าไป แล้วตรัสสั่งเสนีสี่ตำรวจ ให้เตรียมตรวจพลนิกายทั้งนายไพร่ ลงประจำกำปั่นจะครรไล แล้วเข้าในมนเทียรวิเชียรพราย ทูลสนองสองกษัตริย์ให้ทราบเหตุ ทั้งอัคเรศร่วมชีวันจะผันผาย พวกแสนสาวชาวครัวเจ้าขรัวนาย ต่างวุ่นวายวิ่งไขว่กันไปมา ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่ถือหนังสือบอก พอพลบออกเรือข้ามตามทิศา ฝ่ายเสนีสี่ตำรวจต่างตรวจตรา พร้อมล้าต้าต้นหนพวกคนงาน ลงประจำกำปั่นสุวรรณมาศ ทั้งอำมาตย์มูลนายฝ่ายทหาร พอราตรีตีสิบเอ็ดสำเร็จการ คอยผู้ผ่านพาราริมวารี ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ ครั้นอุทัยไตรตรัดจำรัสศรี ชวนนงลักษณ์อัคเรศร่วมชีวี พร้อมเสนีนักสนมกรมใน ลงกำปั่นบรรดาโยธาหาญ ประโคมขานโห่ลั่นสนั่นไหว ออกอ่าวลึกครึกครื้นเสียงปืนไฟ ต้นหนให้หันหน้าเภตราจร ออกแล่นข้ามตามเส้นไม่เห็นฝั่ง เรือหน้าหลังดั้งกันเป็นหลั่นสลอน ทางสามเดือนเคลื่อนคลาพลากร ไม่แรมร้อนรีบมาในสาชล ถึงจังหวัดรัตนามหาสถาน พระวงศ์วานมาคอยรับวิ่งสับสน พระชวนมิ่งมเหสีนีรมล ขึ้นไพชยนต์แก้วกุดั่นพรรณราย เห็นโกศทองสองพระศพอภิวาท นึกอนาถอเนจในพระทัยหาย สะอึกสะอื้นฝืนทรงดำรงกาย พระเนตรฟายชลนาร่ำจาบัลย์ ฯ ๏ โอ้สิ้นบุญทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ เหมือนใครตัดเกศาลูกอาสัญ จะคลาดเคลื่อนเดือนปีทุกวี่วัน จนล่วงลับกัปกัลป์พุทธันดร พระกล่อมเลี้ยงเลี้ยงลูกจะปลูกฝัง ถึงผิดพลั้งสารพัดได้ตรัสสอน เวรวิบัติพลัดพรากจากนคร ให้จำจรจำพรากจำจากไป หมายว่าพระจะสำราญผ่านสมบัติ แม้ข้องขัดคงจะแจ้งแถลงไข ครั้งนี้พระสวรรคครรไล ไม่เห็นใจเจ้าประคุณกรุณา พระครวญคร่ำรำพันพูนเทวษ ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ทั้งนงลักษณ์อัคเรศเกษรา พลอยโศกากำสรดระทดใจ ครั้นบรรเทาเศร้าหมองสองกษัตริย์ อยู่ปรางค์รัตน์รจนาที่อาศัย ถึงเวลาว่าขานการกรุงไกร เสนาในน้อมประณตบทมาลย์ จึงตรัสสั่งทั้งสี่เสนีเอก ให้เกณฑ์เลกมหาดไทยฝ่ายทหาร ทำพระเมรุเกณฑ์ทุกกรมระดมการ ปลูกโรงงานเต้นรำไว้สำรอง คอยท่าองค์ทรงเดชพระเชษฐา เสด็จมาทำการงานฉลอง พุ่มระทาราเชนทร์พระเมรุทอง ทำให้ต้องตามธรรมเนียมตระเตรียมการ ฯ ๏ อำมาตย์รับอภิวาทไปบาดหมาย สั่งไพร่นายเกณฑ์กันตามบรรหาร บ้างกล่อมเสาสำส้างยกร่างร้าน เสียงสิ่วขวานถากฟันสนั่นไป ฯ ๏ ฝ่ายทูตถือหนังสือถึงเมืองผลึก ขึ้นอยู่ตึกตามตำแหน่งแถลงไข พวกเสนาพาเข้าเฝ้าภูวไนย พระสั่งให้อ่านตามเนื้อความมี ใบบอกว่าข้าพเจ้าเหล่าอำมาตย์ บังคมบาทบงกชบทศรี ด้วยองค์พระชนกชนนี จอมโมลีโลกาสถาวร เดือนแปดปีวอกตะวันสายัณห์ย่ำ สิบเอ็ดค่ำพุธวันขึ้นบรรจถรณ์ ฤกษ์อรุณทูลกระหม่อมจอมนิกร สองภูธรท้าวสวรรคครรไล จึงจัดแจงแต่งพระศพครบเยี่ยงอย่าง ไว้บนปรางค์ปราสาททองอันผ่องใส ต้องขึ้นป้อมล้อมวงระวังภัย จงทราบใต้บาทบงสุ์พระทรงยศ ฯ ๏ พระทรงฟังดังหนึ่งใจจะขาด นึกอนาถพิงพนักพระพักตร์สลด ตะลึงองค์งงงวยระทวยระทด โศกกำสรดอุส่าห์ขืนฝืนพระทัย ถามเสนาว่าบุรีรมจักร พระน้องรักรู้หนังสือแล้วหรือไฉน อำมาตย์ว่าข้าพเจ้าแวะเข้าไป กราบทูลให้ทราบความตามนิพพาน พระรีบรัดตรัสว่าเวลารุ่ง จะไปกรุงรัตนามหาสถาน เร่งให้ข้ามาประณตบทมาลย์ เชิญพระผ่านนัคเรศไปเขตคัน ฯ ๏ พระทรงฟังสั่งสินสมุทรว่า เร่งตรวจตราเตรียมพหลพลขันธ์ เจ้าไปด้วยช่วยบรรจบสมทบกัน เกณฑ์กำปั่นยี่สิบจะรีบไป พระสั่งเสร็จเสด็จขึ้นปรางค์ปราสาท ภูวนาถเศร้าหมองไม่ผ่องใส บอกนงลักษณ์อัคเรศร่วมฤทัย เหมือนหนึ่งได้ข่าวมาแต่ธานี ศรีสุวรรณนั้นหล่อนไปก่อนแล้ว กับทั้งแก้วเกษรามารศรี พี่จะไปในเมื่อรุ่งขึ้นพรุ่งนี้ เจ้าจงอยู่บูรีแทนพี่ยา ฯ ๏ นางฟังเล่าเศร้าสร้อยพลอยสังเวช น้ำพระเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ชลีกรวอนกษัตริย์ภัสดา จงโปรดพาน้องไปด้วยได้ช่วยการ แม้ให้อยู่ดูเหมือนเฉยแกล้งเลยละ ข้างฝ่ายพระอนุชาจะว่าขาน ขอให้ได้ไปประณตบทมาลย์ ส่งสการภูวเรศเหมือนเกษรา ฯ ๏ พระเล้าโลมโฉมเฉลาว่าเจ้าพี่ พระชนนีชรานักอยู่รักษา ทั้งลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา เหมือนมณฑามาลีซึ่งมีรส ภุมรินบินเคล้าแม้เจ้าของ ไม่ปกป้องดอกดวงจะร่วงหมด อันน้ำตาลหวานวางไว้ข้างมด มดจะอดได้หรือน้องตรึกตรองดู แต่เท้ามีสี่เท้ายังก้าวพลาด จะเสียชาติเสียยศได้อดสู คำโบราณท่านว่าไว้เป็นครู เจ้าจงอยู่สอนสั่งระวังระไว ฯ ๏ นางนบนอบตอบรสพจนารถ โปรดประภาษควรความตามวิสัย แต่ซึ่งข้อหน่อกษัตริย์หัสไชย ได้ยกให้ไว้แต่ครั้งรบลังกา หล่อนจงรักภักดีนั้นที่สุด เหมือนหนึ่งบุตรสุดสวาทอาจอาสา ถ้าหาไม่ไหนน้องสองธิดา จะรอดมาเหมือนกระนี้ไม่มีเลย อนึ่งเล่าเจ้าพาราการะเวก หวังภิเษกหน่อไทเป็นไขเขย จึงไม่ห้ามตามบุญด้วยคุ้นเคย แกล้งทำเฉยอยู่เหมือนดังแต่หลังมา ดูท่วงทีกิริยามารยาท ก็ไม่อาจออกตัวกลัวหนักหนา หนึ่งลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ที่จะผ่าเหล่าไปก็ไม่เป็น จะดูวัวชั่วดีก็ที่หาง จะดูนางดูแม่เหมือนแลเห็น แม้ลูกยางห่างต้นหล่นกระเด็น ก็จะเป็นเช่นเหล่าตามเผ่าพันธุ์ ฯ ๏ พระกลั้นยิ้มพริ้มพักตร์เห็นรักเหลือ ช่างชิดเชื้อชมเชยลูกเขยขวัญ จึงว่าพี่นี้ก็รักหล่อนหนักครัน จะหวงกันลูกไว้ทำไมมี แต่จะใคร่ให้งามตามกษัตริย์ มอบสมบัติอติเรกภิเษกศรี เดี๋ยวนี้เล่าเขามาอยู่ในบูรี เจ้ากับพี่ครั้นจะพาธิดาไป เหมือนแกล้งพรากจากกันจะรันทด โศกกำสรดเศร้าหมองไม่ผ่องใส จะให้อยู่ดูเหมือนเช่นเราเป็นใจ จะแกล้งให้ลูกยาเป็นราคี เจ้าอยู่ด้วยช่วยบำรุงกรุงผลึก ทั้งข้าศึกเกรงสง่ามารศรี จัดแต่เหล่าสาวสรรค์พวกขันที ไปกับพี่แต่พอให้ช่วงใช้การ ฯ ๏ นางเห็นจริงนิ่งฟังรับสั่งตรัส สุดจะขัดคำนับรับบรรหาร มาเลือกเหล่าสาวสรรค์พนักงาน จัดเครื่องอานตรวจตราจนราตรี ฯ ๏ ฝ่ายพระสินสมุทรมาพลับพลาน้ำ ให้แต่งกำปั่นใหญ่ใส่ใบสี ปืนประจำลำละร้อยลอยวารี ได้ถ้วนยี่สิบลำพอย่ำฆ้อง เหล่าล้าต้าต้นหนพลรบ ต่างจุดคบสับสนวิ่งขนของ หน่อนรินทร์สินสมุทรกับนุชน้อง ลงเรือทองพระที่นั่งบัลลังก์ทรง ครั้นรุ่งสายฝ่ายพระภูวนาถ ยุรยาตรลงกำปั่นสุวรรณหงส์ ทหารโห่โล้ลำตามน้ำลง พอลมส่งออกมหาชลาลึก ต้นหนนั่งตั้งเข็มข้างทิศเหนือ ออกแล่นเรือรัวกลองเสียงก้องกึก ลำดั้งกันลั่นปืนครื้นเครงครึก อึกทึกไปตามทางกลางคงคา จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าทุกเช้าค่ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา ทางเสด็จเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา ถึงจังหวัดรัตนาขึ้นธานี พระอนุชาพาพระวงศ์ลงมารับ ไปประทับปรางค์มาศปราสาทศรี เห็นศพพระชนกชนนี อัญชลีแล้วสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรทั้งนุชน้อง ก้มกราบสองพระศพซบเกศา ทั้งสี่องค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ชลนานองตกซกกระเซ็น ฯ ๏ พระอภัยว่าพระคุณทูลกระหม่อม นิพพานพร้อมเสียมิให้ลูกได้เห็น เคยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูให้อยู่เย็น โอ้จำเป็นเพราะวิบากให้จากไป สินสมุทรร่ำว่าเคยมาเฝ้า พระโปรดเกล้านัดดาตรัสปราศรัย ครั้งนี้พระสวรรคครรไล ให้เปล่าใจนัดดาเหลืออาวรณ์ อรุณพร่ำร่ำว่านิจจาเอ๋ย เคยชมเชยหลานขวัญรำพันสอน แต่นี้นับกัปกัลป์พุทธันดร พระภูธรมิได้ตรัสกับนัดดา ทั้งองค์พระอภัยฤทัยระทด โศกกำสรดทั้งพระวงศ์เผ่าพงศา ต่างจุดเทียนข้าวตอกดอกมาลา ขอสมาบิตุราชมาตุรงค์ แล้วทำบุญมุนีฤๅษีสิทธิ์ อวยอุทิศผลผลาอานิสงส์ ทั้งเสนาพฤฒามาตย์พระญาติวงศ์ ทำบุญส่งสองกษัตริย์เปลี่ยนผลัดกัน แล้วเร่งรัดจัดเกณฑ์ทำเมรุใหญ่ สมทบไพร่พวกพหลพลขันธ์ อึกทึกครึกครื้นทุกคืนวัน แต่การนั้นยังไม่เสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ จะกล่าวเรื่องเมืองลังกาวัณฬาราช ครั้นหน่อนาถกับนัดดาใหญ่กล้าหาญ อันองค์พระมังคลาปรีชาชาญ หนุ่มประมาณชันษาสิบห้าปี รู้วิสัยไตรเพทประเทศถิ่น ภูมิแผ่นดินทั้งทวาทศราศี ทั้งพระน้องสองนัดดาปัญญาดี เกิดร่วมปีเป็นแต่แก่เดือนตรา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ไปหาบาทหลวงที่ตึกแล้วปรึกษา จะเสกหน่อวรนาถราชนัดดา ครองลังกานคเรศคุ้มเขตคัน เจ้าวลายุดาปรีชาฉลาด เป็นอุปราชราชวังณรังสรรค์ ฝ่ายซ้ายขวาวายุพัฒน์เจ้าหัสกัน ได้ฤกษ์วันใดพระคุณกรุณา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง ลงเลขดวงลัคน์จันทร์ดูชันษา จึงว่าเดือนสี่ฤกษ์เบิกราชา ขึ้นสิบห้าค่ำนั้นเป็นวันดี เออนี่แน่แม่เพชรอันเตร็จตรัจ สำหรับกษัตริย์ซึ่งบำรุงชาวกรุงศรี จงจัดแจงแต่งสารการไมตรี ให้เสนีที่เป็นทูตรู้พูดจา ไปว่ากล่าวเจ้าพาราการะเวก จะภิเษกทรงยศโอรสา ขอแม่เพชรเตร็จตรัจให้นัดดา กูเห็นว่าจะได้สมอารมณ์ปอง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงวิวาท มิเหมือนมาดขัดขวางจะหมางหมอง จึงนบนอบตอบความตามทำนอง อันสิ่งของให้เขาจะเอามา เหมือนย้อนยอกกลอกกลับอัปยศ ต้องเสียยศด้วยเขาจะครหา ในเดือนสี่นี้จะสั่งตั้งราชา แล้วกราบลาเข้าในเขตนิเวศน์วัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาปรีชาฉลาด ก้มกราบบาทหลวงถามถึงความหลัง ท่านขรัวครูผู้เฒ่าเล่าให้ฟัง แต่คราวครั้งเจ้าลังกาครองธานี ขอลูกสาวเจ้าผลึกให้ลุงเจ้า ถึงเดือนเก้าไปวิวาห์มารศรี เขากลับให้เสียกับพระอภัยมณี ลุงไปตีเมืองกับตาเขาฆ่าตาย แม่จึงต้องครองวังแต่ยังสาว พึ่งรุ่นราวรบพุ่งยุ่งใจหาย พ่อเจ้ามาราวีทั้งพี่ชาย ฆ่ากันตายดาษดื่นนับหมื่นพัน นางวัณฬาพากูไปสู้รบ หลายตลบเหลือการเจียวหลานขวัญ เขาลอบลักรักใคร่จนได้กัน กูไม่ทันรู้ด้วยแทบม้วยมรณ์ มาอยู่วังทั้งอาเชษฐาเจ้า แต่ว่าเขาไม่ฟังกูสั่งสอน อันเนินเพชรเจ็ดสีที่นคร เกิดด้วยก้อนเก็จแก้วดูแววไว เมื่อลูกสาวเจ้าพาราการะเวก เอาเพชรเอกออกจากหินแผ่นดินไหว จึงเมืองเราเศร้าหมองเสียของไป เขาเอาไว้เมืองเขาเกิดเนาวรัตน์ ถ้าแม้นหลานผ่านพาราลังกาแล้ว คิดคืนแก้วโคตรเพชรอันเตร็จตรัจ กลับมาไว้ได้อุดมโสมนัส ให้สมบัติมั่งคั่งในลังกา จงสัตย์ซื่อถือพระเยวาโห เหมือนกับโมเซสังวาสพระศาสนา อย่าไปคิดกิจการกับมารดา มันจะว่ากูสอนคอยผ่อนปรน คิดเกลี้ยกล่อมซ้อมหัดจัดทหาร ให้ชำนาญการศึกค่อยฝึกฝน หาผู้รู้ผู้วิเศษทรงเวทมนตร์ ทั้งคงทนปรนปรือให้ลือชา อันเมืองน้อยร้อยประเทศทุกเขตขอบ จะนบนอบสาพิภักดิ์ด้วยหนักหนา ทั้งแว่นแคว้นแดนฝรั่งเกาะลังกา ไม่สิ้นผู้รู้ตำราวิชาการ เมื่อรบพุ่งกรุงผลึกเป็นศึกใหญ่ ได้ใช้อ้ายย่องตอดยอดทหาร เจ้าครองวังลังกาไปช้านาน จงคิดอ่านเอามาเลี้ยงไว้เวียงชัย แม้คนดีมีมากไม่ยากจิต จึงค่อยคิดปราบปรามตามวิสัย ไปขอเพชรเตร็จตรัจถ้าขัดไว้ จึงยกไปคืนเอาของเรามา แม้ตามติดคิดรับให้ยับย่อย จะเลิศลอยลืออำนาจวาสนา อย่านึกขลาดชาติกษัตริย์นะนัดดา พระมังคลารับคำจะทำตาม แล้วว่าหลานผ่านพาราลังกาแล้ว จะกวาดแผ้วเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม พอจวนค่ำอำลาจากอาราม ขี่คานหามแห่ไปเข้าในวัง ฯ ๏ ครั้นสว่างนางพระยาวัณฬาราช ออกนั่งอาสน์อำไพด้วยใจหวัง พวกขุนนางต่างเข้ามาหน้าบัลลังก์ ยืนสะพรั่งฟังรสพจมาน นางเอื้อนอรรถตรัสสั่งเสนาใหญ่ มหาดไทยกับทั้งนายฝ่ายทหาร เราครองวังลังกามาช้านาน จะแต่งงานอภิเษกเอกโอรส ให้ทรงตราราหูคู่ทวีป รักษาชีพชาติฝรั่งสิ้นทั้งหมด เจ้าวลายุดาน้องให้รองลด เป็นฝ่ายหน้าปรากฏยศไกร เจ้าหัสกันนั้นเป็นฝ่ายซ้ายกษัตริย์ วายุพัฒน์ฝ่ายขวาอัชฌาสัย จงสั่งความตามธรรมเนียมตระเตรียมไว้ วันเพ็ญให้พร้อมกันทันเวลา ฯ ๏ ขุนนางพร้อมน้อมคำนับอภิวาท เขียนประกาศบาดหมายแจกซ้ายขวา ให้เมืองน้อยร้อยเอ็ดเขตลังกา มาเปลี่ยนตราถือน้ำตามธรรมเนียม แล้วแต่งตั้งบัลลังก์ราชาภิเษก ที่องค์เอกอุปราชสะอาดเอี่ยม ทั้งขวาซ้ายฝ่ายเป็นกรมลาดพรมเจียม บ้างตระเตรียมแตรสังข์กังสดาล บ้างเทียบรถกลดกั้นสุวรรณรัตน์ เกณฑ์แห่หัดเดินกระบวนล้วนทหาร ทำแถวทางพ่างพื้นรื่นสำราญ ที่โปรยทานเรียบรอบขอบบุรี ถึงวันฤกษ์เบิกอรุณพูนสวัสดิ์ อโณทัยไตรตรัจจำรัสศรี พวกเสนาพฤฒามาตย์ราชกวี มาพร้อมที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ ๏ นางละเวงวัณฬาบัญชาตรัส ให้หน่อกษัตริย์สี่พระองค์สรงสนาน ประดับเครื่องเรืององค์อลงการ แก้วประพาฬเพชรพลอยแพรวพรอยพราย แล้วต่างองค์ทรงมหามาลาแฉล้ม มณีแนมเนาวรัตน์จำรัสฉาย สวมฉลองพระบาทแล้วนาดกราย มาถวายบังคมพระชนนี นางวัณฬาพาพระหน่อวรนาถ ขึ้นนั่งอาสน์อดิเรกภิเษกศรี ให้วลายุดานั้นอัญชลี ขึ้นนั่งที่อุปราชอาสน์โอฬาร์ เจ้าหัสกันนั้นให้นั่งบัลลังก์ซ้าย เจ้าวายุพัฒน์พี่ชายนั่งฝ่ายขวา นางมอบตราราหูคู่พารา ให้องค์พระมังคลาปรีชาชาญ ทั้งพระแสงแต่งตั้งสั่งประกาศ ให้ครองราชนิเวศน์ประเทศสถาน ฝ่ายเสนาข้าบาทในราชการ ต่างก้มกรานกราบช่วยอำนวยชัย ชาวประโคมก็ประโคมเสียงโครมครึก มโหระทึกทั้งดนตรีปี่ไฉน เป่าสังข์แตรแซ่ซ้องลั่นฆ้องชัย ตามวิสัยเสกกษัตริย์ขัตติยา ฯ ๏ ฝ่ายพวกพระเยวาโหปุโรหิต ยืนแปดทิศถือบวชสวดคาถา แล้วขุนนางต่างจับจอกสุรา ถวายพระมังคลาเจ้าธานี พระทรงรับกลับประทานพวกข้าเฝ้า ต่างกินเหล้าลูบหน้าเป็นราศี แล้วตรัสสั่งตั้งอำมาตย์ราชกวี ให้เลื่อนที่ถือน้ำตามอัตรา ครั้นเสร็จสรรพจับพระแสงสำหรับยศ ไปทรงรถพรรณรายแห่ซ้ายขวา โปรยเงินทองสองข้างตามทางมา ชาวพาราคั่งคับคอยรับทาน ต่างชื่นช่วยอวยพรถาวรสวัสดิ์ ให้สืบวงศ์ทรงสมบัติพัสถาน เลียบกรุงไกรไปจนรอบขอบปราการ แสนสำราญรัถยาพอสายัณห์ เข้าสู่วังนั่งกลางปรางค์ปราสาท พร้อมพระญาติวงศ์เฝ้าทั้งสาวสรรค์ วลายุดาวายุพัฒน์เจ้าหัสกัน สามองค์นั้นต่างไปเขตนิเวศน์วัง อันไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย ทั้งหญิงชายชื่นชมด้วยสมหวัง ทุกถิ่นฐานบ้านช่องฆ้องกลองดัง พวกฝรั่งเริงรื่นทุกคืนวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาปรีชาฉลาด บำรุงราษฎร์ราชัยมไหศวรรย์ จะทำศึกตรึกตรองคิดป้องกัน ที่ขอบขัณฑ์เขตแคว้นแดนลังกา ถึงฤกษ์ดีปีใหม่ชัยโชค ต้องโฉลกเฉลิมวันชันษา ให้ชุมนุมอำมาตย์มาตยา ตั้งโต๊ะเรียงเลี้ยงสุราปรึกษาการ แต่ก่อนมาธานีเรามีศึก เมืองผลึกรมจักรมาหักหาญ เผาเมืองใหม่ไล่บุกเที่ยวรุกราน เสียดงตาลด่านเขาเจ้าประจัญ จะก่อป้อมซ่อมแปลงกำแพงใหม่ ให้สูงใหญ่ไว้เหมือนเป็นเขื่อนขัณฑ์ ให้พระน้องครองด่านชั้นในกัน ดงตาลนั้นนัดดาวายุพัฒน์ ที่เมืองใหม่ให้หัสกันอยู่ ทำค่ายคูจัดแจงแขวงจังหวัด ฝึกพหลพลขันธ์ให้สันทัด คอยปราบศัตรูให้บรรลัยลาญ อนึ่งเล่าเราจะทำคำหนังสือ ให้คนถือไปทุกเขตประเทศสถาน เกลี้ยกล่อมผู้รู้ตำราวิชาการ ที่เชี่ยวชาญช่วยบำรุงกรุงลังกา ผู้ใดมาสาพิภักดิ์ก็จักเลี้ยง ให้ชื่อเสียงสมขนาดวาสนา เราคิดเห็นเช่นแถลงแจ้งกิจจา แต่บรรดาขุนนางเห็นอย่างไร ฯ ๏ พวกข้าเฝ้าเคารพอภิวาท ชมฉลาดเหลือดีจะมีไหน จะลือชาปรากฏพระยศไกร เหมือนร่มไทรซึ่งจะผ่อนให้หย่อนเย็น ด้วยเดชะพระปัญญาอานุภาพ จะเรียบราบบ้านเมืองไม่เคืองเข็ญ ทั้งศึกเสือเหนือใต้จะวายเว้น ควรจะเป็นปิ่นจังหวัดปถพี ฯ ๏ พระทรงฟังสั่งให้ทำคำประกาศ พวกนักปราชญ์เปรียบเหมือนเพชรทั้งเจ็ดสี ไม่มีทองรองรับเป็นเรือนมณี รัศมีไม่สว่างกระจ่างตา เหมือนคนดีมีครูซึ่งรู้รอบ ไม่ทำชอบช่วยกษัตริย์ขัดยศถา ต้องตกอับลับชื่อไม่ลือชา ดังจินดาไร้เรือนก็เหมือนกัน อันตัวเราเจ้าลังกาอาณาจักร บำรุงรักษ์นัคเรศขอบเขตขัณฑ์ จะเลี้ยงผู้รู้วิชาสารพัน ให้ควรกันกับความชอบประกอบการ ประการหนึ่งซึ่งผู้รู้ตำรับ เป็นแม่ทัพทำศึกฝึกทหาร รู้กลแก้แพ้ชนะรู้ประมาณ รู้รอนราญราวีให้มีชัย อนึ่งเรียนกลอุบายให้ตายจิต ปัจจามิตรลุ่มหลงไม่สงสัย รู้แอบอ้อมปลอมพลสกลไกร เข้าเป็นไส้ศึกสังหารผลาญไพรี รู้ย่องเบาเป่ามนต์ให้คนหลับ ลอบฆ่าแต่แม่ทัพแล้วกลับหนี รู้ทายลางทั้งหลายจะร้ายดี รู้แผนที่ทิศทางต่างตำบล อนึ่งรู้ดูชาตาโหราศาสตร์ รู้จักคาดเวลาลมฟ้าฝน หนึ่งเรียนรู้สู้ณรงค์อยู่คงทน รู้แต่งพลโรมรันไม่อันตราย หนึ่งเรียนรู้ดูดาวสำแดงเหตุ รู้มนต์เวทปลุกเสกเมฆฉาย รู้ดูดินถิ่นที่จะดีร้าย รู้อุบายเกลี้ยกล่อมให้พร้อมใจ รู้สืบข่าวราวเรื่องบ้านเมืองอื่น หนึ่งคนตื่นเซ็งแซ่รู้แก้ไข หนึ่งรู้ดำน้ำทนห้ามฝนไฟ ทำกลไกอาวุธยุทธนา หนึ่งผู้รู้ดูลักษณะแน่ เป็นหมอแก้เจ็บป่วยช่วยรักษา รู้อุบายหลายอย่างฝึกช้างม้า มีวิชาเป็นช่างต่างต่างกัน รู้จัดการบ้านเมืองเครื่องประดับ รู้ตำรับดีร้ายทำนายฝัน รู้สังเกตเท็จจริงทุกสิ่งอัน รู้แก้กันผีสางขับรางควาน หนึ่งรู้เรียนเขียนหนังสือลายมือเอก ลูกคิดเลขนับประมูลคิดคูณหาร รู้วิสัยไตรภูมิพงศาวดาร รู้จักว่านยาสิ้นระบิลไม้ หนึ่งผู้รู้อักษรกาพย์กลอนกล่าว เรียบเรียงรายเรื่องความตามวิสัย รู้กฎหมายฝ่ายขุนนางฝ่ายข้างใน รู้พิชัยสงครามตามกระทรวง รู้ตั้งค่ายหลายชั้นป้องกันศึก รู้ตื้นลึกแลคะเนทะเลหลวง รู้แปลความตามภาษาทั้งปวง รู้ล่อลวงราวีให้มีชัย หนึ่งชำนาญปืนใหญ่ยิงไวแน่ แก้อาถรรพณ์ผันแปรแก้คุณไสย รู้เล็ดลอดสอดแนมสืบความใน ทำนาได้ผลดีรู้ที่ทำ อันวิชาห้าสิบประการนี้ ผู้ใดมีเราจะชุบอุปถัมภ์ แต่อย่างเดียวเจียวถ้าแม้นรู้แม่นยำ ดังคัดคำเขียนหมึกจารึกไว้ จะรางวัลนั้นให้ควรแก่ความชอบ แม้รู้รอบหลายประการชำนาญไฉน จะให้เจียดเกียรติยศปรากฏไป แล้วสั่งให้เขียนลงที่แผ่นศิลา ไว้ประตูบูรีทั้งสี่ด้าน ให้คนอ่านแจ้งจิตทุกทิศา แจกเมืองน้อยร้อยเอ็ดเขตลังกา ปิดไว้หน้าเมืองรอบทั้งขอบคัน แล้วแต่งผู้รู้เกลี้ยกล่อมปลอมพาณิช ไปทุกทิศทุกประเทศทุกทุกเขตขัณฑ์ ใครได้ผู้รู้วิชาสารพัน จะรางวัลความชอบให้ตอบแทน แล้วเกณฑ์ไพร่ให้พระน้องกับสองหลาน ไปสร้างด่านสามตำบลคนละแสน ต่อกำปั่นพันลำประจำแดน สำหรับแล่นลาดตระเวนที่เกณฑ์การ ฯ ๏ แล้วพระองค์ทรงยศก็อตส่าห์ ออกนั่งหน้าจักรวรรดิ์หัดทหาร ฝึกพหลพลนิกรให้รอนราญ ชำนิชำนาญหนีไล่ทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาประชาราษฎร์ ต่างรู้ความตามประกาศเหมือนมาดหมาย ที่มีผู้รู้วิชาบรรดาชาย มาถวายตัวกับพระมังคลา ให้ทดลองต้องตามมีความรู้ ให้ที่อยู่ยศศักดิ์รวยหนักหนา ฝ่ายองค์พระวลายุดานุชา คุมโยธาทำที่ด่านปราการใน ให้ก่อป้อมคร่อมทางปิดหว่างเขา จำเพาะเข้าออกเดินเนินไศล ปีกกานั้นชั้นบนล้วนกลไก ที่ล่อไล่ล้วนสังหาญผลาญไพรี ถึงโยธามาสักยี่สิบแสน จะตอบแทนทำศึกไม่นึกหนี ทั้งฝึกไพร่ให้ชำนาญการราวี รู้ไล่หนีตีประชุมตะลุมบอน ฯ ๏ ฝ่ายวายุพัฒน์นัดดาปรีชาหาญ อยู่ดงตาลด่านกลางหว่างสิงขร ป้อมกำแพงแต่งการไว้ราญรอน เป็นมังกรกินปลาตำราเรียน แล้วฝึกไพร่ให้ชำนาญในการรบ รู้หลีกหลบเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน ล่อศึกให้ไล่หลงเลี้ยววงเวียน คอยผลัดเปลี่ยนแทรกแซงโถมแทงฟัน ฯ ๏ เจ้าหัสกันนั้นตั้งอยู่เมืองใหม่ ก่อป้อมใหญ่แปดป้อมล้อมเขื่อนขัณฑ์ กำแพงหินศิลาปีกกากัน ชื่อกลจั่นจับพยัคฆ์ดักกุญชร ที่เนินทรายชายฝั่งให้ตั้งค่าย หอรบรายเรียงรับสลับสลอน กำปั่นรบครบพันกันนคร ตั้งฝึกสอนสงครามตามทำนอง กระบวนครุฑยุดนาคมีปากปีก ทั้งหางหลีกเลี้ยวหันผันผยอง แล้วย้ายตั้งดังพระยาเหราคะนอง ขึ้นลอยล่องลัดเลี้ยวแล่นเกี้ยวกัน แล้วยักอย่างหางปากเป็นนาคราช เลื้อยลีลาศเลี้ยวกระหวัดสะพัดผัน แล้วตั้งรายค่ายเพชรเป็นเจ็ดชั้น กองกำปั่นพันลำล้วนชำนาญ ได้ลัทธิบาลีปีโปฝึก รู้กลศึกสารพัดหัดทหาร แต่งเรือใช้ไปไม่ขาดสืบราชการ ตระเวนด่านฟังเหตุทุกเขตคัน ฯ ๏ ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าลังกาปลอมพาณิช ไปทุกทิศจนถึงยักษ์มักกะสัน เที่ยวหาผู้รู้วิชาสารพัน เมืองสุตันเมืองชลามะดาวิล เมืองฉ่ามะหรุ่มอุ่มไบ่ไสมโข ไอคุปโตโกสัมพีระดีระดิ่น กะนาอันบันดระเมืองกะริน เมืองกบิลพัสดุ์เมืองมัดชนะ เมืองมะหุดกุสสราตวิลาศละหม่าน กริบสว่านเหมือนสังกัสหัสสละ เมืองโกบิลสินธุ์ทะเลเมืองเอละ เมืองกุเหร่ามะเกามะกะเมืองละวน ได้จีนจามพราหมณ์ฝรั่งแขกอังกฤษ ล้วนหาญจิตเจนศึกได้ฝึกฝน ทั้งผู้รู้ผู้วิเศษทรงเวทมนตร์ รู้ทำกลต่างต่างช่างชำนาญ พาไปเฝ้าเจ้าลังกาสาพิภักดิ์ ให้ยศศักดิ์พร้อมสิ้นทั้งถิ่นฐาน ตั้งฝึกฝนพลนิกรรู้รอนราญ ล้วนเชี่ยวชาญชั้นเชิงละเลิงใจ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระหัสกันด่านชั้นสุด ตระเวนสมุทรกลับมาแจ้งแถลงไข ว่าธิดาการะเวกหนีเสกไป ทั้งโอรสยศไกรไปด้วยกัน ทั้งได้ข่าวเจ้าผลึกรมจักร สองทรงศักดิ์ยกพหลพลขันธ์ ไปจังหวัดรัตนาพารานั้น อยู่ดูแลแต่สุวรรณมาลี จึงบอกความสามเมืองตามเรื่องหลัง ขึ้นไปลังกาประณตบทศรี ฝ่ายองค์พระมังคลาเจ้าธานี เห็นได้ทีทำศึกที่ตรึกตรา ไปปราสาทมาตุรงค์ทรงพระยศ น้อมประณตบังคมก้มเกศา พรุ่งนี้เช้าเกล้ากระหม่อมจะทูลลา ไปตรวจตราแดนด่านชานนคร ฯ ๏ ขณะนั้นวัณฬามารดานาถ อนุญาตหน่อกษัตริย์แล้วตรัสสอน พ่อเอาใจไพร่พหลพลนิกร ให้ถาวรพูนสวัสดิ์กำจัดภัย พระรับสั่งบังคมก้มศิโรตม์ สมประโยชน์ยินดีจะมีไหน ออกที่นั่งสั่งมหาเสนาใน จงเตรียมพลสกลไกรจะไคลคลา ประเทียบเหล่าสาวสรรค์กำนัลนาฏ จะประพาสเข้าในไพรพฤกษา ครั้นสั่งเสร็จเสด็จไปห้องไสยา พวกเสนารีบรัดไปจัดแจง เกณฑ์กระบวนล้วนฝรั่งกำลังหนุ่ม ใส่เสื้อหุ้มเกราะกระสันล้วนขันแข็ง ทั้งหน้าหลังดั้งดาบกำซาบแซง ตามตำแหน่งแต่งถ้วนกระบวนทัพ รถที่นั่งหลังคาฝากระจก เกริ่นกระหนกกระหนาบเตร็จเพชรประดับ ใส่สามงอนอ่อนแอกแปรกรับ เทียบอาชามาประทับกับเกยลา รถสุรางค์ข้างใสล้วนใส่ม่าน กระจกบานพับประกอบตรึงกรอบฝา ทุกหมู่หมายนายหมวดวิ่งตรวจตรา พอแสงทองส่องฟ้าพร้อมหน้ากัน ฯ ๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์นางฝรั่ง ที่ในวังวิ่งไขว่แต่ไก่ขัน รีบแต่งตัวกลัวว่าไปจะไม่ทัน อาบน้ำกลั่นกลิ่นฟุ้งจรุงรวย กระจกใหญ่ไฟส่องมองเขม้น กระจายเส้นผมนางหวีสางสวย แล้วกวดเกล้ายาวเฟื้อยเลื้อยละลวย กระหมวดมวยแซมดอกไม้ไหวระยับ แป้งปรัดผัดนวลล้วนแฉล้ม ยาฟันแต้มติดฟันเป็นมันขลับ นุ่งล้วนแต่แพรจีบจัดกลีบพับ เสื้อสลับสีกระจ่างสำอางตา ใส่สร้อยนวมสวมสะอิ้งดังหิ่งห้อย ตุ้มหูพลอยเพชรพรายทั้งซ้ายขวา ทองปลายแขนแหวนสำหรับประดับประดา ล้วนอย่างดีมีราคาทุกนารี ครั้นรุ่งรางนางห้ามตามทำเนียบ ขึ้นประเทียบรถาหลังคาสี บรรดาเหล่าสาวสรรค์พวกขันที มาพร้อมที่คอยเสด็จสำเร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาอยู่ปราสาท ตื่นไสยาสน์อ่าองค์สรงสนาน น้ำกุหลาบซาบสกนธ์สุคนธาร พนักงานงามงอนกรายกรพัด พระแต่งองค์ทรงสำอางอย่างฝรั่ง สอดสวมกังเกงประพาสคาดเข็มขัด แล้วใส่เสื้อเครือสุวรรณกระสันรัด ขัดดุมเพชรเตร็จตรัจจำรัสเรือง คาดผ้าทิพย์ขลิบทองกรองศอทับ เพชรประดับดังดาวเขียวขาวเหลือง ทรงมหามาลาค่าควรเมือง มณีเนื่องเนาวรัตน์ชัชวาล เหน็บพระแสงแฝงองค์ประจงจัด กระทัดรัดพรรณรายสายประสาน หุ้มพระชงฆ์ทรงเกือกแก้วประพาฬ แล้วห่มส่านสีทับทิมดูพริ้มพราย ฯ ๏ ครั้นสรรพเสร็จจึงเสด็จยุรยาตร ออกทรงราชรถาฝาพระฉาย โห่สนั่นลั่นเลื่อนให้เคลื่อนคลาย พลนิกายเกณฑ์แห่เสียงแซ่ซ้อง ทหารม้าพาชีขับขี่แข่ง เป็นคู่แซงซอยเต้นเผ่นผยอง เป่าสังข์แตรแห่โหมประโคมกลอง เสียงกึกก้องโกลาจากธานี เข้าป่าสูงฝูงมฤคถึกเถลิง ตื่นกระเจิงกระจัดกระจายพลัดพรายหนี สะเทื้อนสะท้านดานดงเป็นผงคลี เดินโยธีตามทางหว่างบรรพต เป็นเดือนสามยามหนาวคราวน้ำค้าง พฤกษาสล้างแลชอุ่มชื้นชุ่มสด ทรงดอกดวงพวงห้อยดูช้อยชด เสาวรสรวยรื่นชื่นอารมณ์ นางสาวสาวน้าวกิ่งชิงดอกไม้ ต่างเด็ดได้ยิ้มแย้มสอดแซมผม พระมังคลาเยี่ยมหน้าบัญชรชม เพิงพนมเนินผาโอฬารึก แลสลับซับซ้อนชะง่อนเงื้อม บ้างลายเลื่อมตละแววแก้วผลึก บ้างเหมือนก่อต่อติดพินิจนึก เหมือนเตียงตึกแต่งตั้งน่านั่งนอน ที่เนินสูงวุ้งเวิ้งเป็นเพิงชะโงก ชะงุ้มโกรกกรวยกรอกซอกสิงขร พฤกษาออกดอกช่ออรชร ภู่ผึ้งร่อนคลึงเคล้าเสาวคนธ์ ดูน่ารักปักษาคณานก บ้างเกาะกกกิ่งไม้บ้างไซ้ขน บ้างเคล้าคู่ชูชื่นบ้างตื่นคน เห็นพวกพลโผผินขึ้นบินโบย ตะวันบ่ายฝ่ายชะนีผีโขมด เสียงอุโฆษร่ายไม้ร้องไห้โหย เรียกคู่ครองของตัวผัวผัวโวย วิเวกโหวยโหยเสียงแอบเมียงมอง ฝูงมฤคถึกกระทิงสิงหนัท ต่างตื่นตัดหน้าฉานผ่านผยอง กิเลนโลโตเต้นเผ่นลำพอง ทหารจ้องปืนยิงเสือสิงห์ตาย พลธนูคู่แห่แลเห็นนก ต่างยิงตกลงทั้งฝูงเหมือนมุ่งหมาย ล้วนแคล่วคล่องว่องไวทั้งไพร่นาย ลองถวายมือพลางตามทางจร ฯ ๏ จนเวลาสายัณห์หยุดประทับ พระขึ้นพลับพลาสำราญชานสิงขร ฝ่ายฝรั่งลังกาพลากร ต่างหลับนอนนั่งยามตามตะเกียง บ้างไขกลดนตรีทำปี่พาทย์ ประโคมฆาตฆ้องระฆังประดังเสียง พวกห้ามแหนแสนสุรางค์นางจำเรียง ประคองเคียงข้างที่พัดวีลม นางอยู่งานคลานเข้าเฝ้านวดฟั้น รู้เชิงชั้นใช้ชิดสนิทสนม พอดาวเดือนเลื่อนสว่างน้ำค้างพรม เคลิ้มบรรทมหลับไปในไสยา ฯ ๏ ครั้นล่วงสามยามสงัดกำดัดดึก เสียงคึกคึกกึกก้องท้องเวหา นภางค์พื้นครื้นครั่นลั่นโลกา เป็นสายฟ้าฝ่าเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงดัง บรรดาคนพลนิกายทั้งนายไพร่ ตื่นตกใจจับศัสตราเหลียวหน้าหลัง ทุกหมู่หมวดตรวจไตรระไวระวัง พอเสียงดังผลุงลงตรงพลับพลา เหมือนสีรุ้งพลุ่งพรายเป็นสายแสง เขียวเหลืองแดงดูสว่างพร่างพฤกษา พวกไพร่พร้อมล้อมวงต่างสงกา พระมังคลาตื่นสะดุ้งพอรุ่งราง เสียงแซ่ซ้องก้องกึกให้นึกแหนง จับพระแสงเสด็จมาชาลาขวาง ที่รุ้งพรายหายหลบขึ้นนภางค์ เห็นแต่นางเนื้อเหลืองย่างเยื้องกราย เส้นเกศานารีเหมือนสีชาด แลประหลาดหลากยิ่งหญิงทั้งหลาย ใส่คราบงูดูดังเสื้อเรืองเรื่อลาย จักษุซ้ายขวาดำดังน้ำนิล ยังเยาว์อยู่ดูสักสิบขวบเศษ พอสบเนตรนางนั้นเดินผันผิน พระเดินตามถามว่ายุพาพิน อยู่ที่ถิ่นตำบลแห่งหนใด จงพรายแพร่งแจ้งความอย่าขามเขิน นางเมียงเมินมิได้แจ้งแถลงไข ฝ่ายฝรั่งพรั่งพร้อมช่วยล้อมไว้ ทั้งนายไพร่คั่งคับจะจับตัว เข้าใกล้นางกางนิ้วกลายเป็นนาค หลุดออกจากหัตถาทั้งห้าหัว ล้วนยาวเฟื้อยเลื้อยไล่นายไพร่กลัว ต่างหลบตัวล้มลุกลงคลุกคลาน แล้วนางนั่งหลังศิลาตรงหน้าถ้ำ ร้องลำนำฉ่ำเสียงสำเนียงหวาน แลละห้อยคอยหาอยู่ช้านาน เมื่อไรจะพานพบพระมังคลา จะได้อยู่ชูช่วงดวงประทีป ให้รอดชีพชีวันชันษา โอ้เจ้าดาวจระเข้เทวดา อยู่ที่ไหนไม่มาหาน้องเอย ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาโยธาทัพ ได้ฟังขับคำเสนาะฉอเลาะเฉลย พิศวงสงสัยกระไรเลย ยังไม่เคยพบเห็นเหมือนเช่นนี้ พระนิ่งนึกปรึกษาพวกข้าเฝ้า จะเป็นชาวชั้นฟ้าในราศี หรือผีสางกลางป่าพนาลี ใครเห็นดีร้ายบ้างเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์ราชครูผู้ดำริ รู้ลัทธิทูลแจ้งแถลงไข อันสตรีนี้ประเสริฐเลิศไกร เห็นมิใช่ผีสางพวกรางควาน เมื่อตะกี้ชี้นิ้วเป็นนาคราช ชะรอยชาตินาคาปรีชาหาญ พระฝึกฝนพลนิกรจะรอนราญ บุญบันดาลให้คนดีสตรีมา จะได้อยู่ชูเฉลิมเพิ่มพระยศ ให้ปรากฏบุญฤทธิ์ทั่วทิศา เหมือนย่องตอดยอดทหารพระมารดา เสด็จไปได้ที่ป่ากาลวัน แล้วเล่าความสามเมืองตามเรื่องรบ ให้ฟังจบแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ อันนางนี้มีศักดาดีกว่านั้น คนสำคัญควรเลี้ยงไว้เวียงชัย ข้าฟังคำร่ำร้องต้องประสงค์ ใคร่พบองค์ออกพระนามตามสงสัย อย่าละเสียเกลี้ยกล่อมถนอมไว้ จะได้ใช้ชิดพระองค์ทำสงคราม ฯ ๏ พระฟังคำอำมาตย์ฉลาดฉลอง นิ่งตรึกตรองกริ่งใจจึงไต่ถาม เราฟังคำร่ำร้องทำนองความ ซึ่งออกนามเราว่าพระมังคลา แล้วเจ้าดาวจระเข้นั้นใครเล่า อารมณ์เราคิดยังให้กังขา ฝ่ายผู้เฒ่าเล่าแถลงแจ้งกิจจา ได้แก่ฝ่าบาทบงสุ์พระทรงยศ เมื่อตั้งครรภ์ฝันว่ากลืนดาวจระเข้ พระเป็นเทวดามาให้ปรากฏ พระมาตุรงค์ทรงสวัสดิ์มธุรส ให้โหรจดหมายไว้ข้าได้ดู ประการหนึ่งถึงสตรีเป็นปีศาจ ก็ไม่อาจสู้ตราพระราหู จงตรัสความตามจริงให้หญิงรู้ เห็นจะอยู่เป็นข้าด้วยบารมี ฯ ๏ พระทราบสิ้นยินดีเป็นที่ยิ่ง เข้าใกล้หญิงยืนตรงหน้ามารศรี แล้วว่าเราเจ้าจังหวัดปถพี พระชนนีให้ชื่อพระมังคลา เจ้าออกนามความประสงค์จำนงไฉน เราชอบใจให้คิดรักเจ้าหนักหนา เชิญไปนั่งยั้งประทับที่พลับพลา ได้พูดเล่นเจรจาประสาสบาย ฯ ๏ นางฟังรสพจนารทประภาษตรัส หวาดประวัติหวานหูไม่รู้หาย พิศพระพักตร์ลักษณาดาราราย ทั้งกรกายพรายศรีฉวีวรรณ รู้ว่าเจ้าดาวศีรษะจระเข้ แต่แสร้งแสใส่จริตเบือนบิดผัน แล้วว่าพระมังคลาเจ้าสามัญ มีสำคัญฉันใดจะใคร่รู้ ฯ ๏ พระว่าเราเจ้าประเทศเขตจังหวัด ถือศีลสัตย์ทรงตราพระราหู แล้วหยิบตราอานุภาพปราบศัตรู ให้นางดูดวงแก้วพรอยแพรวพราย ฯ ๏ นางเห็นตราราหูคู่ทวีป ดังประทีปเทียนสว่างกระจ่างฉาย คุกเคารพนบนอบนั่งยอบกาย ยอมถวายกายาเป็นข้าไท พระตรัสถามนามวงศ์นางหลงเคลิ้ม ลืมความเดิมมิได้แจ้งแถลงไข พระปรานีมิให้นางระคางใจ ชวนคลาไคลไปประทับที่พลับพลา เลี้ยงเป็นนางข้างที่ด้วยมีฤทธิ์ อยู่ใช้ชิดเชิญพระแสงตำแหน่งขวา เครื่องนากทองของสำหรับประดับประดา ทั้งเสื้อผ้าสารพัดจัดประทาน แล้วตั้งนามตามมาเมื่อฟ้าฟาด ให้ชื่อนางสุนีบาตด้วยอาจหาญ แล้วยกทัพนับหมื่นดื่นดงตาล มาถึงด่านแดนเขาเจ้าประจัญ ฯ ๏ พระอนุชามารับคำนับน้อม เที่ยวตรวจป้อมปืนประตูคูเขื่อนขันธ์ หยุดพักพลมนตรีอยู่สี่วัน สมทบกันยกมาเมืองป่าตาล ฯ ๏ เจ้าวายุพัฒน์นัดดาออกมารับ หยุดประทับตรวจตราโยธาหาญ ดูกำแพงแลงล้อมป้อมปราการ ที่ต่อต้านตีตลบมีครบครัน ชอบอารมณ์ชมหลานชำนาญศึก รู้ตรองตรึกฝึกพหลพลขันธ์ แล้วเกณฑ์คนพลรบสมทบกัน ล้วนรู้ชั้นเชิงชำนาญการศัสตรา แล้วยกทัพนับแสนจากแดนด่าน เดินทหารแห่แหนดูแน่นหนา ครั้นเย็นร้อนผ่อนประทับที่พลับพลา ตลอดมาเมืองใหม่พร้อมไพร่นาย ฯ ๏ พระหัสกันนั้นมารับเข้ายับยั้ง อยู่ในวังทั้งสุรางค์นางทั้งหลาย พระอนุชาพาทหารกับหลานชาย อยู่ค่ายรายซ้ายขวาริมสาชล ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงราชสมบัติ เจ้าจังหวัดทวีปภาษาสิงหล ทรงคิดอ่านการศึกทั้งฝึกพล ทำเรือยนต์กลอาวุธยุทธนา แล้วออกนั่งยังที่เก้าอี้อาสน์ หมู่อำมาตย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา อยู่พร้อมพรั่งทั้งพระน้องสองนัดดา จึงปรึกษาสงครามตามทำนอง อันพาราการะเวกใช่วงศ์ญาติ หมิ่นประมาทเมืองเราให้เศร้าหมอง เอาโคตรเพชรค่าเมืองงามเรืองรอง ซึ่งเป็นของคู่ลังกาไปธานี จึงเมืองเราเบาบางโรยร้างเริศ ไม่ก่อเกิดแก้วเพชรทั้งเจ็ดสี เราเจ็บจิตคิดแค้นแสนทวี จะไปตีคืนเอาของเรามา ให้รุ่งเรืองเมืองเราเหมือนเก่าก่อน ราษฎรจะเป็นสุขทุกทิศา พวกข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ราชเสนา แต่บรรดาขุนนางเห็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเฝ้าฟังรับสั่งตรัส จึงทูลทัดทานห้ามตามนิสัย อันพาราการะเวกพระเวียงชัย เป็นเมืองใหญ่ไพร่พลพ้นคณนา มีราชครูผู้ชื่อโลกเชษฐ์ ผู้วิเศษเวทมนตร์ดลคาถา ทหารเสือเมื่อครั้งรบลังกา ล้วนแกล้วกล้ากลางณรงค์อยู่คงทน ทั้งแคล้วคลาดพลาดเพลี่ยงหลีกเลี่ยงหลบ ฝีมือรบรับรองไม่ต้องฝน ซึ่งแก้วเก็จเพชรของเราเสาวคนธ์ ขอพระชนนีให้ด้วยไมตรี ใช่หาญหักลักฉกจะยกทัพ ไปโจมจับรบพุ่งถึงกรุงศรี จะสงครามลามลุกขึ้นทุกที ชาวบุรีราษฎรจะร้อนรน แม้รู้เรื่องเมืองผลึกรมจักร จะพร้อมพรักยกมาโกลาหล รุมรบพุ่งกรุงไกรเสียไพร่พล ต้องทุกข์ทนทั่วทั้งเกาะลังกา เสียไมตรีมิหนำเสียอำนาจ ต้องขาดญาติขาดวงศ์เผ่าพงศา แม้จะใคร่ได้เพชรแก้วเก็จมา ควรพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี เขาขอเราเราก็ขอต่อเขาบ้าง ตามเยี่ยงอย่างต่างบำรุงซึ่งกรุงศรี ขอพระองค์ทรงจังหวัดปถพี อย่าให้มีเสี้ยนศึกจงตรึกการ ฯ ๏ เจ้าหัสกันนั้นว่าคำของอำมาตย์ เหมือนสตรีขี้ขลาดไม่อาจหาญ กลัวเหนื่อยยากอยากจะใคร่ได้สำราญ อยู่เรือนบ้านกอดกันกับภรรยา จึงขัดขวางอย่างนี้เพราะขี้เกียจ ให้เสื่อมเกียรติยศศักดิ์เสียหนักหนา เมื่อของเราเขาเอาไว้ไปเอามา จะกลับว่าผิดนั้นด้วยอันใด ถึงขัดเคืองเมืองผลึกรมจักร พระไม่รักชาติเชื้อนับเนื้อไข เขากับเราเล่าก็จะกลัวอะไร ใครดีได้ดูกันสมันเกอ อันเกิดมาสามัญเป็นอันขาด ย่อมรักชาติชีวีไม่มีเสมอ พระชุบย้อมหม่อมฉานเป็นหลานเธอ ขออย่าเพ่อด่วนเสด็จเหนื่อยเหน็ดองค์ จะขอรับอาสาไปการะเวก เอาเพชรเอกอันเป็นของต้องประสงค์ แม้มิได้ให้เคืองเบื้องบาทบงสุ์ ขอให้ลงโทษหม่อมฉานผลาญชีวัน ฯ ๏ พระฟังคำดำริตริตรองตรึก พลอยเหิมฮึกเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ พระตรัสยอหน่อกษัตริย์หัสกัน เจ้าคิดนั้นเหมือนในน้ำใจอา อันพวกเราเหล่าฝรั่งเชื่อฟังพระ ไม่ปนปะเป็นญาตินอกศาสนา เจ้ายกไปให้ทูตเข้าพูดจา ฟังเจ้าการะเวกก่อนคิดผ่อนปรน เจ้าวายุพัฒน์จัดทัพกำกับน้อง ไปเป็นกองหนุนหลังฟังเหตุผล อย่าโมโหโต้ตอบให้ชอบกล คิดผ่อนปรนปราบปรามตามทำนอง แม้ขัดขวางอย่างไรให้รู้ด้วย เราจะช่วยหนุนหลังเจ้าทั้งสอง แล้วอวยชัยไปดีทั้งพี่น้อง ให้ได้ของโคตรเพชรแก้วเก็จมา ฯ ๏ เจ้าวายุพัฒน์หัสกันรับบรรหาร ต่างกราบกรานรับพรอ่อนเกศา ไปจัดพลคนประจำลำนาวา เป็นทัพหน้าร้อยลำประจำธง ปืนจังก้าหน้าท้ายทั้งรายข้าง แลสล้างสลับสลอนเป็นหงอนหงส์ มีปีกหางกางกระโจมโรมณรงค์ กำปั่นทรงธงทองมีกลองรบ พอฤกษ์ดีตีระฆังดังสนั่น ต่างยิงปืนครื้นครั่นควันตลบ ออกจากฝั่งลังกามหรณพ พลรบรับโห่ก้องโกลา ฯ ๏ ฝ่ายทัพหลังตั้งกระบวนล้วนกำปั่น เป็นดั้งกันเกียกกายปีกซ้ายขวา มีปีกหางอย่างครุฑยุทธนา เป็นเรือห้าร้อยถ้วนกระบวนทัพ ที่ลำทรงธงทองทั้งท้ายหน้า ปืนจังกาขานกยางสล้างสลับ ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องโห่ร้องรับ เรือสำหรับนำทางก็กางใบ ออกแล่นนำกองทัพไม่สับสน ดูเกลื่อนกล่นกลางมหาชลาไหล ประโคมฆ้องกลองแตรเซ็งแซ่ไป ต่างใช้ใบเลี่ยงแล่นตามแผนทาง ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก การภิเษกขัดข้องคิดหมองหมาง ด้วยบุตรีหนีหายบุตรชายร้าง ให้อ้างว้างวิญญาณ์ด้วยอาลัย แสนวิโยคโศกทรวงให้ง่วงเหงา จนซูบเศร้าศรีหมองไม่ผ่องใส ทั้งข้าเฝ้าท้าวพระยาเสนาใน พลอยหม่นไหม้ใจเศร้าด้วยเจ้านาย พวกห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม ไม่หวีผมผัดหน้าเกศาสยาย ทั้งไพร่ฟ้าม้าช้างก็วางวาย ฝูงวัวความตายห่าทั้งธานี สงัดสิ้นพิณพาทย์ระนาดฆ้อง สยดสยองเย็นเยียบเงียบกรุงศรี ครั้นกลางวันควันมัวทั่วบุรี กลางคืนมีดาวหางเป็นลางเมือง อากาศลั่นครั่นครื้นเหมือนปืนก้อง กาก็ร้องเอาวาท้องฟ้าเหลือง อุกกาบาตผาดพุ่งแสงรุ่งเรือง ตกกลางเมืองมีลางต่างต่างกัน ฯ ๏ คืนหนึ่งเจ้าพารานิทราหลับ ให้วาบวับหวั่นจิตนิมิตฝัน ว่าจระเข้เหราไล่มาทัน เข้าคาบคั้นขบกัดฟาดฟัดยี ความเจ็บปวดยวดยิ่งพระกลิ้งล้ม ลุยเลนตมตกน้ำแล้วดำหนี พอสองหน่อวรนาถราชบุตรี ไล่ฆ่าตีเหรากุมภาพาล แล้วอุ้มองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ ขึ้นแท่นรัตน์รจนามุกดาหาร พระทรงเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล พอเสียงขานฆ้องรุ่งสะดุ้งองค์ รู้ว่าฝันนั้นร้ายไม่วายตรึก ตะลึงนึกในนิมิตพิศวง ยิ่งทุกข์ร้อนถอนสะอื้นฝืนดำรง ตรัสบอกองค์อัคเรศเกศสตรี ตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุบินนิมิต นางนิ่งคิดขัดข้องพลอยหมองศรี สะอื้นอั้นวันทาทูลสามี จะร้ายดีมิได้แจ้งคลางแคลงครัน เชิญทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ มาเล่าเหตุให้ท่านทายทำนายฝัน พระนึกได้ให้เอาพระเสลี่ยงสุวรรณ ไปรับท่านครูมาอย่าช้าการ ฯ ๏ พวกท้าวนางข้างในออกไปสั่ง กรมวังวิ่งออกนอกราชฐาน ตำรวจไล่ไพร่ตามหามราชยาน ตรงเข้าบ้านปาโมกข์ชะโงกมอง ฯ ๏ ฝ่ายพราหมณ์ครูผู้ใหญ่อยู่ในตึก กับเมียนึกสนุกนั่งอยู่ทั้งสอง เล่นดอกสร้อยปล่อยแก่แก้กันลอง ท่านยายร้องตารับหน้าทับตาม ถึงท่อนปลายกลายร้องเป็นอุณรุท ยายเป็นอุษาเมินขวยเขินขาม ท่านตารำทำบทดูงดงาม โลมยายพราหมณ์ตามทำนองยิ้มย่องกัน พอเสียงเขามาเรียกสำเหนียกแน่ รู้กระแสว่ารับสั่งนรังสรรค์ ออกจากห้องย่องหยกเดินงกงัน คนทั้งนั้นไหว้ว่ากับอาจารย์ รับสั่งใช้ให้เอาพระเสลี่ยงประดับ ออกมารับคุณเข้าไปในราชฐาน ปาโมกข์ฟังสังเกตมีเหตุการณ์ ไม่หน่วงนานนุ่งห่มพอสมตัว ท่านยายว่าข้าจะเข้าไปเฝ้าบ้าง ไม่ห่างข้างขึ้นเสลี่ยงนั่งเคียงผัว ไปตามทางกลางถนนผู้คนกลัว ต่างยอบตัวตลอดไปถึงในวัง ลงจากพระเสลี่ยงทองค่อยย่องย่าง ขึ้นบนปรางค์ปราสาทชัยเหมือนใจหวัง พระลดองค์ทรงธรรม์จากบัลลังก์ เชิญไปนั่งแท่นทองทั้งสองรา ชลีหัตถ์มัสการอาจารย์เจ้า แล้วตรัสเล่าความหลังที่กังขา จนสิ้นความตามฝันพรรณนา เชิญพฤฒาทำนายร้ายหรือดี ฯ ๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐ์ทราบเหตุฝัน ลงเลขวันยามนิมิตสอบดิถี ก็รู้ความตามวิสัยว่าไพรี จะย่ำยีหยาบช้าให้อาดูร แล้วชำระพระเคราะห์จำเพาะร้าย จะพลัดพรายโภไคยเสียไอศูรย์ ราหูเสาร์เข้าถึงที่รวีมูล จึงเทียบทูลทำนายว่าร้ายนัก อันจระเข้เหราคือข้าศึก จะเหิมฮึกให้พระลดเสียยศศักดิ์ แต่หน่อนาถราชบุตรีเป็นที่รัก จะพร้อมพรักหักหาญผลาญไพรี ให้พระองค์ทรงมหาอานุภาพ ได้ปรามปราบปรปักษ์สูงศักดิ์ศรี ข้างต้นร้ายปลายมือกลับรื้อดี ในเดือนสี่นี้แหละร้ายหลายประการ จะเกิดเพลิงเริงแรงข้างแขวงใต้ ลุกลามไหม้หมดสิ้นทุกถิ่นฐาน ฝูงสัตว์สิงหญิงชายจะวายปราณ เพราะพวกพาลไพรีจะบีฑา เหมือนพระรามข้ามสมุทรไปหยุดทัพ ไมยราพณ์จับจำขังแทบสังขาร์ ต้องสะเดาะเคราห์ชำระพระชาตา ตามตำราแก้ไขพอให้คลาย ฯ ๏ พระจบหัตถ์มัสการอาจารย์เจ้า ท่านผู้เฒ่าที่พึ่งเหมือนหนึ่งหมาย ช่วยผันแปรแก้กันอันตราย พอเคลื่อนคลายเคราะห์นามตามตำรา ฯ ๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐ์พระเวทขลัง จึงให้ตั้งศาลสถิตแปดทิศา ริมรอบวังฝังอาถรรพณ์เกลือธัญญา เพลิงไหม้มามิให้ไหม้ถึงในวัง แล้วลงยันต์กันปืนธนูแผลง ข้ามกำแพงมิได้พ้นด้วยมนต์ขลัง เสกสะเดาะเคราห์เมืองเครื่องสูปัง บายศรีตั้งสังเวยนมเนยครบ แล้วปักธงข้างประตูศัตรูเข้า ให้มัวเมามืดคลุ้มกลุ้มตลบ จุดธูปเทียนเวียนรอบแล้วนอบนบ กว่าจะครบเจ็ดวันป้องกันภัย ทั้งท่านครูอยู่กับองค์พระทรงยศ เสกน้ำกลศสังข์สุคนธ์ด้วยมนต์ไสย สรงสะเดาะเคราะห์ท้าวเจ้ากรุงไกร ตั้งอยู่ในศีลสัตย์สวัสดี ฯ ๏ ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร ตั้งเตรียมการรบศึกไม่นึกหนี กรมวังนั่งยามตามอัคคี ขึ้นหน้าที่ทุกตำแหน่งจัดแจงการ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกากองหน้านั้น เจ้าหัสกันกำกับทัพทหาร ต่างแล่นข้ามตามเข็มเต็มชำนาญ หมายประมาณมุ่งมาทิศอาคเนย์ ออกกลางกึ่งถึงที่ชื่อสะดือสมุทร อุตลุดเหล่ากำปั่นป่วนหันเห พวกพหลพลนิกรขึ้นนอนเปล คลื่นทะเลใหญ่ขย้อนเรือคลอนโคลง บ้างย้ายแยกแตกกระบวนบ้างทวนกลับ ยิงปืนรับเรียกกันควันโขมง ต้องคลี่คลายสายข้างระยางโยง ให้ใบโป่งเปิดสูงพยูงลำ พอออกพ้นวนลึกเสียงครึกครื้น ใช้ใบไปตามคลื่นทุกคืนค่ำ ครั้นน้ำหมดอดหนักหยุดตักน้ำ แล้วเรียงลำลอยแล่นแสนสบาย เข้าเขตแคว้นแดนพาราการะเวก ต้นหนเอกเอาแผนที่ชี้ถวาย พระทรงส่องกล้องสว่างกระจ่างประกาย เห็นเรือรายไรไรยังไกลครัน ฯ ๏ ฝ่ายนาวาการะเวกตระเวนด่าน มากประมาณร้อยเศษตรวจเขตขัณฑ์ ต่างเที่ยวใช้ใบสลุบสลับกัน เห็นกำปั่นแล่นสล้างมากลางชล สักร้อยลำคล่ำคล้ายตามสายคลื่น จึงยิงปืนเป็นสัญญาโกลาหล แล้วแล่นสวนออกไปเข้าใกล้จน เห็นหน้าคนแขกล่ามร้องถามไป เหวยฝรั่งอย่างไรจึงไม่หยุด จะแล่นรุดรีบตะบึงไปถึงไหน ฝ่ายฝรั่งลังกาไม่ราใบ ครั้นเรือใกล้แกล้งลวงดูท่วงที จะไปเฝ้าเจ้าพาราการะเวก อย่าโหยกเหยกขัดข้องไม่ต้องที่ เคยมีตรามาไปเป็นไมตรี ถึงมึงนี้มิให้ไปก็ไม่ฟัง ชาวค่ายว่าอย่าเข้าไปยังไม่ชอบ ผิดระบอบเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง ถึงไมตรีมีตรามาทุกครั้ง ต้องหยุดยั้งอยู่แต่นอกจะบอกไป จงส่งคำสำเนาให้เราอ่าน ราชการร้อนเย็นเป็นไฉน แม้ขืนดื้อถือตัวไม่กลัวใคร จะยิงให้ล่มคว่ำจมน้ำตาย ฯ ๏ ฝรั่งว่าถ้าเป็นทูตถือรับสั่ง ควรยับยั้งตามบทในกฎหมาย นี่องค์ท่านหลานท้าวเป็นเจ้านาย มาแต่ฝ่ายฟากฝั่งกรุงลังกา นามกรหัสกันพันธุ์บพิตร อาชญาสิทธิ์สูงชาติวาสนา ไม่ควรค้างกลางทะเลเหมือนเสนา มึงอย่ามากั้นกางกีดขวางไว้ กองตระเวนเจนสมุทรจึงพูดแก้ อย่าว่าแต่สุริย์วงศ์พระองค์ไหน ถึงหน่อนาถราชโอรสยศไกร มาแต่ไกลก็ต้องห้ามตามทำนอง หยุดให้เราเฝ้าแหนนอกแดนก่อน ต่อแน่นอนแล้วจึงจะทูลฉลอง อย่าล่วงด่านหาญฮึกจงตรึกตรอง ให้ถูกต้องตามวิสัยเป็นไมตรี ฯ ๏ ฝรั่งว่าข้ากลับบังคับเจ้า ช่างโฉดเฉาชั่วช้ากะลาสี จะตรงไปให้ถึงท้าวเจ้าธานี อย่าพาทีทุ่มเถียงหลีกเลี่ยงทาง ฯ ๏ ฝ่ายตระเวนเห็นฝรั่งไม่ยั้งหยุด ต่างแล่นรุดล้อมสกัดเข้าขัดขวาง ฝ่ายฝรั่งลังกาแล่นฝ่ากลาง ตระเวนวางปืนปึงเสียงตึงตัง ตัดหางเสือเรือลังกาเสาหน้าหัก ฝรั่งชักค่ายแขวนผูกแผ่นหนัง เหล็กหลังคาตารางกางกำบัง ปล่อยปืนจังกาลั่นเสียงครั่นครื้น ถูกใบเสาชาวด่านยิงต้านรับ ดูกลอกกลับกลางชลาแล่นฝ่าฝืน จนค่ำพลบรบรุดไม่หยุดปืน เสียงครึกครื้นคลื่นลมระดมดัง กองตระเวนเกณฑ์ให้เรือใช้กลับ ขอกองทัพทูลตามเนื้อความหลัง แล้วสมทบรบรุดไม่หยุดยั้ง สกัดตั้งปิดทางกลางคงคา ฯ ๏ ฝ่ายเรือใช้ไปถึงกรุงพอรุ่งเช้า กราบทูลท้าวไทธิราชนาถนาถา ว่าหัสกันนั้นเป็นเจ้าชาวลังกา จะเข้ามาห้ามไว้ก็ไม่ฟัง ขืนหักด่านราญรุกทำอุกอาจ ยิงปืนสาดรบสู้อยู่ข้างหลัง แต่ลมเข้าเขารุกมาทุกครั้ง ขอทัพช่วยด้วยฝรั่งคับคั่งมา ฯ ๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น เจ้าหัสกันก็เหมือนวงศ์เผ่าพงศา ด้วยเป็นบุตรสุดสาครให้หล่อนมา ให้กรมท่าเร่งรับมาฉับไว ฯ ๏ ผู้รับสั่งบังคมบรมนาถ ลงเรือลาดตระเวนมาชลาไหล แล้วบอกความห้ามทหารด่านกรุงไกร โปรดมิให้รบรับทัพลังกา แล้วข้าเฝ้าเข้าไปหาพวกฝรั่ง บอกรับสั่งทราบว่าองค์เผ่าพงศา ให้เชิญหน่อวรนาถราชนัดดา เข้าพาราให้เรารับกองทัพไป ฯ ๏ พวกลังกาพาไปลงลำทรงนั้น พระหัสกันกล่าวแกล้งแถลงไข เหวยข้าเฝ้าเจ้าพารามาว่าไร กูมิใช่เชื้อวงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ เพราะลูกสาวเจ้าพาราการะเวก ลักเพชรเอกมาไว้ในไอศวรรย์ จะมาทวงดวงจินดาพูดจากัน พวกมึงนั้นกั้นกางปิดทางไว้ เข้าระดมสมทบรบฝรั่ง เขารบมั่งมันก็ต้านทานไม่ไหว กูแค้นนักจักต้องทำให้หนำใจ ยกเข้าไปไล่สังหารผลาญชีวี เออเองรู้อยู่บ้างหรือปางก่อน อันโคตรก้อนแก้วเก็จเป็นเจ็ดสี ของลังกามาอยู่ในบูรี เอาไว้ที่แห่งหนตำบลใด ฯ ๏ อำมาตย์รู้กิริยาของข้าศึก มิได้นึกกลัวแกล้งแถลงไข เมื่อคราวครั้งลังกาข้าก็ไป ตามหน่อไทเที่ยวดูทั่วบูรี นางวัณฬาพาเดินบนเนินเพชร ให้แก้วเก็จกับธิดามารศรี ครั้นเลิกทัพกลับมาถึงธานี ปลูกไว้ที่เนินเขาเนาวรัตน์ ท่านจะมาว่าลักคิดหักหาญ เหมือนแกล้งพาลพูดดื้อไม่ถือสัตย์ แล้วลวงเหล่าชาวด่านที่ทานทัด ว่าเป็นนัดดาบุตรสุดสาคร จึงโปรดใช้ให้มารับด้วยนับหน้า สำคัญว่าเชื้อวงศ์พระทรงศร ยังหยิบผิดคิดการจะราญรอน ทำยอกย้อนอย่างนี้ไม่มีอาย หมายจะทำซ้ำเติมพูดเหิมฮึก อย่าพึงนึกว่าจะสมอารมณ์หมาย แม้ซึ่งหน้ามาที่ไหนทั้งไพร่นาย จะต้องตายอยู่ที่ด่านชานชลา ฯ ๏ หัสกันหันหุนด้วยรุ่นหนุ่ม ดังเพลิงสุมทรวงแค้นนั้นแสนสา ให้จับจำอำมาตย์ลงอาชญา สั่งเสนาฝรั่งทั่วทุกตัวนาย ให้รุมเข้าเผาพาราการะเวก มันโหยกเหยกแย่งริบให้ฉิบหาย แต่สาวสาวเอาไว้ใช้อย่าให้ตาย พบผู้ชายจงฟันให้บรรลัย ฯ ๏ ฝ่ายนายทัพรับสั่งแล้วตั้งโห่ เฮโลโล้กำปั่นเสียงหวั่นไหว ต่างรีบเข้าอ่าวเมืองแน่นเนื่องไป ไม่มีใครรบสู้ทั้งบูรี พอทัพหลังลังกายกมาถึง อึงคะนึงหนุนเข้าอ่าวกรุงศรี คนทั้งหลายหมายว่ามาโดยดี ยืนดูที่ริมตลิ่งทั้งหญิงชาย พอทัพหน้ามาถึงวังไม่ยั้งหยุด ขึ้นฝั่งจุดเพลิงไหม้เหมือนใจหมาย ตีกลองศึกครึกครื้นปืนประกาย พังทลายตึกกว้านเผาบ้านเมือง พวกทัพหลังคั่งคับช่วยทัพหน้า เที่ยวจุดไฟไหม้หลังคาติดฝาเฝือง เสียงผางโผงโพลงพลุ่งเพลิงรุ่งเรือง ชาวบ้านเมืองวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี บ้างฉวยคว้าผ้าผ่อนแบกหมอนฟูก บ้างอุ้มลูกจูงหลานลนลานหนี บ้างคลานคลุกลุมล้มไม่สมประดี บ้างพลัดพี่พลัดน้องร้องตะโกน นางลูกค้าคว้าถุงกระบุงกระบะ แบกกระทะโอ่งอ่างกระถางกระโถน ที่ผ้าผ่อนล่อนโล่งวิ่งโทงโทน สะดุดโดนเด็กผู้ใหญ่ขวักไขว่กัน บ้างหอบของร้องไห้มุดใต้ถุน ต่างว้าวุ่นวนเวียนวิ่งเหียนหัน พวกฝรั่งลังกาไล่ฆ่าฟัน สกัดกั้นกลอกกลับไล่จับกุม พวกผู้หญิงวิ่งบุกเที่ยวซุกซ่อน บ้างซอกนอนหนีไฟอยู่ในหลุม บ้างหลบตัวกลัวเหลือเอาเสื่อคลุม บ้างมุดตุ่มลงแต่หัวตัวโก้งโค้ง พวกข้าศึกครึกครื้นยิงปืนใหญ่ ไฟยิ่งไหม้มืดกลุ้มคลุ้มโขมง จะเหลียวแลไปทางไหนไฟลุกโพลง ติดเรือนโรงโผงผางสว่างไป เสียงช้างม้าลาร้องออกซ้องแซ่ ฮูมแปร้นแปร๋แซ่สนั่นวิ่งหวั่นไหว คนยิ่งตื่นครื้นครั่นหนีควันไฟ ไฟยิ่งไหม้ไปจนรอบขอบกำแพง ฯ ๏ จนพลบค่ำกำลังเพลิงพลั่งพลุ่ง สว่างรุ่งเรืองโรจน์ช่วงโชติแสง พวกพหลพลนิกรต่างร้อนแรง โจนกำแพงลงไปนั่งกำบังไฟ ฝรั่งยิ่งยิงปืนเสียงครื้นครึก กระหึมฮึกโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว ฝ่ายห้ามแหนแสนสนมกรมใน ต่างตื่นไฟในอารมณ์ไม่สมประดี ร้องโปรดช่วยด้วยเถิดพระทูลกระหม่อม เพลิงไหม้ล้อมรอบจะวายตายเป็นผี บ้างเลยหลงวงวิ่งเป็นสิงคลี มาข้างนี้ไปข้างโน้นตะโกนกัน บ้างเก็บของทองนากลากไปทิ้ง ฉวยเชี่ยนวิ่งวางเชี่ยนเปลี่ยนหยิบขัน บ้างฉวยผ้าคว้าถุงคาดพุงพัน บ้างยกคันฉ่องกับหวีวิ่งหนีไฟ ที่พวกมากลากจูงพยุงยุด อุตลุดเลี้ยววงเวียนหลงใหล ที่รักเพื่อนเหมือนชีวิตร่วมจิตใจ อุส่าห์ใส่สะเอวอุ้มกอดกุมมือ ท่านท้าวนางต่างวิ่งล้มกลิ้งเกลือก อุส่าห์เสือกไปตามทางครางหือหือ บ้างงันงกตกใจเห็นไฟฮือ วิ่งกระพือผ้าหลุดไม่หยุดแล พวกเจ้าจอมหม่อมคุณตระกูลสูง บ้างพยูงอยู่ข้างข้างไม่ห่างแห บ้างวิ่งวนจนหอบหมอบกระแต ที่เฒ่าแก่โก้งโค้งลากโครงคราง ข้าหลวงเหล่าสาวใช้ตื่นไฟวิ่ง กระตุ้งกระติ้งตาปลกตีอกผาง มุดใต้ถุนลุนช่องเที่ยวมองทาง เห็นรางรางลดเลี้ยวเที่ยวเลาะลัด ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าพาราการะเวก กับองค์เอกอัคเรศเกศกษัตริย์ ทั้งห้ามแหนแสนสุรางค์อยู่ปรางค์รัตน์ เมื่อลมพัดเพลิงไหม้มาใกล้วัง จะหนีออกนอกประตูท่านครูห้าม รู้ว่ายามเคราะห์ค่อยคิดถอยหลัง จนค่ำไฟไหม้ครื้นเสียงปืนดัง อุตส่าห์นั่งนิ่งภาวนามนต์ ฯ ๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ อ่านพระเวทวิทยาเป็นห่าฝน ให้ไฟดับลับตาประชาชน ต่างมืดมนไม่เห็นทางในกลางคืน ทั้งโยธาข้าศึกซึ่งฮึกโหม ถูกฝนโซมเสื้อผ้าไม่ฝ่าฝืน กลับลงลำกำปั่นลั่นแต่ปืน ให้คนตื่นแตกพลัดกระจัดกระจาย จนรุ่งเช้าชาวบูรีต่างหนีเร้น แลไม่เห็นผู้คนทั้งฝนหาย ทั้งสองทัพกลับไล่พวกไพร่นาย ขึ้นตั้งค่ายราบรอบขอบกำแพง ฯ ๏ เจ้าวายุพัฒน์หัสกันเกณฑ์ทหาร ให้ถือขวานคนละเล่มล้วนเข้มแข็ง ฟันประตูดูประหลาดพลิ้วพลาดแพลง จนสิ้นแรงรู้ว่าฤทธิ์วิทยา เอาไม้ลำทำบันไดไต่ไปพาด ขึ้นปีนพลาดพลัดคะมำถลำถลา บ้างหัวหกตกดิ้นสิ้นชีวา บ้างแขนขาหักตายเสียหลายคน บ้างปวดหัวมัวตาให้หน้ามืด เป็นหอบหืดเห็นวิบัติคิดขัดสน จึงอุบายถ่ายเททำเล่ห์กล ให้พวกพลร้องว่าชาวธานี กองทัพเราเข้ามาล้อมอยู่พร้อมพรั่ง เปรียบเหมือนขังไก่ไว้มิให้หนี แม้ผู้ใดใครออกมาหาโดยดี จะให้มีชื่อเสียงชุบเลี้ยงไว้ เร่งเร็วเถิดเปิดประตูอย่าอยู่ช้า จะพลอยพากันตายทั้งนายไพร่ จงทำชอบนอบน้อมคิดพร้อมใจ ก็จะให้เงินทองของดีดี ฯ ๏ ฝ่ายข้าเฝ้าชาวบุรินทร์สิ้นทั้งหลาย ทั้งไพร่นายรายรักษาทุกหน้าที่ ต่างเยี่ยมมองช่องเสมาร้องพาที เหวยอ้ายผีพวกฝรั่งเกาะลังกา ทั้งลวงหลอกยอกย้อนทำซ่อนเงื่อน เผาบ้านเรือนร้ายกาจนอกศาสนา หากพระองค์ทรงคิดถึงบิดา โปรดให้มามึงจึงได้มาใกล้กราย ถ้าหาไม่ไหนน้ำหน้าอ้ายฝรั่ง จะเห็นวังเวียงราชอย่ามาดหมาย แต่รบกับทัพเรือก็เหลือตาย อยู่ที่ปลายแดนด่านชานชลา ฯ ๏ เจ้าหัสกันสั่งให้ไพร่ว่าอ้ายโง่ มึงเหมือนโคคอกขังจะสังขาร์ วิสัยศึกลึกล้ำเป็นธรรมดา มีปัญญาย่อมจะได้ด้วยง่ายดาย ผู้ใดเซอะเคอะคะจะเป็นเหยื่อ เปรียบเหมือนเนื้อทั้งปวงติดบ่วงหวาย จงกลับใจไหว้กราบอย่าหยาบคาย บอกเจ้านายมึงให้รู้ว่ากูนี้ ตามมาทวงดวงเพชรอันเตร็ดตรัจ พวกมึงขัดจึงได้เข้าเผากรุงศรี ว่าไม่รู้กูเข้ามารบธานี ประเดี๋ยวนี้เล่าก็รู้นิ่งอยู่ไย ยังเข้าปีกหลีกหลบไม่รบสู้ จะปิดประตูตายหรือถือไฉน ถ้าแม้ว่ากล้าจริงออกชิงชัย ใครดีได้เห็นกันเป็นมั่นคง ฯ ๏ พวกขุนนางต่างว่าเหวยฝรั่ง พระจอมวังวรนาถเหมือนราชหงส์ จะสู้กาหน้าดำที่ต่ำวงศ์ จะเสียทรงเสียนวลไม่ควรเลย แล้วก็รู้อยู่ว่ามึงไม่ถึงไหน ไม่เข้าได้ในกำแพงจึงแกล้งเฉย เขาเกลียดเห็นเป็นว่ากลัวพูดยั่วเย้ย อ้ายลูกเชลยลืมพ่อคิดล่อลวง อียุพาลาลีที่เป็นแม่ ก็เป็นแต่ตัวเมียเขาเสียขวง ยังมีหน้าพาฝรั่งสิ้นทั้งปวง มาลามล่วงลอบเข้าเผาพารา ฯ ๏ วายุพัฒน์หัสกันให้ตันจิต ต่างคนคิดคั่งแค้นนั้นแสนสา จะเข้าไปสังหารผลาญชีวา พิฆาตฆ่าโคตรมันให้บรรลัย ก็ต้องมนต์คนปีนมือตีนอ่อน จำจะผ่อนผันแปรคิดแก้ไข จึงรอรั้งสั่งพหลพลไกร ให้ฆ่าไก่เป็ดแพะแกะโคควาย เอาเลือดฝาดสาดรอบทั้งขอบเขต ทำลายเวทมนตร์ไสยให้เสื่อมหาย แล้วเร่งทัพขับพหลพลนิกาย ฟันทลายประตูปีนตีนกำแพง พาดบันไดไต่พะองเข้ายงยุทธ์ พุ่งอาวุธฟาดฟันล้วนขันแข็ง สับสายโซ่โย้เหนี่ยวด้วยเรี่ยวแรง ชาวเมืองแทงถูกตายเป็นหลายคน แล้วทิ้งหินศิลาพุ่งอาวุธ อุตลุดรบรับกันสับสน พวกข้าศึกครึกครื้นยิงปืนกล ข้ามไม่พ้นกำแพงสิ้นแรงปืน พวกบนป้อมหลอมตะกั่วคั่วทรายสาด น้ำร้อนราดโยธาไม่ฝ่าฝืน ต่างต่อแย้งแทงฟันเสียงครั่นครื้น ระดมปืนป้อมทลายค่ายลังกา ถูกฝรั่งทั้งปวงตกร่วงหรุบ บ้างตายฟุบตัวตะแคงเสียแข้งขา ที่เหลือตายฝ่ายฝรั่งถอยหลังมา เขารักษาค่ายมั่นขยั้นใจ ฯ ๏ เจ้าวายุพัฒน์หัสกันเห็นกองทัพ จะเคี่ยวขับชาวบุรีตีไม่ไหว ให้เสนีที่ต้องจำนั้นนำไป ขุดหินได้เแก้วเก็จโคตรเพชรมา ทลายเขาเนาวรัตน์ด้วยขัดแค้น เก็บหัวแหวนเกิดใหม่ได้หนักหนา ให้กองทัพจับเหล่าชาวพารา ลงเรือล่าเลิกทัพถอยกลับไป ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าพาราการะเวก หมองเหมือนเมฆมืดมิดปิดสุริย์ใส ต้องถอยถดยศถาเสียข้าไท บ้านเมืองไหม้ไพร่นายล้มตายครัน เป็นคราวเคราะห์เพราะประมาทจึงพลาดพลั้ง แทบเสียทั้งนิเวศน์ขอบเขตขัณฑ์ หากท่านครูผู้เฒ่าเหมือนเผ่าพันธุ์ ช่วยผันแปรแก้กันไม่อันตราย จึงตรัสกับมเหสีพี่กับเจ้า มีลูกเต้ามันไม่เหมือนเพื่อนทั้งหลาย เห็นเหลือมือดื้อจริงทั้งหญิงชาย พากันหายสูญเพลิงละเลิงใจ จนครั้งนี้มีศัตรูมาดูถูก ไม่เห็นลูกเต้ามีอยู่ที่ไหน เหมือนลูกยางห่างต้นหลุดหล่นไป ดังมิใช่ลูกเต้าเผ่าพงศ์พันธุ์ ฯ ๏ มเหสีอัญชลีฉลองตอบ เคราะห์ประกอบให้เป็นเหมือนเช่นฝัน เพราะยังเยาว์เบาความไปตามกัน ด้วยผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลา เป็นเหตุเพราะเคราะห์วิบัติให้พลัดพราก ต้องลำบากเบญจเพสทั้งเชษฐา พอเคราะห์ดีพี่น้องทั้งสองรา จะกลับมาเขตขัณฑ์เป็นมั่นคง ซึ่งเกิดเข็ญเป็นศึกน้องนึกแน่ เพราะไปแก้พระอภัยเมื่อใหลหลง ธิดานาฏราชโอรสยศยง ช่วยณรงค์รบพุ่งกรุงลังกา จึงฝรั่งคั่งแค้นมาแทนทด ให้เสียยศเสียศักดิ์เสียหนักหนา ควรจะใช้ให้ทหารถือสารตรา ไปพูดจาแจ้งกับพระอภัยมณี ด้วยพวกพ้องของท่านล้วนหลานลูก มาดูถูกรบพุ่งเผากรุงศรี ให้ทราบความตามวิสัยเป็นไมตรี ดูท่วงทีเธอบ้างจะอย่างไร ฯ ๏ พระเห็นชอบตอบว่าปัญญาน้อง ช่างคิดต้องกันกับพี่จะมีไหน แล้วอ่าองค์ทรงเครื่องย่างเยื้องไป ออกนั่งในพระโรงรัตน์ชัชวาล พร้อมพระวงศ์พงศาพฤฒามาตย์ เสนาชาติหมอบเมียงเคียงขนาน สั่งเสนาอาลักษณ์พนักงาน ให้แต่งสารตามเรื่องเมืองลังกา ไปถึงท้าวเจ้าผลึกลงหมึกเขียน ไม่ผิดเพี้ยนเพริศพรายลายเลขา แล้วใส่กล่องทองคำประจำตรา ให้เสนารีบถือหนังสือไป ฯ ๏ ผู้รับสั่งบังคมด้วยโสมนัส มาเร่งรัดจัดกันเสียงหวั่นไหว เอาเรือรองสองลำล่องน้ำไป รีบใช้ใบร่ำมาในสาคร ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกล่าทัพ ได้สินทรัพย์สุโขสโมสร ข้ามมหาสาคโรชโลธร เข้านครเขตฝั่งข้างลังกา ขึ้นเมืองใหม่ไปเฝ้าเจ้าสิงหล ทูลยุบลบังคมก้มเกศา ถวายเพชรเตร็จตรัจให้ทัศนา พระมังคลาทราบสิ้นก็ยินดี ดูดวงเพชรเก็จแก้วแววสว่าง แจ่มกระจ่างพร่างพรายเป็นหลายสี กลัวจะอึงถึงพระชนนี ให้มนตรีลอบไปฝังไว้ลังกา ห้ามมิให้ใครพูดถึงโคตรเพชร หัวจะเด็ดขาดลงทั้งวงศา พวกหญิงชายนายไพร่ที่ได้มา ชาวเมืองการะเวกนั้นเจ็ดพันคน ใช้สีข้าวเช้าค่ำต้องตรำตราก ตำดินตากตักน้ำทำถนน เวลารุ่งหุงข้าวเลี้ยงชาวพล ใช้แบกขนฉุดลากเหนื่อยยากครัน ฯ ๏ ฝ่ายมนตรีที่ตัวโปรดถือโคตรเพชร พาแก้วเก็จไปถึงวังณรังสรรค์ ลอบฝังแก้วแล้วออกมาเวลานั้น แผ่นดินลั่นครั่นครึกสะทึกสะท้อน ตลอดทั้งวังเวียงเพียงจะคว่ำ อีเลิ้งน้ำเป็นระลอกกระฉอกกระฉ่อน ตึกเรือนโรงโงงเงงโคลงเคลงคลอน สะท้านสะท้อนทั่วทั้งเกาะลังกา ดูต้นไม้ไกวกวัดสะบัดโบก เขยื้อนโยกขย้อนทุกต้นรุกขา ฝูงนกหกตกใจบินไปมา ช้างม้าลาล้มลุกตะคลุกคลาน ทะเลลึกครึกครื้นเป็นคลื่นคลั่ง กระทบฝั่งฟูมฟาดเสียงฉาดฉาน ชายหญิงยืนขึ้นก็ล้มต้องก้มคลาน ต่างเซซานซวนทรงไม่ตรงกาย ถึงสามวันนั้นจึงสิ้นแผ่นดินไหว เป็นควันไฟมืดมนอยู่จนสาย ต่างสงสัยไม่รู้ที่จะดีร้าย ทั้งหญิงชายโจษกันจำนรรจา ฯ ๏ นางละเวงเกรงตรึกนึกประหลาด ไปหาบาทหลวงถามความกังขา เหตุไฉนไหวทั้งเกาะลังกา มีตำรารู้บ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชไม่อาจบอก พูดนอกคอกเคลือบแฝงแถลงไข เหตุเพราะผัวตัวจะมาเหมือนอาลัย ดินจึงไหวให้วิบัติอัศจรรย์ สักหน่อยหนึ่งมึงจะท้องกระป่องเหยาะ น่าหัวเราะรักผัวตัวขยัน แกล้งพูดพร่ำทำนายนางอายครัน ต้องผินผันพักตราเมินพาที เจ้าคุณเฝ้าเย้ายั่วผัวที่ไหน เอาอะไรมาว่าน่าบัดสี คิดขายหน้าลาพระจรลี กลับไปที่ราชฐานรำคาญครัน คิดถึงลางนางนึกเกรงศึกใหญ่ จะรบพุ่งกรุงไกรไอศวรรย์ เรียกรำภานางยุพาสุลาลีวัน มาเคียงบรรจถรณ์นางที่ข้างใน แล้วตรัสถามสามนางว่าลางเกิด จะประเสริฐหรือว่าเห็นเป็นไฉน นางยุพาว่าตำรับกัปประลัย คือลมไฟดินน้ำเป็นสำคัญ ธาตุทั้งสี่นี้สุภาพเรียบราบรื่น จะชุ่มชื่นชูใจทั้งไอศวรรย์ แม้ธาตุสี่นี้วิบัติอัศจรรย์ จะมีอันตรายทั่วทุกตัวคน ซึ่งดินไหวในตำราไม่ผาสุก จะเกิดยุคยุทธนาโกลาหล ข้าจับยามตามตำราจลาจล ตั้งแต่ต้นปีเถาะเป็นเคราะห์ครัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ฟังคำคาดหวาดวิโยคยิ่งโศกศัลย์ จึงตรัสว่าถ้าจะเป็นเหมือนเช่นนั้น จะแก้กันได้บ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ นางยุพาว่าตำรับระงับเหตุ ภูมิเทศผันแปรจะแก้ไข ให้ไพร่ฟ้าข้าเฝ้าทั้งท้าวไท ตั้งอยู่ในศีลสัตย์สวัสดี ทั้งบวงสรวงดวงชาตาสุรารักษ์ ซึ่งพิทักษ์ทวาทศราศี ปลูกศาลรอบขอบจังหวัดตั้งบัตรพลี คนกาลีลอยสะเดาะเคราะห์บุรินทร์ ตัดโลโภโมหะละเมียผัว กินแต่ถั่วผักงารักษาศิล ไหว้ลมไฟไหว้ชลาไหว้ฟ้าดิน ถ้วนปีหนึ่งจึงจะสิ้นมลทินภัย ฯ ๏ นางวัณฬาว่าตำรับบังคับขาด ประชาราษฎร์หรือมันจะละวิสัย ต้องถือศิลกินบวชนั้นรวดไป เห็นไม่ได้ดังตำราทั้งธานี จะเกิดเข็ญเป็นทุกข์ถึงลูกหลาน ไปตรวจด่านการบำรุงชาวกรุงศรี กลัวจะทำล้ำเหลือจะเชื่อดี ไปเที่ยวตีเมืองเขาด้วยเยาว์ความ ถึงชนะก็ไม่สิ้นอรินราช พยาบาทเบียดเบียนเป็นเสี้ยนหนาม ต้องหนักจิตคิดอ่านการสงคราม แม่มีความเกลียดเหลือด้วยเบื่อใจ อันลูกเราเยาว์อยู่ไม่รู้ทุกข์ จะอาจอุกทำเข็ญเป็นไฉน จะร้ายดีมิได้รู้ด้วยอยู่ไกล หรือจะให้หามาเสียธานี ฯ ๏ นางรำภาว่าวิสัยไตรดายุค ย่อมเป็นศึกแล้วเป็นสุขทุกกรุงศรี เมื่อถึงคราวชาวบุรินทร์อยู่กินดี ก็ไม่มียุคเข็ญย่อมเว้นวาย เมื่อถึงคราวชาวนครจะร้อนนั้น จะป้องกันฉันใดก็ไม่หาย ไม่ถึงกรรมทำอย่างไรก็ไม่ตาย ถ้าถึงกรรมทำลายต้องวายปราณ อันพระหน่อวรนาถชาติกษัตริย์ รู้จักจัดเกลี้ยกล่อมซ้อมทหาร เลี้ยงคนดีมีปัญญาวิชาชาญ คิดทำการต้องที่ผู้มีบุญ เมื่อเกิดเข็ญเช่นนึกมีศึกเสือ ช่วยส่งเกลือข้าวกินดินกระสุน เที่ยวตรวจตราธานีนั้นมีคุณ ด้วยแรกรุ่นรู้รอบเห็นชอบกล ให้อยู่วังดังสตรีแม้มีศึก ที่ตื้นลึกไม่สันทัดจะขัดสน เสด็จไปได้สังเกตเขตตำบล ที่ชุมพลกลศึกได้ฝึกปรือ จะหนีทุกข์ยุคเข็ญเหมือนเช่นว่า อยู่ใต้ฟ้าหนีฝนจะพ้นหรือ แม้เมืองใดใช้คนดีมีฝีมือ จะเลื่องชื่อลือเลิศประเสริฐชาย ชาวชมพูบุรินทร์สิ้นทั้งนั้น จะขยั้นอยู่ไม่อาจประมาทหมาย จงโปรดให้ไปตามความสบาย เธอเป็นชายใช่สตรีจะมีภัย ฯ ๏ นางฟังคำราภาบัญชาตอบ เจ้าว่าชอบเชิงความตามวิสัย แต่ยังเยาว์เราจะทำคำสอนไป ช่วยเตือนใจไว้มั่งพอรั้งรา แล้วเขียนคำกำหนดทศพิธ ใส่กล่องแก้วแล้วปิดผนิดฝา ให้ม้าใช้ได้รับสั่งขึ้นหลังม้า ออกจากวังลังกาเข้าป่าไป ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช ออกอำมาตย์พร้อมสิ้นเมื่อดินไหว เป็นควันคลุ้มกลุ้มชลานภาลัย ลูกคลื่นใหญ่อย่างจะเททะเลวน เรือกำปั่นพันถ้วนเชือกพวนขาด ขึ้นค้างหาดฟาดฝั่งหลังถนน น้ำท่วมทั้งวังใหม่นายไพร่พล ขึ้นอยู่บนเนินเขาอดข้าวปลา ถึงสามวันครั้นหายฝ่ายฝรั่ง กลับลงตั้งอยู่ในค่ายทั้งซ้ายขวา ต้องซ่อมลำกำปั่นตอกหมันยา พระมังคลาลอบสั่งโหรทั้งนั้น ให้ทำนายทายที่ความดีไว้ ให้ชื่นใจไพร่พหลพลขันธ์ แล้วให้หามาประชุมชุมนุมกัน ให้โหรนั้นทายลางจะอย่างไร ฯ ๏ พวกโหราว่าเพชรแก้วเก็จเอก จากการะเวกมาถึงถิ่นแผ่นดินไหว จะลือชาปรากฏพระยศไกร ได้เป็นใหญ่ยอดกษัตริย์ในปถพี ทั้งดินฟ้าสาครกระฉ่อนช่วย ร้องอำนวยพรเพิ่มเฉลิมศรี แม้ขัดเคืองเมืองไหนยกไปตี ก็จะมีชัยสิ้นทั้งดินแดน ด้วยเดชะพระมหาอานุภาพ จะได้ปราบเมืองอื่นนับหมื่นแสน บรรดาท้าวเจ้าประเทศทุกเขตแคว้น จะพึ่งแผ่นดินฝรั่งกรุงลังกา ฯ ๏ พระทรงฟังรางวัลให้โหรเฒ่า พวกข้าเฝ้าพลขันธ์ต่างหรรษา พอผู้ถือหนังสือสารพระมารดา มาวันทาถวายองค์พระทรงยศ พระยินดีคลี่สารอ่านอักษร ว่าอวยพรลูกยาให้ปรากฏ ด้วยบิตุรงค์ทรงธรรม์สวรรคต มีโอรสรักเหมือนใจนัยนา อนึ่งหลานว่านเครือเชื้อกษัตริย์ เหมือนกรหัตถ์อยู่กับกายทั้งซ้ายขวา แต่เจ้าไปไกลสถานใจมารดา ให้คิดปรารมภ์ร้อนไม่หย่อนเย็น ประการหนึ่งซึ่งสุธาลังกาไหว เป็นลางใหญ่ไพร่เมืองจะเคืองเข็ญ แม่คิดไปใจหายไม่วายเว้น ด้วยพ่อเป็นปิ่นจังหวัดปถพี ทั้งโภไคยไอศูรย์พร้อมมูลหมด พระเกียรติยศเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี สงวนศักดิ์รักษาแต่ธานี อย่าคิดตีบ้านเมืองให้เคืองกัน ประเพณีที่อุดมบรมจักร บำรุงรักษ์ราชัยมไหศวรรย์ เสวยสุขทุกเวลาทิวาวัน เพราะทรงธรรม์ทศพิธวิสดาร ประการหนึ่งซึ่งรักษาเมตตาตั้ง ให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทุกสถาน ใครยากเย็นเข็ญใจจงให้ทาน อภิบาลบำรุงทั้งกรุงไกร หนึ่งคู่ครองของเขามีเจ้าของ อย่าได้ปองเป็นมิตรพิสมัย หนึ่งสมบัติพัสดุของผู้ใด อย่าอยากได้ไปเอาของเขามา ประการหนึ่งซึ่งคำจะดำรัส ดำรงสัตย์ซื่อสุทธิ์ไม่มุสา หนึ่งผู้ผิดมิตรญาติแลอาตมา จงตรึกตราตัดสินความตามสัจจัง อนึ่งบทกฎหมายอย่าคลายเคลื่อน อย่าลดเลื่อนละอย่างแต่ปางหลัง หนึ่งใครนำคำเสนออย่าเพ่อฟัง เห็นจริงจังจึงค่อยตรัสตามสัตย์ธรรม์ หนึ่งเอ็นดูผู้ที่มีความชอบ รางวัลตอบตามวิสัยเจ้าไอศวรรย์ หนึ่งเลี้ยงเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล เป็นสัตย์ธรรม์เที่ยงธรรมอย่าลำเอียง หนึ่งอย่าคิดริษยาพยาบาท อย่ามุ่งมาดหมายถวิลรูปกลิ่นเสียง คนสอพลอทรลักษณ์อย่ารักเลี้ยง ให้แท้เที่ยงทางธรรมจึงจำเริญ รักษายศอตส่าห์ทรงดำรงจิต เทวฤทธิ์ทุกชั้นจะสรรเสริญ อย่าถือผิดคิดอ่านทำการเกิน อย่าละเมินหมั่นอ่านคำมารดร ฯ ๏ พระฟังจบนบนอบเห็นชอบสิ้น ให้ถือศิลสัตย์ธรรม์รำพันสอน แต่ได้ใช้ให้หลานไปราญรอน คืนแก้วก้อนเก็จมาไว้ธานี ต้องคิดอ่านการศึกฝึกทหาร คอยรอนราญรบพุ่งกันกรุงศรี แล้วพับสารมารดาไม่พาที เก็บซ่อนไว้ในที่ศรีไสยา ทุกเช้าเย็นพระไปเล่นท้องสนาม หัดสงครามครึกครื้นยิงปืนผา คอยรอรั้งฟังความสามพารา แต่งลูกค้าคอยเหตุทุกเขตคัน ฯ ๏ ฝ่ายเสนาการะเวกที่ถือสาร ไปประมาณเดือนเศษถึงเขตขัณฑ์ ขึ้นเมืองผลึกตึกสำหรับรับแขกนั้น พอพบกันกับพวกพระหัสไชย รีบพาเข้าเฝ้าพระหน่อวรนาถ ทูลเรื่องราชการแจ้งแถลงไข พระทรงฟังคั่งแค้นแน่นพระทัย รีบเข้าไปทูลยุบลพระชนนี ฯ ๏ ฝ่ายนงลักษณ์อัคเรศเกศกษัตริย์ ฟังพระหัสไชยฉลองพลอยหมองศรี ออกข้างหน้าข้าบาทราชเสนี หมู่มนตรีกราบก้มบังคมคัล สั่งให้อ่านสารว่าเจ้าการะเวก เสวยเอกฉัตรชัยไอศวรรย์ บังคมองค์ทรงยศทศธรรม์ ซึ่งร่วมสุวรรณจังหวัดปถพี หวังเฉลิมเพิ่มพูนประยูรยศ ให้ปรากฏเกียรติบำรุงชาวกรุงศรี สองเวียงชัยไพร่ฟ้าประชาชี ได้เป็นที่ชุ่มชื่นทุกคืนวัน ฝ่ายฝรั่งลังกาวัณฬาราช มีหน่อนาถเนื้อไขเจ้าไอศวรรย์ ให้นัดดาวายุพัฒน์หัสกัน คุมกำปั่นใหญ่น้อยหกร้อยลำ ไปพาราเห็นว่าหลานเปิดด่านรับ ด้วยใจนับถือว่าจะอุปถัมภ์ ครั้นเข้าได้ในบุรีได้ทีทำ ทลายกำแพงเข้าเผาพารา ครั้นเพลิงไหม้ไล่ฆ่าประชาราษฎร์ ตายวินาศนับหมื่นถูกปืนผา เข้าล้อมวังพังทวารพาลพูดจา ว่าธิดาลักเพชรแก้วเก็จไว้ ครั้นข้าเฝ้าชาวบุรีตอบตีมั่ง พวกฝรั่งรบต้านทานไม่ไหว ไปขุดเขาเอาเพชรแก้วเก็จไป จับพวกไพร่หญิงชายไปหลายพัน เพราะนับถือซื่อตรงเหมือนพงศ์เผ่า จึงได้เผาเมืองฆ่าคนอาสัญ ดูกิริยาวายุพัฒน์หัสกัน เหมือนผูกพันพยาบาทราชธิดา จะขัดเคืองเรื่องไรก็ไม่รู้ ด้วยไปอยู่กับสมเด็จพระเชษฐา ครั้นกลับยังธานีไพรีมา ยกโทษผิดธิดายุพาพาล ฝ่ายฝรั่งลังกาพาราผลึก ก็เสร็จศึกสืบวงศ์ดำรงสถาน แต่ข้าน้อยพลอยรับอัประมาณ ขอประทานทูลถามตามสงกา แม้แก้วเก็จเพชรเขาชาวสิงหล เสาวคนธ์ลอบลักผิดหนักหนา พระทราบเหตุเภทผลแต่ต้นมา โปรดบัญชาชี้แถลงให้แจ้งใจ ฯ ๏ พอจบสารสุมาลีตีอุระ น้อยหรือชะเคลือบแฝงแถลงไข แม่นงเยาว์เสาวคนธ์ขอเพชรไป เราก็ได้รู้เห็นเป็นพยาน กลับพาโลโกหกว่าฉกลัก ไม่รู้จักชาติเชื้อมันเหลือหลาน ช่างเหมือนแม่แต่ละคนพ้นประมาณ สันดานพาลพวกฝรั่งน่าชังครัน แล้วตรัสกับเสนาชาวการะเวก มันโหยกเหยกหยาบช้าจะอาสัญ ขอรั้งรอพอให้องค์พระทรงธรรม์ มาเขตคันคงจะแค้นแทนธิดา ด้วยรู้เห็นเป็นพยานพระผ่านเกล้า มิได้เข้าด้วยฝรั่งอย่ากังขา คงแก้แค้นแทนพระอนุชา ได้วุ่นทั้งลังกาไม่ช้าที ฯ ๏ พระหัสไชยให้แสนแค้นฝรั่ง ถวายบังคมพระมเหสี มันฮึกนักจักลาไปธานี ยกไปตีตัดศีรษะเสียบประจาน ฯ ๏ นางฟังลาอาลัยใจจะขาด ด้วยหน่อนาถเปลี่ยวองค์น่าสงสาร สะอื้นพลางนางกษัตริย์ก็ทัดทาน พ่อฟังมารดาว่าอย่าเพ่อรบ แม่จะให้ไปเชิญเสด็จกลับ ทั้งกองทัพพระเจ้าอามาบรรจบ ทั้งลูกยามาด้วยช่วยสมทบ เข้ารุมรบไพรีให้มีชัย ฯ ๏ พระนบนอบตอบว่าพวกฝรั่ง แต่ลูกยังเยาว์อยู่ยังสู้ได้ ถึงมันมากหมากเยื่อลูกเชื้อไฟ จะผลาญให้สิ้นทั้งเกาะลังกา ฯ ๏ นางฟังคำซ้ำห้ามทรามสวาท อย่าองอาจองค์เดียวเปลี่ยวหนักหนา เมื่อหักหาญราญรอนแต่ก่อนมา พระพี่ยาอยู่ด้วยได้ช่วยกัน อย่าดูถูกลูกรักจงหนักหน่วง จะเสียท่วงทีพาคนอาสัญ ซึ่งลูกรักจักไปกรุงไกรนั้น สองทรงธรรม์คงละห้อยน้อยพระทัย แม่จะทำคำสารส่งไปด้วย เจ้าจึงช่วยชี้แจงแถลงไข แล้วแต่งสารอ่านสอบชอบพระทัย ใส่กล่องให้ผู้ถือหนังสือมา ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยกลับไปห้อง เห็นหน้าสองน้องน้อยละห้อยหา สะอื้นอัดตรัสสั่งทั้งน้ำตา พี่จะลาไปแล้วแก้วกลอยใจ พอขาดคำกล้ำกลืนสะอื้นอก น้ำตาตกซกโซมชโลมไหล สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาเหลืออาลัย พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย ต่างนอบนบซบพักตร์กับตักพี่ กราบลงที่บาทาเกศาสยาย พระสวมสอดกอดน้องประคองกาย สงสารสายสุดสวาทจะคลาดคลา พระกรเกยเชยโฉมค่อยโลมลูบ ประจงจูบแก้มซ้ายแล้วย้ายขวา นางตามใจไม่ขัดพระอัชฌา สะอื้นอ้อนวอนว่าด้วยอาลัย น้องไม่มีที่เห็นด้วยเป็นหญิง อย่าทอดทิ้งน้องรักให้ตักษัย กลัวแต่จะละเลยเชือนเฉยไป สักเมื่อไรจักได้มาเห็นหน้าน้อง ฯ ๏ พระว่าพี่นี้ถึงไปก็ใจอยู่ มิได้รู้เริศร้างอย่าหมางหมอง แม่โฉมงามทรามสงวนนวลละออง ทั้งสองน้องครององค์ให้จงดี เสร็จธุระจะมาไม่ช้านัก ไม่ลืมรักพักตร์น้องอย่าหมองศรี มิเหมือนหมายสายสวาทแล้วชาตินี้ พี่ไม่มีเมียแล้วนะแก้วตา เป็นสัจจังหวังใจอยู่ในน้อง แม่เหมือนสองนัยน์เนตรของเชษฐา ทั้งสองนางต่างสะอื้นกลืนน้ำตา พระโลมลาลุกขยับแล้วกลับยั้ง สะท้อนถอนฤทัยอาลัยน้อง กรประคองกอดจูบโลมลูบหลัง อาลัยรักหนักหน่วงเพียงทรวงพัง เฝ้ารอรั้งสั่งสวาทไม่คลาดคลา แล้วแข็งขืนกลืนกล้ำด้วยจำจาก ออกนอกฉากแล้วก็ยังเหลียวหลังหา ขืนแข็งใจไปเข้าเฝ้ามารดา ชลีลาแล้วสะท้อนถอนฤทัย ฯ ๏ นางกษัตริย์อัดอั้นกลั้นสะอื้น น้ำเนตรขืนนองตกซกซกไหล กันแสงร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย เจ้าจะไปจากแม่จะแลลับ โอ้อกเอ๋ยเคยเห็นอยู่เย็นเช้า เมื่อไรเจ้าสายใจจะได้กลับ ต้องแคล้วคลาดวาสนาแม่อาภัพ จะนั่งนับวันคอยแก้วกลอยใจ พระบิดามาถึงจึงจะเสร็จ เชิญเสด็จดับเข็ญให้เย็นใส พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย ความเจ็บไข้คลาดแคล้วอย่าแผ้วพาน ฯ ๏ พระรับพรอ่อนเกล้าลงเคารพ กันแสงซบพักตราน่าสงสาร สะอื้นอั้นตันใจอาลัยลาน เป็นช้านานจึงว่าเคราะห์จำเพาะเป็น มาพึ่งพาฝ่าละอองสองกษัตริย์ เกิดวิบัติบ้านเมืองขุ่นเคืองเข็ญ ไปปราบยุคทุกข์ร้อนค่อยหย่อนเย็น จะมาเป็นเกือกทองรองธุลี ถึงตัวไปใจลูกยังผูกคิด เคยสนิทนุชน้องทั้งสองศรี ต้องจำพรากจากยุคลพระชนนี อย่าขู่ตีกริ้วโกรธจงโปรดปราน แล้วกราบลามาลงเรือกำปั่น ออกพร้อมกันกับเรือถือหนังสือสาร เป็นสามลำน้ำขึ้นรื่นสำราญ เหล่าทหารขานโห่ก้องโกลา พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก ต่างแล่นออกอาคเนย์หมายเวหา พระเหลียวกลับลับอ่าวเปล่าวิญญาณ์ ให้ห่วงหน้าห่วงหลังเป็นกังวล ฯ ๏ เวลาค่ำน้ำพราวดาวสว่าง จันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าเวหาหน พระหัสไชยไม่เป็นสุขแสนทุกข์ทน ขึ้นนั่งบนบาหลีที่บัลลังก์ ระทวยองค์ลงเอกเขนกเขนย พระกรเกยพระนลาฏสวาทหวัง คิดถึงคู่อยู่เขตนิเวศน์วัง ได้เคยนั่งแนบน้องประคองเคียง เคยคิดบอกดอกสร้อยกลอยสวาท ประสานพาทย์พิณเพราะเสนาะเสียง เคยฟังน้องร้องลำนำฉ่ำสำเนียง วิเวกเพียงพิณเพลงวังเวงใจ โอ้ยามนี้มาในลำเรือกำปั่น ฟังแต่คลื่นครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว จะแลเหลียวเปลี่ยวสุดสมุทรไท ทั้งเปลี่ยวใจเปล่าตาในสาคร เคยหอมชื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ มาเหม็นสาบฝูงปลาเหราสลอน เคยไสยาสน์อาสน์สุวรรณจันทน์ขจร มาจำนอนน้ำค้างพรมพร่างพราว โอ้ยามเข็ญเช่นนี้เจ้าพี่เอ๋ย ได้ชมเชยโฉมฉายจะหายหนาว จะอุ้มแอบแนบทรวงชมดวงดาว จะหอมราวรสสุคนธ์สุมณฑา จนเคลิ้มองค์หลงชมมหาดเล็ก แอบอุ้มเด็กดังหนึ่งมิตรกนิษฐา ดูดาวเด่นเล่นด้วยกันแม่จันทร์สุดา เสียดนาสาสูดชิดจุมพิตพักตร์ เพ่งพินิจผิดน้องเสียงร้องเอะ ถีบปะเตะตกพระแท่นจนแขนหัก สาแก่ใจให้กูหลงว่านงลักษณ์ แล้วเมินพักตร์ผินผันเข้าบรรทม คะนึงน้องสองสุดานิจจาเอ๋ย เมื่อไรเลยจะได้ชิดสนิทสนม เสนหาอาวรณ์ร้อนอารมณ์ จะบรรทมมิใคร่หลับทุกข์ทับทรวง จนเดือนดับลับทวีปเข้ากลีบเมฆ แสนวิเวกว้าเหว่ทะเลหลวง พระสุริยงส่งแสงขึ้นแดงดวง ยิ่งเศร้าทรวงโศกสะอื้นฝืนวิญญาณ์ ฯ ๏ เห็นร่มรื่นขึ้นไปนั่งบัลลังก์อาสน์ พร้อมมหาดเล็กถวายเครื่องซ้ายขวา พระผันแปรแลชมยมนา ดูฝูงปลาแปลกอย่างต่างต่างกัน บ้างกลับกลายกายเป็นเช่นฉนาก มีปีกปากคางคอเหมือนอรหัน หางเป็นปลาหน้าเป็นลิงลอยยิงฟัน บ้างหน้ามันเหมือนวัวตัวเหมือนงู บางตัวเป็นเช่นหอยผุดลอยรี่ ปากเหมือนหมีซี่ฟันมันเหมือนหนู บ้างน่ากลัวตัวเป็นเหมือนเช่นปู หน้าเหมือนจีนกินหมูหางหนูยาว ฝูงหญิงชายฝ่ายเงือกขึ้นเกลือกกลอก ตามระลอกไล่คู่เป็นชู้สาว บ้างตัวปลาหน้าเป็นเบื้อเป็นเสือดาว กระกริวกราวเต่าผาหน้าเป็นคน พระเพลินชมยมนาสาคเรศ หลายประเภทพวกสัตว์ปฏิสนธิ์ มังกรกระโห้โลมาในสาชล บ้างผุดพ่นฟองฟุ้งขึ้นพลุ่งโพลง จระเข้เหราหน้าต่างต่าง มีเขากางเกะกะนั่นตะโขง ปลาวาฬใหญ่ไล่กระเพื่อมแลเลื่อมโล้ง ครีบกระโดงดูเป็นพืดยาวยืดครัน ยิงปืนใหญ่ไฟฟูมตึงตูมซ้ำ มันจมน้ำวนเวียนวงเหียนหัน ต้องติดวนจนเวลาลงสายัณห์ จึงกำปั่นออกไปพ้นที่วนปลา รีบใช้ใบไปตามคลื่นทุกคืนค่ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา ไม่คลาดเคลื่อนเดือนครึ่งตะบึงมา ถึงกรุงการะเวกเข้าอ่าวบุรี เห็นรอยไฟไหม้รอบขอบจังหวัด หน่อกษัตริย์ขัดพระทัยให้หมองศรี เข้าทอดท่าหน้าวังทั้งมนตรี ไปเฝ้าที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าเมืองอันเรืองยศ เห็นโอรสกับอำมาตย์ถือราชสาร สั่งเสนาอาลักษณ์พนักงาน ให้คลี่สารอ่านตามเนื้อความมี ในสารองค์อัคเรศเกศกษัตริย์ เจริญสวัสดิ์ถึงพระน้องทั้งสองศรี ด้วยองค์พระชนกชนนี จอมบุรีรัตนานิคาลัย พระเชษฐาพาพระวงศ์ไปปลงศพ ตามโบราณผ่านพิภพสบสมัย ปีมะแมเดือนเจ็ดเสด็จไป ยังมิได้กลับมาถึงธานี ซึ่งพระองค์ส่งสารแจ้งการศึก ฝรั่งฮึกหักเข้าเผากรุงศรี แล้วจ้วงจาบหยาบช้าพาลพาที ว่าบุตรีลักเพชรแก้วเก็จมา มันโกหกยกโทษเพราะโกรธแค้น เหมือนตัดแผ่นดินขาดนอกศาสนา ซึ่งแก้วเก็จเพชรนั้นนางวัณฬา ให้ธิดาก็ได้รู้อยู่ด้วยกัน พระรับเคราะห์เพราะเรื่องเมืองผลึก จึงเกิดศึกพาเหตุถึงเขตขัณฑ์ ฝ่ายยุดาวายุพัฒน์หัสกัน ล้วนพงศ์พันธุ์ภัสดาชะล่าลาม เป็นธุระผู้บำรุงกรุงผลึก จะปราบศึกเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม ไม่ควรเคืองเมืองพระองค์ต้องสงคราม จึงต้องตามยุติธรรม์พันธมิตร อันทรงเดชเชษฐานราราช ย่อมเชื้อชาติบุรุษสุจริต ถึงลูกหลานว่านเครือที่เชื้อชิด ใครทำผิดผู้นั้นคงบรรลัย ขอองค์พระอนุชาอย่าปรารภ มิได้คบคนคิดผิดวิสัย จงรั้งรอพอให้พระภูวไนย มาเมื่อไรไพรินสิ้นชีวัน อันเมืองผลึกกับพาราการะเวก จะร่วมเอกฉัตรชัยไอศวรรย์ จนสุดสิ้นดินฟ้าทั้งสามัญ โดยทรงธรรม์ทศพิธสนิทใน ฯ ๏ พอจบสารอ่านสิ้นพระปิ่นปัก ตรัสชมอัครชายาจะหาไหน ช่างตอบสารหวานฉ่ำทุกคำไป สมเป็นใหญ่ยอดสตรีเธอดีจริง แล้วเคืองขัดหัสไชยมาไยเล่า ไปเถิดเจ้าจงไปเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ไม่ระวังทั้งปวงจะช่วงชิง ธุระสิ่งไรหรือมาถึงธานี ฯ ๏ พระหัสไชยได้สดับอภิวาท เชิงฉลาดทูลฉลองด้วยหมองศรี ซึ่งข้าคิดผิดพลั้งไปทั้งนี้ ก็ควรที่ถึงตายวายชีวัน ประทานโทษโปรดเกล้าด้วยเบาจิต มิได้คิดเห็นเหตุข้างเขตขัณฑ์ ซึ่งน้อยหน้าวายุพัฒน์หัสกัน กระหม่อมฉันจะขอต่อสงคราม ไปกำจัดศัตรูที่ดูหมิ่น ให้สูญสิ้นสัตว์บาปที่หยาบหยาม แต่ยังเยาว์เล่าก็ทราบเคยปราบปราม มันลวนลามแล้วก็ไม่ไว้ชีวี ฯ ๏ พระฟังบุตรสุดสวาทองอาจศึก จึงตรองตรึกตรัสว่าพระมเหสี ได้ตอบความตามสารการไมตรี ก็ต้องที่อยู่ทุกข้อควรรอฟัง ถ้าแม้พระอภัยมิไปรบ จะเกลื่อนกลบกลับกลายเมื่อภายหลัง เราจึงขับทัพพหลข้ามวนวัง ไปลุยฆ่าฝรั่งให้แหลกลาญ นี่ลูกเต้าเขาผิดคิดถึงพ่อ จึงรั้งรอบอกกล่าวไม่ร้าวฉาน คำโบราณท่านว่าช้าเป็นการ ถึงจะนานก็เป็นคุณอย่าวุ่นวาย วิสัยศึกตรึกตรองจึงต้องที่ ยกไปตีก็ให้ได้ดังใจหมาย แม้ยับย่อยถอยกลับก็อับอาย ยิ่งซ้ำร้ายขายหน้าประชาชน ให้เรือใช้ไปฟังกำลังศึก รู้ตื้นลึกแล้วมาแจ้งแห่งนุสนธิ์ คอยรอรั้งฟังข่าวฝึกชาวพล ให้รู้กลการอาวุธยุทธนา ฯ ๏ พระหัสไชยได้ฟังตรัสสั่งสอน ชลีกรอภิวันท์ด้วยหรรษา ออกมานั่งสั่งอำมาตย์มาตยา จัดเสนาตัวดีได้สี่นาย ให้คุมเรือเกลือข้าวสารน้ำตาลพร้อม ทำแปลงปลอมไปลังกาเที่ยวค้าขาย กองตระเวนเกณฑ์ให้ใช้ใบราย ฟังแยบคายสืบเหตุทุกเขตคัน ตรงหน้าวังตั้งค่ายเป็นหลายด้าน นายทหารหัดพหลพลขันธ์ ทั้งทัพเรือเหนือใต้หนีไล่กัน เข้าโรมรันรับรองดูว่องไว ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี สุมาลีเศร้าหมองไม่ผ่องใส ให้กองทะเลเสนารีบคลาไคล ไปกรุงไกรรัตนาเชิญสามี แล้วแต่งสารลานทองของสิบอย่าง ไปถึงนางวัณฬามารศรี เลือกสรรใส่ในหีบแล้วดิบดี ให้เสนีนายทหารถือสารไป ถึงฟากฝั่งลังกามหรณพ เห็นเรือรบรายเรียงเคียงไสว พวกกองทัพจับถามรู้ความใน คุมขึ้นไปเฝ้าพระมังคลา ฯ ๏ ฝ่ายเอกองค์ทรงยศโอรสราช ออกอำมาตย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา ถามเสนีที่ถือหนังสือมา ในสาราว่ากระไรจะใคร่ฟัง ฯ ๏ ฝ่ายข้าเฝ้าชาวผลึกไม่นึกพรั่น จึงผ่อนผันพูดตามเนื้อความหลัง จะขึ้นไปให้ถึงเขตนิเวศน์วัง ตามรับสั่งสารพระเสาวนีย์ ถวายองค์นงเยาว์เจ้าสิงหล ไม่ให้คนอื่นอ่านเรื่องสารศรี อย่าทานทัดขัดขวางทางไมตรี จะเสียทีอย่างเยี่ยงพระเวียงชัย ฯ ๏ พระมังคลาว่าเราเจ้าสิงหล เป็นจอมพลผ่านพิภพสบสมัย ได้ว่าขานการบำรุงทั้งกรุงไกร ควรจะได้รับสารแทนมารดา ขืนดื้อดึงมึงไม่รู้จักกูหรือ อ้ายทูตถือสารผลึกฮึกหนักหนา พลางตรัสใช้ให้ทหารค้นสารมา แล้วฉีกตราอ่านตามเนื้อความมี ฯ ๏ ศุภสารสุมาลีประดิพัทธ์ เจริญสวัสดิ์นางวัณฬามารศรี เราพี่น้องครองสัตย์สวัสดี ไม่ราคีเคืองขัดอัธยา ข้างฝ่ายน้องครองกรุงบำรุงรักษ์ ได้สืบศักดิ์สุริยวงศ์พร้อมพงศา เสวยรมย์สมบัติวัฒนา ชาวพาราเริงรื่นทุกคืนวัน แม่เสาวคนธ์มณฑากรุงการะเวก ขอเพชรเอกเอาไปไว้ไอศวรรย์ ให้นัดดาวายุพัฒน์หัสกัน ไปโรมรันรบเร้าเผาธานี คืนเอาแก้วแล้วเอาทั้งข้าวของ ริบเงินทองสารพัดน่าบัดสี กวาดไพร่พลคนผู้มาบูรี หรือราคีขัดเคืองด้วยเรื่องไร แม่ก็รู้อยู่ว่ากรุงการะเวก ร่วมภิเษกสืบเนื้อเป็นเชื้อไข ขืนคิดทำย่ำยีดังนี้ไซร้ เขาว่าไว้หยิกเล็บแล้วเจ็บเนื้อ จะตัดขาดญาติมิตรไม่คิดบ้าง เหมือนลบล้างเหล่ากอไม่หลอเหลือ อนึ่งหน่อวรนาถเป็นชาติเชื้อ ไม่ไว้เยื่อใยติดผิดโบราณ แม่รู้เห็นเป็นใจหรือไม่รู้ พิเคราะห์ดูยังไม่แจ้งจึงแต่งสาร ให้ทราบความตามเรื่องเคืองรำคาญ ควรสมานไมตรีซึ่งมีมา แม้เห็นดีมิได้คิดถึงมิตรญาติ ก็ควรขาดราชวงศ์เผ่าพงศา สามประเทศเขตแคว้นแผ่นสุธา กับลังกาก็จะขาดราชไมตรี ขอเชิญน้องตรองตริดำริเถิด ถ้าศึกเกิดรบพุ่งถึงกรุงศรี ชั้นลูกเล็กเด็กผู้ใหญ่ไพร่ผู้ดี ก็ไม่มีสุขทั่วทุกตัวคน จงคิดครั้งพรั่งพร้อมจอมกษัตริย์ ประดิพัทธ์ผูกรักเป็นมรรคผล ได้ผาสุกทุกอาณาประชาชน ประจวบจนประเดี๋ยวนี้ไม่มีภัย พี่กับเจ้าเล่าก็จิตสนิทนัก จึงลอบลักเล่าแจ้งแถลงไข ถึงลูกเต้าเบาความส่วนทรามวัย เป็นผู้ใหญ่อย่าให้มีราคีเคือง ฯ ๏ พอจบสารดาลเดือดไม่เงือดงด กูเหลืออดอวดรู้คันหูเหือง เป็นผู้ใหญ่ไม่เป็นหลักพูดยักเยื้อง เข้ากับเมืองการะเวกโหยกเหยกครัน ส่วนของเราเอาไปไว้สิไม่ว่า คืนเอามาเป็นผิดพูดบิดผัน พระอนุชาวายุพัฒน์พ่อหัสกัน เห็นอาธรรม์หรือไม่เล่ายายเฒ่ารึง ฯ ๏ ทั้งสามองค์ลงเนื้อเห็นเหมือนเช่นว่า ยายสุมาลีคนนี้แกขี้หึง แกล้งลอบทำคำหนังสือมาอื้ออึง พลอยโกรธขึ้งไปด้วยเขาไม่เข้าการ ฯ ๏ พระมังคลาว่าจริงจริงนิ่งไม่ได้ แล้วสั่งให้จำผู้ถือหนังสือสาร ปรึกษาน้องสองนัดดาปรีชาชาญ พวกวงศ์วานเราไม่มีใครดี แม้กองทัพกลับมาพาราผลึก คงเกิดศึกรบพุ่งถึงกรุงศรี ทั้งบิตุรงค์องค์อาสองธานี จะรุมตีเมืองเราด้วยเข้ากัน ฯ ๏ พระอนุชาว่าเห็นจะเป็นแน่ จำจะแก้การก่อนคิดผ่อนผัน เรายกไปไล่รุกรบบุกบัน จับพงศ์พันธุ์พวกพ้องสองพารา มาขังไว้ให้เป็นห่วงเหมือนหน่วงศึก จะเหือดฮึกหายลงเพราะวงศา ได้เป็นต่อพอให้ท่านเห็นปัญญา พระมังคลาว่าขยันแยกกันไป จงจัดพลคนละกองฝ่ายน้องรัก ไปรมจักรตามแต่จิตจะคิดไฉน สองนัดดาพาพลสกลไกร รีบยกไปเมืองผลึกเหมือนตรึกการ ฯ ๏ ฝ่ายวายุพัฒน์จัดพลเป็นกลศึก เอาเรือผลึกล่วงไปก่อนซ่อนทหาร ทั้งสามลำนำตำบลชลธาร ไปประมาณครึ่งวันตามสัญญา แล้วหัสกันคุมกองเรือสองร้อย สกดรอยเรียงรายไปซ้ายขวา พอลับตาวายุพัฒน์จัดโยธา ออกนาวาสามร้อยแล่นลอยตาม ฯ ๏ ฝ่ายทัพพระอนุชาเรือห้าร้อย ปืนใหญ่น้อยนายทหารชาญสนาม ล้วนฝึกฝนรณรงค์ร่านสงคราม ออกเรือข้ามสายสมุทรรีบรุดไป ฯ ๏ ฝ่ายกองหน้าวายุพัฒน์แล่นตัดคลื่น สิบห้าคืนข้ามมหาชลาไหล เข้าปากอ่าวชาวตระเวนเห็นแต่ไกล จำเรือได้ว่าผู้ถือหนังสือมา ไม่ห้ามปรามถามทักรู้จักแน่ ต่างเชือนแชแล่นรายไปซ้ายขวา พอพลบค่ำลำฝรั่งพวกลังกา เข้าถึงหน้าเมืองผลึกดึกสามยาม ขึ้นฝั่งน้ำลำละพันแยกกันออก เข้าทางตรอกบ้านช่องท้องสนาม เที่ยวจุดไฟไหม้โขมงพลุ่งโพลงพลาม แสงเพลิงลามลุกรอบขอบบุรี พวกเฝ้าป้อมล้อมวังกำลังตื่น ยินเสียงปืนใหญ่ยิงต่างวิ่งหนี ฝ่ายฝรั่งทั้งปวงได้ท่วงที ไล่ฆ่าตีตายกลาดดื่นดาษทาง เที่ยวจุดจ่อต่อไปจนใกล้รุ่ง เสียงผางโผงโพลงพลุ่งไหม้ยุ้งฉาง ทุกถิ่นฐานบ้านช่องวิ่งร้องคราง บ้างตายบ้างล้มลุกตะคลุกคลาน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมเหสีนารีราช เห็นเพลิงไหม้ใกล้ปราสาทราชฐาน กับลูกรักนักสนมนางอยู่งาน พาพระมารดาออกนอกมนเทียร ทั้งค่อมเค้าเฒ่าแก่หลวงแม่เจ้า ต่างรุมเร้าเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน จะไปไหนไม่พ้นเที่ยววนเวียน ตกใจเจียนใจขาดหวาดระวัง ฯ ๏ ฝ่ายพวกพ้องกองตระเวนเห็นกำปั่น เป็นหลั่นหลั่นแล่นหลามมาตามหลัง ยิงปืนใหญ่ห้ามไว้ก็ไม่ฟัง ฝ่ายฝรั่งรับปืนเสียงครื้นครึก ชาวด่านน้อยถอยเข้าอ่าวปากน้ำ ฝรั่งร่ำรุกร้นมาจนดึก เห็นเพลิงรอบขอบปราการสะท้านสะทึก พวกข้าศึกซ้ำโห่ก้องโกลา บรรดาเหล่าชาวด่านไม่หาญรบ ต่างหลีกหลบขึ้นตลิ่งวิ่งถลา พอรุ่งเช้าเหล่าฝรั่งคับคั่งมา ชาวพาราเรี่ยรายพลัดพรายกัน พวกกองทัพคับคั่งขึ้นฝั่งพร้อม ตั้งกองล้อมรอบกำแพงดูแข็งขัน เจ้าวายุพัฒน์จัดทหารถือขวานนั้น ระดมฟันประตูวังพังทลาย ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมเหสีถือตรีสู้ ขวางประตูห้ามฝรั่งสิ้นทั้งหลาย จะเข้ามาว่ากระไรใครเป็นนาย อย่าวุ่นวายบอกเราให้เข้าใจ เจ้าหัสกันนั้นว่าพระมเหสี กับนงนุชบุตรีอยู่ที่ไหน พระจอมวังลังกาบัญชาใช้ ให้รับไปด้วยเป็นวงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ นางทราบว่าฝรั่งมาตั้งรบ จะหลีกหลบเห็นไม่พ้นพลขันธ์ จึงว่าเขาเจ้าพาราลังกานั้น จะนับกันก็เป็นน้องสองบุตรี เหตุไฉนไม่คิดถึงบิตุราช มาองอาจรบพุ่งถึงกรุงศรี ตัวเราหรือชื่อสุวรรณมาลี นี่บุตรีสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ถ้าแม้หน่อวรนาถรักชาติเชื้อ จะก่อเกื้อเชื้อวงศ์เผ่าพงศา จงเลิกทัพกลับหลังไปลังกา จะเห็นว่าสุจริตต่อบิดร ฯ ๏ เจ้าหัสกันนั้นว่าโยธาหาญ เป็นพวกท้าวเจ้าละมานชาญสมร มาเผาเมืองเคืองฆ่าประชากร จึงรีบร้อนยกทัพมารับองค์ กับบุตรีพี่สาวเจ้าทวีป จงเร่งรีบไปตามความประสงค์ พอรู้จักศักดิ์ตระกูลประยูรวงศ์ จะมาส่งนคราไม่ช้านาน ฯ ๏ นางรู้เท่าเข้าใจแต่ไม่ตรัส ถ้าขืนขัดจะไม่กลับทัพทหาร ไปตามเคราะห์เพราะไม่พ้นพวกคนพาล จึงกราบกรานชนนีชลีลา พระแม่อยู่ดูอาณาประชาราษฎร์ หมู่อำมาตย์ข้าเฝ้าได้เข้าหา พลางนอบนบซบสะอื้นกลืนน้ำตา พระมารดาดังจะดิ้นสิ้นชีวัน กอดลูกสาวหาวเรอพูดเพ้อพร่ำ โอ้เคราะห์กรรมแก่ชราจะอาสัญ อ้ายโกหกยกมาไล่ฆ่าฟัน ใครไม่ทันรบสู้ไม่รู้เลย แล้วมิหนำซ้ำจะพรากให้ยากแค้น โอ้สุดแสนสงสารลูกหลานเอ๋ย เผอิญเป็นเช่นนี้ยังมิเคย คอยลูกเขยเขาก็ไม่ใคร่จะมา แม่จะใคร่ไปด้วยถ้าป่วยไข้ เจ้าจะได้ฟูมฟักช่วยรักษา สะอื้นพลางกางหัตถ์กอดนัดดา ทรงโศกาเพียงพินาศถึงขาดใจ นางทัดทานมารดาอย่าเสด็จ จะเหนื่อยเหน็ดลุกนั่งยังไม่ไหว อยู่บูรีดีกว่าพร้อมข้าไท พระอภัยก็จะมาพยาบาล พลางกราบบาทมาตุรงค์ทรงกำสรด อ่อนระทดระทวยองค์น่าสงสาร เฝ้าฝากฝังสั่งกำนัลพนักงาน ช่วยรักษาพยาบาลพระมารดา แล้วกลืนกลั้นกันแสงแสนเทวษ พระชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ชวนลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ลีลามานอกเขตนิเวศน์วัง ข้าหลวงเหล่าสาวใช้ร้องไห้แซ่ ทั้งเถ้าแก่วิ่งหลามมาตามหลัง นางตรัสห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง ตามฝรั่งลงกำปั่นกลั้นน้ำตา ฯ ๏ วายุพัฒน์หัสกันก็ลั่นฆ้อง เรียกพวกพ้องพลนิกายทั้งซ้ายขวา โยธาทัพจับเหล่าชาวพารา ทั้งเสนานายไพร่ไล่ลงเรือ แล้วคลอกปืนฟืนไฟสุมให้ยับ เก็บสินทรัพย์แบกขนไปล้นเหลือ ต่างเต็มลำซ้ำเผาฉางข้าวเกลือ แล้วล่องเรือรีบข้ามแล่นหลามไป ฯ ๏ ฝ่ายโยธาข้าเฝ้าชาวผลึก เมื่อเกิดศึกซ่อนหนีตามวิสัย ครั้นทัพกลับลับลี้ต่างดีใจ ทั้งนายไพร่กลับมาเข้าธานี จตุสดมภ์กรมวังที่ยังเหลือ เที่ยวดับเชื้อเพลิงลากเก็บซากผี พวกหญิงชายฝ่ายอาณาประชาชี บ้างพลัดพี่เสียน้องนองน้ำตา ที่ลูกเมียเสียหายพลัดพรายผัว รอดแต่ตัวติดตามเที่ยวถามหา ที่แก่เฒ่าเจ้าโมโหหุนโกรธา ตะโกนด่าพวกฝรั่งด้วยคลั่งใจ บ้างเย็บจากลากเสาถากเกลากล่อม ปลูกกระท่อมเคหาพออาศัย ส่วนข้าเฝ้าท้าวพระยาเสนาใน หมายเกณฑ์ไพร่หัวเมืองแน่นเนืองมา บวกปูนป้อมซ่อมแปลงกำแพงผนัง ที่หักพังแตกแตนกลับแน่นหนา ทุกหมู่หมายนายหมวดต่างตรวจตรา รักษาหน้าที่พร้อมรายล้อมวัง เป็นเวรเวียนเปลี่ยนผลัดใครขัดขาด บังคับคาดโทษทวีเฆี่ยนตีหลัง ทั้งนอกในไม่ประมาทเคยพลาดพลั้ง ตระเวนระวังนั่งยามตามอัคคี ความโรงศาลบ้านเมืองที่เคืองขัด ลูกขุนตัดสินฟ้องไม่ต้องที่ พากันเข้าเฝ้าเสนอพระชนนี ทูลคดีชี้ขาดพระอาชญา ฯ ๏ ฝ่ายนางนาฏมาตุรงค์ลืมหลงเลือน สติเฟือนเหมือนยังฝันสูงชันษา เห็นข้าเฝ้าเศร้าจิตถึงธิดา รำพันด่าจตุสดมภ์กรมวัง เห็นศึกมาตาขาวทิ้งเจ้าเสีย นอนกอดเมียมุดหัวกลัวฝรั่ง เลี้ยงไว้เสียเบี้ยหวัดไม่สัจจัง ดีแต่บังเลกกินเงินสินบน มึงนิ่งให้อ้ายศัตรูมาดูถูก พาหลานลูกกูไปไว้สิงหล ชอบส่งไปใส่คุกเสียทุกคน นางนั่งบ่นด่าว่าแล้วจาบัลย์ ฯ ๏ พวกเสนาสารภาพกราบพระบาท ขอรับราชอาชญาถึงอาสัญ ด้วยศัตรูจู่มาไล่ฆ่าฟัน ใครไม่ทันรู้ทั่วทุกตัวคน ครั้นเพลิงไหม้ไพร่นายพลัดพรายหมู่ ข้ารบสู้ไม่ถนัดจึงขัดสน ซึ่งเสียพระมเหสีนิฤมล ความผิดล้นพ้นที่จะพรรณนา ถ้าใส่บทกฎหมายตายทั้งโคตร แม้ยกโทษข้าทั้งหลายหมายอาสา ไปรบรับจับฝรั่งเกาะลังกา พิฆาตฆ่าโคตรมันให้บรรลัย ฯ ๏ นางพระยาว่ากูเป็นผู้หญิง ไม่รู้สิ่งศึกเสือเหลือวิสัย ราชการภารธุระพระอภัย ไสหัวไปเสียให้พ้นจากมนเทียร ฯ ๏ ขุนนางลามาตำแหน่งระแวงผิด ราชกิจเกณฑ์รายทนายเสมียน พวกล้อมวังดั้งเขนเป็นเวรเวียน ใครขาดเฆี่ยนตีทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาโยธาทัพ ต่างแล่นกลับเกลื่อนทางไปกลางหน ถึงฟากฝั่งลังกาท่าสาชล พร้อมไพร่พลฝรั่งคับคั่งกัน สองนัดดาคลาไคลขึ้นไปเฝ้า กราบทูลเจ้าลังกานราสรรค์ เหมือนเผาเมืองเรื่องหลังสิ้นทั้งหลาย ได้สุวรรณมาลีบุตรีมา ฯ ๏ พระทรงฟังสรรเสริญเจริญสวัสดิ์ ตบพระหัตถ์สรวลสันต์ด้วยหรรษา ให้จัดแจงแต่งโต๊ะตั้งสุรา เลี้ยงโยธาทั้งขุนนางให้รางวัล พระพี่น้องสองหลานประทานเครื่อง ประดับเนื่องเนาวรัตน์ล้วนจัดสรร อันองค์พระมเหสีบุตรีนั้น กับครัวบรรดาได้นายไพร่มา ให้ส่งไปไว้ที่ด่านดงตาลตั้ง ทหารพรั่งพร้อมพรักอยู่รักษา เกณฑ์ชายใช้ไขน้ำตั้งทำนา หญิงเย็บผ้าเสื้อหมวกแจกพวกพล ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระวลายุดานั้น คุมกำปั่นแล่นสล้างไปกลางหน สังเกตแดนแผนที่มีตำบล อ้อมถนนนอกเรียวเลี่ยงเลี้ยวมา ได้เดือนครึ่งจึงเข้าอ่าวรมจักร หยุดผ่อนพักพลนิกายกองซ้ายขวา ให้ปลอมแปลงแต่งเป็นเหล่าชาวชวา ใครถามว่าข้าเฝ้าท้าวอุเทน กองละร้อยคอยตามกันสามทัพ ปืนสำหรับรบทั้งโล่ดั้งเขน รีบใช้ใบไปพอปะกองตระเวน หัสเกนสั่งให้ไพร่ใส่แว่นตา ยิงปืนกลบนอากาศเกลื่อนกลาดกลุ้ม เป็นควันคลุ้มมืดทะเลทั้งเวหา กองตระเวนเจนสมุทรหยุดนาวา ไม่รู้ว่าใต้เหนือทอดเรือราย พวกฝรั่งยังเห็นทางสว่างแว่น เข้าในแดนด่านได้ดังใจหมาย ยิงปืนกลบนตลิ่งฝูงหญิงชาย ต่างเมามายมืดมัวทุกตัวคน ต่างร้องว่าข้าศึกเสียงครึกครื้น ต่างแตกตื่นต่างเขม้นไม่เห็นหน ทั้งเวียงวังบังตัวมืดมัวมน ด้วยปืนกลยิงซ้ำกระหน่ำไป พอกองทัพขับพลขึ้นบนฝั่ง เข้าในวังโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว พวกข้าเฝ้าเจ้าพระยาเสนาใน ไม่มีใครรบสู้ทั้งบูรี ด้วยมืดคลุ้มกลุ้มกลบพอพลบค่ำ บ้างเดินคลำซมซานคุกคลานหนี บ้างโดนกันหันล้มไม่สมประดี ฝรั่งตีเตะส่งวิ่งวงวก บ้างเวียนวนชนกำแพงตะแคงคว่ำ บ้างหัวตำตอไม้ไหว้ปลก บ้างโดนเสาเตาหม้อหน้านอฟก บ้างพลัดตกลงในท่อตกบ่อน้ำ พวกหนุ่มสาวชาวบ้านซมซานวิ่ง โดนผู้หญิงล้มหงายชายล้มคว่ำ บ้างโดยรั้วตัวโงงโก้งโค้งคลำ บ้างขึ้นบกตกน้ำคลานคลำโคลน สาวสนมกรมในตกใจร้อง เที่ยวย่างย่องเหยียบอ่างกระถางกระโถน ที่ข้าไทไม่อยู่กู่ตะโกน สะดุดโดนเฝืองฝาหน้าตาฟก บ้างฟั่นเฟือนเหมือนหนึ่งว่านัยน์ตาบอด จะไปไหนไม่รอดนั่งกอดอก บ้างลุกล้มซมซานสะท้านสะทก เหยียบกระจกหวีแตกแหลกกระจาย เสียงข้าศึกครึกครื้นยิ่งตื่นวิ่ง เสียงผู้หญิงกราดกรีดหวีดหวีดหวาย บ้างตกเรือนเปื้อนเปียกตะเกียกตะกาย บ้างกลัวตายต้องคุดคู้อยู่ในมุ้ง ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์องค์สั่นอยู่งันงก พลาดพลัดตกจากเตียงเสียงดังผลุง สาวสุรางค์นางพระยาอุส่าห์พยุง พอจวนรุ่งรางรางค่อยสร่างควัน ฝรั่งแกล้งแปลงแปลกเป็นแขกขู่ ใครขืนอยู่กูจะะฆ่าให้อาสัญ พระปิ่นเกล้าชาวชวามดาวัน องค์อสัญแดหวาให้หาตัว แม้ไปเฝ้าเจ้านายจะหายผิด ใครขืนคิดข้องขัดจะตัดหัว ท้าวทศวงศ์ทรงฟังกำลังกลัว ขอโทษตัวอย่าเพ่อทำให้จำตาย จะไปด้วยช่วยขอโทษให้โปรดเลี้ยง กลับมาเวียงวังได้ดังใจหมาย จะบนทองสองกระสอบลอบให้นาย ฝรั่งกลายแกล้งว่าอย่าปรารมภ์ แล้วเชิญองค์ทรงศักดิ์กับอัคราช ประยูรญาติวงศ์ท้าวสาวสนม ลงกำปั่นลั่นฆ้องกลองระดม ชาวเมืองรมจักรตื่นเสียงครื้นครึก เห็นกองทัพกลับแกล้งเปลี่ยนแปลงแปลก หมายว่าแขกชาวชวาเป็นข้าศึก ทั้งชายหญิงวิ่งอึงอึกทึก ทหารฮึกโห่ร้องก้องโกลา ล่องออกจากปากน้ำพบกำปั่น คอยหนุนทัพรับกันต่างหรรษา กราบทูลพระวลายุดานุชา ดังได้ท้าวเจ้าพาราฝูงนารี ฯ ๏ พระชื่นชมโสมนัสแล้วตรัสสั่ง อย่ากักขังขุ่นข้องให้หมองศรี รีบใช้ใบไปข้างหน้าอย่าช้าที พวกเรานี้จะรอรั้งหนุนหลังไป แล้วฆาตฆ้องกลองสัญญาโยธาหาญ โห่สะท้านสะเทื้อนลั่นเสียงหวั่นไหว ออกกำปั่นหันกลับเลิกทัพชัย ต่างใช้ใบแล่นหลามไปตามกัน ฯ ๏ ฝ่ายบุตรพราหมณ์สามนายเป็นชายฉลาด ล้วนทรงศาสตร์ไสยเวทวิเศษขยัน ที่ลูกยาสานนอุบลนั้น ชื่อยุขันความคิดเหมือนบิดร คนหนึ่งนามพราหมณ์มะหุดบุตรวิเชียร พ่อให้เรียนรบสู้ธนูศร บุตรเจ้าโมราพราหมณ์นามมังกร เหมือนบิดรชำนาญในการกล เมื่อศรีสุวรรณนั้นจะไปมิได้สั่ง พี่เลี้ยงทั้งสามประเทศเกรงเหตุผล ต่างเกณฑ์ไพร่ให้เจ้าพราหมณ์บุตรสามคน คุมพวกพลคนละพันป้องกันเมือง ฯ ๏ ทั้งศรีสุดานารีมีโอรส กับทรงยศศรีสุวรรณผิวพรรณเหลือง ชื่อองค์พระกฤษณาเดชาเรือง อยู่นอกเมืองมีวังลำพังเธอ อันบุตรพราหมณ์สามนายชายฉลาด กับหน่อนาถรักใคร่เวียนไปเสมอ ฝึกละครฟ้อนรำเครื่องบำเรอ เหตุด้วยเธอหนุ่มนักรักสำราญ เมื่อโยธาฝรั่งเข้าวังนั้น เห็นหมอกควันมืดสิ้นทุกถิ่นฐาน ไม่สังเกตเหตุผลแก้กลการณ์ ทั้งทหารไม่เห็นทางตาฟางเฟือน ต่อรุ่งเช้าเข้าไปดูจึงรู้ชัด เสียกษัตริย์ตกใจใครจะเหมือน ทั้งเสนาสามนต์พลเรือน ต่างตกประหม่าหน้าเฝื่อนฟั่นเฟือนใจ ฯ ๏ พระกฤษณาว่าทัพพึ่งกลับดอก ยังไม่ออกลึกซึ้งไปถึงไหน เร็วเถิดเราเจ้าพราหมณ์รีบตามไป เห็นพร้อมใจจัดแจงแต่งนาวา พลประจำลำละพันกำปั่นรบ อาวุธครบปืนรายรอบซ้ายขวา เป็นสี่ลำนำลงแล่นตรงมา ฝ่ายเสนาใหญ่น้อยต่างพลอยตาม ลงเรือรบครบสรรพอาวุธ อุตลุดคับคั่งตามหลังหลาม ฝ่ายวิเชียรโมราสานนพราหมณ์ ต่างรู้ความทั่วว่าเสียธานี แขกชวาพาองค์พระทรงเดช จากนิเวศน์ไปทั้งพระมเหสี ต่างตกใจในอารมณ์ไม่สมประดี เกณฑ์พลขี่ม้าขับมาฉับพลัน ถึงเวียงวังทั้งสามถามอำมาตย์ ว่าหน่อนาถกับลูกชายตามผายผัน ต่างตกใจไม่อยู่ช้ารีบพากัน ลงกำปั่นคนละลำล่องน้ำไป พอออกจากปากอ่าวเห็นชาวด่าน เกณฑ์ทหารให้รีบนำสายน้ำไหล เป็นนาวาห้าสิบสามตามหน่อไท รีบใช้ใบตามคลื่นทั้งคืนวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระกฤษณารีบมาก่อน เจ้ามังกรมะหุดตามพราหมณ์ยุขัน กับเสนามาข้างหลังสิ้นทั้งนั้น สิบห้าวันทันฝรั่งพวกลังกา ไม่เห็นเป็นเช่นแขกแปลกประหลาด ล้วนเชื้อชาติชาวฝรั่งคิดกังขา ครั้งเข้าใกล้ให้ล่ามถามกิจจา มึงพาพระอัยกามาว่าไร เร่งคืนองค์ส่งสองกษัตริย์กลับ จะล่าทัพถอยหนีพ้นที่ไหน แม้มิส่งองค์พระภูวไนย จะจุดไฟเผาเรือไม่เหลือตาย ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระวลายุดาสั่ง ให้ถามมั่งดังประสงค์จำนงหมาย เรียกอัยกาว่าขานเหมือนหลานชาย กลับคิดร้ายเราที่ผู้มีคุณ แขกชวาพาหนีเราตีได้ ด้วยนับในญาติเชื้อช่วยเกื้อหนุน จะพาไปไว้พาราด้วยการุญ ยังมาวุ่นวายว่าจะราวี อันเราหรือชื่อวลายุดานาถ โอรสราชรมจักรทรงศักดิ์ศรี ตัวมาตามนามใดไพร่ผู้ดี เมื่อแขกตีเมืองทำไมจึงไม่ชิง เดี๋ยวนี้มาว่าขานจะพาลผิด พูดอวดฤทธิ์รบพุ่งทำสุงสิง ทำเกะกะเราจะให้ปืนใหญ่ยิง ต้องตายกลิ้งกลางคลื่นไม่คืนคง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระกฤษณาฟังฝรั่ง รู้ความหลังตอบความตามประสงค์ ตัวเราหรือคือโอรสยศยง ชื่อว่าองค์กฤษณาอยู่ธานี อันน้องข้าเจ้าวลายุดานั้น เกิดกับครรภ์มารดารำภาสะหรี แม้จริงจังดังว่าเหมือนพาที เราเป็นพี่มิใช่ใครหาไหนมา จะพาเจ้าเข้าไปชมรมจักร หยุดผ่อนพักพลขันธ์ให้หรรษา ได้เฝ้าองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา จะพาพระอัยกาไปว่าไร ฯ ๏ ฝ่ายวลายุดารู้ว่าพี่ ออกยืนที่แท่นทองสนองไข อันตัวเราเล่าก็คิดตั้งจิตใจ จะใคร่ไปอภิวาทบาทยุคล เดี๋ยวนี้รู้อยู่ว่าองค์พระทรงภพ ไปปลงศพสองกษัตริย์ยังขัดสน จะรอท่าช้านานป่วยการพล เป็นกังวลเวียงวังข้างลังกา อันสองท้าวสาวสรรค์กำนัลนาฏ ก็นับญาติอยากให้รักให้หนักหนา พาไปไว้ให้สนิทจนบิดา เสด็จมานคเรศนิเวศน์วัง จึงจะพามาเฝ้าเอาความชอบ ตามระบอบเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง จริงนะพี่มิได้ว่าอิจฉาชัง ช่วยทูลทั้งบิตุราชมาตุรงค์ ว่าน้องยามาเฝ้าจะเคารพ ไม่ประสบสมจิตคิดประสงค์ อีกปีหนึ่งจึงจะต้องเชิญสององค์ กลับมาส่งนคเรศนิเวศน์วัง พี่กลับไปไอศวรรย์ฟังฉันว่า แขกชวามันจะยกเข้าวกหลัง เหมือนคราวนี้พี่ประมาทจึงพลาดพลั้ง อย่ารอรั้งรีบกลับกองทัพไป ฯ ๏ พระฟังคำอ้ำอึ้งคะนึงนึก จึงตรัสปรึกษาพราหมณ์ตามสงสัย เขาห้ามเราเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร พวกพราหมณ์ไม่เชื่อพระอนุชา แม้นน้องรักต้องเคารพนอบนบพี่ นี่ท่วงทีถือชาตินอกศาสนา แม้มิส่งองค์พระอัยกา มันเป็นข้าศึกแน่มาแก้มือ ถึงรบพุ่งกรุงไกรอ้ายฝรั่ง แกล้งทำดังแขกเหรื่ออย่าเชื่อถือ ข้าจะอ่านอาคมให้ลมฮือ พัดกระพือทวนทัพถอยกลับมา เราเข้าเรือเหนือลมระดมไล่ เผาเรือให้อ้ายฝรั่งสิ้นสังขาร์ พระเห็นตามพราหมณ์ยุขันจำนรรจา จึงร้องว่าเจ้าวลานุชาชาญ อันสององค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ ไม่ควรพลัดพระนิเวศน์เขตสถาน แม้นับถือซื่อตรงเป็นวงศ์วาน อย่าทำการเกินพระราชอาชญา จงรอรั้งยั้งหยุดพระนุชน้อง คืนส่งสองทรงเดชให้เชษฐา แม้ขืนขัดตัดขาดญาติกา ก็เป็นข้าศึกจะได้ผิดใจกัน ฯ ๏ ฝรั่งได้ฟังคำแกล้งทำตอบ จะชิงชอบเชิญเสด็จไปเขตขัณฑ์ ได้บอกความตามจริงทุกสิ่งอัน ไม่ผ่อนผันพูดให้เจ็บใจจริง จะคิดข้อก่อกวนชวนวิวาท เราก็ชาติชายใช่วิสัยหญิง มิฟังห้ามลามล่วงจะช่วงชิง ก็เห็นจริงทีจะขาดญาติวงศ์วาน ฯ ๏ พระแค้นคั่งสั่งพหลพลรบ ให้เตรียมคบครบทั่วตัวทหาร เตือนยุขันนั้นให้คิดในกิจการ เจ้าพราหมณ์อ่านอาคมเรียกลมพลัน เปิดมหาวาโยเตโชธาตุ นภากาศวิปริตเห็นผิดผัน โพยมพยับเป็นพายุขึ้นปัจจุบัน ทวนกำปั่นพวกฝรั่งถอยหลังมา ฯ ๏ เรือบุตรพราหมณ์สามนายหน่อกษัตริย์ ต่างหลีกลัดแล่นรายไปซ้ายขวา ขึ้นเหนือลมสมคะเนสั่งเสนา มัดฟางหญ้าชุบชันน้ำมันยาง โยนเชื้อไฟใส่ลำเรือกำปั่น ไหม้เป็นควันพลุ่งโพลงผึงโผงผาง ติดใบเพลาเสากระโดงระโยงระยาง บ้างจมบ้างคลื่นซ้ำล่มคว่ำไป ที่ยังเหลือเรือฝรั่งสิ้นทั้งนั้น ระดมปืนครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว พระกฤษณากล้ารบแกว่งคบไฟ เข้าจุดไหม้ใบวลายุดาโพลง ฯ ๏ ฝรั่งกลุ้มรุมดับบ้างรับรบ เรือกระทบกระแทกข้างเสียงผางโผง ต่างแทงฟันลั่นปืนลูกคลื่นโคลง เสากระโดงกระดานแตกแยะแยกลำ ไม่หลีกหลบรบรับเข้าคับคั่ง เสียงตึงตังแตกจมบ้างล้มคว่ำ ต่างเสียเรือเหลือตายต่างว่ายน้ำ บ้างยุดปล้ำซ้ำกันแทนฟันตาย เรือยุขันนั้นล่มจมสมุทร ลำมะหุดรับได้ไพร่ทั้งหลาย เรือพี่น้องสองกษัตริย์แตกพลัดพราย ทั้งไพร่นายว่ายวนปะปนกัน พอข้าเฝ้าชาวพาราตามมาปะ ช่วยรับพระกฤษณาไม่อาสัญ ข้างฝ่ายพระวลายุดานั้น เรือกองทัพรับทันไม่บรรลัย พอพลบค่ำกำลังลมยังพัด แตกกระจัดกระจายกันเสียงหวั่นไหว สักสองยามพราหมณ์ยุขันกลับพรั่นใจ บันดาลให้ลมหายคลื่นคลายลง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาเวลาค่ำ ไม่เห็นลำแล่นระเหิดเตลิดหลง เลี้ยวละเมาะเกาะเกียนวกเวียนวง แต่ลำทรงตรงก้าวออกอ่าวลึก ฯ ๏ ฝ่ายบุตรพราหมณ์สามนายรายเรือหา พบลำพระกฤษณาเวลาดึก ต่างปรึกษาว่าไม่สมอารมณ์นึก ด้วยข้าศึกหลายร้อยเราน้อยนัก ยังเหลือแต่เจ็ดลำทั้งอำมาตย์ หัวหมื่นมหาดเล็กเจ้ากรมรมจักร จึงหยุดจอดทอดสมอแต่พอพัก คิดจะหักหาญศึกปรึกษากัน ฯ ๏ ฝ่ายพวกสามพราหมณ์พี่เลี้ยงรายเรียงแล่น ออกสุดแดนนคเรศสิ้นเขตขัณฑ์ พอรุ่งเช้าเข้าสิบห้าทิวาวัน ก็พบกันกับทั้งสามพราหมณ์ลูกยา โยนสมอรอเรียงเรือเคียงใกล้ ลูกชายไหว้พร้อมทั้งพระกฤษณา ฝ่ายสามพราหมณ์ถามถึงพระอัยกา แขกชวาพาไปหนตำบลใด ฯ ๏ หน่อนราว่าฝรั่งสิ้นทั้งนั้น อย่าสำคัญแขกชวาหามิได้ แล้วเล่าความตามจริงเหมือนชิงชัย เข้าลุยไล่ไฟจุดไม่หยุดยั้ง เผากำปั่นมันทลายล้มตายยับ จับแม่ทัพแทบจะได้ดังใจหวัง พอเรือล่มจมน้ำเหลือกำลัง เล่าให้ฟังดังได้มาพูดจากัน ฯ ๏ พราหมณ์ว่าทั้งข้าเจ้ายังเยาว์นัก จะหาญหักรบรอนต้องผ่อนผัน นี่ทำด้วยมุทะลุเดือดดุดัน ไม่เป็นอันจะได้องค์พระทรงยศ ทั้งสองท้าวสาวสุรางค์นางสนม จะพลอยจมน้ำด้วยมอดม้วยหมด อย่าหักหาญดาลเดือดจงเงือดงด จะเสียยศถอยศักดิ์ซ้ำหนักไป ผิดเสียแล้วแคล้วคลาดประมาทจิต ต้องค่อยคิดผันแปรตามแก้ไข เกณฑ์สมทบรบพุ่งถึงกรุงไกร คงจะได้อัยกากลับมาเมือง จะตามจับขับเคี่ยวประเดี๋ยวนี้ มิถึงที่วายวางก็คางเหลือง เสนาในไพร่นายจะตายเปลือง กลับไปเมืองจะได้คิดกิจการ ครั้นเสร็จสอนถอนสมอไม่รอรั้ง รีบเข้ายังนคเรศเขตสถาน เขียนบอกกล่าวข่าวนครที่รอนราญ ไปทูลสารสองกษัตริย์กรุงรัตนา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายแล่นพรายพลัด เที่ยวเลี้ยวลัดเกาะแก่งแสวงหา แต่ลำทรงองค์ท้าวเจ้าพารา มันรีบพาไปทางกลางทะเล เมื่อลมหวนป่วนปัดตุหนัดตุเหน่ง เรือโคลงเคลงคลื่นปั่นให้หันเห นางค่อมเค้าสาวสนมล้มซวนเซ คลื่นยิ่งเททุ่มโถมครื้นโครมเครง ฯ ๏ สงสารท้าวหาวเรอพูดเพ้อพร่ำ คนก็ทำน้ำลมพลอยข่มเหง นางพระยาว่ามันโคลงกะโตงกะเตง นั่งโงงเงงโงกหงุบฟุบกระแต เจ้าขรัวนายหงายล้มเลยลมจับ ชักผงับผง้อนอ่อนป้อแป้ บ้างร้องกรีดหวีดว้ายลูกตายแท้ เสียงเซ็งแซ่แก่สาวพวกชาววัง บ้างไหว้พระเดชะบุญคุณแม่พ่อ ว่ากอขอกอกาหน้าเป็นหลัง บ้างสวดมนต์บ่นภาวนาดัง อนิจจังอนัตตมไม่สมประดี ฯ ๏ ฝ่ายต้นหนคนท้ายนายทหาร บ้างทุบสารส้มเผาเซ่นเหล้าผี เชือดคอแพะแกะขว้างกลางนที พอลมดีรีบรุดไม่หยุดยั้ง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระวลายุดานั้น ทอดกำปั่นรอรับพวกทัพหลัง สัญญาปืนครื้นครั่นสนั่นดัง มาพร้อมพรั่งพลเรือที่เหลือไฟ ที่เพลิงไหม้ไพร่นายตายในน้ำ ห้าสิบลำมิได้เห็นว่าเป็นไฉน พอเย็นรอนถอนสมอขึ้นช่อใบ รีบแล่นไปในทะเลทุกเวลา ตามลมคลื่นครื้นครึกออกลึกลิบ พอถ้วนสิบห้าวันทันทัพหน้า สมทบทัพคับคั่งเข้าลังกา ขึ้นเฝ้าพระมังคลาเจ้าธานี กราบทูลความตามเรื่องรบเมืองได้ องค์ท้าวไทมาทั้งพระมเหสี พระกฤษณาข้าเฝ้าชาวบุรี มาตามตีแตกยับถอยกลับไป ฯ ๏ พระตรัสชมว่าสมเป็นอุปราช เฉลียวฉลาดเหลือดีจะมีไหน จึงปลดเปลื้องเครื่องกษัตริย์อันตรัสไตร ประทานให้องค์พระวลานุชา เงินทองทั้งกังเกงกับเสื้อหมวก แจกให้พวกไพร่นายทั้งซ้ายขวา อันสองท้าวสาวสรรค์ฝูงกัลยา ตรัสสั่งให้ไปรักษาไว้ป่าตาล แล้วคิดความสามเมืองจะเคืองขัด จึงจัดหัสเกนฝ่ายนายทหาร เป็นกองคอยร้อยลำล้วนชำนาญ ตระเวนด่านในมหาชลาลัย ฯ ๏ จะกลับกล่าวเสาวคนธ์วิมลสมร สุดสาครขัตติยาอัชฌาสัย คอยรอรั้งฟังข่าวสองท้าวไท พอเรือใช้กลับมาทูลอาการ ว่าฝรั่งลังกาชื่อวายุพัฒน์ กับชื่อหัสกันหนุ่มคุมทหาร ข้ามมหาสาครมารอนราญ จุดเผาบ้านเมืองไหม้ฆ่าไพร่พล พังภูเขาเอาเพชรแก้วเก็จได้ จับพวกไพร่ชายหญิงไปสิงหล พระภูวนาถราษฎรได้ร้อนรน ทุกตำบลบุรีไม่มีสบาย นางเสาวคนธ์อ้นอั้นให้ตันจิต ยิ่งซ้ำผิดเพิ่มทวีเพราะหนีหาย แค้นฝรั่งดังอุระจะทลาย พระพี่ชายช่วยว่าอย่าช้าที เกณฑ์โยธาวาหุโลมเข้าสมทบ ยกไปรบลังกาเถิดมารศรี ได้แก้แค้นแทนที่มาเผาธานี นางเห็นดีได้คิดแข็งจิตใจ จึงจัดแจงแต่งคำทำหนังสือ ให้ทูตถือขึ้นไปแจ้งแถลงไข ฝ่ายอุปราชมาตยาเสนาใน นำเข้าไปทูลตามเนื้อความมี ฯ ๏ เจ้าวาโหมโสมนัสจบหัตถ์รับ เป็นคำนับนับถือพระฤๅษี แล้วให้อ่านสารว่าพระอัคนี พบพระพี่มาแถลงให้แจ้งการ ว่าลังกาฝรั่งทำบังอาจ มารบราชนิเวศน์ประเทศสถาน พระบิตุราชมาตุรงค์ทั้งวงศ์วาน ร้อนรำคาญเคืองแค้นทั้งแดนไตร จะสึกออกบอกโยมวาโหมด้วย ยกไปช่วยปราบปรามตามวิสัย ทั้งสองเมืองเบื้องหน้าได้มาไป เป็นมิตรไมตรีกันไม่ฉันทา ฯ ๏ ฝ่ายวาโหมโสมนัสตรัสประภาษ สั่งอำมาตย์มูลนายทั้งซ้ายขวา พระอัคนีนี้เราคิดเหมือนบิดา จะอาสาซื่อตรงต่อทรงธรรม์ จงเร่งรัดจัดพหลพลทหาร ที่รอนราญเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน สักห้าหมื่นยืนยงคงกระพัน ทัพหน้านั้นน้องเราเจ้าโอรส กับเรือใช้ใหญ่น้อยสักร้อยเศษ ไปปราบประเทศลังกาให้ปรากฏ เสนาฟังพรั่งพร้อมน้อมประณต มารีบจดหมายเวรกะเกณฑ์พล เป็นโยธาห้าหมื่นถือปืนดาบ ศรกำซาบสู้ศึกได้ฝึกฝน ใส่หมวกศีรษะกระตั้วทุกตัวคน สาวนเสื้อขนสกุณีขี่ลีลา เจ้าวาโหมโซมสนานสำราญรื่น สุคนธรสสดชื่นรื่นนาสา ทรงเสื้อเหลืองเครื่องสำหรับประดับประดา พระมาลางามล้ำทำด้วยทอง แล้วถือหอกออกมาตรวจตราทัพ ครั้นเสร็จสรรพทรงระมาดผาดผยอง ยกพลออกนอกเมืองเดินเนืองนอง เสียงฆ้องกลองก้องลั่นสนั่นไป ตัดทางตรงลงด่านชานสมุทร ประทับหยุดอยู่พลับพลาที่อาศัย นางเสาวคนธ์อ้นอั้นตันฤทัย ต้องแข็งใจจัดแจงแต่งกายา เหมือนอย่างพราหมณ์งามพริ้มพระยิ้มเยื้อน นางอิดเอื้อนอายองค์พระเชษฐา แข็งพระทัยให้พระพี่นำลีลา ออกบัลลังก์นั่งหน้าพลับพลาชัย สั่งให้หาวาโหมมาก้มกราบ เห็นสุภาพพจนาโปรดปราศรัย เราลาพรตปลดเปลื้องซึ่งเครื่องไตร ด้วยจะไปรบฝรั่งเมืองลังกา พระองค์นี้พี่เราจงเคารพ เลิศลบลือฤทธิ์ทุกทิศา เป็นแม่ทัพรับสั่งฟังบัญชา พึ่งพระเดชเชษฐาข้างหน้าไป ฯ ๏ เจ้าวาโหมโสมนัสไม่ขัดข้อง ประสานสองหัตถ์ประนมบังคมไหว้ หน่อกษัตริย์ตรัสช่วยอำนวยชัย แล้วปราศรัยสนทนาประสาชาย แกล้งชวนชอบปลอบประโลมวาโหมน้อย ให้เรียบร้อยรักใคร่เหมือนใจหมาย แล้วว่าเช้าเราจะยกพลนิกาย ให้ไพร่นายลงประจำลำนาวา ฯ ๏ วาโหมฟังบังคมประนมหัตถ์ มารีบจัดพลนิกายทั้งซ้ายขวา ลงเรือรบครบอาวุธยุทธนา ลำละห้าร้อยถ้วนกระบวนทัพ เจ้าโอรสคุมทหารด่านปากน้ำ สิบห้าลำลำละร้อยลอยสลับ ล้วนเรือตระเวนเจนจบเคยรบรับ เป็นกองทัพนำหน้าเจ้าวาหุโลม ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครเสาวคนธ์วิมลโฉม ครั้นอุทัยไขสว่างนภางค์โพยม ทรงชโลมสายสหัสนที แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองระยับ เพชรประดับดวงจำรัสรัศมี ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาฝั่งวารี พอฤกษ์ดีตีฆ้องก้องโกลา พระลงลำกำปั่นโห่ลั่นเลื่อน ให้คลาเคลื่อนพลนิกายทั้งซ้ายขวา ต่างวางเล็มเข็มตั้งตรงลังกา แล้วรีบใช้ใบมาในสาคร ฯ ๏ จะกล่าวพระหัสไชยฤทัยระทด โศกกำสรดสุดเสียดายสายสมร มาอยู่วังดังอยู่ในกองไฟฟอน จะนั่งนอนร้อนรนกระวนกระวาย คิดถึงน้องสององค์ที่จงรัก จนจวนจักได้สมอารมณ์หมาย มาจำใจไกลแดนแสนเสียดาย มิได้วายหวั่นสะอื้นทุกคืนวัน พอกองนอกบอกเรื่องเมืองผลึก ว่าข้าศึกตีได้ไอศวรรย์ อันองค์พระมเหสีบุตรีนั้น ฝรั่งมันจับไปขังไว้ลังกา ฯ ๏ พระทราบข่าวผ่าวร้อนอาวรณ์สวาท เหมือนแขนขาดจากกายทั้งซ้ายขวา อั้นอารมณ์ลมจับวับวิญญาณ์ พวกเสนานวดฟั้นค่อยบรรเทา จึงทูลองค์ทรงฤทธิ์บิตุราช ลูกเป็นชาติเชื้อชายคิดอายเขา จะนิ่งให้อ้ายศัตรูมาดูเบา เหมือนหนึ่งเรารับแพ้ไม่แก้แค้น ลูกขอลาพาทหารไปราญรบ ฟันให้ศพซ้อนซับลงนับแสน จึงจะได้ไว้ยศได้ทดแทน ถ้ามาตรแม้นเพลี่ยงพลั้งพวกลังกา จงห้ำหั่นบั่นศีรษะข้าพระบาท ให้สิ้นชาติชีวังสิ้นสังขาร์ ขอพระองค์ทรงพระกรุณา ให้ลูกยายกไปปราบไพรี ฯ ๏ พระจอมวังฟังบุตรสุดสวาท เห็นองอาจออกศึกไม่นึกหนี จึงว่าพ่อก็ไม่ห้ามแล้วตามที จะไปตีแต่ว่าเจ้าอย่าเบาความ จงคอยรับทัพผลึกรมจักร ให้ถึงพรักพร้อมพรั่งกันทั้งสาม อย่าประมาทอาจองในสงคราม แม้คิดความขัดขวางเป็นอย่างไร จงหยุดทัพยับยั้งบอกหนังสือ ให้ทูตถือมาแจ้งแถลงไข ไว้ธุระบิดรไม่นอนใจ จะยกไปไล่ล้างให้วางวาย แล้วตรัสช่วยอวยพรถาวรสวัสดิ์ ให้ปราบศัตรูได้ดังใจหมาย สวัสดีมีชัยทั้งไพร่นาย อันตรายราคีอย่าบีฑา ฯ ๏ โอรสฟังบังคมบรมนาถ พร้อมอำมาตย์มูลนายทั้งซ้ายขวา ต่างรีบรัดจัดพหลพลโยธา เป็นเรือห้าร้อยถ้วนกระบวนทัพ คนประจำลำละร้อยลอยสล้าง มีขุนนางนายหมวดตรวจกำกับ ปีกซ้ายขวาหน้าหลังแลคั่งคับ เรือสำหรับรองทรงใส่ธงทอง ที่นั่งครุฑบุษบกกระหนกกระหนาบ เป็นนกคาบเครือวัลย์ผันผยอง ทั้งใบดาดตาดเหลืองดูเรืองรอง เป็นแถวถ่องเทียบท่าในสาชล ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ สรงสหัสธาราดั่งห่าฝน น้ำหอมฟุ้งปรุงประพระสุคนธ์ ทรงเครื่องต้นแต่ล้วนแก้วพรายแพรวพรรณ ครั้นสรรพเสร็จเสด็จเดินนางเชิญเครื่อง ตามแน่นเนื่องเยื้องย่างดังนางสวรรค์ ลงเรือครุฑหยุดนั่งบัลลังก์สุวรรณ ได้ฤกษ์ลั่นฆ้องโห่เป็นโกลา ประโคมฆ้องกลองแตรเซ็งแซ่เสียง ออกเรือเรียงลำรายทั้งซ้ายขวา ได้ลมส่งธงปลิวละลิ่วมา ชาวพาราชื่นช่วยอำนวยพร พอออกจากปากน้ำรายกำปั่น เป็นดั้งกันเกณฑ์แห่แลสลอน ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังเหมือนมังกร เป็นเจ็ดตอนแล่นตามกันหลามไป ฯ ๏ สงสารหน่อวรนาถราชโอรส โศกกำสรดเศร้าหมองไม่ผ่องใส เสียดายน้องสองสุดาเหลืออาลัย สายสุดใจจากวังไปลังกา ต้องกักขังครั้งนี้เจ้าพี่เอ๋ย จะแลเลยลับเนตรของเชษฐา จะทุกข์ร้อนนอนสะอื้นกลืนน้ำตา ทุกเวลาแลเหลียวจะเปลี่ยวใจ ทั้งสงสารมารดรจะร้อนจิต จะสุดคิดแค้นน่าเลือดตาไหล จะซูบผอมตรอมตรมระทมฤทัย การลำบากยากไร้พระไม่เคย โอ้ป่านนี้พี่น้องจะตรองตรึก จะรำลึกถึงพี่แล้วแก้วพี่เอ๋ย เป็นเคราะห์กรรมทำไว้ฉันใดเลย จะชวดเชยเช้าค่ำระกำตรอม สงสารนุชบุตรีเคยมีสุข ถึงยามทุกข์พระรูปจะซูบผอม ต้องลมแดดแผดส่องจะหมองมอม จะหายหอมเหือดสิ้นกลิ่นสุคนธ์ พี่อุส่าห์มาตามข้ามสมุทร ยังไม่สุดสายทะเลระเหระหน พอถึงฝั่งลังกาจะพาพล ขึ้นรบจนจะได้น้องสองสุดา แม้มิได้ไม่กลับกองทัพแล้ว ไม่ละแก้วนัยน์เนตรของเชษฐา ถึงยงยุทธ์สุดคิดสิ้นฤทธา เกาะลังกานั้นเหมือนกับเรือนตาย แต่ครวญคร่ำรำลึกสะอึกสะอื้น จะข่มขืนหักรักหักไม่หาย ดูเวหาว่าเดชะขอพระพาย ช่วยส่งท้ายไปให้ถึงเหมือนหนึ่งนึก ด้วยรุ่นหนุ่มคลุ้มคลั่งกำลังเคราะห์ เหมือนจะเหาะข้ามน้ำไปทำศึก ไม่เข้าคุ้งมุ่งหมายออกสายลึก เสียงสะทึกสะท้านคลื่นทุกคืนวัน ฯ ๏ เข้าแว่นแคว้นแดนลังกาเห็นฝรั่ง ตระเวนระวังจังหวัดสกัดกั้น ไม่รอรั้งสั่งให้รุกรบบุกบัน ยิงกำปั่นปืนปึงตูมตึงตัง เรือลังกาห้าสิบพวกถีบด่าน ยิงตอบต้านแต่ว่าน้อยต้องถอยหลัง กองทัพไล่ไม่ละยิงประดัง ถูกฝรั่งเรือทลายล้มตายยับ ฝ่ายพวกพ้องกองลังกาเรือห้าร้อย ที่ตั้งคอยรายทางสล้างสลับ รุมระดมสมทบออกรบรับ ยิงกองทัพรับปืนเสียงครื้นครึก พวกหน่อไทไล่ปะทะตีกระทบ เร่งให้รบรัวกลองเสียงก้องกึก ไม่ย่อท้อต่อต้านต่างหาญฮึก อึกทึกถึงกันฟาดฟันแทง พวกกองทัพรับรบรู้หลบเลี่ยง พอเรือเคียงขึ้นกำปั่นล้วนขันแข็ง ฝรั่งรันฟันฟาดพลิกพลาดแพลง พวกทัพแทงถูกตายลงก่ายกัน กองลังกาฝรั่งหนุนหลังรบ เรือกระทบทิ่มแทงด้วยแข็งขัน พวกการะเวกเอกกะระโถมฉะฟัน ปีนกำปั่นรบรุกไล่คลุกคลี ฝรั่งตายนายไพร่ที่ไม่ม้วย บ้างเจ็บป่วยบอบช้ำโจนน้ำหนี พวกกองทัพจับได้เรือไพรี สองร้อยยี่สิบลำพอค่ำพลบ ฯ ๏ พระหน่อนาถฆาตกลองหยุดกองทัพ ต่างตีรับเรียกกันเข้าบรรจบ ทอดสมอรอรั้งตั้งสมทบ ตามขนบนาคราชไม่คลาดคลา ที่ได้เรือเสื้อหมวกพวกฝรั่ง เสบียงทั้งเครื่องรบครบปืนผา พอลมเข้าเผาปล่อยให้ลอยมา พายุพาลมประดังเข้าฝั่งชล ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งยังเหลือพวกเรือรบ ต่างหลีกหลบล่าทัพถอยสับสน กองกำปั่นชั้นในหนีไฟพ้น ทั้งพวกพลบนบกตื่นตกใจ ประจุปืนยืนรายทุกค่ายตั้ง ออกคับคั่งคอยรบจุดคบไสว ทุกหมู่หมวดตรวจพลสกลไกร ทั้งนายไพร่พรั่งพร้อมป้อมเสมา ด้วยมืดมัวกลัวศึกจะฮึกโหม เข้ารุกโรมเรียงยืนจ้องปืนผา ฝ่ายองค์พระมังคลาวลายุดา กับทั้งวายุพัฒน์เจ้าหัสกัน ต่างรู้ว่าข้าศึกมาฮึกหาญ ตีเรือด่านแตกเหมือนเสียเขื่อนขัณฑ์ ให้หอคอยปล่อยปืนกะปิตัน ยิงกำปั่นเชื้อไฟเสียให้ยับ แต่ละลูกถูกกระจายทลายล่ม ลำเรือจมน้ำไปเปลวไฟดับ เกณฑ์กำปั่นกันฝั่งออกตั้งรับ อย่าให้ทัพรุกมาในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายหน่อท้าวเจ้าพาราการะเวก ปรึกษาเอกอำมาตย์ชื่อราชสีห์ เรารั้งรอต่อพอรุ่งขึ้นพรุ่งนี้ ยกเข้าตีเมืองจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายมหาเสนาปรีชาหาญ จึงทัดทานทูลห้ามตามวิสัย เราหักด่านวันนี้ก็มีชัย ทั้งนายไพร่พลนิกรอ่อนกำลัง ทั้งลมเข้าเราจะยกขึ้นบกนั้น ถ้าแม้มันโอบอ้อมออกล้อมหลัง ระดมปืนฟืนไฟใส่ประดัง จะเสียเรือเหลือกำลังระวังภัย จงรออยู่ดูทีไพรีก่อน จะแข็งอ่อนผ่อนปรนเล่ห์กลไฉน เห็นชนะจะได้รุกบุกเข้าไป ตีเมืองใหม่ไล่ล้างให้วางวาย ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ ท่านรอบรู้ราชการประมาณหมาย แล้วสั่งให้ไพร่พหลพลนิกาย ทั้งตัวนายนั่งนอนผ่อนผลัดกัน แต่พระองค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ ไม่ไสยาสน์ยามวิโยคเฝ้าโศกศัลย์ คิดถึงสองน้องน้อยสร้อยสุวรรณ กับทั้งจันทร์สุดาจะอาวรณ์ อ้ายฝรั่งขังไว้แม้ไม่รบ ไหนจะพบน้องหญิงมิ่งสมร แต่นิ่งนึกตรึกการจะราญรอน จนทินกรรุ่งรางสว่างวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาพวกฝรั่ง อยู่พร้อมพรั่งพวกพหลพลขันธ์ เห็นกองทัพคับคั่งเรือดั้งกัน ดูเรียงรันราวกับนาคปากหางมี พินิจดูรู้ว่าพวกการะเวก ทหารเอกองอาจดังราชสีห์ จึงปรึกษาฝรั่งว่าครั้งนี้ พวกไพรีรบสันทัดล้วนจัดเจน จะฆ่าฟันกันตายเสียดายเหลือ มันเหมือนเกลือแกลบจะรุมแลกพุมเสน จะคิดให้ไพร่นายตายระเนน แล้วสั่งเกณฑ์กลศึกเหมือนตรึกตรา ให้วายุพัฒน์ลัดล่องเรือสองร้อย รีบไปคอยปิดทางอยู่ข้างขวา เจ้าหัสกันนั้นกำกับทัพโยธา สองร้อยห้าสิบถ้วนกระบวนรบ ไปปิดทางข้างซ้ายสายสมุทร คอยยั้งหยุดอยู่ให้เรียบเงียบสงบ เรือกองกลางข้างละร้อยคอยสมทบ ออกรุกรบล่อให้ไล่ประดัง เห็นจวนใกล้ได้ทีเรือสี่ร้อย สองข้างคอยโอบอ้อมออกล้อมหลัง ยิงปืนใหญ่ไฟจุดอย่าหยุดยั้ง เผาเสียทั้งกองทัพให้ยับเยิน ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์มาตยานัดดาน้อง เห็นดีพร้องพร้อมกันสรรเสริญ พระทรงยศทศธรรมจะจำเริญ เทพเชิญมาเป็นเจ้าชาวลังกา แล้วจัดแจงแต่งทัพตามรับสั่ง ค่อยเลียบฝั่งแฝงไปทั้งซ้ายขวา ฝ่ายองค์พระวลายุดานุชา คอยรักษาฟากฝั่งพร้อมพรั่งกัน แม้ไพรีหนีตายขึ้นชายหาด ยิงปืนสาดซ้ำฆ่าให้อาสัญ ฝ่ายกองกลางฟางหญ้าผ้าน้ำมัน ตระเตรียมกันครบทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ พอฤกษ์ดีตีฆ้องเรือสองร้อย ออกเรียงลอยแล่นสล้างไปกลางหน เห็นกองทัพคับคั่งที่วังวน ให้ไพร่พลร้องถามตามอุบาย เหวยพวกโจรปล้นเรือเชื้อสลัด กูจะตัดเอาศีรษะไปถวาย มาตีด่านชานสมุทรประทุษร้าย ใครเป็นนายโจรมาพูดจากัน แม้ไม่ถือดื้อดุลุแก่โทษ จะปล่อยโปรดเสียไม่ฆ่าให้อาสัญ มิฟังว่าถ้าแม้มึงดึงดื้อดัน จะห้ำหั่นฟันศีรษะเสียบประจาน ฯ ๏ พวกนายกองร้องว่าเหวยฝรั่ง อวดอหังการ์เกเรเดรฉาน เจ้านายมึงซึ่งเป็นโจรจัณฑาลพาล เที่ยวรุกรานร้ายกาจชั่วชาตินัก พระปิ่นเกล้าเจ้าพาราการะเวก ให้องค์เอกโอรสทรงยศศักดิ์ มาผลาญเผ่าเหล่ากออ้ายทรลักษณ์ ให้สิ้นพรรคพวกฝรั่งเกาะลังกา พวกของมึงถึงที่วันนี้แล้ว ไม่คลาดแคล้วคมดาบด้วยบาปหนา เร่งนบนอบหมอบกรานคลานเข้ามา ให้กูฆ่าโคตรขโมยเสียโดยดี ฯ ๏ พวกลังกาว่าอุแหม่กูแลแปลก อ้ายพราหมณ์แขกกะละหนากะลาสี พวกการะเวกเลกเชลยกูเคยตี มาก็ดีแล้วจะได้ไว้ใช้การ อันพวกพ้องของมึงเหมือนหนึ่งบ่าว ใช้ต้มเหล้าสีเสบียงเลี้ยงทหาร ยังฮึกฮักหักโหมมาโรมราญ เหมือนฝูงฟานจะเป็นภักษ์พยัคฆา ฯ ๏ พระหัสไชยได้ฟังก็คั่งแค้น จะตอบแทนทำศึกจึงปรึกษา เห็นสมจิตคิดคะเนเถิดเสนา เรือมันมาสองร้อยน้อยกว่าเรา เข้ารุกโรมโหมหักเสียพักนี้ ระดมตีเมืองใหม่เอาไฟเผา แม้ละไว้อ้ายศัตรูจะดูเบา เห็นลมเข้าเราจะได้ด้วยง่ายดาย ฯ ๏ ฝ่ายเสนาว่ามันน้อยมาลอยล้อ จะแกล้งล่อให้เราไล่เหมือนใจหมาย จะรบรุมซุ่มพลกลอุบาย แบ่งแต่นายกองสู้ดูกำลัง ขอพระองค์จงกำกับเรือทัพใหญ่ เผื่อพวกไพรีจะยกออกวกหลัง จึงแยกรับทัพละร้อยคอยระวัง แม้ฝรั่งไม่อุบายออกรายรบ ดูกองหน้าถ้าแม้ยกขึ้นบกได้ จะจุดไฟเป็นสำคัญให้ควันกลบ ขอพระองค์จงระดมเข้าสมทบ ขึ้นรุมรบไพรีให้มีชัย ฯ ๏ พระเห็นชอบตอบว่าปัญญาลึก คาดข้าศึกสุดดีจะมีไหน ท่านคุมทัพสัประยุทธ์ขึ้นจุดไฟ ข้างหลังไว้เป็นธุระจะระวัง ฯ ๏ ฝ่ายนายรองกองละร้อยออกถอยรบ ฝรั่งหลบเลี่ยงคอยจะถอยหลัง ต่างตอบปืนครื้นครั่นสนั่นดัง เสียงตึงตังแตกทะลุปุปะไป พวกหน่อนาถอาจอุกไล่รุกรบ ฝรั่งหลบหลีกเลี่ยงไม่เคียงใกล้ ที่คลื่นโยนโดนฟัดพวกหัสไชย โดดขึ้นไล่แทงฟันรุมรันรบ พวกฝรั่งลังกาแกล้งล่าล่อ ไม่อาจรอเรือเคียงหลีกเลี่ยงหลบ พวกหน่อไทได้ทีตีกระทบ เข้ารุมรบเรือฝรั่งถอยหลังรับ พระหัสไชยได้ช่องยกกองหลวง เรือทั้งปวงสามร้อยลอยสลับ ชุลมุนหนุนหลังเข้าคั่งคับ ฝรั่งกลับแล่นหลีกชักปีกกา วายุพัฒน์หัสกันกำปั่นรบ เลี้ยวตลบล้อมรายรอบซ้ายขวา ระดมปืนครื้นครั่นเป็นสัญญา ยิ่งลมกล้ากลัดกลุ้มเข้ารุมรบ พวกโยธาการะเวกเอกอำมาตย์ ล้วนองอาจต่อตีไม่หนีหลบ ฝรั่งยิ่งยิงระดมเข้าสมทบ ทิ้งเพลิงคบไปแต่ไกลไม่ใกล้ชิด พวกกองทัพดับไฟมิได้หยุด มันซ้ำจุดเพลิงพลามลุกลามติด จะแก้ไขไม่หยุดยิ่งสุดคิด ต่างจนจิตโจนลงในคงคา พวกนายกองร้องว่าเรารีบเข้าฝั่ง ต่างคับคั่งขึ้นตลิ่งวิ่งถลา ฝ่ายพวกพลบนฝั่งชาวลังกา สกัดหน้าฆ่าฟันให้บรรลัย ฯ ๏ พระหน่อนาถอาจองขึ้นทรงสิงห์ ขึ้นตลิ่งเหลือตายทั้งนายไพร่ คอยรอราท่าพลสกลไกร ที่ขึ้นได้ไม่ตายเป็นหลายพัน ที่เรือเสียเรี่ยรายขึ้นชายหาด ยังเกลื่อนกลาดวิ่งเวียนวนเหียนหัน พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ เที่ยวหากันขวักไขว่ทั้งไพร่นาย บ้างถือล้วนทวนธนูคู่ชีวิต หอกดาบติดตัวไว้มิให้หาย วิ่งหาเพื่อนเกลื่อนกลาดบนหาดทราย บ้างพบนายพบไพร่ดีใจจริง ฯ ๏ พระหัสไชยใจหนุ่มยังชุ่มชื่น อุส่าห์ยืนอยู่ริมฝั่งบนหลังสิงห์ คอยทั้งหลายนายไพร่มิได้ทิ้ง ยิ่งดึกยิ่งมากมาปรึกษากัน จะรบแก้แต่ว่ายังกำลังอ่อน ต่างหยุดยั้งนั่งนอนคิดผ่อนผัน ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าฝรั่งริมฝั่งนั้น คอยป้องกันกองทัพจะจับเป็น ด้วยพลบค่ำกำลังควันยังกลุ้ม ดูมืดคลุ้มทั่วไปมิได้เห็น ไว้วันรุ่งพรุ่งนี้ถึงหนีเร้น คงจับได้ใช้เล่นเป็นเชลย แล้วสูบฝิ่นกินแหล้าทั้งบ่าวไพร่ ประมาทใจไม่ระวังนอนนั่งเฉย สูบกัญชามาระกู่อยู่เหมือนเคย ต่างคนเลยหลับนอนผ่อนสำราญ ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสไชยยังใจชื้น จนกลางคืนคอยคุมชุมนุมทหาร ให้นับได้ไพร่นายเหลือวายปราณ มากประมาณสามหมื่นยิ่งชื่นใจ สังเกตดูผู้คนที่บนฝั่ง พวกฝรั่งเงียบระงับนอนหลับใหล กำดัดดึกปรึกษาเสนาใน เราก็ไม่มีเสบียงจะเลี้ยงพล จะรบพุ่งรุ่งเช้าข้างเขามาก เราอดอยากสารพัดจะขัดสน วันนี้ดึกศึกหลับเราขับพล ขึ้นตีปล้นอ้ายฝรั่งรบสั่งลำ ฯ ๏ พวกเสนาว่าเห็นได้ชัยชนะ เดชะบุญคุณพระจะอุปถัมภ์ แล้วสั่งไพร่ใหญ่น้อยให้คอยจำ ผ้าเปียกน้ำโพกหัวทุกตัวคน จัดพวกพ้องกองละพันสำคัญรบ รู้หลีกหลบล้างศึกเคยฝึกฝน ค่อยแฝงฝั่งบังไฟทั้งไพร่พล ลอบขึ้นบนบกได้เหมือนใจนึก เห็นฝรั่งยังหลับอยู่นับหมื่น เก็บหอกปืนเสื้อผ้าพวกข้าศึก กินเหล้าข้าวคาวหวานยิ่งหาญฮึก ต่างคนนึกแค้นใจพวกไพรี เที่ยวห้ำหั่นฟันฟาดเสียงฉาดฉับ บ้างคอพับหัวกระเด็นตายเป็นผี บ้างทิ่มแทงแกว่งขวานผลาญชีวี ลอบฆ่าตีตายดื่นนับหมื่นพัน ที่รู้สึกคึกคักแล้วผลักเพื่อน เห็นตายเกลื่อนกลับกลัววิ่งตัวสั่น สะดุดศพทบทับประกับกัน ทหารฟันเจ็บป่วยบ้างม้วยมุด บ้างร้องว่าข้าศึกสะอึกวิ่ง หกล้มกลิ้งวิ่งปะทะอุตลุด พวกหน่อไทได้ทีตามตีรุด เอาเพลิงจุดเรือนโรงขึ้นโพลงควัน ฝรั่งตื่นครื้นครึกข้าศึกไล่ ต่างหลงใหลตลบเวียนวิ่งเหียนหัน พระมังคลากับวลายุดานั้น วายุพัฒน์หัสกันอยู่ชั้นใน เสียงครึกครื้นขึ้นเชิงเทินเนินหน้าที่ เรียกมนตรีตรวจกันเสียงหวั่นไหว หอรบป้อมพร้อมพรั่งระวังภัย เห็นเพลิงไหม้ไพรีเข้าตีพล ให้ยิงปืนครื้นครั่นกันข้าศึก เสียงก้องกึกโกลาดังห่าฝน หน่อกษัตริย์หัสไชยเร่งไล่พล ขึ้นปีนปล้นชิงค่ายชายชลา เหล่าทหารราญรบไม่หลบเลี่ยง เข้าพร้อมเพรียงไพร่นายหนุนซ้ายขวา ทั้งสองข้างต่างตายวายชีวา จนเวลารุ่งรางสว่างวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาตรวจหน้าที่ เห็นไพรีเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน ให้นัดดากับวลายุดานั้น ออกช่วยกันไล่ไพร่รบไพรี ฯ ๏ ฝ่ายโยธาการะเวกเอกอำมาตย์ เผ่นพิฆาตข้าศึกไม่นึกหนี ต่างต่อแย้งแทงฟันประจัญตี ได้ท่วงทีโถมไล่พวกไพร่พล พวกฝรั่งพรั่งพร้อมล้อมสกัด ต่างพุ่งซัดศัสตราดังห่าฝน พระหัสไชยไสสิงห์วิ่งเวียนวน เห็นนายพลเผ่นโผนโจนทะยาน แกว่งพระขรรค์ฟันวลาวายุพัฒน์ ต่างรับรองป้องปัดประหัตประหาร ทั้งหัสกันหันเหซวนเซซาน ต่างลนลานหลบปนพลไกร พวกโยธาฝรั่งออกคั่งคับ ช่วยรบรับโรมรันเสียงหวั่นไหว เข้าหุ้มห้อมล้อมพระหัสไชย ขับสิงห์ไล่ไพร่พลัดกระจัดกระจาย ฯ ๏ จะกล่าวกลับทัพสุดสาครรีบ ถึงทวีปลังกาเวลาสาย เห็นเพลิงไหม้ไฟกรุ่นดูวุ่นวาย เรือทลายล่มลอยล้วนรอยไฟ พวกโยธาการะเวกที่ว่ายน้ำ รับขึ้นลำเล่าแจ้งแถลงไข รู้กระแสแน่ว่าพระหัสไชย รีบตรงไปเข้าฝั่งเกาะลังกา พระทรงหลังมังกรขึ้นก่อนทัพ รีบควบขับโจนโจมโถมถลา แลเขม้นเห็นพระอนุชา เข้ารบราฝรั่งกลุ้มตะลุมบอน แกว่งไม้เท้าน้าวหวดเร็วรวดรบ ข้าศึกหลบล้มทับสลับสลอน ถูกไพร่นายตายสลบเสือกซบซอน ม้ามังกรกีดกัดฟาดฟัดตาย พวกโยธาการะเวกเอกอำมาตย์ เห็นหน่อนาถนึกสำเร็จเหนื่อยเหน็ดหาย กลับโห่ครื้นชื่นใจทั้งไพร่นาย ทั้งขวาซ้ายแทรกซ้อนเข้ารอนราญ ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม ชวนวาโหมขึ้นบกยกทหาร ยับโยธาวาหุโลมโถมทะยาน เข้ารุกรานรบฝรั่งเมืองลังกา กองทมิฬบินบกสูงหกศอก แกว่งดาบหอกหวดฝรั่งดับสังขาร์ ที่เหลือตายพ่ายพังถอยหลังมา ทั้งวลายุพัฒน์เจ้าหัสกัน เห็นกองหนุนวุ่นวายมาหลายพวก ใส่เสื้อหมวกเหมือนอย่างนกโผผกผัน ต่างถอยทัพกับฝรั่งสิ้นทั้งนั้น เข้าตั้งมั่นเมืองใหม่ในกำแพง ขึ้นรักษาหน้าที่ทั้งสี่ด้าน ป้อมปราการเกณฑ์กันล้วนขันแข็ง ทั้งซ้ายขวาสารวัดตรวจจัดแจง ตามตำแหน่งนายทัพกำกับพล ฯ ๏ ฝ่ายหัสไชยได้ค่ายริมชายฝั่ง ยกเข้าตั้งตามถนัดไม่ขัดสน มีข้าวน้ำสำหรับแก้อับจน ทั้งเสาวคนธ์เชษฐาสุดสาคร ยกขึ้นตั้งฝั่งน้ำประจำค่าย พร้อมไพร่นายหลายทัพสลับสลอน พระหัสไชยไหว้พี่ชลีกร ต่างอวยพรอนุชาแล้วพาที ถามถึงการบ้านเมืองตามเรื่องหลัง เมื่อฝรั่งรบพุ่งเผากรุงศรี อนึ่งพระชนกชนนี ยังกริ้วพี่นักหรือจะค่อยประทัง ฯ ๏ น้องคำนับกลับเล่าความเก่าก่อน เหมือนทุกข์ร้อนเรื่องต้นแต่หนหลัง จนทูลลาพาพลข้ามวนวัง มารบรับกับฝรั่งพวกลังกา ครั้นเสียเรือเหลือคนเข้าปล้นค่าย ฆ่าไพร่นายตายดื่นได้ปืนผา ต้องรบพุ่งรุ่งค่ำนั้นร่ำมา หากเชษฐาสององค์ช่วยยงยุทธ์ มันจึงแตกแยกย้ายได้ค่ายตั้ง พอโยธีมีกำลังได้ยั้งหยุด โน่นพวกไหนได้สมทบช่วยรบรุด ดูดังครุฑบินได้ทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายเสาวคนธ์นงเยาว์จึงเล่าเรื่อง เหมือนรบเมืองหมู่ทมิฬสิ้นทั้งหลาย ตามความหลังตั้งแต่ต้นมาจนปลาย พระน้องชายชอบทีชมพี่นาง แล้วเสาวคนธ์บ่นว่าแม้ข้าศึก พอจะตรึกตรองกำจัดไม่ขัดขวาง นี่เหล่ากอหน่อเนื้อเป็นเยื่อยาง จะรบล้างลูกหลานรำคาญใจ ถึงชั่วช้าทารกจะยกผิด ก็ควรคิดถึงคนดีตามวิสัย ทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์สั่งหัสไชย ให้รอไว้คอยท่าสองธานี เป็นธุระพระบิดาพาราผลึก จะปราบศึกทรงบำรุงสามกรุงศรี จะทำเองเกรงจะขาดราชไมตรี พ่อควรที่ผ่อนผันตามบัญชา เราบอกเรื่องเมืองผลึกรมจักร ให้ทรงศักดิ์ทราบเหตุทั้งเชษฐา คอยรั้งรอพอให้เสร็จเสด็จมา เถิดหรือพระอนุชาช้าจะดี ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยคิดใฝ่ฝัน ถึงสร้อยสุวรรณจันทร์สุดามารศรี จึงตอบว่าฝรั่งคิดครั้งนี้ ใช่แต่ตีเมืองเราจะเบาความ มันรบพุ่งกรุงผลึกรมจักร เอามากักขังข่มเหงไม่เกรงขาม เราเจ็บแค้นแทนพระองค์มาสงคราม จะได้ความผิดคิดเห็นผิดที ถึงเข่นฆ่าฝรั่งเสียทั้งหมด ได้ท้าวทศวงศ์องค์มเหสี กับมาตุรงค์นงนุชพระบุตรี คืนบุรีดีกว่าไว้ช้าการ จะละให้อ้ายลูกดูถูกพ่อ ก็เป็นข้อครหาจะว่าขาน มันกักขังรั้งราไว้ช้านาน แสนสงสารสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา จะซูบผอมตรอมตรมระทมเทวษ ไม่สมเพชบ้างหรือจ๊ะพระเชษฐา สุดสาครผ่อนผันจำนรรจา ซึ่งพ่อว่านี้ก็ควรมันกวนใจ แม่เสาวคนธ์มณฑาก็ว่าชอบ ด้วยรอบคอบคิดเผื่อว่าเนื้อไข เวลารุ่งพรุ่งนี้พี่จะไป ให้พบไอ้มังคลาพูดจากัน ให้คืนน้องสององค์วงศ์กษัตริย์ แม้นขืนขัดจึงค่อยฆ่าให้อาสัญ พระบิตุรงค์องค์อาเชษฐานั้น ถึงเขตคันคงจะมาช่วยราวี พ่อบอกเหตุเชษฐาให้ข้าเฝ้า ไปเมืองเราทูลประณตบทศรี ให้ทราบถึงพระชนกชนนี พอคลายที่กริ้วโกรธได้โปรดปราน แล้วบอกความตามเรามารบศึก ให้เมืองผลึกส่งเสบียงเลี้ยงทหาร เป็นนับถือซื่อตรงตามวงศ์วาน ช่วยทำการแก้แค้นแทนพระองค์ น้องคำนับรับสั่งแต่งหนังสือ ให้ทูตถือไปตามความประสงค์ พอพลบค่ำย่ำอัสดงลง จึงต่างองค์ต่างไปค่ายเรียงรายกัน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลาคิดปรารภ ศึกสมทบหลายทัพเห็นคับขัน จึงปรึกษาฝรั่งสิ้นทั้งนั้น จะผ่อนผันคิดอ่านประการใด พวกคนเก่าเหล่าขุนนางแต่ปางก่อน เคยราญรอนรู้เห็นเป็นไฉน ที่ยกเพิ่มเติมมาคือว่าใคร หมวกเสื้อใส่ปีกปกเหมือนนกกา ฯ ๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเฝ้าฟังรับสั่งถาม จึงทูลตามความหลังที่กังขา ซึ่งขี่หลังมังกรตีต้อนมา คือสุดสาครรณรงค์คงกระพัน กันนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง ซึ่งทรงสิงห์เหมือนพราหมณ์สงครามขยัน แต่พวกหนึ่งซึ่งเหมือนนกวิหคนั้น แต่ก่อนมันมิได้มาช่วยราวี ดูเหมือนแขกแปลกหน้าถีบถาโถม โจนกระโจมโหมหักดังปักษี แต่ปางหลังครั้งเมื่อพระชนนี มารบที่เมืองใหม่ทำไกกล สินสมุทรจุดไฟเที่ยวไล่จับ เราจุดรับรอบกำแพงทุกแห่งหน ปัจจามิตรติดกับถึงอับจน พอเกิดฝนตกระงับเพลิงดับไป พระบิตุรงค์ทรงปี่โยธีทัพ พากันหลับกลิ้งกลาดไม่หวาดไหว พระชนนีปรีชาช่วยข้าไท ล่อลวงพระอภัยหลงใหลรัก จึงปลุกทัพกลับให้นายไพร่ตื่น ได้กลับคืนไปลังกาอาณาจักร อันครั้งนี้ทีศึกดูฮึกฮัก เห็นจะหนักกว่าแต่หลังระวังภัย ฯ ๏ พระมังคลาว่าทหารพาลประมาท จึงพลั้งพลาดเสียทัพเพราะหลับใหล ซึ่งข้าศึกฮึกหาญประการใด จะแก้ไขคิดล้างให้วางวาย อันแยบยลกลหนูสู้พยัคฆ์ เขารู้จักจึงไม่ได้ดังใจหมาย ที่แปลกอย่างต่างหากมีมากมาย จะยักย้ายแก้ไขผลาญไพรี เราเห็นว่าข้าศึกจะนึกคาด ว่าไม่อาจรบรับถอยทัพหนี ทั้งพวกเพิ่มเติมมาเวลานี้ เห็นท่วงทีจะประมาทองอาจใจ จะให้พวกชาวละหม่านทหารเสือ ลอบเผาเรือขึ้นที่ท่าชลาไหล ให้พวกพ้องกองทัพลงดับไฟ เราล้อมไล่ให้มันลงข้างคงคา ชิงเอาค่ายชายฝั่งออกตั้งมั่น จงเกณฑ์กันออกสักแสนให้แน่นหนา พวกฝรั่งบังคมชมปัญญา จัดโยธาห้าหมื่นถือปืนรบ ทั้งทวนยาวหลาวแหลนเป็นแสนหนึ่ง ไม่อื้ออึงเอะอะเงียบสงบ เห็นเพลิงไหม้ให้ระดมออกสมทบ เข้ารุมรบพร้อมกันตามสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายพวกพ้องกองละหม่านทหารยักษ์ เกลี้ยกล่อมมาสาพิภักดิ์รักอาสา ออกหลังป้อมอ้อมลงข้างคงคา ต่างประดาน้ำทนดำด้นไป ขึ้นเรือรบครบร้อยค่อยค่อยย่อง เห็นพวกกองเรือระงับนอนหลับใหล ค่อยเลี่ยงหลีกฉีกชุดแล้วจุดไฟ เผาให้ไหม้เชื้อชันน้ำมันยาง แล้วฆ่าคนบนลำลงน้ำโพล่ง เพลิงก็ลามพลามโพลงเสียงโผงผาง บ้างไหม้เพลาเสากระโดงระโยงระยาง บ้างติดกลางติดท้ายลุกรายเรียง ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลบนค่ายทั้งนายไพร่ เห็นเพลิงไหม้เรือเรียกกันเพรียกเสียง ลงช่วยดับสับสนขนเสบียง บ้างแบกเหวี่ยงวิ่งสะพรั่งริมฝั่งชล ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาเห็นข้าศึก อึกทึกทุกทัพวิ่งสับสน เปิดทวารด้านใต้ต้อนไพร่พล ออกเกลื่อนกล่นกลางคืนยิงปืนไฟ บ้างรุมกันฟันแทงบ้างแกว่งขวาน ไล่ประหารโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว พวกทัพล้อมป้อมค่ายพลัดพรายไป พระหัสไชยเชษฐาสุดสาคร ทั้งนงเยาว์เสาวคนธ์ขับพลรบ ศึกสมทบหลายทัพสลับสลอน พวกวาโหมโรมรันช่วยฟันฟอน ฝรั่งซ้อนแทรกกันประจัญบาน ทั้งสามองค์ทรงพาหนะที่นั่ง ฟันฝรั่งมอดม้วยช่วยทหาร ที่เหลือตายนายต้อนเข้ารอนราญ ต่างต่อต้านตีรันฟาดฟันแทง ทั้งซ้ายขวาฝรั่งออกคั่งคับ พอเพลิงดับมืดเขม้นไม่เห็นแสง ทหารตามสามกษัตริย์ต่างพลัดแพลง พระอ่อนแรงรอลงข้างคงคา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายชิงค่ายได้ ทั้งนายไพร่พร้อมพรักเข้ารักษา ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์ถอยพลมา พบเชษฐากับทั้งพระหัสไชย ทั้งโยธาวาหุโลมวาโหมนั้น ถึงเสียทีมิได้พรั่นประหวั่นไหว ต่างตีฆ้องกลองสำหรับเรียกทัพชัย ประชุมไพร่พร้อมพรั่งริมฝั่งชล ยังเหลือตายหลายหมื่นดูดื่นดาษ ยกเลียบหาดขึ้นไปตั้งหลังถนน แล้วโฉมยงนงเยาว์เสาวคนธ์ รู้ผ่อนปรนปราบศึกตรองตรึกการ ได้ตำราปาโมกข์โลกเชษฐ์ ปราบประเทศท้าวทมิฬได้ถิ่นฐาน จึงว่าจะละเมินไว้เนิ่นนาน สงสารทหารหิวโหยโรยกำลัง จะยกทัพกลับไปตีพรุ่งนี้เช้า เข้าชิงเอาเมืองใหม่เหมือนใจหวัง บอกอุบายนายไพร่เล่าให้ฟัง แต่งตัวเป็นฝรั่งได้ตั้งพัน ต่างแอบอ้อมปลอมเข้าไปแต่ในดึก กำลังศึกสับสนพลขันธ์ เข้าเมืองมั่งบ้างอยู่ค่ายเรี่ยรายกัน ใครไม่ทันเพ่งพิศไม่คิดแคลง ฯ ๏ ส่วนนงเยาว์เสาวคนธ์แบ่งพลทัพ นายกำกับกองละพันล้วนขันแข็ง ห้าสิบสองกองสกัดคัดจัดแจง ตามตำแหน่งหนุนกันให้ทันที พระเชษฐาพาทหารไปชานเขา คอยจับเจ้ามังคลาจะล่าหนี พวกกองหน้าวาหุโลมเข้าโจมตี เหล่าเสนีน้อยใหญ่เข้าในเมือง สกัดฆ่าฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ถึงมิตายรอดบ้างก็คางเหลือง พอจวนแจ้งแสงทองขึ้นรองเรือง ต่างยกเนื่องหนุนตามกันหลามไป ถึงค่ายรายชายฝั่งต่างตั้งโห่ กึกก้องโกลาลั่นเสียงหวั่นไหว ฝรั่งรายค่ายละหมื่นยิงปืนไฟ ทั้งปืนใหญ่ยิงลั่นเสียงครั่นครึก ฝ่ายพวกแต่งแปลงปลอมอยู่พร้อมพรั่ง ฟันฝรั่งร้องว่าพวกข้าศึก ต่างหันเหเซปะทะอึกทึก ทหารฮึกหักโหมรุกโรมรัน ฝรั่งวิ่งทิ้งค่ายทั้งนายไพร่ กองทัพไล่เลี้ยวลัดสะพัดผัน พวกปีกป้องกองแซงรุมแทงฟัน ค่อยหนุนกันกั้นสกัดตามจัดแจง จนรุ่งเช้าเจ้าวลาวายุพัฒน์ พบพวกหัสไชยรบหลีกหลบแฝง ต่างถอยทัพกลับเข้าไปในกำแพง ทั้งพวกแปลงปลอมพลพลอยปนไป พวกนั่งป้อมล้อมวังสิ้นทั้งนั้น ระดมปืนครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว พวกวาโหมโรมรบขว้างคบไฟ ที่เข้าในกำแพงปลอมแทงฟัน ไล่ฆ่าเหล่าเฝ้าประตูผู้กำกับ เปิดรับทัพทั้งปวงทะลวงถลัน ต่างเข้าได้ในเมืองหนุนเนื่องกัน ไล่ฆ่าฟันไฟจุดไม่หยุดยั้ง พระมังคลาข้าเฝ้าเหล่าทหาร เหลือต้านทานทัพล้อมเข้าพร้อมพรั่ง ขึ้นทรงม้าพาสนมกรมวัง ออกทางหลังเมืองใหม่พลัดไพร่พล ฯ ๏ พระหัสไชยไล่จับรอรับรบ หลีกไปพบพวกทัพถอยสับสน อ้อมออกทางข้างเขาพบเสาวคนธ์ ไล่ฆ่าพลพวกฝรั่งมังคลา พอพบน้องสองหลานช่วยราญรบ เลี้ยวตลบหลีกทางไปข้างขวา สาวสุรางค์นางห้ามตามหลามมา พบสุดสาครขวางหนทางไว้ ตวาดถามความว่าเหวยฝรั่ง ตัวชื่อมังคลาหรือชื่อไฉน ฯ ลงจากม้ามาดีดีอย่าหนีไป จึงจะไว้ชีวาไม่ฆ่าฟัน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลาควบม้าหนี นางสุนีติดไปในไพรสัณฑ์ พระหน่อไทไล่ลัดสกัดกัน พอมาทันโถมจับกลับรับรบ ด้วยฤทธาตราแก้วให้แคล้วคลาด ต่างฟันฟาดพลาดเพลี่ยงหลีกเลี่ยงหลบ เห็นห่างหันผันผินขับสินธพ ครั้นทันรบรับประจัญฟาดฟันฟอน มังกรกัดฟัดม้าเจ้าฝรั่ง สิ้นกำลังล้มกลิ้งริมสิงขร พระมังคลาอาวุธหลุดจากกร สุดสาครโจนจับล้มทับกัน กอดกระหวัดรัดแน่นรวบแขนเข้า จะทึ้งเถาวัลย์มัดรัดกระสัน พอนางสุนีที่มาด้วยเข้าช่วยทัน พ่นเป็นควันออกมาจากปากสตรี เหมือนเพลิงพรายสายรุ้งพลุ่งพลุ่งพลั่ง สุดสาครอ่อนกำลังถอยหลังหนี พอฟ้าแลบแวบสว่างนางสุนี หายจากที่ไปทั้งพระมังคลา ฯ ๏ สุดสาครร้อนรนร่ายมนต์เป่า หายมึนเมามีกำลังคิดกังขา อีคนนี้มีพิษตามติดมา มันช่วยพาผัวหนีได้ดีจริง แล้วขึ้นนั่งหลังนิลสินธพ เลี้ยวตลบลัดป่าเที่ยวหาหญิง ไม่เห็นหนจนจิตคิดประวิง รีบขับมิ่งม้ามาพบวายุพัฒน์ เห็นเหมือนพี่สีเขียวมีเขี้ยวแฝง ทั้งเนตรแดงดูพลางขวางสกัด ฝ่ายฝรั่งยั้งหยุดยืนเยียดยัด พอเห็นหัสกันมาเหมือนลาลี จึงร้องห้ามตามภาษาข้างฝรั่ง กูมาตั้งคอยจับอย่ากลับหนี อ้ายนายทัพขับพลสองคนนี้ ลูกลาลีนางยุพาหรือว่าไร ฯ ๏ พี่น้องดูรู้ว่าอารู้ว่าพ่อ แกล้งลวงล่อเคลือบแคลงแถลงไข ท่านแลดูรู้จักแกล้งซักไซ้ จงบอกให้รู้บ้างอย่าพรางนาม ฯ ๏ สุดสาครฟังคำทำหัวร่อ กูเป็นพ่อไม่รู้จักมาซักถาม แม่ไม่บอกดอกหรือไม่เข้าใจความ กูนี้นามชื่อว่าสุดสาคร มึงลูกหลานว่านเครือไม่เผื่อแผ่ นับถือแต่ฝรั่งมันสั่งสอน ทำก่อศึกฮึกหาญไปราญรอน เผานครการะเวกโหยกเหยกครัน ไปรบพุ่งกรุงผลึกรมจักร ไม่รู้รักวงศาจะอาสัญ อันองค์พระมเหสีบุตรีนั้น ล้วนพงศ์พันธุ์พี่อาปู่ย่าเอง ทั้งสองท้าวสาวสนมรมจักร จับมากักขังไว้ไล่ข่มเหง ทำโอหังตั้งตัวไม่กลัวเกรง โทษของเองสู้พ่อพวกทรชน ถึงฆ่าตายภายหน้าเกิดมาอีก จะสับซีกเล็กน้อยสักร้อยหน ไม่สาจิตคิดดูผิดผู้คน ช่างมืดมนมิได้รู้จักผู้ใด กูพบปะจะสังหารผลาญชีวิต ก็ยังคิดอายเหลือว่าเนื้อไข จะรั้งรอพอให้หัวติดตัวไว้ จับส่งไปถวายพระชนกา ตามจะโปรดโทษมึงที่ดึงดื้อ ไม่นับถือซื่อตรงต่อวงศา อย่าเกะกะจะลำบากลงจากม้า ให้กูพาไปดีดีทั้งพี่น้อง ฯ ๏ วายุพัฒน์หัสกันพรั่นพรั่นจิต มิได้คิดนบนอบตอบสนอง ซึ่งชั่วดีมีสติต้องตริตรอง ไม่ฟังฟ้องฝ่ายโจทก์กล่าวโทษทัณฑ์ ถ้าแม้ไม่ไล่เลียงให้เที่ยงแล้ว ใครว่าแก้วในอุราก็อาสัญ จะผ่าแผ่แล่เนื้อด้วยเชื่อกัน ไม่สัตย์ธรรม์ธรรมดาปรึกษาความ ว่าเป็นพ่อข้อนี้ก็มิรู้ อย่าจู่ลู่จ้วงจาบทำหยาบหยาม แม้จริงจิตบิดรจะผ่อนตาม นี่ฟังความขวางหูอดสูใจ จะมัดผูกลูกเต้าให้เขาอื่น ไม่ผิดขืนจะว่าผิดคิดไฉน ส่วนพวกพ้องของท่านเข้ากันไป ผิดวิสัยธรรมดาในฟ้าดิน แม้พ่อแม่แลเห็นลูกเหลนหลาน ย่อมสงสารมีจิตคิดถวิล แต่ร้ายกาจชาติเสือเหลือทมิฬ ก็ไม่กินลูกหลานวงศ์ว่านเครือ นี่ว่าพ่อก็จะมาฆ่าลูกหลาน ผิดโบราณร้ายกล้ายิ่งกว่าเสือ จะนอบน้อมยอมตายเสียดายเนื้อ กินข้าวเกลือเปลืองมากไม่อยากตาย แม้จริงจังดังว่าเมตตาบุตร เหมือนมนุษย์ในแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย อย่ากีดขวางกางกั้นทำอันตราย ให้ไพร่นายฝ่ายฝรั่งไปลังกา ฯ ๏ สุดสาครอ่อนใจอาลัยบุตร ทั้งแสนสุดสังเวชลูกเชษฐา แล้วกลับคิดผิดพลั้งแต่หลังมา จึงตอบว่าลูกดีเป็นที่รัก แม้ลูกชั่วหัวดื้อทำซื้อรู้ จนพี่ป้าย่าปู่ไม่รู้จัก ผลาญพงศ์เผ่าเหล่ากอทรลักษณ์ ชื่อว่าอกตัญญูชาติงูพิษ เหมือนพวกมึงซึ่งไม่รู้จักกูนี้ ดังทรพีวัดรอยจะคอยขวิด ถึงเหล่ากอหน่อเนื้อที่เชื้อชิด เหมือนโลหิตที่ในกายเกิดร้ายแรง ก็ต้องกลอกออกให้สิ้นมลทินโทษ ถ้าลูกโฉดชาติชั่วเช่นหัวแข็ง ใจจองหองข้องขัดเหลือดัดแปลง ไม่ควรแต่งต้องทำลายให้วายวาง แล้วขับม้าถาโถมเข้าโจมจับ ฝรั่งรับรบสกัดคอยขัดขวาง พระฟันฟาดกลาดเกลื่อนลงกลางทาง บ้างตายบ้างครางล้มเสือกซมซบ วายุพัฒน์หัสกันหนีดั้นป่า ต่างขับม้าพลัดแพลงลัดแลงหลบ พระหน่อไทไล่จับขับสินธพ ตามไม่พบพอเวลาจะราตรี จึงกลับม้าพาพหลพลไพร่ มาเมืองใหม่พบพระน้องทั้งสองศรี ให้รวมรอมพร้อมสิ้นต่างยินดี เข้าอยู่ที่ตึกรามตามสำราญ ได้ปืนผาสารพันกำปั่นรบ หอกดาบครบเครื่องเสบียงเลี้ยงทหาร พวกพาราการะเวกเลกรองงาน ต่างพบพานเจ้านายสบายใจ จับฝรั่งลังกาได้กว่าหมื่น ใช้ผ่าฟืนตักน้ำตามวิสัย คนสามพันบรรดาพวกข้าไท ส่งคืนไปพาราด้วยปรานี ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกล่าทัพ ต่างแตกยับแยกย้ายพลัดพรายหนี บุกรกเรี้ยวเลี้ยวหลงในพงพี เข้าราตรีมิได้เห็นเขม้นมอง บ้างเดินโดนโคนตอยองย่อยอบ ลงฟุบหมอบมือนวดปวดขมอง บ้างบุกหนามความกลัวหนังหัวพอง ตุ๊กแกร้องบ้างล้มกลิ้งบ้างวิ่งโทง บ้างออกทุ่งมุ่งเมินเดินโก้งเก้ง เสื้อกางเกงก็ไม่มีเหมือนผีโป่ง บ้างล้าเลื่อยเหนื่อยบอบหิ้วหอบโครง ลงโก้งโค้งคลานตามหนีความตาย ครั้นกลางวันบรรดาโยธาหาญ ต่างพบพานพวกฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ต่างติดตามถามข่าวถึงเจ้านาย แล้วมุ่งหมายรีบมาเมืองป่าตาล ฯ ๏ ฝ่ายวายุพัฒน์หัสกันหนีดั้นด้น พบพวกพลไพร่นายฝ่ายทหาร เห็นห่างศึกนึกหมายไม่วายปราณ รีบไปด่านกลางได้ดังใจจง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลานราราช สุนีบาตอุ้มเที่ยวลดเลี้ยวหลง พระเหนื่อยอ่อนซอนซบสลบลง ระทวยองค์แอบอังสาข้างขวานาง นางสุนีหนีมาเวลาค่ำ ถึงธารน้ำลำเนาภูเขาขวาง ยิ่งดึกดื่นชื่นฉ่ำด้วยน้ำค้าง เดือนกระจ่างแจ่มฟ้าดาราเรียง จังหรีดร้องลองไนก้องไพรสัณฑ์ จักจั่นเจื้อยแจ้วแว่วแว่วเสียง ไก่กระชั้นขันเร้าริมเขาเคียง เสียงผึ้งเพียงฆ้องลั่นหวั่นวิญญาณ์ ยามพระพายชายเชยระเหยหวน หอมลำดวนดอกไม้ไพรพฤกษา ค่อยแช่มชื่นฟื้นองค์คิดสงกา เห็นแต่หน้านางสุนีไม่มีใคร คิดเป็นครู่รู้ว่าหนีข้าศึก แล้วนิ่งนึกนางนี้เยาว์อุ้มเราไหว ช่วยชีวิตชิดชอบคิดขอบใจ จึงปราศรัยไต่ถามดูตามแคลง เจ้าพาพี่หนีมาพ้นข้าศึก กำดัดดึกเดือนสว่างกระจ่างแสง หยุดเสียบ้างข้างเขาค่อยเบาแรง ต่อรุ่งแจ้งจึงค่อยพากันคลาไคล แล้วให้นางวางองค์ชวนนงลักษณ์ เข้าหยุดพักเพิงผาพออาศัย ตรัสถามทางกลางป่าพนาลัย ไกลเมืองใหม่มาแล้วหรือแก้วตา ฯ ๏ นางสุนีอัญชลีทูลแถลง ข้าลัดแลงเลียบเดินตามเนินผา ไม่เห็นทางกลางคืนสู้ฝืนมา ไม่ทราบว่าแห่งหนตำบลใด ฯ ๏ พระฟังนางวังเวงเกรงจะหลง ดูแดนดงดาษดาพฤกษาไสว เสียทีศึกนึกสะท้อนถอนฤทัย ทั้งนายไพร่พลัดพรายล้มตายครัน เป็นคราวเคราะห์เพราะประมาทจึงพลาดพลั้ง ถึงสองครั้งดังชีวาจะอาสัญ อนุชาวายุพัฒน์หัสกัน จะหลบลี้หนีทันหรือบรรลัย ยิ่งระลึกตรึกตรมอารมณ์เทวษ น้ำพระเนตรคลอคลอชะลอไหล ทั้งหิวโหยโรยแรงแข็งพระทัย ปูสไบลงบนแท่นแผ่นศิลา ฯ ๏ แล้วเอนองค์ลงบรรทมพนมมาศ สุนีบาตนั้นอุส่าห์หาบุปผา มาโรยรายถวายพระมังคลา แล้วอุส่าห์นวดฟั้นให้บรรทม เห็นทุกข์ร้อนถอนฤทัยมิใคร่หลับ จึงกล่อมขับคำประดิษฐ์สนิทสนม โอ้เย็นฉ่ำน้ำค้างพร่างพรายพรม ระรื่นร่มรังสล้างเหมือนปรางค์ทอง บรรทมแท่นแผ่นผาศิลาอ่อน ต่างบรรจถรณ์ทูลเกล้าอย่าเศร้าหมอง ฟังสำเนียงเสียงผึ้งหึ่งหึ่งร้อง เหมือนเสียงฆ้องยามย่ำประจำวัง จักจั่นหวั่นแว่วแจ้วแจ้วเจื้อย ลองไนเรื่อยแร่แร่ดังแตรสังข์ เสียงสินธุพุลั่นสนั่นดัง เหมือนกลองระฆังกังสดาลขานประโคม ขอเดชะพระพายช่วยชายกลิ่น มารวยรินเรื่อยรื่นให้ชื่นโฉม ดวงดาวเดือนเกลื่อนกลางนภางค์โพยม เหมือนอย่างโคมชวาลาระย้าระยับ เสียงเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด จังหรีดกรีดเกรียวกริ่งดังฉิ่งกรับ ทั้งไก่แก้วแว่วเสียงจำเรียงรับ เหมือนโทนทับขับกล่อมทูลหม่อมเอย ฯ ๏ พระทรงฟังวังเวงวิเวกเสียง หวนสำเนียงเสนาะน้ำคำเฉลย ฉลาดขับจับใจกระไรเลย น่าใคร่เชยชมโฉมประโลมลาน แต่ดูเด็กเล็กเหลือหรือเนื้อน้อย กระจ้อยร่อยรูปทรงน่าสงสาร แล้วคิดแหนงแรงล้นพ้นประมาณ เมื่อเสียด่านเดินมาตามม้าทัน เห็นท่วงทีมีฤทธิ์นิมิตไว้ ตามวิสัยสารพางค์นางสวรรค์ แล้วอุ้มเราเข้าป่ามากว่าวัน เห็นแม่นมั่นมิใช่ว่ากุมารี ดำริพลางทางดำรงพระองค์นั่ง ค่อยลูบหลังเลียบประโลมนางโฉมศรี พี่แสนยากจากวังมาครั้งนี้ เห็นสุนีบาตเหมือนเพื่อนชีวิต มิม้วยมอดวอดวายไปภายหน้า จะอุส่าห์โอบอ้อมถนอมสนิท อย่านบนอบหมอบเมียงมาเคียงชิด ให้ชื่นจิตพี่บ้างเหมือนอย่างใจ ฯ ๏ ส่วนพิกลสตรีสุนีบาต เมื่อหน่อนาถมังคลาเธอปราศรัย จึงนบนอบตอบตามเนื้อความใน พระเป็นใหญ่ในฝรั่งทั้งลังกา ที่คู่บุญรุ่นราวสาวสนม ควรภิรมย์สมรักนั้นหนักหนา ฉันลูกเด็กเล็กน้อยติดต้อยมา ช่วยรักษาฝ่ายุคลให้พ้นภัย เสร็จธุระจะต้องลาไม่ช้านัก อย่ารื้อรักชักชิดพิสมัย เชิญพระองค์จงไปชมสนมใน ฉันมิใช่คนชนิดน่าชิดเชย ฯ ๏ พระฟังนางคลางแคลงใคร่แจ้งจิต ถนอมสนิทนางสุนีเจ้าพี่เอ๋ย ขอถามความตามซื่ออย่าถือเลย เจ้าคุ้นเคยอยู่ด้วยกันทุกวันมา ช่วยอุ้มพี่หนีได้จึงใจพี่ ให้ปรานีนึกรักเจ้าหนักหนา จะปลูกฝังหวังสวาทไม่คลาดคลา มิควรหนีพี่ยาให้อาวรณ์ ไฉนเล่าเจ้าจึงว่าจะลาจาก ประหลาดหลากเหลือเสียดายสายสมร อย่าปละเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน จะผันผ่อนหย่อนตามแต่ทรามวัย ฯ ๏ นางฟังปลอบขอบคุณการุญโปรด สมาโทษทูลแจ้งแถลงไข ด้วยองค์พระมหาสุราลัย บัญชาให้ฉันลงมาเป็นทารก ช่วยธุระพระองค์ให้คงชีพ แล้วกลับรีบไปรักษาพลาหก แม้มีผัวชั่วช้าอุลามก จะต้องตกอยู่แผ่นดินสุดสิ้นฤทธิ์ ซึ่งอุ้มแอบแนบกายแต่ภายนอก ก็ได้ดอกด้วยบัญชาประกาศิต ซึ่งออกโอษฐ์โปรดเกล้าให้เข้าชิด เป็นจนจิตจำขัดพระอัธยา ฯ ๏ พระฟังคำร่ำว่านิจจาเอ๋ย จะกลับเลยละให้อาลัยหา เคยอยู่ด้วยช่วยพี่รอดชีวา ทุกเวลาเช้าเย็นเคยเห็นกัน แม้จากไปไหนพี่จะมีสุข จะแสนทุกข์แทบชีวาจะอาสัญ ถึงสตรีมีดื่นสักหมื่นพัน ไม่เหมือนขวัญเนตรพี่เพื่อนชีวิต จงอยู่วังลังกาเถิดอย่ากลับ จะประคับประคองถนอมเป็นจอมจิต ประการหนึ่งถึงมิได้เหมือนใจคิด ขอชื่นชิดเชยชมให้สมรัก พระปลอบนางพลางแอบแนบถนอม ค่อยโอบอ้อมอุ้มนางขึ้นวางตัก ประคองกอดสอดสนิทจุมพิตพักตร์ นางกระดักกระดิกกระเดียมอายเหนียมชาย พระยียวนชวนชิดนางบิดพลิ้ว แต่เพียงผิวพอจะน้อมยอมถวาย จะสิ้นฤทธิ์คิดเฉลียวเสียวเสียดาย ต่อศึกวายวันอื่นจึงชื่นชม จะได้เดินเชิญพระองค์ไปส่งด่าน เป็นทหารแล้วจึงจะเป็นสนม พลางแอบองค์ทรงธรรม์ให้บรรทม เคลิ้มหลับในไพรพนมใต้ร่มรัง ฯ ๏ พอเช้าตรู่รู้สึกนึกวิตก ศึกจะยกวกทางมาข้างหลัง พอเห็นทางนางสุนีมีกำลัง เชิญขึ้นนั่งบนบ่าแบกพาเดิน ผินพักตร์ต่อหรดีวิถีทิศ สำแดงฤทธิ์เร็วเราะดังเหาะเหิน ข้ามละหานชานเขาลำเนาเนิน พระเพลิดเพลินพลอยสบายเคลื่อนคลายใจ ให้นางอุ้มจุมพิตสนิทแนบ ชะอ้อนแอบอุ่นจิตพิสมัย สัพยอกหยอกนางมากลางไพร ชมนกไม้ต่างต่างสล้างเรียง ต้นร้อยลิ้นอินทร์จันทน์ขนันขนุน หอมกลิ่นกรุ่นตูมตาดมะหาดเหียง ฝางฝาหรั่งทั้งอินทนิลพะเนียง เสลาเสลี่ยงแสลงพันกรวยกันเกรา กระถินกระทุ่มตูมกามณฑาเทศ ตะโกเกดแก้วงอกตามซอกเขา เคี่ยมคล้อเขลงเต็งตะเคียนกระเบียนกระเบา เข็มคัดเค้าสาวหยุดพุดพะยอม พระชมชื่นยื่นเล็บเก็บนางคลี่ ให้สุนีบาตชมแซมผมหอม นางเก็บจันทน์คันธรสประณตน้อม ถวายจอมกษัตริย์ตรัสชมเชย เห็นนมนางข้างเขาเต่งเต้าตั้ง พระรอรั้งเรียกสุนีเจ้าพี่เอ๋ย มันน่ารักจักใคร่ได้กระไรเลย นางขวยเขินเมินเฉยแกล้งเลยเดิน ดูไม้สูงฝูงนกวิหคจับ บ้างเรียกรับร้องเร้าริมเขาเขิน นกแซงแซวแก้วกรอดพูดพลอดเพลิน ที่หว่างเนินนกยูงเป็นฝูงฟ้อน ทั้งไก่ฟ้าพระยาลอขันจ้อเสียง เค้าโมงเมียงมาจับสลับสลอน กระลุมพูคู่เคียงประเอียงอร ขมิ้นอ่อนป้อนลูกยอดมูกมัน ฝูงสร้อยร้าบ้าระบุ่นนกขุนแผน กระเหว่ากระแวนสัตวากระทาขัน กระลิงกระลางกางเขนเบญจวรรณ นกนวลจันทร์จิบจาบคุ่มขาบเคียง บนเขาสูงฝูงหงส์บุหรงร้อง ดังพิณก้องกังวานประสานเสียง ระวังไพรไก่แก้วแจ้วจำเรียง วิเวกเพียงพิณพาทย์สวาทวอน ฯ ๏ ต่างชมเพลินเดินมาเวลาพลบ พอพานพบพวกตามหลามสลอน เชิญพระองค์ทรงรถบทจร จากดงดอนด่วนมาเมืองป่าตาล ขึ้นประทับพลับพลาฝ่ายฝรั่ง มาพร้อมพรั่งทั้งพระน้องกับสองหลาน พระเล่าตามความหลังแล้วสั่งการ ให้ทหารตรวจตราเตรียมอาวุธ ทั้งนายไพร่ให้พร้อมทุกป้อมค่าย หอรบรายเรียงรับสัประยุทธ์ แล้วคิดอ่านการรณรงค์จะยงยุทธ์ เราเสียด่านชานสมุทรสุดเสียดาย ด้วยเดิมทีตีได้ดังใจนึก พวกข้าศึกเสียทีแตกหนีหาย ทหารเราเบาใจทั้งไพร่นาย จึงเสียค่ายเมืองใหม่แก่ไพรี เราแตกยับอัปราฝ่ายข้าศึก จะเหิมฮึกรบพุ่งถึงกรุงศรี จะผันแปรแก้ไขอย่างไรดี จึงจะตีคืนได้เมืองใหม่มา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังถามสิ้นความรู้ ไม่มีผู้สามารถอาจอาสา แต่องค์พระวลายุดานุชา จึงทูลว่าไพรีมีกำลัง ครั้นตีแตกแยกยับกลับตลบ สมทบรบเราได้ดังใจหวัง อย่าโดยด่วนข้าขอให้รอรั้ง บอกพระสังฆราชครูให้รู้ความ ท่านเคยศึกลึกล้ำช่วยกำจัด จึงจะตัดศึกเตียนที่เสี้ยนหนาม เห็นชนะจะได้ตรงออกสงคราม คิดปราบปรามไพรีให้มีชัย ฯ ๏ พระมังคลาว่าชอบท่านรอบรู้ เคยรบสู้ดูแลคิดแก้ไข ให้เขียนบอกลอกฉบับแล้วฉับไว ให้ม้าใช้ไปลังกาบอกอาจารย์ แล้วตรัสสั่งบังอลูคนรู้รอบ รีบไปลอบสั่งเวรเกณฑ์ทหาร ยี่สิบหมื่นปืนผาอย่าช้าการ มาเมืองด่านได้สมทบรบไพรี ฯ ๏ บังอลูผู้ถือหนังสือลับ ต่างกำชับเรียกหากะลาสี สะพายย่ามตามออกนอกบุรี ขึ้นม้าขี่ควบตรงเข้าดงดาน ถึงระยะประทับหยุดยับยั้ง มีตึกตั้งโต๊ะเรียงเลี้ยงทหาร อิ่มแล้วไปไม่ขาดราชการ เป็นย่านย่านเรียดทางไปกลางไพร ถึงเวียงวังลังกาเข้าอาวาส กราบพระบาทหลวงแจ้งแถลงไข พระอาจารย์อ่านอักษรแล้วถอนใจ จึงว่าอ้ายนอกครูทำจู่โจม จับพวกพ้องของตัวมามั่วสุม ศึกจึงรุมพร้อมพรักมาหักโหม ไม่จัดแจงแบ่งเบาค่อยเล้าโลม เที่ยวรุกโรมสงครามทั้งสามเมือง เออกระนั้นมันจึงได้ดินไหวหวั่น เป็นหมอกควันทุกเวลาท้องฟ้าเหลือง อ้ายลูกถ่อยพลอยให้ผู้ใหญ่เคือง ไม่ได้เรื่องราวทำระยำบอน จะเกิดทุกข์ยุคเข็ญเสียเป็นแน่ หน่อยหนึ่งแม่มันจะมาว่ากูสอน แกกอดเข่าเจ่าจุกเป็นทุกข์ร้อน แล้วลุกถอนใจใหญ่เข้าในกุฎี ดูตำรับทัพศึกที่ลึกซึ้ง เห็นบทหนึ่งชื่อทวาทศราศรี ผูกผนิดปิดตราไม่ช้าที ให้เสนีมึงเอาไปส่งให้นาย ฯ ๏ ฝ่ายม้าใช้ได้ตำรับไม่ยับยั้ง เรียกบ่าวทั้งปวงนั้นรีบผันผาย ออกหน้าวัดจัดแจงตกแต่งกาย ขึ้นม้าหมายมุ่งมาเมืองป่าตาล ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งบังอลูผู้รับสั่ง บอกกรมวังสั่งเวรเกณฑ์ทหาร รีบเร่งรัดจัดกันให้ทันการ อำเภอบ้านหัวเมืองส่งเนื่องมา พวกไปทัพสับสนหาบขนของ เดินเนืองนองนับหมื่นแบกปืนผา รู้เข้าไปในวังนางรำภา ทั้งยุพาผกาสุลาลี ให้สืบดูรู้ว่าปัจจามิตร มาตั้งติดรบพุ่งถึงกรุงศรี ต่างตกใจไปเฝ้าพระเสาวนีย์ ทูลคดีที่ได้แจ้งยังแคลงใจ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬาพระยาหญิง ตะลึงนิ่งนึกพรั่นประหวั่นไหว ให้ซักเหล่าสาวสุรางค์พวกข้างใน ศึกถึงไหนไปเที่ยวถามเนื้อความดู ได้รู้แน่แต่ว่าเวรเกณฑ์ทหาร ราชการเร็วร้อนไพร่อ่อนหู จึงให้หาฝรั่งบังอลู มาถามดูรู้ว่าสุดสาคร กับหัสไชยได้ด่านชานสมุทร พระราชบุตรอยู่ดงตาลด่านสิงขร จึงถามเหตุเภทพาลแรกราญรอน มันยอกย้อนผ่อนแก้พูดแต่ดี ครั้นซักไซ้ให้สบถปดไม่ได้ ทราบว่าไปรบพุ่งสามกรุงศรี ท้าวทศวงศ์พงศาสุมาลี ทั้งบุตรีกวาดมาไว้ป่าตาล นางตีอกตกใจด้วยไม่ทราบ ช่างหยามหยาบยิ่งนักทำหักหาญ ข่มเหงเหล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน แสนสงสารสองธิดาสุมาลี นางวัณฬาปรารมภ์จนลมจับ ระทวยทับธิดารำภาสะหรี นวดอังสายาดมค่อยสมประดี นางโศกีตีอุราร่ำจาบัลย์ แสนสงสารบ้านเมืองจะเคืองแค้น ทุกเขตแคว้นไพร่ฟ้าจะอาสัญ แล้วตรัสถามสามนางเป็นอย่างนั้น จะผ่อนผันคิดอ่านประการใด ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างคิดเห็นผิดนัก เหลือที่จักผันแปรคิดแก้ไข ต่างอัดอั้นตันตึงตะลึงตะไล ถอนใจใหญ่ให้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ ๏ แต่ลีวันนั้นว่าเพราะพระสังฆราช สอนให้ขาดญาติวงศ์เผ่าพงศา ถ้าไปห้ามปรามพระมังคลา ให้งอนข้อขอสมาสุมาลี ทั้งทรงยศทศวงศ์เห็นคงรับ ให้สององค์คงกลับไปกรุงศรี ถึงลูกผิดคิดถึงพระชนนี กลัวแต่ที่เธอไม่วอนไม่อ่อนตาม ฯ ๏ นางวัณฬาว่าไม่ฟังพระสังฆราช คงวิวาทขาดเด็ดไม่เข็ดขาม จะให้เจ้าเหล่านี้ไปไม่ได้ความ ข้าต้องตามไปให้ปะจึงจะดี นางรำภามาไปด้วยกันเจ้า ช่วยโลมเล้าพี่น้องทั้งสองศรี แล้วสั่งกรมวังว่าอย่าช้าที เทียมรถที่มีฝาหลังคาบัง อีสาวใช้ไปข้างนอกบอกขอเฝ้า เร็วเร็วเข้าเราจะไปเหมือนใจหวัง พวกท้าวนางต่างประหม่าละล้าละลัง กรมวังวิ่งพัลวันไป เทียมรถรัตน์จัดเร่งกันเซงแซ่ ทั้งเกณฑ์แห่กลองชนะปี่ไฉน รถสำหรับรับรำภาเสนาใน มาเทียบไว้เกยลาหน้าพระลาน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬารำภานาฏ สำอางอาตม์อ่าองค์สรงสนาน ประดับเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล พนักงานพัชนีพัดวีลม ทรงเกือกทองรองบาทต่างยาตรเยื้อง นางเชิญเครื่องเนื่องตามล้วนงามสม ขุนหมื่นหมอขอเฝ้าทั้งเจ้ากรม กราบบังคมคอยตามกันหลามไป ทั้งสององค์ทรงรถพระกลดกั้น รถกำนัลนั่งเคียงเรียงไสว สารถีตีม้าเคลื่อนคลาไคล ปี่ไฉนกลองชนะตีประโคม ขนัดนอกหอกดาบกำซาบสะพรั่ง ทั้งหน้าหลังสังข์แตรเป่าแห่โหม อภิรุมชุมสายพรายโพยม ครั้นค่ำโคมคบสว่างตามทางไป ต่อย่ำฆ้องสองยามหยุดประทับ ครั้นรุ่งขับคนเดินเนินไศล กำลังทุกข์ยุคเข็ญเห็นสิ่งใด นางมิได้ชื่นชมด้วยตรมทรวง แต่ขอเฝ้าเจ้าชู้ไม่รู้ทุกข์ แสนสนุกเสนหานางข้าหลวง เก็บดอกไม้ในป่าบุปผาพวง ทั้งมะม่วงมะปรางให้นางใน นางสาวสาวน้าวกิ่งชิงกันเก็บ จนเสียเล็บแลหาน้ำตาไหล บ้างท้าวแขนแหงนชมพนมไพร ดูนกไม้ต่างต่างตามทางมา ฯ ๏ ฝ่ายพวกพ้องกองร้อยรายคอยข่าว รู้เรื่องราวรีบเดินตามเนินผา ถึงด่านเข้าเฝ้าพระมังคลา ทูลว่าพระมารดามาในไพร ฯ ๏ ฝ่ายเอกองค์ทรงยศโอรสราช ฟังประหลาดหลากจิตคิดสงสัย ปรึกษาน้องสองหลานรำคาญใจ หรือใครไปเพ็ดทูลจึงวุ่นวาย พระอนุชาว่าเห็นจะเป็นแน่ จะคิดแก้อย่างไรเห็นไม่หาย อย่าให้พบหลบลี้ดูดีร้าย ให้แต่ฝ่ายผู้เฒ่าอยู่เฝ้าฟัง พระมังคลาว่าจริงพี่กริ่งตรึก ที่พวกผลึกรมจักรซึ่งกักขัง แม้พบปะจะปล่อยคอยระวัง แล้วตรัสสั่งนายทหารเป็นการลับ อาญาสิทธิ์ผิดชอบจงลอบบอก กองในนอกนายประตูดูกำกับ ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังสั่งกำชับ ครั้นเสร็จสรรพชวนพระน้องสองนัดดา ขึ้นอยู่ป้อมพร้อมพรั่งกันทั้งสี่ คิดแต่ที่ทำศึกต่างปรึกษา ฝ่ายนายหมวดตรวจกำกับกำชับกำชา บอกกิจจาแจ้งทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ฝ่ายนางนาถมาตุรงค์ทรงพระยศ เร่งรีบรถแรมทางมากลางหน ถึงดงตาลด่านใหญ่ดูไพร่พล ไม่เห็นหนผู้ใดเดินไปมา นอกประตูอยู่แต่คนแก่เฒ่า จึงเรียกเข้ามาประณตริมรถา แล้วตรัสถามตามระแวงแคลงวิญญาณ์ พระมังคลาไปอยู่หนตำบลใด ฯ ๏ พวกผู้เฒ่าเฝ้าฟังรับสั่งถาม จึงทูลความเคลือบแฝงแถลงไข พระหน่อนาถราชโอรสยศไกร เสด็จไปลังกาได้ห้าวัน ปิดประตูผู้ใดเข้าในด่าน จะประหารชีวาให้อาสัญ ข้าพเจ้าเข้ามาแต่อารัญ ต้องพากันขัดค้างอยู่อย่างนี้ ฯ ๏ นางดำริตริตรึกนิ่งนึกแหนง เห็นจะแกล้งไม่ให้พบคิดหลบหนี จึงซักไซ้ใครเล่าเฝ้าบุรี หรือไม่มีตัวทหารประการใด พวกคนแก่แก้ว่าข้าพเจ้า มิได้เข้าไปเห็นว่าเป็นไฉน นางทรงฟังสั่งบรรดาพวกข้าไท จงเรียกให้เปิดบานทวารบัง นายประตูผู้ใดมิได้ขาน เป็นช้านานนางให้ซ้ำร้องคำหลัง มิให้เราเข้าไปก็ไม่ฟัง จะฟันพังประตูเข้าบูรี สักครู่หนึ่งจึงเห็นคนบนหอรบ นั่งนอบนบนางวัณฬามารศรี ร้องถามชายนายขอเฝ้าพระเสาวนีย์ ออกมานี้ราชการสถานใด ฯ ๏ ขอเฝ้าว่ามาช่วยหน่อวรนาถ ดำริราชสงครามตามวิสัย ทั้งเยี่ยมเยือนเหล่าพลสกลไกร ตามพระทัยกรุณาทั้งธานี เร็วเร็วเถิดเปิดบานทวารรับ รถจะได้ไปประทับพลับพลาศรี จะขัดขวางค้างอยู่นอกบูรี โทษจะมีเหมือนขบถประทษร้าย ฯ ๏ พวกหอรบหลบหน้าโยธาหาญ จึงเปิดบานประตูได้ดังใจหมาย เข้าในเมืองเนื่องมาประดานาย กราบถวายวันทาพร้อมหน้ากัน เชิญประทับพลับพลาตรงหน้าป้อม ทหารล้อมวงรอบเป็นขอบขัณฑ์ นางกษัตริย์ตรัสสั่งคนทั้งนั้น เองพากันไปบอกพระมังคลา ให้พาน้องสองหลานทหารเก่า มาหาเราเราธุระจะมาหา ฝ่ายขุนนางพรางความตามสัญญา พระไปวังลังกาได้ห้าวัน วางพระทัยให้ข้ารักษาด่าน ราชการเตรียมตรวจกันกวดขัน นี่หากพระเสด็จมาจึงพากัน มาคอยรับอภิวันท์ฟังบัญชา ฯ ๏ นางตรัสถามความเรื่องเมืองผลึก มาขังตึกไว้ที่ไหนจะไปหา ทั้งพระยศทศวงศ์ซึ่งส่งมา มึงช่วยพาไปให้พบประสบกัน ฝ่ายฝรั่งฟังตรัสให้ขัดข้อง กลัวจะต้องโทษกรณ์พูดผ่อนผัน ไม่ทราบความตามจริงทุกสิ่งอัน กระหม่อมฉันข้าทหารใช้ราญรอน นางเคืองขัดตรัสด่าพวกข้าเฝ้า มึงโฉดเฉาช่างไม่บอกพูดหลอกหลอน จะทำให้ไพร่ฟ้าประชากร ได้เดือดร้อนรบราต้องฆ่าฟัน กูเคยพบรบสู้เคยรู้เห็น ที่ยุคเข็ญเย็นร้อนคิดผ่อนผัน มึงสอพลอยอเจ้าทิ้งเผ่าพันธุ์ จะพากันฉิบหายล้มตายไป กูเลี้ยงลูกปลูกฝังเห็นพลั้งผิด จึงตามติดคิดแต่จะแก้ไข มึงขัดขวางอย่างนี้จะมีภัย ไสหัวไปให้พ้นอ้ายคนพาล ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีเห็นที่ขัด เข้าห้องผลัดเครื่องประดับสำหรับทหาร ใส่เกราะเพชรเตร็จตรัจชัชวาล แล้วถือขวานออกหน้าพลับพลาพลัน ประกาศว่าข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ เป็นข้าบาทบทเรศทั้งเขตขัณฑ์ ใครเสียสัตย์ขัดข้องคิดป้องกัน กูจะฟันเสียให้ตายทำลายลง ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลคนผู้เฒ่าชาวผลึก ต้องเฝ้าตึกปัดเป่ากวาดเผ้าผง ได้ยินความถามไต่ดังใจจง จึงเดินตรงเข้าไปทูลซึ่งมูลความ อันองค์พระมเหสีบุตรีผลึก ต้องใส่ตึกกักขังอยู่ทั้งสาม ทหารล้อมพร้อมคุมทุกทุ่มยาม จงทราบความตามจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬารำภาสะหรี ต่างยินดีด้วยได้จริงทุกสิ่งสรรพ์ จากพลับพลาพาขอเฝ้าเหล่ากำนัล ผู้เฒ่านั้นนำไปเหมือนใจจง ถึงตึกขังบังห้องทั้งสองตึก พวกผลึกทูลความตามประสงค์ ฝ่ายฝรั่งพรั่งพร้อมพวกล้อมวง เห็นโฉมยงองค์ละเวงกลัวเกรงครัน ต้องหลีกเหล่าชาววังไปทั้งพวก แล้วถอดหมวกเหมือนไหว้เจ้าไอศวรรย์ กุญแจใส่ใบบานเอาขวานฟัน แล้วตามกันเข้าในห้องทั้งสองนาง ฯ ๏ เห็นองค์พระมเหสีบุตรีน้อย ซูบเศร้าสร้อยมิได้หวีเกศีสาง เข้ากราบลงตรงที่เพลาพี่นาง สะอื้นพลางนางวัณฬาโศกาลัย โอ้พระพี่วิบากมายากแค้น ต้องโศกแสนเศร้าหมองไม่ผ่องใส มิควรเป็นเวรสร้างแต่ปางใด จึงทำให้ขัดขวางถึงอย่างนี้ เพราะลูกชั่วตัวน้องก็ต้องผิด อย่าเพ่อคิดถือโกรธโปรดเกศี เสียแรงน้องครองสัตย์สวัสดี นึกเหมือนพี่ร่วมครรภ์ไม่ฉันทา เพราะเจ้ากรรมทำเข็ญให้เป็นโทษ เสียประโยชน์ญาติวงศ์เผ่าพงศา แต่ทราบข่าวเช้าค่ำกลืนน้ำตา เหมือนน้องฆ่าพี่นางให้วางวาย ฯ ๏ ส่วนสุวรรณมาลีเห็นดีนัก กอดน้องรักร้องไห้จิตใจหาย สะอื้นอ้อนอ่อนระหวยระทวยกาย พระหัตถ์ฟายชลนาร่ำจาบัลย์ เป็นบุญแท้แม่ละเวงวัณฬาน้อง เหมือนร่วมท้องดีจริงทุกสิ่งสรรพ์ สาพิภักดิ์รักพี่เหมือนชีวัน จะสู้ม้วยด้วยกันไม่ฉันทา ถึงลูกเต้าเขาชังก็ช่างเขา แต่ใจเราเรายังรักกันหนักหนา ลูกกำเนิดเกิดครรภ์แม่วัณฬา เหมือนลูกพี่มิได้ว่าแม่อาธรรม์ ทั้งสองนางต่างสลดกำสรดสะอื้น สุดจะขืนฝืนแรงกันแสงศัลย์ สิ้นกำลังทั้งสองตระกองกัน สะอื้นอั้นอ่อนซบสลบลง ทั้งรำภาสะหรีโศกีร่ำ เรียกเอาน้ำหอมชโลมโสรจโซมสรง เกสรสดรสรื่นค่อยฟื้นองค์ ต่างดำรงหฤทัยให้ประทัง นางวัณฬาว่าน้องจะเชิญพระพี่ ไปส่งที่เมืองใหม่เหมือนใจหวัง ทั้งทรงยศทศวงศ์ดำรงวัง คืนไปยังรมจักรนครา สุมาลีดีใจปราศรัยสนอง ขอบคุณของน้องรักนั้นหนักหนา อันทรงยศทศวงศ์ซึ่งส่งมา เขามิให้ไปหาพูดจากัน แม่ควรช่วยด้วยเป็นวงศ์ของทรงเดช คืนนิเวศน์เวียงชัยไอศวรรย์ นางคำนับรับคำชวนกำนัล เชิญสุวรรณมาลีบุตรีมา เข้าตึกท้าวทศวงศ์เห็นทรงยศ ต่างประณตน้อมประนมก้มเกศา ส่วนสององค์ทรงศักดิ์เพ่งพักตรา เห็นแม่นมั่นวัณฬาสุมาลี ลดพระองค์ลงใกล้ไห้สะอื้น ต้องแตกตื่นตายเป็นไม่เห็นผี เพราะลูกเจ้าเอามาขังไว้ดังนี้ มิรู้ที่ทำกระไรที่ไหนเลย หรือทดแทนแค้นเคืองแต่เรื่องหลัง ต้องพลาดพลั้งพลอยทุกข์เพราะลูกเขย ก็คิดว่าการุญได้คุ้นเคย มิควรเลยจริงจริงนะแม่ละเวง ฯ ๏ นางวัณฬาสารภาพพึ่งทราบเกล้า ว่าลูกเต้าเจ้ากรรมทำข่มเหง ไม่บอกแม่แต่มันคิดกันเอง ไม่ยำเยงเกรงพระราชอาชญา แต่ลูกนี้มิได้เป็นใจด้วย จะคิดช่วยกำจัดตัดเกศา ทั้งสององค์ทรงธรรม์จงกรุณา แต่ตัวข้านี้ได้โปรดยกโทษทัณฑ์ ที่ลูกหลานพาลผิดคิดขบถ มันคนคดควรฆ่าให้อาสัญ จะเชิญองค์ทรงเดชคืนเขตคัน ทั้งกำนัลเสนาชาวธานี ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ว่าอ่อพ่อขอโทษ มาหลงโกรธแม่วัณฬารำภาสะหรี เออลูกเต้าเล่าก็เป็นไปเช่นนี้ ไม่พอที่ทำข่มเหงกันเองเลย นางพระยามานั่งลูบหลังไหล่ แม่ขอบใจแม่วัณฬานิจจาเอ๋ย ได้พบเห็นเป็นบุญได้คุ้นเคย อย่าโกรธเลยลูกเต้าเหมือนเผ่าพันธุ์ ถึงเด็กผิดคิดอาลัยผู้ใหญ่ซื่อ มิควรถือโทษกรณ์พอผ่อนผัน แม่วัณฬามาลีนี้ดีครัน รู้รักกันนี่กระไรขอบใจจริง จะรุ่งเรืองเลื่องลือมีชื่อเสียง ได้สืบเยี่ยงอย่างเลิศประเสริฐหญิง รักกันไปให้ตลอดอย่าทอดทิ้ง มีแต่สิ่งสรรเสริญเจริญใจ ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างคำนับน้อมรับสั่ง อยู่พร้อมพรั่งทั้งรำภาอัชฌาสัย เชิญสองท้าวสาวสรรค์กำนัลใน เสด็จไปรถประทับที่พลับพลา ท้าวทศวงศ์องค์พระมเหสี รำภาสะหรีมียศร่วมรถา สุมาลีพี่น้องสองธิดา ทั้งวัณฬาร่วมรถบทจร พวกไพร่พลคนผลึกรมจักร มาพร้อมพรักพรูตามหลามสลอน ฝ่ายฝรั่งลังกาพลากร ต่างใส่กลอนปิดบานทวารบัง นายทหารด้านเหนือใส่เสื้อหมวก เป็นพวกพวกขี่ม้าล้อมหน้าหลัง แล้วร้องว่าอย่าทำแต่ลำพัง พระเจ้าลังกากษัตริย์ตรัสกำชับ ให้ขุนนางต่างพระทัยนัยน์เนตร รักษาเขตคอยเสด็จจนเสร็จกลับ แม้ผู้ใดไม่ฟังบทบังคับ ก็จะจับฆ่าฟันให้บรรลัย เมืองผลึกรมจักรเป็นนักโทษ ยังไม่โปรดพระจะมาพาไปไหน คืนส่งมาข้าพเจ้าจะเอาไป ใส่ไว้ในตึกขังจึงบังควร ฯ ๏ ขณะนั้นวัณฬารำภาสะหรี ฟังเสนีเนรคุณคิดหุนหวน ออกยืนด่าข้าเฝ้าเจ้าสำนวน มึงไม่ควรขัดข้องจองหองนัก กูบำรุงกรุงไกรยกให้ลูก ช่วยฝังปลูกแปลกกูไม่รู้จัก พลอยสอพลอก่อศึกทำฮึกฮัก พวกอ้ายอกตัญญูเหมือนงูพิษ มึงคิดร้ายหมายสู้กูหรือนี่ ว่าไม่มีวาสนาอาชญาสิทธิ์ ขืนขัดขวางทางไว้มึงไม่คิด ประเดี๋ยวนี้ชีวิตจะวายวาง ฯ ๏ ฝ่ายเสนาว่าพระองค์ดำรงราชย์ ก็สิทธิ์ขาดสารพัดไม่ขัดขวาง ครั้นตรัสมอบขอบคันสวรรยางค์ ให้ขุนนางเชื่อฟังพระมังคลา ต้องถือน้ำทำสัตย์เพราะตรัสสั่ง จึงเชื่อฟังทรงยศโอรสา เดี๋ยวนี้พระจะกลับบังคับบัญชา เจ้าลังกาก็จะต้องเป็นสององค์ แม้ออกโอษฐ์โปรดขอต่อหน่อนาถ อนุญาตยอมตามความประสงค์ ไม่ขัดเคืองเบื้องบาทมาตุรงค์ ซึ่งพระองค์จะมาทำแต่ลำพัง เหมือนถอดหน่อวรนาถราชโอรส ให้เสียยศเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง ข้าทูลห้ามปรามไว้พระไม่ฟัง โทษข้าทั้งปวงนี้ถึงที่ตาย แต่พวกพ้องสองเมืองที่เคืองขัด จะต้องตัดเอาศีรษะไว้ถวาย ไม่รบสู้อยู่เกล้าเป็นเจ้านาย คนอื่นหมายมิให้ออกนอกกำแพง ฯ ๏ นางรำภาว่าอุเหม่อ้ายเดรฉาน ยังต้านทานทุ่มเถียงขึ้นเสียงแข็ง มากั้นกางขวางขัดสกัดสแกง มึงจะแกล้งกลบพระเสาวนีย์ ธรรมเนียมนาถมาตุรงค์มิ่งมงกุฎ ควรช่วยบุตรบำรุงซึ่งกรุงศรี ถึงหน่อไทไม่อยู่ในบูรี พระชนนีชี้ขาดราชการ ก็ควรฟังทั้งหมดช่วยปลดเปลื้อง ให้บ้านเมืองเรืองสมบัติพัสถาน ถ้าทำผิดกิจกษัตริย์ไม่ทัดทาน จะเกิดการยุคเข็ญไม่เว้นวาย ทุกวันวุ่นขุ่นเคืองด้วยเรื่องรบ จะเกลื่อนกลบเกลี่ยไกล่เสียให้หาย มึงขืนขวางทางไว้ทั้งไพร่นาย จะต้องตายโหงทั่วทุกตัวคน แล้วแต่งองค์ทรงม้ามือคว้าขวาน ไล่ทหารมิให้ขวางทางถนน ทั้งนายไพร่ไม่รบหลีกหลบวน นางเร่งพลขับรถบทจร ฯ ๏ ฝ่ายโยธาฝรั่งออกตั้งรับ ล้อมหน้าหลังคั่งคับสลับสลอน นางรำภากล้าหาญไล่ราญรอน มันกลับย้อนแยกวิ่งจับหญิงชาย ฉุดลากเหล่าชาวผลึกรมจักร เสียงคึกคักร้องกรีดหวาดหวีดหวาย นางไล่ฟันโยธาข้างหน้าตาย มันเข้าท้ายรถไล่ฆ่าไพร่พล พวกขอเฝ้าเจ้ากรมออกสมทบ ช่วยเจ้ารบรอนรับกันสับสน นางรำภาฆ่านายตายหลายคน มันฆ่าพลพวกตามตายครามครัน ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์นงลักษณ์อัคเรศ คิดสมเพชพวกโยธาที่อาสัญ จึงตรัสห้ามรำภาสะหรีนั้น อย่าฆ่าฟันให้ตายวายชีวา จะกลับไปให้เขาขังไว้ดังเก่า ด้วยพวกเรายับย่อยน้อยหนักหนา นางละเวงเกรงว่าพระมังคลา จะให้ฆ่าห้ากษัตริย์ด้วยขัดใจ จึงร้องว่าฝรั่งสิ้นทั้งหลาย บอกเจ้านายมึงให้แจ้งแถลงไข อันพวกพ้องสองพารากูพาไป รักษาไว้ในวังเมืองลังกา ถ้าลูกกูรู้จักรักพ่อแม่ อย่าถือแต่ยศศักดิ์ให้หนักหนา แล้วให้กลับขับรถเลี้ยวลดมา นางรำภาอยู่หลังระวังระไว เปิดทวารบานบังออกหลังด่าน เหล่าทหารมิได้ห้ามปรามไฉน รีบแรมทางกลางป่าพนาลัย ถึงกรุงไกรพร้อมเพรียงเข้าเวียงวัง ให้สองท้าวสาวสนมรมจักร สำนักพักตึกทองทั้งสองหลัง ทอดยี่ภู่ปูสุวรรณบัลลังก์ แท่นที่ตั้งอย่างกษัตริย์ขัตติยา ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ อยู่ตึกจัตุรมุขเป็นสุขา ทั้งลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา พร้อมทั้งข้าหลวงเหล่าพวกสาวใช้ นางวัณฬาอารีปรนนิบัติ มิได้ขัดเคืองวิญญาณ์อัชฌาสัย เลี้ยงทั้งเหล่าชาวพลสกลไกร ทั้งนายไพร่ได้เป็นสุขทั่วทุกคน ฯ ๏ แต่ฝ่ายข้างนางละเวงวัณฬาราช แค้นหน่อนาถนึกเห็นไม่เป็นผล แกล้งแอบแฝงแต่งให้พวกไพร่พล ไล่ฆ่าคนข่มเหงไม่เกรงใจ ข้างพวกพ่อก็ทำระยำยับ ทั้งไม่นับถือแม่พูดแก้ไข พลางตรัสถามสามนางคิดอย่างไร ลูกกลับไปเป็นศัตรูมาดูแคลน ทั้งสามนางต่างว่าหนักหนาหนัก เหมือนเลี้ยงรักลูกเสือร้ายเหลือแสน จะช่วยชุบอุปถัมภ์กลับทำแค้น เหมือนเหยียบแผ่นดินผิดจนจิตใจ นางวัณฬาว่าเพราะพระสังฆราช สอนให้ขาดญาติวงศ์จึงหลงใหล น่าแค้นเหลือเชื่อพระจำจะไป ต่อว่าให้ขาดกันเสียวันนี้ จึงแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วเยื้องย่าง พร้อมสามนางกับเหล่านางสาวศรี ทั้งสี่องค์ทรงวอจรลี ถึงกุฎีขึ้นบันไดเข้าในประตู ฯ ๏ พอผันแปรแลเห็นพระสังฆราช นั่งบนอาสน์อิงหมอนมือยอนหู ไม่ก้มเกล้าเข้าไปนั่งตั้งกระทู้ ท่านขรัวครูสอนสั่งเจ้ามังคลา เหมือนลูกเสือเหลือเอกลอยเมฆแท้ ขาดพ่อแม่เผ่าพงศ์พวกวงศา คิดว่าช่วยแม่บำรุงกรุงลังกา มิรู้มากลับเป็นไปเช่นนี้ ช่างยุยงส่งเสริมให้เหิมฮึก จนเกิดศึกรบพุ่งถึงกรุงศรี เพราะสั่งสอนบอนบอกนอกบาลี จนเกิดดีดีแตกแหลกระยำ เสียแรงเชื่อถือว่าเหมือนตาปู่ จะค้ำชูช่วยชุบอุปถัมภ์ มาหลงเชื่อเสือเฒ่าตัวเจ้ากรรม ช่างแนะนำทำให้ขาดญาติกา ฯ ๏ บาทหลวงฟังนั่งตะลึงแล้วจึงถาม มันเกิดความอย่างไรมึงอึงหนักหนา ว่าปากบอนสอนสั่งมังคลา กูพูดจาว่ากระไรบอกให้รู้ ไม่ไต่ถามหยามหยาบบาปนะวะ กูเป็นพระจะทะเลาะไม่เพราะหู ถึงลูกเต้าเอามาไว้ที่ในกู สอนให้รู้สารพัดกลับขัดใจ ฯ ๏ นางวัณฬาว่าเพชรก้อนเก็จแก้ว เขาขอให้ไปเสียแล้วเป็นไหนไหน ใครบอนบอกออกให้รู้ครูหรือใคร สอนให้ไปชิงเขาเผาพารา เที่ยวรบพุ่งกรุงผลึกรมจักร ให้เสียศักดิ์สุริย์วงศ์เผ่าพงศา จับสองท้าวสาวสรรค์กัลยา กับสร้อยสุวรรณจันทร์สุดาสุมาลี มาขังไว้ในด่านดงตาลตึก จนเกิดศึกรบพุ่งถึงกรุงศรี เสียเมืองใหม่ไพร่นายวายชีวี ตัวต้องหนีเข้าไปอยู่หมู่ดงตาล ครั้นรู้ความตามไปจะไกล่เกลี่ย ก็หลบเสียให้แม่พบแต่ทหาร ให้รบแม่แต่ล้วนอ้ายน้ำใจพาล เพราะอาจารย์ฝึกหัดจึงตัดรอน จนรบราฆ่าฟันกันออกวุ่น เพราะเจ้าคุณหรือมิใช่หรือใครสอน อยู่กุฎีมีสุขไม่ทุกข์ร้อน เหมือนเสือนอนกินควายสบายครัน ฯ ๏ บาทหลวงว่ามาพาโลอีโกหก สัตว์นรกเนรคุณทำหุนหัน ไม่ไต่ถามความหลังสิ้นทั้งนั้น กูบอกมันตามจริงผิดสิ่งใด บวชเป็นพระจะให้ว่ามุสาวาท จะมิขาดศิลถือหรือไฉน ข้าตัดรอนสอนสั่งเมื่อครั้งไร มาแกล้งใส่โทษว่าสารพัด อันลูกเต้าเหล่ากอกับพ่อแม่ ก็สุดแท้แต่น้ำใจวิสัยสัตว์ เหมือนอย่างผัวตัวบ้างกูง้างคัด มึงจะตัดหรือวะอีละเวง อ้ายมังคลาบ้าลำโพงโกงเหมือนแม่ มันเอาแต่ตามอารมณ์ทำข่มเหง ลูกในท้องของตัวไม่กลัวเกรง มาครื้นเครงโกรธกูเป็นครูบา โทษเอาผัวตัวมึงจึงจะถูก ที่ทำลูกล้างวงศ์เผ่าพงศา มาลบหลู่กูแก่ชแรชรา มึงฟันฆ่าเสียเถิดวะเป็นพระบอน เมื่อผัวอยู่กูก็ผิดกูคิดสู้ ถึงลูกเต้าเล่าก็กูเป็นครูสอน ต้องอับอายหลายทีทีนี้นอน ให้มึงถอนเถือเนื้อใส่เกลือกิน ใครหายใจไม่ออกถึงนอกฟ้า ผิดก็มาอยู่กับกูไม่รู้สิ้น กูอาศัยในแดนรักแผ่นดิน มึงกลับนินทาว่าสารพัน ฯ ๏ นางวัณฬาว่าเป็นครูรู้ว่าผิด ไม่ห้ามศิษย์สั่งสอนช่วยผ่อนผัน จนเกิดศึกครึกครื้นทุกคืนวัน ไม่ช่วยห้ามปรามมันคิดฉันใด ฯ ๏ บาทหลวงว่าวิสัยในมนุษย์ ฟันจะหลุดแล้วก็ห้ามปรามไม่ไหว ห้ามเกศาว่าอย่าหงอกยังนอกใจ มันขืนหงอกออกจนได้มันไม่ฟัง กูทำดีมีแต่ผิดไม่คิดหลาบ มึงมาหยาบหยามว่าเหมือนบ้าหลัง สาพิภักดิ์จักตายเสียหลายครั้ง เหลือกำลังช่างใครไม่ใช่การ ฯ ๏ นางละเวงเกรงบาปไม่หยาบหยาม คิดถึงความซื่อตรงก็สงสาร ชลีลาพาหญิงพวกศฤงคาร ไปปราสาทราชฐานรำคาญใจ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลามหาราช ได้แบบบาทหลวงแจ้งแถลงไข รู้ตำรับทัพศึกต้องตรึกไตร แล้วฝึกไพร่พลรบรู้ครบครัน ให้ตั้งค่ายใหญ่น้อยร้อยแปดค่าย เป็นหลั่นรายเรียบไปในไพรสัณฑ์ แบ่งคนไว้ไพร่นายค่ายละพัน ธงสำคัญสัญญารบราวี มีปืนลากขวากล้อมไว้พร้อมหมด ชื่อค่ายทศเทวาเป็นราศี ร้อยแปดค่ายหมายได้แม้ไพรี มาโจมตีมิได้รอดตลอดไป ริมธานีมีลำแม่น้ำกว้าง เหมือนลำรางลงเชี่ยวเป็นเกลียวไหล จัดเรือน้อยร้อยลำประจำไว้ จะได้ใช้สอยสำหรับจับไพรี ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระอภัยเจ้าไตรภพ ทำการศพกับพระน้องทั้งสองศรี พอเสร็จเมรุเดือนอ้ายเป็นปลายปี ได้ฤกษ์ดีสี่ค่ำเป็นสำคัญ มาพร้อมพรักชักศพสองกษัตริย์ เข้าเมรุรัตน์รุ่งเรืองดังเมืองสวรรค์ มีโขนละครมอญรำระบำบรรพ์ บ้างรำเต้นเล่นประชันเสียงครั่นครึก พอราตรีมีดอกไม้ไฟสว่าง โป้งปีบช้างชิงร้องเสียงก้องกึก เล่นหนังฆ้องกลองสนั่นลั่นพิลึก อึกทึกครึกครื้นทุกคืนวัน พวกไพร่ฟ้ามาประชุมแก่หนุ่มสาว เจ๊กมอญลาวแขกไทยทั้งไอศวรรย์ เป็นหมู่หมู่ดูงานการประชัน เกษมสันต์สรวลเสกันเฮฮา หนุ่มตะกอพอใจเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง เข้าพาดพิงพวกนางต่างภาษา เขมรเมียงเคียงทวายทำชายตา ว่านักเอ๊ยตุยนาสะลามะลู นางทวายอายเอียงพูดเสียงแปร่ง มะแวงแฉ่งพะเอเปอะสู เจ้ามอญว่าอาละกูลทิ้งปูนพลู ลาวบ่ฮู้บ่หันบ่ยั่นน้อ พวกไทยปาตลีบุตรว่าหยุดก่อน ชาวละครร้องฮื้อทำพรื้อพ่อ เจ๊กเห็นสาวชาวชวาร้องว่าฮ้อ แขกว่ายอละเดไพล่เผลความ บ้างเพลิดเพลินเดินดูงานการฉลอง ออกเนืองนองท้องแถวแนวสนาม ลูกสาวหายหลายแห่งเพราะแต่งงาม พ่อแม่ตามถามไต่ก็ไม่พบ สมโภชถึงครึ่งเดือนไม่เคลื่อนคลาด พร้อมพระญาติประยูรวงศ์ปลงพระศพ แล้วเก็บพระอัฐิท้าวเจ้าพิภพ ไว้มณฑปจบเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ พอผู้ถือหนังสือเรื่องเมืองผลึก บอกข่าวศึกรมจักรซึ่งหักหาญ ถึงพร้อมกันวันฤกษ์เมื่อเลิกงาน พระอ่านสารทราบว่าเสียธานี ตกพระทัยไหวหวาดอนาถนัก พระวรพักตร์หม่นหมองทั้งสองศรี จะเลิกทัพกลับไปปราบไพรี ยังไม่มีกษัตริย์ครองรัตนา จึงมอบแดนแผ่นดินให้สินสมุทร อรุณนุชดำรงสืบวงศา ศึกสำเร็จเสร็จสรรพจะกลับมา ให้อำมาตย์มาตยารักษาไว้ จัดสำเร็จเสร็จลงทรงกำปั่น ทั้งศรีสุวรรณลอยลำตามน้ำไหล ฝ่ายอนุชาทูลลาพี่ยาไป เยี่ยมกรุงไกรรมจักรนัครา พระอภัยไปกับสินสมุทร ไม่ยั้งหยุดแยกทางต่างทิศา ตามขอบคุ้งมุ่งหมายสายคงคา ทุกคืนค่ำร่ำมาไม่ราใบ ฯ ๏ ฝ่ายพระน้องล่องลมถึงรมจักร เสียทรงศักดิ์เศร้าหมองไม่ผ่องใส พระอัคเรศเกษราโศกาลัย ถึงท้าวไทบิตุราชมาตุรงค์ โอ้พระคุณทูลกระหม่อมจะตรอมโศก ชราโรครุมเติมจะเคลิ้มหลง จะง่วงเหงาเศร้าหมองทั้งสององค์ จะซูบทรงสรงเสวยจะเลยละ พระพลัดพรากจากวังไปทั้งสอง เหมือนตัวของน้องนี้เสียศีรษะ จะกำสรดอดบรรทมลมปะทะ สงสารพระจะระทดสลดพระทัย ทั้งมดหมอก็ไม่ได้เอาไปด้วย ใครจะช่วยดูแลคิดแก้ไข แสนสงสารผ่านฟ้าเหลืออาลัย สะอื้นไห้ไม่หยุดทั้งบุตรี ฯ ๏ ศรีสุวรรณกันแสงขืนแข็งจิต ให้แค้นคิดขุ่นข้องมัวหมองศรี จะติดตามข้ามไปปราบไพรี ออกนั่งที่พระโรงรัตน์ชัชวาล เสนาน้อมพร้อมพรั่งสั่งพี่เลี้ยง ให้อยู่เวียงวังนิเวศน์ประเทศสถาน จัตุสดมภ์กรมนาอย่าช้าการ เกณฑ์ทหารห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์ ให้บุตรพราหมณ์สามนายเป็นซ้ายขวา เจ้ากฤษณานำพหลพลขันธ์ ทัพหลวงเข้าบรรจบสมทบกัน จัดกำปั่นร้อยลำประจำพล ฯ ๏ ผู้รับสั่งบังคมมาสมทบ จัดเรือรบกองทัพวิ่งสับสน ใส่ข้าวน้ำลำเลียงเสบียงคน บ้างก็ขนเครื่องอาวุธยุทธนา เจ้ามะหุตกำกับกองทัพซ้าย เจ้ายุขันนั้นฝ่ายข้างปีกขวา มังกรนำกำกับทัพโยธา พระกฤษณากองหนุนเป็นขุนพล แล้วจัดแจงแต่งชำระเรือพระที่นั่ง ลงพร้อมพรั่งล้าต้าแลต้นหน ทั้งเรือแห่แลสล้างลอยกลางชล บรรจุพลพร้อมเพรียงเรียบเรียงกัน ฯ ๏ กษัตราอ่าองค์สรงสุหร่าย สกนธ์กายเปล่งฉวีดังสีบุหลัน แล้วปรายประพระสุคนธ์ปนอำพัน ทรงสุคันธรสรื่นชื่นชูใจ จัดประจงทรงเครื่องเรืองระยับ มงกุฎจอนซ้อนประดับดอกไม้ไหว ครั้นเสร็จสรรพจับคทาแล้วคลาไคล กำนัลในนางห้ามตามลีลา เสด็จลงทรงกำปั่นสุวรรณรัตน์ พร้อมขนัดพลนิกายกองซ้ายขวา นายทหารขานโห่ก้องโกลา ปืนสัญญายิงลั่นสนั่นดัง ออกลอยลำกำปั่นเป็นหลั่นล่อง เสียงฆ้องกลองเซ็งแซ่ทั้งแตรสังข์ ออกมหาสาชลข้ามวนวัง ทั้งหน้าหลังแล่นตามกันหลามทาง ฯ ๏ ฝ่ายเรือพระอภัยมาในสมุทร รีบแล่นรุดเร็วลัดไม่ขัดขวาง ต้นหนหมายสายน้ำมาท่ามกลาง กำหนดทางสามเดือนไม่เคลื่อนคลาย ถึงกรุงไกรไม่เห็นพักตร์อัคเรศ อนาถเนตรนึกในพระทัยหาย สงสารบุตรสุดแค้นแสนเสียดาย ระทวยกายลงบนอาสน์เพียงขาดใจ ทั้งแสนแค้นแสนสลดระทดเทวษ น้ำพระเนตรมิรู้สิ้นรินรินไหล โอ้กรรมเอ๋ยเคยสร้างไว้ปางไร ลูกในไส้หรือมาเป็นไปเช่นนี้ นึกแค้นด้วยว่าเป็นเนื้อไม่เกื้อหนุน ซ้ำทารุณรบพุ่งเอากรุงศรี สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาสุมาลี ป่านฉะนี้เป็นไฉนเหลือไกลกัน เมื่อเรือแตกแยกย้ายเหมือนตายแล้ว กลับได้แก้วกลอยใจมาไอศวรรย์ เมื่อทุกข์มีพี่คลั่งไปครั้งนั้น ทมิฬมันมาสมทบรบบุรี เจ้าคุมทัพรับท้าวเก้าประเทศ ไม่เสียเขตแขกตายพลัดพรายหนี ทัพลังกาฝรั่งมาครั้งนี้ กลับเสียทีทั้งตัวจากผัวไป โอ้เป็นเคราะห์เพราะประมาทจึงพลาดพลั้ง ด้วยนึกหวังว่าเป็นเนื้อในเชื้อไข จะคิดอ่านผลาญมันให้บรรลัย แล้วแข็งใจกลืนกล้ำกลั้นน้ำตา ฯ ๏ ไปปราสาทมาตุรงค์พระทรงยศ น้อมประณตบังคมก้มเกศา แล้วทูลถามความโศกโรคชรา นางพระยายังไม่รู้ว่าผู้ใด ทรงแว่นส่องมองเขม้นเห็นลูกเขย พ่อคุณเอ๋ยมาดีจะมีไหน อ้ายฝรั่งลังกาคุมข้าไท มาจุดไฟไหม้รอบขอบบุรี อันเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร ไม่ต้านทานราญรบต่างหลบหนี พวกกองทัพจับธิดาสุมาลี ไปฆ่าตีหรือจะอยู่ไม่รู้เลย แล้วโศกาว่าสงสารพระหลานรัก เสียยศศักดิ์สิ้นบุญพ่อคุณเอ๋ย จะลำบากยากไร้ยังไม่เคย เมื่อไรเลยจะได้มาเห็นหน้ากัน อันตัวแม่แก่ชราหูตามืด ไม่ยาวยืดยืนชีวาจะอาสัญ พ่อมียศทดแทนแก้แค้นมัน คืนสุวรรณมาลีบุตรีมา ฯ ๏ พระนบนอบตอบถ้อยให้ค่อยชื่น คงได้คืนเวียงวังไม่กังขา ลูกจะตามข้ามฝั่งไปลังกา พิฆาตฆ่าโคตรมันให้บรรลัย พระมาตุรงค์สรงเสวยอย่าเลยละ พระโรคจะผันแปรแก้ไม่ไหว แล้วทูลลาพาสนมกรมใน เสด็จไปพระโรงรัตน์ชัชวาล พร้อมพฤฒาข้ารองละอองบาท อภิวาทดาษดาแน่นหน้าฉาน พระเอื้อนอรรถตรัสประภาษราชการ เรามีภารธุระไปไกลบุรี ได้สั่งเหล่าท้าวพระยาพวกข้าเฝ้า อยู่แทนเราบำรุงซึ่งกรุงศรี ตัวละให้อ้ายฝรั่งทำดังนี้ โทษจะมีบ้างหรือไม่จะใคร่รู้ ฯ ๏ พวกข้าเฝ้าท้าวพระยาสารภาพ ต่างก้มกราบเกรงกลัวตัวเป็นหนู ซึ่งเสียวังจังหวัดแก่ศัตรู ไม่ทันรู้สู้รบคิดหลบกาย ข้าพเจ้าเหล่านี้ล้วนมีโทษ ถึงสิ้นโคตรฆ่าริบให้ฉิบหาย แม้ยกโทษโปรดไว้อย่าให้ตาย ทั้งไพร่นายขออาสาฝ่ายุคล ไปรบพุ่งกรุงลังกาฆ่าฝรั่ง ให้สิ้นทั้งชายหญิงชาวสิงหล ถ้าต่อตีมิได้ทั้งไพร่พล สับให้ป่นไปทั้งโคตรอย่าโปรดปราน ฯ ๏ พระตรัสตอบขอบใจทั้งใหญ่น้อย เคยใช้สอยซื่อตรงก็สงสาร จึงสั่งเวรเกณฑ์กันให้ทันการ เลือกทหารชาญณรงค์เคยยงยุทธ์ ทั้งหน้าหลังตั้งกระบวนให้ถ้วนแสน จะแก้แค้นเคี่ยวขับสัประยุทธ์ ลงเรือรบครบสรรพอาวุธ ให้สินสมุทรทัพหน้าตรวจตราพล ฯ ๏ พวกเสนีดีใจอภัยโทษ ไม่กริ้วโกรธกราบงามลงสามหน กลับออกมาหน้าชื่นขึ้นทุกคน รีบจัดพลสิบหมื่นพื้นฉกรรจ์ ลงประจำลำเรือเบิกเสื้อหมวก แจกให้พวกโยธีต่างสีสัน ลำละร้อยลอยกระบวนเรือถ้วนพัน ลำที่นั่งดั้งกันเป็นหลั่นเรียง สินสมุทรลงกำกับกองทัพหน้า ให้ตรวจตราเตรียมเรียกกันเพรียกเสียง จนจุดคบพลบค่ำขนลำเลียง มาพร้อมเพรียงพอสว่างกระจ่างตา ฯ ๏ ฝ่ายพระอภัยมณีเข้าที่สรง น้ำกุหลาบอาบองค์ทรงภูษา ประดับเครื่องเรืองระยับจับพักตรา มงกุฎห้ายอดกระจ่างพลอยพร่างพราย แล้วทรงปี่ลีลาศยาตรย่างเยื้อง นางเชิญเครื่องเนื่องกันตามผันผาย ลงลำทรงตรงขึ้นนั่งบัลลังก์ท้าย ทั้งไพรนายน้อมประนมก้มกราบกราน พอฤกษ์ดีตีฆ้องโห่ร้องรับ ยกกองทัพเรือเรียงเคียงขนาน ขนัดแห่แตรสังข์กังสดาล ประโคมขานฆ้องกลองก้องโกลา ออกอ่าวลึกครึกครื้นดูดื่นดาษ อยู่เกลื่อนกลาดเรียงรายทั้งซ้ายขวา มีหัวหางกลางทะเลเหมือนเหรา ลอยชลาแล่นหลามไปตามกัน สิบห้าคืนคลื่นลมระดมพัด ไม่ข้องขัดข้ามพหลพลขันธ์ พอพร้อมพรั่งทั้งโยธีศรีสุวรรณ ถึงเขตคันขึ้นฝั่งข้างลังกา ฯ ๏ สุดสาครต้อนรับกับพระน้อง บังคมสองทรงเดชพระเชษฐา จึงทูลความตามครั้งรบมังคลา วลายุดาวายุพัฒน์หัสกัน ถึงห้าครั้งตั้งแต่แพ้ชนะ จึงแตกละเมืองใหม่เข้าไพรสัณฑ์ สกัดตีหนีได้จับไม่ทัน ไปตั้งมั่นโยธาอยู่ป่าตาล แล้วเชิญขึ้นวังใหม่อยู่ในตึก ให้พวกผลึกรมจักรพักทหาร แต่งม้าใช้ไปไม่ขาดสืบราชการ จะคิดอ่านผลาญศึกต่างตรึกตรา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเป็นใหญ่ยิ่ง นั่งอาสน์อิงนิ่งนึกแล้วปรึกษา จะขับไล่พลหาญผลาญลังกา จะนินทาว่าไม่ถามวู่วามนัก คิดจะใคร่ให้ผู้ถือหนังสือสาร ไปว่ากล่าวตามโบราณอย่าหาญหัก แม้ดื้อดึงจึงค่อยปรามตามฮึกฮัก หรือน้องรักเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร ศรีสุวรรณอัญชลีว่าดีเหลือ ด้วยเหล่ากอหน่อเนื้อในเชื้อไข ให้หามาถ้ามันขัดตัดอาลัย จึงฆ่าให้สิ้นโคตรตามโทษกรณ์ พระทรงฟังสั่งให้ทำเป็นคำสาร แล้วเทียบทานถูกฉบับพับอักษร ให้เสนีที่ชำนาญการนคร ไปผันผ่อนพูดจาดูท่าทาง ฯ ๏ อำมาตย์รับอภิวันท์แล้วผันผาย มาแต่งกายเร็วรัดไม่ขัดขวาง เรียกบ่าวออกนอกประตูต้นหูกวาง ขึ้นม้าวางห้อไปในไพรวัน พบฝรั่งนั่งทางออกขวางหน้า ต่างพูดจาแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ พวกลังกาพาผู้ถือหนังสือนั้น รีบเดินดั้งดงมาในป่าตาล กราบทูลพระมังคลาให้หาทูต เข้ามาพูดจาถามเนื้อความสาร แล้วตรัสใช้ให้อาลักษณ์พนักงาน คลี่ออกอ่านอักษรบวรลักษณ์ ฯ ๏ สารสมเด็จเกศกษัตริย์อติเรก พระองค์เอกอิศราอาณาจักร ทั้งองค์พระอนุชานราลักษณ์ ประเสริฐศักดิ์สุริย์วงศ์ทรงแผ่นดิน ฝ่ายฝรั่งลังกาอาณาเขต พระอัคเรศครองจังหวัดทรงสัตย์ศิล ผลึกทั้งลังกาสองธานินทร์ เป็นแผ่นดินเดียวกันไม่ฉันทา พระเทวีมีพระหน่อวรนาถ ก็เป็นราชโอรสทรงยศถา ที่จอมวงศ์องค์พระมังคลา วลายุดาวายุพัฒน์หัสกัน ล้วนเหล่ากอหน่อเนื้อในเชื้อชาติ บำรุงราชนราชัยมไหศวรรย์ เหตุไฉนไม่ดำรงรักพงศ์พันธุ์ โดยทางธรรม์ทศพิธผิดโบราณ ไปรบร้าการะเวกรมจักร ทั้งหาญหักเมืองผลึกทำฮึกหาญ กวาดต้อนเหล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน มาทรมานไว้นั้นด้วยอันใด เรายกตามข้ามฝั่งมาครั้งนี้ ด้วยปรานีนับเนื้อในเชื้อไข จะอุปถัมภ์บำรุงซึ่งกรุงไกร ช่วยเกลี่ยไกล่ให้เป็นมิตรสนิทกัน ให้มังคลาพาวลายุดาน้อง กับทั้งสองนัดดานราสรรค์ เชิญสองท้าวสาวสุรางค์นางกำนัล องค์สุวรรณมาลีบุตรีมา จะสั่งสอนผ่อนปรนให้พ้นผิด ตามจริตราชวงศ์เผ่าพงศา จะฆ่าฟันกันเองเกรงนินทา เหมือนมือขวาถือมีดกรีดมือซ้าย เมื่อมือซ้ายฟันฟาดบาดมือขวา ตัวต้องหายาแก้แผลจึงหาย ใครผลาญวงศ์พงศ์พันธุ์ให้อันตราย เหมือนมือซ้ายขาดด้วนไม่ควรคิด วิสัยญาติพลาดพลั้งเหมือนอย่างแผล มียาแก้แผลก็จะกลับสนิท คนอื่นนั้นครั้นประมาทจึงขาดมิตร ต่อไม่ติดแตกห่างอย่างศิลา แม้ลูกหลานอ่านฟังในหนังสือ ยังนับถือบิตุรงค์เผ่าพงศา อย่าควรคิดบิดผันพากันมา หาบิดาโดยดีทั้งสี่องค์ แม้น้ำใจไม่รักสมัครสมาน จะต้านทานทำศึกนึกประสงค์ ก็ตามใจให้เป็นขาดญาติวงศ์ ทั้งสี่องค์จงดำริตริตรองการ ฯ ๏ พอจบคำทำเป็นสั่งบังอะโละ จงแต่งโต๊ะเลี้ยงผู้ถือหนังสือสาร ให้หลับนอนผ่อนตามความสำราญ พนักงานรับลาแล้วพาไป พระตรองตรึกปรึกษากับข้าเฝ้า ฝ่ายพวกเราใครจะเห็นเป็นไฉน จะแข็งอ่อนผ่อนผันทำฉันใด ช่วยตรึกไตรใครครวญให้ควรความ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังตรัสให้ขัดข้อง ต่างตรึกตรองเกรงผิดให้คิดขาม จะขัดขวางอย่างไรก็ไม่งาม ครั้นตรัสถามหลายคำก็จำทูล เหลือปัญญาข้าพเจ้าเหล่าอำมาตย์ ด้วยเป็นชาติเชื้อปิ่นบดินทร์สูร อันวิสัยในพระวงศ์พงศ์ประยูร แล้วแต่ทูลกระหม่อมจอมโลกา ฯ ๏ พระฟังความถามพระน้องทั้งสองหลาน ซึ่งเรื่องสารสั่งให้เราไปหา เห็นไฉนใจพระน้องสองนัดดา จงตรึกตราตรองความให้งามใจ ฝ่ายสามองค์ทูลว่าข้าทั้งสาม สุดแต่ตามพระปัญญาอัชฌาสัย พระมังคลาว่าพระเจ้าสอนเราไว้ ควรเลื่อมใสในคัมภีร์ยีโฮวะ แม้ผิดชาติศาสนาข้างฝรั่ง อย่าเชื่อฟังคบค้าวิสาสะ พวกพงศ์เผ่าเขาไม่ถือหนังสือพระ มิควรจะปะพบไปคบค้า จะพลอยให้ไปตกนรกดอก เขาคนนอกโอวาทพระศาสนา ถือพระเจ้าเราเถิดน้องสองนัดดา เมื่อยกมาแล้วก็คงทำสงคราม พระบารมียีโฮวะคงจะช่วย ไม่เข้าด้วยสัตว์บาปที่หยาบหยาม เราคิดทำคำตอบระบอบความ ให้งดงามตามอารมณ์ชาวชมพู แล้วแต่งสารอ่านเขียนไม่เพี้ยนผิด พับผนิดปิดตราพระราหู ใส่หีบไปให้บิดาทั้งตราชู ส่งให้ผู้ทูตถือหนังสือมา ฯ ๏ ฝ่ายพวกพระอภัยได้รับหีบ ขึ้นม้ารีบมาในไพรพฤกษา ครั้นค่ำค้างหว่างเขากินข้าวปลา ครั้นรุ่งมาห้าวันไม่อันตราย ถึงเมืองใหม่ใกล้ค่ำพอย่ำฆ้อง เชิญหีบของหน่อไทเข้าไปถวาย พระอภัยให้มหาเสนานาย งัดทลายหีบดูตราชูมี เข้าพระทัยในความที่หยามหยาบ จะใคร่ทราบสั่งให้อ่านเรื่องสารศรี อาลักษณ์รับกราบงามลงสามที ฉีกสารศรีอ่านความตามกิจจา ฯ ๏ ในลักษณะพระราชสารสวัสดิ์ จอมกษัตริย์สิงหลภาษา ภิเษกเสริมเฉลิมวังกรุงลังกา บำรุงราษฎร์ศาสนาให้ถาวร มีเมืองน้อยร้อยเอ็ดมาอภิวาท พึ่งพระบาทบุญฤทธิ์อดิศร แก้วประเสริฐเกิดสำหรับประดับนคร เมื่อมารดรครองสมบัติให้ฉัตรชัย ฝ่ายลูกสาวเจ้าพาราการะเวก เอาเพชรเอกออกจากถิ่นแผ่นดินไหว เปลี่ยนกษัตริย์ขัตติยาเสนาใน ชุมนุมให้คืนเพชรแก้วเก็จมา จึงง้องอนวอนขอต่อกษัตริย์ ก็ข้องขัดตัดขาดวาสนา จับฝรั่งสังหารผลาญชีวา จึงเกิดฆ่าฟันกันเป็นอันตราย ไปแจ้งเรื่องเมืองผลึกรมจักร ไม่นับพักตร์แผ่เผื่อว่าเชื้อสาย ยังซ้ำให้ไล่ขับได้อับอาย นึกเสียดายด้วยจะขาดญาติประยูร จึงเชิญวงศ์พงศารับมาไว้ ด้วยอาลัยมิให้ญาตินั้นขาดสูญ ตามวิสัยใจรักศักดิ์ตระกูล ให้พร้อมมูลพูนสวัสดิ์อยู่อัตรา ใช่ปล้นวิ่งชิงสมบัติพัสถาน ซึ่งทำการก็ประสงค์เป็นวงศา หวังว่าพระจะเห็นดีด้วยปรีชา มิใช่พามาสังหารผลาญชีวัน พระหัสไชยใช่ญาติทำอาจหาญ มารุกรานจึงจะฆ่าให้อาสัญ สุดสาครซ่อนซุ่มออกรุมกัน เข้าโรมรันรุกรานชิงด่านไว้ กลับรักเขาเข้าด้วยไม่ช่วยญาติ ดูตัดขาดชาติเชื้อในเนื้อไข เดี๋ยวนี้พระเสด็จมาให้หาไป ทั้งจะให้คืนส่งพระวงศ์วาน ไม่โปรดไว้ใยเยื่อให้เหลือบ้าง เหมือนลบล้างห่างรักสมัครสมาน อย่าเคืองขัดตัดประโยชน์จงโปรดปราน ขอประทานวงศาไว้ธานี ให้สนิทชิดเชื้อนับเนื้อหน่อ เหมือนช่วยชะลอลังกาเป็นราศี เสด็จกลับทัพไปอยู่ยังบูรี อีกสามปีจึงจะพาวงศาไป รมจักรนัคราลังกาผลึก เหมือนทองปึกเดียวดีตามวิสัย แม้ปลดเปลื้องเคืองขัดตัดอาลัย จะขืนให้หักโหมรุกโรมรัน ข้าพเจ้าเหล่านี้ทั้งพี่น้อง สิ้นพวกพ้องวงศาเหมือนอาสัญ จะพลอยพาห้าพระองค์ผู้พงศ์พันธุ์ ต้องมอดม้วยด้วยกันเป็นมั่นคง ฯ ๏ พอจบเรื่องเคืองขัดให้อัดอั้น เพราะหมายมั่นไม่เหมือนจิตคิดประสงค์ พระหัสไชยให้รันทดกำสรดทรง เสียดายองค์สร้อยสุวรรณจันทร์สุดา อยู่ในมันครั้นว่าจักทำหักหาญ มันจะพาลผลาญชีวิตกนิษฐา ทุกข์อารมณ์ลมจับวับวิญญาณ์ เสือกซบหน้าแน่นิ่งไม่ติงกาย สุดสาครช้อนน้องประคองอุ้ม เห็นอ่อนนุ่มนิ่งไปจิตใจหาย ทั้งเสาวคนธ์เข้าประคองเคียงน้องชาย ต่างวุ่นวายเรียกหมอวิ่งสอมา พระอภัยศรีสุวรรณช่วยกันแก้ เห็นนิ่งแน่นวดหลังบีบอังสา หมอเข้าไปไม่ถึงพระอนุชา เอาขวดยานัตถุ์เป่าส่งเสาวคนธ์ หมอนวดเน้นเคล้นคลำอัมพฤกษ์ ค่อยรู้สึกสังเกตฟังเหตุผล ทรงยาดมพรมกุหลาบซาบสกนธ์ หอมสุคนธรสรื่นชื่นพระทัย ระทวยจิตคิดถวิลเหมือนกลิ่นน้อง น้ำเนตรคลองคลอคลอหลั่งหล่อไหล เหลือรำลึกนึกสะท้อนถอนฤทัย ทูลลาไปเข้าห้องทองบรรทม ทอดพระองค์ลงบนแท่นแสนสลด ระทวยระทดทุกข์รักนั้นหมักหมม จนผิดรูปซูบผอมด้วยตรอมตรม เพราะหวังชมชวดชื่นสะอื้นอาย ฯ ๏ ฝ่ายบดินทร์ปิ่นเกล้าเจ้าผลึก จะทำศึกตรึกการประมาณหมาย ออกอำมาตย์มาตยาเสนานาย หมอบเฝ้าฝ่ายซ้ายขวาพร้อมหน้ากัน จึงตรัสว่าฝรั่งซึ่งตั้งรับ จะตีทัพจับฆ่าให้อาสัญ แต่พวกเราเล่าก็ไปอยู่ในมัน จะมีอันตรายบ้างหรืออย่างไร แม้สืบดูรู้ว่าพวกฝรั่ง มันกักขังห้าองค์ไว้ตรงไหน จะผันแปรแก้กลให้พ้นภัย แล้วจะได้ไล่ล้างให้วางวาย พระอนุชาว่าไปจับทัพฝรั่ง มาซักถามความหลังสิ้นทั้งหลาย ไม่ยากเย็นเห็นจะได้ด้วยง่ายดาย แล้วสั่งฝ่ายนายทหารชาญสงคราม จงคุมคนด้นทางไปกลางป่า จับมันมาให้ได้จะไต่ถาม ทหารรับอภิวันท์ไม่ครั่นคร้าม จัดคนสามสิบคนดั้นด้นไป พอฝรั่งนั่งทางจะย่างเนื้อ บ้างแล่เถืออยู่ที่ธารละหานไหล บ้างเดินบ้างนั่งยืนก่อฟืนไฟ เข้าล้อมไล่ลัดแลงทิ่มแทงฟัน ที่วิ่งหนีตีชกให้หกล้ม เข้าจิกผมผูกมัดรัดกระสัน ได้ห้าคนด้นกลับมาฉับพลัน เข้าเขตคันเมืองใหม่ทั้งไพร่นาย กราบทูลพระอภัยสั่งให้ถาม เขียนข้อความตามให้การอ่านถวาย ได้ทราบว่าห้ากษัตริย์ไม่พลัดพราย อยู่ตึกท้ายพาราเมืองป่าตาล นางวัณฬามารับจะกลับส่ง ทั้งห้าองค์คืนเขตประเทศสถาน ฝ่ายฝรั่งสังกัดทูลทัดทาน ปิดเมืองด่านมิให้ออกนอกบุรี นางรำภาฆ่าขุนนางขวางถนน ตายสามคนพลไพร่มันไม่หนี ข้างชาวด่านผลาญขอเฝ้าเหล่าเสนี ตายสักสี่สิบศพสู้รบกัน นางวัณฬาพาพระองค์พงศ์กษัตริย์ ไปจังหวัดเวียงชัยไอศวรรย์ ทั้งข้าไทไพร่นายอีกหลายพัน ไปด้วยกันพร้อมพรั่งอยู่ลังกา ฯ ๏ พระทราบข่าวราวเรื่องเคืองโอรส ทรยศหยาบคายร้ายหนักหนา แล้วเอื้อนอรรภตรัสกับพระอนุชา นางวัณฬาหล่อนก็ดีอารีรัก รำภาเล่าเขาก็ซื่อด้วยถือสัตย์ ประดิพัทธ์เพิ่มพูนประยูรศักดิ์ แต่ลูกเต้าเหล่ากอทรลักษณ์ ไม่รู้จักพ่อแม่ถือแต่ดี จะฆ่าฟันมันให้ตายทำลายล้าง เกรงใจนางวัณฬารำภาสะหรี ส่วนพวกเราเขาเอาไปไว้บุรี จะฆ่าตีลูกเขาเหมือนเบาความ คิดจะใคร่ให้วัณฬาหล่อนมาด้วย จะได้ช่วยกันกำราบที่หยาบหยาม แต่จะได้ใครชำนาญการสงคราม ช่วยติดตามข้ามด่านถือสารไป ศรีสุวรรณอัญชลีพระพี่เจ้า ซึ่งโปรดเกล้านี้ดีจะมีไหน จะจัดแจงแต่งทหารชำนาญไพร ให้อ้อมไปในป่าพนาลี ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นได้ช่อง ใคร่พบน้องสองสุดามารศรี จึงทูลพระอภัยว่าเดิมข้านี้ ดูแผนที่ทั่วทั้งเกาะลังกา มีหนทางข้างพายัพเขาซับซ้อน ต้องซอกซอนแหวกเดินบนเนินผา ฝ่ายฝรั่งตั้งด่านไว้นานมา เขาเรียกว่าด่านบ้านสะพานยนต์ จะอาสาพาทหารหักด่านตั้ง ตีขึ้นไปให้กระทั่งวังสิงหล สองกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบกล นางเสาวคนธ์ว่ากับพระอนุชา เจ้าจงเอาตัวเจ้าวาโหมนั้น ไปด้วยกันการศึกได้ปรึกษา น้องคำนับรับรสพจนา นางสั่งวาโหมให้ไปกับน้อง แล้วว่าเจ้าเข้าไปได้ในด่าน ถ้าเห็นการเกินกำลังเจ้าทั้งสอง จงรอรั้งตั้งทัพอยู่รับรอง พอให้กองทัพใหญ่ยกไปตี จงรบล่อพอพะวงพวกดงตาล แบ่งทหารไปอีกคอยหลีกหนี เราตีค่ายรายทางไปข้างนี้ เห็นท่วงทีแทบจะได้ด้วยง่ายดาย ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ แม่รอบรู้ราชการประมาณหมาย แล้วสั่งพระอนุชาเสนานาย ขุนนางฝ่ายอาลักษณ์อักขรา ให้เขียนความตามเรื่องที่เคืองขัด กับกษัตริย์ทรงยศโอรสา ครั้นเสร็จสรรพพับผนิดแล้วปิดตรา จึงบัญชาสั่งกษัตริย์หัสไชย พ่อไปถึงจึงช่วยปลอบให้ชอบจิต ที่ชอบผิดผันแปรช่วยแก้ไข แทนบิดาอาพี่ที่อาลัย ให้ชอบใจนางวัณฬาสามนารี ฯ ๏ พระรับรสพจนาชวนวาโหม ต่างน้อมโน้มกราบประณตบทศรี มารีบรัดจัดทหารผลาญไพรี ล้วนตัวดีมีศักดากล้าสงคราม พวกวาโหมกองหน้าห้าร้อยถ้วน ใส่เกราะล้วนเหล็กเพชรไม่เข็ดขาม พวกหน่อนาถมหาดเล็กเด็กหนุ่มงาม เคยติดตามแต่น้อยน้อยห้าร้อยคน ล้วนขับขี่ลีลาเลียงผาผยอง ไม่ขัดข้องข้ามเนินเหมือนเดินถนน ต่างร่างเริงเชิงณรงค์ทั้งคงทน สมทบพลพันถ้วนล้วนฉกรรจ์ ฯ ๏ หน่อนราอ่าองค์สอดทรงเครื่อง จับผิวเหลืองเรืองจำรัสขัดพระขรรค์ เจ้าวาโหมชโลมสินธุ์ใส่กลิ่นจันทน์ ทรงเครื่องมั่นเหมือนอย่างครุฑยุทธนา ครั้นเสร็จสรรพกับพระหน่อวรนาถ ดำเนินอาจตรวจพหลพลซ้ายขวา ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสัญญา วาโหมลาหน่อกษัตริย์หัสไชย ขึ้นทรงแรดแผดร้องยกกองทัพ ล่วงหน้าลับเหลี่ยมเดินเนินไศล แล้วทัพหลังทั้งนั้นตามกันไป พระหัสไชยทรงสิงห์วิ่งทยาน ขุนนางนำจำแดนดูแผนที่ อ้อมคิรีมีน้ำลำละหาน เป็นเหวห้วยตรวยเตรินเดินกันดาร ต้องทำสะพานทอดข้ามด้วยความเพียร ครั้นค่ำค้างหว่างเขาลำเนาโขด ด้วยสูงโสดซ้อนซับเหมือนกับเขียน ต้นยูงยางขวางขัดให้ตัดเตียน อุส่าห์เพียรทำทางไปกลางวัน ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณรับเป็นทัพหน้า ให้ลูกยาคุมพหลพลขันธ์ กับบุตรพราหมณ์สามนายชายหนุ่มนั้น กำกับกันกองหน้ายกคลาไคล แล้วพระองค์ทรงยศทรงรถที่นั่ง ยกทัพหลังทั้งนั้นเสียงหวั่นไหว ไปวันหนึ่งจึงองค์พระอภัย ตรัสสั่งให้ลูกยาสุดสาคร กับนงเยาว์เสาวคนธ์เป็นทัพหน้า ยกโยธาคั่งคับสลับสลอน นางทรงสิงห์กลิ้งกลดบทจร สุดสาครขับม้าเคลื่อนคลาไคล หน่อนรินทร์สินสมุทรเป็นแม่ทัพ ทรงสิงห์ขับพลขันธ์เสียงหวั่นไหว ไปวันหนึ่งจึงองค์พระภูวไนย ยกทัพใหญ่หนุนมาเมืองป่าตาล ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสไชยมาในป่า กับเจ้าวาโหมขับทัพทหาร ควบลาลีขี่กิเลนเผ่นทะยาน ข้ามโตรกตรวยห้วยธารสำราญเริง ล้วนรุ่นหนุ่มชุ่มชื่นเสียงครื้นครึก เห็นเหวลึกแล่นกระโดดโลดเถลิง ต่างควบข้ามตามกันต่างบันเทิง มาถึงเชิงเขาด่านสะพานยนต์ พอฝรั่งนั่งทางออกขวางทัพ ตีประดังคั่งคับมาสับสน เสียงวุ่นวายนายไล่ต้อนไพร่พล มาเกลื่อนกล่นกลุ้มทางที่กลางไพร ฯ ๏ ฝ่ายกองหน้าวาโหมรุกโรมรบ ตีตลบไล่ฟันเสียงหวั่นไหว ฝรั่งรับขับเคี่ยวประเดี๋ยวใจ ทั้งนายไพร่พลัดพรายตายระเนน พวกกองหนุนหนุนรบทบกองหน้า ไล่ฟันฆ่าฝรั่งวิ่งดังจิ้งเหลน เหลือกำลังทั้งปลัดหัสเกน ลงโคลนเลนหลบตัวด้วยกลัวตาย พระหัสไชยได้ด่านทหารพร้อม เข้าอยู่ป้อมปืนใหญ่เหมือนใจหมาย พวกแก่เฒ่าชาวบ้านพิการกาย ทั้งหญิงชายชวนกันมาวันทา ถวายตัวกลัวฤทธิ์ไม่คิดรบ ต่างขอศพเผ่าพงศ์พวกวงศา พระโปรดให้ไม่ขัดตามอัชฌา แต่บรรดาฝรั่งราบกราบบังคม ไปเที่ยวลากซากศพมากลบฝัง แล้วแต่งตั้งโต๊ะเหล้ากับข้าวขนม เลี้ยงกองทัพรับประทานสำราญรมย์ ต่างชื่นชมสมคะเนเสียงเฮฮา พวกทมิฬกินแต่ไข่เป็ดไก่เหล่า บ้างมัวเมาเย้านางต่างภาษา เห็นสาวแก่แม่ม่ายเที่ยวไล่คว้า เสียงเฮฮาร่าเริงบันเทิงใจ ฯ ๏ ฝ่ายทหารด่านแตกต่างแยกย้าย เที่ยวเรี่ยรายเวียนวงเดินหลงใหล บ้างไปเขาเจ้าประจัญด่านชั้นใน บ้างตัดไปดงตาลข้างด่านกลาง พบพวกพ้องกองเกณฑ์ตระเวนป่า แจ้งกิจจาสารพัดที่ขัดขวาง ตระเวนพาพวกฝรั่งที่นั่งทาง รีบเดินกลางป่ามาถึงธานี เข้าทูลความตามศึกที่ฮึกหาญ ตีได้ด่านชาวป่าพนาสี ฆ่าไพร่นายตายล้มไม่สมประดี เห็นจะตีตามมาเมืองป่าตาล ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลานราราช ดำริคาดข้าศึกเห็นฮึกหาญ จะวงหลังตั้งล้อมป้อมปราการ ตีดงตาลด่านเขาเจ้าประจัญ จึงสั่งพระอนุชาวายุพัฒน์ จงรีบรัดจัดพหลพลขันธ์ ไปขัดขวางทางลัดสกัดกัน อย่าให้มันประจบทัพคอยรับรอง ฯ ๏ ฝ่ายวลายุดาวายุพัฒน์ ชลีหัตถ์รับสั่งแล้วทั้งสอง มาแต่งองค์ทรงเสื้อหมวกเครือทอง ใส่เกราะกรองรองบาทเหน็บสาตรา ไปตรวจพลบนป้อมได้พร้อมพรั่ง เป็นหน้าหลังกองละหมื่นพร้อมปืนผา แล้วสององค์ทรงนั่งหลังอาชา วายุพัฒน์นัดดาเคลื่อนคลาไคล พอแลลับทัพหลังให้ตั้งโห่ กึกก้องโกลาลั่นเสียงหวั่นไหว รีบยกตามหลามทางมากลางไพร หนทางไกลสามวันเร่งกันเดิน ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสไชยหยุดไพร่พร้อม อยู่บนป้อมปิดทางหว่างเขาเขิน ปืนใหญ่จุกทุกเสมาตรงหน้าเนิน เที่ยวเวียนเดินดูรอบขอบกำแพง พอพลบค่ำย่ำระฆังประดังเสียง โคมตะเกียงแก้วกระจ่างสว่างแสง พระทรงนั่งยังที่เก้าอี้แดง คิดจัดแจงแต่งทหารคอยต้านตี แล้วปรึกษาวาโหมเราโจมทัพ ให้แตกยับแยกย้ายพลัดพรายหนี เจ้าคุมคนพลไพร่ไล่ไพรี ทำท่วงทีทัพใหญ่ซุ่มไพร่พล เรากับไพร่ห้าสิบจะรีบร้อน ถืออักษรขึ้นไปยังวังสิงหล เจ้ารบล่อฝรั่งเป็นกังวล เผื่ออับจนจึงล่าไปเมืองใหม่เรา ฯ ๏ เจ้าวาโหมโสมนัสจบหัตถ์รับ จะเคี่ยวขับขวางทางอยู่หว่างเขา ถึงศึกเสือเหลือกำลังจะบังเงา เข้าตัดเกล้ากองทัพให้ยับเยิน พระยิ้มพลางทางตอบให้ชอบจิต เจ้าเรืองฤทธิ์ราวกับครุฑสุดสรรเสริญ ทั้งวาโหมโสมนัสฟังตรัสเพลิน ทหารเดินตรวจตราทุกราตรี อยู่หกวันครั้นเย็นแลเห็นทัพ ธงสลับหลายอย่างต่างต่างสี ต่างเตรียมกายนายไพร่ด้วยได้ที จะโจมตีรอนรุมตะลุมบอน ฯ ๏ ฝ่ายทัพหน้าวายุพัฒน์ไม่ขัดขวาง รีบแรมทางมาถึงด่านชานสิงขร ไม่เห็นศึกฮึกหาญออกราญรอน หรือซุ่มซ่อนแอบแฝงอยู่แห่งใด ไม่รอทัพขับคนพวกพลพร้อม เข้าล้อมป้อมปิดทางหว่างไศล บ้างเร่งรัดจัดกันให้ฟันไม้ ทำบันไดต่อตีนปีนกำแพง ฝ่ายพวกพลบนเสมาพุ่งอาวุธ เข้าต่อยุทธ์ฟาดฟันด้วยขันแข็ง ฝรั่งรบหลบหลีกพลาดพลิกแพลง พวกทัพแทงถูกตายลงก่ายกอง พอทัพวลายุดายกมาพบ เข้าสมทบรบศึกเสียงกึกก้อง พวกบนป้อมพร้อมเพรียงคอยเมียงมอง เห็นตรงช่องแกว่งชุดต่างจุดปืน เสียงตูมตึงกึงกังฝรั่งล้ม กอดกันกลมกลิ้งกลาดตายดาษดื่น ปืนใหญ่น้อยปล่อยลั่นเสียงครั่นครื้น ฝรั่งตื่นแตกกระจัดวิ่งพลัดแพลง ฯ ๏ พระหัสไชยได้ทีขึ้นขี่สิงห์ พร้อมไพร่ชิงขึ้นหน้าล้วนกล้าแข็ง เปิดประตูตรูออกนอกกำแพง ไล่โจมแทงฟันฝรั่งถอยหลังรบ พวกโยธาวาโหมต่างโถมถึง ตีตูมตึงตายยับซ้อนซับศพ พวกหน่อไทได้ทีตีกระทบ ฝรั่งหลบหลีกลัดแล่นพลัดพราย วลายุดาวายุพัฒน์สกัดไพร่ แกว่งดาบไล่ให้เขารบมันหลบหาย พระหัสไชยไล่ฆ่าโยธาตาย เห็นตัวนายหนุ่มหนุ่มประชุมพล ขับสิงโตโฮ่โฮกกระโชกขบ ฝรั่งรบรุมรับอยู่สับสน วลายุดาวายุพัฒน์ต่างพลัดพล ขับม้าด้นดั้นป่าพอราตรี พวกโยธาวาโหมรุกโรมไล่ ฟันนายไพร่ล้มตายพลัดพรายหนี จนมืดมนคนเป็นไม่เห็นมี กลับมาที่หน้าป้อมพรักพร้อมกัน ฯ ๏ พระหัสไชยให้วาโหมคุมทหาร อยู่ทำการราญรอนคิดผ่อนผัน กับเสนีขี่ม้าห้าสิบนั้น ต่างพากันออกจากด่านสะพานยนต์ ถึงยากเย็นเป็นไฉนก็ไม่ว่า ให้เห็นหน้าน้องหญิงอยู่สิงหล ด้วยรู้แห่งแขวงย่านบ้านตำบล เดินดั้นด้นดงรังไปลังกา ฯ ๏ ครั้นรุ่งเช้าฝ่ายเจ้าวาโหมนั้น ให้เก็บคันธงฝรั่งที่สังขาร์ แต่งม้าใช้ไประวังฟังกิจจา ปักธงกลางทางมาใกล้ป่าตาล ฯ ๏ ฝ่ายทัพพระอภัยที่ไปหน้า พระกฤษณานายทัพขับทหาร หนทางบกหกวันเดินกันดาร ถึงดงตาลเห็นแต่ค่ายตั้งรายเรียง ทั้งใหญ่น้อยร้อยแปดมีธงปัก ทหารรักษาเรียบเงียบเชียบเสียง จึงขับไพร่ให้ล้อมเข้าพร้อมเพรียง ฝรั่งเรียงรายค่ายคอยรายรบ ต่างโห่ร้องก้องกึกเสียงครึกครื้น ระดมปืนตอบกันควันตลบ ทั้งบุตรพราหมณ์สามทัพรับสมทบ ต่างรีบรบเร็วรวดประกวดกัน ฯ ๏ ฝรั่งล่อพอให้ไล่เข้าในค่าย มันวงสายสิญจน์ผูกถูกอาถรรพณ์ ไม่เห็นหนมนมืดเป็นหมอกควัน ต่างตัวสั่นซบหมอบหอบหายใจ ทั้งบุตรพราหมณ์สามนายเข้าสายสิญจน์ กำลังสิ้นเสือกซบสลบไสล พระกฤษณาพาทหารรุกรานไป เข้าค่ายใหญ่ไพร่นายเหยียบสายมนต์ ต่างมัวเมาหาวนอนอ่อนป้อแป้ นัยน์ตาแลเล็งเขม้นไม่เห็นหน ต่างเสียทีสี่ทัพถึงอับจน เสียงไพร่พลร้องเรียกกันเพรียกไป ด้วยผู้รู้ผู้วิเศษทรงเวทขลัง ใช้จังงังบังคนด้วยมนต์ไสย แม้ฆ่าตีที่ไม่ตายเคลื่อนคลายใจ จึงขังไว้ในค่ายจนวายปราณ พอโยธีศรีสุวรรณมาทันถึง เสียงอื้ออึงอึกทึกนึกสงสาร ให้สอบดูรู้ว่ามนต์ดลบันดาล ขับทหารให้เข้ารบพอพลบลง ฝรั่งรับสัประยุทธ์แกล้งจุดคบ แล้วหลีกหลบล่อให้รุกไล่หลง พอเข้าทางหว่างค่ายในสายวง เหมือนหมอกลงแลเขม้นไม่เห็นทาง ศรีสุวรรณนั้นนั่งบัลลังก์รถ จะเลี้ยวลดหลีกลัดก็ขัดขวาง ทั้งไพร่พลวนเวียนอยู่หว่างกลาง เหมือนตาฟางต่างเฟือนเรียกเพื่อนกัน ฯ ๏ ฝ่ายวลายุดาวายุพัฒน์ ที่แตกพลัดไพร่นายต่างผายผัน พอร่วมทางหว่างเขาเจ้าประจัญ ยังอีกวันหนึ่งจะมาถึงป่าตาล เจ้าวลายุดาเจ้าวายุพัฒน์ กับปลัดเหลือตายนายทหาร ทั้งโยธีหนีหลบมาพบพาน ได้ประมาณสามพันเหลือบรรลัย จึงตั้งค่ายรายทางที่กลางป่า อยู่รักษาสามพันคิดหวั่นไหว พระอนุชาว่าปลัดรีบรัดไป ขอพลไกรเพิ่มมาช่วยราวี ปลัดรับกับบ่าวถือหลาวแหลน เข้าดงแดนเดือนจำรัสรัศมี ออกตามทุ่งรุ่งเช้าเข้าบุรี ต่างไปที่เฝ้าพระมังคลา กราบทูลความตามที่เสียทีทัพ ถอยมารับรออยู่หว่างภูผา ขอทัพช่วยด้วยสงครามติดตามมา แม้เนิ่นช้าชีวันจะบรรลัย ฯ ๏ พระตรัสว่าข้าศึกมาฮึกโหม ยังรุกโรมรบกันเสียงหวั่นไหว ผู้วิเศษเวทมนตร์บังคนไว้ แต่ยังไม่หมดทัพคอยรับรอง พวกไพรีตีด่านเข้าด้านหลัง จะไปด้วยช่วยกำลังเจ้าทั้งสอง ฝ่ายข้างนี้มีชัยดังใจปอง พระตรึกตรองแล้วจึงตรัสสั่งหัสกัน เจ้าอยู่รับทัพผลึกเป็นศึกใหญ่ ล่อเข้าในค่ายขังฝังอาถรรพณ์ แม้สิ้นทัพสรรพเสร็จสักเจ็ดวัน จะพากันบรรลัยทั้งไพร่นาย แล้วแบ่งไพร่ในบุรีได้สี่หมื่น ยกกลางคืนขับกันรีบผันผาย พระทรงรถกลดกั้นพรรณราย เดินเดือนหงายเงาร่มพนมเนิน ฯ ๏ นางสุนีที่เป็นห้ามตามตำแหน่ง เชิญพระแสงเคียงข้างไม่ห่างเหิน ถึงยากเย็นเห็นหน้าค่อยพาเพลิน ได้หยอกเอินแอบอิงพาดพิงองค์ รีบเดินทัพขับพลจนสว่าง ถึงที่ทางร่มรุกขาป่าระหง วลายุดาวายุพัฒน์ขัตติย์วงศ์ ทั้งสององค์ตรงไปเฝ้าเจ้าลังกา แล้วทูลความตามที่ได้ตีด่าน มันต่อต้านแตกตื่นต้องปืนผา เหลือคนตามสามพันพากันมา สกัดป่าปิดทางไม่วางใจ ให้สืบดูรู้ว่าปัจจามิตร มาทุกทิศธงทิวปลิวไสว แม่ทัพนั้นคือกษัตริย์หัสไชย กับพวกใส่ปีกรบสมทบกัน ฯ ๏ พระมังคลาว่าศึกยังฮึกหาญ อย่ารุกรานรอทัพที่คับขัน ให้ผู้รู้ครูเอกลงเลขยันต์ ฝังอาถรรพณ์ทุกค่ายโรยทรายมนต์ ปลูกประทับพลับพลาตรงหน้าเขา แต่งแมวเซาเฝ้าแฝงทุกแห่งหน ที่หุบห้องช่องทางเที่ยววางคน คิดผ่อนปรนกลการคอยราญรอน ฯ ๏ ฝ่ายทัพพระอภัยมาในป่า ตามทัพหน้านำเดินเนินสิงขร ทั้งเสาวคนธ์มนฑาสุดสาคร ยกมาก่อนถึงด่านดงตาลราย ปะฝรั่งตั้งรับขับเข้ารบ ตีตลบเลี้ยวไล่ไพร่ทั้งหลาย มันแกล้งล่อรอรบแล้วหลบกาย เข้าหว่างค่ายนายไพร่ไล่กระพือ เห็นพวกพ้องกองหน้าโยธาหาญ ลงคลุกคลานคลำทางร้องครางหือ พอเห็นเข้าเมาสิ้นอ่อนตีนมือ เรียกกันอื้ออึงไปทั้งไพร่นาย สินสมุทรแม่ทัพขับทหาร ช่วยรอนราญผลาญฝรั่งสิ้นทั้งหลาย มันรบล่อพอให้หลงเข้าวงทราย มือตีนตายคาตัวมืดมัวมน ไม่เห็นทางต่างร้องเรียกกองทัพ จะถอยกลับกลิ้งเกลือกเสลือกสลน แต่สินสมุทรสุดสาครนางเสาวคนธ์ ไม่ต้องมนต์ยืนม้าปรึกษากัน นางทูลว่าฝรั่งมันตั้งค่าย แล้วโรยทรายเสกขลังฝังอาถรรพณ์ ใครเข้าไปให้เห็นเหมือนเช่นควัน ให้อัดอั้นอกดังจะพังตาย แต่ตำราว่าให้เชือดเอาเลือดสด มาราดรดรอบทัพจะกลับหาย แม้ละไว้ไม่รอดจะวอดวาย พระเป็นชายช่วยทำตามตำรา พระพี่รับขับนิลสินธพ ฝรั่งรบเรียงรายทั้งซ้ายขวา สุดสาครรอนราญผลาญชีวา กระโจมคว้าฝรั่งได้มิให้ตาย แล้วควบขับกลับมาหาพระน้อง ฟันแล้วรองเลือดสาดมนต์ขาดหาย ที่ถูกอาถรรพณ์ฟั่นเฟือนก็เคลื่อนคลาย ทั้งไพร่นายฟื้นทั่วทุกตัวคน พอทัพพระอภัยมาใกล้ด่าน เห็นทหารถอยทัพดูสับสน จึงตีกลองกองทัพหยุดรับพล ต่างเกลื่อนกล่นกลับมาพร้อมหน้ากัน แล้วทูลความตามสมทบรบฝรั่ง นายทัพทั้งสองกองต้องอาถรรพณ์ หากนงเยาว์เสาวคนธ์รู้มนต์มัน ช่วยแก้กันจึงได้ฟื้นกลับคืนมา ฯ ๏ พระทรงฟังสรรเสริญศรีสะใภ้ รู้แก้ไขในมนุษย์สุดจะหา แล้วตรัสสั่งทั้งพระอนุชา ให้โยธาทำค่ายริมชายไพร หยุดประทับยับยั้งคอยฟังข่าว พวกนางท้าวเจ้าลังกาจะว่าไฉน ทุกหมู่หมวดตรวจพลสกลไกร ให้นั่งยามตามไฟพร้อมไพร่พล ฯ ๏ ส่วนกษัตริย์หัสไชยมิได้หยุด ขับสิงห์รุดเร่งไพร่เดินไพรสณฑ์ ออกทุ่งกว้างทางเตียนไม่เวียนวน ถึงสิงหลลังกาไปหน้าวัง พบหนุ่มสาวชาวผลึกอยู่ตึกนอก ถามเขาบอกเรื่องต้นจนหนหลัง หาท้าวนางพวกข้างในเล่าให้ฟัง ตามรับสั่งสารศรีที่มีมา ฝ่ายท้าวนางต่างไปเฝ้าพระเยาวเรศ ปิ่นประเทศเกศสิงหลภาษา เหมือนหัสไชยให้ทูลมุลิกา นางวัณฬาสุมาลีต่างดีใจ ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์องค์พระมเหสี สมถวิลยินดีจะมีไหน ลงจากปรางค์ต่างตามกันหลามไป รับกษัตริย์หัสไชยเข้าในวัง ให้นั่งบนมนเทียรวิเชียรรัตน์ พร้อมกษัตริย์ตรัสถามเนื้อความหลัง สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาละล้าละลัง วิ่งมาทั้งสองศรีเห็นพี่ยา ยังซูบทรงสงสารต่างคลานเข้า ไปกราบเพลาพี่ชายทั้งซ้ายขวา ทั้งแสนแค้นแสนรักซบพักตรา ชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย ฯ ๏ พระสวมสอดกอดสองพระน้องนุช สงสารสุดสวาทให้จิตใจหาย สะอึกสะอื้นฝืนดำรงไม่ทรงกาย ทั้งพี่ชายน้องซบสลบลง ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ เข้ากอดหัสไชยชิดพิศวง มเหสีทรงยศท้าวทศวงศ์ ต่างองค์ทรงโศกาด้วยอาลัย นางละเวงเร่งรำภาให้หาหมอ วิ่งสอสอเซ็งแซ่มาแก้ไข บ้างโบกลมพรมพร่ำน้ำดอกไม้ ค่อยชื่นใจได้อารมณ์สมประดี ต่างเล่าความตามเรื่องที่เคืองขัด ให้พระหัสไชยอ่านเรื่องสารศรี ในสาราว่าพระอภัยมณี จอมโมลีโลกาสถาวร เมื่อครองวังลังกาวัณฬาราช พระวรนาถร่วมสุวรรณบรรจถรณ์ ทรงทศธรรม์กรุณาประชากร ราษฎรได้เป็นสุขทุกตำบล จนเกิดบุตรสุดสวาทราชโอรส ได้ปรากฏยศยิ่งในสิงหล กลับผ่าเผ่าเหล่ากอเป็นทรชน เหมือนลูกยางห่างต้นเที่ยวปล้นเมือง แล้วซ้ำเผาข้าวปลากระยาหาร ให้เกิดการโกลาท้องฟ้าเหลือง ให้ผู้อื่นหมื่นแสนได้แค้นเคือง จับสามเมืองมาขังไว้ลังกา หากพระน้องครองสัตย์บรรทัดเที่ยง ไม่รักเลี้ยงลูกจระเข้เสนหา จึงเชิญองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ไปไว้วังลังกาพยาบาล ถึงโทษบุตรทุจริตทำผิดเหลือ เป็นหน่อเนื้อนวลหงก็สงสาร ช่วยว่ากล่าวน้าวโน้มประโลมลาน ให้ลูกหลานคิดคงเป็นพงศ์พันธุ์ จะผาสุกทุกอาณาประชาราษฎร์ ได้สืบชาติเชื้อฝรั่งนรังสรรค์ ไม่อ่อนน้อมยอมด้วยจึงช่วยกัน ทำโทษทัณฑ์ลูกหลานอย่างมารดา ฝ่ายพวกพี่มิใช่แม่เป็นแต่พ่อ จึงรั้งรอการศึกมาปรึกษา แม้คิดเห็นเป็นธรรม์เชิญวัณฬา ยกโยธามากระหนาบช่วยปราบปราม จะปรากฏยศไกรเมืองใหญ่น้อย จะเรียบร้อยราบเตียนที่เสี้ยนหนาม ขอเชิญน้องตรองตริดำริความ ให้สมตามลูกเต้าพงศ์เผ่าพันธุ์ ฯ ๏ นางฟังจบนบนอบเห็นชอบด้วย จะไปช่วยเข่นฆ่าให้อาสัญ แล้วจะเถือเนื้อพะแนงเที่ยวแบ่งปัน ให้พงศ์พันธุ์พ่อแม่กินแก้แค้น เคยเลี้ยงดูสู้ถนอมเฝ้ากล่อมเกลี้ยง เหมือนหลงเลี้ยงลูกเสือมันเหลือแสน สู้แม่พ่อทรยศคิดทดแทน ให้หายแค้นคิดหมายไม่วายวัน แล้วทูลสั่งสุมาลีศรีสวัสดิ์ ทั้งกษัตริย์หัสไชยอยู่ไอศวรรย์ แต่รำภายุพาลาลีวัน ไปด้วยกันจะได้คิดเรื่องกิจการ สั่งให้หาพวกฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ล้วนหมื่นขุนมุลนายฝ่ายทหาร ให้ถือน้ำทำสัตย์ปฏิญาณ คุมไพร่พร้อมล้อมปราการทวารวัง พระหัสไชยให้สำหรับบังคับขาด ตามประกาศกฎหมายอยู่ภายหลัง ใครขัดขวางล้างชีวาเสียอย่าฟัง พลางตรัสสั่งหัสเกนเวรศาลา จัดโยธีสี่ทัพสำหรับรบ ให้สมทบทัพละหมื่นล้วนปืนผา อำมาตย์รับอภิวาทกลัวอาชญา เร่งตรวจตราเตรียมพลสกลไกร หมวดละหมื่นพื้นพวกเสื้อหมวกสี เหน็บกระบี่แบกปืนยืนไสว ทหารแห่แลล้วนทวนธงชัย ทั้งนอกในหน้าหลังคนคั่งคับ รถที่นั่งหลังคามีฝากระจก เทียมม้าหกคู่เคียงเรียงสลับ รถสามนางต่างเตรียมเทียมประทับ คอยคำนับรับเสด็จสำเร็จการ ฯ ๏ ส่วนลูกสาวเจ้าลังกาเวลาสว่าง ชวนสามนางนวลหงสรงสนาน ประดับเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล แก้วประพาฬเพชรพลอยแพรวพรอยพราว แล้วทรงช้องป้องพักตร์ปิ่นปักผม ดูสวยสมคมคายคล้ายกับสาว พระธำมรงค์ทรงสลับวะวับวาว ดูพลอยพราวนิ้วพระหัตถ์จัดประจง ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่แล้วลีลาศ ยุรยาตรเยื้องย่างดังนางหงส์ เห็นไพร่พร้อมน้อมประณตขึ้นรถทรง ดำเนินธงทัพละหมื่นเสียงครื้นครึก ลาลีวันนั้นกำกับกองทัพหน้า ยกโยธาโห่ร้องเสียงก้องกึก ทัพยุพาคลาเคลื่อนสะเทือนสะทึก ทหารฮึกโหมแห่เซ็งแซ่ซ้อง ถึงทัพกลางนางละเวงเสียงเครงครื้น ม้าลาตื่นแตกเต้นเผ่นผยอง แล้วทัพหลังนางรำภารถาทอง รีบเดินกองทัพหลามไปตามกัน ทั้งหน้าหลังสังข์แตรเป่าแห่โหม กลองประโคมครื้นป่าพนาสัณฑ์ ค้างคืนหนึ่งถึงเขาเจ้าประจัญ ลาลีวันทัพหน้าปัญญาไว ร้องเรียกคนบนเชิงเทินเนินหอรบ มานอบนบอยู่ตรงหน้านางปราศรัย จงเปิดรับทัพเสด็จจะด่วนไป ช่วยชิงชัยให้แผ่นดินสิ้นสงคราม ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างว่าข้าพเจ้า จะรับเล่าเกรงผิดให้คิดขาม จะบอกไปให้ทูลมูลความ คอยฟังตามแต่รับสั่งโปรดรั้งรอ นางลาลีชี้หน้าด่าอำมาตย์ หัวจะขาดญาติเชื้อไม่เหลือหลอ แค้นลูกเต้าเมามุมึงยุยอ ให้สู้พ่อสู้แม่ถือแต่ดี ฝ่ายพระบาทมาตุรงค์พระทรงยศ ถอดโอรสรับบำรุงชาวกรุงศรี ลูกเมียมึงซึ่งอยู่ในบูรี โทษจะมีเพราะมึงขัดพระอัชฌา ส่วนฝรั่งทั้งหลายนายทหาร เห็นเสียการเกิดไส้ศึกต่างปรึกษา ขุนนางเก่าเข้าข้างนางวัณฬา เคยเป็นข้ามาแต่ก่อนไม่ร้อนรน เพราะลูกหลานผ่านกรุงทำยุ่งยิ่ง พลอยฉิบหายชายหญิงทั้งสิงหล เปิดทางรับทัพเสด็จให้เดินพล จึงจะพ้นโทษทั่วทุกตัวนาย พวกที่มาสาพิภักดิ์รักโอรส ว่าแต่แรกแจกบทมีกฎหมาย ให้เชื่อฟังบังคับแล้วกลับกลาย เราเป็นชายควรฟังพระมังคลา พระชนนีเป็นวิสัยน้ำใจหญิง จะทอดทิ้งถอยยศโอรสา แล้วทำไมจึงไม่ทวงเอาดวงตรา มาชิงว่าราชการเปิดด่านทาง อำมาตย์เก่าเข้ากันอย่างขันแข็ง ไล่ฟันแทงทัพปลัดพวกขัดขวาง เปิดประตูดูทัพคอยรับนาง ฝ่ายพวกข้างมังคลาไล่ฆ่าฟัน ขุนนางเก่าบ่าวไพร่พร้อมใจรบ ต่างหลีกหลบเลี้ยวลัดสะพัดผัน ทั้งสองข้างต่างตายล้มก่ายกัน ลาลีวันขับทหารเข้าราญรอน ช่วยขุนนางต่างก็เปิดประตูรับ ทั้งหน้าหลังคั่งคับสลับสลอน พวกมังคลากล้าหาญเข้าราญรอน จนเหนื่อยอ่อนออกประตูบูรพา พวกเกลี้ยกล่อมยอมสมัครล้วนรักเจ้า ต่างหนีเข้าเขาไม้ไพรพฤกษา พอทัพหลังนางวัณฬารำภาผกา ตามทัพหน้ามาถึงเขาเจ้าประจัญ นางลาลีดีใจออกไปรับ ทั้งสามทัพขับพหลพลขันธ์ เข้าอาศัยที่ในด่านปราการกัน ขึ้นอยู่ชั้นเชิงเทินเนินหอรบ แต่งกองร้อยคอยเหตุทุกเขตขอบ ตระเวนรอบรายกันเที่ยวบรรจบ พอมืดมนสนธยาเวลาพลบ จุดโคมคบเพลิงสว่างดังกลางวัน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายนายทหาร หนีจากด่านดั้นไปในไพรสัณฑ์ มาถึงค่ายรายทางกลางอรัญ ต่างพากันเข้าไปเฝ้าเจ้าลังกา กราบทูลความตามที่ชนนีนาถ มาถอดราชโอรสจากยศถา ขุนนางเก่าเขาไม่ขัดพระอัธยา แต่พวกข้าคนใหม่มิให้รับ มันรุมกันฟันแทงทั้งแย้งยุทธ์ รบจนสุดแรงเรี่ยวเหลือเคี่ยวขับ พวกคนใหม่ไพร่นายล้มตายยับ มันไล่จับกลับพลัดกระจัดกระจาย ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลานุชาหลาน เห็นเกิดการเกินคาดประมาทหมาย ยิ่งแสนแค้นแสนสลดเหลืออดอาย มากลับกลายกลางศึกเหลือตรึกตรอง แต่พ่อมาราวีแล้วมิหนำ แม่ยังซ้ำทำเข็ญให้เป็นสอง เหลือดีแท้แม่พ่อเราหนอน้อง จะรับรองรบราญประการใด ฯ ๏ วลายุดาวายุพัฒน์คิดขัดขวาง แค้นสี่นางอย่างว่าเลือดตาไหล สะอื้นอั้นตันตึงตะลึงตะไล พอม้าใช้ชาวด่านดงตาลมา กราบทูลความตามรับทัพผลึก ขังข้าศึกไว้ในค่ายทั้งซ้ายขวา ถึงแปดทัพกลับคืนฟื้นกายา ยังกลับมารายล้อมป้อมปราการ พระหัสกันนั้นกำกับกองทัพรบ หลายตลบเหลือกำลังทั้งทหาร ส่วนข้าศึกฮึกโหมเข้าโรมราญ ขอประทานทัพสมทบช่วยรบรับ ฯ ๏ พระมังคลาฝรั่งได้ฟังบอก พูดไม่ออกอั้นอารมณ์จนลมจับ เอนอิงหมอนอ่อนท้อพระศอพับ พระน้องรับกับหลานอยู่งานพลาง ร้องเรียกหมอรอลมยาดมรื่น ฝืนสะอื้นอกอัดลมขัดขวาง กลับทอดองค์ลงประชวรคร่ำครวญคราง พวกขุนนางต่างก็มาพยาบาล พยุงให้ไสยาสน์บนอาสน์อ่อน ต่างทุกข์ร้อนสอนห้ามปรามทหาร อย่าให้ใครพูดจาพระอาการ สั่งนายด่านนอกในตรวจไพร่พล ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลานิทราตรึก ถึงการศึกนึกจะชิงเอาสิงหล อุสาห์ฝืนขืนกำลังประทังทน พวกหมอฝนยาถวายละลายสุรา เสวยเหล้าเมามายพอคลายทุกข์ ทำผาสุกสรวลสันต์เหมือนหรรษา เชิญผู้รู้ผู้วิเศษเวทวิชา มาพูดจาแจ้งเรื่องเคืองรำคาญ พระมาตุรงค์ลงมาเป็นข้าศึก สมทบกับทัพผลึกเห็นฮึกหาญ ท่านโปรดด้วยช่วยคิดกิจการ เอาถิ่นฐานที่ตั้งเมืองลังกา ฯ ๏ ส่วนผู้รู้ผู้วิเศษเห็นเหตุใหญ่ ผิดวิสัยในมนุษย์สุดอาสา จะสู้พ่อต่อต้านผลาญมารดา จะนินทาทั่วจังหวัดปัถพี จึงทูลห้ามตามอย่างแต่ปางก่อน อันบิดรมารดาเป็นราศี ไม่ควรรบนบนอบจึงชอบที คงคืนดีด้วยพระองค์อย่าสงกา จะรบพุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง ผิดเยี่ยงอย่างควรจำบาปกรรมหนา ทุกแว่นแคว้นแดนดินจะนินทา แม้คิดฆ่าแม่พ่อเหมือนทรยศ แม้ว่าพระจะกำจัดที่สัตว์บาป จะอยู่ด้วยช่วยบำราบปราบให้หมด แต่พระบิตุราชมาตุรงค์พระจงงด ควรจะทดแทนคุณอย่าวุ่นวาย ฯ ๏ พระฟังคำร่ำเรื่องคิดเคืองขัด ก็กริ้วตรัสกลบเกลื่อนที่เงื่อนสาย ดูดู๋ผู้วิเศษผิดเพศชาย ที่ดีร้ายก็ย่อมรู้อยู่ด้วยกัน เรารบรับกับพาราการะเวก เพราะเพชรเอกเอามาไว้ไอศวรรย์ พระบิตุราชมาตุรงค์เผ่าพงศ์พันธุ์ ไม่เที่ยงธรรม์ไต่ถามตามโบราณ มารบรุมคุมเหงเองก็รู้ ให้ศัตรูดูถูกล้างลูกหลาน ซึ่งผู้ใหญ่ไม่ตรงผลาญวงศ์วาน แต่โบราณมีบ้างหรืออย่างนี้ เหมือนพวกมึงพึ่งพาเข้ามาอยู่ คิดว่าผู้วิเศษเป็นเปรตผี ให้แพ้เขาเอาสิเหวยเฮ้ยเสนี จับอ้ายสี่คนจำตรากตรำไว้ ได้ฤกษ์ทัพจับมัดตัดศีรษะ จะชนะสงครามตามวิสัย ตำรวจรับจับตัวจิกหัวไป โซ่ตรวนใส่เต็มตัวทั่วทุกคน ครั้นเสร็จสรรพกลับดูผู้วิเศษ หายจากเขตตามจับวิ่งสับสน ไม่พบเห็นเป็นเหตุด้วยเวทมนตร์ แล้วต่างคนเข้าไปทูลมูลความ พระมังคลาอาลัยกลับได้คิด ทำความผิดผู้วิเศษนึกเข็ดขาม ยิ่งมานะจะณรงค์ทำสงคราม จึงสั่งความหมื่นขุนพวกมุลนาย จงพาคนพลไพร่ลอบไปเข้า พวกด่านเขาเจ้าประจัญเหมือนมั่นหมาย ยกไปตีทีจะได้ด้วยง่ายดาย แล้วสั่งฝ่ายน้องหลานคิดอ่านกัน แม้นพวกเราเข้าได้เป็นไส้ศึก เวลาดึกเดินพหลพลขันธ์ ตีด้านใต้ไล่ประชิดตามติดพัน เข้าเขตขัณฑ์คืนเอาวังเมืองลังกา ฯ ๏ ส่วนขุนนางต่างรับคำนับน้อม มาจัดพร้อมไพร่นายทั้งซ้ายขวา ไปด่านเขาเจ้าประจัญตามบัญชา ต่างเข้าหาพวกพ้องพี่น้องกัน พาเข้าเฝ้าเยาวมาลย์สงสารไพร่ ให้รับไว้ไม่รังเกียจคิดเดียดฉันท์ แล้วนางนาฏมาตุรงค์สามองค์นั้น ปรึกษากันแต่งสารเตรียมการไว้ ให้ม้าใช้ไปหาเจ้าวาโหม พูดเล้าโลมเล่าแจ้งแถลงไข บอกเรื่องความตามกษัตริย์หัสไชย รับสั่งให้ไปเฝ้าพระเสาวนีย์ ฯ ๏ ฝ่ายวาโหมโสมนัสไม่ขัดขวาง ทรงเครื่องอย่างยศศักดิ์เหมือนปักษี แล้วขึ้นนั่งหลังแรดเรียกมนตรี ตามแต่สี่คนมากับม้าใช้ ถึงด่านเขาเจ้าประจัญพากันเข้า ไปที่เฝ้านางวัณฬาอัชฌาสัย ดูรูปกายคล้ายครุฑวุฒิไกร ทั้งสูงใหญ่จ้ำม้ำเหมือนน้ำรัก จึงออกโอษฐ์โปรดประทานพานพระศรี ให้นั่งที่โอรสสมยศศักดิ์ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายทัก เจ้ารู้จักกันไว้ได้ไปมา พระหัสไชยให้ถือหนังสือลับ ไปกองทัพทูลพระบาทนาถนาถา พลางให้สารพานทองรองสารา ส่วนเจ้าวาโหมรับคำนับนาง แล้วทูลว่าถ้าพระองค์ประสงค์ไฉน บัญชาใช้สารพัดไม่ขัดขวาง แล้วกราบกรานคลานออกมาพาขุนนาง ตัดไปทางด่านบ้านสะพานยนต์ ให้เสนาการะเวกระวังด่าน คุมทหารอยู่รับทัพสิงหล แล้วขึ้นนั่งหลังแรดบ่าวแปดคน ข้ามเขาด้นเดินทางตามหว่างเนิน ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสไชยฤทัยชื่น ทุกค่ำคืนเคียงนางไม่ห่างเหิน สุมาลีมิได้ห้ามปล่อยตามเกิน ร่ำสรรเสริญเพลินตรัสกับหัสไชย สู้อุส่าห์มาตามด้วยความรัก สงสารนักภักดีจะมีไหน เมื่อกองทัพจับมาแม่อาลัย พ่อเคยได้อยู่ด้วยช่วยชีวา รบฝรั่งครั้งแรกเมื่อแตกทัพ ได้รอดกลับเพราะพ่อคุณบุญหนักหนา เดี๋ยวนี้เล่าเขาขังไว้ลังกา พ่อตามมาแม่หมายไม่วายวาง พ่อรักใคร่ใจจริงไม่ทิ้งสัตย์ พ่อปรารถนาสารพัดไม่ขัดขวาง ตรัสจนค่ำย่ำฆ้องมาห้องกลาง แต่สองนางพี่น้องอยู่ห้องใน กับทั้งหน่อวรนาถร่วมอาสน์รัตน์ นั่งนวดพัดพี่ยาอัชฌาสัย ต่างพูดพลอดกอดรัดพระหัสไชย พระลูบไล้โลมประคองเคียงสองนาง ถนอมเชยเคยชมโสมนัส ยังข้องขัดอยู่นิดด้วยกีดขวาง ที่ความในให้เผอิญเขินระคาง ด้วยพี่น้องสองนางไม่ห่างไกล พระแกล้งเฉยเลยหลับนิ่งตรับเสียง เงียบสำเนียงนึกว่าหลับขยับไหว จะโลมพี่มิทันต้องนางน้องไอ พระตกใจจำค้างคิดหมางเมิน ครั้นพี่หลับกลับประคองเคียงน้องสาว พอพี่หาวหันจามก็ขามเขิน แต่เคล้าเคล้นเล่นนอกเฝ้าหยอกเอิน ไม่ห่างเหินเพลินพระทัยเมื่อไสยา ยามกลางวันนั้นไปตรวจหมวดทหาร ป้อมปราการไพร่นายทั้งซ้ายขวา แล้วหยุดยั้งนั่งประทับบนพลับพลา พระตรึกตราตรองความถึงทรามเชย จะผ่อนผันฉันใดไฉนหนอ มาคร่อมตอเสียอย่างนี้เจ้าพี่เอ๋ย ถึงร่วมเตียงเคียงใกล้เมื่อไรเลย จะได้เชยชมชิดสนิทใน คะนึงความยามรักยิ่งหนักอก เหมือนอย่างยกเมรุมาศไม่หวาดไหว หวนระลึกนึกสะท้อนถอนฤทัย เสด็จไปปรางค์มาศปราสาททอง ระทวยองค์ลงบนแท่นแสนระทด นางประณตแนบนั่งอยู่ทั้งสอง พระพาดพิงอิงเอียงเคียงประคอง ต่างยิ้มย่องยียวนรัญจวนใจ ฯ ๏ ส่วนวาโหมโสมนัสเดินดัดดั้น จากด่านชั้นเชิงเทินเนินไศล พอพ้นดงตรงมาชลาลัย ถึงเมืองใหม่รู้ว่าไปป่าตาล รีบติดตามสามคืนถึงค่ายตั้ง เข้าไปนั่งน้อมกายถวายสาร พระอภัยได้หนังสือรื้อรำคาญ คลี่ออกอ่านอักขระดูฉะฟัน ฯ ๏ ในสาราว่าละเวงกลัวเกรงกราบ อิสรภาพจอมวังนรังสรรค์ ด้วยโอรสยศยงเผ่าพงศ์พันธุ์ ไม่เหมือนกันกับฝรั่งทั้งลังกา จะเหมือนใครก็ไม่ทราบทำหยาบหยาม เที่ยวลวนลามญาติวงศ์เผ่าพงศา ไปตีทัพจับกษัตริย์ขัตติยา มากักขังยังแต่ว่าจะฆ่าฟัน ตามไปขอก็ไม่ให้ใช้ทหาร ออกรอนราญเข่นฆ่าคนอาสัญ ได้สองท้าวสาวสุรางค์พี่นางนั้น กับสร้อยสุวรรณจันทร์สุดามาธานี ถนอมไว้ในวังที่บังร่ม ทั้งแดดลมมิได้ต้องให้หมองศรี จะรีบส่งนงลักษณ์ด้วยภักดี มันคอยตีตัดทางอยู่กลางไพร จึงจนจิตคิดสงสารพระผ่านเกล้า จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองไม่ผ่องใส เพราะลูกเต้าเจ้ากรรมให้ช้ำใจ ช่างกระไรไม่เหมือนแม่แต่สักคน จึงขัดขวางทางเดินต้องเนิ่นช้า จะไปมาสารพัดก็ขัดสน ต่อหัสไชยไปแถลงแจ้งยุบล จึงทราบว่าฝ่ายุคลคุมพลมา ความยินดีที่ว่าจะพึ่งพระเดช ช่วยโปรดเกศแก้คดโอรสา จะสั่งสอนผ่อนผันสุดปัญญา จึงยกมาหมายจะจับช่วยสับฟัน พวกฝรั่งมังคลารักษาด่าน ออกต่อต้านทานรับที่คับขัน สุลาลีตีได้เขาเจ้าประจัญ เข้าตั้งมั่นกั้นหลังข้างลังกา ขอพระองค์จงเข้าตีตัดศีรษะ เป็นของพระบิตุราชนาถนาถา อันพวกพ้องของหม่อมฉานเป็นมารดา จะแล่ผ่าอกล้วงเอาดวงใจ จะได้ส่งองค์พระมเหสี คืนบุรีร่วมห้องให้ผ่องใส ข้าทั้งสี่นี้จะช่วยกันอวยชัย สิ้นห่วงใยอยู่ประสาเป็นนารี ฯ ๏ พอจบคำรำพันเหลือกลั้นสรวล ฟังสำนวนรู้เล่ห์มเหสี พระอนุชาว่าถึงหึงก็ดี ไม่เหมือนพี่นางผลึกเหลือครึกโครม ต่างแย้มสรวลชวนสบายพอคลายจิต แล้วทรงฤทธิ์ตรึกตราสั่งวาโหม ไปอยู่กำกับทัพพาราวาหุโลม คอยรุมโรมรบระวังข้างลังกา วาโหมรับอภิวันท์แล้วผันผาย ทั้งบ่าวนายรีบเดินตามเนินผา พระอภัยให้พระอนุชา เป็นทัพหน้าพาทหารเข้าราญรอน สินสมุทรให้กำกับกองทัพหนุน ล้วนหนุ่มรุ่นราญศึกเคยฝึกสอน เสาวคนธ์มณฑาสุดสาคร คุมนิกรเกียกกายตั้งรายเรียง ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องฆาตกลองศึก ทหารฮึกโห่ลั่นสนั่นเสียง ต่างขับไพร่ไล่ล้อมเข้าพร้อมเพรียง ฝรั่งเรียงรายทัพออกรับรบ เจ้าหัสกันนั้นเป็นหนุ่มคุมทหาร เกณฑ์ละหม่านห้าพันเข้าบรรจบ ทั้งกองร้อยคอยระดมช่วยสมทบ ออกตั้งรบรับกันประจัญบาน ฯ ๏ ฝ่ายบุตรพราหมณ์ตามติดพระกฤษณา ขับโยธารมจักรเข้าหักหาญ ต่างแหกค่ายไล่บุกเข้ารุกราน ฝรั่งต้านต่อแย้งทิ่มแทงฟัน ทั้งสองฝ่ายตายล้มพวกรมจักร ยิ่งหนุนหนักหักโหมโถมถลัน ผลาญฝรั่งทั้งหลายวายชีวัน หัสกันกระชั้นทัพเข้ารับรบ พวกละหม่านหาญกล้าต้องอาวุธ ล้มแล้วผุดลุกอีกไม่หลีกหลบ ไล่โยธีตีกลมล้มกระทบ ต่างถอยรบรับปืนเสียงครื้นครึก พวกฟันเสี้ยมเหี้ยมห้าวถือหลาวแหลน ทะลวงแล่นไล่ล้างมากลางศึก เป็นกลุ่มกลมรมจักรแตกคักคึก ทัพผลึกไล่ทหารเข้าราญรอน สินสมุทรขับสิงห์วิ่งกระโดด ทะลวงโลดไล่ละหม่านชาญสมร บ้างรบรับจับกุมตะลุมบอน สุดสาครเสาวคนธ์ช่วยพลรบ บ้างรุกโรมโหมหักยักษ์ละหม่าน บ้างต่อต้านตายยับซับซ้อนศพ เจ้าหัสกันหันกลับขับสินธพ ทหารหลบล้มตายแตกพรายพลัด พลผลึกครึกโครมไล่โหมหัก ทั้งรมจักรพรักพร้อมล้อมสกัด นางเสาวคนธ์วนเที่ยวไล่เลี้ยวลัด พอเห็นหัสกันบุตรสุดสาคร นางควบสิงห์วิ่งขวางหนทางถาม ตัวนายนามใดบอกอย่าหลอกหลอน แม้บุตรลาลีวันเป็นมารดร จะหยุดหย่อนยังไม่ล้างให้วางวาย หัสกันนั้นเห็นว่าเป็นหญิง ยืนม้านิ่งดาลเดือดไม่เหือดหาย มาหมิ่นกูดูถูกลูกผู้ชาย นี่ดีร้ายเสาวคนธ์สุมณฑา จึงย้อนถามนามนางบอกบ้างก่อน สุดสาครเขาเป็นผัวหรือมัวหา พลางหุนหันฟันฟาดด้วยสาตรา นางล่อล่าลวงให้เลี้ยวไล่ทัน หวดด้วยทวนม้วนคว่ำเอาด้ามฟาด ถูกแพลงพลาดพลิกพลัดต่างผัดผัน ขับม้าวิ่งสิงห์สกัดจับหัสกัน พัลวันเวียนปนพลรบ สินสมุทรสุดสาครไล่ต้อนหลัง ฟันฝรั่งตายยับกลับตลบ หัสกันนั้นลงวิ่งทิ้งสินธพ พอค่ำพลบรบรุมตะลุมบอน อ่อนระอาพาไพร่เข้าในด่าน บ้างเซซานซ้อนซับสลับสลอน มิทันสิ้นสินสมุทรสุดสาคร ไล่ตีต้อนเข้าไปในกำแพง กองทัพหน้าพาทหารเข้าด่านได้ จุดคบไฟเพลิงสว่างกระจ่างแสง เห็นตะคุ่มรุมกันไล่ฟันแทง สกัดสแกงฆ่าฝรั่งพวกลังกา ฝ่ายกองล้อมป้อมหอรบต่างหลบวิ่ง เห็นจวนจริงโจนกำแพงเสียแข้งขา หัสกันนั้นผู้รู้วิชา พาขึ้นม้าฝ่าฟันป้องกันไป เปิดประตูพรูออกได้นอกด่าน ต่างลนลานเลี้ยววงเวียนหลงใหล หัสกันนั้นพาพวกข้าไท รีบตรงไปเฝ้าพระมังคลา ส่วนกองทัพพระอภัยเข้าในด่าน พร้อมทหารไพร่นายทั้งซ้ายขวา หยุดเลี้ยงดูหมู่หมวดต่างตรวจตรา กินเหล้ายาฮาลั่นสนั่นไป ฯ ๏ ฝ่ายพระอนุชนัดดาพาทหาร เข้าตีด่านเจ้าประจัญเสียงหวั่นไหว พวกไส้ศึกครึกครื้นจุดฟืนไฟ เปิดด่านให้ทัพล้อมเข้าพร้อมเพรียง ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬารำภาสะหรี กับบุตรีหนีเพลิงลงเชิงเฉลียง ขึ้นทรงม้าพาขอเฝ้าเหล่าพี่เลี้ยง รีบหลีกเลี่ยงหลบออกนอกกำแพง พบโยธาวายุพัฒน์สกัดกั้น พวกลังกาฝ่าฟันล้วนขันแข็ง ต่างพุ่งหอกกลอกทวนเข้าสวนแทง ถูกเลือดแดงดื่นตายลงก่ายกัน นางละเวงเกรงศึกเห็นดึกดื่น พวกพลตื่นแตกไปในไพรสัณฑ์ ชวนรำภาผกาสุลาลีวัน ขับม้าดั้นด้นทางมากลางคืน เหลือพวกพลคนตามสามสี่ร้อย ต่างคอยค่อยบุกป่าไม่ฝ่าฝืน เสียงทัพไล่ใกล้กระชั้นโห่ครั่นครื้น พากันตื่นตัดทางไปกลางดง พอเดือนดับลับฟ้าในป่ามืด เดินเป็นยืดชักเพื่อนฟั่นเฟือนหลง เห็นรางรางนางวัณฬาขับม้าทรง วกเลี้ยวลงไปทางบ้านสะพานยนต์ ฯ ๏ ฝ่ายวลายุดาเจ้าวายุพัฒน์ ต่างรีบรัดจะไปชิงเอาสิงหล ให้จุดคบครบทั่วทุกตัวคน ออกเดินพลทัพละหมื่นเสียงครื้นเครง พบพวกหมอขอเฝ้าคนเฒ่าแก่ ริบเอาแต่ผ้าห่มทำข่มเหง บ้างถอดเครื่องเปลื้องทั้งเสื้อกังเกง ต่างเท้งเต้งเที่ยวตะโกนเดินโดนกัน ด้วยพลพระชนนีถึงสี่หมื่น ล้มตายดื่นดาษป่าพนาสัณฑ์ เสียหูตาขาแข้งถูกแทงฟัน เรียกเพื่อนกันครวญครางอยู่กลางแปลง ฝ่ายวลาวายุพัฒน์เร่งรัดไพร่ จุดคบไต้ตามทางสว่างแสง ทั้งคนม้าล้าเลื่อยด้วยเหนื่อยแรง อุส่าห์แข็งใจตามกันหลามไป ฯ ๏ ฝ่ายโยธาการะเวกวาโหมพร้อม รักษาป้อมปิดทางที่หว่างไศล สืบเรื่องราวข่าวฝรั่งระวังระไว พอม้าใช้มาแถลงแจ้งคดี ว่ากองทัพพระอภัยตีได้ด่าน พวกป่าตาลแตกตายพลัดพรายหนี พวกหนึ่งมาว่าเมื่อเย็นเห็นโยธี ยกไปตีด่านเขาเจ้าประจัญ จึงแต่งองค์ขึ้นทรงแรดที่นั่ง ยกพลพรั่งไพร่นายรีบผายผัน เข้าหว่างเนินเดินทางกลางอรัญ พบพวกวัณฬามาในป่ารัง เห็นโฉมยงทรงม้าพาทหาร ก้มกราบกรานทูลถามถึงความหลัง นางเทวีดีใจเล่าให้ฟัง เสียด่านทั้งเสียทัพแทบอับจน จะกลับวังลังกาเกรงข้าศึก จะเหิมฮึกขึ้นไปชิงเอาสิงหล ไม่เห็นทางกลางดงเที่ยวหลงวน ท่านพาพลมาทำไมในไพรวัน ฯ ๏ วาโหมทูลมูลความตามรับสั่ง ให้ระวังลังกามหาสวรรค์ ทราบว่าศึกฮึกโหมเข้าโรมรัน จึงพากันรีบมาช่วยราวี ซึ่งเสียด่านการศึกจะฮึกโหม ไปรุกโรมรบพุ่งถึงกรุงศรี เชิญกลับยังลังกาพวกข้านี้ จะภักดีด้วยพระองค์ช่วยสงคราม นางดีใจให้ทหารชำนาญป่า เป็นกองหน้านำเสด็จไม่เข็ดขาม พบฝรั่งลังกาพากันตาม ได้สักสามพันถ้วนรีบด่วนเดิน ฯ ๏ ฝ่ายหัสกันนั้นพาโยธาหาญ จากดงตาลตัดทางหว่างเขาเขิน ถึงค่ายตั้งมังคลาตรงหน้าเนิน ลงม้าเดินเข้าไปเฝ้าเจ้าลังกา กราบทูลความตามด่านดงตาลแตก ทหารแยกย้ายไปไพรพฤกษา ทัพผลึกฮึกเหิมซ้ำเติมมา พระมังคลาเหลือวิตกตันอกใจ ตะลึงนิ่งอิงองค์ดำรงนั่ง พอฝรั่งเข้ามาแจ้งแถลงไข ว่าองค์พระอนุชานัดดาไป เข้าตีได้ด่านเขาเจ้าประจัญ แล้วยกทัพนับหมื่นเมื่อคืนนี้ จะรีบตีตามไปไอศวรรย์ พระทราบสิ้นยินดีที่สำคัญ พอยับยั้งตั้งมั่นประจัญบาน จะรอรับทัพใหญ่อยู่ในป่า เราน้อยกว่าข้าศึกจะฮึกหาญ แล้วหลีกทัพที่มาแต่ป่าตาล ไปตั้งด่านเจ้าประจัญที่มั่นคง แล้วคิดว่าธานีจะตีได้ หรือจะไม่เหมือนจิตคิดประสงค์ สารพัดขัดขวางอยู่กลางดง จึงสั่งองค์นัดดาอย่าช้าที จงจัดทัพขับไพร่ตามไปด้วย จะได้ช่วยรบพุ่งเอากรุงศรี พอเสร็จตรัสหัสกันอัญชลี มาเตรียมกรีธาพลสกลไกร เกณฑ์โยธาห้าพันล้วนสันทัด ถือหอกซัดปืนดาบกำซาบไสว แล้วแต่งองค์ทรงม้าเคลื่อนคลาไคล ขับพลไพร่พร้อมเดินขึ้นเนินทราย ฯ ๏ ฝ่ายทัพพระอนุชาวายุพัฒน์ ต่างเร่งรัดพลขันธ์รีบผันผาย พอพ้นดงลงเนินเดินสบาย ตะวันบ่ายปลายรังถึงลังกา เห็นพวกพลบนเชิงเทินเนินหอรบ อาวุธครบไพร่นายรายรักษา จึงหยุดทัพยับยั้งรอรั้งรา ขับม้ามาหน้ากำแพงแจ้งคดี พระปิ่นเกล้าเจ้าลังกาบัญชาใช้ ให้คุมไพร่มาบำรุงชาวกรุงศรี เร็วเร็วเถิดเปิดประตูพระบูรี อย่าช้าทีโทษมึงจะถึงตาย ฯ ๏ ฝ่ายนายกองร้องว่าพระมาตุรงค์ มิให้องค์โอรสถือกฎหมาย พระหัสไชยได้ตราว่าไพร่นาย อย่าใกล้กรายกลับไปเสียให้พ้น พระอนุชาว่าภิเษกเอกโอรส ย่อมรู้หมดชายหญิงทั้งสิงหล ให้พราหมณ์แขกแปลกภาษาเข้ามาปน จะพาพลไพร่นายวายชีวัน เหวยฝรั่งพรั่งพร้อมจงยอมเข้า ด้วยปิ่นเกล้าเจ้าลังกานราสรรค์ ช่วยกันมัดหัสไชยพร้อมใจกัน จะรางวัลเงินทองที่ต้องใจ ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างเมินแกล้งเดินหนี พวกชาวที่ทูลแจ้งแถลงไข เขาวุ่นวายฝ่ายกษัตริย์หัสไชย ไม่ห่างไกลสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา อยู่ในห้องสองนางเคียงข้างที่ พูดเซ้าซี้สรวลสันต์ด้วยหรรษา พระชวนน้องสององค์ทรงสกา ทอดหกห้าหูช้างได้ข้างซ้าย นางทอดถูกลูกบาศก์เดินพลาดแต้ม ต้องปรับแถมทับเบี้ยต้องเสียหาย ต้องถูกจูบลูบแก้มยิ้มแย้มพราย พอขรัวนายเข้ามาทูลมูลความ ว่ากองทัพคับคั่งมาตั้งล้อม ดูพรั่งพร้อมไพร่พลออกล้นหลาม พระหัสไชยไม่พรั่นคิดครั่นคร้าม ทูลลาสามกษัตริย์สองพระน้องนาง พี่จะไปไล่ฆ่าอ้ายฝรั่ง อยู่ในวังเถิดน้องอย่าหมองหมาง พลางจัดแจงแต่งองค์ทรงสำอาง ทั้งสองนางนั่งพัดพระหัสไชย ฯ ๏ พระสอดซับสนับเพลาเนากระหนก ทรงผ้ายกแย่งทองผุดผ่องใส คาดเข็มขัดรัดหน่วงขัดควงไก แล้วสอดใส่เสื้อสวมเกราะนวมทับ สังวาลแววแก้ววาวดังดาวช่วง ใส่ทับทรวงสายสร้อยพลอยประดับ ทองพระกรชัชวาลผูกบานพับ มงกุฎเก็จเพชรสลับดูวับวาม ธำมรงค์ทรงรายพรายพระหัตถ์ พระขรรค์ขัดเอวเสร็จไม่เข็ดขาม สองน้องนุชยุดไว้วอนไปตาม กับทั้งสามกษัตริย์ปลอบหัสไชย ขอไปด้วยช่วยรับทัพฝรั่ง อยู่ในวังยังให้พรั่นประหวั่นไหว พระทูลทัดตรัสห้ามสองทรามวัย อย่าตามไปให้ระวังเป็นกังวล แล้ววอนน้องสองนางให้วางหัตถ์ ต่างองค์ช่วยอวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล พระรับพรถอนฤทัยจากไพชนต์ ขึ้นตรวจพลบนเชิงเทินเที่ยวเดินกราย ฯ ๏ เห็นฝรั่งตั้งทัพอยู่คับคั่ง ยิ่งคิดชังดุเดือดไม่เหือดหาย จึงเลือกสรรบรรดาเสนานาย เป็นเกียกกายซ้ายขวากล้าสงคราม ให้คุมคนพลรบพอครบหมื่น ต่างเริงรื่นรับเสด็จไม่เข็ดขาม กับเสนีที่สนิทเคยติดตาม ได้ฤกษ์ยามยกออกนอกกำแพง พระทรงนั่งหลังสิงห์กั้นกลิ้งกลด เผ่นพยศแยกเขี้ยวเสียวแสยง สี่เท้าเต้นเล่นหางมากลางแปลง ทหารแซงซ้ายขวาแกว่งอาวุธ วลายุดาวายุพัฒน์จัดทหาร ออกต่อต้านตีทัพสัประยุทธ์ ต่างป้องกันฟันแทงต่างแย้งยุทธ์ อุตลุดตะลุมบอนไล่รอนราญ พวกกองทัพคับคั่งประดังรบ ต่างพุ่งหลบแหลนหลาวฟาดง้าวขวาน เข้าต่อแย้งแทงฟันประจัญบาน ต่างต้านทานหาญฮึกเสียงครึกโครม ฝ่ายบุตรท้าวเจ้าพาราการะเวก ทหารเอกพร้อมพรักเข้าหักโหม ไล่ห้ำหั่นฟันฟาดเลือดสาดโซม ขับสิงห์โถมฆ่าตายเรี่ยรายไป ฯ ๏ พวกกองทัพยับแยกต่างแตกตื่น ทั้งสองหมื่นครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว วิ่งกระจายพรายพลัดพวกหัสไชย ชวนกันไล่ลัดแลงทิ่มแทงฟัน พระหัสไชยไล่วลาวายุพัฒน์ ต่างเลี้ยวลัดสะบัดเวียนวนเหียนหัน พระตามติดคิดว่าจะฆ่าฟัน เป็นพงศ์พันธุ์พี่ยาสุดสาคร นึกเกรงใจด้วยไม่ควรพอจวนค่ำ จะต้องทำมันเสียมั่งเหมือนสั่งสอน พลางควบสิงห์วิ่งทะยานเข้าราญรอน อัสดรโดดหนีไล่ตีรัน ถูกวลาวายุพัฒน์ต่างพลัดตก น้ำตาซกซบหน้าเพียงอาสัญ พระยืนดูอยู่ตรงหน้าไม่ฆ่าฟัน แกล้งเย้ยหยันเยาะว่าช่างน่าอาย ยังอ่อนแอแม่พ่อก็ต่อสู้ ตีเมืองกูรวบริบเอาฉิบหาย หือรือโหดโทษมึงจะถึงตาย แต่กูอายแก่ใจจึงไว้มือ ส่วนสององค์ฝืนกำลังขึ้นหลังม้า กระซิบว่าแต่เบาเบาเอาเถิดหรือ พึ่งแรกรุ่นฉุนใจดังไฟฮือ ขับม้ารื้อรำทวนเข้าสวนแทง พระหัสไชยไวว่องปัดป้องปิด ไล่ตามติดโรมรันด้วยขันแข็ง วลายุดาวายุพัฒน์หลบลัดแลง ต่างพลัดแพลงพลบค่ำถูกซ้ำเติม พวกตามไล่ไต้คบจุดรบศึก บ้างแทงฟันครั่นครึกต่างฮึกเหิม พวกทัพหลังทั้งปวงข้าหลวงเดิม ขับพลเพิ่มเสริมไล่ล้างไพรี ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงล่วงรู้เมื่อสู้รบ ครั้นค่ำพลบพลัดพรายกระจายหนี จึงนึกว่าพวกฝรั่งรบครั้งนี้ เสียท่วงทีทุกครั้งเพราะยังเยาว์ อ้ายสี่คนพลน้อยจะย่อยยับ เขาหลายทัพถึงจะแก้ก็แพ้เขา ทั้งพวกพ่อก็จะโกรธทำโทษเรา ว่าบอกเล่าความหลังกับมังคลา ไม่ถือพระจะทำด้วยอำนาจ ล้วนหยาบคายร้ายกาจนอกศาสนา ไม่พ้นผิดคิดดูเป็นครูบา อยู่ลังกาน่าที่จะมีภัย วลายุดามาตีเดี๋ยวนี้เล่า ก็แตกเขาเฝ้าแต่แพ้ต้องแก้ไข ยังไล่จับสัประยุทธ์จะจุดไฟ ให้เพลิงไหม้มันจะกลับกองทัพมา แกคิดพลางทางพาบรรดาเด็ก ขึ้นเกวียนเหล็กลูกไฟใส่ซ้ายขวา เที่ยวบอกเล่าเหล่าฝรั่งว่าลังกา จะขาดชาติศาสนาเป็นป่าไป ใครถือพระจะสมทบช่วยรบสู้ มาตามกูดูแลจะแก้ไข ฝรั่งฟังสังฆราชก็หวาดใจ ต่างฉวยได้ดาบหอกออกวิ่งดาม ต่างรู้ความทำนายทั้งชายหญิง พากันวิ่งตามถนนออกล้นหลาม ถึงโรงรายท้ายวังหยุดสั่งความ บรรดาตามกูมาช่วยราวี แม้เกิดไฟไหม้วังคนทั้งหลาย จะแตกตื่นแยกย้ายพลัดพรายหนี จับกษัตริย์หัสไชยพวกไพรี ผลาญชีวีเสียให้ได้อย่าไว้มือ แล้วหยิบชุดจุดประทัดทั้งมัดใหญ่ เป็นลูกไฟติดต่อบินปร๋อปรื๋อ ตกตึกรามลามไหม้เปลวไฟฮือ เสียงอึงอื้ออึกทึกดังครึกครื้น พวกผู้หญิงวิ่งผวาถลาล้ม ผ้านุ่งห่มหายไปไม่ได้สักผืน พวกฝรั่งสังฆราชซ้ำสาดปืน ต่างวิ่งตื่นแตกพลัดกระจัดกระจาย เหล่าล้อมวังนั่งเชิงเทินเนินหอรบ ต่างหลีบหลบล้มคว่ำคะมำหงาย ทิ้งหน้าที่หนีไฟทั้งไพร่นาย ล้วนวุ่นวายวิ่งพรูทุกหมู่กรม ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์องค์พระมเหสี สุมาลีกับลูกรักนักสนม อุตลุดยุดเหนี่ยวกันเกลียวกลม บ้างลุกล้มหลบลี้เที่ยวหนีไฟ เป็นฝูงฝูงจูงกันวิ่งหันเหียน เลี้ยววนเวียนวิ่งวงเที่ยวหลงใหล ควันตลบกลบกลุ้มมืดคลุ้มไป จนหายใจไม่ใครออกวิ่งซอกซอน ร้องสั่งให้ไขประตูต่างกรูวิ่ง พวกผู้หญิงชิงกันเบียดเสียดสลอน อัดหลามหลังคั่งคับแซกซับซ้อน ที่ผ้าผ่อนล่อนแลเห็นแต่กาย ท้าวทศวงศ์ทรงแกว่งพระแสงง้าว นำแสนสาวชาววังสิ้นทั้งหลาย พากันออกนอกประตูพบผู้ชาย ฝรั่งรายรุมจับพระรับรบ สุมาลีมีพระแสงกวัดแกว่งฟาด ถูกตายกลาดดาษดื่นพวกอื่นหลบ พอพวกพ้องสองพาราตามมาพบ ช่วยกันรบรับพลางตามทางไป ฯ ๏ ฝ่ายหน่อนาถอาจหาญออกผลาญศึก เสียงสะทึกสะเทื้อนลั่นสนั่นไหว เหมือนคนตื่นยืนแลมาแต่ไกล เห็นไฟไหม้เวียงวังพลุ่งพลั่งโพลง เปลวเพลิงแรงแสงปลาบวาบสว่าง เป็นควันกลางฟ้ากลุ้มคลุ้มโขมง เรียกกองทัพขับสิงห์วิ่งตะโพง เห็นติดโรงร้านตลาดราษฎร ดูริมวังยังวิ่งชายหญิงวุ่น ซวนเซซุนสาวแก่แซ่สลอน พระควบสิงห์วิ่งผ่าพลากร เห็นภูธรทศวงศ์ทำสงคราม ฝรั่งพร้อมห้อมหุ้มเข้ารุมจับ พระรบรับรำคว้างอฺยู่กลางสนาม เข้าขวางหน้าฆ่าไพร่มันไล่ตาม ตายสักสามสี่ร้อยแตกถอยไป ท้าวทศวงศ์พงศาคณาญาติ เห็นหน่อนาถยินดีจะมีไหน พวกห้ามแหนแสนสนมกรมใน พบหัสไชยชื่นจิตต่างติดตาม หน่อนราพาองค์พงศ์กษัตริย์ รีบรบตัดไปทางกลางสนาม บาทหลวงเห็นเป็นเชิงละเลิงลาม ต้อนคนตามล้อมจับเธอรับรอง ฯ ๏ พวกกองทัพกลับมาโยธาหาญ ต่างไปบ้านเรือนตนแบกขนของ ทั้งหนุ่มสาวเฒ่าแก่เสียงแซ่ซ้อง ทุกบ้านช่องชุลมุนวิ่งวุ่นวาย ฯ ๏ ฝ่ายวลาวายุพัฒน์ต่างพลัดไพร่ เห็นเพลิงไหม้อึกทึกข้าศึกหาย รวมพหลพลไกรทั้งไพร่นาย ที่เหลือตายหลายพันพากันมา เห็นเมืองไหม้ไพร่พลสับสนวิ่ง ฝูงชายหญิงแยกย้ายทั้งซ้ายขวา ให้ทหารขานโห่ก้องโกลา เที่ยวตามหาพวกกษัตริย์หัสไชย เห็นรถเหล็กเด็กขับเข้าอภิวาท พระสังฆราชเล่าแจ้งแถลงไข ทั้งสองทราบกราบพระคุณค่อยอุ่นใจ ครั้งนี้ได้ทีเห็นจะเป็นการ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชประกาศสั่ง ชาวเมืองทั้งปวงด้วยช่วยทหาร แล้วแยกคนค้นหาฝ่ายอาจารย์ กำกับหลานไล่ค้นเที่ยววนเวียน ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสไชยมาใกล้ป้อม เห็นทัพอ้อมออกสกัดฉวัดเฉวียน ฯ เชิญสองท้าวสาวสุรางค์ขึ้นต่างเกวียน ออกทางเตียนตัดไปข้างไพรวัน พอพบกับทัพวลาวายุพัฒน์ ตั้งสกัดล้อเกวียนกลับเหียนหัน พอเสนาห้าสิบรีบมาทัน ช่วยป้องกันกับกษัตริย์หัสไชย ฝ่ายทัพล้อมพร้อมพรั่งบ้างตั้งโห่ รำแหลนโล่ไล่กระชั้นเสียงหวั่นไหว พวกห้ามแหนแสนสนมกรมใน ต่างตกใจจวนตัวด้วยกลัวตาย เห็นใกล้ชิดปิดตาซบหน้าร้อง เสียงแซ่ซ้องทรวงสั่นมิ่งขวัญหาย พระหัสไชยไล่ฆ่าโยธาตาย ทหารซ้ายขวาแซงโถมแทงฟัน พวกฝรั่งสังฆราชตายกลาดกลิ้ง ยิงฆ่ายิ่งเยียดยัดสกัดกั้น ครั้นหักออกนอกได้มันไล่ทัน ต้องรบกันชาววังเป็นกังวล ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาตามวาโหม ให้ส่องโคมคบไต้เดินไพรสณฑ์ พอออกทุ่งมุ่งเมินรีบเดินพล ถึงสิงหลเห็นไฟยังไม่โทรม ดูในวังพังทลายลงหลายแห่ง นอกกำแพงเพลิงฮือกระพือโหม เห็นหัสไชยไล่บุกรบรุกโรม พวกวาหุโลมล้อมไล่ฟันไพร่นาย ทั้งโยธาการะเวกตัวเอกอาจ ไล่พิฆาตฆ่าฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ลูกดาบหอกกลอกเกลือกซบเสือกกาย ต่างเรี่ยรายรบพุ่งจนรุ่งราง ฯ ๏ บาทหลวงกลับขับเกวียนเที่ยวเวียนวก เข้าบุกรกเลี้ยวลัดเดินขัดขวาง เถาวัลย์เหนี่ยวเกี่ยวกระหวัดแกตัดพลาง เสียงโกร่งกร่างกรวบกราบสวบสาบไป ฝ่ายหัสกันนั้นขับทัพมาพบ กำลังรบรับกันเสียงหวั่นไหว เห็นวลาวายุพัฒน์หนีหัสไชย รีบขับไพร่พร้อมพรั่งหนุนคั่งคับ ระดมปืนครื้นครั่นคอยกันหลัง พวกฝรั่งแตกตื่นต่างคืนกลับ รุมระดมสมทบช่วยรบรับ เป็นสามทับซับซ้อนเข้ารอนราญ ฯ ๏ ฝ่ายโยธาการะเวกพวกวาโหม ไล่รุกโรมเร็วรวดหวดประหาร มันแทงฟันหันเหซวนเซซาน สู้ต้านทานทนคงทรงกำลัง ไม่หลีกหลบรบศึกเสียงครึกครื้น แต่ถูกปืนปีกทะลุดังปรุหนัง นางละเวงเร่งขับทัพประดัง ช่วยรบทั้งสุมาลีบุตรีนาง ฯ ๏ ฝ่ายรำภากล้าหาญถือขวานพ่อ ขึ้นม้าห้อหกดีดคนกีดขวาง ไล่หวดรันฟันทหารรำขวานคว้าง ทั้งสองนางหนุนหลังเข้าคั่งคับ พวกทมิฬบินรบไม่หลบหลีก กระพือปีกป้องกันประจัญจับ ฝรั่งตายหลายร้อยต่างถอยรับ ทั้งสามทัพยับแยกแตกกระจาย นางรำภากล้าหาญเห็นหลานลูก ยิ่งคิดผูกพยาบาทมุ่งมาดหมาย ไล่วลาวายุพัฒน์วิ่งพลัดพราย ยิงลูกชายเฉียดตาตกพาชี นางฉวยขวานรานรุกพระลูกกลับ ขึ้นม้าขับข้ามโขดกระโดดหนี ยุพาฟันลูกชายผิดหลายที สุลาลียิงสกัดหัสกัน ต่างหลบเลี่ยงเพลี่ยงพลาดขยาดแม่ ไม่เหลียวแลหลบไปในไพรสัณฑ์ ต่างรวมได้ไพร่นายเหลือตายนั้น จวนสายัณห์เย็นพยับเลิกทัพไป ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสลด เมืองไหม้หมดมัวหมองไม่ผ่องใส เสียเผ่าพงศ์วงศาเสนาใน เสียพระทัยไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ชวนสามนางย่างเยื้องชำเลืองเนตร นึกสมเพชพวกฝรั่งที่สังขาร์ ทั้งหญิงชายตายกลาดดาษดา พระชลนานางตกซกซกลง แสนอาลัยไพร่นายทั้งชายหญิง ยิ่งดูยิ่งเยือกจิตพิศวง เป็นลมเวียนเหียนคลื่นฝืนดำรง แต่ซวนลงสามนางพลางประคอง สุมาลีศรีสวัสดิ์หัตถ์ประทับ แก้ลมจับนวดอุระพระขนอง ทั้งแสนสาวชาวแม่ออกแซ่ซ้อง เสียงร่ำร้องไห้อึงคะนึงไป พวกชาวบ้านร้านตลาดเที่ยวกลาดเกลื่อน เสียเหย้าเรือนเคหาที่อาศัย เห็นศพกลาดญาติกายิ่งอาลัย เสียงร้องไห้แซ่ทั้งเมืองลังกา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเสียงเครงครื้น ค่อยพลิกฟื้นคืนดำรงเห็นวงศา สะอื้นร่ำรำพันจำนรรจา น้องเกิดมาอาภัพอัประมาณ เมื่อครั้งสาวคราวศึกผลึกเล่า เสียพงศ์เผ่าเสียตัวเพราะผัวผลาญ ครั้นมีลูกปลูกฝังกลับจังฑาล เสียถิ่นฐานปรางค์ปราสาทราชวัง เสียทีอยู่ผู้เฒ่าแต่เก่าก่อน เพราะไฟฟอนร้อนศพที่กลบฝัง เสียสมบัติข้าวของสิบสองพระคลัง เสียฝรั่งราษฎรได้ร้อนรน หมายบำรุงกรุงไกรให้เป็นสุข กลับได้ทุกข์ทั้งลังกาโกลาหล เพราะลูกเต้าเหล่ากอมันทรชน อยู่เป็นคนทนระกำทุกค่ำคืน ถึงแค้นใครไม่เหมือนลูกที่ผูกแค้น ดังศรแสนเสียบอุราสุดฝ่าฝืน ยิ่งเคืองแค้นแสนศัลย์สุดกลั้นกลืน สะอึกสะอื้นขืนอุทัยมิใคร่คลาย ฯ ๏ สุมาลีพี่นางไม่ห่างน้อง เคียงประคองร้องไห้ฤทัยหาย ปลอบวัณฬาว่าแม่คุณอย่าวุ่นวาย ตีตัวตายก่อนไข้ก็ไม่ควร ที่โศกแสนแค้นเคืองพอเปลื้องปลิด แต่ชีวิตแม่อุตส่าห์รักษาสงวน ยังหิวหอบบอบช้ำอย่าคร่ำครวญ จะประชวรโฉมยงจงระงับ แม่แต่ตายชายหญิงทั้งสิงหล จะมืดมนแม้นเหมือนดังเดือนดับ ชั้นลูกเล็กเด็กน้อยจะพลอยยับ แม่อยู่ด้วยช่วยระงับเคยดับร้อน ราชการบ้านเมืองที่เคืองเข็ญ จะกลับเป็นสุขสบายเพราะสายสมร เหมือนโปรดเกล้าเหล่าอำมาตย์ราษฎร ให้หายเหือดเดือดร้อนดังก่อนมา ฯ ๏ นางฟังปลอบนอบน้อมสู้ออมอด เชิญท้าวทศวงศ์เหล่าเผ่าพงศา เข้าสู่วังตั้งประทับอยู่พลับพลา เกณฑ์โยธาซ่อมแปลงกำแพงวัง ฯ ๏ ส่วนวลายุดาวายุพัฒน์ พบกับหัสกันสมอารมณ์หวัง รวบรวมทัพกลับมาในป่ารัง รีบไปยังด่านเขาเจ้าประจัญ เข้าเฝ้าพระมังคลาวันทาแถลง กราบทูลแจ้งตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ ตามที่ไฟไหม้กรุงรบพุ่งกัน ทั้งคืนวันฟั่นเฝือเหลือกำลัง ฯ ๏ พระมังคลาว่าศึกเห็นฮึกเหิม ยังจะเพิ่มเติมมาล้อมหน้าหลัง พลางตรองตรึกนึกขยาดหวาดระวัง พอพระสังฆราชมาอุ่นอารมณ์ เชิญให้นั่งยังที่เก้าอี้อาสน์ อภิวาทหวังจิตสนิทสนม น้ำชาตั้งทั้งพระศรีพัดวีลม แล้วกราบก้มเกศาบอกอาจารย์ ข้าพเจ้าคราวนี้สิ้นที่พึ่ง เหมือนโรคถึงที่ตัดอติสาร พระโปรดด้วยช่วยคิดกิจการ จะลวงล่อต่อด้านประการใด ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงง่วงเหงาบนเก้าอี้ ว่าเดิมทีสิไม่แจ้งแถลงไข ไปจับวงศ์พงศาเขามาไว้ ศึกจึงใหญ่ยกมารุมราวี แม้ผู้รู้อยู่ด้วยจะช่วยรบ ไม่นอบนบหยาบคายให้หน่ายหนี จนศึกเสือเหลือกำลังแล้วดังนี้ ด้วยเดิมทีทำผิดกิจการ อีวัณฬาว่ากูเป็นครูสอน ว่าปากบอนค่อนด่าช่างว่าขาน พลอยรับเคราะห์เพราะว่าเป็นอาจารย์ คิดสงสารจึงอุตส่าห์ออกมาดู เดี๋ยวนี้ทัพพระอภัยไล่มาติด ตั้งประชิดหน้าด่านเตรียมการอยู่ แล้วแม่เองอีวัณฬาถ้ามันรู้ มันต้องจู่มาขนาบช่วยปราบปราม จะต้องสู้ดูสักครั้งเหมือนสั่งศึก ถ้าสมนึกก็จะเตียนที่เสี้ยนหนาม จงหาคนปลอมพงศ์รูปทรงงาม มาสอนความมารยาให้พาที ให้ช่างแต่งแปลงกายเหมือนหมายมั่น เคลือบผิวพรรณเผ้าผมให้สมครี ไว้ลวงแม่แลข้างพระอภัยมณี ให้ไพรีชะงักฉงนชื่อกลกัน ฯ ๏ พระมังคลาอาหลานก้มกรานกราบ เห็นจะปราบศึกได้มไหศวรรย์ แล้วให้พระอนุชานัดดานั้น เที่ยวเลือกสรรเลกระบาดที่กวาดมา คนสามเมืองเหลืองขาวหนุ่มสาวพร้อม พูดเล้าโลมโน้มน้อมยอมอาสา ให้ขุนนางช่างทำสีน้ำยา เคลือบผิวหน้าเนื้อหนังเหมือนทั้งนั้น แล้วซ่อนไว้ให้คนปรนนิบัติ ตรวจเตรียมจัดแจงรับที่คับขัน เที่ยวซุ่มคนกลรบทำครบครัน เป็นหลายชั้นกันศึกตรองตรึกการ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ยังซ่อมแปลงแต่งปราสาทราชฐาน จึงเกณฑ์พลคนหมื่นพื้นชำนาญ จะไปด่านได้สมทบรบโอรส ท้าวทศวงศ์พงศาเข็ดฝรั่ง ไม่อยู่วังจะไปช่วยกันด้วยหมด พร้อมกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ทรงพระยศ ขึ้นทรงรถเรียงกันเป็นหลั่นไป ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องยกกองทัพ ต่างโห่รับครื้นครั่นสนั่นไหว กองทัพหน้าฝรั่งกองหลังไทย พระหัสไชยไปกับน้องสองสุดา พวกไปทัพนับหมื่นคนอื่นทุกข์ เธอเป็นสุขสามองค์ทรงรถา เฝ้ายียวนสรวลสันต์จำนรรจา เสียงจ๊ะจ๋าจ๋อแจ๋ตรงแกลทอง ส่วนเจ้าพี่ชี้พนมชมนกไม้ นางซักไซ้เสียงเพราะเสนาะสนอง พระเชษฐาว่านกเงือกเลือกคู่ครอง ครั้นคลอดฟองของตัวให้ผัวฟัก ปิดโพรงไม้ไว้ช่องพอมองเห็น กลัวจะเล่นชู้ชั่วหึงผัวหนัก ตัวเมียไปได้ชู้เป็นคู่รัก ลืมผัวฟักฟองไข่ทิ้งให้ตาย ต่างยิ้มสรวลชวนชมพนมพนัส ปักษาสัตว์จตุบาทประหลาดหลาย สิงโตเต้นเล่นหางฝูงกวางทราย เที่ยวแวดชายรายเรียงม่ายเมียงเมิน เหล่าคนป่าม่าเหมียวเที่ยวเป็นฝูง บ้างอุ้มจูงลูกเต้าเลียบเขาเขิน นางถามพี่ชี้บอกแล้วหยอกเอิน ต่างเพลิดเพลินเดินรถบทจร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเร่งทหาร เข้าดงดานเดินทางหว่างสิงขร พอลงเขาเจ้าประจัญตะวันรอน ให้หยุดหย่อนโยธาหน้ากำแพง ทั้งสี่ทัพยับยั้งต่างตั้งมั่น เป็นขอบคันขุดแซะตีแตะแผง ทั้งซ้ายขวาสารวัดวิ่งจัดแจง ตามตำแหน่งนายหมวดต่างตรวจตรา ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลบนกำแพงตำแหน่งป้อม ตั้งโต๊ะล้อมเลี้ยงกันทำหรรษา พูดหยาบหยามตามเล่ห์เสียงเฮฮา บ้างเยี่ยมหน้ายืนมองดูกองทัพ เห็นพวกพ้องร้องเตือนอ้ายเพื่อนเอ๋ย อย่าอยู่เลยหลบลี้หลีกหนีกลับ พวกผลึกฮึกดีทีนี้ยับ เจ้ากูจับจำไว้ทั้งไพร่นาย สักครู่หนึ่งจึงจะพามาฆ่าเสีย ให้ลูกเมียดูหัวผัวทั้งหลาย มึงอย่าอยู่ผู้น้อยจะพลอยตาย บอกเจ้านายเลิกทัพถอยกลับไป ฝ่ายฝรั่งลังกาพูดจาฉาว ทั้งนายบ่าวบอกกันเสียงหวั่นไหว ข้างเผ่าพงศ์องค์กษัตริย์หัสไชย ต่างว่าอ้ายโป้งโหยงโกงทั้งนั้น จนสิ้นคิดปิดประตูกลับขู่เสือ มันเหมือนเบื้อเชื่อว่าปัญญาขยัน แล้วสั่งให้ไพร่นายท้าทายมัน อ้ายพวกเขาเจ้าประจัญถึงวันตาย ผีมันเข้าเจ้าข้าพากันหลอก ไยไม่ออกรบพุ่งเหมือนมุ่งหมาย เห็นฮึกมาตาขาวทั้งบ่าวนาย คิคอุบายหลายอย่างดังรางควาน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชประกาศสั่ง ลูกศิษย์ทั้งหลายฝ่ายนายทหาร ยกเสารอกซอกเสมาบนปราการ ใส่กระดานดังหนึ่งหิ่งห้อยชิงช้า เอารูปแปลงแต่งเป็นเช่นกษัตริย์ มาผูกมัดห้อยแขวนขึงแขนขา พระอภัยศรีสุวรรณเรียงกันมา ทั้งลูกยาสินสมุทรสุดสาคร รูปนงเยาว์เสาวคนธ์ใส่กลร้อง เรียกพวกพ้องครวญครางเหมือนอย่างสอน ฝ่ายฝรั่งลังกาพลากร เห็นแน่นอนว่าเจ้านายวุ่นวายกัน บ้างทูลเหล่าเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์ ต่างองค์ตรัสว่าไม่จริงทุกสิ่งสรรพ์ มันทูลมากหลากในฤทัยครัน ต่างพากันออกไปแลดูแต่ไกล เห็นรูปแขวนแม้นเหมือนไม่เคลื่อนคลาด ทั้งเอวองค์วงวิลาสคิดหวาดไหว ต่างแลเล็งเพ่งพิศชิดเข้าไป พลางจำได้ใจหายเพียงวายวาง ให้อัดอั้นตันตึงตะลึงจิต เป็นสุดคิดสารพัดจะขัดขวาง ส่วนรูปแขวนแสนกลดิ้นรนคราง ร้องสั่งนางสั่งน้องห้ามกองทัพ จงหลบลี้หนีไปทั้งใหญ่น้อย อยู่จะพลอยบรรลัยมิได้กลับ ทั้งสิบองค์หลงใหลจิตใจวับ ต่างเซล้มลมจับทบทับกัน พวกข้าเฝ้าเถ้าแก่บ้างแซ่ซ้อง เข้าประคองนวดเคล้นเป็นจ้าละหวั่น ค่อยพลิกฟื้นฝืนองค์เผ่าพงศ์พันธุ์ สะอื้นอั้นอ่อนกายฟายน้ำตา ฯ ๏ สุมาลีตีทรวงกันแสงร่ำ เนื้อว่ากรรมเจ้าประคุณทูลเกศา ลูกในไส้ให้กำเนิดได้เกิดมา ควรหรือฆ่าพ่อตัวไม่กลัวอาย ยังมัดถ่างกางเขนตระเวนแขวน โอ้แสนแค้นแสนชาติไม่ขาดหาย เมื่อเกิดมาอาภัพต้องกลับกลาย จะสู้ตายก่อนองค์พระทรงธรรม์ นางชักกริชพระธิดาวัณฬายุด ชิงอาวุธวอนว่าอย่าอาสัญ ทำถอยทัพกลับไปตามใจมัน จะฆ่าฟันหรือจะยังรอรั้งไว้ คอยดูทีดีกว่าอย่าช้านัก สงสารองค์ทรงศักดิ์จะตักษัย แม้วันนี้ชีวันไม่บรรลัย คิดแก้ไขให้พระองค์คงชีวา ฯ ๏ นางเห็นจริงนิ่งดูพระภูวนาถ ใจจะขาดน้อมนบซบเกศา ฝายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสุดา จึงร้องว่าเหวยฝรั่งรอรั้งไว้ มึงบอกทั้งสังฆราชกับลูกรัก อย่าฆ่าองค์ทรงศักดิ์ให้ตักษัย ไม่รบสู้กูจะกลับกองทัพไป แม้ขืนให้ฆ่าฟันทำอันตราย ไม่งดอยู่กูจะกลับสัประยุทธ์ กว่าจะสุดสิ้นชาติเหมือนมาดหมาย แล้วถอยทัพขับพหลพลนิกาย ไปอยู่ชายทุ่งกว้างห่างกำแพง ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงลวงลองพวกกองทัพ เห็นถอยกลับกลัวสิ้นไม่กินแหนง จึงสั่งให้ไพร่พลพาคนแปลง ไปจัดแจงหน้าเขาเจ้าประจัญ คอยดูพระอภัยที่ในค่าย เคยเดินกรายตรวจพหลพลขันธ์ เห็นมาใกล้ให้คนรูปกลนั้น ขึ้นนั่งขันควงรอกแขวนหลอกไว้ พวกฝรั่งฟังพระสังฆราช ชมฉลาดเหลือดีจะมีไหน ต่างกราบลาพากันไปทันใด ตระเตรียมไว้พร้อมเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรภพ ออกหอรบที่ริมป้อมพร้อมทหาร กับพระน้องสองโอรสรับพจมาน คิดอ่านการจะทำลายค่ายลังกา พอเห็นคนบนรอกออกสล้าง ผูกไม้กางเขนแขวนมัดแขนขา สุมาลีพี่น้องสองธิดา รูปเจ้าวาโหมชัดทั้งหัสไชย ท้าวทศวงศ์องค์นางพระยานั้น ดูสำคัญมั่นคงไม่สงสัย บอกพระน้องสองโอรสยศไกร ต่างตกใจในอารมณ์ไม่สมประดี ฯ ๏ ฝ่ายรูปกลคนแปลงมันแกล้งร้อง เหมือนเสียงสองพระธิดามารศรี พระบิตุรงค์องค์พระอาจงปรานี อย่าต่อตีเลิกทัพถอยกลับไป พระมังคลาว่าจะส่งองค์กษัตริย์ ไปเวียงวังจังหวัดหาช้าไม่ แม้ทัพยังตั้งประชิดติดเวียงชัย เขาจะให้ฆ่าฟันเสียวันนี้ แล้วรูปนางต่างร้องห้ามกองทัพ จงโปรดกลับไปบำรุงซึ่งกรุงศรี ฝ่ายพวกพ้องของพระอภัยมณี มิรู้ที่จะคิดอ่านประการใด นางเสาวคนธ์มณฑาเห็นหน้าน้อง ต้องจำจองพันธนาน้ำตาไหล เป็นลมจับวับวิงซบนิ่งไป พอเกือบใกล้สุริยนสนธยา พระอภัยไม่รู้ว่าผู้อื่น สะอึกสะอื้นอัดอั้นตันนาสา จึงร้องตอบปลอบฝรั่งพวกลังกา อย่าเพ่อฆ่าพงศ์พันธุ์ให้บรรลัย พรุ่งนี้เช้าเราจะกลับทัพทหาร ไม่คิดการราญณรงค์อย่าสงสัย ฝรั่งว่าถ้าจริงไม่ชิงชัย ถอยทัพไปเสียทีเดียวประเดี๋ยวนี้ ฯ ๏ พระฟังคำสำคัญผิดอั้นอ้น ถึงอับจนจำเราจะเปาปี่ จึงสั่งพระอนุชาอย่าช้าที เร่งเอาขี้ผึ้งปั้นปิดกรรณไว้ สินสมุทรสุดสาครอย่านอนหลับ ช่วยกันจับอ้ายสี่คนให้จนได้ ฝ่ายสามองค์ลงจากหอรบไป บอกนายไพร่ปิดหูให้รู้การ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเห็นใกล้ค่ำ จึงวักน้ำลูบปี่อธิษฐาน เป่าเสียงสูงฝูงคนเหลือทนทาน ก้องกังวานวาบวับเสียวจับใจ ให้ปลาบปลื้มลืมอื่นบ้างยืนนั่ง โยธาทั้งสามทัพเคลิ้มหลับใหล แต่องค์พระมังคลาคาดตราไว้ ตกพระทัยวิ่งมาเข้าหาครู บาทหลวงยังนั่งกินเหล้าเสียงเป่าปี่ ฉวยทองหยิบบีบขยี้เข้าที่หู ฉุดมังคลาว่าไวไวไปกับกู ออกประตูตะวันตกวิ่งวกวน ดูม้าช้างต่างหลับเห็นทัพล้อม ตั้งค่ายอ้อมโอบสกัดคิดขัดสน เข้าบุกป่าฝ่าหนามไปตามจน แต่สองคนด้นเดินเนินบรรพต ฯ ๏ ฝ่ายศรีสุวรรณสินสมุทรสุดสาคร เจ้ามังกรเจ้ายุขันพร้อมกันหมด พระกฤษณาสามารถราชโอรส ต่างปิดหูรู้กำหนดหมดด้วยกัน ครั้นกองทัพหลับสงบพอพลบค่ำ บันไดทำไว้สำหรับทุกทัพขันธ์ ปีนเข้าได้ในกำแพงแจ่มแสงจันทร์ ด้วยเป็นวันเพ็ญบูรณ์เห็นหุ่นกล คนประจำสำหรับก็หลับอยู่ ต่างพิศดูรู้อุบายเป็นสายสน มิใช่องค์พงศ์กษัตริย์มันจัดคน สวมรูปกลแขวนรอกร้องหลอกลวง ต่างจุดไฟเที่ยวส่องทุกห้องหับ หมายจะจับหน่อนาถกับบาทหลวง เห็นโยธาฝรั่งสิ้นทั้งปวง ถือคันควงขันรอกกรนครอกดัง ฯ ๏ ฝ่ายพระอภัยมณีทรงปี่เป่า เห็นน้องเข้าด่านได้ดังใจหวัง ยินดีสุดหยุดปี่มีกำลัง ไม่รอรั้งรีบเข้าไปในกำแพง พบพระน้องร้องถามตามวิตก ต่างหยิบยกรูปหุ่นทูลแถลง ใช่เผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์มันจัดแจง ทำกลแกล้งจะให้ทัพถอยกลับไป แล้วต่างองค์ทรงพระสรวลเสียงคักคัก ที่ผิวพักตร์เผือดหมองก็ผ่องใส พระสั่งน้องสองโอรสยศไกร ไปจับอ้ายมังคลาอย่าช้าที พระกฤษณาพาพราหมณ์ไปเที่ยวค้น ในตึกกลบนพลับพลาหลังคาสี หน่อนรินทร์สินสมุทรจุดอัคคี ขึ้นดูที่บนหอรบพบนัดดา ผูกมือมัดหัสกันนั้นมาก่อน สุดสาครถือเทียนเที่ยวเวียนหา เห็นวายุพัฒน์มัดแน่นลากแขนมา ผูกไว้หน้าตึกขวางที่กลางลาน พระกฤษณาพบวลายุดาหลับ ผูกมือจับจูงมาที่หน้าฉาน พออุทัยไตรตรัสชัชวาล ต่างกราบกรานทูลองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ สมเด็จพระอภัยวิไลลักษณ์ เสียดายศักดิ์กษัตรานราสรรค์ จึงเอื้อนอรรถตรัสโปรดยกโทษทัณฑ์ อ้ายเหล่านี้ชีวันถึงบรรลัย สุดแล้วแต่แม่เขาเหล่าฝรั่ง จะกักขังฆ่าตีตามวิสัย เอาตรึงตราทารกรรมจองจำไว้ กว่าจะได้ไปปะนางละเวง อันโยธาฝรั่งกำลังหลับ ตื่นจะกลับตะโกรงทำโฉงเฉง ปลุกด้วยปี่ถึงตื่นไม่ครื้นเครง ด้วยฟังความตามเพลงวังเวงใจ แล้วขึ้นนั่งยังเก้าอี้เป่าปี่แก้ว วิเวกแจ้วสำเนียงส่งเสียงใส โอ้แสงทองส่องฟ้านภาลัย ดวงดอกไม้ชื่นช่ออรชร ลมเฉื่อยเฉื่อยเรื่อยรินกลิ่นกุหลาบ ละอองอาบซาบทรวงดวงสมร แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอน จะอาวรณ์ว้าเหว่อยู่เอกา เจ้าพี่เอ๋ยเคยเรียงอยู่เคียงข้าง จะอ้างว้างห่างเหเสน่หา โอ้ยามตื่นขึ้นแล้วนะแก้วตา จะลับหน้านึกถึงคะนึงครวญ แม้เสร็จศึกดึกดื่นยามตื่นหลับ ภิรมย์รับขวัญประคองครองสงวน ห่างถนอมหอมอื่นไม่ชื่นชวน ไม่เหมือนนวลเนื้อหอมถนอมเชย เวลาเช้าสาวหยุดก็สุดหอม ไม่เหมือนกล่อมกลิ่นเกลี้ยงเคียงเขนย รสระรื่นชื่นใจสิ่งใดเลย ไม่เหมือนเชยโฉมชื่นระรื่นเย็น อยู่บ้านถิ่นสิ้นทุกข์เป็นสุขสุด มายงยุทธ์ยากแค้นถึงแสนเข็ญ สาพิภักดิ์เจ้านายไม่วายเว้น อยากไปเห็นถิ่นฐานบ้านเรือนเอย ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังฟื้นตื่นขึ้นสิ้น คิดถึงถิ่นฟูกหมอนที่นอนเขนย ที่รอนราญการศึกไม่นึกเลย ต่างแหงนเงยเห็นพระอภัยมณี แล้วถอดหมวกพวกฝรั่งต่างคำนับ เป็นลำดับน้อมประณตบทศรี ขอเป็นข้ากว่าจะตายวายชีวี พระเปรมปรีดิ์ปราศรัยทั้งไพร่นาย เราทำศึกนึกแสนแค้นลูกหลาน ไม่ถือโทษโกรธททารท่านทั้งหลาย จงอยู่เย็นเป็นสุขสนุกสบาย แล้วสั่งฝ่ายนายหมวดเร่งตรวจตรา เมืองด่านนี้มีประตูทั้งสี่ทิศ อย่าป้องปิดเลยไปเปิดเสียเถิดหนา ไม่ห้ามปรามตามแต่ใครจะไปมา เครื่องศัสตราเก็บหอมรวบรอมไว้ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งบังคมชมพระเดช ซึ่งโปรดเกศกรุณาจะหาไหน ทั้งไพร่นายฝ่ายทหารสำราญใจ ก็ลาไปตรวจตราด่านธานี ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาโยธาทัพ ต่างเคลิ้มหลับลืมอารมณ์เพราะลมปี่ เมื่อปลุกตื่นฟื้นสิ้นต่างยินดี รู้ว่าพระอภัยมณีเธอมีชัย เห็นประตูบูรีเปิดสี่ด้าน ถามทหารรู้แจ้งแถลงไข นางสุวรรณมาลีก็ดีใจ ทั้งหัสไชยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ท้าวทศวงศ์องค์มิ่งมเหสี รำภาสะหรีลีวันต่างหรรษา มาพร้อมพรั่งทั้งวัณฬายุพาผกา ต่างวันทาทรงยศท้าวทศวงศ์ เชิญเข้าไปในด่านปราการใหญ่ ฝ่ายพระอภัยชื่นชมสมประสงค์ ชวนพระน้องสองโอรสยศยง พร้อมพระวงศ์พงศ์เผ่าทั้งเสาวคนธ์ มารับท้าวเจ้าบุรีรมจักร เสียงคึกคักคนตามหลามถนน ขึ้นตึกกลางกว้างใหญ่มีไกกล เชิญนั่งบนแท่นทองอันรองเรือง ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์องค์มิ่งมเหสี ทรงโศกีเล่าความไปตามเรื่อง ยังแต่ตัวผัวเมียเมื่อเสียเมือง ต้องตรมตรอมผอมเหลืองไม่เปลื้องทุกข์ แม่วัณฬามารับไปกับหล่อน ค่อยวายร้อนหย่อนเย็นได้เป็นสุข พ่อมาปราบราบที่กลียุค จะสิ้นทุกข์สุขเกษมได้เปรมปรีดิ์ ฯ ๏ พระอภัยได้สดับอภิวาท ด้วยข้าบาทกับพระน้องทั้งสองศรี ไปเยี่ยมศพพระชนกชนนี สองภูมีสู่สวรรคครรไล ฝ่ายลูกหลานหาญฮึกเป็นศึกเสือ เสียว่านเครือเหลือจะห้ามปรามไม่ไหว เกิดฆ่าฟันกันยุ่งทั้งกรุงไกร แต่เนื้อไขก็ให้เป็นถึงเช่นนี้ การณรงค์คงจะดับให้สรรพเสร็จ เชิญเสด็จไปบำรุงชาวกรุงศรี ประทานโทษโปรดข้าฝ่าธุลี อย่าราคีข้องขัดพระหัทยา ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังสรรเสริญ จงเจริญพงศ์พันธุ์ชันษา ซึ่งเกิดเข็ญเห็นว่ากรรมเคยทำมา ไม่โกรธาอย่าระแวงแคลงพระทัย แม่วัณฬามาลีหล่อนดีนัก รู้จักรักกันเหลือเหมือนเนื้อไข จบจังหวัดปัถพีไม่มีใคร จะเหมือนใจแม่วัณฬาสุมาลี ฯ ๏ พระอภัยพรายพริ้มเยื้อนยิ้มย่อง พลางผินพักตร์ทักสองมเหสี เหมือนเกิดใหม่ได้มาเห็นกันเช่นนี้ เหตุเพราะมีลูกเต้าผ่าเผ่าปราณ ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างรับอภิวาท วัณฬาฉลาดผันผ่อนพูดอ่อนหวาน อันชาตินี้มีแต่รับอัประมาน พลอยวงศ์วานบ้านเมืองขุ่นเคืองใจ นี่หากว่าพระเสด็จมาดับเข็ญ จะค่อยเว้นเวลาน้ำตาไหล แม้ครั้งนี้มิได้พระหัสไชย ไหนจะได้อภิวาทบาทบงสุ์ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายตรัส เรียกพระหัสไชยชาติราชหงส์ มานบนอบหมอบเมียงอยู่เคียงองค์ เห็นซูบทรงสงสารรำคาญครัน พลางกอดจูบลูบไล้ปราศรัยถาม พ่อสงครามครั้งนี้เศร้าสีสัน ต้องทำศึกดึกดื่นทุกคืนวัน จึงผิดพรรณเผือดพักตร์เพราะหนักแรง พ่อรักเจ้าเท่าบุตรสุจริต อย่าเคืองจิตคิดอางขนางแหนง รักสิ่งไรไม่ขัดจะจัดแจง ช่วยตกแต่งอุปถัมภ์ให้จำเริญ ฯ ๏ พระหัสไชยได้ฟังรับสั่งถาม จะทูลความขามจิตให้คิดเขิน ขยับเขยื้อนเอื้อนอายชม้ายเมิน เกรงจะเกินก้มหน้าอยู่ช้านาน แต่โปรดให้ได้ช่องสนองถ้อย ทูลค่อยค่อยขอจงโปรดโทษหม่อมฉาน จะรองบาทมาดหมายจนวายปราณ ขอประทานสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ฯ ๏ พระฟังคำสำรวลด้วยควรคู่ แล้วก็รู้อยู่ว่ารักนั้นหนักหนา จึงว่าน้องของเจ้าแต่เยาว์มา ชอบอัชฌาก็จะมอบให้ครอบครอง ความรักใคร่ในเจ้าเท่าโอรส ไม่ปลิดปลดขัดขวางอย่าหมางหมอง ฝ่ายบุตรีหนีคลานเข้าม่านทอง เหล่าพวกพ้องชมกษัตริย์หัสไชย ช่างทูลขอต่อหน้าประสาหนุ่ม เห็นจะรุมรึงรักหักไม่ไหว เพราะห่างชมตรมตรอมจึงผอมไป พระโปรดให้เห็นจะอ้วนเป็นนวลแตง ท้าวทศวงศ์ทรงพระสรวลว่าควรคู่ รู้ขอสู่รู้รักสมศักดิ์แสง เห็นพร้อมวงศ์พงศ์กษัตริย์ช่วยจัดแจง คิดตกแต่งจัดงานการวิวาห์ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช อภิวาทว่าฉันรักหล่อนหนักหนา ขอจัดแจงแต่งตั้งไว้ลังกา กับธิดาทั้งสองครอบครองวัง พระอภัยไม่ขัดจึงตรัสตอบ พี่จะมองให้เป็นลูกจงปลูกฝัง ช่วยตรองตรึกศึกเสือเหลือกำลัง ฝ่ายฝรั่งเป็นของเจ้าเยาวมาลย์ อ้ายวลายุดาวายุพัฒน์ กับทั้งหัสกันนั้นมันก็หลาน รับธุระจะส่งให้นงคราญ ช่วยว่าขานปราบปรามตามแต่ใจ ฯ ๏ นางวัณฬาสารภาพกราบกับบาท แล้วแต่ราชอาชญาอัชฌาสัย ถ้าแม้นพระเสด็จอยู่แดนไกล ฉันจับได้จะได้ทำแต่ลำพัง นี่ผ่านเกล้าเล่าก็อยู่ฉานผู้หญิง จะต้องนิ่งตามสำเนาเหมือนเท้าหลัง อันใจเสือเหลือจะเลี้ยงไว้เวียงวัง ชาติฝรั่งก็ไม่เห็นเป็นเช่นนี้ ฯ ๏ พระฟังนางช่างเปรียบเห็นเฉียบแหลม จึงยิ้มแย้มเยื้อนว่ารำภาสะหรี ทั้งยุพาผกาสุลาลี อ้ายเหล่านี้ลูกเต้าเจ้าทั้งนั้น มันทำผิดคิดมิชอบจะมอบให้ จะเลี้ยงไว้หรือจะฆ่าให้อาสัญ ตามแต่ใจไม่ว่าปรึกษากัน ด้วยอุ้มท้องครองครรภ์เลี้ยงกันมา ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างคำนับอภิวาท ความเจ้บแค้นแสนชาติไม่ปรารถนา อันลูกเต้าเจ้าฝรั่งเกาะลังกา เขาไม่ฆ่าแม่เลยไม่เคยมี นี่กระไรใจจิตเห็นผิดนัก เหมือนอย่างยักษ์อย่างเปรตประเภทผี อันรำภายุพาสุลาลี ไม่ขอมีลูกหยาบเข็ดหลาบกลัว สินสมุทรพูดว่าฉาแม่เจ้า ส่วนลูกเต้าเฉาโฉดมาโกรธผัว อย่าเปรียบเปรยเลยนะน้องให้หมองมัว จะแก้ตัวเสียใหม่ให้ได้ดี จอมกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ทรงพระสรวล ฟังสำนวนล้วนละเมียดต่างเสียดสี ทั้งโฉมยงองค์สุวรรณมาลี ยิ้มยินดีด้วยได้เขยไว้เชยชม ฯ ๏ ฝ่ายพ่อครัวหัวป่าพวกฝรั่ง ต่างแต่งตั้งโต๊ะเหล้าหวานคาวขนม มาเรียบเรียงเคียงตั้งแล้วบังคม ถวายบรมกษัตริย์ขัตติยา ท้าวทศวงศ์องค์พระมเหสี เสวยที่แท่นสุวรรณด้วยหรรษา พระอภัยมณีศรีสุวรรณเป็นหลั่นมา พร้อมบรรดาสุริย์วงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ กับข้าวไข่ไก่พะแนงแกงเป็ดต้ม จอกน้ำส้มสายชูจิ้มหมูหัน ซ่อมมีดพับสำหรับทรงองค์ละคัน เหล้าบรั่นน้ำองุ่นเฉียวฉุนดี แต่กษัตริย์หัสไชยยังไม่เสวย ด้วยเธอเคยคอยพระน้องทั้งสองศรี ฝ่ายโฉมยงองค์สุวรรณมาลี รู้ท่วงทีหน่อกษัตริย์หัสไชย ให้พี่น้องสององค์ไปเทียบถวาย นางแอบอายอิดเอื้อนเตือนไม่ไหว แต่ขยับลับล่อพอพระอภัย เรียกหัสไชยมาเสวยด้วยเคยกัน พระชนนีตีลูกสาวเล็บยาวหยิก ทั้งสองนางต่างกระซิกกันแสงศัลย์ อยู่เฝ้าพี่ที่เสวยเคยทุกวัน ทำเชิงชั้นหมั่นไส้กระไรเลย ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์ขัตติยาทั้งฝรั่ง กินโต๊ะตั้งต่างสำเร็จเสร็จเสวย ต่างพูดจาการุญต่างคุ้นเคย ล้วนไขเขยเกี่ยวดองพี่น้องกัน คราวสงครามสามทัพคนนับโกฏิ ต้องจ่ายโภชนาปรนพลขันธ์ อยู่สำราญด่านเขาเจ้าประจัญ ถึงสามวันครั้นเวลาเป็นราตรี ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งสามมีความรู้ ซึ่งเป็นผู้วิเศษถือเหมือนฤๅษี เมื่อคราวครั้งมังคลาจะฆ่าตี เที่ยวหลบหนีอยู่ในป่าพนาวัน ครั้นรู้ว่าพระอภัยตีได้ด่าน ต่างสงสารศิษย์หาจะอาสัญ จึงลักวลาวายุพัฒน์หัสกัน จากด่านเขาเจ้าประจัญแยกกันไป ครั้นเช้าตรู่ผู้คุมเที่ยวค้นหา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลไหน เห็นหายสูญกราบทูลพระอภัย พระตรัสใช้นายทหารด่านลังกา เกณฑ์ทัพบกหกทัพกับอำมาตย์ ไปจับบาทหลวงขบถโอรสา หัวเมืองเล็กเอกโทตรีจัตวา ให้จับวลาวายุพัฒน์หัสกัน ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาฉลาด อภิวาทเชิญเสด็จไปเขตขัณฑ์ มอบสมบัติให้พระหัสไชยนั้น กับลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ เจ้าคิดชอบขอบจิตกนิษฐา จะจัดแจงแต่งสารการวิวาห์ ให้สุดสาครไปจึงได้การ เชิญองค์พระอนุชาเมืองการะเวก ช่วยภิเษกสืบสมบัติพัสถาน แล้วตรัสสั่งอาลักษณ์พนักงาน แต่งเรื่องสารให้โอรสยศไกร สุดสาครรับสั่งตั้งแห่แหน มาเมืองแดนด่านท่าชลาไหล จัดเภตราห้าสิบแล้วรีบไป ต่างใช้ใบแล่นสล้างกลางชลา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร เชิญทรงศักดิ์ทศวงศ์เผ่าพงศา ต่างตระเตรียมเทียมรถผูกคชา ทัพฝรั่งลังกานำหน้าไป ท้าวทศวงศ์องค์ศรีสุวรรณราช กับหน่อนาถกฤษณาอัชฌาสัย ทั้งบุตรพราหมณ์สามคนกับพลไกร ตั้งโห่ให้เดินธงเข้าดงแดน สินสมุทรนั้นกำกับทัพผลึก เสียงเครงครึกคั่งคับคนนับแสน แบกหอกดาบหาบโพล่ถือโล่แพน ตั้งแห่แหนโห่ฮึกเสียงครึกโครม พระหัสไชยให้กำกับกองทัพหลัง ทรงรถทั้งเสาวคนธ์วิมลโฉม เดินธงทัพขับโยธาวาหุโลม เจ้าวาโหมแห่หน้าเคลื่อนคลาไคล อันโยธีสี่ทัพคนนับแสน ต่างแห่แหนโห่สนั่นเสียงหวั่นไหว ตีฆ้องกลองก้องกึกครื้นครึกไป ฝูงนกหคตกใจไปจากรัง ทั้งเสือช้างต่างตื่นครึกครื้นวิ่ง ทหารยิงชิงกันเถือเอาเนื้อหนัง นางห้ามแหนแสนสาวพวกชาววัง แหวกม่านนั่งเยี่ยมยิ้มอยู่ริมรถ เห็นดอกไม้ในป่าระย้าย้อย ชะแง้คอยแหงนหน้าคว้าเอาหมด เข้าดงเดินเนินอรัญริมบรรพต หนทางรถราบเลี่ยนเตียนสบาย พระอภัยไปกับทัพฝรั่ง รถบัลลังก์หลังคาฝาพระฉาย นางวัณฬาฝรั่งนั่งข้างซ้าย ที่นั่งฝ่ายข้างขวาสุมาลี สร้อยสุวรรณจันทร์สุดานั่งหน้ารถ พระทรงยศยิ้มย่องชวนสองศรี ชมลำเนาเขาเขินเนินคีรี ดอกมาลีหล่นกลาดดาษดา พระเด็ดดวงพวงพะยอมหอมระรื่น แล้วแบ่งยื่นให้ข้างซ้ายแลฝ่ายขวา ให้บุตรีพี่น้องสองธิดา ตรัสภาษาฝรั่งพูดทั้งไทย ทั้งสองนางต่างยิ้มต่างพริ้มพักตร์ ด้วยจงรักชักชิดพิสมัย ต่างแย้มสรวลชวนธิดาร้อยมาลัย ถวายองค์พระอภัยสวมใส่กร ท้าวทศวงศ์ทรงนั่งบัลลังก์รถ ชมบรรพตพูดโอ้สโมสร มเหสีขี้หึงตะบึงตะบอน ถึงเฒ่าแก่แต่ว่างอนไม่หย่อนคลาย ศรีสุวรรณนั้นใช้พระกฤษณา ให้เที่ยวหาดอกไม้เอาไปถวาย นางพระยาว่าตะคอกหยอกหลานชาย ส่วนย่ายายนี้ไม่ให้ดอกไม้เลย ท้าวทศวงศ์ทรงพระสรวลว่าจวนล่ม คารี้คารมยังไม่หายอีกยายเอ๋ย นางพระยาว่าถึงแก่อุแม่เอย เห็นสาวแส้แลเงยเฝ้าเชยชม แต่สินสมุทรสุดเศร้าเปลี่ยวเปล่าจิต ไม่มีหญิงมิ่งมิตรสนิทสนม คิดคะนึงถึงอรุณอุ่นอารมณ์ เคยชี้ชมนกไม้มาไกลกัน คิดจะใคร่ไปหายุพาเล่า มันก็เจ้าคารมแสนคมสัน จะบิดเบี้ยวเลี้ยวลดประชดประชัน ต้องปล้ำมันเหมือนทีหลังทุกครั้งคราว พระหัสไชยไปบนรถเลี้ยวลดหา พวงบุปผามาลีให้พี่สาว มาห่างนางวังเวงคิดเพลงยาว เป็นเรื่องราวคราวนิราศเคลื่อนคลาดคลา พี่ทูลขอก็ได้สมอารมณ์แล้ว กลับไกลแก้วกลอยจิตกนิษฐา ยังห่างเหินเนิ่นนานการวิวาห์ สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาจะอาวรณ์ สรงเสวยเคยร่วมสุวรรณภาชน์ เคยไสยาสน์อยู่ด้วยน้องสองสมร มาว้าเหว่เอกาอนาทร มิได้นอนแนบเนื้อที่เจือจันทน์ เจ้าพี่เอ๋ยเคยชมภิรมย์รื่น นอนกลางคืนหลับใหลเฝ้าใฝ่ฝัน ยังนึกเห็นเช่นเชยอย่างเคยกัน แนบเขนยเลยสำคัญว่าจันทร์สุดา ค่อยเบือนเบียดเฉียดโฉมเล้าโลมลูบ ประจงจูบปรางซ้ายแล้วย้ายขวา ครั้นกลับเห็นเป็นหมอนอ่อนอุรา นึกอายหน้าสารถีที่ขับรถ ด้วยแรกรุ่นฉุนเฉียวเปล่าเปลี่ยวจิต มาจากมิตรคิดถึงตะลึงสลด จนเวลาสายัณห์ยิ่งรันทด ซบกำสรดไห้สะอื้นไม่ชื่นบาน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยไปกองหน้า ถึงลังกาเข้าเขตนิเวศน์สถาน แล้วเชิญเหล่าเผ่าพงศ์พระวงศ์วาน อยู่ตึกกว้านพร้อมสิ้นต่างยินดี พระหัสไชยไปทีหลังเขาทั้งหมด ไม่ทันรถจะประเทียบเหยียบสารถี กระโดดลงตรงไปตึกพระชนนี สองบุตรีหนีคลานเข้าม่านทอง พระมารดาปราศรัยเรียกให้นั่ง ร้องเรียกทั้งธิดามาทั้งสอง ให้เจียนสลาหาพระศรีทั้งพี่น้อง พระยิ้มย่องยื่นลูกจันทน์ให้กัลยา นางคำนับรับประทานแล้วคลานหนี พระชนนีรู้เล่ห์เสนหา จึงว่าพ่อก็ยังเหนื่อยล้าเลื่อยมา ไปพูดจาเล่นกับน้องที่ห้องใน ฯ ๏ พระรับสั่งบังคมด้วยสมนึก เข้าในตึกเตียงทองม่านสองไข เห็นสององค์นงนุชเข้ายุดไว้ พลางกอดจูบลูบไล้ชื่นใจจริง แล้วว่าพี่มิได้พบไปรบศึก เหลือรำลึกนึกถึงสองแม่น้องหญิง อยู่หว่างกลางนางเคียงเอนเอียงอิง นางนั่งนิ่งแกล้งเฉยให้เชยชิม เธอจูบหนักจักกระจี้เบือนหนีหน้า ต่างบ่นว่าน่าเบื่อเหลือหยุมหยิม พระเรียงรอขอแถมนางแย้มยิ้ม ไม่รู้อิ่มรู้หนำน่ารำคาญ พระสวมสอดกอดกระซิบว่าทิพรส เหลือจะอดจะออมทั้งหอมหวาน พี่ทูลขอต่อพระโอษฐ์โปรดประทาน อย่ารำคาญเลยไม่แคล้วแล้วแก้วตา ฯ ๏ ฝ่ายพี่น้องสองนางว่าปางก่อน ฉันยอมหย่อนตามประสงค์เหมือนวงศา พระคิดวุ่นทูลขอเป็นบริจา เสร็จวิวาห์สิพุคะจึงจะควร พลางผลักพลิกหลีกเลี่ยงเบือนเบี่ยงบิด พระชื่นชิดติดตามทรามสงวน นางว่าเบื่อเหลือห้ามยิ่งลามลวน หม่อมฉันข่วนนี้ก็ได้เลือดไหลนอง ฯ ๏ พระว่าพี่ก็เป็นพี่ศรีสวัสดิ์ จะมาตัดขัดขวางให้หมางหมอง ถึงทูลขอก็ยังไม่ได้ครอบครอง คงเป็นน้องนี่ทำไมไม่ให้เชย เสร็จวิวาห์ถ้าได้ชมได้สมสู่ จึงเป็นคู่ร่วมเรียงเคียงเขนย จะห้ามปรามตามลำพังไม่ฟังเลย พลางกอดเกยเชยชิดวนิดา ด้วยแต่หลังยังเยาว์คุ้มเท่าใหญ่ เคยเคียงใกล้ใจรักกันหนักหนา ครั้นรุ่นราวสาวหนุ่มเหมือนภุมรา พบผกาเกสรเฝ้าฟอนชม แต่ขัดข้องสองนางขวางจังหวะ ไม่เลยละพระไม่รู้ที่สู่สม พระหัสไชยใจเหมือนฝีที่ระบม เข้าเกลียวกลมกลัดหนองจะพองพัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมณีนาถ อยู่ปราสาทเสร็จศึกสมนึกหวัง ดูสาวศรีที่เป็นเวรเกณฑ์ระวัง ล้วนฝรั่งรูปสลวยสวยโสภา แต่สองพระมเหสีมิได้เห็น หรือเคืองเข็ญเคียดขึ้งหวงหึงสา ดูท่วงทีดีกันไม่ฉันทา หยั่งปัญญายากยิ่งจริงจริงเจียว กระต่ายแก่แต่ละตนล้วนกลมาก ทั้งฝีปากเปรื่องปราดฉลาดเฉลียว ต้องง้องอนอ่อนจิตบิดเป็นเกลียว จะต้องเกี้ยวกันเหมือนสาวทุกคราวไป พอยามค่ำย่ำระฆังเสียงหงั่งเหง่ง ประโคมเครงครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว สำอางองค์ทรงภูษาแล้วคลาไคล เสด็จไปตึกขวาห้องมาลี เห็นโฉมยงทรงยาทานลาฏ ขึ้นนั่งอาสน์โอภาถามมารศรี เป็นไรเจ้าเศร้าโศกหรือโรคมี หรือปวดที่ศีรษะลมตะกัง ฯ ๏ นางทูลตอบหมอบก้มว่าลมปะทะ ปวดศีรษะริ้วริ้วร้อนผิวหนัง พิมเสนฝนปนยาทาประทัง แต่หิวโหยโรยกำลังยังไม่มี ขอทูลความตามจริงสักสิ่งหนึ่ง ด้วยคิดถึงแม่วัณฬามารศรี ต้องตกยากจากวังมาครั้งนี้ หล่อนช่วยชีวิตไว้จึงไม่ตาย ทั้งอุปถัมภ์ล้ำเหลือช่วยเกื้อหนุน คิดขอบคุณหล่อนอยู่ไม่รู้หาย โปรดไปหาปราศรัยให้สบาย อย่าให้อายอางขนางเหินห่างกัน แม้อยู่วังลังกาข้าพระบาท ขอนอกราชการก่อนโปรดผ่อนผัน แม้เลิกทัพกลับเสด็จไปเขตคัน จึงหม่อมฉันจะสนองรองบาทา ฯ ๏ พระนิ่งนั่งฟังคำคิดอ้ำอึ้ง นึกเหมือนหึงหนึ่งเหมือนรักกันหนักหนา เป็นเชิงชั้นกัลเม็ดเข็ดปัญญา จึงตรัสว่าน่าหัวเราะจำเพาะเป็น ลูกก็เสียเมียก็หมดต้องอดรัก เปรียบเหมือนสักวาไปมิได้เล่น รู้กระนี้วิบากต้องยากเย็น จะเกิดเป็นเช่นกะเทยชวดเชยชม ฯ ๏ นางฟังตรัสขัดเคืองว่าเยื้องยัก เจ็บเหมือนจักเจ็ดซีกกระผีกผม จึงว่าพระจะระแวงว่าแต่งลม ก็จะก้มหน้ารับอัประมาน คิดไม่ถึงจึงขอออกนอกตำแหน่ง กลับเคลือบแคลงแกล้งตรัสประหัตประหาร ว่าบิดพลิ้วกริ้วโกรธไม่โปรดปราน ขอประทานโทษหม่อมฉันไม่ทันคิด ตั้งแต่นี้มิม้วยหายป่วยเจ็บ จึงจะเย็บปากตรึงให้ตึงติด ไม่พูดจากว่าจะตายวายชีวิต ต้องเจียมตัวกลัวผิดเจ็บจิตใจ ฯ ๏ พระว่าพี่นี้ก็รู้อยู่ว่ายาก จะต้องตีฝีปากไม่อยากไหว เคยสำทับรับแพ้มาแต่ไร เหมือนเต่าใหญ่ไข่กลบให้ลบเลือน เมื่อครั้งสาวคราวหนีเป็นชีเล่า ต้องแหงนเปล่าเศร้าใจใครจะเหมือน มีลูกเต้าเฒ่าแก่ยังแชเชือน เคยรู้ฤทธิ์บิดเบือนไม่เคลื่อนคลาย ขี้เกียจเกี้ยวเคี่ยวขับข้ารับแพ้ กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนงอนไม่หาย ลงจากอาสน์คลาดคล้อยเดินลอยชาย เข้าตึกซ้ายเห็นวัณฬาเลือกมาลี ลดพระองค์ลงนั่งบัลลังก์อาสน์ ละเวงนาฏน้อมประณตบทศรี ตั้งเครื่องอานพานสลาให้สามี หยิบมาลีเลือกถวายมีหลายพรรณ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายว่าสายสวาท ยังผุดผาดผิวฉวีเป็นสีสัน อย่าห่างเหินเมินเมียงอยู่เพียงนั้น มาบนบรรจถรณ์ให้ใกล้พี่ยา ฯ ๏ นางเคารพนบนอบตอบสนอง พระคุณของทรงศักดิ์นั้นหนักหนา ฉันชาตินี้มีกรรมได้ทำมา ขอเป็นข้ากว่าชีวันจะบรรลัย แต่ห่างเหินเนิ่นนานหม่อมฉานเล่า มีลูกเต้ามัวหมองไม่ผ่องใส เคยชิดชมขมหวานประการใด มิใช่ไม่เคยเห็นจงเอ็นดู สิบแปดปีนี่แล้วแต่เป็นม่าย จนเหลืออายอัปยศต้องอดสู มีลูกเต้าเล่าก็พลัดเป็นศัตรู คิดก็รู้อยู่ว่ากรรมให้จำเป็น เมื่อรุ่นสาวคราวพบต้องรบผัว ครั้นแก่ตัวรบกับลูกถูกแต่เข็ญ แสนอาภัพรับแต่ร้อนไม่หย่อนเย็น พระก็เห็นก็รู้อยู่ด้วยกัน แม้ใช้งานการอื่นไม่ขืนขัด จะซื่อสัตย์สุจริตไม่บิดผัน โปรดปล่อยปละละวางที่อย่างนั้น กระหม่อมฉันหลาบเข็ดจงเมตตา ฯ ๏ พระฟังนางช่างพลอดกอดพระหัตถ์ เห็นข้องขัดตัดรักเสียหนักหนา จึงว่าพี่นี้มิได้เวียนไปมา เพราะธุระพระบิดานิคาลัย มาพบเจ้าคราวนี้ศรีสวัสดิ์ ก็เคืองขัดตัดจิตพิสมัย แต่ดาบตัดกัทลียังมีใย ไม่อาลัยพี่แล้วหรือแก้วตา ถึงใจน้องหมองหมางไปอย่างนี้ แต่ใจพี่ยังรักนั้นหนักหนา เหมือนแมลงภู่อยู่ที่พุ่มปทุมา จะรอรายั้งหยุดนั้นสุดใจ พลางลดองค์ลงแอบแนบสนิท เหมือนที่เคยเชยชิดพิสมัย ประโลมลูบจูบปรางทำอย่างไร นางก็ไม่ข้องขัดไม่ตัดรอน พระอุ้มขึ้นแท่นทองประคองถนอม นางไม่ยอมขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์ กลับถอยหลังนั่งนิ่งแล้ววิงวอน จงหยุดหย่อนอย่าให้เมียถึงเสียตัว แต่หยิกหยอกนอกกายถวายได้ มิใช่ใจไม่สมัครไม่รักผัว กลัวแต่ที่มีบุตรนั้นสุดกลัว เพราะลูกชั่วตัวต้องช้ำระกำใจ จงโปรดเกล้าเอาบุญเถิดทูลกระหม่อม น้องไม่ยอมแล้วที่จะพิสมัย ถึงโกรธาฆ่าฟันสู้บรรลัย พลางกราบไหว้วอนว่าจงปรานี ฯ ๏ พระฟังนางทางว่าถ้าเช่นนั้น จะผ่อนผันสัญญาให้มารศรี แม้อิงแอบแนบถนอมยอมโดยดี เว้นแต่ที่ห้ามปรามจะตามใจ พลางประคองสองแขนขึ้นแท่นรัตน์ นางไม่ขัดสามีตามวิสัย ครั้นเคล้าคลึงถึงประคองทำนองใน นางพลิกไพล่ทูลห้ามอย่าลามลวน ประโลมลูบจูบกอดสอดสัมผัส นางปิดปัดปกป้องของสงวน แต่เคล้นเคล้าเซ้าซี้เฝ้ายียวน เธออักอ่วนอกดังจะพังพอง จนเหนื่อยอ่อนวอนว่าวัณฬาเอ๋ย อย่ากลัวเลยเชยชมประสมสอง จะสัญญาถ้าทีนี้เจ้ามีท้อง จึงขัดข้องขาดกันตามสัญญา ฯ ๏ นางวัณฬาว่าไฮ้ฉันไม่เชื่อ อย่าล้ำเหลือล่อเล่ห์เสนหา เชิญผ่านเกล้าเข้าที่ศรีไสยา จะอุส่าห์นวดฟั้นให้บรรทม พลางนบนอบหมอบกรานประทานโทษ ด้วยมาโนชญ์นั่งชิดสนิทสนม กรีดพระหัตถ์ดัชนีพัดวีลม จนบรรทมหลับไปในไสยา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณกระสันสวาท แรมนิราศห่างเหเสนหา รัญจวนจิตคิดรำพึงถึงรำภา ไม่เห็นมาเฝ้าแหนหรือแค้นเคือง ด้วยวิสัยใจดื้อซื่อต่อเจ้า เสียลูกเต้านิ่งตรอมจนผอมเหลือง จะไปหาถ้าไม่รักจะยักเยื้อง ถึงขัดเคืองคงจะปลอบให้ชอบที จึงสรงน้ำสำอางแล้วย่างย่อง เข้าในห้องเห็นหน้ารำภาสะหรี ตั้งโต๊ะกินรินสุราเห็นสามี อัญชลีเชิญให้นั่งบัลลังก์ทอง พระแนบนางพลางว่านิจจาเจ้า ดูโศกเศร้าซูบศรีฉวีหมอง เมื่อรุ่นสาวขาวอ้วนนวลละออง แก้มทั้งสองของพี่อยู่ที่รำภา พลางแอบอุ้มจุมพิตสนิทถนอม อ่อยังหอมอยู่ไม่หายทั้งซ้ายขวา เสียดายดวงพวงพุ่มปทุมา แต่คลาดคลาเคลื่อนคล้อยไปหน่อยเดียว ฯ ๏ นางฝรั่งฟังคำเฉื่อยฉ่ำชื่น ไม่ขัดขืนกลืนกลั้นกระสันเสียว จึงว่าพระละทิ้งเสียจริงเจียว ไม่แลเหลียวเกือบจะเข้าสิบเก้าปี นี่หากว่าเกิดรบสมทบทัพ จึงได้กลับมาหารำภาสะหรี มีบุตรชายคล้ายพ่อใช่พอดี เหมือนยักษีผีเสื้อเหลือกำลัง จริงนะพระจะคิดสนิทถนอม น้องไม่ยอมแล้วเช่นอย่างแต่ปางหลัง ไปนับปีมิใช่ของสำรองรัง จะมานั่งคลอเคลียเป็นเมียเดิน ให้ลูบต้องน้องนี้เห็นว่าเป็นผัว จะหลีกตัวกลัวเธอจะเก้อเขิน คลึงเคล้นเคล้าเท่านั้นเถิดอย่าเพลิดเพลิน จะเหลือเกินเชิญพระไปที่ไสยา ฯ ๏ ชะรำภาสารพัดจะขัดขวาง ว่าทิ้งขว้างห่างเหเสนหา เมื่อจะกลับทัพไปไกลลังกา เกษราหล่อนก็รักเฝ้าชักชวน พี่ก็อ้อนวอนจะใคร่เอาไปด้วย จะได้ช่วยปกป้องประคองสงวน เจ้าผ่อนผัดขัดคำทำกระบวน เออก็ควรหรือมาพลอดว่าทอดทิ้ง ถึงลูกเต้าเจ้าสิเลี้ยงดูเยี่ยงเจ้า จึงผ่าเหล่าว่านเครือเหมือนเสือสิงห์ ลูกแม่อื่นสิเรามีดีจริงจริง ทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่ร้ายรอง เจ้าเป็นเมียเสียตัวผัวมาหา ราวกับว่ามาแขกแปลกเจ้าของ ไม่ยอมดีพี่ไม่ละดอกนะน้อง ไปร้องฟ้องเถิดว่าไม่ได้เป็นเมีย ที่โลมลูบจูบจับจะปรับไหม สักเท่าไรก็ไม่รู้จะสู้เสีย พลางพูดพลอดกอดคอเคล้าคลอเคลีย จูงมือเมียเข้าในห้องประคองเคียง ฯ ๏ นางรำภาสามีคลุกคลีเคล้า เหมือนถ่านเก่าเพลิงพลุ่งสิ้นสุ้งเสียง เข้าอิงแอบแนบข้างอยู่กลางเตียง เหมือนนกเอี้ยงเลี้ยงควายตะกายเลน อัศจรรย์นั้นเหมือนเช่นเขาเล่นโขน ตีกลองโยนแยกเท้าท่ากราวเขน เขย่งหย่งก่งศรเอี้ยวอ่อนเอน ต่างจัดเจนจับกุมตะลุมบอน เปรียบเหมือนบททศพักตร์เข้าหักหาญ พระอวตารแผลงถูกเล่มลูกศร เข้าปักอกหกคะเมนระเนนนอน ค่อยหายเหือดเดือดร้อนผ่อนสำราญ รำภาสะหรีศรีสุวรรณนั้นได้ชื่น ต่างเริงรื่นร่วมรักสมัครสมาน แต่องค์พระอภัยไม่ได้การ คิดรำคาญค้างเติ่งเสียเชิงนาง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร จากพระนุชนิ่มน้องให้หมองหมาง มาทางไกลไร้ทั้งเหล่าสาวสุรางค์ คิดคะนึงถึงนางยุพาผกา แต่รั้งรอพอค่ำน้ำกุหลาบ สำอางอาบซาบองค์ทรงภูษา ขลิบทองคล้องสองไหล่แล้วไคลคลา เข้าแฝงฝาตึกทองแล้วมองเมียง เห็นยุพาผกาผัดหน้านั่ง เข้าข้างหลังฉากกั้นชั้นเฉลียง จ้องนิ้วชี้จี้นางแอบข้างเคียง นางร้องกรีดหวีดเสียงสำเนียงดัง สินสมุทรยุดมือนางรื้อร้อง เขม้นมองเห็นผัวทรุดตัวนั่ง นางน้อยน้อยถอยออกจากที่ฉากบัง ยุพาตั้งพานสลาแล้วพาที หม่อมฉันธุระจะทูลลาช้าไม่ได้ รับสั่งใช้ให้เขามาหาเมื่อกี้ มิใคร่คลาดราชการหม่อมฉานมี จะลุกหนีสินสมุทรก็ยุดไว้ รำลึกถึงจึงอุส่าห์มาหาอีก จะเลี่ยงหลีกหลบลี้หนีไปไหน แล้วแกล้งแย่งภูษาผ้าสไบ นางจนใจไปไม่รอดนั่งกอดมือ แล้วว่าพระจะมาปล้ำทำเช่นนั้น ผัวหม่อมฉันมีอยู่ไม่รู้หรือ ใช่ตัวเปล่าชาวเมืองก็เลื่องลือ ขืนต้องถือทำละเมิดจะเกิดความ ฯ ๏ พระเชื่อคำอ้ำอึ้งแล้วจึงว่า เมียของข้าใครหนอจะขอถาม ทำไมเล่าเจ้าจึงหย่อนโอนอ่อนตาม มีผัวสองต้องห้ามตามกระทรวง อันผัวมีทีหลังดังกิ่งก้อย เป็นผัวน้อยของตัวข้าผัวหลวง มีลูกเต้าเหล่าฝรั่งสิ้นทั้งปวง เขาก็ล่วงรู้เห็นเป็นพยาน เคยได้เสียเมียของข้าเจ้าอย่าดื้อ พลางฉุดมือมาบนตักทำหักหาญ นางผลักผละพระขยำทำประจาน ประเดี๋ยวใจได้การสำราญเริง อัศจรรย์นั้นเหมือนอย่างช้างเป็นบ้า สะบัดงางวงแกว่งแทงเถลิง คนถือพัดผัดให้ไล่ละเลิง แล่นเตลิดเปิดเปิงเข้าเซิงซุ้ม พอมืดมนฝนอู้ซู่ซู่สาด คเชนทร์ฟาดฟูมหน้าถลาหลุม ตะคลุกคลานควาญหมอขี่คอคุม เหมือนสาวหนุ่มชุ่มชื่นต่างตื่นนอน ที่มีคู่อยู่ไหนก็ไม่ทุกข์ เกิดสนุกสุโขสโมสร สามบุรีมีนักเลงโขนละคร เล่นรำฟ้อนวันคืนเสียงครื้นครึก ฯ ๏ จะกล่าวสุดสาครบวรนาถ คุมเรือราชสาราลังกาผลึก ตั้งเข็มข้ามตามแผนออกแล่นลึก เสียงสะทึกสะท้านคลื่นทุกคืนวัน ถึงพาราการะเวกเข้าวังราช เฝ้าพระบาทบิตุเรศเจ้าเขตขัณฑ์ ทูลเล่าความตามจริงทุกสิ่งอัน ถวายบรรณาการทั้งสารตรา ฯ ๏ พระทราบข่าวราวเรื่องว่าลูกรัก สำราญพรักพร้อมกันก็หรรษา จึงตรัสสั่งพระศรีภูริปรีชา คลี่สาราเรื่องสารออกอ่านความ สารพระองค์ทรงบำรุงกรุงผลึก ไปปราบศึกเสร็จเตียนที่เสี้ยนหนาม พระหัสไชยไปด้วยช่วยสงคราม แล้วทูลความขอพระน้องสองธิดา พระปลงให้ไม่ขัดดำรัสสั่ง จะปลูกฝังหวังพระองค์เป็นวงศา ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาพะงา ขอจัดแจงแต่งวิวาห์ไว้ธานี มอบประเทศเขตแคว้นแสนสมบัติ ให้พระหัสไชยครองกับสองศรี มารวมรอมพร้อมอยู่สามบูรี ด้วยเปรมปรีดิ์ปรารถนาวิวาห์การ หนึ่งนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง ก็เป็นหญิงยากแค้นแสนสงสาร ซึ่งบิดพลิ้วกริ้วโกรธจงโปรดปราน ขอประทานโทษธิดาได้ปรานี ขอเชิญพระอนุชากรุงการะเวก ช่วยภิเษกพูนเพิ่มเฉลิมศรี อันเหล่ากอหน่อนาถราชบุตรี สามบุรีร่วมจิตเหมือนบิตุรงค์ พอจบสารหวานโสตโปรดประภาษ ตามแต่วาสนาจิตคิดประสงค์ พระเชษฐาปรานีสุริย์วงศ์ จะสืบพงศ์กษัตริย์ให้วัฒนา จะไปด้วยช่วยชูภูธเรศ ให้ฟุ้งเฟื่องเรืองพระเดชพระเชษฐา จะเดินทางกลางทะเลจัดเภตรา สักสิบห้าลำใหญ่ใส่ใบกล ทั้งข้างหน้าข้างในจงไปด้วย จะได้ช่วยอวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล อำมาตย์รับอภิวาทบาทยุคล พระขึ้นมนเทียรรัตน์ชัชวาล จึงบอกองค์อัคเรศว่าเชษฐา ให้สุดสาครถือหนังสือสาร ลูกชายไปได้ธิดายุพาพาล จะจัดแจงแต่งงานการวิวาห์ ฯ ๏ นางนบนอบตอบว่าลูกฝาแฝด จะติดแปดเป็นบุตรีสุนิสา แล้วสั่งเหล่าสาวสรรค์ฝูงกัลยา ให้ตรวจตราเครื่องอานเตรียมการไว้ ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์บาดหมายพวกนายหมวด เหล่าตำรวจเรียกกันอยู่หวั่นไหว แต่งกำปั่นบรรดาจะคลาไคล เปลี่ยนเชือกเสาเพลาใบติดไกกล ทั้งข้าวน้ำลำเลียงเสบียงเบิก เสียงเอิกเกริกจ่ายแจกต้องแบกขน ปืนประจำลำไว้พร้อมไพร่พล ทั้งต้นหนล้าต้าพร้อมหน้ากัน ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าจอมหม่อมห้ามที่ตามเสด็จ ได้แหวนเพชรผ้าประทานทั้งพานขัน ทั้งหีบทองเครื่องแต่งแป้งน้ำมัน กระแจะจันทน์หวีกระจกปิดปกไป ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าพาราการะเวก กับองค์เอกชายาอัชฌาสัย พร้อมห้ามแหนแสนสนมกรมใน เสด็จไปลงกำปั่นสุวรรณรัตน์ แท่นที่นั่งหลังคาท้ายบาหลี ล้วนมณีนิลแนมแจ่มจำรัส ได้ฤกษ์ดีมีลมโสมนัส พวกเกณฑ์หัดโห่ลั่นปืนสัญญา ธงไชยโชคโบกบอกออกกำปั่น ลำดั้งกันพรรณรายเรียงซ้ายขวา ออกน้ำเค็มเข็มมุ่งกรุงลังกา ได้ลมใช้ใบมาในสาคร ออกลึกล้ำน้ำเขียวดูเกลียวคลื่น โตทะมื่นกลอกกลิ้งเท่าสิงขร กระเดื่องกระโดงโงงเงงโคลงเคลงคลอน เขยื้อนขย่อนผู้หญิงร้องก้องสำเนียง สาธุสะพระช่วยด้วยเจ้าข้า ภาวนามิได้หยุดร้องสุดเสียง ฝูงมัจฉาปลาร้ายขึ้นว่ายเรียง เข้าคลอเคียงเคล้าคู่ดูคล่ำไป พอลมคลายสายคลื่นก็รื่นราบ ธงตะขาบปลายปลิวริ้วริ้วไหว ดูกว้างขวางกลางทะเลว้าเหว่ใจ จะดูไหนใจหายสุดสายตา ฯ ๏ จอมกษัตริย์ตรัสชวนมเหสี ออกนั่งที่แท่นรัตน์ชมมัจฉา ดูน่ากลัวจระเข้ทั้งเหรา ล้วนโตโตโลมาเหล่าปลาวาฬ ฝูงฉนากปากมันเหมือนฟันเลื่อย ขึ้นยาวเฟื้อยฟันฟาดเสียงฉาดฉาน ชิ้นไก่หมู่ผู้หญิงทิ้งให้ทาน ชิงอาหารฮุบฟัดไล่กัดกัน ฝูงมังกรซอนฟองตระกองเกี้ยว ต่างเลื้อยเลี้ยวไล่เวียนวนเหียนหัน ผู้หญิงนั่งแข็งตัวว่ากลัวมัน เห็นเงือกน้ำสำคัญว่าคนลอย หางเป็นปลาหน้าเป็นหนูนั่งดูเล่น เป็นเสือสีห์หมีเม่นตัวเป็นหอย พวกสาวใช้ไว้จุกลูกน้อยน้อย ทิ้งกล้วยอ้อยอาหารให้ทานปลา ครั้นพลบค่ำคล้ำคลุ้มชอุ่มเมฆ แลวิเวกกลางทะเลพระเวหา ไปเดือนหนึ่งถึงฝั่งเกาะลังกา พระสุดสาครเชิญขึ้นเดินทาง ทั้งรถรัตน์หัตถีมีสำหรับ เขาคอยรับสารพัดไม่ขัดขวาง พวกห้ามแหนแสนสาวท่านท้าวนาง ขึ้นขี่ช้างกูบทองดูรองเรือง สองกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ขึ้นทรงรถ กั้นกลิ้งกลดคันทองผุดผ่องเหลือง ทหารแห่แซ่ซ้องดูนองเนือง ขึ้นจากเมืองใหม่ตรงเข้าดงดอน ไปตามทางหว่างเนินเพลินประพาส พนมมาศไม้งอกซอกสิงขร บ้างผลิดอกออกช่ออรชร หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรย เข้าป่าสูงฝูงนกวิหคร้อง เสียงแซ่ซ้องลิงค่างครวญครางโหย หอมดอกโมกโศกสุกรมทั้งยมโดย พระพายโชยชื่นใจทั้งไพร่นาย ฯ ๏ สุดสาครขับม้าขึ้นหน้าทัพ เกณฑ์ไพร่กับกรมวังสิ้นทั้งหลาย เก็บดอกไม้หลายหลากได้มากมาย คอยอยู่ข้างทางถวายข้างท้ายรถ สองกษัตริย์จัดแจงแบ่งบุปผา ให้วงศาสาวสรรค์ทั่วกันหมด ชื่นอารมณ์ชมเพลินเนินบรรพต เป็นหลั่นลดเลื่อมลายพรอยพรายตา ห้วยละหานธารถ้ำมีน้ำพุ ไหลทะลุปรุออกตามซอกผา ครั้นพลบค่ำทำประทับที่พลับพลา จนถึงวังลังกาเจ็ดราตรี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ กับสองอัครชายามารศรี พระน้องหน่อวรนาถราชบุตรี ไปคอยรับประทับที่ทวารา เชิญพระน้องสององค์พงศ์กษัตริย์ ขึ้นปรางค์รัตน์เรือนจันทร์ด้วยหรรษา ต่างคำนับรับกันจำนรรจา ตามประสาสุริย์วงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ ฯ ๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเกณฑ์ฝรั่ง แต่งโต๊ะตั้งเลี้ยงกษัตริย์ล้วนจัดสรร กับข้าวแขกแทรกเนื้อแพะผัดน้ำมัน มัสมั่นข้าวบุหรี่ลู่ตี่โต กับข้าวไทยใส่ต้มส้มแกงต้มขิง นกคั่วปิ้งยำมะม่วงด้วงโสน แกงปลาไหลไก่พะแนงแกงเทโพ ผัดปลาแห้งแตงโมฉู่ฉี่มี รมจักรนัคเรศวิเสทเจ๊ก ต้มตับเหล็กเกาเหลาเหล้าอาหนี เป็ดไก่ถอดทอดม้าอ้วนแต่ล้วนดี แกงร้อนหมี่หมูต้มเค็มใส่เต็มจาน ตั้งโต๊ะเรียงเลี้ยงวงศ์พงศ์กษัตริย์ สารพัดเหล้าข้าวของคาวหวาน ต่างเสวยเนยนมน้ำชัยบาน พนักงานฟ้อนรำต่างบำเรอ บ้างไขกลดนตรีเป่าปี่แก้ว ซอสีแจ้วจำเรียงเสียงเสมอ พวกเผ่าพงศ์วงศ์วานลูกหลานเธอ ดูฟ้อนรำบำเรอสำรวลกัน วิเสททำสำรับไปเรียงตั้ง เลี้ยงนายทั้งทัพพหลพลขันธ์ พวกพาราการะเวกโหยกเหยกครัน เมาบรั่นเรียกสาวสาวชาวลังกา พูดเกี้ยวนางอย่างไรเขาไม่ตอบ ด้วยคำปลอบพราหมณ์แขกแปลกภาษา บ้างยุดมือยื้อสไบบ้างไขว่คว้า บ้างยักคิ้วหลิ่วตาเฮฮากัน อันเรื่องราวกล่าวสี่บุรีพร้อม มารวมรอมอยู่ลังกามหาสวรรค์ ฝ่ายทรงยศทศวงศ์จอมพงศ์พันธุ์ ปรึกษากันเสกสมสยมพร ฯ ๏ ฝ่ายองค์อัครชายาเมืองการะเวก ขอภิเษกเสาวคนธ์วิมลสมร ด้วยเป็นที่พี่ยาให้ถาวร ครองนครเขตฝรั่งอยู่ลังกา ให้หัสไชยไปบำรุงกรุงการะเวก สองบุตรีอภิเษกเป็นซ้ายขวา ต่างยินยอมพร้อมกันจำนรรจา ให้โหรหาฤกษ์ยามตามโบราณ ปลูกโรงราชพิธีสิบสี่ห้อง เป็นชั้นช่องช่อฟ้ามุกดาหาร ทุกซุ้มเสาเนาวรัตน์ชัชวาล พื้นเพดานดาวรายพรอยพรายแพรว เอาทองคำธรรมชาติทำราชวัติ สลับฉัตรเงินทองเป็นถ้องแถว ที่มุขเด็จเพชรประดับดูวับแวว จัดกองทองกองแก้วพรอยแพรวพราย ฉัตรกุดั่นกัลเม็ดซ้อนเจ็ดชั้น ปักกางกั้นอภิรุมแลชุมสาย ระย้าห้อยพรอยแพรวพวงแก้วราย ฉากพระฉายรายรอบริมขอบคัน ครั้นจัดแจงแต่งทำแล้วสำเร็จ กำหนดเสร็จเจ็ดค่ำจะทำขวัญ ฝ่ายกษัตริย์ขัตติย์วงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ มาพร้อมกันอยู่ที่มณฑลพิธี ฯ ๏ ส่วนโอรสบิตุรงค์ช่วยทรงจัด ให้ทรงเครื่องเรืองจำรัสรัศมี ฝ่ายสามองค์นงนุชพระบุตรี พระชนนีทรงเครื่องให้เรืองรอง ออกจากวังสังข์แตรเป่าแห่โหม กองประโคมโครมครึกเสียงกึกก้อง เข้าโรงราชพิธีทั้งพี่น้อง ขึ้นนั่งกองแก้วสุวรรณเป็นหลั่นมา สุดสาครเสาวคนธ์วิมลสร้อย ให้เกี่ยวก้อยกระหวัดพระหัตถา พระหัสไชยให้พระน้องสองสุดา เกี่ยวก้อยขวาก้อยซ้ายฝ่ายละกร ฝ่ายโยคีชีพราหมณ์รามราช สำรวมศาสตร์อิศโรสโมสร สวดพิธีอภิรมย์สยมพร ให้ถาวรสืบกษัตริย์สวัสดี ได้เวลาฟ้าร้องตีฆ้องฤกษ์ พฤฒาเถ้าเข้าเบิกขวัญบายศรี บัณเฑาะว์ดังกังวานขานดนตรี พวกโหรตีฆ้องโห่ก้องโกลา ปุโรหิตติดแว่นวิเชียรเทียน จุดเพลิงเวียนวงซ้ายไปฝ่ายขวา โหมพิณพาทย์ฆาตฆ้องก้องลังกา แตรฝรั่งบั้งกล่ากลองมลายู ฯ ๏ ฝ่ายพวกเล่นเต้นรำละครโขน ตีตะโพนกลองประชันสนั่นหู ผู้ใหญ่เด็กเจ๊กฝรั่งมาพรั่งพรู เป็นหมู่หมู่ดูงานการประชัน เวียนสำเร็จเจ็ดรอบได้ชอบโชค ดับเทียนโบกควันเจิมเฉลิมขวัญ พระบิตุราชมาตุรงค์เผ่าพงศ์พันธุ์ อยู่พร้อมกันชื่นช่วยอำนวยพร ฯ ๏ เป็นสำเร็จเสร็จภิเษกเอกกษัตริย์ ประดิพัทธ์ภิญโญสโมสร เสาวคนธ์มณฑาสุดสาคร พ้นโทษกรณ์อยู่บำรุงกรุงลังกา พระหัสไชยได้สองพระน้องนาฏ เป็นคู่ชมสมมาดปรารถนา พาน้องน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ไปพาราการะเวกเป็นเอกองค์ ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นคะนึงถึงนิเวศน์ ทูลลาเชษฐาตามความประสงค์ แล้วเชิญองค์ทรงยศท้าวทศวงศ์ ไปดำรงรมจักรนัครา แต่องค์พระอภัยมิได้เสร็จ ด้วยไม่เสร็จศึกขบถโอรสา ซ้ำสองนางต่างขัดพระอัชฌา แต่ตรึกตราอารมณ์ให้ตรมตรอม ทั้งแสนแค้นแสนรักสลักอก แสนวิตกจนพระรูปซีดซูบผอม น้อยหรือเมียเสียได้มันไม่ยอม พูดอ้อมค้อมขัดข้องจองหองฮึก คิดจะใคร่ไปบวชจนหนวดขาว ให้มันหนาวนอนสะอื้นไม่คืนสึก แต่ครวญคร่ำรำพึงคะนึงนึก จนจับไข้ให้สะทึกสะท้านองค์ ฯ ๏ ฝ่ายสองนางต่างสงสารพระผ่านเกล้า ต่างเข้าเฝ้าทูลถามตามประสงค์ ทูลกระหม่อมผอมซูบทั้งรูปทรง ขอพระองค์จงประทานอาการประชวร ฯ ๏ พระฟังคำชำเลืองค้อนเคืองขัด มิได้ตรัสตอบความทรามสงวน ครั้นถามซ้ำทำว่าชะเจ้ากระบวน อย่ามากวนเซ้าซี้ที่นี่เลย แล้วเอนองค์ลงบรรทมทรงห่มส่าน สั่นสะท้านทำเบือนแกล้งเชือนเฉย ทั้งสองนางต่างเห็นผิดจริตเคย พระเฉยเมยไม่เหมือนอย่างแต่หลังมา เห็นจะเคืองเรื่องที่ขัดไม่ตรัสด้วย มิให้ช่วยฟูมฟักเฝ้ารักษา พลางสั่งเหล่าสาวใช้อย่าได้ช้า เรียกหมอนวดหมอยามาไวไว ฯ ๏ แล้วสองนางต่างว่าน่าสงสาร พระอาการก็ไม่แจ้งแถลงไข จะวิบัติขัดขวางเป็นอย่างไร มาเข้าไปด้วยกันแม่วัณฬา ได้ทูลอ้อนวอนถามตามจะโปรด ถึงกริ้วโกรธจะฟันบั่นเกศา ก็ตามทีพี่น้องเราสองรา จะก้มหน้าสู้ม้วยเสียด้วยกัน แล้วสองนางต่างเข้าเคียงบรรจถรณ์ ชลีกรก้มตัวกราบผัวขวัญ ค่อยหมอบกรานคลานขึ้นแท่นสุวรรณ ต่างนวดฟั้นฝ่าพระบาทไม่คลาดคลา พระเห็นนางข้างสุวรรณบรรจถรณ์ ชำเลืองค้อนโฉมฉายทั้งซ้ายขวา ค่อยเคลื่อนคลายหายสั่นจึงบัญชา แม่นางมาลีนะนางละเวง แกล้งเป็นหมอคอเดียวกันเจียวเจ้า ใครเชิญเล่าเข้ามารุมกันคุมเหง สารพัดขัดคำไม่ยำเกรง วาสนาของข้าเองมันอาภัพ ตัวคนเดียวเจียวจิตไม่คิดอยู่ ตายเสียรู้แล้วไปเถิดไข้จับ อย่างรักษาอย่ามาทำขยำยับ พากันกลับไปเสียหนาข้าจะนอน ฯ ๏ ฝ่ายวัณฬามาลีศรีสวัสดิ์ เห็นกริ้วตรัสกราบยุคลบนบรรจถรณ์ อย่าปลดเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน มีโทษกรณ์เป็นไฉนตรัสให้ฟัง ธรรมดาข้ากับเจ้าเหมือนเขาว่า เมื่อเต็มขาแล้วจะได้รับใส่หลัง ฉันโฉดเฉาเบาจิตแม้ผิดพลั้ง โปรดสักครั้งหนึ่งก่อนพอสอนใจ พระชุบเลี้ยงเพียงนี้เป็นที่สุด พระคุณดุจดินฟ้าชลาไหล ถึงจะลงโทษทัณฑ์ทำฉันใด ก็มิได้ตอบโกรธจงโปรดปราน เชิญเสด็จเมตตาอุส่าห์เสวย อย่าละเลยโภชนากระยาหาร ทั้งพวกหมอขอเข้ามาพยาบาล จะอยู่งานให้ค่อยฟื้นทุกคืนวัน ฯ ๏ พระอภัยใจหวิวหวิวให้หิวโหย ทั้งแรงโรยร้อนโรคเศร้าโศกศัลย์ จึงว่าน้อยหรือคำช่างรำพัน พูดกระนั้นกระนี้พิรี้พิไร ลืมแล้วหรือถือตัวให้ผัวง้อ ช่างถูกคอคืนคำทำไถล สารพัดขัดขวางจืดจางใจ เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าก็ไม่ได้เป็นเมีย จริงนะจะตรวจน้ำคว่ำกะโหลก แม้หายโรคเจ็บปวดจะบวชเสีย อย่าย้อนยอกหลอกล้อเฝ้าคลอเคลีย มิใช่เบี้ยพอปากจะมากความ ฯ ๏ นางฟังคำร่ำตรัสที่ขัดขวาง ทั้งสองนางต่างสะเทิ้นคิดเขินขาม จึงว่าพระจะผนวชจะบวชตาม อย่าห้ามปรามโปรดข้าฝ่าละออง ขอฟูมฟักรักษากว่าจะฟื้น ทุกค่ำคืนคอยระวังอยู่ทั้งสอง แล้วหลีกมาหน้าสิงหาสน์ปราสาททอง จัดแจงของเอมโอชโภชนา ให้สาวใช้ไปเชิญสินสมุทร พระราชบุตรทรงศักดิ์มารักษา นางสาวใช้ไปแถลงแจ้งกิจจา พระรีบมาหมอบเฝ้าสองเยาวมาลย์ สุมาลีชี้แจงแถลงเล่า พระโศกเศร้าซูบทรงน่าสงสาร แม่ทั้งสองต้องโทษไม่โปรดปราน พระอาการดาลเดือดไม่เหือดเลย พ่อมาอยู่ดูบ้างอย่าห่างเหิน จะได้เชิญให้พระองค์ทรงเสวย แล้วจัดแจงแต่งขนมเครื่องนมเนย อย่าช้าเลยพ่อเข้าไปอยู่ในปรางค์ เชิญโอสถบดไว้เข้าไปด้วย จะได้ช่วยปรนนิบัติไม่ขัดขวาง หน่อนราว่าขอรับคำนับนาง เข้าไปข้างแท่นทองประคองพาน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยตื่นไสยาสน์ เห็นหน่อนาถราชบุตรสุดสงสาร ตรัสบอกโรคโศกศัลย์สั่นสะท้าน เบื่ออาหารหิวโหยให้โรยรา ฯ ๏ สินสมุทรทรุดหมอบทูลตอบถ้อย หมอมาคอยพร้อมพรักจะรักษา แล้วตั้งเครื่องเอมโอชโภชนา ถวายยาหอมรื่นชื่นอารมณ์ พระอภัยได้รสโอสถสว่าง ค่อยเสื่อมสร่างพลางเสวยเนยขนม พระทรวงเส้นเป็นเหน็บเจ็บระบม หมอบังคมก้มกรานอยู่งานพลาง แต่นั้นหน่อวรนาถไม่คลาดเคลื่อน คอยทูลเตือนปรนนิบัติไม่ขัดขวาง ที่ร้อนโรคโศกเศร้าค่อยเบาบาง คิดระคางเคืองวัณฬาสุมาลี ทั้งลูกเมียเสียหมดมันปลดปละ จะสละไปถือเป็นฤๅษี พอสามเดือนเคลื่อนคลายค่อยหายดี พระยิ่งมีศรัทธาตรึกตราตรอง ทั้งสองนางต่างพากันมาเฝ้า พระโศกเศร้าตรัสสั่งนางทั้งสอง นี่แน่เจ้าเล่าก็มีบุรีครอง ทั้งเงินทองมองมูลประยูรยศ อยู่ถิ่นฐานบ้านเมืองไปเบื้องหน้า จะปรารถนาหาอะไรก็ได้หมด เราจะไปในอรัญอยู่บรรพต รักษาพรตพรหมจรรย์บรรพชา ด้วยชาตินี้วิบัติให้พลัดพราก เหลือวิบากยากแค้นนั้นแสนสา จะสืบสร้างทางกุศลผลผลา เมื่อชาติหน้าอย่าให้เป็นเหมือนเช่นนี้ ฯ ๏ ทั้งสองนางต่างแคลงว่าแกล้งตรัส ไม่ทานทัดทูลสนองทั้งสองศรี ขอตามติดคิดคุณพระมุนี เป็นหลวงชีปรนนิบัติด้วยศรัทธา ยิ่งไปอยู่เกาะแก้วแล้วขยัน อยากพบพี่ศรีสุพรรณมัจฉา สุมาลีว่านี่แน่แม่วัณฬา แม่ช่วยหาหนังเสือเผื่อสักไตร ฯ ๏ พระฟังนางพลางว่าแน่แม่ปลาช่อน งอนจริงจริงยิ่งกว่าช้อนกว่างอนไถ พาหนังเสือเหลือยากลำบากใจ แล้วก็ไม่สู้ดีเหมือนชีเปลือย พูดด้วยยากปากกล้าสมาบาป เป็นกิ่งกาบหลาบเข็ดเหลือเหน็ดเหนื่อย ดูเลี้ยวลดคดคู้เหมือนงูเลื้อย พูดไม่เมื่อยลูกคางต้องกางกัน ไม่รักของ้อผู้หญิงจริงจริงนะ สิ้นธุระก็จะสร้างทางสวรรค์ แล้วให้หาข้าเฝ้าเผ่าพงศ์พันธุ์ มาพร้อมกันสินสมุทรสุดสาคร ฯ ๏ พระขึ้นบนมนเทียรวิเชียรรัตน์ จึงปลดเปลื้องเครื่องกษัตริย์ประภัสสร ทรงเครื่องขาวดาวบสประณตกร อุทุมพรทับเฉียงเฉวียงองค์ แล้วจัดจีบกลีบชฎารักษาพรต เป็นดาบสบุตรพรหมสมประสงค์ สอดสวมด้ายสายธุรำประจำทรง ตั้งดำรงศิลห้าสมาทาน ถือพัดวาลวิชนีแล้วลีลาศ ขึ้นนั่งอาสน์อิศรามุกดาหาร พร้อมโอรสยศยงพระวงศ์วาน โปรดประทานเทศนาตามบาลี ทรงแก้ไขในข้อพระบรมัตถ์ วิสัยสัตว์สิ้นพิภพล้วนศพผี ย่อมสะสมถมจังหวัดปัถพี ไพร่ผู้ดีที่เป็นคนไม่พ้นตาย พระนิพพานเป็นสุขสิ้นทุกข์ร้อน เปรียบเหมือนนอนหลับไม่ฝันท่านทั้งหลาย สิ้นถวิลสิ้นทุกข์เป็นสุขสบาย มีร่างกายอยู่ก็เหมือนเรือนโรคา ทั้งแก่เฒ่าสาวหนุ่มย่อมลุ่มหลง ด้วยรูปทรงลมเล่ห์เสน่หา เป็นผัวเมียเคลียคลอครั้นมรณา ก็กลับว่าผีสางเหินห่างกัน จงหวังพระปรมาศิวาโมกข์ เป็นสิ้นโศกสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์ เสวยสุขทุกเวลาทิวาวัน เหลือจะนับกัปกัลป์พุทธันดร แต่บรรดามาฟังอยู่ทั้งสิ้น จงถือศิลภิญโญสโมสร สินสมุทรเจ้าจงพาพลากร ไปถิ่นฐานนันดรเหมือนก่อนมา ฯ ๏ ฝ่ายนงลักษณ์อัคเรศครั้นเทศน์จบ เจียนสลบด้วยเห็นขาดวาสนา พระทรงศิลสิ้นเสร็จมิเมตตา ต่างโศกากอดบาทไม่คลาดคลาย ต่างทูลว่าข้าขอรับบรรพชิต พอเป็นศิษย์สาพิภักดิ์สมัครหมาย แม้เลยละจะขอเชือดคอตาย สู้ถวายชีวาไม่อาลัย ทั้งโอรสยศยงพวกพงศ์เผ่า ต่างโศกเศร้าโศกาน้ำไหล ทั้งข้าเฝ้าสาวสนมกรมใน ร่ำร้องไห้แซ่เสียงทั้งเวียงวัง ฯ ๏ พระฤๅษีมีจิตคิดสงสาร พวกวงศ์วานหลานลูกได้ปลูกฝัง จึงหยุดยั้งยังสุวรรณบัลลังก์ ตรัสถามทั้งวัณฬาสุมาลี เราตัดขาดญาติมิตรเปลื้องปลิดปลด ไม่รักยศรักกายคิดหน่ายหนี เจ้าจะสร้างทางพรตดาบสนี อย่ายินดีที่ผัวคิดพัวพัน ไปเที่ยวอยู่ภูเขาลำเนาถ้ำ ถือศีลธรรมบำเพ็ญเบญจขันธ์ สมมติเหมือนเพื่อนจงกรมพรหมจรรย์ ให้แม่นมั่นสัญญาจะพาไป ฯ ๏ ทั้งสองนางน้อมคำนับตามรับสั่ง เป็นสัจจังยังไม่เสื่อมที่เลื่อมใส พระประโยชน์โพธิญาณประการใด จะตามใต้บาทาสารพัน กว่าจะถึงซึ่งมหาศิวาโมกข์ สิ้นฟ้าดินสิ้นโอฆสิ้นโศกศัลย์ แม้พลั้งพลาดขาดพรตทศธรรม์ จึงห้ำหั่นบั่นศีรษะเสียบประจาน ฯ ๏ พระฟังคำร่ำว่าสาพิภักดิ์ เห็นพร้อมพรักรักพระองค์ก็สงสาร สิ้นแสนงอนอ่อนพยศจึงพจมาน โปรดประทานโทษให้เหมือนใจจง ฯ ๏ ฝ่ายสองนางต่างบังคมด้วยสมนึก ลามาตึกเตียงทองเข้าห้องสรง ต่างชำระสระสนานสำราญองค์ แล้วก็ทรงเครื่องพรตดาบสนี ชฎากลีบจีบจัดฉวัดเฉวียน ล้วนขาวเขียนลายทองผุดผ่องศรี ประคำพลอยห้อยพระศอจรลี ไปนั่งที่แท่นสุวรรณริมบัลลังก์ ดาบสพระอภัยให้ศีลห้า ว่านำหน้านางชีว่าทีหลัง จนจบปัญจสีลาสิกขาปทัง สองนางนั่งกราบงามลงสามที แล้วนั่งเคียงเรียงกันเป็นหลั่นลด รักษาพรตงดงามสามฤๅษี จอมกษัตริย์ยถาถามตามบาลี นางก็รับสัพพีด้วยปรีดา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร สินสมุทรสุดสาครโอรสา ดูบิตุรงค์สงสารทั้งมารดา จะกลับไกลไปป่าเหลืออาลัย ต่างกราบกรานมารดรทั้งบิตุเรศ ชลเนตรนองตกซกซกไหล ระทวยทอดกอดบาทเพียงขาดใจ ต่างพิไรร่ำว่าสารพัน ฯ ๏ สินสมุทรสุดเศร้าว่าเปล่าจิต เคยตามติดบิตุเรศทุกเขตขัณฑ์ กำพร้าแม่เห็นแต่องค์พระทรงธรรม์ ทุกคืนวันเวลาไม่อาวรณ์ พระกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกช่วยปลูกฝัง ถึงเบาจิตผิดพลั้งช่วยสั่งสอน พระบิตุรงค์ทรงพรตจะบทจร พระมารดรก็ไม่สั่งลูกมั่งเลย ทั้งสามองค์ทรงผนวชบวชเสียสิ้น ให้ลูกกินแต่น้ำตานิจจาเอ๋ย ไปเฝ้าพระจะไม่เห็นเหมือนเช่นเคย จะแลเลยลิบลับไปนับปี สุดสาครอ่อนแรงกันแสงสะอื้น สู้กล้ำกลืนกราบประณตบทศรี ทูลกระหม่อมจอมจังหวัดปัถพี เคยเป็นที่พึ่งลูกคิดผูกพัน พระบิตุราชมาตุรงค์รีบทรงพรต สละหมดเหมือนจะเลยเสวยสวรรค์ จะรำพึงถึงพระบาทไม่ขาดวัน ด้วยไม่ทันรู้รหัสพระศรัทธา ทูลกระหม่อมจอมทวีปประทีปแก้ว จะลับแล้วเหลือแลชะแง้หา ยิ่งคิดให้ใจหายฟายน้ำตา ซบโศกากำสรดสลดใจ ทั้งนงเยาว์เสาวคนธ์ให้อ้นอั้น พลอยโศกศัลย์เศร้าหมองไม่ผ่องใส สะอื้นร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย พระจะไปป่าหนามทั้งสามองค์ จะลำบากยากจนนั้นล้นเหลือ บรรทมเหนือปถพีธุลีผง ลูกพลัดพรากจากตระกูลประยูรวงศ์ หวังพระองค์อุ่นจิตเหมือนบิดา ทั้งสองพระชนนีเป็นที่พึ่ง ก็เหมือนหนึ่งพระกำเนิดเกิดเกศา เคยอุ้มวางกลางพระเพลาแต่เยาว์มา เหมือนธิดาโอรสให้งดงาม ถ้าแม้พระจะเสด็จไปทางอื่น จะฝ่าฝืนตามเสด็จไม่เข็ดขาม นี่ทางพรตอตส่าห์พยายาม สุดจะคิดติดตามจะห้ามบุญ พระทรงศักดิ์รักลูกช่วยปลูกฝัง ถึงผิดพลั้งดังหนึ่งบุตรช่วยอุดหนุน ในชาตินี้มิได้ละลืมพระคุณ ที่การุญรักใคร่แต่ไรมา แล้วกราบลงตรงบาทพระบิตุเรศ ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา ฝ่ายฝูงนางข้างฝรั่งเมืองลังกา นางรำภายุพาสุลาลี เคยพึ่งพาอาศัยใจจะขาด เข้ากอดบาทนางวัณฬามารศรี เจ้าประคุณบุญญาบารมี เคยเป็นที่พึ่งฝรั่งทั้งลังกา แต่ปางก่อนรอนราญทำการศึก ที่การอื่นตื้นลึกเคยปรึกษา ครั้งนี้พระเป็นชีมีศรัทธา มิให้ข้าทั้งสามทราบความเลย พระชุบเลี้ยงเพียงบุตรสุดถนอม เจ้าพระคุณทูลกระหม่อมของลูกเอ๋ย จะอยู่ดงพงไพรพระไม่เคย เคยเสวยโต๊ะทองของโอชา จะไปฉันมันเผือกผลาผล จะร้อนรนทนลำบากยากหนักหนา จะเผือดผิวหิวโหยร่วงโรยรา จะไสยาอยู่กับพระธรณี ข้าทั้งสามจะขอตามเสด็จด้วย จนมอดม้วยเหมือนหมายไม่หน่ายหนี ขอบวชบ้างอย่างเช่นพระเป็นชี อยู่ข้างที่รับใช้เหมือนได้เคย จะเก็บเลือกเผือกมันพรรณลูกไม้ มาปอกให้สามพระองค์ทรงเสวย อย่าขัดเคืองเปลื้องปละสละเลย ลูกไม่เคยเริศร้างเหินห่างไกล นางละเวงเกรงผัวกลัวจะกริ้ว จึงนบนิ้วทุลแจ้งแถลงไข นางฝรั่งทั้งสามจะตามไป จงโปรดให้บวชบ้างเป็นนางชี จึงตรัสว่านารีที่มีผัว จะบวชตัวก็ต้องลาเหมือนทาสี แม้ผัวยอมพร้อมใจเป็นไรมี บวชเป็นชีก็จะได้ดังใจจง ฯ ๏ ยุพาฟังบังคมสมถวิล ทูลลาสินสมุทรตามความประสงค์ จะบวชตามสามกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ ขอพระองค์อนุกูลอย่าสูญใจ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าจะลาบวช ข้ามิชวดแล้วหรือถือไฉน อยู่ดีดีนี่จะมาขอลาไป ข้ามิให้บวชดอกบอกจริงจริง นางผกาฝรั่งคิดคั่งแค้น จึงว่าแสนยากเย็นเพราะเป็นหญิง สิบแปดปีนี้แล้วพระสละทิ้ง มาท้วงติงตัดเด็ดไม่เมตตา ถึงกฎหมายชายทิ้งหญิงอย่างนั้น ก็ขาดกันอย่าให้ต้องถึงฟ้องหา เหมือนปล่อยเต่าเอาบุญกรุณา อย่าข้องขัดศรัทธาจงปรานี พระว่าบทกฎหมายชายทิ้งหญิง ก็ขาดจริงเพราะห่างระคางหนี ข้ากับเจ้าเล่าก็คืนวานซืนนี้ ไม่คืนดีกันหรือเจ้าหรือเปล่าใจ ฯ ๏ ฝ่ายลีวันนั้นทูลลาสุดสาคร ชลีกรวอนว่าอัชฌาสัย อย่าข้องขัดทัดทานประการใด จงโปรดให้บวชตามสามพระองค์ ฝ่ายว่าสุดสาครพูดอ่อนหวาน ราชการเกี่ยวข้องต้องประสงค์ เจ้าก็รู้อยู่ว่าพระมาตุรงค์ ได้โปรดปลงให้บำรุงกรุงลังกา ด้วยศึกเสือเหนือใต้ยังไม่ราบ จะต้องปราบปรามศึกได้ปรึกษา เจ้าเคยได้ใช้ฝรั่งแต่หลังมา ช่วยตรวจตราอย่าเพ่อบวชให้ชวดเลย สุลาลีมีฝีปากพูดถากถาง มาขัดขวางทางบุญพ่อคุณเอ๋ย แต่ก่อนนั้นได้มาอยู่เป็นคู่เชย แล้วปล่อยปละละเลยเฉยเมยไป ถ้าหากว่าลาลีจะมีผัว ก็ไม่กลัวที่จะจับมาปรับไหม มาห้ามหวงหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวเกาะไว้ ดูเหมือนไม่ได้ทราบที่บาปกรรม เดี๋ยวนี้ก็รู้อยู่ว่าเป็นข้าบาท แม้ไม่ขาดคงจะชุบอุปถัมภ์ เหมือนลูกชั่วผัวช่วยปราบให้หลาบจำ นี่พลอยซ้ำทำให้ร้อนไม่ผ่อนปรน ตัวคนเดียวเปลี่ยวใจจะใคร่บวช กลับให้ชวดสืบสร้างทางกุศล เขาทำบุญสุนทานมารประจญ ช่างเหลือทนลูกผัวล้วนตัวดี สุดสาครวอนว่าลาลีเอ๋ย อย่างเพ่อเลยหลีกผัวเอาตัวหนี ถ้าลูกมีทีหลังเป็นอย่างนี้ จึงเป็นชีเถิดไม่ห้ามตามใจนาง ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีชลีสนอง ซึ่งพี่น้องสองกษัตริย์ยังขัดขวาง ข้าน้อยนี้มีแต่ตัวลูกผัวร้าง ขอบวชบ้างสร้างกุศลผลผลา พระอภัยได้ฟังว่ายังขัด ด้วยผัวเจ้าเขาไม่ตัดเสนหา ยังหวงแหนแม้นจะรับบรรพชา ไม่เป็นดาบสจะซ้ำเป็นกรรมไป ฯ ๏ แล้วเอื้อนโอษฐ์โปรดปรานว่าหลานลูก จงพันผูกพี่น้องให้ผ่องใส พอรุ่งเช้าเราจะพากันไคลคลา ไปอยู่ไพรพฤกษาตามบาลี ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายทั้งชายหญิง จงพึ่งพิงผู้บำรุงซึ่งกรุงศรี ผู้เป็นใหญ่ได้เมตตาคิดปรานี ให้เปรมปรีดิ์ปราโมทย์ยกโทษกรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายเผ่าพงศ์วงศาพวกฝรั่ง พร้อมสะพรั่งฟังคำที่พร่ำสอน หน่อนรินทร์สินสมุทรสุดสาคร กราบบิดรวอนว่าด้วยอาลัย ซึ่งสามพระจะเสด็จไปเดินป่า ไม่ทราบว่าจะไปหนตำบลไหน พระชนนีมิเคยเดินดำเนินไพร จะเจ็บไข้ได้ยากลำบากองค์ ลูกจะขอปวรณาฝ่าพระบาท มิให้ขาดที่ธุระพระประสงค์ นิมนต์พักจักไปสร้างที่กลางดง เป็นที่ทรงจงกรมพรหมจรรย์ จะให้มีศาลาพระอาศรม แต่พอร่มฝนฟ้าหน้าวสันต์ ตามประโยชน์โปรดเกล้าแต่เท่านั้น อย่าด้นดั้นไปให้สูญประยูรวงศ์ ฯ ๏ พระฟังว่ากล้าหาญการกุศล รับนิมนต์จึงว่าตามความประสงค์ เหมือนอินทรามานิมิตด้วยฤทธิรงค์ ที่เขาวงกตถวายก็คล้ายกัน หน่อนรินทร์ยินดีทั้งพี่น้อง ต่างยิ้มย่องชื่นชวนกันสรวลสันต์ นิมนต์ไว้วังลังกาสิบห้าวัน กว่าจะได้ถวายบรรณศาลา แล้วเกณฑ์ไพร่ไปลำเนาเขาสิงคุตร์ ที่สูงสุดกว้างใหญ่ไพรพฤกษา มีโตรกตรวยห้วยละหานธารธารา เงื้อมศิลาเลื่อมลายพรอยพรายแพรว พฤกษาสูงยูงยางขึ้นข้างเขา ชะลูดเสลาแลลิ่วเป็นทิวแถว มะม่วงโมกโศกสุกรมต้นนมแมว พิกุลแก้วกาหลงประยงค์พะยอม ทุเรียนลำไยไม้ออกช่อดอกผล บ้างร่วงหล่นลูกขนุนกลิ่นกรุ่นหอม ต้นโศกไทรใหญ่ยิ่งยื่นกิ่งค้อม จะให้คล่อมอาศรมร่มสำราญ จึงปลูกบรรณศาลาก่ออาศรม ที่รื่นร่มรุกโขรโหฐาน โรงฉันที่สรงน้ำริมลำธาร เป็นชั้นชานชะวากเหมือนฉากบัง ด้วยหน่อไทไปกำกับกำชับช่าง อาศรมสร้างสุดงามทั้งสามหลัง ดูครึ้มครื้นรื่นรมย์ที่ร่มรัง มีเขื่อนกั้นบัลลังก์น่านั่งนอน ริมกุฎีมีสระปทุมชาติ ระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน สมถวิลสินสมุทรสุดสาคร สิ้นทุกข์ร้อนรีบมาถึงธานี ให้ตระเตรียมเทียมรถรับเสด็จ ครั้นสรรพเสร็จไปประณตบทศรี ทูลพระองค์ทรงพรตดาบสนี เหมือนทำที่ไว้ถวายท้ายบรรพต ฯ ๏ พอเดือนยี่สี่ค่ำนำพระบาท ทรงรถราชญาติวงศ์ตามส่งหมด เป็นสิ้นความสามพระองค์อยู่ทรงพรต ที่บรรพตสิงคุตร์ดุจนิมนต์ ยอดคิรีมีต้นโรทันใหญ่ น้ำปลายใบหยดย้อยเหมือนฝอยฝน ครั้นแสงแดดแผดส่องต้องมณฑล เป็นหมอกมนมีอยู่แต่บูราณ ด้วยคิรีนี้เป็นหลักลังกาทวีป ยอดเหมือนกลีบจงกลมณฑลสถาน ครั้นถึงสิบห้าวันก็บันดาล เป็นฝนซ่านโซมสาดไม่ขาดคราว โซ่เหล็กล่ามสามสายฝ่ายเหนือใต้ ต่างกระไดปีนป่ายเหนี่ยวสายสาว จึงนับถือลือเลื่องเป็นเรื่องราว มีรูปเจ้าสิงคุตร์สุดคิริน เมื่อแรกตั้งลังกาลงมาเกิด กล่าวกำเนิดน่าฟังหวังถวิล ว่ารูปทรงองค์สิงคุตร์บุตรพระอินทร์ ดำเหมือนนิลกินถั่วงากินสาคู ครั้นสิ้นเหล่าชาวลังกาจึงฝรั่ง ยกมาตั้งทั้งเจ๊กจีนจึงกินหมู แต่ก่อนเขาเล่ามาถึงเราจึงรู้ เท็จจริงอยู่กับผู้เฒ่าที่เล่ามา ฯ ๏ พระอภัยไปตั้งหลังบรรพต รักษาพรตพรหมจรรย์ด้วยหรรษา รำภาสะหรีลีวันยุพาผกา คุมโยธาฝรั่งอยู่ทั้งพัน เก็บส้มสูกลูกไม้เผือกมันมั่ง ถวายทั้งสามองค์ให้ทรงฉัน เป็นป่ากว้างทางเดินเนินอรัญ ไปสามวันจึงถึงวังเมืองลังกา สินสมุทรไปบำรุงกรุงผลึก ได้ปราบศึกสืบวงศ์เผ่าพงศา สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา ครองลังกาผาสุกสนุกสบาย พวกทมิฬกินปักษาชื่อวาโหม ไปพาราวาหุโลมส่งโสมถวาย ทหารใหญ่อ้ายย่องตอดนั้นวอดวาย นางสุนีหนีกายสูญหายไป ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง เมื่อเสียท่วงทีทัพไม่หลับใหล นำมังคลาพาตรงเข้าพงไพร ค่ำมืดไม่เห็นหนตำบลทาง เที่ยวบุกป่าฝ่าหนามลงข้ามห้วย เป็นตรอกตรวยโตรกชะง่อนสิงขรขวาง ถึงเขามฤคดึกดื่นหยุดยืนคราง พอแลเห็นเป็นสว่างข้างบรรพต เหมือนโคมใหญ่ไฟเดินบนเนินเขา คิดว่าเข้าเขตตำบลชนบท เขม้นดูอยู่ประเดี๋ยวเดินเลี้ยวลด ลับบรรพตแล้วสว่างรางรางมา จะปีนขึ้นไปไต่ถามเมื่อยามดึก เห็นเหวลึกแลเวิ้งกระเพิงผา พอโคมใกล้ไฟสว่างกระจ่างตา พระมังคลาเห็นคนบนคีรี จะขึ้นไปไม่ถึงจึ่งร้องถาม ตำแหน่งนามแนวป่าพนาศรี ทั้งบาทหลวงลวงล่อขออัคคี ใคร่เห็นหน้าพาทีไต่ถามความ ฯ ๏ ยุเรเด่นเป็นผู้รู้วิเศษ คิดสมเพชมังคลาที่มาถาม จึงว่าท่านผ่านพาราสง่างาม ไม่ถือตามเยี่ยงอย่างในทางธรรม์ ครั้นผู้รู้อยู่ด้วยได้ช่วยสอน ไม่หยุดหย่อนยังจะฆ่าให้อาสัญ หูก็ชั่วตัวก็ชาติฉกาจฉกรรจ์ ใจก็ฟั่นเฟือนคลั่งไม่ฟังดี เขายุมั่งทั้งเขายอสู้พ่อแม่ ก็พ่ายแพ้พากันด้นซุกซนหนี อย่าเดาเดินเกินไปทางไม่มี ไปทางปีมะโรงวันจันทวา ฝ่ายบาทหลวงล่วงรู้ผู้วิเศษ แกล้งบอกเหตุให้เราคิดปริศนา มะโรงงูอยู่ข้างใต้ไปคงคา จันทวาว่าจะปะกษัตรี จึ่งพาพระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง กลับย้อนหลังมาหนทางหว่างวิถี เป็นทางใหญ่ไปทักษิณค่อยยินดี เหมือนผู้วิเศษแจ้งแสดงทาง พอเดือนขึ้นชื่นใจแกได้เห็น หนทางเป็นป่าชัฏไม่ขัดขวาง รีบเดินดุ่มพลุ่มพล่ามไปตามทาง พอสว่างเวลารุ่งราตรี ขึ้นไปส่องกล้องดูบนภูเขา รู้ว่าเข้าแขวงเขตเมืองเศรษฐี จึ่งบอกพระมังคลาเจ้าธานี บ้านนี้มีแต่แม่ม่ายผัววายวาง ชื่อนางเซียมวิไลจะไปหา ได้พึ่งพาสารพัดไม่ขัดขวาง เอ็งคอยกูอยู่ที่โขดโบสถ์วัดร้าง แล้วลงทางอ้อมมาตามหน้าเนิน ฯ ๏ ด้วยรู้หลักนักปราชญ์เป็นบาทหลวง คนทั้งปวงฝ่ายฝรั่งสังรเสริญ เมียเศรษฐีดีใจปราศรัยเชิญ บาทหลวงเดินขึ้นบันไดมิได้ยั้ง นั่งเก้าอี้ที่กลางตึกกว้างใหญ่ นางเซียมวิไลไหว้แล้วถามเนื้อความหลัง เจ้าคุณมาว่ากรุงไรเล่าให้ฟัง ไม่เห็นทั้งศิษย์หามาแต่องค์ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง ไม่ล่อลวงเล่าความตามประสงค์ ประดักประเดิดเกิดการราญณรงค์ ต้องช่วยองค์มังคลาเจ้าธานี ด้วยทัพแตกแยกย้ายพลัดพรายหมด เที่ยวเลี้ยวลดหลงทางกลางวิถี เจ้าช่วยเจ้าชาวฝรั่งไว้ครั้งนี้ อย่าให้มีอันตรายถึงวายปราณ ฯ ๏ นางเซียมวิไลได้ฟังพระสังฆราช เสียดายชาติเชื้อวงศ์นึกสงสาร จึงตอบว่าถ้าพระเห็นจะเป็นการ จะให้ฉานช่วยนั้นทำฉันใด จะทำตามความสั่งพระสังฆราช เฉลียวฉลาดแล้วแต่จะแก้ไข บาทหลวงว่ามาเดี๋ยวนี้ไม่มีใคร ขออาศัยสักสี่ห้าทิวาวัน แล้วจะไปไกล่เกลี่ยเที่ยวเกลี้ยกล่อม ได้รวมรอมพร้อมพหลพลขันธ์ คิดแยบยลกลอุบายให้หลายชั้น ไม่ละกันแก้เผ็ดให้เข็ดมือ นางแม่ม่ายหมายจะใคร่ได้ความชอบ เห็นเธอรอบรู้เหลือก็เชื่อถือ เคยคิดอ่านการศึกเคยฝึกปรือ เขาออกชื่อลือทั้งเมืองลังกา จึงจัดแจงแต่งตึกตุ้งเตียงตั้ง ลับแลบังฉากฉายลายเลขา แล้วไปเชิญเสด็จพระมังคลา ลอบเข้ามายามดึกอยู่ตึกกลาง แล้วจัดแจงแต่งตั้งโต๊ะถวาย นางแม่ม่ายปรนนิบัติไม่ขัดขวาง มีลูกสาวขาวสลวยสวยสำอาง อายุนางได้สิบห้าชื่อยาใจ ให้ใช้สอยคอยระวังตั้งพระศรี ช่วยพัดวีกิริยาอัชฌาสัย บาทหลวงมือถือกล้องจ้องจุดไฟ เคลิ้มหลับไปไม่ทันได้ฉันยา ฯ ๏ แต่องค์เจ้าชาวฝรั่งกำลังรุ่น เห็นสาวเสียวเฉียวฉุนเสนหา ทำเหมือนเมื่อยเหนื่อยใจพลิกไปมา เรียกนางยาใจเจ้าเยาวมาลย์ พี่เจ็บป่วยช่วยนวดหน่อยเถิดเจ้า นางคุกเข่าคำนับรับบรรหาร ขึ้นบนเตียงเคียงองค์แล้วนงคราญ ช่วยอยู่งานนวดฟั้นให้บรรทม ฯ ๏ พระมังคลาปราศรัยยาใจเอ๋ย เป็นบุญเคยเชยชิดสนิทสนม พี่แสนโศกโรคช้ำระกำกรม ได้เชยชมโฉมนางค่อยสร่างใจ แม้นเหมือนนึกศึกเสร็จสำเร็จแล้ว ไม่ลืมแก้วกลอยจิตพิสมัย จะรับเจ้าเข้าไปเลี้ยงไว้เวียงชัย นะยาใจเจ้าอย่าหมองละอองนวล พลางสวมสอดกอดเกยชมเชยโฉม ปลอบประโลมลูบต้องของสงวน นางถอยถดลดเลื่อนเบือนกระบวน ฉันไม่ควรเคียงคู่อดสูใจ จะขอเป็นเช่นข้าฝ่าพระบาท อย่ามุ่งมาดหมายคิดพิสมัย พลางเบือนบิดปิดป้องทำนองใน พระเคล้นไคล้คลึงเคล้าเยาวมาลย์ ถนอมนวลชวนชิดจุมพิตพักตร์ ร่วมภิรมย์สมรักสมัครสมาน อัศจรรย์นั้นก็ไม่ใคร่ได้การ เหมือนตำนานนางกระตั้วไม่กลัวตาย จะแทงกระบือถือหอกทำกลอกกลับ เขย่งขยับขยั้นเขยื้อนไม่เหมือนหมาย ได้ทีแทงแกล้งกระทุ้งถูกพุงควาย ทะลักทลายเลือดนองในท้องนา ฯ ๏ เมื่อสองสมชมชิดสนิทเสน่ห์ ไม่ขัดขวางห่างเหเสนหา นางอิงแอบแนบนั่งพระมังคลา ประโลมยาใจหลับอยู่กับเตียง พอล่วงสามยามดึกตึกฝรั่ง เคาะระฆังหง่างเหง่งวังเวงเสียง บาทหลวงตื่นฟื้นนั่งตั้งตะเกียง สูบกล้องเอียงเอนเอกเขนกนึก คิดคะนึงถึงตำหรับฉบับแบบ จะแฝงแอบแยบยลกลศึก ดูเขตแดนแผนที่มีจารึก แล้วนิ่งตรึกตรองความตามกำลัง คิดขึ้นได้ในตำราม้ากินสวน เห็นจะควรทำได้เหมือนใจหวัง ตราราหูอยู่กับเราเขาคงฟัง นับถือทั้งจังหวัดปัถพี จึงเรียกนางเซียมวีไลมาในตึก บอกตื้นลึกเล่าเหตุเมียเศรษฐี ช่วยคิดให้ได้กำลังในครั้งนี้ จะได้มีความชอบประกอบไว้ คำบุราณท่านว่าผู้รู้แต่งเพชร ให้แจ่มเม็ดเก็จกะรัตสิ้นปัดไถม เนื้อผ่องแผ้วแล้วจะขายจำหน่ายไป ได้กำไรร้อยส่วนก็ควรทำ หนึ่งผู้รู้ผู้มีชื่อคือกษัตริย์ เมื่อเศร้าหมองข้องขัดช่วยอุปถัมภ์ ให้กลับฟื้นขึ้นเช่นพลอยเหมือนถ้อยคำ เป็นคุณล้ำเหลือล้นคณนา ครั้งนี้เล่าเจ้าเมืองมาเคืองขุ่น เจ้ากับบุตรอุดหนุนคุณหนักหนา จะขอลำกำปั่นจงกรุณา ให้มังคลาไปสักลำเป็นกำลัง กับบ่าวไพร่ใช้สอยสักร้อยหนึ่ง เงินทองซึ่งจะได้ใช้เหมือนใจหวัง เมืองน้อยใหญ่ใต้เหนือเคยเชื่อฟัง คงจะตั้งตัวได้ดั่งใจนึก ฯ ๏ นางคิดเห็นเป็นชอบตอบสนอง อันเงินทองของฉันมีอยู่มิตรึก พระคิดอ่านการทำเหลือล้ำลึก คงสมนึกเหมือนหนึ่งคาดไม่คลาดคลาย ลำกำปั่นนั้นก็มีแล้วดีฉัน จะจัดสรรให้ได้สมอารมณ์หมาย ว่าแล้วลามานั่งที่เก้าอี้ลาย ร้องเรียกนายรองมาค่อยพาที ให้แต่งลำกำปั่นรำพันสั่ง ต้นหนทั้งล้าต้ากะลาสี ใส่ข้าวปลาสารพัดจัดให้ดี เงินสักสี่พันชั่งใส่ถังไป นายรองรับกลับออกมาบอกบ่าว ไปปากอ่าวแต่งลำกำปั่นใหญ่ ใส่ข้าวน้ำลำเลียงพร้อมเพรียงไว้ ทั้งต้นหนคนใช้เคยไปมา ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถกับบาทหลวง ค่อยสร่างทรวงสมมาดปรารถนา ทั้งสองนางต่างไปส่งลงนาวา พระจดหมายใส่ศิลาจารึกไว้ ความชอบของสองนางเป็นอย่างยิ่ง เขียนแล้วทิ้งไว้ที่ท่าชลาไหล พอฤกษ์ดีมีลมมาสมใจ ใช้ใบไปไกลฝั่งฟากลังกา บาทหลวงนั่งตั้งเข็มออกเล็มแล่น ไปตามแผนที่ทางต่างภาษา แล้วพระฝรั่งทั้งพระมังคลา อยู่ท้ายบาหลีตามความสบาย ฯ ๏ จะกล่าวผู้รู้ซึ่งพาวลานั้น กับวายุพัฒน์หัสกันลอบผันผาย ได้พึ่งพามาเมื่อคราวเป็นเจ้านาย ต่างเลี้ยวลัดพลัดพรายแยกย้ายไป เจนธนูผู้พาวลานั้น เดินสารกำปั่นอังกฤษไปทิศใต้ ถึงเขตพราหมณ์นามบุรินทร์เมืองสินชัย ขึ้นอาศัยวัดพราหมณ์อยู่ตามจน อันเจนธนูรู้เวทวิเศษขลัง รู้กำลังลมคล่องรู้ล่องหน รับจ้างเขาเช้าเย็นเที่ยวเล่นกล ได้เลี้ยงตนปรนนิบัติกษัตรา สุริยันนั้นก็พาวายุพัฒน์ ไปทางปัศจิมทิศถิ่นมิจฉา ขึ้นเมืองเซ็นเป็นคู่ชังกับลังกา มีวิชาบังเหลื่อมหลบเลื่อมไป กับลูกศิษย์คิดเช่าตึกเขาอยู่ ทำหมอดูรู้วิธีคัมภีร์ไสย ทายผู้ใดไม่ผิดเขาติดใจ ได้เงินใช้ซื้อเสบียงพอเลี้ยงกัน สุบันเยเร่เที่ยวลดเลี้ยวลัด พาพระหัสกันไปในไพรสัณฑ์ ขึ้นฝ่ายเหนือไปกับเรือกปิตัน ถึงเขตขัณฑ์แขกทมิฬเมืองอินทรา เช่าตึกที่ยิหว่านอยู่บ้านแขก ด้วยแต่แรกรุ่นมาอยู่รู้ภาษา เคยเที่ยวมากพากเพียรเรียนวิชา บังนิทราปรากฏได้ทดลอง ทำหมอยาผ่าฝีหุงสีผึ้ง ใครมาถึงชายหญิงให้สิ่งของ ใครเจ็บมาหาไปให้เงินทอง อยู่แต่สองคนกับพระหัสกัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง เสียเวียงวังวิโยคเศร้าโศกศัลย์ สิ้นห้ามแหนแสนสุรางค์นางกำนัล ทุกคืนวันว้าเหว่อยู่เอกา กำปั่นใช้ใบเปลี่ยวลำเดี่ยวโดด ให้ลิงโลดเหลียวแลชะแง้หา คิดคะนึงถึงพระน้องสองนัดดา อยู่ไกลตาตายเป็นไม่เห็นกัน ใคร่แจ้งความถามฝรั่งพระสังฆราช พระน้องนาถนัดดาจะอาสัญ หรือจะต้องจองจำทำโทษทัณฑ์ จะพบกันหรือจะสูญตระกูลไป บาทหลวงนับจับยามบอกความว่า มีผู้พาผันแปรช่วยแก้ไข ยังอยู่ดีชีวันไม่บรรลัย คงจะได้พบกันเป็นมั่นคง พระนิ่งนั่งฟังครูเคยดูแน่ ตะลึงแลลานจิตพิศวง ถึงเคราะห์ร้ายพรายน้ำขึ้นลำทรง พอพลบลงลมกล้าสลาตัน เสียงตึงตึงฮึงฮือกระพือพัด หางเสือสะบัดพลัดเพล่เรือเหหัน ใบฉลีกฉีกขาดคลื่นฟาดฟัน โยนกำปั่นโงงเงงโคลงเคลงคลอน เสียงลมลั่นครั่นครึกจนดึกดื่น ทะมื่นทื่นคลื่นกลิ้งเท่าสิงขร เรือก็โผนโยนโขยกกระโดกกระดอน คนขึ้นนอนเปลแกว่งพลิกแพลงโยน ยิ่งดึกดื่นคลื่นลมระดมหนัก หางเสือหักกรอบกระเด็นเรือเผ่นโผน ทั้งเสาใบไพล่เพลี่ยงเอนเอียงโอน พยุโยนยามดึกเสียงครึกครื้น พวกไพร่พลบนลำล้มคว่ำหงาย หมายว่าตายหลับตาไม่ฝ่าฝืน ไปแต่ลำกำปั่นหลายวันคืน คนได้กลืนแต่ข้าวตังประทังทน ถึงสามเดือนเคลื่อนคล้อยลมค่อยสร่าง ดูอ้างว้างกลางทะเลระเหระหน คลื่นส่งเข้าอ่าวเพชรเมืองกำพล เป็นเขตคนพ้นถิ่นแผ่นดินแดง วิสัยเขาชาวบุรินทร์ไม่กินสัตว์ กินสารพัดผลผลาล้วนกล้าแข็ง เมืองนั้นตั้งฝั่งน้ำก่อกำแพง เรือนตึกแต่งตั้งรอบข้างขอบริม ภูมิ์ประเทศเพชรนิลนากทองเกิด เหล็กก็เลิศเหลือดีไม่มีสนิม ชาวบุรีสีเหมือนกับเม็ดทับทิม อยู่ทิศใต้ไปถึงริมหิมพานต์ พอเรือพลัดซัดเข้าปากอ่าวใหญ่ ขึ้นอาศัยอยู่กินตั้งถิ่นฐาน อังกฤษฝรั่งทั้งแขกแตกวงศ์วาน สืบลูกหลานหลายแสนอยู่แน่นนันต์ อันองค์ท้าวเจ้าเมืองเรืองพระยศ มีเหล็กกรดแดงก่ำทำพระขรรค์ ฟันที่ไหนไฟโพลงโขมงควัน ทุกเขตขัณฑ์ขามขยาดฤทธิ์สาตรา อันพระองค์ทรงนามรามเดช อัคเรศร่วมจิตชื่อกฤษณา อายุท้าวเก้าสิบเก้าเฒ่าชรา นางพระยาแปดสิบพอดิบพอดี ด้วยเมืองกำพลเพชรเพศพิสัย จำเพาะให้คู่ครองกันสองศรี แต่เป็นคู่อยู่มากว่าห้าสิบปี มิได้มีหน่อนาถราชธิดา ฯ ๏ ฝ่ายเรือพระมังคลามาถึงฝั่ง พวกฝรั่งลงมาถามตามภาษา ครั้นรู้ว่าฝรั่งเมืองลังกา ต่างพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระสังฆราชผู้บาทหลวง รู้ดูดวงทวาทศราศี เคยแจ้งเรื่องเมืองกำพลค้นคัมภีร์ ได้แผนที่คลี่ดูก็รู้ความ เจ้าเมืองนี้มีพระขรรค์นั้นเป็นกรด จึงปรากฏทศทิศต่างคิดขาม แต่นิ่งนึกตรึกตรองสักสองยาม เห็นดาวอร่ามรายเร่ขึ้นเมฆิน ดูดวงดาวเจ้าเมืองเรืองริบหรี่ ตกริมที่เธอสำนักทิศทักษิณ จับยามดูรู้ว่าดาวเจ้าแผ่นดิน จะสูญสิ้นชันษาในห้าวัน แล้วดูดาวเจ้าเกาะลังกาทวีป ดังประทีปรัศมีเป็นสีสัน แม้นได้กำพลเพชรเป็นเขตคัน ก็เหมือนกันกับลังกาอยู่ฝ่ามือ แม้นท้าวตายฝ่ายพระมเหสี จะแทนที่บังคับคนนับถือ จะรบหญิงชิงเมืองให้เลื่องลือ เห็นเหลือมือจะไม่ได้ดังใจปอง ถึงสาวแก่แต่สตรีเป็นวีสัย ถ้าแม้นม่ายมีผัวคงมัวหมอง แม้นรักใคร่ได้เป็นชู้เป็นคู่ครอง คงได้ของอื่นสิ้นเหมือนกินทิพ แต่มังคลาอายุได้สิบเก้า ฝ่ายอีเฒ่าแก่แรดได้แปดสิบ เปรียบเหมือนอย่างห่างแหแลลิบลิบ แต่ว่าหยิบไม่เป็นผงคงเป็นการ ด้วยสามัญตัณหามันตาบอด เป็นอย่างยอดอยู่เพียงรักสมัครสมาน คนแก่มักรักหนุ่มตุ่มน้ำตาล มันคงหวานเฉื่อยชิมไม่อิ่มใจ จึ่งปลุกพระมังคลาสานุศิษย์ เข้านั่งชิดชี้แจงแถลงไข เจ้าเมืองนี้ชีวันจะบรรลัย เมียจะได้ครองเมืองรุ่งเรืองยศ เองเกี้ยวพาราสีเอาอีเฒ่า เถิดจะเอาอะไรคงได้หมด เหมือนขยำน้ำตาลให้ทานมด มันไม่อดได้ดอกวะคงจะรวย ฯ ๏ พระมังคลาน่าเกลียดรังเกียจจิต จะเชยชิดแก่เกินให้เขินขวย ไม่ชอบในใจเธอไม่เอออวย บาทหลวงช่วยสั่งสอนให้อ่อนใจ เราเสียทัพยับย่อยต้องน้อยหน้า ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตาไหล เสียเวียงวังลังกาเสียข้าไท ต้องต่ำไร้ไม่มีที่พึ่งพา แม้นได้นางอย่างนี้เป็นที่พึ่ง ก็เหมือนหนึ่งได้แก้วแววเวหา ได้กลับไปได้ทั้งเมืองลังกา ได้แก้หน้าปรากฏยศไกร ถึงแก่เฒ่าเล่าก็ดีกว่าอีสาว ได้ยืดยาวอย่างนี้จะมีไหน เหมือนเกลือเค็มเต็มกลืนต้องขืนใจ มันก็ไม่สึกหรอหัวร่อพลาง ฯ ๏ พระเห็นควรสรวลสันต์ว่าฉันนี้ คุณเห็นดีสารพัดไม่ขัดขวาง แต่แสนยากหากว่าจะพบปะนาง จะพูดอย่างไรดีฉันมิเคย พระฝรั่งยังไม่รู้เกี้ยวผู้หญิง จนใจจริงนิ่งเอกเขนกเฉย จึงว่ากูครูเฒ่าก็เปล่าเลย ยังไม่เคยเลยเจียววะมังคลา แต่คิดเห็นเป็นเด็กยังเล็กอยู่ เป็นลูกเลี้ยงเลี่ยงดูไปสู่หา ช่วยนวดฟั้นหมั่นดูชายหูตา ทั้งอุตส่าห์สอพลอเข้าคลอเคลีย ถึงแก่เฒ่าเข้าเชิงละเลิงหลง มันก็คงแย้มยิ้มอะลิ้มเอลี่ย เรียกแม่แม่แต่ที่ลับกลับเป็นเมีย มันไม่เสียได้ดอกเห็นจะเป็นการ พลางสำรวลสรวลสันต์รำพันสอน หายหาวนอนผ่อนทุกข์สนุกสนาน ด้วยเคยสนิทศิษย์หากับอาจารย์ นั่งคิดอ่านจนเวลารุ่งราตรี ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้ากรุงบำรุงราษฎร์ ชะตาขาดขุ่นข้องให้หมองศรี พอลุกยืนขึ้นก็ล้มสิ้นสมประดี ประชวรสี่ห้าวันสวรรคต นางพระยาอาดูรพูนเทวษ เหมือนกรเกศกายหลุดสุดสลด ทั้งเสนามาพร้อมน้อมประณต ต่างกำสรดแซ่เสียงทั้งเวียงวัง แล้วเชิญพระศพเข้าไปไว้ในถ้ำ เหมือนเคยทำเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง ครั้นเสร็จกิจปิดถ้ำที่กำบัง แล้วแต่งตั้งนางพระยาครองธานี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์อัคเรศ อยู่นิเวศน์วังราชปราสาทศรี สะอื้นโอ้โศกาทุกราตรี ถึงสามีมรณาสี่ห้าวัน เมื่อผู้ชายหมายคิดพิศวาส เข้าไสยาสน์หลับสนิทนิมิตฝัน ว่านาคาน่ากลัวตัวหนึ่งนั้น หางยังพันผูกฝั่งข้างลังกา เศียรกระหวัดรัดนางในปรางค์มาศ เลื้อยลีลาศลอยเร่ขึ้นเวหา พอรู้สึกนึกดูรู้ตำรา อันนาคาคนรักประจักษ์ใจ เมื่อคราวสาวท้าวไทจะไปหา ก็ฝันว่างูขบสลบไสล นึ่ก็แก่แต่ชีวันจะบรรลัย จะมีใครเหมือนเมื่อคราวสาวสำรวย หรือฝรั่งลังกาจะมามั่ง คะนึงนั่งนึกสะเทิ้นให้เขินขวย แม้นเหมือนครั้งยังหนุ่มกระชุ่มกระชวย จะเห็นด้วยฝันเห็นเคยเป็นมา ถึงเฒ่าแก่แต่ไม่ตายทั้งชายหญิง ไม่สิ้นสิ่งสังวาสปรารถนา ลืมร้องไห้ใคร่ครวญจวนเวลา ออกนั่งหน้าแท่นสุวรรณบนบัลลังก์ นางตรัสถามความอาณาประชาราษฎร์ ช่วยชี้ขาดขัดขวางเหมือนปางหลัง ความแผ่นดินสิ้นข้อยังรอฟัง ล่ามฝรั่งทูลเรื่องเมืองลังกา พระมังคลาอายุได้สิบเก้า ซึ่งเป็นเจ้าสิงหลภาษา เสียบ้านเมืองเคืองขัดพลัดพารา เหลือแต่ตราราหูคู่นคร บาทหลวงพามาถึงกรุงเพราะมุ่งมาด พึ่งพระบาทบุญฤทธิ์อดิศร แม้นข้าศึกฮึกหาญมาราญรอน จะวายร้อนเพราะพระคุณกรุณา แม้นโปรดรับดับเข็ญให้เย็นอก เหมือนชนกชนนีที่รักษา แม้นขัดข้องสองเสด็จไม่เมตตา จะขอลาไปเสียให้พ้นไพรี ฯ ๏ นางฟังความหวามไหวฤทัยถวิล เหมือนสุบินจินตนามารศรี มิรับรักผลักไสก็ไม่ดี ด้วยว่าหนีร้อนจึ่งมาพึ่งเย็น จึ่งบัญชาว่าฝรั่งสังฆราช พาหน่อนาถหนีทุกข์เกิดยุคเข็ญ จะช่วยรับดับร้อนอย่าซ่อนเร้น นึกเหมือนเช่นเป็นตระกูลประยูรวงศ์ ด้วยตกยากบากหน้าจะมาพึ่ง ให้สมซึ่งสุจริตคิดประสงค์ ให้หายเหนื่อยเมื่อยล้าจึงพาองค์ ผู้ดำรงนครามาพาที เสนารับสรรพเสร็จเสด็จกลับ เข้าห้องหับแกลทองให้หมองศรี ยามรำลึกตรึกตราถึงสามี ก็โศกีกำสรดสลดใจ ครั้นรำพึงถึงฝันกระสันสวาท จะเหมือนคาดหรือจะผิดคิดสงสัย ด้วยเฒ่าแก่แม่ม่ายแล้วภายใน มักเหมือนไกกลฝรั่งกำบังตา ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง เห็นได้ท่วงทีจะได้เข้าไปหา ไม่หลับนอนสอนสั่งพระมังคลา ให้เอาตราไปถวายธิบายวอน บอกเสน่ห์เล่ห์กลทั้งมนตร์เวท ประสมเนตรผูกจิตประสิทธิ์สอน หน่อนรินทร์ยินดีชุลีกร เหมือนไก่อ่อนจะไปสู้ไอ้อูโต ขอสมมาดปรารถนาสาธุสะ ด้วยเดชะพระมหายะวาโห ได้บ้านเมืองเรืองฤทธิ์อิศโร จะเชือดโคควายบูชาสิบห้าวัน พอเช้าสายฝ่ายพระหน่อวรนาถ ขึ้นนั่งอาสน์อ่าองค์สรงน้ำกลั่น ทรงสุคนธ์ปนทองคำเจืออำพัน กระแจะจันทน์น้ำกุหลาบรินอาบองค์ ตั้งคันฉ่องส่องพระหัตถ์ผัดนลาฏ เป็นนวลเนื้อเชื้อชาติราชหงส์ สวมสนับจับกระหวัดจัดประจง แล้วสอดทรงเสื้อสุวรรณพรรณราย สวมพระมาลาสลับประดับเพชร แต่ละเม็ดเก็จกะรัตจำรัสฉาย ใส่เกือกเพชรเก็จแก้วแพรวพรอยพราย กระสันสายรัดองค์อลงการ์ ครั้นเสร็จสรรพกับทั้งฝรั่งล่าม กับบ่าวตามถือกล้องพานรองสลา ผ่ายพระองค์ทรงประคองหีบรองตรา กับดอกไม้ใช้ปัญญามณฑาทอง แต่ดอกเดียวเจียวจะได้ไปถวาย ให้คิดเห็นเป็นอุบายไม่หมายสอง ไปหน้าวังทั้งล่ามตามทำนอง ทูลฉลองนางพระยาให้มารับ ขึ้นเฝ้าองค์นงคราญที่ชานพัก อยู่พร้อมพรักสาวแส้เถ้าแก่กำกับ พระมังคลาฝรั่งนั่งคำนับ นางต้อนรับเรียกให้นั่งบัลลังก์ทอง ดูเหมือนหุ่นรุ่นหนุ่มกะนุ่มกะนิ่ม นั่งแย้มยิ้มอิ่มเอี่ยมไม่เทียมสอง พระเห็นเฒ่าเจ้าเมืองชำเลืองลอง พอเนตรต้องเนตรนางชายหางตา พลางยิ้มเยื้อนเอื้อนอ่อนวอนว่าขาน เสียถิ่นฐานสุริย์วงศ์เผ่าพงศา มาเฝ้าพระชนนีมีแต่ตรา กับมณฑาดอกเดียวด้วยเปลี่ยวใจ ขอถวายหมายมาดว่าชาตินี้ พระเป็นที่พึ่งพักจนตักษัย พลางนบนอบยอบองค์ตรงเข้าไป ชูดอกไม้ยื่นถวายชายชำเลือง ฯ ๏ นางแม่รับกับพระหัตถ์แล้วตรัสว่า ดอกมณฑากลีบแซมแฉล้มเหลือง ให้พ่อได้ไอศูรย์จำรูญเรือง อย่าขัดเคืองเบื้องหน้าจงถาวร พระคำนับรับสั่งนั่งท้าวแขน อยู่ริมแท่นที่สุวรรณบรรจถรณ์ ดูงามคมสมคนแก่ไม่แง่งอน สงสารอ่อนหล่อนคนซื่อไม่ถือยศ น่าเอ็นดูอยู่กับแม่แน่แล้วหนา ได้เห็นหน้ากว่าชีวิตจะปลิดปลด จะถนอมกล่อมเกลี้ยงเพียงโอรส อย่าระทดทุกข์ใจเวียนไปมา แล้วสั่งเหล่าเถ้าแก่หลวงแม่เจ้า อ่อนจะเข้าเมื่อไรไปมาหา อย่าห้ามปรามตามถนัดตามอัชฌา แล้วว่าตราราหูคู่แผ่นดิน เอามาให้ไม่ควรสงวนไว้ จะได้ใช้สอยสมอารมณ์ถวิล พระคงได้ไปลังกาครองธานินทร์ บุญไม่สิ้นดอกอย่าได้เสียใจเลย แล้วสั่งให้ไปจัดสุพรรณภาชน์ มะตูมมะตาดผลไม้มาให้เสวย ข้าวตอกข้าวเม่าข้าวต้มคลุกนมเนย พระอิ่มเลยลามาพอสายัณห์ ลงเรือใหญ่ไหว้พระบาทหลวงถาม จึงเล่าความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ ถึงเฒ่าแก่แต่เขาว่าเช่นปลามัน ดวงตรานั้นไม่เอาไว้กลับให้คืน จะเข้านอกออกในมิได้ห้าม สั่งว่าตามแต่ถนัดไม่ขัดขืน แต่ก่อนเกลือเหลือเค็มเห็นเต็มกลืน จะต้องฝืนใจดื่มไม่ลืมตา ฯ ๏ พระหัวร่อพ่อเองมีอีผีเสื้อ ต้องชิดเชื้อเมื่อไปอยู่ในคูหา เองจงจำคำไพร่ชาวไร่นา มันพูดจากันเล่นก็เห็นจริง จะดักลอบดักลันจงหมั่นกู้ จะเกี้ยวชู้ก็อุตสาห์ไปหาหญิง แม้นเริศร้างห่างเหประเวประวิง เหมือนน้ำกลิ้งใบบอนจำสอนใจ ฯ ๏ ฝ่ายนางแก่แม่ม่ายรักชายหนุ่ม เหมือนเพลิงรุมกลุ้มจิตพิสมัย จนยามดึกนึกคะนึงตะลึงตะไล ชมดอกไม้มณฑาชื่นอารมณ์ ว่าดอกเดียวเจียวมาให้วางในหัตถ์ เหมือนแกล้งตรัสปริศนาจะมาสม จะยอมตัวกลัวแต่พระจะไม่ชม จะนิยมอย่างแม่ด้วยแก่เกิน จะชวนไว้ให้อยู่เช่นชู้ผัว จะหมองมัวกลัวจะหมางจะห่างเหิน เดชะบุญคุณพระอย่าละเมิน ช่วยชวนเชิญชอบชิดสนิทใน นางนิ่งนึกดึกดื่นสะอื้นอั้น สู้กลืนกลั้นกลิ้งกลับไม่หลับใหล จนเช้าสายยายแก่แลอาลัย สักเมื่อไรหนอจะมาตั้งตาคอย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถขยาดหญิง จนใจจริงจะต้องไปไห้ใช้สอย จึ่งแต่งองค์ทรงแฉล้มดูแช่มช้อย หนุ่มน้อยน้อยน่ารักลักขณา เดินเข้าไปในวังหญิงทั้งหลาย ต่างชม้ายชายชม้อยละห้อยหา ที่สาวแส้แลไปปะพอประตา ทำมารยายิ้มแย้มกระแอมไอ พระขึ้นบนมนเทียรวิเชียรรัตน์ นางกษัตริย์เห็นหน้าตรัสปราศรัย พระนบนอบยอบองค์ตรงเข้าไป หมอบอยู่ให้ใกล้เคียงริมเตียงทอง จึงแกล้งว่าถ้าฉันไปไม่ได้เฝ้า จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าให้เศร้าหมอง ได้เฝ้าแหนแสนสบายค่อยวายตรอง จะได้สนองพระคุณคิดอุ่นใจ ฯ ๏ นางกษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบจิต แสนสนิทชิดเชื้อเหมือนเนื้อไข แม้นไม่มีธุระการอะไร มาอยู่ในราชฐานกับมารดา ด้วยตัวแม่แก่เฒ่าเฝ้าแต่ป่วย พ่ออยู่ด้วยช่วยพิทักษ์ได้รักษา แม่หมายฝากซากผีฝากชีวา ช่วยมารดาว่าขานการนคร พระทูลว่ามาอยู่วังแม้นพลั้งพลาด ขอพระบาทมาตุรงค์ช่วยทรงสอน อย่าปลดเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน จนม้วยมรณ์มิให้ขาดราชการ นางว่าพ่อก็อุตส่าห์สามิภักดิ์ จะฝังปลูกลูกรักไม่หักหาญ แล้วสั่งเหล่าสาวสรรค์พนักงาน แต่งเครื่องอานถวายพระมังคลา อยู่ในวังดั่งเนื้อหน่อวรนาถ สุดสวาทขาดจิตนางกฤษณา ฝูงค่อมเค้าสาวสรรค์กัลยา ไม่สงกาว่าจะชิดสนิทใน ด้วยหนุ่มแก่แลเห็นคราวเหลนหลาน ดูเกินการห่างเหินเกินสงสัย แต่ฝ่ายชายหมายเอาของที่ต้องใจ หญิงจะใคร่ได้ผัวจึ่งพัวพัน พระมังคลาฝรั่งช่างฉอเลาะ ประโลมประเหลาะลิ้นลมก็คมสัน อยู่ข้างแท่นแสนสบายมาหลายวัน ค่อยรู้ชั้นเชิงชนเป็นคนเคย แต่ฝ่ายข้างนางพระยาชรารัก เหมือนจั่นดักปักษาเปิดฝาเผย ไม่เข้าไปในจั่นไม่ลั่นเลย ต่อเหยียบเกยไกหับจึ่งจับกาย ฯ ๏ ครั้นเพลาราตรีศรีไสยาสน์ พระหน่อนาถก้มกรานอยู่งานถวาย แล้วกล่าวแกล้งแสร้งเสเพทุบาย เป็นผู้ชายอายเหลือน่าเบื่อใจ เป็นสตรีดีมากอยากเป็นหญิง แล้วแกล้งนิ่งจะให้ถามตามสงสัย นางฟังคำล้ำลึกยิ่งตรึกไตร ไม่แจ้งใจไต่ถามตามสงกา ไฉนหนอพ่อจะใคร่ได้เป็นหญิง อยากเป็นจริงหรือประดิษฐ์ปริศนา พระนบนอบตอบรสพจนา หม่อมฉันว่าหวังจะใคร่ใกล้พระองค์ ปรนนิบัติพัดวีบนที่แท่น จะได้แทนพระคุณตามความประสงค์ เป็นผู้ชายหมายพระบาทมาตุรงค์ ไม่จำนงปลงพระทัยสงสัยชาย นางว่าพ่อก็เป็นบุตรสุดสวาท ควรร่วมอาสน์แอบชิดเหมือนคิดหมาย กลัวลูกรักจักรังเกียจจะเกลียดอาย จึ่งเจียมกายฝ่ายข้างแม่นี้แก่ตัว แม้นจริงจังหวังจิตสนิทสนม มาบรรทมเถิดพ่อคุณพ่อทูนหัว อย่าพ้อตัดขัดข้องอย่าหมองมัว อย่าเกรงกลัวเลยพ่อมาเหมือนอารมณ์ ฯ ๏ พระแช่มชื่นขึ้นบนแท่นทำแสนรัก กอดสะพักจุมพิตสนิทสนม ฉันดีใจได้มาเรียงเคียงบรรทม ได้เชยชมชนนีฉันมีบุญ ฉันเป็นลูกผูกจิตพิศวาส อย่ากริ้วกราดโกรธเกรี้ยวอย่าเฉียวฉุน ถึงพระแม่แก่เฒ่าเจ้าประคุณ ยังหอมกรุ่นอุ่นใจกระไรเลย นางแม่ม่ายชายต้องประคองกอด ไม่พูดพลอดท้วงติงทำนิ่งเฉย พระหน่อหนุ่มกลุ้มจิตใคร่ชิดเชย ทำก่ายเกยกอดนางเพียงกลางองค์ นางพระยาว่าเห็นใจหรือไม่เล่า แม่รักเจ้าจึ่งไม่ห้ามตามประสงค์ เช่นนี้ใครได้มาปะจึงจะตรง เขาก็คงว่าเป็นชู้อดสูใจ ฯ ๏ พระมังคลาว่าพระคุณการุญรัก เห็นประจักษ์จริงแจ้งไม่แหนงไฉน หากว่าลูกถูกต้องทำนองใน จะตามใจหรือจะโกรธลงโทษทัณฑ์ นางแย้มยิ้มพริ้มพรายชม้ายค้อน ทำนิ่งนอนหลับใหลพอไก่ขัน พระรู้กลปรนนิบัติถึงอัศจรรย์ กระต่ายผันโผนขึ้นนั่งบนหลังช้าง เสียงฮูมแปร๋นแปร้นแปร๋แม่ปะแหรก ไม้ไล่แหลกลุยตะโกรงผึงโผงผาง กระต่ายตกผงกผงะไม่ละวาง ฉวยหางช้างฉุดรั้งขึ้นนั่งท้าย เหลือกำลังรั้งฉุดไม่หยุดหย่อน ขยักขย่อนคลอนแคลนง่อนแง่นหงาย พอถูกฝนขนเปียกตะเกียกตะกาย ตัวกระต่ายตกช้างสว่างวัน เหมือนหนุ่มแก่แม่เลี้ยงร่วมเรียงหมอน พอตื่นนอนนางผู้หญิงรับมิ่งขวัญ อันเมืองเพชรกำพลพวกคนธรรพ์ ก็หมายมั่นพันผูกว่าลูกเลี้ยง เห็นเข้านอกออกในนางไม่ถือ ยิ่งฟุ้งเฟื่องเลื่องลือออกชื่อเสียง ต่างชวนชอบนอบน้อมด้วยพร้อมเพรียง นางแม่เลี้ยงจึ่งปรึกษาเสนาใน อันองค์พระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง เสียเวียงวังลังกามาอาศัย เป็นลูกเราก็รักรู้จักใจ จะมอบให้ว่าขานการพารา ด้วยตัวเราเฒ่าแก่แต่จะม้วย เธอได้ช่วยชุบเลี้ยงไม่เดียงสา ด้วยซื่อตรงทรงธรรม์ไม่ฉันทา พวกเสนาใครจะเห็นเป็นอย่างไร พวกขุนนางต่างยอมเห็นพร้อมพรั่ง ควรแต่งตั้งมังคลาอัชฌาสัย นางชื่นชมสมประสงค์จำนงใจ จึ่งสั่งให้โหราหาฤกษ์ดี ภิเษกหน่อวรนาถชาติกษัตริย์ ผ่านสมบัติบำรุงชาวกรุงศรี ทรงสัจธรรม์กรุณาประชาชี ปิ่นโมลีโลกเฉลิมเป็นเจิมจอม ก่อตึกใหญ่ให้พระสังฆราช เป็นเอกบาทหลวงสบายค่อยหายผอม แขกฝรั่งอังกฤษเป็นศิษย์พร้อม ตั้งเกลี้ยกล่อมรอมพลหาคนดี ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระวลายุดาราช อุปราชลังกาครูพาหนี แปลงเป็นพราหมณ์ตามเขาชาวบุรี ครั้นถึงพิธีถีบชิงช้ายัมพาวาย กับเพื่อนพราหมณ์สามคนล้วนหนุ่มรุ่น ชื่อพิรุณเภรินกระสินธุ์สหาย ไปโบสถ์พราหมณ์ตามวิสัยไหว้นารายณ์ ทั้งหญิงชายพร้อมพรั่งตั้งพิธี โปรยข้าวตอกดอกไม้ที่ในโบสถ์ ด้วยมาโนชน้อมประณตบทศรี เห็นนางงามยามรุ่นบุญจารี ลูกเศรษฐีแลมาปะตากัน พระวลาตาแลทำแบหัตถ์ นางแจ้งอรรถหยิบหมากมาจากขัน วางแล้วแลแบมือกระพือควัน ต่างผูกพันพิสมัยนัยนา พระปิดเนตรเหตุจะถามถึงนามบ้าน นางตั้งพานขันน้ำทำปริศนา ครั้นเสร็จกิจพิธีต่างลีลา พระกลับมาถิ่นฐานรำคาญใจ จึงไปเรือนเพื่อนพราหมณ์สามสหาย บอกอุบายพรายแพร่งแถลงไข เหมือนทำใบ้ไต่ถามบอกความใน ว่าบ้านใกล้นัทีมีสะพาน รู้จักนางบ้างหรือเจ้าจงเล่าแจ้ง จะแอบแฝงฝากรักสมัครสมาน ฝ่ายสามพราหมณ์ห้ามเห็นไม่เป็นการ ตรงนั้นบ้านท่านเศรษฐีมั่งมีนัก บุญจารีที่นั่งแอบหลังแม่ เราก็แลเห็นอยู่เคยรู้จัก บ้านเขาใหญ่ไพร่ล้อมอยู่พร้อมพรัก จะลอบลักลึกซึ้งไม่ถึงนาง ฯ ๏ พระรู้แจ้งแหล่งหลักรู้จักชื่อ เห็นสุดมือมีสมบัติเราขัดขวาง กลับมาตึกนึกหมายเสียดายนาง จะทำอย่างไรหนอคิดท้อใจ พอจวนเย็นเจนธนูครูมาถึง พูดจาจึงบอกแจ้งแถลงไข ให้รู้ความตามประสงค์จำนงใน ได้บอกใบ้ใช้ปัญญาน่าเสียดาย เจนธนูรู้เหตุว่าเศรษฐี เขามั่งมีแม้นได้สมอารมณ์หมาย ได้พึ่งทรัพย์ยับยั้งพอตั้งกาย ถึงมากมายมันระวังก็ช่างมัน จะพาไปให้ถึงเหมือนหนึ่งนึก วันนี้ดึกเดือนบ่ายจะผายผัน แล้วอวยพรสอนวิชาสารพัน ที่สำคัญเข้าออกบอกอุบาย ฯ ๏ พระวลายุดาได้ไสยเวท แสนวิเศษสมจิตที่คิดหมาย จึ่งชำระสระสนานสำราญกาย พอเดือนบ่ายได้ฤกษ์เบิกบัตรพลี เจนธนูครูพาวลาเสด็จ ไม่ขามเข็ดเข้าบ้านท่านเศรษฐี ขึ้นตึกค้นจนทั่วด้วยตัวดี เห็นสาวรุ่นบุญจารีนอนที่เตียง พอพบเห็นเจนธนูครูก็กลับ คนยังหลับเงียบเชียบไม่เกรียบเสียง วลายุดาฝรั่งขึ้นนั่งเคียง แสงตะเกียงแก้วสว่างกระจ่างโคม พินิจนางช่างแฉล้มเหมือนแย้มยิ้ม ดูนุ่มนิ่มแน่งน้อยแช่มช้อยโฉม ยังครัดเคร่งเปล่งปลั่งกำลังโลม เมื่อพบนางอย่างจะโน้มเสน่ห์ใน ยามเจ้าตื่นชื่นชมก็คมขำ เมื่อหลับล้ำเลขาจะหาไหน พลางสวมสอดกอดจูบโลมลูบไล้ นางหวาดไหวหวีดฟื้นกลับตื่นนอน เห็นพระวลายุดาจำหน้าแน่ ชำเลืองแลหลีกกายสายสมร พระอิงแนบแอบอุ้มกอดกุมกร นางคมค้อนขวยเขินสะเทิ้นใจ นี่อยู่อยู่จู่มาเวลาค่ำ มิหนำซ้ำลูบจับทั้งหลับใหล ยังไม่วางช่างไม่เก้อเอออะไร เดี๋ยวก็ได้ร้องบอกเขาดอกคะ โอ้เนื้ออุ่นบุญจารีของพี่เอ๋ย เป็นบุญเคยวาสนาให้มาปะ เมื่อเข้าไปในโบสถ์สมโภชพระ เหมือนเจ้าจะรับรักจึงหักอาย อุตส่าห์มาหาน้องในห้องตึก ใจก็นึกว่าจะสมอารมณ์หมาย แม่ปลื้มใจไม่เอ็นดูก็สู้ตาย ตามแต่สายสุดสวาทเถิดชาตินี้ ถึงไม่ร้องน้องจะฆ่าด้วยอาวุธ ไม่ม้วยมุดก็ไม่อางขนางหนี เมื่อไหนไหนไม่ตลอดรอดชีวี ก็ตามทีเถิดจะกอดจนวอดวาย พลางโลมลูบจูบซ้ำว่ากรรมเอ๋ย ไม่อิ่มเลยเหลือจะหักให้รักหาย อุ้มโอบแอบแนบนางเชยปรางซ้าย แล้วก็ย้ายจูบขวาว่ายาใจ นางบ่นว่าน่าเบื่อทำเหลือล้ำ จนแก้มช้ำกรรมเอ๋ยกรรมจะทำไฉน หยุดเถิดคะจะขอถามอย่าลามไป เธอชื่อไรใคร่รู้จักศักดิ์ตระกูล ฉันเป็นหญิงสิ่งสำหรับอัประยศ เพราะชายปลดเปลื้องไว้แล้วไปสูญ จงแจ้งนามตามวงศ์พงศ์ประยูร อนุกูลให้ตลอดอย่าทอดทิ้ง ฯ ๏ พระว่าพี่นี้ก็แสนยากแค้นนัก ต้องลักรักลอบกอดแม่ยอดหญิง จะพรายแพร่งแจ้งความแต่ตามจริง พี่อยู่สิงหลฝรั่งเมืองลังกา ร่วมภิเษกเอกองค์อุปราช เฉลิมบาทบทเรศพระเชษฐา แล้วเล่าความตามเรื่องพลัดเมืองมา เที่ยวตามหาก็ไม่พบประสบกัน มาเห็นนุชสุดสวาทฉลาดแหลม โฉมแฉล้มแก้มคางดั่งนางสวรรค์ ทั้งรักพักตร์รักปัญญาสารพัน เหมือนน้องลั่นศรรักมาปักทรวง ไปลับนางกลางคืนสะอื้นอก เหมือนหนึ่งยกเมรุไกรไศลหลวง ไม่เห็นใครในแผ่นดินสิ้นทั้งปวง จะเด็ดดวงดอกฟ้าให้ยาใจ จึ่งลอบมาหาเจ้าเยาวลักษณ์ เพราะห้ามรักหักรักหักไม่ไหว ได้กอดเกยเชยประโลมโฉมวิไล เพราะรักใคร่ใจจริงทุกสิ่งอัน พอพบปะพระเชษฐานัดดาแล้ว จะรับแก้วกลอยใจไปไอศวรรย์ ได้ครองคู่ชูชื่นทุกคืนวัน ไม่ทิ้งขวัญเนตรน้องให้หมองใจ ฯ ๏ นางฟังคำร่ำเล่าเศร้าสลด ซบกำสรดโศกาน้ำตาไหล ไม่พูดจาว่าขานประการใด สะอื้นไห้ฮักฮักซบพักตรา พระสอดกรช้อนโฉมประโลมปลอบ เจ้างามประกอบแก้วเนตรของเชษฐา อย่าร้องไห้ไปเลยเงยพักตรา ช่วยพูดจาชี้แจงให้แจ้งใจ หรือเห็นพี่นี้ยากมาฝากรัก จะขายพักตร์พวกพ้องพี่น้องไฉน จะปกปิดคิดอ่านประการใด จะตามใจไม่ขัดอัธยา ฯ ๏ นางนบนอบตอบคำว่ากรรมน้อง ที่จะต้องสิ้นชาติวาสนา ด้วยสัจจังตั้งใจแต่ไรมา ถ้าแม้นว่าผัวมีเหมือนชีวัน จะไปไหนไปด้วยจนม้วยมอด แม้นผัวทอดทิ้งหย่าจะอาสัญ เดี๋ยวนี้พระจะต้องไปเสียไกลกัน อันน้องนี้ชีวันจะบรรลัย พลางนอบนบซบสะอื้นไม่ฝืนพักตร์ พระแสนรักรับขวัญอย่าหวั่นไหว เจ้างามนามงามจริตงามจิตใจ จะหาไหนได้เหมือนน้องละอองนวล อันชาตินี้มิตายไม่วายรัก จะเฝ้าฟักฟูมประคองครองสงวน ไม่ทอดทิ้งมิ่งขวัญให้รัญจวน อย่าหมองนวลนึกหมายจะวายปราณ แต่ครั้งนี้พี่ยาจะจากน้อง ด้วยจะต้องตามหาเชษฐาหลาน ไม่เลยละจะให้สัจปัฏิญาณ พอเสร็จการแล้วจะกลับมารับน้อง ถึงเดี๋ยวนี้พี่มาจูบโลมลูบไล้ เจ้าก็ไม่เสียตัวถึงมัวหมอง จะผ่อนตามทรามสงวนนวลละออง ให้น้องครองสัจจังเหมือนดังใจ แม้นสำเร็จเสร็จสมอารมณ์พี่ น้องไม่มีที่สนิทพิสมัย จะหาผู้สู่ขอคิดต่อไป นี่จนใจจำลาสุดาจร ฯ ๏ นางฟังสั่งดังจะดิ้นสิ้นชีวิต ดังกรดกริชตรึงทรวงดวงสมร เข้าหยิกข่วนหวนแค้นด้วยแสนงอน สะอื้นอ้อนข้อนอุราแล้วพาที มาลอบเล่นเคล้นคลำจนช้ำชอก ยังจะออกองค์อางขนางหนี แก้มก็แดงแกล้งให้เป็นถึงเช่นนี้ จะให้มีอื่นอีกจะหลีกไป ถึงแม้นพระจะเอามีดมากรีดเนื้อ แล้วแล่เถือชิ้นเชือดให้เลือดไหล ไม่เหมือนคำซ้ำเหน็บให้เจ็บใจ แม้นพระไม่เมตตาจะลาตาย นี่กอดจูบลูบคลำทำหม่อมฉาน เชิญคิดอ่านแก้ไขเสียให้หาย จะหายแค้นแม้นยังมีราคีคาย ไม่หายอายก็ไม่ให้พระไคลคลา ฯ ๏ พระตอบว่าสารพัดไม่ขัดขืน จะจูบคืนเสียให้หายทั้งซ้ายขวา จะปัดเป่าเต้าน้องที่ต้องตา ให้ปลั่งเปล่งเต่งอุราอย่าปรารมภ์ พลางสวมสอดกอดเกยชมเชยชิด ถนอมอุ้มจุมพิตสนิทสนม นางว่ากรรมซ้ำให้น่วมบวมระบม จะขืนข่มเหงให้ฉันได้อาย พระแนบนางพลางว่าน้องอย่าข้องขัด ที่วิบัติปัดไถมจะได้หาย จริงจริงนะประเดี๋ยวนี้แม้นมิคลาย จึงเจ้าสายสวาทว่าให้สาใจ ฯ ๏ นางว่าเบื่อเหลือห้ามตามเถิดคะ ตามแต่พระจะประจานหม่อมฉันไฉน พระเกี้ยวกอดสอดคล้องทำนองใน นางเมินไม่ข้องขัดถึงอัศจรรย์ แมงภู่ผอมหอมกลิ่นก็บินรีบ ลงแหวกกลีบเกลือกกลั้วกลิ่นบัวผัน แล้วโผนเผ่นเฟ้นระบัดสัตตบรรณ ฟ้าก็ลั่นก้องกระหึมครึกครึมคราง สุนีบาตฟาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงซ้ำ ถูกกลางลำเรือแขกแยะแยกผาง ทั้งน้ำฝนปนน้ำเค็มเต็มระวาง เหมือนแนบนางหนุ่มสาวไม่หาวนอน ฯ ๏ ฝ่ายนางบุญจารีได้มีผัว ชื่นเหมือนบัวบานแย้มแซมเกสร ระทวยทับกับพระเพลาเฝ้าฉะอ้อน นางวิงวอนผ่อนผันจำนรรจา เพราะรักใคร่ในพระองค์ลุ่มหลงเล่ห์ อย่าเริศร้างห่างเหเสน่หา พระไปไหนให้น้องรองบาทา จนชีวาวอดวายเหมือนหมายใจ อันเงินทองน้องเดี๋ยวนี้ก็มีมาก พระตกยากหากประสงค์จำนงไฉน ต่อสำเภาเลากาช่วยข้าไท จะจัดให้ไม่ขัดพระอัชฌา พระสวมสอดกอดประทับแล้วรับขวัญ อย่าหวาดหวั่นพรั่นจิตกนิษฐา ถึงยากเย็นเป็นตายวายชีวา ไม่ทิ้งแก้วแววตาอนาทร เจ้าติตตามยามยากควรฝากชีพ ทั่วทวีปแว่นแคว้นไม่แม้นสมร จวนรุ่งแล้วแก้วตาจะลาจร ทินกรล่วงลับจะกลับมา พลางโลมลูบจูบสั่งกำลังรัก นางผินพักตร์มาถวายทั้งซ้ายขวา พระจากห้องล่องหนบังคนมา ถึงที่ตึกปรึกษาท่านอาจารย์ ลูกเศรษฐีมีปัญญาเมตตาตอบ ได้ชิดชอบลอบลักสมัครสมาน นางสั่งว่าเงินทองจะต้องการ มากประมาณสักเท่าไรจะให้ปัน ฯ ๏ เจนธนูครูเอกเขนกสนอง พบขุมทองทุกข์ร้อนพอผ่อนผัน เอาทรัพย์มาใช้ที่นี้ทีละพัน ตัวเจ้านั้นหมั่นไปมาสู่หานาง ธรรมดานารีที่มีคู่ แม้นผัวชู้ห่างห้องมักหมองหมาง ชอบเคล้าคลึงจึงจะยืดไม่จืดจาง ถ้าเริศร้างนางเมียมักเสียการ เราจะเที่ยวเลี้ยวเลาะสืบเสาะหา ผู้ใหญ่รู้วิชาคนกล้าหาญ คนยากจนปรนไว้เหมือนให้ทาน จึ่งคิดการใหญ่ได้เหมือนใจปอง ฯ ๏ พระวลาสานุศิษย์ว่าคิดชอบ คำนับนอบแนะแน่กันแต่สอง ลอบไปมาหานางเอาเงินทอง ไม่ขัดข้องซ่องสุมประชุมคน เมื่อวันหนึ่งจึงพระวลายุดาเที่ยว ไปคนเดียวเดินกลางทางถนน เห็นบ่อน้ำทำประกอบไว้ชอบกล มีทั้งต้นมณฑาศาลาน้อย ดอกไม้ดกรกร่มน่าชมชื่น ระดะดื่นดอกดวงร่วงผอยผอย ดูเหมือนสวนล้วนบุปผาระย้าย้อย หอมดอกสร้อยเสาวคนธ์สุมณฑา ฯ ๏ ฝ่ายนารีกรีกุนพึ่งรุ่นสาว ผิวเนื้อขาวคมขำล้ำเลขา เป็นลูกพราหมณ์สยัมภูรู้วิชา เป็นกำพร้าแม่ตายเสียหลายปี เขามาขอพ่อจะใคร่ให้มีผัว นางขอตัวตามประสาเมินหน้าหนี อย่าขืนใจให้นุญาตในชาตินี้ จะขอมีคู่ครองตามต้องใจ ฝ่ายพราหมณ์สยัมภูเอ็นดูบุตร ให้เป็นยุติความตามวิสัย นางซ่อนตัวกลัวเจ้าเมืองสินชัย แต่งคนใช้เก็บนางรูปร่างงาม ปลูกต้นไม้ไว้รอบริมขอบบ้าน ใครต้องการซื้อบุปผาก็มาถาม ได้พอกินสินค้าประสาพราหมณ์ มีทาสสามสี่คนขายมณฑา ฯ ๏ วันนั้นบ่ายฝ่ายนางกรีกุนน้อย เดินคนเดียวเที่ยวสอยดอกบุปผา ค่อยลัดแลงแฝงพุ่มผกามา ถึงศาลาบ่อน้ำที่ทำไว้ เห็นหนุ่มน้อยช้อยแช่มแฉล้มเหลือง ประดับเครื่องพรตพราหมณ์ตามวิสัย ยิ่งแลเล็งเพ่งพิศยิ่งติดใจ เป็นชายได้ลักขณาสง่างาม คิดจะใคร่ไปหาสามิภักดิ์ ฉวยถามทักเธอจะเมินนึกเขินขาม ขยั้นจิตคิดตะลึงคะนึงความ เหลือจะห้ามความรักหักอาลัย จึงเดินออกนอกรั้วให้ตัวสั่น คิดพรั่นพรั่นหวั่นจิตหวิดหวิดไหว ชูมาลีที่ถือดื้อเข้าไป นั่งลงไหว้ให้บุปผามณฑาทอง ฯ ๏ พระคำนับรับดอกไม้สงสัยจิต ชำเลืองพิศผิวฉวีไม่มีหมอง ดูรุ่นสาวขาวล้วนนวลละออง พระยิ้มย่องเยื้อนถามตามสงกา พี่ขอบใจให้ดอกมณฑาหอม จะถนอมเหมือนหนึ่งเนตรของเชษฐา ขอถามนามตามแปลกเมื่อแรกมา เจ้าแก้วตาตำแหน่งอยู่แห่งไร ฯ ๏ นางกรีกุนอุ่นจิตเห็นติดสอย เหลือบชม้อยค่อยค่อยแจ้งแถลงไข บอกชื่อนามตามจริงทุกสิ่งไป จำความได้ปีระกามารดาตาย บิดานามสยัมภูอยู่ในบ้าน ไร้วงศ์วานว่านเครือสิ้นเชื้อสาย คืนนี้ฉันครั้นจะหลับเห็นคลับคล้าย สังเกตหมายเหมือนท่านผู้มารดา มาบอกความยามฝันว่าวันนี้ ชายเป็นที่พึ่งพักจักมาหา จะหยุดยั้งนั่งแห่งนี้ที่ศาลา ให้ฉันมาสามิภักดิ์ช่วยทักทาย จึ่งคอยดูอยู่พอเห็นเหมือนเช่นบอก จึ่งเด็ดดอกมณฑาถือมาถวาย แม้นเอ็นดูอยู่ก็อยากจะฝากกาย ตามแต่ชายเชษฐาจะปรานี ฯ ๏ พระชื่นชอบปลอบนางว่าอย่างยิ่ง ไม่ทอดทิ้งจริงนะน้องอย่าหมองศรี จะหาไหนได้เหมือนนุชสุดสตรี เหมือนมาลีลอยฟ้ามายาใจ ท่านมารดาปรานีให้พี่แล้ว นะน้องแก้วมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว ไม่เริศร้างห่างเหเสน่ห์ใน จะรักใคร่ครองกันจนวันตาย พลางลูบแก้มแย้มยิ้มว่านิ่มเนื้อ เห็นไม่เบื่อเหลือจะหักให้รักหาย พูดกับนางพลางดูเห็นผู้ชาย นึกละอายถอยหลังมานั่งพิง ฯ ๏ ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าเมืองชำเลืองเห็น หยุดเขม้นแลดูเห็นผู้หญิง งามประโลมโฉมเฉลาเห็นเพราพริ้ง ยิ่งพิศยิ่งงามพร้อมละม่อมละไม จึ่งเข้าไปใกล้นางแล้วพลางถาม เจ้านี่นามวงศ์วานอยู่บ้านไหน บัดนี้ท้าวเจ้าบุรินทร์เมืองสินชัย สั่งมาให้หาไปเข้าในวัง ฯ ๏ นางฟังความคร้ามกลัวจนตัวสั่น เข้าแอบพันพระวลาเหลียวหน้าหลัง พระห้ามว่าอย่าไปอื่นลุกยืนบัง แล้วถามทั้งสี่นายฝ่ายเสนา นี่เมียเราชาวบ้านร้านตลาด ไม่ต้องราชการไฉนจะให้หา หรือเกี่ยวข้องต้องคดีที่ภรรยา บาดหมายมามีชื่อหรือผิดตัว ฝ่ายเสนีสี่นายเสียดายรูป จึ่งพูดลูบไล้ว่าเออเธอหรือผัว จะวอดวายตายเปล่าอย่าเมามัว จงออกตัวเสียจะได้พ้นภัยพาล นางรูปงามทรามสาวท้าวประสงค์ ต้องเก็บส่งเข้าไปสิ้นทุกถิ่นฐาน เหมือนเปลวไฟไหม้โพลงพระโองการ ใครทัดทานขัดขวางจะวางวาย ฯ ๏ พระตอบว่านารีนี้มีผัว ก็หมองมัวไม่ควรจะทูลถวาย เหมือนป้องปิดผิดพลั้งหลังจะลาย จริงนะนายกราบทูลมูลิกา ไม่ทราบความตามจริงว่าหญิงนี้ ผัวเขามีแม้นพระบาทปรารถนา จะส่งให้ไม่ขัดพระอัชฌา ที่จะว่าปากเปล่านั้นเรากลัว แม้นมีผู้รู้เห็นไปเป็นโจทก์ จะมีโทษถึงเราเป็นเจ้าผัว จะพลอยผิดปิดป้องจะหมองมัว จะส่งตัวนั้นไม่ต้องทำนองใน ฯ กรมวังฟังตอบเห็นชอบสิ้น จึ่งว่าถิ่นฐานตำแหน่งอยู่แขวงไหน พระว่านี่ชี้บอกสวนดอกไม้ เรามิได้หนีหายมูลนายมี พวกเสนาว่าจะไปทูลให้ทราบ ควรได้ลาภแล้วทั้งสองอย่าหมองศรี ทำพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี แล้วทั้งสี่เสนาพากันไป ฯ ๏ นางกรีกุนอุ่นจิตยิ่งคิดรัก กราบตรงพักตร์พระวลาน้ำตาไหล สะอื้นอ้อนวอนว่าด้วยอาลัย ท่านแก้ไขจึงได้พ้นพวกคนพาล อันตัวของน้องนี้กับชีวิต มอบเป็นสิทธิ์กับหม่อมพี่โปรดดีฉาน ขอพึ่งพากว่ากายจะวายปราณ ช่วยคิดอ่านอนุกูลอย่าสูญใจ พระลูบโลมโฉมเฉลาเยาวมิ่ง ไม่ทอดทิ้งนวลหงอย่าสงสัย แม้นรอราช้าทีจะมีภัย เห็นพวกไอ้คนจับจะกลับมา ขอเชิญนุชสุดใจไปด้วยพี่ ซ่อนอยู่ที่ลับเนตรกับเชษฐา พอเย็นจวนชวนกันออกนอกศาลา พระนำหน้าลัดทางพานางไป ถึงวัดพราหมณ์ยามดึกขึ้นตึกอยู่ ไม่มีผู้รู้เห็นว่าเป็นไฉน เป็นสามห้องน้องนางอยู่ข้างใน คนจ้างใช้นั้นก็มีอยู่สี่คน แต่งสำรับกับข้าวเขาซื้อหา ตักน้ำท่าสารพัดไม่ขัดสน แต่ครูนั้นสัญจรคิดผ่อนปรน เที่ยวคบคนรู้วิชาปัญญาดี ฯ ๏ ฝ่ายพระวลายุดาเวลาดึก อยู่ในตึกกั้นห้องทั้งสองศรี พระวลาโลมโฉมงามพราหมณี เป็นบุญพี่ที่ได้เคยชมเชยนาง สุรารักษ์ชักนำให้จำเพาะ พอจวบเคราะห์เพราะกษัตริย์จะขัดขวาง ถึงช่วงชิงจริงนะไม่ละวาง จะชิงนางล้างชีวันให้บรรลัย เป็นบุญแล้วแก้วตาได้มาพ้น อย่าทุกข์ทนหม่นหมองจงผ่องใส พลางแอบอุ้มจุมพิตสนิทใน นางกราบไหว้วอนว่าจงการุญ น้องรักใคร่ใจยอมให้หม่อมพี่ ขอวันนี้วันเดียวอย่าเฉียวฉุน ไม่หนักหน่วงหวงแหนจะแทนคุณ ให้ค่อยคุ้นเคยคลายที่อายใจ จะขอถามนามองค์ที่จงรัก โปรดประจักษ์จริงแจ้งแถลงไข เมียหม่อมมีกี่คนอยู่หนใด หรือยังไม่มีคู่อยู่คนเดียว ฯ ๏ พระยิ้มแย้มแช่มชื่นเฉลยตอบ ช่างรอบคอบคิดคาดฉลาดเฉลียว จะแจ้งเจ้าเยาวมิ่งตามจริงเจียว รู้คนเดียวหนออย่าเล่าไม่เขาฟัง แล้วบอกความนามวงศ์พระทรงยศ ให้รู้หมดเหมือนแต่ต้นตามหนหลัง เหมือนนกพลัดซัดเซไร้เร่รัง มาหยุดยั้งอยู่เดียวเปล่าเปลี่ยวทรวง มาพบเจ้าเยาวลักษณ์แสนรักรูป ครั้นกอดจูบรูปงามก็ห้ามหวง อันอกใครในแผ่นดินสิ้นทั้งปวง ไม่เหมือนทรวงพี่ระบมด้วยตรมตรอม สารพัดขัดขวางเหมือนอย่างนี้ ได้ร่วมที่มิได้ชิดสนิทสนอม ต้องขัดข้องต้องงดต้องอดออม เมื่อไม่ยอมจะข่มเหงก็เกรงใจ เจ้านอนนี่พี่จะออกนอนนอกห้อง อยู่ใกล้น้องพี่จะงดอดไม่ได้ พูดขาดคำทำสะท้อนถอนฤทัย จะลุกไปจากนางไม่วางมือ จงโปรดเกล้าเจ้าประคุณอย่าหุนหวน กระบิดกระบวนนี่กระไรน้อยไปหรือ ถึงขาดเด็ดเข็ดพระทัยดังไฟฮือ อย่าเพ่อถือโทษน้องให้ต้องอาย พระเคืองแค้นแม้นจะเชือดเอาเลือดเนื้อ ความรักเหลือแล้วจ๊ะหม่อมยอมถวาย จะจ้างเสมียนเขียนทานบนไว้จนตาย ไม่กลับกลายแกล้งว่าสัจจาจริง ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางว่าคมสมกับรูป จึ่งต้องจูบต้องกอดแม่ยอดหญิง อย่าเบือนพักตร์ผลักไสอย่าไหวติง พลางแอบอิงโอบอ้อมถนอมนวล พระเชยปรางนางจี้กระดี้กระดิก ต้องหยอกหยิกหยิบแก้มยิ้มแย้มสรวล สมถวิลสิ้นกระเบ็ดเสร็จสำนวน เหมือนลมหวนป่วนฮือกระพือพัด เมขลาตาแลมือแบแก้ว สว่างแวววามแวมแจ่มจำรัส ยักษ์เขม้นเข่นเขี้ยวไล่เลี้ยวลัด ฝนก็ซัดซู่ซู่อู้อู้อึง เหมือนชื่นใจในมนุษย์สิ้นสุดแสน จะเปรียบแม้นเหมือนอะไรก็ไม่ถึง ทั้งสองข้างต่างปลื้มลืมตะลึง ต่างเคล้าคลึงเคลิ้มหลับระงับไป ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่อาสาเที่ยวหาสาว เข้าเฝ้าท้าวทูลแจ้งแถลงไข เห็นนางงามทรามประโลมโฉมวิไล ไม่มีใครเหมือนแม้นทั้งแดนดิน จะพามานารีว่ามีผัว ระวังตัวกลัวผิดคิดถวิล แต่ลดเลี้ยวเที่ยวดูทั้งบูรินทร์ ไม่งามสิ้นสุดอย่างเหมือนนางพราหมณ์ ฯ ๏ พระทรงฟังดังจะเห็นเหมือนเช่นกล่าว จึงว่าสาวสมรักแล้วซักถาม ชอบแต่พามาให้กูได้ดูงาม ผัวจะตามติดมาหรือว่าไร ใครฮึกหาญทานทัดมึงตัดหัว ไปเอาตัวอีที่ว่ามาให้ได้ เสนารับอภิวันท์พากันไป กับบ่าวไพร่ใหญ่น้อยสักร้อยคน ถึงบ้านพราหมณ์สยัมภูกรูเข้าบ้าน อลหม่านล้อมหลามตามถนน ในยุ้งข้าวเตาไฟเที่ยวไล่ค้น ไม่พบคนขู่ถามพราหมณ์พฤฒา มีลูกสาวราวกับหุ่นไม่ทูลถวาย ยกให้ชายต่ำชาติวาสนา อยู่ที่ไหนให้ตาพราหมณ์ไปตามมา จะได้พาตัวนางส่งข้างใน ฯ ๏ ฝ่ายว่าพราหมณ์สยัมภูรู้ตำหรับ จึ่งนิ่งนับฤกษ์ยามตามวิสัย รู้ว่าท้าวเจ้าบุรินทร์เมืองสินชัย จะเสียไอสูรย์สมบัติเพราะสัตรี จึ่งว่าเราเล่ามิได้ให้มีผัว เที่ยวตามตัวตายเป็นไม่เห็นผี ครั้นถามเขาชาวบ้านว่าวานนี้ มีชายสี่คนมาฉุดคร่าไป แม้นอยู่เล่าเราก็คงจะถวาย นี่มันหายไปไม่เห็นว่าเป็นไฉน ว่ามีผัวตัวใครเห็นเป็นอย่างไร เอามาไต่ถามดูจะสู้ความ ฯ ๏ พวกเสนาว่าเราเห็นเย็นวานนี้ นั่งอยู่ที่ศาลาได้มาถาม ว่าเป็นผัวตัวมันนั้นเป็นพราหมณ์ จะเที่ยวตามตัวให้คงไม่ฟัง แล้วเสนีสี่นายแยกย้ายหา นายเดินหน้าบ่าวตามออกหลามหลัง เที่ยวบอกทั่วรั้วแขวงแต่งระวัง ป่าวร้องทั้งวัดวาทั่วธานี ผู้หญิงสาวขาวหนุ่มเนื้อนั้นเหลือง ให้ชาวเมืองรู้ว่าพากันหนี ใครจับได้ให้ท้าวเจ้าบุรี จะตั้งที่เป็นขุนนางให้รางวัล ฯ ๏ ฝ่ายเจนธนูรู้ข่าวเขาป่าวร้อง กับพวกพ้องตรองเหตุในเขตขัณฑ์ เจ้าเมืองคิดผิดอย่างในทางธรรม์ จะมีอันตรายวายชีวา จึ่งบอกกันบรรดาข้าเกลี้ยกล่อม มาพรั่งพร้อมยอมจิตทั้งศิษย์หา ทั้งผู้รู้ผู้ที่มีปัญญา ประมาณห้าร้อยเศษแจ้งเหตุการณ์ เจ้าบุรินทร์สิ้นบุญจะสูญศักดิ์ ผู้อื่นจักได้สมบัติพัสถาน จะฆ่าท้าวเจ้านายให้วายปราณ พวกเราท่านน้อยใหญ่จะได้ดี แต่คอยฟังสังเกตเกิดเหตุใหญ่ ครั้นเห็นไฟโพลงพลุ่งในกรุงศรี ถือสาตรามาอยู่ในบูรี คอยผู้มีบุญจะมาเมตตาเรา แล้วสอนสั่งทั้งหลายอุบายบอก ช่วยกันหลอกเสนาพวกข้าเฝ้า บ้านผู้ดีที่ไหนนำไปเอา นายสำเภาเจ้าภาษีเศรษฐีพราหมณ์ ให้ว้าวุ่นขุ่นเคืองด้วยเรื่องจับ ถึงซื่อตรงคงจะกลับเป็นเสี้ยนหนาม จึงช่วยเจ้าเรากำราบคิดปราบปราม คงได้ความชอบทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ พวกเกลี้ยกล่อมพร้อมจิตว่าคิดชอบ เที่ยวไปรอบรั้วแขวงทุกแห่งหน นำเสนาพาไปเที่ยวไล่ค้น ว่าคบคนสาวหนุ่มเกาะกุมกัน ที่ลูกสาวเขาไม่มีคนที่ส่อ ว่าแม่พ่อชุ่มซ่ามพูดผ่อนผัน อ้างพวกเพื่อนเรือนอื่นช่วยยืนยัน ว่าลูกสาวราวกับปั้นเล็บนั้นยาว กรมวังฟังคำคนเสียดส่อ จับแม่พ่อเฆี่ยนผูกเอาลูกสาว เที่ยวค้นรอบขอบแคว้นทุกแดนดาว หญิงชายชาวบ้านเมืองแค้นเคืองครัน ฯ ๏ ฝ่ายเจนธนูมาหาวลาราช พระหน่อนาถแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ ลูกสาวพราหมณ์ตามมาได้ห้าวัน ให้พรั่นพรั่นมันจะรับถึงอับจน เจนธนูรู้ในไสยเพท จึงแจ้งเหตุเกิดทั้งนี้จะมีผล แล้วเล่าความตามที่ไปได้ไพร่พล คิดแต่งกลก่อไฟใต้สุธา เจ้าไปหาว่ากล่าวลูกสาวเศรษฐี คนเขามีกว่าหมื่นมีปืนผา ให้ตั้งอยู่สู้สักสองสามเวลา เราจะฆ่าเจ้าบุรินทร์ให้สิ้นชนม์ เจ้าได้เมืองเครื่องรบครบเสร็จสรรพ จึ่งยกทัพกลับไปชิงเอาสิงหล เดี๋ยวนี้เล่าเราจะไปแต่งไพร่พล คิดผ่อนปรนกลการชื่อหว่านนา หนึ่งข้าเฝ้าเหล่าขุนนางกระด้างจิต มิได้คิดรบเราให้เข้าหา หนึ่งจะให้ชาวเมืองเลื่องลือชา ว่ามีบุญกรุณาประชาชี ทั้งลูกค้าวาณิชไม่คิดร้าย เหมือนลอยชายชมเมืองให้เรืองศรี ซึ่งนางพราหมณ์ตามมาเป็นนารี แปลงอินทรีย์เสียให้เห็นเหมือนเช่นชาย ขาวให้ดำทำให้ติดไฝหน้า วิสัยตามันก็เห็นเหมือนเช่นหมาย กระซิบสอนผ่อนปรนกลอุบาย พอเบี่ยงบ่ายไปตำแหน่งจัดแจงการ ฯ ๏ พระวลาคลาไคลเข้าในห้อง เคียงประคองขนิษฐาแล้วว่าขาน ให้นางแต่งแปลงกายเหมือนชายชาญ ใครพบพานให้เห็นว่ามลายู น้ำมันยางนางทามังสาทั่ว ดำทั้งตัวติดไฝไว้ใต้หู ใส่เสื้อกลีบจีบเอวน่าเอ็นดู แล้วโพกผ้ามลายูเหมือนผู้ชาย พระแย้มสรวลชวนไปเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง นางแอบอิงอดสูไม่รู้หาย พระโอบอุ้มนุ่มนิ่มยิ้มแย้มพราย ไม่เหนื่อยหน่ายหนุ่มสาวสิ้นหาวนอน ฯ ๏ ครั้นมืดค่ำย่ำยามสั่งความว่า จะไปหาเจนธนูท่านครูสอน นางปิดป้องห้องในแล้วใส่กลอน พระบทจรไปหาบุญจารี เห็นนางนอนอ่อนเอียงลงเคียงข้าง ค่อยเชยปรางซ้ายขวามารศรี แล้วว่าพี่มิได้มาหลายราตรี เพราะเป็นฝีที่ที่นั่งประทังทน ได้ยินข่าวเจ้าพาราให้หาสาว เห็นฉาวฉาวฉุดนางทุกทางถนน คิดถึงนุชสุดกำลังเป็นกังวล กลัวไม่พ้นไทท้าวเจ้านคร พอฝีลดอตส่าห์มาเห็นหน้าเจ้า ยังทุกข์เท่าเขาพระเมรุเกณฑ์สิงขร เผื่อเขามาว่าขานท่านบิดร จะยอมหย่อนให้เขาไปอยู่ในวัง เจ้าได้ดีมีบุญเป็นคุณหม่อม พี่จะตรอมใจตายอยู่ภายหลัง ขอถามเจ้าเยาวมิ่งที่จริงจัง ถ้าเป็นอย่างนั้นบ้างจะอย่างไร ฯ ๏ นางจารีตีทรวงเสียงฮักฮัก อกมิหักเสียหรือกรรมจะทำไฉน น้อยหรือชะพระมาเหน็บให้เจ็บใจ เพราะเคยได้ง่ายง่ายจึ่งหมายแคลง อันชาตินี้มิให้ชั่วเช่นตัวน้อง ไม่หมายสองปองรักยศศักดิ์แสง จริงจริงนะจะใคร่ตายให้หายแคลง โอัเสียแรงรักพระองค์มาสงกา ถึงท้าวไทให้มาขอคุณพ่อแม่ ไม่แยแสแสนชาติไม่ปรารถนา ยังสั่งเหล่าบ่าวไพร่แม้นใครมา ถามให้ว่าลูกหลานท่านไม่มี เขาก็รู้อยู่เขาลือออกชื่อฉาว ว่าเก็บสาวซ่อนตัวเหมือนกลัวผี ควรหรือพระจะมาเห็นเป็นเช่นนี้ ตั้งเป็นที่เจ้าจอมเป็นหม่อมคุณ ยิ่งแสนแค้นแสนทุกข์ยิ่งจุกจิก จะใคร่หยิกใคร่ข่วนให้หวนหุน นี่หากเห็นเป็นผัวทั้งกลัวบุญ ให้มุ่นมุ่นมิได้วายฟายน้ำตา ฯ ๏ พระสวมสอดกอดประทับแล้วรับขวัญ ถามเท่านั้นน้องรักโกรธนักหนา กลัวจะมิแม้นเหมือนเพื่อนชีวา อุตส่าห์มาไต่ถามดูตามแคลง เจ้ากลับเห็นเป็นประชดกำสรดสะอื้น เหมือนคนอื่นขืนอางขนางแหนง พูดซื่อซื่อหรือรังเกียจว่าเสียดแทง แก้มจะแดงเดี๋ยวนี้แล้วไม่แคล้วเลย พลางโอบอุ้มจุมพิตเชยชิดโฉม ปลอบประโลมเนื้อน่วมร่วมเขนย ถนอมนางต่างละเลิงด้วยเชิงเชย เหมือนไม่เคยเลยหลับระงับไป ฯ ๏ บุญจารีนิมิตไปเมื่อใกล้รุ่ง จิตสะดุ้งตัวสั่นให้หวั่นไหว พระผวาคว้าประคองกอดน้องไว้ เจ้าเป็นไรบุญจารีบอกพี่ยา นางรู้สึกนึกแน่จึ่งแก้ฝัน ว่าเป็นควันมืดมิดทุกทิศา แล้วแลดูสุริยงตกลงมา พระพี่ยารับรองประคองไว้ น้องเข้าด้วยช่วยชูสุริย์แสง หญิงหนึ่งแยงฉุดชักข่วนผลักไส พอปักษาถาถาบมาคาบไป ฉันร้องไห้สะอื้นจนตื่นนอน พระลูบโลมโฉมเฉลาเยาวลักษณ์ ฝันดีนักน้องหญิงมิ่งสมร ซึ่งควันมัวทั่วอากาศราษฎร จะเดือดร้อนรบราฆ่าฟันกัน ซึ่งสุริย์ฉายบ่ายแสงตกแหล่งหล้า คือองค์ท้าวเจ้าพาราจะอาสัญ เจ้ากับพี่ที่ได้ชูสุริยัน จะได้ขัณฑเสมาครองธานี แต่ตัวเจ้าเขาคงเกลียดจะเสียดส่อ จะสู่ขอค้นหามารศรี เจ้าว่าขานบิดาให้ราวี อย่าให้มีอันตรายถึงสายใจ พอเพลาราตรีไว้พี่เถิด มิให้เกิดยุคเข็ญเป็นไฉน จะตัดเกล้าเจ้าบุรินทร์เมืองสินชัย มาเสียบไว้กลางเมืองให้เลื่องลือ ฯ ๏ นางคำนับรับคำแล้วร่ำว่า พระเมตตาแม่นมั่นกระนั้นหรือ อันตัวฉันท่านบิดาเคยหารือ คงเชื่อถือถ้อยคำคงทำตาม ถ้ากระนั้นวันรุ่งขึ้นพรุ่งนี้ พระอยู่นี่ที่ในตึกอย่านึกขาม ฉันจะได้ไปแถลงให้แจ้งความ นางซักไซ้ไต่ถามตามทำนอง พระหยอกนางพลางว่าพี่มาอยู่ กลัวจะรู้ถึงพ่อตาจะมาถอง ถ้วนสามตึงไม่รอดจะกอดน้อง เจ้าช่วยร้องแทนพี่นะอย่าละเลย ฯ ๏ นางสรวลพลางทางว่าบิดาฉัน ไม่ดุดันดอกจะต้องถองลูกเขย เห็นทีพระจะไปเที่ยวเกี้ยวชู้เชย เหมือนจะเคยเข็ดขยั้นพรั่นพ่อตา ต่างชื่นชอบตอบสนองทั้งสองข้าง ไม่จืดจางห่างเหเสน่หา ต่างคลึงเคล้าเซ้าซี้ด้วยปรีดา จนเวลารุ่งแจ้งสิ้นแสงดาว นางอาบน้ำซ้ำอาบกุหลาบด้วย ดูสำรวยสวยสมนุ่งห่มขาว แก้เกศีคลี่คลายขยายยาว ดังนางดาวบสนีศรีโสภา ถือเทียนธูปบุปผชาติค่อยยาตรย่าง ขึ้นตึกกลางกว้างใหญ่เข้าในฝา พนมมือถือธูปเทียนษมา กราบบิดามารดาทอดถอนใจ จะบอกความขามจิตคิดขยั้น ให้หวั่นหวั่นตันอุราน้ำตาไหล สะอื้นร่ำสำลักกระอักกระไอ แกล้งกลั้นใจแน่นิ่งไม่ติงกาย ฯ ๏ ฝ่ายพรหมเดชเศรษฐีนางศรีฟ้า เห็นลูกยาร้องไห้จิตใจหาย เข้าประคองมองดูหน้านึกว่าตาย ร้องเวยวายฟายน้ำตาเรียกข้าไท บรรดาบ่าวสาวแก่มาแซ่ซ้อง ทั้งพวกพ้องพ่อแม่เข้าแก้ไข พ่นชโลมโซมกายาให้เย็นใจ นางกลับได้สมประดีค่อยมีมา ขับข้าไทไปเหลือแต่แม่พ่อ ประคองคลอปลอบถามตามกังขา เจ้าเป็นไรไม่แถลงแจ้งกิจจา หรือโรคาขัดขวางเป็นอย่างไร ฯ ๏ นางบุญจารีมีปัญญาษมาบาป แล้วกรานกราบท่านทั้งสองพลางร้องไห้ ลูกถึงทีชีวันจะบรรลัย ต้องเคืองใจเจ้าประคุณกรุณา เขาเสียดส่อว่าคุณพ่อมีลูกสาว ฝ่ายท่านท้าวไทธิราชปรารถนา แม้นซ่อนเร้นเป็นผิดกับบิดา เขาจะฆ่าพ่อแม่เอาแต่ตัว ลูกเปลี่ยวใจไม่มีที่จะพึ่ง ให้เหมือนหนึ่งพระกำเนิดบังเกิดหัว จะส่งไปให้กับเขาเล่าก็กลัว จะฆ่าตัวเสียให้ตายให้หายความ ฯ ๏ ฝ่ายพรหมเดชเศรษฐีนางศรีฟ้า ฟังธิดากล่าวถ้อยค่อยค่อยถาม อยู่ห้องหับลับลึกในตึกราม ใครบอกความเจ้าจึ่งแจ้งพ่อแคลงใจ ฯ ๏ นางอายจิตอิดเอื้อนต้องเตือนซ้ำ เป็นหลายคำจำแจ้งแถลงไข แม้นห้องหับลับลี้ไม่มีใคร ก็มิได้แจ้งจิตในกิจจา นี่ห้องตึกนึกเหมือนทางกลางถนน มีผู้คนเหมือนไม่มีที่รักษา เมื่อราตรีมีหนุ่มคนหนึ่งมา เขาพูดจาแจ้งข่าวถึงท้าวไท ฉันเรียกคนจนกระโงนตะโกนกู่ ไม่มีผู้ขานรับล้วนหลับใหล ครั้นถามเขาเล่าก็ว่ามาแต่ไกล ว่ารักใคร่ให้สัจปัฏิญาณ แล้วก็ว่าถ้าแม้นคนมาคักคึก จะทำศึกช่วงชิงไม่ทิ้งฉาน จะฆ่าท้าวเจ้าบุรินทร์ให้สิ้นปราณ เพราะคิดการโลภลาภเหลือหยาบคาย ฉันไม่เชื่อเผื่ออึงจะถึงพ่อ คิดระย่อท้อใจมิใคร่หาย ลูกอยู่เล่าเจ้าประคุณพลอยวุ่นวาย แม้นลูกตายเสียก็พ้นมลทินไป ฯ ๏ นางศรีฟ้าว่าเห็นทีจะวิเศษ มีฤทธิ์เวทวิชาจึ่งมาได้ ฝ่ายบิดาว่าก็ตามแต่น้ำใจ คิดรักใคร่เขาก็บอกออกให้รู้ นางฟังถามความในน้ำใจหญิง ก้มหน้านิ่งนึกระคายอายอดสู ยิ่งเตือนซ้ำทำเป็นเฉยไม่เงยดู บิดาขู่ดุไม่บอกไม่ออกความ ท่านยายว่าตาเอ๋ยเคยเงยหงอย เหมือนกับหอยกับทากปูลากก้าม คนมันเรียวเดี๋ยวนี้ตะกลีตะกลาม อย่าไปถามไปถ้อยมันหน่อยเลย แม้นอาลัยในลูกจะปลูกฝัง ให้คนทั้งนั้นเห็นว่าเป็นเขย เมื่อคอยดูอยู่มิใช่ใจเฉยเมย เป็นคู่เคยจึ่งเผอิญเกินระวัง แต่ก่อนนั้นทำนาก็ว่าอยู่ แม้นชายผู้รู้วิชาพร้าเหน็บหลัง จะยกให้ไม่ขัดเป็นสัจจัง มาเป็นดังนี้กรรมจะทำกระไร ผัวเห็นจริงนิ่งรำพึงแล้วจึ่งว่า ที่เขามาหาอยู่นี่หรือที่ไหน นางว่ารู้อยู่เจ้าคะฉันจะไป พามาไหว้เจ้าประคุณกรุณา กราบแล้วนางย่างย่องเข้าห้องหับ ผัวคอยรับรับขวัญด้วยหรรษา เอะถูกรุกหรือถูกตีเจ้าพี่อา ดูหน้าตาเป็นคราบอาบแก้มคาง นางกอดผัวหัวเราะว่าเยาะฉาน ท่านสงสารสารพัดไม่ขัดขวาง ให้ฉันมาหาพระไปตึกใหญ่กลาง อย่าระคางห่างเหินเลยเชิญไป ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางว่าท่าลูกเขย ยังไม่เคยเลยกรรมจะทำไฉน ไหว้พ่อตาท่าทางเป็นอย่างไร เหมือนกับไหว้แม่ยายหรือย้ายเพลง ช่างเหลือดีแล้วพระหรือจะล้อ ไม่สู่ขอขืนจะปล้ำทำข่มเหง ได้เปล่าเปล่าเจ้าประคุณบุญมาเอง ยังบิดเบือนเหมือนไม่เกรงกลัวพ่อตา ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางแต่งตามแปลงเพศ เหมือนพราหมณ์เวสสุกรรมล้ำเลขา แล้วจุณเจิมเฉลิมพักตร์ลักขณา พระเดินหน้านางตามดูงามครัน เข้าในห้องสองเศรษฐีเห็นสีเหลือง ลืมแค้นเคืองคอยขยับจะรับขวัญ พระยอบองค์ลงคำนับอภิวันท์ ลูกสาวนั้นมอบเมียงเคียงสามี ฯ ๏ ฝ่ายพ่อแม่แลเพลินจำเริญเนตร ดังเทเวศนางฟ้าในราศี ต่างชมบุตรพูดซุบซิบพอดิบพอดี แล้วเศรษฐีไต่ถามตามสงกา เจ้าเชื้อวงศ์พงศ์พราหมณ์นามไฉน จงแจ้งใจให้เราฟังที่กังกา พระเล่าเรื่องเมืองฝรั่งแต่หลังมา บอกพ่อตาตามจริงทุกสิ่งอัน มาแปลงเป็นเช่นพราหมณ์ตามประเทศ เที่ยวหาเชษฐาฉันกับหลานขวัญ พอพบเจ้าเยาวลักษณ์ได้รักกัน มิได้ทันขอสู่ตามบูราณ เพราะรักใคร่ไม่คิดชีวิตม้วย มาอยู่ด้วยขอโทษโปรดดีฉาน ขอเป็นบุตรดุจเจ้าเยาวมาลย์ ตามแต่ท่านจะเมตตาฆ่าก็ตาย ฯ ๏ เศรษฐีนั่งฟังเขยเฉลยฉลาด แสนสวาทหวานหูไม่รู้หาย จึ่งว่าพ่อก็ประเสริฐล้ำเลิศชาย เป็นเจ้านายฝ่ายฝรั่งเกาะลังกา บุญจารีนี้ก็ได้รักใคร่เจ้า เดี๋ยวนี้เล่าเจ้ามาง้อขอโทษา เรายกให้ไม่ขัดหัทยา แม้นขัดเคืองเบื้องหน้าจงปรานี เห็นกับเราเฒ่าแก่เป็นแม่พ่อ ได้งอนง้อขอชีวามารศรี คืนมาให้ได้เห็นกันเช่นนี้ ด้วยบุตรีมีคนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ ฯ ๏ พระคำนับรับคำแล้วร่ำว่า พระคุณท่านกรุณาจะหาไหน ไปเบื้องหน้าถ้านางผิดอย่างไร ลูกมิได้ถือโกรธทำโทษทัณฑ์ จะรักนางอย่างน้องปกครองคู่ ไม่ลบหลู่ลืมคุณคิดหุนหัน ถึงยากเย็นเป็นตายวายชีวัน ไม่ทิ้งขว้างห่างกันตามสัญญา แต่ครั้งนี้ที่ตรงท้าวเจ้าประเทศ ทำผิดเพศพาลจิตริษยา เที่ยวเก็บลูกสาวชาวบุรินทร์เขานินทา คงจะมาถึงเจ้าคุณจะวุ่นวาย อย่าเพ่อส่งนงลักษณ์ถึงหักหาญ จะรอนราญรบพุ่งเหมือนมุ่งหมาย แล้วเล่าความตามที่ครูให้อุบาย จะทำลายล้างศัตรูให้อยู่เย็น ฯ ๏ ฝ่ายพรหมเดชเศรษฐีคนมีสัตย์ ว่าวิบัติบ้านเมืองจะเคืองเข็ญ แต่ป่างก่อนร่อนชะไรก็ไม่เป็น เดี๋ยวนี้เช่นกับเขาว่าเป็นบ้ากาม เที่ยวเก็บสาวเอาไปเสียทั้งเมียเขา ขุนนางเล่าเอาแต่ลาภเหลือหยาบหยาม ทั้งกรมการศาลหลวงกระทรวงความ ล้วนตะกลามถามกินเงินสินบน ชาวบ้านเมืองเคืองแค้นแสนลำบาก เกิดข้าวยากหมากแพงทุกแห่งหน เราคิดถึงพึ่งท้าวเจ้ามณฑล จะผ่อนปรนห้ามปรามตามกำลัง แม้นไม่เชื่อเหลือห้ามแต่เจ้า อันตัวเราเล่าเหมือนอย่างช้างตีนหลัง แล้วเรียกฝ่ายนายรองกองระวัง มาพร้อมพรั่งสั่งต่อหน้ายุดาพราหมณ์ ลูกเขยเราเขามาอยู่จงรู้ทั่ว ให้แทนตัวเรานะเองจงเกรงขาม เขาสอนสั่งฟังคำกระทำตาม ฝ่ายคนสามสิบขอรับแล้วกลับไป ฯ ๏ พระวลาสาพิภักดิ์รักเศรษฐี กับบุตรีที่สนิทพิสมัย ช่วยดูงานการทั้งปวงคอยช่วงใช้ เอาใจใส่สอพลอท่านพ่อตา แม่ยายยิ้มอิ่มอารมณ์ชมลูกเขย ของนมเนยหวานคาวลูกสาวหา เลี้ยงวลายุดาพราหมณ์สามเวลา พวกบ่าวข้ามาสมัครด้วยภักดี ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างรู้มีผู้กล่าว ว่าลูกสาวพรหมเดชท่านเศรษฐี งามเหมือนหุ่นชื่อนางบุญจารี สมคะเนเสนีต่างดีใจ พากันมาหาพราหมณ์คุกคามขู่ ลูกสาวอยู่หรือว่านางไปข้างไหน พระทรงธรรม์กรุณาให้หาไป จะเลี้ยงให้ได้ดีให้มียศ พวกเผ่าพงศ์วงศาคณาญาติ จะผุดผาดวาสนาให้ปรากฏ เป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามได้งามงด เหมือนราชรถเข้ามารับอย่ากลับกลัว ฯ ๏ ฝ่ายเศรษฐีมีอัชฌาต่อข้าเฝ้า ลูกสาวเราเดี๋ยวนี้เขามีผัว แม้นเป็นสาวเราคงจะส่งตัว นี่หมองมัวไม่ควรเลี้ยงในเวียงวัง ขอทูลความห้ามองค์พระทรงฤทธิ์ ซึ่งทรงคิดผิดอย่างแต่ปางหลัง เธอทูลให้เราเท่านี้แม้นมิฟัง มีรับสั่งอีกจึ่งมาพาเอาไป ฯ ๏ พวกขุนนางต่างพิโรธโกรธเศรษฐี ว่าผัวมีชี้ตัวผัวคนไหน ให้มั่นคงส่งมาอย่าช้าใย แม้นไม่ได้ไม่พ้นผิดที่บิดา ซึ่งว่าองค์ทรงฤทธิ์ทำผิดเพศ เพราะพรหมเดชเศรษฐีไม่สีสา อันวิสัยไทท้าวเจ้าสุธา ครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งปวง เกิดของดีวิเศษในเขตแคว้น ทั้งแก้วแหวนเงินทองเป็นของหลวง หนึ่งม้าช้างนางงามตามกระทรวง ของทั้งปวงเป็นของท้าวเจ้าแผ่นดิน หนึ่งคดีที่อาณาประชาราษฎร์ เกิดวิวาทวาทาช่วยตราสิน ได้ทำไร่ไถนาได้หากิน เพราะภูมินทร์ปิ่นประเทศคุ้มเขตแดน ต้องประสงค์ตรงสาวเพราะท้าวรัก มิควรจักหนักหน่วงจะหวงแหน ไม่รู้บุญคุณโทษกลับโกรธแค้น ควรจะแทนที่พระคุณกรุณา ฯ ๏ เศรษฐีตอบชอบอยู่เรารู้สิ้น เจ้าแผ่นดินปิ่นมนุษย์สุดจะหา คนไม่แค้นแทนพระคุณมุลิกา เสียค่านาค่าน้ำได้ทำกิน ส่งส่วยสาอากรสมพัตสรถวาย ภาษีขายซื้อของฟ้องโรงศาล ค่าฤชาค่าเชิงเดินเผชิญพยาน แทนคุณท่านทุกคราวไม่เปล่าดาย แม้นประสงค์ตรงสตรีที่สาวสาว ที่รุ่นราวรูประหงจะส่งถวาย อันนารีมีผัวเสียตัวชาย จะทำลายผัวเสียเอาเมียไป เป็นห้ามแหนแสนสนมโสมมมาก เหมือนชานหมากขากคายสลายไสล เจ้าแผ่นดินกินเดนคนเข็ญใจ เยี่ยงอย่างมีที่ไหนจะใคร่ฟัง จะเอาตัวผัวลูกสาวของเรานั้น ไปฆ่าฟันเสียก็ตามความรับสั่ง จะให้เจ้าเอาไปทำตามลำพัง แล้วแสร้งสั่งคนข้างนอกไปบอกมา ๏ ฝ่ายหน่อไทไปแฝงจัดแจงพร้อม ให้ชายล้อมตึกรอบขอบเคหา ล้วนคนดีมีฝีมือถือสาตรา กรูขึ้นมาพร้อมพรักเสียงคักคึก จับเสนีสี่คนบนหอนั่ง มัดไพล่หลังฉุดกระชากลงจากตึก ทั้งถีบถองร้องอึงอึกทึก เสียงอุบอึกโอยโอดขอโทษตัว จับบ่าวตามสามสิบริบหอกดาบ ล่วมเข้มขาบอัดลัดเอาฟัดหัว เจ็บบวมบอบหอบชักรู้จักกลัว ขอโทษตัวตาขาวทั้งบ่าวนาย ฝ่ายองค์พระวลาตรวจตราทัพ จะคอยรับรบพุ่งเหมือนมุ่งหมาย ขนดาบหอกออกแจกแบกสะพาย ตั้งค่ายรายปืนรอบขอบเขตคัน จัดนายรองสองคนคิดกลคึก ฉลาดลึกหลอกหลอนคิดผ่อนผัน กับบ่าวไพร่ไปเป็นโจทก์กล่าวโทษทัณฑ์ ว่าฆ่าฟันเสนีทั้งสี่นาย ฯ ๏ ฝ่ายมนตรีที่เป็นใหญ่ซักไซ้ถาม ครั้นได้ความพราหมณ์ขบถจึ่งจดหมาย กล่าวทูลความตามโจทก์กล่าวโทษนาย ตั้งค่ายรายหวังจะสู้ภูวไนย พระฟังคำอำมาตย์กริ้วกราดโกรธ ให้หาโจทก์เข้ามาถามตามสงสัย เห็นจริงจังคั่งแค้นแน่นพระทัย จึงสั่งให้เกณฑ์ทัพไปจับมัน ทั้งเวียงวังคลังนากลาโหม ยกไปโจมจับฆ่าให้อาสัญ พวกขุนนางต่างสั่งคับคั่งกัน พัลวันวิ่งไขว่ทั้งไพร่พล พวกนายหมวดตรวจตราสารวัตร ต่างเร่งรัดเรียกหาโกลาหล ถือสาตรามาทั่วทุกตัวคน ดูเกลื่อนกล่นล้นหลามวิ่งตามกัน ผูกอูฐม้าลาลีขึ้นขี่ขับ พวกนายทัพขี่รถมีกลดกั้น ทัพละหมื่นปืนผาสารพัน ฆ้องสำคัญขานโห่ยกโยธี ถึงท้ายเมืองเนื่องแน่นแห่แหนหาม ล้อมบ้านพราหมณ์พรหมเดชท่านเศรษฐี ทำรั้งรอพูดอยู่ดูท่วงที เรียกเศรษฐีออกมาพูดจากัน ฯ ๏ ฝ่ายพระวลายุดาขึ้นม้าหมอก อยู่ภายนอกพร้อมพหลพลขันธ์ ด้วยเคยศึกฝึกรบรู้ครบครัน เห็นตะวันเวลาบ่ายห้าโมง เสียงแซ่ซ้องกองทัพมานับหมื่น ให้ปล่อยปืนหลักลั่นควันโขมง ถูกนายทัพพับล้มก้มโก้งโค้ง จุดเพลิงโพลงพลุไฟออกไล่รบ พวกนายสำเภาเลากาเจ้าภาษี พลอยเข้าด้วยช่วยเศรษฐีตีประจบ ทั้งกองซุ่มรุมระดมออกสมทบ ชาวเมืองหลบหลีกแยกตื่นแตกพัง พวกจัตุสดมภ์กรมวังทั้งตำรวจ กับนายหมวดหมื่นขุนคอยหนุนหลัง ยิงปืนใหญ่ไฟฟูมตึงตูมตัง เสียงกึกกังก้องกึกสะทึกสะเทือน ฯ ๏ ฝ่ายเจนธนูรู้เหตุว่าเศรษฐี ต้านต่อตีดีใจใครจะเหมือน จึ่งจุดไฟไหม้โพลงทั้งโรงเรือน สัญญาคนกล่นเกลื่อนมาเหมือนนัด ถือดาบขาวหลาวแหลนโล่แพนเขน มาหาเจนธนูเป็นผู้จัด เข้ารบเหล่าชาวบุรีตีตะพัด แตกกระจัดกระจายบ้างวายวาง ทั้งนายสำเภาเจ้าภาษีเศรษฐีด้วย ประชุมช่วยกันสกัดด้วยขัดขวาง เพลิงก็ไหม้หลายตำบลแน่นหนทาง เป็นศึกกลางเมืองตื่นครึกครื้นไป พวกชาวบ้านร้านตลาดกรีดกราดร้อง มุดใต้ถุนรุนช่องวิ่งร้องไห้ เรียกพ่อแม่แซ่เสียงทั้งเวียงชัย ต่างหลงใหลในกลางคืนเสียงครื้นเครง พวกสูบฝิ่นกินเหล้าพลอยเข้าปล้น บ่าแบกขนของชำทำคุมเหง ที่ผ้าผ่อนล่อนโล่งวิ่งโทงเทง โดนกันเองอื้ออึงคะนึงไป ฯ ๏ ฝ่ายเจนธนูรู้มนต์ล่องหนขลัง เข้าในวังเวียงมองตึกห้องใหญ่ เห็นองค์ท้าวเจ้าแผ่นดินเมืองสินชัย ค่อยแฝงไฟฟันฟาดคอขาดกระเด็น แล้ววิ่งออกนอกประตูเชิดชูเศียร แกล้งจุดเทียนส่องให้นายไพร่เห็น แต่นี้เราชาวนครจะหย่อนเย็น สิ้นยุคเข็ญคนร้ายวอดวายชนม์ แล้วให้ไพร่ไปเสียบศีรษะปัก ที่สี่กั๊กท่ามกลางหว่างถนน หนังสือแกล้งแต่งไว้จึ่งใช้คน ไปปิดบนใบบานทวารวัง แล้วจัดเหล่าบ่าวไพร่ทั้งใหญ่น้อย กองละร้อยรายไปเหมือนใจหวัง เที่ยวบอกกล่าวป่าวร้องตีฆ้องดัง ให้คนทั้งปวงรู้ทั้งบูรี ให้ข้าเฝ้าเข้าในพระราชฐาน อย่าคิดอ่านอย่าอพยพหนี แม้นไม่ฟังหนังสือใครถือดี จะฆ่าตีตัดศีรษะเสียบประจาน ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์ราชครูได้รู้ทั่ว ต่างเกรงกลัวหัวขาดเข้าราชฐาน มาพร้อมพรั่งนั่งที่ทิมริมทวาร ต่างก็อ่านหนังสือทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ในลักษณ์พระวลายุดาเดช ปิ่นประเทศเพศภาษาสิงหล สังหารท้าวเจ้าบุรินทร์ให้สิ้นชนม์ เพราะเป็นต้นคนทมิฬอจินไตย คุมเหงเหล่าชาวเมืองแค้นเคืองข้อง ต้องว้าวุ่นขุ่นหมองไม่ผ่องใส อันสมบัติพัสถานประการใด เรามิได้ปรารถนาทั้งธานี ให้ข้าเฝ้าเหล่าเสนาพฤฒามาตย์ ปรึกษาราชกิจการผ่านกรุงศรี เห็นผู้ใดในจังหวัดปัถพี ที่อารีมีคุณกรุณา เป็นคนซื่อถือธรรมชาติมิตร ไม่ละโมภโลภจิตริษยา ให้ปกป้องครองสมบัติกษัตรา ในสามวันสัญญาอย่าช้าการ แม้นผู้ใดไม่ยอมไม่น้อมนบ จะคิดรบเร่งรัดจัดทหาร มาที่กว้างกลางนครจะรอนราญ เราอยู่บ้านท่านเศรษฐีไม่หนีตัว ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางต่างดูรู้หนังสือ เข็ดฝีมือหมดด้วยกันบ้างสั่นหัว ยิ่งคิดคำยำเยงยิ่งเกรงกลัว จะหาทั่วตัวใครเห็นไม่มี ที่รู้บททศธรรมเหมือนคำว่า สุดจะหามาบำรุงชาวกรุงศรี ชอบแต่เชิญพระวลาครองธานี ได้เป็นที่พึ่งพาประชาชน แล้วขุนนางต่างก็พากันมาที่ บ้านเศรษฐีพรหมเดชแจ้งเหตุผล จะขอเชิญพระวลาเจ้าสากล เป็นจอมพลเจ้าแผ่นดินเมืองสินชัย ข้างเจนธนูครูก็มาหาเศรษฐี ต่างยินดีปรีดาต่างปราศรัย เขาจะเชิญพระวลายุดาไป อยู่วังในได้อภิเษกเป็นเอกองค์ แล้วสั่งเหล่าท้าวพระยาพฤฒามาตย์ ให้แผ้วกวาดปัดที่ธุลีผง สถลมารคราชวัติทั้งฉัตรธง จัดรถทรงสังข์แตรเกณฑ์แห่มา ขุนนางรับกลับหลังมาวังหลวง เกณฑ์กระทรวงสองฝ่ายเป็นซ้ายขวา ผ้าขาวดาดราชวัติริมรัถยา ต่างตรวจตราเตรียมการตามบาญชี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระวลาปรีชาหาญ กับเจนธนูอยู่ที่บ้านท่านเศรษฐี คิดคะนึงถึงนางงามพราหมณี พอราตรีลอบกลับไปรับมา อยู่กับครูผู้ใดมิได้แจ้ง ด้วยนางแปลงเป็นแขกแปลกภาษา ให้เชิญพระแสงแกล้งใช้ใกล้กายา นางบุญจารีหมายว่าชายชาญ ครั้งถึงวันสัญญาพฤฒามาตย์ เตรียมรถราชราเชนทร์เกณฑ์ทหาร มารวมรอมพร้อมพรักพนักงาน ที่หน้าบ้านท่านเศรษฐีผู้ปรีชา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์สรงสุหร่ายดั่งสายฝน ลูบสุคนธ์ปนกุหลาบซาบมังสา ทรงเครื่องพราหมณ์งามเล่ห์เทวดา นางบุญจารีแต่งทาแป้งนวล สวมกำไลใส่ช้องป้องนลาฏ ดูผุดผาดผิวงามทรามสงวน ต่างพรายพริ้มยิ้มเยื้อนเบือนกระบวน พระตรัสชวนโฉมยงขึ้นทรงรถ นางเทวีกรีกุนเชิญพระแสง แต่รูปแปลงแต่งเป็นแขกคนแปลกหมด พระนั่งกลางนางนั้นนั่งชั้นลด เมียงชม้อยช้อยชดดูงดงาม สารถีตีม้าให้คลาเคลื่อน ชักรถเลื่อนเตือนคนเดินล้นหลาม เป่าสังข์แตรแห่ห้อมพรักพร้อมพราหมณ์ ส่วนเศรษฐีขี่คานหามมาตามรถ อภิรุมชุมสายพรอยพรายพริ้ง มยุรฉัตรกรรชิงทั้งกลิ้งกลด ถือจามรทอนตะวันเป็นหลั่นลด ม้าพยศเหยาะย่างตามทางมา พวกหนุ่มสาวชาวเมืองมาเนืองแน่น ดูแห่แหนแสนสนุกทุกภาษา บ้างดูนางต่างลืมดูภัสดา ดูพระวลาหลงชะแง้ลืมแลนาง บ้างดูแขกแปลกดูเหมือนผู้หญิง งามทุกสิ่งสารพัดไม่ขัดขวาง ต่างชื่นแช่มแย้มยิ้มอยู่ริมทาง ไปตามหว่างราชวัติรัถยา ชาวเมืองช่วยอวยพรถาวรถวาย ให้สืบสายสุริย์วงศ์เผ่าพงศา ถึงวังรถจดประทับกับเกยลา พวกเสนาหน้าหลังกราบบังคม ฯ ๏ ฝ่ายท้าวนางข้างในทั้งใหญ่น้อย มาเตรียมคอยพร้อมพรักนักสนม ทั้งรุ่นราวสาวแก่ต่างแซ่ชม น้อมประนมก้มประณตบทมาลย์ เชิญพระองค์นงลักษณ์อัคเรศ เข้านิเวศน์วังปราสาทราชฐาน มเหสีที่ปรัศว์ชัชวาล พนักงานปรนนิบัติคอยพัดวี ฯ ๏ ฝ่ายรูปแขกแรกเดินเชิญพระแสง ก็กลับแปลงรูปเป็นสาวเกล้าเกศี โฉมสะอ้อนงอนงามพราหมณี ให้อยู่ที่ปรัศว์ซ้ายข้างฝ่ายใน มีสาวสรรค์กัลยานางข้าหลวง ตามกระทรวงใช้สอยทั้งน้อยใหญ่ พระอยู่กลางปรางค์ปราสาทอาสน์อำไพ กำนัลในนักสนมประนมกร ตั้งเครื่องอานพานพระศรีพัดวีถวาย อยู่เรียงรายริมสุวรรณบรรจถรณ์ พระรังเกียจเกลียดท้าวเจ้านคร ไม่อาวรณ์ไว้เป็นห้ามตามธรรมเนียม พวกห้ามแหนแสนสวาทไม่ขาดเฝ้า เหมือนจะเข้าคอยถวายไม่อายเหนียม ทำพรายพริ้มยิ้มเยื้องชำเลืองเลียม คอยฟุบเฟี้ยมเฝ้าเปล่าเศร้าวิญญาณ์ แต่กรีกุนบุญจารีศรีสวัสดิ์ หน่อกษัตริย์ผลัดเปลี่ยนเวียนไปหา เวลาบ่ายฝ่ายพระวลายุดา ออกข้างหน้าว่าขานการบุรี ขุนนางเก่าเหล่าโกหกยกออกเสีย ริบลูกเมียเฆี่ยนส่งไปโรงสี ที่ซื่อตรงคงสัจสวัสดี ให้คงที่มียศไม่ลดลา เจนธนูคู่ชีวิตให้สิทธิ์ขาด เป็นอุปราชนิเวศน์เรียกเชษฐา ตั้งเศรษฐีให้เป็นที่ชิณกา รับบัญชาว่าขานการทั้งปวง แล้วตั้งพราหมณ์สยัมภูเป็นครูใหญ่ ให้บ่าวไพร่ได้ประทานที่บ้านหลวง ปล่อยคนโทษโปรดคนผิดที่ติดพวง พ้นกระทรวงอธิกรณ์นครบาล ลูกเมียเขาเจ้าพาราเก็บมาไว้ ส่งตัวให้ไปอยู่กินตามถิ่นฐาน คนทั้งหลายวายร้อนผ่อนรำคาญ เพราะพระผ่านพาราให้ถาวร ฯ ๏ เวลาหนึ่งจึ่งพระมเหสี ขึ้นเฝ้าที่แท่นสุวรรณบรรจถรณ์ เห็นกรีกุนฉุนเคืองชำเลืองค้อน แต่ก่อนก่อนก็เช่นจะเห็นตัว ดูรูปร่างช่างเหมือนแขกแบกพระแสง หรือแกล้งแปลงมาเป็นหญิงมาชิงผัว โมโหหึงตึงหน้านัยน์ตามัว จนลืมตัวแกล้งถามดูตามแคลง นางคนนี้ที่ข้าแลเห็นแต่แรก ดูเหมือนแขกเคียงเดินเชิญพระแสง มาอยู่วังตั้งเป็นหม่อมเหมือนปลอมแปลง จะใคร่แจ้งจริงนางอย่าพรางกัน นางกรีกุนหุนจิตแล้วคิดอด ทำประณตนอบน้อมว่าหม่อมฉัน ชื่อกรีกุนทุลเบาเบาพูดเท่านั้น แล้วผินผันวันทาลุกคลาไคล บุญจารีขี้หึงคิดขึ้งโกรธ ประทานโทษทูลถามตามสงสัย นางโฉมยงวงศ์วานประการใด ได้มาใหม่หรือว่าเขาอยู่เก่ามา พระรู้เท่าเข้าใจจึ่งไกล่เกลี่ย นั้นแหละเมียน้อยของเจ้าเขามาหา เมื่อตะกี้เขามาไหว้เขาได้ลา มิใช่ว่ามาประชันสามัญเกลอ ฯ ๏ นางฟังตรัสขัดแค้นหวงแหนหึง เห็นปั้นปึ่งถึงดีไม่มีเสมอ ทำนองนางช่างผดุงบำรุงบำเรอ พระองค์เธอชุบเลี้ยงช่วยเถียงแทน เมื่อถามไต่ไว้จริตทำอิดเอื้อน มิใคร่เบือนบอกกล่าวนั่งท้าวแขน จะเป็นโสดโปรดเปรื่องกระเดื่องแดน ได้ร่วมแทนแสนสวาทไม่คลาดคลา ๏ พระฟังคำสำรวลแย้มสรวลสนอง ไม่เหมือนน้องเป็นเอกเมขลา ไม่จืดจางห่างเหทุกเวลา อุประมาเหมือนมดดำกับน้ำตาล ถึงนางอื่นหมื่นแสนเฝ้าแหนห่าง ไม่เหมือนอย่างนางเธอเสมอสมาน หรือเห็นว่าข้านี้ขาดราชการ จะมาพาลโกรธขึ้งกระบึงกระบอน จริงจริงนะจะต้องโกรธทำโทษบ้าง พลางอุ้มนางวางสุวรรณบรรจถรณ์ เฝ้าบ่นบ้าว่ากล่าวให้หาวนอน ดุขู่ค่อนแค้นเคืองด้วยเรื่องไร พลางพูดพลอดกอดเกยชมเชยชิด ร่วมภิรมย์สมสนิทพิสมัย เสมอสมรอ่อนอุ่นละมุนละไม เหมือนมาลัยแมลงภู่คู่เคล้าคลึง แต่คะนึงถึงเอาทองมากองให้ เหมือนเสือไม่หายลายไม่หายหึง ดังแกลบใส่ไฟสุมร้อนรุมรึง เมื่อวันหนึ่งเสด็จออกไปนอกวัง เรียกสาวศรีที่สนิทมาคิดอ่าน มารุกรานพาลพาโลว่าโอหัง ฝ่ายสาวใช้ไปดูแยบค่อยแอบฟัง เห็นนางนั่งเสวยอยู่จู่เข้าไป ว่าโฉมยงองค์พระมเหสี เชิญไปที่พระปรัศว์ตรัสไฉน นางว่าประเดี๋ยวหนึ่งจึ่งจะไป นางสาวใช้วิ่งไปทูลบุญจารี นางดีใจได้ช่องด้วยข้องขัด ออกจากปรัศว์ไปกับเหล่านางสาวศรี เห็นตั้งเครื่องเคืองขัดคนพัดวี ตรงเข้าชี้หน้าว่าแน่แม่นางงาม ให้เชิญเดินไปหน่อยน้อยไปหรือ ไม่นับถือคือสำแดงแขนงหนาม เป็นผู้หญิงชิงผัวตัวตะกลาม จะลุกลามความยุ่งทั้งกรุงไกร ฯ ๏ นางกรีกุนฉุนเฉียวจึ่งเหนี่ยวหน่วง ตอบเมียหลวงเล่าแจ้งแถลงไข เมื่อกินข้าวเขามาหาว่าจะไป ไม่ใกล้ไกลใช่จะขัดความสัจจริง ใจก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นข้าบาท ขามขยาดย่อท้อจนงอขิง ไม่รุกรานหาญหักมาชักชิง เป็นผู้หญิงชิงผัวก็กลัวภัย เมื่อแรกได้ไม่รู้ดอกพุคะ ว่าองค์พระมเหสีอยู่ที่ไหน ต่อรบพุ่งรุ่งเช้าจึ่งเข้าใจ เหมือนจุดไต้ในน้ำมาตำตอ ด้วยลอบลักรักใคร่ใครไม่รู้ มิใช่เช่นเป็นชู้ได้สู่ขอ ถึงจะหึงถึงจะว่าจะด่าทอ จะสู้ทนย่นย่อนิ่งงอมือ ฯ ๏ น้อยหรือชะพยศกระชดกระช้อย แสนแสงอนย้อนรอยน้อยไปหรือ ทำเชิงชั้นสันทัดได้หัดปรือ สมกับชื่อลือดีนางกรีกุน เพราะโปรดเปรื่องเฟื่องฟุ้งกระดุ้งกระดิ้ง เหมือนอย่างลิงยิงไม่ถูกลูกกระสุน จะลอยแก้วแล้วทีนี้เจ้ามีบุญ ฮึกฮักหุนเห็นว่ากีดอยู่นิดเดียว จึงเผยอเจ๋อเจ๊อะสะเออะหน้า ทำปากกล้าหน้ามุ่นตาขุ่นเขียว กระทบกระเทียบเปรียบประชดช่างลดเลี้ยว ปากจะอมส้มเปรี้ยวประเดี๋ยวนี้ ฯ ๏ นางกรีกุนขุ่นข้องจึ่งร้องวะ น้อยหรือชะพระมหามเหสี ท้าคารมสมทบจะตบตี มิใช่ขี้ข้าครอกบอกจริงจริง คะข้าเจ้าเขาระบือเล่าลือเลื่อง เพราะโปรดเปรื่องเฟื่องฟุ้งจึ่งสุงสิง ช่างรำมะก้าท่าทางเหมือนอย่างลิง อย่าดูถูกลูกผู้หญิงไม่นิ่งตาย ยิ่งเจียมตัวกลัวความยิ่งหยามหยาบ ยิ่งเกรงกราบจาบจ้วงเพียงทรวงสลาย เมื่อเต็มหลังดั่งเขาว่าเต็มขาลาย จะตายร้ายตายดีก็ทีเดียว ฯ ๏ นางฟังคำซ้ำเหน็บให้เจ็บอก จนเหื่อตกหมกมุ่นให้ฉุนเฉียว ผ้าคาดอกถกเขมรออกเป็นเกลียว ฉวยไม้เรียวไล่ตีนางกรีกุน พวกท้าวนางขวางหน้าร้องว่าโปรด ประทานโทษโปรดหม่อมฉันอย่าหันหุน ตีข้าเจ้าเถ้าแก่เถิดแม่คุณ นางกรีกุนก็ตะกายเอาหลายที ต่างข่วนหยิกพลิกผลักเล็บหักพับ จนเลือดซับยับย่อยไม่ถอยหนี ข้าหลวงนางต่างลุกขึ้นคลุกคลี ต่างหยิกตีตบต่อยกันย่อยยับ เจ้าต่อเจ้าบ่าวต่อบ่าวพวกสาวสรรค์ กุมกำปั้นรันทุบกันตุบตับ บ้างปล้ำปลุกลุกล้มประทมทับ บ้างล้มพับผ้านุ่งคาดพุงพัน หลวงแม่เจ้าท้าวนางทั้งเถ้าแก่ มาเซ็งแซ่แทรกกลางมือขวางกั้น ต่างประคองสองนางออกห่างกัน ฝูงกำนัลนั้นก็ตามวิ่งหลามไป ทั้งข้าเจ้าเข้าในห้องส่องกระจก บ้างบวมฟกอกเข่ากำเดาไหล บ้างนอนครางบางคนนั่งฝนไพล บ้างร้องไห้ไม่วายเสียดายเล็บ บ้างหน้านอคอคิ้วเป็นริ้วถาก ขี้ผึ้งสีปากปิดแก้ที่แผลเจ็บ บ้างชุนผ้าหาเข็มนั่งเล็มเย็บ ที่เมื่อยเหน็บเหนื่อยอ่อนลงนอนคราง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระวลายุดาราช ออกสิงหาสน์ชมต้นไม้ในกระถาง เห็นเถ้าแก่หลวงแม่เจ้าแลท้าวนาง ไม่มีเหล่าสาวสุรางค์เป็นอย่างไร จึ่งถามว่าข้าหลวงทั้งปวงนั้น ไม่เห็นหน้าพากันไปข้างไหน เจ้าขรัวนายบ่ายเบี่ยงทูลเลี่ยงไป ต่างจับไข้ไปด้วยกันในวันนี้ ด้วยสององค์นงลักษณ์อัครราช ต่างกริ้วกราดเคืองข้องทั้งสองศรี มีธุระจะไปเฝ้าพระเสาวนีย์ ต่างเข้าที่มิได้ออกนอกห้องทอง ฯ ๏ พระฟังทูลมูลความไม่ถามถึง รู้ว่าหึงเห็นไม่ฟังกันทั้งสอง ลงเอนอิงนิ่งนึกนั่งตรึกตรอง จะปราบปรามตามทำนองลองปัญญา จึ่งเอื้อนอรรถตรัสกับเหล่าพวกเถ้าแก่ หญิงเป็นแม่ม่ายอึงเพราะหึงสา ข้างผัวเหลือเบื่อจิตระอิดระอา ต้องอับอายขายหน้าทั้งตาปี ถึงตัวเราเล่าก็ไม่พอใจคบ ยิ่งหลีกหลบพบอีกต้องหลีกหนี ถามจริงจริงหญิงบรรดาหึงสามี เป็นสตรีดีหรือชั่วเจ้าขรัวนาย จะตรวจน้ำคว่ำขันเป็นอันขาด ทำกริ้วกราดตรัสสั่งสิ้นทั้งหลาย ทั้งเจ้าข้าอย่าให้มาใกล้กราย พลอยอับอายขายหน้าระอาใจ มเหสีตีตบต่างรบสู้ น่าอดสูอยู่ก็อายหญิงชายไพร่ ออกไปสั่งทั้งข้างหน้าเสนาใน เราจะไปเมืองลังกาอย่าช้าการ แต่งกำปั่นบรรทุกทั้งข้าวน้ำ ห้าสิบลำกำลังทั้งอาหาร ลำละร้อยน้อยใหญ่คนใช้งาน กำหนดการให้สำเร็จในเจ็ดวัน เจนธนูผู้เป็นพี่ที่วังหน้า ให้รักษาราชัยไอศวรรย์ ช่วยว่าขานการแผ่นดินสิ้นทั้งนั้น ตั้งแต่วันนี้ไปเราไม่ดู ฯ ๏ พวกท้าวนางต่างรับอภิวาท เห็นกริ้วกราดหวาดกลัวตัวเป็นหนู ออกไปสั่งทั้งที่เวนเจนธนู ทุกหมวดหมู่รู้เรื่องต่างเลื่องลือ นางบุญจารีกรีกุนง่วงงุนเหงา ต้องห้ามเฝ้าเหินห่างนอนครางหือ ข้าหลวงเหล่าชาววังนั่งกอดมือ เพราะนับถือเจ้าเจียนต้องเฆี่ยนตี ฯ ๏ ฝ่ายพรหมเดชเศรษฐีให้ศรีฟ้า รีบไปหาว่ากล่าวลูกสาวศรี เข้าในห้องมองเห็นหน้าบุญจารี ไม่มีดีตีอกตกตะลึง แก้มคางคิ้วริ้วรอยน้อยหรือนั่น ถึงตีรันกันเจียวเบื่อมันเหลือหึง ไม่ใคร่ครวญควรหรือให้อื้ออึง เป็นใหญ่ถึงมเหสีเพียงนี้แล้ว ไม่จำคำร่ำสอนให้อ่อนหวาน พาวงศ์วานว่านเครือเสียเชื้อแถว พระเคืองขัดตัดขาดจะคลาดแคล้ว งามอยู่แล้วแก้วแม่เอาแต่ใจ ฯ ๏ นางฟังคำร่ำว่าสารภาพ ลูกเข็ดหลาบกราบมารดาน้ำตาไหล ไม่ทันคิดผิดจริงทุกสิ่งไป นึกจะใคร่เชือดคอให้มรณา หม่อมแม่ช่วยวอนคุณพ่อให้ขอโทษ เห็นพระองค์คงจะโปรดโทษโทษา ตั้งแต่นี้ดีฉันจะสัญญา แม้นขัดเคืองเบื้องหน้าให้ฆ่าฟัน นางศรีฟ้าว่าพ่อเขาก็โกรธ จะขอโทษโทษกรณ์ช่วยผ่อนผัน แล้วทาไพลให้ที่แก้มแต้มน้ำมัน สั่งสาวสรรค์เสร็จสรรพแล้วกลับไป บอกกับผัวหัวร่อว่าคอคิ้ว เป็นรอยริ้วย่อยยับจนจับไข้ ฉันร่ำว่าด่าซ้ำให้หนำใจ นั่งร้องไห้ไม่วายฟายน้ำตา เฝ้ากราบไหว้ให้อ้อนวอนคุณพ่อ ให้ทูลขอจะพอโปรดโทษโทษา ผิดก็ผิดคิดสมเพชเวทนา แม้นท่านตาว่าขอโทษคงโปรดปราน ฯ ๏ ฝ่ายพรหมเดชเศรษฐีว่าขี้หึง เหมือนเจ้าจึ่งอึงฉาวจึ่งร้าวฉาน จะไปเฝ้าเล่าก็พระสละการ ต้องวานท่านท้าวนางทูลข้างใน จะต้องทำคำกล่าวเรื่องราวถวาย ตัวท่านยายเข้าไปด้วยช่วยแก้ไข แล้วให้เสมียนเขียนคำตามน้ำใจ เห็นดีได้เรียบร้อยคอยเวลา ฯ ๏ ฝ่ายว่าพราหมณ์สยัมภูได้รู้ข่าว ว่าลูกสาวป่วยไข้เข้าไปหา ครั้นซักไซ้ได้ความพราหมณ์พฤฒา พรรณนาว่ากล่าวลูกสาวตัว ธรรมดานารีที่ขี้หึง ต้องโกรธขึ้งอึงอายเป็นม่ายผัว เหมือนเพชรดีมีฟองก็หมองมัว รู้ฝากตัวกลัวภัยจึ่งได้ดี เจ้าผิดพลั้งครั้งนี้พ่อจะขอโทษ คงจะโปรดลูกรักคงศักดิ์ศรี ไปเบื้องหน้าอย่าให้เป็นเหมือนเช่นนี้ ฝ่ายนางกรีกุนกราบว่าหลาบจำ พราหมณ์พฤฒามาตึกตรองตรึกกล่าว ทำเรื่องราวเรียบไว้แต่ในค่ำ เห็นดีได้ให้เสมียนมาเขียนคำ พอแล้วสำเร็จเวลารุ่งราตรี พับหนังสือถือเข้าไปในนิเวศน์ พร้อมกับพราหมณ์พรหมเดชเมียเศรษฐี สั่งท้าวนางข้างในเห็นได้ที เข้าทูลที่ห้องทองทั้งสองราย ฯ ๏ พนักงานอ่านดังตั้งเดชะ เรื่องราวพระชิณกาวันทาถวาย ด้วยพาราผาสุกสนุกสบาย ฝูงหญิงชายชื่นหน้าทั้งธานี ซึ่งพระจะละสมบัติตัดประโยชน์ ด้วยกริ้วโกรธโทษพระมเหสี นิคมคามพราหมณ์หุ่มกระฎุมพี ไม่มีที่พึ่งพาจะอาดูร เหมือนมืดมัวทั่วสิ้นทั้งดินฟ้า ด้วยโลกาหล้าแหล่งสิ้นแสงสูรย์ ขอพระองค์ทรงพระอนุกูล ให้เพิ่มพูนภิญโญทั้งโลกา เสมอเหมือนเดือนตะวันอันสว่าง แจ่มกระจ่างสร่างจิตทุกทิศา ขอพระองค์ทรงธรรม์กรุณา ให้เย็นใจไพร่ฟ้าประชากร ซึ่งสองพระมเหสีนั้นมีโทษ ขอจงโปรดไว้สักครั้งเหมือนสั่งสอน แม้นภายหลังพลั้งผิดให้บิดร ถึงม้วยมรณ์เหมือนกับบุตรสุดคำทูล ฯ ๏ แล้วอ่านความสยัมภูที่ครูเฒ่า ขอก้มเกล้ากราบปิ่นบดินทร์สูรย์ ซึ่งพระองค์ทรงพระอนุกูล บริบูรณ์พูนสุขทุกเวลา ด้วยเดิมทีกรีกุนพึ่งรุ่นสาว เป็นแต่ชาวบ้านพราหมณ์ตามภาษา ได้ฝึกสอยร้อยดวงพวงผกา แต่เกิดมามิได้เข้าเฝ้าเจ้านาย สาพิภักดิ์รักสองละอองบาท ไม่รู้ราชกำหนดในกฎหมาย จึ่งลามล่วงหวงหึงโทษถึงตาย ด้วยดีร้ายมิได้ทูลมูลความ ครั้นบิดรสอนสั่งบทบังคับ ก็รู้รับสารภาพที่หยาบหยาม ขอแทนคุณมุลิกาพยายาม ขอทำตามบทพระอัยการ ไปเบื้องหน้าถ้ามิจำกระทำผิด ให้ฆ่าบิดาด้วยบุตรสุดสงสาร ขอพระองค์ทรงโปรดโทษประทาน ให้ทำการแก้ผิดที่ติดพัน ฯ ๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายโปรด จะยกโทษแทนคุณไม่หุนหัน นางกรีกุนบุญจารีร่วมชีวัน ไม่ฆ่าฟันท่านทั้งสองอย่าหมองใจ ถึงร้อยครั้งพลั้งผิดเราคิดโกรธ ไม่ทำโทษโทษาอย่าสงสัย แต่ว่ากล่าวเขาไม่ฟังก็คลั่งใจ จะหลีกไปเสียให้ลับด้วยอับอาย หลวงแม่เจ้าเอาหนังสือสองฉบับ ไปให้กับสองนางต่างกฎหมาย ผู้รับสั่งบังคมคลานก้มกาย ไปถวายสองนางค่อยสร่างใจ ฯ ๏ ฝ่ายกรีกุนบุญจารีดีกันแล้ว ต่างผ่องแผ้วพูดจาอัชฌาสัย ข้าหลวงเหล่าสาวสวรรค์กำนัลใน พลอยรักใคร่ได้เป็นสุขสนุกสบาย อันเรื่องราวกล่าววลายุดาราช แสนฉลาดลึกซึ้งปราบหึงหาย กับเจนธนูคู่ชีวิตคิดอุบาย ด้วยมุ่งหมายเมืองลังกาตรึกตราตรอง ฯ ๏ จะกล่าวผู้รู้วิชากับวายุพัฒน์ คิดฝึกหัดปลูกฝังกันทั้งสอง อยู่เมืองเซ็นเป็นหมอดูรู้ทำนอง ได้เงินทองของกำนัลทุกวันไป เจ้าเมืองเซ็นเป็นทมิฬชื่อกบิลละ ลักษณะเหมือนกระบี่ตามวิสัย นุ่งห่มดำน้ำเกลี้ยงทั้งเวียงชัย ผมนั้นไว้ไปล่เหมือนลิงทั้งหญิงชาย ชาวลังกาฝรั่งชังภาษา จึงมิได้ไปมาไม่ค้าขาย เกิดเงินทองท้องถิ่นที่ดินทราย ทำได้ง่ายได้สบายซื้อจ่ายกิน ถึงเมียเขาเล่าถ้าตัวผัวไม่อยู่ ลอบเล่นชู้ก็ได้ดังใจถวิล มีบ้านช่องนองเนืองเมืองทมิฬ ทำด้วยหินศิลาทั้งธานี เหนือเมืองนั้นวันหนึ่งไปถึงถ้ำ มียักษ์ดำโตตาหน้าเหมือนหมี ในเรื่องราวกล่าวคำว่าสามปี มันมาที่เมืองทมิฬเที่ยวกินคน ชาวเมืองเซ็นเห็นตัวต่างกลัวยักษ์ วิ่งคึกคักเข้าไปแฝงทุกแห่งหน เจ้าเมืองกบิลละเหลือประจญ เอาตัวคนโทษออกไปส่งให้ยักษ์ มันฉวยฉีกซีกโครงโก้งโค้งเคี้ยว กระดูกกระเดี้ยวเหนี่ยวแย่งขาแข้งหัก ล้วงตับไตไส้พุงพุ่งทะลัก สองมือควักกลืนกินแลบลิ้นหลาม ไม่อิ่มท้องมองหาหูตากลอก เข้าตามตรอกออกตามทางกลางสนาม เห็นชายหญิงวิ่งไขว่มันไล่ตาม เดินคำรามเวียนรอบขอบกำแพง ฯ ๏ พอเวลาวายุพัฒน์ไปเที่ยวเล่น กลับมาเห็นยักษ์กลัวยืนตัวแข็ง มันเข้าใกล้ได้กลิ่นก็สิ้นแรง ล้มตะแคงคุกคลานซมซานไป ด้วยหน่อนาถชาติเชื้อผีเสื้อร้าย ยักษ์ผีพรายเข็ดขามตามวิสัย เห็นซบหน้าวายุพัฒน์คิดขัดใจ ฉวยเอาไม้ไล่ตีมันหนีตัว เสียงยักษ์ร้องก้องอึงเหมือนหนึ่งอูฐ นอนกลิ้งทูตพูดไม่ออกเกลือกกลอกหัว มือประนมก้มกราบด้วยหลาบกลัว พระจิกหัวยักษ์ลากกระชากมา ถึงตึกเช่าเข้าดูประตูปิด ด้วยคนคิดเข็ดยักษ์กลัวหนักหนา พระเงื้อไม้ให้มันหมอบยอบกายา อยู่ตรงหน้าตึกนิ่งไม่ติงกาย แล้วเรียกครูสุริยันครั้นมาเห็น รู้ว่าเป็นบุญของศิษย์เหมือนคิดหมาย พวกชาวบ้านร้านตลาดไม่อาจกราย เห็นยักษ์ร้ายร้องบอกกันออกอึง สุริยันนั้นเอาโซ่โตถนัด วายุพัฒน์มัดแน่นผูกแขนขึง จะฆ่าฟันมันก็ยากต้องตรากตรึง ให้มันถึงที่ตายวอดวายปราณ ฯ ๏ ฝ่ายนางผีเสื้อเนื้อเป็นหินสิ้นไฟธาตุ เป็นปิศาจชาติยักษ์ยังรักหลาน สำแดงกายกรายมาหน้ากุมาร จึงแจ้งการก่อนเก่าเล่าให้ฟัง อันตัวกูผู้เป็นย่าวายุพัฒน์ เองอย่ามัดผูกยักษ์อย่ากักขัง จงกล่อมเกลี้ยงไว้ใช้กำลัง ให้ตามหลังดั่งหนึ่งว่าเป็นข้าคน กูอยู่ด้วยช่วยเองอย่าเกรงยักษ์ เรียกหลานรักไปที่ข้างหว่างถนน สอนประสิทธิ์ฤทธิเดชให้เวทมนตร์ บอกแยบยลกลอุบายแล้วหายไป ฯ ๏ วายุพัฒน์มัสการสงสารย่า ชลนาแนวนองนั่งร้องไห้ แล้วกลืนกลั้นกันแสงคิดแข็งใจ นึกจำได้เวทมนตร์ดลวิชา ไปแก้มัดอสุรินให้กินน้ำ บริกรรมรังควานอ่านคาถา เผอิญยักษ์รักใคร่ไม่ไคลคลา รู้พูดจาสารภาพก้มกราบกราน วายุพัฒน์จัดให้เป็ดไก่หมู ให้ยักษ์รู้อยู่กินเป็นถิ่นฐาน อ้ายยักษ์ยิ้มอิ่มหนำนั่งสำราญ ฝ่ายอาจารย์จึ่งว่ากับวายุพัฒน์ ซึ่งท่านย่ามาช่วยสอนอวยพรให้ เจ้าจะได้ใช้ทหารผ่านสมบัติ เมื่อครั้งปู่สู้กับยายต่างพรายพลัด นางหลงลัดหลีกทางไปกลางไพร ให้ย่องตอดยอดทหารออกต้านต่อ ปู่กับพ่อก็ไม่หาญผลาญมันได้ จึงสงบรบพุ่งทั้งกรุงไกร นั่งเล่าให้ฟังความตามเอ็นดู ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าประเทศเคยเข็ดยักษ์ เสียงคึกคักยักษ์ร้องกึกก้องหู สักครู่หนึ่งจึงเห็นชายนายประตู ทูลว่าผู้หนึ่งหนุ่มเดินดุ่มมา อ้ายยักษ์โถมโจมจับเข้ารับรบ มันกลับกลบซบเสือกเกลือกเกศา เข้าจิกผมก้มตัวกลัวศักดา เดี๋ยวนี้พาเอาอ้ายยักษ์มากักไว้ พระยินดีปรีดาสั่งข้าเฝ้า ไปหาเขาเล่าให้แจ้งแถลงไข เชิญมาหาสักหน่อยอย่าน้อยใจ เราจะได้ให้ลูกสาวเป็นเจ้านาย ฝ่ายเสนีดีใจไปเป็นหมู่ ถึงตึกอยู่หน่อนาถเหมือนมาดหมาย เห็นยักษ์หมอบยอบตัวต่างกลัวตาย บ้างว่านายยึดยักษ์ไว้สักที ฉันจะได้ไปหาพูดจาด้วย มันจะฉวยฉีกเนื้อเหมือนเสือหมี สุริยันนั้นว่าไม่เป็นไรมี เราอยู่นี่แล้วเข้ามาเถิดอย่ากลัว พวกขุนนางต่างขยับแล้วกลับถอย ยึดไว้หน่อยเถิดพ่อคุณพ่อทูนหัว พระหน่อไทไปรับยักษ์กลับตัว ขุนนางกลัวล้มลุกลงคลุกคลาน แล้วบอกความถามไต่คนไหนหนุ่ม ที่จับกุมยักษาแกล้วกล้าหาญ ให้เชิญไปในพระโรงพระโองการ จะประทานพระธิดาด้วยปรานี ฯ ๏ ฝ่ายสุริยันนั้นจึงว่าวายุพัฒน์ จับมาหัดฝึกไว้มิให้หนี ได้ใช้สอยค่อยแข็งเรี่ยวแรงมี เมื่อไปไหนจะได้ขี่มันนี้ไป ซึ่งพระองค์ทรงเมตตาวายุพัฒน์ ไม่ข้องขัดวาสนาอัชฌาสัย แต่หนุ่มนักจักเข้าเฝ้าไม่เข้าใจ จะพาไปได้ช่วยทูลมูลิกา แล้วจัดแจงแต่งงามเป็นพราหมณ์เทศ ให้ผิดเพศพวกสิงหลภาษา สุริยันนั้นว่าเจ้าเหล่าเสนา จงนำหน้าพาไปเข้าในวัง วายุพัฒน์ตรัสเรียกรากโษสบอก มันแบกออกเดินวามไปตามหลัง ดูสูงเทิ่งเบิ่งหน้าละล้าละลัง ชาวเมืองทั้งปวงวิ่งเป็นสิงคลี พวกขุนนางต่างห้ามปรามทั้งหลาย ยักษ์ไม่ร้ายชายหญิงอย่าวิ่งหนี ยิ่งห้ามยิ่งวิ่งล้มไม่สมประดี จนถึงที่แถวทิมริมปราการ พระลงจากรากโษสเอื้อนโอษฐ์สั่ง เองหยุดยั้งคอยท่าที่หน้าฉาน ฝ่ายเสนาพาเข้าไปในพระลาน แล้วกราบกรานทูลแถลงแจ้งคดี หนุ่มคนนี้ที่ปราบกำราบยักษ์ มันกลัวนักรักใคร่มิได้หนี ดูชิดเชื้อเมื่อพามาเดี๋ยวนี้ เธอก็ขี่ยักษ์มาอยู่หน้าวัง ฯ ๏ ท้าวทมิฬยินดีว่าวิเศษ เป็นพราหมณ์เทศเวทมนตร์ดลจึ่งขลัง พลางเรียกมาหน้าสุวรรณบัลลังก์ แล้วว่ายังหนุ่มน้อยแช่มช้อยชด เราจะใคร่ให้ลูกช่วยปลูกฝัง เป็นที่ตั้งวังหน้าให้ปรากฏ ช่วยว่าขานการเมืองรุ่งเรืองยศ หรือโอรสเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร ๏ พระนบนอบตอบความตามทำเนียบ พระคุณเปรียบดินฟ้าจะหาไหน ซึ่งออกโอษฐ์โปรดปรานประการใด จะรับใส่เศียรสิ้นด้วยยินดี พระฟังตอบชอบชื่นไม่ขืนขัด จึงให้จัดปรางค์มาศปราสาทศรี ยานุมาศราชรถพระกลดมี ประทานที่วังหน้าให้ถาวร แล้วองค์ท้าวเข้าในที่ไสยาสน์ ตรัสเรียกราชเทวีศรีสมร มาปรึกษาว่าบุตรีศศิธร ได้ฝึกสอนชันษาสิบห้าปี จะยกให้ฝ่ายหน้าวายุพัฒน์ สืบกษัตริย์อัติเรกภิเษกศรี ดูน่าชมสมกันขยันดี ให้บุตรีมียศปรากฏไป ศศิธรผ่อนตามความรับสั่ง จะปลูกฝังพระธิดาบัญชาไฉน สุดแท้แต่จะประสงค์จำนงใจ ตามพระทัยไม่ขัดพระอัชฌา ฯ ๏ ท้าวทมิฬยินดีเป็นที่ยิ่ง ถนอมมิ่งเมียขวัญด้วยหรรษา เหมือนอย่างเคยเชยชมภิรมยา แสนสนิทนิทราในราตรี ครั้นรุ่งตื่นฟื้นองค์สรงสนาน ออกที่นั่งสั่งการภิเษกศรี ให้จัดแจงแต่งโรงราชพิธี ประเพณีที่จะสมภิรมย์รัก อันเมืองเซ็นเป็นคู่ได้สู่ขอ ฝ่ายแม่พ่อก็อุ้มนางไปวางตัก ชายกอดแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ ให้คนเห็นเป็นว่ารักด้วยภักดี จึ่งตีฆ้องกลองประโคมเมื่อโลมเล้า แล้วจึงเอาเจ้าบ่าวอุ้มสาวศรี เดินเวียนวนจนรอบขอบพิธี พาไปที่ที่จะอยู่เป็นคู่กัน แล้วเผ่าพงศ์วงศ์วานเพื่อนบ้านช่อง เอาสิ่งของทองคำไปทำขวัญ โรงพิธีนี้ก็สร้างทำอย่างนั้น ตั้งแท่นกั้นชั้นฉัตรจำรัสเรือง ถึงวันฤกษ์เบิกอรุณหมื่นขุนพร้อม ทั้งเจ้าจอมหม่อมในวังมาตั้งเครื่อง พวกชาวบ้านร้านช่องมานองเนือง ด้วยนับถือลือเลื่องทั้งเมืองเซ็น มาคอยดูอยู่ก็มากอยากใคร่รู้ เสกสมสู่คู่เชยไม่เคยเห็น คนเดินหลามตามทางไม่ว่างเว้น ได้ฤกษ์เย็นย่ำฆ้องบ่ายสองโมง ฯ ๏ วายุพัฒน์จัดองค์ทรงเครื่องต้น ขึ้นนั่งบนเบาะรองแท่นทองโถง คนดูชมคมคายเหมือนนายโรง บ้างร้องชะต๊ะโต๋งโหน่งหยิบโหย่งครัน ฝ่ายองค์อัครเทวีศรีสมร แต่งศศิธรบุตรีผ่องศรีสรรพ์ ด้วยข้างหน้าพานเรศตามเพศพันธุ์ ทรงน้ำกลั่นกันโขนงให้โก่งค้อม ทั้งสองแก้มแต้มจันทร์กระแจะลูบ เมื่อส่งตัวผัวจะจูบจะได้หอม ใส่เสื้อทองรองนวมให้กรวมกรอม ผ้าห่มห้อมหุ้มเฉลียงเฉวียงองค์ ท้าวกบิลยินดีเป็นที่สุด ประคองบุตรสุดสงวนนวลหง พร้อมสุรางค์นางนาฏพระญาติวงศ์ อุ้มไปส่งโรงราชพิธี ฯ ๏ เจ้าบ่าวท้าวค่อยวางลงกลางตัก นางก้มพักตร์ผัวประโลมกอดโฉมศรี พระจูบปรางนางข้างละสามที พวกดนตรีปี่พาทย์ฆาตประโคม โห่สนั่นลั่นฆ้องเสียงก้องกึก มโหระทึกครึกครึ้มกระหึมโหม ดูนางบ้างว่างามทรามประโลม บ้างชมโฉมชายงามว่าพราหมณ์ดี ครั้นสำเร็จเสร็จภิเษกเอกฉัตร วายุพัฒน์อุ้มธิดามารศรี เดินเวียนรอบขอบมณฑลพิธี แล้วไปที่แท่นทองห้องมนเทียร ค่อยวางนางกลางสุวรรณบรรจถรณ์ นางศศิธรนอบนบหมอบซบเศียร พระแลเล็งเพ่งพิศสะอิดสะเอียน ดูเพี้ยนเพี้ยนพานเรศเวทนา เนตรก็กลมผมไว้ทั้งใบหู ปลายแหลมชูดูสกนธ์ขนนักหนา เสียดายเหลือเชื้อชาติราชธิดา แต่ไม่น่าแนบชิดสนิทใน จึงเสแสร้งแกล้งว่าเวลานี้ ในใจพี่ริ้วริ้วหวิวหวิวไหว แล้วเอนองค์ลงสะท้อนถอนฤทัย นางตกใจไหว้กราบไม่หยาบคาย เป็นไรพระประทมหรือลมจับ จะให้รับหมอมาทำยาถวาย อยู่งานนวดปวดที่ไหนจะได้คลาย พลางต้องกายหมายว่าเป็นสามี พระห้ามปรามตามกระบวนอย่ากวนหมอ เจ็บไม่พอหนักหนาดอกมารศรี อย่านวดเลยเคยเป็นอยู่เช่นนี้ แล้วทำทีหิวระหวยระทวยองค์ ด้วยได้เมียเสียใจมิได้ชื่น สู้กลั้นกลืนขืนจิตคิดประสงค์ ให้ง่วงเหงาเศร้าซูบทั้งรูปทรง ไม่แต่งองค์สรงเสวยเลยนิทรา ฯ ๏ ฝ่ายสุริยันนั้นอยู่ตึกช่วยฝึกยักษ์ หลายวันนักไม่เห็นศิษย์คิดกังขา จึงบังเงาเข้าไปห้องไสยา เห็นพระวายุพัฒน์นั้นนิ่งบรรทม อยู่องค์เดียวเปลี่ยวจิตเห็นผิดอย่าง ไม่เห็นนางลูกท้าวสาวสนม ดูผิดรูปซูบผอมเหมือนตรอมตรม ปลุกประทมไต่ถามตามสงกา พระเป็นไรไม่ออกนั่งบัลลังก์อาสน์ ไม่ประภาษราชการนานนักหนา ดูเผือดผิวหิวโหยเห็นโรยรา หรือโรคาขัดขวางเป็นอย่างไร ฯ ๏ พระฟังครูสุริยันให้อั้นอัด สุดจะขัดตรัสแจ้งแถลงไข เหมือนมืดสิ้นดินฟ้าสุราลัย ไม่เหมือนจิตคิดไว้สุดใจจริง เมื่อแรกเริ่มเดิมว่าธิดาราช ก็หมายมาดคาดว่าเลิศประเสริฐหญิง มาพลิกไพล่ได้นางเหมือนอย่างลิง จะแอบอิงพิงเบียดก็เกลียดอาย ประเดี๋ยวนี้วิตกอกจะแตก เหมือนจะแทรกดินไปเสียให้หาย เขาว่ามีเมียผิดคิดจนตาย ต้องอับอายขายหน้าระอาใจ ครูหัวร่อพ่อคิดให้ผิดอย่าง เหมือนลิงค่างอย่างนี้หาที่ไหน แต่ก่อนเคยเชยโฉมประโลมใจ ก็กลับไกลมิได้อยู่เป็นคู่ครอง เดี๋ยวนี้พ่อก็ไม่มีที่จะเห็น เที่ยวซ่อนเร้นเย็นเช้าโศกเศร้าหมอง ได้ลูกสาวเจ้าเมืองรุ่งเรืองรอง เหมือนเรือคล่องล่องน้ำลอยลำฟู ถึงธิดาน่าเกลียดมีเกียรติยศ ได้ลือชาปรากฏไม่อดสู แต่รูปร่างอย่างย่าไม่น่าดู ปู่ไปอยู่คู่คงสืบวงศ์วาน จนเกิดพ่อประเสริฐมาเกิดเจ้า เดี๋ยวนี้เล่าย่าก็มารักษาหลาน อย่ารังเกียจเกลียดเมียจะเสียการ จงคิดอ่านหว่านพืชให้ยืดยืน การทั้งปวงเราข้างหน้ามากกว่าหลัง คิดถึงวังลังกาอุตส่าห์ฝืน ถึงฝาดฝืดจืดเค็มที่เต็มกลืน อย่าคายคืนขืนข้ามไปตามเกิน ถ้าเสียเมียเสียเกลือเนื้อจะเน่า การของเราเล่าจะค้างเพราะห่างเหิน ถึงลิงค่างช่างเถิดพ่อพอเพลิดเพลิน อย่างหมางเมินเขินขามไปตามจน ฯ ๏ พระนิ่งนั่งฟังครูค่อยรู้สึก คิดตรองตรึกนึกเห็นจะเป็นผล จึ่งว่าฉันฟั่นเฟือนเหมือนมืดมน ค่อยเห็นหนทางนำจะจำจร สุริยันครั้นเห็นรับกลับไปตึก พระนั่งนึกตรึกคำที่ร่ำสอน พอโพล้เพล้เทวีศศิธร มาอ้อนวอนให้เสวยเครื่องเนยนม พระตรัสตอบขอบจิตขนิษฐ์น้อง พี่กินของอื่นอื่นก็ขื่นขม ต้องเหินห่างวางเว้นเพราะเป็นลม ขอเชยชมโฉมหอมถนอมนวล พลางแนบเน้นเคล้นเคล้าทั้งเศร้าซูบ ประจงจูบลูบต้องประคองสงวน นางพรายพริ้มยิ้มเยือนเบือนกระบวน พระประชวรหวนหักจะหนักไป ฯ ๏ พระว่ารู้อยู่ว่ารักนั้นหนักยิ่ง แม่ยอดหญิงมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว พลางสวมสอดกอดน้องทำนองใน ตามวิสัยในแผ่นดินสิ้นทั้งปวง ประเวณีมิได้มีใครสั่งสอน นางศศิธรอ่อนตามไม่ห้ามหวง เหมือนมาลีคลี่คลายขยายดวง ไม่มีด้วงแลงแล่นต่อแตนตอม แต่แมงภู่รู้รสอตส่าห์แทรก บ้างว่ายแหวกกลีบเผยระเหยหอม เหมือนเช่นชายหมายหญิงต่างยิงยอม ไม่อดออมอิ่มหนำแสนสำราญ ฯ ๏ เมื่อแรกเริ่มเดิมเกลียดครั้นเสียดสี กลับเป็นดีที่ถนอมเหมือนหอมหวาน ทั้งชายหญิงสิ่งสังวาสชาติน้ำตาล ใครพบพานกล้ำกลืนกลับชื่นใจ หญิงเมืองเซ็นเช่นลิงก็จริงอยู่ ใครสมสู่คู่คงลุ่มหลงใหล ลืมลังกานารีรูปวิไล ต้องติดใจสาวสาวชาวเมืองเซ็น เป็นวิสัยในมนุษย์บุรุษเอ๋ย ไม่แคล้วเลยเคยคบได้พบเห็น ถึงรูปชั่วตัวดำมันจำเป็น เว้นแต่เช่นเป็นกะเทยละเลยรัก เหมือนเรื่องราวกล่าวว่าวายุพัฒน์ ได้สมบัติบุตรีเป็นศรีศักดิ์ ตั้งตึกใหญ่ให้ครูอยู่กับยักษ์ ค่อยรู้จักภาษาพูดจากัน ให้มีคนปรนนิบัติซื้อสัตว์ไว้ ตามวิสัยอ้ายยักษ์มักกระสัน อูฐควายม้าลาวัวตัวละวัน เนื้อทรายสมันหมูหมีต้องสี่ตัว มันกินดิบหยิบเชือดสูบเลือดสด กระดูกกระเดี้ยวเคี้ยวหมดทั้งหางหัว เดินปะปนคนทั้งหลายค่อยคลายกลัว มันแต่งตัวตามเขาชาวเมืองเซ็น ฯ ๏ ฝ่ายวายุพัฒน์จัดแก้วแววสว่าง แกะรูปร่างนางผีเสื้อเหมือนเมื่อเห็น ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนนางเหมือนอย่างเป็น ไว้ยอดเช่นชื่อวัปะหามาลาทรง แม้นแปลเป็นคำไทยพวกไพร่พลอด ว่าไว้ยอดหมวกตามความประสงค์ ทั้งเครื่องบวงสรวงย่าเชิญมาลง สิงรูปทรงจงประจำให้สำราญ ฯ ๏ ฝ่ายผีเสื้อเมื่อเขาบวงสรวงก็รู้ มาสิงสู่ยอดมาลารักษาหลาน ถึงเวลาวายุพัฒน์มัสการ ก็บันดาลดั่งหนึ่งเช่นเป็นมนุษย์ ดูพรายพริ้มยิ้มแย้มแจ่มกระจ่าง เหมือนเยื้องย่างอยู่ที่หินกระสินธุ์สมุทร เป็นเงางอกออกด้วยจิตฤทธิรุทร ยังไม่สุดสิ้นอายุอสุริน วายุพัฒน์จัดทหารชำนาญศึก ด้วยตรองตรึกนึกคิดเป็นนิจสิน ได้ไพร่นายร้ายกาจชาติทมิฬ ท้าวกบิลอวยให้เหมือนใจปอง ฯ ๏ จะกล่าวต่อหน่อกษัตริย์หัสกัน กับสุบันเยครูอยู่เป็นสอง ทำหมอยาผ่าฝีมีเงินทอง ชาวบ้านช่องชมชื่อเลื่องลือดี แต่งตัวเป็นเช่นลังกามาแต่แรก ไม่เหมือนแขกแปลกเขาชาวกรุงศรี ถึงเดือนห้าฝ่ายมุลาเจ้าธานี เธอเป็นฝีที่ในท้องตกหนองใน พวกข้าเฝ้าป่าวร้องเสียงซ้องแซ่ ผู้ใดรู้ดูแผลช่วยแก้ไข ให้หายโรคโศกเศร้าที่ท้าวไท จะตั้งให้เป็นขุนนางให้รางวัล พอมีผู้รู้ส่อว่าหมอฝรั่ง รู้ดูทั้งรู้ผ่าหยูกยาขยัน นำข้าเฝ้าเข้าไปหาพูดจากัน พาสุบันเยไปเข้าในวัง ฯ ๏ ฝ่ายกุดั่นดาราบุตราท้าว พึ่งรุ่นราวรับพ่อหมอฝาหรั่ง นำเข้าไปใกล้สุวรรณที่บัลลังก์ อยู่พร้อมพรั่งทั้งสนมกรมใน ให้หมอดูภูวนาถคาดให้แน่ จะผันแปรแก้พิษคิดไฉน ฝรั่งดูรู้ตำราจึงว่าไป ฝีขึ้นในไตตับถึงอับจน ไส้ทะลุพุพองน้ำหนองแตก เกิดกาฬแทรกซ่านเซ็นทุกเส้นขน เป็นเช่นนี้มิรอดแต่สักคน เห็นไม่พ้นมรณาในห้าวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าเมืองคิดเคืองหมอ เร่งผูกคอออกไปอ้ายสมัน ใส่คุกไว้ไม่เหมือนว่าจะฆ่าฟัน ตัดหัวมันเสียบซ้ำให้หนำใจ โอรสรับจับหมอผูกคอลาก ลงไปจากชานพักถีบผลักไส อ้ายสมันนั้นตำรวจเร็วรวดไป ส่งตัวให้กรมเมืองบอกเรื่องความ ทำมะรงลงเหล็กลากขึ้นคุก จำประทุกคาโตใส่โซ่ล่าม เรียกเงินตราด่าซ้ำคุกคำราม ให้ขานยามตามผิดที่ติดตัว ฯ ๏ ฝ่ายหัสกันครั้นรู้ว่าครูผิด ต้องไปติดคุกกษัตริย์ต้องตัดหัว หิ้วถุงเงินเดินตามให้คร้ามกลัว แจกให้ทั่วทำมะรงจงเมตตา จะขอขึ้นไปพบในพลบค่ำ มันก็กำกับให้เข้าไปหา ให้ค่าลดปลดเปลื้องเครื่องขื่อคา พอเห็นหน้าครูขับให้กลับไป พระมาตึกนึกถึงท่านอาจารย์นัก เสือกซบพักตร์โศกาน้ำตาไหล จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าง่วงเหงาใจ สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา โอ้แสนเข็ญเห็นไม่รอดจะมอดม้วย ใครจะช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา เห็นแต่ครูคู่ชีวิตเหมือนบิดา ลอบพามาพ้นตายไม่วายปราณ อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปยากแค้น ต้องขื่อคาหนาแน่นแสนสงสาร สะอื้นอ้อนร้อนฤทัยดังไฟกาล เสโทซ่านซึมซบสลบไป ฯ ๏ ฝ่ายสุบันเยเวลาสักห้าทุ่ม เห็นผู้คุมกำกับเกือบหลับใหล จึ่งร่ายมนตร์ดลขลังกำบังไฟ แล้วเป่าไปแปดทิศด้วยวิทยา คนทั้งปวงง่วงหงับหลับไปหมด เสกสะกดกำบังขลังคาถา ปัดตลอดลอดออกนอกขื่อคา แล้วรีบมาถึงที่ตึกดึกสามยาม เห็นหัสกันนั้นซบสลบหลับ แก้ให้กลับฟื้นขึ้นได้ต่างไต่ถาม พระดีใจได้ออกครูบอกความ เราถือตามสัตย์ธรรม์กรุณา ไม่ทำกลปล้นสะดมเอาสมบัติ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตริษยา มันจัณฑาลพานพาโลจึ่งโกรธา จะไปฆ่าเจ้าเมืองให้เลื่องลือ แล้วหยุดหย่อนสอนมนตร์ดลชะงัด ให้พระหัสกันรับด้วยนับถือ ได้ติดตามยามดึกด้วยฝึกปรือ ด้วยสัตย์ซื่อสุจริตไม่ปิดบัง แล้วแต่งกายกรายกระบี่เหน็บตรีกริช ออกนำหน้าสานุศิษย์ติดตามหลัง สะกดเงียบเซียบเสียงเข้าเวียงวัง ต่างขึ้นยังตึกอยู่ด้วยรู้ชัด เห็นโอรสอดจิตคิดสมเพช เป็นปลายเหตุเวทนารักษาสัตย์ ถึงเจ้าเมืองเคืองแค้นขึ้นแท่นรัตน์ ถีบให้พลัดตกสุวรรณบัลลังก์ แล้วห้ำหั่นฟันฟาดฉุดฉาดฉะ ตัดศีรษะขาดสมอารมณ์หวัง หิ้วหัวออกนอกเขตนิเวศน์วัง ออกไปฝังเสียปลายท้ายกรุงไกร ฯ ๏ แล้วข้ามทุ่งมุ่งหมายขึ้นท้ายน้ำ จะไปสำปันหนาที่อาศัย พอรุ่งแจ้งแสงตะวันพากันไป เข้าเดินไพรพฤกษาพนาวัน ๏ ฝ่ายบุรินทร์อินทราเวลาเช้า เห็นจอมเกล้าเจ้าพารานั้นอาสัญ ไม่มีหัวตัวหวะรอยฉะฟัน ต่างบอกกันวิ่งอึงคะนึงไป ทั้งเสนาข้าบาทราชโอรส โศกกำสรดโศกาน้ำตาไหล ฝ่ายขุนนางข้างนอกบอกข้างใน หมอที่ใส่คุกหนีมีวิชา เครื่องจำจองกองอยู่ประตูปิด ไปด้วยฤทธิ์เวทมนตร์ดลคาถา ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์มาตยา เชิญกุดารายาครองธานี แล้วฝังศพกลบหลุมประชุมพร้อม ก่อตึกคร่อมศพเจ้าไม่เผาผี แล้วตีฆ้องร้องป่าวชาวบุรี ว่าหมอผีลอบเข้ามาฆ่าเจ้านาย อย่าคบค้าฝรั่งรับสั่งห้าม ช่วยกันตามตัดศีรษะไปถวาย พวกขุนนางทั้งแขกเที่ยวแยกย้าย ทั้งหญิงชายชังฝรั่งทั้งพารา ฯ ๏ ฝ่ายพระหัสกันสุบันเย มาถึงเทวะสิงสู่ที่ภูผา มีศาลเจ้าเสาหินแก้วศิลา เป็นที่ป่าสูงสงัดถิ่นสัตว์ไพร มีบ่อน้ำลำธารสะอ้านสะอาด พระหน่อนาถเหนื่อยล้าเข้าอาศัย ขุดมันเผือกเลือกเอาเข้าเผาไฟ เก็บลูกไม้ม่วงปรางมาวางกอง กินกับครูสุบันเยที่เทวฐาน อิ่มสำราญแรงกำลังขึ้นทั้งสอง พระเด็ดดวงพวงผกามณฑาทอง มาร้อยกรองถวายไหว้ไทเทวา เวลาค่ำสำนักนอนเนินเขา ขอเทพเจ้าจงพิทักษ์ช่วยรักษา จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นผกา ทั้งสองรามาเหนื่อยเรื่อยหลับไป ฯ ๏ ฝ่ายหัสกันครั้นรุ่งสะดุ้งตื่น เห็นเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าร้องปราศรัย ว่าช่างกรองบุปผาพวงมาลัย นับถือเราเอามาให้ขอบใจนัก ไปประจิมริมท่ามหารณพ จะให้พบลาภเลิศประเสริฐศักดิ์ เธอบอกเล่าเท่านั้นไม่ทันซัก เทพารักษ์รูปกายก็หายไป พอครูตื่นชื่นชมโสมนัส หน่อกษัตริย์ตรัสแจ้งแถลงไข อาจารย์ฟังสังรเสริญเจริญใจ ต่างกราบไหว้เทวาแล้วลาจร เขม้นหมายประจิมเดินริมเขา เนินลำเนาเขาชะโงกโตรกสิงขร พฤกษาออกดอกช่ออรชร หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรย เข้าป่าสูงฝูงนกวิหคร้อง เสียงแซ่ซ้องลิงค่างครวญครางโหย ระรื่นร่มลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโชย หอมยมโดยดอกไม้ชื่นใจจริง ฯ ๏ หัสกันนั้นพึ่งรุ่นชมบุนนาค นิยมอยากยิ้มแย้มเหมือนแก้มหญิง ผลไม้ใกล้ทางม่วงปรางปริง ร่วงหล่นกลิ้งเกลื่อนกลาดดาษเดียร พอบ่ายเย็นเห็นฝูงนกยูงฟ้อน หางปีกงอนงามกระจ่างเหมือนอย่างเขียน เดินดูเล่นเห็นคนวิ่งวนเวียน ข้ามเนินเตียนตัดลงถึงคงคา เหมือนคำท่านศาลเจ้าบอกเล่าแน่ เดินเลียบแลหาดทรายข้างซ้ายขวา เห็นพี่น้องสององค์ทรงโศกา น้อยน้อยน่าเอ็นดูกับกุมาร ค่อยย่างเหยียบเลียบฝั่งไปนั่งใกล้ แล้วปราศรัยไต่ถามตามสงสาร ไปไหนมาอย่ากันแสงจงแจ้งการ อยู่ถิ่นฐานบ้านตำบลแห่งหนใด ฯ ๏ ฝ่ายพี่น้องสองฟังฝรั่งถาม จึงเล่าความหลังแจ้งแถลงไข ฉันลูกท้าวเจ้าพาราสุราลัย ฝรั่งใหญ่ไพร่พลคณนา พระบิตุราชมาตุรงค์ทิวงคต คนทั้งหมดข้าเฝ้าเขาปรึกษา ให้ข้านี้พี่น้องครองพารา แต่ฝ่ายอาเขยเป็นใหญ่เขาไม่ยอม เอาข้าเจ้าเข้าตึกขังไว้ทั้งคู่ อดกินอยู่ดูเถิดรูปจนซูบผอม พี่เลี้ยงไปไขกุญแจเถ้าแก่พร้อม ช่วยอุ้มอ้อมแอบออกได้นอกวัง เอาข้าเจ้าข้าวเกลือใส่เรือน้อย แล้วเสือกลอยลิบลับไม่กลับหลัง มาหลายคืนคลื่นกระแทกเรือแตกพัง ข้าขึ้นฝั่งมากับน้องได้สองวัน ชันษาข้านี้สิบสี่น้อง ได้สิบสองขวบเศษเสียเขตขัณฑ์ ข้านี้คือชื่อว่าเวชายัน พระน้องนั้นชื่อวันชายากุมารี พระหัสกันสุบันเยว่าเทเวศร์ ท่านบอกเหตุเห็นจะต้องกับสองศรี ดูผิวพักตร์ลักขณาน่าปรานี ครูอุ้มพี่จุมพิตศิษย์อุ้มน้อง แล้วปลอบว่าข้าจะช่วยอยู่ด้วยข้า เหมือนวงศาอย่ากลัวอย่ามัวหมอง จะแก้แค้นแทนให้ดังใจปอง ให้ทั้งสองครองสมบัติกษัตรา ฯ ๏ พระนบนอบตอบฝรั่งว่าครั้งนี้ ท่านปรานีมีพระคุณอุ่นเกศา ฉันเหมือนบุตรสุดแต่ท่านจะกรุณา จะเมตตาพาไปไหนจะไปตาม พระหัสกันสุบันเยเสน่ห์รัก สมยศศักดิ์สุภาพไม่หยาบหยาม รูปก็งามนามก็เพราะเสนาะนาม ต่างแหวกย่ามหยิบส้มขนมเนย น้ำตาลกรวดพลับทับทิมแช่อิ่มแห้ง ออกจัดแจงให้พี่น้องทั้งสองเสวย ต่างพูดจาการุญค่อยคุ้นเคย อิ่มแล้วเลยหลับนอนผ่อนสำราญ ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ใหญ่กองไฟรอบ ช่วยกันปลอบสององค์ด้วยสงสาร ให้นอนกลางต่างรักษาพยาบาล ถามกุมารพูดจาถึงธานี ด้วยท่านครูรู้เรื่องเมืองฝรั่ง เล่าว่าครั้งนางวัณฬามารศรี ให้บอกกล่าวท้าวพระยาทุกธานี ไปช่วยตีเมืองผลึกทำศึกกัน พระอภัยได้พระน้องกับสองบุตร ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงแข็งขยัน จับไทท้าวเจ้าละมานผลาญชีวัน ทั้งสองนั้นแตกตายวายชีวา เธอก็ตามข้ามฝั่งฝรั่งใหญ่ ลูกเจ้าเมืองสุลาลัยไปอาสา สมทบทัพกับแขกแตกกลับมา เขาจับได้ไม่ฆ่าปล่อยมาเมือง เป็นไมตรีมิได้กลับมารับรบ เล่าจนจบแจ้งความมาตามเรื่อง ซึ่งพี่น้องครองสมบัติต้องขัดเคือง จะไปเปลื้องปลดปราบให้ราบเตียน หยิบแผนที่คลี่ดูทางต่างสังเกต ถิ่นประเทศเขตแดนตามแผนเขียน ที่สงสัยไม่รู้ถามครูเรียน ไม่ผิดเพี้ยนพอสังเกตขอบเขตคัน ครั้นสว่างต่างคนกินผลไม้ แล้วเข้าไพรพฤกษาพนาสัณฑ์ ฝ่ายท่านครูสุบันเยอุ้มเวชายัน พระหน่อหนุ่มอุ้มวันชายา ฯ ๏ ไปตามทางกลางแดนตามแผนที่ ต่างชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา พระกรีดเล็บเก็บดวงพวงผกา ให้น้องยาต่างต่างตามทางเดิน ขึ้นเขาใหญ่ไม้สูงชมฝูงนก หมู่วิหคหากินบ้างบินเหิน ดูครึ้มครื้นรื่นร่มพนมเนิน พี่น้องน้อยพลอยเพลินจำเริญใจ ประนมกรวอนถามนามปักษิน นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน หน่อกษัตริย์หัสกันว่ามันไป นอนสุมทุมพุ่มไม้พระไทรทอง นางทูลถามนามนกวิหคพลอด เสียงหวิวหวอดฉอดเพราะเสนาะสนอง พระว่านั่นมันพลอดให้กอดน้อง แม่ไม่ต้องกอดฉันมันนินทา นางฝากตัวหัวร่อสอพลอพลอด ฉันก็กอดก็รักพระหนักหนา ต่างชื่นชวนสรวลสันต์จำนรรจา ตามประสาพี่น้องประคองเคียง ฯ ๏ โน่นไก่ฟ้าหน้าขาวตัวยาวเฟื้อย จับขันเฉื่อยเอื้อยอิเอกวิเวกเสียง กระตั้วไพรไก่แก้วเค้าแมวเมียง โนรีเรียงนกแก้วแจ้วเจรจา ตะกรุมไต่ไม้อุโลกชะโงกชะแง้ พระว่าแน่แม่วันชายาจ๋า นกหัวโล้นโหนไม้มันไต่มา นางผวาหวีดกลัวแล้วหัวเราะ พระพี่จ๋าอย่าเข้าไปใกล้เลยนะ กลัวมันจะโจนมาจิกตาเจาะ พระเชยปรางนางแนบแอบออเซาะ ช่างฉอเลาะเพราะประสงค์ว่าวงศ์วาน เห็นม่าเหมี่ยวเที่ยวเดินบนเนินสูง เป็นฝูงฝูงจูงเด็กลูกเล็กหลาน อรหันผันโผนโจนทะยาน เห็นคนคลานหลบหลีกปีกกระพือ พระพี่น้องสองชมพนมพนัส กระเพิดกระพัดสกุณินบินหนีปรื๋อ ต่างร้องบอกดอกไม้อยู่ใกล้มือ บ้างเด็ดถือทัดหูเชิดชูชม ฯ ๏ พระหัสกันสุบันเยเสน่หา เหมือนวงศาสุจริตสนิทสนม สิบห้าวันดั้นเดินเนินพนม ถึงนิคมเขตพาราสุลาลัย พบฝรั่งนั่งโป่งในดงกว้าง มันเถือกวางข้างธารละหานไหล วางพี่น้องสององค์เดินตรงไป ทำปราศรัยไต่ถามดูตามแคลง เราเดินดงหลงทางมากลางเถื่อน ถึงสามเดือนเถื่อนถิ่นนึกกินแหนง ท่านเอ็นดูรู้วิถีช่วยชี้แจง นี่ตำแหน่งนคเรศประเทศใด ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งนั่งดูเป็นครู่พัก ที่รู้จักทักถามตามสงสัย นั่นหน่อท้าวเจ้าพาราสุลาลัย สองทรามวัยเวชายันวันชายา สุบันเยเพทุบายว่าฝ่ายท่าน เป็นพวกพาลบ้านไร่ไพรพฤกษา รู้จักหน่อวรนาถราชธิดา หรือเดาว่าตานายจะคลายแคลง ฯ ๏ ฝ่ายเสนาว่าเราชื่อเนาวเสน เป็นหัศเกนเวนทหารชาญกำแหง เมื่อแผ่นดินสิ้นกษัตริย์คิดจัดแจง อายาแมงแย่งสมบัติของนัดดา จึ่งเกิดวุ่นขุนนางต่างต้องถอด บ้างเล็ดลอดหลีกหลบไม่คบหา ฝ่ายตัวเราบ่าวไพร่จึงได้มา อยู่บ้านป่าหากินตามถิ่นไพร สุบันเยเสสรวลว่าควรอยู่ ท่านจึงรู้จักแจ้งแถลงไข เดี๋ยวนี้เล่าเราจะพาสองราไป อยู่เวียงชัยให้สำราญผ่านพารา เนาวเสนเห็นแจ้งแถลงเล่า อุ้มลูกเจ้าไอศูรย์ทูนเกศา ทั้งพวกพ้องร้องไห้ฟายน้ำตา ต่างพูดจาปราศรัยซักไซ้ความ เธอฝรั่งลังกาภาษาแปร่ง เรารู้แจ้งแคลงใจขอไต่ถาม จะคิดอ่านการณรงค์ทำสงคราม หรือจะปรามปราบพาลประการใด ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูสะบันเยว่าเทเวศร์ ประสิทธิ์เดชดังพระกาฬผลาญวิสัย เมื่อถึงจึงเราจะเข้าไป ตัดหัวไอ้อาเขยไม่เลยละ ถึงคนอื่นหมื่นแสนแม้นจะสู้ เราเป็นครูผู้สำเร็จเด็ดศีรษะ ให้สิ้นโคตรโทษที่ทำจะชำระ ให้สองพระกุมารผ่านพารา เนาวเสนเห็นเป็นครูผู้วิเศษ จึงบอกเหตุทางเดินขึ้นเนินผา สามวันจึงถึงกรุงข้ามทุ่งนา เราจะพาพวกไปด้วยช่วยเจ้านาย อันขุนนางข้างในจำใจอยู่ โกรธศัตรูหมู่ขบถลดกฎหมาย แม้นหน่อไทได้เมืองไม่เคืองระคาย คนทั้งหลายชายหญิงคงยิงยอม แล้วให้ไปชุมนุมที่ซุ่มซ่อน พอพักผ่อนนอนหลับทับกระท่อม จัดข้าวปลาอาหารคาวหวานพร้อม มาแวดล้อมเลี้ยงครูกับกูมาร แล้วพาตัวไปในป่าเที่ยวหาบ่าว บอกกล่าวข่าวเจ้านายฝ่ายทหาร ทั้งขุนนางต่างเข้ามาพยาบาล ช่วยกุมารมากมายได้หลายร้อย บรรดามาสามิภักดิ์สะพรักพร้อม ประณตน้อมยอมใจให้ใช้สอย รับสั่งความตามธรรมเนียมมาเตรียมคอย พระหน่อน้อยค่อยสำราญอยู่บ้านไพร ทั้งช้างม้าข้าเฝ้าเขาถวาย ค่อยมากมายพรายแพร่งแถลงไข ปลูกประทับพลับพลาพนาลัย เสนาในให้เข้าเฝ้าเหมือนเจ้านาย พระหัสกันท่านครูผู้รับสั่ง จัดตำแหน่งแต่งตั้งคนทั้งหลาย แล้วท่านครูสุบันเยเพทุบาย แต่งตัวนายล่วงหน้าไปธานี ลอบบอกกล่าวชาวเมืองมาเนืองแน่น ตั้งแห่แหนพระพี่น้องทั้งสองศรี มาประทับพลับพลาพนาลี ไปตั้งที่ท้องทุ่งท้ายกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายอายาอาเขยเสวยราชย์ คิดประมาทมิได้แคลงแหนงไฉน เมื่อสองกุมารหลานหนีก็ดีใจ หมายว่าไปไม่รอดคงมอดม้วย มีห้ามแหนแสนสุรางค์เหมือนอย่างหุ่น ละม่อมละมุนรุ่นราวสาวสาวสวย พิศวงหลงละเลิงรื่นเริงรวย ภาษีส่วยสมพัตสรอากรกำนัล พวกสำเภาเหล่าลังกามาค้าขาย ของถวายหลายประเทศทุกเขตขัณฑ์ เกษมสุขทุกเวลาทิวาวัน ทั้งเมลิกันภรรยาอากุมาร ฯ ๏ พอเสนาฝรั่งที่ตั้งแต่ง มาทูลแจ้งข่าวศึกว่าฮึกหาญ เวชายันวันชายาได้อาจารย์ เป็นคนพาลพวกฝรั่งเกาะลังกา ขุนนางหนีที่ออกนอกตำแหน่ง กลับตั้งแต่งต้อนไพร่ได้นักหนา ชาวบุรีหนีไปเข้าจนเบาตา จะยกมารบพุ่งเอากรุงไกร ฯ ๏ อายาแมงแจ้งเรื่องแค้นเคืองว่า ญาติกาอ้ายคนนี้อยู่ที่ไหน จับตัวมาฆ่าฟันให้บรรลัย จะเป็นไส้ศึกอยู่ในบูรี ชาวบ้านนอกคอกนาประชาราษฎร์ เร่งต้อนกวาดเข้ามาไว้อย่าให้หนี เกณฑ์ทัพใหญ่ให้ทันสามวันนี้ จะไปตีพวกฝรั่งเมืองลังกา ขุนนางใหม่ไปทั่วทุกรั้วแขวง สืบแสวงพวกที่หนีไปหา ฆ่าลูกเมียเสียทั้งญาติตามอาชญา ต้อนบ้านนอกคอกนาเข้าธานี ขุนนางเก่าเหล่าที่ไปเป็นใจนั้น คิดหวาดหวั่นพรั่นตัวยกครัวหนี ขุนนางใหม่ได้ความยกตามตี เกิดกุลีที่ในกรุงรบพุ่งกัน ฯ ๏ พวกชายหญิงวิ่งร้องเสียงก้องกึก เสียงยิงปืนครื้นครึกพิลึกลั่น บ้างหลีกหลบรบราฆ่าฟันกัน ถึงสามวันสามคืนเสียงครื้นครึก ฝ่ายหัสกันนั้นกับครูได้รู้เรื่อง ว่าในเมืองอลหม่านเกิดการศึก รีบยกทัพขับทหารสะท้านสะทึก เสียงคึกคึกข้ามทุ่งถึงกรุงไกร ขุนนางเก่าเขารู้เปิดประตูรับ โยธาทัพโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว พวกหน้าที่หนีหายแยกย้ายไป ขุนนางใหม่หนีออกนอกกำแพง บ้างไปทางข้างใต้ไปข้างเหนือ บ้างลงเรือลดเลี้ยวไปเที่ยวแฝง นางสาวสาวชาววังนั่งจัดแจง เก็บเครื่องแต่งแป้งขมิ้นใส่ปิ่นโต ทั้งถุงไถ้ใส่ข้าวเม่าแลข้าวตาก เมื่ออดอยากยากแค้นจะแขวนโถ บ้างตีอกตกใจร้องไห้โฮ เสียงเขาโห่หกล้มไม่สมประดี อายาแมงแฝงตัวกลัวสง่า จูงเมลิกันภรรยาพากันหนี เที่ยวแลหาข้าไทก็ไม่มี ออกประตูบูรีตะลีตะลาน พอรุ่งแจ้งแสงตะวันสุบันเย สมคะเนไม่พักโหมหักหาญ เข้าพาราพาพี่น้องสองกุมาร ขึ้นปราสาทราชฐานสำราญใจ ฯ ๏ พี่เลี้ยงเหล่าชาวแม่เสียงแซ่ซ้อง มาเฝ้าสองหน่อกษัตริย์ตรัสปราศรัย แล้วเล่าความตามยากลำบากไป จนถึงได้กลับมายังธานี ฝ่ายท้าวนางข้างในผู้ใหญ่น้อย อวยพรพลอยสรรเสริญจำเริญศรี ฝ่ายเสนาพฤฒามาตย์ราชกวี มาภักดีปรีดาพร้อมหน้ากัน ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ปราบเรียบราบเสร็จ จึงเสด็จออกที่นั่งนรังสรรค์ ขุนนางเข้าเฝ้าแหนอยู่แน่นนันต์ พร้อมเผ่าพันธุ์พงศาข้างหน้าข้างใน สุบันเยจึงว่าเสนาทั้งหลาย รักเจ้านายภักดีจะมีไหน จะภิเษกเอกฉัตรกำจัดภัย ตามวิสัยสุริย์วงศ์ดำรงวัง ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์มาตยาเสนาพร้อม คำนับน้อมยอมจิตเหมือนคิดหวัง พระเวชายันนั้นลงมาหน้าบัลลังก์ ก้มกราบทั้งครูพระหัสกัน แล้ววอนว่าข้านี้ถึงที่ม้วย ท่านโปรดด้วยช่วยเมตตาไม่อาสัญ อายุอ่อนหย่อนปัญญาสารพัน ขอเชิญท่านทั้งสองครองพารา อันข้านี้พี่น้องขอรองบาท เป็นที่ราชโอรสมียศถา ขอสนองสองพระคุณกรุณา ได้อุ้มพามาสนิทเหมือนบิดร พวกข้าเฝ้าเหล่าฝรั่งจงตั้งจิต พึ่งพระคุณบุญฤทธิ์อดิศร ทรงสัตยธรรม์กรุณาสถาวร จะวายร้อนทั่วจังหวัดปัถพี ฯ ๏ ฝ่ายสุบันเยฟังสังรเสริญ พลางเจริญพระพี่น้องทั้งสองศรี กตัญญูรู้จักด้วยภักดี ควรเป็นที่ท้าวพระยาปรีชาชาญ แต่เรานี้วิสัยมิได้รัก ซึ่งยศศักดิ์สมบัติพัสถาน สันโดษเดี่ยวเที่ยวตามความสำราญ แต่พบพานสัตว์บาปต้องปราบปราม จะคิดอยู่บูรีหามิได้ ช่วยแผ้วภัยให้พอเตียนที่เสี้ยนหนาม ให้คนดีมีเมตตาสง่างาม จะไปตามความสบายเหมือนหมายใจ พ่อรับที่ภิเษกเอกฉัตร สืบกษัตริย์ทรงธรรมตามวิสัย ให้สมหวังดั่งหนึ่งจิตฉันคิดไว้ ดีกว่าให้ไอศูรย์ไม่ปูนปอง ฯ ๏ กุมาราว่าพระคุณการุญรัก ฉันคิดจักแทนคุณการุญสนอง ไม่โปรดรับกลับมอบให้ครอบครอง เหมือนเพลิงกองก่อสุมรุมอุรา จะครองวังทั้งหลายพวกชายหญิง ไม่เห็นจริงจะระแวงว่าแกล้งว่า ให้แล้วกลับรับสมบัติเสียสัจจา จะขอฆ่าตัวให้บรรลัยลาญ แล้วโศกาว่าอ้อนวอนทั้งสอง ครูประคองอุ้มองค์ด้วยสงสาร อย่าโศกศัลย์กันแสงจงแจ้งการ พ่อไม่ผ่านโภไคยจะให้ปัน ฉันใช่หน่อวรนาถชาติกษัตริย์ ผ่านสมบัติเขาจะชวนกันสรวลสันต์ ที่สมรักศักดิ์กษัตริย์หัสกัน เหมือนพงศ์พันธุ์ผ่านสมบัติขัตติยา ข้างฝ่ายพ่อก็เป็นพระอุปราช บำรุงราชนิเวศน์กับเชษฐา แม้นไม่ตามความฉันจำนรรจา ก็จะลาเลยไปอยู่ในดง ฯ ๏ หน่อนรินทร์ยินดีชุลีหัตถ์ ไม่ข้องขัดควรความตามประสงค์ แล้วปรึกษาข้าบาทญาติวงศ์ ต่างก็ปลงใจพร้อมยอมยินดี เชิญกษัตริย์หัสกันถวัลย์ราชย์ เป็นสิทธิ์ขาดราชการผ่านกรุงศรี พระเวชายันนั้นเป็นหน่อเจ้าธรณี ให้เป็นที่อุปราชราชวัง วันชายานารีศรีสวัสดิ์ อยู่กับหัสกันพี่เป็นที่หวัง ช่วยตรวจตราว่ากล่าวข้างชาววัง ร่วมบัลลังก์ดังหนึ่งน้องร่วมท้องกัน ฝ่ายท่านครูกับพระอุปราช ร่วมปราสาทราชวังนรังสรรค์ ไม่มีเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล รักสุบันเยสนิทเหมือนบิดร ฝรั่งใหญ่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ เกรงพระบาทบุญฤทธิ์อดิศร ทั้งเมืองน้อยร้อยเอ็ดเขตนคร เจริญพรผาสุกทุกตำบล มีข้าวเหลือเกลือถูกทั้งลูกไม้ ที่ทำไร่ไถนาได้ฟ้าฝน พฤฒามาตย์ราษฎรไม่ร้อนรน ก็เพราะผลเมตตาเจ้าธานี ฯ ๏ ในเรื่องราวกล่าวพระหัสกันนั้น อยู่ด้วยกันวันชายามารศรี แสนสำราญนานมาได้กว่าปี กุมารีสีสันดั่งจันทรา พระเต้าตั้งดั่งปทุมพึ่งตูมเต่ง อยู่ครัดเคร่งเต่งตั้งพระมังสา เนตรขนงวงพักตร์ลักขณา ดั่งเลขาขาวผ่องละอองนวล เมื่อยังเยาว์เข้าที่ศรีไสยาสน์ เคยพิงพาดพี่น้องประคองสงวน ครั้นโฉมตรูรู้ความจะลามลวน ก็ไม่ควรขืนใจกระไรเลย บรรทมเคียงเที่ยงคืนระรื่นรส ดอกไม้สดสุมาลัยใกล้เขนย นางนอนแอบแนบข้างเหมือนอย่างเคย จนเคลิ้มเลยหลับสนิทอยู่ชิดองค์ ฯ ๏ หน่อกษัตริย์หัสกันให้ปั่นป่วน เสน่ห์นวลนิ่งพินิจพิศวง แสงชวาลาสว่างกระจ่างทรง ฉวีวงพักตร์เหมือนดั่งเดือนเพ็ง พึ่งรุ่นแรกแตกเนื้อเหลือแฉล้ม เมื่อยิ้มแย้มแก้มอย่างมะปรางเปล่ง ค่อยเลิกสไบไม่ให้ตึงตะลึงเล็ง แลอุระช่ะช่างเต่งดูเคร่งครัด พลางเอนแอบแนบน้องจ้องจะจับ เห็นนางขยับกลับขยดหดพระหัตถ์ หยิบพัดจันทน์นั้นมาถือกระพือพัด ยิ่งกลุ้มกลัดอัดอั้นคันคันมือ สิบสี่ปีนี้ก็สมอารมณ์รัก เหลือประดักประเดิดเถิดเถิดหรือ ฉวยร้องวุ่นขุ่นเคืองจะเลื่องลือ เสียดายชื่อรื้อยั้งหยุดรั้งรอ แต่ความรักชักชวนให้ป่วนปั่น เหมือนช้างมันตกเหื่อที่เหลือขอ จะลักหลับจับต้องประคองคลอ แต่รอรอริมริมเชยชิมชม พอครือปรางนางตื่นไม่ขืนขัด ปรนนิบัติเบียดชิดสนิทสนม เห็นผ่อนตามยามดึกนึกนิยม ยิ่งคิดข่มใจฝืนยิ่งขืนคิด เฝ้าสูดสูบจูบซ้ำกลืนกล้ำกลิ่น มิรู้สิ้นซากหอมสนอมสนิท ตระกองเกี่ยวเกลียวกลมเชยชมชิด จนเต้าติดอกอุ่นละมุนทรวง พลิกขยับกลับหยุดเห็นนุชนิ่ง พระนึกกริ่งเกรงจิตตะขิดตะขวง ไม่เหมือนหมายอายฝรั่งสิ้นทั้งปวง คิดเหงาง่วงงีบหลับระงับไป ฯ ๏ อันเรื่องราวกล่าวกษัตริย์หัสกัน กับสุบันเยครูอยู่อาศัย ช่วยกุมารผ่านพาราสุลาลัย แต่งเรือใช้ไปฟังข่าวชาวลังกา ฯ ๏ จะกล่าวเรื่องเมืองผลึกเมื่อศึกหยุด สินสมุทรครองวังรั้งรักษา ถึงเดือนยี่ปีขาลพระมารดา องค์มณฑาเสด็จสวรรคครรไล พระญาติวงศ์พงศาทั้งข้าเฝ้า กำสรดเศร้าแซ่ซ้องร่ำร้องไห้ หน่อกษัตริย์จัดโกศแก้วประไพ เชิญศพใส่ไว้ปราสาทกั้นราชวัติ ฉัตรเงินทองรองเรืองเครื่องประดับ มีสำหรับยศอย่างนางกษัตริย์ นิมนต์มุนีที่บำเพ็งบวชเคร่งครัด มาสวดมนต์ปรนนิบัติตามศรัทธา แล้วแต่งสารการศพสวรรคต ตามกำหนดจดวันชันษา ให้เสนีที่ชำนาญการพูดจา ไปลังกาทูลสนองทั้งสององค์ เสนาในได้หนังสือถือรับสั่ง ลงที่นั่งกำปั่นสุวรรณหงส์ พร้อมต้นหนคนประจำเป็นลำทรง ออกอ่าวตรงข้ามฝั่งไปลังกา ขึ้นเฝ้าสุดสาครบวรนาถ ถวายพระราชสารสมเด็จพระเชษฐา พระอ่านแจ้งแข็งขืนกลืนน้ำตา พาเสนาผู้ถือหนังสือไป ถึงอารามสามองค์ที่ทรงพรต น้อมประณตทูลแจ้งแถลงไข เหมือนเรื่องความตามสวรรคครรไล แล้วอ่านให้ทราบความตามคดี ฯ ๏ ในสาราว่าพระหน่อวรนาถ บังคมบาทบงกชบทศรี ด้วยแรกเริ่มเดิมพระอัยกี หาฉันนี้ไปเฝ้าพร้อมเผ่าพงศ์ ทรงขาวผ่องยองใยสไบเฉียง ตรัสสั่งเสียงแจ่มใสไม่ใหลหลง ฝากสุรางค์นางนาฏพระญาติวงศ์ ว่าพระองค์นั้นถึงสวรรคต แจกเงินทองของประทานวงศ์วานพร้อม ทั้งเตี้ยค่อมข้าหลวงทั้งปวงหมด แล้วอวยชัยให้พระองค์ซึ่งทรงพรต เป็นดาบสบวชจำเริญอยู่เนิ่นนาน แล้วเข้าที่ตีสามยามสงัด ตื่นบรรทมประนมหัตถ์อธิษฐาน พอนาทีตีสิบเอ็ดสำเร็จการ พระนิพพานนิ่งสนิทเหมือนนิทรา ฯ ๏ ทั้งสามองค์ปลงเห็นเป็นสำเร็จ ท่านสิ้นเสร็จชาติทุกข์ถึงสุขา แล้วถือพัดขัดสมาธิ์มาติกา ได้พร้อมพรั่งทั้งวัณฬาสุมาลี ครั้นจบสวดตรวจน้ำร่ำอุทิศ เป็นนักสิทธ์อยากใคร่พบซากศพผี เห็นสมควรชวนสองดาบสินี เข้ากุฎีห่มดองครองเครื่องพรต ชฎากลีบจีบเฉลิมเสริมพระเศียร หนังสือเฉวียนวระชาตามดาบส เสร็จทั้งสามตามกันลงบรรพต ถือพัดป้องจ้องจดบทจร ฯ ๏ ฝ่ายหน่อนาถราธนาพระดาบส ขึ้นทรงรถเนาวรัตน์ประภัสสร เข้าดงเดินเนินผาพนาดร ประทับรอนแรมทางมากลางดง ไม่เข้าวังลังกาไปท่าน้ำ แล้วลงลำกำปั่นสุวรรณหงส์ ออกร่องน้ำท่ามกลางตัดทางตรง พอพลบลงลมแดงดั่งแสงเพลิง ดูมืดกลุ้มคลุ้มคลื่นเสียงครืนครั่น โดนกำปั่นหันระเหิดเตลิดเหลิง ใบขาดแตกแฉกฉีกเป็นปีกเปิง น้ำเข้าเจิ่งดาดฟ้าคงคาเค็ม คนจะยืนขึ้นก็ล้มด้วยลมคลื่น เหลือจะฝืนฝ่าข้ามไปตามเข็ม สุดสังเกตเขตแดนจะแล่นเล็ม ด้วยลมเค็มตึงใบลดไม่ทัน ต้องเอามีดกรีดแหวะแฉละโล่ง ให้เปล่าโปร่งปลดห่วงที่ควงขัน ไม่เห็นหนมนมืดเป็นหมอกควัน ตีกำปั่นไปทิศอาคเนย์ พวกต้นหนคนงานซมซานซบ คลื่นกระทบกระแทกป่วนให้หวนเห ลมไม่หยุดรุดไปในทะเล ออกมเหสระตินสายสินธู ไปสามเดือนเหมือนหนึ่งเหาะสิ้นเกาะแก่ง จนสุดแสงสุริเยนทร์เห็นรุบหรู่ เป็นขอบจักรวาลาตำราครู ไม่เห็นสูริยันดวงจันทรา เห็นเงื้อมเงาเขาขวางกีดกางกั้น ชื่อละเมาะเกาะกัลปังหา กว้างร้อยโยชน์โขดนิลเหมือนศิลา เป็นที่อารักษ์อยู่แต่บูราณ พวกจีนจามพราหมณ์ทั้งฝรั่งแขก เรือมาแตกที่ทะเลเทวฐาน อารักษ์ช่วยด้วยฤทธิ์พิสดาร สืบลูกหลานเหล่ากอต่อต่อมา ฯ ๏ พวกหญิงชายฝ่ายชนทะเลนั้น อยู่เขตแคว้นแดนกัลปังหา เมื่อลงน้ำดำว่ายคล้ายคล้ายปลา ไม่นุ่งผ้านุ่งแต่ใบไม้กำบัง เป็นหัวพริกหยกแดงเรี่ยวแรงมาก ตัวเหมือนกลากเกลื้อนปลิวลอกผิวหนัง บ้างอยู่บกตกกล้าทำนาปรัง บ้างอยู่ฝั่งสาชลล้วนคนทะเล ทำสุมทุมพุ่มไม้อยู่ในป่า เสียงพูดจาว้าโว้ปะโหรปะเหร จะแปลภาษามนุษย์สุดคะเน มันเที่ยวเร่รายกันขุดมันกลอย บ้างลงน้ำดำหากุ้งปลาได้ เอาเผาไฟกินอยู่ทั้งปูหอย มีลูกเต้าเหล่าเด็กเล็กเล็กน้อย ลงว่ายลอยเล่นน้ำด้วยชำนาญ แขกฝรั่งทั้งพราหมณ์อยู่ตามเพื่อน ปลูกเหย้าเรือนตามทะเลเทวฐาน ด้วยกว้างขวางอยู่หว่างจักรวาล เป็นกิ่งก้านซ้อนซับสลับกัน มีลูกงอกออกที่รากหลากประหลาด แดงดั่งชาดกลมกลิ่นดั่งดินถนัน ลูกลอยฟูอยู่ในน้ำของสำคัญ คือลูกกัลปังหาในวารี กินเข้าไปใจชื้นระรื่นกลิ่น ตัวก็สิ้นโรคาเป็นราศี ที่เกาะนั้นบรรดาเป็นนารี ใครอยากมีผัวก็ไปไหว้เทวา เทพไทให้เห็นเช่นมนุษย์ รูปงามสุดสมเล่ห์เสนหา ครั้นลูกมีสีเหมือนนิลดั่งจินดา ท่านเทวาพาไปในคีริน กินลูกกัลปังหาเป็นอาหาร อยู่สถานถ้ำทองในห้องหิน พี่สาวสองน้องชายกายเหมือนนิล ล้วนหอมกลิ่นมังสาเหมือนมาลี เกิดเรียงปีพี่น้องสองสังเขป ชื่อนางเทพเทพินนิลกัณฐี อนุชาอายุสิบสี่ปี ชื่อเจ้าตรีพลำมีกำลัง รู้ภาษามนุษย์สุดประเทศ ด้วยเทเวศร์แกมกับคนมนต์ดลขลัง รู้สึกลับคลับคล้ายกายกำบัง นุ่งห่มหนังนาคราชผุดผาดงาม วันนั้นออกจากถ้ำว่ายน้ำเล่น เห็นปลาเผ่นขึ้นหลังได้ทั้งสาม จะขับซ้ายย้ายขวาปลาไปตาม ด้วยมีความรู้ฤทธิ์วิทยา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระอภัยในกำปั่น เห็นเงื้อมเงาเขากัลปังหา ฝูงปลาใหญ่ในน้ำว่ายคล่ำมา ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังดั่งคีรี พวกฝรั่งนั่งยืนยิงปืนสู้ มันยิ่งพรูกันมาอีกไม่หลีกหนี กดกำปั่นนั้นจนเปลี้ยจะเสียที จึ่งหยิบปี่เป่าเสียงสำเนียงดัง ฝูงปลาใหญ่ได้ยินลืมกินเหยื่อ ที่หนุนเรือเคลื่อนคล้อยกลับถอยหลัง ขึ้นลอยล่องฟ่องฟูเงี้ยหูฟัง วิเวกวังเวงแว่วแจ้วจับใจ เสียงฉอดฉ่ำร่ำว่าเทพารักษ์ ซึ่งสำนักเนินผาชลาไหล ขอเชิญช่วยด้วยเถิดพระเลิศไกร ให้พ้นภัยฝูงปลาในวารี แล้วเป่าบวงสรวงถวายฉุยฉายเอ๋ย เชิญชมเชยจันทร์จำรัสรัศมี ดารากรร่อนเร่ในเมฆี จะช่วยชี้ชมดาวสาวสาวเอย ไม่มีคู่อยู่เดียวเปล่าเปลี่ยวอก ไม่เหมือนกกกอดพระทองนะน้องเอ๋ย จะชมอื่นคืนกลับลิบลับเลย ไม่เหมือนเชยโฉมน้องประคองเคียง เสนาะดังวังเวงเป็นเพลงพลอด เสียงฉอดฉอดเฉื่อยฉ่ำด้วยน้ำเสียง ก้องกังวานหวานแว่วแจ้วจำเรียง ส่งสำเนียงนิ้วเอกวังเวกใจ ฯ ๏ ฝ่ายนางเทพเทพินนิลกัณฐี ทั้งเจ้าตรีพลำเล่นน้ำไหล ยินสำเนียงเสียงเพราะเสนาะใน จับจิตใจเจียนจะหลับนั่งตรับฟัง เห็นกำปั่นนั้นแล้วแจ้วแจ้วจอด เสียงฉอดฉอดพลอดสัมผัสประหวัดหวัง จึงขับปลามาในน้ำด้วยกำลัง พูดภาษาฝรั่งร้องถามไป นี่แน่คนบนลำเรือกำปั่น ท่านพากันมาแต่หนตำบลไหน เมื่อตะกี้นี้สำเนียงเสียงอะไร ใครทำไมไพเราะเสนาะดี ฯ ๏ พระอภัยได้ฟังดูทั้งสิ้น ผิวเหมือนนิลนวลละอองผุดผ่องศรี งามทั้งสามทรามรุ่นดรุณี มาเที่ยวที่ท้องทะเลหรือเทวา จึ่งปราศรัยไพเราะเสนาะสนอง เหมือนพี่น้องน่ารักนั้นหนักหนา เชิญขึ้นลำกำปั่นจำนรรจา ที่สงกาก็จะเล่าให้เจ้าฟัง ฯ ๏ ฝ่ายสามองค์ทรงฟังสังรเสริญ ทั้งเชื้อเชิญชื่นชมด้วยสมหวัง จึ่งขึ้นลำกำปั่นนั่งบัลลังก์ มุนีนั่งทั้งสามบอกตามตรง เป่าที่เรือเมื่อตะกี้นั่นปี่แก้ว ให้ดูแล้วปลอบถามตามประสงค์ ดูรูปร่างช่างงามทั้งสามองค์ เป็นเชื้อวงศ์เทวาหรือมานุษย์ อยู่สำนักหลักแหล่งตำแหน่งไหน มาเที่ยวในคงคงมหาสมุทร ล้วนน่ารักศักดิ์สิทธิ์ฤทธิรุทร ขอเชิญสุดสวาทเล่าให้เข้าใจ อันตัวเราเจ้านายฝ่ายฝรั่ง ครองเมืองลังกาจิตคิดเลื่อมใส ละสมบัติวัตถาไม่อาลัย ไปอยู่ไพรสร้างสมพรหมจรรย์ เป็นฤๅษีมีศีลทั้งกินบวช จะไปสวดศพเขาให้ไปสวรรค์ ออกจากฝั่งลังกาสลาตัน ตีกำปั่นมาในน้ำถึงสามเดือน ทั้งเชือกเสาเพลาใบตีไปหมด ทุกข์ระทดท้อใจใครจะเหมือน ถิ่นประเทศเขตขัณฑ์ก็ฟั่นเฟือน มาลอยเลื่อนกลางทะเลว้าเหว่ใจ ขอถามความสามองค์เจ้าจงแจ้ง นี่ตำแหน่งแขวงเขตประเทศไหน ที่แลเลื่อมเงื้อมเงาเขาอะไร เหมือนต้นไม้ในทะเลเทียมเมฆิน ฯ ๏ พี่น้องนั่งฟังคำที่ร่ำถาม จึงบอกสามพระฤๅษีที่มีศีล ข้านี้คือชื่อเทพเทพิน น้องชื่อนิลกัณฐีตรีพลำ อันประเทศเขตแขวงตำแหน่งนี้ ไม่เห็นรวีดาวเดือนเหมือนจะค่ำ แลเขม้นเห็นแจ้งเพราะแสงน้ำ ที่ดูดำดั่งหนึ่งนิลศิลา มิใช่เขาเงาไม้สูงใหญ่นั้น คือมณฑลต้นกัลปังหา เป็นคีรีที่สถิตท่านบิดา สิ้นสุธาท่ามกลางหว่างจักรวาล พวกเสียเรือเหลือตายทั้งชายหญิง อาศัยสิงสิขรินทร์เป็นถิ่นฐาน เหมือนเรือท่านฉันก็เห็นไม่เป็นการ น่าสงสารท่านฤๅษีจะมีภัย จงเลื่อนลากำปั่นไปวันนี้ ริมคีรีที่บิดาได้อาศัย ไปหรือจ๊ะพระฤๅษีหรือมิไป พระอภัยภิญโญโมทนา ทั้งสามองค์ทรงช่วยฉันด้วยเถิด จะได้เกิดการบุญคุณหนักหนา ทั้งสามรับกลับนั่งบนหลังปลา รุนกำปั่นเข้ามาหน้าคีรี แกล้งขึ้นเขาเข้าในห้องช่องสิงขร บอกบิดรดั่งได้ถามสามฤๅษี ฝ่ายเทพไทให้เห็นเป็นอินทรีย์ เรียกมุนีขึ้นมานั่งหลังบรรพต แล้วปราศรัยไต่ถามสามมนุษย์ ซึ่งบอกบุตรของเราว่าเป็นดาบส เหาะเหินได้ไปสวรรค์ชั้นโสฬส หรือปรากฏยศถาในสามัญ ฯ ๏ พระมุนีมีประโยชน์โปรดเทเวศร์ จึงตรัสเทศนาคำธรรมขันธ์ ประนมหัตถ์ขัดสมาธิ์ขึ้นสองชั้น แล้วรำพันพจนาตามบาลี จะกำเนิดเกิดกายทั้งชายหญิง ตายแล้วกลิ้งกลิ่นเหม็นกลับเป็นผี ถึงเทพบุตรครุฑาวาสุกรี ก็ย่อมมีทุกข์โศกมีโรคภัย ไม่พ้นพระอนิจจังยังไม่ลุ ถึงอายุยืนยงอสงไขย เหมือนแผ่นดินถิ่นทะเลเมรุไกร เพลิงประลัยมาทำลายก็วายปราณ เป็นนิสัยไตรภพจบจังหวัด ย่อมเวียนว่ายในวัฏสงสาร ที่พ้นทุกข์สุขโขมโหฬาร คือนิพพานพูนสวัสดิ์วัฒนา เหมือนหลับใหลไม่ฝันนั้นเป็นสุข ตื่นแล้วทุกข์ผูกพันเพราะตัณหา เราเล็งเห็นเป็นวิบัติแล้วศรัทธา ถือศีลห้าเหตุจะใคร่ไปนิพพาน คือปาณาอทินนาไม่ฆ่าสัตว์ ไม่นิยมสมบัติพัสถาน บทสามว่ากาเมมิจฉาจาร ผัวเมียท่านชายหญิงไม่ชิงเชย ที่มุสาวาทีมิได้ปด สุรารสเมรัยมิได้เสวย คือศีลห้าสิ่งใดไม่เปรียบเลย จะได้เชยชมพระนฤพาน จึงถือศีลกินบวชสวดกุศล ผู้ใดนิมนต์ปรนนิบัติอัธิษฐาน คนผู้นั้นครั้นดับขันธสันดาน ได้วิมานเมืองฟ้าสุราลัย วิสัชนามาก็ครบจบศีลห้า จงอุตส่าห์อย่าให้เสื่อมที่เลื่อมใส สละสลัดตัดบ่วงที่ห่วงใย จึงจะได้ไปถึงที่นีรพาน ฯ ๏ เทพไทไหว้ว่าสาธุสะ คำของพระมั่นแม่นเป็นแก่นสาร จะถือศีลจินตนาสมาทาน ต่างกราบกรานเกรงบุญพระมุนี ส่วนสามองค์ปลงใจเลื่อมใสพร้อม ประณตน้อมนับถือพระฤๅษี ขอพากเพียรเรียนสิกขาทั้งบาลี พระมุนีไปไหนจะไปตาม พระอภัยได้สดับรับจะสอน พลางอวยพรเทพพ่อของทั้งสาม เขาจะเพียรเรียนสิกขาพยายาม จงโปรดตามใจให้เหมือนใจจง เทพารักษ์ภักดีมุนีนาถ อนุญาตยอมตามความประสงค์ แล้วลาพระละกายหายรูปทรง ต่างดำรงรักษาสมาทาน ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงนามสามฤๅษี อยู่คิรีที่ทะเลเทวฐาน ส่วนสองนางต่างถามสามกุมาร ดูชั้นชานภูผานั้นน่าชม เหมือนมณฑลต้นกัลปังหา โตใหญ่กว่าโยชน์ตั้งครั้งประถม อยากจะใคร่ไปเดินเนินพนม นำไปชมเชิงชานสำราญใจ ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่สาวทูลดาวบส บนบรรพตพระดำเนินเดินไม่ไหว ขึ้นบนบ่าข้าจะเชิญเที่ยวเดินไป เห็นพร้อมใจกับพระน้องทั้งสองรา ตรีพลำกำลังดั่งสิงหะ แบกองค์พระอภัยเดินไปหน้า นางเทพินยินดีมีศรัทธา กราบสุมาลีก้มประนมนิ้ว ค่อยสอดกรช้อนพระองค์ให้ทรงนง ประคองทั้งสองพระเพลาแบกเบาหวิว กัณฐีช้อนวัณฬาแบกพาปลิว ไปตามทิวไม้ร่มพนมเนิน ฯ ๏ ภูเขานั้นอันคนอื่นจะขึ้นยาก เชิงชะวากวุ้งเวิ้งเป็นเพิงเผิน ฤๅษีพับเพียบงามสามองค์เดิน ชมโตรกเตริ่นตรวยโตรกชะโงกชะง้ำ บ้างงุ้มเงื้อมเลื่อมเหลือบเหมือนเคลือบขลับ บ้างวาบวับวามแสงดูแดงก่ำ บ้างเหมือนแม้นแท่นแท่งดังแกล้งทำ มีธารล้ำน้ำพุโปรยปรุปรอย ลางแห่งเห็นเย็นเยียบเงียบสงัด เป็นน้ำหยัดหยดเหยาะเผาะเผาะผอย มีต้นไม้ใหญ่ยิ่งก้านกิ่งช้อย ฝักเหมือนนกหกห้อยย้อยระย้า เป็นรอกแตแลเห็นเป็นต่างต่าง มีทุกอย่างสารพัดสัตว์ปักษา โตสักร้อยอ้อมเศษสังเกตตา สูงสักห้าสิบเส้นพึ่งเห็นมี ข้างโคนโตโปปุ่มเปลือกหุ้มอยู่ เหมือนเม่นหมูงูเนื้อเหมือนเสือหมี เหมือนสิงโตโคถึกมฤคี พระมุนีพินิจพิจารณา แต่ก้มเงยเลยดูเป็นครู่พัก มีแต่ฝักไม่มีใบใหญ่หนักหนา จึงตรัสถามสามองค์ด้วยสงกา กุมารารู้บ้างหรือไม้ชื่อไร ฯ ๏ นางเทพินนิลกัณฐีตรีพลำ ต่างตอบคำทูลแจ้งแถลงไข แต่ก่อนกาลท่านบิดาบอกข้าไว้ ชื่อต้นไม้สัตบรรณบนบรรพต ครั้นฝักแก่กระแตกระรอกก็ออกสิ้น แตกทุกฝักปักษิณบินไปหมด ที่โคนตุ่มปุ่มโป่งตะโคงคด ถึงกำหนดสามปีจะมีตัว ปุ่มเปลือกแตกแยกแยะแพะแกะกระโดด เขย่งโขยดโดนกันมันคันหัว ทั้งสิงห์เสือเนื้อทรายแรดควายวัว เที่ยวไปทั่วเขตป่าพนาดร แล้วพาเดินเนินโขดขึ้นโสดสุด ยืนยั้งหยุดยอดกิ่งบนสิงขร ชมมหาสาคโรชโลธร ล้วนนาคีมีหงอนสลอนลอย เป็นปล่องนาคมากมายขึ้นว่ายคล่ำ บางพ่นน้ำพลุ่งพลุ่งฟูฟุ้งฝอย ล้วนยาวเฟื้อยเลื้อยลายเลื่อมพรายพรอย ทั้งใหญ่น้อยลอยเลี้ยวกอดเกี่ยวพัน อินทรีฉาบถาบถาร่อนราปีก ฉวยโฉบฉีกนาคราชเผ่นผาดผัน ครุฑก็ลากนาคจิกเหยียบหยิกยัน เวียระวันว้าว่อนราร่อนลอย แลบนสูงฝูงคนทะเลเล่า เล็กเล็กเท่ามดไรไต่ร่อยร่อย กำปั่นยาวเก้าเส้นเห็นน้อยน้อย เท่ากิ่งก้อยลอยอยู่ท่าหน้าคีรี แล้วลงเนินเดินในดงไม้ร้อง เสียงแซ่ซ้องเอื้อยอ้อเหมือนซอสี รู้หุบใบไกวกิ่งเป็นสิงคลี ดอกมันมีวันเดียวก็เหี่ยวโรย ลูกพฤกษาหน้านั้นดูเหมือนผู้หญิง ใครหักกิ่งร้องกรีดหวาดหวีดโหวย เถาวัลย์มีที่ในถิ่นร้องดิ้นโดย เรียกขานโวยเฮฮาภาษาไม้ มีพร้อมพรักผักหญ้าในป่านั้น ใครเด็ดฟันฉะเชือดเป็นเลือดไหล เสียงกู่ก้องร้องเรียกกันเพรียกไพร ตามวิสัยไม้ผลักขอบจักรวาล ฯ ๏ ครั้นเย็นพยับกลับมาหน้าสิงขร ประทับร้อนริมทะเลเทวฐาน คนที่เขาเข้าเป็นศิษย์สิทธาจารย์ มากประมาณพันเศษหลายเพศพรรณ พระฤๅษีดีใจปราศรัยถาม ถึงชื่อนามนัคเรศขอบเขตขัณฑ์ สามิภักดิ์จักได้ไปด้วยกัน แต่กำปั่นเล็กไปจะไม่สบาย มีท่อนกัลปังหาที่ท่าน้ำ เจ้าตรีพลำว่าจะทำกำปั่นถวาย เรียกไพร่พลคนทะเลมามากมาย มอบให้นายฝรั่งชาวลังกา เครื่องมือเล่าเอาเหล็กดีตีทั้งนั้น ขุดถากทำกำปั่นกัลปังหา กำลังกลางกว้างเส้นกับสิบวา โดยยาวห้าเส้นครึ่งอากึ่งทำ ท้องลึกห้าสิบวาหนาสองศอก บ้างขุดตอกตึงตังไปยังค่ำ ลากกิ่งกัลปังหานั้นมาทำ เสาประจำสามเสาทั้งเพลาใบ แล้วสำเร็จเจ็ดเดือนเลื่อนออกอู่ ลอยลำฟูฟ่องดีจะมีไหน ขัดเงาวาวราวกับแก้วดูแววไว ข้างหน้าใส่รูปครุฑยุดนาคา กราบสองข้างช่างสลักรูปเงาะแขก ขัดดาบแบกหอกยืนถือปืนผา มีลวดลายท้ายที่นั่งทำหลังคา ล้วนแต่กัลปังหามีฝาบัง ฯ ๏ ถึงเดือนสี่มีลมพัดซัดขึ้นเหนือ กำปั่นใหญ่ให้เป็นเรือพระที่นั่ง ลำที่ไปใส่ลำเลียงเสบียงกรัง กับคนทั้งตามมานั้นสักพันคน ต่อเรือใช้ไม้ระกำลำละเส้น ทำเหมือนเช่นเรือสลักไม่ขัดสน ยี่สิบลำสำหรับเมื่ออับจน เลือกเอาคนเหล่านั้นไปพันปลาย ลมไม่มีตีกระเชียงเสบียงให้ จะได้ใช้ตักน้ำท่ามาถวาย สามกุมารท่านฤๅษีอยู่ที่ท้าย แสนสบายบัลลังก์ที่นั่งนอน จะออกลำกำปั่นกัลปังหา เป่าปี่ลาเทพเจ้าเขาสิงขร สั่งสำเนียงเสียงเอกวิเวกวอน เจริญพรภูมิทะเลทุกเทวา บริบูรณ์พูนสุขทุกทุกสิ่ง ทั้งมณฑลต้นกิ่งกัลปังหา ได้ยินทุกรุกขเทพฉายา ยืนเยี่ยมหน้าให้เห็นเหมือนเช่นเคย แล้วร้องช่วยอวยชัยไปเป็นสุข อย่ามีทุกข์ร่อนเร่ระเหระหน พอลมมีดีใจใช้ใบบน หมายมณฑลทิศพายัพแล่นลับเลย ฯ ๏ ทั้งสามองค์ทรงนั่งให้วังเวก เอกเขนกแหงนนิ่งอิงเขนย ขอเดชะพระพายช่วยชายเชย มารำเพยพัดส่งให้ตรงไป เป่าทุ้มปี่มิให้คนไพร่พลหลับ พอให้จับจำเรียงส่งเสียงใส กำปั่นทรงหงส์บัลลังก์ทั้งเรือใช้ สำราญใจไปด้วยกันทุกวันคืน พระคงคาสาธุพายุเงียบ คลื่นราบเรียบลมเรื่อยแล่นเฉื่อยชื่น มาเดือนหนึ่งจึงค่อยสร่างนภางค์พื้น ในกลางคืนแลเขม้นพอเห็นดาว เดือนตะวันนั้นไม่เห็นเป็นแต่แสง แดดไม่แข็งคนทั้งหลายไม่หายหนาว อีกเดือนครึ่งจึงเห็นจันทร์ตะวันวาว ถึงเกาะคังคาวโขดเขาสำเภาทลาย ถนนขวางกลางสมุทรเสมอน้ำ ไปยังค่ำก็ไม่สิ้นเนินหินหาย สำเภาเกยเลยค้างคนวางวาย คังคาวร้ายมันก็บินมากินคน สำเภาเป็นเช่นกับหินสิ้นทั้งนั้น ดูเรียงรันไปตามแนวแถวถนน เหมือนโขดเขาเสาสล้างอยู่กลางชล ไกลเขตคนเขานั้นอยู่ข้างบูรพา เป็นถิ่นที่ปีศาจร้ายกาจสุด เห็นคนผุดล้อมรายทั้งซ้ายขวา จะพลิกคว่ำลำทรงตรงเข้ามา กลับกลัวกัลปังหาสง่ามี แต่พวกพลคนทะเลที่เรือใช้ ไม่ตกใจโจนลงน้ำลงปล้ำผี ถือสาตราพร้ามีดทั้งกริชตรี ไล่ฆ่าผีปีศาจเที่ยวฟาดฟัน พวกลำทรงหงส์ที่นั่งคนทั้งหลาย ช่วยรบรายยิงปืนเสียงครื้นครั่น ปีศาจสางต่างมัวด้วยกลัวควัน ก็กลับอันตรธานหนีพล่านไป แต่คังคาวราวกับพ้อมปีกกรอมกว้าง ดูเกลื่อนกลางเวหาถลาไถล พวกกำปั่นฟันแทงแกว่งคบไฟ มันเฉี่ยวได้คนทะเลขึ้นเมฆา บ้างอกฉีกปีกขาดตายกลาดเกลื่อน ยังพวกเพื่อนมาเป็นยืดมืดเวหา เหลือสู้รบหลบลงไปในดาดฟ้า บ้างเข้าฝาท้ายบังนั่งประชุม ทั้งพวกพลคนทะเลลงในน้ำ ป้างแอบกำปั่นไปไม้กระทุ่ม ล่มเรือใช้ไม้ระกำลงคว่ำคลุม คนเข้าซุ้มเสียทั้งสิ้นมันบินคอย คังคาวตามสามคืนนับหมื่นแสน จนสิ้นแดนเดือนดับจึงกลับถอย คนทะเลนั้นก็หายไปหลายร้อย ยังเหลือน้อยกว่าพันตามกันมา ฯ ๏ ถึงเจ็ดเดือนเฟือนแดนดูแผนที่ ก็ไม่มีที่จะหวังเห็นฝั่งฝา ไม่มีเรือเหนือใต้ในคงคา ทุกเช้าเย็นเห็นแต่ฟ้าปลากับน้ำ พระอภัยได้สามกุมารน้อย อยู่ใช้สอยค่อยชื่นทุกคืนค่ำ สอนเทพินนิลกัณฐีตรีพลำ ให้รู้ธรรมทศพิธไม่ปิดบัง สามพระองค์ทรงรักพระนักสิทธ์ อยู่ใกล้ชิดชื่นชมด้วยสมหวัง เมื่อเข้าที่ศรีสุวรรณบัลลังก์ อุตส่าห์นั่งนวดฟั้นให้บรรทม ทั้งวัณฬานารีบุตรีน้อย ให้ใช้สอยสุจริตสนิทสนม ถึงดำนิลกลิ่นก็รื่นชื่นอารมณ์ ต่างเชยชมเหมือนพงศ์ในวงศ์วาน ฯ ๏ จะกล่าวถึงสินสมุทรสุดสงสัย ตั้งแต่ใช้ให้อำมาตย์ถือราชสาร ไปฟากฝั่งลังกาก็ช้านาน คอยประมาณสามเดือนไม่เคลื่อนคลา จึงแต่งเรือเร็วใช้ไปไต่ถาม ก็ว่าสามพระองค์ทรงสิกขา เสด็จจากฟากฝั่งเกาะลังกา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด สินสมุทรสุดสลดกำสรดเศร้า หาโหรเฒ่าเข้ามาถามตามสงสัย หรือเรือซัดขัดขวางเป็นอย่างไร จะสูญไปหรือจะมาถึงธานี ฯ ๏ โหรชำระพระเคราะห์เฉพาะร้าย แต่ข้างปลายลาภเลิศประเสริฐศรี จะกราบทูลมูลความตามคดี พระตกที่พิเภกอสุรา ต้องขับไล่ได้พระรามเป็นที่พึ่ง ยังไม่ถึงชีวังสิ้นสังขาร์ เมื่อปลายมือรื้อสำราญผ่านลังกา สามปีครึ่งจึ่งจะมาถึงธานี ฯ ๏ สินสมุทรสุดเศร้าเปลี่ยวเปล่าจิต รำคาญคิดขุ่นข้องมัวหมองศรี จึงตรัสสั่งเสนาอย่าช้าที จัดเรือยี่สิบลำที่กำลัง ให้แยกย้ายรายไปทั้งใต้เหนือ เที่ยวถามเรือลูกค้าแขกฝาหรั่ง ถึงการะเวกแวะเข้าเล่าให้ฟัง กราบทูลทั้งรมจักรนัครา ฯ ๏ อำมาตย์รับอภิวาทหน่อกษัตริย์ บ้างเร่งจัดกองตระเวนเกณฑ์อาสา ยี่สิบลำกำปั่นแต่บรรดา เที่ยวติดตามถามหาในวารี สุดสาครอ่อนจิตคิดฉงน ทั้งเสาวคนธ์หม่นหมองทั้งสองศรี คิดถึงพระชนกชนนี แต่งเรือยี่สิบให้เที่ยวไปตาม พวกฝรั่งลังกาพาราผลึก ออกแล่นลึกแลเห็นใครก็ไต่ถาม แขกฝรั่งอังกฤษมุหงิดพราหมณ์ ไม่ได้ความมาดูข้างบูรพา อรอบหรุ่มรุมวิสัยไซร้สุหรัด โรมพัฒน์กาหลังมังกะหล่า เมืองมัดชะกะละเงาะเกาะชวา บ้างไปการะเวกทูลมูลความ ไปประเทศเขตระแงะต้องแวะเข้า กราบทูลท้าวรมจักรตรัสซักถาม ครั้นรู้ชัดจัดเรือใช้ให้ไปตาม ถึงจีนจามจบจังหวัดปัถพี ฯ ๏ จะกล่าวจีนถิ่นทะเลชื่อเจเจี๋ยว มีแรงเรี่ยวร้ายเหลือเหมือนเสือหมี อยู่เรือใหญ่ไม้ชำฉาในวารี ยาวสักยี่สิบเส้นมันเป็นนาย มีเรือตามสามร้อยเที่ยวลอยล่อง จับพวกพ้องเภตราเที่ยวค้าขาย ได้ข้าวของทองนากมีมากมาย อยู่สุดปรายแดนจีนมีสินทรัพย์ พอเห็นเรือพระอภัยในสมุทร ทั้งเรือครุฑเรือหงส์ธงสำหรับ เรือเล็กมียี่สิบลำสองสำรับ ให้หยุดยับยั้งอยู่จะดูเรือ ทั้งเรือตามสามร้อยลอยสล้าง สะกัดทางที่จะไปทั้งใต้เหนือ ถือทวนยาวง้าวขวานกระหง่านเงื้อ ล้วนใส่เสื้อเกราะทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงสวัสดิ์ถือสัตย์ศีล เห็นโจรจีนล้อมสกัดคิดขัดสน จะหลบหลีกแล่นไปเห็นไม่พ้น จึงขึ้นบนครุฑาร้องพาที ท่านทั้งหลายนายไพร่ผู้ใหญ่น้อย จงโปรดปล่อยเรานี้ถือเป็นฤๅษี พวกเรือแตกแขกฝรั่งไม่มั่งมี มาทั้งนี้แต่ล้วนจนคนเข็ญใจ จงเอาบุญคุณพระจะได้ลุ สืบอายุยืนยงอสงไขย รูปบิณฑบาตญาติโยมทั้งปวงไป จงโปรดให้หนทางอย่าขวางเรือ เจเจี๋ยวอ้ายนายใหญ่ร้องไอย่า สั่งโยธาถือขวานทหารเสือ ไม่มีทรัพย์จับเอาของข้าวเกลือ ต่างเงือดเงื้อง้าวขวานทะยานยืน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาล้วนกล้าศึก ทั้งพวกผลึกกรูมาจับฟ้าฝืน เห็นโจรใกล้ไม่ถอยต่างปล่อยปืน บ้างออกยืนรบรับขยับคอย พอเรือโดนโจรจีนปีนกำปั่น ถูกแทงฟันหันหกตกผอยผอย ยิงปืนรายหลายตับตายนับร้อย ต่างราถอยหลีกทางออกห่างกัน เรือครุฑทรงตรงเรียงเข้าเคียงชิด ผูกพวนติดแปดเปลาะชะเนาะขัน เรือเล็กพร้อมล้อมรอบเป็นขอบคัน คอยช่วยกันรบรับสู้กับโจร ฯ ๏ คนทะเลลงน้ำดำไม่ผุด ผ้าผ่อนหลุดยุดเรือจีนปีนเผ่นโผน แย่งอาวุธฉุดชิงเหมือนลิงโลน ฆ่าพวกโจรจีนตายลงก่ายกัน ที่ยังเหลือเรือตามมาหลามหลัง เสียงตึงตังตามปืนเสียงครื้นครั่น ด้วยเดชะพระกุมารเชี่ยวชาญครัน เป่าลมกันปืนลูกไม่ถูกคน ถึงสิบวันสิบคืนเกิดคลื่นกล้า พัดเภตรากลอกกลับอยู่สับสน เรือโจรแตกแยกย้ายตามสายชล ทั้งเรือคนทะเลหายไปหลายลำ แต่ลำทรงหงส์ทองฟูฟ่องคลื่น สิ้นเสียงปืนเงียบสงบพอพลบค่ำ เป็นลมกล้ามาทางบูรพ์พัดหนุนน้ำ ทั้งคลื่นซ้ำส่งมาเจ็ดราตรี ยิ่งเร็วรี่รีบแล่นเข้าแดนเทศ เป็นขอบเขตกะเลหวังรุ่งรังสี เห็นเขาเอกเมฆพัดในนัทที ดูแผนที่มีแจ้งตำแหน่งทาง ฯ ๏ พวกต้นหนคนท้ายสบายจิต สังเกตทิศทางสันทัดไปขัดขวาง ไม่เข้าแดนแล่นร่ำมาท่ามกลาง พบขุนนางพวกตามสามพารา ต่างปราศรัยไต่ถามไปตามเรื่อง ทั้งสามเมืองเศร้าสร้อยละห้อยหา ต่างได้ความสามฤๅษีชุลีลา ไปพาราแจ้งข่าวทูลเจ้านาย แต่ลำทรงตรงเข้าอ่าวผลึก อึกทึกชื่นชมด้วยสมหมาย หน่อนรินทร์สินสมุทรสุดสบาย มาถวายบังคมก้มกราบกราน ทางปราศรัยไต่ถามได้ความเสร็จ เชิญเสด็จขึ้นปราสาทราชฐาน บรรดาเหล่าเผ่าพงศ์พระวงศ์วาน มากราบกรานพร้อมสิ้นด้วยยินดี ฯ ๏ สามนักสิทธ์พิจารณาศพ สวดมนต์จบมาติกาชักผ้าผี ปลงอนิจจังบังสุกุลตามมุนี ตรวจวารีแบ่งบุญกรุณา ส่วนสุวรรณมาลีฤๅษีสินธิ์ ปลงอนิจทุกขังเห็นสังขาร์ ไม่เศร้าโศกโลกกรรมธรรมดา อันเกิดมาแล้วก็ตายสูญหายไป ฯ ๏ พวกวงศาข้าเฝ้าสาวสนม ชวนกันชมพระพี่น้องผุดผ่องใส ดำก็จริงพริ้งพร้อมละม่อมละไม ต่างกราบไหว้นับถือเลื่องลือชา พวกชาวบ้านร้านถิ่นสิ้นทั้งนั้น มาชมรำกำปั่นกัลปังหา เป็นแท่งเดียวเจียวดั่งนิลจินดา ต่างซ้องสาธุทั่วทุกตัวคน บรรดาเหล่าชาวทะเลพลัดเผลไพล่ ต่างพลัดไปเขตแขวงทุกแห่งหน ทั้งทิศใต้ชายน้ำทุกตำบล จึ่งมีคนทะเลอยู่ทุกบูรี ฯ ๏ พระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ทั้งพระหัสไชยกับพระมเหสี ทั้งเวียงวังลังกาสามธานี ต่างยินดีด้วยพระองค์คงพารา ต่างจัดแจงแต่งสลุบเรือกำปั่น ของช่วยศพครบครันเลือกสรรค์หา โหมดตาดต่วนล้วนแต่ดีมีราคา ใส่เรือห้าสิบงามทั้งสามเมือง พระอนุชาพาบุตรกับนุชนาฏ ลงเรือราชสีห์ทรงปักธงเหลือง ทหารแห่แซ่ซ้องมานองเนือง ออกจากเมืองแล่นมาในสาคร พระหัสไชยไม่มีวงศ์เผ่าพงศา กับสร้อยสุวรรณจันทร์สุดาดวงสมร ลงทรงเรือพระพี่นั่งลำมังกร ทหารแห่แลสลอนสล้างมา หน่อนรินทร์ปิ่นเกล้าเจ้าสิงหล กับนงเยาว์เสาวคนธ์ขนิษฐา ตั้งกระบวนล้วนฝรั่งเมืองลังกา ตั้งแห่แหนแน่นมาในวารี ฯ ๏ ซึ่งกล่าวความสามเมืองมาช่วยศพ ต่างนอบนบนับถือพระฤๅษี ต่างคำนับรับกันอัญชุลี ต่างน้องพี่เผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน ด้วยมากมายหลายองค์วงศ์กษัตริย์ สถิตรัตน์ปรางค์ปราสาทราชฐาน หน่อนรินทร์สินสมุทรเป็นแม่งาน คิดทำเมรุเกณฑ์งานการระดม หมายไปทั่วหัวเมืองมาเนืองแน่น นับหมื่นแสนสามพารามาประสม บ้างฉุดลากถากเสากล่อมเกลากลม ทุกหมู่กรมสมทบทำครบครัน เมื่ออยู่วังพรั่งพร้อมพงศ์กษัตริย์ ปรนนิบัติพระสิทธาเวลาฉัน ต่างนบนอบหมอบเมียงเลี้ยงนักธรรม์ ศรีสุวรรณเอ็นดูสามกุมาร จึงเรียกหามาให้นั่งใกล้ชิด แล้วเพ่งพิศผิวพรรณในสัณฐาน พลางตรัสชมสมทรงสมวงศ์วาน ได้ลูกหลานเช่นนี้แล้วดีนัก ตรีพลำนวลเนื้อเหลือหวนหอม พลางโอบอ้อมอุ้มขึ้นวางไว้กลางตัก ประคองแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ ล้วนน่ารักรูปโฉมประโลมใจ ฯ ๏ สามกุมารกรานกราบล้วนราบเรียบ หมอบพับเพียบทูลว่าอัชฌาสัย พระการุญคุณลบภพไตร จะรับใส่เศียรสิ้นด้วยยินดี ฝ่ายพระกฤษณานุชารุ่น เกิดต่างท้องน้องอรุณรัศมี ชื่อเทวัญชันษาสิบห้าปี น้องสาวมีคมขำชื่ออัมพวัน ตามบิดามาเฝ้าพระดาวบส ทั้งโอรสบุตรีทรงศรีสรรพ์ กับสามองค์วงศ์เทวาพูดจากัน ดูผิวพรรณผ่องศรีมณีนิล ล้วนรุ่นราวคราวเดียวเสียวเสียวจิต ให้หวิดหวิดไหวไหวฤทัยถวิล ฝ่ายพี่ชายหมายเสน่ห์นางเทพิน น้องรักนิลกัณฐีด้วยปีเดียว เจ้าตรีพลำเห็นอัมพวาน้อย เนตรชม้อยช้อยดูประเดียวประเดี๋ยว จนฉันแล้วแคล้วคลาดลีลาศเลี้ยว ต่างเหลียวเหลียวแลหาด้วยอาวรณ์ ฯ ๏ จะกล่าวพระมังคลานราราช กับครูบาทหลวงฝรั่งอยู่สั่งสอน ครองเมืองกำพลเพชรเขตนคร แต่งเรือจรเจ็ดลำเป็นกำลัง ไปสืบเรื่องเมืองลังกากลับมาแจ้ง ทูลแถลงเล่าตามเนื้อความหลัง พระปิตุราชมาตุรงค์ดำรงวัง ไปบวชทั้งสามองค์ทรงศรัทธา สุดสาครนงเยาว์เสาวคนธ์ ภิเษกสองครองสิงหลภาษา แล้วได้ข่าวเจ้าวลายุดานุชา หน่อนราครองบุรินทร์เมืองสินชัย วายุพัฒน์นัดดานราราช เป็นอุปราชเมืองเซ็นเป็นเขยไข พระหัสกันผ่านพาราสุลาลัย ฝรั่งใหญ่ไพร่พลคณนา พระทราบสิ้นยินดีเป็นที่สุด ด้วยพระนุชน้องนาถมีวาสนา บาทหลวงฉุนหุนหันด่าวัณฬา มันชั่วช้าโฉดเฉาช่างเมามัว ทำเสียชาติศาสนาข้างฝาหรั่ง ไปบวชนั่งฉอเลาะปะเหลาะผัว ไม่ฝังปลูกลูกหลานวงศ์วานตัว มันชาติชั่วจริงเจียววะอีละเวง ให้ศัตรูดูถูกทำลูกเต้า ยอมให้เขาชาวผลึกฮึกข่มเหง ส่วนพวกพ้องของผัวมันกลัวเกรง จริงนะเองอีวัณฬามันบ้ากาม ให้เรือใช้ไปนัดน้องกับสองหลาน เกณฑ์ทหารพร้อมพรั่งมาทั้งสาม จะกำจัดสัตว์บาปคิดปราบปราม ทำสงครามครั้งนี้ให้มีชัย เอ็งต่อลำกำปั่นสักพันหนึ่ง เกณฑ์อากึ่งตั้งทำริมน้ำไหล ยาวสามเส้นเช่นกันหมดกำหนดไว้ เกณฑ์พวกไพร่ลงประจำลำละพัน เป็นทหารล้านถ้วนกระบวนทัพ เรือสำหรับใช้แต่งให้แข็งขัน น้องนัดดามาพร้อมรวมรอมกัน แก้แค้นมันไม่ได้มิใช่ชาย อี่แม่เลี้ยงเอี้ยงดูคนผู้เฒ่า เคยเป็นเจ้าชาวกำพลคนทั้งหลาย ปลอมไปด้วยช่วยว่าเสนานาย ถือกฎหมายอาชญาเฆี่ยนฆ่าตี พวกเสนาข้าเฝ้าคนเฒ่าแก่ ให้ดูแลอยู่บำรุงชาวกรุงศรี เร่งคิดอ่านการใหญ่เห็นได้ที เคราะห์เองคลายหลายปีจะดีครัน ฯ ๏ พระมังคลาฝาหรั่งฟังบาทหลวง สั่งกระทรวงเสนาปรีชาขยัน ให้เร่งรัดจัดแจงบอกแบ่งปัน ต่อกำปั่นพันลำรีบทำการ ด้วยเมืองเพชรกำพลผู้คนมาก บ้างฉุดลากถากฟันบ้างขันกว้าน แต่เดือนห้ามาเดือนเจ็ดสำเร็จการ เกณฑ์ทหารลงประจำทุกลำเรือ ทั้งปืนผาอาวุธเครื่องยุทธ์ครบ พลรบเริงราญทหารเสือ หินสำหรับอับเฉาทั้งข้าวเกลือ แจกหมวกเสื้อไพร่ขุนนางต่างต่างกัน ลำที่นั่งเหรายาวห้าเส้น สลักเป็นเกล็ดกระหนกแผ่นผกผัน ล้วนหุ้มทองรองเรืองเครื่องสุบรรณ เป็นช่องชั้นบัลลังก์ล้วนฝังพลอย เอาเข้มขาบทาบเป็นใบใส่สลับ ระยางระยับแย่งย้ายล้วนสายสร้อย พร้อมสะพรั่งทั้งพันเป็นหลั่นลอย ต่างเตรียมคอยหน่อนาถจะยาตรา ฯ ๏ พระมังคลาอ่าองค์สรงสนาน พนักงานคอยถวายเครื่องซ้ายขวา ทรงสำอางอย่างฝรั่งเมืองลังกา นางพระยายิ้มย่องประคองเคียง ฝูงนารีที่จะไปให้ใช้สอย ทั้งใหญ่น้อยสาวแก่เซ็งแซ่เสียง เชิญเครื่องอ่านพานเครื่องหอมอยู่พร้อมเพรียง แล้วแม่เลี้ยงนำหน้ามังคลาตาม เสด็จออกนอกวังขุนนางกราบ ถือหอกดาบตามเสด็จไม่เข็ดขาม ลงที่นั่งเสนาสง่างาม ให้โห่สามลาลั่นสนั่นดัง ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องยกกองทัพ ดูคั่งคับโยธาทั้งหน้าหลัง ออกมหาสาชลในวนวัง ต้นหนตั้งเข็มหมายฝ่ายอุดร เดินกำปั่นพันลำในน้ำเขียว เป็นเกลียวเกลียวคลื่นกลิ้งเท่าสิงขร ทุกคืนค่ำร่ำมาในสาคร หนทางจรเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระวลายุดาน้อง แต่ตรึกตรองถึงสมเด็จพระเชษฐา ถึงเดือนเจ็ดจะเสด็จยกพลมา จึงปรึกษาเจนธนูคู่ชีวี พวกเรือใช้ไปลังกากลับมาเล่า ว่าพระเจ้าลุงถือเป็นฤๅษี ป้าทั้งสองครองพรตดาวบสินี ประเดี๋ยวนี้พลัดพรายสูญหายไป พระเชษฐาว่าให้ยกไปช่วย จะไปด้วยเขาหรือจิตคิดไฉน เจนธนูรู้หัวร่อตอบหน่อไท ถึงพระอภัยไม่อยู่ในบูรี รำภายุพานางสุลารักษาอยู่ จะรบสู้มารดาน่าบัดสี แต่ครั้งนี้มิไปเห็นไม่ดี จะเสียพี่พวกพ้องจะต้องไป แต่ตั้งทัพยับยั้งหยุดสังเกต ว่าพระเชษฐานั้นจะทำไฉน เขาชนะจะบำรุงซึ่งกรุงไกร ถ้าแพ้ไปเราก็มาเสียธานี ฯ ๏ พระวลายุดาฟังว่าชอบ จึงนบนอบสรรเสริญเจริญศรี จะยกไปให้เขาเห็นพอเป็นที ท่านจงอยู่บูรีให้ปรีดา แล้วตรัสสั่งทั้งสี่เสนีใหญ่ เกณฑ์นายไพร่ห้าสิบหมื่นพร้อมปืนผา ทั้งข้าวน้ำลำเลียงเลี้ยงโยธา เรือรบห้าร้อยถ้วนกระบวนทัพ แล้วแต่งองค์ลงที่นั่งนาคราช เรือพิฆาตคู่แข่งแซงสลับ ได้ฤกษ์ดีดีห้องโห่ร้องรับ แล้วยกทัพเรือมาในวารี ฯ ๏ ฝ่ายหน่อนาถนัดดาวายุพัฒน์ ตั้งกองหัดฝึกทหารชาญชัยศรี พอพวกอามาแถลงแจ้งคดี ให้ไปด้วยช่วยตีเมืองลังกา จึงบอกครูสุริยันว่าฉันนึก จะทำศึกสมมาดปรารถนา จะเสี่ยงบุญทูลขอพลพ่อตา ไปลังกาแก้มือไว้ชื่อชาย ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ถือศีลซื่อสัตย์ จึ่งทานทัดหน่อนาถเหมือนมาดหมาย ผลาญแม่พ่อทรชนไม่พ้นอาย ถึงตัวตายแล้วชื่อคงลือชา บาทหลวงเฒ่าเจ้าโมโหทำโอหัง สอนให้มังคลาคิดผิดหนักหนา เจ้าก็จงสงสารกับมารดา เสียลังกาก็เหมือนสูญประยูรวงศ์ ถึงไปด้วยช่วยสมทบอย่ารบพุ่ง ถ้าได้กรุงสมจิตคิดประสงค์ อย่าสังหารผลาญเหล่าพวกเผ่าพงศ์ รับแต่องค์มารดามาธานี ฝ่ายพ่อเจ้าเขาบำรุงกรุงผลึก จะทำศึกกันไปอีกจงหลีกหนี ช่วยแม่พ่อต่อไปจะได้ดี อย่าถือที่ทรยศไม่งดงาม ฯ ๏ วายุพัฒน์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ เดิมไม่รู้บุญบาปจึ่งหยาบหยาม เชิญไปด้วยช่วยแนะนำจะทำตาม ให้ได้ความชอบชิดข้างบิตุรงค์ แล้วเข้าเฝ้าท้าวทมิฬกบิลราช อภิวาททูลความตามประสงค์ เดี๋ยวนี้อาข้าพเจ้ากับเผ่าพงศ์ รณรงค์รบพุ่งซึ่งกรุงไกร ขอทูลลาฝ่าพระบาทปิตุเรศ ไปดับเหตุห้ามปรามตามวิสัย แม้นมิฟังยังวิวาทขาดอาลัย จะชิงชัยช่วยปราบที่หยาบคาย ฯ ๏ ท้าวกบิลยินเล่าตบเพลาผาง เจ้าเป็นกลางอย่างนี้ดีใจหาย มิพลไพร่ไปน้อยพ่อพลอยอาย ทังจะขายหน้าเมียจะเสียยศ ในเมืองเราเล่าทหารนับล้านโกฏิ์ ทั้งคนโทษถอดเอาไปใช้ให้หมด ไม่ห้ามปรามตามประสงค์องค์โอรส ให้ลือชาปรากฏยศไกร พระนบนอบตอบรสพจนารถ คุณพระบาทบิดาจะหาไหน ด้วยเดชะพระเดชปกเกศไป คงมิให้ได้อายขายบาทา แล้วลาออกนอกวังขึ้นนั่งอาสน์ สั่งอำมาตย์มุลนายทั้งซ้ายขวา ให้เร่งรัดจัดแจงแต่งนาวา เรือสักห้าร้อยสำหรับอยู่กับโรง เอาออกอู่ดูทำที่ชำรุด ให้ผ่องผุดยุทธนาเห็นอ่าโถง ให้เปลี่ยนไม้ใบเพลาเสากระโดง สายระโยงระยางเสือกเชือกน้ำมัน ปืนจังก้าหน้าท้ายปืนรายกราบ ศรกำซาบดาบหอกซัดล้วนจัดสรร แล้วเกณฑ์พลคนประจำลำละพัน ล้วนฉกรรจ์เก่งกาจชาติทมิฬ ที่นั่งทรงธงทองกั้นห้องท้าย ฝาพระฉายลายเลิศล้วนเฉิดฉิน พระที่นั่งหลังคารูปพานรินทร์ ท้าวกบิลเคยทรงตามคงคา เลือกต้นหนคนรู้ล้วนผู้ใหญ่ ที่ดีได้ให้เป็นนายหลายภาษา ยี่สิบลำนำทางกลางคงคา อังกฤษฝาหรั่งพราหมณ์แขกจามเจ๊ก อ้ายยักษาหน้าหมีลงที่นั่ง ใส่เสื้อทั้งหมวกทองกระบองเหล็ก ให้หมอบเมียงเคียงอาสน์มหาดเล็ก หนุ่มหนุ่มเด็กเชิญพระแสงแต่งตัวงาม ได้ฤกษ์ดีตีเมืองเสียงก้องกึก ทหารฮึกโห่แห่เล็งแลหลาม เป็นคู่เรียงเคียงแข่งบ้างแซงตาม ออกอ่าวข้ามเข็มตั้งตรงลังกา ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสกันครั้นได้แจ้ง ด้วยว่าแต่งเรือใช้ให้ไปหา คิดจะใคร่ไปด้วยได้ช่วยอา จึงปรึกษาสุบันเขคะเนการ จะเกณฑ์ไพร่ไปสมทบช่วยรบพุ่ง คืนเอากรุงลังกามหาสถาน ได้แก้แค้นแทนที่จับให้อัประมาณ ฝ่ายอาจารย์จึ่งว่าคิดนั้นผิดนัก เจ้าเป็นบุตรสุดสาครบิดรเจ้า เดี๋ยวนี้เล่าครองลังกาอาณาจักร ชอบเขาด้วยช่วยบิดาสามิภักดิ์ จะคิดหักหาญพ่อเหมือนทรชน พระมังคลาฝาหรั่งเชื่อสังฆราช จึ่งเสียญาติยากเย็นไม่เป็นผล อันแม่พ่อก็รักลูกนั้นทุกคน เป็นกังวลบ่นบ้าพะว้าพะวัง ถึงลูกเป็นใบ้บ้านัยน์ตาบอด ก็ไม่ทอดทิ้งลูกช่วยปลูกฝัง แต่ลูกร้ายคล้ายกับเสือเหลือกำลัง ไม่ฟังสั่งสอนแสนแค้นรำคาญ อันลูกดีที่สมัครรักแม่พ่อ จึ่งได้มรดกตกถึงเหลนหลาน จงอุตส่าห์พยายามตามบุราณ อย่าคบพาลผ่าเหล่าเสียเผ่าพันธุ์ ฯ ๏ พระฟังคำร่ำว่าสารภาพ กลัวเกรงกราบเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ แต่หลังคิดผิดพลั้งสิ้นทั้งนั้น พลางก้มกันแสงสะอื้นกลืนน้ำตา แล้วตอบว่าข้านี้เสียทีเกิด หลงละเมิดเมามัวชั่วนักหนา จะอยู่ไปไม่สิ้นคนนินทา จะขอฆ่าตัวตายด้วยอายใจ สุบันเยเพทุบายภิปรายปลอบ อันผิดชอบชั่วดีเป็นวิสัย ถึงทำผิดคิดเห็นจะเป็นไร ทำชอบให้หายผิดอย่าคิดตาย ถึงม้วยแล้วแคล้วคลาดแต่ชาตินี้ อันชั่วดีมีอยู่ไม่รู้หาย อันช้างงาสามารถเหมือนชาติชาย ถึงตัวตายไว้ชื่อให้ลือดี ไม่ยกไปไม่งามเป็นความชั่ว ไปแก้ตัวเสียให้เลิศประเสริฐศรี ให้เห็นว่ามากำราบปราบไพรี ได้พบพี่พบอาพูดจากัน ช่วยห้ามปรามตามธรรมเนียมดูเหลี่ยมเล่ห์ แม่โว้เว้เนรคุณทำหุนหัน จึงตัวเจ้าเข้าไปหามารดานั้น ตามพงศ์พันธุ์พวกบิดาให้ถาวร ฯ ๏ พระหัสกันอัญชุลีเห็นดีพร้อม ประณตน้อมยอมฟังที่สั่งสอน แล้วลามาหาพระน้องตระกองกร พลางอ้อนวอนเวชายันจำนรรจา พี่ธุระจะไปห้ามปราบปรามญาติ เกิดวิวาทว้าวุ่นขุ่นหนักหนา จะยืมพลคนของพ่อกับเภตรา ไปลังกาพระน้องสักสองปี จะเชิญครูอยู่ด้วยช่วยพระน้อง จงปกป้องครองเมืองให้เรืองศรี เสร็จธุระจะมาถึงธานี ไม่ช้าทีหนีน้องอย่าหมองใจ เวชายันวันทาคารวะ ตามแต่พระจะประสงค์จำนงไฉน น้องนึกหวังดั่งบิดาด้วยอาลัย จะขอไปตามเสด็จจนเสร็จการ พระสวมสอดกอดตระกองพระน้องรัก ยังเยาว์นักเหนื่อยองค์น่าสงสาร ทั้งอาเขยเคยประจญเป็นคนพาล จะเกิดการโกลาที่ธานี อยู่บำรุงกรุงไกรมไหสวรรย์ ฝากแม่วันชายามารศรี อย่าข้องขัดหัทยาเป็นนารี จงปรานีพี่น้องปกครองกัน ฯ ๏ พระน้องฟังบังคมประนมหัตถ์ สุดจะขัดตัดรอนต้องผ่อนผัน จึงว่าพระจะเสด็จจรจรัล ข้าหมายมั่นนึกไว้จะไปตาม ถึงยากเย็นเป็นไฉนก็ไม่คิด กว่าชีวิตจะวายวางกลางสนาม ไม่ไกลองค์คงอุตส่าห์พยายาม นี่พระห้ามเสียแล้วน้องต้องจนใจ การบำรุงกรุงไกรไว้ธุระ หม่อมฉันจะดูแลคิดแก้ไข มิให้เกิดเภทพาลประการใด กว่าองค์พระภูวไนยจะกลับมา ฯ ๏ พระว่าพ่อหน่อเนื้อเป็นเชื้อชาติ ประชาราษฎร์นั้นก็รักพ่อหนักหนา เป็นเจ้าของครองสมบัติขัตติยา อยู่รักษาธานีไม่มีภัย พระปลอบโยนโอนอ่อนสั่งสอนน้อง แล้วออกท้องพระโรงรัตน์จำรัสไข เห็นพร้อมพรั่งสั่งมหาเสนาใน เราจะไปลังกาอย่าช้าการ จัดเภตราห้าร้อยลำสำหรับรบ บรรทุกครบเครื่องสาตรากระยาหาร คนประจำลำละพันประจัญบาน เร่งจัดการให้สำเร็จในเจ็ดวัน ครั้นสั่งเสร็จเสด็จกลับผู้รับสั่ง ไม่รอรั้งรีบรัดเร่งจัดสรร เรือสำหรับทัพรบมีครบครัน โซมน้ำมันใหม่เอี่ยมตระเตรียมการ ลำที่นั่งหลังคาฝากระจก กระหนาบกระหนกนกคาบเขียนภาพหาญ คชสีห์ที่เหมือนเป็นเผ่นทะยาน เกณฑ์ทหารลงประจำลำละพัน ครั้นพร้อมพรั่งตั้งกระบวนพยุหทัพ สลอนสลับสล้างลำล้วนกำปั่น นาคกระหนาบสามเกลียวเลี้ยวเกี่ยวกัน ครูสุบันเยเทียบให้เรียบร้อย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถสวาทหวัง จะจากวังสุลาลัยให้ละห้อย เหมือนอาลัยในสองพี่น้องน้อย ประคองค่อยรับขวัญวันชายา แม่อยู่วังฟังคำพี่ร่ำสอน จงผันผ่อนพึ่งเดชพระเชษฐา อย่าดึ้อดึงขึงขัดพระอัชฌา แม่อุตส่าห์ขึ้นเฝ้าทุกเช้าเย็น อันคนอื่นหมื่นแสนไม่เแม้นเหมือน พระพี่เพื่อนเจ็บไข้จะได้เห็น อย่าละเมินเหินห่างอย่าว่างเว้น อย่าหลงเล่นตุ๊กตาเลยหนาน้อง พลางอุ้มแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ นางนั่งตักหน่อนาถฉลาดฉลอง พระสอนใครให้อยู่วังหรือสั่งลอง ชะน้อยน้องน่าอยู่ในบูรี พระไปไหนไปด้วยจนม้วยมอด จะเกาะกอดองค์ไว้มิให้หนี ถ้าแม้นพระไม่ให้ไปดีดี ให้ฟ้าผี่เถิดไม่ให้ลงไปเรือ หรือไปวังลังกาจะหาคู่ พระไม่รู้จักหรือฉันชื่อเสือ ถึงนางฟ้ามาสนิทมาชิดเชื้อ มิฉีกเนื้อเสียก็ดูเถิดพูคะ พระเป็นพี่ดีฉันน้องของเจ้าพี่ มเหสีก็กล้ามาเถิดหนะ ไม่ว่าเล่นเห็นนิ่งนิ่งจริงจริงจ๊ะ ที่จะละเชิงลานั่นอย่าแคลง แม้นไม่ให้ไปจริงจะทิ้งน้อง ฉันจะต้องเชิญพระองค์ทรงพระแสง ตัดศีรษะฉะเชือดให้เลือดแดง สิ้นเรี่ยวแรงแล้วเมื่อไรจึ่งไคลคลา ฯ ๏ พระหัวร่ออ่อเช่นนี้ดอกขี้หึง พี่ก็พึ่งรู้ฤทธิ์กนิษฐา เออนี่แน่แม่วันชายา ฉันจะว่าให้แม่เห็นแม่เป็นน้อง จะหึงพี่มิให้เชยไม่เคยเห็น มิใช่เช่นกับเขาเป็นเจ้าของ หากว่าพี่มีชู้มีคู่ครอง แม่มิต้องไหว้เขาหรือถืออย่างไร นางทูลถามห้ามหรือไม่ให้หึงพี่ เยี่ยงอย่างห้ามปรามนี้อยู่ที่ไหน หรือบาปกรรมธรรมดาใครว่าไว้ น้องไม่ให้หึงพี่ช่วยชี้มา ฯ ๏ หัสกันตันใจเห็นไม่ปล่อย ประคองค่อยเชยชิดกนิษฐา จะขืนไปในทะเลลงเภตรา เวทนาพระน้องจะหมองมอม ทั้งลมแดงแสงแดดจะแผดเผา จะโศกเศร้าเสียรูปซีดซูบผอม ยุงก็กินริ้นก็ไต่ไรก็ตอม จะหายหอมมอมแมมทั้งแก้มคาง หนทางไปไกลนักประดักประเดิด ขืนไปเถิดแก้มจะก่ำดั่งน้ำฝาง แม่เอาไพลไปด้วยนะอย่าละวาง ไปทาคางข้างนอกแก้ชอกช้ำ นางว่าจ๊ะจะถวายไม่วายเสวย เชิญชิดเชยชมชิมให้อิ่มหนำ เพราะเป็นน้องต้องยากลำบากกรรม ถึงชอกช้ำช่างเถิดจ๊ะฉันจะไป ฯ ๏ พระยิ้มพลางทางว่าเวลาฤกษ์ เสียงเอิกเกริกอยู่แล้วห้ามปรามไม่ไหว วางเถิดจ๊ะจะพาให้สาใจ แล้วออกไปสั่งสุรางค์นางน้อยน้อย กับทั้งสี่พี่เลี้ยงตามเยี่ยงอย่าง ไปกับนางทางไกลได้ใช้สอย จวนเวลาข้าเฝ้าเขาจะคอย ชวนน้องน้อยสรงชลสุคนธา พระทรงเครื่องเรืองรองส่องพระฉาย สุดสบายสำอางสางเกศา กนิษฐ์น้อยช้อยพระหัตถ์ผัดพักตรา สั่งเทวานางสวรรค์ชั้นโสฬส แล้วโฉมงามตามเต้นเชิญพระแสง เถ้าแก่แซงสองฝ่ายถวายพระกลด นางเกณฑ์หามตามส่องสองทรงยศ เสด็จบทจรมายืนหน้าแพ แล้วลงลำกำปั่นสุวรรณฉาย ดาริ้วรายเรียงสล้างกลางกระแส ประโคมฆ้องกลองดังเป่าสังข์แตร ทหารแห่โห่ครื้นยิงปืนตึง เสียงตูมตามสามหนยกพลออก ปากอ่าวนอกน้อยใหญ่คลี่ใบขึง บ้างโบกธงส่งฉาวเกรียวกราวอึง พอลมตึงคลี่ใบเคลื่อนไคลคลา ทั้งสามเมืองเนื่องไปค่อยใกล้เขต สามเดือนเศษถึงสิงหลภาษา เข้าทิศใต้ฝ่ายฝั่งข้างลังกา ทั้งวลาวายุพัฒน์หัสกัน ต่างเปรมปรีดิ์ดีใจปราศรัยถาม ต่างเล่าความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ แต่มังคลามาไกลยังไม่ทัน พระหัสกันนั้นจึงว่าด้วยอาลัย จะทำศึกนึกดูอดสูสุด เหมือนมนุษย์ทุจริตผิดวิสัย แม้นจะทำตามจิตที่คิดไว้ เสียผู้ใหญ่ญาติวงศ์พงศ์ประยูร เหมือนต่อสู้ปู่ย่าฆ่าพ่อแม่ จะมีแต่ติฉินไม่สิ้นสูญ ทั้งสององค์ทรงพระอนุกูล ช่วยเพ็ดทูลทัดทั้งพระมังคลา ให้ทรงคิดผิดชอบด้วยรอบรู้ จะรบสู้สุริย์วงศ์เผ่าพงศา พวกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะนินทา หรือเชษฐาอาจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายวลาวายุพัฒน์ต่างตรัสตอบ พ่อว่าชอบเชิงความตามวิสัย แต่ก่อนเราเบาจิตทำผิดไป เสียผู้ใหญ่ญาติวงศ์เสียพงศ์พันธุ์ เพราะพระมังคลาพาให้ยาก ต้องพลัดพรากพาราแทบอาสัญ เธอมาถึงจึงค่อยห้ามปรามด้วยกัน คิดผ่อนผันพูดจาดูท่าทาง กลัวแต่พระสังฆราชจะกราดกริ้ว ว่าบิดพลิ้วทานทัดเป็นขัดขวาง ไม่เห็นรักจักระแวงแคลงระคาง จะทำอย่างไรเราอย่าเบาความ ฯ ๏ วายุพัฒน์ตัดสินเหมือนสินสมุทร แม้นไม่หยุดยับยั้งเราทั้งสาม จะขืดขาดญาติวงศ์ทำสงคราม ก็อย่าตามเธอจะทำกระไรใคร แต่ก่อนมาพาชั่วให้มัวหมอง ต้องจำจองเจียนจักถึงตักษัย หากหลบลี้หนีทันไม่บรรลัย เธอก็ไม่ช่วยแก้มาแต่เธอ เพราะคิดถึงจึงจะห้ามปรามทั้งนี้ ด้วยจงรักภักดีไม่มีเสมอ แม้นเคืองขุ่นหุนหันสมันเกลอ เธอก็เธอเราก็เราจะเอากัน ฯ ๏ ทั้งสององค์ทรงพระสรวลว่าควรอยู่ คอยฟังเธอดูก่อนค่อยผ่อนผัน แต่เรามาถ้ารู้เหตุถึงเขตคัน คนทั้งนั้นมันจะตื่นกันครื้นครึก พระแม่เราเฝ้ารักษาลังกาอยู่ ย่ากับปู่ป้าลุงไปกรุงผลึก จะเลื่องลืออื้ออึงอึกทึก ว่าข้าศึกยกมารบธานี คิดจะใคร่ให้คนถือหนังสือลับ ไปคำนับพระยุพาสุลาศรี ให้ทราบความสามพระชนนี ว่ามาดีมิได้หมายทำร้ายแรง ต่างเห็นชอบลอบทำคำหนังสือ จัดคนถือสาราปากกล้าแข็ง แต่ล้วนพราหมณ์สามนายแต่งกายแปลง ลงเรือน้อยค่อยแฝงลัดแลงมา ฯ ๏ ฝ่ายพวกพ้องกองตระเวนเห็นเรือรบ มาสมทบทอดอยู่ดูหนักหนา จึงร้องถามตามแคลงแจ้งกิจจา ว่าพระวลายุพัฒน์หัสกัน จึงแล่นรีบสิบคืนลมคลื่นส่ง ถึงกรุงตรงขึ้นลังกามหาสวรรย์ ทูลรำพายุพาสุลาลีวัน วลายุพัฒน์หัสกันกำปั่นมา พอผู้ถือหนังสือลับเขาจับได้ มาส่งให้ไต่ถามตามภาษา ทั้งสามนายถวายสารอ่านสารา ว่าพระวลาเจ้าบุรินทร์เมืองสินชัย วายุพัฒน์นัดดาวราราช เป็นอุปราชเมืองเซ็นได้เป็นใหญ่ พระหัสกันผ่านพาราสุลาลัย สามกรุงไกรกราบประณตบทมาลย์ ได้ทราบความสามพระองค์ซึ่งทรงพรต เป็นดาบสสร้างสมพรหมวิหาร พระปิตุราชมาตุรงค์พระวงศ์วาน อยู่สำราญทั่วทั้งเมืองลังกา คิดคะนึงถึงพระคุณการุญรัก ให้ยศศักดิ์สืบวงศ์เผ่าพงศา เพราะเบาความตามพระมังคลา ให้บิดามารดาร้อนรำคาญ จึงหลบลี้หนีตัวกลัวพระเดช ไปอยู่ประเทศธานินทร์เป็นถิ่นฐาน อันองค์พระมังคลาปรีชาชาญ ไปสำราญผ่านประเทศเพชรกำพล ให้เรือใช้ไปสัญญาว่าเดือนเจ็ด จะเสด็จมาประเทศเขตสิงหล ข้าทั้งสามตามมาในสาชล ยังพักพลคอยฟังพระมังคลา เมื่อมาถึงจึ่งจะเชิญให้พระศพ มาภักดีด้วยพระบาทนาถนาถา แม้นมิฟังทั้งพระน้องสองนัดดา จะอาสารบพุ่งกันกรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายสามนางต่างฟังจบหนังสือ ไม่เชื่อถือทุจริตผิดวิสัย มันลวงล่อพ่อแม่ทำแต่ใจ เอาบ่าวไปตัดหัวแทนตัวมัน ฝ่ายผู้ถือหนังสือฟังสั่งให้ฆ่า ทำมารยายิ้มหัวเราะเย้ยเยาะหยัน ไม่ถามไต่ไล่เลียงให้เที่ยงธรรม์ เอาไปฟันเสียเถิดไม่พอใจดู ฯ ๏ ส่วนสามนางต่างคิดผิดประหลาด มันองอาจทายทายอายอดสู จึงเรียกมาหน้าที่นั่งตั้งกระทู้ มึงร่วมรู้ผู้ถือหนังสือมา ล่อลวงกูรู้เท่าอ้ายเจ้าเล่ห์ ทำโว้เว้วิปริตผิดหนักหนา จึงสั่งให้ไปประหารผลาญชีวา มึงกลับท้าทายนั้นด้วยอันใด ฯ ๏ ฝ่ายสามนายชายฉลาดองอาจถาม ท่านเห็นความลวงล่อด้วยข้อไหน ไม่ไล่เลียงเที่ยงแท้ให้แน่ใจ เห็นทำได้แล้วก็ทำแต่ลำพัง จึ่งหัวเราะเยาะนายเป็นชายเฉา ใช้ให้เขามาหาที่บ้าหลัง แม้นถามทักจับได้บอกออกให้ฟัง นี่สิสั่งให้ไปฆ่าเข้าตาจน ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างว่ากูเป็นผู้หญิง ได้เคยชิงชังชายมาหลายหน รู้อุบายถ่ายเทด้วยเล่ห์กล ทำแยบยลอย่างมึงถือหนังสือมา แม้นจริงจังหวังสมัครรักแม่พ่อ จะผันผ่อนงอนง้อขอโทษา ไม่ควรใช้ให้ทูตมาพูดจา จะต้องมาพรั่งพร้อมนอบน้อมนบ นี่โกหกยกทัพมานับแสน เพราะคุมแค้นคิดกันเข้าบรรจบ ทั้งปืนผาอาวุธเครื่องยุทธ์ครบ แม้นไม่รบเอาสาตรามาทำไม ฯ ๏ ฝ่ายสามทูตพูดแก้ว่าแม่เจ้า เนื้อความเท่านี้พระองค์มาสงสัย นี่แน่แม่แต่ขุนนางเดินทางไกล ยังเกณฑ์ไพร่คนตามให้งามยศ อันเจ้าบ้านผ่านเมืองมีเครื่องรบ ตามขนบธรรมเนียมเตรียมมาหมด ทั้งสามหน่อวรนาถราชโอรส ทรงพระยศยกมาในสาคร เรือรบมาห้าร้อยก็น้อยนัก ไม่สมศักดิ์ทรงฤทธิ์อดิศร ผู้ใดเห็นเป็นสง่านรากร หรือมารดรมาระแวงว่าแต่งทัพ แต่องค์พระมังคลานราราช ยังกริ้วกราดโกรธเกรี้ยวจะเคี่ยวขับ สามพระหน่อก็เป็นน้อยมาคอยรับ หวังจะดับศึกพระมังคลา แม้นพระจะมิฟังกำลังห้าม จะสงครามสามพระองค์คงอาสา จึ่งแจ้งความตามหนังสือให้ถือมา กลับมาฆ่าคนสมัครที่ภักดี จึงหัวเราะเพราะคิดนั้นผิดนัก ไม่สมศักดิ์จักบำรุงซึ่งกรุงศรี ใครอาสาฆ่าตายวายชีวี ก็จะมีใครเข้ามาสามิภักดิ์ ฯ ๏ ทั้งสามนางต่างฟังคนทั้งสาม เห็นต้องความตามกระทรวงคิดหน่วงหนัก มันผันแปรแก้หลุดสุดจะซัก จึงสั่งอัครมหาเสนาใน จงบอกกล่าวข่าวเข็ญที่เป็นศึก ไปเมืองผลึกทูลแจ้งแถลงไข ให้คุมตัวผู้ถือหนังสือไว้ ถ้าแม้นไม่เหมือนว่าจะฆ่าฟัน แล้วเกณฑ์ฝรั่งทั้งหลายนายทหาร ขึ้นปราการกำแพงล้วนแข็งขัน ใส่ปืนป้อมล้อมรอบเขตขอบคัน กะเกณฑ์กันเตรียมการจะราญรอน ฯ ๏ ฝ่ายเรือใช้ไปเมืองผลึกแล่น ถึงเขตแดนเดือนหนึ่งเดินเชิญอักษร ตรงเข้าเฝ้าเจ้าพาราสุดสาคร เป็นการร้อนรู้เรื่องเคืองพระทัย จึงทูลกล่าวสามพระองค์ซึ่งทรงพรต พระดาบสมิได้ว่าบัญชาไฉน แต่ศรีสุวรรณนั้นว่าจะช้าใย รีบกลับไปลังกาตรวจตราการ อาจะรอพอสำเร็จเสร็จพระศพ จะสมทบไปด้วยช่วยพระหลาน แล้วให้พระกฤษณาปรีชาชาญ คุมทหารไปด้วยได้ช่วยกัน หน่อนรินทร์สินสมุทรสั่งนุชน้อง เจ้าทั้งสองไปก่อนได้ผ่อนผัน พอสำเร็จเสร็จศพสักสองวัน จะไปด้วยช่วยกันให้ทันการ แล้วสั่งเวรเกณฑ์คนพลผลึก ที่เคยศึกสามารถองอาจหาญ ไปด้วยสุดสาครช่วยรอนราญ แล้วประทานเสื้อหมวกพวกโยธา พระหัสไชยใช้เสนาการะเวก ทหารเอกไปด้วยช่วยเชษฐา สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา ไปทูลลาพระมุนีที่บัลลังก์ แล้วลาอามาลงทรงกำปั่น เรือทั้งนั้นติดตามมาหลามหลัง แต่องค์พระกฤษณาพะว้าพะวัง แวะไปสั่งสามองค์วงศ์เทวา พระพูดพลอดกอดตรีพลำน้อย เนตรชม้อยเพ่งพิศกนิษฐา พอเทพินผินผันจำนรรจา ฉันจะลาน้องแก้วไปแล้วจ๊ะ จะเหินห่างว่างเว้นทุกเย็นเช้า ให้น้องเอาใจช่วยฉันด้วยหนะ นางยอบองค์ลงคำนับรับพุคะ แต่ฝ่ายพระกฤษณาเหลืออาลัย น้ำตาคลอหน่อกษัตริย์สู้อัดอั้น ยิ่งกลั้นกลั้นกลืนกลืนยิ่งขืนไหล จนเสนามาเชิญลุกเดินไป เอาชายสไบเช็ดพระชลนา มาลงลำกำปั่นไม่ทันเพื่อน ค่อยลอยเลื่อนเหลียวแลชะแง้หา ลับเวียงวังทั้งที่รักลับพักตรา พระกฤษณาอาลัยเสียใจจริง จนออกลึกนึกสะท้อนถอนใจใหญ่ ตัวจะไปใจจะอยู่ที่ผู้หญิง จนเป็นลมดมพิมเสนต้องเอนอิง ให้สวิงสวายวุ่นวายใจ ฯ ๏ จะกล่าวพระมังคลามาในน้ำ ทุกคืนค่ำข้ามมหาชลาไหล ได้เจ็ดเดือนเหมือนกำหนดไม่ลดใบ ถึงทิศใต้ฟากฝั่งข้างลังกา พบพระน้องสองหลานสำราญจิต แล้วทรงคิดการศึกนั่งปรึกษา บาทหลวงถามสามองค์ด้วยสงกา เจ้ามาลอยคอยท่าอยู่ช้านาน ได้สืบข่าวชาวเมืองรู้เรื่องมั่น อยู่พร้อมพรั่งหรือว่าไปไกลสถาน พระวลาว่าพระองค์กับวงศ์วาน ไปทำการศพพระอัยกี แต่อำมาตย์มาตุรงค์สามองค์นั้น ตั้งป้องกันเกณฑ์โยธาขึ้นหน้าที่ จะหักหาญราญรุกเข้าคลุกคลี เห็นไม่ดีด้วยท่านเป็นมารดา ถึงชนะจะเป็นข้อทรยศ จงเงือดงดการศึกไว้ปรึกษา บาทหลวงเอ๊ะเกะกะเจ้าวลา แต่แรกมาว่ากระไรจึ่งไม่คิด ทำซุกซนจนจะขาดจากญาติ เดี๋ยวนี้สิออกตัวว่ากลัวผิด เหมือนหินแตกแหลกระยำใช้สำริด ต่อไม่ติดจึ่งต้องใส่สุมไฟแรง เหลวแล้วหล่อก่อสร้างรูปร่างใหม่ เห็นจะได้ด้วยกำลังฆ้อนทั่งแข็ง ด้วยขัดข้องหมองหมางระคางแคลง จะช้อมแปลงเห็นไม่หายรอยร้ายราน แม้นชิงชัยไว้ชื่อให้ลือเลื่อง ได้บ้านเมืองหมดสิ้นที่ถิ่นฐาน เหมือนหลอมหล่อก็พอเห็นจะเป็นการ ด้วยคิดอ่านหว่านล้อมให้พร้อมเพรียง ฯ ๏ พระวลาอาหลานเห็นการวุ่น กลัวเจ้าคุณสังฆราชไม่อาจเถียง บาทหลวงสั่งตั้งพระน้องกองลำเลียง สองหลานเรียงรายรับข้างทัพเรือ พระมังคลาพาพลขึ้นบนฝั่ง เกณฑ์กันตั้งค่ายรายข้างฝ่ายเหนือ ละไว้ช้าถ้าเราขาดข้าวเกลือ จะเหมือนเสือสิ้นฤทธิ์เร่งคิดการ อีกสามวันนั้นหละเราจะเข้ารบ ให้ทำคบไว้ให้ทั่วตัวทหาร กำดัดดึกฮึกโหมเข้าโรมราญ ปืนปราการรบพุ่งเอากรุงไกร ฯ ๏ พระมังคลาสานุศิษย์เห็นคิดชอบ ประณตนอบนึกชนะเห็นจะได้ แต่พระน้องสองหลานรำคาญใจ พากันไปหาท่านครูสุริยัน คำนับน้อมพร้อมพรั่งกันทั้งสาม ต่างเล่าความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ พระสังฆราชคาดว่าสิบห้าวัน จะโรมรันรบพุ่งเข้ากรุงไกร ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูรู้รอบเขตขอบแคว้น ว่าสิบแสนก็จะหักไม่ยักไหว ด้วยขลุบคลีมีกลห้ามฝนไฟ ใครเข้าไปใกล้กรายตายเป็นเบือ อันรมจักรนัคราการะเวก ทหารเอกเมืองผลีกล้วนศึกเสือ ซึ่งเกณฑ์ไปให้รับกองทัพเรือ คอยดูเมื่อลุงอาจะมารบ ให้เรือใช้ไปทำรบแล้วหลบถอย ออกแล่นลอยคอยกันเข้าบรรจบ จะเข้าด้วยช่วยระดมอย่าสมทบ ให้เขารบกันกับพระมังคลา คอยดูทีพี่กับอาบิดาเจ้า รบชนะจะได้เข้าขอโทษา แม้นเพลี่ยงเขาเข้าด้วยช่วยบิดา จะเห็นว่าสามิภักดิ์ประจักษ์ใจ ประเพณีมีพ่อเหมือนคอแขน แขนถ้าแม้นขาดหักไม่ตักษัย เสียแม่พ่อคอขาดสิ้นชาติไป จงตรึกไตรให้งามตามทำนอง ทั้งสามองค์ทรงเห็นเหมือนเช่นว่า ท่านเมตตาปรานีไม่มีสอง จะตามคำจำจารึกไว้ตรึกตรอง แล้วพี่น้องอำลากลับมาเรือ ออกกำปั่นพันห้าโยธาทัพ ตามบังคับขึ้นไปรายอยู่ฝ่ายเหนือ เข้ารวมรอมพร้อมจิตด้วยชิดเชื้อ เพราะปลงเชื่อคำครูให้อุบาย แต่งหนังสือชื่อหน่อวรนาถ ใส่กระดาษเสร็จสมอารมณ์หมาย ให้เรือใช้ใหญ่น้อยไปลอยราย คอยถวายจะได้เห็นเป็นสำคัญ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาพาทหาร ตัดต้นตาลตั้งรายเป็นค่ายมั่น ค่ายละหมื่นปืนรบมีครบครัน ค่ายปิลันหุ้มหนังระวังการ ขุดเป็นรางทางเดินใต้เนินได้ ถึงปืนใหญ่ยิงลูกไม่ถูกทหาร พวกคนแทงแรงเรี่ยวล้วนเชี่ยวชาญ คงทนทานพราะว่ามือถือเหล็กเป็น อันเหล็กเราเข้าไปกรายก็พ่ายแพ้ เปรียบเหมือนแม่เหล็กล่อแต่พอเห็น เข้ารบรับกับเหล็กเพชรเด็ดกระเด็น อ่อนเหมือนเช่นชิ้นตะกั่วมันกลัวกัน จึงพวกเพชรกำพลทนอาวุธ ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน ขึ้นตั้งค่ายรายรอบเป็นขอบคัน ตรวจตรากันตีฆ้องเกราะกลองดัง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาบนหน้าที่ เห็นคนสีแดงก่ำดั่งน้ำครั่ง เรียกกันดูอยู่บนหน้าเสมาบัง บ้างยืนนั่งเดินไขว่ทั้งไพร่นาย บ้างตั้งเตาเอาลูกปรายกรวดทรายคั่ว หลอมตะกั่วคอยสาดเหมือนมาดหมาย ส่วนสามนางต่างแต่งแปลงเป็นชาย ขึ้นเดินกรายตรวจพลบนกำแพง เห็นโยธาข้าศึกล้วนฮึกหาญ เที่ยวเดินพล่านยืนนั่งไม่บังแฝง ยิงปืนใหญ่ใส่ลูกปรายนรายณ์แรง ถูกคนแดงตายตื่นนับหมื่นพัน ด้วยค่ายทำต่ำกว่าเนินเชิงเทินป้อม ยิงค่ายล้อมแหลกทลายค่ายวิหลั่น พวกฝรั่งทั้งปวงทะลวงฟัน พวกคนธรรม์กองทัพออกรับรบ เหล็กฝรั่งทั้งสิ้นเหมือนชินอ่อน เข้าฟันฟอนยู่ยับกลับตลบ ค่ายคนธรรม์พันฟาดขาดกระทบ ฝรั่งรบถอยหลังเข้าลังกา เห็นอาวุธสุดสู้เหล็กยู่ยับ จะรบรับข้าศึกจึ่งปรึกษา เอาทองแดงแท่งทองเหลืองเครื่องสาตรา ให้โยธาถือทั่วทุกตัวคน ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาดึกห้าทุ่ม เห็นเมฆกลุ้มคลุมฟ้าเวหาหน ให้ตั้งโห่โยธาสัญญาพล ขึ้นปีนปล้นบนกำแพงกวัดแกว่งคบ พวกหน้าที่ตีรันแทงพันฟาด ตายดื่นดาดกลับมาอีกไม่หลีกหลบ ทั้งสามนางต่างไล่ไพร่สมทบ พวกหอรบป้อมปืนยิงครื้นครึก ปืนหลักรายค่ายป้อมยิงพร้อมพรั่ง ตูมตึงตังทั้งโห่ร้องเสียงก้องกึก ดังสนั่นลั่นเลื่อนสะเทือนสะทึก เสียงคึกคึกคับคั่งประดังกัน ฝ่ายองค์พระมังคลาทรงม้าที่นั่ง คอยไล่หลังเหล่าพหลพลขันธ์ ขึ้นปีนปล้นจนสว่างถึงกลางวัน ต่างเปลี่ยนกันรบรุดไม่หยุดยั้ง ฯ ๏ จะกล่าวกลับทัพผลึกออกลึกแล่น เข้าเขตแดนลังกาพร้อมหน้าหลัง ยินเสียงปืนครื้นครั่นสนั่นดัง ทัพเรือตั้งคั่งคับอยู่นับพัน พอเรือใช้ไปถามบอกตามเรื่อง พระเจ้าเมืองลังกานราสวรรค์ ต่างแจงความตามจริงทุกสิ่งอัน เรือใช้นั้นให้หนังสือที่ถือไป แล้วกลับมาพากันเข้าเฝ้าทั้งสาม กราบทูลความตามได้แจ้งแถลงไข พระทรงฟังสั่งมหาเสนาใน ยิงปืนใหญ่ออกกำปั่นเหมือนสัญญา ฝ่ายเรือนำกำปั่นลั่นปืนรับ เปิดทางทัพแยกย้ายทั้งซ้ายขวา ฝ่ายเรือใช้ได้หนังสือรับถือมา ทูลสุดสาครอ่านสารสุนทร ฯ ๏ ในเรื่องความสามพระหน่อวรนาถ กราบพระบาทบพิตรอดิศร ด้วยเดิมได้ให้สารสามมารดร จะโอนอ่อนอัภิวาทบาทยุคล พระมังคลามาถึงทั้งสังฆราช โกรธกริ้วกราดรบพุ่งกรุงสิงหล ข้าทั้งสามห้ามไม่หยุดก็สุดจน จึงพาพลมาบรรจบสมทบกัน เมื่อยังเยาว์เบาจิตทำผิดพลั้ง เพราะพระมังคลาได้ไอศวรรย์ เธอใช้สอยพลอยผิดเข้าติดพัน จึ่งคิคกันทั้งนี้แต่พี่น้อง อุตสาหะจะมาสามิภักดิ์ ด้วยจงรักรู้คุณการุญสนอง คิดแยบยลกลศึกยังตรึกตรอง มิให้ต้องรบพุ่งทั้งกรุงไกร ด้วยองค์พระมังคลามีอาวุธ ประสิทธ์สุดที่จะต้านทานไม่ไหว พระแสงขรรค์ฟันลงที่ตรงไร ลุกเป็นไฟเพลิงผลาญสังหารกาย แต่วายุพัฒน์นัดดาสามิภักดิ์ จะใช้ยักษ์ลักให้ได้ดั่งใจหมาย หัสกันนั้นกับข้าอาหลานชาย ขอขึ้นฝั่งตั้งค่ายฝ่ายอุดร แม้นศึกหนักจักสมทบช่วยรบรับ เหมือนคำนับไว้ในลักษณ์ในอักษร พอจบอ่านสารตราสุดสาคร เอาพับซ่อนเสียมิให้ผู้ใดฟัง ทั้งเห็นจริงกริ่งใจสงสัยอยู่ คงจะรู้ดีร้ายเมื่อภายหลัง แล้วเร่งทัพจับพลข้ามวนวัง เสียงครึกครื้นขึ้นฝั่งข้ามลังกา ทั้งพระน้องกองการะเวกผลึก ล้วนเจนศึกเวทมนตร์ดลคาถา ครั้งสำเร็จเสร็จสรรพจับสาตรา พระทรงมาที่นั่งนิลมังกร ทั้งม้าทรงองค์พระกฤษณาน้อง ถือกระบองเนาวรัตน์ประภัสสร ทั้งกระบวนล้วนทหารเคยราญรอน สุดสาครถือกระบองของอาจารย์ แต่นงเยาว์เสาวคนธ์ทรงครรภ์แก่ ไม่ท้อแท้ตามไล่ไพร่ทหาร ขึ้นทรงนั่งหลังสิงห์วิ่งทะยาน ยกทัพมาหน้าทวารปราการกัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาทรงม้าต้น ไล่ต้อนพลขึ้นกำแพงแกว่งพระขรรค์ พระกฤษณาถาโถมเข้าโรมรัน ทรงกระบองป้องกันประจัญบาน พระมังคลากล้ารบไม่หลบเลี่ยง ชักม้าเรียงรำร่าออกหน้าทหาร ต่างตีรันฟันต้องกระบองทาน เป็นเพลิงผลาญพลุ่งโพลงโขมงควัน พระกฤษณาม้าล้มลงสลบ สุดสาครรอนรบรับพระขรรค์ ข้างพี่ตีมิได้ต้องข้างน้องฟัน ไม้เท้ากันก็เป็นไฟไหม้เบาะอาน สุดสาครร้อนรนขืนทนได้ เพลิงลามไหม้เสื้อหมวกพวกทหาร นางเสาวคนธ์ขับสิงห์วิ่งทะยาน เข้ารอนราญรบกับพระมังคลา แกว่งภุขรรค์อันที่ได้ไว้แต่เล็ก ด้วยเป็นเหล็กเพชรพลามวามเวหา ทั้งฤทธิ์แก้วแคล้วคลาดเครื่องสาตรา พระมังคลาฟันฟาดก็พลาดแพลง พวกทหารต่อทหารต้านต่อสู้ หอกดาบยู่แทงฟันเข้มขันแข็ง กุมแต่ด้ำกำหมัดเหวี่ยงวัดแวง คนธรรพ์แทงฟันเข้าช่วยเจ้านาย พวกโยธาการะเวกเอกระ ชกเตะตะต่อยปล้ำล้มคว่ำหงาย แย่งอาวุธฉุดคร่าประสาชาย บ้างล้มตายตะลุมบอนแทงฟอนฟัน ฯ ๏ ฝ่ายสามนางต่างเห็นทัพรบรับสู้ เปิดประตูช่วยพหลพลขันธ์ หอกดาบทวนล้วนทองแดงไล่แทงฟัน พวกคนธรรมพ์นั้นยังน้อยต้องถอยรบ พระมังคลาม้าล้มแทบลมจับ เหงื่อโซมซับลับแลงสุดแรงสลบ กลับเข้าค่ายชายน้ำพอค่ำพลบ ทหารรบรายุทธ์ด้วยสุดแรง นางเสาวคนธ์ทนประทังพอยั้งพยุด จะคลอดบุตรสุดจะยืนจะขืนแข็ง ระทวยองค์ลงริมทางที่กลางแปลง จนสิ้นแรงเรียกหาสุดสาคร พอรำภามาพบมืดพลบค่ำ สังเกตจำสำเนียงเสียงสมร ลงจากม้าค่อยตระกองประคองกร อุ้มบังอรขึ้นบนตักสะพักไว้ เสาวคนธ์อ้นอั้นป่วนปั่นปวด รำภานวดผันแปรรู้แก้ไข พอยามปลอดคลอดโอรสยศไกร รำภาใส่หมวกประคองผ้ารององค์ แล้วอุ้มนางข้างขวาขึ้นม้าเครื่อง ควบเข้าเมืองได้สมอารมณ์ประสงค์ เรียกให้เปิดประตูรับขับม้าทรง อุ้มสององค์ตรงขึ้นบนมนเทียรรัตน์ สว่างแจ้งแสงชวาลากระจ่าง กำนัลนางเถ้าแก่มาแออัด เรียกภูษาผ้าขาวโขมพัตถ์ เร่งให้จัดขันทองรองวารี มาสระสรงองค์พระหน่อวรนาถ วางบนอาสน์อ่อนรองผุดผ่องศรี ยาชะโลมโซมสุคนธ์พระชนนี ชื่นอารมณ์สมประดีค่อยมีมา น้ำใบส้มต้มสรงอาบองค์อุ่น ท้าวนางหนุนปฤษฎางค์ข้างซ้ายขวา หมอผู้หญิงวิ่งสอทั้งหมอยา เรียกสุราหาโอสถบดละลาย ประทมไฟใส่ถ่านอยู่งานนวด ที่ป่วนปวดลมเลือดค่อยเหือดหาย กุมารร้องก้องปรางค์ไม่วางวาย พระนมถวายนมเสวยต่างเชยชม เจ้าพวกหมอห่อประคบยาครบอย่าง พวกท้าวนางนอบนบประคบผงม ปรุงโอสถรสรื่นชื่นอารมณ์ ให้ทรงดมดูระวังอยู่พรั่งพร้อม สุดสาครร้อนเริงด้วยเพลิงพิษ อุ้มพระกฤษณาน้องประคองถนอม ทั้งเสนาข้าเฝ้าเป็นเหล่าล้อม ขึ้นบนป้อมปืนใหญ่แก้ไขกัน หมอชะโลมโซมยาสุรามฤต ให้ดับร้อนถอนพิษฤทธิ์พระขรรค์ จนดึกดื่นฟื้นองค์คงกระพัน ฉวีวรรณหวะหนองพุพองพัง หมอรักษายาพอกเหมือนลอกคราบ น้ำมันฉาบแสบริ้วริ้วร้อนผิวหนัง สุดสาครร้อนใจเข้าในวัง เห็นพร้อมพรั่งพระสนมกรมใน ทราบว่าเจ้าเยาวยอดเคลื่อนคลอดบุตร ประคองสุดเสน่หาน้ำตาไหล เข้าทูลห้ามทรามชมประทมไฟ พระลุกไปนั่งดูพระกุมาร ประคองกรช้อนเบาะว่าเคราะห์พ่อ น้ำตาคลอหลั่งลงด้วยสงสาร เวียนพิทักษ์รักษาพยาบาล ดูกุมารแล้วมาเฝ้าปลอบเสาวคนธ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระมังคลากลับมาค่าย ไม่สมหมายที่จะชิงเอาสิงหล ด้วยพี่น้องสององค์อันคงทน เสียไพร่พลนับแสนยิ่งแค้นใจ จนยามดึกตรึกตรองให้ข้องขัด ยิ่งกลุ้มกลัดพลิกกลับไม่หลับใหล นางแม่เลี้ยงเคลียงคลอพระหน่อไท อย่าเสียใจไว้แม่จะแก้แค้น คิดบอกข่าวราวเรื่องเมืองน้อยใหญ่ เกณฑ์พลไว้ใช้สอยสักร้อยแสน อันหนึ่งท้าวเจ้าประเทศทุกเขตแดน เสมอแม้นมารยักษ์มีศักดา ยังพวกพ้องของท้าวรามเดช หลายประเทศทั้งพระวงศ์เผ่าพงศา มาสมทบรบพุ่งกรุงลังกา สักพริบตาก็จะได้ดั่งใจจง พระฟังความยามทุกข์ลุกขึ้นนั่ง ด้วยสมหวังดั่งจิตคิดประสงค์ กอดแม่เลี้ยงเคียงแอบไว้แนบองค์ อุตส่าห์ทรงจุมพิตด้วยคิดรัก มิเสียทีมีแม่ช่วยแก้แค้น ก็เหมือนแม้นแม่พยุงให้สูงศักดิ์ ได้เช่นนั้นฉันนี้ยินดีนัก เคยรู้จักเจ้าเมืองได้เลื่องลือ อันเมืองออกนอกเพชรกำพลนั้น ทั้งพงศ์พันธุ์พวกผู้ตายมากมายหรือ อยากจะใคร่ได้ที่มีฝีมือ จะได้รื้อรบพุ่งเอากรุงไกร ฯ ๏ นางกฤษณาว่าเมื่อคราวผัวเก่าอยู่ พาไปดูแดนป่าชลาไหล อันถิ่นฐานบ้านเมืองเนื่องกันไป ข้างทิศใต้ถึงยักษ์ขอบจักรวาล แต่ที่ต่อหรดีนั่นมีเกาะ คนเหมือนเงาะงวงชดเหมือนคชสาร ประเทศที่มีต้นแตนทำแทนตาล ขยำดินกินหวานสำราญใจ ดูหัวกลมผมพริกหยุกหยิกยุ่ง เข้ารบพุ่งแทงฟันไม่หวั่นไหว แต่คนเราเข้าไปหาภาษาไร ก็เข้าใจพูดจาภาษานั้น เคยไปมาหาท้าวรามเดช หนทางสามเดือนเศษถึงเขตขัณฑ์ จะเชิญมาหาด้วยได้ช่วยกัน ชอบกับฉันชื่อพระเสาร์เป็นเจ้านาย ที่เมืองอื่นขึ้นกับเพชรกำพลเล่า พวกผัวเก่าเหล่าสนิทมิตรสหาย เชื้อคนธรรพ์มันขี้มักเป็นยักษ์กลาย ที่อยู่ปลายสุดถิ่นมันกินคน มีต่างต่างร่างกายเหมือนชายหญิง มิใช่ลิงค่างชะนีแต่มีขน จะให้หาตราเมืองเพชรกำพล ทุกตำบลมาบรรจบรบลังกา ฯ ๏ พระทราบสิ้นยินดีเป็นที่ยิ่ง แม่เป็นหญิงยอดมนุษย์สุดจะหา พลางกอดเกยเชยชมภิรมยา แนบอุรารัดรึงเข้าคลึงเคล้า อัศจรรย์นั้นเหมือนนาคลงปากปล่อง เข้าหุบห้องเหวตลอดถึงยอดเขา พระกล่าวแกล้งแคลงความถามเบาเบา เธอผัวเก่าเราผัวใหม่ใครจะดี นางแม่เลี้ยงเพียงจะกลืนด้วยชื่นจิต ทำเบือนบิดบ่นว่าน่าบัดสี ทั้งแว่นแคว้นแดนจังหวัดปฐพี ใครไม่มีเหมือนดั่งพระมังคลา พระแช่มชื่นฝืนพักตร์ทำรักใคร่ ตามวิสัยที่ในเล่ห์เสน่หา ครั้นอุทัยไขแสงแต่งสารา แล้วตีตราประจำเพชรกำพล ให้เรือใช้ใหญ่น้อยไปร้อยเศษ หาประเทศเขตแขวงทุกแห่งหน ฝ่ายตัวนายหมายจำที่ตำบล ต่างรีบร้นแล่นรายแยกย้ายไป ฯ ๏ ฝ่ายนัดดาวายุพัฒน์ฝึกหัดยักษ์ ให้รู้จักพูดจาอัชฌาสัย เห็นแน่นอนสอนตามเนื้อความใน แล้วพาไปเฝ้าพระมังคลา อยู่พร้อมทั้งสังฆราชพระบาทหลวง เห็นผิดท่วงทีถามตามกังขา เจ้าหัสกันนั้นกับพระวลายุดา ไม่เห็นมาด้วยกันเป็นฉันใด ให้คอยรับทัพเรือเมื่อขากลับ ไม่รบรับรู้เห็นเป็นไฉน เมื่อสมทบรบพุ่งที่กรุงไกร ทำไมไม่มาช่วยรบด้วยกัน วายุพัฒน์ซัดเอาว่าอากับน้อง เขาทั้งสองเรรวนชักชวนฉัน ให้กลับใจไปเข้าข้างเผ่าพันธุ์ ช่วยป้องทันนัคเรศนิเวศน์วัง แต่ตัวข้าว่าขาดญาติเสียแล้ว สิ้นเชื้อแถวพ่อแม่มาแต่หลัง เขาจองจำทำให้อายมาหลายครั้ง แต่พระมังคลาเธอการุญ ได้ชุบเลี้ยงเคียงองค์ดำรงราชย์ นับเป็นญาติชาติเชื้อได้เกื้อหนุน เหมือนชนกปกเกศพระเดชพระคุณ ได้ทำบุญข้างฝรั่งเมืองลังกา จะกลับใจไปเข้าข้างเหล่าร้าย ก็เสียดายเชื้อชาติพระศาสนา เขาไม่เชื่อเมื่อทัพยกกลับมา พระวลาอากับน้องไม่ป้องกัน กลับหลีกทางต่างคนตามพลไพร่ ดูเหมือนในใจหมายทำร้ายฉัน เข้าหุ้มห้อมล้อมรอบเป็นขอบคัน กักกำปั่นมิให้ออกมานอกวง จึงช้าอยู่ดูทำนองนิ่งตรองตรึก พอยามดึกเกิดลมสมประสงค์ จึงหลบลี้หนีมาหาพระองค์ ด้วยซื่อตรงสัจจาสามิภักดิ์ พระมังคลาว่าทั้งสองมันปองร้าย เสียชาติชายกลายกลับอัปลักษณ์ เจ้ามาหาอานี้ยินดีนัก จะร่วมรักภักดีร่วมชีวา ฯ ๏ บาทหลวงว่ามาแต่แรกก็แปลกจิต มันพูดผิดคิดขาดพระศาสนา วายุพัฒน์สัตย์ซื่อมันถืออา จงอุตส่าห์สุจริตร่วมจิตใจ แล้วสอนสั่งมังคลาว่าพระขรรค์ คิดฆ่าฟันมันแพ้คิดแก้ไข ให้ตื่นแตกแหลกเหลวดั่งเปลวไฟ เราจะได้ยกเข้าตั้งในลังกา ถ้าช้าอยู่รู้เรื่องเมืองผลึก จะเหิมฮึกคึกคักมาหนักหนา แล้วลุกไปท้ายกำปั่นฉันน้ำชา สวดภาษาฝรั่งลำพังใจ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาเชื่อวายุพัฒน์ ว่าซื่อสัตย์มั่นคงไม่สงสัย ให้ตรวจตราว่าพหลพลไกร ให้อยู่ในค่ายตั้งหลังพลับพลา แต่รอรั้งตั้งมั่นหลายวันนัก ไม่เห็นพักตร์เผ่าพงศ์พวกวงศา จึงให้ไพร่ไปตะโกนโพนทนา ประกาศก้องร้องว่าหน้าประตู ว่าตัวนายหายไปข้างไหนเสีย หรือกอดเมียคลอแคลแม่อีหนู ไม่สู้รบหลบมุดนอนคุดคู้ ออกมาสู้ดูฝีมือให้ลือชา ฯ ๏ สุดสาครร้อนจิตคิดมานะ บอกองค์พระมเหสีที่ปรึกษา ยืมเอาแก้วแคล้วคลาดคาดกายา เหน็บสาตราชื่อภุขรรค์อันเป็นเพชร ถือไม้ท้าวดาวบสสู้กรดได้ ไฟไม่ไหม้ลุกลามไม่ขามเข็ด จะแก้ไขใช้ปัญญากาละเม็ด ครั้นสรรพเสร็จทรงพระยาม้ามังกร กับโยธาการะเวกเมืองผลึก ชำนาญศึกถือดาบกำซาบศร ล้วนทองแดงแต่งการจะราญรอน สุดสาครนำหน้าโยธาตาม แล้วยกออกนอกวังคนคั่งคับ หยุดประทับที่กว้างกลางสนาม ให้ปักธงตรงหน้าสง่างาม ตั้งโห่สามลาลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาทรงม้าผ่าน ยกทหารแห่ตามมาหลามหลัง ถึงที่หยุดหยุดประทับยืนยับยั้ง ฝ่ายฝรั่งมังคลาร้องว่าไป พวกตัวนายหายไปข้างไหนเสีย ไม่พาเมียมาช่วยรบหลบไปไหน ยังน้องชายฝ่ายนางพวกข้างใน ทำไมไม่ออกมาช่วยราวี สุดสาครย้อนว่าอุลามก สัตว์นรกยกกายไม่อายผี สำแดงฤทธิ์ขวิดพ่อเหมือนทรพี หมายว่ามีรี้พลมาปล้นชิง อันพวกเราเจ้าของยกกองทัพ ช่วยกันจับโจรร้ายทั้งชายหญิง แนะฝรั่งมังคลาแม้นกล้าจริง จงมาชิงชัยลองกันสองคน ตัวชนะจะสมอารมณ์แน่ ฆ่าพ่อแม่พี่น้องครองสิงหล เราชนะจะผูกคอทรชน ลากไปขว้างกลางวนพ้นแผ่นดิน ฯ ๏ พระมังคลาว่าพี่ชายไม่อายปาก พูดสำรากอุตริมาติฉิน ทวีปวังลังกาในวาริน เป็นที่ถิ่นท้าวไทยอัยกา แต่โบราณผ่านพิภพจบจังหวัด สืบกษัตริย์สุริย์วงศ์เผ่าพงศา โดยลำดับนับกษัตริย์ถัดถัดมา จนเราราชาภิเษกเป็นเอกองค์ เพราะพวกพ้องของตัวไม่กลัวบาป เห็นแต่ลาภโลภจิตคิดประสงค์ มาช่วยชิงสิงหลรณรงค์ จึงได้ขาดญาติวงศ์ทำสงคราม เดิมบิดาย่าปู่อยู่จังหวัด บุรีรัตนาภาษาสยาม ก็เป็นญาติชาติเชื้อทำเหลือลาม คบคิดข้ามเขตฝั่งมาลังกา ไม่มีจริงชิงเอาของเราเสีย ยกแต่ตัวผัวเมียมารักษา ชะเจ้าของครองสมบัติกษัตรา ยังมีหน้าว่าได้ช่างไม่อาย เลือกที่รักมักที่ชังทำดั่งนี้ มิใช่พี่น้องเนื้อในเชื้อสาย ตัวก็รู้ดูถูกลูกผู้ชาย มากลับกลายหมายจะทำแต่ลำพัง ฯ ๏ สุดสาครค่อนแค้นว่าแสนชาติ ไม่หมายมาดปรารถนาเป็นฝาหรั่ง เดิมพระบาทมาตุรงค์ครองวงวัง ถวายลังกากับพระชิณกา ครั้นเกิดมึงจึงสมเด็จพระบิตุเรศ คิดสมเพศเผ่าพงศ์พวกวงศา มอบสมบัติพัสถานให้มารดา จึงแต่งตั้งมังคลาครองธานี ไม่ซื่อต่อพ่อแม่กอแก่เกก ตีการะเวกรมจักรถือศักดิ์ศรี จับพระน้องสองธิดาแม่มาลี พระอัยกีอัยกาเอามาไว้ จนชั้นแต่แม่วัณฬาลงมาห้าม ยังหยาบหยามฆ่าขอเฝ้าพวกบ่าวไพร่ กลับตลบรบพุ่งเผากรุงไกร ผิดวิสัยในแผ่นดินสิ้นทั้งปวง เขาเห็นชั่วทั่วพิภพรบพ่อแม่ เว้นเสียแต่เอ็งบังอาจกับบาทหลวง สั่งสอนมึงจึ่งมุทะลุทะลวง กระทำล่วงเกินผิดจริตบุราณ สองกษัตริย์ขัตติยวงศ์ทรงเห็น ไม่ควรเป็นปิ่นเกศประเทศฐาน จึ่งถอดมึงซึ่งเป็นโทษโปรดประทาน ให้กูผ่านบ้านเมืองให้เลื่องลือ พวกสิงหลคนดูก็รู้เห็น กูไม่เป็นเจ้าของครอบครองหรือ มึงลูกเด็กเล็กจิ๋วเท่านิ้วมือ ทำดึงดื้อซื้อรู้ถือครูโกง สาระยำทำวิบัติไอ้สัตว์บาป ไม่เข็ดหลาบหยาบคายจะตายโหง มีเวทมนตร์ดลเอกเสกลำโพง พากันโกงกอแกด้วยแก่วัด ไม่รู้คุณบุญบาปทำหยาบหยาม เสียชื่อนามหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ กลับหยิบผิดบิดาสารพัด จะต้องมัดตัดศีรษะเสียบประจาน ฯ ๏ มังคลาว่าเจ้าเข้าด้วยพ่อ พลอยสอพลอขอสมบัติพัสถาน ติเตียนพระจะไปตกนรกนาน ยมบาลท่านจะคอยตบต่อยยับ เมียของเจ้าเสาวคนธ์ขโมยเพชร เอาแก้วเก็จของเราไว้จึ่งไปจับ ยายมาลีมิใช่การแต่งสารลับ มาพลอยรับสมอ้างเอากลางคัน ข้างเราเป็นลูกเต้าไม่เข้าด้วย กลับไปช่วยการะเวกแกล้งเสกสรรค์ ทั้งรมจักรรักเขาพูดเข้ากัน ไม่เที่ยงธรรม์กลอกกลับจึ่งจับมา ไม่รู้ตัวมัวเมาใจเบานัก ไม่รู้จักรักวงศ์เผ่าพงศา ไปเลี้ยงไว้ในวังเมืองลังกา บิดามาก็ไม่ถามตามธรรมเนียม เข้ากับเขาเฝ้าดูถูกแต่ลูกหลาน เหมือนบูราณท่านว่าเข้าพร้าเสียม ความเจียมตัวกลัวมนุษย์ก็สุดเจียม ท่านเหี้ยมเกรียมกริ้วโกรธยกโทษเรา ช่างกระไรไม่มีดีเท่าขี้เล็บ คอยแต่เก็บเจ็บแค้นเถียงแทนเขา ไม่ยอมแพ้แม่พ่อกดคอเรา เอาปี่เป่าให้เราหลับแล้วจับตัว ทำเช่นนี้ดีแท้ทั้งแม่พ่อ น่าหัวร่อพระกำเนิดบังเกิดหัว สำทับถมข่มเหงเหลือเกรงกลัว ไม่มีชั่วตัวเอกโกกเกกโกง ให้สำเร็จเสร็จสรรพแล้วกลับคืน จะเป็นฟืนเช่นเขาว่าผ่าโผงโผง อันวิสัยใจเราเสากระโดง ใครคดโกงเขาก็รู้อยู่ทุกคน ชาติสอพลอทรลักษณ์เพราะรักยศ มันเลี้ยวลดคดงอคิดฉ้อฉล วิสัยช้างสร้างงามาจะชน ไม่ย่อย่นเยินยู่มาสู้กัน ทั้งสองข้างทางขยับขับสินธพ ออกรับรบกลางแปลงด้วยแข็งขัน มังคลาถาโถมโจมประจัญ ต่างตีรันฟันฟอนราญรอนรบ ด้วยฤทธิ์แก้วแววตาทั้งตราแก้ว ต่างคลาดแคล้วพลาดเพลี่ยงหลีกเลี่ยงหลบ ม้าต่อม้าสามารถชาติสินธพ ต่างดีดขบคางโขกกระโชกชิด มังกรกัดฟัดม้ามังคลาโลด กลับกระโดดดิ้นสลัดมันกัดติด นายต่อนายหมายสังหารผลาญชีวิต ต่างฟันฟาดพลาดผิดหวิดหวิดตัว มังคลาม้าล้มลุกถลัน พระขรรค์ฟันม้าเป็นไฟโพลงไหม้หัว มังคลาโดดโลดถลาด้วยตามัว ตัวต่อตัวนายพลัดตกอัสดร มังคลาตาลายข้างฝ่ายพี่ ม้าก็หนีลงทะเลเที่ยวเร่ร่อน ต่างออกห่างต่างพาพลากร เข้านครเข้าค่ายชายชลา ฯ ๏ สุดสาครร้อนตัวกลัวพระขรรค์ จะแก้กันการศึกจึงปรึกษา พวกอยู่ค่ายฝ่ายฝรั่งมังคลา ก็กลัวม้ามังกรหยุดรอนราญ ข้างน้องชายหมายคอยเมืองน้อยใหญ่ มามากได้พร้อมพรักเข้าหักหาญ ข้างพี่คอยพี่กับอานุชาชาญ ได้คิดการกลศึกหยุดตรึกตรา ฯ ๏ จะกล่าวเรื่องเมืองผลึกฉลองศพ สมโภชครบเจ็ดวันต่างหรรษา พอเรือใช้เข้าไปฟังข่าวลังกา รีบกลับมาทูลถึงทัพที่รับรบ ฤทธิ์พระขรรค์ฟันใครเป็นไฟติด ต้องพระกฤษณาจนม้าสลบ รบทีไรไพร่นายตายทับทบ ยังต้องรบสู้กันประจัญบาน ศรีสุวรรณสินสมุทรสุดวิตก จะรีบยกทัพไปด้วยได้ช่วยหลาน หัสไชยให้เสนาตรวจตราการ ขนข้าวสารเกลือเสบียงเลี้ยงโยธา ฯ ๏ ฝ่ายเทพินนิลกัณฐีตรีพลำนั้น กับเทวัญอัมพวันใฝ่ฝันหา เมื่อชักศพพบกันจำนรรจา ลาบวชหน้าศพสิ้นด้วยยินดี เป็นดาบสงดงามตามรุ่นรุ่น ด้วยเคยคุ้นขอตามสามฤๅษี พระอภัยวัณฬาสุมาลี ไม่พาทีไต่ถามถึงความทัพ ศรีสุวรรณนั้นกับหลานจัดการรบ แต่งเรือครบเครื่องสำเร็จไว้เสร็จสรรพ ลาสิทธามาพร้อมน้อมคำนับ แล้วยกทัพทั้งสามตามกันมา พระอภัยได้พี่น้องทั้งสองหลาน สามกุมารมุนีประสีประสา ลงเรือลำทำใหม่ค่อยไคลคลา ไปภูผาสิงคุตรอยู่กุฎี ฯ ๏ ฝ่ายสามทัพนับแสนลอยแล่นเลื่อน ไปทางเดือนหนึ่งจึงถึงกรุงศรี ขึ้นตั้งค่ายรายรักษาหน้าธานี ทุกราตรีตีฆ้องก่อกองไฟ ศรีสุวรรณนั้นอยู่วังกับทั้งหลาน คิดอ่านการผันแปรจะแก้ไข แต่สินสมุทรกับพระหัสไชย จะใคร่ไปรบฝรั่งมังคลา จึงจัดแจงแต่งทหารชำนาญศึก พลผลึกล้วนฉกรรจ์ขันอาสา ทองแดงทองเหลืองเครื่องอาวุธยุทธนา พวกโยธาการะเวกปลุกเสกมนต์ เคี้ยวขมิ้นกินอ่านเครื่องอานผูก ตะกรุดลูกสะกดร้อยสายสร้อยสน ใส่แหวนพิรอดปรอทกลมอมทุกคน ล้วนคงทนแทงฟันไม่พรั่นใจ ครั้นพร้อมพรั่งตั้งถ้วนกระบวนทัพ แลสลับธงทิวปลิวไสว ฝ่ายสององค์สรงสนานสำราญใจ ต่างสอดใส่เกาะเก็จเพชรทั้งนั้น ไม่ทรงเสื้อเผื่อไฟจะไหม้ติด พระสัมฤทธิ์สำหรับรับพระขรรค์ ครั้นเสร็จออกนอกวังคับคั่งกัน ฝ่ายศรีสุวรรณกฤษณาสุดสาคร ขึ้นคอยดูอยู่บนป้อมพร้อมทหาร หน้าปราการกองทัพสลับสลอน พร้อมพระวงศ์พงศานรากร เจริญพรหน่อนรินทร์ให้ภิญโญ พวกทหารกรานกราบถือดาบดั้ง หอกปืนทั้งทวนหลาวแหลนง้าวโล่ พระพี่น้องสององค์ทรงสิงโต ทหารโห่แห่แหนเนื่องแน่นนันต์ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลากับวายุพัฒน์ ต่างทรงเครื่องเรืองจำรัสล้วนจัดสรร พระขรรค์ร้อยสร้อยกระหวัดผูกหัตถ์พัน ทรงม้าสีจันทน์ผูกเครื่องรุ่งเรืองรอง วายุพัฒน์จัดองค์ทรงกระบี่ ขี่ม้าสีมรกตผยดผยอง อ้ายยักษาหน้าหมีใส่หมวกทอง แบกกระบองเคียงม้าวายุพัฒน์ แล้วยกออกนอกค่ายหมายทหาร ตีฆ้องขานโห่แห่อยู่แออัด พวกไพร่พลคนธรรพ์ล้วนสันทัด ต่างแกว่งกวัดหอกดาบแปลบปลาบตา พอถึงทัพยับยั้งหยุดตั้งมั่น ดูแน่นนันต์นายทัพออกรับหน้า วายุพัฒน์มัสการท่านบิดา พระมังคลาสาระวนดูคนกลอง หน่อนรินทร์สินสมุทรเห็นบุตรไหว้ รู้วิสัยในกลคนทั้งสอง จึงร้องเรียกมังคลาว่าพระน้อง เจ้ายกกองทัพมาจะราวี พยาบาทมาดหมายไม่หายเหตุ พระบิตุเรศเล่าก็ถือเป็นฤๅษี ไม่คุมแค้นแม้นว่ามาโดยดี ประสาพี่น้องเห็นจะเป็นการ ต้องรบสู้ผู้คนพลไพร่ พลอยบรรลัยแหลกลงน่าสงสาร แต่ล้วนเหล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน มาล้างผลาญกันอย่างนี้ไม่ดีเลย ฯ ๏ พระมังคลาว่าเป็นลูกก็ปลูกฝัง ครองเมืองทั้งสะใภ้ทั้งไขเขย อันน้องนี้วิสัยบุญไม่คุ้นเคย เหมือนเชลยลับชื่อไม่ลือชา อันที่จริงสิงหลมณฑลทวีป ได้ชูชีพชนชาติศาสนา แต่ทวดเฒ่าเหล่ากอต่อต่อมา เมืองลังกาก็มากลับลอยลับลิบ เหมือนพระพี่มีสุขลูกกษัตริย์ ผ่านสมบัติเมียน้อยนับร้อยสิบ แต่ตัวน้องต้องอายผู้ร้ายริบ เที่ยวหักดิบฉิบหายไม่วายคิด เสียที่ถิ่นสิ้นญาติสิ้นชาติเชื้อ เห็นแต่เสือซ่อนเล็บคนเหน็บกริช ปากปราศรัยใจประสงค์ปลงชีวิต ทั้งโคตรคิดเข้าเป็นหมู่เราผู้เดียว ฯ ๏ สินสมุทรหยุดฟังชังน้ำหน้า โมโหหน้าหมกมุ่นให้ฉุนเฉียว อ้ายมังคลาพาทีเช่นนี้เจียว พลางเข่นเขี้ยวขับสิงห์วิ่งเข้ารบ ขยับทวนสวนแทงพลิกแพลงพลาด พระน้องฟาดฟันเปรี้ยงหลีกเลี่ยงหลบ คอยเขม้นเห็นได้ใกล้สินธพ โถมประจบจับน้องด้วยว่องไว มังคลาง่าขยับพี่จับหัตถ์ เบือนสะบัดผัดผันฟันไม่ได้ พอเพลี่ยงพลาดฟาดฟันพระขรรค์ไฟ เพลิงโพลงไหม้ขนสิงห์วิ่งตะกาย สินสมุทรสุดทนร่ายมนต์เป่า เพลิงที่เผาพิษร้อนค่อยผ่อนหาย น้องเข้าขวางกางกั้นกันพี่ชาย เขม้นหมายมังคลาเข้าราวี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาให้วายุพัฒน์ รับพระหัสไชยรบไม่หลบหนี หัสไชยไล่รุกเข้าคลุกคลี อ้ายยักษ์หมีตีรันประจัญบาน สินสมุทรสุดร้อนผ้าผ่อนไหม้ สู้แข็งใจยืนยันกันทหาร เห็นยักษ์ใหญ่ไล่นุชาถาทะยาน เข้าต่อต้านตีรันประจัญรบ เห็นเพลี่ยงพลั้งมังคลาขับม้าไล่ หัสไชยไสสิงห์วิ่งเข้าขบ ตะกายกัดฟัดคว่ำปล้ำสินธพ ล้มสลบซบดิ้นสิ้นชีวี สินสมุทรผลุดผลักจากยักษ์ใหญ่ ทะลึ่งไล่วายุพัฒน์เลี้ยวลัดหนี พอโพล้เพล้เพลาจะราตรี เห็นรูปผีเสื้อสกัดกั้นนัดดา สินสมุทรสุดเขม้นเห็นพระแม่ จำได้แน่นอบนบซบเกศา แล้วคลับคล้ายหายไปกับนัยนา พอเพลามือเขม้นไม่เห็นกัน มังคลาลาทัพกลับเข้าค่าย พวกพี่ชายกลับพหลพลขันธ์ เข้าค่ายตั้งวังนิเวศน์ขอบเขตคัน ต่างตั้งมั่นอั้นอ้นคิดกลการ ฯ ๏ ฝ่ายเรือใช้ที่ไปแต่นางแม่เลี้ยง ต่างแล่นเลี่ยงไปถึงสิ้นทุกถิ่นฐาน จึ่งแจงความตามเรื่องเคืองรำคาญ ให้เชิญท่านท้าวพระยาทุกธานี ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเก้าองค์ล้วนวงศ์ญาติ ทั้งมิตรสหายร้ายกาจดั่งราชสีห์ กับเมืองน้อยร้อยเอ็ดเอกโทตรี เกณฑ์โยธีทุกทุกเมืองยกเนื่องมา แต่พระเสาร์เจ้าเกาะเงาะงวนนั้น ใช้กำปั่นไม้แตนทำแน่นหนา กำลังต้นทนคลื่นฝืนคงคา กับโยธามาก็น้อยสักร้อยเดียว สานใบแตนแผ่นใหญ่ทำใบคลี่ ได้ลมดีแล่นลำออกน้ำเขียว ไม่มีสาตราวุธยุทธ์ธงเทียว น้ำตาลเคี่ยวแช่กับดินกินทุกวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช เมื่อไสยาสน์หวาดจิตนิมิตฝัน ว่านัดดาวายุพัฒน์เคืองขัดกัน เอาดาบฟันกรบาทขาดกระเด็น ตัวก็ตายยายแก่ผู้แม่เลี้ยง ประคองเคียงนวดฟั้นในฝันเห็น ที่กลัดกลุ้มรุมร้อนค่อยหย่อนเย็น พอกลับเป็นขึ้นก็ตื่นพลิกฟื้นกาย ยังจนใจในนิมิตคิดประหลาด พอสังฆราชขึ้นมาหาเวลาสาย จึงเล่าตามความฝันบรรยาย จะดีร้ายโปรดแปลให้แน่นอน ฯ ๏ บาทหลวงนั่งฟังที่เก้าอี้ตั้ง นับโฉลกโลกภวังค์วิสังหรณ์ แล้วจับยามตามตำราพยากรณ์ ราหูจรถึงจันทร์จะอันตราย วายุพัฒน์ตัดบาทแขนขาดนั้น ระวังนะพระขรรค์จะพลันหาย ที่หญิงแก่แก้รอดไม่วอดวาย คือท่านยายนั้นจะช่วยด้วยปัญญา แล้วพาทีมิให้ดังสอนสั่งศิษย์ อย่าไว้จิตหลานรักนั้นนักหนา จะเกิดเข็ญเป็นวิบัติเพราะนัดดา ฟังกูว่านะอย่าให้มาใกล้กราย เฝ้าสั่งซ้ำกำชับแล้วกลับหลัง ฝ่ายพระมังคลานั้นมิ่งขวัญหาย ให้หงุดหงิดจิตใจไม่สบาย เห็นหลานชายเฉยเชือนไม่เหมือนเคย วายุพัฒน์นัดดาเข้ามาเฝ้า ทั้งเย็นเช้าเข้าไปหาเห็นอาเฉย ดูท่วงทีมิได้ไว้พระทัยเลย ไม่เหมือนเคยคิดแค้นด้วยแสนอาย เข้าในห้องตรองตรึกฝึกไอ้ยักษ์ มึงหาญหักลักให้ได้ดังใจหมาย ฝ่ายยักษ์ใหญ่ไปแอบดูแยบคาย พอเบี่ยงบ่ายฝ่ายพระมังคลา จึงจัดแจงแต่งองค์ทรงพระขรรค์ สายสร้อยพันผูกรัดกับหัตถา ทรงฉลองรองบาทเยื้องยาตรา กับเสนามหาดเล็กเด็กน้อยน้อย เที่ยวแลดูดูค่ายนายทหาร ทุกหน้าด้านเดินไขว่คนใช้สอย ไอ้ยักษ์มองจ้องจะจับขยับคอย เห็นเดินคล้อยโถมกระหวัดรวบรัดกาย กระชากฉุดยุดแย่งพระแสงขรรค์ หักสร้อยพันผูกขาดเหมือนมาดหมาย ชูพระขรรค์ฟันไล่พวกไพร่นาย ต่างวุ่นวายพรูวิ่งเข้าชิงยักษ์ มันฟันไฟไหม้พลุ่งกระทุ้งถีบ จับตัวบีบบี้แบนขาแขนหัก ต่างล้มตายนายไพร่ไส้ทะลัก แล้วไอ้ยักษ์วิ่งมาเข้าหานาย ยื่นพระขรรค์นั้นให้ไหว้วายุพัฒน์ หน่อกษัตริย์เสร็จสมอารมณ์หมาย พระมังคลามาตามสิ้นความอาย เรียกหลานชายว่าพ่อขอให้อา วายุพัฒน์กวัดแกว่งพระแสงขยับ คนกลัวกลับล้มกลิ้งวิ่งถลา แล้วร้องถามความหลังพระมังคลา ไม่ดูหน้าข้านั้นด้วยอันใด เข้าไปเฝ้าเล่าก็เมินทำเดินเฉย ไม่เหมือนเคยแค้นน่าเลือดตาไหล เขาทำมั่งยังจะมาว่ากระไร เป็นผู้ใหญ่ได้อยู่หรือทำถือตัว พระมังคลาว่าวอนด้วยอ่อนหวาน ผิดแล้วหลานอนุกูลเถิดทูนหัว ด้วยทำศึกตรึกตรองให้หมองมัว อานี้ชั่วเฉยเจ้าด้วยเบาใจ เจ้าก็รู้อยู่ด้วยกันทุกวันนี้ ไม่มีที่พึ่งพาที่อาศัย แม้นมิให้พระขรรค์เหมือนบรรลัย จงคืนให้ไว้กับอาได้ปรานี ฯ ๏ วายุพัฒน์ตัดความจะห้ามมั่ง จะมาตั้งรบพุ่งเอากรุงศรี ไปกราบไหว้อัยกาหาอัยกี รู้จักพี่เผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน จึงจะได้ให้คืนแม้นขืนดื้อ ก็ไม่ถือเธอแล้วว่าเป็นอาหลาน มังคลาบ้าเลือดดุเดือดดาล เรียกทหารหุ้มห้อมเข้าล้อมไว้ แล้วว่ากูผู้เป็นอาได้มาขอ มึงขัดคอแค้นน่าเลือดตาไหล หลานหัวร่อล้ออาจะลาไป เรียกยักษ์ใหญ่หน้าหมีขึ้นขี่คอ แกว่งพระขรรค์ฟันฝ่ายทั้งซ้ายขวา คนถลาล้มกลิ้งลุกวิ่งสอ พระมังคลามาข้างหลังต้องรั้งรอ อ้ายยักษ์บอแบกย่างง้างกระบอง แล้วหวดซ้ายป่ายขวาโยธาหาญ วิ่งลนลานหลีกหลบสยบสยอง เลยลงลำกำปั่นให้ลั่นฆ้อง ตั้งโห่ร้องรบกันสนั่นดัง พระมังคลาอาลัยในพระขรรค์ ลงกำปั่นแล่นตามมาหลามหลัง ยิงปืนใหญ่ไฟฟูมตูมตึงตัง เรือฝรั่งมังคลามาห้าร้อย เรือนัดดาห้าสิบไม่รีบแล่น คอยตอบแทนรบล่อทำท้อถอย พวกอาตามหลามทางสล้างลอย พวกหลานคอยใกล้ถึงยิงตึงตัง ฯ ๏ ฝ่ายพระวลาอาหลานอยู่ด้านเหนือ ทอดทัพเรือเรียงสลับอยู่คับคั่ง เสียงครื้นเครงเร่งเรือใช้ให้ไปฟัง รู้ว่ามังคลาไล่วายุพัฒน์ ออกกำปั่นพรั่งพร้อมเข้าล้อมหลัง ไม่หยุดยั้งแล่นลอยคอยสกัด กำดัดดึกครึกครื้นทั้งคลื่นซัด ปืนใหญ่ยัดยิงลั่นเสียงครั่นครื้น ฝ่ายฝรั่งมังคลาเหมือนบ้าเลือด กำดัดเดือดนัดดาสู้ฝ่าฝืน เร่งเรือทัพคับคั้งประดังปืน เสียงพิลึกครึกครื้นทั้งคลื่นซัด ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกม้าใช้ ไปสืบได้ข่าวศึกดึกกำดัด ว่าทัพพระมังคลาวายุพัฒน์ กับทั้งหัสกันรบสมทบกัน ฯ ๏ ฝ่ายจอมพงศ์องค์อาอยู่หน้าป้อม เห็นพรั่งพร้อมไพร่พหลพลขันธ์ สั่งหน่อนาถราชนัดดาอยู่ช้าพลัน ออกช่วยกันทันเห็นจะเป็นการ สินสมุทรสุดสาครออกต้อนไพร่ ทั้งหัสไชยกฤษณาล้วนกล้าหาญ ต่างทรงสิงห์มิ่งม้าอาชาชาญ ตีฆ้องขานโห่ลั่นเสียงครั่นครึก พวกโยธีสี่ทัพนั้นนับแสน ปืนหามแล่นลากล้อเข้าต่อศึก เสียงสนั่นลั่นเลื่อนสะเทื้อนสะทึก กำดัดดึกเดือนสว่างในกลางคืน พวกผลึกลังกาแขกฝาหรั่ง ถือแตะบังตัวตนคนละผืน ไว้สำหรับทับขวากที่ฟากพื้น บ้างยิงปืนปีนค่ายทลายฟัน ฯ ๏ พวกในค่ายไล่ทหารขึ้นราญรับ บ้างสวนทัพคอยแทงล้วนแข็งขัน บ้างปล่อยตับทัพชนวนบ้างสวนควัน พวกคนธรรพ์แทงฟาดด้วยสาตรา ถอนทลายค่ายพังฝรั่งแขก เข้าลุยแหลกแหกค่ายเข้าซ้ายขวา ไล่คนธรรพ์กันลงในคงคา ฝ่ายพวกฝาหรั่งรุมตะลุมบอน ด้วยพวกเพชรกำพลผู้คนน้อย บ้างลงลอยน้ำหนีบ้างขี่ขอน พวกทัพเรือเหลือพหลพลนิกร ต่างรีบร้อนถอนสมอขันช่อใบ เมื่อกลางคืนปืนฝรั่งยิงพังค่าย เสียงเหมือนสายฟ้าผ่าสุธาไหว พระมังคลาให้พะว้าพะวังใจ ถอยทหารราญไล่รุกรบมา พอเช้าตรู่ดูค่ายทลายแหลก ค่ายเรือแตกแยกย้ายไปซ้ายขวา เรือผลึกรมจักรนัครา ทั้งเรือการะเวกพร้อมห้อมล้อมรบ เหลือกำลังมังคลานั่งหน้าจ๋อย เที่ยวแล่นลอยหากันเข้าบรรจบ ทั้งหลีกปืนคลื่นซ้ำจนค่ำพลบ ต้องถอยทบหลบไปข้างต้นทางมา ฝ่ายเรือตามสามทัพก็กลับหลัง เช้าจอดฝั่งต่างก็ขึ้นเก็บปืนผา ฝ่ายพวกพ้องกองทัพวลายุดา กับทั้งวายุพัฒน์หัสกัน ต่างเข้าฝั่งลังกาปรึกษาพร้อม จะนอบน้อมบิตุเรศคืนเขตขัณฑ์ พระวลาวายุพัฒน์หัสกัน เข้าเฝ้าพระศรีสุวรรณจำนรรจา ฯ ๏ ข้าทั้งสามความผิดได้คิดคด ทรยศโยโสขอโทษา จะขอเป็นเกือกทองรองบาทา สนองคุณมุลิกาข้างหน้าไป ศรีสุวรรณครั้นเห็นพระลูกหลาน แสนสงสารเสนหาตรัสปราศรัย แต่หนหลังยังเยาว์คิดเบาใจ เดี๋ยวนี้ใหญ่อย่าให้เป็นเหมือนเช่นนั้น แล้วแย้มเยื้อนเอื้อนอรรถดำรัสสอน สินสมุทรสุดสาครคิดผ่อนผัน แล้วให้วลาวายุพัฒน์หัสกัน อภิวันท์สินสมุทรสุดสาคร แล้วก็ให้ไหว้พระหัสไชยว่า เขาเป็นอานะจงฟังเธอสั่งสอน สามรับสั่งบังคมประนมกร ต่างอวยพรภิญโญเดโชชัย ฯ ๏ อันเรื่องราวกล่าวความสามหน่อนาถ ล้วนวงศ์ญาติชาติเชื้อในเนื้อไข ครั้นเข้าหาพาทีก็ดีไป ตามวิสัยสุริย์วงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลาซึ่งล่าทัพ คอยรอรับเรือพหลพลขันธ์ ถึงเกาะใหญ่ใต้ลังกาทางห้าวัน จึงหยุดจอดทอดกำปั่นเป็นหลั่นลอย ที่เรือแตกแยกคลาดตรึงกราดเหล็ก ทั้งเรือเล็กเรือใหญ่เรือใช้สอย ให้นับเรือเหลือตามมาสามร้อย ตั้งรอคอยกองทัพหยุดยับยั้ง คนทั้งหลายนายไพร่เจ็บไข้ผอม คิดรวมรอมพร้อมทัพจะกลับหลัง สิ้นข้าวปลาพากันต้มขนมปัง องค์พระมังคลาอุราระกำ เป็นไข้ใจไม่มีสุขด้วยทุกข์ร้อน จะนั่งนอนถอนสะอื้นทุกคืนค่ำ ให้หิวโหยโรยราจนหน้าดำ บาทหลวงพร่ำนั่งสอนให้หย่อนคลาย อย่าทุกข์นักหักจิตคิดมานะ อุตสาหะจะได้สมอารมณ์หมาย เมื่อทัพแตกแรกหนีมีแต่กาย เที่ยวขวนขวายร่ายเร่พเนจร จนได้ผ่านบ้านเมืองรุ่งเรืองเดช ทั่วประเทศเกรงจบสยบสยอน อันวิสัยในการจะราญรอน ต้องผันผ่อนแพ้ชนะอย่าละเพียร แต่องค์พระนารายณ์ยังพ่ายศึก จงตรองตรึกศึกษาตำราเขียน อุตส่าห์ดูที่ตำรับฉบับเรียน อย่าวนเวียนเพียรเอาเมืองให้เลื่องลือ พระฟังเตือนเหมือนหนึ่งหยิบน้ำทิพรส เห็นดีหมดอตส่าห์นั่งดูหนังสือ ที่ตื้นลึกปรึกษาได้หารือ จะชิงชัยไว้ชื่อให้ลือชา ท่านยายแก่แม่เลี้ยงอยู่เคียงข้าง ไม่เริศร้างห่างเหเสนหา ด้วยขัดขวางกลางชเลทุกเวลา จนนางพระยานารีนั้นมีท้อง ด้วยระดูรู้ในน้ำใจหญิง จะบอกจริงกริ่งกลัวผัวจะหมอง อยากเปรี้ยวเปรี้ยวให้เที่ยวหาผักมาดอง ให้ท้อแท้แพ้ท้องอยู่ห้องใน ฯ ๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นศึกเว้นว่าง ค่อยเสื่อมสร่างเศร้าหมองผุดผ่องใส พาหน่อนาถราชนัดดากับข้าไท เสด็จไปเขาสิงคุตรที่กุฎี พากันเข้าเฝ้าองค์พระทรงพรต น้อมประณตทูลความสามฤๅษี ว่านัดดาพากันมาอัญชลี ด้วยภักดีโดยจริงทุกสิ่งอัน แล้วทูลความตามศึกที่ฮึกเหิม จะต่อเติมเพิ่มพหลพลขันธ์ เพราะยายเฒ่าเจ้าประเทศเขตคนธรรพ์ มาด้วยมันแม่เลี้ยงเคียงประคอง ฯ ๏ ฝ่ายสามองค์ทรงพรตสู้อดจิต มิใช่กิจผิดระบอบไม่ตอบสนอง แต่ปราศรัยไต่ถามตามทำนอง ถึงพวกพ้องญาติวงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ เสือกกระบะสลาออกมาตั้ง แล้วนิ่งนั่งหวังจะเลยเสวยสวรรค์ สอนวลาวายุพัฒน์หัสกัน อย่าดุดันหันหวนไม่ควรการ อันกำเนิดเกิดตายทั้งชายหญิง ไม่มีสิ่งแน่นแฟ้นเป็นแก่นสาร จงนึกในไตรลักษณ์มรรคญาณ พระนิพพานนั้นแหละนะแสนสบาย อันวิสัยในโลกโสโครกครบ คืออาศพอสุภังสิ้นทั้งหลาย จงคิดปลงลงให้เห็นที่เป็นตาย อันร่างกายกลายเป็นพระอนิจจัง จึงลุงป้าย่าปู่นี้สู้อด เห็นปรากฏยศคือยุคะทุกขัง ถึงจะห้ามปรามใครก็ไม่ฟัง เหลือจะสั่งสอนซ้ำให้รำคาญ ด้วยลูกดื้อถือทิฐิติแม่พ่อ ผ่าเหล่ากอเกเรเดรฉาน เพราะคบพาลพาหลงล้างวงศ์วาน ถ้าคบท่านชาญฉลาดเป็นปราชญ์ดี เอ็งอุตส่าห์หาครูที่รู้หลัก อยู่สำนักจะได้เลิศประเสริฐศรี ถึงยากเย็นเช่นกับกูเป็นมุนี อยู่กุฎีมีสุขทุกเวลา บรรดาฟังทั้งพระอารับสาธุ ยังไม่ลุก็แต่พระกฤษณา พอเทพินผินมาปะนัยนา ค่อยหลีกเลี่ยงเมียงมาหาห้ามุนี ตรีพลำอัมพวันพระเทวัญ เทพเทพินนิลกัณฐีฤๅษี ทำยิ้มพรายชายตาแล้วพาที พระอยู่ดีดอกหรือจ๋าทั้งห้าองค์ ขอส่วนบุญคุณช่วยฉันด้วยมั่ง ให้สมหวังดังจิตคิดประสงค์ ฉันรำลึกนึกในน้ำใจจง เสร็จณรงค์คงจะลารักษาพรต มาอยู่ด้วยช่วยกันฉันลูกไม้ ก็จะได้ไปสวรรค์ด้วยกันหมด หรือลืมหลังหวังสวรรค์ชั้นโสฬส พระดาบสบอกบ้างอย่างหมางเมิน ฯ ๏ ฝ่ายฤๅษีสี่องค์ว่าทรงศีล ตรวจวารินรำพันสรรเสริญ นึกอวยชัยให้พระองค์จงจำเริญ จึ่งจะเชิญเชษฐารักษาพรต เทพินพี่ปรีชาว่ามาบวช ถือศีลสวดภาวนาตามดาบส แบ่งผลาอานิสงส์ให้ทรงยศ ด้วยปรากฏทศทิศเป็นนิรันดร์ พระกฤษณาสาธุสะพระนักสิทธ์ ฉันนี้คิดเลื่อมใสเฝ้าใฝ่ฝัน จะบวชบ้างสร้างสมพรหมจรรย์ ไปสวรรค์ชั้นเดียวกันเจียวจริง พระฤๅษีสององค์ทรงพระสรวล พี่สาวม้วนเมินหน้าประสาหญิง ต่างพูดจาปราศรัยไว้ประวิง ไม่สิ้นสิ่งเสนหาด้วยอาลัย พระกฤษณาว่าพระตรีพลำจ๊ะ เจ้าคุณจะบวชตะบึงไปถึงไหน มาอยู่ป่าช้านานสำราญใจ นิมนต์ไปชมมั่งเมืองลังกา ฟังไกกลดนตรีมีต่างต่าง ดุริยางค์ช่างเสนาะเพราะหนักหนา ฉันนิมนต์ปรนนิบัติด้วยศรัทธา ฉันในวังลังกาทังห้าองค์ พระฤๅษีตรีพลำรับคำจ๊ะ ต้องกิจพระจะไปตามความประสงค์ แล้วทูลความสามนักสิทธ์บิตุรงค์ ตามจำนงพระจะไปตามความประสงค์ ฯ ๏ สามดาบสอดยิ้มพริ้มพระพักตร์ ด้วยเดิมรู้อยู่ว่ารักกันหนักหนา ไม่ห้ามปรามตามคหัสถ์เขาศรัทธา ราธนาพากันไปเป็นไรมี ศรีสุวรรณกลั้นสรวลพลอยชวนด้วย ฉันจะช่วยเข้าทำบุญคุณฤๅษี พอจวนค่ำอำลาห้ามุนี ต่างเข้าที่อาศรมต่างห่มดอง ชฎาทรงวงกระหวัดจีบจัดยอด ประคำสอดสวมพระหัตถ์ถือพัดป้อง องค์พี่สาวก้าวจรจรัลเทวัญรอง ที่สามน้องนิลกัณฐีตรีพลำ อัมพวันนั้นอยู่หลังพร้อมทั้งห้า เยื้องยาตราน่าชมล้วนคมขำ ค่อยเรียงรอจรลีบริกรรม พี่ชายนำห้าองค์มาทรงรถ สานุศิษย์กฤษณาเป็นสารถี ห้ามุนีนั่งบัลลังก์มาทั้งหมด มาตามทางกลางอรัญริมบรรพต ข้างหลังรถศรีสุวรรณตามกันมา ครั้นราตรีมีประทับที่ยับยั้ง เขาก่อตั้งตึกรายทั้งซ้ายขวา ครั้นแจ่มแจ้งแสงอุทัยเคลื่อนไคลคลา ชมรุกขาเขียวชอุ่มเป็นพุ่มพวง ที่บานแบ่งแมงภู่เวียนวู่ว่อน เชยเกสรเสาวคนธ์บ้างหล่นร่วง พระตรัสใช้ไพร่พลคนทั้งปวง ให้เก็บดวงพวงผกาสุมาลี ทั้งพุดจีบปีบจำปาแก้วกาหลง พะยอมประยงค์นางแย้มสอดแซมศรี รสสุคนธ์มณฑาสารภี มะลุลีเลือกสรรค์ล้วนจันทน์อิน ฯ ๏ พระกฤษณาหาดอกรักหักกิ่งโศก แซมดอกโมกกุหลาบอังกาบกระถิน ถวายตรงองค์เทพเทพิน นางทราบสิ้นสาธุสะโมทนา ส่วนมุนีสี่องค์ได้น้อยน้อย ชะโงกคอยจ้องหัตถ์ริมรัถา ต่างฉวยชักหักกิ่งชิงผกา ลืมรักษากิจกรมพรหมจรรย์ ต่างสอดเสียบเรียบร้อยห้อยไว้รอบ ต่างชื่นชอบชมชวนกันสรวลสันต์ ได้ดอกดีตรีพลำให้อัมพวัน เทวัญนั้นให้กัณฐีต่างชี้ชวน เจ้าอามาข้างหลังเห็นทั้งสิ้น ไม่ติฉันผินผันกลั้นพระสรวล ทำไม่เห็นเล่นห้ามตามกระบวน ด้วยเด็กล้วนรุ่นราวคราวคะนอง ถึงเวียงวังลังกาเชิญดาบส ทั้งห้าองค์ลงจากรถเดินจดจ้อง ขึ้นอยู่บนมนเทียรที่เขียนทอง เหล่าพวกพ้องพงศ์พันธุ์มาวันทา เห็นเทพินนิลกัณฐีตรีพลำ ล้วนน่าชมคมขำล้ำเลขา ทั้งแก่สาวชาววังเมืองลังกา พากันมาเฝ้าแหนดูแน่นนันต์ บ้างค่อยว่าน่าชมสมกันสิ้น พระเทพินกฤษณาหน้าคมสัน พระเทวัญกัณฐีพอดีกัน พระตรีพลำอัมพวันสมกันดี พวกท้าวนางต่างห้ามอย่าหยามหยาบ ไม่กลัวบาปบ้างดอกหรือพระฤๅษี ต่างได้ดวงพวงบุปผาสุมาลี ของใครมีมาบูชาทั้งห้าองค์ ครั้นรุ่งเช้าคาวหวานเครื่องอานเพียบ มาตั้งเรียบเรียงเรียงเหมือนเลี้ยงสงฆ์ พร้อมสุรางค์นางนาฏพระญาติวงศ์ กับทั้งองค์ศรีสุวรรณจำนรรจา ประเคนขันสำรับด้วยนับถือ นิมนต์ฤๅษีฉันด้วยหรรษา ของเติมเต็มเอมโอชโภชนา อิ่มพร้อมกันฉันน้ำชาประหม่าใจ แล้วนั่งที่พี่น้องพัดป้องพักตร์ ด้วยหนุ่มนักนึกพรั่นประหวั่นไหว แต่พี่สาวดาวบสสะกดใจ กระแอมไอให้กระดากอายปากคอ ขึ้นยถาว่าจังหวะไม่จะแจ้ง เสียงสั่นแปร่งแห้งแหบเหมือนแสบคอ น้องจะรับสัพพีแล้วรีรอ ต้องหัวร่อริกริกขิกขิกไป พระญาติวงศ์องค์อาพากันสรวล ต่างสำรวลฤๅษีใช่วิสัย แล้วตรวจน้ำอำลาต่างคลาไคล ครั้นเช้าไปนิมนต์ฉันทุกวันมา ครั้นราตรีพี่ชายถวายหวาน น้ำชุบานท่านฉันต่างหรรษา แล้วไขกลดนตรีปี่ชวา กลองฝรั่งบังกะหล่ามโหรี ด้วยสามองค์ทรงศีลถวิลหวัง พอใจฟังสังคีตข้างดีดสี บ้างขันไกไขกลดูดนตรี ล้วนแรกรุ่นมุนีต่างปรีดา ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าประเทศทุกเขตแคว้น มาถึงแดนสิงหลภาษา กระบวนเรือเหลือล้นคณนา นางพระยาปราศรัยเป็นไมตรี ได้พลไพร่ใหญ่น้อยสักร้อยแสน จะแก้แค้นรบพุ่งเอากรุงศรี ยกมาตั้งลังกาท้ายธานี เกณฑ์โยธีตั้งค่ายเรียงรายกัน เมืองมะหิมสิมพลเมืองสลัด เมืองจักระหวัดเมืองมัชะเมืองสมัน เมืองระตินเมืองจินตะเมืองประจันต์ ทั้งเก้าองค์พงศ์พันธุ์ผัวท่านยาย อันเมืองน้อยร้อยเอ็ดประเทศท้าว ขี้เกียจกล่าวยาวเฟื้อยเหนื่อยใจหาย ขึ้นบนฝั่งตั้งเคียงเรียงเรียงราย เป็นหลายค่ายข้างฝั่งเกาะลังกา พวกอยู่เกาะเงาะงวงทั้งปวงนั้น พวกคนธรรพ์ทั้งสหายหลายภาษา ฝ่ายพวกพ้องกองทัพพระมังคลา ตั้งริมท่าท้ายเมืองจัดเครื่องเลี้ยง ปลูกโรงใหญ่ไว้สำหรับรับแขกนั้น เป็นหลั่นหลั่นชั้นรายชายเฉลียง เที่ยวกวาดเอาข้าวน้ำเป็นลำเลียง จ่ายเสบียงเลี้ยงแขกแจกโยธา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณพงศ์พันธุ์พร้อม เห็นค่ายล้อมแว่นแคว้นไว้แน่นหนา ทั้งเหนือใต้รายรอบขอบลังกา ละไว้ช้าน่าที่จะมีภัย จึงเกณฑ์ไพร่ใหญ่น้อยได้ร้อยหมื่น ถือคบปืนหอกดาบกำซาบไสว ให้สินสมุทรสุดสาครพระหัสไชย ฝ่ายข้างในนางสุลารำภาผกา เสาวคนธ์มณฑายุพานั้น วายุพัฒน์หัสกันพระกฤษณา สิบเอ็ดองค์จงกำกับทัพโยธา ถึงเวลาราตรีออกสี่ทิศ เอาหยากเยื่อเชื้อไฟดินใส่เคล้า พากันเข้าเผาค่ายให้ไฟติด เห็นศึกเสือเหลือหลามหนักความคิด อย่าให้ปิดทางรอบขอบเขตคัน วายุพัฒน์นัดดาอาสาสนอง จะขอลองฤทธิ์แรงพระแสงขรรค์ ข้างทิศใต้ค่ายข้าจะฝ่าฟัน ไปด้วยกันกับไอัยักษ์มีศักดา ไม่เอาคนพลไพร่ไปเป็นห่วง ให้ทั้งปวงไปสงครามตามภาษา ศรีสุวรรณนั้นเป็นพระอัยกา ชอบอัชฌาชื่นช่วยอำนวยพร พอราตรีตีฆ้องยามสองถ้วน แบ่งกระบวนทัพทหารชาญสมร หัสกันกับบิดาสุดสาคร ออกประตูอุดรคอยรอนราญ สินสมุทรมีฤทธิ์กับกฤษณา ออกประตูบูรพานำหน้าทหาร พระหัสไชยกับวลานุชาชาญ ออกทางด้านตะวันตกยกโยธา ทั้งสี่นางต่างรักษาบนหน้าที่ คอยช่วยสี่กองทัพรับอาสา วายุพัฒน์ถือพระขรรค์อันศักดา ขึ้นขี่บ่ายักษ์แรงแกว่งกระบอง ออกทิศใต้ใกล้ค่ายเห็นนายหมวด ออกเดินตรวจพลขันธ์ผันผยอง อ้ายยักษ์หมีตีตายลงก่ายกอง ที่เหลือร้องเรียกกันสนั่นไป พวกนายทัพขับพลอลหม่าน ออกต่อต้านตายยับรับไม่ไหว ฝ่ายหน่อนาถฟาดฟันพระขรรค์ชัย ติดค่ายไหม้วู่วามพลุ่งพลามโพลง เข้าค่ายไหนไฟลุกขึ้นทุกค่าย ทั้งนายไพร่หลบโลดโขยดโขยง กระท่อมทับพลับพลาหลังคาโรง ไหม้โขมงโพลงสว่างดั่งกลางวัน สินสมุทรจุดไฟไหม้ทุกค่าย ฆ่าตัวนายหลายคนทั้งพลขันธ์ ตะวันตกยกเข้าเผาพร้อมกัน ข้างเหนือนั้นควันโขมงพลุ่งโพลงเพลิง พวกนายทัพดับไฟก็ไม่หยุด ทิ้งอาวุธวิ่งระเหิดเตลิดเหลิง รอดดั้งแตกแยกผ่าหลังคาเปิง ด้วยเปลวเพลิงโพลงกระพือฮือฮืออึง ๏ เหล่าพวกพลคนธรรพ์ป่วนปั่นวิ่ง เพลิงก็ยิ่งพลุ่งโพลงเสียงโผงผึง ดินที่ใส่ในตุ่มร้อนรุมรึง แตกตูมตึงกึงกังประดังกัน ทัพลังกาฆ่าคนอยู่จนรุ่ง เต็มท้องทุ่งที่ประเทศรอบเขตขัณฑ์ กลับเข้าวังทั้งหลายฝ่ายคนธรรพ์ สมทบกันตั้งค่ายท้ายพารา ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าเมืองต่างเคืองแค้น จะตอบแทนทำศึกจึงปรึกษา บาทหลวงแม่เลี้ยงทั้งมังคลา พูดโลมเล้าท้าวพระยาทุกธานี พระมังคลาว่าฝรั่งสิ้นทั้งหลาย เห็นล้มตายหมายว่าจะล่าหนี เรารวมรอมพร้อมกันในวันนี้ ยกเข้าตีทีก็เห็นจะเป็นการ แล้วเลี้ยงเหล่าชาวเมืองล้วนเรืองเดช อาวุธวิเศษเวทวิชาล้วนกล้าหาญ เสวยแพนงแกงไก่กับชัยบาน เมาสำราญรับว่าอย่าปรารภ เผามันมั่งพังเข้าเอาให้ได้ ช่วยกันไล่ให้เหมือนกับไล่จับกบ ใส่ดินดำกำมะถันให้ครันครบ มัดเป็นคบขว้างเข้าไปให้ไหม้ฮือ คงฉิบหายชายหญิงทั้งสิงหล มันเป็นคนทนไฟได้อยู่หรือ ยิ่งเติมซ้ำพร่ำเพ้อคะเอออือ เสียงอึงอื้ออัดแอจะแก้แค้น พวกนายหมวดตรวจพหลพลรบ ทัพสมทบครบเสร็จได้เจ็ดแสน ถือเครื่องรบครบทั้งโล่ดั้งแพน มีแผงแผ่นแตะตับสำหรับกัน แล้วเลี้ยงเหล้าเมาทั่วตัวทหาร ต่างเริงราญเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน เสกสุราอาพัดบ้างกัดฟัน พวกคนธรรพ์บันเทิงร่าเริงใจ ฯ ๏ พอมืดค่ำย่ำฆ้องยกกองทัพ ออกคั่งคับเข้าประชิดข้างทิศใต้ บ้างโห่เร้าเข้ารบพุ่งคบไฟ พาดบันไดไต่ตีนปีนกำแพง พวกหน้าที่ตีรันแทงฟัดฟาด ข้าศึกสาดปืนลั่นเกาทัณฑ์แผลง พุ่งแหลนหลาวง้าวทวนต่างสวนแทง ชาวเมืองแย่งยิงปืนเสียงครืนครึก นายกองทัพขับพลอลหม่าน เข้าหักหาญโห่ร้องเสียงก้องกึก บ้างรอนรันฟันทวารสะท้านสะทึก เสียงคึกคึกคนวิ่งเป็นสิงคลี ศรีสุวรรณนั้นขึ้นยืนป้อมปืนใหญ่ ลูกหลานไล่ไพร่ขึ้นรบไม่หลบหนี สะเทื้อนทั้งลังกาทั่วธานี ฝ่ายเทพินนิลกัณฐีตรีพลำ วิ่งมาดูอยู่กับอายืนหน้าป้อม เห็นศึกล้อมลังกาอยู่คลาคล่ำ ได้วิชามาแต่พ่อบริกรรม นึกในน้ำจิตกำจัดโบกปัดไป พวกไพร่พลคนธรรพ์คิดหวั่นหวาด ที่ปีนพลาดรากจุกลุกไม่ไหว ต่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าระอาใจ จนอุทัยใสสว่างต่างรวนเร แต่พวกเกาะเงาะงวงเหมือนหลวงเถร ไม่โจงกระเบนลอยชายเดินร่ายเร่ ฤๅษีดูรู้ในใจคะเน ว่าเชื้อเทพารักษ์ทรงศักดา ฯ ๏ ฝ่ายเงาะดูมุนีเห็นสีสัน รู้เล่ห์ว่าเทวัญกัลปังหา แต่เงาะเป็นเหลนหลานท่านเทวา สามสิทธาเธอเป็นหน่อเกิดต่อเดียว ดูหน้าตาสารพางค์เป็นข้างเงาะ ต่างหัวเราะเรียกว่ามาประเดี๋ยว ฝ่ายพระเสาร์เข่าคุกขนลุกเกรียว กราบแล้วเลี้ยวหลีกมาหามุนี ฝ่ายพวกพ้องกองทัพถอยกลับหลัง ฝรั่งนั่งฟังความสามฤๅษี พระเรียกเงาะงวงว่ามาบัดนี้ เงาะก็ไปได้ถึงที่เพราะวิชา ฤๅษีสามถามว่าท่านอยู่บ้านไหน เงาะงวงไหว้บอกความตามภาษา อยู่เกาะแตนแดนใต้ในคงคา นางกฤษณาเมียสหายที่วายชนม์ ว่าพี่น้องของเขาเจ้าพิภพ ผู้ร้ายรบช่วงชิงเอาสิงหล เชิญให้ข้ามาด้วยช่วยประจญ จับตัวคนศัตรูพวกผู้ร้าย ฤๅษีฟังนั่งหัวเราะเงาะพระเสาร์ แล้วตรัสเล่าความหลังสิ้นทั้งหลาย ให้เงาะฟังตั้งแต่ต้นมาจนปลาย เขากลับกลายแกล้งว่าเป็นราคิน แล้วถามว่าอาหารท่านไฉน จึงผ่องใสอินทรีย์ไม่มีกลิ่น เงาะงวงว่าอาหารน้ำตาลริน คลุกกับดินกินเท่านั้นทุกวันมา แล้วก็ว่าข้านี้ถือสัตย์ซื่อสุด มาเสียทีอีมนุษย์มันมุสา ถึงรบรับดับโมโหไม่โกรธา เครื่องสาตราข้ามิได้ไว้กับกาย ต่อเมื่อรันฟันแทงจึงแย่งยุด เอาอาวุธที่ผู้นั้นเหมือนมั่นหมาย ของของมันกลับฟันคนนั้นตาย ไม่คิดร้ายใครก่อนไม่รอนราญ ฯ ๏ สามสิทธาสาธุท่านสุภาพ ไม่ทำบาปหยาบช้าแกล้วกล้าหาญ แล้วสั่งเหล่าสาวสรรค์พนักงาน แต่งน้ำตาลโต๊ะใหญ่รินใส่มา ได้พร้อมพรั่งตั้งเรียงเลี้ยงพระเสาร์ อยู่พร้อมเหล่าเผ่าพงศ์พระวงศา เงาะคำนับรับโถของโอชา หยิบดินมาเคล้าขยำกับน้ำตาล ไม่มากนักสักเท่าไรฟองไข่เป็ด กินสำเร็จอิ่มเอมเกษมศานต์ นั่งพูดเล่นเจรจาอยู่ช้านาน แล้วว่าท่านใจบุญกรุณา จงอยู่ดีมีสุขอย่าทุกข์โศก อย่ามีโรคโรคันให้หรรษา ไม่อยู่ด้วยช่วยรบไม่คบค้า จะด่าทอต่อว่าจะลาไป แล้วลุกออกนอกเชิงเทินเนินถนน ไม่มีคนใดเห็นว่าเป็นไฉน ถึงทัพขึ้นยืนบนหน้าพลับพลาไชย ร้องเรียกให้นางพระยามาหาเรา แม่เลี้ยงทั้งมังคลาออกมาพร้อม ต่างนอบน้อมนั่งคำนับรับพระเสาร์ เงาะว่ายายได้ผัวรักมัวเมา ล่อลวงเราเอาความชั่วมาพัวพัน เดี๋ยวนี้กูรู้แน่เป็นแท้เที่ยง เล่นลูกเลี้ยงลืมผัวตัวขยัน ลูกสู้พ่อชนะโกงปะกัน จนพระขรรค์นั้นก็เขาชิงเอาไป เพราะสมทบรบพ่อโกงต่อผัว เข้าพันพัวปัวเปียเสียวิสัย พลอยพวกพลคนธรรพ์มาบรรลัย แต่แรกรู้กูก็ไม่พอใจมา ฯ ๏ ฝ่ายยายแก่แม่เลี้ยงเถียงทะเลาะ ดูดู๋เงาะช่างมาพูดพื้นมุสา ใครบอกเล่าเฝ้าตะโกนโพนทนา เชื่อฝรั่งลังกาอุลามก น้อยหรือชะพระเสาร์เจ้าโมโห พูดหยาบช้าพาโลเหลือโกหก ฟังคำเขาเฉาโฉดมาโกรธงก จะตกหลุ่มขุมนรกอเวจี ฯ ๏ ฝ่ายเงาะงวงล่วงรู้พวกผู้หญิง ถ้าไม่จริงกูก็ไม่เสกใส่สี อันมนุษย์มุสาถึงพาที ตัวกูนี้มิใช่เชื้อด้วยเหลือคด นี่พระเจ้าเผ่าพันธุ์กัลปังหา ไม่มุสาว่าทุกสิ่งเห็นจริงหมด มึงตอแหลแก้เกี้ยวพูดเลี้ยวลด มันเหลือคดขึ้นเสียงเถียงทะเลาะ จะพนันกันหรือเอามือชี้ ประเดี๋ยวนี้มีท้องกระป่องเหยาะ กลัวคนรู้ดูแลห่มแพรเพลาะ น่าหัวเราะเพราะว่าถูกลูกเกเร ฯ ๏ ท่านยายเฒ่าเจ้าความคิดพูดปิดปก อ้ายโกหกกล่าวแกล้งมาแสร้งเส พูดโสโครกโหยกเหยกเกกเกเร มึงชาติเงาะเกาะทะเลถือเทวา โรคของกูรู้สิ้นทุกถิ่นฐาน เป็นท้องมารเหมือนมีท้องต้องรักษา ว่ามีท้องมองทางไหนไวนัยน์ตา มาพูดพาโลลูกแสนซุกซน ฯ ๏ พระเสาร์ซ้ำร่ำด่าอีหน้าด้าน มึงท้องมารมีตัวมารหัวขน ลูกอีเฒ่าเจ้าเมืองเพชรกำพล เจ้าเล่ห์กลแก่แรดร้อยแปดเพลง ลืมคุณผัวมัวเมาเคล้าลูกเลี้ยง ยังขึ้นเสียงเถียงทะเลาะชะเหมาะเหมง ได้ผัวหนุ่มคลุมโปงนมโตงเตง อีนักเลงลูกเลี้ยงแลกเวียงชัย มิกลัวกรรมรำมะก้าจ้าจองหอง กูจะถองโครงจมูกให้ลูกไหล เกลียดฝีปากขากเสลดเปรตจัญไร แล้วกลับไปลงเรือเหงื่อไหลย้อย ลงอาบน้ำชำระแล้วพระเสาร์ ร้องเรียกเหล่าบ่าวไพร่ที่ใช้สอย ออกเรือใหญ่ใบแตนค่อยแล่นลอย ไปตามรอยร่องทางหว่างวารี ต่างรู้ทั่วหัวเมืองลือเลื่องเล่า โกรธยายเฒ่าเจ้าเล่ห์มเหสี ต่างเลิกทัพกลับล่าไปธานี เหลือแต่ที่ทัพพระมังคลา ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงง่วงเหงากอดเข่าคิด อยู่พร้อมพรั่งทั้งลูกศิษย์นางกฤษณา มีผู้รู้อยู่ที่วังเมืองลังกา จะต้องล่าเลิกทัพถอยกลับไป นางพระยาว่าคนกำพลเพชร เมืองร้อยเอ็ดเห็นหาเข้ากับเราไม่ ทั้งองค์ท้าวเจ้าเมืองต่างเคืองใจ แม้นกลับไปไพรีจะบีฑา ด้วยพระขรรค์นั้นก็หายรู้พรายแพร่ง มันจะแข็งเมืองคิดริษยา จะลามล่วงจ้วงจาบทำหยาบช้า จะเงยหน้าดูมนุษย์ก็สุดอาย ฯ ๏ บาทหลวงว่าถ้าไม่ไปให้ไกลเล่า พวกพลเราเหล่านี้จะหนีหาย ขัดเสบียงเลี้ยงพหลพลนิกาย จะไปฝ่ายหรดีวิถีทาง มีข้าวปลานาเกลือทั้งเหนือใต้ จะอาศัยได้ถนัดไม่ขัดขวาง ต่างยินยอมพร้อมพรั่งกันทั้งนาง เวลากลางคืนจะล่าโยธาไป ฯ ๏ ฝ่ายศรีสุวรรณครั้นรู้ว่าศึกล่าทัพ ปรึกษากับนัดดาเสนาใหญ่ ทัพสมทบรบพุ่งกับกรุงไกร ก็เพราะไอ้มังคลากับอาจารย์ เหมือนต้นไม้ไม่กำจัดตัดต้นราก จะเป็นมากมายยิ่งแตกกิ่งก้าน ออกสกัดจัดทัพจับตัวการ เหมือนตัดถ่านเถ้าเรื้อสิ้นเชื้อไฟ ฯ ๏ ฝ่ายพงศ์เผ่าเฝ้าฟังรับสั่งสิ้น สมถวิลยินดีจะมีไหน ต่างเร่งรัดจัดพลสกลไกร ทั้งนายไพร่พร้อมเสร็จทั้งเจ็ดทัพ มีปืนผาอาวุธเครื่องยุทธ์ครบ ถ้วนเรือรบใหญ่น้อยลอยสลัย ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังออกคั่งคับ พอพวกทัพมังคลาเลิกล่าพล พวกเรือตามหลามไล่เล่นใบสล้าง สกัดทางขวางทัพอยู่สับสน ต่างรบรับคับคั่งในวังวน พวกไพร่พลพุ่งฟาดด้วยสาตรา พอเรือห่างวางปืนเสียงครืนครั่น ถูกคนธรรพ์ทั้งฝรั่งสิ้นสังขาร์ เสียงตูมตึงกึงกังไม่รั้งรา พวกมังคลาล่าหลบหลีกรบรับ บ้างเรือแตกแยกย้ายลงว่ายน้ำ บ้างแทงซ้ำขว้างเขวี้ยงด้วยเสียงลับ พวกพี่น้องร้องตะโกนเชือกโยนรับ ดูกลอกกลับกลางคืนทั้งคลื่นโคลง วายุพัฒน์รัดเร่งเรือเร็วไล่ เที่ยวฟันไฟไหม้กำปั่นควันโขมง ลามไปไหม้ใบเพลาเสากระโดง เปลวพลุ่งโพลงพลามไหม้เรือใกล้เคียง จนสว่างบ้างก็หลบบ้างรบไล่ ดูขวักไขว่ใบขาวแล่นก้าวเฉียง บ้างหลบปืนยืนยอบบ้างหมอบเมียง เรือไล่เลี่ยงเลี้ยวลัดสกัดกัน แต่เรือล่มจมตายเสียหลายร้อย พวกหนีน้อยลอยเร่ระเหหัน รบรุ่งค่ำร่ำมาถึงห้าวัน สลาตันตั้งแดงดั่งแสงเพลิง พายุพัดพลัดพรายกระจายออก ตามละลอกมาลิบลิบรีบล่องเหลิง จนดึกดื่นคลื่นซัดกระจัดกระเจิง แล่นเตลิดเปิดเปิงเซอะเซิงไป ถึงสามเดือนเคลื่อนคลายฝ่ายฝรั่ง แล่นเข้าลังกาตรงไม่หลงใหล ได้พวกพลคนธรรพ์เหลือบรรลัย ที่ช่วยได้ไม่ตายเหลือหลายพัน กราบทูลพระอนุชานราราช โปรดประภาษชมทหารท่านหลานขวัญ เงินเหรียญให้ไพร่พลคนละพัน ตัวนายนั้นคนละหมื่นต่างชื่นบาน ทั้งเสื้อผ้าสารพัดมาจัดแจก ตามแผนกไพร่นายฝ่ายทหาร ให้ทำป้อมซ่อมแปลงแต่งปราการ ที่รอยขวานคนธรรพ์ฟันเป็นรอย ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงมังคลาพระยาแม่ เสียทีแพ้ศึกเศร้าง่วงเหงาหงอย ไม่หลอเหลือเรือใช้เรื่องใหญ่น้อย เที่ยวแล่นลอยลำเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ คนในเรือเหลือน้อยสักร้อยเศษ ไม่รู้เหตุเขตแขวงตำแหน่งไหน จะนั่งนอนถอนสะอื้นฝืนฤทัย เป็นไข้ใจไม่มีสุขทุกข์รันทด มาทำศึกนึกว่าสมอารมณ์หมาย ก็ซ้ำร้ายกลายกลับอัปยศ เสียประยูรสูญบุรินทร์สิ้นพระยศ ยิ่งง่วงเหงาเศร้ากำสรดสลดทรวง โอ้ครั้งนี้วิบัติมาขัดขวาง มาอ้างว้างกลางท้องทะเลหลวง โอ้อกใครในแผ่นดินสิ้นทั้งปวง ไม่เหมือนทรวงเราที่รับแต่อับปาง จนชั้นแต่แม่พ่อก็วิบัติ แม่ก็ขัดเคืองข้องพ่อหมองหมาง เฝ้าทำทุกข์ขุกเข็ญไม่เป็นกลาง ต้องเริศร้างพ่อแม่มาแต่ตัว ได้แม่เลี้ยงเอี้ยงดูเป็นผู้เฒ่า แม่เลี้ยงเล่าเฝ้าแต่ใช้ให้เป็นผัว ว่าแก่เฒ่าเล่ามาท้องให้หมองมัว ไม่มีดีมีแต่ชั่วเข้าพัวพัน จึ่งปรึกษาฝรั่งสังฆราช เหลือประหลาดหลากในน้ำใจฉัน จนแก่ออกนอกบาญชียังมีครรภ์ จะซุ่มซ่อนผ่อนผันประการใด ครูหัวเราะเพราะว่าเองมันเร่งนัก ไม่รั้งรักรอราอัชฌาสัย กำลังหนุ่มสุ่มตรังลำพังใจ จนมีท้องต้องไส้ไม่ไว้มือ จนครรภ์แก่แลเห็นมันเป็นโป่ง เหมือนควันโขมงแล้วจะปิดมันมิดหรือ ไม่ช้ำชอกดอกที่คำเขาร่ำลือ อย่าไปถือดีชั่วช่างหัวมัน อันติฉินนินทาพระอาทิตย์ ซึ่งศักดิ์สิทธิ์ส่องสิ้นดินสวรรค์ ยังไม่พ้นคนนินทาสารพัน เปรียบเหมือนควันมันก็หายละลายไป เหมือนต่อตีมิชนะถึงจะแพ้ อย่าย่นย่อท้อแท้คิดแก้ไข ค่อยว่ากล่าวน้าวโน้มประโลมใจ ตามวิสัยสั่งสอนแต่ก่อนมา ฯ ๏ ฝ่ายยายแก่แม่เฒ่าโศกเศร้าหมอง อยู่ในห้องท้ายกำปั่นที่กั้นฝา ครั้นกำหนดทศมาสไม่คลาดคลา ในอุราร้อนรุ่มดั่งสุมไฟ อุทรเคลื่อนเลื่อนลดระทดท้อ ไม่มีหมอตำแยจะแก้ไข ให้เร้ารวดปวดป่วนรำจวนใจ เรียกสาวใช้ช่วยด้วยจะม้วยมรณ์ ล้วนชาววังยังไม่เคยมีลูกเต้า ต่างเคียงเข้านวดฟั้นบนบรรจถรณ์ กำลังคลื่นครื้นเครงโคลงเคลงคลอน พะงับพะง่อนอ่อนองค์ไม่ทรงกาย กุมารดิ้นผินสะดุ้งพยุงท้อง ปากก็ร้องกรีดกรีดหวีดหวีดหวาย ให้ตึงเศียรเวียนหน้าแก้วตาพราย ร้องไม่วายเสียงนางครางฮือฮือ พระมังคลาว่ากับครูอดสูสุด ร้องไม่หยุดเจ็บไข้น้อยไปหรือ จะทำให้ไพร่เมืองมันเลื่องลือ เสียงอึงอื้อคือจะพาขายหน้าเรา คุณโปรดด้วยช่วยห้ามปรามเสียมั่ง อย่าให้ดังวุ่นวายจะอายเขา ช่วยแก้ไขให้นางค่อยบางเบา จะปัดเป่าป้องกันทำฉันใด ฯ ๏ บาทหลวงฟังนั่งหัวร่อพ่ออีหนู กูไม่รู้ดูแลเหลือแก้ไข จะวิบัติขัดขวางเป็นอย่างไร ไม่เข้าใจไม่ได้เคยเลยสักที เองก็ไม่ไปช่วยเขาด้วยมั่ง เข้าไปนั่งอยู่กับยายท้ายบาหลี ถึงคราวออกบอกเพื่อนบ้านการเช่นนี้ กูหน่ายหนีขี้เกียจทั้งเกลียดชัง แต่พวกพ้องของเองเห็นเปนสนุก กูนี้เห็นเป็นว่ายุคทุกขัง พระมังคลาหน้าเก้อกะเบ้อกะบัง ตะลึงนั่งฟังนางร้องครางครวญ เมื่อคลอดลูกถูกคลื่นเสียงครื้นครึก สะท้านสะทึกสินธุพยุหวน พอแสงทองส่องฟ้าเวลาจวน ให้ปวดป่วนเหมือนชีวิตจะปลิดปลง เผอิญให้ไปออกที่นอกฝา ที่ดาดฟ้ากว้างขวางอย่างประสงค์ ถึงยามปลอดคลอดตามกันสามองค์ ออกก่อนตรงวิ่งไปอยู่บูรพา ออกที่สองน้องชายไปฝ่ายใต้ ที่สามไปปัศจิมทิศา ล้วนชายเฉิดเลิดลักษณ์ผ่องพักตรา เหมือนมังคลารูปงามทั้งสามองค์ พวกพ้องนางต่างประคองพระหน่อนาถ วางบนถาดทองคำหลั่งน้ำสรง มีเบาะทองรองรับสำหรับทรง ทั้งนางนาฏมาตุรงค์สรงน้ำร้อน นางค่อมเค้าเถ้าแก่มาแซ่ซ้อง เคียงประคองขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์ ถาดถ่านไฟให้ท่านยายผิงกายกร กินยาร้อนผ่อนสบายคลายอินทรีย์ ครั้นโศกสร่างนางพระยาเห็นหน้าบุตร บริสุทธิ์ผุดผ่องละอองศรี ผิวเนื้อน้ำกัมพลเหมือนชนนี ทรงอินทรีย์ผิวผิดกับบิดา กันแสงพลางนางร่ำว่ากรรมแล้ว เกิดลูกแล้วแคล้วคลาดวาสนา พ่อเจ้าอายฝ่ายแม่แก่ชรา จะรักษาสามบุตรเห็นสุดจน ฯ ๏ ชนนีมีเต้าแต่สองเต้า น้ำนมเล่าก็ไม่คัดติดขัดสน พ่ออ้าปากอยากกินเฝ้าดิ้นรน เจ้าสามคนเช่นนี้มีแต่ตัว เมื่อสาวแส้แม่จะใคร่ให้กำเนิด พ่อไม่เกิดสืบตระกูลพ่อทูนหัว เมื่อแก่เฒ่าเข้าท้องให้หมองมัว จะครองตัวอยู่ก็อายจะวายปราณ ฯ ๏ เจ้าอยู่ไปใครจะเลี้ยงเจ้าเพียงแม่ จะร้องแซ่แลหาน่าสงสาร ไม่มีเหล่าเผ่าพงศ์ไร้วงศ์วาน จะทรมานนานช้าอยู่ว่าไร เจ้ามอดม้วยด้วยกับแม่อย่าแหห่าง ตายเสียกลางพระมหาชลาไหล พลางสวมสอดกอดลูกผูกอาลัย สะอื้นไห้ฮักฮักซบพักตรา ฯ ๏ แล้วกลับฟื้นขึ้นนั่งหยุดยั้งคิด เพ่งพินิจลูกน้อยละห้อยหา ลูกดูแม่แม่ก็แลดูลูกยา โอ้นึกน่าใจหายเสียดายนัก ไม่ทันถึงครึ่งเดือนเหมือนจะรู้ เห็นหน้าแม่แลดูเหมือนรู้จัก เขม้นหมายพรายพริ้มยิ้มพะยัก ทำมือขวักไขว่หาคว้าตะกาย อนิจจาอ้าปากอยากนมแม่ นางแลแลแล้วร้องไห้จิตใจหาย โอ้ไหนไหนไม่รอดคงวอดวาย พากันตายเสียรู้แล้วเถิดแก้วตา ฯ ๏ สงสารลูกผูกเรียงส่งเสียงร้อง นางเผยช่องแกลชายดูซ้ายขวา จะอุ้มลูกโจนลงในคงคา แลเขม้นเห็นหน้านึกอาลัย แต่โศกาอาดูรพูนเทวษ ชลเนตรแดงเดือดดังเลือดไหล ประคองบุตรสุดสวาทเพียงขาดใจ สลบไปแล้วก็คืนกลับฟื้นกาย จนดึกดื่นคลื่นเรียบเงียบสงัด น้ำค้างหยัดย้อยเย็นเดือนเด่นหงาย ค่อยสอดกรช้อนฟูกอุ้มลูกชาย ไม่ห่างกายกอดแอบแนบอุรา ฯ ๏ แล้วเดินออกนอกห้องค่อยย่องย่าง พวกท้าวนางตามออกมานอกฝา แล้วทูลถามตามระแคงแคลงวิญญาณ์ แม่อุ้มโอรสามาว่าไร นางเหลียวหลังยั้งยืนสะอื้นอั้น สุดจะกลั้นกันแสงแถลงไข เราถึงที่ชีวันจะบรรลัย เหมือนอกใจนี้จะแตกแหลกทำลาย ไม่มีนมสมเพชสังเวชบุตร ร้องจนสุดสิ้นสำเนียงจนเสียงหาย ได้ทำชั่วตัวข้าขอลาตาย เจ้าขรัวนายอยู่จงดีอย่ามีภัย ฯ ๏ ขอฝากเหล่าสาวสรรค์ทั้งนั้นด้วย เอ็นดูด้วยช่วยปกครองให้ผ่องใส แล้วอัดอั้นกลั้นสะอื้นฝืนพระทัย ท้าวนางใจหายวาบกราบบาทา แม่เจ้าคุณอุ่นเกล้าทุกเช้าค่ำ เปรียบเหมือนน้ำในสมุทรสุดจะหา ซึ่งยากจนผลกรรมได้ทำมา แม่อุตส่าห์ฝ่าฝืนขืนพระทัย อันชั่วดีที่มนุษย์ไม่ยุติ จงดำริตริความตามวิสัย จะตัดชาติขาดชีวิตนั้นผิดไป พ่อหน่อไทน้อยน้อยจะพลอยตาย นางว่าเราเฒ่าแก่แต่จะม้วย สุดจะช่วยปลูกฝังท่านทั้งหลาย เป็นมนุษย์สุดจะรับที่อับอาย แม้นตัวตายแล้วก็พ้นทรมาน ฯ ๏ แต่วอนว่าอาลัยจนใกล้สว่าง เห็นท้าวนางก้มหน้าร่ำว่าขาน ค่อยดำรงองค์นางย่างทะยาน กอดกุมารโจรลงในคงคา ท้าวนางเห็นเผ่นโผนตะโกนก้อง ตีอกร้องเรียกช่วยด้วยเจ้าขา พระแม่โจนน้ำตายวายชีวา ร้องโวยวายฟายน้ำตาต่างอาลัย ฯ ๏ พอสว่างต่างตื่นยืนสะพรั่ง ทั้งพระมังคลาถามตามสงสัย ทราบว่านางโจนลงคงคาลัย ตกพระทัยไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ต่างแลรอบขอบเรือเผื่อจะผุด หมายว่าสุดสิ้นชีวังดับสังขาร์ พอหน่อนาถราชบุตรผุดขึ้นมา หัวเราะร่าเรียงตามกันสามคน กระทุ่มน้ำดำเล่นไม่เห็นแม่ ตะลึงแลหลากจิตพิศวง หรือตัวตายพรายน้ำขึ้นดำรง สิงรูปทรงสรวลสันต์จำนรรจา เกิดไม่ถึงกึ่งเดือนเหมือนผู้ใหญ่ ต่างสงสัยให้สยองพองเกศา ว่ายตรงมาหน้าที่นั่งพระมังคลา ภิปรายปราศรัยถามสามกุมาร นี่แม่เจ้าเขาไปข้างไหนเล่า จึงตัวเจ้าขึ้นมาว่ายสายสนาน ฝ่ายหน่อน้อยลอยน้ำแสนสำราญ ถามว่าท่านหรือชื่อพระมังคลา เป็นบิตุรงค์ทรงลำเรือกำปั่น มารับขวัญฉันจะได้ขึ้นไปหา พระมารดรจรจากไปฟากฟ้า หรือบิดาว่าไม่รับจะกลับไป ฯ ๏ พระฟังบุตรสุดสวาทประหลาดจิต กระจิหริดรู้ถามตามสงสัย เพ่งพิศพักตร์ลักขณานึกอาลัย จึงลงไปในล่องบดพจนา เจ้าจงมาหาพ่ออย่าท้อถอย พ่อจะคอยรับขวัญให้หรรษา ได้ฟังความสามองค์ว่ายตรงมา พระมังคลาค่อยค่อยช้อนกรประคอง อุ้มสามองค์ตรงขึ้นลำเรือกำปั่น แล้วรับขวัญขวัญเจ้าอย่าเศร้าหมอง พวกแก่สาวชาวแม่มาแซ่ซ้อง พาเข้าห้องท้ายที่นั่งบัลลังก์รัตน์ จึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองอร่าม ให้ทั้งสามตามองค์พงศ์กษัตริย์ พลางกอดจูบลูบชมโสมนัส แล้วเอื้อนอรรถตรัสถามทั้งสามองค์ แม่ของเจ้าเขาจะมาหรือหาไม่ จงเล่าให้แจ้งความตามประสงค์ กุมาราว่าพระบาทมาตุรงค์ ไปกับองค์อัยกีอยู่วิมาน ท่านสั่งว่าข้านี้ชื่อเทวสินธุ์ เทพจินดาน้องรองหม่อมฉาน พระอนุชาราเมศมีเหตุการณ์ ให้เรียกท่านมารดานาควรรณ พระทราบความนามนาคนางฝากบุตร มิเป็นภุชงค์ก็ได้ไปสวรรค์ จึงถอดธำมรงค์ร้อยสายสร้อยพัน ผูกทำขวัญให้ทั้งสามตามโบราณ ฯ ๏ อันพระหน่อวรนาถธาตุกระสินธุ์ มิได้กินโภชนากระยาหาร ในเรื่องราวกล่าวความตามนิทาน สามกุมารกินแต่น้ำเป็นกำลัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาอุตส่าห์สอน พ่อลูกอ่อนเลี้ยงลูกจะปลูกฝัง ประคองคลอหน่อน้อยคอยระวัง จะนอนนั่งแนบข้างไม่ห่างกาย อยู่กำปั่นนั้นก็ลอยคลาดคล้อยเคลื่อน ไปสามเดือนเฟื่อนถิ่นกระสินธุ์สาย สิ้นเสบียงเลี้ยงคนกระวนกระวาย ทั้งไพร่นายนิ่งนอนทอดถอนใจ พระเทวสินธุ์ยินเขาว่าอดอาหาร คิดสงสารชายหญิงนิ่งไม่ได้ ตักน้ำเค็มเต็มถังมาตั้งไว้ บอกนายไพร่ให้ไปกินสิ้นด้วยกัน เดิมไม่เชื่อเมื่อแสบท้องลองกินน้ำ ค่อยมีกำลังแรงเข้มแข็งขัน ใครปรารถนาอาหารเปรี้ยวหวานมัน กินน้ำนั้นนึกได้ดั่งใจจง เห็นดีจริงหญิงชายทั้งนายไพร่ ต่างกราบไหว้ชื่นชมสมประสงค์ ต่างอวยชัยให้กุมารสำราญองค์ ได้สืบวงศ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี ฯ ๏ พอจวนเย็นเห็นเขตประเทศฐาน แต่โบราณเรียกว่าเกาะกาหวี อันผู้คนพลไพร่นั้นไม่มี เหตุด้วยผีห่ากินสิ้นทั้งเมือง แต่ตึกกว้านบ้านเรือนดูเกลื่อนกลาด ปรางค์ปราสาทสูงเงื้อมดูเลื่อมเหลือง รัศมีสีทองสุกรองเรือง ใครเข้าเมืองนั้นตายสูญหายไป แต่ลำที่นั่งพระมังคลาข้าวปลาสิ้น เห็นบ้านถิ่นยินดีจะมีไหน จะเข้าฝั่งหยั่งน้ำร่ำเข้าไป พอจอดได้ใกล้สุธารุ่งราตรี ด้วยเดชะพระหน่อไม่ต่อฤทธิ์ กายสิทธิ์สิงหนาทปีศาจหนี คนที่ไปในเภตราขึ้นธานี จึ่งไม่มีเภทภัยสิ่งใดพาล ฯ ๏ พระมังคลาพาพลขึ้นบนฝั่ง พวกหญิงทั้งชายสิ้นชมถิ่นฐาน พร้อมไพร่นายฝ่ายอำมาตย์ราชการ แบกกุมารทั้งสามตามบิดา แลพิลึกตึกกว้านทั้งบ้านถิ่น ทำด้วยหินสิ้นทั้งเมืองเป็นเฝืองฝา สะพรั่งต้นผลไม้ที่ไร่นา ต้นข้าวกล้าสาลียังมีพรรณ ด้วยออกรวงร่วงหล่นครั้นฝนแล้ง ก็เหี่ยวแห้งไปจนฝนวสันต์ กลับแตกกอต่อใบต้นไม้นั้น ก็เหมือนกันพรรณพืชจึงยืดยาว ทุกบ้านช่องทองเงินเพชรนิลนาก ยังมีมากเสียแต่เครื่องทองเหลืองขาว เหมือนดินดิบหยิบเข้าเป็นเถ้าพราว ด้วยเรื่องราวคราวปฐมบุรมบุราณ กำแพงหินศิลาดูหนาแน่น ติดเป็นแผ่นเดียวสิ้นทุกถิ่นฐาน นิเวศน์วังดั่งสวรรค์ชั้นวิมาน ล้วนตึกกระดานลานเลี่ยนเตียนสบาย เดิมเป็นหินศิลานานมาแล้ว ดูเป็นแก้วแววเวียนวิเชียรฉาย ปราสาททองช่องชั้นพรรณราย จำหลักลายพรายพร่างกระจ่างตา ทั้งคลังเงินคลังทองมูลนองมาก เพชรนิลนากเนาวรัตน์เครื่องวัตถา ทั้งแก้วแหวนแสนสมบัติกษัตรา พระมังคลาแลเพลินเที่ยวเดินชม มีรูปทองห้องกลางในปรางค์รัตน์ รูปกษัตริย์สืบสร้างในปางปฐม พระพักตร์เหมือนเยื้อนยิ้มอิ่มอุดม รูปสุรางค์นางสนมประนมกร ฝาผนังทั้งแท่นหินแผ่นใหญ่ จารึกไว้ลายลักษณ์พระอักษร ว่าองค์ท้าวเจ้าประเทศเขตนคร นรินทรทรงนามพระรามวงศ์ ลงมาจากฟากฟ้าสุธาวาส ดนัยนาถหน่อไทครรไลหงส์ แผ่นสุธากาหวีนี้พระองค์ ก็ได้ทรงสร้างศีลขันธ์ในสันดาน ให้มนุษย์ปุถุชนคนทั้งหลาย ทั้งหญิงชายสุขสิ้นทุกถิ่นฐาน ที่ยากเย็นเข็ญใจพระให้ทาน ให้สำราญราษฎรไม่ร้อนรน เกิดบ่อเงินบ่อทองของวิเศษ ทั่วประเทศเขตแขวงทุกแห่งหน ทั้งข้าวปลานาเกลือก็เหลือล้น มิได้มีที่ว่าจนคนเข็ญใจ เหล่าลูกค้าพาณิชทิศประเทศ ทุกขอบเขตภาษามาอาศัย เราอุปถัมภ์บำรุงชาวกรุงไกร ทั้งน้อยใหญ่ได้เป็นสุขทั่วทุกทิศ ถือขันตีวิจารณาอุตสาหะ เสียสละรักษาวาจาจิต ศีลสัจจะการุญสูญชีวิต ขาดนิมิตเสมอทิพสิบประการ จึงเขียนคำกำจัดพวกสัตว์บาป ประสิทธิ์สาปตราบกลาปาวสาน ใครครองเมืองเปลื้องพันธุ์เป็นอันธพาล ให้ตรธานกาลสัตอปะรา คือทุกข์โศกโรคภัยลมไฟน้ำ โปรดประจำกำราบที่บาปหนา ผู้ใดถือซื่อสัตย์ให้วัฒนา พระมังคลาทราบสิ้นก็ยินดี จึ่งปรึกษาสังฆราชพระบาทหลวง พระคุณล่วงรู้ความตามวิถี อันในเมืองเรื่องราวเขากล่าวมี เป็นถิ่นที่จอมกษัตริย์ถือสัตย์ธรรม์ พระคุณเห็นเป็นกระไรไฉนหนอ จงแจ้งข้อความจริงทุกสิ่งสรรพ์ ขอทราบเรื่องเมืองนี้ที่สำคัญ จะผ่อนผันอยู่ได้หรือภัยมี ฯ ๏ บาทหลวงนับจับยามตามโฉลก ชัยโชคล้ำเลิศประเสริฐศรี ควรจะอยู่ปกป้องครองบูรี อันถิ่นที่กูก็เห็นจะเป็นการ ทั้งข้าวกล้าสาลีมีภักษ์ผล พอเลี้ยงพลไพร่นายฝ่ายทหาร แล้วก็มีเหล็กเพชรเจ็ดประการ เกิดกับธารท้องทุ่งนอกกรุงไกร ทั้งอู่อ่าวเราจะได้ไว้กำปั่น สักห้าพันก็มิอาจจะหวาดไหว ทั้งไม้แก่นแน่นหนาเต็มป่าไม้ ต่อเรือไฟไว้สำหรับแก้อับจน อันลูกเองเล่าก็ดีผีขยาด กลัวอำนาจเรี่ยวแรงทุกแห่งหน ควรจะอยู่มั่วสุมประชุมพล ทำไกกลแล้วจะได้ไปลังกา ตีเอาเมืองให้จงได้ไล่พิฆาต จับหมู่ญาติแก้แค้นให้แสนสา คิดอุบายถ่ายถอนผ่อนปัญญา พระมังคลากราบก้มประนมกร เห็นความจริงสิ่งที่ท่านอาจารย์ว่า คุณเมตตาการุณังช่วยสั่งสอน สมถวิลยินดีชุลีกร ค่อยวายร้อนที่วิตกในอกใจ แล้วเชิญชวนสังฆราชขึ้นอาสน์รัตน์ ปรนนิบัติตามประสาอัชฌาสัย เข้าพักผ่อนนอนนั่งอยู่วังใน ตามวิสัยขัดสนเหมือนคนโซ พวกในลำกำปั่นนั้นก็ขึ้น อาศัยพื้นดินหญ้าอนาโถ เก็บผลไม้ส้มสูกลูกตะโก ประสาโซกินตามความสบาย ฯ ๏ จะกล่าวถึงเทวารักษาเกาะ อยู่จำเพาะในวิมานนานใจหาย พอเห็นคนพลไกรทั้งไพร่นาย ก็ผันผายเสด็จออกนอกวิมาน สำแดงกายปรากฏด้วยทศพิธ อิทธิฤทธิ์บังแสงพระสุริย์ฉาน เป็นหมอกมัวทั่วทั้งจักรวาล อนธกาลเสียงดังทั้งนคร พยุพยับอับพื้นโพยมหน เป็นฝอยฝนตกรอบขอบสิงขร ฟ้าก็แลบแปลบสว่างกลางนคร แผ่นดินดอนเลื่อนลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์ไทยเทวฤทธิ์ประสิทธิ์สุด ก็ทรงภุชงค์มือนั้นถือสังข์ แล้วเคลื่อนคล้อยลอยคว้างอยู่กลางวัง พระทรงสังข์ของสวรรค์ให้บันลือ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช กับสังฆราชออกมารับด้วยนับถือ แล้วนั่งราบกราบก้มประนมมือ ด้วยสัตย์ซื่อแล้วก็ถามตามทำนอง ท่านนี้หรือคือเจ้าเขากาหวี อันถิ่นที่ดีชั่วหรือมัวหมอง เห็นทรัพย์สินมากมายทิ้งก่ายกอง ไหนเจ้าของมิได้เห็นเช่นทั้งเมือง ฯ ๏ ฝ่ายองค์ไทเทพเจ้าเขากาหวี จึ่งเล่าชี้แจงความไปตามเรื่อง เมื่อครั้งท่านก่อนเก่าเป็นเจ้าเมือง ไม่รู้เรื่องทศพิธเป็นจิตพาล ทำแต่บาปหยาบช้าอุลามก สกปรกไปเสียสิ้นทั้งถิ่นฐาน จึงบังเกิดโรคันอันธการ คนประมาณหมื่นแสนในแดนดาว จึ่งบังเกิดโรคาเป็นห่าโหง ทุกเรือนโรงตายกลุ้มทั้งหนุ่มสาว เมืองร้อยเอ็ดเขตแคว้นทุกแดนดาว คิดเป็นเจ้าจอมจังหวัดปัถพี มาประชุมไพร่พหลพลทหาร คิดอ่านการจะบำรุงซึ่งกรุงศรี เผอิญเกิดโรคามายายี จึงไม่มีใครมาสร้างต้องร้างเร เพราะเดิมองค์พงศ์กษัตริย์เธอสัตย์ซื่อ แล้วก็ถือศีลขันธ์ไม่หันเห สละละโทโสไม่โลเล ทุกไทเทวะช่วยอำนวยพร ที่ท่านมาอาศัยอยู่ในนี้ อย่าร่วมที่แท่นรัตน์บรรจถรณ์ จงคิดสร้างปรางค์ปราให้ถาวร นอกนครเวียงวังจึ่งบังควร ใครร่วมอาสน์ที่ประเสริฐจะเกิดเหตุ เพราะอิศเรศอมรินทร์พระอินศวร ท่านรักษาพยายามอย่าลามลวน หาที่ควรสร้างอยู่นอกบูรี เหมือนคำเราเจ้าเกาะสงเคราะห์ท่าน จงคิดการบำรุงซึ่งกรุงศรี นั่นแหละจึงจะพิพัฒน์สวัสดี แล้วจากที่หายวับไปกับตา ที่มืดมนอนธการบันดาลหาย สว่างฉายเห็นทั่วทุกทิศา แต่บรรดาคนเข้าไปในพารา ทั้งมังคลากับท่านครูรู้เหตุการณ์ ฯ ๏ จึงคิดสร้างเมืองใหม่อยู่ภายนอก ทางเข้าออกชายทะเลริมเทวฐาน ให้ตัดไม้ข่มนามตามบูราณ แล้วตั้งศาลบัดพลีพิธีกรรม จึ่งเชิญไทเทวารักษาเกาะ ช่วยสงเคราะห์เชิดชูอุปถัมภ์ แล้วเอาหินศิลานั้นมาทำ สกัดซ้ำเจาะปักเป็นหลักเมือง ก่อกำแพงเชิงเทินเนินหอรบ ทวารครบแปดที่ทาสีเหลือง ก่อปราสาทราชฐานเป็นบ้านเมือง สำเร็จเรื่องพาราถึงห้าปี ฯ ๏ จะกลับกล่าวเจ้าเมืองสำปันหนา แขกชวาล้ำเลิศประเสริฐศรี เจ้าพาราอายุสามสิบปี ชื่อชวีรายาขอบตาแดง คล้ายทับทิมริมแววแก้วตานั้น กลมเป็นมันดำดีเป็นสีแสง แต่ฟันเหลืองเรืองรองเป็นทองแดง ใครทิ่มแทงมิได้ลงคงกระพัน มเหสีมีนามตามภาษา ชื่อบุหงาโชติช่วงดวงบุหลัน มีบุตรีสีเนื้อดังเจือจันทน์ อายุนั้นได้สิบสี่ปีมะแม ดูคมขำสำอางเหมือนอย่างหุ่น พึ่งแรกรุ่นผ่องพ่วงดั่งดวงแข คล้ายมารดาสารพันไม่ผันแปร ชื่อดวงแขรัศมีศรีโสภา ดังดวงจิตปิตุเรศเกศกษัตริย์ ท้าวเธอจัดนักสนมทั้งซ้ายขวา เป็นพี่เลี้ยงเคียงพระราชธิดา ล้วนลักขณาผ่องศรีฉวีนวล อันพาราผาสุกสนุกสนาน แต่ล้วนบ้านเศรษฐีมีเรือกสวน ทั้งทรัพย์สินบริบูรณ์ประมูลมวล ขายแต่ล้วนเพชรพลอยตั้งร้อยพัน มีเรือไฟใหญ่น้อยสักร้อยเศษ เที่ยวแล่นหวังฟังเหตุทุกเขตขัณฑ์ กำปั่นรบทอดท่าไว้ห้าพัน ได้ป้องกันศัตรูหมู่ปัจจา ทหารรบลงประจำลำละร้อย เครื่องใช้สอยนับหมื่นล้วนปืนผา ทั้งเสน่าหลาวโล่โตมรา พร้อมสาตรามีประจำทุกลำเรือ นายทหารเหน็บกริชฤทธิรุทร ใส่หมวกครุฑอย่างฝรั่งเกราะหนังเสือ อาญาสิทธิ์คิดอ่านในการเรือ ทั้งใต้เหนือคอยระวังให้นั่งยาม พวกที่มาค้าขายหลายภาษา จะไปมาแล้วก็กักให้ซักถาม แม้นรู้เรื่องราวชี้คดีความ ไม่ห้ามปรามปล่อยให้ไปสบาย ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นที่แตกทัพ ออกแล่นลับเร็วรี่เที่ยวหนีหาย สลาตันตีพัดกระจัดกระจาย เที่ยวเรี่ยรายหลีกหลบไม่พบกัน พวกล้าต้าต้นหนพลไพร่ บนเป็ดไก่สิ่งละคู่กับหมูหัน ขอเชิญเจ้าอ่าวทะเลทั้งเทวัญ ช่วยป้องกันโภยภัยอย่าให้พาน พวกลางคนจะบนเมียไม่เสียของ ไปร่วมห้องเขาคงให้กินไข่หวาน จะไปนั่งเสียของไม่ต้องการ เขาขี้คร้านต้มแกงแรงสินบน ฯ ๏ พอขาดคำลมเรื่อยมาเฉื่อยฉิว ติดใบปลิวคว้างคว้างมากลางหน สิ้นเสบียงเลี้ยงเหล้าพวกชาวพล แต่เวียนวนแล่นมาในสาคร ถึงสามเดือนเคลื่อนคล้อยแค่ลอยล่อง ไปตามร่องคลื่นกลิ้งเท่าสิงขร ข้ามมหาสาคโรชโลทร ใกล้นครปากอ่าวเมืองเจ้านาย เที่ยวสืบเสาะเกาะแก่งทุกแห่งห้อง ที่ในท้องวังวนชลสาย ไม่ได้ความถามข่าวถึงเจ้านาย ฝ่ายนายท้ายแล่นเข้าออกบุรี พวกชาวเพชรกำพลมากล่นเกลื่อน ถามถึงเพื่อนพวกเหล่าชาวกรุงศรี เมื่อไรเจ้าเราจะมาถึงธานี ท่านช่วยชี้แจงเล่าให้เข้าใจ พวกกำปั่นนั้นว่าเมื่อล่าทัพ แตกแตนยับเหลือล้นทนไม่ไหว ทั้งลูกคลื่นถูกลมระดมไป กำปั่นใหญ่มิได้แจ้งตำแหน่งความ ฯ ๏ พวกเสนาข้าเฝ้าเศร้าสลด ทรวงระทดถอนใจใหญ่แล้วไต่ถาม ทูลกระหม่อมจอมณรงค์เมื่อสงคราม เองได้ความว่าจะรอดหรือวอดวาย พวกคนธรรพ์นั้นว่าลมระดมพัด คลื่นก็ซัดลมแดงแรงใจหาย ทั้งเรือรับเรือหนุนเกิดวุ่นวาย แตกกระจายเสียทีรบไม่พบกัน พวกเสนาข้าทูลละอองบาท ปรึกษาราชการร้อนคิดผ่อนผัน ให้หาโหรมาทำนายทายลัคน์จันทร์ พระเคราะห์นั้นเธอจะร้ายถึงวายวาง หรือจะไม่ดับสูญประยูรยศ จงกำหนดให้ถนัดอย่าขัดขวาง จะได้คิดข้อความไปตามนาง โดยทิศทางเขตแขวงตำแหน่งใด ฯ ๏ โหรรับนับโฉลกเปกโปกเปาะ ถูกจำเพาะพระเสาร์เข้าทึ้งไส้ ชะตานางกลางคอดตลอดไป แล้วขับไล่อินทภาษบาทจันทร์ ราหูเกาะเคราะห์ร้ายเพราะชายหนุ่ม อังคารกุมลัคนาถึงอาสัญ ไปทางทิศหรดีที่สำคัญ จะพบพันธุ์หน่อเนื้อในเชื้อนาง ฯ ๏ เสนาใหญ่สั่งเวรเกณฑ์กำปั่น เร่งให้ทันเร็วรัดอย่าขัดขวาง สักสิบลำทำใบสายระยาง จัดขุนนางอาสาจามตามบาญชี เป็นนายเรือเกลือข้าวเอาบรรทุก ของดิบสุกเลี้ยงชวากะลาสี ทั้งล้าต้าต้นหนล้วนคนดี พวกที่มีกตัญญูรู้พระคุณ เจ้าข้าวแดงแกงร้อนอย่านอนเปล่า ไปตามเจ้าขาดเหลือได้เกื้อหนุน อุตส่าห์ติดตามไปคงให้คุณ เดชะบุญจะได้มาพาราเรา ฯ ๏ พวกพหลพลรบลงเรือพร้อม ชักใบอ้อมโอบใส่บนปลายเสา รอกสลักจักรไกผูกไม้เพลา ติดกับเสาสายกระสันพันระยาง ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องล่องจากอ่าว ออกแล่นก้าวเลี้ยวลัดไม่ขัดขวาง ไปตามทิศหรดีวิถีทาง ใบสล้างตามกันออกสันดอน พระพายส่งตรงไปมิได้หยุด ออกแล่นรุดไปตามทางหว่างสิงขร ไม่หยุดยั้งรั้งราพลากร ต่างรีบร้อนสืบข่าวทุกอ่าวไป เมืองจีนจามพราหมณ์แขกเที่ยวแยกย้าย เรือค้าขายแวะถามตามสงสัย เพราะว่าเป็นการร้อนไม่นอนใจ ทั้งเหนือใต้สืบเสาะตามเกาะเกียน ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช กับครูบาทหลวงชี้แผนที่เขียน ให้ตรองตรึกปรึกษาตำราเรียน ค่อยพากเพียรฝึกฝนกลอุบาย ทั้งกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงบุตรสุดสวาท สามหน่อนาถน้ำเนื้อในเชื้อสาย ค่อยจำเริญรุ่นตามกันสามชาย ดูคล้ายคล้ายจิ้มลิ้มดังพิมพ์เดียว ฯ ๏ บาทหลวงว่าน่าหัวร่อพ่ออ้ายหนู เป็นม่ายชู้ม่ายเมียเสียประเดี๋ยว ต้องเลี้ยงดูลูกกำพร้าจนหน้าเซียว เองจะเกี้ยวใครได้เขาไม่ยอม เพราะลูกเต้ารุงรังชังน้ำหน้า เขาย่อมว่ากลิ่นตัวเหมือนหัวหอม เหม็นสาบหนอพ่อลูกอ่อนพวกหนอนตอม เขาไม่ยอมเอ็งดอกบอกจริงจริง ฯ ๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณอย่าดูถูก ถึงมีลูกก็ทำไมใจผู้หญิง เป็นด้วยชายเชิงฉลาดพูดพาดพิง เล่นเอาหญิงอ่อนละมุนเหมือนวุ้นลาย แต่ยายแก่แม่ม่ายยังตายราบ ต้องลอกคราบยอมเป็นเมียเหมือนเบี้ยหงาย ไม่ทันถึงครึ่งวันครั้งท่านยาย อันเชื้อชายนี้ไม่เบานะเจ้าคุณ พลางพูดจาจ๋อแจ๋พอแก้ทุกข์ ความสนุกนั้นไม่ถึงสักกึ่งหุน สัพยอกศิษย์หาเพราะการุญ คิดอุดหนุนสอนวิชาสารพัน ให้เล่าเรียนเพียรต่อทั้งพ่อลูก เหมือนส้มสูกแทรกเจือเหลือขยัน ผู้ใดกินกลืนซ่านทั้งหวานมัน ไว้แก้กันตัวเจ้าเมื่อคราวจน อันวิชาเรียนร่ำเหมือนน้ำอ้อย มันอร่อยซาบซุ่มทุกขุมขน จะได้คิดมั่วสุมประชุมพล ต่อเรือกลจักรไกไว้สำรอง ฯ ๏ ขอกล่าวกลับจับความเรือตามหา เข้าแดนชวาเห็นละเมาะเกาะทั้งสอง ชะวุ้งชะวากปากน้ำเหมือนลำคลอง เขม้นมองไรไรยังไกลตา กัปตันเห็นไม่ถนัดให้วัดแดด เอาแว่นแฝดส่องสว่างกลางเวหา เขม้นหมายฉายแสงพระสุริยา พลิกตำราแผนที่ออกคลี่ดู นี่ปากน้ำสำปันหนาพาราแขก ภาษาแปลกพวกทมิฬไม่กินหมู บอกต้นหนคนเราแวะเข้าดู เพื่อจะรู้เรื่องราวที่ข่าวนาย เห็นพร้อมจิตคิดให้จอดทอดเสมอ พอเรือรอเรียงกันแล้วผันผาย ลงเรือบดปลดกระเชียงออกเรียงราย ทั้งบ่าวนายตีเข้าอ่าวบุรี ถึงด่านกลางทางแวะเข้าไต่ถาม นายด่านห้ามอย่าเพ่อไปในกรุงศรี เป็นลูกค้ามาขายหรือไพรี เล่าคดีให้กระจ่างอย่าพรางกัน ฯ ๏ นายเรือบอกออกความที่ถามซัก ให้ประจักษ์แจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ เราอยู่กำพลเพชรขอบเขตคัน ตัวเรานั้นอยากจะเฝ้าเจ้านคร ขุนด่านฟังสั่งเสมียนให้เขียนบอก จำลองลอกข้อความนำอักษร ไปกราบทูลท่านท้าวเจ้านคร จะผันผ่อนโปรดปรานประการใด พวกสำหรับรับถือหนังสือบอก ลงเรือออกจากท่าชลาไหล เร่งฝีพายหมายมุ่งเข้ากรุงไกร ถึงแล้วไปบอกขุนนางจางวางเวร ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพารามหากษัตริย์ สรงสหัสธาราทาพิมเสน นางถวายอยู่งานพัดจัดเป็นเวร แต่ล้วนเกณฑ์หม่อมห้ามทั้งงามงอน ทรงภูษาค่าเมืองเรืองจำรัส ปั้นเหน่งเม็ดเพชรรัตน์ประภัสสร ฉลององค์พื้นแดงแย่งมังกร เจียระบาดตาดซ้อนลายสุวรรณ เหน็บพระแสงกริชกุดั่นกัลเม็ด ประดับเพชรพลอยพรายสายกระสัน โพกพระเศียรส่านแดงแย่งเครือวัลย์ เช็ดหน้าพันผูกพระศอจรลี ออกพระโรงรจนาฝากระจก บุษบกอย่างเทศวิเศษศรี พร้อมขุนนางทุกตำแหน่งแจ้งคดี พลางก็คลี่ใบบอกนั้นออกทูล ฯ ๏ ในสาราข้าพเจ้าพวกชาวด่าน ขอกราบกรานภูวไนยมไหสูรย์ มีกำปั่นยาวใหญ่อันไพบูลย์ ทั้งทูตทูลสารามาด้วยกัน เป็นข้าเฝ้าเจ้าเมืองกำพลเพชร ขุนนางเจ็ดจะเข้าไปไอศวรรย์ เฝ้าพระองค์พงศ์สวัสดิ์ทรงสัตย์ธรรม์ ถวายบรรณาการแจ้งบ้านเมือง ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวารายานั้น เกษมสันต์ฟังเสนาะเพราะหูเหือง มีบัญชาให้ไปหาพวกแขกเมือง ได้รู้เรื่องราชการสถานใด เร่งจัดแจงแต่งเรือไปรับสาร จะว่าขานงอนง้อที่ข้อไหน พอสั่งเสร็จพระเสด็จเข้าวังใน พวกคนใช้สารวัดไปจัดการ ที่นั่งหงส์ลงไปรับเรือคับคั่ง ประโคมสังข์แตรแซ่ประสาน มีธงริ้วทิวรายหลายประการ ไปถึงด่านปากน้ำพอค่ำคืน แจ้งรับสั่งกับขุนด่านเป็นการโปรด สมประโยชน์เสวกาไม่ฝ่าฝืน แล้วรีบลงหงส์ที่นั่งในกลางคืน เสียงครึกครื้นอัดแอแซ่สำเนียง พวกเสนาที่เป็นนายฝ่ายทหาร กับนายด่านเร่งกันสนั่นเสียง เรือรูปสัตว์เสือหมีตีกระเชียง แล้วพายเรียงรีบมุ่งเข้ากรุงไกร ฯ ๏ พอเช้าตรู่สุริยาภาณุมาศ ก็โอภาสรุ่งสางสว่างไข ประทับท่าหน้าแพแลวิไล แล้วก็ให้ตั้งกระบวนจวนเวลา เอารถรัดจัดแจงแต่งมารับ เครื่องสำหรับแห่แหนดูแน่นหนา ฉัตรกระชิงกลิ้งกลดรจนา กระบวนม้ากระบวนธงตรงเข้าเมือง ขุนนางทูตขี่รถกั้นกลดระย้า เทียมด้วยม้าพาชีล้วนสีเหลือง ประโคมแตรแห่แหนมาแน่นเนือง พร้อมทั้งเครื่องทวนธงอลงกรณ์ ถึงประตูบูรีที่ประทับ มีผู้รับบรรณาการสารอักษร แล้วนำแขกเมืองไปในนคร ให้เร่งจรเข้าไปเฝ้าเจ้าบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าชวาอาณาจักร บำรุงรักราษฎรอาวรณ์ถวิล พระเดชาอานุภาพปราบทมิฬ ครองบุรินทร์เปรมปราสถาวร พอสามโมงนาฬิกากับห้าบาท ก็ยุรยาตรจากสุวรรณบรรจถรณ์ เสด็จออกพระโรงคัลอันบวร พร้อมนิกรพวกอำมาตย์มาตยา เธอไต่ถามความเมืองใครเคืองขัด จะได้ตัดสินสุดไม่มุสา ใครร้อนรนหม่นหมองร้องฎีกา พวกประชามีบ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ พวกเสนาทูลสนองละอองบาท การวิวาทข่มขี่หามีไม่ ราษฎรเป็นสุขไม่ทุกข์ภัย ไม่มีใครฟ้องร้องต้องคดี แต่ขุนนางข้างเมืองกำพลเพชร มาพร้อมเสร็จว่าจะเฝ้าเจ้ากรุงศรี จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี นำสารศรีมาสนองรองบาทา ฯ ๏ ท้าวเธอฟังสั่งให้อาลักษณ์อ่าน ในเรื่องสารของขุนนางต่างภาษา กราบบังคมสมเด็จกรุงชวา ขอพึ่งพาบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ซึ่งองค์ท้าวรามเดชเกศกษัตริย์ ผ่านสมบัติกรุงไกรไอศวรรย์ ทิวงคตหมดวงศ์หมดพงศ์พันธุ์ จึงยกท่านมเหสีมีตระกูล ขึ้นเสวยสวรรยาราชาภิเษก มอบเศวตฉัตรชัยทั้งไอศูรย์ มีหน่อท้าวเจ้าพารานั้นมาทูล ว่าพลัดประยูรพงศ์เผ่าเป็นเจ้านาย ชื่อพระมังคลานราราช นางมอบราชสมบัติเหมือนมาดหมาย เลี้ยงเป็นบุตรสุดสวาทไม่คลาดคลาย ไร้สืบสายสุริย์วงศ์เป็นพงศ์พันธุ์ อยู่ได้ห้าปีครึ่งถึงเดือนหก พากันยกพวกพหลพลขันธ์ เกณฑ์ทหารชาญณรงค์คงกระพัน ลงกำปั่นพากันหายไปหลายปี ให้ข้าพเจ้าอยู่รักษาอาณาเขต แม้นเกิดเหตุเป็นไฉนในกรุงศรี ใช้เรือให้ไปตามถึงสามปี มิได้มีร่องรอยแต่คอยฟัง แม้นมิพบเจ้านายเหมือนหมายมุ่ง ขอขึ้นกรุงสำปันหนาเหมือนข้าหวัง เป็นเจ้านายหมายจิตไม่ปิดบัง จะขอตั้งสัจจาเหมือนมาทูล ฯ ๏ พระทรงฟังสังเวชเสนานัก อาณาจักรแผ่นดินจะสิ้นสูญ ถ้าแม้นเราจะสละไม่อนุกูล ก็จะสูญซึ่งสมบัติกษัตรา จำจะช่วยติดตามข้ามสมุทร กว่าจะสุดเขตแขวงทุกแห่งหา แม้นได้เชื้อเนื้อหน่อกษัตรา คืนพาราไว้ก็เห็นจะเป็นคุณ จึ่งดำรัสตรัสว่าอย่าเป็นทุกข์ แม้นเกิดยุคล้ำเหลือจะเกื้อหนุน เราขอบจิตคิดถึงจะพึ่งบุญ อย่าเพ่อวุ่นวายไปภัยจะมี แม้นตามไปไม่พบนางกฤษณา จึงค่อยหาผู้บำรุงซึ่งกรุงศรี เราขอคิดติดตามอีกสามปี ถ้าแม้นมิพบปะจึงจะครอง จะจัดลำกำปั่นไฟให้ไปด้วย จะได้ช่วยเสาะหาท่านอย่าหมอง คงจะได้สมนึกท่านตรึกตรอง อยู่สักสองสามเวลาจึงคลาไคล ฯ ๏ ครั้นสั่งเสร็จท้าวเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์เนาวรัตน์จำรัสไข ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าของท้าวไท รีบออกไปสั่งงานจัดการเรือ ไปหาลำกำปั่นเข้าบรรจบ ทหารรบรวมไปทั้งใต้เหนือ จ่ายเสบียงเลี้ยงบ่าวทั้งข้าวเกลือ ใช้ในเรือกลไฟให้หลายพัน ฯ ๏ ถึงสี่ค่ำกำหนดประณตน้อม ทูลลาจอมกรุงไกรไอศวรรย์ พวกขุนนางที่จะไปให้รางวัล ทั้งแพรพรรณเสื้อหมวกพวกทูลลา เสด็จขึ้นพากันตรงลงกำปั่น พลขันธ์ไพร่นายทั้งซ้ายขวา ลงเรือไฟใช้จักรอันศักดา แล่นออกมาจากบุรีพอสี่โมง ถึงปากอ่าวเช้าตรู่จะดูฤกษ์ เอิกเกริกเร่งไฟใส่โขมง กำปั่นใบใส่เพลาเสากระโดง สายระโยงระยางขึงให้ตึงดี พอได้ฤกษ์เลิกโห่ขึ้นสามหน ยิงปืนกลทองปรายท้ายบาหลี นายท้ายนั่งตั้งเข็มไว้เต็มดี ดูแผนที่ไปพลางในกลางชล กัปตันส่องกล้องแก้วแววสว่าง ดูทิศทางเกาะแก่งทุกแห่งหน ไปเดือนครึ่งถึงประเทศเขตตำบล ชื่อเกาะถนนนาคินเป็นดินดาน เกิดไพฑูรย์อย่างดีสีประหลาด ใสสะอาดน้ำมณีสีสัณฐาน เหลืองเหมือนทองผ่องศรีมีสังวาล ที่เขียวพานน้ำกลอกขาวหมอกมูล ที่สีดำน้ำนิลดีปลาสร้อย ตำราพลอยเรียกว่าตาอิสูร รบพระอินทร์สิ้นชีวงพงศ์ประยูร อัฐิมูลอยู่ที่เกาะจำเพาะมี ฯ ๏ พวกเรือแตกแขกฝรั่งมาตั้งบ้าน ทำตึกร้านเจียระไนมีหลายสี ทั้งจีนจามพราหมณ์ต้องซื้อของดี ไปขายที่มังกะหล่าหากำไร พวกกำปั่นนั้นแวะเข้าที่เกาะ เที่ยวสืบเสาะไต่ถามตามสงสัย บ้างซื้อหาอาหารสำราญใจ ที่เที่ยวไปสืบข่าวเจ้าพารา เห็นพราหมณ์เฒ่าเจ้าบ้านนั่งสานพ้อม เข้าเกลี้ยกล่อมนั่งไหว้แวะไปหา ฝ่ายตาพราหมณ์ถามไต่ไปไหนมา พวกเสนาบอกความไปตามตรง ข้าพเจ้าเป็นชาวกำพลเพชร เที่ยวเตร่เตร็ดวุ่นวายเพราะนายหลง ข้ามละเมาะเกาะเกียนแต่เวียนวง ไม่พบองค์นางพระยาเจ้าธานี ท่านพบเห็นเป็นไฉนจงให้ข่าว ได้เรื่องราวบอกบ้างทางวิถี ประเทศทางกลางแถวแนวนที กำปั่นมีมาบ้างหรืออย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายพราหมณ์เฒ่าเล่าแจ้งแสดงข่าว เมื่อครั้งคราวปีระกาข้าอาศัย มีกำปั่นนั้นมาจอดทอดอยู่ไกล เห็นยาวใหญ่กว่าแต่หลังได้นั่งมอง เรือที่มาค้าขายนั้นไม่เท่า ออกแล่นก้าวเร็วรี่ไม่มีสอง แต่ข้างท้ายลายหงส์มีธงทอง ไปทางห้องหรดีตรงชี้มือ ถูกเหมือนท่านบอกแจ้งแถลงเล่า ข้าพเจ้าขอรับด้วยนับถือ จะตามไปทุกถิ่นให้สิ้นมือ ตาพราหมณ์ฮือเหมือนข้าเจ้าก็เศร้าใจ เดิมถิ่นฐานบ้านอยู่กบิลพัสดุ์ ปะสลัดตีเรือเหลือวิสัย จะสู้เขาเล่าก็น้อยถอยหนีไป มันก็ไล่ตีชิงยิงด้วยปืน พอเรือหันฟันใบเอาไปทิ้ง เข้าตีชิงเอาต่อหน้าไม่ฝ่าฝืน มันโกยเอาสินทรัพย์ไปกับปืน พอมีคลื่นลมกล้าสลาตัน พยุหวนป่วนปั่นหางเสือหัก มันก็ชักใบเร่ออกเหหัน เรือข้าเจ้าซัดมาสิบห้าวัน แต่พวกกันล้มตายลงหลายคน พอเกิดมีลมว่าวเสือกเข้าเกาะ กำลังเคราะห์ว้าเหว่ระเหระหน พวกเหลือตายทั้งข้าเจ้าสิบเก้าคน แต่อยู่บนเกาะมาสิบห้าปี แต่พวกเขาเหล่านั้นสักพันเศษ ล้วนแขกเทศวิลันดาพาราณสี พวกที่อยู่ตึกตั้งเขามั่งมี เพราะเกาะนี้คุ้มกันอันตราย ด้วยไพฑูรย์มูลมองของวิเศษ ทุกประเทศนับถือได้ซื้อขาย เป็นของดีมีคุณไม่วุ่นวาย เฝ้าเจ้านายเมตตาทุกธานี อยู่เรือนใครไพบูลย์พูนสวัสดิ์ คุ้มอุบัทว์ไภยันทั้งกันผี ทั้งโรคันอันตรายไม่ยายี ผู้ใดมีเก็บไว้ในตระกูล จะปรารถนาสิ่งใดก็ได้หมด คงปรากฏโภไคยทั้งไอศูรย์ เพราะตำราว่าไว้ในไพฑูรย์ มีสกูลกว่าเพชรเจ็ดประการ แล้วพราหมณ์เฒ่าเอาแหวนออกส่งให้ เก็บเอาไว้กันตัวชั่วลูกหลาน ท่านจะไปในระหว่างทางกันดาร คุ้มภัยพาลสารพัดพวกศัตรู อีกเดือนครึ่งจะถึงเกาะกาหวี ล้วนแต่มีพวกทมิฬไม่กินหมู มันร้ายกาจชาติอุบัทว์เป็นศัตรู อยู่ประตูเมืองคอยตั้งร้อยพัน พวกไปมาค้าขายแม้นใครแวะ มันจับแทะกินปอดตลอดสัน กระดูกกระเดี้ยวเคี้ยวป่นไม่ทนฟัน กินเสียวันเดียวหมดเพราะอดโซ เจ้าจะไปในประเทศเขตสิงขร อย่าหลับนอนเอกาอนาโถ ทั้งสัตว์ร้ายในมหาสาคโร ตัวโตโตพ่นน้ำเท่าลำตาล ฯ ๏ พวกกำปั่นฟังท่านพฤฒาเฒ่า แถลงเล่าถึงทะเลเทวฐาน เป็นถิ่นที่ยากแค้นแสนกันดาร จะประมาณแถวทางกลางทะเล ท่านสอนสั่งฟังคำจำเอาไว้ แล้วกราบไหว้ลงกำปั่นไม่หันเห เอาหัวตรงลงไปอาคเนย์ ค่อยหันเหเข็มต่อหรดี บ้างติดใบใช้จักรชักสมอ ตีม้าฬ่อแล่นไปในวีถี ต้นหนนั่งตั้งเข็มไว้เต็มดี ดูแผนที่ใช้ใบทั้งไกกล ออกแล่นกลางทางมหามหรณพ เรือสมทบแลสล้างมากลางหน ฝูงมัจฉาปลาร้ายขึ้นว่ายวน ในสายชลน้ำแดงดั่งแสงเพลิง ฯ ๏ ฝูงราหูฟูฟ่องขึ้นล่องเล่น ฉนากเห็นฟาดเปิดเตลิดเหลิง ฉลามไล่ฮุปฟัดกระจัดกระเจิง โลมาเริงผุดพ้นชลธาร ฝูงพิมพาพากันไล่ฟันคลื่น เพียนทองพื้นเพียนทองซ้องประสาน ฝูงเหราร่าเริงละเลิงลาน พวกปลาวาฬวานว่ายในสายชล ฝูงเงือกน้ำดำด้นเที่ยวค้นคู่ เป็นหมู่หมู่กลอกกลับอยู่สับสน มังกรกลาดฟาดหางในกลางวน เที่ยวดั้นด้นหาเหยื่อเหลือคะนอง พวกฝูงปลาหน้าคนขึ้นกล่นเกลื่อน ว่ายตามเพื่อนพวกกันผันผยอง ฝูงม้าน้ำทำท่าม้าลำพอง เผ่นผยองอย่างพระยาอาชาไนย อันสัตว์ร้ายหลายหลากมากนักหนา จะพรรณาก็มิอาจจะหวาดไหว จะจดจำร่ำว่าจะช้าไป แต่พอได้เรื่องราวดังกล่าวกลอน กำปั่นไฟไปถึงเกาะกาหวี เข้าจอดที่เมืองใหม่ใกล้สิงขร ทั้งเรือใบใส่เสบียงเลี้ยงนิกร เข้าพักผ่อนทอดเรียงเคียงกันไป กำหนดครบเดือนครึ่งพอถึงเข้า เหมือนพราหมณ์เฒ่าชี้แจงแถลงไข ดูถิ่นฐานบ้านเมืองติดเนื่องไป เห็นจะได้สืบสาวถึงเจ้านาย ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช อยู่กับบาทหลวงอาจารย์นานใจหาย เมื่อจะพบไพร่ฟ้าเสนานาย ค่อยสบายหลับนอนไม่ร้อนรน เกิดนิมิตพิสดารว่าดวงแก้ว สว่างแววอยู่บนฟ้าเวหาหน แล้วตกลงตรงหน้าประชาชน เกิดเป็นฝนสาดรอบขอบคีรินทร์ แล้วดวงแก้วแววเวียนวิเชียรช่วง เป็นรุ้งร่วงอยู่บนแท่นแสนถวิล พระฟื้นองค์สรงชลหมดมลทิน หน่อนรินทร์ทั้งสามตามลีลา ออกแท่นรัตน์ชัชวาลอย่างฝรั่ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา พอบาทหลวงลุกเดินดำเนินมา พระมังคลาเชิญให้นั่งบัลลังก์ทอง แล้วเล่าตามความฝันอันนิมิต บาทหลวงคิดเห็นดีไม่มีสอง ฝันว่าแก้วรัศมีสีเรืองรอง คือพวกพ้องเราจะมาถึงธานี ซึ่งฝนตกรอบเกาะที่เคราะห์ร้าย จะสูญหายลาภเลิศประเสริฐศรี อันดวงแก้วแววสว่างกระจ่างดี ตกบนที่แท่นรัตน์ชัชวาล คงได้คู่สู่สมภิรมย์รส จะปรากฏแจ้งสิ้นทุกถิ่นฐาน คอยฟังข่าวเขาคงมาไม่ช้านาน เห็นได้การจริงจังเองฟังดู แล้วอวยพรให้สวัสดิ์พิพัฒน์ผล เป็นมงคลเหมือนกว่าหนาอ้ายหนู ชัยชนะสารพัดแก่ศัตรู ให้มีผู้กรุณาในสามัญ ฯ ๏ พระมังคลาสาธุขอลุลาภ แม้นได้ปราบศึกเสือเหลือขยัน รับเอาพรพระอาจารย์สำราญครัน กำหนดวันเดือนปีที่ทำนาย ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายกำปั่นมาบรรจบ ทั้งเรือรบเรือไฟเหมือนใจหมาย พร้อมสะพรั่งทั้งพหลพลนิกาย ขึ้นหาดทรายเดินมาหน้าบุรี เห็นผู้คนในพาราออกหาผัก จึงร้องทักพวกไพร่ในกรุงศรี จงหยุดยั้งรั้งราจะพาที ชาวบุรีซักถามไปตามแคลง มาแต่ไหนนายขาบอกข้ามั่ง จะขอฟังท่านจงกล่าวเล่าแถลง หรือว่าเป็นพวกสลัดเที่ยวลัดแลง มาแอบแฝงปล้นชิงหรือวิ่งราว ฯ ๏ พวกกำปั่นนั้นว่าข้าคนซื่อ มิได้ถือโจรกรรมเที่ยวทำฉาว การโกหกฉกชิงหรือวิ่งราว ท่านอย่ากล่าวหยามหยาบจะบาปกรรม เราเป็นพวกคนธรรพ์เหมือนมั่นหมาย ตามเจ้านายที่ท่านชุบอุปถัมภ์ กตัญญูรู้บ้างในทางธรรม เราอยู่กำพลเพชรเขตนคร ฯ ๏ พวกชาวเมืองรู้แจ้งไม่แคลงจิต นั่งพินิจรู้ตลอดแล้วทอดถอน คะนึงพลางทางมีสุนทรวอน ท่านอยู่ก่อนจะไปแจ้งแสดงความ แล้วลุกลาพาเพื่อนกันกลับหลัง เข้าในวังบอกขุนนางต่างไต่ถาม ว่าเมืองเราเขาคิดมาติดตาม ท่านเอาความกราบทูลมูลคดี ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช ออกนั่งอาสน์เนาวรัตน์จำรัสศรี พร้อมสะพรั่งทั้งพหลแลมนตรี นำคดีทูลองค์พระทรงธรรม์ ว่าข้าเก่าเหล่าเมืองกำพลเพชร มาเบ็ดเสร็จเจ็ดนายรีบผายผัน ทั้งชวามาตามด้วยครามครัน ถึงพร้อมกันจะมาเฝ้าเจ้าแผ่นดิน ฯ ๏ พระอิ่มเอมเปรมปราในมาโนช รับสั่งโปรดชื่นชมสมถวิล จงเร่งรีบรับมาในธานินทร์ ชาวบุรินทร์อุตส่าห์คิดมาติดตาม ขุนนางสั่งม้าใช้ให้ไปบอก เขาอยู่นอกเวียงชัยเร่งไปถาม พวกขุนนางต่างแจ้งแห่งเนื้อความ ก็รีบตามมาเฝ้าถึงเจ้านาย ศิโรราบกราบก้มบังคมบาท กับปนาทนึกไปแล้วใจหาย ไม่เห็นองค์นางพระยาเสนานาย จึ่งภิปรายทูลถามด้วยความแคลง อันพระยอดเยาว์วิมลไปหนไหน จึงมิได้เสด็จมาข้ายังแหนง หรือกริ้วโกรธโทษทัณฑ์ฉันยังแคลง ขอพระองค์จงแจ้งแสดงความ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาปัญญาฉลาด กับสังฆราชตรึกไตรฟังไต่ถาม จึงเอื้อนอรรถตรัสบอกออกเนื้อความ เมื่อเราข้ามฟากฝั่งไปลังกา ทำสงครามสามเดือนไม่เคลื่อนคลาด กับหมู่ญาติเผ่าพงศ์พวกวงศา เกิดวิบัติขัดขวางกลางชลา เพราะนัดดาลักพระขรรค์จึงอันตราย ทัพก็แตกแยกย้ายพลัดพรายหมด นางกำสรดเศร้าใจมิใคร่หาย เราจึ่งเข้าปรนนิบัติไม่คลาดคลาย นางภิปรายปราศรัยเป็นไมตรี ให้เราผู้ลูกเลี้ยงเคียงถนอม นางยินยอมในเล่ห์มเหสี ตามประสงค์ตรงเสน่ห์ประเวณี จึ่งได้มีบุตรตามกันสามองค์ แล้วพระนางวางวายทิวงคต เธอเปลื้องปลดไปสวรรค์อันประสงค์ ฝากกุมารหน่อเนื้อในเชื้อวงศ์ ให้ดำรงมนเทียรวิเชียรพราย เทวสินธุ์ผู้พี่นี่แน่ท่าน ถัดไปนั่นน้องกลางเหมือนอย่างหมาย ให้ชื่อเทพจินดาดาราราย นั่นน้องชายราเมศวิเศษครัน เราจึ่งพามาอยู่ในเมืองนี้ เพราะบุญมีมากเหลือเชื้อสวรรค์ นางไปอยู่สถานวิมานจันทร์ ชื่อนาควันเทวบุตรเหมือนภุชงค์ ฯ ๏ พวกขุนนางต่างทราบเนื้อความสิ้น ว่านางปิ่นอิศราพระยาหงส์ สิ้นประยูรสูญชีวิตถึงปลิดปลง แล้วทูลองค์มังคลาเจ้าธานี คืนประเทศเขตขอบกำพลเพชร เชิญเสด็จไปบำรุงซึ่งกรุงศรี ราษฎรร้อนใจเพราะไม่มี เจ้าบุรีป้องกันสวรรยา จะขอเชิญหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ผ่านสมบัติไอศวรรย์ให้หรรษา ทั้งจะได้ปกเกล้าชาวประชา พระมังคลารับคำจะทำตาม จึ่งปรึกษาสังฆราชท่านบาทหลวง ถูกกระทรวงหรือไม่ขอไต่ถาม พระคุณเห็นเป็นไฉนจะได้ตาม ด้วยเป็นความไกลตาต้องหารือ ๏ ฝ่ายบาทหลวงห่วงทรัพย์ที่เมืองนั้น คิดผ่อนผันกันไปไม่ได้หรือ เอาลูกชายครองเมืองให้เลื่องลือ เจ้าที่ชื่อเทวสินธุ์อยู่กินแทน เทพจินดาน้องที่สองนั้น รับพระบัณฑูรเล่าได้เฝ้าแหน เป็นฝ่ายหน้าว่าราชการแทน อยู่เขตแดนวังหน้าริมสาคร แต่ราเมศน้องชายเป็นฝ่ายหลัง ให้ไปตั้งอยู่ที่ท้ายชายสิงขร เร่งแต่งงานการภิเษกสยุมพร ครองนครเป็นกษัตริย์สวัสดี ภิเษกสามตามวงศ์ดำรงภพ ขจรจบเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี เสร็จภิเษกเอกฉัตรสวัสดี บรรดาที่คนเก่าอย่าเอาไป แล้วพระองค์ทรงสั่งการภิเษก เสนาเอกรับสั่งนั่งไสว เร่งบาดหมายทุกตำแหน่งให้แจ้งใจ เร่งทำในเจ็ดวันเหมือนสัญญา ฯ ๏ พอสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์แท่นสุวรรณด้วยหรรษา พนักงานจัดแจงแต่งพารา สี่ปรางค์ปราจะภิเษกเป็นเอกองค์ ตั้งพิธีสี่เสาเพดานดาด ผ้าขาวลาดสุจหนี่แต่งที่สรง ราชวัติฉัตรสุวรรณให้กั้นองค์ พระเต้าสรงสังข์กลศรดวารี ทิพย์ปทุมธารากระยาสนาน ตั้งเครื่องอานอย่างเอกภิเษกศรี แว่นสุวรรณขันถมยาราชาวดี พานพระศรีพระแสงทรงอลงกรณ์ บายศรีแก้วแวววับประดับเพชร มงกุฎเก็จเนาวรัตน์ประภัสสร เศวตฉัตรพัดโบกแลจามร พระแสงศรเสโล่โตมรา แล้วสำเร็จเสร็จเรื่องพิธีพร้อม ทูลพระจอมจักรพงศ์พระวงศา วันสี่ค่ำกำหนดจะราชา ภิเษกสามกุมาราครองธานี ฯ ๏ ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นพิภพ คิดปรารภที่จะกลับซึ่งกรุงศรี เสด็จออกพระโรงคัลอัญชลี พร้อมทั้งสี่โหราประชากร ให้จุดเทียนเวียนแว่นวิเชียรรัตน์ ตามกษัตริย์อิศโรสโมสร ประโคมแซ่แตรสังข์ทั้งแตรงอน ประสานซ้อนเสียงดังกังสดาล มโหระทึกกึกก้องกลองวิลาศ ทั้งพิณพาทย์จำเรียงเสียงประสาน โปรยดอกไม้เงินทองของตระการ พนักงานทูลถวายฝ่ายกำนัล สรงสหัสธารามณฑาภิเษก มอบเศวกระฉัตรชัยไอศวรรย์ แล้วอวยพรหน่อนเรศครองเขตคัน เป็นจอมจรรโลงลบจบสกล ให้อายุเจ้ายืนหมื่นพรรษา จงวัฒนาในสมบัติพิพัฒน์ผล บำรุงประชาราษฎรคิดผ่อนปรน อย่าให้คนเดือดร้อนเหมือนก่อนมา พระเทวสินธุ์จินดาทั้งราเมศ ครองประเทศไอศวรรย์ให้หรรษา พ่อกับท่านสังฆราชจะคลาดคลา ไปพาราดับร้อนให้ผ่อนเย็น ไม่ช้านักจักมาพาราเจ้า แต่เมืองเก่าเกิดทุกข์ถึงยุคเข็ญ แม้นมิไปไหนนครจะหย่อนเย็น ก็จำเป็นไปจำไคลคลา ฯ ๏ พระเทวสินธุ์ยินคำที่ร่ำสอน ขอรับพรวางไว้ในเกศา ทั้งสามองค์ทรงสะอื้นกลืนน้ำตา พระมังคลากอดบุตรสุดอาลัย พ่อจำเป็นจำพรากไปจากเจ้า อย่าโศกเศร้าหม่นหมองจงผ่องใส พวกคนดีมีวิชาเสนาใน พ่อก็ให้อยู่กับเจ้าถึงเก้าพัน ถึงศัตรูหมู่ปัจจามาทุกทิศ มันคุมคิดเขาคงฆ่าให้อาสัญ อย่าทุกข์ร้อนสอนสั่งระวังกัน ครองเขตขัณฑเสมาพาราเรา ฯ ๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร กับสังฆราชจากสถานพิมานเฉลา เฉลิมเลิศหลายสีมณีเพรา กับฝูงเหล่าแขกชวาประชากร ลงกำปั่นสุวรรณหงส์มีธงปัก ท้ายสลักเรืองไรรูปไกรสร ที่นั่งทองห้องท้ายลายมังกร จอดสลอนใต้เหนือล้วนเรือไฟ พวกเสนาข้าทูลละอองบาท เดียรดาษพร้อมพรั่งนั่งไสว นายกำปั่นหันระยางให้กางใบ บ้างติดไฟไขสลักให้จักรเดิน ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสนั่น ออกกำปั่นจากเกาะดั่งเหาะเทิน ชมมัจฉาปลาใหญ่พอใจเพลิน แล้วรีบเดินเรือมาในสาคร กำปั่นตามข้ามมหาสาคเรศ พ้นประเทศเหล่าละเมาะเกาะสิงขร เย็นพยับอับแสงทินกร พระจันทร์จรแจ่มฟ้านภาลัย บาทหลวงเรียกมังคลามาข้างนอก แล้วชี้บอกดวงดาวขาวไสว โรหิณีสีแดงดั่งแสงไฟ ดาวลูกไก่ตรงหน้าดาวพาชี ตำราเรียกฤกษ์สามตามตำหรับ แม้นเคียงกับจันทราร่วมราศี พวกโจรจะกล้าแข็งแรงราวี เจ้าบุรีราษฎรมักร้อนรน ตรงมือชี้นี่แน่ดาวมิคเศียร เองจงเรียนจำไว้หนาอย่าฉงน แม้นร่วมราศีศุกร์มักทุกข์ทน บังเกิดฝนแล้งไปลูกไม้แพง โน่นดาวลูกไก่ใกล้กันกับดาวฆะ ต้องชนะข้าศึกอย่านึกแหนง พลางบอกกล่าวเล่าคดีแล้วชี้แจง ตามตำแหน่งโหรทายร้ายแลดี พอเดือนดับลับฟ้าเวหาหน เป็นหมอกมนมืดมัวทั่ววิถี จวนจะแจ้งแสงอุทัยในนที ลมก็มีริ้วริ้วติดทิวธง ระลอกลั่นครั่นครื้นเป็นคลื่นซัด พลางแล่นลัดเรือบัลลังก์ที่นั่งหงส์ ทั้งเรือตามสามกระบวนปักทวนธง พวกไต้ก๋งตั้งเข็มเต็มชำนาญ หมายประเทศเขตแดนตามแผนที่ ออกแล่นรี่ไปตามทางหว่างอิสาน ชมมหาสาคโรชโลธาร ตามถิ่นฐานมีละเมาะเป็นเกาะเกียน พวกเรือแตกแปลกภาษาขึ้นอาศัย มีพุ่มไม้หลายหลากดั่งฉากเขียน ทั้งกรวดทรายชายหาดดาษเดียร ดูราบเลี่ยนพรายพร้อยมีหอยปู ข้ามชะวากปากอ่าวกบิลพัสดุ์ แหลมสุหรัดพวกทมิฬไม่กินหมู ใกล้ประเทศเขตชวามลายู ต้นหนดูแผนที่ต่างดีใจ อีกวันครึ่งก็จะถึงสำปันหนา พวกชวาบอกกันเสียงหวั่นไหว เกีอบจะถึงถิ่นฐานสำราญใจ จะได้ไปหาเมียนั่งเคลียคลอ กูจากไปสามเดือนแท้แม่อีหนู จะเล่นชู้หรือกระไรไฉนหนอ แม้นถึงเรือนเพื่อนกูคงรู้คอ ถองให้พ่อตาดูกูไม่ฟัง ที่ลางคนบ่นว่าถ้าเช่นนั้น ชกให้ท่านตาเฒ่านั่งเกาหลัง ถึงแม่ยายพายผู้กูไม่ฟัง ผิดกูนั่งคัดข้อขึ้นต่อเรียน ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระธิดาพระยาแขก พึ่งรุ่นแรกสาวสำอางค์ดั่งนางเขียน ดูจิ้มลิ้มพริ้มพร้อมละม่อมละเมียน ดั่งเทพเจียนเจียระไนมาไว้วาง ขนงเนตรเกศแก้มเมื่อแย้มยิ้ม ราวกับพิมพ์ทองเจือเนื้อไม่ขวาง จะพิศไหนก็วิไลวิลาสนาง สวนสำอางดังยุพินกินรี เมื่อวันพระมังคลาจะมาถึง ให้รุมรึงในอุรามารศรี พอม่อยหลับกลับนิมิตว่านาคี มาอยู่ที่แท่นรัตน์ชัชวาล รวบกระหวัดรัดนางทั้งปรางค์มาศ ดูร้ายกาจเรี่ยวแรงกำแหงหาญ แล้วพ่นพิษปิดพื้นโพยมมาน สุริย์ฉานบดบังทั้งวังเวียง นางพลิกฟื้นตื่นคว้าผวาหวาด ร้องกรีดกราดมิได้หยุดจนสุดเสียง บรรดาเหล่าสาวใช้นอนใกล้เคียง นางพี่เลี้ยงตกใจกระไรเลย ผวากอดยอดมิ่งวิมลโฉม ปลอบประโลมเป็นไรเล่าแม่เจ้าเอย จงบอกพี่เถิดหนาน้องอย่าร้องเลย ขอเชิญเผยเสาวนีย์ช่วยชี้แจง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ธิดาพระยาหญิง สมรมิ่งเธอจึงกล่าวเล่าแถลง ฉันฝันเห็นนาคานัยน์ตาแดง มันเรี่ยวแรงรัดรึงไว้ตรึงตรา ทั้งปราสาทราชวังในจังหวัด ก็รวบรัดเขตแดนไว้แน่นหนา แล้วพ่นพิษปิดแสงพระสุริยา น้องผวาพลิกฟื้นพอตื่นนอน ฯ ๏ นางพี่เลี้ยงรู้ตำราภาษาแขก เทวดามาแทรกจึ่งสังหรณ์ คงได้คู่สู่สมสยมพร ต่างนครคงจะมาไม่ช้านาน จึงทูลกับพุ่มพวงนางดวงแข นี่แน่แม่จะได้คู่สู่สมาน ร่วมภิรมย์สมองค์สมวงศ์วาน จึงบันดาลให้แม่ฝันอย่ารัญจวน พระธิดาว่าตัวของน้องนี้ ไม่อยากมีคู่ครองประคองสงวน เหมือนอย่างเขาว่าไว้น้องใคร่ครวญ เป็นที่กวนใจนักไม่รักมี ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช กับครูบาทหลวงแล่นตามแผนที่ ถึงปากน้ำสำปันหนาไม่ช้าที ให้ทอดที่เมืองด่านชานชลา ขุนชำนาญด่านนอกเขียนบอกส่ง ให้ทูลองค์นครำสำปันหนา ว่ากำปั่นที่ไปทัพนั้นกลับมา พบมังคลาเจ้าประเทศเขตกำพล มาประทับยับยั้งตั้งอยู่ด่าน จะโปรดปรานอย่างไรบ้างยังฉงน ทั้งพวกเหล่าชาวเมืองเพชรกำพล พร้อมพหลจัตุรงค์เธอตรงมา ฯ ๏ พวกเสมียนเขียนคำทำอักษร ไปนครเร็วพลันด้วยหรรษา ถึงแล้วเข้ากราบทูลมูลิกา เจ้าชวาทราบสิ้นก็ยินดี ให้จัดแจงแต่งเรือลงไปรับ มาประทับอยู่พลับพลาหลังคาสี ให้เลี้ยงดูหมู่พหลแลมนตรี จงเป็นที่เปรมปราสถาวร ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นปรางค์มาศเนาวรัตน์ประภัสสร พวกจัดแจงแต่งที่นั่งอลังกรณ์ เรือไกรสรสิงหราชสะอาดตา เรือกระบวนทวนธงเอาลงปัก ทั้งคู่ชักแห่แหนดูแน่นหนา มยุรฉัตรพัดบังอย่างชวา ร่มระย้ายาวสั้นกั้นขุนนาง พลพายรายเรียงเคียงขนัด สารวัตรจัดเสร็จพอสางสาง สามโมงครึ่งถึงด่านท่านขุนนาง ให้นำทางไปกำปั่นเหมือนสัญญา พวกเรือแห่แออัดจัดกันเสร็จ เชิญเสด็จขึ้นไปวังอย่ากังขา ว่าบัดนี้องค์ท้าวเจ้าชวา มาคอยท่าภูวไนยอยู่ท้ายวัง ฯ ๏ ป่างพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงสมอารมณ์หวัง ที่ทุกข์โศกมาแต่ก่อนผ่อนประทัง แล้วจึ่งสั่งสอนศิษย์เหมือนคิดตรอง เรื่องเสน่ห์ที่กูว่าเมตตาจิต แม้นเขาชิดแล้วก็ดีไม่มีสอง เองอุตส่าห์จารึกไว้ตรึกตรอง ตามทำนองแยบยลกลอุบาย พระแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส เพชรรัตน์พลอยพร่างกระจ่างฉาย ฉลององค์ทรงกระสันพรรณราย แล้วสอดสายรัดองค์อลงกรณ์ ทรงมหามาลาจินดาประดับ กระจ่างจับแจ่มจำรัสประภัสสร ธำมรงค์เรืองจินดาค่านคร ถือตรีเพชรเสด็จจรลงนาวา บาทหลวงแต่งตัวใหม่ลงไปด้วย จะได้ช่วยป้องกันให้หรรษา แล้วรีบเร่งเรือใช้ให้ไคลคลา โห่สามลาตีฆ้องกลองประโคม กระบวนแห่แซ่ซ้องก้องสนั่น พลขันธ์ครื้นครึกแห่ฮึกโหม ทั้งสังข์แตรแซ่สำเนียงเสียงครึกโครม บาทหลวงโสมนัสรื่นชื่นอุรา พอเรือแห่มากระทั่งวังนิเวศน์ ถิ่นประเทศเมืองแขกแปลกภาษา พอแลเห็นท่านท้าวเจ้าชวา เธอลงมาคอยอยู่ท้ายบูรี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช ยุรยาตรขึ้นไปเฝ้าเจ้ากรุงศรี ท้าวรายาปราศรัยเป็นไมตรี เชิญเข้าไปในบุรีด้วยปรีดา พระยาแขกขึ้นรถมีกลดกั้น เป็นหลั่นหลั่นแลรายทั้งซ้ายขวา รถกระจกยกให้พระมังคลา ขึ้นกับอาจารย์เจ้าเข้านคร ครั้นถึงวังยั้งยับประทับที่ พวกมนตรีคับคั่งนั่งสลอน ท้าวลงจากราชรถบทจร เข้านครเขตขัณฑ์สวรรยา แล้วจูงหัตถ์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง เข้าไปยังพระโรงคัลด้วยหรรษา ให้นั่งแท่นมรกตรจนา พระมังคลาอภิวันท์อัญชุลี พร้อมเสนาเข้าทูลละอองบาท แล้วถามนาถหน่อกษัตริย์พลัดกรุงศรี เราสงสารท่านนักด้วยภักดี พวกมนตรีเขามาเล่าให้เราฟัง ว่าตกทุกข์ได้ยากลำบากเหลือ เสียดายเนื้อหน่อกษัตริย์ประหวัดหวัง พ่อจะได้คืนคงดำรงวัง แต่ยับยั้งอยู่สักหน่อยจึ่งค่อยไป ฯ ๏ พระมังคลาว่าข้าพเจ้านี้ ไม่มีที่พึ่งพาจะอาศัย ขอพึ่งบุญกรุณาเหมือนข้าไท พระอย่าได้ถือโทษจงโปรดปราน แล้วนิ่งนึกตรึกตรองให้หมองจิต คะนึงคิดมากมายหลายสถาน ยังไม่เคยนบนอบเคยหมอบกราน พวกเจ้าบ้านเมืองไรก็ไม่มี เราก็เป็นหน่อเนื้อในเชื้อแถว ลังกาแก้วเคยบำรุงซึ่งกรุงศรี มาต้องไหว้แขกชวาเจ้าธานี มิรู้ที่จะดำริจะตริตรอง แล้วหวนคิดผิดพลั้งก็ช่างเถิด เหมือนทองเกิดเป็นตะกั่วย่อมมัวหมอง ถ้าตกยากกรากกรำตามทำนอง เหมือนเพลงร้องว่าสิบนิ้วต้องพลิ้วเอา ด้วยเจ้าแขกกรุณาเมตตาจิต ก็ต้องคิดขอบคุณเพราะบุญเขา สารพัดศัตรูไม่ดูเบา เพราะบุญเจ้าจอมจังหวัดปฐพี แล้วทูลท้าวเจ้าชวาอาณาเขต ขอพระเดชท้าวไทใส่เกศี จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี กว่าชีวีนั้นจะวายทำลายลาญ ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวาอาณาจักร ให้แสนรักน้ำคำซ้ำสงสาร จึ่งโลมเล้าเอาใจอาลัยลาน จะคิดอ่านช่วยบำรุงให้รุ่งเรือง แล้วพิศพักตร์ลักขณาหน่อกษัตริย์ งามจำรัสรัศมีล้วนสีเหลือง เสียดายศักดิ์จักรพรรดิมาขัดเคือง แม้นมิเปลื้องทุกขาจะอาดูร ทั้งรูปทรงโสภาดูน่ารัก มาเสื่อมศักดิ์โภไคยทั้งไอศูรย์ อย่าทุกข์เลยเราจะอนุกูล ให้เพิ่มพูนในสมบัติกษัตรา แล้วสั่งให้ไปอยู่ที่ตึกตั้ง ให้ยับยั้งอยู่สนุกเป็นสุขา แม้นมีเรื่องเคืองขัดหัทยา พ่อจงมาบอกกล่าวเล่าคดี ฯ ๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร เข้าในวังสั่งนาฏมเหสี เอาใจใส่หน่อกษัตริย์พลัดบุรี คุณจะมีมากมายหลายประการ มเหสีรับสั่งฟังกระแส ชำเลืองแลน้อมคำนับรับบรรหาร แล้วสั่งเล่าสาวสวรรค์พนักงาน แต่งเครื่องอานออกถวายพระมังคลา ๏ ฝ่ายหน่อนาถบาทหลวงออกจากเฝ้า พากันเข้าไปอยู่ตึกนั่งปรึกษา ควรจะต้องหยุดสำนักพักโยธา เจ้าชวาเล่าก็เห็นเธอเอ็นดู เมื่อวันมาถึงข้างในกูได้ข่าว ว่าลูกท้าวงามนักหนาหวาอ้ายหนู อายุย่างเข้าสิบสี่มีระดู เองได้อยู่เป็นลูกเขยคงเลยดี พระมังคลาว่าเราอยู่โนปรางค์รัตน์ จะลอดลัดเข้าไปหามารศรี เห็นขัดสนจนใจเพราะไม่มี ผู้ใดที่จะเข้าไปให้ถึงนาง ฯ ๏ บาหหลวงว่าแต่เท่านี้สิขี้ขลาด มิใช่ชาติเจ้าชู้แล้วหูหาง ค่อยสืบเสาะเหมาะใจที่ไว้วาง ให้ถึงนางพี่เลี้ยงเคียงประคอง เองแอบอิงพิงพึ่งให้ถึงเขา ประโลมประเล้าฝากตัวเห็นมัวหมอง เอาสินทรัพย์นับให้ดังใจปอง อันเงินทองใครเขาชังเองฟังดู ขี้คร้านวิ่งตอแหลเป็นแม่สื่อ ถึงจะดื้อดุจริงคงวิ่งหู เจ้าประคุณเงินทองเองลองดู ผิดปากกูเอ็งจงว่ากูสามัญ ฯ ๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณการุญรัก ช่างรู้จักท่วงทีดีขยัน พรุ่งนี้เช้าเหล่าพวกนางกำนัล มาสั่งฉันแล้วจะบาดเข้าพาดพิง แต่ปรึกษาหารือกันทั้งสอง เฝ้าตรึกตรองหวังจะให้ได้ผู้หญิง อุตส่าห์พูดลูบไล้ให้ได้จริง เหมือนปากปลิงเกาะติดอย่าคิดวาง แล้วก็บอกหยูกยามหาเสน่ห์ อุปเทห์สารพัดไม่ขัดขวาง อุตส่าห์บ่นสนธยายที่ไว้วาง เอาให้นางในวิมานคลานลงมา แต่สั่งสอนกันจนสางสว่างแจ้ง ที่เคลือบแคลงมิได้ปิดบอกศิษย์หา พอสายแสงพวกที่แต่งโภชนา ส่งให้ทาสีออกมานอกวัง ถวายองค์พงศ์กษัตริย์เสวยเสร็จ แล้วสำเร็จนางคำนับแล้วกลับหลัง เชิญเครื่องอานพานทองของในวัง ตามรับสั่งองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระธิดาพระยานั้น ถึงเจ็ดวันเคยไปลงสรงกระสินธุ์ ที่ในสวนอุทยานเป็นอาจิณ นอกบุรินทร์สร้างสมไว้ชมเชย มีบุปผาสารพัดจัดมาปลูก ทั้งดอกลูกมีพร้อมหอมระเหย สระปทุมตูงตั้งกำลังเชย ลมรำเพยพัดพาสุมาลัย มีมัจฉาปลาว่ายอยู่คลายคล่ำ บ้านพ่นน้ำฟองฟูดูไสว ทั้งเต่าหอยลอยกระสินธุ์เที่ยวกินไคล อยู่ที่ในสระสนานชานชลา กระจับจอกดอกผลปนสาหร่าย กระแสสายใสเย็นเห็นมัจฉา ที่ประทับยับยั้งตั้งพลับพลา เป็นที่ผาสุกเกษมเปรมฤทัย ฯ ๏ ถึงวันเจ็ดนางเสด็จขึ้นไปเฝ้า แล้วก้มเกล้าทูลลาอัชฌาสัย เที่ยวเล่นสวนสระสนานสำราญใจ ฝ่ายท้าวไทสั่งสนมกรมวัง ว่าวันนี้พระบุตรจะไปสวน เจ้าจงชวนกันประชุมช่วยคุมขัง จงเอารถซุ้มระย้ามีฝาบัง เป็นที่นั่งทรงธิดาเอ็งพาจร เอาโขลนจ่าไปให้มากช่วยลากรถ ให้สมยศพระบุตรีศรีสมร ท้าวรับสั่งเสนีชุลีกร ก็รีบร้อนบาดหมายสั่งนายเวร สารถีที่สำหรับขึ้นขับรถ ใส่เกราะนวมสวมหมดทั้งดั้งเขน มาเตรียมคอยเสด็จทั้งเจ็ดเวร พวกลูกเกณฑ์นายหมวดต่างตรวจตรา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ธิดาพระยาหญิง สมรมิ่งโสรจสรงทรงภูษา ประดับเครื่องเรืองงามอร่ามตา ทรงมหาเนาวรัตน์จำรัสเรือง กรอบนลาฏคาดเข็มขัดรัดกระสัน สะพักถันตาดทองละอองเหลือง ธำมรงค์เรือนมณีสีประเทือง แล้วย่างเยื้องขึ้นรถบทจร นางพี่เลี้ยงเคียงข้างไม่ห่างโฉม คอยประโลมพุ่มพวงดวงสมร พวกนางเชิญเครื่องยศบทจร ล้วนงามงอนรุ่นราวขาวละออง ตามเสด็จอรไทออกไปสวน เดินลอยนวลตามเจ้าไม่เศร้าหมอง บ้างผัดหน้านวลใสเป็นใยยอง ตามทำนองนางแขกแปลกกับไทย ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาปรีชาฉลาด กับสังฆราชรู้แจ้งแถลงไข ว่าวันนี้พระธิดาจะคลาไคล ไปเล่นสวนดอกไม้ที่ท้ายวัง เองรีบไปคอยดูอยู่ริมสระ ให้นางประเนตรสมอารมณ์หวัง เป่าเสน่ห์ผูกจิตให้ติดตัง คงสมหวังเหมือนกับฝันอย่ารัญจวน พลางจัดแจงแต่งกายเป็นชายไพร่ แอบเข้าไปหาตาเฒ่าที่เฝ้าสวน ส่งภาษามลายูรู้กระบวน แล้วทำชวนพูดจาทีหารือ ข้าพเจ้าเป็นชาวสำปะหลัง เป็นนายช่างต่อเรือคนเชื่อถือ แต่เรือไฟไม่สันทัดเที่ยวหัดปรือ เขาเล่าลือทุกสถานมานานครัน อุตส่าห์มาหมายจะใคร่ได้ความรู้ เที่ยวหาครูรู้หลักทำจักรหัน อยู่บ้านใดในประเทศขอบเขตคัน โปรดดีฉันนำไปให้อาจารย์ ฯ ๏ ทั้งตายายหมายว่าจริงนิ่งพินิจ แล้วก็คิดรักใคร่ไปสิหลาน แต่วันนี้พระธิดายุพาพาล จะมาสนานที่ในสระธุระมี แล้วก็ว่าตาจะช่วยไปฝากฝัง ให้สมดั่งหลานคิดไม่บิดหนี คอยดูเขาเล่นสักวันขยันดี ต่อพรุ่งนี้จึงค่อยไปดั่งใจจง แอบดูเหล่าชาววังบ้างสิหลาน เขางามปานกินราพระยาหงส์ แต่ออกไปเสียให้ไกลเขาล้อมวง ที่ในดงคัดเค้าเหล่าต้นจันทน์ พระมังคลาดีใจเห็นได้ช่อง ค่อยย่างย่องเข้าไปในสวนขวัญ เข้าแฝงพุ่มชงโคตะโกวัน ริมขอบคันสระศรีมีปทุม ฯ ๏ จะกล่าวถึงนางพระยามาถึงสวน พร้อมกระบวนกันทั่วมามั่วสุม แล้วนั่งกองกำชับคอยจับกุม พวกหนุ่มหนุ่มล้อมไว้มิให้เดิน พอรถทรงพระธิดามาถึงสวน พี่เลี้ยงชวนเสด็จนางไม่ห่างเหิน เก็บบุปผามาลัยพอใจเพลิน เสด็จดำเนินกรีดเล็บเก็บจำปี ประทานเหล่าสาวสรรค์นางข้าหลวง คนละพวงส่งให้ใส่เกศี ทั้งปาหนันกรรณิการ์สารภี ตันหยงมีดอกพร้อมหอมขจร เห็นสาวหยุดฉุดชิงจนกิ่งค้อม เอาไม้ซ่อมสอยร่วงพวงเกสร นางสาวสรรค์เก็บดวงพวงขจร ให้พี่เลี้ยงสายสมรเที่ยวเรียงราย บ้างเก็บผลไม้ลูกทั้งสุกห่าม ทำไม้ง่ามน้อยน้อยสอยถวาย ละมุดม่วงพวงผลหล่นกระจาย เที่ยวเรี่ยรายตกกลาดดาษดา ลิ้นจี่ต้นผลแดงดังแสงชาติ มะตูมมะตาดดกดื่นพื้นพฤกษา มะหาดเหียงเรียงต้นผลผกา ย้อยระย้าสุกเหลืองดูเรืองรอง เสด็จดำเนินเดินทางมากลางสวน อนงค์นวลอื่นจะเปรียบไม่เทียบสอง ไปถึงสระปะพระมังคลามอง สองต่อสองเนตรสบประจบกัน ให้ปลาบปลื้มลืมเล็งแต่เพ่งพิศ ยิ่งเสียวจิตนึกขยับจะรับขวัญ ดั่งอัปสรในสถานวิมานจันทร์ ทั้งผิวพรรณผ่องพักตร์ลักขณา ขนงเนตรเกศแก้มเมื่อแย้มยิ้ม ประไพพริ้มเหลือดีเจ้าพี่จ๋า ทั้งสองเต้าเท่าเปรียบปทุมา แม้นจะหาเหมือนเจ้าไม่เท่าเทียม ฯ ๏ ฝ่ายระเด่นดวงแขแลชม้อย นี่นะรอยมาแต่ไกลนึกอายเหนียม หรือฝรั่งลังกามาเลียบเลียม ดูเสงี่ยมกิริยาเหมือนนารี ดูรูปทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น ละม้ายแม้นเทวดาในราศี แต่ผ้าเสื้อเหลืออดสูดูเต็มที เหมือนกับที่ชาวไร่พวกไถนา แล้วโฉมยงทรงชี้ให้พี่เลี้ยง ใครมาเมียงมองแลชะแง้หา พี่ไปถามตามสงสัยใครใช้มา บอกให้ข้ารู้เรื่องอยู่เมืองใด ฯ ๏ พี่เลี้ยงรับเสาวนีย์มีกระทู้ นี่นายอยู่แห่งหนตำบลไหน จงบอกความตามจริงทุกสิ่งไป รับสั่งให้ถามนายจงให้การ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช ได้โอกาสเพื่อจะแจ้งแสดงสาร ค่อยเป่ามนต์ดลคาถาไม่ช้านาน ที่อาจารย์สอนสั่งให้ตั้งใจ เดชะเวทวิทยามหาเสน่ห์ ให้รวนเรร้อนจิตพิสมัย ทั้งพี่เลี้ยงสาวสรรค์กำนัลใน องค์อรไทดวงแขแลตะลึง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลานั้น บอกว่าฉันนี้นะขาพึ่งมาถึง มาเที่ยวเล่นเห็นเขาลือกันอื้ออึง ว่าสวนซึ่งจอมกษัตริย์ขัตติยา สนุกสนานปานสวนสรวงสวรรค์ ในช่อชั้นแดนดาวดึงสา อยากจะใคร่ชมอนันต์เป็นขวัญตา พอฉันมาปะกระบวนก็จวนตัว จึงหลบลี้หนีแอบมาซ่อนเร้น กลัวจะเป็นดูแลแม่อยู่หัว จึ่งมาเที่ยวลัดแลงแอบแฝงตัว เพราะความกลัวท่านจะโกรธลงโทษทัณฑ์ จะออกไปเสียข้างนอกออกไม่ได้ เขาล้อมไว้ยิ่งยวดทั้งกวดขัน ไหนจะกลัวอาญาสารพัน หม่อมโปรดฉันด้วยเถิดขาจงปรานี ช่วยเพ็ดทูลอย่าให้สูญไมตรีจิต ที่ชอบผิดช่วยขยายอย่าหน่ายหนี จะขอบคุณกรุณาที่ปรานี จริงนะพี่จะให้สัตย์ปฏิญาณ ฯ ๏ นางรับคำซ้ำว่าถ้าเช่นนั้น จะผ่อนผันทูลอนงค์เพราะสงสาร จะจดจำคำนายที่ให้การ ไปทูลมิ่งเยาวมาลย์เหมือนถ้อยคำ แล้วลุกลามาถึงพระนุชนาฏ อภิวาททูลแต่พอที่ข้อขำ ทั้งพูดจาสารภาพว่าหลาบจำ ให้พี่นำกราบทูลมูลคดี ฯ ๏ นางทราบสิ้นผินพักตร์มาซักถาม ให้มีความรักใคร่ไม่หน่ายหนี เสน่หาอาวรณ์ร้อนฤดี นางเทวีหันกลับขึ้นพลับพลา แล้วเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงข้าง พระนุชนางแดดิ้นถวิลหา จนมิได้สระสรงพระคงคา ให้เรียกราชรัถามาเร็วพลัน จะกลับวังสั่งเหล่าพวกข้าหลวง ทุกกระทรวงเร่งรัดไปจัดสรร มาพร้อมเสร็จนางเสด็จจรจรัล จากอนันต์อุทยาน์เข้าธานี ขึ้นบรรจถรณ์ร้อนจิตด้วยฤทธิ์เสน่ห์ ให้ว้าเหว่วิญญาณ์มารศรี แสนวิโยคโศกศัลย์พันทวี นางเข้าที่พระบรรทมให้ตรมทรวง ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงเข้าเคียงแท่น ให้โศกแสนร้อนใจเป็นใหญ่หลวง นางทูลถามความรักที่หนักทรวง แม่เหงาง่วงเป็นไฉนไม่สบาย จงบอกพี่ชี้แจงให้แจ้งเรื่อง จะปลดเปลื้องอนุกูลให้สูญหาย ที่โรคร้อนผ่อนใจให้สบาย อย่าวุ่นวายเลยแม่น้องจะหมองมอม พี่เป็นหมอขอแก้ที่แผลเจ็บ อันเมื่อยเหน็บเสียรูปซีดซูบผอม จะแก้ไขมิให้น้องนั้นต้องตรอม ฉันจะยอมอาสาเหมือนม้าทรง ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์ แต่ความอายมิใคร่บอกออกให้ตรง เพราะเขาจงใจแก้ที่แผลคัน จึงว่าน้องเหมือนต้องโอสถพิษ กำเริบฤทธิ์ร้อนในน้ำใจฉัน พี่ช่วยคิดปิดป้องของสำคัญ อย่าให้ฉันอายหน้าประชาชน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง กลับมายังที่สำนักพักพหล บาทหลวงถามความในที่ไกกล ทั้งเวทมนตร์ทางเสน่ห์เพทุบาย ได้ใช้บ้างหรือหาหรือว่าเปล่า หรือได้เข้าไปสมอารมณ์หมาย พระบอกกล่าวเล่าแต่ต้นไปจนปลาย ที่คิดหมายเห็นจะสมอารมณ์ปอง นางใช้สี่พี่เลี้ยงมาถามซัก ที่จะชักชวนชิดสนิทสนอง เชิงพูดจาปราศรัยในทำนอง เห็นมีช่องชอบกลเป็นหนทาง แต่ฟังดูพรุ่งนี้แม้นมีข่าว ได้เรื่องราวแล้วไม่ยากต้องถากถาง บาทหลวงว่าลูกครูมันรู้ทาง เหมือนเช่นอย่างพ่อเองกูเกรงมือ อันเรื่องราวเขาเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ทั้งอ้อยอิ่งกลอกกลับหญิงนับถือ ถึงแม่เองรบตีมีฝีมือ ยังต้องรื้อกลับเป็นเมียเขาเคลียคลอ ชะเจ้าพรรณลูกไม้ไม่ไกลต้น มันร่วงหล่นอยู่ริมกิ่งจริงจริงหนอ มิเสียแรงเกิดกับต้นเจ้าผลยอ พลางพูดพ้อกันพอให้ใจสบาย ฯ ๏ พระสุริยงเย็นพยับลงลับฟ้า ดวงดาราจันทร์กระจ่างสว่างฉาย น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยสบาย บาทหลวงทายดาราพยากรณ์ อันดวงดาวเจ้าชวาอาณาเขต จะเรืองเดชภิญโญสโมสร เองคงได้เสกสมสยมพร ด้วยฤทธิรอนองค์ท้าวเจ้าชวา ฯ ๏ จะกลับกล่าวพระบุตรีนารีราช ครั้นภาณุมาศเย็นพยับลับเวหา ศศิธรจรกระจ่างสว่างตา ด้วยฤทธิ์อาคมขลังกำลังมนต์ เทพรำจวนจิตฤทธิ์เสน่ห์ ให้รวนเรร้อนรุมทุกขุมขน เสน่หากล้าหาญเหลือทานทน ให้ร้อนรนไม่สบายหลายประการ แล้วเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงอาสน์ พระนุชนาฏมีสุนทรด้วยอ่อนหวาน ประหลาดใจตั้งแต่ไปอุทยาน หนาวสะท้านเป็นไฉนไม่สบาย ฯ ๏ นางพี่เลี้ยงรู้เล่ห์เสน่หา จะวางยาแก้ไขเสียให้หาย แล้วทูลว่าหน้าไข้ไม่สบาย อย่าวุ่นวายพรุ่งนี้พี่จะไป หาโอสถรสรื่นที่ชื่นชอบ มาประกอบผันแปรคิดแก้ไข ให้หายโรคโศกเศร้าเบาพระทัย แล้วจะได้เห็นหมอขอตำรา มาถวายโฉมยงให้จงได้ ขอแก้ไข้ฟูมฟักช่วยรักษา เหมือนศุภลักษณ์ยักษีผู้ปรีชา ไปอุ้มพาอุณรุทภุชพงศ์ มาสมสู่อุษาธิดายักษ์ ได้ร่วมรักร่วมชมสมประสงค์ ขออาสากว่าชีวิตจะปลิดปลง ให้ได้องค์มังคลาไม่ช้าที อย่าทุกข์ร้อนนอนเถิดแม่โฉมฉาย คงสมหมายดอกพระน้องอย่าหมองศรี ที่ประสงค์จงรักขอภักดี วันพรุ่งนี้จะออกไปให้ได้ความ แต่ปรึกษาห้าคนจนสว่าง นางเยื้องย่างออกไปแล้วไต่ถาม มาเรียกบ่าวสาวใช้ให้ไปตาม แล้วเดินข้ามท้องฉนวนรัญจวนใจ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช พอภาณุมาศไตรตรัสจำรัสไข แล้วสระสรงทรงเครื่องเรืองอำไพ จะขึ้นไปเฝ้าท้าวจ้าวนคร พอสี่นางต่างพากันมาถึง พลางรำพึงอยู่ในทรวงดวงสมร เหตุไฉนหน่อกษัตริย์พลัดนคร วานนี้จรไปเป็นคนจนเข็ญใจ ไม่รู้เลยว่าเป็นหน่อวรนาถ ขู่ตวาดพูดจาไม่ปราศรัย ให้นึกกลัวตัวสั่นพรั่นหัวใจ พอหน่อไทสบพักตร์ร้องทักทาย เชิญพี่มาหาน้องสักหน่อยก่อน ธุระร้อนใจอยู่ไม่รู้หาย พี่มิช่วยไหนจะรอดคงวอดวาย ดั่งหนึ่งว่ายสายสมุทรสุดกำลัง ฯ ๏ ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยงค่อยเมียงหมอบ แล้วก็ตอบพจนารถสวาทหวัง ขอสนองรองบาทากว่าชีวัง จะรับสั่งใส่เกล้าทุกเช้าเย็น ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์นรินทร์ราช ที่คิดคาดไว้ได้ช่องพอมองเห็น จึงเขียนคำทำเป็นกลอนบอกร้อนเย็น ทับสนิทมินเม้นไม่เห็นรอย กับธำมรงค์ทรงถอดออกจากหัตถ์ เพชรรัตน์เรือนอุทัยที่ใช้สอย ส่งให้นางพลางทำเป็นสำออย ว่าแหวนก้อยฉันถวายเหมือนหมายใจ ทูลฉลองเถิดว่าน้องนี้คนยาก จะหมายฝากชีวงอย่างสงสัย เป็นคนพลัดซัดเซว้าเหว่ใจ เหมือนนกไร้รังนอนจนอ่อนแรง ได้มาหยุดสำนักพอพักกึ่ง ให้สมซึ่งปรารถนาพี่อย่าแหนง ยกเอาคำนำคดีน้องชี้แจง ทูลแถลงพระธิดายุพาพาล ฯ ๏ พี่เลี้ยงรับสารศรีคดีสดับ ทูลลากลับมาปราสาทราชฐาน แล้วขึ้นเฝ้าโฉมยงนางนงคราญ ถวายสารธำมรงค์อลงกรณ์ จึงทูลความตามเรื่องหน่อกษัตริย์ ให้แจ้งอรรถว่าพระรักสมัครสมร ที่เรื่องราวกล่าวคำเธอร่ำวอน ดวงสมรแม่จงแจ้งอย่าแพร่งพราย ฯ ๏ นางรับสารอ่านกลอนอักษรสนอง ฉันจำลองลายหัตถ์จัดถวาย กระดาษแทนแผ่นสุวรรณพรรณราย เพราะมุ่งหมายพระธิดายุพาพิน แต่เรียมจนเพราะเป็นคนอนาถา แม้นเมตตาก็จะหายวายถวิล เพราะความรักหนักเท่าพระธรณิน เชิญยุพินทราบคำที่รำพัน อันตัวพี่เหมือนกระต่ายมาหมายแข ตะลึงแลแสงช่วงดวงบุหลัน ก็สุดหมายที่จะมาดสวาทจันทร์ อยู่ถึงชั้นดาวดึงส์เห็นกึ่งเกิน เมื่อไรเลยจันทราดวงดารก จะร่วงตกลงมาบ้างเห็นห่างเหิน ขอเสี่ยงบุญหนุนนำให้จำเจริญ เป็นที่เยินยอยศปรากฏไป แม้นคู่เคียงเรียงหมอนแต่ก่อนสร้าง อย่าให้ร้างเชยชิดพิสมัย ให้เหมือนพวงบุปผาสุมาลัย มาสวมใส่หัตถาศิลาลอย เชิญพระนุชบุตรีนารีรัก ช่วยเชิดพักตร์พี่ไว้ได้ใช้สอย อย่าบากบั่นผันพักตร์ให้รักลอย จงตอบถ้อยศุภสารสมานเอย ฯ ๏ พระเทพินยินคำดั่งน้ำทิพย์ อันลอยลิบตกลงมาสรงเสวย ชื่นอารมณ์คมคายภิปรายเปรย ด้วยจะเชยชมชื่นระรื่นเย็น จำจะร่างเรื่องสารสมานสมัคร ที่ความรักทูลเสนอให้เธอเห็น แล้วนางคิดตอบคำพอย่ำเย็น เขียนด้วยเส้นดินสอดำคำสารา พับผนิดปิดผนึกจารึกหลัง แล้วซ้ำสั่งนางกำนัลด้วยหรรษา กับขันทองของทรงเครื่องลงยา ใส่บุหงาส่งให้เอาไปพลัน ถวายพระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง กำชับสั่งพวกเหล่านางสาวสรรค์ กับพี่เลี้ยงร่วมใจไปด้วยกัน พอสายัณห์รีบมาอย่าช้าที ฯ ๏ พี่เลี้ยงรับสาราเรียกข้าทาส ยุรยาตรออกประตูบูรีศรี ถึงตึกตั้งวังอยู่ของภูมี ขึ้นเฝ้าที่ห้องกลางที่ข้างใน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช เห็นนางนาฏกลับมาพระปราศรัย น้องเห็นพี่มานี่ค่อยคลายใจ พลางพิไรถามซักที่ชักพา อันทรวงน้องเหมือนหนึ่งกองอัคคีสุม ให้ร้อนรุ่มจนกระทั่งถึงมังสา พี่ไม่ช่วยเห็นม้วยชีวาลา แล้วมารยาทำเหมือนไข้ไม่สบาย ฯ ๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเคียงองค์แล้วส่งสาร กับทั้งพานใส่บุหงามาถวาย พลางทูลความตามทำเนียบทั้งเปรียบปราย พระสมหมายที่มาดสวาทปอง แล้วคลี่สารอ่านคำของทรามสวาท บังคมบาทบาทามาทั้งสอง ซึ่งโปรดปรานการข้างหน้าฝ่าละออง ว่ารักน้องเหมือนหนึ่งคำที่รำพัน ก็เห็นจริงสิ่งใดไม่หน่ายแหนง น้องก็แจ้งความจริงทุกสิ่งสรรพ์ แต่เรื่องว่าเหมือนกระต่ายมาหมายจันทร์ ที่ข้อนั้นยังไม่เห็นเป็นอย่างไร หรือตัวน้องอยู่บนฟ้าเวหาหน นี่ก็คนเดินดินสิ้นวิสัย มิใช่องค์เทวาสุราลัย พระจะได้คอยแหงนแสนรำคาญ ที่ยกยอขอประทานเถิดผ่านฟ้า เหมือนเขาว่าร้อยลิ้นที่กินหวาน น้องมิใช่มดดำเห็นน้ำตาล รับประทานกินนักมักเป็นลม อันถ้อยคำที่พระร่ำว่ารักน้อง ขอเชิญครองสัตย์ไว้อย่าให้ขม ข้อที่พระปรารถนาอย่าปรารมภ์ คงจะสมความสัตย์ปฏิญาณ อันตัวน้องก็จะรองธุลีบาท จนสิ้นชาติมิได้ร้างห่างสมาน แต่มีข้อเกียดกันในสันดาน แม้นโปรดปรานน้องจะเห็นว่าเอ็นดู ด้วยว่าพระเชษฐาเป็นฝาหรั่ง อยู่เวียงวังพระสิเคยเสวยหมู น้องเป็นพวกแขกชวามลายู ที่เรื่องหมูเกลียดจ้านรำคาญจริง แม้นรับคำสำคัญที่มั่นหมาย ชอฝากกายฝากชีวาประสาหญิง จะได้พึ่งฝ่าพระบาทพอพาดพิง เป็นที่จริงแม่นมั่นเหมือนสัญญา ค่ำวันนี้เชิญพระองค์พงศ์กษัตริย์ มาปรัศว์พบฉันให้หรรษา น้องจะได้ทูลสนองรองบาทา ขอเป็นข้าเบื้องพระบาททุกชาติเอย ฯ ๏ พระฟังสารหวานเพราะเสนาะโสต ละอองโอษฐ์นุชนวลหวนระเหย งามละม่อมยอมกายภิปรายเปรย ควรจะเชยกลิ่นหอมถนอมนวล แล้วเอื้อนโอษฐ์โปรดสั่งนางทั้งสี่ ขอเชิญพี่ไปประคองรองสงวน พอค่ำคล้อยคอยฉันอย่ารัญจวน เวลาควรน้องจะไปเหมือนใจจง ฯ ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงทูลลากลับ น้อมคำนับหน่อนาถราชหงส์ ถึงปรางค์ทองย่องเข้าเฝ้าอนงค์ นางโฉมยงตรัสถามเนื้อความพลัน ทั้งสี่นางต่างทูลสนองสาร เยาวมาลย์อย่าวิโยคเศร้าโศกศัลย์ เธอสั่งให้คอยท่าไม่ช้าพลัน พอสายัณห์จึงจะมาในราตรี นางโฉมยงทรงฟังดั่งได้แก้ว พระพักตร์แผ้วผุดผ่องละอองฉวี ครั้นพลบค่ำคล้ำฟ้าในราตรี สั่งให้พี่เลี้ยงเสนอเมื่อเธอจร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช ภาณุมาศเย็นพยับลับสิงขร จันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าดารากร พระภูธรแต่งองค์อลงการ์ ทรงเครื่องต้นอย่างแขกให้แปลกเพศ แล้วร่ายเวทฤทธิรณมนต์คาถา เหน็บกริชเพชรสองข้างอย่างชวา ถือเช็ดหน้าขลิบตาดแล้วนาดกราย ลงจากตึกที่ประทับไม่ยับยั้ง เห็นคนนั่งพร้อมกันรีบผันผาย แล้วอ่านมนต์ดลขลังกำบังกาย ค่อยแวดชายแอบดูปลอมผู้คน พอพบสี่พี่เลี้ยงมาคอยรับ แล้วคำนับให้เดินกลางหว่างถนน ค่อยห้อมล้อมปลอมเหล่าพวกชาวพล ไม่มีคนสงสัยเข้าในปรางค์ แล้วเชิญองค์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง ให้หยุดยั้งที่สงัดปรัศว์ขวาง ค่อยแหวกม่านคลานไปเชิญเสด็จนาง ที่ห้องกลางปรางค์มาศปราสาทชัย ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีนารีราช กัมปนาทนึกพรั่นให้หวั่นไหว องค์ระทวยขวยเขินสะเทิ้นใจ จะออกไปก็กระดากวิบากจริง ให้นึกอายหลายอย่างระคางเขิน สะท้านสะเทิ้นไม่รู้หายวิสัยหญิง แล้วกล่าวแกล้งแสร้งเสประเวประวิง น้องเป็นหญิงออกไปเห็นไม่ดี พี่กลับไปเชิญพระองค์พงศ์กษัตริย์ มาแท่นรัตน์ปรางค์ทองอันผ่องศรี พี่เลี้ยงบังคมคัลอัญชลี กลับมาที่หน่อกษัตริย์ขัตติยา เชิญเสด็จเข้าไปในปรางค์มาศ พระหน่อนาถจรจรัลด้วยหรรษา ขึ้นประทับแท่นสถิตพระธิดา พระมังคลาเป่าเสน่ห์ด้วยเล่ห์กล ต้องพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ เกิดกำหนัดร้อนรุ่มทุกขุมขน ให้ปลาบปลื้มลืมตัวด้วยกลัวมนต์ เปรียบเหมือนคนเมาสุรานัยน์ตาลาย พระปราศรัยไต่ถามด้วยความรัก เชิญผินพักตร์พี่ขอยลวิมลฉาย อย่าขวยเขินเมินหน้าระอาอาย ไม่ทักทายแขกมาหาถึงปรางค์ ฯ ๏ นางทรุดองค์ลงคำนับอภิวาท พระนุชนาฏนึกอายไม่หายหมาง แต่ความรักหักหันออกกั้นกาง พระนุชนางทูลสนองทำนองใน พระคุณของทรงฤทธิ์เหมือนบิตุเรศ ทั้งประเทศดินฟ้าจะหาไหน ขอรองเบื้องบาทาเหมือนข้าไท จะไปไหนมิได้ขัดพระอัธยา ฯ ๏ พระปลอบนางทางว่านิจจานุช พี่แสนสุดรักมิตรกนิษฐา ขอฝากกายกว่าจะวายชีวาลา เป็นสัจจาของพี่แท้ไม่แปรปรวน เจ้าพุ่มพวงดวงแขแม่อย่าหมอง ไม่ขัดข้องโฉมงามทรามสงวน พลางอิงแอบแนบชิดสนิทนวล พี่เลี้ยงชวนกันออกมานอกปรางค์ นางถอยหลังลดองค์ลงจากอาสน์ พระหน่อนาถค่อยประคองอย่าหมองหมาง แล้วกุมกรช้อนองค์ประจงปราง พระนุชนางผลักหัตถ์กษัตรา แล้วทูลห้ามตามกระบวนอย่าด่วนนัก ขอผ่อนพักพอให้หายอายนักหนา แม้นคนผู้รู้สิ้นจะนินทา จะเอาหน้าลงไปแฝงไว้แห่งไร ฯ ๏ พระเชยปรางทางว่านิจจาน้อง อยู่ในห้องใครจะเห็นว่าเป็นไฉน ไม่บกพร่องหมองช้ำจะทำไม มันมิใช่โถเถาจะร้าวราน พลางประคองต้องเต้าเต็มพระหัตถ์ นางป้องปัดพอประจักษ์ไม่หักหาญ ค่อยผันผ่อนหย่อนตามความสำราญ ปทุมมาลย์พึ่งพ้นชลธี ค่อยอิงแอบแนบเนื้อที่เจือจิต นางเบือนบิดพระก็เบียดพอเสียดสี ปทุมมาลย์ยังไม่บานเกสรดี พึ่งจะคลี่ยังไม่จริงก็ชิงบาน แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้าเกสรอ่อน ลงเฟ้นฟอนของสดเพราะรสหวาน พิรุณโรยโปรยช่อพอประมาณ ในท้องธารไม่สู้ชุ่มพอนุ่มนวล พยุพยับอับพื้นเวหาหาว ทั้งเดือนดาวลับจมเป็นลมหวน สนั่นเปรี้ยงเสียงสุนีคะนองครวญ พระพายหวนหอมบุปผาสุมามาลย์ ทะเลลมยมนาสาคเรศ ทั่วประเทศเป็นระลอกกระฉอกฉาน มัติมิงคล์กลิ้งท้องชโลธาร ก้องสะท้านธรณินในสินธู เขาพระเมรุเอนเอียงเพียงจะคว่ำ ทุกเถื่อนถ้ำครื้นครั่นสนั่นหู นาคราชผาดผยองขึ้นฟ่องฟู มังกรชูแก้วสว่างกลางทะเล ฯ ๏ สองภิรมย์สมสวาทในอาสน์รัตน์ นางกษัตริย์เคียงข้างไม่ห่างเห พระมังคลาชื่นชมสมคะเน ไม่ห่างเหพระธิดายุพาพิน เมื่อแรกเริ่มเดิมได้กับยายเฒ่า เหมือนกินข้าวแฉะบูดสุดถวิล เป็นจำใจจำกลืนสู้ขืนกิน มันเลือกลิ้นมากมายหลายประการ มาปะของเมืองชวาโอชารส แต่ล้วนสดสารพันทั้งมันหวาน ดังเครื่องทิพย์หยิบใส่มาในจาน แสนสำราญนุ่มนิ่มชิมไม่วาย อัศจรรย์บ่อยบ่อยเหมือนลอยแก้ว มันหวานแจ้วจับใจมิใคร่หาย ถนอมแนบแอบนุชสุดเสียดาย จึงภิปรายปราศรัยเป็นไมตรี พี่ขอลาทรามสงวนจวนจะรุ่ง แต่ค่ำพรุ่งนี้จะกลับมาปรางค์ศรี ค่อยอยู่เถิดแก้วตาอย่าราคี แม้นต้วพี่จะมิไปก็ใช่เชิง ถ้าทราบถึงบิตุรงค์จะลงโทษ เสียประโยชน์แล้วสิเปิดเตลิดเหลิง เหมือนเปลวไฟไหม้หลังคาจะพาเปิง จะเสียเชิงพากันชั่วให้มัวมอม นางดวงแขแทบจะแดฤๅดีดิ้น แสนถวิลไม่รู้วายคลายถนอม แม้นเมตตาอย่าให้น้องนี้ต้องตรอม เชิญพระจอมจักรพงษ์จงคงคืน เมตตาจริงแล้วอย่าทิ้งให้น้องเริศ จงโปรดเถิดกรุณาให้ฝ่าฝืน พระได้ฟังน้ำเสียงเพียงจะกลืน นางสะอื้นโศกศัลย์พันทวี พระปลอบพลางทางว่านิจจาน้อง ไม่ขัดข้องแล้วไม่อางขนางหนี พลางชุบเช็ดชลนาแล้วพาที อันตัวพี่จะต้องลาสุดาดวง แม้นขืนอยู่รู้ไปถึงไทท้าว จะเกิดฉาวอึงดังทั้งวังหลวง จวนจะรุ่งอยู่แล้วหนาสุดาดวง อย่าหนักหน่วงพี่จะลาพะงางาม พลางเสด็จจากแท่นรัตน์ปัจถรณ์ สายสมรตามเสด็จไม่เข็ดขาม พระกุมกรสอนสั่งจงฟังความ พรุ่งนี้ยามหนึ่งจะมาอย่าปรารมภ์ ออกจากปรางค์ย่างเยื้องชำเลืองเหลียว ให้เสียวเสียวปะสุรางค์นางสนม แล้วร่ายเวทวิทยาทั้งอาคม ให้เป็นลมบังตาพวกนารี แล้วปีนข้ามกำแพงลัดแลงออก มาชั้นนอกเดินทางกลางวิถี กลับไปยังที่อยู่ของภูมี แล้วจรลีเข้าไปหาพระอาจารย์ ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงง่วงเหงาบนเก้าอี้ เห็นศิษย์รี่เข้ามาหาจึงว่าขาน แล้วถามไต่เองไปหาเห็นช้านาน มันเป็นการหรือหาไม่ตั้งใจคอย พระมังคลาว่าได้สมอารมณ์นึก ที่ตรองตรึกไว้คงได้เครื่องใช้สอย พอตั้งตัวได้สักพักไม่หลักลอย จึงจะค่อยพยายามไปตามบุญ บาทหลวงว่าถ้าเองเลยเป็นเขยเขา ธุระเราขาดเหลือคงเกื้อหนุน พ่อตาดีมีปัญญาช่วยการุญ จะได้อุ่นอกใจกลับไปเมือง กำพลเพชรเขตแดนของยายเฒ่า ไปตีเอาลังกาให้ตาเหลือง จับอ้ายพวกพงศ์เผ่าเป็นเจ้าเมือง แก้แค้นเคืองมันให้ได้ดังใจปอง พระมังคลาสาธุสะคุณพระช่วย ขอให้รวยเหมือนกับคำที่ร่ำสนอง คุณโปรดด้วยช่วยดำริคิดตริตรอง แม้นสมปองจะได้ไปตั้งใจจง อาจารย์คิดศิษย์ฟังสังรเสริญ พูดกันเพลินเหมือนหนึ่งจิตคิดประสงค์ แต่เช้ามาค่ำไปเหมือนใจจง ยุพยงมิได้ขัดอัธยา ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระอภัยวิไลลักษณ์ อยู่สำนักเนินพนมร่มรุกขา ที่เขาใหญ่ปลายประเทศเขตลังกา สามสิทธาเคร่งครัดมัสการ กองอัคคีตีระฆังแล้วตั้งสวด พวกที่บวชถือธรรมกรรมฐาน ไม่โลภหลงปลงใจในสันดาน หมายนิพพานภายหน้าสถาวร แต่องค์พระกฤษณายังว้าวุ่น ให้เฉียวฉุนมิใคร่ร้างห่างสมร เห็นเทพินยินดีมีสุนทร เฝ้าวิงวอนจะให้สึกนึกรัญจวน นี่จะบวชไปถึงไหนจะใคร่รู้ ไม่เอนดูศิษย์หามันน่าสรวล มิโปรดมั่งก็จะตั้งแต่รบกวน เฝ้ายียวนนางชีพิรี้พิไร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงค์องค์มุนีฤๅษีสาว จึงแกล้งกล่าวพจนาอัชฌาสัย ช่างไม่กลัวบาปกรรมพูดร่ำไร เป็นจนใจจะให้สึกนึกละอาย ไม่กลัวความครหานินทาหรือ พระจะถือเอาแต่ได้เหมือนใจหมาย ฉันอดสูดูเป็นน่าระอาอาย อย่าวุ่นวายเลยพระองค์เหมือนวงศ์วาน คิดสละละลักหักสวาท จงหมายมาดเอาที่ธรรมกรรมฐาน พระหักจิตให้ตรงเหมือนวงศ์วาน อย่าคิดการที่ในเล่ห์ประเวณี แล้วกลับเข้ากุฎีที่สถิต องค์พระกฤษณาเบียดเข้าเสียดสี แล้วตรองตรึกนึกไว้เป็นไรมี คงสึกชีเอาให้ได้ดั่งใจปอง แล้วเคียงข้างพลางว่าฉันเป็นศิษย์ ขอสนิทครูไว้มิให้หมอง จะหนวดฟั้นหมั่นเคล้าเข้าประคอง มุนีน้องสาวฉันให้บรรทม พลางประคองต้องเต้าเต็มพระหัตถ์ นางป้องปัดมิให้ชิดสนิทสนม แล้วว่าบาปนะไม่ควรกวนอารมณ์ จะขาดพรหมจรรย์ไปพระไม่กลัว นรกหรือถือดีอย่างไรนั่น เพราะว่าฉันชาตินี้ไม่มีผัว จึ่งอุตส่าห์บรรพชิตเพราะคิดกลัว มิให้มัวหมองมีราคีคาว พระกฤษณาว่าศรัทธาฉันสาธุ เห็นจะลุไปสวรรค์แต่สาวสาว อย่าเพ่อร้างจางจืดให้ยืดยาว ในแดนดาวสรวงสวรรค์อนันตัง จะไปเบียดเยียดยัดกันสับสน แต่ล้วนคนตัดขาดสวาทหวัง วิมานแมนเห็นจะแน่นเหลือกำลัง จงยับยั้งช้าช้าให้ถาวร ฉันจะได้อยู่เป็นศิษย์กนิษฐ์นาฏ จะรับราชเสาวนังช่วยสั่งสอน พลางอิงแอบแนบชิดสะกิดกร ประคองช้อนเชยปรางทางประโลม แล้วว่าถึงบาปกรรมก็ตามเถิด ไม่ขอเริศร้างไปให้ไกลโฉม พลางคลึงเคล้าเย้ายวนชวนประโลม ขอเชิญโฉมลาพรตดาบสินี ฯ ๏ ฝ่ายเทพินผินพักตร์มาซักถาม ไม่กลัวความดอกหรือเกี้ยวฤๅษี แม้นทราบถึงทูลกระหม่อมจอมโมลี ก็จะตรีชาชั่วให้ตัวตรอม จะสึกหาลาศีลเห็นสิ้นคิด ก็อายจิตไม่รู้หายจะผ่ายผอม แม้นจะขืนใจน้องให้หมองมอม ที่จะยอมด้วยพระองค์อย่าสงกา เห็นเป็นหญิงพระยิ่งทำเอาตามจิต พระไม่คิดหน้าหลังมั่งหรือจ๋า น้องมิใช่ข้าสนองรองบาทา จะได้มาลวนลามเอาตามใจ แล้วนงลักษณ์ผลักหัตถ์สะบัดค้อน เพราะแสนงอนดูก็งามตามวิสัย พระนิ่งนึกตรึกตรองทำลองใจ น้องมิได้เมตตาขอลาตาย แล้วลุกมาหน้าห้องช่องสิงหาสน์ เอาเชือกคาดผูกไว้เหมือนใจหมาย จะผูกศอมรณาชีวาวาย ขอลาสายสมรมิ่งจริงหนานาง แม้นอยู่ไปอายเขาชาวสิงหล นฤมลนุชน้องอย่าหมองหมาง แล้วจับเชือกพันพระศอพอให้นาง เห็นแล้ววางหัตถ์นิ่งไม่ติงกาย นางโฉมยงองค์สั่นให้หวั่นหวาด ร้องกรีดกราดวิ่งไปดั่งใจหมาย เข้าแก้ศอหน่อนาถให้คลาดคลาย นางโฉมฉายองค์สั่นให้รัญจวน แล้วจูงหัตถ์ตรัสถามด้วยความรัก ไม่หน่วงหนักเลยพ่อคุณมาหุนหวน น้องจะคิดผ่อนผันอย่ารัญจวน แต่พอควรอย่าให้น้องนี้ต้องอาย ฯ ๏ พระเล้าโลมโฉมเฉลาว่าเจ้าพี่ ไม่ควรที่ตัดรักให้หักหาย จะอยู่ไปไหนเลยจะพ้นอาย พี่ขอตายเสียให้สิ้นเขานินทา เพราะน้องไม่เอ็นดูจะสู้ม้วย อยู่ก็ป่วยการชาติวาสนา ไม่สมหมายก็คงวายชีวาลา เป็นสัจจาของพี่จริงอย่ากริ่งความ นางชีวอนผ่อนตามด้วยความสวาท พระหน่อนาถนั่งพิไรแล้วไต่ถาม จะลาพรตแล้วหรือยังขอฟังความ นางทูลตามเรื่องรักหนักอุรา พระโปรดน้องอย่าให้หมองมลทินหมาง กันแสงพลางน้องจะพูดกลัวมุสา สุดแท้แต่บุญกรรมได้ทำมา เป็นสัจจาพระอย่าแหนงแคลงอารมณ์ หน่อกษัตริย์จัดภูษาออกมาไว้ กับสไบเครื่องอานรองพานถม นางเบือนพักตร์ผลักไสไม่นิยม แล้วก็ก้มพักตร์เฉยไม่เงยดู พระกฤษณาว่าไม่สึกนึกไฉน นั่งพิไรวิงวอนจนอ่อนหู เข้าเปลื้องเครื่องนักสิทธ์ปิดประตู นางสุดรู้สุดคิดจะบิดเบือน ต้องจำใจจำลาสิกขาบท แสนกำสรดเศร้าใจใครจะเหมือน พระอิงแอบแนบชิดสะกิดเตือน พูดแชเชือนที่ตรงเล่ห์ประเวณี ฯ ๏ หน่อกษัตริย์สมจิตที่คิดหวัง ตรงเข้านั่งแนบเบียดพอเสียดสี นางนงลักษณ์ผลักพลิกแล้วหยิกตี พระก็มิวางนางนงเยาว์ ค่อยเชยปรางทางว่านิจจาน้อง แต่เจ้าของนี้ก็ล่วงมาหวงเขา เอ็นดูพี่เถิดแม่ตีแต่เบาเบา พระโลมเล้าสายสมรกรประคอง นางฟังคำทำเป็นว่าชะพระพี่ มานั่งชี้นิ้วเอาเป็นเจ้าของ ใครยกยอขอให้ดั่งใจปอง หรือว่าน้องนี้เป็นเมียมาเคลียคลอ เหมือนคำเหล่าชาวพาราเขาว่าไว้ ใครอยากได้ไปเป็นเมียต้องเสียหอ พระจะมาไว้ยศเที่ยวกดคอ เอาแต่พอสมคิดผิดธรรมเนียม พระปลอบพลางทางว่านิจจาน้อง ทำหอห้องวุ่นวายนึกอายเหนียม แม่รู้เห็นเป็นอย่างไรในธรรมเนียม เอามาเทียมวงศ์กษัตริย์ขัตติยา ใครปลูกหอขอสู่แม่รู้มั่ง จะให้ตั้งปึกแผ่นให้แน่นหนา ตามเยี่ยงอย่างจักรพรรดิกษัตรา แม้นมีมาจะได้ทำตามบุราณ พี่ก็ไม่เคยเห็นเหมือนเช่นกล่าว ที่เรื่องราวพจนาแม่ว่าขาน พลางสวมสอดกอดเคล้าเยาวมาลย์ ฤดีดาลเดือดดิ้นถวิลวอน แล้วอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า ค่อยต้องเต้าเต่งทรวงดวงสมร จุมพิตพักตร์เทพินกลิ่นขจร ดั่งเกสรเสาวรสมาชดเชย ละอองอาบซาบซ่านสำราญรื่น ทั้งชุ่มชื่นน้ำนวลหวนระเหย เหมือนมาลีคลี่คลายพระพายเชย หวนระเหยแย้มผกาสุมาลัย พยุหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง สะเทือนท้องธรณินแผ่นดินไหว ทะเลลมยมนาคงคาลัย เป็นคลื่นใหญ่กึกก้องท้องสินธู พิรุณโรยโปรยปรายเป็นสายสาด สุนีฟาดเปรี้ยงลั่นสนั่นหู คำรนร้องก้องกระทั่งฝั่งสินธู ทั้งราหูจับจันทร์ดังสัญญา เมขลาแบแก้วอยู่แวววับ กระจ่างจับท้องทะเลแลเวหา รามสูรไล่โลดกระโดดมา โถมถลาชิงแก้วเห็นแวววาว นภากาศดาดดำเป็นน้ำฝน ทั้งมืดมนท้องฟ้าเวหาหาว เป็นหมอกมัวทั่ววิถีไม่มีดาว ฝนก็พราวพรำพร้อยปรอยปราย เขาพระเมรุเอนเอียงเพียงจะทรุด พระยาครุฑโบกบินกระสินธุ์สาย ฝูงเต่าปลาใหญ่น้อยเที่ยวลอยราย ที่ในสายสาคโรชโลธร นาคราชผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ ขึ้นเพ่นพิษที่ในกลางหว่างสิงขร เป็นคลื่นคลั่งฝั่งฝาในสาคร ทั้งมังกรผุดพ่นในวนวัง ฯ ๏ สองภิรมย์สมสวาทบนอาสน์รัตน์ หน่อกษัตริย์เสร็จสมอารมณ์หวัง ไม่เหินห่างนั่งเสียดเข้าเบียดบัง แล้วก็ตั้งยั่วเย้าเฝ้าเคล้าคลึง อัศจรรย์นั้นบ่อยอร่อยรส ถึงโอสถใดจะเปรียบไม่เทียบถึง ดั่งได้เหาะเหินหาวดาวดึงส์ ชั้นไตรตรึงศ์จะมาเทียบไม่เปรียบปาน จนรุ่งแจ้งแสงทองส่องสว่าง แจ่มกระจ่างเด่นดวงพระสุริย์ฉาน พลางเล้าโลมโฉมเฉลาลำเพาพาล เยาวมาลย์แม่จงคิดทำบิดเบือน ว่าป่วยไข้พี่จะไปทูลฉลอง ที่ตรึกตรองไว้อย่างไรทำให้เหมือน แต่ทรงเครื่องบรรพชิตอย่าบิดเบือน ทำให้เหมือนก่อนเก่าแต่เยาว์มา นางรับคำร่ำว่าอย่าปรารภ แล้วนอบนบทูลพลันด้วยหรรษา พระสอนสั่งน้องจะฟังที่บัญชา อย่าทรงปรารภพระทัยจงไว้วาง ฯ ๏ พระรับขวัญขวัญตานิจจาเอ๋ย ไม่ละเลยนุชน้องอย่าหมองหมาง จนสิ้นแดนแผ่นฟ้านภาภางค์ พี่ไม่ร้างรักแม่จนแดดาล จะถนอมกล่อมขวัญอย่ารันทด ไม่เปลื้องปลดความรักสมัครสมาน พี่จะลาโฉมเฉลาเยาวมาลย์ ไปทูลสารทรงฤทธิ์พระปิตุลา แล้วลุกออกนอกวังไม่ยั้งหยุด พระรีบรุดเร่งราชรถา พอถึงกุฎิ์ทรงฤทธิ์พระปิตุลา สามสิทธาเสด็จออกนอกกุฎี ฯ ๏ ฝ่ายนักสิทธ์พระอภัยวิไลลักษณ์ เห็นหลานรักมาประณตบทศรี จึงปราศรัยไต่ถามตามคดี ในธานีเวียงวังเมืองลังกา ยังอิ่มเอมเปรมปราเป็นผาสุก หรือมีทุกข์เป็นไฉนอย่างไรหนา ทั้งศึกเสือเหนือใต้เมืองใดมา บอกให้ป้าลุงแจ้งแสดงความ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระกฤษณา แจ้งกิจจาสารพัดดั่งตรัสถาม พร้อมพระวงศ์พงศาพยายาม คอยปราบปรามข้าศึกช่วยตรึกตรอง แต่โฉมยงองค์เทพินมุนินน้อย ให้เศร้าสร้อยป่วยไข้ฤทัยหมอง หมอว่าเป็นไข้พิษผิดทำนอง จับแต่สองโมงไปให้ระทวย ผลผลาอาหารทั้งหวานเปรี้ยว สักคำเดียวก็ไม่ได้ให้ระหวย พอสร่างจับกลับร้อนอ่อนระทวย ตั้งแต่ป่วยผอมซูบผิดรูปทรง ให้หม่อมฉันออกมาทูลมูลเหตุ ขอพระเดชช่วยระงับดับพิษสง พอเสื่อมสร่างบางเบาบรรเทาลง ได้ดำรงชีวาที่อาดูร ฯ ๏ พระอภัยได้สดับใจวับหาย เอะวุ่นวายไข้จับจะดับสูญ หรือจะเป็นเทพเจ้าเข้าประมูล มาเพิ่มพูนแทรกซ้ำจึ่งจำเป็น หรือทับลัคน์เล็งจันทร์เป็นวันเคราะห์ มาจำเพาะเป็นไข้พอได้เห็น จำจะไปดับร้อนให้หย่อนเย็น จะได้เห็นหลานลูกวางหยูกยา แม่วัณฬามาลีศรีสวัสดิ์ มาไปด้วยช่วยจัดหมอรักษา แล้วตรัสสั่งข้าเฝ้าเหล่าเสนา แต่บรรดาแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง แล้วให้เตรียมรถที่นั่งบัลลังก์รัตน์ นางกษัตริย์ห่มดองครองเฉวียง โขมพัตถ์จัดจีบให้กลีบเรียง เข้านั่งเคียงข้างองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อภัยมุนีนาถ ยุรยาตรอ่าองค์จากโรงฉัน ชฎากลีบจีบจัดกระหวัดพัน สะพักผันเบื้องเฉวียงเรียบเรียงงาม พระสวมกายสายธุหร่ำประคำถือ ประนมมือถือมั่นกันทั้งสาม แล้วเดินสวดสิกขาภาษาพราหมณ์ ดำเนินตามกันออกนอกกุฎี ขึ้นรถทรงพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ สามกษัตริย์สำรวมจิตกิจฤๅษี ให้เร่งราชรถาเข้าธานี สารถีรับขับไปฉับพลัน พระกฤษณานำหน้ารถที่นั่ง ถึงกระทั่งกรุงไกรไอศวรรย์ พระญาติวงศ์พงศาพร้อมหน้ากัน ถวายวันทาองค์พระทรงญาณ ฯ ๏ ศรีสุวรรณอัญชลีพี่สะใภ้ นางปราศรัยด้วยสุนทรอันอ่อนหวาน ฉันถวายส่วนกุศลผลทาน จงสำราญโรคาอย่ายายี ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ประสานหัตถ์มัสการเหนือเกศี รับกุศลสองนางต่างยินดี เชิญพระพี่สามองค์ตรงเข้าวัง พระอภัยมณีฤๅษีสิทธ์ สำรวมจิตพรหมจรรย์ทุกวันหวัง แล้วถามถึงคนไข้ที่ในวัง ไปยับยั้งอยู่ที่ไหนจะไปเยือน พระญาติวงศ์พงศาพาเสด็จ ไปพร้อมเสร็จที่สำนักตำหนักเขียน นางสาวใช้หมอบกลาดดาษเดียร เป็นเวรเวียนปรนนิบัติจัดประจง สามสิทธามาถึงแล้วจึ่งถาม แม้โฉมงามเจ้าประชวรหรือนวลหง ที่เจ็บปวดรวดเร้าบรรเทาลง หรือโฉมยงยังรำคาญประการใด ฯ ๏ นางนบนอบหมอบกรานประสานหัตถ์ ทูลกษัตริย์สามองค์ที่สงสัย แต่ป่วยมาห้าวันแทบบรรลัย นึกจะไม่เห็นองค์พระทรงธรรม์ พระอภัยมณีฤๅษีสิทธ์ ประคองชิดโลมเล้าสาวสวรรค์ ดูร่างกายผ่ายผอมลงครันครัน อาหารนั้นน้อยนักมักเป็นลม แม่สึกหาลาพรตเสียก่อนเถิด โรคจะเกิดมาปะทะเข้าประสม เมื่อหายโรคโศกเศร้าเบาอารมณ์ จะถือพรหมจรรย์อีกก็ตามใจ ฯ ๏ ฝ่ายเทพินยินคำพระร่ำปลอบ ให้ชื่นชอบในอุราอัชฌาสัย เห็นสมนึกตรึกตรองที่ต้องใจ พระโปรดให้ลาพรตดาบสินี ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั้นชำนาญในการชู้ ก็ล่วงรู้กิริยามารศรี ครั้นจะพูดเป็นผู้ใหญ่เห็นไม่ดี ประเวณีเขาจะล่วงไปท้วงติง แต่แลดูลูกชายสายสวาท เห็นประหลาดไม่เคยเฝ้าเคล้าผู้หญิง ทำเหมือนรู้ไม่เท่าเขาจริงจริง แล้วนั่งนิ่งเฉยไปมิได้แล ฯ ๏ นางดาบสสององค์ก็สงสาร เหมือนวงศ์วานเคียงข้างไม่ห่างแห สั่งให้แพทย์ผู้รู้มาดูแล จึ่งว่าแม่จะไปพักตำหนักจันทน์ แม้นเป็นไรใช้คนไปบอกด้วย จะมาช่วยรับรองประคองขวัญ พอสั่งเสร็จนางเสด็จจรจรัล ทั้งทรงธรรม์เธอก็ไปที่ไสยา เสด็จขึ้นมนเทียรวิเชียรรัตน์ พวกปรนนิบัติพร้อมกันก็หรรษา สุลาลีรำภายุพาผกา มาพร้อมหน้าเฝ้าแหนแสนสบาย พระทรงศีลผินพักตร์มาทักถาม อันสงครามไพรีแตกหนีหาย ราษฎรได้สุขสนุกสบาย หรือวุ่นวายเคืองเข็ญเป็นอย่างไร ฯ ๏ ทั้งสามนางทรงทูลพระนักสิทธ์ สำราญจิตซื่อตรงไม่สงสัย ทั้งนครมิได้ร้อนด้วยสิ่งใด ทั้งนายไพร่เสนาประชาชน ฯ ๏ พระฤๅษีทรงฟังสังรเสริญ จงเจริญสุขสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนมณฑล ขอกุศลช่วยสัตว์ให้วัฒนา ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม ปลอบประโลมลูกน้อยเสน่หา พาไปเฝ้าภูวไนยอัยกา ทั้งสุดสาครกษัตริย์ไปมัสการ สามพระองค์ทรงพรตดาบสเห็น หน่อนัดดาน่าเล่นเจียวหนอหลาน จึ่งตรัสว่าย่าปู่ไปอยู่นาน พึ่งเห็นหลานเดี๋ยวนี้พระปรีดิ์เปรม พลางอุ้มองค์พระกุมารชาญสมร แล้วอวยพรอย่ามีทุกข์สุขเกษม อายุยืนหมื่นปีจงปรีดิ์เปรม จงอิ่มเอมในสมบัติวัฒนา ประทานนามตามวงศ์พงศ์กษัตริย์ นรินทร์รัตน์ขัตติยวงศ์ตามพงศา เดโชชัยในสมบัติกษัตรา ให้นัดตาสืบวงศ์ดำรงวัง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระกฤษณา นั่งรักษานุชนาฏสวาทหวัง ไม่จากห้องน้องน้อยคอยระวัง ก็สมดั่งใจนึกที่ตรึกตรอง โรคมายาสาระบิดปกปิดไว้ นางคนไข้ค่อยสว่างที่หมางหมอง ได้โอสถไว้สำหรับประคับประคอง อาการน้องก็ค่อยเบาบรรเทาลง พระนักสิทธ์ทั้งสามค่อยถามไต่ โรคาไข้ที่ประชวรนวลหง พระไปเยี่ยมมิได้ขาดหมือนญาติวงศ์ เห็นดำรงกายฟื้นค่อยชื่นบาน แต่ดูพระกฤษณาเห็นหน้าจ๋อย หรือจะพลอยป่วยไข้ให้สงสาร เฝ้าพิทักษ์รักษาพยาบาล เห็นอาการกับจริตผิดทำนอง เหมือนอกเราเล่าเมื่อยังกำลังหนุ่ม ก็รึงรุมทุกข์ทนต้องหม่นหมอง เพราะความรักหนักจิตที่คิดปอง ก็ทำนองเดียวกันเช่นนั้นเอง จำจะต้องเสกสองให้ครองคู่ ฉวยให้อยู่ฟูมฟักมักโฉงเฉง เหมือนเปลวไฟใกล้เชื้อก็เหลือเกรง จะครื้นเครงอายเขาเหล่าประชา พระตรองตรึกนึกแล้วเสด็จกลับ มาประทับชานพักตำหนักขวา รับสั่งเรียกศรีสุวรรณจำนรรจา อนุชาเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร พี่จะเสกเทพินกับกฤษณา พระน้องยาเจ้าจะเห็นเป็นไฉน เขาก็วงศ์เทวาสุราลัย ควรจะให้ปกครองกันสองรา เป็นคู่เรียงเคียงสวาทราชโอรส ให้ปรากฏสืบวงศ์เผ่าพงศา ตามเยี่ยงอย่างจักรพรรดิกษัตรา เหมือนพี่ว่าซื่อตรงเป็นวงศ์วาน ฯ ๏ ศรีสุวรรณทูลตอบว่าชอบแล้ว ดั่งฉัตรแก้วฝังปลูกทั้งลูกหลาน ไม่เสียศักดิ์สุริย์วงศ์เสียวงศ์วาน ตามบุราณขัตติยาทุกธานี แล้วจะไปบำรุงกรุงรมจักร ให้สมศักดิ์จักรพรรดิกษัตริย์ศรี จะได้เป็นเกือกทองรองธุลี ก็เป็นที่สรรเสริญเจริญคุณ พระทรงฟังอนุชาปรีชาฉลาด เหมือนวงศ์ญาติขาดเหลือช่วยเกื้อหนุน เป็นธุระน้องยาช่วยการุญ จะมีคุณมากมายหลายประการ พ่อสั่งเครื่องอภิเษกเอกฉัตร ตามกษัตริย์อิศรามหาศาล ศรีสุวรรณรับรสพจมาน มาสั่งการกับมหาเสนาใน เร่งบาดหมายไปให้รู้ทุกหมู่หมวด ขุนตำรวจเรียกกันเสียงหวั่นไหว ให้เสมียนเขียนหมายรายกันไป มหาดไทยกรมท่าศาลาเวร ตามรับสั่งตั้งพิธีวันสี่ค่ำ ปลูกโรงรำช่องระทาเร่งทาเสน หุ่นละครโขนหนังสั่งให้เกณฑ์ หกคะเมนต่ายลวดประกวดกัน เครื่องภิเษกเอกฉัตรจัดให้พร้อม พวกเจ้าจอมที่ในวังสั่งกวดขัน ให้ท้าวนางตั้งเลี้ยงพร้อมเพรียงกัน ทั้งเจ็ดวันกว่าจะเสร็จสำเร็จการ ทุกหมู่หมวดตรวจตามความรับสั่ง มาพร้อมพรั่งที่ปราสาทราชฐาน ถึงวันนัดสี่ค่ำจะทำการ พนักงานทูลท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ สั่งให้จัดเครื่องทรงสรงกระสินธุ์ สำหรับสองกษัตราสรงวาริน ให้ครบสิ้นตามอย่างข้างบุราณ ให้นงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ กับนางนักสนมนาฏในราชฐาน ทั้งรำภาสุลาลีช่วยชี้การ ยุพาพาลจัดแจงแต่งข้างใน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์เทพินนารินนาฏ ภาณุมาศไตรตรัสจำรัสไข พวกท้าวนางต่างเชิญเสด็จไป ให้เข้าในห้องสรงอลงกรณ์ ทั้งสี่นางต่างช่วยกันทรงเครื่อง อร่ามเรืองจำรัสประภัสสร ทรงภูษาแย่งกระหนกยกละคร ซับในซ้อนกรองทองสีตองใน ทองพระกรแก้วกุดั่นกัลเม็ด ประดับเพชรพลอยพร่างกระจ่างใส สอดสังวาลบานพับมีซับใน ล้วนแก้วไพฑูรย์รัตน์ชัชวาล นางสอดใส่ธำมรงค์อลงกต ทับทิมสดสีแดงสุกแสงฉาน ทรงมงกุฎบุตรีแก้วประพาฬ ฉลองศอต่อก้านกระหนกเครือ ตาบประดับทับทิมดูพริ้มพร้อย อุบะห้อยเพชรประไพวิไลเหลือ สะอิ้งเพชรเม็ดใหญ่เป็นลายเครือ สลับเนื้อซับรองทองอุไร ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรกฤษณา ให้สรงวารีรดอันสดใส ทรงภูษาแย่งยกกระหนกใน แล้วสอดใส่ฉลององค์อลงกรณ์ เจียระบาดตาดปักเป็นเครือรัตน์ คาดเข็มขัดเนาวรัตน์ประภัสสร สนับเพลาเพริศพรายลายมังกร มีเชิงงอนพรรณรายดูพรายเพรา ใส่ห้อยหน้าผ้าทิพย์สุวรรณปัก ลายสลักโปร่งปรุฉลุเฉลา สังวาลเพชรเม็ดรายดูพรายเพรา ล้วนแก้วเก้าหลายหลากดูมากมี ทรงมงกุฎบุษราจินดาประดับ กระจ่างจับพักตร์ผ่องละอองศรี พระญาติวงศ์พงศาบรรดามี มาพร้อมที่ปราสาทราชวัง เชิญพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ ขึ้นกองรัตน์ราชัยเหมือนใจหวัง ให้เร่งบอกท้าวนางข้างในวัง มีรับสั่งเร่งนุชพระบุตรี พวกเถ้าแก่หลวงแม่เจ้าเข้าไปบอก นางรีบออกมาประณตบทศรี เสาวคนธ์จูงเทพินด้วยยินดี ไปนั่งที่กองสุวรรณพรรณราย สามดาบสเสด็จมาในปราสาท พร้อมพระญาติวงศ์สิ้นทั้งหลาย ศรีสุวรรณสินสมุทรสุดสบาย ช่วยโฉมฉายเทพินนิฤมล สุดสาครกับวลาวายุพัฒน์ มาช่วยจัดการวิวาห์สถาผล พอได้ฤกษ์โหรเฒ่าเข้ามณฑล เสกน้ำมนต์บัดพลีพลีกรรม ประกาศไทเทวาในอากาศ เจ้าไกรลาสเชิญช่วยชุบอุปถัมภ์ แล้วจุดเทียนปากหม้อบริกรรม พราหมณ์ก็ทำตามภาษาบูชาเชิญ ให้สององค์ทรงเกี่ยวก้อยกระหวัด ร่วมเอกฉัตรเดียวกันสรรเสริญ แล้วเจิมพักตร์สององค์ทรงเจริญ ให้เพลิดเพลินในสมบัติกำจัดภัย ให้พระชนม์ยาวยืนหมื่นพรรษา ตามตำราไสยเวทข้างเพทไสย ฝ่ายดาบสยศยงองค์อภัย เสด็จไปเจิมพักตร์ลักขณา ให้สองเจ้าเยาวเรศเกศกษัตริย์ ผ่านสมบัติครองกันให้หรรษา ทั้งทุกข์โศกโรคภัยให้นิรา พระทรงสังข์ทักษิณารดวารี เหล่าพระวงศ์พงศ์พันธุ์ช่วยกันเสก โหราเอกได้ฤกษ์เบิกบายศรี พราหมณ์ก็จุดแว่นเวียนวิเชียรมี พวกดนตรีแตรสังข์กังสดาล มโหรีปี่พาทย์ระนาดฆ้อง บ้างรับร้องจำเรียงเสียงประสาน ทั้งบัณเฑาะว์เพราะดังเป็นกังวาน ทุกโรงงานเล่นสำเร็จครบเจ็ดวัน อภิเษกสององค์พงศ์กษัตริย์ พระคิดจัดจะให้ไปครองไอศวรรย์ ประทานของต่างต่างเป็นรางวัล ทั้งกำนัลนักสนมพอสมควร ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรกฤษณา กับธิดาปรีดิ์เปรมเกษมสรวล ไปเฝ้าทั้งลุงป้าเวลาจวน บังคมควรทูลลาฝ่าละออง กับองค์พระบิตุเรศเกิดเกศเกล้า แล้วหมอบเฝ้าคอยฟังรับสั่งสนอง ศรีสุวรรณสั่งความตามทำนอง เจ้าไปครองสวรรยาในธานี อันบิดาช้าอยู่จะได้กลับ กำหนดนับยังมิได้ไปกรุงศรี เจ้าจงไปให้พิพัฒน์สวัสดี ครองบุรีไอศวรรย์อย่าฉันทา บิดาช่วยอวยสวัสดิ์พพิพัฒนผล ให้พระชนม์สองยืนหมื่นพรรษา อรินทร์ราชไพรีอย่าบีฑา พระอัยกาอัยกีมีพระคุณ เอาใจใส่อย่าให้เคืองในเบื้องบาท ทั้งวงศ์ญาติขาดเหลือช่วยเกื้อหนุน ทั้งองค์แก้วเกษราช่วยการุญ เขามีคุณเหมือนกับแม่อย่าแชเชือน รักแม่เจ้าเท่าไรก็ให้รัก จงฟูมฟักกรุณาเมตตาเหมือน ดั่งบุตรร่วมครรภ์แท้อย่าแชเชือน รักให้เหมือนชนนีจะดีครัน ฯ ๏ พระกฤษณาว่าอย่าทรงพระวิตก ลูกจะยกไว้เป็นเอกไม่เสกสรร เหมือนมารดรเกิดเกล้าพงศ์เผ่าพันธุ์ พระคุณนั้นเหลือล้นคณนา ลูกมิให้ขัดเคืองในเบื้องบาท ทั้งพระมาตุรงค์เผ่าพงศา ไม่ขึ้งเคียดเกียดกันคิดฉันทา แล้วทูลลาลงกำปั่นด้วยทันใด ฯ ๏ สามนักสิทธ์ลุงป้าลงมาส่ง ทั้งบิตุรงค์วงศ์เชื้อในเนื้อไข เมื่อเทพินกฤษณาทูลลาไป ก็พอได้ฤกษ์ดีให้คลี่คลาย ทหารโห่เอาชัยชักใบขึง ยิงปืนตึงพร้อมพหลพลทั้งหลาย ถอนสมอแล่นเคียงกันเรียงราย พวกนายท้ายตั้งเข็มเต็มชำนาญ ครั้นออกจากปากอ่าวลังกาเกาะ หมายจำเพราะแล่นไปทางหว่างอิสาน ลมก็เรื่อยเฉื่อยฉ่ำไปสำราญ พระชวนมิ่งเยาวมาลย์ให้ชมปลา ฉนากฉลามตามกันเป็นคู่คู่ ฝูงราหูเรียงรายทั้งซ้ายขวา ตะเพียนทองท่องท้องชโลธา ฝูงเหราพาพวกเหราจร เหล่ากระโห่โลมาขึ้นคลาคล่ำ บ้างผุดดำกลอกกลับสลับสลอน ฝูงพิมพาพากันเที่ยวสัญจร หมู่มังกรว่ายกลาดดาษดา เหล่าปลาวาฬฟูฟ่องในท้องสมุทร มันโตสุดสาหัสกว่ามัจฉา ทั้งเงือกน้ำเกลื่อนกลาดดาษดา พิศดูหน้าเหมือนกับนางแต่หางมี ขนงเนตรเกศกายคล้ายมนุษย์ ดูผาดผุดนวลละอองเนื้อสองสี ทั้งสองเต้าเต่งตั้งกำลังดี พระตรัสชี้ให้อนงค์แม่จงดู อย่างนี้หรือปิตุลามิน่ารัก ไปฟูมฟักมาแต่ก่อนจนอ่อนหู เพราะงามยิ่งจริงนะน้องจงมองดู แต่ตัวผู้หัวล้านรำคาญจริง ฯ ๏ พระเทพินผินพักตร์มาซักถาม ตัวไหนงามโปรดเลือกเงือกผู้หญิง จับมาเป็นหม่อมห้ามเห็นงามจริง เมื่อแอบอิงสมประโยชน์คงโปรดปราน พระชื่นชอบตอบสนองว่าน้องแก้ว เห็นสุดแล้วจริงหนาเหมือนว่าขาน คงต้องอย่างโฉมเฉลาเยาวมาลย์ ไปสำราญอยู่ในท่าชลาลัย นางนบนอบตอบสนองว่าน้องนี้ เป็นแต่ที่พักพามาอาศัย แม้นไปถึงถิ่นฐานสำราญใจ พระได้ใหม่คงเหมือนคำที่รำพัน พระเชยปรางทางว่านิจจาน้อง ได้พบของชื่นใจในสวรรค์ ล้วนเครื่องทิพย์หยิบประทานทั้งหวานมัน พี่ไม่หันลงไปปองกินของคาว พระแย้มสรวลชวนน้องให้ชมเกาะ เป็นละเมาะน่าชมเหมือนนมสาว ที่เขียวแดงแสงช่วงดังดวงดาว เป็นสีพราวพรายตาดูน่ายล มีพุ่มไม้ปลายเกรียนเหมือนเขียนวาด รุกขชาติงามงอกพึ่งออกผล ที่ชายหาดปูหอยขึ้นลอยวน ในสาชลทะเลลมยมนา พระสุริยงลงลับพยับฝน เป็นหมอกมนมืดมิดทุกทิศา คลื่นก็คลั่งทั้งลมระดมมา ตีเภตราเลื่อนลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ จะกล่าวถึงโจรสุหรั่งเมืองตั้งเกี๋ย เป็นตั้วเฮียคุมไพร่ดังใจหวัง ชื่อเตียวบู้อยู่คงทรงกำลัง เที่ยวแอบฝั่งชลธีคอยตีเรือ มีเภตราห้าสิบเที่ยวรีบรัด คอยตีตัดเรือใบทั้งใต้เหนือ มีปืนใหญ่ใส่ประจำทุกลำเรือ ทั้งข้าวเกลือประทุกไว้เลี้ยงไพร่พล ทั้งอาวุธสำหรับสัประยุทธ์ ปืนคาบชุดสู้ศึกได้ฝึกฝน มีโล่เขนดาบดั้งกำบังตน แต่แล้วคนจับได้ไว้หลายพัน จัดให้คุมเรือแพเป็นแม่ทัพ ไว้สำหรับว่าพหลพลขันธ์ มีนายหมวดตรวจตราสารพัน แล่นตามกันขึ้นล่องท้องชลา ฯ ๏ พอเห็นลำกำปั่นสุวรรณหงส์ ปักทวนธงเรียงรายทั้งซ้ายขวา พวกโจรให้ตีฆ้องกลองสัญญา เรียกบรรดาเรือรบมาครบลำ จะเข้าปล้นเรือใหญ่เหมือนใจนึก ออกแล่นลึกเรือใบล้วนไหหลำ ประจุปืนใหญ่น้อยออกลอยลำ อาวุธประจำถ้วนทั่วทุกตัวคน พอลมส่งตรงเข้ากำปั่นใหญ่ แกว่งคบไฟแล่นสล้างมากลางหน เรือลังกากล้าหาญการประจญ ทั้งคงทนอาวุธยุทธนา พอกำปั่นมาทันพร้อมกันหมด ร้องให้ลดใบเข้าเอาสิหวา พวกโจรปล่อยปืนหลักยักกะตรา แล่นเข้ามาเหนือน้ำถึงลำทรง พวกเรือโจรโยนโซ่เอาขอสับ ทหารรับบนกำปั่นสุวรรณหงส์ พวกฝรั่งเคยประจญรณรงค์ ให้ชักธงรบขึ้นปืนสัญญา กำปั่นตามหลามล้อมเข้าห้อมหลัง ปืนประดับยิงรายทั้งซ้ายขวา โห่สนั่นลั่นฆ้องกลองสัญญา ตีประดาพร้อมกันประจัญบาน พวกโจรยิงทิ้งไฟติดใบผ้า พระกฤษณาไล่พหลพลทหาร ออกรับรองป้องกันประจัญบาน เข้าต่อด้านกองทัพบ้างดับไฟ ถือหลาวโล่โตมรกระบี่ง้าว พุ่งเหลนหลาวโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว ทิ้งหมอดินดำประจุจุดพลุไฟ ติดเพลาใบเรือโจรโยนประดัง ฯ ๏ ฝ่ายเตียวบู้นายใหญ่ไล่เรือรบ มาสมทบดาษดาทั้งหน้าหลัง ยิงปืนใหญ่ไฟฟูมเสียงตูมดัง ถูกฝรั่งล้มตายลงหลายคน ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรกฤษณา เห็นโยธากลอกกลับกันสับสน ให้ยกค่ายเหล็กวิหลั่นขึ้นชั้นบน พอบังคนเข้าอีกชั้นกันลูกปืน แล้วให้ปล่อยนกสับทั้งคาบชุด ฝรั่งจุดปืนผาไม่ฝ่าฝืน ถูกเรือโจรแตกพังกำลังปืน ทหารยืนพุ่งหลาวเอาง้าวฟัน เรือฝรั่งตั้งห้อมอ้อมสกัด บ้างยิงตัดหางเสือให้เรือหัน พอบังเกิดลมกล้าสลาตัน ตีกำปั่นเข้าไปชิดติดเรือโจร ทหารโดดโลดขึ้นไปไล่พิฆาต บ้างฟันฟาดเหมือนกับเช่นเขาเล่นโขน ทหารใหญ่ไล่ฆ่าบรรดาโจร บ้างก็โยนขอกระชากสับปากเรือ ลากเข้าไปใกล้กันทหารโดด บ้างวิ่งโลดเผ่นผยองทำนองเสือ ตะครุบตะครับจับได้อ้ายนายเรือ เก็บเอาเสื้อหมวกผ้าบรรดามี แล้วคุมตัวนายโจรเข้าไปเฝ้า พลางก้มกล้ากราบประณตบทศรี พระให้ล่ามถามพลันไปทันที ว่าเอ็งนี้บ้านแขวงอยู่แห่งไร เที่ยวตีเรือเหนือใต้เก็บได้ของ เอาเงินทองผู้คนไปหนไหน จงบอกเล่าทุกสิ่งที่จริงใจ หรือใครใช้บอกกูให้รู้ความ ฯ ๏ ฝ่ายนายโจรนิ่งนั่งได้ฟังตรัส จึงแจ้งอรรถตามตรงที่ทรงถาม เมื่อเดิมทีข้านี้เป็นแขกจาม ไปเป็นความอยู่กับพี่ถึงสี่เดือน ก็แพ้เขาเจ้าเมืองให้ปรับหมาย ซ้ำเมียตายเสียใจใครจะเหมือน ต้องจากที่หนีหายขายเย้าเรือน ไปกับเพื่อนค้าขายก็หลายปี ปะสลัดเรือซัดเข้าตั้งเกี๋ย พวกตั้วเหี่ยจับไว้มิให้หนี ลงเก็บเอาสินค้าบรรดามี คิดจะหนีก็ไม่พ้นต้องจนใจ แต่จำเป็นจำอยู่ไม่รู้เรื่อง ว่าบ้านเมืองหนแห่งตำแหน่งไหน สู้กรากกรำลำบากด้วยยากใจ ให้เขาใช้สอยมาถึงห้าปี คอยตีเรือเหนือใต้มิได้เว้น เที่ยวซ่อนเร้นตามทางหว่างวิถี คอยกันเรือลูกค้าบรรดามี ให้ข้านี้จับจ่ายเป็นนายรอง เมื่อปีกลายนายโจรสิ้นชีวิต เขาก็คิดให้ข้าเข้าเป็นเจ้าของ มอบสมบัติพัสถานทั้งเงินทอง ให้ครอบครองบ่าวไพร่ได้ใช้การ ไม่ทราบว่าเป็นองค์พงศ์กษัตริย์ โทษถึงตัดศีรษะควรประหาร ขอพระองค์ยกโทษได้โปรดปราน จะทำการตรึกตรองฉลองคุณ ฯ ๏ พระทรงฟังสั่งว่าถ้าเช่นนั้น ไปด้วยกันขาดเหลือจะเกื้อหนุน เรายกโทษโทษาเพราะการุญ จะทำวุ่นวายไปทำไมมี ฯ ๏ ฝ่ายเตียวบู้รู้คุณการุญรัก สามิภักดิ์ใต้เบื้องบทศรี ขอเป็นข้ากว่าจะตายวายชีวี พระภูมีเสด็จไหนจะไปตาม ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์กฤษณา สั่งบรรดาพวกทหารชาญสนาม ให้ปล่อยเขาไปเป็นสุขอย่าคุกคาม เจ้าพวกล่ามพาไปส่งให้ลงเรือ นายโจรกราบทราบสิ้นไม่กินแหนง ประจักษ์แจ้งภูมีอารีเหลือ ก็พากันรีบตรงไปลงเรือ พวกที่เหลือแจ้งความมาถามนาย ฯ ๏ ฝ่ายเตียวบู้ผู้ใหญ่เป็นนายทัพ ก็เล่ากับพวกทมิฬสิ้นทั้งหลาย ว่าพวกเราคราวนี้ถึงที่ตาย แต่เจ้านายยกโทษโปรดประทาน เราก็ควรจะเป็นข้าเหมือนว่ากล่าว บรรดาเหล่าพวกพหลพลทหาร เร่งบอกกล่าวชาวไพร่ที่ใช้การ มีประมาณอยู่เท่าไรในบาญชี จะยกตามข้ามทะลไปรมจักร สามิภักดิ์ใต้เบื้องบทศรี ฉลองคุณมุลิกาฝ่าธุลี ไว้เป็นที่เจ้านายจนวายวาง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรกฤษณา พอลมซาเมฆเคลื่อนเห็นเดือนสาง จึงตรัสชวนโฉมยงอนงค์นาง เปิดหน้าต่างท้ายบาหลีพระชี้ชวน ให้ชมดวงจันทราดารารัตน์ แจ่มจำรัสลอยฟ้าเวหาหวน ลมก็เรื่อยเฉื่อยชูเรณูนวล เรือกระบวนแล่นมาในสาคร ที่นั่งทรงหงส์ทองก็ล่องแล่น ไปตามแผนที่ทางหว่างสิงขร พระคลึงเคล้าเยาวมิ่งนางวิงวอน พลางสอดกรกอดประทับไว้กับทรวง ถนอมแนบแอบอุ้มแล้วจุมพิต นางชื่นจิตผ่อนตามไม่ห้ามหวง เหมือนมาลีคลี่คลายขยายดวง ระรื่นร่วงเกสรขจรขจาย อัศจรรย์ลั่นเลื่อนเดือนสว่าง แจ่มกระจ่างดาวเคลื่อนทั้งเดือนฉาย น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยสบาย กระแสสายสาชลในวนวัง ละลอกลั่นครั่นครื้นเป็นคลื่นซัด เรือสะบัดบิดลำเป็นน้ำขัง ทะเลลมยมนาสาครัง กระทบฝั่งแทบจะจมเป็นลมแดง สิงขรเขาเงาง้ำทุกถ้ำเหว เกิดเป็นเปลวไฟสว่างกระจ่างแสง วิหคหงส์ลงกระสินธุ์แทบสิ้นแรง ลงฟุบแฝงกออุบลในชลธี ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ อยู่แท่นรัตน์แสนสบายท้ายบาหลี กับโฉมเทพเทพินด้วยยินดี ร่วมฤดีเดือนหงายสบายใจ พระเชยโฉมโลมเล้าว่าเจ้าพี่ จะหาดีไหนเทียบเปรียบไม่ไหว ถึงเครื่องทิพย์หยิบมาล่อไม่พอใจ เห็นจะไม่ซาบซ่านที่หวานมัน นางหมอบเมียงเคียงค้อนป้อนพระศรี พระเปรมปรีดิ์กอดประทับแล้วรับขวัญ ไม่รู้อิ่มนิ่มเนื้อดั่งเจือจันทน์ เพราะหวานมันเหมือนหนึ่งปรุงฟุ้งขจร พลางอิงแอบแนบชิดสนิทสนอม พี่จะกล่อมโฉมฉายสายสมร ประทมเถิดแก้วตาอย่าอาวรณ์ บนบรรจถรณ์แท่นที่กับพี่ยา หัตถ์ประทับกับทรวงดวงสมร พลางกล่าวกลอนกล่อมมิตรกนิษฐา โอ้ดวงเดือนเหมือนกับพักตร์พลักขณา เห็นสุดหาเทียมเทียบไม่เปรียบปาน มากำปั่นขวัญใจจงไสยาสน์ ที่บนอาสน์รจนามุกดาหาร ลมพระพายชายช่อสุมามาลย์ เมื่อเบิกบานแย้มผกาสุมาลัย ระเหยหวนชวนชื่นระรื่นรส เหลือจะอดออมจิตพิสมัย แม่ยอดหญิงพริ้งพร้อมละม่อมละไม ขอเชิญไปนคเรศนิเวศน์วัง เป็นจอมเจิมเฉลิมขวัญอย่าหวั่นหวาด นุชนาฏดวงจิตไม่ผิดหวัง พี่รักเจ้าเท่าเทียบเปรียบชีวัง แม่จงฟังพี่กล่อมถนอมเอย ฯ ๏ ฝ่ายเทพินยินขับให้จับจิต พระช่างคิดกล่าวกลอนสุนทรเฉลย ฟังคารมคมคายภิปรายเปรย นางชื่นเชยชูจิตไม่บิดเบือน แล้วทูลองค์ทรงเดชพระเชษฐา พระคุณหาแห่งใดเห็นไม่เหมือน ถ้านานไปไม่แน่แม้นแชเชือน น้องจะเบือนพักตราไปหาใคร ฯ ๏ หน่อกษัตริย์ตรัสปลอบตอบสนอง คำพี่พร้องแล้วอย่าแคลงแหนงไฉน จะถือสัตย์ไว้ให้มั่นจนบรรลัย สุดาใดพี่ไม่ปองเป็นสองนาง อันดวงเดือนนั้นก็เหมือนกับทรวงพี่ ที่จะมีเป็นสองอย่าหมองหมาง พี่ให้สัตย์ปฏิญาณในย่านกลาง ทะเลกว้างรู้เห็นเป็นพยาน สองเกษมเปรมปรีดิ์เป็นที่ชื่น สำราญรื่นรสรักสมัครสมาน ตระกองกรช้อนพุ่มปทุมมาลย์ สองสำราญหลับไปในไสยา ฯ ๏ เรือก็แล่นมาในทางกลางสมุทร ไม่ยั้งหยุดเร็วพลันด้วยหรรษา ข้ามละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งมา จากลังกาเดือนครึ่งถึงบูรี ฯ ๏ ขึ้นเฝ้าท้าวทศวงศ์ผู้ทรงศักดิ์ ในรมจักรนัคเรศบุรีศรี พระเห็นราชนัดดากลับธานี ก็เปรมปรีดิ์ตรัสถามเนื้อความพลัน ทั้งบิดาป้าลุงในกรุงศรี ยังอยู่ดีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ การรบพุ่งยุ่งยิ่งช่วงชิงกัน เออหลานขวัญเล่าไปให้อัยกา นางโฉมยงองค์นี้อยู่ที่ไหน ใครยกให้เป็นมิตรกนิษฐา จงแถลงแจ้งไปให้อัยกา รู้กิจจาหนหลังเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระกฤษณา จึงพรรณาทูลแจ้งแถลงไข พระบิตุลาป้าบวชผนวชใน แล้วก็ไปอยู่สิงคุตรที่กุฎี ไกลกับวังลังกาสิบห้าโยชน์ พระประโยชน์นับถือเป็นฤๅษี บำเพ็ญเพียรเรียนธรรมในคัมภีร์ ถือขันตีอดใจไม่อินัง ศึกมาติดกรุงลังกาอาณาเขต ไปทูลเหตุพระไม่ตรัสประหวัดหวัง ก็เพิกเฉยเลยไปไม่อินัง มีแต่ตั้งครัดเคร่งบำเพ็งเพียร ได้พวกวงศ์ญาติกาปราบข้าศึก ช่วยตรองตรึกป้องกันคิดหันเหียน ออกรบสู้หมู่ญาติดาษเดียร แต่พากเพียรรับรองถึงสองปี อันโฉมยงองค์นางสำอางพักตร์ เป็นหน่อเทพารักษ์มีศักดิ์ศรี ทั้งสามองค์จงรักด้วยภักดี ตามมุนีบิตุลามาด้วยกัน พอเกิดศึกมังคลานราราช พระนุชนาฏรู้มนต์ดลขยัน ช่วยระงับรับรองคอยป้องกัน ข้าศึกนั้นย่อยยับอัปรา พอเสร็จทัพจับไข้เจียนจะม้วย หม่อมฉันช่วยฟูมฟักช่วยรักษา พอโรคคลายหายพิษพระบิตุลา ให้ภิเษกกัลยากุมารี เป็นคู่ครองสองรากับข้าบาท ในปรางค์มาศรจนาหลังคาสี แล้วกำชับว่าให้กลับมาธานี เฝ้าธุลีบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ รับสั่งว่าปราบเตียนที่เสี้ยนหนาม สิ้นสงครามจึ่งจะไปไอศวรรย์ ให้กราบทูลบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ เธอรำพันทูลแต่ต้นไปจนปลาย ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังสังรเสริญ จงจำเริญสุขไปเหมือนใจหมาย เสด็จจากแท่นสุวรรณพรรณวาย กับหลายชายสุณิสาพาเข้าวัง พาไปเฝ้าอัยกีที่ปราสาท พวกวงศ์ญาติถามไต่เหมือนใจหวัง ทั้งองค์แก้วเกษราก็มาฟัง พร้อมสะพรั่งตรัสถามความลังกา ฯ ๏ อันเรื่องพระกฤษณาขอช้าไว้ จะกล่าวไปถึงพระองค์ทรงสิกขา พระอภัยมณีศรีโสภา ทั้งวันฬาสุมาลีพวกชีไพร ส่งนัดดาแล้วเสร็จเสด็จกลับ ไปประทับนคราที่อาศัย ขึ้นทรงราชรถาให้คลาไคล เสด็จไปเนินสิงคุตรที่กุฎี พร้อมพระวงศ์พงศาคณาญาติ ก็ตามราชรถไปในวิถี ส่งเสด็จเสร็จไปถึงกุฎี เข้านั่งที่โรงฉันในศัลลา ฯ ๏ พระอภัยมณีฤๅษีสิทธ์ สำรวมจิตแจ้งเหตุเทศนา พระไตรลักษณ์ชักเรื่องเนื่องกันมา อนิจจาทุกขังไม่ยั่งยืน เกิดแล้วตายว่ายวงในสงสาร ทางกันดารมรรคาไม่ฝ่าฝืน คิดก็เป็นอนิจจังไม่ยั่งยืน เป็นแต่พื้นเน่าจมถมแผ่นดิน เกิดมาแล้วก็คงตายวายชีวาตม์ อย่าหมายมาดรักใคร่ใฝ่ถวิล เพราะกิเลสเจตนาจึ่งราคิน ให้สัตว์ดิ้นอยู่ในบ่วงคือห่วงมาร ติดในธรรมกรรมฐานนิพพานเถิด จะประเสริฐหนักแน่นเป็นแก่นสาร อันตัวเราเล่าประโยชน์โพธิญาณ หมายนิพพานภาคหน้าสถาวร อันโลโภโทโสแลโมหะ จงสละเชื่อฟังเราสั่งสอน เกิดมาในสงสารต้องราญรอน ชิงนครบ้านเมืองเรื่องอบาย ให้เขาพลัดญาติวงศ์เผ่าพงศา อนิจจาอนิจจังสิ้นทั้งหลาย ต้องรบราฆ่าฟันกันล้มตาย ตกอบายเสียเปล่าเปล่าไม่เข้ายา ได้แต่ความทุกขังเกิดสังเวช กองกิเลสผูกพันเพราะตัณหา เราเบื่อหน่ายในจิตคิดศรัทธา บรรพชาเสียให้พ้นทนทรมาน หมายประโยชน์โปรดสัตว์สันทัดเที่ยง จึ่งหลีกเลี่ยงจากห่วงบ่วงสงสาร เป็นฤๅษีชีไพรใจสำราญ สมาทานยึดมั่นในขันตี ฯ ๏ พอจบธรรมกรรมฐานการสิกขา พระยถาสำรวมจิตกิจฤๅษี พวกเผ่าพงศ์วงศาบรรดามี อัญชลีกราบก้มประนมกร แล้วทูลลากลับหลังยังนิเวศน์ ออกจากเขตเขาเขินเนินสิงขร ชมวิหคเหมหงส์ในดงดอน ถึงนครเวลาพอสายัณห์ เสด็จเข้าวังลังกาอาณาจักร อยู่พร้อมพรักกันที่ในไอศวรรย์ วลายุดาวายุพัฒน์หัสกัน มาพร้อมกันทูลลาไปธานี ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ สั่งให้จัดแจงเหล่านางสาวศรี ที่แรกรุ่นชันษาสิบห้าปี ลูกผู้ดีมิใช่คนพลเมือง ทั้งเครื่องอานพานพระศรีสำหรับยศ กระบี่กรดฝักทองละอองเหลือง ประดับเพชรเม็ดงามอร่ามเรือง กับทั้งเครื่องสร้อยสุวรรณพรรณราย มงกุฎเก็จเพชรประดับสลับสี แกมมณีเนาวรัตน์จำรัสฉาย ฉลององค์ตาดปักจำหลักลาย ประทานสายสุดาสวาทราชนัดดา สินสมุทรสุดสาครบวรนาถ ก็พระราชทานของโอรสา ทั้งเครื่องทรงมงกุฎบุษรา ทั้งอนุชาที่จะไปก็ให้ปัน ฯ ๏ ทั้งสามองค์น้อมคำนับอัภิวาท แม้นมีราชการร้อนจงผ่อนผัน จะมาเฝ้าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ให้พร้อมกันทั้งสามตามสัญญา แล้วไปเฝ้าชนนีที่ปราสาท ทั้งสามนาฏรับขวัญด้วยหรรษา แล้วสอนสั่งเจ้าจงฟังคำมารดา จงรักษาญาติวงศ์พงศ์ประยูร อย่าทำให้ขัดเคืองในเบื้องบาท ชนกนาถที่เป็นปิ่นบดินทร์สูร ศรีสวัสดิ์พัฒนาอย่าอาดูร จงเพิ่มพูนภิญโญเดโชชัย ฯ ๏ สามกษัตริย์ขัตติยานราราช ฟังพระมาตุรงค์ว่าน้ำตาไหล ลูกจะขอทูลลามารดาไป เพราะว่าได้มีคู่อยู่ด้วยกัน แล้วก็ได้พาราราชาภิเษก ในเศวกระฉัตรชัยไอศวรรย์ ลูกจะขอเชิญให้ไปด้วยกัน จะได้วันทารองฉลองคุณ ทั้งสามนางต่างว่ามารดานี้ ดาบสินีขาดเหลือได้เกื้อหนุน แล้วก็มีท้องไส้ไม่เป็นคุณ จะไปวุ่นวายอยู่ดูไม่ดี พ่อไปเถิดให้เป็นสุขอย่าทุกข์ร้อน ถึงมารดรเลยจงมุ่งไปกรุงศรี นางจัดเครื่องสำอางที่อย่างดี ฝากให้ศรีสะใภ้ด้วยแม่อวยพร ฯ ๏ สามกษัตริย์ทูลลามารดาแล้ว ค่อยผ่องแผ้วภิญโญสโมสร เสร็จมาลงเรือที่นั่งลำมังกร สามนครแยกย้ายรายกันไป แต่กษัตริย์หัสกันนั้นปั่นป่วน ให้เรรวนร้อนจิตพิสมัย ออกกำปั่นแล่นล่องตีฆ้องชัย ให้ใช้ใบเลยมาในสาคร พระนั่งแนบแอบวันชายาน้อง ค่อยประคองโฉมฉายสายสมร นางอิงแอบแนบเคล้าเฝ้าวิงวอน บนบรรจถรณ์ท้ายบาหลีพระปรีดิ์เปรม แต่ยังเยาว์เคยเคล้าคลึงพระพี่ เข้าเซ้าซี้ปล้ำปลุกสุขเกษม สนิทสนมชมพี่ยิ่งปรีดิ์เปรม นางอิ่มเอมซื่อตรงเหมือนวงศ์วาน แต่องค์พระหัสกันจิตรันทด เหลือจะอดออมรักสมัครสมาน ค่อยอิงแอบแนบโฉมประโลมลาน ให้เสียวซ่านอยู่ในจิตแต่คิดอาย ฯ ๏ พระสุริยงเย็นพยับลงลับฟ้า พระจันทราแจ่มกระจ่างสว่างฉาย เผยพระแกลแลชมดาราราย พระพายชายเฉื่อยฉ่ำในอัมพร พระปลอบนางทางอุ้มขึ้นใส่ตัก จุมพิตพักตร์ค่อยประโลมโฉมสมร นางพาซื่อถือว่าพี่ชุลีกร พลางทูลวอนกล่อมฉันให้บรรทม พระว่าแน่แม่วันชายาน้อง จะให้ต้องกล่อมอย่างป่างประถม นี่ก็จนเป็นสาวคราวประทม จะให้ชมเชยถนอมทั้งกล่อมไกว จะมิต้องผูกเปลขึ้นเห่ช้า ในเภตราจนจิตผิดวิสัย มาเถิดมาแม่มาจะพาไป บรรทมในแท่นรัตน์ชัชวาล พลางจูงกรกัลยาพาไปห้อง ขึ้นแท่นทองรจนามุกดาหาร มียี่ภู่ปูลาดดาดเพดาน พระชวนมิ่งเยาวมาลย์ให้นิทรา เผยพระแกลแขส่องมาต้องพักตร์ กำเริบรักรวนเรเสน่หา พระอิงแอบแนบขวัญวันชายา ค่อยต้องเต้าเต่งอุราสุดาดวง พึ่งครัดเคร่งเต่งตั้งกำลังรุ่น เพราะว่าคุ้นเคยตามไม่ห้ามหวง พระสวมสอดกอดประทับไว้กับทรวง จนเลยล่วงม่อยหลับระงับไป ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์หัสกันพี่ ร้อนฤดีพลิกกลับไม่หลับใหล พิศดูขวัญวันชายายิ่งอาลัย คิดจะใคร่ปลอบประโลมนางโฉมยง แต่นางนั้นสัตย์ซื่อถือว่าพี่ ก็เป็นที่จนจิตพิศวง ให้รุ่มร้อนถอนจิตคิดพะวง พิศดูทรงแล้วสะท้อนถอนฤทัย นึกจะปลุกกัลยาสุดาโฉม ค่อยประโลมปลอบน้องให้ผ่องใส ฉวยนางร้องวุ่นวายก็อายใจ ทำกระไรแสนวิตกโอ้อกรา แล้วหุนหวนป่วนปั่นกระสันเสียว ชำเลืองเหลียวอกใจดั่งไฟเผา แล้วหักจิตคิดความตามลำเนา ผิดก็เข้าปล้ำกันเท่านั้นเอง พลางหวนฮึกนึกคิดจิตขยับ ฉวยตื่นกลับท้าคารมว่าข่มเหง คิดยักย้ายหลายความไปตามเพลง ชาตินักเลงเจ้าชู้รู้กระบวน ค่อยปลอบปลุกลุกเถิดสมรมิ่ง ประหลาดจริงหนาวอารมณ์เป็นลมหวน เจียนจะเจ็บจับไข้ให้รัญจวน ขอเชิญนวลนุชเจ้าลำเพาพาล ฯ ๏ ฝ่ายโฉมวันชายาผวาตื่น นางพลิกฟื้นวิงวอนด้วยอ่อนหวาน พระประชวรเป็นไฉนให้รำคาญ เยาวมาลย์ทูลถามตามธรรมเนียม พระปลอบพลางทางชวนสมัครสมาน เยาวมาลย์รู้อุบายนึกอายเหนียม พระก็ค่อยสอดประคองทำลองเลียม นางฟุบเฟี้ยมเอียงอายภิปรายเปรย แกล้งทูลพระหัสกันว่าฉันนี้ ดูพระพี่ชิงชังนิ่งนั่งเฉย หรือขัดเคืองเรื่องอะไรพระไม่เคย ทำเฉยเมยมิใคร่ตรัสน่าอัศจรรย์ พระอุ้มนางวางเพลาว่าเจ้าพี่ อย่าพาทีขึ้งเคียดคิดเดียดฉันท์ พี่รักเจ้าเท่าเทียมกับชีวัน ขอเชิญขวัญนัยนาจงปรานี พระจุมพิตกนิษฐายุพาพักตร์ ขอฝากรักแม่อย่าอางขนางหนี พลางอิงแอบแนบทรวงดูท่วงที ประเวณีไม่ต้องสอนเหมือนกลอนเพลง แต่พอมาตาหูรู้ว่ารัก ไม่ต้องชักชิดชมต้องข่มเหง ถึงปากปิดมิดเม้นก็เป็นเอง กระบวนเพลงบทนี้ไม่มีครู พระสวมสอดกอดมิ่งนางนิ่งเฉย ตระกองเกยวิงวอนแทบอ่อนหู เหมือนอุบลเมื่อยังตูมกระพุ่มพู อันเรณูยังไม่เผยระเหยนวล แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้าจะเอากลิ่น เที่ยวโบกบินเวียนชมเมื่อลมหวน เข้าเฟ้นฟอนในเกสรเรณูนวล ยังไม่ควรที่จะแย้มแกมผกา เหมือนเรือน้อยถอยค้ำเมื่อน้ำแห้ง พลิกคะแคงเสือกกระทั่งเกยฝั่งฝา พิรุณโรยโปรยปรายกระจายมา ในธารท่าห้วยเหวเป็นเปลวไฟ สุนีบาตฟาดเปรี้ยงเสียงสนั่น พิลึกลั่นโกลาสุธาไหว ทะเลลมยมนาคงคาลัย เป็นคลื่นใหญ่ครื้นเครงละเวงวน อากาศกลุ้มคลุ้มมัวทั่ววิถี ในถิ่นที่ท้องฟ้าเวหาหน ไม่เห็นดวงจันทราดารากล เป็นแต่ฝนตกพร่ำเป็นน้ำพราว ฟ้าก็แลบแปลบปลาบวาบสว่าง พื้นนภางค์แดงจ้าเวหาหาว เป็นหมอกมัวทั่ววิถีไม่มีดาว บังเกิดหนาวเย็นฉ่ำทั้งลำเรือ พวกนายท้ายไต้ก๋งหลงประเทศ ไม่แจ้งเหตุว่าจะไปข้างใต้เหนือ ชลธีท่วมนองในท้องเรือ ลงจานเจือชื่นชุ่มทุกพุ่มพวง สองสนิทพิศวาสบนอาสน์อ่อน จนเกสรบานทั่วกลีบบัวหลวง ชื่นอารมณ์สมรักประจักษ์ทรวง เปรียบดั่งดวงสุริยันกับจันทร ไม่ห่างคู่อยู่ในท้ายบาหลี กับพระพี่หัสกันบนบรรจถรณ์ ปรนนิบัติกษัตราไม่อาวรณ์ ยิ่งกว่าก่อนหลายเท่าทั้งเคล้าคลึง เมื่อแรกเริ่มเดิมยังไม่เดียงสา ครั้นวัฒนาหาเปรียบไม่เทียบถึง เพราะความรักผูกจิตดั่งกริชตรึง เปรียบเหมือนหนึ่งน้ำตาลที่หวานมัน ได้เชยชิมลิ้มลองที่ของสด โอชารสซาบเนื้อเหลือขยัน ไม่ห่างองค์พงศ์กษัตริย์หัสกัน อยู่บนบรรรถรณ์สบายท้ายเภตรา ฯ ๏ จะกล่าวถึงวลายุดากับวายุพัฒน์ ออกแล่นลัดเร็วพลันด้วยหรรษา แต่ออกจากฟากฝั่งเมืองลังกา นับทิวาเดือนครึ่งถึงบุรี เมืองของใครเล่าก็ไปอยู่เป็นสุข ไม่มีทุกข์ปรีดิ์เปรมเกษมศรี พระหัสกันวันชายากุมารี มาถึงที่บ้านเมืองเนื่องกันไป ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช กับนุชนาฏนางแขกแปลกวิสัย แต่ลอบลักรักกันทุกวันไป กำหนดได้สิบเดือนไม่เคลื่อนคลา จนโฉมยงทรงครรภ์ขึ้นอ่อนอ่อน พระบิดรรู้เรื่องเคืองนักหนา เสด็จเข้าห้องในที่ไสยา แล้วให้หามเหสีมาชี้แจง จะคิดอ่านอย่างไรน้ำใจเจ้า มีลูกเต้าเกิดอางขนางแหนง เขาย่อมว่าปลูกผักคือฟักแฟง ก็เสียแรงรดน้ำทุกค่ำคืน เมื่อแตกกิ่งแตกก้านขึ้นร้านเขา บุราณเล่าเป็นตำราไม่ฝ่าฝืน อันความอายหลายซ้ำต้องกล้ำกลืน จำจะขืนใจทำไปตามเกิน คิดจะเสกสองราให้ปรากฏ ไว้เกียรติยศอย่าให้อายระคายเขิน เหมือนปลาเน่าเถ้าใส่เพราะได้เกิน ครั้นจะเมินทำไม่รู้อดสูคน จะระบือลือเล่าทั้งขอบเขต ทั่วประเทศรู้แจ้งทุกแห่งหน อายกับฝูงไพร่ฟ้าประชาชน ตามกุศลเยาวมาลย์พอกันอาย เจ้าจงไปไกล่เกลี่ยสองเมียผัว อย่าให้มัวหมองช้ำระส่ำระสาย เอาความดีเข้าประจบพอกลบอาย แม้นวุ่นวายพากันหนีมิเป็นการ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี โอนเมาลีคำนับรับบรรหาร เพราะพาซื่อถือตรงเหมือนวงศ์วาน จึงเกิดการชู้สาวเพราะท้าวไท จำจะต้องผูกสมัครไม่หักหาญ ดูอาการกิริยาอัชฌาสัย แล้วออกจากปรางค์มาศปราสาทชัย กำนัลในแวดล้อมมาพร้อมเพรียง เข้าในห้องปรางค์ปราธิดาราช กำนัลนาฏอยู่ข้างท้ายชายเฉลียง นางมารดาปราศรัยแล้วไล่เลียง แม่จะเบี่ยงบ่ายทูลมูลความ ฯ ๏ พระธิดาอาดูรทูลฉลอง โดยทำนองสารภาพไม่หยาบหยาม ลูกได้ชั่วมัวเมาเพราะเบาความ ทั้งนี้ตามแต่จะโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ ฯ ๏ นางพระยาว่าเจ้าเล่าก็ชั่ว ไปบอกผัวทุกข์ร้อนคิดผ่อนผัน มาหาแม่พูดจาปรึกษากัน ได้ผ่อนผันตามเล่ห์ประเวณี นางตามนาฏมาตุรงค์ทรงคำนับ แล้วตรัสกับพวกเหล่านางสาวศรี ให้ไปเชิญมังคลาอย่าช้าที พระชนนีให้หามาในวัง นางสาวใช้รีบไปเชิญเสด็จ มาด้วยเสร็จสมความตามรับสั่ง พระมังคลาเข้าปราสาทราชวัง ถวายบังคมคัลพระมารดา ฯ ๏ นางจึงมีสุนทรด้วยอ่อนหวาน พ่อทำการอย่างนี้ดีหรือหนา ให้เสียศักดิ์จักรพรรดิกษัตรา พระบิดากริ้วโกรธพิโรธแรง จะคิดอ่านอย่างไรจะใคร่รู้ พ่อเอ็นดูแล้วอย่าอางขนางแหนง จงบอกแม่จะได้แก้คดีแสดง เจ้าจงแจ้งให้กระจ่างอย่างพรางกัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช เชิงฉลาดตัดรอนทูลผ่อนผัน ทั้งนี้ล่วงพระอาญาสารพัน ซึ่งโทษทัณฑ์หลาบเข็ดจงเมตตา ฯ ๏ นางฟังคำร่ำตอบก็ชอบชื่น ที่แข็งขืนอ่อนลงทรงปรึกษา ละเมิดจิตผิดพลั้งแต่หลังมา พ่อตรึกตราตรองความให้งามดี อันท้าวไทกริ้วโกรธพิโรธนัก ว่าจะลักธิดาพากันหนี แม่แก้ไขเพ็ดทูลมูลคดี ที่ราคีมิได้เคืองในเรื่องราว นางพูดจาปราศรัยอาลัยเขย กลัวจะเลยยุ่งยิ่งทิ้งลูกสาว แล้วปราศรัยมิให้เคืองในเรื่องราว กลัวลูกสาวจะเป็นม่ายอายเขาจริง แล้วว่าแม่ก็จะลาเจ้าอย่าวุ่น เดชะบุญคงได้ครองกับน้องหญิง จะเพ็ดทูลดับร้อนช่วยวอนวิง แต่ความจริงพ่ออย่าแจ้งให้แพร่งพราย แล้วกลับมาปราสาทค่อยยาตรเยื้อง ไปแจ้งเรื่องเค้ามูลทูลถวาย ท้าวรายาฟังเล่าบรรเทาคลาย ค่อยเหือดหายโกรธาจึ่งว่าพลาง นี่แน่เจ้าเราจะช่วยคิดอ่าน ทำการงานปัดป้องที่หมองหมาง อย่าให้ทันคนผู้รู้ระคาง ท้าวตรัสพลางเสด็จออกไปนอกวัง ออกพระโรงรจนาพร้อมข้าบาท ท้าวประกาศเสนาฝ่ายหน้าหลัง ให้ตกแต่งปรางค์มาศราชวัง จะแต่งตั้งมังคลาธิดาเรา ให้สองราว่าที่อุปราช หมายประกาศฤกษ์เอกจะเสกเขา มีการเล่นเต้นรำตามลำเนา ให้พวกเราจัดแจงเร่งแต่งการ ตามเยี่ยงอย่างขัตติยามหากษัตริย์ มอบสมบัติราชัยอันไพศาล ขุนโหราหาฤกษ์มงคลการ ตามบุราณซื่อตรงพงศ์ประยูร ฯ ๏ โหรารับนับยามตามโฉลก วันศุกร์โชคข้างไสยมไหสูรย์ ขึ้นสิบค่ำเดือนเก้าเป็นเค้ามูล แล้วกราบทูลไทท้าวเจ้านคร ฯ ๏ ฝ่ายทรงฤทธิ์อิศราพระยาแขก สั่งให้แจกหมายการทุกด่านขนอน ครั้นสั่งเสร็จแล้วเสด็จบทจร สู่แท่นรัตน์ปัจถรณ์พอสายัณห์ พวกทำงานการระดมมาสมทบ จัดเครื่องครบพร้อมไว้แต่ไก่ขัน ขึ้นสิบค่ำทำวิวาห์สารพัน ให้เชิญท่านโต๊ะหะยีสี่สิบคน มาพร้อมมูลทูลท้าวชวาราช พระสั่งนาฏศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ให้แต่งองค์โฉมศรีนีฤมล เข้ามณฑลตามอย่างทางบุราณ แล้วตรัสสั่งให้มังคลาราช ขึ้นนั่งอาสน์รจนามุกดาหาร กับบุตรศรีสวัสดิ์ท้าวจัดการ ให้เยาวมาลย์นั่งหน้าพระสามี ตามธรรมเนียมเมืองชวาอาณาจักร จะได้รักกันไปไม่หน่ายหนี โต๊ะก็สวดตำราบรรดามี พร้อมกันที่โรงรัตน์ชัชวาล สวดภาษามลายูผู้วิเศษ ตามสังเกตยักย้ายหลายสถาน จบสำเร็จเสร็จสวดพิธีการ พนักงานผู้เลี้ยงมาเรียงราย ยกสำรับกับข้าวเอามาตั้ง ล้วนมังสังแพะแกะชำแหละถวาย มัสมั่นไก่ปิ้งกระทิงควาย มาตั้งรายเรียงเรียบเทียบประจำ โต๊ะก็กินอาหารสำราญรส มั่วกันหมดฉันชิมครั้นอิ่มหนำ พวกโรงงานการเล่นทั้งเต้นรำ เวลาค่ำมีหนังให้ตั้งจอ คนที่มาดูแลเสียงแซ่ซ้อง ทั้งพี่น้องเดินหลามตามกันสอ พวกเจ้าชู้เห็นผู้หญิงเที่ยววิ่งกรอ เข้าเคลียคลอเกี้ยวพานเดินพล่านไป ฯ ๏ งานภิเษกครบเสร็จสำเร็จหวัง ฝ่ายพระมังคลาแจ้งแถลงไข พระบาทหลวงก็ค่อยคลายสบายใจ อยู่ที่ในเมืองชวามาช้านาน ทั้งอ้วนพีปรีดิ์เปรมเกษมสุข บรรเทาทุกข์ที่ในใจหลายสถาน ทั้งศิษย์เป็นอุปราชว่าราชการ ค่อยคิดอ่านเอาใจพวกไพร่พล เลี้ยงคนดีมีวิชาที่กล้าแข็ง คิดจัดแจงเกลี้ยกล่อมพร้อมพหล กับเหล่าพวกผู้วิเศษข้างเวทมนตร์ ทั้งคงทนอาวุธยุทธนา ต่อกำปั่นพันลำทำด้วยเหล็ก จ้างพวกเจ๊กตีพื้นแต่ปืนผา ทั้งเสน่าหลาวโล่โตมรา เครื่องสาตรารวมรอมไว้พร้อมเพรียง คิดจะไปรบราวายุพัฒน์ ไปกำจัดพวกกระบิลให้สิ้นเสียง จะตีเอาเมืองเซ็นเป็นเสบียง ได้พร้อมเพรียงแล้วจะได้ไปลังกา คิดแล้วแสนแค้นเคืองเรื่องพระขรรค์ ไม่ควรมันที่จะคิดริษยา ใช่คนอื่นคนไกลหาไหนมา นี่บรรดาน้ำเนื้อในเชื้อวงศ์ เพราะเสียทีที่ประมาทจึงพลาดพลั้ง ไม่ระวังตัวไว้เพราะใหลหลง เขาว่าหนอนบ่อนเจาะเพราะทะนง มันไม่ตรงต่อญาติก็ขาดกัน ฯ ๏ พระมังคลาว่าจริงเขาทิ้งสัตย์ ก็ต้องตัดญาติกาจนอาสัญ ไม่ขอเป็นพวกพ้องพี่น้องมัน แล้วขอท่านเจ้าคุณกรุณา บาทหลวงว่าถ้าชีวิตกูยังอยู่ อ้ายพวกหมู่ประจามิตรที่ริษยา คงได้เล่นเห็นกันในทันตา เองจะปรารมภ์ไปทำไมมี คิดอุบายถ่ายเทด้วยเล่ห์หลอก คิดย้อนยอกด้วยอุบายให้หน่ายหนี แม้นหนามยอกหนามบ่งไปตามที คิดให้มีชัยชนะจึ่งจะควร แต่เดี๋ยวนี้ไม่สนัดยังขัดข้อง เพราะเมียท้องอย่าเพ่อวุ่นทำหุนหวน จะคิดการทัพค่ายยังไม่ควร ฤดูจวนฟ้าฝนไปหนทาง ทะเลลมยมนาสาคเรศ แม้นเกิดเหตุสารพัดจะขัดขวาง ต่อตกแล้งแต่งเรือไปสืบทาง ทุกด่านขวางขอบเขตประเทศเมือง ให้รู้แจ้งจะได้แต่งกระบวนทัพ ไปรบรับยุทธนาจนตาเหลือง คิดลอบลักหักหาญเอาบ้านเมือง แก้แค้นเคืองแล้วจะได้ไปลังกา ฯ ๏ บาทหลวงนั่งสั่งสอนสานุศิษย์ ก็เพราะจิตมิได้ยั้งตั้งอิจฉา ตะแกอยากที่จะได้ไปลังกา ด้วยเคยผาสุกสบายเป็นใหญ่โต มาตกยากกรากกรำระยำยับ ให้คั่งคับในอุราอนาโถ ไม่ปราดเปรื่องเหมือนแต่ก่อนต้องนอนโซ เกิดโทโสไม่รู้สิ้นถวิลวาย คิดสอนสั่งมังคลานราราช พยาบาทเกิดอยู่ไม่รู้หาย ทุกเช้าค่ำผูกจิตคิดไม่วาย หมายทำลายสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร จะได้ตั้งมังคลาสานุศิษย์ ให้เป็นอิศราในมไหสูรย์ ทั้งบ้านเมืองศาสนาที่อาดูร ให้เพิ่มพูนภิญโญมโหฬาร เมืองฝรั่งลังกาอาณาเขต จะกลับเพศขัตติยามหาศาล ทั้งเสียศักดิ์เผ่าพงศ์เสียวงศ์วาน แม้นเนิ่นนานจะเป็นไทยเพราะไพรี เร่งคิดอ่านการร้อนอย่านอนเปล่า ให้พวกเราไปบำรุงจัดกรุงศรี กำพลเพชรเขตแคว้นแดนบุรี ไว้เป็นที่ยับยั้งฟังเนื้อความ แล้วให้หาข้าเก่าเหล่าทหาร มาคิดการที่จะไปเร่งไต่ถาม พวกพหลพลเชลยเคยสงคราม เอาสักสามสี่พันให้ทันการ จัดกำปั่นบรรทุกเสบียงไว้ เร่งจัดใส่ข้าวปลากระยาหาร ทั้งล้าต้าต้นหนล้วนคนงาน เร่งจัดการให้สำเร็จในเจ็ดวัน ฯ ๏ เสนารับอัภิวาทมาบาดหมาย ทั้งบ่าวนายเร่งรัดมาจัดสรร เปลี่ยนเชือกเสาเพลาผ้าทาน้ำมัน ร้องเรียกกันจัดแจงแต่งเภตรา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช กับครูบาทหลวงนั่งตั้งปรึกษา ทุกเช้าเย็นมิได้เว้นสักเวลา จนเภตราพร้อมถ้วนจวนจะไป บาทหลวงดูฤกษ์ยามตามสังเกต วันศุกร์เศษโชคดีคัมภีร์ไสย จึงสั่งพวกโยธาเสนาใน เร่งใส่ใบเถิดอย่าช้าเพลาดี พวกพหลพลไพร่ทั้งนายบ่าว ออกเล่นก้าวหมายมุ่งไปกรุงศรี เอาเข็มตั้งวางทิศหรดี ตามแผนที่เคยสังเกตขอบเขตคัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนางงามทรามสงวน ครั้นครรภ์ถ้วนยามวิโยคให้โศกศัลย์ จะใกล้คลอดโอรสกำหนดวัน ให้ป่วนปั่นไม่เคยสุขทุกทิวา กำนัลนางพลางไปเชิญเสด็จท้าว มาพร้อมเหล่าญาติวงศ์เผ่าพงศา ทั้งนางนาฏมาตุรงค์เสร็จตรงมา ขึ้นปรางค์ปราเขยขวัญมิทันนาน พลางอิงแอบแนบนุชสุดสวาท พจนารถด้วยสุนทรอันอ่อนหวาน จงแข็งขืนกลืนกลั้นในสันดาน ความรำคาญมีทั่วทุกตัวคน อย่าท้อแท้แม่จะช่วยที่ป่วยไข้ แล้วเรียกให้หมอมาเอายาฝน ทาอุทรแต่พอเบาบรรเทาทน ค่อยผ่อนปรนแก้ไขพอให้คลาย ถึงยามปลอดคลอคองค์นางนงลักษณ์ ประไพพักตร์งามเหมือนดั่งเดือนฉาย คล้ายบิดาสามารถไม่คลาดคลาย ทั้งกรกายพริ้งพร้อมละม่อมละไม ท้าวรายาปราโมทย์ในหลานขวัญ จัดกำนัลให้นัดดาอัชฌาสัย ทั้งพี่เลี้ยงนางนมสนมใน ประทานให้พระธิดากุมารี แล้วให้นามตามวงศ์ข้างพงศ์เพศ ชื่อระเด่นกินเรศรัศมี แล้วอวยพรให้พิพัฒน์สวัสดี จงเป็นศรีเมืองชวาอย่าอาดูร ฯ ๏ อันเรื่องราวกล่าวมาที่ทารก ขอหยิบยกยั้งไว้ที่ไอศูรย์ ค่อยเจริญสุขใสอันไพบูลย์ ตามตระกูลเจ้านายฝ่ายชวา จะว่าด้วยสังฆราชพระบาทหลวง แกนั่งง่วงก็เพราะจิตริษยา ทุกเช้าค่ำร่ำเตือนพระมังคลา จะให้ว่าวอนท้าวผู้เจ้าเมือง ขอพหลพลไกรกลับไปถิ่น มิได้สิ้นทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง คิดจะเอาถิ่นฐานทั้งบ้านเมือง ให้ลือเลื่องชื่อไว้ในแผ่นดิน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช คอยโอกาสประวิงไว้ดั่งใจถวิล ทุกเย็นเช้าเฝ้าพ่อตาเป็นอาจิณ ท้าวทมิฬรักใคร่ดังใจปอง ให้สิทธิ์ขาดราชการทั้งขอบเขต ทั่วประเทศเกรงหมดสยดสยอง เมื่อวันนั้นสมจิตที่คิดปอง จึงสนองทูลท้าวเจ้าบุรินทร์ มาอยู่ในกรุงชวาก็ผาสุก แต่ความทุกข์ยังไม่หายวายถวิล จะทูลลาไปกำราบปราบไพริน เสียให้สิ้นเสี้ยนหนามตามบุราณ ด้วยเมืองเพชรกำพลคนทั้งหลาย ยังวุ่นวายย้ายแยกเที่ยวแตกฉาน จะไปปราบทรชนพวกคนพาล ไม่ช้านานก็จะกลับมารับนาง ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าชวาอาณาจักร ด้วยแสนรักเขยแต่ไรมิได้หมาง พ่อจะจัดพวกทหารชำนาญทาง ไปในกลางสาคโรชโลธร เกณฑ์กำปั่นพันลำประจำครบ มีเครื่องรบทุกหมู่ธนูศร เหวยเสนาเร่งรัดจัดนิกร เป็นการร้อนอย่าช้าในห้าวัน ฯ ๏ ฝ่ายตำมะหงงรับสั่งมาตั้งหมาย เรียกไพร่นายทุกหมวดมากวดขัน เกณฑ์พหลพลรบสมทบกัน ลงกำปั่นพร้อมเสร็จทั้งเจ็ดเวร ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช กับครูบาทหลวงชวาหน้าดั่งเสน บอกวิชาสารพัดจนจัดเจน ทั้งดั้งเขนกระบวนรบได้ครบครัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลากลับมาห้อง เคียงประคองน้องแก้วแล้วรับขวัญ พี่จะลาไปลังกาสิบห้าวัน จะปราบบรรดาหมู่ศัตรูปอง ไม่ช้านักจักมาพาราเจ้า โฉมเฉลาเนื้อละมุนอย่าขุ่นหมอง พอเสร็จสรรพพี่จะกลับมาประคอง นุชน้องเจ้าอย่าหมางจงวางใจ อุตส่าห์เลี้ยงบุตรีศรีสวัสดิ์ อยู่ปรัศว์ปรางค์ทองให้ผ่องใส แม้นเสร็จสรรพพี่จะกลับมารับไป อยู่เวียงชัยครองสมบัติกษัตรา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมเหสี อัญชลีเศร้าสร้อยละห้อยหา กันแสงพลางทางตอบพจนา พระเมตตาไปไหนจะไปตาม มิขออยู่สู้ตายวายชีวาตม์ จะรองบาทอันชีวิตไม่คิดขาม พระอยู่ไหนน้องจะได้พยายาม อย่าห้ามปรามเลยจงโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงคอยศิษย์เห็นผิดนัก นางเมียรักเห็นจะไม่ให้ผายผัน จำจะไปว่ากล่าวฟังข่าวมัน ตะแกนั้นงุ่นง่านรำคาญจริง แล้วลุกออกนอกห้องย่องไปหา เห็นมังคลาอิงแอบแนบผู้หญิง แกเดือดด่าว่าฉะอ้อนมาวอนวิง เฝ้าอ้อยอิ่งไม่รู้สิ้นเจ้าลิ้นทอง ที่ทุกข์ร้อนอยู่ทุกวันไม่พันผูก ทำแต่ลูกเล่นสบายเหมือนขายของ คิดต้นทุนกำไรไว้สำรอง จะทำท้องอีกหรือเองเจ้าเพลงดี ที่บ้านเมืองเคืองเข็ญไม่เป็นทุกข์ เล่นสนุกปรีดิ์เปรมเกษมศรี ถูกนางเมียอ่อนคอใช่พอดี เล่นเอาตีเพลงช้าพะว้าพะวัง หรือไม่ไปก็ให้ว่าอย่าช้าอยู่ พลอยให้กูวุ่นวายเมื่อภายหลัง จะคลึงเคล้าเฝ้าคู่อยู่กับรัง จะขอฟังลิ้นลมคารมเอง ฯ ๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณอย่าหุนหัน จะผ่อนผันตามตรงอย่าโฉงเฉง มิใช่จะขัดขืนอย่าครื้นเครง จะไปเองดอกเจ้าคุณอย่าวุ่นวาย บาทหลวงว่าท่ากระนั้นจะคอยท่า เร็วเร็วหวากลางวันจะผันผาย พลางลุกออกนอกปรางค์ค่อยย่างกราย รีบผันผายกลับมาอยู่หน้าวัง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช สั่งนุชนาฏมิได้สิ้นถวิลหวัง เป็นจำเป็นจำพรากออกจากวัง เหลียวหน้าหลังแลนุชทั้งบุตรี แต่จนใจกลัวอาจารย์จะพาลโกรธ จะลงโทษบาปหนักเสียศักดิ์ศรี รีบดำเนินลงมาไม่ช้าที กับเสนีรีบมาถึงหน้าวัง ไปทูลท้าวเจ้าชวาอาณาจักร ที่ตำหนักข้างในดังใจหวัง ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าประเทศนิเวศน์วัง เสด็จนั่งพร้อมวงศ์พงศ์ประยูร พอเห็นหน้าพระมังคลานราราช มาอภิวาทจะลาไปจากไอศูรย์ ความอาลัยในอุราให้อาดูร ยิ่งเพิ่มพูนเศร้าหมองนองสุชล แต่จนใจไม่รู้ที่จะห้ามไว้ แข็งพระทัยอวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล เจริญสุขทุกทิวาในสาชล อย่าร้อนรนขอให้ได้ดั่งใจจง พระมังคลาเคารพอภิวาท ขอสมมาดเหมือนหนึ่งจิตคิดประสงค์ แล้วก้มเกล้าน้อมประณตบทบงสุ์ บังคมองค์ไทท้าวเจ้าพ่อตา ลงจากปรางค์ย่างเยื้องชำเลืองเนตร แสนเทวษอยู่ด้วยมิตรกนิษฐา ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าประเทศเขตชวา เสด็จมาทรงรถบทจร รถข้างหลังมังคลานราราช พวกอำมาตย์เกณฑ์แห่แลสลอน สารถีเร่งรัดอัสดร เคลื่อนนิกรมาถึงท่าชลาลัย ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงคอยท่าสานุศิษย์ ประหลาดจิตยังไม่มาน่าสงสัย เวลานี้จวนจะค่ำยังร่ำไร มันไม่ไปดอกกระมังให้นั่งคอย หรือจะถูกอีเมียมันเขี่ยแคะ สะกิดแกะร่ำพิไรมิใคร่ถอย อ้ายนี่หลงเต็มประดาเห็นตาลอย ให้กูพลอยเหนื่อยยากลำบากกาย พอได้ยินเสียงพหลพลเแห่ มาเซ็งแซ่สมตรึกที่นึกหมาย เห็นรถาขับเคียงมาเรียงราย มาหยุดชายชลธาริมสาคร แกลุกเดินมาถึงท่าร้องด่าพลุ่ง คอยแทบรุ่งแล้วนะมึงพึ่งจะถอน อ้ายพ่อตาว่ากระไรมิใคร่จร เมื่อการร้อนอยู่ในอกจะยกไป ไม่ตักเตือนลูกเขยเลยหรือหวา ให้ลอยหน้าอยู่จนค่ำทำไฉน สั่งแม่รักซักนิทานสำราญใจ แกร่ำไรด่าทอเล่นพอแรง ฯ ๏ ท้าวรายาว่าเจ้าคุณอย่าหุนหัน ไม่เช่นนั้นดอกอย่าอางขนางแหนง เที่ยวลาญาติเอาคดีออกชี้แจง ใช่จะแกล้งเหนี่ยวหน่วงไม่หวงกัน ฯ ๏ บาทหลวงว่าชะอุแหม่แก้ลูกเขย อย่าช้าเลยไวไวรีบผายผัน แกลุกเดินลงมาเภตราพลัน วันนี้วันฤกษ์พาเวลาดี พระมังคลาท้าวเจ้าพิภพ ให้ปรารถถึงมิ่งมเหสี แต่แข็งใจไปกำปั่นด้วยทันที สถิตบัลลังก์ใหญ่ท้ายเภตรา บาทหลวงว่าฤกษ์ดีให้ตีฆ้อง ทหารร้องเร่งกันลงส่งภาษา ถอนสมรช่อใบใช้เภตรา ล่องออกมาปากน้ำแต่ค่ำคืน ยิงปืนใหญ่ให้ต้นหนพลรบ จุดเพลิงคบแล่นมาไม่ฝ่าฝืน กำปั่นรีบถีบทะยานทหารปืน ยิงครั่นครื้นลำละโหลโห่ประดัง ฯ ๏ ท้าวรายากลับเข้าเขตประเทศถิ่น คิดถวิลทรวงร้อนอาวรณ์หวัง ถึงเขยขวัญแต่วันพรากไปจากวัง จะนอนนั่งไม่เป็นสุขทุกทิวา ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงล่วงเขตประเทศถิ่น ไม่รู้สิ้นพยาบาทปรารถนา แกตรองตรึกนึกมุ่งกรุงลังกา พิฆาตฆ่าสุริย์วงศ์องค์อภัย เรือก็แล่นล่องมาในสาคเรศ ล่วงประเทศเมืองท่าชลาไหล ได้เดือนครึ่งถึงกำพลสกลไกร ทั้งเรือใหญ่เรือรบประจบกัน ทอดสมอรอราท่าปากน้ำ จอดเรียงลำเหล่าพหลพลขันธ์ รู้ไปถึงเสนาลงมาพลัน อภิวันท์เชิญเจ้าเข้านคร ฯ ๏ บาทหลวงว่าอย่าขึ้นเลยนะหวา การจะช้าเจ็บจิตดังพิษศร เองจงรีบเข้าไปในนคร เป็นการร้อนขอเสบียงไปเลี้ยงพล ทั้งลูกปืนดินดำนำมาส่ง โดยจำนงสารพัดจะขัดสน บอกกันไปให้ทั่วทุกตัวคน ให้เร่งขนมาส่งลงเภตรา ในสองวันมาให้ทันตามกูสั่ง ให้ได้ดั่งมุ่งมาดปรารถนา ถ้าแม้นช้าวันไปไม่ได้มา จะเข่นฆ่าพวกนายให้วายชนม์ ฯ ๏ ฝ่ายเสนีได้ฟังสังฆราช มาเร่งบาดหมายไปให้ไพร่ขน เครื่องเสบียงลูกดินสิ้นทุกคน เร่งกันขนเอาไปส่งลงในเรือ ฯ ๏ บาทหลวงสั่งต้นหนพลฝรั่ง ให้เร่งตั้งเข็มไปข้างฝ่ายเหนือ การของใครรีบทำทุกลำเรือ ทั้งหมวกเสื้อเตรียมใส่ไว้ทุกนาย พอสุริยงลงลับพยับฟ้า พระจันทราแจ่มกระจ่างสว่างฉาย ดารากรเปล่งสีมณีพราย พระพายชายพัดเฉื่อยระเรื่อยริน ฯ ๏ บาทหลวงหยิบแผนที่มาคลี่อ่าน ดูถิ่นฐานชื่นชมสมถวิล แหงนดูดาวเจ้าลังกาตรงธานินทร์ แสงไม่สิ้นแต่ดูเศร้าไม่เวาวาม จึงเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ ออกมาคิดที่จะไปแล้วไต่ถาม กำปั่นท้าวรายาที่มาตาม ทหารสามสิบหมื่นพื้นฉกรรจ์ ให้ตำมะหงงกำกับเป็นทัพหน้า แขกชวาการรบเห็นขบขัน นายทหารให้ประจำลำละพัน ตั้งวิหลั่นไว้ระวังบังลูกปืน พระมังคลาว่าเขาจัดมาเสร็จสรรพ เราบังคับสารพัดไม่ขัดขืน บาทหลวงว่าจะยกไปในกลางคืน ให้ครึกครื้นฤกษ์ยามตามเวลา แล้วสั่งให้ถอนสมออย่ารอรั้ง พวกฝรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา ให้เป่าแตรสองคันตามสัญญา พอลมกล้าฤกษ์ดีให้คลี่ใบ ทหารปืนยืนยิงสิบสองนัด ลมก็พัดแล่มหลามตามไสว ออกจากเมืองลมจัดสะบัดใบ ตามกันไปหมายมุ่งกรุงลังกา ชมละเมาะเกาะเกียนเหมือนเขียนวาด ระดาดาษเรียงรายทั้งซ้ายขวา เรือก็แล่นลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา ชมฝูงปลาว่ายฟ่องบ้างล่องลอย ฝูงฉลามล้วนฉลามว่ายตามคลื่น สำราญรื่นเคียงคู่กินปูหอย ฝูงพิมพาพ่นฟองขึ้นล่องลอย ตัวน้อยน้อยว่ายตามกันหลามไป ฝูงฉนากล้วนฉนากปากเหมือนเลื่อย ดูยาวเฟื้อยมิใช่น้อยลอยไสว ตะเพียนทองท่องท้องสมุทรไท ขึ้นลอยไล่เคียงคู่อยู่ในชล ฝูงโลมาน่ากลัวหัวเหมือนบาตร ผุดแล้วฟาดหางกลับอยู่สับสน เหล่าราหูเคล้าคู่อยู่ในวน แล้วดำด้นโดดดิ้นในสินธู ฯ ๏ จะพรรณนาฝูงสัตว์แลมัจฉา ในชลาสาครก็อ่อนหู มากกว่ามากมิใช่น้อยทั้งหอยปู ยากจะรู้จักพันธุ์ดั่งพรรณนา เรือก็แล่นใบสล้างมากลางหน ข้ามวังวนเกาะวลำสำปันหนา บ่ายหัวเรือตรงเข้าอ่าวลังกา แต่แล่นมาเดือนครึ่งถึงบุรินทร์ เร่งให้จอดทอดสมอลงหน้าด่าน พร้อมทหารแขกฝรั่งดั่งถวิล บาทหลวงให้ตรวจพหลพลทมิฬ ทั้งลูกดินปืนผาสารพัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ ทุกคืนค่ำดั่งนายหมวดไว้กวดขัน เป็นเวรเวียนเปลี่ยนผลัดจัดทุกวัน ลงกำปั่นใช้ใบไปตระเวน พอเห็นเรือมากมายมีหลายร้อย ปืนใหญ่น้อยแลสะพรั่งทั้งดั้งเขน จึงปรึกษากับปลัดหัสเกน ให้บ่ายเบนเรือเข้าอ่าวบุรี รีบไปแจ้งกับพระยารักษาด่าน ว่าเกิดการศึกประชิดติดกรุงศรี ล้วนกำปั่นหลายหลากดูมากมี ประมาณสี่ห้าร้อยลอยประดัง ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าพระยารักษาด่าน ให้เขียนสารบอกเข้าไปดังใจหวัง รีบทูลเจ้านคเรศนิเวศน์วัง อย่ารอรั้งเร่งไปในนคร พวกม้าใช้รีบไปไม่หยุดยั้ง ถึงเวียงวังขึ้นศาลาพาอักษร ส่งให้เจ้าพนักงานด่านนคร เป็นเรื่องร้อนศึกมาถึงธานี จางวางเวรรับไปให้กรมท่า ขุนเสนาแจ้งการในสารศรี รีบเข้าไปคอยเฝ้าเจ้าบุรี พร้อมกันที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ออกแท่นรัตน์รจนามุกดาหาร กับสุดสาครนัดดาปรีชาชาญ ว่าราชการขอบเขตนิเวศน์วัง ขุนนางพร้อมน้อมประนมบังคมบาท จึ่งทูลราชการศึกดั่งนึกหวัง แล้วบอกสารอ่านถวายที่ในวัง ให้พระฟังเรื่องคดีที่มีมา ว่ากำปั่นคับคั่งฝรั่งแขก มาทอดแยกเรียงรายทั้งซ้ายขวา ล้วนเรือรบเรือเสาเหล่าชวา วิลันดาเรือทรายมาหลายคน มาทอดท่าหน้าอ่าวแต่เช้าตรู่ สังเกตดูไม่ถนัดยังขัดสน ถือสาตราถ้วนทั่วทุกตัวคน แต่ล้วนพลแขกชวามลายู ฯ ๏ พระทรงฟังเรื่องศึกนึกถวิล ไม่รู้สิ้นการนครจนอ่อนหู แล้วตรัสสั่งเสนาใหญ่ให้ไปดู ทุกป้อมคูปากน้ำที่สำคัญ จงกะเกณฑ์กองทัพไปนับหมื่น ทหารปืนกรมแสงล้วนแข็งขัน พวกดั่งดาบทวนง้าวสักเก้าพัน ทั้งกริชสั้นเสโล่โตมรา ที่ปากน้ำสำคัญอยู่แห่งหนึ่ง เอาโซ่ขึงค่ายคูดูรักษา พรุ่งนี้เช้าตัวเราจะยาตรา เอาปืนผายิงไปให้เป็นจุณ สินสมุทรสุดสาครบวรนาถ พ่อเปรื่องปราดจงนำกลับเป็นทัพหนุน ทั้งลูกดินขนลงไปไว้เป็นทุน เดชะบุญสวัสดีคงมีชัย พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร ขึ้นปราสาทสั่งรำภาอัชฌาสัย พี่จะยกแสนยารีบคลาไคล เจ้าจงไปบอกกล่าวเสาวคนธ์ ให้ดูแลรั้ววังในจังหวัด แม้นข้องขัดสิ่งไรใช้พหล อย่าไว้ใจไพรีนีฤมล ให้ผู้คนนายหมวดตรวจระวัง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช กับครูบาทหลวงสมอารมณ์หวัง จะยกเข้าคราวนี้ตีประดัง ให้กระทั่งเมืองด่านชานกำแพง ถึงโซ่ตรึงขึงตรึงตราไว้หน้าป้อม เข้าไปพร้อมช่วยกันให้ขันแข็ง เอาน้ำกรดรดลงไปเป็นไฟแดง โซ่คงแข็งขาดป่นไม่ทนทาน แล้วยิงปืนจังกาประดาใส่ พลไพร่ถ้วนทั่วตัวทหาร โดดขึ้นฝั่งไล่ฟันประจัญบาน ตีเอาด่านเสียให้ได้ดังใจปอง แกสั่งเสร็จกลับเข้าไปท้ายบาหลี ขึ้นเก้าอี้กินเหล้ากับเข้าของ สบายใจหมายสมอารมณ์ปอง นั่งตรึกตรองนึกกระหยิ่มอิ่มในใจ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในลังกาอาณาจักร ทหารพรักพร้อมพรั่งนั่งไสว คอยจอมนครินทร์ปิ่นเวียงชัย มาพร้อมในหน้าพระลานชานชลา ฯ ๏ ป่างพระจอมจักรพงศ์องค์กษัตริย์ จากแท่นรัตน์แต่งองค์ทรงภูษา แล้วสวมเครื่องพิชัยยุทธ์บุษรา ทรงมาลาสำหรับประดับนิล ฉลององค์พื้นดำกำมะหยี่ ขัดกระบี่เพราะเพริศดูเฉิดฉิน เสด็จประทับเกยชลาหน้าบุรินทร์ มาพร้อมสิ้นทั้งพระวงศ์พงศ์ประยูร ฯ ๏ ฝ่ายโหรามาพร้อมน้อมประณต เฉลิมยศในพระปิ่นบดินทร์สูร พอได้ฤกษ์ตามตำรับแล้วกราบทูล พวกประยูรลั่นฆ้องกลองประโคม พระเสด็จทรงรถาเสนาแห่ เสียงสังข์แตรก้องกึกอยู่ฮึกโหม พวกทหารยิงปืนครึกครื้นโครม พลโหมโห่เร้าจะเอาชัย สารถีตีม้าอาชาชาติ ระดาดาษธงธิวปลิวไสว ตรงไปด่านธารท่าชลาลัย สองหน่อไทกระบวนหนุนเร่งขุนพล ฯ ๏ ข้างฝ่ายพระมังคลานราราช กับครูบาทหลวงสันทัดจัดพหล ให้ออกลำกำปั่นรบสมทบพล เร่งพหลแขกชวามลายู ให้เข้าตีเชิงชานด่านปากน้ำ ยิงปืนซ้ำเสียงลั่นสนั่นหู เอาน้ำกรดเข้ารดสายโซ่ดู เป็นช่องคูขาดป่นไม่ทนทาน เรือกำปั่นแล่นเข้าไปได้สะดวก แกเร่งพวกแขกชวาโยธาหาญ ให้ขึ้นตั้งค่ายล้อมป้อมปราการ ตีเอาด่านให้จงได้เร่งไพร่พล ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายข้างพระยารักษาด่าน ขับทหารขึ้นป้อมพร้อมพหล ให้ยิงปืนใหญ่น้อยคอยประจญ เสียงผู้คนครื้นครั่นสนั่นดัง หลอมตะกั่วคั่วทรายเอาปรายสาด ดูเกลื่อนกลาดซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง พวกพหลพลชวาดาประดัง กรูขึ้นฝั่งยกล้อมป้อมกำแพง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงขึ้นม้าดูกล้าแข็ง ให้ตั้งค่ายริมท่าหน้ากำแพง เอาทองแดงทำวิหลั่นกั้นลูกปืน บาทหลวงถอยลงมาหลังคอยรั้งท้าย ทหารรายเดินแซงล้วนแข็งขืน พวกชวากล้าหาญชำนาญปืน ยิ่งครึกครื้นเสียงดังก้องกังวาน พวกในเมืองเปิดประตูกรูกันออก ถือดาบหอกเดินกระบวนล้วนทหาร ตะลุมบอนฟอนฟันประจัญบาน พลทหารแขกชวาเข้าราวี บ้างแทงฟันกันตายลงเกลื่อนกลาด สังฆราชร้องเร่งสารถี ให้ขับรถเร็วหวาตีพาชี ไปถึงที่พวกทหารเข้าราญรอน แกว่งกระบี่แม่ทัพสำหรับยุทธ์ แกเร่งรุดเหล่าทหารชาญสมร ใครถอยหลังเหหันจะฟันฟอน แล้วคอยต้อนพลรบสมทบกัน ฯ ๏ ฝ่ายชาวเมืองเปลืองกำลังถอยหลังกลับ แตกย่อยยับเสียพหลพลขันธ์ ทั้งไพร่นายตายทับลงนับพัน ต้องกลับหันเข้าในด่านชานบุรี ปิดประตูลงเขื่อนแล้วเตือนต้อน ราษฎรให้เข้าไปกรุงศรี ตาบาทหลวงอิ่มใจเห็นได้ที เร่งให้ตีกองรบสมทบพล เอาปืนใหญ่ยิงประตูกรูกันเข้า เอาไฟเผาเมืองด่านชานสิงหล พวกชาวเมืองต่อต้านไม่ทานทน ก็แตกย่นจากด่านชานนคร บ้างฉวยได้เชิงกรานทิ้งบ้านช่อง ที่เก็บของเรียกลูกแบกฟูกหมอน ของสำคัญเก็บเอาไปจะได้นอน แม่ลูกอ่อนผัวพาเข้าป่าไป ฯ ๏ บาทหลวงตีได้ด่านชานสมุทร เข้ายั้งหยุดโยธาได้อาศัย จึงให้หาพวกทหารอันชาญชัย ทั้งนายไพร่พร้อมหน้ามาหารือ เราจะยกเข้าไปชิงเอาสิงหล พวกคงทนแขกฝรั่งมีบ้างหรือ อยู่อาวุธสาตราจงหารือ จะให้ถือแหลนหลาวกับง้าวทวน เป็นเสือป่าแมวเซาเข้าสมทบ ตีประจบวิ่งกลมเหมือนลมหวน สำหรับตีตัดทอนต้อนกระบวน ให้ถี่ถ้วนสารพัดตัดเสบียง เสนาแขกรับว่าอย่าวิตก เปรียบเหมือนนกกลางหาวบินก้าวเฉียง พวกชวาเคยสันทัดตัดเสบียง ไม่หลีกเลี่ยงเคยประจญรณรงค์ บาทหลวงเฒ่าเจ้าความคิดสมจิตหมาย จะอุบายเอาให้สมอารมณ์ประสงค์ คิดเอาเมืองให้ได้ดั่งใจจง ถึงจะลงทุนไว้ก็ให้ปัน ไปเบื้องหน้าหากำไรคงได้ดอก ถึงเสียจอกนานไปคงได้ขัน คิดเอาใจเหล่าทหารชาญฉกรรจ์ ให้เค็มมันถึงใจคงได้การ ฯ ๏ จะกล่าวกลับทัพพระศรีสุวรรณราช ระดาดาษเดินพหลพลทหาร รู้ว่าเสียปากน้ำยิ่งรำคาญ ทั้งอาหลานเร่งรัดจัตุรงค์ ถึงชายป่าหยุดยั้งให้ตั้งค่าย โดยพิชัยสงครามตามประสงค์ พยัคฆ์นามสามค่ายริมชายดง ปักเทียวธงเสือคำรามตามตำรา แล้วสั่งให้พวกทหารชำนาญรบ เร่งสมทบหลายหมื่นถือปืนผา ทั้งปลัดหัสกันวิลันดา พวกอาสาเกณฑ์หัดเร่งจัดแจง พรุ่งนี้เช้าฤกษ์ดีจะตีด่าน ฟังอาการข้าศึกอย่านึกแหนง จะรบสู้ในระหว่างที่กลางแปลง แม้ต่อแย้งมีชัยแก่ไพรี แล้วสั่งพวกม้าใช้ให้ไปนัด จงเร่งรัดออกมารบอย่าหลบหนี พวกม้าเร็วรีบไปบอกไพรี ครั้นถึงที่เมืองด่านชานนคร บอกกับพวกเฝ้าประตูให้รู้เรื่อง ว่าบาทเบื้องบพิตรอดิศร ให้เรามานัดการจะราญรอน จงรีบร้อนเข้าไปแจ้งแสดงความ ฯ ๏ นายประตูรีบเข้าไปที่ในด่าน แล้วแจ้งการตามกระทรวงบาทหลวงถาม ว่าเขามาอยู่ที่ไหนเร่งไปตาม แกเรียกล่ามออกมาไว้จะได้แปล ฯ ๏ ฝ่ายเสนามาบอกพวกม้าใช้ พาเข้าไปแล้วก็นั่งฟังกระแส บาทหลวงเป็นผู้ถามให้ล่ามแปล ครั้นรู้แน่นัดรบแกตบมือ หัวร่อร่าว่าไปอย่าได้ช้า ยกออกมาแล้วอย่าชิงกันวิ่งตื๋อ ไปบอกกับพวกลังกาเร่งหารือ มารับมือกูไม่กลัวเจ้าตัวดี ฯ ๏ พวกม้าใช้กลับมาทูลมูลเหตุ ให้ทรงเดชทราบเบื้องบทศรี บาทหลวงแกขู่ขับทับทวี พูดเป็นทีเยาะหยันจำนรรจา ฯ ๏ พระทรงฟังสั่งสุดสาครหลาน จงเตรียมการไว้แต่ดึกเร่งปรึกษา กับอาจารย์พรหมพักตร์จักรา จะตรึกตรากะการสถานใด ฯ ๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ อภิวาทออกมาแจ้งแถลงไข กับท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิไกร เสนาในทวยหาญชาญณรงค์ ฯ ๏ ฝ่ายท่านพราหมณ์ผู้ชำนาญในทางเวท จึงแจ้งเหตุตั้งรับเป็นทัพหงส์ แล้วสั่งพวกเกณฑ์หัดจัตุรงค์ ในถือธงสี่หมู่เป็นคู่กัน ทั้งเขียวแดงดำม่วงล่วงไปก่อน อาวุธซ่อนไว้กับกายเร่งผายผัน พวกปืนแดงแซงประทับสำหรับกัน เหล่ากริชสั้นเสโล่โตมรา พวกตั้งเขนเกณฑ์ไว้รับพวกทัพหนุน ขวานญี่ปุ่นทัพชเลยเคยอาสา จัดกระบวนล้วนทุกหมวดแล้วตรวจตรา คอยเวลาเจ้าพิภพจบสกล ฯ ๏ ป่างพระจอมนรินทร์ปิ่นกษัตริย์ ครั้นไตรตรัจสุริยาเวหาหน สรงวารีชำระประน้ำมนต์ ทรงเครื่องต้นตามสีรวีวัน จับพระแสงเนาวรัตน์ประภัสสร บทจรนาดกรายค่อยผายผัน มาทรงรถพรรณรายลายสุวรรณ โหราลั่นฆ้องชัยดังใจจง ให้เดินทัพแสนยาโยธาหาญ ก้องสะท้านครบถ้วนกระบวนหงส์ เสียงแตรสังข์ดังลั่นสนั่นดง แล้วโบกธงโห่ร้องก้องกังวาน ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงมังคลานราราช พร้อมอำมาตย์แขกชวาโยธาหาญ ให้ยกทัพรีบออกนอกปราการ จากเมืองด่านเดินพหลพลชวา พอถึงทางกลางย่านให้หยุดพัก เอาธงปักเรียงรายทั้งซ้ายขวา บาทหลวงเห็นทัพไทยในลังกา ยกออกมาหลายหมื่นพื้นฉกรรจ์ จึงว่ากับมังคลาสานุศิษย์ เองจงคิดแยกพหลพลขันธ์ เป็นสองทางแม้เข้ารบสมทบกัน แล้วผ่อนผันตัดหลังอย่ารั้งรอ แกสั่งให้ทัพหน้าบรรดาแขก ตีให้แตกช้าอยู่ไยไฉนหนอ ปืนนกสับคาบชุดอย่าหยุดรอ ต่างวิ่งสอยิงลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ ข้างฝ่ายพวกลังกาเห็นข้าศึก ก็โหมฮึกรุกไปดั่งใจหวัง ปล่อยปืนตับผางผึงเสียงตึงตัง พวกฝรั่งหนุนแน่นเอาแหลนแทง ข้างพวกไทยคอยระวังเอาดั้งรับ วิ่งขยับเข้าไล่ฟันด้วยขันแข็ง ชุลมุนวุ่นวางกันกลางแปลง บ้างทิ่มแทงกันตายลงหลายพัน ทั้งสองฝ่ายตายกลาดลงดาษดื่น บาทหลวงยืนเร่งพหลพลขันธ์ แขกชวากล้าแข็งเข้าแทงฟัน วิ่งถลันรำกริชไม่คิดตาย ทหารไทยป้องกันฟันด้วยง้าว แตกเป็นเหล่าวิ่งวุ่นบ้างสูญหาย ทหารไทยไล่ฆ่าบรรดานาย แตกกระจายยับย่นไม่ทนทาน ฯ ๏ บาทหลวงเห็นทัพหน้าโยธาแขก พากันแตกยับย่นพลทหาร เสียน้ำใจไม่รู้แห่งจะแจ้งการ ดูทหารก็น้อยถอยกำลัง เห็นทัพไทยไล่กระชั้นยิ่งครั่นคร้าม พยายามเห็นไม่สมอารมณ์หวัง ถอยเข้าด่านชานชลาละล้าละลัง ไทยประดังปืนรบสมทบกัน พังประตูกรูไล่เข้าในด่าน เหล่าทหารฟันแทงล้วนแข็งขัน แต่ฆ่าพวกแขกตายลงหลายพัน ศรีสุวรรณเร่งรถบทจร เข้าในด่านธารท่าชลาสินธุ์ สมถวิลบพิตรอดิศร พลางเร่งพวกโยธาพลากร เข้าราญรอนเคี่ยวขับจับคนพาล สังฆราชมังคลามาให้ได้ จะตั้งให้เป็นใหญ่ฝ่ายทหาร ต้อนพหลพลขันธ์ประจัญบาน อลหม่านทัพแขกแตกกระจาย ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงมังคลานราราช ให้หวั่นหวาดคิดไปแล้วใจหาย ลงจากรถรีบไปทั้งไพร่นาย วิ่งกระจายรีบออกนอกประตู พวกทัพไทยไล่จับสังฆราช พระหน่อนาถหยิบตราพระราหู ขึ้นกวัดแกว่งแสงปลาบลุกวาบวู เป็นไฟฟู่แสงสว่างกระจ่างตา ทหารไทยไล่รุดต้องหยุดยั้ง ยืนสะพรั่งดูไปทั้งซ้ายขวา เป็นควันพลุ่งรุ่งโรจน์โชตินา อำนาจตราบังกายทั้งไพร่พล ฯ ๏ บาทหลวงวิ่งไม่ใคร่ไหวใจจะขาด ถึงชายหาดแล้วสำเหนียกเรียกต้นหน ให้พยุงจูงลงเรือกูเหลือทน หนีให้พันข้าศึกได้ตรึกตรอง แขกฝรั่งทั้งนั้นรีบผันผาย พาเจ้านายวุ่นวิ่งทิ้งข้าวของ ลงเรือได้ให้ตรวจทุกหมวดกอง เสียข้าวของคนตายลงหลายพัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายทัพบกที่ยกไล่ ติดตามไปเร่งพหลพลขันธ์ ลากปืนใหญ่ขึ้นป้อมพร้อมด้วยกัน ยิงกำปั่นโจนลงในคงคา ที่ถูกเสาเพลาใบหักสะบั้น คนเหล่านั้นดับชีวังสิ้นสังขาร์ ที่จมน้ำมิได้เหลือเป็นเหยื่อปลา พวกลังกายิงกระหน่ำพอค่ำลง บาทหลวงกับมังคลาสานุศิษย์ เป็นสุดคิดเสียใจเร่งไต้ก๋ง ให้ออกเรือรีบไปดั่งใจจง แล่นไปตรงรีบออกนอกสันดอน พอลมตรงส่งท้ายออกได้หมด ให้แล่นลดเลียบตลิ่งริมสิงขร เอาเข็มตั้งไปให้ชิดทิศอุดร หมายนครใช้ใบไปกำพล ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายลังกาอาณาจักร ก็พร้อมพรักเลิกทัพกลับสิงหล ชนะศึกจับได้ทั้งไพร่พล ให้แบกขนเครื่องอาวุธยุทธนา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ เข้าจังหวัดพร้อมวงศ์เผ่าพงศา ให้รางวัลเสนีผู้ปรีชา แต่บรรดาไปณรงค์ทำสงคราม ทั้งพหลพลไพร่นายทหาร ได้ประมาณทั่วทุกกองทั้งสองสาม ที่เลื่อนที่มียศดูงดงาม สมกับความชอบทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ฝ่ายบทเบื้องเรื่องนี้ขอยกก่อน จะกล่าวย้อนถึงโจรป่าพนาสณฑ์ อยู่เขตแคว้นแดนชวาริมสาชล เที่ยวตีปล้นแต่บรรดาลูกค้าเรือ ได้สินทรัพย์นับถังสร้างกำปั่น แล้วชวนกันแล่นไปข้างใต้เหนือ มีปืนใหญ่ไว้ประจำทุกลำเรือ ทหารเสือเล่าก็มีถึงสี่พัน แต่กำปั่นนั้นมีถึงสี่ร้อย เที่ยวแล่นลอยไปทุกแห่งเพราะแข็งขัน แต่ล้วนพวกแขกดำทุกลำมัน ตัวนายนั้นชื่อคุลาปะตาวี ปะสำเภกเภตราเที่ยวค้าขาย มันแล่นรายล้อมไว้มิให้หนี ขึ้นเก็บเอาสินค้าบรรดามี แม้นต่อตีมันก็ฆ่าชีวาวาย กำเริบจิตคิดเข้าตีตามเมืองเกาะ ทุกละเมาะมันเที่ยวริบเอาฉิบหาย เป็นโจรใหญ่อยู่ในน้ำตามสบาย เที่ยวแล่นรายสืบข่าวทุกอ่าวไป ฯ ๏ เมื่อวันหนึ่งนายโจรเผอิญเจ็บ ให้เมื่อยเหน็บจับสั่นจิตหวั่นไหว โภชนาอาหารประการใด กินไม่ได้ข้าวปลาสารพัน หมอให้กินหยูกยาสารพัด ไม่บำบัดโรคาก็อาสัญ ฝ่ายพวกโจรแต่บรรดาทั้งห้าพัน มาพร้อมกันถ้วนทั่วทุกตัวนาย ทำการศพนายใหญ่เอาไปฝัง ที่ขอบฝั่งวังวนชลสาย ครั้นเสร็จสรรพยับยั้งจะตั้งนาย แทนผู้ตายจะได้ว่าคนห้าพัน แต่บรรดานายรองทั้งสองร้อย มานั่งคอยทั้งพหลพลขันธ์ ใครเป็นนายก็จะยอมลงพร้อมกัน ไม่เดียดฉันท์จะได้ไปในคงคา ฯ ๏ ฝ่ายเสมียนที่สำหรับเก็บทรัพย์สิน เป็นเชื้อจีนพวกหมาเก๊าเข้าภาษา มาเข้ารีตแขกดำเรียนตำรา ดูฤกษ์พาดีร้ายบอกนายโจร จะตีเรือเหนือใต้คอยให้ข่าว รู้ดูดาวแจ้งใจคล้ายกับโหร จึงลุกมาว่ากล่าวแก่เหล่าโจร เราเป็นโหรรู้สิ้นอย่ากินใจ แต่บรรดามาพร้อมอยู่ที่นี่ ใครจะมีปัญญาอัชฌาสัย เราเห็นอยู่แต่มะหุดวุฒิไกร ควรจะให้เป็นใหญ่ด้วยใจดี ทั้งแกล้วกล้าสามารถฉลาดเฉลียว เคยท่องเที่ยวรู้หนทางกลางวิถี แล้วเป็นผู้รู้วิชาปัญญาดี ควรเป็นที่นายใหญ่ได้ใช้การ ท่านจะเห็นเป็นอย่างไรอย่าได้นิ่ง ไม่เห็นจริงอย่างไรเร่งไขขาน แม้นเห็นชอบแล้วคำนับเร่งกราบกราน อย่านิ่งนานจะได้สั่งให้ตั้งพลัน ฯ ๏ ฝ่ายพวกโจรเห็นพร้อมยอมคำนับ จึงว่ากับวุฒิไกรใจมหันต์ จะขอสาบานตัวทั่วหน้ากัน ทำการนั้นมิได้คิดชีวิตเลย ฯ ๏ ฝ่ายเสมียนหยิบกระบี่ที่ผู้ใหญ่ มาส่งให้ถือเชิดให้เปิดเผย อาญาสิทธิ์ปราบปรามไปตามเคย เสร็จแล้วเลยเลี้ยงดูทุกผู้คน เป็นเยี่ยงอย่างตั้งนายแล้วอย่างนี้ ประสงค์ที่ไปข้างหน้าจะหาผล มันนับถือว่าเป็นงานการมงคล แล้วต่างคนต่างตรงไปลงเรือ ฯ ๏ พอฤกษ์ดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก ให้เร่งออกรีบไปข้างฝ่ายเหนือ เครื่องอาวุธเตรียมประจำทุกลำเรือ ทหารเสือโห่เร้าจะเอาชัย แต่แล่นมาห้าเดือนไม่หยุดยั้ง ดูเกาะฝั่งตามมหาชลาไหล ต้นหนส่องกล้องสว่างดูทางไป จนเกือบใกล้รมจักรนัครินทร์ พอขาดข้าวเครื่องเสบียงเลี้ยงทหาร เห็นถิ่นฐานสมจิตคิดถวิล จำจะเข้ารบราเอาธานินทร์ ตีแต่ถิ่นปากน้ำทำเสบียง ถึงปากอ่าวเราไปรายกันทอด เมื่อเรือจอดด้วยกันมากห้ามปากเสียง ไม่อื้ออึงปราบปรามห้ามสำเนียง คอยฟังเสียงเล่าลืออย่าอื้ออึง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ เวลาค่ำใช้ใบแล่นไปถึง พบกำปั่นจอดสล้างพลางรำพึง แล่นไปถึงสั่งล่ามให้ถามพลัน ว่าเรือมาทอดอยู่นี่ดีหรือร้าย จงภิปรายตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ โจรได้ฟังคั่งใจร้องไปพลัน มาถามกันว่ากระไรไม่ใช่นาย เร่งกลับไปรักษาอาณาเขต ถิ่นประเทศกูจะริบให้ฉิบหาย อย่าอยู่ช้าถ้ารู้ถึงตัวนาย เองจะตายเสียเปล่าเปล่าไม่เข้ายา เรือตระเวนรีบมาหานายด่าน จึ่งแจ้งการสิ้นฟังไม่กังขา มันท้าทายหลายลิ้นสิ้นตำรา ฟังพูดจาหยาบคายหลายประการ ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าพระยารักษาสมุทร ให้รีบรุดออกไปในราชฐาน ว่าข้าศึกจะมาล้อมป้อมปราการ เรือประมาณห้าร้อยลอยประดัง ฯ ๏ ขุนนางทราบราวเรื่องเมืองปากน้ำ แล้วจึงนำเข้าไปดั่งใจหวัง ทูลท่านท้าวทศวงศ์ดำรงวัง ใท้ทราบยังบาทาฝ่าธุลี ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นพิภพ คิดปรารภเศร้าหมองไม่ผ่องศรี จึ่งตรัสเรียกพระนัดดามาพาที ว่าไพรีมาประชิดติดบุรินทร์ เจ้าจงเกณฑ์จัตุรงค์ลงไปปราบ ให้ราบคาบเสี้ยนหนามตามถวิล จงไปตั้งคอยรับทัพทมิฬ ให้ไพรินย่อยยับอัปรา ครั้นสั่งเสร็จท้าวเสด็จยุรยาตร ขึ้นปราสาทข้างในแล้วให้หา มเหสีกับบุตรีเกษรา ให้ขึ้นมาตรัสแถลงแจ้งเนื้อความ นางพระยายิ่งวิตกตบอกผลุง มาเกิดยุ่งทัพศึกให้นึกขาม แม้นเขยอยู่จะได้สู้ศึกสงคราม พยายามปราบอมิตรไม่คิดเกรง แน่ะท่านตาว่ากระไรภัยมาถึง มานั่งอึ้งดั่งเขาเกาะเห็นเหมาะเหมง ใจของตาดีแต่รักข้างนักเลง ท่าโฉงเฉงเกี้ยวชู้ไม่รู้วาย เห็นอีสาวเข้าไม่ได้ใจริกริก กระซ้อกระซิกเพราะตัณหาพาฉิบหาย นี่บ้านเมืองเคืองขุ่นเกิดวุ่นวาย จะยักย้ายตรองการสถานใด ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังมเหสี ว่ายายนี่ค่อยว่าไม่ปราศรัย อย่าวิตกไปเลยหนาข้าจะไป คอยชิงชัยรบรับกับทมิฬ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรใจฉกาจ ภาณุมาศเยี่ยมโพยมสมถวิล เร่งเรือรบเข้ามาหน้าบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นสี่ร้อยลอยประดัง ลากปืนใหญ่ขึ้นจังกาทั้งหน้าท้าย ให้ตั้งรายกันประดาทั้งหน้าหลัง จะตีด่านสาชลริมวนวัง พร้อมสะพรั่งแต่ล้วนโจรโผนลำพอง ข้างฝ่ายพวกตาพระยารักษาด่าน เกณฑ์ทหารพลฉกรรจ์ได้พันสอง ให้ขึ้นป้อมขัดตาทัพไว้รับรอง ปืนจุกช่องลากไปใส่เสมา ทั้งปืนใหญ่ลากขนขึ้นบนป้อม ทหารล้อมยืนรายทั้งซ้ายขวา พอพวกโจรถึงกระทั่งฝั่งชลา ส่งภาษาบอกกล่าวชาวนคร ว่านายกูผู้เป็นใหญ่ในไตรจักร จะมาหักเอาด่านชานสิงขร แม้นรบสู้กูมิฟังทั้งนคร ถ้าโอนอ่อนโดยดีมิเป็นไร แม้นดึงดื้อถือดีมีมานะ จะจับฉะคอเชือดให้เลือดไหล แล้วร้องเร่งพวกทหารอันชาญชัย ยิงปืนใหญ่ที่ประจำทุกลำเรือ เสียงตูมตึงผึงผางถูกข้างป้อม ชาวเมืองพร้อมยิงลงไปทั้งใต้เหนือ ถูกเชือกเสาเพลาใบที่ในเรือ ทหารเสือขึ้นบกยกเข้าตี ล้อมปราการด่านใต้ริมชายหาด ดูเกลื่อนกลาดทั้งชวากะลาสี ล้อมกำแพงแซงกันมาจะราวี ชาวบุรีคั่วทรายปรายลงไป มันมีโล่บังกายทรายไม่ถูก กันทั้งลูกปืนสาดพลาดไถล ชาวพาราราญรอนจนอ่อนใจ มันตัดไม้เกลื่อนกลาดพาดกำแพง ปีนขึ้นได้ไล่คนที่บนป้อม มันพรักพร้อมใจกันล้วนขันแข็ง ตีเอาด่านได้พลันไล่ฟันแทง ใครต่อแย้งมันก็ฆ่าชีวาวัง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในบุรีเร่งกรีทัพ มาคั่งคับแสนยาทั้งหน้าหลัง พระกฤษณาทรงพระยาพลายจำบัง ออกจากวังรีบเดินดำเนินพล มาเกือบกึ่งถึงทางเมืองปากน้ำ หนังสือซ้ำบอกแจ้งแห่งนุสนธิ์ ว่าเสียด่านวานนี้ไม่มีคน พากันร่นย่อยยับอัปรา ขอพระองค์ยับยั้งตั้งอยู่นี่ พวกไพรีเรี่ยวแรงแข็งนักหนา ทูลแล้วรีบเข้าไปในพารา เอากิจจาทูลท้าวเจ้านคร ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงสดับ ให้คั่งคับในจิตดั่งพิษศร จึ่งสั่งพวกเสนาพลากร เราจะจรลงไปรับทัพทมิฬ เกณฑ์กระบวนจัตุรงค์เคยยงยุทธ์ เครื่องอาวุธดั้งดาบปืนคาบหิน เร่งผูกช้างมาบรรทุกทั้งลูกดิน ให้พร้อมสิ้นเช้าตรู่กูจะไป แล้วจึงสั่งเสนาพวกข้าเฝ้า เฮ้ยออเจ้ารีบไปแจ้งแถลงไข แก่สามพราหมณ์ทุกนครอย่านอนใจ ว่าพวกไพรีมาชิดติดบุรินทร์ ฯ ๏ ขุนนางรับอภิวันท์แล้วผันผาย มาเขียนหมายตามรับสั่งดั่งถวิล ให้ม้าใช้ไปถึงพราหมณ์สามบุรินทร์ ประเทศถิ่นบอกให้ทั่วทุกตัวนาย ครั้นสั่งเสร็จท้าวเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์นพรัตน์จำรัสฉาย ขุนเสนาเตรียมพหลพลนิกาย ตามบาดหมายครบถ้วนกระบวนแซง ฯ ๏ จะกล่าวข้างทรงฤทธิ์พระกฤษณา พร้อมบรรดาพวกทหารชาญกำแหง ให้ตั้งค่ายยับยั้งอยู่กลางแปลง แล้วจัดแจงจะออกรบสมทบพล ทหารปืนยืนสะพรั่งทั้งดั้งดาบ ศรกำซาบหอกง้าวเหล่าพหล จัดเอาพวกจัตุรงค์ทั้งคงทน พร้อมพหลโห่เร้าจะเอาชัย พระแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองระยับ ตาบประดับพลอยแดงสุกแสงใส พาหุรัดเรืองรองทองอุไร แล้วสอดใส่สังวาลทรงอลงกรณ์ เจียระบาดคาดปักเป็นรูปครุฑ ใส่มงกุฎเนาวรัตน์ประภัสสร ฉลององค์พื้นแดงแย่งมังกร กรรเจียกจรธำมรงค์อลงการ์ เหน็บกระบี่สีสลับประดับเพชร แต่ละเม็ดพลอยพรายทั้งซ้ายขวา ทรงพระแสงของ้าวแวววาวตา ขึ้นพระยาพลายจำบังที่นั่งทรง พอฤกษ์ดีคลี่คลายขยายทัพ เดินคั่งคับทิวทวนกระบวนหงส์ ไปถึงด่านชาญสมุทรให้หยุดธง เอาปักลงโห่ร้องก้องสำเนียง ฯ ๏ ฝ่ายพวกโจรเตรียมถ้วนกระบวนทัพ ออกตั้งรับตีกลองกึกก้องเสียง ให้ทหารชำนาญปืนออกยืนเรียง หอกคู่เคียงคั่งคับทัพทมิฬ ทั้งสองข้างต่างยิงปืนคาบชุด อุตลุดกึกก้องท้องกระสินธุ์ นายโจรใหญ่ใส่หมวกประดับนิล ถือกะวินขัดกระบี่ขี่อาชา เร่งพหลพลขันธ์เข้าบรรจบ ตีตลบเข้าไปทั้งซ้ายขวา ข้างพวกไทยได้ทีตีประดา จนถึงอาวุธสั้นเข้าฟันแทง ยิงปืนตับคับคั่งไม่ยั้งหยุด อุตลุดรบกันด้วยขันแข็ง ทั้งสองข้างตายกลาดเลือดสาดแดง พวกแขกแทงไทยฟันประจัญบาน ฯ ๏ ฝ่ายมะหุดวุฒิไกรเอาไฟกรด สาดไปรดพวกไทยไล่ประหาร ถูกแขนขาไหม้ป่นเหลือทนทาน พวกทหารล้มตายลงหลายพัน พอเย็นย่ำสนธยาต่างล่าทัพ พากันกลับเข้าค่ายรีบผายผัน โจรก็เข้าอยู่ในด่านสำราญครัน ปรึกษากันที่จะรับกองทัพไทย ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์กฤษณา เสียบรรดาพลขันธ์ให้หวั่นไหว จะคิดอ่านป้องกันน้ำมันไฟ จึงสั่งให้แต่บรรดาเสนานาย มาปรึกษาหารือใครรู้บ้าง แก้ในทางเรื่องไฟเสียให้หาย ใครจะมีแยบยลกลอุบาย ทั้งไพร่นายอย่าได้พรางเอารางวัล ไม่มีใครที่จะรับดับไฟกรด ให้ระทดพวกพหลพลขันธ์ ถึงใครมีมนต์เวทวิเศษครัน จะป้องกันดับไฟเห็นไม่มี แต่ปรึกษาหารือกันจนดึก เห็นข้าศึกจะทำยับดั่งสับสี จะกำเริบโรมรุกมาทุกที เห็นบุรีเราจะป่นไม่ทนทาน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในบุรินทร์ปิ่นกษัตริย์ ครั้นไตรตรัสสุริยาออกหน้าฉาน แต่งพระองค์ทรงเครื่องอลังการ พร้อมทหารยกออกนอกบุรินทร์ พระเสด็จทรงรถาเทียมม้าต้น ดำเนินพลลงไปท่าชลาสินธุ์ ยิงปืนใหญ่ก้องกังวานสะท้านดิน ประโคมพิณพาทย์แตรแซ่สำเนียง เดินกระบวนทวนธงเครื่องยงยุทธ์ ได้นามครุฑโห่ร้องกึกก้องเสียง พวกกองหลังคุมพหลขนเสบียง เดินเรียบเรียงตามกันเป็นหลั่นไป ถึงค่ายใหญ่ใกล้ปราการชานสมุทร ก็ยั้งหยุดพลขันธ์เสียงหวั่นไหว พระกฤษณามาเชิญเสด็จไป เข้าค่ายในกราบทูลประมูลความ ว่าไพรีมีชัยเพราะไฟกรด มันสาดรดทิ้งขว้างกลางสนาม ถูกเสื้อผ้าเกิดเป็นไฟเที่ยวไหม้ลาม ติดไปตามเนื้อตัวทั่วทั้งกาย เอาน้ำดับกลับลุกขึ้นรุ่งโรจน์ เป็นแสงโชติทำอย่างไรก็ไม่หาย เหลือกำลังทั้งพหลพลนิกาย พากันตายย่อยยับลงนับพัน ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังให้สังเวช ผิดสังเกตกว่าแต่ก่อนจงผ่อนผัน จำจะคิดรับรองคอยป้องกัน อย่าเพ่อหวั่นหวาดใจทั้งไพร่พล ฯ ๏ ฝ่ายพวกโจรยกมาถึงหน้าค่าย ร้องเข้าไปบอกให้แจ้งแห่งนุสนธิ์ เฮ้ยใครเป็นตัวนายทั้งไพร่พล จงรีบร้นออกมารบอย่าหลบกัน ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์กฤษณา สั่งบรรดาพวกพหลพลขันธ์ ให้แต่งกายรับรองคอยป้องกัน ยกให้ทันมันมาท้าจะราวี พวกพหลพลทหารชำนาญรบ มิได้หลบข้าศึกไม่นึกหนี พลางร่ายเวทวิทยาวิชามี ล้วนคนดีสารพัดทั้งจัดเจน ฯ ๏ ฝ่ายทรงฤทธิ์กฤษณาทรงม้าต้น ยกพหลพร้อมพรั่งทั้งดั้งเขน เกณฑ์กองปืนมาบรรจบครบทุกเวร ทั้งโล่เขนหอกง้าวทั้งหลาวทวน พอฤกษ์ดีคลี่คลายขยายทัพ ยกออกรับรบกันกลมดั่งลมหวน โจรก็ทำยักย้ายหลายกระบวน เห็นจวบจวนหมุนวิ่งทั้งอัคคี น้ำมันไฟไหม้พหลพลรบ ทหารหลบแอบอิงบ้างวิ่งหนี ที่กำลังรบรับทัพทวี เปลวอัคคีไหม้ตายลงก่ายกอง พอเวลาสายัณห์ตะวันพลบ ต่างเลิกรบกลับไปค่ายทั้งสอง แขกกระหยิ่มยิ้มในน้ำใจปอง มันตรึกตรองแต่จะเข้าเอาบุรินทร์ ฯ ๏ จะกล่าวพราหมณ์สามนายได้หนังสือ แล้วกลับรื้อร้อนในใจถวิล ว่าข้าศึกมาประชิดติดบุรินทร์ ประเทศถิ่นรมจักรนัครา ทั้งสามนายใจร้อนดั่งศรพิษ มาปักจิตเหมือนชีวังจะสังขาร์ พลางเกณฑ์พลคนละพันสั่งภรรยา แล้วขึ้นม้ารีบมาพบประสบกัน ทั้งสามนายเร่งพหลพลทหาร มาถึงด่านนคเรศขอบเขตขัณฑ์ ได้ทราบความว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์ จากเขตขัณฑ์ไปตั้งรับทัพทมิฬ ทั้งสามพราหมณ์รีบตามไปเมืองด่าน เฝ้าพระผ่านภพไกรดั่งใจถวิล ป่างพระองค์ทรงจังหวัดปัถพิน จึงผันผินเบือนพักตร์มาทักพราหมณ์ แล้วตรัสเล่าราวเรื่องพวกโจรแขก เมืองด่านแตกเกิดยุ่งกรุงสยาม นัดดายกจัตุรงค์ออกสงคราม ก็ได้ความอัปรามาทุกที เสียพหลพลไพร่ตายออกกลาด ถูกมันสาดน้ำมันไฟตายเป็นผี เหลือแก้ไขในฤทธิ์พิษอัคคี ยกออกตีครั้งไรตายเป็นเบือ ถึงเวลามารบมิได้เว้น ราวกะเช่นเสือป่ามันกล้าเหลือ ทั้งพูดจาหยาบคายไอ้นายเรือ คล้ายผีเสื้อเช่นเขาว่านัยน์ตาแดง ฯ ๏ เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมบรมนาถ ทูลว่าชาติแขกชวามักกล้าแข็ง แต่จะดูกำลังรบกลางแปลง จะต่อแย้งทำการสถานใด เจ้าโมราสานนพราหมณ์วิเชียร เคยเล่าเรียนไตรเวทข้างเพทไสย จำจะดูท่าทางมันอย่างไร ขอแก้ไขตามตำราพระอาจารย์ ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังค่อยสร่างทุกข์ จึงสั่งมุขมนตรีสี่ทหาร เร่งกะเกณฑ์พลขันธ์ให้ทันการ ออกรอนราญรบสู้ดูอีกที เชิญเจ้าพราหมณ์สามนายไปกำกับ จะได้รับแก้ไขในวิถี ถ้าแม้นได้ฤกษ์พาเวลาดี จึ่งค่อยกรีธาทัพออกรับรอง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรใจฉกาจ มีอำนาจถือดีไม่มีสอง คิดจะทำการศึกนั่งตรึกตรอง เรียกโจรรองมาปรึกษาหาอุบาย ใครจะเห็นเป็นอย่างไรให้เร่งว่า จวนเวลาสุริยันตะวันฉาย จึงว่าข้าไม่เห็นทางข้างอุบาย สุดแต่นายกล่าวคำจะทำตาม ฯ ๏ ฝ่ายมะหุดวุฒิไกรลุกไปสั่ง ให้เร่งตั้งกระบวนไว้ในสนาม ได้ฤกษ์ดีเราจะตีตัดสงคราม แล้วจะข้ามทุ่งไปเผาค่ายดู จะรบรับทัพไทยด้วยไฟกรด เผาให้หมดทั้งแผ่นดินพวกกินหมู พวกพหลพลชวามลายู ถือหอกคู่เตรียมการจะราญรอน ใส่เสื้อดำกำมะหลิดเหน็บกริชสั้น ถือกั้นหยั่นยืนเรียงเคียงสลอน พร้อมสะพรั่งทั้งพหลพลนิกร อัสดรผูกไว้เสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายนายโจรแต่งกายกรายกระบี่ มาขึ้นขี่ม้าดำนำทหาร ยกพหลพลไกรอันชัยชาญ ออกจากด่านเมืองท่าชลาลัย โห่สนั่นครั่นครื้นยิงปืนตับ เดินคั่งคับธงทิวปลิวไสว ถึงที่รบหยุดพหลพลไกร ไอ้นายใหญ่นึกหวังอหังการ ให้ร้องว่าท้าทายเป็นหลายอย่าง พูดต่างต่างอิศโรตามโวหาร ทั้งหยาบคายร้ายกาจเพราะชาติพาล มันว่าขานประสาโจรโลนลำพอง ฯ ๏ จะกล่าวกลับทัพไทยเตรียมไว้พร้อม ให้ยกอ้อมออกไปรับทัพทั้งสอง เจ้าพราหมณ์คอยดูตรวจทุกหมวดกอง คอยรับรองดูกำลังระวังภัย พระกฤษณาทรงม้าเป็นแม่ทัพ พราหมณ์กำกับดูแลคอยแก้ไข ทหารโห่ครึกครื้นยิงปืนไฟ โห่เอาชัยฆ้องลั่นสนั่นดัง พวกทัพหน้ากล้าหาญเข้าราญรบ เร่งกระทบตีประดาทั้งหน้าหลัง โจรก็เร่งโยธาดาประดัง บ้างแกว่งทั้งอาวุธยุทธนา ชาวบุรีพุ่งหลาวเอาง้าวฟาด พวกโจรสาดไฟแรงถูกแข้งขา น้ำมันกรดรุ่งโรจน์โชตินา ถูกบรรดาพวกทหารล้มซานเซ ติดผ้าเสื้อเหลือทนเที่ยววนวิ่ง บ้างล้อมกลิ้งทับกันวิ่งหันเห พระกฤษณาเห็นกระบวนเที่ยวรวนเร เดินโซเซซานซบสลบไป พระชักม้าถาโถมเข้าโจมจับ นายโจรรับกระบี่ฟาดพลาดไถล พระกฤษณากวัดแกว่งพระแสงไป เข้าชิงชัยรับรองทั้งป้องกัน พระกฤษณากล้าหาญในการรบ เลี้ยวตลบต่อแย้งด้วยแข็งขัน โจรสามารถอาจองคงกระพัน แต่รบกันก็จนหย่อนอ่อนกำลัง โจรขยับขับม้าออกมาห่าง แล้วก็ขว้างน้ำมันไฟดั่งใจหวัง ถูกกายกรร้อนรนพ้นกำลัง ม้าที่นั่งเล่าก็ไฟติดไหม้พอง สลบลงที่ทางกลางสนาม ทั้งสามพราหมณ์ชักม้าพาผยอง เข้ารบรับแก้ไขในทำนอง ไอ้โจรร้องวิ่งเข้าไปเอาไฟโยน ถูกวิเชียรโมราม้าที่ขี่ ก็วิ่งรี่โลดเต้นทั้งเผ่นโผน เหลือกำลังร้อนเริงด้วยเพลิงโชน วิ่งลงโคลนดิ้นหรบสลบไป แต่สานนนั้นไฟมิได้ต้อง นิ่งตรึกตรองผันแปรคิดแก้ไข พระสุริยงเย็นพยับลงลับไพร ต่างเลิกไปมิได้รบพอพลบลง พวกที่กลับไปค่ายทูลไขขาน ว่าพระหลานถูกอัคคีมีพิษสง ทั้งอาชาม้าที่นั่งบัลลังก์ทรง สลบลงทั้งทหารชำนาญปืน กับสามพราหมณ์ตามไปก็ถูกด้วย เห็นจะม้วยชีวาไม่ฝ่าฝืน เหลือแต่พราหมณ์สานนเป็นคนยืน ไม่ถูกปืนถูกไฟพวกไพรี ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ได้ทรงทราบ ดั่งเอาดาบเข้ามาฟันบั่นเกศี เห็นบ้านเมืองจะได้แก่ไพรี ไม่รู้ที่ตรองการสถานใด ฯ ๏ ฝ่ายสานนเข้าไปเฝ้าเล่าแถลง ทูลชี้แจงขอพระองค์อย่าสงสัย ข้าตรองตรึกนึกเหมือนอย่างเมื่อครั้งไป รบที่ในเมืองผลึกนึกขึ้นมา อ้ายจีนตั๋งมันก็ใช้ไฟอย่างนี้ ต้องบัดพลีขอฝนมนต์คาถา ให้ตกต้องเย็นใจในอุรา ขออาสาแก้ไขไฟน้ำมัน ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังจึงสั่งว่า ตามวิชาครูสอนเร่งผ่อนผัน ช่วยแก้ไขให้ตลอดรอดชีวัน แต่พวกบรรดาไปถูกไฟฟอน พระตรัสว่าข้าก็จะไปด้วย จะได้ช่วยกันระวังช่วยสั่งสอน พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จบทจร กับนิกรเสนาพร้อมสานน ไปถึงที่ท่าข้ามสนามรบ เห็นแต่ศพนอนกราดดาดถนน ท้าวจึงหยุดเสนาพลาพล พราหมณ์สานนตั้งศาลการบูชา แล้วบวงสรวงเทพไทในสวรรค์ ที่ในชั้นดาวดึงส์ไตรตรึงสา เข้ามณฑลบริกรรมตามตำรา ประเดี๋ยวฟ้าครางครึมกระหึมครวญ มหาเมฆตั้งมาในอากาศ ด้วยอำนาจอาคมเป็นลมหวน ฝนก็โรยโปรยต้องละอองนวล สุนีครวญน้ำนองท้องสุธา พวกที่ถูกไฟกรดหมดทั้งนั้น ก็พากันพลิกฟื้นตื่นผวา พร้อมทั้งหมดปลดปลอดรอดชีวา พระกฤษณาสองพราหมณ์พ้นความตาย ทั้งอาชาม้าที่นั่งสิ้นทั้งนั้น ไม่ดับขันธ์ไฟดับระงับหาย ได้ความสุขทุกข์ร้อนผ่อนสบาย ทั้งเจ้านายมาประนมบังคมคัล ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ยินดีเป็นที่สุด พระทรงภุชปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ ชวนนัดดาสามพราหมณ์ตามจรัล มาตั้งมั่นอยู่ในค่ายทั้งไพร่พล ถึงเวลามารบมิได้ขาด ไม่พลั้งพลาดตีตลบรบด้วยฝน พราหมณ์วิเชียรโมราเจ้าสานน เข้ามณฑลโดยตำราวิชาการ ฯ ๏ แต่บทเบื้องเรื่องรบสงบไว้ จะกล่าวในเมืองลังกามหาสถาน พอว่างศึกสรรพเสร็จสำเร็จการ พระผู้ผ่านรมจักรนัครินทร์ ไปเฝ้าองค์พระมุนีฤๅษีสาม แล้วทูลความพระนักสิทธ์ดั่งจิตถวิล ขอถวายบังคมลาไปธานินทร์ ประเทศถิ่นเยี่ยมวงศ์พงศ์ประยูร พระอภัยได้สดับจึ่งรับสั่ง พ่อไปยังเวียงชัยมไหสูรย์ ช่วยทูลองค์สองกษัตริย์ญาติประยูร ว่าพี่ทูลท้าวไทถวายพร ให้พระชนม์ยาวยืนหมื่นพรรษา จงวัฒนาเรืองฤทธิ์ดั่งพิษศร ทั้งโรคาสารพัดกำจัดจร ให้ภูธรสุโขมโหฬาร พี่ขอฝากนิลกัณฐีตรีพลำ พ่อจงนำไปเขตประเทศสถาน ช่วยชุบเลี้ยงสององค์เหมือนวงศ์วาน ไว้ถิ่นฐานรมจักรนัครา ฯ ๏ ศรีสุวรรณกราบก้มบังคมบาท กับสองนาฏอัครเรศของเชษฐา สองนางชีรับหัตถ์กษัตรา มีวาจาอวยชัยถวายพร เสด็จไปให้สบายวายวิโยค นิราศโรคเรืองฤทธิ์ดังพิษศร ศรีสุวรรณทูลลามานคร สั่งนิกรเสนาบรรดานาย ให้จัดแจงแต่งกำปั่นสุวรรณหงส์ เปลี่ยนเทียวธงเสากลางระยางสาย ให้ช่างเขียนเสียใหม่ลายระบาย ทั้งห้องท้ายบาหลีให้มีทอง บนบัลลังก์ตั้งพระแท่นเพดานดาด วิสูตรตาดสลับสีไม่มีหมอง เขนยอิงพิงพาดที่อาสน์รอง แต่ล้วนของอย่างดีมีราคา ทั้งกำปั่นตามเสด็จสักเจ็ดร้อย เครื่องใช้สอยใส่แต่พื้นล้วนปืนผา กับข้าวของเครื่องเสบียงเลี้ยงโยธา ขุนเสนาทุกตำแหน่งไปแจ้งการ ฯ ๏ พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร เข้าปรางค์มาศข้างในอันไพศาล สถิตแท่นเนาวรัตน์ชัชวาล เอื้อนโองการแก่รำภาสุดาดวง พี่จะชวนเจ้าไปไอศวรรย์ หมดด้วยกันแต่บรรดาพวกข้าหลวง ไปอยู่พาราเราให้เบาทรวง ขอเชิญดวงนัยนาจงปรานี โฉมรำภาสะหรีชุลีหัตถ์ สนองอรรถทูลว่าข้าทาสี จะตามไปกลัวจะขายฝ่าธุลี ด้วยน้องนี้เป็นฝรั่งไม่บังควร พระชุบเลี้ยงเพียงนี้เป็นที่สุด เป็นมนุษย์แล้วอย่าให้ผู้ใดสรวล ก็อยากตามเสด็จไปแต่ใคร่ครวญ จะเป็นกวนบาทาฝ่าละออง พระตรัสว่ารำภานี่ปากแข็ง เจ้าจะแกล้งให้พี่ทนที่หม่นหมอง เจ้าเพื่อนยากฝากชีวิตไม่คิดตรอง น้อยหรือน้องขืนขัดตัดอาลัย นิจจาเอ๋ยแม่ก็เคยเป็นคู่ชื่น สำราญรื่นชวนชิดพิสมัย จนมีลูกปลูกฝังไม่หวังใจ หรือจะไม่ปรองดองจึ่งหมองมัว ฯ ๏ รำภาฟังดั่งจะกลืนชื่นในจิต แต่ทูลบิดเบี้ยวไปลองใจผัว น้องก็เป็นคนยากหมายฝากตัว แต่นึกกลัวไปข้างหน้าสารพัน พระโปรดเกล้าคราวนี้เป็นที่ยิ่ง เป็นความจริงสุจริตไม่บิดผัน ซึ่งกราบทูลทั้งนี้เพราะมีครรภ์ แม้นทรงธรรม์กรุณาจะพาจร ก็สุดแท้แต่พระองค์พงศ์กษัตริย์ ไม่ข้องขัดบพิตรอดิศร พระว่าน้อยหรือนุชสุดแสนงอน พลางกุมกรขึ้นบนที่ศรีไสยา ถนอมแนบแอบน้องประคองเคล้า พลางต้องเต้าเต่งถนัดล้นหัตถา นางป้องปิดบิดผันด้วยมารยา พระตรัสว่าถ่านเก่าเจ้ากระบวน พลางจุมพิตชิดปรางนางฝรั่ง ยังเปล่งปลั่งชื่นเชยระเหยหวน สนิทสนอมพร้อมใจในกระบวน ตัดสำนวนเสียด้วยเล่ห์ประเวณี ถนอมแนบแอบอุ่นละมุนละม่อม ราวกับกล่อมให้สนิทด้วยดีดสี พยุหวนป่วนปัดในนที เป็นคลื่นตีกระทบฝั่งตามวังวน พิรุณโรยโปรยปรายเป็นสายสาด สุนีฟาดเปรี้ยงก้องห้องเวหน ทะเลลมยมนาในสาชล พยุฝนพัดพาสุมาลัย แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้าเอาเกสร เข้าเฟ้นฟอนกลั้วกลิ่นบินไสว ทุกถ้ำธารละหานเหวเป็นเปลวไฟ สกุไณโผผินบินทะยาน ทั้งหมดหงส์ลงเล่นชลาสินธุ์ เที่ยวโบกบินร้องจำเรียงเสียงประสาน จนเดือนดับลับขอบจักรวาล สองสำราญอยู่ในที่ศรีไสยา ฯ ๏ อโณทัยไขแสงแจ้งกระจ่าง ส่องสว่างอำพนบนเวหา กาดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริยา สกุณาโผผินบินทะยาน พวกเสนามาพร้อมทุกตำแหน่ง ต่างจัดแจงตรวจตราโยธาหาญ ทั้งล้าต้าต้นหนพวกคนงาน คอยพระผ่านรมจักรนัครินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ เสด็จออกอาสน์แต่งองค์สรงกระสินธุ์ กับมิ่งมิตรกนิษฐายุพาพิน พร้อมทั้งนิลกัณฐีตรีพลำ ตามเสด็จจอมวงศ์ดำรงราชย์ จากปราสาทรจนาเลขาขำ นางเชิญเครื่องเรืองรองล้วนทองคำ ล้วนคมขำแต่ละนางสำอางตา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์รำภานางฝาหรั่ง มาข้างหลังจอมกษัตริย์ทรงรัถา สามพระองค์ทรงเสลี่ยงเรียงกันมา แต่สุดสาครไปในกระทรวง เสาวคนธ์มณฑาก็มาส่ง พร้อมพระวงศาสะพรั่งจากวังหลวง ส่งเสด็จล้นหลามตามกระทรวง พระเสร็จล่วงลงไปพักตำหนักแพ สุดสาครเสาวคนธ์วิมลพักตร์ ประเสริฐศักดิ์หมอบฟังสั่งกระแส พระปราศรัยว่าพ่ออยู่จงดูแล ระวังแต่ไพรีแม้นมีมา จงบอกไปให้ถึงอาจะมาช่วย เป็นเพื่อนม้วยกว่าชีวังจะสังขาร์ อยู่จงดีศรีสวัสดิ์เถิดนัดดา อาขอลาเยี่ยมประเทศเขตนคร ฯ ๏ กษัตรากราบก้มบังคมบาท บรมนาถบพิตรอดิศร ทั้งสององค์ทูลลาสุดสาคร กับบังอรเสาวคนธ์วิมลทรง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสวัสดิ์ จากแท่นรัตน์เสด็จยังที่นั่งหงส์ เจ้ากัณฐีตรีพลำตามพระองค์ เสด็จไปลงกำปั่นด้วยทันใด ฯ ๏ ฝ่ายรำภาลาพระวงศ์เผ่าพงศา ลงเภตราเข้าอยู่ห้องอันผ่องใส กับสุรางค์นางฝรั่งพวกข้างใน สำหรับใช้ทำเครื่องที่เมืองตัว จัดให้อยู่ห้องหับตามรับสั่ง พวกฝรั่งเหล่านี้ไม่มีผัว สำหรับคอยดูแลเป็นแม่ครัว ทั้งผัดคั่วมีรสหมดทุกนาง พอฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสนั่น บ้างโห่ลั่นปืนตึงเสียงผึ่งผาง พวกต้นหนคนการชำนาญทาง สั่งให้กางใบเคียงกันเรียงราย พอลมพัดริ้วริ้วมาฉิวเฉื่อย เรือก็เรื่อยล่องมาเวลาสาย ข้ามสันดอนแล่นเคียงกันเรียงราย แสนสบายลมจัดถนัดใบ เรือเจ็ดร้อยลอยแล่นตามเสด็จ พร้อมกันเสร็จข้ามมหาชลาไหล บ้างนั่งนอนในกำปั่นสำราญใจ แล่นไปในสาคโรชโลธาร สองกษัตริย์ญาติวงศ์ส่งเสด็จ ครั้นสรรพเสร็จคืนหลังยังสถาน เข้านิเวศน์เขตแคว้นแสนสำราญ กับสองมิ่งเยาวมาลย์บานกมล ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงกำปั่น สาวสวรรค์ตามมามากจากสิงหล พากันชมมัจฉาในสาชล บ้างผุดพ่นธาราในสาคร ฝูงตะเพียนเคล้าตะเพียนเที่ยวเวียนว่าย แลดูกายโตยิ่งเท่าสิงขร ฝูงฉนากเคล้าฉนากไม่จากจร โลมาว่อนล้วนโลมาดำวาริน ปลาฉลามล้วนฉลามว่ายตามคู่ เป็นหมู่หมู่ในมหาชลาสินธุ์ ฝูงพิมพาพาพิมพาเที่ยวหากิน บ้างโดดดิ้นฟาดหางกลางสินธู ปลากุเราล้วนกุเราว่ายเคล้าเพื่อน ราหูเบือนบิดหน้าคล้ายราหู ฝูงเงือกน้ำว่ายคล่ำล้วนเงือกงู เป็นหมู่หมู่เลื้อยมาตามสาชล ฝูงม้าน้ำดำหานางม้าน้ำ บ้างผุดคล่ำว่ายเกลือกเสลือกสลน ฝูงช้างน้ำก่งหางเหมือนช้างชน ร้องคำรนแปร๋แปร้นแล้วแหงนเงย มีละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งหน พฤกษาต้นยางพะยอมหอมระเหย แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้าลงเฝ้าเชย ลมรำเพยพัดพาสุมาลัย ฝูงวิหคนกกาทิชาชาติ ระดาดาษจับเรียงเคียงไสว พระสุริยงลงลบภพไตร จันทร์ก็ไขแสงสว่างกระจ่างตา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรอยู่ในด่าน มันตรองการคิดขึ้นได้แล้วให้หา คนสำหรับเคยกลั่นน้ำมันยา ให้เร่งมาหุงจ่ายไปทุกกอง เวลาดึกวันนี้ตีให้แตก จะยกแยกกันเข้าปล้นขนเอาของ เห็นจะสมควรคิดดั่งจิตปอง พวกโจรร้องเร่งรัดไปจัดการ เรียกพหลพลไพร่มาไว้เสร็จ พอถ้วนเจ็ดทุ่มสำเหนียกเรียกทหาร ให้แบกไม้คนละลำไปทำการ ออกจากด่านเร่งเดินดำเนินพล ถึงค่ายใหญ่กองไม้เอาไฟจุด อุดลุตแซ่เซ็งเร่งพหล อ้ายนายโจรแกว่งไฟเที่ยวไล่คน ให้เข้าปล้นยิงปืนเสียงครื้นเครง จุดดินดำกำมะถันควันโขมง เผาร้านโรงคนโลดกระโดดเหยง พวกในค่ายวิ่งวนอลเวง เหยียบกันเองล้มลุกลงคลุกคลาน ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ผู้ทรงภพ คิดปรารภเร่งเร้าพระเจ้าหลาน ว่าข้าศึกฮึกโหมมาโรมราญ พวกทหารยกออกรับเร่งดับไฟ โจรกระชั้นขันแข็งเข้าแย้งยุทธ์ อุตลุดแทงฟันเสียงหวั่นไหว เจ้าพราหมณ์เข้ามณฑลเรียกฝนไป ประเดี๋ยวใจวลาหกตกกระจาย เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสุนีสนั่นครื้น นภางค์พื้นฝนเย็นกระเซ็นสาย พวกโจรถูกลูกเห็บเจ็บทั้งกาย พวกบ่าวนายชวนกันวิ่งทิ้งสาตรา ข้างพวกไทยได้ทีตีตลบ เร่งสมทบยิงพื้นแต่ปืนผา พุ่งแหลนหลาวอาวุธยุทธนา อ้ายโจรล่าเข้าในด่านชานบุรินทร์ พวกชาวเมืองตีอ้อมล้อมสกัด ดึกสงัดแหกเข้าได้ดั่งใจถวิล โจรก็ถอยลงมาค่ายชายวาริน พร้อมกันสิ้นหนาวนักให้พักพล ข้างพวกไทยมีชัยให้ตั้งมั่น เร่งตรวจกันไว้ให้ทั่วตัวพหล จัตุรงค์เสนาพลาพล อย่าให้คนเข้าออกทั้งนอกใน ฯ ๏ ฝ่ายสานนห้ามฝนให้สงบ จะตามรบลงไปท่าชลาไหล เห็นจะไม่สมหวังเหมือนดั่งใจ ต้องหยุดไว้ด้วยว่ายังเป็นกลางคืน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ แล่นกำปั่นใบมาไม่ฝ่าฝืน สามเดือนครึ่งถึงปากน้ำพอค่ำคืน ให้ยิงปืนทอดสมอค่อยรอรา พอเดือนเด่นเห็นกำปั่นมาจอดดาษ ผิดประหลาดหลากจิตคิดกังขา ล้วนเรือรบเสาสล้างกลางคงคา เข้าปิดท่าเมืองด่านชานบุรี เห็นจะเป็นข้าศึกมาฮึกหาญ เข้าตีด่านชานชลาหน้ากรุงศรี ครั้นจะยกโยธาเข้าราวี จะเสียทียังไม่แจ้งแสดงความ พรุ่งนี้เช้าเราจะใช้นายทหาร ไปสืบการข้างในค่ายได้ไต่ถาม ถ้าข้าศึกอาจองมาสงคราม จึ่งยกตามตีประชิดติดเข้าไป พระสั่งพวกพลนิกายฝ่ายททาร จงเตรียมการดูแลคิดแก้ไข ทั้งแหลนหลาวง้าวทวนกระบวนใคร เร่งเตรียมไว้แต่เวลารุ่งราตรี ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายทหารชำนาญรบ จัดเครื่องครบเรือหงส์ปักธงสี พอเช้าตรู่สุริยารุ่งราตรี ก็ให้คลี่ใบพร้อมแล่นอ้อมมา พอลมส่งตรงเข้าอ่าวปากน้ำ ครั้นถึงกำปั่นตรงส่งภาษา พวกแขกดำทำพูดเป็นมารยา ว่าท่านมาแต่หนตำบลใด จงบอกเล่าเราก่อนให้แจ้งเหตุ อยู่ประเทศธานินทร์บุรินทร์ไหน ธุระเรื่องการงานสถานใด อย่าเข้าไปริมป้อมที่ล้อมวง บัดนี้ในธานินทร์บุรินทร์นี้ นายเราตีได้สมอารมณ์ประสงค์ เร่งถอยไปจากป้อมเราล้อมวง แม้นขืนตรงเข้ามาจะราวี ฯ ๏ พวกขุนนางฟังคำแขกคำว่า จึงปรึกษาว่าเราน้อยต้องถอยหนี จำจะกลับไปทูลมูลคดี ให้ทราบที่บาทบงสุ์พระทรงธรรม์ แล้วกลับหลังไปยังกำปั่นใหญ่ รีบขึ้นไปทูลคดีขมีขมัน ข้าพเจ้าแล่นใบเข้าไปพลัน ถึงเขตคันเมืองด่านชานชลา พวกแขกดำทำอำนาจพูดกราดเกรี้ยว คิดหน่วงเหนี่ยวให้ไต้ก๋งส่งภาษา มันห้ามไว้มิให้ไปในพารา แล้วพูดจาหยาบคายหลายประการ มันบอกว่าธานินทร์บุรินทร์นี้ นายมันตีได้สิ้นทุกถิ่นฐาน จะสืบข่าวที่ไหนไม่ได้การ มันกักด่านเสียทุกแห่งไม่แจ้งความ ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร ประหลาดนักใครมาเวียนเป็นเสี้ยนหนาม หรือมังคลามาติดคิดสงคราม จึ่งลุกลามขึ้นที่เขตประเทศเรา พระตรัสสั่งเสนาโยธาหาญ ให้จัดการรอกใบขึ้นใส่เสา เรือกำปั่นแต่บรรดาโยธาเรา ให้เร่งเข้าตีแขกให้แตกพัง แต่บรรดามาถ้วนกระบวนทัพ แยกกันรับเภตราทั้งหน้าหลัง พอลมดีตีกลองฆ้องระฆัง เรือที่นั่งถอนสมอขันช่อใบ กำปั่นตามหลามแล่นแน่นสล้าง มาตามทางคงคาชลาไหล พอพระพายชายพัดถนัดใบ แล่นเข้าไปถึงด่านชานบุรี ทอดสมอรอราตรงหน้าป้อม ทหารพร้อมเหล่าบรรดากะลาสี ให้ยิงปืนครื้นครั่นไปทันที สั่งให้ตีกลองรบสมทบกัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเภตราโยธาแขก สั่งให้แยกเรือรับเป็นทัพขันธ์ รองปลัดหัสเกนกะปิตัน ก็สั่งกันให้แจ้งแห่งเนื้อความ กับนายโจรผู้ใหญ่เป็นนายทัพ ให้เร่งกลับมาเรือศึกเหลือหลาม ถ้าแม้นช้าเห็นว่าจะเสียความ เร่งไปตามนายมาอย่าช้าที ฯ ๏ พวกคนใช้รีบให้ถอนกำปั่น ขึ้นไปพลันถึงท่าหน้ากรุงศรี แล้วแจ้งความนายใหญ่ว่าไพรี ยกมาตีข้างเรือเหลือกำลัง ฯ ๏ ฝ่ายโจรใหญ่ได้ฟังสั่งพหล ให้เลิกพลกลับไปดั่งใจหวัง รีบลงไปเภตราละล้าละลัง ทั้งระวังทัพบกจะยกตาม ให้โจรรองสองนายฝ่ายทหาร คอยต้านทานอยู่รับทัพทั้งสาม แล้วต้อนคนพลไพร่ลงไปตาม ประมาณสามพันคนรีบลนลาน ถึงเรือใหญ่สั่งให้ลงเรือรบ เร่งสมทบกันให้ทั่วตัวทหาร ประจุปืนยืนยันประจัญบาน ต้อนทหารกองหน้าเข้าราวี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระศรีสุวรรณราช ออกจากอาสน์รจนาท้ายบาหลี กับรำภาฝรั่งสั่งคดี ให้เร่งตีทัพโจรโยนสาตรา ทหารรับอภิวาทประกาศก้อง ทั้งโห่ร้องครึกครื้นยิงปืนผา ฝ่ายยุพินปิ่นอนงค์องค์รำภา ทูลพระสามีพลันมิทันนาน ตัวรำภาสะหรีขอตีทัพ ให้แตกยับคุมไพร่ฝ่ายทหาร แล้วแต่งตัวนาดกรายเหมือนชายชาญ มากราบกรานกษัตราพระสามี ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ ให้โอกาสพลางประโลมนางโฉมศรี ส่งพระแสงอัษฎาค่าบูรี พระเปรมปรีดิ์รั้งหลังระวังพล ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีคิดตีทัพ เดินกำกับตรวจตราโกลาหล ให้ยิงปืนครื้นครั่นข้างชั้นบน แล้วสั่งพลหาน้ำไว้สำรอง เรือก็เรียงเคียงกันกระชั้นชิด พวกโจรคิดแต่จะเผาเอาข้าวของ จึงเร่งพวกสารวัตรปลัดกอง ให้สำรองไฟกรดหมดทุกนาย พอเรือเรียงเคียงใกล้เอาไฟทิ้ง แล้วก็ยิงปืนใหญ่ดังใจหมาย คิดใบเพลาเสากลางสว่างพราย ทั้งหัวท้ายคนวิ่งเป็นสิงคลี บ้างสาดน้ำซ้ำไปไฟยิ่งลุก โจรก็รุกเร่งบรรดากะลาสี ให้เอาหม้อดินพลันมาทันที จุดอัคคีโยนผึงเสียงตึงตัง ฯ ๏ ฝ่ายรำภากล้าหาญในการรบ ให้สมทบเรืออ้อมเข้าล้อมหลัง ที่ดับไฟไม่หยุดสุดกำลัง เอาแต่ถังตักน้ำเทร่ำไป เห็นอัคคีมีฤทธิ์ผิดประหลาด ถูกน้ำสาดก็ยิ่งติดผิดวิสัย จึ่งปรึกษาแก่กันทำฉันใด จะดับไฟด้วยน้ำเหลือกำลัง ฯ ๏ ขอกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ พอเย็นค่ำเห็นทัพนั้นกลับหลัง เสียงแต่ปืนครื้นครั่นสนั่นดัง ที่ริมฝั่งแสงไฟนั้นไหม้โพลง ทั้งเสียงฆ้องกลองรบนั้นเร่งเร้า ยิ่งมืดเข้าเสียงลั่นควันโขมง ที่ค่ายโจรเสียงเกราะยังเคาะโกรง แขกในโรงนั้นก็หายไปหลายพัน ฯ ๏ พราหมณ์โมราสานนกับพลไพร่ ก็ยกไปเร่งรับเป็นทัพขัน พราหมณ์วิเชียรไวว่องคอยป้องกัน รักษาชั้นเขตด่านชานบุรี พระกฤษณาตั้งรับอยู่ทัพหลวง ทุกกระทรวงเสนาบดีศรี ฝ่ายสานนปรีชาปัญญาดี เห็นท่วงทีจอมวงศ์พระทรงธรรม์ จะกลับจากลังกาอาณาจักร โจรจะกักต้อนรับเป็นทัพขัน จึ่งจับยามตามสังเกตแจ้งเหตุพลัน วันนี้จันทร์ยามเสาร์เข้ามณฑล ในตำราว่าผู้หญิงเป็นแม่ทัพ หรือเธอรับสมรมิ่งจากสิงหล จะไปสืบทางเรือก็เหลือจน กำปั่นล้นหลายชั้นกั้นหนทาง จึ่งให้ตั้งรั้งราริมท่าน้ำ เกณฑ์กันทำบัดพลีขึ้นสี่ศาล แล้วอ่านเวทวิทยาปรีชาชาญ ให้ฝนซ่านสาดสายลงปรายโปรย เป็นลมหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง ฟ้าก็ร้องครางครึมกระหึมโหย อากาศมืดมัวคล้ำเป็นน้ำโปรย ทั้งลมโชยฝนสาดลงปราดปราย สุนีเปรี้ยงเสียงก้องท้องสมุทร ดั่งจะทรุดฟ้าแลบวาบแวบฉาย กำปั่นรบชุลมุนกันวุ่นวาย ทั้งหนาวกายสั่งรัวทั่วทุกคน ทิ้งอาวุธสาตราหาผ้าเสื้อ ด้วยหนาวเหลือเย็นชุ่มทุกขุมขน ไฟก็วับดับทั่วกลับมัวมน พวกไพร่พลหยุดรบหลบลงไป บ้างมุดลงท้องเรือด้วยเหลือหนาว สะท้านท่าวเหลือล้นทนไม่ไหว ข้างพวกเราเต็มประดาเอาผ้าใบ มากองไว้ชวนกันมุดบ้างฉุดชิง บ้างก็เข้าคุดคู้อยู่ในถัง แต่พอบังฝนไว้เอาไฟผิง บ้างก็นั่งกอดเพื่อนเหมือนอย่างลิง เอาหลังผิงเตาไฟหายใจรวน ทั้งนายบ่าวหนาวฝนทนไม่รอด ลงครางออดทุกข์ระทมทั้งลมหวน ทิ้งอาวุธทรุดหมอบลงหอบรวน พยุหวนพัดซ้ำกระหน่ำไป ฯ ๏ ฝ่ายโยธีที่เรือทั้งสองข้าง รบกันค้างเปียกฝนทนไม่ไหว ต้องลงท้องเรือยัดอัดกันไป จะจุดไฟก็ไม่ติดผิดพิกล ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงภพ คิดปรารภมิได้แจ้งแห่งนุสนธิ์ จึงตรองตรึกนึกขึ้นมาถึงสานน บังเกิดฝนทั้งนี้ไม่มีใคร เห็นแม่นมั่นวันนี้พี่ทั้งสาม เห็นสงครามรบกันสนั่นไหว หรือจะมาระงับช่วยดับไฟ ก็ยังไม่รู้แท้ยังแชเชือน แต่สังเกตเหตุผลฝนอย่างนี้ ดูเหมือนที่เมืองผลึกรบศึกเหมือน ถูกไฟกรดหมดทั่วทั้งครัวเรือน ฝนนี้เหมือนคราวนั้นเห็นมั่นคง พระตรัสกับรำภาอย่าวิตก วลาหกนี้เห็นผิดอย่าคิดหลง ชะรอยฝนมนต์พราหมณ์เห็นความตรง คงจะลงมาอยู่ท่าริมสาชล แต่วันนี้มืดมัวทั่ววิถี รุ่งพรุ่งนี้ก็คงแจ้งแห่งนุสนธิ์ จงรอรั้งพลไกรทั้งไพร่พล พักพหลแก้หนาวทั้งหาวนอน ฯ ๏ ฝ่ายรำภาสะหรีปรีชาปราชญ์ แหลมฉลาดทัพศึกได้ฝึกสอน เคยรบรับทัพใหญ่ในนคร เชิงผันผ่อนแยบคายหลายประการ จึ่งกราบทูลบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ คงจะคิดเคี่ยวขับจับประหาร แต่วันนี้มืดมนอนธการ หนาวสะท้านอกใจพวกไพร่พล แล้วจุดไฟไม่ติดผิดสังเกต ก็อาเพศใช่หมู่ฤดูฝน ทั้งคลื่นใหญ่พัดเรือด้วยเหลือทน ต้องผ่อนปรนโยธาพลากร ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสว่าสุดแท้แต่สมร ตามแต่จะคิดการที่ราญรอน พลนิกรสุดแต่เจ้าจะเล้าโลม พี่จะคอยกำกับเป็นทัพหนุน จะได้อุ่นใจนางสำอางโฉม พระตรัสพลางทางเฝ้าแต่เล้าโลม ให้นางโสมนัสรื่นชื่นอุรา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรใจฉกาจ นึกประหลาดหากจิตคิดกังขา ฝนไม่หยุดสุดคิดผิดตำรา จึงปรึกษากับปลัดเห็นอัดแอ คิดจะหนีออกให้ห่างทางก็ขัด เรือก็อัดไม่มีคลองช่องแฉว เป็นเหลือจนอ้นอั้นจะผันแปร ด้วยเรือแพมิใช่น้อยตั้งร้อยลำ ไหนทัพบกยกหนุนมานับแสน เราติดแน่นเพราะประมาทพลาดถลำ จะติดกับกลับไม่พ้นต้องทนกรรม จะมาจำใจตายวายชีวี ทั้งลมฝนจนใจมิได้หยุด เห็นจะสุดสิ้นปัญญาต้องล่าหนี คิดจะน้อมยอมใจเป็นไมตรี เห็นชีวีก็จะรอดตลอดไป ฯ ๏ นายโจรใจทมิฬหินชาติ เชิงฉลาดผันแปรคิดแก้ไข ปรึกษาพวกทัพพร้อมก็ยอมใจ ทั้งบ่าวไพร่แต่บรรดามาด้วยกัน เกือบจะใกล้รุ่งรางสว่างหล้า สุริยาเยี่ยมไศลเสียงไก่ขัน สุเหร่าร้องก้องขานประสานกัน แสงหิรัญเรืองรองท้องฟ้าแดง นายโจรให้จัตุรงค์ชักธงขาว แจ้งเรื่องราวการศึกอย่างนึกแหนง ไม่สู้รบหลบหนีขอชี้แจง จึงสำแดงความตรงด้วยธงชัย ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเภตรารำภาสะหรี ครั้นสุริย์ศรีแจ่มแจ้งส่งแสงใส องค์พระศรีสุวรรณวงศ์ผู้ทรงชัย พร้อมนายไพร่แต่บรรดาเสนานาย พอฝนซาเภตราค่อยหยุดกลอก คลื่นระลอกก็ค่อยเบาบรรเทาหาย ได้แสงแดดแผดเผาบรรเทาคลาย ทั้งไพร่นายหมื่นขุนค่อยอุ่นทรวง พากันออกนอกห้องท้องกำปั่น ก็ชวนกันรีบมาเภตราหลวง เข้าเฝ้าฟังรับสั่งถามความทั้งปวง ทุกกระทรวงเสนาประชากร ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ออกแท่นรัตน์ท้ายบาหลีกับศรีสมร พร้อมสะพรั่งพหลพลนิกร นรินทรสั่งมหาเสนาพลัน ให้เตรียมเหล่าโยธามาบรรจบ จะเข้ารบเร่งรับเป็นทัพขัน กระบวนแซงแต่งตั้งเป็นดั้งกัน จะประจัญไพรีให้มีชัย พอเห็นธงขาวสล้างกลางกำปั่น พวกโจรนั้นพร้อมพรักชักไสว ก็รู้แท้แน่ตระหนักประจักษ์ใจ ว่าเขาไม่สู้ฤทธิ์คิดระอา ขออ่อนน้อมยอมตัวกลัวพระเดช คอยฟังเหตุราชกิจพวกมิจฉา คงจะมีผู้แถลงแจ้งกิจจา ขุนเสนากราบทูลมูลความ ฯ ๏ พระทรงธรรม์ผันพักตร์ทอดพระเนตร ก็ทราบเหตุสารพัดจึ่งตรัสถาม นางโฉมยงองค์รำภาสง่างาม อันเรื่องความนี้จะเห็นเป็นอย่างไร ฝ่ายโฉมยงองค์นางสำอางพักตร์ แจ้งประจักษ์มั่นคงไม่สงสัย จึงทูลองค์ทรงธรรม์ไปทันใด อันวิสัยข้างฝรั่งเมืองลังกา แม้นยกธงผืนยาวขาวบริสุทธิ์ ก็ยั้งหยุดยอมแพ้แน่นักหนา แต่ข้างแขกแปลเชื้อเหลือตำรา มันจะมาหลอกลวงดูท่วงที หรือจะเป็นความจริงยังกริ่งจิต หรือจะคิดแยบคายอุบายหนี แต่ที่จะรบรุกเข้าคลุกคลี เห็นไม่มีดอกพระองค์อย่าสงกา แต่พวกเราเอากำปั่นออกกั้นช่อง อย่าให้ล่องออกไปทั้งซ้ายขวา แม้นเห็นผิดท่วงทีกิริยา ไม่เหมือนว่าจึ่งเข้ารบสมทบพล พระทรงฟังเห็นจริงทุกสิ่งสิ้น ที่ยุพินทูลแถลงแจ้งนุสนธิ์ จึงตรัสสั่งเสนีพวกรี้พล ให้จัดคนตามคำของรำภา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรครั้นรุ่งแจ้ง อรุณแสงส่องสว่างกลางเวหา จึ่งเรียกพวกโจรไพร่ในเภตรา ลงนาวาปันหยีตีกระเชียง กับทองคำร้อยลิ่มทับทิมเพชร ของเบ็ดเตล็ดเครื่องอานสังวาลเฉวียง ทั้งโต๊ะทองรองเรืองเป็นเครื่องเคียง เอาจัดเรียงรีบมาบรรณาการ ฯ ๏ ฝ่ายมะหุดวุฒิไกรผู้นายใหญ่ ให้พวกไพร่ตีกระเชียงเรียงขนาน จอดประจำลำที่นั่งอลังการ จึ่งว่าขานแก่มหาเสนาใน ช่วยนำเราเฝ้าองค์พระทรงศักดิ์ สามิภักดิ์เป็นข้าได้อาศัย พึ่งพระเดชจอมกษัตริย์เหมือนฉัตรชัย ได้ผิดไปท่านเสนาจงการุญ ชีวิตเราเล่าก็ถึงพิฆาตฆ่า ท่านจงปรานีด้วยช่วยอุดหนุน เสนาฟังโจรว่านึกการุญ อย่าเพ่อวุ่นวายเราจะเอาความ ไปกราบทูลมูลิกาฝ่าพระบาท พระจอมนาถผู้บำรุงกรุงสยาม แล้วเข้าไปกราบทูลมูลความ ว่าโจรตามมาจะเฝ้าเจ้าแผ่นดิน ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสชื่นชมสมถวิล ด้วยศัตรูหมู่มารผลาญแผ่นดิน เห็นจะสิ้นเสี้ยนหนามจึงตามมา พระตรัสว่าถ้าเช่นนั้นท่านทั้งหลาย พาโจรร้ายมานี่ดีนักหนา พระจึงสั่งโฉมยงองค์รำภา แต่งกายาเป็นผู้ชายย้ายกระบวน ออกรับรองกองโจรจะเข้าเฝ้า พูดโลมเล้าการุญอย่าหุนหวน เจ้าเหมือนล่ามถามไต่ในสำนวน ดูกระบวนเล่ห์ลิ้นให้สิ้นเชิง อันตัวพี่นี้ก็ไม่รู้ภาษา จะพูดจาดีชั่วกลัวจะเหลิง ธรรมเนียมเขาแยกย้ายมันหลายเชิง จะรื่นเริงหรือว่าการเป็นมารยา พลางเสด็จมายับยั้งบัลลังก์อาสน์ ตรัสประภาษกรมวังสั่งให้หา พวกนายโจรที่จะเฝ้าให้เข้ามา ขุนเสนากราบกรานคลานออกไป บอกกับโจรทันใดว่าให้หา เราจะพาเฝ้าพระองค์อย่าสงสัย ให้ขนของบรรณาการคลานขึ้นไป บนเรือใหญ่ตั้งรายถวายตัว แล้วก็นั่งบังคมบรมนาถ คิดขยาดขนพองสยองหัว แล้วว่าข้าขอชีวิตเพราะคิดกลัว จะฝากตัวกว่าชีวันจะบรรลัย ซึ่งรบกันกับพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ โทษก็ผิดสารพัดถึงตัดษัย ขอเป็นข้าบาทบงสุ์พระองค์ไป ตามจะใช้พวกข้าสารพัน ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงนคเรศ จึงโปรดเกศโจรร้ายใจกระสัน ให้รำภาซักถามความสำคัญ ยังไรท่านจึงมาตีบุรีเรา หรือเคืองเข็ญเป็นไฉนจะใคร่รู้ จึงโจมจู่เข้ามาไล่เอาไฟเผา หรือต้องการชานบุรีจะตีเอา ท่านจงเล่าให้เราฟังแต่หลังมา ฯ ๏ โจรแสดงแจ้งเรื่องแต่เบื้องหลัง ให้ทรงฟังสิ้นสุดไม่มุสา เมื่อเดิมทีขัดเสบียงเลี้ยงโยธา แวะเข้ามาซื้อข้าวชาวบุรินทร์ แล้วกลับว่าวุ่นวายไม่ขายให้ ก็จึงได้ตีด่านชานกระสินธุ์ เพราะขัดสนเดิมทีไม่มีกิน เสบียงสิ้นแล้วชีวิตจะปลิดปลง เป็นความจริงของข้าดั่งว่ากล่าว อันแดนด้าวกรุงไกรไม่ประสงค์ วิสัยพวกโจรขาดญาติวงศ์ ไม่ประสงค์แดนด้าวเป็นเจ้านาย ฯ ๏ พระทรงฟังดั่งว่าถ้าเช่นนั้น จะผ่อนผันอนุกูลให้สูญหาย จงกลับไปหลับนอนผ่อนสบาย เวลาสายจะพาไปในบุรี ชมถิ่นฐานบ้านเมืองไม่เคืองขัด จะได้จัดข้าวไปแจกกะลาสี ทั้งเงินทองเสื้อผ้าบรรดามี เป็นไมตรีโดยประสงค์เหมือนวงศ์วาน ฯ ๏ นายโจรฟังบังคมชมพระเดช ซึ่งโปรดเกศอิ่มเอมเกษมศานต์ จึงทูลลามากำปั่นมิทันนาน แล้วว่าขานแก่ปลัดหัสเกน อันพวกเราเล่าถึงตายวายชีวิต เข้ามาติดราคาเหมือนตาเถร ทั้งผ้าผ่อนล่อนหมดต้องอดเพล เช่นกับเกณฑ์ทัพหนุนต้องวุ่นวาย ฯ ๏ จะกล่าวพราหมณ์สานนมนต์ชะงัด แจ่มจำรัสสุริยาเวลาสาย ออกจากที่มณฑลให้ฝนคลาย ทั้งลมหายแจ่มแจ้งแสงตะวัน ให้คนใช้ไปสืบพอได้ข่าว ว่าจอมเจ้ากรุงไกรไอศวรรย์ มารบรับทัพโจรเมื่อสายัณห์ ตีกำปั่นล้อมไล่พวกไพรี จึงสั่งเหล่าพวกทหารชำนาญรบ ให้สมทบท้ายด่านชานกรุงศรี แม้นทัพเรือกองหน้าเข้าราวี เราคอยตีลัดหลังริมฝั่งชล เอาปืนใหญ่พระพิรุณกระสุนแตก ยิงให้แหลกพร้อมประดาดั่งห่าฝน สกัดจับเอาให้ได้ทั้งไพร่พล มันขึ้นบนจับมัดสกัดราย แล้วตรวจตราพลขันธ์สนั่นก้อง ให้โห่ร้องเรียกกันรีบผันผาย เดินขบวนทวนทิวปลิวระบาย ไปตั้งชายฝั่งชลาริมสาคร ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงไอศวรรย์ พระศรีสุวรรณบพิตรอดิศร ให้เรือใช้ไปยังฝั่งนคร ถืออักษรไปแจ้งแห่งคดี แก่พระหน่อบพิตรกฤษณา ว่าโจรมาน้อมประณตบทศรี ขอเป็นข้าขอบคันอัญชลี พระภูมียกโทษโปรดประทาน ฯ ๏ ฝ่ายพหลคนที่ถือหนังสือบอก ถึงด่านนอกแล้วก็แจ้งแสดงสาร ส่งให้พราหมณ์โมราปรีชาชาญ ว่าพระผ่านภพไกรใช้เรามา ทั้งสามพราหมณ์ถามซักประจักษ์แจ้ง จึงแถลงเรื่องสารอ่านเลขา เป็นใจความสามกษัตริย์ขัตติยา เสด็จมาถึงสถานชานบุรี กับพระบาทญาติวงศ์องค์โอรส กลับมาหมดทั้งพระมิ่งมเหสี จงเร่งรัดจัดสถานการบุรี ตามภูมีทรงธรรม์เธอบัญชา ฯ ๏ ฝ่ายสามพราหมณ์ทราบความเสด็จกลับ แต่งที่รับกับพระกฤษณา เกณฑ์พหลคนกำกับทำพลับพลา ดาดหลังคาพระที่นั่งบัลลังก์ทอง แล้วจัดพวกเกณฑ์แห่ไปคอยรับ คนสำหรับพร้อมมูลทูลฉลอง พระชวนสามพราหมณ์ครรไลดั่งใจปอง ไปรับรองทรงฤทธิ์พระบิตุรงค์ กระบวนแห่แซ่สลับก็นับหมื่น ต่างเริงรื่นในอารมณ์สมประสงค์ ขยายทัพขับกระบวนล้วนทวนธง ให้รีบตรงไปที่ท่าชลาลัย ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ เลื่อนกำปั่นมาถึงท่าชลาไหล กับโฉมยงองค์โอรสยศไกร ทั้งทรามวัยโฉมยงองค์รำภา ประทับที่หน้าด่านชานกระสินธุ์ พร้อมกันสิ้นเผ่าพงศ์พระวงศา ทั้งนายโจรพวกล่ามก็ตามมา เข้าทอดท่าขึ้นบกยกนิกร ทั้งฝรั่งลังกาพวกข้าเฝ้า ก็เดินเข้ากระบวนแห่แลสลอน ฝ่ายพระองค์ทรงรถบทจร กับบังอรรำภามาด้วยกัน ตรีพลำเทวัญทรงกัณฐัศว์ สองกษัตริย์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ แต่พระนุชบุตรีอัมพวัน เสด็จด้วยกันกับบพิตรบิตุรงค์ ขึ้นรถาฝากระจกกระหนกกระหนาบ มีกิ่งกาบกุก่องทองระหง นายโจรแขกขี่คานหามตามพระองค์ จัตุรงค์เกณฑ์แห่แซ่สำเนียง ทั้งแตรสังข์กังสดาลประสานก้อง บ้างโห่ร้องรับกันสนั่นเสียง พระกฤษณานำระเบียบให้เรียบเรียง จัดคู่เคียงพระที่นั่งระวังระไว ถึงพลับพลาหน้าเมืองมีเครื่องแห่ ประโคมแตรสังข์จำเรียงส่งเสียงใส รถที่นั่งหยุดประทับกับเกยชัย ตำรวจในนำเสด็จเข้าเขตคัน ขึ้นพลับพลาหน้าประตูข้างบูรพทิศ เสด็จสถิตราชัยไอศวรรย์ เข้าเฝ้าท้าวทศวงศ์ผู้ทรงธรรม์ อภิวันท์ทูลฉลองทำนองความ ฯ ๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรีรมจักร ปราศรัยทักเขยขวัญรำพันถาม พ่อกลับวังลังกาพยายาม ทันสงครามมาประชิดติดบุรินทร์ พ่อให้เจ้ากฤษณายกมาก่อน เข้าราญรอนชิงชัยดั่งใจถวิล ถูกไฟกรดกายดำดั่งน้ำนิล ปอกไปสิ้นย่อยยับอัปรา นี่หากพราหมณ์สามทัพมาทันเข้า ช่วยปัดเป่าเวทมนตร์ดลคาถา แล้วยกไปได้รบสามเวลา พอเจ้ามาถึงเข้าพ่อเบาใจ แล้วทรงศักดิ์ตรัสว่ารำภาสะหรี แม่มาด้วยช่วยสามีคิดแก้ไข รณรงค์สงครามไม่ขามใคร พ่อขอบใจมิให้ขาดญาติวงศ์ แล้วปราศรัยไต่ถามถึงสามกษัตริย์ สุขสวัสดิ์บรรพชิตในกิจสงฆ์ หรือลาพรตหมดตามทั้งสามองค์ หรือยังคงครองศีลอภิญญาณ ฯ ๏ ฝ่ายรำภาฝรั่งได้ฟังตรัส ชุลีหัตถ์ขึ้นประคองสนองสาร เอาความหลังทูลแถลงให้แจ้งการ แล้วกราบกรานองค์ท้าวเจ้านคร ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ บรมนาถบพิตรอดิศร เชิญเสด็จไทท้าวเจ้านคร ขึ้นบรรจถรณ์ที่ประทับบนพลับพลา พร้อมขุนนางต่างเข้ามาเฝ้าแหน ที่ข้างแท่นแต่ล้วนองค์พระวงศา ให้เรียกโจรแขกดำนำเข้ามา ขึ้นพลับพลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ สมเด็จท้าวพาราตรัสปราศรัย ด้วยพระทัยปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ มารบพุ่งมุ่งหมายทำร้ายกัน เดี๋ยวนี้ท่านก็สมัครมารักแรง อันตัวเราเล่าไซร้ก็ไม่โกรธ ไม่ถือโทษดอกอย่าอางขนางแหนง แม้นซื่อสัตย์สุจริตไม่คิดแคลง อย่าระแวงว่าจะคิดแกล้งบิดเบือน ฯ ๏ โจรบังคมชมพระคุณการุญรัก ประเสริฐศักดิ์หาไหนจะได้เหมือน ขอเป็นข้าสุจริตไม่บิดเบือน แม้นแชเชือนฆ่าให้บรรลัยลาญ ฯ ๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ สั่งให้จัดข้าวปลากระยาหาร ทั้งเครื่องยศเสื้อผ้ามาประทาน พวกทหารโจรที่มาสามิภักดิ์ แล้วโปรดให้ไปเขตประเทศถิ่น แม้นไพรินคิดการมาหาญหัก จะบอกไปให้แจ้งแห่งสำนัก จะได้ชักชวนกันมาช่วยราวี แล้วเสด็จจากพลับพลาที่หน้าป้อม ให้เตรียมพร้อมรถรัตน์ทั้งหัตถี จะเสด็จจากด่านชานบุรี ไปธานีนคเรศนิเวศวัง โจรก็กลับไปเขตประเทศถิ่น พร้อมกันสิ้นสมจิตที่คิดหวัง ฝ่ายองค์ท้าวทศวงศ์ดำรงวัง กษัตริย์ทั้งวงศามาด้วยกัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมแก้วเกษราธิดาท้าว ได้ทราษข่าวปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ จึ่งจัดพวกสาวสุรางค์นางกำนัล มาพร้อมกันรีบมาไม่ช้าที คอยรับองค์พงศ์กษัตริย์แลวงศ์ญาติ กับนางนาฏเมืองลังการำภาสะหรี พอเกณฑ์แห่ถึงพลันด้วยทันที นางยินดีออกไปเชิญดำเนินมา แล้วกราบองค์ภัสดาเธอปราศรัย ว่าขอบใจมิ่งมิตรกนิษฐา อุตส่าห์พาสาวสรรค์กัลยา รีบลงมาเชิญชักด้วยภักดี ฯ ๏ ฝ่ายอนงค์องค์รำภานางฝาหรั่ง ถวายบังคมพระมเหสี นางรับรสพจนาแล้วพาที เชิญไปที่ปรางค์มาศปราสาททอง ที่ทราบข่าวว่าแม่มาพาราพี่ ได้เป็นที่ชื่นชิดสนิทสนอง ขอรักแม่สุจริตดั่งจิตปอง เหมือนกับน้องร่วมครรภ์ไม่ฉันทา พลางเชิญไปปรางค์ทองห้องสถิต มิได้คิดเคียดขึ้งหวงหึงสา ช่วยกันเฝ้าปรนนิบัติพระภัสดา ทุกเวลามิได้ขาดราชการ ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ดำรงมไหศวรรย์ พระศรีสุวรรณจอมพิภพสบสถาน ก็ไพบูลย์พูนสวัสดิ์ชัชวาล ด้วยสองมิ่งเยาวมาลย์สำราญองค์ ข้างฝ่ายซ้ายรำภาสุดากนิษฐ์ ถนอมชิดชื่นชมสมประสงค์ ไม่จืดจางห่างขวัญกระสันทรง ด้วยอนงค์รำภาพะงางอน ข้างฝ่ายขวาเกษรายุพาพักตร์ พระแสนรักร่วมสุวรรณบรรจถรณ์ ไม่ห่างห้องสองอนงค์องค์บังอร สถาพรพูนสมบัติสวัสดี ฯ ๏ ฝ่ายสามพราหมณ์สามเมืองครั้นเสร็จศึก ก็ตรองตรึกที่จะไปบุรีศรี ชวนกันเข้าทูลาฝ่าธุลี พระเปรมปรีดิ์ปราโมทย์โปรดประทาน ทั้งเครื่องยศกรดกระบี่ที่แม่ทัพ เจ้าพราหมณ์รับกลับไปเขตประเทศสถาน ทั้งบ่าวไพร่ได้รับพระราชทาน ฝ่ายทหารพลเรือนเหมือนเหมือนกัน ทั้งเงินตราผ้าเสื้อให้แจกจ่าย ทั้งไพร่นายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ พวกนายมุลขุนนางรับรางวัล ที่พวกบรรดาได้ไปสงคราม ฯ ๏ ป่างพระองค์ทรงพิภพจบจังหวัด โองการตรัสประภาษไปแล้วไต่ถาม แก่โหราธิบดีทั้งสี่พราหมณ์ หาฤกษ์ยามวันไรจะได้ดี จะเสกองค์ตรีพลำกับอัมพวัน ให้ทั้งสองครองกันเกษมศรี ทั้งเทวัญชันษาสิบห้าปี ควรจะมีคู่ครองประคองชม กับยุพินนิลกัณฐีนารีรัตน์ สืบกษัตริย์ตามอย่างปางประถม ได้เริ่มงานการวิวาห์สมาคม จะเสกสมให้พิพัฒน์สวัสดี ฯ ๏ โหรประนมก้มกรานคูณหารเลข เสียงโปกเปกค้นยามตามดิถี ปีมะเส็งวันพฤหัสสวัสดี ได้นาทีธงชัยในตำรา ฤกษ์สิบเก้านั้นว่าดีทวีโชค ต้องโฉลกคืนวันชันษา พระจันทร์จรมาเป็นอุตม์ถึงพุธา ได้ฤกษ์พาในคัมภีร์ว่าดีครัน แล้วกราบทูลมูลความตามตำหรับ โหรคำนับภูวไนยเจ้าไอศวรรย์ พระทรงฟังสั่งมหาเสนาพลัน ให้เร่งกันจัดแจงแต่งพิธี ฯ ๏ อันเรื่องราวอภิเษกเอกกษัตริย์ จะขอคัดบทกลอนอักษรศรี พึงแจ้งใจในความตามที่มี ประเพณีมาอย่างไรให้เหมือนกัน จะกล่าวไปในตำราเห็นช้านัก ก็ประจักษ์ความแต่ก่อนคิดผ่อนผัน ครั้นจะแต่งพรรณาเห็นช้าครัน เมื่อถึงวันที่ประสงค์ก็ส่งตัว แต่ก่อนเล่าเยาว์ยังกำลังรุ่น ครั้นถึงบุญได้เสียเป็นเมียผัว เข้าหอห้องสองกระสันทั้งพันพัว ต้องฝากตัวตามเล่ห์ประเวณี ฯ ๏ ฝ่ายเทวัญครั้นได้คู่ก็อยู่เคล้า ไม่ห่างเจ้าโฉมยุพินนิลกัณฐี ต่างชื่นชมโสมนัสสวัสดี ฝ่ายเจ้าตรีพลำกับอัมพวัน เป็นคู่ครองสองสมัครด้วยรักสนิท ต่างเชยชิดปรีดิ์แปรมเกษมสันต์ พลางประคองต้องเนื้อดั่งเจือจันทน์ เหมือนอำพันปนปรุงจรุงเชย หัตถ์ประคองต้องเต้ามณฑาทิพย์ อันลอยลิบไม่รู้สิ้นกลิ่นระเหย ถนอมแนบแอบอุ่นเพราะคุ้นเคย พระพายเชยช่อบุปผาสุมาลัย พยุหวนป่วนปั่นลั่นพิลึก สะท้านสะทึกธรณินแผ่นดินไหว อิสินธรอ่อนเอนระเนนไป เมรุไกรดั่งจะแยกแตกกระจาย พิรุณโรยโปรยปรอยเป็นฝอยสาด สุนีฟาดเปรี้ยงปร้างสว่างฉาย ทะเลลั่นครั่นครื้นคลื่นกระจาย กระฉอกสายชลธีทั้งตีฟอง มัติมิงคล์กลิ้งเกลือกเสลือกสลน บ้างผุดพ่นฟาดฟันผันผยอง ห้วยละหานธารถ้ำเป็นน้ำนอง สุธารองหวั่นไหวดั่งไกวเปล ฯ ๏ แรกภิรมย์สมสวาทในอาสน์รัตน์ ประดิพัทธ์น้องนางไม่ห่างเห งานประชันกันทั้งคู่ดูคะเน คิดถ่ายเทรำเต้นไม่เป็นรอง เสมอกันสันทัดดั่งจัดสรร ดีด้วยกันตีเสมอเธอทั้งสอง พึ่งมีคู่รู้เต้นไม่เป็นรอง โดยทำนองเรื่องชู้ไม่รู้จน ฯ ๏ ขอกล่าวกลับจับเรื่องสังฆราช สิ้นอำนาจว้าเหว่ระเหระหน จะข้ามฝั่งไปยังเพชรกำพล คิดผ่อนปรนจะมารับทัพลังกา จึ่งเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ มาช่วยคิดตรองตรึกได้ปรึกษา เรียกคนใช้ให้หยิบขวดสุรา ยกออกมากินเข้าไปพอใจคลาย เรือก็ล่องแล่นมาในสาคเรศ ล่วงประเทศเดือนกระจ่างสว่างฉาย ตามละเมาะเกาะเคียงกันเรียงราย ลมก็ชายพัดจัดถนัดใบ แต่แล่นมากว่าเดือนไม่เคลื่อนคลาด ล่องลีลาศในมหาชลาไหล พอจวนแจ้งสุริโยอโณทัย พยุใหญ่เกิดกล้าสลาตัน เป็นลมหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง คลื่นในท้องทะเลป่วนซัดหวนหัน มืดพยับอับสีรวีวรรณ ตีกำปั่นแทบจะจมด้วยลมแดง ฝนก็ตกโปรยปรายพระพายพัด คลื่นก็จัดฟ้าแลบวะแวบแสง คนในเรือหนีเข้าร่มล้มตะแคง กำปั่นแพลงแทบจะคว่ำเป็นน้ำนอง บาทหลวงงกตกประหม่าจนขาสั่น เดินงกงันเซซุนให้ขุ่นหมอง แหงนดูเมฆตั้งดำเป็นน้ำนอง ฟ้าก็ร้องครางครึมกระหึมครวญ เรือสะบัดปัดปั่นให้หันเห ท้องทะเลคลื่นระดมทั้งลมหวน ตีเสาหน้าหักผางเสียงครางครวญ พายุป่วนหอบปัดซัดออกไป พวกต้นหนคนท้ายที่หมายทิศ ทั้งมืดมิดไม่รู้แห่งตำแหน่งไหน เรือที่ตามมาก็ซัดพลัดกันไป พยุใหญ่ก็ไม่ซาถึงห้าคืน เหลือสังเกตเขตแขวงตำแหน่งไหน ไม่แจ้งในมรรคาเหลือฝ่าฝืน ไม่เห็นแสงตะวันเดือนเหมือนกลางคืน เสียงแต่คลื่นกึกก้องท้องชลา พวกต้นหนบนบานแล้วกรานกราบ ศิโรราบขอชีวิตทุกทิศา เทพเจ้าในทะเลทั้งเทวา ช่วยรักษาคุ้มกันอันตราย กลับไปถึงถิ่นฐานบ้านของข้า จะจัดหาไก่แกะชำแหละถวาย ทั้งเหล้าข้าวเครื่องคั่วเนื้อวัวควาย ขอให้หายคลื่นคลั่งในวังวน ฯ ๏ พอครบถ้วนเจ็ดทิวาค่อยซาหาย เห็นสุริย์ฉายแจ่มฟ้าเวหาหน เห็นเกาะใหญ่โตขวางอยู่กลางชล เป็นน้ำวนเรือกำปั่นหันเข้าไป พวกต้นหนคนงานคลานจากห้อง เสียงแซ่ซ้องเรียกกันอยู่หวั่นไหว บาทหลวงลุกจากที่ค่อยดีใจ กับหน่อไทมังคลาลุกมาพลัน เอาแผนที่คลี่ดูไม่รู้จัก เห็นไกลนักผิดสังเกตทุกเขตขัณฑ์ เหลือประมาณการวิถีที่สำคัญ บนเขานั้นนกกาไม่หากิน บังเกิดหนาวเขานั่นเป็นควันหมอก ที่ตามซอกภูเขามีเสาหิน เป็นเงาช่วงร่วงดำเหมือนน้ำนิล มีแท่นหินขาวสว่างกระจ่างตา ฯ ๏ สักครู่หนึ่งเสียงก้องเหมือนกลองศึก ดังพิลึกเสียงตลอดถึงยอดผา แล้วสีเหมือนอย่างรุ้งพุ่งลงมา ดังเหมือนฟ้าลั่นเปรี้ยงเสียงคำรน เป็นรูปเทพารักษ์ลักษมี ยืนอยู่ที่แท่นศิลาน่าฉงน แล้วว่าเรือของใครอยู่ในวน มาแต่หนแห่งประเทศเกินเขตแดน จงรีบไปเสียอย่าอยู่ฤดูนี้ เป็นถิ่นที่ภูตพรายมันหลายแสน อยู่ไม่ได้ใช่ประเทศพ้นเขตแดน เป็นแว่นแคว้นที่สำนักยักขินี ฯ ๏ บาทหลวงฟังเทวดารักษาเกาะ มาสงเคราะห์บอกแจ้งแห่งวิถี ยืนเปิดหมวกคำนับพลันด้วยทันที แล้วถามที่แถวทางกลางสินธู แล้วเล่าเรื่องเมืองลังกาอาณาเขต ให้ทราบเหตุเสียคนรจนาอ่อนหู แต่ยกไปกำจัดพวกศัตรู เสียคนผู้แตกทัพมายับเยิน จะกลับหลังไปยังถิ่นประเทศ มาเกิดเหตุฝนตกระหกระเหิน พยุพัดซัดมาถึงหน้าเนิน เกิดฉุกเฉินไม่รู้แห่งตำแหน่งทาง ขอท่านจงกรุณาเมตตาด้วย จงชี้ช่วยเป่าปัดที่ขัดขวาง พอจะได้รู้แจ้งแห่งหนทาง ในระหว่างแถวถิ่นบุรินทร์ใด ฯ ๏ ฝ่ายองค์เทพารักษ์ลักษมี อันอยู่ที่เกาะกาวินกระสินธุ์ใส จึ่งว่าเขตมนุษย์สุดจะไกล ทะเลใหญ่ต่อกันสีทันดร เป็นเขตครุฑพวกมนุษย์มาไม่ถึง หนทางกึ่งกับมหิงคสิงขร อันฝูงสัตว์มัจฉาในสาคร ฤทธิรอนร้ายกาจชาตินาคา จงกลับหลังทางนี้จะชี้ให้ จงเร่งไปเสียให้พ้นวนมัจฉา ซึ่งเรือติดก็เพราะฤทธิ์ฝูงนาคา เราเมตตาจะช่วยส่งให้คงคืน พ้นขึ้นได้เร่งไปข้างทักษิณ จะพบถิ่นนครารีบฝ่าฝืน แต่ลมหวนป่วนปั่นทุกวันคืน ตีเป็นคลื่นลั่นดังก้องกังวาน อันเมืองนั้นเรียกว่าโรมวิสัย ทั้งกว้างใหญ่เติบโตรโหฐาน รู้ไตรเพทวิทยาวิชาการ มีอาจารย์ผูกหญ้าผ้าพยนต์ ท่านจะไปให้สมอารมณ์คิด เราประสิทธิ์วัฒนาสถาผล พอขาดคำเห็นสว่างอยู่กลางวน เป็นน้ำล้นหนุนกำปั่นมาทันที หลุดจากแก่งแสงสว่างกระจ่างหาย พระพายชายพัดส่งตรงวิถี ไปทักษิณถิ่นประเทศเขตบุรี ลมก็ตีเรือแล่นแสนสบาย ฯ ๏ สิบห้าวันบรรลุถึงขอบเขต ถิ่นประเทศนคราเวลาสาย ให้ลดใบทอดท่าหน้าหาดทราย จอดอยู่ท้ายเมืองดูเห็นผู้คน ออกเที่ยวหาปลาหอยบ้างลอยช้อน เดินฉะอ้อนตามระหว่างทางถนน บ้างเก็บผักหักฟืนพื้นคนจน ตามถนนหน้าเมืองเนื่องกันไป บาทหลวงสั่งพวกชวากะลาสี ไปดูทีพูดจาอัชฌาสัย สืบให้รู้เรื่องราวพวกชาวใน จงรีบไปดูประเทศเขตบุรี พวกคนใช้ไปตามบาทหลวงสั่ง เดินไปยังแถวทางกลางวิถี เข้าพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี ชาวบุรีรู้ว่าแขกแปลกขึ้นมา จึงซักไซ้ไต่ถามไปตามเรื่อง อันชาวเมืองพูดได้หลายภาษา ฝรั่งแขกจีนจามพราหมณ์ลังกา ฟังภาษารู้ทุกคำด้วยชำนาญ จึงถามว่ามาแต่หนตำบลไหน ธุระอะไรออเจ้าจงเล่าขาน หรือมาเที่ยวหาของที่ต้องการ หรือพลัดบ้านเมืองมาเที่ยวหากิน ฯ ๏ พวกแขกว่าข้าเจ้ามาค้าขาย เกิดลมร้ายในมหาชลาสินธุ์ เรือก็ซัดพลัดมาถึงธานินทร์ สังเกตถิ่นไม่ถนัดเที่ยวซัดเซ แต่นายใหญ่อยู่ในเรือกำปั่น จะผ่อนผันหลงทางมาห่างเห ไม่รู้แห่งแถวทางกลางทะเล เหลือคะเนไม่รู้แห่งตำแหน่งจร ขอลาท่านกลับไปบอกนายข้า ให้ขึ้นมาหาผู้รู้เป็นครูสอน ได้กลับหลังไปยังฝั่งนคร เป็นการร้อนจะรีบลาท่านคลาไคล กะลาสีกลับหลังยังกำปั่น เอาความนั้นเล่าแจ้งแถลงไข บาทหลวงฟังถ้วนถี่แกดีใจ รีบขึ้นไปจะได้เพียรเรียนวิชา จึงชวนพระมังคลาสานุศิษย์ เห็นสมคิดตรองไว้ไปสิหวา แกแต่งตัวรีบไปในพารา พระมังคลาแขกล่ามตามอาจารย์ บาทหลวงให้คนนำไปสำนัก ที่รู้จักกันมาแล้วว่าขาน จงช่วยนำเราไปหาท่านอาจารย์ พอแจ้งการให้ท่านทายร้ายหรือดี แล้วหยิบเงินเหรียญกองให้สองร้อย ไว้ใช้สอยตามสบายอย่าหน่ายหนี จงรู้จักกันไว้เป็นไมตรี พอเป็นที่สำนักช่วยชักพา พวกชาวเมืองดีใจครั้นได้ทรัพย์ แล้วคำนับนั่งลงส่งภาษา ว่าขอบใจที่ท่านกรุณา มาจะพาไปตำแหน่งแห่งอาจารย์ พลางลุกออกนำไปในประเทศ เข้าขอบเขตพาราแล้วว่าขาน ท่านจงดูหนังสือชื่ออาจารย์ มีหลายบ้านบอกวิชาสารพัน ถ้าต้องการบ้านไหนจะไปหา แจ้งกิจจาเขาเสียก่อนจึ่งผ่อนผัน จะเข้าออกเล่าก็ยากลำบากครัน ครบเจ็ดวันนายหมวดเขาตรวจคน แล้วนำหน้าพาเดินไปตามย่าน มีโรงร้านแถวทิมริมถนน บ้านเศรษฐีมีมากไม่ยากจน ทุกตำบลมั่งคั่งทั้งบุรินทร์ บาทหลวงเดินดูไปในจังหวัด สารพัดน่าชมสมถวิล ถึงบ้านผู้รู้วิชาฟ้าแลดิน มีเสาหินปักอยู่นอกบอกวิชา ฯ ๏ ถัดนั้นไปแจ้งในหนังสือกล่าว บอกเรื่องราวจักรไกหลายภาษา ใครจะมาพากเพียรเรียนวิชา ทำเภตราใช้ไฟในไกกล ฯ ๏ อีกบ้านหนึ่งบอกวิชาสารพัด ผูกรูปสัตว์ใช้ไปในเวหน ที่เขาเรียกกันว่าผ้าพยนต์ ทำด้วยมนต์ลงอักษรซ่อนอยู่ใน บาทหลวงดูรู้แจ้งแห่งหนังสือ จารึกชื่อผู้วิเศษข้างเพทไสย แล้วบอกกับผู้พาจงคลาไคล เราขอบใจแล้วจะเพียรเรียนวิชา ผู้ที่นำรับคำตาบาทหลวง ก็เดินล่วงเข้าไปในเคหา จึงบอกกับคนใช้ให้ไคลคลา เราจะมาอภิวันท์ท่านอาจารย์ พวกคนใช้ไต่ถามได้ความถ้อย แล้วจึ่งค่อยเข้าไปในสถาน แจ้งคดีกับท่านครูผู้อาจารย์ ให้ทราบการที่เขาบอกออกเนื้อความ ฯ ๏ ฝ่ายนิกรมพรหมพักตร์ลุกจากห้อง ค่อยย่างย่องออกมาใกล้ปราศรัยถาม มีธุระสิ่งไรเจ้าจงเล่าความ บอกไปตามเรื่องประสงค์ที่จงใจ พวกที่มาว่าฝรั่งต่างประเทศ เสียขอบเขตซัดมาอยู่อาศัย อยากจะใคร่เรียนของที่ต้องใจ ขออาศัยอยู่เป็นศิษย์ไม่บิดเบือน ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูจึงว่าถ้าเช่นนั้น ไปพากันเข้ามานี่แม้นดีเหมือน คำเจ้าว่าจริงแท้ไม่แชเชือน ให้ได้เหมือนถ้อยคำเจ้ารำพัน ผู้ชักพามาเรียกสังฆราช กับหน่อนาถสองนายให้ผายผัน เข้าในตึกทำใหม่ใต้ต้นจันทน์ เป็นช่องชั้นดูเพลินเจริญตา เห็นท่านครูนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดูท่วงทีงดงามตามภาษา บาทหลวงเปิดหมวกคำนับกับพฤฒา ดูกิริยาเห็นวิเศษข้างเวทมนตร์ ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูดูหน้าพระฝาหรั่ง เรียกให้นั่งแล้วจึ่งถามด้วยความฉงน ท่านมาหาเรานี้มีกังวล หรือร้อนรนด้วยมีการสถานใด ฯ ๏ บาทหลวงว่าข้าพเจ้าก็ซ้ำขัด เกิดอุบัติหลงมาได้อาศัย จะกลับหลังยังนครก็อ่อนใจ ด้วยมิได้รู้แห่งตำแหน่งทาง มาพบท่านผู้ประสิทธิ์ให้คิดรัก ขอพิงพักปรนนิบัติไม่ขัดขวาง เป็นศิษย์หาเรียนรู้ดูหนทาง สักสองอย่างกับวิชาผ้าพยนต์ ฯ ๏ ฝ่ายนิกรมพรหมพักตร์จึ่งชักเรื่อง ว่าบ้านเมืองตั้งกฎหมายมาหลายหน ใครจะเรียนวิทยาผ้าพยนต์ เอายุบลไปทูลท้าวเจ้าบุรินทร์ แม้นโปรดให้จึ่งได้มาสั่งสอน เจ้านครมีรับสั่งดั่งถวิล ท่านจงมาไปเฝ้าเจ้าแผ่นดิน เสียให้สิ้นความผิดไม่ปิดบัง แล้วครูเฒ่าเดินหน้าพาบาทหลวง ครรไลล่วงทางไปดั่งใจหวัง จึ่งเข้าในนัคเรศนิเวศน์วัง ไปยับยั้งคอยเฝ้าเจ้านคร ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าหุโลมโรมวิสัย ฝรั่งใหญ่มุระหงิดอดิศร ถึงเวลาออกพระโรงอลงกรณ์ ให้ราษฎรเฝ้าแหนแสนสบาย มีถ้อยความสารพัดเธอตัดสิน ให้เพิ่มภิญโญยศตามกฎหมาย ไม่เคืองเข็ญเป็นสุขสนุกสบาย ทั้งหญิงชายชมชื่นทุกคืนวัน ฯ ๏ ฝ่ายนิกรมพรหมพักตร์อาจารย์เฒ่า เข้าไปเฝ้าทูลไทเจ้าไอศวรรย์ พาบาทหลวงไปประนมบังคมคัล เจ้าเมืองนั้นปราศรัยเป็นไมตรี ฯ ๏ บาทหลวงจึ่งหยิบจินดาราคามาก กับทองนากพลอยเพชรอีกเจ็ดสี ออกถวายไทท้าวเจ้าบุรี ขอเป็นที่พึ่งพาจงการุญ อยากจะใคร่เรียนมนต์ดลคาถา จงโปรดข้าขาดเหลือช่วยเกื้อหนุน แม้นสมซึ่งปรารถนาท่านการุญ ไม่ลืมคุณแม่นมั่นเหมือนสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายท้าวไทได้ฟังสังฆราช อนุญาตสั่งให้ไปศึกษา จึ่งเรียกอาจารย์เฒ่าให้เข้ามา บอกวิชาที่จะทำให้ชำนาญ แต่เรื่องแก้วิทยานั้นอย่าให้ เขามิได้อยู่กินเป็นถิ่นฐาน เกลือกจะเป็นแยบยลพวกคนพาล จะรำคาญขุ่นเคืองแก่เมืองเรา ไหนไหนมาอย่าให้เสียท่านเกลี่ยไกล่ จงบอกให้ตามจำนงค์ประสงค์เขา ท้าวแสดงแจ้งความตามสำเนา แล้วกลับเข้าปรางค์มาศราชวัง ฯ ๏ ฝ่ายครูเฒ่าเจ้าวิชาพาบาทหลวง ครรไลล่วงออกมาสมอารมณ์หวัง ถึงบ้านถิ่นสิ้นกังขาพะว้าพะวัง แล้วจึงสั่งบ่าวไพร่ที่ใช้การ ไปจัดแจงตึกใหญ่ให้สังฆราช จงแผ้วกวาดให้อยู่กินเป็นถิ่นฐาน ถึงเวลาบอกเวทวิเศษชาญ ให้ชำนาญเรืองฤทธิ์วิทยา ผูกพยนต์กลไกได้หลายสิ่ง เป็นม้ามิ่งยักย้ายหลายภาษา รูปนกหกต่างต่างอย่างตำรา ทั้งเทวดารูปคนจนสตรี เป็นดวงดาวดาราในอากาศ ของประหลาดเดินได้ในวิถี รูปมนุษย์ครุฑาวาสุกรี ทั้งกุมภีล์เหราสารพัน มังคลาสานุศิษย์สมจิตนึก คิดตรองตรึกอยู่ในใจจะผายผัน แล้วจัดของสนองคุณอาจารย์พลัน สารพันเงินทองเอากองลง ใส่เครื่องตาดภาชนะที่ใช้สอย ไว้เรียบร้อยเสร็จสมอารมณ์ประสงค์ ยกออกไปให้ท่านครูผู้ดำรง แล้วก้มลงคำนับเหมือนกราบกราน ฯ ๏ ฝ่ายนิกรมพรหมพักตร์จึงซักไซ้ เอามาให้มากมายหลายสถาน เราขอบใจแต่สิ่งของไม่ต้องการ เป็นอาจารย์บอกกล่าวให้เล่าเรียน ไม่ประสงค์จงใจที่ในทรัพย์ ผิดตำหรับเรื่องราวที่เราเขียน ใช่จะขายความรู้แก่ผู้เรียน เป็นอาเกียรณ์รุงรังไม่บังควร ขอแต่จิตสัตย์ซื่อถือให้มั่น ทุกคืนวันโดยระบอบคิดสอบสวน มีความรู้อยู่ในใจจงใคร่ครวญ ตามกระบวนจึ่งประสิทธิ์วิทยา ฯ ๏ บาทหลวงฟังสังรเสริญเจริญยศ จงปรากฏอิทธิฤทธิ์ทุกทิศา พระคุณท่านเหลือล้นคณนา ขอกราบลาไปบุรินทร์ถิ่นนคร ได้มาอยู่พึ่งพักท่านรักใคร่ แต่หนักใจโตยิ่งกว่าสิงขร ต้องจำเป็นจำไปไกลนคร จะขอพรให้ท่านช่วยอำนวยชัย ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์คิดสงสาร มาอยู่นานจงไปหาที่อาศัย ศรีสวัสดิ์วัฒนาจงคลาไคล ท่านจะไปขอให้สมอารมณ์ปอง บาทหลวงรับกราบลามาที่อยู่ เรียกคนผู้ขึ้นมาบนช่วยขนของ แล้วไปเฝ้าท้าวไทดั่งใจปอง ทูลฉลองจะขอลาฝ่าธุลี ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราจึ่งปราศรัย เราขอบใจท่านนักเป็นศักดิ์ศรี ประทานของต่างต่างที่อย่างดี แต่ล้วนมีราคาสารพัน บาทหลวงรับของพลางทางคำนับ แล้วก็กลับจากนิเวศน์ขอบเขตขัณฑ์ กับองค์พระมังคลามาด้วยกัน ลงกำปั่นแล่นมาในสาคร ถึงเมืองไหนแวะเข้าเอาหนังสือ แล้วเขียนชื่อท่านครูผู้จะสอน ในเรื่องราวศาสนาให้ถาวร จะดับร้อนคนหยาบทำบาปกรรม จงเร่งมาหาเราในคราวนี้ จะช่วยชี้ช่วยชุบอุปถัมภ์ พระเป็นเจ้าจะมารับที่บาปกรรม จะได้นำไปสวรรค์เห็นทันตา ฯ ๏ พวกชาวเมืองเลื่องลือระบือข่าว มามี่ฉาวรับกระดาษศาสนา ไปอ่านเรื่องเมืองสวรรค์เห็นทันตา เจ้าพาราทราบสิ้นก็ยินดี จึ่งว่าเหวยเสนาไปหาสู่ ท่านผู้รู้เชิญมาบุรีศรี จะได้สอนศาสนาในบาลี ให้กูนี้ถึงสวรรค์ชั้นวิมาน ฯ ๏ เสวกามาเชิญสังฆราช ให้ลีลาศเข้าไปในสถาน บาทหลวงยิ้มอิ่มใจเห็นได้การ จะทรมานเอาไว้ใช้ทั้งไพร่พล จึ่งขึ้นจากกำปั่นมิทันช้า ขี่รถาคนตามหลามถนน ชาวพารามาดูทุกผู้คน ตามไปจนนคเรศนิเวศน์วัง ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราออกมารับ พลางคำนับถึงสมอารมณ์หวัง เชิญบาทหลวงให้เข้าไปจนในวัง จะใคร่ฟังรับทราบที่บาปบุญ อีตาเฒ่าเจ้ามารยาจึงว่าขาน ที่ข้อการเมืองมนุษย์จะอุดหนุน จงกลับใจเสียให้ดีจะมีคุณ ผู้การุญจะรับซึ่งบาปกรรม คือองค์พระเยซูผู้เป็นเจ้า ครูของเราจะช่วยชุบอุปถัมภ์ ไม่ช้านานจะมารับซึ่งบาปกรรม แล้วจะนำไปสวรรค์ถึงชั้นบน ตัวท่านท้าวเจ้าพาราจะปรากฏ คงเห็นหมดรู้ประจักษ์ในภักษ์ผล เหมือนถ้อยคำเราแสดงแจ้งยุบล เพราะเป็นคนสัตย์ซื่อถือที่ดี จงกลับจิตคิดรักพระเป็นเจ้า ทุกค่ำเช้านึกไว้อย่าหน่ายหนี คำที่เราเทศนาในบาลี ไม่ช้าทีคงจะเห็นดั่งเจรจา ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราจึ่งว่าขาน พระอาจารย์แจ้งเหตุเทศนา แต่ยังไม่เห็นตระหนักประจักษ์ตา แม้นเหมือนว่าแล้วเจ้าคุณฉันอุ่นใจ บาทหลวงว่าท่านอย่าวิตกนัก คงประจักษ์เหมือนเราแจ้งแถลงไข จะช่วยทูลพระเป็นเจ้าว่าท้าวไท เธอกลับใจเชื่อแท้ไม่แปรปรวน ฯ ๏ ฝ่ายท้าวไทได้ฟังสังรเสริญ แล้วจึงเชิญให้ไปพักตำหนักสวน สั่งกับผู้ปรนนิบัติจัดให้ควร ตามกระบวนเลี้ยงดูผู้อาจารย์ ฯ ๏ พวกเสนามาทำตามตำแหน่ง บ้างจัดแจงกับข้าวทั้งคาวหวาน เอาขึ้นตั้งโต๊ะใหญ่ใส่ในจาน เครื่องตระการเอมโอชโภชนา ทั้งมีดส้อมพร้อมพรั่งเอาวางที่ ยกเก้าอี้มาตั้งลงข้างขวา ทั้งถ้วยแก้วเจียระไนใส่สุรา เชิญพระอาจารย์กินด้วยยินดี ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงขึ้นไปนั่งตั้งสง่า รินสุราดื่มจนเมาเหล้าอะหนี กินเป็ดไก่หมูหองล้วนของดี แกเปรมปรีดิ์อยู่ในใจเห็นได้การ ให้อ้ายเฒ่าเจ้าพารามันปรากฏ วิสัยมดมันก็มักรักแต่หวาน ความคิดกูรู้ทำเหมือนน้ำตาล เอาแต่การที่จะใช้เหมือนควายวัว ฯ ๏ ครั้นอิ่มหนำสำเร็จเสร็จธุระ ลุกเกะกะกรุ่มกริ่มทั้งยิ้มหัว ลงนั่งอิงพิงฝานัยน์ตามัว แล้วเอนตัวม่อยหลับระงับไป จนเที่ยงคืนหายเมาบรรเทาจิต แกนิ่งคิดหาแผลจะแก้ไข จำจะต้องเสกพยนต์เป็นกลไก ให้ท้าวไทเห็นจริงทุกสิ่งอัน แล้วลุกจากที่นอนไปถอนหญ้า เก็บเอามาผูกไว้พอไก่ขัน แล้วเสกเป่าเก้าหนมนต์สำคัญ ต้นหญ้านั้นสูญหายกลายเป็นคน แล้วเป่าลงตรงหัวหยิบตัวขว้าง ขึ้นไปทางฟากฟ้าเวหาหน ด้วยอำนาจกายสิทธิ์ฤทธิรณ มิให้คนเห็นของที่ต้องการ ต่อเมื่อไรเรียกมาจึ่งปรากฏ เห็นทั่วหมดพูดได้หลายสถาน ครั้นรุ่งรางสร่างสีรวีวาร แกตรองการที่จะไปในบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้านครอาวรณ์หวัง อยากจะฟังผูกจิตคิดถวิล จึงออกนั่งเก๋งขวาหน้าบุรินทร์ มาพร้อมสิ้นทั้งมหาเสนาใน ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าจังหวัดจึ่งตรัสสั่ง ให้ไปยังพระอาจารย์แล้วขานไข ว่าเราเชิญให้เข้ามารีบคลาไคล พามาในนคเรศนิเวศน์วัง ฯ ๏ เสวกามาถึงจึ่งคำนับ ท้าวให้รับท่านไปดั่งใจหวัง บาทหลวงยิ้มอิ่มใจรีบไปวัง แล้วขึ้นนั่งคานหามคนตามพรู คิดในใจไว้เห็นสมอารมณ์นึก จะทำศึกลังกากินขาหมู คนที่หามเข้าไปยั้งยังประตู บาทหลวงรู้รีบเดินดำเนินพลัน ถึงเก๋งใหญ่ท้าวไทเธอมารับ แล้วคำนับปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ เชิญให้นั่งยังที่เก้าอี้พลัน บาทหลวงนั่นอิ่มใจใครจะปาน แกจึงว่าท้าวไทเจ้าไตรภพ อย่าปรารภถือให้แม่นเป็นแก่นสาร แล้วจึ่งเรียกทูตสวรรค์มิทันนาน พยนต์ขานลงมาไม่ช้าที สำแดงกายมีมือถือตะกร้า ลอยอยู่หน้าเวียงชัยในวิถี แล้วร้องว่าเจ้าจังหวัดปัถพี ตัวเรานี้จะมารับซึ่งบาปกรรม พระเยซูผู้เป็นเจ้าของเรานี้ รับสั่งชี้ให้มาชุบอุปถัมภ์ พวกที่กลับใจได้ไม่กระทำ ถือถ้อยคำรักใคร่ในพระองค์ ฯ ๏ ฝ่ายท้าวไทเสนาเห็นปรากฏ ไม่รู้รสคนมารยาพากันหลง ด้วยตั้งใจนับถือว่าซื่อตรง เพราะจำนงพร้อมใจมิได้แคลง บาทหลวงจึ่งเรียกหาเอาผ้ามุ้ง มาเย็บถุงช่วยกันให้ขันแข็ง ใครทำอะไรไว้มีจงชี้แจง เอาเขียนแจ้งเป็นหนังสือชื่อของตัว เจ้าพาราเป็นใหญ่เอาใส่ก่อน ราษฎรลงทีหลังทั้งเมียผัว เรื่องบาปกรรมทำไว้ที่ในตัว การที่ชั่วบอกเสมียนให้เขียนลง ครั้นเสร็จสรรพจับเอาไปใส่ในถุง คนทั้งกรุงชื่นชมสมประสงค์ บาทหลวงเฒ่าสมคิดในจิตจง เอาผ้าวงผูกไว้มิให้คลาย แล้วขว้างไปในนภางค์กลางเวหา พยนต์หญ้ารับไปดั่งใจหมาย แล้วลอยลิ่วปลิววับไปลับกาย ก็สูญหายในนภางค์กลางโพยม ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าทำอุบายให้ตายจิต เห็นสมคิดตรองตรึกยิ่งฮึกโหม มีวิชาพยายามเหมือนตามโคม แกแสนโสมนัสจิตที่คิดการ แลตลอดลอดไปสมใจนึก ที่ตรองตรึกไว้ในใจหลายสถาน จึ่งว่ากับเจ้าพาราไม่ช้านาน สิ้นรำคาญข้อหยาบที่บาปกรรม ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าบุรินทร์สิ้นสงสัย ลงกราบไหว้ว่าท่านชุบอุปถัมภ์ ได้สิ้นทุกข์เพราะเจ้าคุณช่วยหนุนนำ พระคุณล้ำเลิศลบภพไตร พวกเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร ลงกราบกรานยินดีจะมีไหน ด้วยนับถือซื่อตรงปลงในใจ ทั้งนายไพร่ทั่วเขตนิเวศน์วัง ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเจ้ามารยาจึงว่าขาน มาอยู่นานจะลาไปดั่งใจหวัง เที่ยวไปในสาชลตามวนวัง หมายจะตั้งศาสนาให้ถาวร แม้นพบปะเมืองใดที่ใจบาป จะได้ปราบปรามบ้างช่วยสั่งสอน ให้ได้ความสุขาสถาพร ทั่วนครในชมพูให้อยู่เย็น ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าบุรินทร์กบิลราช ว่ากับบาทหลวงอาจารย์จะนานเห็น ท่านมาช่วยดับร้อนให้ผ่อนเย็น ข้าขอเป็นศิษย์หากว่าจะตาย จึ่งสั่งพวกเสวกาบรรดาเฝ้า ไปจัดเอาเครื่องจินดามาถวาย บาททลวงว่าจะเอาบุญอย่าวุ่นวาย ไม่มุ่งหมายทรัพย์สินทั้งจินดา แกว่าพลางทางคำนับแล้วจับหัตถ์ เจ้าจังหวัดเชิญให้นั่งยังรถา พวกขุนนางต่างมาส่งลงเภตรา พระมังคลาลุกมารับคำนับพลัน ฝ่ายเสนาที่มาส่งพระบาทหลวง ทุกกระทรวงบ่าวนายรีบผายผัน ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราครั้นสายัณห์ จรจรัลกลับเข้าไปในบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าสังฆราชพระบาทหลวง ให้แล่นล่วงเลียบมหาชลาสินธุ์ ถึงเมืองไหนให้เข้าอ่าวบุรินทร์ ประเทศถิ่นแต่บรรดาชายสาคร เอาเรื่องราวศาสนาเที่ยวว่ากล่าว ทุกแดนด้าวขึ้นไปตั้งแต่สั่งสอน แต่เกลี้ยกล่อมได้เสร็จเจ็ดนคร ทำเหมือนก่อนคิดแต่การข้างมารยา แม้นเมืองไหนเขาไม่รับไม่นับถือ แกเขียนชื่อแช่งชักไว้หนักหนา ทำเป็นธงปักไว้ชายคงคา ใครไปมาจะได้ดูให้รู้การ แล้วใช้ใบไปทางข้างพายัพ แกบังคับต้นหนพลทหาร ให้แล่นล่องหาในท้องชโลธาร กำหนดนานตั้งแต่มาถึงห้าปี ฯ ๏ จะขอกล่าวราวเรื่องเมืองโรมพัฒน์ เจ้าจังหวัดแขกเทศเชื้อเศรษฐี เป็นเมืองใหญ่ในจังหวัดปัถพี เขามั่งมีมั่งคั่งทั้งนคร ทุกประทศเขตขัณฑ์ย่อมครั่นคร้าม ปรากฏนามโกสัยมไหสร มเหสีงามขำล้ำกินนร นามกรบุษบันกัลยา มีบุตรีศรีสำอางดังนางหงส์ ชื่อบุษบงทรงเทพเลขา พึ่งแรกรุ่นผิวผ่องดั่งทองทา ชันษาได้สิบสี่ปีมะแม ท้าวโกสัยบิตุเรศเกศกษัตริย์ ให้เลือกจัดหญิงสำอางดั่งดวงแข เป็นพี่เลี้ยงเคียงคู่คอยดูแล จัดเอาแต่ลูกผู้ดีมีตระกูล ไว้ถนอมกล่อมเกล้าเยาวลักษณ์ ให้สมรักสมใคร่เจ้าไอศูรย์ ให้อยู่ปรางค์สร้างใหม่อันไพบูลย์ พร้อมประยูรญาติวงศ์ดำรงวัง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช กับครูบาทหลวงไปดั่งใจหวัง อยู่ในท้ายบาหลีมู่ลี่บัง ชวนกันนั่งดูตำราปรึกษากัน คิดจะไปตีลังกาให้ปรากฏ เฉลิมยศเอาให้ได้ไอศวรรย์ เคยเป็นใหญ่ในนิเวศน์ขอบเขตคัน คนทั้งนั้นเลื่องลือนับถือกู มาตกอับยับเยินต้องเหินห่าง เที่ยวอยู่กลางสาครจนอ่อนหู แกนั่งตรึกนอนตรองหาช่องคู พระเยซูช่วยดำรงให้คงคืน จะได้ตั้งศาสนาให้ผาสุก บรรเทาทุกข์ในอุราไม่ฝ่าฝืน จะกำจัดไพรีตีเอาคืน จับแต่พื้นเผ่าพงศ์วงศ์อภัย มาฆ่าเสียมิให้เหลือเอาเนื้อเลือด มาฉะเชือดทิ้งให้กาไม่ปราศรัย ได้สมกับที่มันทำกูช้ำใจ เอาให้ได้เมืองลังกาเหมือนอาวรณ์ เรือก็แล่นมาในทางกลางสมุทร ไม่ยั้งหยุดเลียบมาข้างหว่างสิงขร ลมก็ส่งตรงไปใกล้นคร เห็นสันดอนโรมพัฒน์สวัสดี ฝ่ายต้นหนคนท้ายก็บ่ายเข้า พอรุ่งเช้าเรียกหากะลาสี ได้ซาใบทอดท่าหน้าบุรี เสียงอึงมี่ทอดสมอลดช่อใบ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเรือตระเวนเห็นกำปั่น ก็ชวนกันแล่นมาถามตามสงสัย ท่านมาจากเมืองบ้านสถานใด หรือจะไปค้าขายในบุรินทร์ ฯ ๏ พวกชวาส่งภาษาบอกให้รู้ ว่าท่านครูพระฝรั่งหวังถวิล ไปเที่ยวสอนศาสนาทุกธานินทร์ ให้เพิ่มภิญโญยศปรากฏนาม ด้วยเมตตาการุญถึงบุญบาป ไม่หยามหยาบโฉงเฉงอย่าเกรงขาม เที่ยวไปสอนศาสนาพยายาม เพราะมีความเวทนาในสามัญ ฯ ๏ เรือตระเวนแจ้งความที่ถามไต่ ก็รีบไปแจ้งคดีขมีขมัน กับนายด่านกรมท่าเสนาพลัน ว่ากำปั่นพระฝรั่งเมืองลังกา ข้าพเจ้าออกไปถามได้ความชัด มาโปรดสัตว์แสดงเหตุเทศนา ให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกทิวา ไม่ปรารถนาเงินทองของผู้ใด นายด่านฟังสั่งเสมียนให้เขียนบอก แล้วคัดลอกความลงไม่สงสัย ประทับตราพร้อมกันในทันใด เรียกมาใช้สั่งกำชับรับไปพลัน แล้วรีบรัดอัสดงให้ถอนถีบ พลางเร่งรีบเข้าไปถึงไอศวรรย์ เอาส่งให้กรมท่าเสนาพลัน บอกสำคัญทูลท้าวเจ้านคร ฯ ๏ เสนารับเรื่องราวเข้านิเวศน์ คอยปิ่นเกศจะถวายลายอักษร ฝ่ายจอมเจ้านครินทร์ปิ่นนคร เสด็จจรจากมนเทียรวิเชียรพราย ออกพระโรงท่ามกลางขุนนางพร้อม ประณตน้อมคลี่สารอ่านถวาย ให้ทราบเรื่องเบื้องต้นไปจนปลาย โดยภิปรายพระฝรั่งเมืองลังกา ฯ ๏ ท้าวโกสัยสุริย์วงศ์ทรงสดับ จึงตรัสกับเสนีที่ปรึกษา เขาลือว่าพวกฝรั่งเมืองลังกา ใครคบหามันไว้ไม่ได้การ แต่จะมายับยั้งก็ชั่งเถิด อย่าให้เกิดอื้อฉาวจะร้าวฉาน มันชาติคนงอแงเหมือนแหพาน ไม่ต้องการจะให้ยากลำบากคน ก็รู้อยู่ว่ามันเบียนเป็นเสี้ยนหนาม จะคุกคามเล่าก็เห็นไม่เป็นผล อันพวกพ้องมันจะมีสักกี่คน จะมาปล้นเมืองบ้านสถานใด เราไม่กลัวฝรั่งสังฆราช มีอำนาจไกรเกรียงสักเพียงไหน คงจะรู้แยบยลในกลไก จะลงไปฟังดูให้รู้การ ท้าวจึงสั่งเสวกาพฤฒามาตย์ ให้หมายบาดพวกพหลพลทหาร ทั้งรถรัดอัสดรกุญชรชาญ จงเตรียมการไว้แต่เช้าเราจะไป สนทนากับฝรั่งสังฆราช ดูโอกาสกิริยาอัชฌาสัย ที่เมืองด่านธารท่าชลาลัย เสนาในน้อมคำนับรับโองการ ฯ ๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นปราสาทรจนามุกดาหาร ขุนเสนาทุกตำแหน่งไปแต่งการ เตรียมทหารถ้วนทั่วทุกตัวคน ครั้นเช้าตรู่สุริโยวโรกาส ก็ยุรยาตรกระบวนบกยกพหล จัตุรงค์เสนาพลางพล ถึงตำบลเมืองด่านชานบุรี หยุดประทับพลับพลาที่หน้าป้อม ขุนนางพร้อมน้อมประณตบทศรี บาทหลวงรู้ว่าท่านท้าวเจ้าบุรี ก็ยินดีออกมารับคำนับพลาง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย จึงถามไต่ผ่อนผัดไม่ขัดขวาง ตามประเพณีนครแต่ก่อนปาง โดยเยี่ยงอย่างทางความตามโบราณ บาทหลวงเฒ่าเจ้าอุบายเหมือนควายเชื่อง ทำเซื่องเซื่องผันผ่อนพูดอ่อนหวาน แต่ใจจิตคิดไม่เว้นจะเล่นงาน เห็นอาการเขายังตั้งระวังตัว แม้นนานไปพลาดท่าเหมือนปลานก จะคอยฉกให้ถนัดจับตัดหัว ถึงจะดีมาอย่างไรกูไม่กลัว ได้พันพัวเข้าเมื่อไรแล้วไม่ฟัง การอุบายหลายอย่างในทางหลอก ทั้งในนอกคิดไว้เหมือนใจหวัง แม้นไม่ดิ้นอยู่กับที่กูมิฟัง ให้เหมือนตังคิดตัวทั่วนคร ฯ ๏ แล้วไถลเถ่ถามตามประสงค์ ซึ่งจำนงในบพิตรอดิศร หมายจะพึ่งองค์ท้าวเจ้านคร พอวายร้อนจึ่งจะลาท่านคลาไคล อยู่เวียงวังลังกาอาณาเขต ก็เกิดเหตุรบกันสนั่นไหว อันตัวเราเล่าเป็นพระสละใจ จึ่งเที่ยวไปพยายามตามสบาย ประเทศใดเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน อาศัยนอนตามจนไม่ขวนขวาย แต่พอถือศาสนาพาสบาย ไม่วุ่นวายป่วยการขี้คร้านฟัง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย จึงถามไต่เรื่องต้นแต่หนหลัง บาทหลวงแจ้งเรื่องราวเล่าให้ฟัง มาแต่ครั้งอุศเรนเจนณรงค์ เอาความหลังครั้งนั้นมาเล่าแจ้ง แกแถลงเรื่องความตามประสงค์ จึ่งละถิ่นเที่ยวไปดั่งใจจง แต่เวียนวงไปมาก็ช้านาน จนถึงเมืองท้าวไทเหมือนใจหวัง ขอยับยั้งพอเป็นสุขทั้งลูกหลาน พอสบายใจจิตคิดรำคาญ ไม่ช้านานก็จะลาท่านคลาไคล ฯ ๏ ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นพิภพ ขจรจบอิศโรท้าวโกสัย ฟังบาทหลวงเล่าแถลงแจ้งพระทัย เรื่องที่ในเมืองลังกาเกิดราวี เห็นจะเป็นความฉลาดเจ้าบาทหลวง คิดล่อลวงให้เขารบแล้วหลบหนี คงจะเป็นแยบยลคนอัปรีย์ แล้วไพล่หนีซอกซอนสัญจรมา เป็นเที่ยงแท้แน่จิตไม่ผิดนึก มันยั่วศึกก็เพราะจิตริษยา ครั้นจะไล่มิให้อยู่ในพารา จะเป็นข้าศึกไปในบุรินทร์ จึ่งปราศรัยไกล่เกลี่ยเสียให้หาย อย่าวุ่นวายที่ในจิตคิดถวิล เชิญท่านอยู่เถิดหนาอย่าราคิน ในแผ่นดินโรมพัฒน์สวัสดี บาทหลวงตอบขอบคุณการุญรัก ขอหยุดพักพึ่งพาเป็นราศี เพราะท้าวไทกรุณาทั้งปรานี ก็เป็นที่รักใคร่ใครจะปาน ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้านิเวศน์ประเทศถิ่น จึงสั่งสิ้นเสวกาโยธาหาญ ให้ตกแต่งตึกใหญ่ให้ตระการ พระอาจารย์จะได้อยู่ช่วยดูแล เอาใจใส่อย่าให้ขัดจัดให้พร้อม ขุนนางน้อมคอยรับสั่งฟังกระแส มาจัดแจงที่อยู่คอยดูแล ตามกระแสรับสั่งไม่รั้งรอ ทั้งอาหารหวานคาวดังท้าวสั่ง ก็แต่งตั้งเอาไปใส่ไว้บนหอ ตั้งน้ำฉันใช้มีไว้พอ กับมดหมอคอยรักษาพยาบาล ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราก็ลากลับ มาประทับยังปราสาทราชฐาน พร้อมสพรั่งทั้งเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน แสนสำราญสุขเกษมเปรมฤทัย ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงค่อยสบายคลายวิตก เหมือนหยิบยกเขาเขินเนินไศล ขึ้นอยู่บนตึกฝรั่งแกตั้งใจ คิดจะใคร่กำจัดกษัตรา จึงเรียกพระมังคลานราราช มานั่งอาสน์ตรองตรึกแล้วปรึกษา กูจะคิดกำจัดกษัตรา เอาพาราเป็นของเราทั้งข้าวเกลือ พวกพหลพลไพร่ในจังหวัด เราคิดตัดเอาให้ได้ทั้งใต้เหนือ รีบไปเอาเงินทองของในเรือ ทั้งผ้าเสื้อจะได้ให้พวกไพร่พล เอาแจกจ่ายให้ปันทุกวันหวัง ให้พร้อมพรั่งถ้วนทั่วตัวพหล แต่อย่าให้สงสัยทั้งไพร่พล คิดเป็นกลอุบายให้ตายใจ แล้วให้คนรีบไปในกำปั่น ขนแพรพรรณเงินทองสิบสองไห แล้วเขียนหนังสือพลันด้วยทันใด ให้แจกไปกับเหล่าชาวประชา กับเชิญท่านขุนนางผู้ใหญ่ด้วย ว่าเราอวยพรไปให้นักหนา เป็นวันใหญ่ในฝรั่งข้างลังกา ขอเชิญมาเลี้ยงกันเป็นวันดี พอเสร็จสรรพประทับตราพระราหู ให้มีผู้ถือไปในกรุงศรี แจกบรรดาไพร่พลพวกมนตรี เชิญไปที่เมืองด่านชานชลา กับทั้งท้าวเจ้ามิ่งมไหสวรรย์ ด้วยเป็นวันใหญ่ยิ่งจริงนักหนา ครั้นแจกทั่วเสร็จสรรพแล้วกลับมา แจ้งกิจจาบาทหลวงทันท่วงที แกจึงให้จัดแจงแต่งข้าวของ ทั้งเงินทองพลอยเพชรไว้เจ็ดสี ทั้งกระบี่ลงยาราชาวดี หมวกตุ้มปี่อย่างฝรั่งข้างลังกา แกจัดไว้จะได้ให้สำหรับยศ ให้ปรากฏสมมาดปรารถนา จะถวายไทท้าวเจ้าพารา ได้ลือชาเกียรติยศปรากฏไป ถึงวันนัดจัดเสร็จสำเร็จนึก แล้วตรองตรึกเรื่องความตามวิสัย ให้ตั้งโต๊ะหวานคาวแต่เช้าไป เครื่องเป็ดไก่อักโขล้วนโอชา ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราเสนาพร้อม ก็ห้อมล้อมแห่แหนมาแน่นหนา ถึงสถานเขตแคว้นแดนชวา บาทหลวงมาต้อนรับคำนับพลัน แล้วเชิญท้าวเจ้าพารามาบนตึก เสียงครื้นครึกปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ เชิญเสวยเครื่องอานทั้งหวานมัน ขุนนางนั้นเลี้ยงดูทุกผู้คน แล้วถวายสิ่งของล้วนทองเพชร แจกให้เสร็จถ้วนทั่วตัวพหล ทั้งขุนนางพวกไพร่ให้ทุกคน พวกคนจนเงินผ้าบรรดามี ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย จึงถามไต่เรื่องความตามวิถี ท่านเที่ยวไปไกลประเทศเขตบุรี สักกี่ปีจงแถลงให้แจ้งความ บาทหลวงยกเรื่องต้นแต่หนหลัง เล่าให้ฟังดั่งพระองค์ประสงค์ถาม แล้วทูลขออยู่ที่บุรีราม สักสองสามปีจะลาท่านคลาไคล พอยับยั้งสั่งสอนพวกศิษย์หา แล้วจะลาจากประเทศเขตไศล เที่ยวไปตามยมนาคงคาลัย ตามวิสัยเพศพันธุ์ดั่งสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้ามิ่งมไหสวรรย์ ก็ผ่อนผันตามความปรารถนา ว่าสุดแท้แต่ท่านไม่ฉันทา จงตรึกตราตรองความตามสบาย อันเมืองด่านธารท่าชลาสินธุ์ ที่พื้นดินเปล่ามากอยู่หลากหลาย จงสร้างสมตึกรามตามสบาย ที่หาดทรายธารท่าริมสาคร เชิญท่านอยู่ให้เป็นสุขสนุกสนาน ในเมืองด่านชายตลิ่งริมสิงขร ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จบทจร กลับนครคืนหลังเข้าวังใน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับสังฆราชตรึกตรองด้วยผ่องใส คิดสร้างสมตึกรามตามแต่ใจ ไม่มีใครกีดขวางคิดจ้างคน ไปทำที่หน้าด่านสำราญรื่น ในภูมิพื้นทั่วจังหวัดไม่ขัดสน เอาเงินทองแจกอาณาประชาชน ทั้งก่อขนแล้วเสร็จในเจ็ดเดือน ทำกำแพงด้วยศิลาหนาสองศอก ทางเข้าออกแน่นดีไม่มีเหมือน กั้นเป็นขอบรอบเขาตั้งเหย้าเรือน ดูกล่นเกลื่อนแน่นหนาริมท่าธาร ฯ ๏ แล้วสำเร็จเสร็จสรรพขึ้นยับยั้ง เรียกว่าวังชายหาดราชฐาน บาทหลวงกับสานุศิษย์ตั้งคิดการ จะคอยผลาญไทท้าวเจ้าบุรินทร์ เอาเงินทองแจกจ่ายสิ้นหลายแสน ไม่หวงแหนแจกไพร่ดังใจถวิล คนรักใคร่ไปมาเป็นอาจิณ ทั้งตัดสินความเขาเอาแต่จริง คนระบือลือชาเห็นปรากฏ เฉลิมยศลือดีดั่งผีสิง ทั้งซื่อตรงคงสัตย์สันทัดจริง พวกชายหญิงทั่วนครไม่ร้อนรน ด้วยอำนาจบาทหลวงแกล่วงรู้ เปรียบเหมือนผู้ทำนาจะหาผล ช่วยตัดสินความอาณาประชาชน ที่ขัดสนแจกจ่ายทั้งให้ปัน คนนับถือลือเลื่องทั้งเปรื่องปราด ประชาราษฎร์อิ่มเอมเกษมสันต์ ทั้งไพร่นายหลายหมื่นพื้นฉกรรจ์ ก็ผูกพันรักใคร่เป็นไมตรี ด้วยเห็นว่าซื่อตรงต่างปลงจิต เข้าเป็นศิษย์รักใคร่ไม่หน่ายหนี กิตติศัพท์ลือไปในบุรี ทราบถึงที่ไทท้าวเจ้านคร ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ขัดพระทัยพวกฝรั่งมาสั่งสอน จนผู้คนไพร่ฟ้าประชากร ทั่วนครฟังข่าวทุกเช้าเย็น แม้นนานไปอ้ายนี่จะมียศ เป็นขบถเหมือนอย่างจิตกูคิดเห็น จึงจะต้องดับร้อนให้ผ่อนเย็น อย่าให้เป็นศึกเสือเหลือรำคาญ จึงตรัสสั่งเสนามหาอำมาตย์ เอ็งไปไล่สังฆราชพวกอาจหาญ อย่ามาอยู่แปดปนเป็นคนพาล ในสถานบ้านช่องเป็นของกู แม้นมันพูดดื้อดึงเองจึงกลับ มาเกณฑ์ทัพออกไปต้อนให้อ่อนหู จะขัดขวางอย่างไรออกไปดู ฟังให้รู้แยบยลอ้ายคนโกง ฯ ๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์บัลลังก์ที่นั่งโถง ขุนเสนารีบออกนอกพระโรง พอบ่ายโมงไปถึงด่านชานชลา เห็นบาทหลวงเดินวนอยู่บนตึก แล้วจารึกหนังสือปิดบอกศิษย์หา ให้เล่าเรียนเขียนอ่านการวิชา ในตำราอังกฤษไม่ปิดบัง ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่ออกมาพระยาใช้ ก็ขึ้นไปบนตึกเหมือนนึกหวัง บาทหลวงเชิญให้ไปที่มูลี่บัง แล้วก็นั่งลงคำนับพลางจับมือ จึงปราศรัยไต่ถามตามประสงค์ ตัวท่านลงมาทำไมไฉนหรือ เจ้าแผ่นดินใช้มาให้หารือ หรือท่านถือรับสั่งมาอย่างไร หรือเที่ยวมาหาสู่ขอรู้กิจ อย่าปกปิดเชิญแจ้งแถลงไข หรือขัดข้องต้องประสงค์ที่ตรงใด จงเล่าไปให้กระจ่างอย่าพรางกัน ฝ่ายเสนาข้าทูลละอองบาท ที่หมายมาดมาแต่ก่อนต้องผ่อนผัน ดูแยบคายไม่เห็นจริงทุกสิ่งอัน ที่เชิงชั้นก็ไม่เห็นเช่นเขาทูล แล้วเสแสร้งแกล้งว่าเรามาเยี่ยม โดยธรรมเนียมรักใคร่มิให้สูญ ท่านผู้เรืองเปรื่องปราดชาติตระกูล จงเพิ่มพูนภิญโญในโลกา ฯ ๏ บาทหลวงฟังสังรเสริญเจริญยศ เห็นหมดจดเที่ยงแท้แน่นักหนา แล้วก็ดูท่วงทีกิริยา เห็นจะมาโดยซื่อไม่ดื้อดึง แล้วเชิญให้เสนาขึ้นมานั่ง ที่โต๊ะตั้งเลี้ยงดูแกรู้ถึง เสนาใส่เหล้าเข้มพอเต็มตึง บางหลวงจึงปราศรัยทั้งให้ปัน ของต่างต่างอย่างดีมีสำหรับ พอสมกับเสนีที่ขยัน กับทั้งพวกบ่าวไพร่ก็ให้ปัน คนทั้งนั้นรักใคร่เห็นใจดี ฯ ๏ ฝ่ายเสนาเมื่อจะลาบาทหลวงกลับ ยืนคำนับพูดละเมียดพอเสียดสี ว่าตัวท่านจะอยู่ไปตรองให้ดี แล้วเสนีกลับหลังเข้าวังใน ทูลแถลงแจ้งความตามได้เห็น ที่จะเป็นเหมือนเขาว่าข้าสงสัย ไม่เห็นจัดแจงการสถานใด เห็นแต่ให้สานุศิษย์คิดเล่าเรียน ถ้าแม้นเป็นเช่นเขาว่าคงปรากฏ การขบถมันคงคิดสถิตเสถียร แล้วจะคิดส่อเสียดข้างเบียดเบียน คงจะเพียรฝึกทหารข้างราญรอน ทั้งอาวุธสาตราคงหาไว้ พลไพร่สารพัดจะหัดสอน วิสัยจะคิดการข้างราญรอน คงจะต้อนพวกพลสกลไกร ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นพิภพ ที่ปรารภค่อยคลายหายสงสัย จึงตรัสกับพวกมหาเสนาใน อย่าไว้ใจพระฝรั่งพวกลังกา ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์แท่นสุวรรณด้วยหรรษา เข้าในวังยังที่ศรีไสยา พร้อมบรรดานางเสนอบำเรอราย บ้างขับร้องลองซอประสานเสียง เพราะสำเนียงบรรเลงเพลงถวาย มโหรีขับเรื่อยเฉื่อยสบาย ท้าวภิปรายปราศรัยในอนงค์ ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชชาติฝรั่ง แต่นอนนั่งตรองตรึกนึกประสงค์ จะลวงพวกตระกูลประยูรวงศ์ กับทั้งองค์ไทท้าวเจ้าแผ่นดิน จึงร่ายมนต์คาถาทำกาสัก เป็นรูปยักษ์ขึ้นดั่งจิตคิดถวิล ถือเหล็กแดงเหาะไปในบุรินทร์ ร้องจะกินชาวพารามาแต่ไกล ไม่รู้หรือกูคือมหายักษ์ อยู่สำนักในมหาชลาไหล กูเป็นพวกอินทราสุราลัย ไหนท้าวไทที่เป็นเจ้าชาวนคร รีบออกมาหาสู่จะดูหน้า อย่านิ่งช้าจงมาฟังเราสั่งสอน แม้นมิมากูจะเข้าเผานคร อย่านิ่งนอนกอดเมียจะเสียเมือง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ตกพระทัยเสด็จออกมาเห็นฟ้าเหลือง เป็นเปลวไฟพวยพุ่งดูรุ่งเรือง ทั่วทั้งเมืองแสงกระจ่างดั่งกลางวัน เห็นยักษาลอยมาบนอากาศ ผิดประหลาดไม่รู้ที่ผ่อนผัน จึงกล่าวคำร่ำว่าสารพัน พระองค์สั่นรัวรัวกลัวจะตาย แล้วจึงว่าข้าแต่มหายักษ์ อย่าเพ่อหักหาญไปให้ฉิบหาย เป็นเหตุผลต้นเรื่องเคืองระคาย จงภิปรายให้กระจ่างในทางความ ฯ ๏ ยักษ์พยนต์มนต์เวทวิเศษขลัง ขึ้นเสียงดังกู่ก้องแล้วร้องถาม รู้หรือไม่ว่าพระองค์ผู้ทรงนาม เสด็จตามมาแต่ฝั่งข้างลังกา ผู้มีบุญพูนสวัสดิ์กษัตริย์ชาติ มีอำนาจเรืองฤทธิ์ทุกทิศา ทรงพระนามธิบดินทร์ปิ่นประชา พระมังคลาจอมเจิมเฉลิมวงศ์ มาอยู่ยังวังใหม่ที่ท้ายด่าน จงแจ้งการที่ในใจอย่าใหลหลง ท่านรีบไปอ่อนน้อมยอมพระองค์ จะได้คงอยู่ถิ่นบุรินทร์ตัว แม้นมิไปในรุ่งวันพรุ่งนี้ พระศุลีจะให้เรามาเอาหัว แล้วแผลงอิทธฤทธิ์ไกรไฟรอบตัว พระยากลัวขวัญหนีไม่มีใจ แล้วรับคำร่ำว่าท่านอย่าวุ่น ผู้มีบุญแม้นอยู่หนตำบลไหน เราจะไปสู่หาเป็นข้าไท แม้นมิไปเหมือนหนึ่งว่าจึงฆ่าตี ฯ ๏ ฝ่ายยักษ์ร้ายกลายกลับเป็นเทเวศร์ สำแดงเดชเหาะไปในวิถี ท้าวโกสัยแจ้งความตามคดี กลับเข้าที่ข้างในศรีไสยา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองคมิ่งมเหสี เห็นสามีหมองมัวกลัวนักหนา นางจึงทูลมูลคดีด้วยปรีชา พระอย่าปรารมภ์ไปไม่เป็นการ ถึงบุญหนักจักทำไมเหมือนไก่แก้ว เราเอาแร้วดักไว้ในสถาน คงติดบ่วงมั่นคงจะลงคลาน น้องเห็นการคงจะดีไม่มีภัย อันบุตรีของเราเล่าก็รุ่น ผู้มีบุญเห็นจะหลงอย่าสงสัย ไปอ่อนน้อมยอมตนพอพ้นภัย คงจะได้ความสบายหลายประการ ฯ ๏ ฝ่ายทรงฤทธิ์อิศโรท้าวโกสัย ฟังอรไททูลแจ้งแถลงสาร ค่อยบรรเทาเร่าร้อนผ่อนสำราญ ด้วยเห็นการจริงสิ้นเธอยินดี ควรแล้วน้องตรองความนี้งามนัก ไม่เสียศักดิ์เสียสง่าเสียราศี เขาก็เป็นกษัตราครองธานี แล้วก็มีบุญมากได้ฝากกาย เป็นเขยเราเหมือนเจ้าว่าจะปรากฏ เฉลิมยศในตระกูลไม่สูญหาย พอรุ่งแจ้งแสงตะวันพรรณราย เราผันผายพาธิดาจากธานี ขึ้นรถทองป้องปิดให้มิดเม้น เหมือนไปเล่นตามกระบวนที่สวนศรี แล้วเข้าที่ไสยาในราตรี พระภูมีกลัวภัยหลายประการ ฯ ๏ พอรุ่งแจ้งแสงทองส่องอากาศ พระจากอาสน์รจนามุกดาหาร บอกขุนนางทางสั่งพนักงาน ให้เตรียมการโยธาจะคลาไคล ไปเมืองด่านธารท่าชลาสินธุ์ พระภูมินทร์หม่นหมองไม่ผ่องใส แต่จำเป็นจำเสร็จเสด็จไป แล้วสั่งให้เตรียมรถบทจร ครั้นสั่งเสร็จท้าวเสด็จยุรยาตร ขึ้นปราสาทเนาวรัตน์ประภัสสร จึงตรัสเรียกมเหสีมีสุนทร ว่าดูก่อนอัคเรศเกศสุรางค์ เจ้าจงไปพาบุตรีศรีสวัสดิ์ อย่าให้ขัดเคืองข้องจะหมองหมาง ค่อยเล้าโลมโฉมสมรแต่ก่อนปาง อย่าให้หมางหมองช้ำในน้ำใจ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี อัญชลีเข้าในห้องร้องปราศรัย เรียกพระนุชบุตรีพิรี้พิไร แม่มาไปเที่ยวด่านชานชลา ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ อภิวาททูลพลันด้วยหรรษา อยากจะใคร่ไปเที่ยวชมยมนา พระมารดาบอกพลางนางสำรวล ดีพระทัยที่จะได้ไปเมืองด่าน ไม่แจ้งการลุ่มหลงทรงพระสรวล แล้วกวดเกล้าเมาฬีฉวีนวล นางชักชวนพี่เลี้ยงเคียงประคอง ไม่รู้เรื่องเคืองขุ่นที่วุ่นฉาว คิดว่าท้าวเธอจะพาไปหาของ เก็บกรวดทรายชายน้ำในลำคลอง นางสนองชนนีด้วยดีใจ เสด็จจากแท่นทองห้องสถิต สำราญจิตชื่นชอบอัชฌาสัย ตามเสด็จชนนีด้วยดีใจ มาเฝ้าไทเทวฤทธิ์พระบิดร ฯ ๏ ฝ่ายท้าวไทเจ้าพาราเห็นหน้าบุตร ยิ่งแสนสุดโศกเศร้าเท่าสิงขร แต่แข็งขืนยุรยาตรลีลาศจร สะท้อนถอนฤทัยไม่สบาย แต่จำเป็นจำไปพระทัยท้าว ให้โศกเศร้าร้อนอยู่ไม่รู้หาย มาทรงรถเรืองศรีมณีพราย ให้ผันผายจตุรงค์ลงไปพลัน ฯ ๏ ถึงเมืองด่านชานท่าชลาสินธุ์ เจ้าบุรินทร์โกสัยไอศวรรย์ ให้หยุดยั้งรั้งราโยธาพลัน พร้อมกำนัลมเหสีบุตรีเธอ ลงจากรถบทจรอาวรณ์หวัง จึ่งยับยั้งให้คนใช้ไปเสนอ บาทหลวงรู้อิ่มเอมทั้งเปรมเปรอ จึงว่าเออเราจะไปเชิญให้มา แล้วชวนองค์มังคลานราราช ลงจากอาสน์พร้อมกันด้วยหรรษา ไปต้อนรับองค์ท้าวเจ้าพารา เชิญขึ้นมาตึกตั้งจึ่งบังควร เขาเป็นจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ อย่าให้ขัดเคืองใจค่อยไต่สวน ควรจะอ่อนผ่อนใจคิดใคร่ครวญ ฟังสำนวนจะเป็นการสถานใด ก็กลัวฤทธิ์เราแล้วไม่แคล้วดอก แต่อย่าออกตัวนักมักสงสัย ค่อยลูบคลำทำการให้หวานใจ พลางรีบไปเชิญท้าวเจ้านคร บาทหลวงไปถึงคำนับจับพระหัตถ์ กรุงกษัตริย์อิศโรสโมสร เชิญเสด็จเสร็จเข้าในนคร ขึ้นบรรจถรณ์เรืองอร่ามทั้งสามองค์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช เห็นนุชนาฏชื่นชมสมประสงค์ ชำเลืองเนตรสบพระนุชบุษบง ราวกับองค์นางฟ้าสุราลัย แต่เห็นหญิงมาทุกแดนไม่แม้นเหมือน จนจิตเฟือนแทบจะชิดพิสมัย จึงวันทาเจ้าประเทศข้างเพศไทย ทั้งทรามวัยนางกษัตริย์สวัสดี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ชนนีนาฏ สอนให้ราชธิดามารศรี ถวายบังคมคัลอัญชลี กษัตริย์ศรีมังคลาปรีชาชาญ แล้วว่าฉันทั้งสามตามมาเฝ้า จะขอเข้าจงรักสมัครสมาน เป็นข้าไทของพระองค์เชื้อวงศ์วาน ทั้งเมืองบ้านก็ถวายดั่งใจปอง ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงแกเห็นนางสำอางพักตร์ ดูน่ารักล้ำสตรีไม่มีสอง ตะลึงเล็งเปล่งปลั่งทั้งนวลละออง จะหาสองเห็นไม่ได้ในชมพู แม้นเราหนุ่มปะเช่นนี้แล้วมิบวช คงจะกวดเอาให้สิ้นเหมือนดินหู นี่มันแก่เกินกาลเจียวหลานกู เห็นสุดรู้สุดฤทธิ์จะคิดตรอง จำจะให้มังคลาสานุศิษย์ ได้ร่วมชิดเชยชมประสมสอง เหมือนยอดเพชรเจ็ดกะรัตคงจัดทอง ไว้รับรองให้จงได้ไม่เสียงาม ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ ให้หวนหวาดเสียวในฤทัยหวาม พอสบเนตรกษัตราสง่างาม ให้มีความเสน่หาทั้งปรานี ด้วยเคยคู่สู่สร้างแต่ปางก่อน สายสมรจึ่งไม่อางขนางหนี เผอิญให้ประดิพัทธ์สวัสดี ทั้งเปรมปรีดิ์ในทำนองทั้งสองรา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ ให้หวั่นหวาดที่ในเล่ห์เสน่หา พลางขวยเขินเมินพักตร์ไม่พูดจา ในอุราร้อนเริงดั่งเพลิงรุม ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราจะลากลับ ให้ทรวงคับมุ่นหมกดั่งตกหลุม แล้วจึ่งว่าอกข้านี้ร้อนรุม เปรียบเหมือนสุมอัคคีไว้สี่กอง เชิญพระองค์ไปดำรงอาณาจักร เป็นที่รักในพระองค์ดำรงสนอง ฉันจะได้พึ่งพาฝ่าละออง ดั่งจิตปองที่ประสงค์จำนงมา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาปรีชาฉลาด เห็นสมมาดที่ในเล่ห์เสน่หา จึ่งโลมเล้าท้าวไทให้ไคลคลา ด้วยวาจาเจือจานทั้งหวานมัน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ก็ลาไปจากที่ขมีขมัน กลับเข้าวังยังประเทศขอบเขตคัน พร้อมกำนัลเสวกาพลากร ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงตั้งแต่สั่งสอน การวิธีที่จะเข้าเอานคร อย่าให้ร้อนใจอาณาประชาชน คิดเล้าโลมโฉมฉายสายสวาท ให้นุชนาฏจงรักเป็นภักษ์ผล วันนี้บ่ายชายแสงพระสุริยน จะจรดลเข้าไปหาบิดานาง เองพูดจาโอนอ่อนแล้วย้อนขอ ให้ท้าวพ่อประดิพัทธ์อย่าขัดขวาง การข้างหน้ามากมายยังหลายทาง แม้นได้นางแล้วคงสมอารมณ์เรา แล้วสอนเวทวิทยามหาเสน่ห์ อุปเท่ห์ผูกในน้ำใจเขา เองรีบไปในสถานคิดการเรา เอาแต่บ่าวที่ไว้ใจไปพอควร ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาสานุศิษย์ สมคิดที่ในเล่ห์พลางเสสรวล มาขึ้นรถอย่างฝรั่งตั้งกระบวน เวลาจวนรีบไปในบุรินทร์ ถึงประทับยับยั้งอยู่ข้างนอก เสนาออกมารับไปดั่งใจถวิล แล้วเข้าไปทูลท้าวเจ้าบุรินทร์ พระภูมินทร์เสด็จมารับประคับประคอง เข้าในวังสั่งมิ่งมเหสี ให้แต่งที่เครื่องกษัตริย์จัดข้าวของ ทั้งหวานคาวจัดสรรใส่จานทอง เอาโต๊ะทองลงยาราชาวดี มาเตรียมตั้งยังแท่นสุวรรณรัตน์ นางกษัตริย์เรียกเหล่านางสาวศรี ให้เตรียมคอนปรนนิบัติทั้งพัดวี แล้วเทพีเสด็จมาชลากลาง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช อภิวาทนางกษัตริย์ไม่ขัดขวาง กับไทท้าวเจ้านครเหมือนก่อนปาง นึกเสียอย่างว่าเป็นเขยเลยบังคม สองกษัตริย์รักใคร่ปราศรัยทัก ดูน่ารักทั้งจิตสนิทสนม ทั้งท่วงทีกิริยาก็น่าชม เห็นขำคมพริ้งพร้อมละม่อมละไม ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ สนองอรรถนางพระยาอัชฌาสัย ขอเป็นบุตรสุจริตเหมือนจิตใจ สนองใต้บาทาฝ่าธุลี ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย เชิญเข้าไปปรางค์ทองละอองศรี แล้วเรียกองค์นงนุชพระบุตรี มาอัญชลีองค์กษัตริย์ขัตติยา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ ให้หวั่นหวาดในจิตกนิษฐา แต่ความอายเหลือล้นคณนา ลุกออกมาจากแท่นแสนรำคาญ พอสบเนตรมังคลานราราช อภิวาทร้อนเริงดั่งเพลิงผลาญ ทั้งความรักความอายหลายประการ เยาวมาลย์นิ่งนั่งฟังสุนทร ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย เชิญหน่อไทนฤบาลชาญสมร ให้เสวยโภชนาอันถาวร สั่งบังอรบุษบงนางนงเยาว์ ไปตั้งเครื่องพระกระยาสุธาโภชน์ ด้วยประโยชน์ฝากตัวเพราะกลัวเขา เป็นจนจิตคิดความตามสำเนา แม้นมิเอาน้ำรดไม่หมดเปลว ตามกุศลผลบุญของลูกรัก จะหาญหักแม้นมิลงก็คงเหลว ธรรมดาอัคคีย่อมมีเปลว ถึงจะเหลวไม่มีงานก็ตามที ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช ขึ้นนั่งอาสน์ตรงหน้ามารศรี เสวยพลางทางถวิลด้วยยินดี พระบุตรีปรนนิบัติจัดประจง พวกสำหรับขับขานประสานเสียง ส่งสำเนียงสมตระกูลประยูรหงส์ เสวยพลางทางพิศพินิจทรง หาอนงค์ใดเปรียบไม่เทียบทัน แต่ดูนางนารีที่ได้เห็น ไม่เหมือนเช่นนุชเจ้าสาวสวรรค์ จะพิศไหนก็วิไลวิลาวัณย์ สุดจะกลั้นความรักหนักอุรา เสวยพลางทางตะลึงคะนึงโฉม แทบจะโลมมิ่งมิตรกนิษฐา ให้เสียวซาบวาบหวามในวิญญาณ์ เสน่หาแสนถวิลให้ดิ้นโดย ไม่เป็นอันเสวยก็เลยอิ่ม อุระปิ้มจะทำลายไม่วายโหย ลงกอดกรถอนจิตทั้งอิดโรย ระกำโกยแสนวิตกหนออกเรา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย แจ้งพระทัยในจิตจริตเขา จึงกระซิบมเหสีบุตรีเรา เห็นจะเอาตัวรอดเพราะถอดโกลน อันถิ่นฐานบ้านเมืองคงเป็นสุข คิดดับยุคดับเข็ญที่เผ่นโผน เหมือนเพลิงติดคิดระงับดับด้วยโคลน จะลุกโชนไปอย่างไรเห็นไม่มี คงมอดม้วยอยู่กับถิ่นเพราะสิ้นเชื้อ ถึงจะเหลือก็คงดับระงับสี เจ้าไปเชิญเข้าในห้องทองมณี ให้สองศรีสมถวิลจินตนา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ชนนีนาฏ อภิวาททรงธรรม์ด้วยหรรษา ไปเชิญองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ให้เข้ามาห้องทองทั้งสององค์ ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ โสมนัสรื่นเริงละเลิงหลง กับบิตุเรศชนนีทั้งสี่องค์ เสด็จทรงเยื้องย่างเข้าปรางค์ทอง แล้วมอบมิ่งราชัยไอศวรรย์ จงช่วยกันครองวังอยู่ทั้งสอง ขอมอบให้เป็นสิทธิ์ดั่งจิตปอง พ่อจงครองนคราให้ถาวร ขอฝากนุชบุษบงอนงค์นาฏ แม้นพลั้งพลาดผิดบ้างช่วยสั่งสอน จงชุบเลี้ยงเที่ยงแท้อย่าแง่งอน พระภูธรโปรดข้าได้ปรานี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช รับโอวาทท่านท้าวเจ้ากรุงศรี จึ่งตอบรสพจนาแล้วพาที ท่านปรานีแล้วก็คิดเหมือนบิดร ถ้าผิดพลั้งครั้งไรจงได้โปรด ประทานโทษกรุณังช่วยสั่งสอน เชิญพระองค์ทรงยั้งยังนคร เหมือนแต่ก่อนเก่ามาในธานี ลูกขอเป็นเกือกทองฉลองบาท ทั้งสองราชจงบำรุงซึ่งกรุงศรี ถ้าแม้นมีพวกปัจจามายายี จะต่อตีรับรองฉลองคุณ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ดีพระทัยชื่นสุดช่วยอุดหนุน แล้วชวนองค์นางพระยาเพราะการุญ พ่อจงคุ้นเคยกันฉันจะลา แล้วเยื้องย่างพลางออกมานอกห้อง กษัตริย์สองผูกพันด้วยหรรษา ฝ่ายบุษบงนงคราญเจ้ามารยา ถอยออกมาเสียให้ห่างเพราะนางอาย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ กอดกระหวัดพลางประโลมนางโฉมฉาย นางพลิกผลักยักเยื้องเคืองระคาย จึ่งภิปรายกล่าวคำพลางรำพัน นี่พระแกล้งจะมาทำให้ช้ำจิต ดังกรดกริชจะมาฆ่าให้อาสัญ จงวางน้องเสียเถิดองค์พระทรงธรรม์ อย่าให้ฉันอายสุรางค์ในปรางค์ทอง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช พจนารถตอบไปมิให้หมอง พี่รักเจ้าเท่าชีวิตอย่าคิดปอง ขอเชิญน้องปรานีด้วยพี่ยา สู้แล่นล่องมาในท้องมหรณพ จนมาพบมิ่งมิตรกนิษฐา เป็นกุศลดลจิตให้คิดมา ถึงพาราโรมพัฒน์สวัสดี เพราะไทท้าวเทวาชักมาให้ พี่จึงได้พานพบประสบศรี ขอเสียเถิดแก้วตาอย่าราคี ยุพินพี่ผินมาอย่าจาบัลย์ ฯ ๏ อันเรื่องราวหญิงชายก็หลายหลาก จะกล่าวมากไปก็เบื่อเหลือกระสัน ขอตัดรอนเรื่องเกี้ยวที่เกี่ยวพัน แต่อัศจรรย์จะต้องมีเป็นที่ฟัง พลางกุมกรช้อนนางขึ้นวางแท่น ก็เหมือนแม้นทิพรสกำหนดหวัง นางป้องปัดร้องว่าดูน่าชัง พระจะตั้งเคี่ยวเข็ญเหมือนเป็นนาย หรือเชื่อฤทธิ์วิทยามาข่มเหง ไม่กลัวเกรงพระจะริบให้ฉิบหาย ขอผัดผ่อนหย่อนตามความสบาย อย่าให้อายเสนาประชาชน พระเชยปรางทางว่านิจจาน้อง อย่าเคืองข้องตัดรักเด็ดภักษ์ผล พลางประคองต้องเต้าเสาวคนธ์ ดั่งอุบลเผยกลีบรีบจะบาน นุชนาฏหวาดหวั่นกระสันเสียว ทั้งบิดเบี้ยวเบือนไปหลายสถาน พระคลึงเคล้าเย้ายวนชวนสำราญ ฤดีดาลเดือดดิ้นถวิลครวญ สนิทแนบแอบเคล้าเสาวรส ดอกไม้สดต้องระบุพยุหวน ระเหยกลิ่นฟุ้งฟูเรณูนวล พระพายชวนเชยช่อละออออง สายสมรผ่อนตามความประสงค์ ทั้งสององค์เชยชิดสนิทสนอง พิรุณโรยโปรยปรายกระจายฟอง สุนีร้องเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงคำรน พยุพยับอับฟ้าเวหาหาว ทั้งเดือนดาวมืดกลุ้มคลุ้มเวหน ทะเลลมยมนาในสาชล อลวนตีฟองก้องกังวาน มัติมิงคล์กลิ้งเกลือกชลาสินธุ์ ขึ้นโดดดิ้นเล่นระลอกกระฉอกฉาน ท้องทะเลเหราทั้งปลาวาฬ แข่งขนานว่ายวนชลธี เขาพระเมรุเอนเอียงเพียงจะคว่ำ ในเถื่อนถ้ำแสงสว่างกระจ่างสี เป็นเปลวเพลิงเริงแรงแสงอัคคี ราชสีห์โลดโผนโจนทะยาน นรสิงห์สิงหนัศฉวัดเฉวียน เที่ยววนเวียนวิ่งไปในไพรสาณฑ์ ทุกประเทศเขตขอบจักรวาล สะเทือนสะท้านไหวหวั่นสนั่นดง ฯ ๏ สองภิรมย์สมสวาทในอาสน์รัตน์ ประดิพัทธ์รักใคร่จนใหลหลง ไม่ออกจากแท่นสุวรรณอันบรรจง ทั้งบุษบงมังคลาก็กว่าเดือน นางหลงลืมปลื้มใจไม่ไกลอาสน์ แสนสวาทรักใคร่ใครจะเหมือน พระก็หลงปลงจิตไม่บิดเบือน เปรียบเหมือนเดือนเด่นหงายสบายใจ ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง แต่นั่งง่วงคอยศิษย์คิดสงสัย หรือจะเกิดเหตุการณ์สถานใด จึ่งหายไปไม่ออกมาเห็นช้านาน จำจะขียนหนังสือไปสื่อข่าว ในเรื่องราวว่าไปหลายสถาน ครั้นเสร็จสรรพเรียกคนมาลนลาน เอาเรื่องสารส่งให้ไปในวัง เร่งเอาไปให้มังคลาราช แกสั่งขาดรีบไปดังใจหวัง เป็นการร้อนหนักอยู่กูจะฟัง เข้าไปยังพาราอย่าช้าที ฯ ๏ ฝ่ายคนใช้ไปถึงวังสั่งอำมาตย์ แล้วส่งราชสารให้ในวิถี ถวายพระมังคลาอย่าช้าที จะอยู่นี่คอยฟังรับสั่งความ เสวกาข้าทูลละอองบาท พลางรับราชสารไปแล้วไต่ถาม ว่าท่านจะคอยอยู่ให้รู้ความ หรือจะตามเราไปถึงในวัง พวกคนใช้แจ้งความตามนุสนธิ์ เราใช่คนใช้ชิดสนิทหวัง จะคอยท่าท่านอยู่ประตูวัง ได้รับสั่งก็จะลาท่านคลาไคล ฯ ๏ เสนารับสารศรีขมีขมัน สั่งให้ท่านเถ้าแก่ทูลแก้ไข หลวงแม่เจ้าท้าวนางพวกข้างใน รับเข้าไปส่งถวายข้างท้ายปรางค์ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช รับกระดาษครูไว้ฤทัยหมาง แล้วตรัสชวนบุษบงอนงค์นาง เสด็จเข้าปรางค์คลี่สารออกอ่านพลัน ฯ ๏ หนังสือกูผู้เป็นสังฆราช ได้ชี้ขาดสอนสั่งทางสวรรค์ มาถึงเอ็งผู้เป็นศิษย์ที่ติดพัน มาด้วยกันยากแค้นแสนกันดาร ก็หวังใจว่าได้เป็นเพื่อนเข็ญ ที่ร้อนเย็นอยู่กับใจหลายสถาน จะมาหลงอยู่กับหญิงแล้วทิ้งการ นอนสำราญอยู่กับเมียนั่งเคลียคลอ หรือจะทิ้งศาสนาข้างฝาหรั่ง เอ็งจึงตั้งเวียนเฝ้าแต่เข้าหอ ที่เจ็บอายหายหมดเมียกดคอ หรือติดตอต้องขัวเหมือนอย่างลิง อันทุกข์สุขยุคเข็ญเป็นไฉน ช่างกระไรนั่งรอคลอผู้หญิง เอ็งจะมาใช้ปากเหมือนทากปลิง เข้าเกาะนิ่งตามสบายหมายว่างาม เร่งออกไปแล้วจะได้คิดแก้แค้น ไปตอบแทนเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม หรือว่าเอ็งจะไม่ออกเร่งบอกความ จะอยู่ตามสบายใจเพราะได้เมีย สมประโยชน์ร้อยอย่างคือนางแก้ว มันเลิศแล้วเหลือดีไม่มีเสีย ชะเจ้าสังกะตังเกาะหลังเมีย พลอยกูเสียรางวัลขัดอารมณ์ ฯ ๏ พอจบเรื่องหนังสือรื้อเป็นทุกข์ ไม่มีสุขเหมือนหนึ่งเอาภูเขาถม ถอนฤทัยเคืองขัดอัดอารมณ์ ให้เตรียมตรมที่ในอกดั่งตกเลน จึงจะต้องเขียนทำเป็นคำตอบ แต่พอชอบใจชุ่มเหมือนพุ่มเสน พลางจำลองลายพระหัตถ์ล้วนจัดเจน ให้นางเวรนำไปให้ขุนนาง แล้วรับสั่งว่าเอาไปให้บาทหลวง ตามกระทรวงสารพัดไม่ขัดขวาง พวกข้างในนำมาศาลากลาง ฝ่ายขุนนางรับไปดั่งใจปอง เรียกคนใช้ไปให้พระฝรั่ง เล่าให้ฟังเรื่องประมูลทูลฉลอง แล้วส่งหนังสือให้เหมือนใจปอง ตามทำนองเสร็จสรรพแล้วกลับมา ฯ ๏ ฝ่ายคนใช้ได้หนังสือถืออักษร ก็รีบร้อนไปพลันด้วยหรรษา ตรงเข้าไปในด่านชานชลา แจ้งกิจจาความหลังที่สั่งพลัน ฯ ๏ บาทหลวงฉีกสาราออกมาอ่าน ตามเรื่องสารข้อคดีขมีขมัน พระมังคลาสานุศิษย์คิดทุกวัน แต่นางนั้นป่วยไปไม่สบาย ครั้นจะกลับออกมาก็น่าเกลียด จะเสียเกียรติยศตนต้องขวนขวาย ช่วยรักษาพาใจพอให้คลาย จะยักย้ายออกไปแจ้งแห่งคดี อันเรื่องหลังที่ลังกาอาณาจักร ขอหยุดพักแต่พอเลื่อนเดือนดิถี เชิญเจ้าคุณจงแจ้งแห่งคดี ฤดูนี้ฝนฟ้าน่าคะนึง ฯ ๏ บาทหลวงฟังหนังสือร้องอือแน่ มาตอแหลหมายว่ากูรู้ไม่ถึง อ้ายนี่หลังทรงเขาเฝ้าเคล้าคลึง ไปนอนขึงอยู่ด้วยกันเป็นมั่นคง แล้วพูดจาว่าเป็นคนปรนนิบัติ อ้ายนี่ขัดขวางเชิงละเลิงหลง อีเมียชักบังเหียนให้เวียนวง อ้ายนี่หลงเป็นแท้แน่แล้วเอง จำจะต้องทำไถลเข้าไปเยี่ยม ตามธรรมเนียมสงเคราะห์ให้เหมาะเหมง จับตอแหลแผลดำดูตามเพลง อ้ายนักเลงหลงเมียให้เสียที แล้วแกเรียกคนใช้เหวยใครอยู่ พรุ่งนี้กูจะเข้าไปในกรุงศรี ไปเฝ้าท้าวเจ้าพาราอย่าช้าที ตามไปที่ในวังฟังเนื้อความ ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช กับนุชนาฏมิได้หมางระคางขาม ดังได้ฝานเวียงสวรรค์วิมานงาม ทุกโมงยามมิได้ห่างนางอนงค์ ดังทิพรสจดเจือเหลือจะชื่น สำราญรื่นเชยชิดพิศวง มิได้ร้างห่างนุชบุษนง ทั้งสององค์เพลิดเพลินเจริญใจ สถิตแท่นแว่นฟ้าในปราสาท ดูผุดผาดเล็งแลดั่งแขไข ดั่งสุริยันจันทรอ่อนละไม ร่วมฤทัยเดียวกันไม่ฉันทา พระทรงโฉมโลมเล้าเฝ้าเคล้าเคล้น ถนอมเฟ้นเหมือนแมงผึ้งคลึงบุปผา ไม่รู้จางห่างขวัญกัลยา พระมังคลาคิดอาวรณ์ร้อนฤทัย ถึงถ้อยคำสังฆราชพระบาทหลวง ให้หงิมง่วงอ่อนอุราแล้วปราศรัย กับโฉมนุชบุษบงด้วยจงใจ เพราะรักใคร่หวังถนอมเป็นจอมเจิม จึงว่าแน่นุชเจ้าลำเพาพักตร์ ขอฝากรักกับอนงค์ช่วยส่งเสริม เดี๋ยวนี้ครูจะมาทำทั้งซ้ำเติม เหมือนกับเหิมโหมไฟให้ไหม้ทรวง มีหนังสือตัดพ้อมาต่อว่า ในอุราหนักเท่าภูเขาหลวง พี่ตอบความไปว่าสุดาดวง เจ้าพุ่มพวงยังเป็นไข้ไม่สบาย ก็เห็นว่าจะมาเยือนแม่เพื่อนยาก พี่กระดากใจอยู่ไม่รู้หาย เจ้าจงทำแสร้งเสเพทุบาย คิดแยบคายเหมือนเป็นไข้มาหลายวัน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงทรงสนอง น้องขอรองมุลิกาจนอาสัญ สุดแท้แต่พระองค์ผู้ทรงธรรม์ จะผ่อนผันอย่างไรจะได้ตาม พระโฉมยงทรงสอนสมรมิ่ง ไว้ทุกสิ่งแม่อย่าหมางระคางขาม ให้เห็นจริงสารพัดตัดเนื้อความ คงมาตามแม่นแล้วไม่แคล้วเลย ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง ให้เหงาง่วงนั่งเอกเขนกเฉย ลงตรองตรึกนึกแค้นแต่แหงนเงย เมื่อไรเลยจะสว่างกระจ่างตา จะเข้าไปในนิเวศน์ประเทศถิ่น แกแสนจินตนาจิตข้างอิจฉา นั่งตรอกตรึกนึกเรื่องเมืองลังกา จนสุริยาส่องแสงแจ้งอัมพร จะใคร่ปะมังคลาสานุศิษย์ มันไปติดเสียในวังไม่ฟังสอน ปะผู้หญิงรูปงามมาตามวอน อันความร้อนที่ในใจมันไม่แล ไปหลงอยู่กับผู้หญิงเหมือนปลิงเกาะ เข้าฉอเลาะเคียงข้างไม่ห่างแห จำจะไปให้รู้ได้ดูแล จะเชือนแชเผลไพล่กูไม่ฟัง พลางเรียกเหล่าคนใช้ที่ในตึก อึกทึกเดินหลามไปตามหลัง แกขึ้นรถลายกระหนกกระจกบัง รีบไปยังกรุงไกรดั่งใจปอง ครั้นถึงวังสั่งให้เข้าไปบอก ยั้งอยู่นอกสั่งให้ไปฉลอง เสนารับราชกิจดั่งจิตปอง ไปสนองท่านข้างในให้ไปทูล ฯ ๏ ฝ่ายเถ้าแก่รับคดีที่เขาสั่ง ไปทูลยังหน่อนรินทร์บดินทร์สูร พระทรงฟังเสวกาให้อาดูร อันเค้ามูลแกคงพรากให้จากกัน จำจะไปเชิญมาบนปราสาท ให้นุชนาฏดับร้อนช่วยผ่อนผัน เจ้าพูดจาพาทีให้ดีครัน คงจะผันผ่อนแก้ที่แผลแคลง ฯ ๏ แล้วสั่งนุชบุษบงเจ้าจงช่วย แก้พี่ด้วยให้แกสิ้นที่กินแหนง อย่าให้สงสัยจิตคิดระแวง จะเคลือบแคลงจับปดที่คดโกง พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยูรยาตร จากปราสาทออกบัลลังก์ที่นั่งโถง พร้อมเสนาแน่นนองท้องพระโรง พอสองโมงเธอก็ออกนอกบุรี ตำรวจแห่แลสล้างกลางถนน ห้ามผู้คนมาในกลางหว่างวิถี บาทหลวงเฒ่าเห็นศิษย์คิดยินดี ว่าครั้งนี้สมคะเนทั้งเล่ห์กล เห็นจะได้ไปลังกาปราบข้าศึก คงสมนึกที่จะชิงเอาสิงหล แต่อ้ายนี่มันจะหลงพะวงวน ด้วยเป็นคนรักใคร่ที่ในเมีย จำจะต้องขู่เข็ญให้เห็นทุกข์ มันได้สุขแล้วเฉยละเลยเสีย อย่าให้จิตมันพะวงไปหลงเมีย พรากกันเสียให้มันจนแต่ต้นมือ ฯ ๏ พอมังคลามาคำนับแกจับหัตถ์ แล้วพูดตัดโดยความตามหนังสือ ว่าตัวเอ็งชั่วช้าไม่หารือ มานิ่งดื้ออยู่กับหญิงทิ้งอาจารย์ อยู่สนุกแต่ผู้เดียวไม่เหลียวหลัง ให้กูตั้งคอยท่าไม่ว่าขาน หรือเห็นดีเป็นไฉนจงให้การ มาอยู่นานจนต้องตามถึงสามเดือน หรือไม่คิดที่จะไปอย่างไรหวา ช่างชั่วช้าเหลือใจใครจะเหมือน หรือพบหญิงจริงหวานัยน์ตาเฟือน พลอยให้เพื่อนกันนั่งตั้งแต่คอย ฯ ๏ พระมังคลาว่าจริงทุกสิ่งสิ้น ได้อยู่กินเชยชิดเพราะติดสอย ด้วยว่าเรามาพักเหมือนหลักลอย ได้ติดสอยเจ้าคุณกรุณา เดี๋ยวนี้นางจับไข้ไม่เป็นสุข ประเดี๋ยวจุกประเดี๋ยวชักต้องรักษา ครั้นจะทอดทิ้งไว้ไม่นำพา ดูก็น่าเกลียดจ้านรำคาญจริง แล้วมาอยู่ใหม่ใหม่จะไปเสีย ด้วยเป็นเมียละไว้น้ำใจหญิง จะดิ้นโดยโหยไห้ใจประวิง ว่าทอดทิ้งเสียได้ไม่อินัง ขอเชิญท่านเข้าไปในจังหวัด ช่วยเป่าปัดโรคภัยเหมือนใจหวัง แล้วจะได้ชมเขตนิเวศน์วัง เชิญไปยังปรางค์ปราให้ถาวร บาทหลวงยิ้มอิ่มใจไปสิหวา เองจงพาไปพบสบสมร ครั้นพูดจาพากันไปในนคร บทจรรีบไปในมนเทียร บาทหลวงเดินตามไปในจังหวัด ดูเขาจัดแจงไว้ล้วนลายเขียน ทั้งเพลิดเพลินเดินตรงไม่วงเวียน ขึ้นมนเทียรนั่งบนแท่นแสนสบาย เขาจัดแจงแต่งโต๊ะไว้คอยรับ เป็นคำนับอย่างฝรั่งตั้งถวาย บาทหลวงคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย แกมุ่งหมายแต่จะทำเอาตามใจ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช เชิญให้บาทหลวงไปห้องอันผ่องใส ให้นั่งแท่นเรืองรองทองประไพ แล้วเรียกให้บุษบงอนงค์นาง มาคำนับสังฆราชพระบาทหลวง ฝ่ายพุ่มพวงนุชน้องให้หมองหมาง ทำอิดโรยโหยหวนแล้วครวญคราง ค่อยค่อยย่างมาคำนับรับอาจารย์ ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงไม่ชำนาญในการหญิง คิดว่าจริงแกจึ่งว่าน่าสงสาร แล้วว่ากับมังคลาปรีชาชาญ พยาบาลเสียให้หายวายอาวรณ์ แล้วแกบอกหยูกยาข้างฝาหรั่ง เองจงตั้งใจดูเหมือนกูสอน รีบรักษาเสียให้หายวายอาวรณ์ ที่การร้อนจะได้ไปดังใจจง อันเจ็บไข้ถึงจะไปก็เป็นห่วง มันหนักทรวงหนักใจมักใหลหลง แต่ก่อนกูมิได้รู้ว่าโฉมยง บุษบงเจ็บมากวิบากจริง เป็นคราวเคราะห์มาจำเพาะประจวบแท้ เองเร่งแก้เสียให้หายสวายสวิง จะได้ยึดเขาเป็นหลักพอพักพิง อย่านอนนิ่งรีบรักษาพยาบาล ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช ได้โอกาสปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ แล้วเชิญสังฆราชาผู้อาจารย์ มารับประทานโต๊ะตั้งล้วนอย่างดี ฯ ๏ บาทหลวงนั่งยังที่เก้าอี้อาสน์ กับนุชนาฏปรีดิ์เปรมเกษมศรี พวกกล่อมขับจับไม้มโหรี ประสานสีซอเสียงสำเนียงครวญ บาทหลวงฟังนั่งรินกินบาหรั่น พลางพูดกันอิ่มเอมเกษมสรวล จนเวลาสายัณห์ตะวันจวน ก็รีบด่วนกลับไปด่านชานชลา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับนุชนาฏร่วมจิตกนิษฐา พอบาทหลวงออกไปไกลพารา ก็เปรมปราเริงรื่นชื่นอารมณ์ ลงตรองตรึกนึกไปเหมือนไม้โกร๋น สิ้นรากโคนเกือบจะหมดที่รสขม ไปรบรับกับเขาราวกับลม พัดเรือจมบ่อยบ่อยตั้งร้อยพัน ไม่ต้องการที่จะไปให้ลำบาก เป็นสิ้นอยากที่จะไปไอศวรรย์ แต่อาจารย์แกยังคิดจะติดพัน ไม่เว้นวันตรึกตรองหาช่องคู พระตรัสกับโฉมยงอนงค์นาฏ ท่านสังฆราชสั่งสอนจนอ่อนหู แทบจะตายหลายครั้งเพราะฟังครู เห็นสุดรู้สุดฤทธิ์จะคิดตรอง ทั้งพ่อแม่โกรธขึ้งจึงต้องเที่ยว สันโดษเดี่ยวทุกข์ทนต้องหม่นหมอง แต่จนใจไม่รู้ที่จะปรองดอง เล่าให้น้องนุชฟังแต่หลังมา อันตัวพี่นี้ไม่อยากจะจากเจ้า โฉมเฉลาเยาวยอดเสน่หา พลางประคองต้องเต้าเต็มอุรา นางพูดจาทูลฉลองทำนองใน พระโปรดเกล้าคราวนี้เป็นที่ยิ่ง น้องเห็นจริงไม่พะวงซึ่งสงสัย ขอสนองมุลิกาเป็นข้าไท พระไปไหนน้องขอตามยามกันดาร ให้ใช้สอยคอยรับสั่งฟังกระแส สุดแท้แต่จะรับสั่งดั่งบรรหาร ตามแต่ภูวไนยจะใช้การ ไม่เกียจคร้านบิดเบือนไม่เชือนแช ฯ ๏ พระกุมกรช้อนมิตรสถิตอาสน์ แสนสวาทนุชนางไม่ห่างแห ดั่งทิพรสในสวรรค์ไม่ผันแปร มาเผื่อแผ่ซาบซ่านทั้งหวานมัน สุมาลีคลี่คลายขยายเสา วรสเร้าหอมหวนชวนกระสัน สนอมสนิทติดต้องของสำคัญ ดั่งเจือจันทน์รสรื่นยิ่งชื่นเชย ภุมรินบินเฝ้าเคล้าเกสร ละอองอ่อนเรณูฟูระเหย พระพายป่วนหวนประทิ่นกลิ่นรำเพย ตระกองเกยรับขวัญให้บรรทม ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงกลับไปให้ระทด เศร้าสลดดังใครเอาภูเขาถม เพราะเมียศิษย์เจ็บไข้ใจระบม ในอารมณ์แกสิมุ่งกรุงลังกา หมายจะไปแก้แค้นคิดแทนทด ได้ไว้ยศแผ่ไปในทิศา มาเกิดเรื่องป่วยไข้ให้ระอา อ้ายมังคลาไหนจะไปให้ไกลเมีย กำลังหลงงงงวยด้วยอีสาว เปรียบเหมือนกาวแน่นหนาประดาเสีย แล้วป่วยไข้ไหนจะร้างจะห่างเมีย ดูมันเคลียคลอกันทุกวันคืน ทั้งพ่อตาแม่ยายมันให้ยศ มอบให้หมดทั้งพาราไม่ฝ่าฝืน มันปลื้มเปรมเกษมสันต์ทุกวันคืน ไหนจะฟื้นกลับหลังไปลังกา จำจะคิดถ่ายเทด้วยเล่ห์หลอก ขู่ตะคอกเข้าไปให้มาหา จึงจะคิดผ่อนผันด้วยปัญญา ให้เหมือนปลาติดลอบค่อยปลอบโยน ทั้งอ้ายท้าวอิศโรเจ้าโกสัย คิดเอาไปช่วยเต้นเหมือนเล่นโขน ไปตีชิงสิงหลอย่างพลโจร กรูกันโผนขึ้นบนบกยกเข้าตี แกตรองตรึกนึกเห็นเหมือนเล่นเบี้ย ถึงจะเสียสักเท่าไหร่กูไม่หนี คงจะคิดแก้ตัวถั่วเป็นที แทงให้มีกำไรไว้ฝีมือ ธรรมดาค้าขายหมายเอามาก สู้เหนื่อยยากหากำไรมิใช่หรือ เปรียบเหมือนคนขายดีมีฝีมือ เอาให้ลือความเพียรดั่งเรียนมนต์ แกตรองพลางเรียกเสมียนเขียนอักษร เป็นการร้อนโดยความตามนุสนธิ์ ด้วยถ้อยคำหารือรื้อกังวล ใช้ให้คนถือไปแจ้งแห่งคดี ฯ ๏ พวกคนใช้นำไปถึงนิเวศน์ แล้วแจ้งเหตุนายประตูบูรีศรี ให้บอกท่านกรมท่าเสนาบดี ว่าบัดนี้เราถือหนังสือมา ฯ ๏ พวกหมื่นขุนมุลนายรับไปบอก ขุนนางออกมากำกับรับเลขา รีบเอาไปถวายพระมังคลา เธอออกมารับหนังสือถือเข้าไป ฯ ๏ แล้วคลี่สารอ่านดูครูบาทหลวง สำนวนลวงแกมาแกล้งแถลงไข เป็นใจความถามซักด้วยหนักใจ ที่เรื่องไข้เรื่องเจ็บที่เหน็บชา ค่อยเสื่อมคลายหายแล้วหรือยังเจ็บ หรือเมื่อยเหน็บเป็นไฉนอย่างไรหวา แม้นค่อยคลายหายป่วยด้วยโรคา เร่งออกมาคิคอ่านการณรงค์ จะได้ไปลังกาอาณาเขต ถิ่นประเทศดั่งนิยมสมประสงค์ จะนิ่งอยู่กับเมียเหมือนเหี้ยดง ไม่พะวงสงครามมาถามกู ฯ ๏ พอจบเรื่องเบื้องหลังในหนังสือ พระยิ่งรื้อทุกข์ร้อนจนอ่อนหู ครั้นจะมิออกไปได้เป็นครู ก็จะจู้จี้ไปให้รำคาญ จึงเรียกนุชบุษบงอนงค์นาฏ มาร่วมอาสน์เอื้อนสุนทรด้วยอ่อนหวาน พี่จะต้องออกไปหาพระอาจารย์ ความรำคาญด้วยจะไปไกลยุพิน พี่ออกไปไม่ช้าจะลากลับ พระกำชับน้องนุชสุดถวิล แล้วจากปรางค์พระธิดายุพาพิน แสนถวิลเทวษหวังเป็นกังวล นางทูลองค์ภูวเรศพระเชษฐา ถ้าอยู่ช้าน้องเห็นไม่เป็นผล แม้นเสร็จสิ้นสมหมายวายกังวล ภูวดลกลับมายังธานี ฯ ๏ พระโฉมยงลงจากที่นั่งรัตน์ หน่อกษัตริย์ออกจากบุรีศรี เสด็จไปถึงด่านชานบุรี ขึ้นนั่งที่ตึกขวางกลางนคร บาทหลวงเห็นมังคลาจึงปราศรัย เมียเจ็บไข้เบาทรวงดวงสมร หรือว่าค่อยเหือดหายวายอาวรณ์ เองจึงจรออกมาได้ทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาปรีชาฉลาด เล่าให้บาทหลวงฟังยังไม่หาย เวลาเย็นเจ็บไข้ไม่สบาย ต้องวุ่นวายนั่งระวังเป็นกังวล แต่เจ้าคุณให้หาต้องมาก่อน ว่าการร้อนจะใคร่แจ้งแห่งนุสนธิ์ กลัวจะเคืองเรื่องหลังเป็นกังวล ด้วยเป็นคนบอบบางไม่วางใจ เวลาจวนสนธยาขอลากลับ ไปกำกับหยูกยาอัชฌาสัย ลำพังหมอนุชนางไม่วางใจ ทั้งท้าวไทพ่อตาเธอปรารมภ์ ฯ ๏ บาทหลวงว่าชะเจ้าคนปรนนิบัติ จะต้องจัดหยูกยาหาขนม ไว้ป้อนเมียหนุนหลังระวังลม มึงนิยมหม่อมเมียจะเสียการ ไม่คิดเอาบ้านเมืองค่อยเปลื้องปลด พวกขบถวงศ์ญาติจึงอาจหาญ ไม่คิดตัดศัตรูพวกหมู่มาร ที่ไหนการศาสนาจะถาวร พระเยซูผู้เป็นเจ้าจะแช่งชัก ให้มึงหนักใจยิ่งกว่าสิงขร วันจะสิ้นกัปกัลป์พุทธันดร ให้ทูตต้อนลงนรกหกคะเมน จมลงไปใต้เถรเทวทัต แล้วจะมัดมึงใส่ไม้กางเขน เพราะจิตไม่แน่นอนมักอ่อนเอน เปรียบเหมือนเลนปักไม้มันไม่ตรง ฯ ๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณยังวุ่นนัก อย่าแช่งชักให้กระจุยเป็นผุยผง ขอผัดไว้แต่พอไข้บรรเทาลง ก็จะคงคิดไปในลังกา บาทหลวงด่าว่ามึงเหมือนอึ่งอ่าง ยานแต่คางขึ้นเสียงเถียงกูหวา แม้นมึงพูดไม่เหมือนคำที่ร่ำมา จะให้ว่าโดยการสถานใด สักกี่วันเล่าคุณจอมหม่อมจะหาย จะผันผายออกมาที่อาศัย มาคิดอ่านการทัพไปดับไฟ ที่เกิดในลังกาให้ถาวร ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ฟังพระบาทหลวงคิดดั่งพิษศร มาเสียบทรวงอาตมาให้อาวรณ์ ทั้งแสนร้อนในอุราให้อาดูร แกจะพรากไปให้จากสมรมิตร ดั่งชีวิตแทบจะขาดสวาทสูญ เสียดายมิตรคิดขึ้นมาให้อาดูร พระเพิ่มพูนร้อนรักให้หนักทรวง จึงวอนว่าเจ้าประคุณการุญรัก ก็ประจักษ์แจ้งใจเป็นใหญ่หลวง ขอลาไปแต่พอไข้บรรเทาทรวง ไม่หนักหน่วงเนิ่นช้าจะมาพลัน ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเอาสัญญาว่าให้แน่ กูจะแก้ทุกข์ร้อนจะผ่อนผัน จงไปเถิดกลับมาในห้าวัน กูผ่อนผันให้ไปหารักษาเมีย แม้นช้าไปกูจะให้พระเป็นเจ้า ให้เธอเอาไฟนรกเผาอกเสีย เพราะมึงละศาสนามาหลงเมีย เฝ้าเคล้าเคลียคลึงรสจนหมดแรง เสียทีกูชูชุบอุปถัมภ์ ลืมถ้อยคำสั่งสอนมานอนแฝง จะสวดให้พระเป็นเจ้าเอาเหล็กแดง ที่มีแสงรุ่งโรจน์โชตินา ไปประหารผลาญมึงอย่าพึงนึก จะจารึกว่าทำลายศาสนา จะตีกลองฆ้องระฆังตั้งสัญญา ให้พวกฝาหรั่งแช่งทุกแห่งไป ฯ ๏ พระมังคลาลาลุกออกจากตึก อนาถนึกที่ในจิตคิดสงสัย ตั้งแต่แกฝึกสอนแต่ก่อนไร ดูก็ไม่เห็นจริงสักสิ่งเดียว มีแต่ต้องอัปราแก่ข้าศึก ยิ่งตรองตรึกหมกหมุ่นยิ่งฉุนเฉียว แต่จนใจแกเป็นครูอยู่ผู้เดียว จะเลี่ยงเลี้ยวหลีกไปก็ไม่ดี มาขึ้นรถกลับหลังเข้าวังราช พระหน่อนาถขุ่นข้องให้หมองศรี พอพลบค่ำคล้ำฟ้าในราตรี พระภูมีเยื้องย่างเข้าปรางค์ทอง ประทมหงายก่ายนลาฏอนาถนึก ยิ่งตรองตรึกทุกข์ทนยิ่งหม่นหมอง เหมือนโกมุทบุษบามณฑาทอง มาถูกต้องแสงสีรวีวร เรณูนวลอวลอบตลบกลิ่น ก็สุดสิ้นเสาวรสหมดเกสร ลงอ่อนพับอยู่กับแท่นแสนอาวรณ์ สายสมรเคียงข้างแล้วนางทูล เป็นไฉนไม่ตรัสหรือขัดข้อง นางฉลองพระปิ่นบดินทร์สูร ขอทราบเรื่องเคืองเข็ญที่เป็นมูล นางกราบทูลภัสดาแล้วจาบัลย์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช แสนสวาทนุชน้องประคองขวัญ แถลงเล่าความจริงทุกสิ่งอัน พระโศกศัลย์แสนสลดระทดทรวง อาจารย์เราแกแช่งว่าแกล้งบิด พี่สุดคิดสุดอาลัยเป็นใหญ่หลวง จะจำพรากจากสมรให้ร้อนทรวง สุดจะหน่วงเนิ่นนานรำคาญจริง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ อภิวาทวอนว่าประสาหญิง น้องจะขอพยายามเป็นความจริง ด้วยพระมิ่งเสด็จไหนจะไปตาม เป็นความสัตย์วัฒนาของข้าบาท จนสิ้นชาติเหมือนจิตไม่คิดขาม ถึงยากเย็นเข็ญใจจะไปตาม พยายามกว่าชีวิตจะปลิดปลง ฯ ๏ พระรับขวัญขวัญเจ้าเยาวลักษณ์ เชิญน้องรักไปได้ชมสมประสงค์ พลางคลึงเคล้าเย้ายวนชวนอนงค์ เข้าที่สรงสาครขจรขจาย น้ำกุหลาบอาบอบตลบกลิ่น หอมประทิ่นบุษบงประจงถวาย พระเสร็จสรงทรงเครื่องแล้วเยื้องกราย เธอผันผายชวนนางพลางประโลม พระตรัสพลางทางว่านิจจาเจ้า มาไปเฝ้าบิตุรงค์ของทรงโฉม ทูลแถลงแห่งยุคที่ทุกข์โทม ช่วยเล้าโลมอาจารย์พอนานวัน นางสนองสามีเป็นที่ชื่น ให้เริงรื่นปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ พระจูงมิตรกนิษฐาวิลาวัณย์ เฝ้าทรงธรรม์บิตุรงค์ของนงเยาว์ ฯ ๏ ป่างพระปิ่นอิศโรท้าวโกสัย พลางถามไต่ปลอบประโลมโฉมเฉลา ทั้งเขยขวัญร่วมจิตชีวิตเรา ขึ้นมาเฝ้าบิตุรงค์จงแจ้งการ ฯ ๏ ป่างพระจอมมังคลานราราช อภิวาทท้าวไทแล้วไขขาน ทูลคดีชี้แจงให้แจ้งการ ว่าอาจารย์แกจะให้ไปลังกา ก็หนักหน่วงห่วงนุชสุดวิตก ให้หนักอกลูกรักเป็นนักหนา ขอพระองค์ทรงธรรม์กรุณา จงโปรดปรานีด้วยช่วยห้ามปราม อาจารย์เจ้าแกเหลือเหมือนเสือโคร่ง จะชักโยงไปให้ยากบุกขวากหนาม แทบจะตายวายชีวงทำสงคราม ก็เพราะตามใจท่านแทบบรรลัย ขอพระองค์จงโปรดปรานีบ้าง ช่วยคัดง้างโดยความตามนิสัย เผื่อแกจะยำเยงเกรงพระทัย โดยที่ในบาทาฝ่าธุลี ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราพ่อตาสนอง อย่าเคืองข้องเลยจะแต่งอักษรศรี ไปว่าขานการประสงค์ที่ตรงดี อย่าราคีไปเลยพ่อจะต่อตรอง แต่ตัวเจ้ากับเมียไปเสียก่อน ค่อยโอนอ่อนเอาใจอย่าให้หมอง แล้วจะให้สาราไปว่าลอง มิปรองดองพ่อจะไปดังใจจง ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช อภิวาทออกไปตามความประสงค์ ไปขึ้นรถกับนุชบุษบง เสด็จตรงไปถึงด่านชานบุรินทร์ พร้อมพหลพลรบสมทบแห่ ก็เซ็งแซ่ไปที่ท่าชลาสินธุ์ บาทหลวงเห็นศิษย์มาถึงธานินทร์ แกแสนยินดียิ่งวิ่งลงมา รับทั้งสองหน่อไทไปบนตึก เพราะสมนึกจริงจังไม่กังขา แล้วปราศรัยไต่ถามตามกิจจา ที่โรคาหายดีมีกำลัง กูทุกข์ร้อนนอนนั่งตั้งวิตก เองหายหกสมจิตกูคิดหวัง จะได้ไปสิงหลในวนวัง คิดแต่งตั้งศาสนาให้ถาวร เองจะได้ครองลังกาอาณาเขต ถิ่นประเทศเรืองฤทธิ์อดิศร ไปจับอ้ายพี่ยาสุดสาคร เข้าราญรอนชิงเอาของเราคืน จับอ้ายพวกเผ่าพงศ์วงศ์ขบถ มาให้หมดทุกตำแหน่งใครแข็งขืน ฆ่าให้หมดจนกระทั่งรู้นั่งยืน ใครจะฝ่าฝืนมาเองอย่าฟัง อันสิงหลนครามาแต่ก่อน ของมารดรลุงตามาแต่หลัง แม้นมิยอมโดยดีก็มิฟัง กูจะตั้งรบมันจนบรรลัย ฯ ๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณอย่าหุนหัน แต่เสียชั้นเชิงมาเลือดตาไหล ก็หลายครั้งตั้งแต่อัปราชัย จงตรึกไตรตามระบอบให้ชอบกล ฯ ๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแสนพิโรธ กำลังโกรธเช่นเขาเล่าท้าวสิงหล ลุกขึ้นยืนชี้หน้าด่าออกลน ชะเจ้าคนเปรื่องปราดฉลาดดี มาสอนกูจะให้อยู่ในโอวาท กูใช่ทาสใช่ข้าใช่ทาสี มาสอนสั่งตั้งกระทู้เจ้าผู้ดี พาเอาอีเมียมาทำหน้าบาน มิหมายใจหรือว่ากูรู้ไม่เท่า หรือจะเอาเมียรักมาหักหาญ ให้กูเกรงบารมีมาชี้การ ได้ว่าขานตัวกูดูทำนอง จะให้กูผู้อาจารย์ลงกรานกราบ ศิโรราบคอยประมูลทูลฉลอง ตามพระราชบัญชาฝ่าละออง อย่าให้ต้องเสด็จไปไกลหม่อมเมีย อันถ้อยคำที่มึงว่าอย่าพึงคิด เหมือนยาพิษไม่นิยมจะถ่มเสีย นี่ปัญญาคุณจอมนางหม่อมเมีย ชักให้เสียทีแท้นางแม่แรง มึงหลงเมียเห็นจะเสียพระศาสนา แต่บรรดาคนทั้งสิ้นจะกินแหนง มึงอย่าพักมารยาทำตาแดง กูจะแช่งให้มันงอถึงพ่อตา มึงมิไปหรือจะได้ให้ฝรั่ง ตีระฆังแช่งชักให้หนักหนา ทราบถึงพระเยซูผู้ศักดา จะลงมาทำโทษเพราะโกรธมึง แกชี้หน้าด่าผางอยู่กลางตึก โมโหฮึกเต็มประดาตาถลึง ตวาดก้องร้องเปรี้ยงเสียงออกอึง ถ้าแม้นมึงจะมิไปก็ไม่ฟัง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายไทท้าวเจ้าพิภพ คิดปรารภร้อนในพระทัยหวัง นั่งคอยบุตรเกินเวลาไม่มาวัง เธอจึงสั่งเสนีทั้งสี่นาย ให้เตรียมราชรถาฝากระจก บุษบกเวชยันต์เจ็ดชั้นฉาย จะไปตามโฉมยงพงศ์นารายณ์ ที่เมืองท้ายชานชลาริมสาคร ฯ ๏ ขุนนางพร้อมน้อมคำนับรับบรรหาร มาเตรียมการแตรสังข์นั่งสลอน ป่างพระปิ่นนคเรศเขตนคร เสด็จจรขึ้นบัลลังก์ทรง เคลื่อนพหลพลไกรไปถึงด่าน เข้าทวารเวียงชัยครรไลหงส์ บาทหลวงเห็นเจ้าบุรินทร์ปิ่นอนงค์ แกเดินตรงลงมาเชิญดำเนินไป บนตึกกลางสร้างใหม่ที่ในด่าน เมืองปราการริมชลาพลางปราศรัย แล้วแถลงแจ้งเรื่องที่เคืองใจ ให้ท้าวไทเธอฟังที่กังวล บัดนี้เราผู้อาจารย์คิดอ่านให้ จะพาไปช่วงชิงเอาสิงหล อันนิเวศน์เขตแคว้นแดนมณฑล เป็นของตนมาแต่เดิมได้เพิ่มพูน ประจามิตรคิดเข้าเอานิเวศน์ ชิงประเทศโภไคยมไหสูรย์ มันกลับยกเรื่องราวเป็นเค้ามูล ดั่งข้าทูลจอมนรินทร์ปิ่นประชา ฯ ๏ ป่างพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ตรัสเอาใจสังฆราชปรารถนา จะมิให้ชิงชังมังคลา ค่อยพูดจาวิงวอนให้อ่อนใจ เจ้าคุณอย่าปรารมภ์โทมนัส ฉันจะจัดแจงส่งอย่าสงสัย ให้พร้อมพรั่งทั้งพหลสกลไกร จะได้ไปคั่งคับเป็นทัพเรือ ข้าพเจ้าเล่าไซร้จะไปด้วย จะได้ช่วยชิงชัยเป็นฝ่ายเหนือ เจ้าคุณเป็นแม่ทัพกำกับเรือ แม้นขาดเหลืออย่างไรในสงคราม ฯ ๏ บาทหลวงหายโกรธาว่าเช่นนั้น เราคิดกันล้วนผู้ใหญ่ค่อยไต่ถาม หัวร่อเร่อเออท้าวเธอเห็นความ ควรจะตามกันทุกสิ่งไม่กริ่งใจ นี่มันพูดตัดประโยชน์จึงโกรธแค้น เรานี้แสนเวทนาน้ำตาไหล มันพูดจาอวดดีจะมิไป จึงขัดใจแช่งด่าไม่ปรานี จะเกาะเมียเสียไม่รู้ทำหูหนวก มันชาติพวกอ้ายขี้ข้ากะลาสี แม้นไม่เกรงไทท้าวเจ้าบุรี จะฆ่าตีให้มันตายวายชีวง นี่จนใจเพราะมันไปเป็นเขยท้าว กลัวจะร้าวรานจิตคิดประสงค์ หมายจะสืบในประยูรตระกูลวงศ์ เป็นเผ่าพงศ์เชื้อกษัตริย์ขัตติยา หาไม่จะทารกรรมให้หนำจิต ให้สิ้นฤทธิ์ที่มันหลงลงผวา พลางสั่งพวกกปิตันวิลันดา แต่งเภตราไว้ให้เสร็จในเจ็ดวัน จึงว่ากับมังคลาสานุศิษย์ กลับไปคิดการร้อนเร่งผ่อนผัน ให้เสร็จสรรพกลับมาในห้าวัน จะได้ทันลมว่าวคราวฤดู เชิญเถิดท้าวเจ้าพาราพ่อตาเขย อย่าช้าเลยให้เหมือนหินถูกดินหู ช่วยกันยกศาสนาเหมือนตราชู จะได้ดูหน้าคนพวกมลทิน ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราก็ลากลับ มาพร้อมกับเขยบุตรสุดถวิล พากันรีบกลับมาถึงธานินทร์ พร้อมกันสิ้นยับยั้งยังพระโรง ท้าวตรัสกับเขยขวัญอย่าหวั่นหวาด สังฆราชโกรธาด่าออกโผง จำจะไปอย่าให้ไกว่าเราโกง จะชักโยงหาความตามแต่บุญ พ่อจะไปด้วยเจ้าอย่าเร่าร้อน คิดผันผ่อนขาดเหลือได้เกื้อหนุน เผื่อยกไปชัยชนะเดชะบุญ จะให้วุ่นวายไปทำไมมี ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช พจนารถทูลท้าวเจ้ากรุงศรี ลูกจะขอพึ่งพาบารมี พอเป็นที่ฉัตรชั้นได้กันภัย จะเสด็จไปด้วยได้ช่วยศึก แต่ตื้นลึกพระไม่แจ้งแถลงไข ขอทูลความตามจริงทุกสิ่งไป ให้ท้าวไททราบยุบลแต่ต้นมา ที่รบราฆ่าฟันกันทั้งนี้ เล่าก็มิใช่ศัตรูหมู่มิจฉา คือวงศ์ญาติเหล่ากอต่อกันมา ทั้งพี่อาหลานน้องพวกพ้องกัน ถึงเหตุผลต้นเดิมแต่เริ่มแรก จะต้องแตกพลัดพรายไอศวรรย์ ก็เพราะท่านบาทหลวงแกหวงกัน ไปคืนพันธุ์โคตรเพชรแก้วเก็จมา จากกรุงไกรสวรรยาการะเวก ว่าของเอกในสิงหลภาษา แล้วใช้ให้ไปจับกษัตริย์มา ขังไว้ท่าเมืองใหม่ชายทะเล ทราบไปถึงบิตุรงค์พงศ์กษัตริย์ เกิดวิบัติรบพุ่งกันยุ่งเก๋ จึงต้องหนีมาในทางกลางทะเล เที่ยวเตร็ดเตร่ไปทุกเมืองเพราะเคืองใจ เอาความหลังทั้งนั้นแถลงเล่า ให้ไทท้าวเธอแจ้งแถลงไข แต่รบราฆ่าฟันกันบรรลัย ปราชัยเขาทุกครั้งไม่ตั้งตัว แกยังคิดจะให้ไปเพราะใจโลภ จะอ้อมโอบจับกษัตริย์มาตัดหัว ไปรบเขาคราวไรเขาไม่กลัว เป็นแต่ตัวย่อยยับอัปรา เทพารักษ์ลักษมีมาชี้ห้าม แกกล่าวความว่าท่านคิดริษยา แม้นใครห้ามว่าไม่ให้ไปลังกา ก็โกรธาเคืองเข็ญไม่เห็นจริง ฯ ๏ ท้าวโกสัยสุริย์วงศ์ทรงสดับ ให้คั่งคับในพระทัยดั่งไฟผิง จึ่งว่ากับเขยขวัญเช่นนั้นจริง ก็ต้องนิ่งตามใจไกเป็นครู ครั้นมิไปก็จะแช่งว่าแกล้งบิด เจ้าเป็นศิษย์มาแต่ก่อนต้องอ่อนหู ต้องจำเป็นจำใจไปกับครู จะนิ่งอยู่แกคงทำให้ช้ำใจ ด้วยเป็นคนตับโตโมโหมาก ไม่สมอยากก็จะด่าไม่ปราศรัย จะว่าเมียยุยงไม่ปลงใจ แกจะไว้ความชั่วให้มัวมน ถึงตัวพ่อก็จะไปมิให้ว่า ใช้ปัญญาแอบแฝงทุกแห่งหน อันเกิดมาเป็นมนุษย์ปุถุชน ก็ต้องทนเหนื่อยยากลำบากกาย ไปลองดูอีกครั้งอย่างแกกล่าว แม้นเรื่องราวมิได้สมอารมณ์หมาย จงกลับมาหยุดหย่อนผ่อนสบาย ดูแยบคายสารพัดตัดสำนวน ฯ ๏ พระมังคลาว่าตามแต่บิตุเรศ จะโปรดเกศโดยระบอบคิดสอบสวน แต่จะคิดข้อคัดตัดสำนวน สิ้นกระบวนสักเท่าไรก็ไม่ยอม ก็สุดแท้แต่พระองค์ผู้ทรงภพ จะปรารภใคร่ครวญควรถนอม ที่จะให้แกลงที่ตรงยอม ต่อให้จอมจักรพรรดิกษัตรา มาห้ามปรามยามนี้แกมิเชื่อ บอกว่าเสือแกก็คงลงไปหา จะห้ามปรามว่ามิให้ไปลังกา ใครอย่าว่าหมื่นแสนทั้งแดนดิน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย จึ่งกล่าวไขข้อความตามถวิล จงไปเถิดแก้วตาอย่าราคิน ให้แกสิ้นพูดจาด่าประจาน แล้วตรัสสั่งเสวกาพฤฒามาตย์ ให้หมายบาดเภตราโยธาหาญ ทุกตำแหน่งแจ้งข้อราชการ พนักงานกราบก้มบังคมคัล มาจัดแจงแต่งกำปั่นสุวรรณมาศ เอาใบดาดตบแต่งล้วนแกล้งสรร สายระยางใหญ่น้อยสร้อยสุวรรณ แต่งกำปั่นลำทรงอลงกรณ์ ทั้งเรือรบเรือไล่เตรียมไว้พร้อม บ้างซักซ้อมพวกทหารชาญสมร ให้ถอยออกจากคูอู่นคร เป็นการร้อนถอยออกนอกบุรินทร์ ไปเตรียมคอยรับเสด็จถึงเจ็ดร้อย เครื่องใช้สอยดั้งดาบปืนคาบหิน ของเสบียงไปทัพสำหรับกิน ก็จัดสิ้นพร้อมเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ ป่างพระจอมอิศโรท้าวโกสัย เสร็จเข้าในปรางค์มาศราชฐาน จึงตรัสสั่งพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน จัดเครื่องอานตามเสด็จในเจ็ดวัน ให้พร้อมพรั่งนางเหล่าพวกสาวใช้ กำนัลในเร่งรัดไปจัดสรร ทุกตำแหน่งแต่งตบให้ครบครัน พวกทรงธรรม์เข้าในที่ไสยา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช กับนุชนาฏร่วมจิตกนิษฐา เข้าปรางค์มาศราชวังอลังการ์ ภิปรายปราศรัยนางพลางสุนทร เจ้าพุ่มพวงดวงจิตชีวิตพี่ อันคราวนี้จะต้องไปไกลสมร เพราะอาจารย์ท่านจะพรากให้จากจร ไปนครสิงหลพี่จนใจ ฝ่ายทรงฤทธิ์บิตุรงค์ก็ทรงเห็น พี่แค้นเข็ญนึกน่าเลือดตาไหล ก็จำเป็นจำลาเจ้าคลาไคล สักเมื่อไรจะได้กลับเห็นนับปี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ ให้หวั่นหวาดวิญญาณ์มารศรี ทูลฉลองรองบาทาพระสามี ว่าน้องนี้มิขออยู่จะสู้ตาม ถึงยากเย็นเป็นตายวายชีวาตม์ ไม่ห่างบาททรงฤทธิ์ไม่คิดขาม ขอสนองรองบาทาพยายาม ให้สมความจงรักที่ภักดี ฯ ๏ พระปลอบพลางทางประโลมโฉมสมร อย่าทุกข์ร้อนในอุรามารศรี จะพาไปในทะเลนะเทวี ถ้าฉวยมีการศึกนึกรำคาญ จะลำบากยากเย็นด้วยเป็นหญิง พี่เกรงกริ่งตรองไปหลายสถาน แม้นไปเที่ยวเล่นสนุกสุขสำราญ ไม่ทัดทานห้ามปรามตามแต่ใจ นางทูลองค์พงศ์กษัตริย์แม้นขัดข้อง อันตัวน้องนะพระองค์อย่าสงสัย จะผูกศอมรณาไม่อาลัย นางร่ำไห้โศกาน้ำตานอง ฯ ๏ ป่างพระมิ่งมังคลานราราช พลางปลอบนาฏนุชนางอย่าหมางหมอง พระรับขวัญเยาวยอดกอดตระกอง อย่าหม่นหมองไปเลยหนาจะพาจร ไม่กลัวยากกรากกรำเหมือนคำเจ้า อย่าร้อนเร่าที่ในทรวงดวงสมร ไปทูลลาชนนีชุลีกร จะได้จรไปกำปั่นเหมือนสัญญา พระจูงนางพลางเข้าปราสาทศรี พระชนนีเห็นองค์โอรสา ทั้งเขยขวัญบุษบงองค์ธิดา พากันมามีกังวลที่หนใด ฯ ๏ ทั้งสององค์ทรงสดับนางรับสั่ง ประณตนั่งทูลกิจจาอัชฌาสัย ขอทูลลาฝ่าพระบาทนิราศไป ยังเวียงชัยสิงหลข้ามวนวัง แต่นงนุชบุษบงอนงค์นาฏ ขอลาบาทมาตุรงค์จำนงหวัง จะไปด้วยห้ามไว้ก็ไม่ฟัง ให้ฉันบังคมลาฝ่าละออง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ชนนีนาฏ จึ่งประภาษตอบคำนำสนอง สุดแท้แต่ดวงจิตจะคิดตรอง ที่ตัวน้องมิใช่การของมารดร จะอยู่ไปตามใจของโอรส แม่ยอมหมดผิดพลั้งจงสั่งสอน ไม่ธุระปะปังตรงบังอร เขาจะจรแม่ไม่ห้ามตามแต่ใจ ถึงบิตุรงค์เธอก็คงจะไปด้วย จะได้ช่วยดูแลคิดแก้ไข พระมารดาปรานีนางดีใจ บังคงไหว้ทูลลาทั้งสามี พระมารดรอวยชัยให้เป็นสุข อย่ามีทุกข์เคืองข้องทั้งสองศรี พวกศัตรูหมู่ใดเป็นไพรี จะต่อตีขอให้ยับอัปรา พรของแม่จงสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ให้พระชนม์ยาวยืนหมื่นพรรษา ทั้งบุษบงองค์พระมังคลา เจริญราศีสวัสดิ์กำจัดภัย ฯ ๏ สองกษัตริย์รับพระพรอ่อนศิโรตม์ ด้วยปราโมทย์ยินดีจะมีไหน แล้วทูลลามายังปราสาทชัย พออุทัยเกือบจะแจ้งแสงหิรัญ พระเอนองค์ลงบนอาสน์อนาถนึก ยิ่งตรองตรึกคิดมิใคร่จะผายผัน แต่จนใจด้วยอาจารย์มานานครัน จนถึงวันนัดไว้ไม่สบาย ครั้นรุ่งเช้าจะต้องไปให้ละห้อย พระเศร้าสร้อยคิดไปแล้วใจหาย สกุณากาเรียกกันเพรียกพราย พระทัยหายโหยหวนรัญจวนพลาง พระปลอบปลุกโฉมฉายสายสวาท ภาณุมาศพวยพุ่งจะรุ่งสาง ลุกขึ้นเถิดโฉมยงอนงค์นาง จวนสว่างอยู่แล้วมิ่งอย่านิ่งนอน ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ ผวาหวาดวรกายสายสมร พลางนบนอบสามีชุลีกร แล้วบังอรทูลกษัตริย์ภัสดา ให้สระสรงทรงเครื่องเรืองจำรัส เนาวรัตน์พลอยพรายทั้งซ้ายขวา พระเหน็บกริชฤทธิรงค์ทรงมาลา เสร็จออกมาจากปราสาทแล้วนาดกราย นางโฉมยงทรงเครื่องเรืองอร่าม เสด็จตามจรจรัลรีบผันผาย มาพร้อมที่พระโรงคัลพรรณราย มาคอยฝ่ายทรงฤทธิ์บิตุรงค์ ฯ ๏ ป่างพระจอมอิศโรท้าวโกสัย เวลาได้ฤกษ์ดีเข้าที่สรง น้ำกุหลาบอาบอบตลบองค์ แล้วสองทรงเครื่องครุฑยุทธนา คาดปั้นเหน่งเปล่งเม็ดเพชรรัตน์ แจ่มจำรัสแพรวพราววาวเวหา ฉลององค์ตาดแดงแย่งนาคา ทรงมาลาขนวิหคนกอินทรี ใส่เกราะนวมสวมกระสันกันอาวุธ สังวาลบุษย์น้ำทองละอองศรี ธำมรงค์ลงยาราชาวดี ฝังมณีนิลแนมแกมไพฑูรย์ เจียระบาดคาดองค์ทรงกระสัน เหน็บกั้นหยั่นฝังมณีถือตรีศูล เสด็จออกพระโรงชัยอันไพบูลย์ โหราทูลฤกษ์ดีให้คลี่คลาย จัตุรงค์โยธาเสนาพร้อม ประนตน้อมเดินกระบวนถ้วนทั้งหลาย พระเสร็จทรงวอสุวรรณพรรณราย ยกขยายเสด็จออกนอกทวาร พระมังคลาพานางสำอางโฉม พวกประโคมดนตรีตีประสาน มาทรงรถพระที่นั่งอลังการ พวกทหารโห่แห่แซ่สำเนียง สารถีตีม้าอาชาชาติ เผ่นผงาดกำกงก็ส่งเสียง พวกที่เชิญเครื่องอานขนานเรียง เป็นคู่เคียงเดินไปในหนทาง จนถึงที่เมืองด่านชานสมุทร ก็ยั้งหยุดเสร็จพักตำหนักขวาง บาทหลวงแกยินดีจัดที่ทาง รับขุนนางรับเสด็จเข้าเขตคัน ลงมาเชิญท้าวไทไปบนตึก แกสมนึกปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ หัวร่อเร่อเอออึงพูดมึงมัน ที่ดุดันหายหมดเหมือนมดแดง ถูกน้ำตาลหวานคอหัวร่อแหระ สะกิดแกะพูดจาไม่กล้าแข็ง แล้วสั่งพวกเกณฑ์หัดให้จัดแจง พอบ่ายแสงสุริยาจะคลาไคล แล้วว่ากับมังคลาสานุศิษย์ เอาเมียติดไปหรือหวาพลางปราศรัย เป็นเสบียงเลี้ยงตัวไม่กลัวใคร เป็นวิสัยสามัญตามสัญญา แล้วแกเชิญท้าวไทไปกำปั่น ลำเดียวกันตื้นลึกได้ปรึกษา เหมือนชูช่วยปลูกฝังมังคลา จะได้ผาสุกสบายเมื่อปลายมือ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ในพระทัยภูมินทร์สิ้นนับถือ แต่รักเขยจริงหนอต้องอออือ เห็นฝีมือคนชั่วมันตัวโกง ธรรมดาพระฝรั่งมันช่างพูด บิดตะกูดเหลือใจอ้ายตายโหง แต่จนใจสุดจะแก้ที่แผลโกง ก็ต้องโคลงตามไปเหมือนไก่ชน ฯ ๏ พอบ่ายแสงสุริยาเวลาฤกษ์ เอิกเกริกนาวาโกลาหล พร้อมสะพรั่งนั่งไสวทั้งไพร่พล ดูเกลื่อนกล่นในกำปั่นเป็นหลั่นเลา บาทหลวงเชิญภูวไนยไปกำปั่น ให้ผายผันลงลำเรือสามเสา แกนำหน้าพาองค์นางนงเยาว์ กับทั้งท้าวโกสัยลงไปเรือ พระมังคลาสานุศิษย์สนิทสนอง ให้อยู่ห้องใหญ่ท้ายข้างฝ่ายเหนือ ท้าวโกสัยห้องขวางในกลางเรือ ทหารเสือโห่เร้าจะเอาชัย พอฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสนั่น ออกกำปั่นแล่นเรียงเคียงไสว พวกต้นหนชักสายระบายใบ แล่นออกไปตามทันพ้นสันดอน บาทหลวงนั่งตั้งเข็มให้เต็มแล่น ไปตามแผนที่ทางหว่างสิงขร พวกนารีชมปลาในสาคร กับบังอรบุษบงอนงค์นาง พระมังคลาสามีชี้พระหัตถ์ ให้ศรีสวัสดิ์ชมละเมาะมีเกาะขวาง เหมือนฉากชั้นกั้นช่องที่ห้องปรางค์ ไม้ต่างต่างเขียวชอุ่มเป็นพุ่มพวง ปักษาจับจิกผลที่บนยอด แล้วก็พลอดจับเจ่าบนเขาหลวง พระชี้ชวนกัลยาสุดาดวง ให้พุ่มพวงชมปลาในวาริน ฝูงฉลามตามกันว่ายฟันคลื่น ดูดาษดื่นล้วนฉลามตามกระสินธุ์ ฝูงพิมพาพาพวกเที่ยวหากิน บ้างโดดดิ้นว่ายวงในคงคา ฝูงฉลามปากมันเป็นฟันเลื่อย ดูยาวเฟื้อยฟาดฟันฝูงมัจฉา ตะเพียนทองท่องท้องชโลธา ฝูงเหราราหูดูพิกล เหล่าโลมาปลาวาฬขนานคู่ เป็นหมู่หมู่ว่ายสล้างมากลางหน ทั้งเงือกน้ำหางเหมือนปลาหน้าเหมือนคน นิรมลทูลถามตามสงกา นี่เป็นสัตว์อย่างไรคล้ายมนุษย์ ดูผ่องผุดรูปจริตผิดมัจฉา ไม่เคยเห็นเช่นนี้พระพื่ยา พระโปรดปรานีเล่าให้เข้าใจ พงศ์กษัตริย์ตรัสชี้นี่แน่เจ้า พี่จะเล่าให้น้องแจ้งแถลงไข เขาเรียกเงือกอยู่มหาชลาลัย ท่านผู้ใหญ่เล่าเรื่องเบื้องโบราณ ว่ามนุษย์ไปสัมผัสกับมัจฉา เกิดบุตรมามันจึงกลายหลายสถาน เหมือนพ่อบ้างแม่บ้างอย่างตำนาน เรื่องนิทานที่ท่านกล่าวเล่าให้ฟัง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ อภิวาททราบเรื่องที่เบื้องหลัง พระชี้แจงแถลงไขนางได้ฟัง สมเหมือนดั่งเธอเล่าให้เข้าใจ ฯ ๏ เรือก็แล่นเลยมาในสาคเรศ จนสุริเยศลับเงาเขาไศล น้ำค้างพรมลมพาสุมาลัย กลิ่นดอกไม้รินละเมาะตามเกาะเกียน จันทร์กระจ่างกลางฟ้าเวหาหน พื้นอำพนนภางค์เหมือนอย่างเขียน ชมดาราในอากาศดาษเดียร พิศเพี้ยนเพชรพลอยนับร้อยพัน โน่นแน่เจ้าดาวลูกไก่ผู้ใหญ่กล่าว เรียกว่าดาวธงชัยในสวรรค์ โหราเรียกกฤติกาโดยสามัญ แต่ดาวนั้นฤกษ์สามตามคัมภีร์ ถัดไปโน่นดาวม้าอาชาชาติ เผ่นผงาดอยู่ในกลางหว่างราศี จมูกม้าโหราว่าโรหิณี คือฤกษ์สี่กล่าวมาตำราครู ข้างหางม้าตำราเรียกดาวไถ ถัดลงไปข้างขวาหนาแม่หนู จงจำไว้ในตำหรับฉบับครู จะได้ดูเดินตรงไม่หลงทาง พระยกหัตถ์ตรัสชี้นี่แน่เจ้า เขาเรียกดาวกุมภีล์ที่เม็ดหาง ผู้ใหญ่ว่ายอดเจดีย์มีอยู่กลาง ที่ในหว่างดาวดึงส์กึ่งพระเมรุ โน่นดาวข่างหว่างดาวสำเภาใหญ่ เขากล่าวไว้ว่าตำรามหาเถร ท่านทำนายทายทักประจักษ์เจน จึงตั้งเกณฑ์ฤกษ์พาตำราดาว พวกพาณิชไปมาเที่ยวค้าขาย ท่านทำนายของบนฟ้าเวหาหาว ด้วยรู้แจ้งแห่งเหตุสังเกตดาว ไว้เรื่องราวตำราพยากรณ์ ฯ ๏ จะพรรณนาเรื่องดาวก็ยาวยืด ความก็จืดจางไปในอักษร นักขัตฤกษ์ยังไม่หมดในบทกลอน จะชี้สอนให้รู้เป็นครูบา ก็มากมายดาราบนอากาศ สายสวาทมิ่งมิตรกนิษฐา จะทรงไตรได้หรือถือตำรา พี่พรรณนาแต่พอเจ้าได้เข้าใจ พระว่าพลางทางชวนอนงค์นาฏ เข้าไสยาสน์แท่นทองอันผ่องใส สนิทสนอมกล่อมกลมภิรมย์ใน กำปั่นใหญ่ท้ายบาหลีค่อยปรีดา ฯ ๏ จะกล่าวถึงอสุรีผีเสื้อน้ำ อยู่ประจำแถวทางกลางมหา สมุทรไทไกลแคว้นแดนลังกา อสุราเที่ยวท่องเที่ยวล่องลอย กินมัจฉาปลาใหญ่ในสมุทร รูปเหมือนครุฑเบื้องหางเหมือนอย่างหอย ใครฆ่าฟันมันไม่ตายเที่ยวว่ายลอย ผลุดเข้าหอยฝาปิดสนิทดี มันจะจมน้ำดำไปได้ยังค่ำ อยู่ในถ้ำที่สำนักของยักษี ถือกระบองแกว่งกวัดในนที เป็นอัคคีลุกไปในสายชล นามกรชื่อมหากาลวาต ภูติปีศาจเกาะแก่งทุกแห่งหน กลัวอำนาจอาจหาญไม่ทานทน ทุกตำบลขยาดฤทธิ์คิดระอา เมื่อแรกเริ่มเดิมทีมันอยู่เขา ไปลักเอาก้อนนิลในหินผา ทราบถึงองค์ทรงฤทธิ์พระอิศรา สาบลงมาอยู่ในวนชลธาร ให้มีหางอย่างหอยลอยกระสินธุ์ กว่าจะสิ้นกัปกัลป์ในสัณฐาน จนเกิดไฟประลัยทั่วทั้งจักรวาล จึงเผาผลาญให้สิ้นในดินดอน ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นทั้งพันเศษ เคยสังเกตแถวทางหว่างสิงขร ได้ลมเรื่อยเฉื่อยมาในสาคร ตั้งแต่จรนับมาสิบห้าวัน ยังอีกครึ่งจะถึงลังกาทวีป บาทหลวงรีบพลไกรให้ผายผัน สั่งล้าต้าต้นหนคนสำคัญ นายกำปั่นบรรดามาในเรือ ให้ใส่เสาเพลาใบขึ้นให้พร้อม อย่าแล่นอ้อมตัดไปทางข้างฝ่ายเหนือ เห็นลมจัดปัดไปข้างท้ายเรือ ตีหางเสือแรงจัดพัทยา กำปั่นแล่นเร็วร่าดังม้าห้อ ตามกันสอแคล่วคล่องว่องนักหนา สังฆราชอิ่มใจในอุรา หมายลังกาสิงหลไม่พ้นกู จึงเชิญองค์อิศโรท้าวโกสัย มานั่งใกล้พูดเพรื่อจนเบื่อหู อวดฉลาดร่ำไรเหมือนไก่อู ยกคอชูหวังจะชนเพราะคนโกง พูดคนเดียวเคี้ยวฟันคันศีรษะ เสียงเอะอะกูมึงอยู่ผึงโผง เรียกเอาเหล้ามารินกินอีกโพง พูดตะโกรงชุลมุนออกวุ่นวาย ฟังไม่ทันชั้นเชิงแกมันคล่อง ทั้งขึ้นล่องลิ้นลมคมใจหาย เหมือนเสือเฒ่าเจ้าเล่ห์เพทุบาย แกยักย้ายว่องไวไล่ไม่ทัน ท้าวโกสัยไม่ชำนาญในการพูด บิดตะกูดตัดรอนข้างผ่อนผัน จะตอบต่อข้อไรก็ไม่ทัน ในเชิงชั้นเกเรเพทุบาย เรือก็แล่นเร็วรัดไม่ขัดสน มาถึงวนกุมภัณฑ์ตะวันสาย เป็นคลื่นคลั่งทั้งระลอกออกกระจาย ลมพระพายก็ไม่พัดสงัดดี พวกล้าต้าต้นหนคนทั้งหลาย ก็วุ่นวายตัวสั่นมิ่งขวัญหนี เรือกำปั่นหันหวนป่วนนที เสียงอึงมี่เดินคล่ำทุกลำเรือ ฯ ๏ จะกล่าวถึงอสุรีผีเสื้อสมุทร แกว่งอาวุธไล่ขยับจับหางเสือ ฉุดกระชากหมายจะคว่ำเอาลำเรือ แล้วเงือดเงื้อกระบองใหญ่เป็นไฟโพลง แหงนชะแง้แลเห็นคนบนกำปั่น พลางกัดฟันเต้นโลดกระโดดโหยง น้ำลายไหลไล่คว้านัยน์ตาโพลง จับเรือโคลงกลอกหัวตัวเป็นเกลียว บาทหลวงวิ่งพัลวันหันเข้าห้อง ดะโกนร้องเรียกพระยาจนตาเขียว สิ้นสติเต็มทีเช่นนี้เจียว จะเลี่ยงเลี้ยวไปข้างไหนก็ไม่ทัน แกเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ เอาหนังปิดกูลงไว้เอาไม้ขัน กับถังน้ำดำมิดเร่งคิดกัน ตัวแกสั่นรัวรัวเพราะกลัวตาย ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช กษัตริย์ชาติเชื้อตระกูลไม่สูญหาย คิดขึ้นได้ด้วยปัญญาปรีชาชาญ ถึงจะตายชาติกษัตริย์ต้องกัดฟัน ผิดก็สู้ดูสักทีมีชนะ ที่จะละให้อายยักษ์มักกะสัน มากินเล่นเป็นอาหารสำราญครัน ต้องผ่อนผันรบสู้ดูสักที จึงว่ากับบังอรสมรมิตร พี่จะคิดต่อสู้ดูยักษี พลางแต่งองค์ทรงกริชอันฤทธี อัญชลีกราบกรานคุณมารดร แล้วทรงตราราหูคู่กษัตริย์ จูงพระหัตถ์บุษบงองค์สมร มาประณตบทบงสุ์องค์บิดร ฝากบังอรไว้กับท้าวเจ้าพ่อตา ฯ ๏ บาทหลวงเห็นมังคลาพาสมร เอ็งจะจรหนีไปข้างไหนหวา เอาตัวรอดคนเดียวเปลี่ยววิญญาณ์ ทิ้งพ่อตาอาจารย์สถานใด พระมังคลาว่าเจ้าคุณอย่าวุ่นนัก จะดูยักษ์มันจะมาข้างท่าไหน แกจึ่งว่าเร่งมาให้เร็วไว จึ่งจะได้ลงถังระวังตัว ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช ก็ยุรยาตรเยื้องย่างไปข้างหัว ขึ้นยืนให้ยักษ์เขม้นพอเห็นตัว แลไปทั่วขอบฟ้าในสาคร เห็นยักษ์ร้ายจับท้ายกำปั่นไว้ แล้วแกว่งไฟโตยิ่งกว่าสิงขร พระโยนตราราหูคู่นคร ฤทธิรอนลุกแดงดังแสงไฟ ประกายพุ่งรุ่งโรจน์ดูโชติช่วง เป็นรุ้งร่วงในมหาชลาไหล อสุรินทร์นึกแหนงให้แคลงใจ จึ่งแลไปเห็นคนอยู่บนเรือ ทะลึ่งโลดโดดโผนจะโจนจับ ร้องสำทับปีบเปรี้ยงเป็นเสียงเสือ แล้ววางท้ายว่ายมาข้างหน้าเรือ แล้วผีเสื้อปีนจะฉวยด้วยกำลัง พระฟาดด้วยดวงตราพระราหู เป็นไฟวูไหม้ชิดติดผิวหนัง แล้วก็ให้แรงน้อยถอยกำลัง จึงหยุดยั้งอ่านเวทวิเศษมนต์ รูปที่กลายหายร้อนแต่อ่อนเปลี้ย จะไกล่เกลี้ยไต่ถามตามนุสนธิ์ จึงว่าเหวยอ้ายมนุษย์ปุถุชน เองอยู่หนแห่งไรจงให้การ เอาพวกพ้องเรือแพมาแออัด กูแค้นขัดเคืองใจหลายสถาน ไม่รู้หรือถิ่นกูอยู่มานาน เปรียบเหมือนศาลเทวาจะมาไป ไม่บอกกล่าวให้รู้มาดูหมิ่น จะเคี้ยวกินให้เป็นผงอย่าสงสัย แล้วถาโถมโจมลากกระชากใบ หวังจะให้เรือจมล่มลงพลัน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาปรีชาฉลาด เอาตราฟาดถูกอ้ายยักษ์มักกะสัน ถลาล้มจมสมุทรผลุดขึ้นพลัน ด้วยกุมภัณฑ์โลดโผนโจนทะยาน กำลังเจ็บกริ้วกราดตวาดร้อง สำเนียงก้องโกญจนาทด้วยอาจหาญ ไม่เกรงกูผู้เป็นเจ้าชโลธาร มาข้ามด่านแล้วข่มเหงไม่เกรงใจ มนุษย์น้อยเหมือนกับหอยอยู่ริมหาด จะจับฟาดหักขาไม่ปราศรัย หมดทั้งลำกำปั่นจะบรรลัย อยู่ที่ในสาชลไม่พ้นมือ ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ตรัสประภาษแก่กุมภัณฑ์กระนั้นหรือ มิใช่เรายำเยงเกรงฝีมือ ท่านอย่าถืออวดอิทธิฤทธิ์ไกร ว่าเป็นยักษ์ศักดาอานุภาพ จะมาปราบปรามกันไม่หวั่นไหว กินแต่ปลาในมหาสมุทรไท ที่จะได้กินมนุษย์อย่าพูดจา ถึงเราเด็กเหล็กเพชรไม่เข็ดขาม ทำสงครามดูสักพักกับยักษา แม้นเราตายกุมภัณฑ์อันศักดา จึ่งค่อยมากินคนที่บนเรือ แม้นยังอยู่ก็จะสู้จนสิ้นฤทธิ์ อย่าควรคิดดูเบาเราก็เสือ ใช่จะเกรงกลัวกันใช่ว่านเครือ ฤทธิ์ผีเสื้อเห็นจะกล้าข้างหาปู ฯ ๏ อสุรินทร์ยินคำซ้ำพิโรธ ทะลึ่งโลดฟังเยาะไม่เพราะหู กระโดดขึ้นเรือที่นั่งฝรั่งกรู เอาขวานหมูฟันยักษ์จนหักพัง อสุรากล้าแข็งแต่แรงน้อย กำลังถอยไม่เหมือนจิตที่คิดหวัง แกว่งกระบองย่องถอยคอยระวัง ฝ่ายพระมังคลาราชฟาดด้วยตรา ถูกที่อกยักษ์ตกลงในน้ำ พระตีซ้ำแทบชีวังจะสังขาร์ ยักษ์เจ็บปวดยวดยิ่งทิ้งกายา อสุราจมไปในนที ฯ ๏ เข้าแฝงกายกลายเป็นหอยแล้วลอยล่อง ไปตามท้องสมุทรไทในวิถี ที่คลื่นคลั่งวังวนชลธี ก็กลับดีหายไปในทะเล ที่กำปั่นหันหกก็เหือดหาย พวกนายท้ายชักกำปั่นให้หันเห พอลมดีแล่นไปในทะเล เสียงฮาเฮโห่ร้องก้องสำเนียง ฯ ๏ จะกล่าวถึงบาทหลวงนั่งง่วงหงับ ตัวสั่นหรับเต็มทีไม่มีเสียง ลงครางออดทอดใจใหญ่มุดใต้เตียง ฟังสำเนียงผู้คนบนเภตรา ว่ายักษีผีเสื้อสู้ไม่ได้ มันหนีไปสูญตัวกลัวนักหนา เพราะพระหน่อวรนาถฟาดด้วยตรา อสุราหนีไปตายหรือเป็น บาทหลวงฟังยังไม่ชัดถนัดหู แกแอบดูตามช่องพอมองเห็น พระมังคลามาข้างท้ายพอบ่ายเย็น แกแลเห็นคลานออกมานอกพลัน เรียกกษัตริย์อิศโรท้าวโกสัย มานั่งใกล้ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ ทั้งมังคลาสานุศิษย์มาคิดกัน ด้วยเป็นวันชนะชัยปราบไพรี ท้าวโกสัยสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ โองการตรัสอิ่มเอมเกษมศรี พลางเชยชมบุญญาบารมี มิเสียทีอาจองทรงกำลัง ควรจะเป็นจักรพรรดิกษัตริย์ชาติ ทั้งเปรื่องปราดสมในฤทัยหวัง หาไม่จะพากันตายวายชีวัง ด้วยกำลังขุนยักษ์อันศักดา ฯ ๏ บาทหลวงนึกเคืองคมเขาชมเชย ภิปรายเปรยสรรเสริญเกินนักหนา ทั้งลิ้นลมสอพลอเจ้าพ่อตา อ้ายมังคลาเห็นจะฮึกไม่นึกเกรง ซึ่งตัวกูผู้เป็นสังฆราช เพราะขี้ขลาดมันจะรุมกันคุมเหง จำจะพูดยักย้ายให้หลายเพลง เอาให้เกรงกูจงได้ในสำนวน แล้วเสแสร้งแกล้งว่าประจามิตร ถึงจะคิดทำร้ายต้องไต่สวน ข้าเป่าปัดอยู่ในใจหลายกระบวน คิดใคร่ครวญที่ในการจะราญรอน จึงเข้าอยู่ในห้องช่วยป้องปัด เสกกำจัดผีเสื้อเหมือนเงื้อศร สวดให้พระวิญญาณช่วยราญรอน มิใช่นอนกลัวยักษ์อย่าพักแคลง ฯ ๏ ท้าวโกสัยเห็นจริงทุกสิ่งสิ้น สมถวิลตรองตรึกไม่นึกแหนง ฟังลิ้นลมสมแกกล่าวเล่าแสดง ทั้งชี้แจงก็เห็นจริงทุกสิ่งไป อันเรื่องราวแกมันดีข้างฝีปาก ทั้งพูดมากฟังหลงไม่สงสัย เรือก็แล่นลมจัดถนัดใบ ตามกันไปในระลอกกระฉอกชล ฯ ๏ พอสุริยงลงลับพยับฟ้า ดวงดาราแจ่มกระจ่างกลางเวหน ต่างก็หากินอยู่ทุกผู้คน กษัตริย์สนทนาเสร็จเสด็จมา เข้าห้องหับที่ประทับเคยสถิต สำราญจิตสรวลสันต์ค่อยหรรษา ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลา เข้าไสยาห้องท้ายสบายบาน ถนอมมิ่งนิรมลขึ้นบนแท่น เรือก็แล่นมาในทางหว่างอิสาน พระเผยแกลแลชมโพยมมาน ค่อยสำราญรื่นเริงบันเทิงใจ จันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าเวหาห้อง จับผิวพักตร์นุชน้องดูผ่องใส พระจุมพิตชิดชื่นระรื่นใน พลางเคล้นไคล้เคล้าพุ่มปทุมทอง ค่อยถนอมกล่อมเกลาเสาวรส บุปผาสดมิได้มีราคีหมอง เรณูนวลหวนตลบอบละออง พลางตระกองกอดขวัญให้บรรทม สนิทแนบแอบนางสำอางพักตร์ ภิรมย์รักเยาวมิตรสนิทสนม สุมาลัยได้น้ำค้างลงพร่างพรม ทั้งต้องลมกลิ่นกล้าผกากาญจน์ พิรุณโรยโปรยปรายเป็นสายสาด สุนีฟาดเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงประหาร พยุพยับอับพื้นโพยมมาน ชลธารเป็นระลอกกระฉอกชล ฝูงมัจฉาปลาใหญ่ในสมุทร บ้างดำผุดกลอกกลับอยู่สับสน เหล่าละเมาะเกาะเกียนก็เวียนวน ทุกตำบลกึกก้องท้องสินธู เมขลาล่อแก้วแววสว่าง อสูรขว้างขวานลั่นสนั่นหู ทุกเถื่อนถ้ำต่ำไต้เป็นไฟฟู มังกรชูแก้วสว่างกลางโพยม ฯ ๏ สองภิรมย์สมสนิทพิศวาส ไม่เคลื่อนคลาดจากนางสำอางโฉม จนดาวเดือนเลื่อนลับพยับโพยม พระแสนโสมนัสชื่นทุกคืนวัน ฯ ๏ จะของดบทเบื้องเรื่องนี้ก่อน จะกล่าวย้อนถึงกรุงไกรไอศวรรย์ ทวีปวังลังกาโดยสามัญ อันขอบคันนคเรศนิเวศน์วัง สุดสาครเสาวคนธ์วิมลมิ่ง ได้ครองสิงหลไว้เหมือนใจหวัง สืบกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงวัง คิดอ่านตั้งขุนนางอย่างธรรมเนียม ฝรั่งไทยได้ยศหมดทั้งนั้น ไม่เดียดฉันท์วุ่นวายให้อายเหนียม ประทานยศงดงามตามธรรมเนียม พอทัดเทียมทั่วนครเหมือนก่อนมา ก็อยู่เย็นเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน ทั่วนครเกษมสันต์ต่างหรรษา บริบูรณ์พูนสวัสดิ์วัฒนา ชาวพารารื่นเริงบันเทิงใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ เสวยสมบัติลังกาอัชฌาสัย เว้นสามวันเสด็จป่าพนาลัย ไปเฝ้าไทบิตุราชมาตุรงค์ สามนักสิทธ์อิศโรสโมสร อยู่สิงขรป่าใหญ่ไพรระหง พยายามตามกิจเอาจิตปลง สองอนงค์ได้กสิณอภิญญาณ พระนักสิทธ์บิตุรงค์ทรงสวัสดิ์ โองการตรัสทักถามด้วยคำหวาน ยังอยู่พร้อมเผ่าพงศ์พระวงศ์วาน หรือถิ่นฐานของใครครรไลจร พระทูลความตามรับสั่งมาทั้งหมด แด่ดาบสสามพระองค์ผู้ทรงสอน แล้วทูลลากลับหลังยังนคร เสด็จจรเข้าในที่ไสยา ฯ ๏ ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นนิเวศน์ ลือพระเดชทศพิธทุกทิศา ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนลังกา ได้ความผาสุกสบายมาหลายปี ด้วยพระองค์ผู้ดำรงไอศวรรย์ ทุกคืนวันปรีดิ์เปรมเกษมศรี ทั้งศึกเสือเหนือใต้พวกไพรี มิได้มีแผ้วพานประการใด ฯ ๏ จะกล่าวถึงพวกทมิฬกินปักษา อยู่เมืองวาหุโลมเขตข้างเพทไสย คิดจะไปเฝ้าองค์พระทรงชัย จึงสั่งให้พวกทหารชำนาญทาง จะไปยังลังกามหาสถาน จงเตรียมการสารพัดจัดปีกหาง จะบินไปให้ดื่นพื้นนภางค์ เตรียมปีกหางไว้ให้ทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ เสนารับอภิวาทมาบาดหมาย ทั้งไพร่นายถ้วนทั่วตัวพหล พอรุ่งแจ้งสุริย์ใสพร้อมไพร่พล มาเกลื่อนกล่นในชลาหน้าพระลาน ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าบุรีเข้าที่สรง สำอางองค์รจนามุกดาหาร ใส่มาลาวาวแววแก้วประพาฬ สอดสังวาลมรกตหมดมลทิน ถือธนูเนาวรัตน์ประภัสสร บทจรโดยจิตคิดถวิล แล้วขึ้นบนเกยชลาหน้าบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นโยธาเสนาใน พอฤกษ์ดีตีกลองก้องสนั่น บินพร้อมกันโกลาสุธาไหว กระบวนหน้ากระบวนหลังคับคั่งไป อยู่ที่ในอากาศดาษดา พลทัพนับแสนแน่นอเนก ราวกับเมฆมืดกลุ้มคลุ้มเวหา สิบห้าวันบรรลุถึงพารา เมืองลังกาสิงหลพลประชุม เจ้าวาโหมโสมนัสจัดข้าวของ สิงโตทองสี่ตัวมามั่วสุม ของวิเศษต่างต่างวางประชุม ให้คนคุมเข้าไปวางกลางพระโรง ฯ ๏ ป่างพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครออกที่นั่งบัลลังก์โถง พร้อมเสนาข้าไทในพระโรง ตีห้าโมงขึ้นพระแท่นแสนสำราญ ให้เชิญพวกพาราเจ้าวาโหม กับเสนาวาหุโลมประโคมขาน เข้ามาเฝ้านบนอบลงหมอบกราน พระผู้ผ่านภพไตรปราศรัยพลัน เรียกให้นั่งยังอาสน์ลาดยี่ภู่ บรรดาหมู่พวกพหลพลขันธ์ โปรดปราศรัยไต่ถามเนื้อความพลัน เกษมสันต์สุขาหรืออาดูร หรือขัดขวางอย่างไรในประเทศ จงแจ้งเหตุโภไคยมไหสูรย์ ทั้งนงลักษณ์อัคเรศเกศตระกูล ยังเพิ่มพูนประดิพัทธ์สวัสดี ฯ ๏ เจ้าวาโหมโสมนัสฟังตรัสถาม จึงทูลความจักรพรรดิ์กษัตริย์ศรี ว่าสุโขโรคาไม่ยายี สวัสดีเปรมปราสถาวร ด้วยพระเดชปกเกศเป็นที่ยิ่ง ศัตรูกริ่งเกรงจบสยบสยอน ไม่เบียดเบียนบีฑาประชากร ราษฎรอิ่มเอมเกษมใจ พระทรงฟังสังรเสริญเจริญยศ จึงมีพจนาตรัสปราศรัย ให้เลี้ยงดูหมู่พหลพลไกร แต่ท้าวไทวาโหมประโลมลาน ชวนเข้าไปในวังที่ตั้งเครื่อง พระย่างเยื้องขึ้นปราสาทราชฐาน เชิญขึ้นนั่งแท่นรัตน์ชัชวาล พระภูบาลสั่งกำนัลไปทันที ให้ไปเชิญเสาวคนธ์วิมลโฉม เจ้าวาโหมมาประณตบทศรี กับทั้งพระราชบุตรอย่าช้าที มาเดี๋ยวนี้เร็วราเธอมาคอย กำนัลในไปทูลนางกษัตริย์ โสมนัสที่ในจิตเพราะติดสอย เขานับถือซื่อนักไม่หลักลอย สู้ติดสอยไปมาเหมือนข้าไท นางตรัสชวนพระกุมารชาญสมร บทจรเสด็จมาอัชฌาสัย ถึงปราสาทราชฐานคลานเข้าไป บังคมไทภัสดาพระสามี ฯ ๏ ฝ่ายวาโหมกราบก้มบังคมบาท พระนางนาฏปรีดิ์เปรมเกษมศรี แล้วปราศรัยไต่ถามตามคดี นางเทวีชื่นชมภิรมยา แล้วเชิญให้เสพย์กระยาสุธาโภชน์ อันเอมโอชสารพันด้วยหรรษา เจ้าวาโหมโสมนัสถือสัจจา ด้วยปรีดารับประทานเครื่องหวานคาว ฯ ๏ ฝ่ายพวกนางช่างบำเรอเสนอขับ ปี่พาทย์รับเพราะพริ้งล้วนหญิงสาว บ้างยักย้ายบรรเลงเป็นเพลงยาว ในเรื่องราวร้องขับให้จับใจ เจ้าวาโหมเสวยพลางทางพินิจ ให้จับจิตพิศวงให้สงสัย บังคมทูลตามระบอบที่ชอบใจ ยังมิได้เคยฟังแต่หลังมา ฯ ๏ ครั้นอิ่มหนำสำราญการเสวย แล้วชมเชยทรงยศโอรสา ปางพระจอมนคเรศเกศลังกา ภิปรายปราศรัยเสร็จเสด็จจร ชวนพระยาวาโหมให้ลีลาศ ชมปรางค์มาศเนาวรัตน์ประภัสสร เครื่องต่างต่างอย่างฝรั่งแท่นนั่งนอน ทั่วนครกลไกมีหลายพรรณ เครื่องดนตรีตีเองเพลงฝรั่ง ฆ้องระฆังไม่ต้องตีดีขยัน ทั้งเครื่องแก้วแกมทองของสำคัญ ตั้งเป็นชั้นเกลื่อนกลาดดาษเดียร ฝาผนังฝังกระจกเป็นเงาฉาย ช่างระบายต่างต่างล้วนช่างเขียน แล้วพาไปตำหนักทองห้องวิเชียร ราวกับเทียนจุดสว่างกระจ่างตา มีรูปนางอย่างเป็นเช่นกับหญิง ดูเพริศพริ้งน่ารักเป็นนักหนา เจ้าวาโหมชมเพลินเจริญตา คิดว่านารีจริงไม่กริ่งใจ ฯ ๏ ครั้นชมเสร็จพระเสด็จออกข้างหน้า สั่งเสนาพร้อมพรั่งนั่งไสว ไปจัดแจงแต่งที่อันอำไพ เชิญท้าวไทไปสำนักตำหนักกลาง สั่งวิเสทนอกในให้ไปเลี้ยง ตามอย่างเยี่ยงสารพัดไม่ขัดขวาง ทั้งไพร่นายจ่ายให้ทั่วตัวขุนนาง ให้เหมือนอย่างก่อนเก่าเจ้าแผ่นดิน ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นจากอาสน์ เข้าปรางค์มาศเสร็จสมอารมณ์ถวิล สถิตแท่นทองสีมณีนิล พร้อมยุพินนางบำเรอเสนอเรียง บ้างขับไม้มโหรีตีบัณเฑาะว์ ฟังเสนาะขับขานประสานเสียง แล้วโหยหวนครวญคร่ำทำสำเนียง พวกจำเรียงดีดสีตีประโคม ฯ ๏ พระบรรทมสมสนิทนิมิตฝัน ว่าเพลิงนั้นไหม้ตึกดูฮึกโหม แล้วมียักษ์เหาะมาทางกลางโพยม เจ้าวาโหมจับได้ดังใจปอง พระพลิกฟื้นตื่นตกพระทัยหาย ไม่สบายหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง พออุทัยเรืองแรงไขแสงทอง สกุณก้องโกกิลาฝูงกาบิน พระเสด็จจากแท่นที่มณีรัตน์ แล้วทรงผลัดภูษาทรงสรงกระสินธุ์ ไขสุหร่ายสายชลหมดมลทิน ชโลมกลิ่นเจือปนสุคนธาร แล้วทรงเครื่องเรืองระยับสำหรับกษัตริย์ ออกแท่นรัตน์รจนามุกดาหาร สะพรั่งพร้อมโหราพฤฒาจารย์ มาหมอบกรานเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ ตรัสประภาษแก่โหราว่าเราฝัน เมื่อเกือบรุ่งรังสีรวีวรรณ นิมิตฝันว่าไฟไหม้เข้ามา ที่ตึกกลางหว่างประตูข้างบูรพทิศ แล้วก็ติดลุกลามไปตามฝา มียักษ์ร้ายเรี่ยวแรงแผลงศักดา ถือคทาธรแกว่งเป็นแสงเพลิง เข้าลุยไล่ไพร่พลคนทั้งหลาย แตกกระจายวิ่งเปิดเตลิดเหลิง ยักษ์สำแดงแผลงอิทธิฤทธิ์เริง เป็นเปลวเพลิงรุ่งโรจน์โชตินา แล้วยังมีครุฑาอันสามารถ เอาจักรฟาดยักษ์ดิ้นสิ้นสังขาร์ เพลิงก็ดับกลับตื่นฟื้นกายา พระโหราจงทำนายร้ายหรือดี ฯ ๏ โหรคำนับขับไล่ในพระเคราะห์ เสาร์จำเพาะเดินมาร่วมราศี ถึงราหูคู่กาลกิณี คงจะมีศึกมาตำราทาย แล้วกราบทูลมูลความไปตามเรื่อง จะขุ่นเคืองเกิดศึกเหมือนนึกหมาย เป็นเที่ยงแท้เหมือนคำข้าทำนาย อันยักษ์ร้ายครุฑฆ่าด้วยการุญ จะมีผู้อาสาปราบข้าศึก ช่วยตรองตรึกขาดเหลือได้เกื้อหนุน ข้างต้นร้ายปลายดีจะมีคุณ พระศุกร์หนุนลัคนาทายว่าดี ฯ ๏ พระทรงฟังโหรทายทำนายฝัน เคยแม่นมั่นไม่ใคร่ผิดในดิถี สั่งให้เตรียมป้อมค่ายไว้ให้ดี ทุกหน้าที่เชิงเทินเนินกำแพง ทั้งปืนหลักหักไฟอย่าให้ขาด จงเร่งกวาดเหล่าทหารชาญกำแหง มาซ้อมซักหักขัดเร่งจัดแจง กรมแสงสารพัดให้จัดการ เครื่องสาตราอาวุธชุดดินหู หมายให้รู้ทั่วกันดั่งบรรหาร ทั้งปืนผาหน้าไม้ที่ใช้การ เร่งคิดอ่านซ่อมแปลงตำแหน่งใคร ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขุนอำมาตย์เรียกกันเสียงหวั่นไหว ให้เสมียนเขียนหมายรายกันไป การของใครซ่อมแปลงจัดแจงทำ ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช กับครูบาทหลวงเฒ่าเมาออกหงำ ทั้งเรือรบเรือลำเลียงแล่นเรียงลำ ทุกคืนค่ำมิได้หยุดสุดอาวรณ์ บาทหลวงยิ้มอิ่มเอมเกษมสุข เหมือนยกทุกข์เอาไปขว้างกลางสิงขร ที่หิวโหยโรยราความอาวรณ์ ค่อยวายร้อนเรื่องวิตกในอกใจ จึงเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ มานั่งชิดยิ้มแย้มดูแจ่มใส ว่าครั้งนี้กูเห็นไม่เป็นไร คงจะได้ลังกาอย่าปรารมภ์ การอุบายหลายอย่างทางพระเวท ของวิเศษจริงนะวะกูสะสม เองอย่าได้หวาดหวั่นพรั่นอารมณ์ คงจะสมปรารถนาเอ็งอย่าแคลง แล้วอ้ายท้าวพ่อตาก็มาด้วย เขาคงช่วยป้องกันด้วยขันแข็ง เราขึ้นบกยกไปตั้งเอากลางแปลง ตั้งค่ายแบ่งผู้คนเป็นกลไก ผูกพยนต์พลรบสมทบทัพ เข้ารบรับเล่นกันให้หวั่นไหว แม้นได้ทีตีรุดเร่งจุดไฟ เอาให้ได้ด้วยกำลังอย่าฟังมัน แกพูดจากล้าแข็งมีแรงเรี่ยว พลางเข่นเขี้ยวหวังจะได้ไอศวรรย์ ขึ้นเสียงเอะอะอุทั้งดุดัน ไม่เป็นอันกินอยู่ดูแต่ทาง เรือก็แล่นลมจัดไม่ขัดข้อง จะขึ้นล่องเร็วจัดไม่ขัดขวาง แกยังร้องว่าช้าผิดท่าทาง เอาใบกางขึ้นพร้อมอย่าอ้อมวง เร่งบอกให้ทุกลำเรือกำปั่น ใครไม่ทันตัวนายทั้งไต้ก๋ง จะเอาโทษให้ถึงตายวายชีวง ตัดสินลงตามอาญาพวกมาเรือ เหมือนกฎหมายข้างฝรั่งตั้งพิกัด เอาเชือกรัดคอตายมิให้เหลือ ทั้งนายท้ายนายลำประจำเรือ ให้เป็นเหยื่อมัจฉาในสาคร แล้วลุกเดินถือกระบี่ที่ตำแหน่ง ใครแอบแฝงไม่ฟังดูกูสอน จะปรับโทษเหมือนขบถที่โทษกรณ์ ให้เร่งจรเร็วไวดังใจกู แล้วไปนั่งยังที่เก้าอี้ใหญ่ ให้พวกไพร่ทั้งสิ้นบดดินหู กำลูกพลุเผาค่ายใส่ธนู สำหรับกรูกันเข้ายิงชิงเอาเมือง จับอ้ายพวกเข้ามาอยู่เหมือนผู้ร้าย เอาไปขายอ้ายพม่าให้ตาเหลือง กูจะทำตอบแทนที่แค้นเคือง คืนเอาเมืองให้จงได้ดั่งใจปอง เรือก็แล่นเร็วรัดลมพัดฉิว ทั้งธงทิวหกหันผันผยอง อีกวันครึ่งก็จะถึงดังจิตปอง เอากล้องส่องเห็นไวไวยังไกลตา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเรือตระเวนเจนสมุทร เที่ยวแล่นรุดดูไปในทิศา ตามประเทศเขตแคว้นแดนลังกา ระวังข้าศึกอยู่ไม่รู้วาย พอเห็นลำกำปั่นสักพันเศษ ผิดสังเกตที่จะมาเที่ยวค้าขาย จำจะแล่นไปให้รู้ดูแยบคาย ด้วยอุบายจะให้แจ้งแห่งเนื้อความ เรือตระเวนเจนทางกลางสมุทร ก็แล่นรุดเข้าไปใกล้จะไต่ถาม บาทหลวงแลเห็นไรไรร้องให้ตาม คงได้ความจริงจังในลังกา พวกต้นหนนายท้ายจงบ่ายเข็ม ออกแล่นเล็มชักใบไปข้างขวา ก้าวสกัดตัดทางหว่างคงคา พอนาวาทันกันตะวันรอน บาทหลวงให้พวกล่ามออกถามไต่ มิใช่ใครเป็นฝรั่งนั่งสลอน จึงปราศรัยไต่ถามนามกร ว่าจะจรไปข้างไหนจงให้การ ฯ ๏ พวกตระเวนเห็นว่าเป็นข้าศึก มันพูดฮึกดูประหลาดทั้งอาจหาญ จำจะหลอกมิให้รู้ดูอาการ จึงว่าขานบอกกับล่ามตามทำนอง เรามาแต่โกสินกบิลพัสดุ์ ปะสลัดเก็บเอาทั้งข้าวของ จะสู้รบมันไม่ได้ดังใจปอง ต้องแล่นล่องเลียบฝั่งเข้าลังกา ซื้ออาหารเป็นเสบียงเลี้ยงลูกจ้าง จะไปทางลำน้ำสำปันหนา นี่ท่านยกทัพใหญ่ไปไหนมา คุมเภตราจะไปตีบุรีใด ฯ ๏ บาทหลวงนั่งฟังล่ามเขาถามซัก แจ้งประจักษ์มั่นคงไม่สงสัย อยากจะใคร่รู้ความถามออกไป ว่ากรุงไกรนครายังถาวร หรือย่อยยับอับจนคนทั้งหลาย หรือสบายภิญโญสโมสร เองเข้าไปในประเทศเขตนคร ราษฎรเจ้าพารายังการุญ หรือขัดสนจนยากอยากใคร่รู้ เองเล่ากูไปให้สิ้นดินกระสุน อย่าปิดบังครั้งนี้จะมีคุณ จะการุญตัวมึงให้ถึงใจ ฯ ๏ กองตระเวนนึกไปว่าอ้ายนี่ มันจู้จี้พูดมากถลากไถล จำจะหลอกไต่ถามเป็นความใน เอาให้ได้จริงจังฟังมันดู แล้วจะบอกเข้าไปในนิเวศน์ ฟังเอาเหตุเสียให้สิ้นเหมือนกินหมู ล้วงตับไตให้ถนัดอ้ายศัตรู จะได้รู้ไส้พุงที่มุ่งมา แล้วจึงว่าข้าแต่ท่านแม่ทัพ ดูย่อยยับผู้คนจนนักหนา แต่ก่อนเก่าข้าพเจ้าเคยไปมา เมื่อครั้งฝาหรั่งอยู่ในบูรินทร์ เห็นผู้คนพลเมืองก็เนื่องแน่น ทั้งแว่นแคว้นธารท่าชลาสินธุ์ เดี๋ยวนี้น้อยเต็มประดาในธานินทร์ ดูหมดสิ้นเงียบเหงาเห็นเบาครัน แม้นเกิดศึกฮึกฮักมาหักโหม เข้าจู่โจมเห็นจะได้ไอศวรรย์ จะไม่ต้องรบราถึงฆ่าฟัน เป็นแค่ชั้นเชิงหลอกเห็นออกมือ ฯ ๏ บาทหลวงรู้แยบคายเห็นตายราบ เปรียบเหมือนดาบหักหายกลับได้ถือ แกดีใจลุกมาแล้วหารือ เองคนซื่อรู้ระบอบกูขอบคุณ อันลังกาฝาหรั่งแต่ครั้งก่อน จะเย็นร้อนขาดเหลือกูเกื้อหนุน มาเสียทีอีวัณฬาบ้ากามคุณ จึงเกิดวุ่นเสียเมืองเคืองระคาย ต้องพลัดพรากจากญาติพระศาสนา พวกไทยมารบริบเอาฉิบหาย จนต้องเที่ยวเลี้ยวลัดกระจัดกระจาย เดี๋ยวนี้หมายจะมาตีบุรีคืน เห็นจะได้หรือมิได้อย่างไรหวา เองไปมารู้ชัดไม่ขัดขืน แต่พอเป็นที่หวังให้ยั่งยืน เองเป็นพื้นนำไปคงได้การ แม้นได้เมืองลังกาอาณาจักร จะจงรักถึงใจหลายสถาน เองก็คงสิทธิ์ขาดราชการ ฝ่ายทหารทั้งจังหวัดปัถพี กองตระเวนพูดจาถ้าเช่นนั้น จะผ่อนผันตามติดไม่คิดหนี แต่อาวุธสิ่งไรยังไม่มี สลัดตีเก็บหมดลงอดโซ แม้นท่านให้กำลังทั้งอาวุธ จะต่อยุทธ์ชิงชัยได้อักโข เปรียบเหมือนถืออาญาสิทธิ์อิศโร มีเขนโล่บังตัวไม่กลัวใคร ฯ ๏ บาทหลวงฟังเห็นจริงทุกสิ่งสิ้น นิยมยินดีแท้จะแก้ไข เองอย่าเป็นทุกข์ร้อนอาวรณ์ไป กูจะให้สารพันไม่ฉันทา แต่จริงจังยังกล่าวทั้งบ่าวไพร่ กูจะให้อาวุธไม่มุสา ถ้าแม้นเองช่วยกันดั่งสัญญา เสร็จลังกากูจะให้เป็นนายพล ฯ ๏ กองตระเวนเห็นเชื่ออ้ายเสือโคร่ง กูจะโกงอ้ายเฒ่าเอาสักหน แล้วว่าท่านอย่าได้แคลงระแวงวน ข้าเป็นคนซื่อตรงไม่วงเวียน จะช่วยท่านจนสำเร็จให้เสร็จศึก ข้าตรองตรึกพูดจาใช่พาเหียร เป็นความในใจประสงค์ไม่วงเวียน ขอพากเพียรรบรับทัพลังกา ฯ ๏ บาทหลวงเห็นจริงแจ้งไม่แคลงจิต มันสะกิดถูกที่คันก็หรรษา จึ่งสั่งพวกคนใช้ในเภตรา ให้ขนอาวุธส่งลงในเรือ ทั้งปืนใหญ่ปืนน้อยร้อยกระบอก ทั้งดาบหอกแจกทุกคนให้ล้นเหลือ แจกเสบียงเลี้ยงไพร่ทั้งนายเรือ ทั้งข้าวเกลือขนไปจะได้กิน แล้วแกสั่งว่าให้รีบไปก่อน จงผันผ่อนคิดให้สมอารมณ์ถวิล ไปคอยท่าหน้าด่านชานบุรินทร์ ชายกระสินธุ์เข้าออกเร่งบอกมา แต่เช้าตรู่กูจะยกกระบวนทัพ ไปตั้งรับข้าศึกได้ปรึกษา กองตระเวนรับคำแล้วอำลา แล่นเข้ามาปากน้ำด้วยชำนาญ แล้วร่างบอกลอกใส่ในกระดาษ แจ้งข้อราชการศึกที่ฮึกหาญ ลงเรือช่วงล่วงไปมิได้นาน เอาเรื่องสารในฉบับขึ้นกราบทูล ฯ ๏ ขุนนางรับสาราพาขึ้นเฝ้า พระจอมเจ้าธรณินปิ่นไอศูรย์ ให้ทราบความตามเล่าที่เค้ามูล นเรนทร์สูรสั่งให้อ่านสารแสดง ฯ ๏ ในเรื่องบอกกองตระเวนเจนสมุทร เที่ยวแล่นรุดตามเกาะเสาะแสวง ปะกำปั่นพันร้อยแล่นลอยแซง ตามเขตแขวงวนวังแดนลังกา ข้าพเจ้าแล่นไปเรียกให้แวะ มันแค่นแคะถามซักเอานักหนา ข้าพเจ้าจึงแถลงแจ้งกิจจา บอกว่ามาแต่ประเทศเขตนคร นคราธานินทร์กบิลพัสดุ์ มันจึงจัดแจงตั้งแต่สั่งสอน ให้มาตีเมืองด่านชานนคร พระภูธรจงแจ้งแห่งคดี อันมานี้มิใช่ใครหาไหนเล่า บาทหลวงเฒ่าที่มันล่าพากันหนี ข้าพเจ้าล่อลวงดูท่วงที วันพรุ่งนี้จะยกมารบธานินทร์ ฯ ๏ พอสิ้นคำหารือหนังสือบอก พวกด่านนอกคงคาชลาสินธุ์ พระตรัสสั่งเสนาในธานินทร์ ให้ขนดินลากปืนขึ้นเชิงเทิน ทั้งน้ำท่าหาไว้ให้ทุกแห่ง รอบกำแพงรบรุกฉวยฉุกเฉิน คอยดับไฟไล่คนบนเชิงเทิน ให้ขึ้นเดินทุกหมวดเร่งตรวจตรา แล้วสั่งอาลักษณ์เสมียนเร่งเขียนสาร ไปแจ้งการทูลสมเด็จพระเชษฐา แล้วให้ไปรมจักรนัครา ตั้งกรุงการะเวกแจ้งแห่งคดี ไปเมืองเซ็นบอกนัดดาวายุพัฒน์ ให้รีบจัดเร็วไวในดิถี ว่าข้าศึกมาประชิดติดบุรี แล้วไปที่หน่อกษัตริย์หัสกัน กับเมืองพระวลายุดาด้วย ให้มาช่วยรบรับเป็นทัพขัน ทั้งอาพี่หลานลูกที่ผูกพัน มาช่วยกันตามวงศ์พงศ์ตระกูล เอาสารส่งลงเรือไปทุกแห่ง ตามตำแหน่งกรุงไกรมไหสูรย์ ไปทุกเมืองแต่ล้วนวงศ์พงศ์ประยูร ขึ้นกราบทูลทั่วประเทศนิเวศน์วัง ถวายสารการณรงค์ทุกองค์เสร็จ เชิญเสด็จช่วยศึกเหมือนนึกหวัง ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงวัง เสร็จออกนั่งพระโรงรัตน์ชัชวาล ขุนเสนาพาพวกลังกาเฝ้า ต่างก้มเกล้าภูวไนยถวายสาร พระตรัสสั่งพระศรีปรีชาชาญ ให้คลี่สารศุภลักษณ์อักขรา ฯ ๏ ในสารศรีสุดสาครบวรนาถ บังคมบาทพงศ์นารายณ์ทั้งซ้ายขวา ทูลกระหม่อมจอมองค์วงศ์พระอา ให้ทราบฝ่าบาทบงสุ์พระทรงชัย ว่าบัดนี้เกาะลังกามหาสถาน บังเกิดการศึกเสือเหลือวิสัย ทั้งน้ำบกยกมาพร้อมล้อมกรุงไกร เป็นศึกใหญ่กว่าทุกครั้งแต่หลังมา ใช้พยนต์มนต์เวทวิเศษขลัง เหลือกำลังหมู่พหลพลอาสา จะฆ่าฟันมันไม่ตายวายชีวา เชิญพระมาดับร้อนให้ผ่อนเย็น ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงสดับ ให้คั่งคับเขาฉลองตรองไม่เห็น ควรจะไปดับร้อนให้ผ่อนเย็น เห็นจะเป็นมังคลามาราวี พระตรัสสั่งเสวกาพฤฒามาตย์ ให้หมายบาดแขกชวากะลาสี เหล่าล้าต้าต้นหนที่คนดี เราจะกรีธาทัพไปรับรอง ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จลุกจากอาสน์ ขุนอำมาตย์ได้ฟังรับสั่งสนอง มาบาดหมายเตรียมตรวจทุกหมวดกอง ให้ถูกต้องตามประสงค์พระโองการ เรือที่นั่งดั้งกันสุวรรณหงส์ ให้เตรียมลงทอดท่าไว้หน้าฉาน กำปั่นรบครบเสร็จสำเร็จการ คอยพระผ่านธรณินปิ่นนคร ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร สั่งองค์อัครชายาสุดาสมร ทั้งสองนางซ้ายขวาพะงางอน เป็นการร้อนพี่จะลาสุดาดวง ศึกมาติดลังกาอาณาเขต บังเกิดเหตุทุกข์ใจเป็นใหญ่หลวง จะต้องไปปราบปรามตามกระทรวง เจ้าพุ่มพวงอยู่พาราจงถาวร จงปกป้องครองกันเถิดขวัญเนตร ทั้งแก้วเกษรารำภาสมร พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จบทจร จากบรรจถรณ์แท่นบรรทมตรมฤทัย ออกข้างหน้าคลาไคลไปปากน้ำ เห็นเรือกำปั่นยอดทอดไสว ลำที่นั่งดั้งกั้นเป็นหลั่นไป เสนาในน้อมประณตบทมาลย์ ฯ ๏ ครั้นฤกษ์ดีเสด็จลงทรงกำปั่น ให้โห่ลั่นไปทางข้างอิสาน ลำที่นั่งตั้งเข็มเต็มชำนาญ พวกทหารพร้อมพรั่งทั้งนั่งยืน เรือบรรดามาตามหลามสมุทร ก็รีบรุดเร็วรัดไม่ขัดขืน พวกฝรั่งแออัดบางยัดยืน ยิงครั่นครื้นโห่เร้าจะเอาชัย เรือที่นั่งดั้งกั้นเป็นหลั่นลด ตามกันหมดธงทิวปลิวไสว ชมละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งไป แล่นเข้าในทะเลลมยมนา ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงราชย์ ทั้งเบื้องบาทสมเด็จพระเชษฐา สินสมุทรวุฒิไกรได้สารา ว่าลังกาเกิดศึกนึกคะนึง เห็นจะเป็นมังคลานราราช กับพระบาทหลวงจิตมันคิดหึง เพราะเป็นคนอันธพาลสันดานดึง พระรำพึงในพระทัยให้รัญจวน จำจะไปกำจัดอ้ายสัตว์ร้าย มันวุ่นวายทุจริตทำผิดผวน จึงสั่งให้จัดแจงแต่งกระบวน เลือกแต่ล้วนพวกทหารชาญณรงค์ ให้ตบแต่งกำปั่นสุวรรณมาศ ใส่ใบตาดกุก่องทองระหง ทั้งเรือรบครบกระบวนปักทวนธง จัตุรงค์เสนาพลากร พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จเข้าที่สรง สำอางองค์เนาวรัตน์ประภัสสร สั่งอรุณรัศมีมีสุนทร พะงางอนกัลยาอย่าคลาไคล อยู่ปกป้องครองสนมกำนัลนาฏ พระยุรยาตรจากห้องอันผ่องใส เสด็จไปลงกำปั่นด้วยทันใด เสนาในพร้อมพรั่งตั้งประโคม พอฤกษดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก เร่งให้ออกอ่าวผลึกแห่ฮึกโหม ยิงปืนใหญ่ก้องกึกครื้นครึกโครม ทั้งประโคมสังข์แตรแซ่สำเนียง ให้แล่นลัดตัดทางข้างอิสาน ก้องกังวานคลื่นลมระดมเสียง ทั้งเรือรบเรือไล่ใส่เสบียง ออกแล่นเรียงรีบมุ่งกรุงลังกา ฯ ๏ ฝ่ายวลาวายุพัฒน์หัสกัน ลงกำปั่นพร้อมพหลพลอาสา เสียงพิลึกกึกก้องกลองสัญญา ออกนาวาจากอ่าวแล่นก้าวไป วายุพัฒน์จัดพหลพลรบ แล่นมาพบปะเจ้าอาพลางปราศรัย หัสกันออกจากท่าสุลาลัย พลางใช้ใบมาในทางกลางสินธู มาปะกันทั้งสามพลางถามไต่ ว่าศึกใหญ่กว่าแต่ก่อนเห็นอ่อนหู อันความคิดสังฆราชเหมือนชาติงู มันไม่รู้จบบทเพราะคดงอ วายุพัฒน์ขัดใจว่าใช่ญาติ ไปรุกราชรบฆ่านักหนาหนอ เป็นสิ้นญาติขาดเถาสิ้นเหล่ากอ แต่แม่พ่อเขายังสู้ไม่รู้คุณ สำมะหาอะไรกับน้องหลาน เขาเป็นพาลเหมือนครูผู้อุดหนุน แต่แรกถือว่าเป็นอากลับทารุณ เป็นสิ้นบุญสิ้นชาติญาติกา ฯ ๏ หัสกันน้องยาจึ่งว่าขาน เพราะคบพาลเสียญาติศาสนา อันตัวน้องเห็นฤทธิ์คิดระอา สิ้นสัจจากันแต่ครั้งยังอยู่เมือง แทบจะตายหลายหนจนป่นปี้ นี่ครูดีช่วยคิดช่วยปลิดเปลื้อง จึงได้รอดชีวาเที่ยวหาเมือง จะร่ำเรื่องไปก็แค้นแน่นอุรา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วลายุดาราช ว่าสิ้นญาติขาดเชื้อเพราะเหลือหา เป็นเหตุผลต้นเริ่มแต่เดิมมา เพราะปัญญาสังฆราชชาติคนโกง สอนให้เราเหล่านี้กระทำผิด ทุจริตวุ่นวายจะตายโหง ต้องพลัดพรากยากจริงออกวิ่งโทง เพราะแกโกงพาลำบากให้ยากเย็น แต่ครั้งนี้พี่น้องพวกพ้องญาติ อย่าได้ขาดความรักคงหักเห็น น้ำใจเราสุจริตเพราะจิตเย็น จะได้เห็นนับถือว่าซื่อตรง กษัตริย์สามสนทนาปรึกษาเสร็จ แล้วสำเร็จเรื่องความตามประสงค์ ต่างคำนับกลับไปยังที่นั่งทรง ให้แล่นตรงตามกันเป็นหลั่นไป ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช กับครูบาทหลวงครั้นตรู่สุริย์ใส ให้เข้าฝั่งไปกระทั่งถึงเวียงชัย กำปั่นใบแต่ที่มาสักห้าพัน คนสำหรับนับแสนแน่นอเนก ทหารเอกกำกับเป็นทัพขัน เข้าทอดท่าหน้าปากน้ำที่สำคัญ แล้วให้ลั่นปืนใหญ่เอาใบลง ทอดสมอรอเรียงเคียงขนาน ปิดทางด่านกักเรือที่เหลือหลง แล้วสั่งพวกเกณฑ์หัดจัตุรงค์ ให้ยกตรงตีด่านชานบุรี บาทหลวงไล่ไพร่พลขึ้นบนป้อม ทหารล้อมอยู่ด่านชานกรุงศรี พวกชาวเมืองขึ้นเชิงเทินเนินบุรี แล้วให้ตีกลองศึกเสียงครึกโครม ประจุปืนน้อยใหญ่ใส่ดินหู ข้างพวกหมู่ข้าศึกวิ่งฮึกโหม ยกค่ายตั้งบังปืนเสียงครื้นโครม ชาวเมืองโหมโห่พลันให้ลั่นปืน พวกข้าศึกฮึกหาญถือขวานหมู ฟันประตูด่านหน้าไม่ฝ่าฝืน ชาวเมืองพุ่งแหลนหลาวทั้งง้าวปืน ฝรั่งยืนต่อแย้งแทงด้วยตรี บ้างล้มตายก่ายกองทั้งสองฝ่าย จนสุริย์ฉายแสงกล้าในราศี บาทหลวงเร่งมังคลาอย่าช้าที ให้ขึ้นตีเอาชัยให้ได้การ แกเร่งรัดจัดไพร่ไล่พหล ให้เพิ่มคนศักดาที่กล้าหาญ แล้วแต่งตัวขึ้นม้าอาชาชาญ ศิษย์อาจารย์ท้าวภุเกศขึ้นเขตแดน ยกพหลพลเภตราสิบห้าหมื่น ทหารปืนดาบง้าวทั้งหลาวแหลน เครื่องอาวุธต่างต่างทั้งดั้งแพน ยกมาแน่นเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าพระยารักษาด่าน เห็นทหารคึกคักมานักหนา จึ่งสั่งพวกม้าใช้ให้ไคลคลา ไปพารากราบทูลมูลความ เหลือกำลังครั้งนี้เห็นหนักแน่น นับหมื่นแสนผู้คนมากล้นหลาม ขอกองทัพรีบมาอย่าช้าความ ให้เร่งตามลงมาอย่าช้าที เหลือกำลังวังชาข้าพเจ้า จงโปรดเกล้าอย่างประณตบทศรี แม้นช้านักเมืองด่านชานบุรี จะเสียทีข้าศึกเหมือนตรึกตรอง พวกม้าใช้รีบไปยังนิเวศน์ นำเอาเหตุเข้าประมูลทูลฉลอง พร้อมเสนาข้าเฝ้าทูลละออง ทูลสนองเรื่องราวแก่ท้าวไท ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ ฟังอำมาตย์ทูลสารแล้วขานไข ให้เร่งรัดจัดพลสกลไกร เราจะไปเมืองด่านชานชลา วันนั้นพร้อมเสวกาเจ้าวาโหม ทูลประโลมขอคำนับรับอาสา เชิญพระจอมนครินทร์ปิ่นประชา อยู่พาราอย่าเพ่อเสร็จเสด็จจร ข้าพเจ้าจะไปรับเป็นทัพหน้า แม้นเหลือบ่าจึงจะแจ้งแห่งอักษร มากราบทูลมูลเหตุจึงเสร็จจร สุดสาครกรุงกษัตริย์จึงตรัสพลัน ว่าดูราวาโหมผู้เพื่อนยาก สู้กรำกรากมาในป่าพนาสัณฑ์ เราจะไปรับรบสมทบกัน ได้ผ่อนผันโดยปัญญาได้หารือ พระตรัสสั่งเสนาที่กล้าแข็ง เร่งจัดแจงกองทัพเคยนับถือ เกณฑ์พหลพลศึกเคยฝึกปรือ มีฝีมือเร่งเอาเข้ากระบวน ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นปรางค์มาศที่ประทมภิรมย์สงวน พระนึกถึงความฝันให้รัญจวน โหรคำนวณทายทิศไม่ผิดเลย พระตรัสเรียกเสาวคนธ์วิมลสมร เป็นการร้อนเต็มทีเจ้าพี่เอ๋ย มาเกิดศึกขึ้นนะแม้นละเลย เขาจะเย้ยเราได้ต้องไคลคลา พลางแต่งองค์ทรงเครื่องพิชัยยุทธ์ เหน็บอาวุธพริ้งพรายทั้งซ้ายขวา พระหัตถ์กุมไม้เท้าของเจ้าตา ทรงมาลาหนังหมีล้วนสีดำ ประนมหัตถ์พัทยาเทพารักษ์ สิทธิศักดิ์จงช่วยชุบอุปถัมภ์ ข้าถือสัตย์วัจนังเหมือนยังคำ แล้วบริกรรมคาถามหามนต์ เสด็จออกข้างหน้าเสนากลาด ระดาดาษพร้อมพรั่งทั้งพหล ครั้นฤกษ์ดีคลี่คลายขยายพล เดินเกลื่อนกล่นจากเมืองแน่นเนืองไป ข้างทัพหน้าวาหุโลมประโคมฆ้อง เสียงกึกก้องธรณินแผ่นดินไหว จัตุรงค์โยธาเสนาใน ก็ยกไปตามทางกลางบุรินทร์ ฯ ๏ ป่างพระจอมจักรพงศ์องค์กษัตริย์ ทรงกัณฐัศว์ม้ามังกรอาวรณ์ถวิล ให้คั่งแค้นพวกศัตรูหมู่ไพริน ไม่รู้สิ้นศึกเสือเหลือระอา พลางเร่งทัพขับพหลพลทหาร เกือบถึงด่านพลางก็ตรึกพระปรึกษา แก่เสนาธิบดีผู้ปรีชา เร่งให้ม้าเร็วไวไปก่อนเรา ดูท่าทางกองทัพจะรับสู้ เปิดประตูข้างข้างริมหว่างเขา จะได้ปล่อยพวกพหลพลของเรา ให้รีบเข้าไปข้างหน้ารักษาทาง สุริยงลงลับพยับย่ำ จะใกล้ค่ำสุริยันพอจันทร์สาง ครั้นม้าใช้ไปถึงบ้านที่ย่านกลาง อันหนทางยังอีกกึ่งตะบึงไป พอได้ยินเสียงปืนดังครื้นครั่น พิลึกลั่นโลกาสุธาไหว พลางรีบเร่งตีม้าให้คลาไคล ครั้นเกือบใกล้เขตแคว้นแดนนคร พอม้าใช้ในเมืองวิ่งควบขับ ตีสำทับออกจากด่านชานสิงขร มาปะพวกม้าใช้ในนคร เป็นการร้อนจะเสียด่านชานบุรี แล้วทูลว่าพระองค์ดำรงภพ ให้สมทบคอยพหลพลกรุงศรี แล้วรีบเร่งตีม้าไม่ช้าที จนถึงที่ทัพใหญ่เข้าไปพลัน เข้าทูลองค์พงศ์กษัตริย์ให้จัดทัพ นายด่านรับกับพหลพลขันธ์ เหลือกำลังครั้งนี้ทีสำคัญ พระทรงธรรม์จงแจ้งแห่งเนื้อความ ฯ ๏ ป่างกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงสดับ เร่งให้ขับพวกทหารชาญสนาม ไม่รอรั้งตั้งหน้าพยายาม รีบไปตามม้าใช้ในกลางคืน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช กับครูบาทหลวงขี่ม้าเข้าฝ่าฝืน เร่งพหลพลทหารชำนาญปืน ทั้งสี่หมื่นให้ประสมระดมกัน พาดบันไดไล่คนขึ้นบนป้อม ทหารพร้อมยิงแย้งด้วยแข็งขัน พวกชาวด่านสู้รบหลบไม่ทัน พัลวันวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง เห็นได้ท่วงทีไล่พวกไพร่หนี ฟันประตูกรูกราวเข้าบุรี สั่งให้ตีกลองสัญญาพลากร เมืองด่านแตกแยกย้ายพลัดพรายวุ่น ชุลมุนอุ้มลูกแบกฟูกหมอน บ้างหอบมุ้งรุงรังทั้งที่นอน แม่ลูกอ่อนวิ่งเบียดกระเดียดเปล ทั้งผ้าอ้อมน้อยใหญ่ส่งให้ผัว แล้วแหกรั้ววิ่งนุงออกยุ่งเก๋ พวกป่วยไข้โกโรเดินโซเซ เที่ยวหันเหหอบรวนทั้งครวญคราง ที่เสียตาเมียพาไปแอบรก เอาเสื่อปกซุ่มซ่อนลงนอนขวาง นางเมียหนีไปแต่ตัวเจ้าผัวคราง มันทิ้งขว้างเสียให้ตายวายชีวา พวกฝรั่งยกเข้าตั้งยังเมืองด่าน แล้วคิดการผูกพยนต์มนต์คาถา เอาหญ้าทำรูปคงเป่ามนตรา ให้ถืออาวุธไว้ใช้เหมือนคน ล้อมจนรอบขอบเขตเมืองปากน้ำ ยืนประจำตามตำแหน่งทุกแห่งหน เว้นแต่ไม่พูดจาภาษาคน เที่ยวเวียนวนเดินรอบขอบกำแพง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายทัพลังกาครั้นมาถึง เห็นอื้ออึงล้วนทหารชาญกำแหง ทั้งฟืนไฟในเมืองรุ่งเรืองแดง ก็รู้แจ้งว่าเสียด่านชานชลา ฯ ๏ ป่างพระจอมนัคเรศเกศกษัตริย์ โองการตรัสสั่งพหลพลอาสา ทั้งทัพหน้าทัพหนุนขุนเสนา แต่บรรดาหมื่นขุนทั้งมุลนาย พอรุ่งเช้าเราจะแยกเข้าแหกด่าน จัดทหารไว้ให้ทันจะผันผาย เข้าหักโหมโจมไล่ให้กระจาย คิดอุบายล่อลวงดูท่วงที พระสั่งให้รอราโยธาทัพ อย่านอนหลับในระวางหว่างวีถี ทั้งฟืนไฟจงระงับดับให้ดี อย่าให้มีแสงสว่างกระจ่างตา แต่งผู้คนพลไพร่ไว้ให้พร้อม จะยกอ้อมชิงแดนให้แน่นหนา พอเช้าตรู่กรูกราวเข้าประดา ชิงพาราเอาให้ได้ดั่งใจปอง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมื่อเมืองเสีย ทั้งลูกเมียวิ่งวนเที่ยวขนของ ฝรั่งไล่คลุกคลีหนีลงคลอง ทั้งเงินทองใส่กระบุงพะรุงพะรัง ท่านผู้หญิงห่มมุ้งหิ้วถุงเบี้ย ทั้งผัวเมียสั่นงกดังตกถัง ลงวิ่งฉุยลุยน้ำเหลือกำลัง กลัวฝรั่งมันจะฆ่าปรึกษาเมีย เราขึ้นฝั่งยั้งหยุดแล้วขุดหลุม เอาหญ้าคลุมซ่อนตัวอย่างตั้วเหีย พลางขึ้นฝั่งระวังตัวทั้งผัวเมีย ค่อยแคะเขี่ยขุดหลุมพอหุ้มตัว ลงไปนอนคุดคู้เหมือนหนูพุก ไม่มีสุขอ่อนเปลี้ยทั้งเมียผัว สวดนโมตาแฉะที่แพะกลัว ทั้งเมียผัวบ่นภาวนาไป ฯ ๏ จะกล่าวกลับทัพสุดสาครราช ภาณุมาศรุ่งรางสว่างไข ให้ยกพวกหมู่ทหารอันชาญชัย ทั้งคบไฟโห่ร้องก้องสำเนียง ยิงปืนผาหน้าไม้ทั้งใหญ่น้อย โยธาพลอยโห่ลั่นสนั่นเสียง ทั้งทัพหน้าทัพหลังกองข้างเคียง ระดมเสียงปืนลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงเกณฑ์ไพร่ให้ขึ้นป้อม ทหารพร้อมโยธาทั้งหน้าหลัง ให้ปล่อยปืนครื้นครั่นสนั่นดัง พวกฝรั่งยืนจ้องช่องเสมา หลอมตะกั่วคั่วทรายน้ำมันสาด คนขยาดล้มตายวายสังขาร์ หุ่นพยนต์ยืนแย้งแกว่งสาตรา จะเข่นฆ่ามันไม่ตายวายชีวี ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช กับครูบาทหลวงเปรมเกษมศรี เห็นพหลพลไพร่นั้นได้ที เร่งให้ตีกลองรบสมทบพล เรียกโยธาห้าหมื่นถือปืนผา ยิงประดาพร้อมเสร็จดังเม็ดฝน ทหารไทยเหลือกำลังประทังทน ก็แตกย่นย่อยยับอัปรา ฯ ๏ ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ ให้แค้นขัดเคืองจิตพวกมิจฉา จึงเอื้อนอรรถตรัสสั่งขุนเสนา ให้รั้งราพวกพลสกลไกร จึงปรึกษาวาโหมผู้เรืองฤทธิ์ ท่านจะคิดหักหาญสถานไหน จะรบราฆ่าฟันไม่บรรลัย ราวกับได้พรประสิทธิ์พระอิศรา ฯ ๏ ฝ่ายพระยาวาโหมประโลมสนอง ข้าตรึกตรองเห็นจริตผิดนักหนา แล้วไม่มีสำเนียงเสียงพูดจา พวกที่มาล้อมรอบขอบกำแพง แล้วไม่เห็นกินอยู่ดูจริต ข้าเพ่งพิศนึกอางขนางแหนง เป็นจนใจหลายอย่างให้คลางแคลง มิได้แจ้งเหตุผลเป็นจนมัน ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ ตรัสประภาษเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ จึงปรึกษาขุนพหลคนสำคัญ ว่าตัวท่านเล่าก็ดีมีกำลัง ทั้งวิชาสามารถเป็นชาติเชื้อ เปรียบเหมือนเสือรีบไปเหมือนใจหวัง สะกดทัพจับคนริมวนวัง จงกำบังตัวไปให้ได้การ จับเอาคนล้อมรอบขอบจังหวัด เอาเชือกมัดตัวมาที่หน้าฉาน ท่านรีบไปในเย็นให้เป็นการ อย่านิ่งนานศึกเสือจะเหลือมือ ความที่ว่าสงสัยเร่งไปสอบ เอาความชอบไว้สักครั้งอย่างเราถือ อาสาเราเจ้าแผ่นดินให้สิ้นมือ จงไว้ชื่อเถิดสักครั้งจึ่งบังควร ฯ ๏ ฝ่ายกองหนุนขุนพหลเรียกพลรบ มาสมทบตามระบอบจะสอบสวน ค่อยด้อมมองย่องไปเร่งใคร่ครวญ ดูกระบวนข้าศึกเร่งตรึกตรอง แอบเข้าไปใกล้เคียงฟังเสียงเงียบ ไม่กรอบเกรียบยืนดูอยู่ทั้งสอง แล้วแลเล็งเพ่งพิศผิดทำนอง จึงทำร้องเป็นนกวิหคบิน หุ่นพยนต์นิ่งเฉยไม่เงยแหงน ทำแต่แขนแกว่งกวักคล้ายปักษิณ ก็ถอยทัพกลับมาพ้นธานินทร์ มาถึงถิ่นที่ประทับแล้วกราบทูล ว่าข้าแต่พระองค์ทรงพิภพ เหมือนปรารภแห่งพระปิ่นบดินทร์สูร มิใช่คนจริงจังดังข้าทูล เห็นเค้ามูลมันก็ผิดจริตคน ฯ ๏ ป่างพระปิ่นนคราลังกาทวีป ให้คนรีบเร็วไวไปสิงหล เชิญท่านครูผู้วิเศษข้างเวทมนตร์ ด้วยเป็นคนมาแต่ครั้งรบลังกา เป็นศิษย์พระโลกเชษฐ์พระเวทหนัก ชื่อครูจักราศีดีนักหนา เป็นเชื้อพราหมณ์สยามภูรู้วิชา ได้ตำราของอาจารย์มานานนม เอาม้าใช้ไปรับมาดับร้อน ได้ผันผ่อนเสียเหมือนอย่างป่างประถม พวกม้าใช้ได้ฟังกราบบังคม ก็ควบกลมรีบมายังธานี บอกแก่ท่านจักราว่ารับสั่ง ให้ไปยังกองทัพช่วยขับผี ฝ่ายท่านครูรู้แจ้งแห่งคดี ออกมาที่นอกชานชำนาญมนต์ แล้วยกเมฆตามตำรามหาเวท ก็แจ้งเหตุในมหาโกลาหล รู้วิสัยไตรเพทข้างเวทมนตร์ ผ้าพยนต์เป็นแท้แน่แก่ใจ จึงว่ากับม้าใช้ไปเถิดเจ้า อย่าคอยเราเลยไปแจ้งแถลงไข อันตัวเราเล่าไม่ช้าจะคลาไคล พลางลุกไปที่ในห้องหยิบของดี ใส่เข้าปากเดินกลมดังลมพัด แล้วรีบรัดไปประณตบทศรี ไปถึงก่อนมิ่งม้าพวกพาชี พระภูมีตรัสถามเนื้อความพลัน ว่าดูราอาจารย์ตัวท่านนี้ มาถึงก่อนพาชีดีขยัน ช่วยแก้ไขประจามิตรที่ติดพัน แต่รบกันฆ่าไม่ตายวายชีวา ยกไปตีทีไรก็ย่อยยับ คนตายนับพันหมื่นต้องปืนผา เราสงสัยไม่แจ้งแคลงวิญญาณ์ เชิญท่านมาช่วยกำราบปราบทมิฬ ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูจักราปรีชาเฉลย อย่ารบเลยเหมือนเอาไข่ไปใส่หิน มันฆ่าตายเสียเปล่าเปล่าชาวบุรินทร์ ข้าแจ้งสิ้นมิใช่คนเป็นมนต์มัน นี่แหละเรียกผ้าพยนต์ใช่คนผู้ ใครรบสู้มันก็ฆ่าให้อาสัญ อันมนต์เวทวิทยาสารพัน มันผูกพันฟ่อนหญ้าด้วยอาคม ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงนคเรศ ครั้นทราบเหตุกับที่เป็นก็เห็นสม เชิญท่านแก้วิทยาแลอาคม ที่เตรียมตรมในอุราประชากร ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูจักราปรีชาฉลาด จึงทูลบาทบพิตรอดิศร ขออาสาไทท้าวเจ้านคร คิดผันผ่อนแก้พยนต์ด้วยมนตรา พระดำรัสตรัสว่าอย่าช้านัก คิดหาญหักเปลื้องปลิดพวกมิจฉา อาจารย์เฒ่าได้สดับรับบัญชา จึงออกมาตั้งศาลการพลี แล้วบวรสรวงเทพไทในไตรจักร ที่สำนักในลังกาทุกราศี แล้วแต่งตั้งสารพัดเครื่องบัดพลี เข้านั่งที่อ่านเวทวิเศษมนต์ เป็นพยุพัดมาในอากาศ ทั้งฝนสาดเสียงฟ้าโกลาหล ทะเลใหญ่เป็นระลอกกระฉอกชล สุธาดลไหวหวั่นสนั่นดัง เป็นน้ำนองก้องกึกพิลึกลั่น เสียงสนั่นคลื่นระลอกกระฉอกขัง เป็นธาราสาชลดั่งวนวัง ท่วมกระทั่งค่ายคูประตูเมือง ชอุ่มชอ่ำคล้ำฟ้าเวหาหาว ทั้งเดือนดาวอับสีไม่มีเหลือง ก็มืดมัวทั่วเขตประเทศเมือง ไม่รู้เรื่องเกิดหนาวทั้งหาวนอน พยนต์หญ้าที่รักษาอยู่ชั้นนอก คลื่นกระฉอกลอยกลิ้งไปพิงขอน ที่ในด่านโงกหงับบ้างหลับนอน แผ่นดินดอนหวั่นไหวดังไกวเปล ฯ ๏ บาทหลวงเห็นผิดประหลาดอนาถนัก ไม่ประจักษ์ชวนกันเที่ยวหันเห ทั้งมืดมนอนธกาลเดินซานเซ นึกคะเนเห็นจะมีคนดีมา ทำไมจักรู้แน่ได้แก้ไข จุดฟืนไฟก็ไม่ติดผิดนักหนา แล้วมืดค่ำสุริยนสนธยา จะไปมาก็ไม่เห็นเป็นแต่ลม แล้วมิหนำซ้ำฝนก็ตกหนัก จะหาญหักเอาชัยเห็นไม่สม จำจะคิดถ่ายเทด้วยเล่ห์ลม คงจะสมปรารถนาไม่ช้านาน แต่วันนี้ฝนฟ้าในอากาศ ยังไม่ขาดมืดมัวทั่วสถาน เป็นจนใจไม่รู้แห่งจะแจ้งการ แกคิดอ่านทางอุบายไว้หลายกล ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายจักราพฤฒาเฒ่า จึงก้มเกล้าทูลแถลงแจ้งนุสนธิ์ ให้ทหารคนดีที่ชอบกล ไปลักพยนต์ที่มันล้อมป้อมกำแพง มาดูให้เห็นจริงที่กริ่งจิต ที่มันคิดผูกพันไว้ขันแข็ง กำลังฝนมนต์คาถาพระอย่าแคลง ไม่ต่อแย้งสิ้นเขตสิ้นเวทมนตร์ พระจึ่งตรัสเรียกหาเจ้าวาโหม เมืองวาหุโลมอาสาข้าสักหน ไปเอาหญ้าที่เราเห็นเป็นพยนต์ กำลังมนต์ครูแกแน่ในใจ เจ้าวาโหมโสมนัสจัดปีกหาง บินไปทางอากาศกลาดไสว ถลาลงรับรองด้วยว่องไว พยนต์ไล่ฟาดฟันประจัญบาน แต่ต้องเวทของครูสู้ไม่ได้ ก็บรรลัยล้มวินาศไม่อาจหาญ พวกวาโหมหิ้วมาหน้าพระลาน ทูลพระผ่านนคราเจ้าธานี ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ จึ่งประภาษแก่ทหารชาญชัยศรี จงรีบไปช่วยกันขนโยนนที อย่าอึงมี่ไม่ให้รู้ถึงหูมัน พวกทหารชาญณรงค์เคยยงยุทธ์ ก็รีบรุดพลนิกรค่อยผ่อนผัน กำลังฝนคนณรงค์คงกระพัน ก็ช่วยกันรีบไปมิได้กลัว ด้วยว่าครูผู้วิเศษแจ้งเหตุผล รู้ทุกคนหาหนังขึ้นบังหัว ถึงฝนตกสักเท่าไรก็ไม่กลัว จะมืดมัวสักเท่าไรรีบไปพลัน ถึงหุ่นมนต์โยนทิ้งเสียจนหมด แล้วเดินลดเลี้ยวป่าพนาสัณฑ์ รีบกลับมาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ หมดด้วยกันทูลท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครอาวรณ์หวัง จึงตรัสสั่งโดยในพระทัยถวิล เวลาเช้าเราจะเข้าตีธานินทร์ ให้พร้อมสิ้นแต่บรรดาเสนานาย ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงหาวหนาวใจหาย มิได้แจ้งเหตุผลกลอุบาย แต่นึกหมายว่าคนดีคงมีมา แม้นเช้าตรู่สุริยงก็คงรู้ พิเคราะห์ดูที่ในจิตผิดนักหวา มันหนาวเกินฟ้าฝนพ้นตำรา ทั้งกายาก็เป็นเหน็บเจ็บระบม จะคิดแก้แผลไรไฉนหนอ ก็เป็นข้อจนใจไหนจะสม เพราะเกิดความร้าวรานมานานนม เห็นไม่สมคิดไว้ในใจปอง แกนิ่งนึกตรึกตราขึ้นมาได้ จำจะให้คนเก่าจัดข้าวของ ไปให้ทันจะใคร่รู้ดูทำนอง อันสิ่งของกับหนังสือให้ถือไป พลางเขียนสารเสร็จสมอารมณ์นึก แต่ยังดึกฝนพรำเป็นน้ำไหล ถ้าเช้าตรู่สุริโยอโณทัย จึงจะให้เสนาไปหามัน แกจึ่งสั่งคนใช้ให้จัดหา ทั้งแพรผ้าอย่างยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ อีกพลอยเพชรเม็ดมุกดามีค่าครัน จะกำนัลอ้ายคนร้ายให้ตายใจ แล้วลงนั่งกอดเข่าหนาวสะท้าน เก็บมุ้งม่านผ้าเสื้อห่มเหื่อไหล ตัวยังสั่นเทาเทาหนาวในใจ ราวกับไข้จับทั่วทุกตัวคน ด้วยอำนาจมนต์เวทวิเศษขลัง บาทหลวงนั่งหนาวเย็นทุกเส้นขน ให้เมื่อยเหน็บเจ็บเนื้อเห็นเหลือทน เล่นเอาจนความคิดดั่งพิษงู ยิ่งผิงไฟก็ยิ่งหนาวราวกับยุ เสียงจุจุพิงหมอนจนอ่อนหู จนปัญญาที่จะตรองหาช่องคู พิเคราะห์ดูก็เห็นผิดคิดอาวรณ์ ตั้งแต่ทำกลศึกมาลึกซึ้ง แกรำพึงคับคั่งดังสิงขร มาทับทุ่มในอุราให้อาวรณ์ แต่จะนอนก็ไม่หลับมันคับใจ พวกที่นั่งตั้งกองทุกช่องด่าน หนาวสะท้านพากันบ่นทนไม่ไหว จะไปอยู่สุขเกษมเปรมหัวใจ ก็ยังไม่สมคิดในจิตปอง เพราะอ้ายเฒ่าสังฆราชชาติอังกฤษ มันช่างคิดพาเจ้าให้เศร้าหมอง จนพวกเราหนาวล้นจนขนพอง เห็นจะต้องหนีมันเป็นมั่นคง พลางปรึกษาหารือกันซุบซิบ หนีให้ลิบเข้าในไพรระหง ไปซุกตายเสียข้างหน้าตามป่าดง แต่คิดสงสารเจ้าเมื่อคราวจน แม้นลำพังอ้ายนี่กูมิอยู่ เป็นสิ้นรู้สารพัดจะขัดสน มันพาให้ลำบากแสนยากจน เห็นเหลือทนเต็มประดายิ่งอาวรณ์ ฯ ๏ จะกล่าวข้างลังกาอาณาจักร ก็พร้อมพรักทวยหาญชาญสมร ทั้งทัพหลังทัพหน้าแสนยากร สุริย์จรไขสีรวิวรรณ ประจุสมัยเกือบจะได้เวลาฤกษ์ เอิกเกริกคั่งคับล้วนทัพขัน ทั้งครูจักรราศีชุลีคัล มาพร้อมกันคลายเวทวิเศษมนต์ ห้ามมหาวลาหกที่ตกคล้ำ ให้ขาดน้ำธาราที่ห่าฝน ทั้งเมฆตั้งบังแสงพระสุริยน นภาดลก็สว่างกระจ่างตา ที่หนาวเหน็บเจ็บจุกที่ยุคเข็ญ ค่อยวายเว้นเบาใจไพร่นักหนา บาทหลวงค่อยคลายใจในอุรา เรียกมังคลาสานุศิษย์มาคิดกล การอุบายที่จะให้หนังสือสาร ไปว่าขานตามกระทู้ดูสักหน แล้วจะคิดถ่ายเทด้วยเล่ห์กล ให้มันจนความคิดเหมือนติดกรง เขาย่อมว่าข้าศึกแม้นฮึกหาญ เอาของหวานส่งให้คงใหลหลง ถึงสี่ตีนจริงนะหวาอย่าทะนง คงล้มลงด้วยประสาทจึ่งกวาดครัว แม้นสมคิดจะทำให้สมแค้น จะตอบแทนวงศ์กษัตริย์จับตัดหัว ยกไว้แต่แม่เอ็งต้องเกรงกลัว จะลือชั่วฉาวไปมันไม่ดี นอกกว่านั้นจริงหนะหวาฆ่าให้หมด พวกขบถเอาให้ยับเหมือนสับสี จะไว้มันทำไมพวกไพรี ให้สมที่เคืองแค้นแน่นอุรา แล้วเรียกคนใช้ชิดมาคิดอ่าน เอ็งเอาสารนี้ออกไปไวไวหวา กับเครื่องใช้อย่างดีมีราคา ให้เสนาที่ประจำมันนำไป ให้แก่เจ้านคราลังกาทวีป แล้วเอ็งรีบกลับมาด่านดั่งขานไข แม้นมันจะว่าขานประการใด เอ็งอย่าได้พูดจาเหมือนวาจัง ทำไม่รู้ดูแต่คนพลไพร่ จะมาไปตรึกตราทั้งหน้าหลัง แม้นไปถึงพวกศัตรูดูระวัง อย่าให้พลั้งพลาดไปแก่ไพรี พวกม้าใช้ได้สารกับสิ่งของ โดยทำนองหมายมุ่งไปกรุงศรี ออกประตูรีบมาไม่ช้าที เห็นอึงมี่ผู้คนขนสาตรา ทั้งอาวุธน้อยใหญ่นายทหาร มาประมาณสิบหมื่นพร้อมปืนผา ต่างนั่งอยู่เกลื่อนกลาดดาษดา รีบเข้ามาโดยทำนองแล้วร้องไป ว่าดูราพวกพหลพลทหาร เราถือสารมาจะแจ้งแถลงไข กับสิ่งของเครื่องคำนับมารับไป ถวายไทเจ้าจังหวัดปัถพิน ฝ่ายทหารจึ่งว่ากับม้าใช้ เราจะไปบอกขุนนางอย่างถวิล ให้กราบทูลมูลความตามระบิล เจ้าแผ่นดินโปรดมาจะพาจร แล้วรีบไปแจ้งคดีขุนนางใหญ่ เข้าทูลไทบพิตรอดิศร ว่าฝรั่งถือสารการนคร จะเย็นร้อนราชการสถานใด ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงอาณาเขต ครั้นทราบเหตุให้พะวงคิดสงสัย จึ่งตรัสกับพวกมหาเสนาใน จงเร่งไปรับมันมาอย่าช้าที เราก็รู้มารยาแห่งข้าศึก แต่ตรองตรึกที่ในการแห่งสารศรี ครั้นมิรับมันเข้ามาจะฆ่าตี ก็เป็นที่น่าชังไม่บังควร แล้วจะให้รู้แจ้งที่แห่งเหตุ โดยสังเกตข้อไรได้ไต่สวน ฟังคารมมันดูรู้กระบวน การที่ควรจะได้ทำเป็นตำรา ฯ ๏ ขุนนางรับกลับมาถึงม้าใช้ รับเข้าไปทูลแถลงแห่งเลขา พระสั่งให้พวกฝรั่งในลังกา เอาสาราอ่านถวายเป็นใจความ ฯ ๏ ว่าหนังสือมังคลานราราช เป็นหน่อนาถปิ่นลังกาภาษาสยาม ด้วยรบกันมั่นหมายเสียดายนาม ทำสงครามกันมานานชิงบ้านเมือง ไม่พอที่พวกอาณาประชาราษฎร์ มาวินาศรบสู้อ่อนหูเหือง เพราะช่วงชิงถิ่นฐานเขตบ้านเมือง จนขุ่นเคืองเพราะข่มเหงไม่เกรงใจ อันลังกาตาลุงบำรุงราษฎร์ จนถึงมาตุรงค์แจ้งแถลงไข เพราะบิดามาดำรงเป็นวงศ์ไทย เธอก็ไปบรรชิตใช่กิจการ ทวีปวังลังกาอาณาเขต ถิ่นประเทศควรจะได้ในลูกหลาน สืบตระกูลเผ่าพงศ์ตามวงศ์วาน จึ่งควรการโดยเล่ห์ประเพณี นี่จะมาครอบครองเอาของเขา ไม่อายเราผู้เป็นน้องให้หมองศรี ริบเอาตามปรารถนาไล่ราวี เก็บธานีเป็นของตัวทั้งผัวเมีย มิใช่พี่ร่วมท้องน้องในไส้ ดีแก่ใจไว้ตัวอย่างตั้วเหีย ให้เจ้าของพลัดพรากจากลูกเมีย ทำให้เสียวงศ์ญาติขาดตระกูล เป็นผู้ใหญ่ในเชื้อนับเนื้อไข ไม่อายใจตัดญาติให้ขาดสูญ นี่เยี่ยงอย่างปางใดในตระกูล อันเค้ามูลแต่บุราณสถานใด จงชี้แจงมาให้แจ้งที่อย่างเยี่ยง จะได้เลี่ยงหลีกไปหาที่อาศัย หรือเวียงวังลังกามาแต่ไร เป็นของไทยตั้งอยู่แต่บูราณ แม้นมิยอมให้เราผู้เจ้าของ ก็จะต้องรบราเหมือนว่าขาน กว่าชีวาข้าจะตายทำลายลาญ พอจบสารพระก็สั่งให้รั้งรอ อย่าเพ่อยกไพร่พหลพลทหาร จะตอบสารที่มันว่านักหนาหนอ เป็นผู้ใหญ่เหมือนหนึ่งก้างมาขวางคอ ต้องรีรอไว้ให้สิ้นการนินทา พระจึ่งสั่งพวกเสมียนให้เขียนตอบ โดยระบอบการกิจพวกมิจฉา พอเสร็จสรรพพับผนิดแล้วปิดตรา สั่งให้ม้าใช้รับรีบกลับไป ฯ ๏ จะกล่าวถึงหน่อนาถกับบาทหลวง ค่อยหายง่วงที่ในจิตคิดสงสัย จึ่งชวนพระมังคลาให้คลาไคล เดินขึ้นไปบนเชิงเทินเนินกำแพง เที่ยวตรวจตราผ้าพยนต์ก็หายหมด แสนสลดนึกอางขนางแหนง ประหลาดจิตผิดอย่างให้คลางแคลง มิได้แจ้งเหตุผลจนปัญญา อันคนดีในชมพูมิรู้สิ้น ประเทศถิ่นอยู่ที่ไหนอย่างไรหวา มันชักนำเอามาไว้ในลังกา แกคิดมาเสียใจกระไรเลย ลงกอดเข่าเศร้าจิตคิดวิตก ระกำอกเต็มประดานิจจาเอ๋ย พอม้าใช้กลับหลังมายังเคย เอาสารเลยส่งให้ดั่งใจจง ฯ ๏ แกคลี่อ่านสารองค์พงศ์กษัตริย์ เจ้าจังหวัดในตระกูลประยูรหงส์ สุดสาครจอมเจิมเฉลิมวงศ์ ซึ่งดำรงนครังเกาะลังกา มิใช่เราแย่งชิงเอาสิงหล หรือลักปล้นอาจอิทธิ์ริษยา เมื่อแรกเริ่มเดิมเจ้ายังเยาว์มา อันลังกาก็เป็นสิทธิ์อิศโร ก็ไม่ตั้งอยู่ในสัตย์สุจริต มาก่อกิจการชั่วยั่วโทโส แล้วมิหนำทำการพาลพาโล จนใหญ่โตน้ำเนื้อก็เหลือทน ทั้งเผ่าพงศ์วงศาคณาญาติ ต้องนิราศว้าเหว่ระเหระหน ทวีปวังลังกาประชาชน ก็ยับย่นเต็มประดาทั้งธานี พระมาตุรงค์ปลงการประทานให้ เราจึ่งได้อยู่บำรุงซึ่งกรุงศรี มิใช่อยากว่าขานการบุรี พระชนนีโปรดเกล้าให้เราครอง เมื่ออยากได้ไปเฝ้าเล่าแถลง ประจักษ์แจ้งแล้วประมูลทูลฉลอง อันโภไคยไอศูรย์ยังมูลมอง เราไม่ต้องการดอกจะบอกความ อันกรุงไกรรัตนาของย่าปู่ ก็มีอยู่นคราภาษาสยาม มิใช่เด็กอมมือจะรื้อความ จะตะกลามอยากได้ปองครองบุรินทร์ ไปทูลบาทมาตุรงค์อนงค์นาฏ เธออนุญาตเหมือนอย่างจิตคิดถวิล เชิญมาครองนคราในธานินทร์ จะได้สิ้นรบพุ่งที่รุงรัง แม้นจะทำอย่างนี้ที่จะได้ สมดั่งใจทุจริตอย่างคิดหวัง เราก็ชายถ้าแม้นวายชีวาวัง ญาติก็ยังมีอยู่หลายผู้คน ท่านทั้งปวงล่วงไปเสียหมดสิ้น นั่นแหละถิ่นแว่นแคว้นแดนสิงหล จึงจะได้สมคิดดั่งจิตตน ที่จะปล้นเอาอย่างนี้เรามิกลัว อย่าถือใจว่าจะได้เมืองปากน้ำ ที่ข้อคำพรรณนาก็น่าหัว อย่าได้นึกตรึกตรองว่าของตัว จะดีชั่วหนหลังเป็นอย่างไร ฯ ๏ ครั้นจบสารแกยิ่งแค้นแสนพิโรธ ใครนับโคตรนับวงศ์ที่ตรงไหน ถึงมังคลาร่วมพ่อต่อกันไป กูมิให้นับญาติเป็นขาดวงศ์ หรือออเจ้ามังคลาสานุศิษย์ จะใคร่คิดใยเยื่อในเชื้อหงส์ แต่ตัวกูสู้ตายวายชีวง ไม่ขอตรงต่อมันดั่งสัญญา กับอ้ายพวกชั่วช้าประจามิตร มันมาคิดล้างญาติศาสนา จนเสื่อมสิ้นเชื้อฝรั่งทั้งลังกา ศาสนาพระยะโฮลงโซเซ เพราะแม่มึงเป็นสะพานเหมือนร้านผัก ให้แฟงฟักขึ้นประสมไว้ถมเถ เป็นพืชพันธุ์ปะปนคนเสเพล มันเกเรเสียแผลเพราะแม่มึง เจ้าตัณหาราคาเพราะหน้าด้าน เอาแต่การโกโรโมโหหึง ไปเอาผัวของเขามาเคล้าคลึง จนท้องปึ่งป่องหยอดเพราะทอดโกลน มันทำศึกยังไม่วายกลายเป็นผัว แม่มึงชั่วเหมือนเช่นเขาเล่นโขน จนเกิดมึงมาทุกวันพรรค์อ้ายโจร ต้องวิ่งโชนบุกป่าจนตาลาย กูคิดถึงความหลังแล้วคั่งแค้น จะตอบแทนเสียให้สมอารมณ์หมาย แต่ตกไร้ได้ยากลำบากกาย แทบจะวายชีวังเสียกลางชล บาทหลวงแค้นแหงนชะแง้จะแก้เผ็ด แกพูดเสร็จมิได้ยั้งสั่งพหล จัตุรงค์เสนาพลาพล ให้เร่งขนอาวุธยุทธนา ทั้งปืนใหญ่ในกำปั่นสักพันกระบอก ปืนปลายหอกนับแสนมาแน่นหนา ทั้งเสน่าหลาวโล่โตมรา เครื่องสาตราต่างต่างล้วนอย่างดี แล้วผูกหุ่นนับหมื่นยืนไสว อยู่ที่ในเมืองด่านชานวิถี แล้วปลุกเสกหุ่นมนต์พยนต์ดี ได้ท่วงทีจะได้รบสมทบกัน สั่งปลัดหัสเกนที่เจนจบ ให้สมทบกำกับเป็นทัพขัน ให้ยกจากปากน้ำที่สำคัญ พลางโห่ลั่นพร้อมทั่วทุกตัวคน ยิงปืนใหญ่ได้ฤกษ์ตีกลองศึก เสียงครั่นครึกโยธาโกลาหล อเนกแน่นแสนยาพลาพล ออกเกลื่อนกล่นยกออกนอกกำแพง ฯ ๏ จะกล่าวกลับทัพลังกาอาณาเขต ครั้นแจ้งเหตุศึกมานั้นกล้าแข็ง กระบวนบกยกมาตั้งอยู่กลางแปลง ดูเรี่ยวแรงเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงอาณาจักร คิดจะหักหาญศึกพลางปรึกษา กับท่านครูสามิภักดิ์จักรา กับเสนาเคยประจญรณรงค์ เราจะคิดรบรับทัพครั้งนี้ โดยวิธีให้กระจุยเป็นผุยผง เห็นจะได้หรือมิได้ดั่งใจจง การณรงค์กล้าแข็งแรงกำลัง แม้นเสียทีมันคงตีกระทั่งเขต จะเกิดเหตุวุ่นวายเมื่อภายหลัง เขาย่อมว่าศึกเสือเหลือกำลัง หรือจะตั้งมั่นไว้ดั่งใจปอง พวกเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร ปรึกษาการแล้วประมูลทูลฉลอง ครั้นจะตั้งมั่นไว้ดั่งใจปอง ดูทำนองเห็นจะบุกเข้าคลุกคลี ข้าพเจ้าเสนาอันสามารถ ขอรองบาทบงกชบทศรี จะอาสารบสู้ดูไพรี ออกต่อตีดูกำลังเหมือนอย่างทูล ฯ ๏ ฝ่ายครูเฒ่าจักราปรีชาฉลาด บังคมบาทธิบดินทร์ปิ่นไอศูรย์ ขอตั้งรับทัพขันดั่งฉันทูล อันเค้ามูลเขาชำนาญในการมนต์ ขอแต่หญ้ามาทำเป็นคนไว้ เอาดินใส่ตามระหว่างกลางถนน แล้วตั้งค่ายปิดทางไว้กลางพล จึ่งให้คนออกรบสมทบกัน แล้วทำแตกพวกเราถอยเข้าค่าย มันไล่รายลุกรับเป็นทัพขัน เราจัดพวกจัตุรงค์คงกระพัน ล่อให้มันลุยไล่พวกไพร่พล แล้วจึ่งออกจากค่ายหนีไปซุ่ม ให้มันรุมกันแย่งทุกแห่งหน กำบังกายร่ายเวทวิเศษมนต์ ขังอ้ายพลหุ่นไว้เอาไฟโยน เผาให้สิ้นแต่บรรดาโยธาหุ่น เอาให้วุ่นเหมือนอย่างเช่นเขาเล่นโขน จึ่งแต่งพวกคอยรับเป็นทัพโจร เข้าเผ่นโผนตัดหลังอย่ารั้งรอ ฯ ๏ พระทรงฟังสังรเสริญท่านครูเฒ่า คิดปัดเป่าด้วยปัญญานักหนาหนอ พระสั่งพวกกองหลังอย่ารั้งรอ จงจำข้อคำไว้เร่งไปทำ เหมือนครูคิดกลศึกที่ลึกลับ ตามบังคับกลล่อที่ข้อขำ อย่าพรายแพร่งแจ้งจิตจงคิดทำ ให้เหมือนคำท่านแถลงแห่งอุบาย ฯ ๏ เสนารับบังคมประนมสนอง มาแต่งกองทัพปล้นเร่งขวนขวาย คิดจัดแจงแต่พหลกลอุบาย ทั้งไพร่นายคอยรับเป็นทัพแซง พลทมิฬกินปักษาทัพวาโหม เป็นกองโจมพร้อมกันด้วยขันแข็ง ที่ตั้งค่ายไว้ถ้วนกระบวนแซง รีบจัดแจงพร้อมเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ ป่างพระองค์ทรงโลกเฉลิมภพ ทรงสินธพตรวจพหลพลทหาร พอฤกษ์ดีโหราพฤฒาจารย์ ก็โอมอ่านไสยเวทวิเศษมนต์ ตีฆ้องชัยได้ฤกษ์ให้ยกทัพ ออกคั่งคับแน่นหนาโกลาหล ทั้งเสียงแตรเสียงสังข์ประดังพล คอยประจญข้าศึกตั้งตรึกตรอง ฯ ๏ ข้างฝ่ายทัพมังคลานราราช กับครูบาทหลวงสมอารมณ์สนอง คิดจะหักหาญศึกเหมือนตรึกตรอง เห็นพวกกองทัพลังกายกมาพลัน จึงแต่งคนพลไพร่ให้ไปนัด หวังจะตัดศึกรับเป็นทัพขัน แต่งพหลพลรบไว้ครบครัน ไฟน้ำมันสำหรับมือถือทุกคน ฯ ๏ บาทหลวงเดินขัดกระบี่ที่แม่ทัพ ตรวจกำกับพลไพร่ไล่พหล พวกกองหน้าแต่บรรดาหุ่นพยนต์ ทั้งคงทนแทงฟันไม่บรรลัย ยืนสะพรั่งตั้งท่าสัประยุทธ์ ศัสตราวุธกุมอยู่ดูไสว พวกทหารยืนเรียงเคียงกันไป เอาธงชัยปักประจำเป็นสำคัญ พวกม้าใช้ไปแจ้งขุนนางใหญ่ นัดให้ไปต่อสู้เป็นคู่ขัน ข้างใครดีมีศักดามาประจัญ รบให้ทันเวลาเรามาคอย ฯ ๏ ป่างพระปิ่นนคราลังกาทวีป ให้เร่งรีบพลไกรที่ใช้สอย กระบวนทัพคับคั่งระวังคอย ทั้งใหญ่น้อยกองหนุนพวกขุนพล พอฤกษ์ดียกออกมานอกค่าย ทั้งไพร่นายแน่นหนาโกลาหล พร้อมสะพรั่งเอิกเกริกได้ฤกษ์บน พวกขุนพลโบกธงตรงออกไป ปักลงที่ครุฑนามตามตำรับ ครั้นเสร็จสรรพ์พร้อมเพรียงเรียงไสว พวกทัพหน้าครั่นครื้นยิงปืนไฟ ตรงเข้าไปถึงกันประจัญบาน ฯ ๏ บาทหลวงตีกลองรบสมทบทัพ ตอนเข้ารับแต่บรรดาโยธาหาญ ปล่อยปืนใหญ่ตึงตังก้องกังวาน เสียงสะท้านเลื่อนลั่นสนั่นดัง หุ่นพยนต์พลรบออกเกลื่อนกลาด ประดังดาษดาทั้งหน้าหลัง แกว่งอาวุธยุทธนาดาประดัง แลสะพรั่งฆ่าฟันไม่บรรลัย ยิงหนุนเนื่องแน่นหนามาอเนก ราวกับเมฆนับหมื่นยืนไสว เข้ารบรุกบุกบันสนั่นไป คนบรรลัยลงด้วยกันสักพันคน ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์อิทธิเวท ครั้นรู้เหตุสั่งทั่วตัวพหล ให้ถอยหลังเข้าค่ายมิใช่คน เป็นหุ่นมนต์มันทำด้วยกำลัง แล้วตีกลองสัญญาให้ล่าทัพ พลางถอยกลับเข้าค่ายดั่งใจหวัง บาทหลวงเห็นได้ทีตีประดัง จนกระทั่งค่ายใหญ่พลางไล่คน ให้หนุนหลังคั่งคับมานับแสน ปืนหามแล่นยิงประดาดั่งห่าฝน พวกลังกาเสียรอยคิดถอยพล พวกถนนหลังค่ายทั้งไพร่นาย ทำเพลี่ยงท่าเสียทีถอยหนีร่น พวกหุ่นมนต์คนต้อนเข้าแหกค่าย พังประตูกรูเข้าสะดวกดาย ยึดเอาค่ายพลนิกรไม่รอนราญ เครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ที่สรรไว้ ชิงเอาได้พร้อมพหลพลทหาร ไม่รู้กลท่านครูผู้ชำนาญ แกเห็นการที่จะได้ไล่กระพือ ฯ ๏ บาทหลวงแกดีใจดั่งได้เหาะ กูคิดเหมาะเอาได้มิใช่หรือ คราวนี้เห็นสิงหลไม่พ้นมือ เอาให้ลือสังฆราชดั่งถาดทอง ถึงจะตกจมดินแม้นสิ้นเคราะห์ คงจะเหาะได้อย่างเก่าไม่เศร้าหมอง อันวิสัยคนฉลาดเหมือนชาติทอง คงตรึกตรองแก้ตัวไม่กลัวใคร ปัญญากูดูเถิดหวาสานุศิษย์ คงจะคิดผันแปรคิดแก้ไข เอาให้สมปรารถนาทั้งข้าไท คิดเอาชัยให้ชนะจึ่งจะควร ครั้นเข้าค่ายได้สมอารมณ์คิด ปรึกษาศิษย์ปรีดิ์เปรมเกษมสรวล คงเห็นหลังข้าศึกอย่านึกครวญ แกสำรวลเริงรื่นชื่นกมล ฯ ๏ จะกล่าวทัพลังกาทีล่าถอย พอล่าคล้อยตะวันดับลับเวหน จึงจัดแจงตรวจดูทั้งผู้คน จะประจญเผาค่ายในกลางคืน จึงวางคนพลรบสมทบทัพ จะคอยรับกองแซงล้วนแข็งขืน ไปซุ่มซ่อนนอนระวังถือดั้งปืน ล้วนแต่พื้นพวกณรงค์คงกระพัน ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงมังคลานราราช ให้ประกาศพวกพหลพลขันธ์ เอาปืนใหญ่จุกช่องคอยป้องกัน ให้ตรวจกันนั่งยามทั้งตามไฟ เอาหุ่นมนต์พลขันธ์ไว้ชั้นนอก ถือดาบหอกทวนง้าวหลาวไสว แต่พวกคนพลขันธ์ไว้ชั้นใน ทั้งนายไพร่แม้นใครขาดราชการ จะเอาโทษถึงตายวายชีวิต อาญาสิทธิ์รู้ทั่วตัวทหาร แกสั่งเสร็จทุกตำแหน่งให้แจ้งการ ใครเกียจคร้านฆ่าให้วายชีวง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายทหารที่ซุ่มซ่อน ไม่หลับนอนสมจิตคิดประสงค์ พอเที่ยงคืนเดินด้อมด้วยอ้อมวง จัตุรงค์พร้อมกันดั่งสัญญา เอาไฟจุดดินดำกำมะกัน เข้าพร้อมกันในกลางคืนยิงปืนผา โห่สนั่นสั่นฆ้องกลองสัญญา ยิงประดาปืนตับสำหรับเรือ พุ่งแหลนหลาวง้าวทวนกระบวนหน้า ดาษดาเชี่ยวชาญทหารเสือ พวกฝรั่งในค่ายตายเป็นเบือ บ้างเอาเชื้อไฟชุดจุดแล้วโยน ถูกดินดำทำไว้ไฟก็ลุก ดูสนุกราวกับเช่นเขาเล่นโขน หุ่นพยนต์มนต์ไหม้เป็นไฟโชน บาทหลวงโจนจากที่ให้ตีกลอง ฉุดเอามือมังคลาสานุศิษย์ เป็นไฟติดเรียกคนให้ขนของ เครื่องอาวุธสาตราบรรดากอง แล้วก็ร้องให้ล่าออกมาพลัน ทัพลังกากล้าหาญในการรบ เร่งสมทบพวกพหลพลขันธ์ พุ่งอาวุธแหลนหลาวทั้งเกาทัณฑ์ บ้างแทงฟันฝรั่งตายลงหลายคน ฯ ๏ บาทหลวงงกตกใจวิ่งไปก่อน ด้วยไฟร้อนแรงรุ่มทุกขุมขน แต่มังคลาล่าไปกับไพร่พล พวกหุ่นมนต์ไหม้ยับทั้งทัพชัย พลางเร่งพวกโยธาที่ล่าทัพ เดินคั่งคับเรียกกันเสียงหวั่นไหว ให้เร่งรีบพวกพหลสกลไกร กองทัพไทยไล่บุกเข้าคลุกคลี พวกที่ซุ่มรุมโรมออกโจมจับ เข้ารบรับตัดทางกลางวิถี ระดมยิงปืนพลันด้วยทันที บ้างต่อตีฟันฟาดดาษดา ฯ ๏ บาทหลวงวิ่งเซ่อซ่าทิ้งผ้าเสื้อ ไม่หลอเหลือแทบชีวังจะสังขาร์ พอพบปะองค์พระมังคลา แกพูดจาหอบรวนทั้งครวญคราง ครั้นเข้าได้ในด่านชานสมุทร พากันหยุดราวกับเนื้อหนีเสือสาง บ้างป่วยเจ็บรุ่มร้อนลงนอนคราง หนาวน้ำค้างค่อยสบายคลายอารมณ์ ฯ ๏ บาทหลวงว่าครั้งนี้เสียทีแท้ จะคิดแก้จริงหนาวะค่อยสะสม กูเสียรู้ก็เพราะจิตคิดนิยม ไม่ล่มจมดอกอย่ากลัวช่างหัวมัน ขอเดชะพระเยซูผู้ประสิทธิ์ ให้เรืองฤทธิ์เรืองปัญญาวิชาขยัน จะได้ยกศาสนาให้สามัญ ช่วยป้องกันข้าศึกเหมือนตรึกตรา แล้วหยิบเอาแผนที่มาคลี่อ่าน ดูถิ่นฐานจารึกนั่งปรึกษา อันแว่นแคว้นแดนดินถิ่นลังกา ให้มังคลาดูด้วยช่วยกันตรอง ฯ ๏ จะกล่าวถึงเทวสินธุ์นรินทร์ราช สถิตอาสน์ร้อนรนให้หม่นหมอง พอม่อยหลับกลับนิมิตผิดทำนอง พระตรึกตรองความฝันให้รัญจวน พอพลิกฟื้นตื่นประทมให้ตรมจิต คะนึงคิดเศร้าในฤทัยหวน ถึงบิตุรงค์ทรงชัยให้รัญจวน พลางกำสรวลโศกศัลย์พันทวี พระออกนั่งยังท้องพระโรงรัตน์ โองการตรัสกับเสนาบดีศรี แล้วเรียกพวกโหราบรรดามี มาพร้อมที่พระที่นั่งบัลลังก์ทอง เมื่อคืนนี้เรานิมิตผิดประหลาด ว่าปรางค์มาศแก้วเก้าดูเศร้าหมอง แล้วเป็นไฟไหม้เมืองลุกเรืองรอง ที่ในท้องสนามกลางตามทางจร พอพลิกฟื้นตื่นจากที่ไสยาสน์ ผิดประหลาดหลากจิตดังพิษศร เราขอเชิญโหราพยากรณ์ จะทุกข์ร้อนเคืองเข็ญเป็นอย่างไร โหรคำนับรับสั่งตั้งดิถี พระเคราะห์ปีราหูเข้าอยู่ไส้ อังคารเล็งลัคนาชะตาใคร ตกที่ในบาปเคราะห์จำเพาะเป็น มักต้องจากถิ่นฐานรำคาญจิต ขี้มักติดรบรุกถึงยุคเข็ญ ช่วงต้นร้ายปลายดูว่าอยู่เย็น คงจะเป็นสุขสบายเมื่อปลายมือ ฯ ๏ พระทรงฟังตั้งคิดถึงบิตุเรศ ไม่แจ้งเหตุนอนนั่งฟังหนังสือ ไม่ได้ข่าวราวเรื่องคนเลื่องลือ คอยหนังสือบอกก็หายไปหลายปี จึงตรัสสั่งเสวกาพฤฒามาตย์ ไปเชิญราชอนุชาเมืองกาหวี ทั้งสององค์ขัตติยามาธานี ไปเดี๋ยวนี้ตามสั่งดังบัญชา ฯ ๏ เสนารับรีบเดินไปเชิญเสด็จ ทั้งสองเสร็จมาพลันด้วยหรรษา ประณตนอบหมอบกรานคลานเข้ามา พระเชษฐาเทวสินธุ์นรินทร จงว่าพี่นี้นิมิตผิดประหลาด ทุกข์ถึงบาทบิตุรงค์พระทรงศร จำจะไปตามติดพระบิดร พ่อจะจรไปด้วยกันหรือฉันใด หรือจะอยู่พาราอาณาเขต ก็ตามเจตนาตรองให้ผ่องใส ไม่บังคับบัญชาให้คลาไคล ตามแต่ใจอนุชาสองธานี ฯ ๏ ฝ่ายองค์เทพจินดาอุปราช กับน้องนาถราเมศวิเศษศรี จึ่งสนองบัญชาไม่ช้าที พระภูมีไปไหนขอไปตาม ถึงยากเย็นเป็นตายวายชีวาตม์ ขอรองบาทโดยเสด็จไม่เข็ดขาม ได้ตามติดพระบิดาพยายาม ไม่กลัวความเหนื่อยยากลำบากกาย ฯ ๏ ป่างพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์ราช สั่งอำมาตย์เร็วพลันจะผันผาย เร่งจัดแจงแต่งพหลพลนิกาย จงบาดหมายกำปั่นสักพันลำ ที่นั่งทรงหงส์เหราเภตราใหญ่ ให้เปลี่ยนใบชาดทาเลขาขำ ทั้งรอกกว้านต่างต่างเกณฑ์ช่างทำ คนประจำเกณฑ์ชวามลายู ทั้งต้นหนนายท้ายจัดให้เสร็จ แต่ในเจ็ดวันตราหาปลาหมู เครื่องเสบียงเลี้ยงพลพหลกู เร่งไปดูอย่าให้ขาดราชการ ขุนเสนีผู้รับสั่งมาร่างหมาย ให้ทนายบอกทั่วตัวทหาร แจ้งรับสั่งจอมกษัตริย์เร่งจัดการ เรียกเอาบาญชีค้นที่คนไป เป็นคนหมื่นห้าพันล้วนสันทัด ให้เร่งจัดกำปั่นทำหวั่นไหว บ้างจัดแจงรอกเสาเปลี่ยนเพลาใบ ให้ทันในเจ็ดวันตามสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมเทวสินธุ์ปิ่นพิภพ กำหนดครบเจ็ดวันก็หรรษา ชวนพระน้องสองกษัตริย์ขัตติยา ทรงมาลาอย่างเทศวิเศษงาม ปักขนนกการเวกเอกสะอาด ทรงเสื้อตาดอย่างฝรั่งหมดทั้งสาม เหน็บพระแสงตรีเพชรเสด็จตาม กันทั้งสามเสด็จตามมาลงเรือ ทหารพร้อมน้อมประนมบังคมบาท พวกอำมาตย์แห่หามมาหลามเหลือ ตั้งกระบวนทวนธงมาลงเรือ ต้นหนเชื้อมลายูรู้ชำนาญ ฯ ๏ พอฤกษ์ดีตีฆ้องกลองฝรั่ง ทั้งแตรสังข์จำเรียงเสียงประสาน โห่สนั่นลั่นดังก้องกังวาน พวกทหารปล่อยปืนเสียงครื้นโครม พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก เรือก็ออกแล่นลึกเสียงฮึกโหม แล่นไปทางกลางคลื่นครึกครื้นโครม พระทุกข์โทมนัสมาในสาคร ไม่แจ้งว่าผู้คนอยู่หนไหน ก็แล่นไปตามทางหว่างสิงขร ในมหาสาคโรชโลธร ยิ่งอาวรณ์มิได้วายคลายคะนึง แต่โหราว่าให้ไปทิศอิสาน แม้นปะบ้านเมืองใดไปให้ถึง แวะเข้าถามตามซื่ออย่าอื้ออึง กว่าจะถึงภูวไนยรีบไคลคลา พระแข็งขืนฝืนพระทัยชวนให้น้อง ชมในท้องชลธีมีมัจฉา พอคลายเศร้าเบาพระทัยในอุรา ดูฝูงปลาในน้ำพลางรำพัน ทั้งโลมาราหูหมู่ฉลาม ขึ้นว่ายตามชลธีดีขยัน ฝูงฉนากปากประหลาดไล่ฟาดฟัน ม้นดุดันยิ่งกว่าปลาทั้งปวง ปะอะไรไล่ฟาดขาดเป็นชิ้น แล้วก็กินเป็นเหยื่อเพราะเหลือหวง ฝูงพิมพาพาพวกปลาทั้งปวง เที่ยวว่ายล่วงลอยไปในสายชล ฝูงราหูคู่เคียงขึ้นเรียงคู่ เป็นหมู่หมู่ว่ายเสือกเสลือกสลน ฝูงทุกังมังกงว่ายวงวน บ้างผุดพ่นฟองฟูหมู่ปลาวาฬ ตะเพียนทองท่องท้องชลาสินธุ์ ฝูงนาคินทร์หางฟาดฉะฉาดฉาน จระเข้เหรากุมภาพาล คชสารว่ายสล้างหางเป็นปลา เหล่าเงือกงูฟูฟ่องในท้องสมุทร บ้างดำผุดว่ายแหวกเที่ยวแถกถา กำเนิดสัตว์ต่างต่างกลางคงคา จะพรรณนาไม่รู้หมดเหลือจดจำ สุริยงลงลับพยับฝน ให้มัวมนลมหวนจวนจะค่ำ สลาตันครั่นครื้นเป็นคลื่นดำ ซัดเอาลำเรือโยนเสาโอนเอน ที่นั่งทรงองค์กษัตริย์ก็ปัดปั่น ต่างเหหันลมแดงดั่งแสงเสน พวกต้นหนคนสันทัดทั้งจัดเจน เร่งกะเกณฑ์ลดเบาทั้งเพลาใบ ทอดสมอรอเรียงเคียงขนาน คลื่นสะท้านป่วนปั่นสนั่นไหว ระลอกปัดผัดโผนเรือโยนไป น้ำเข้าในดาดฟ้าดูน่ากลัว ประเดี๋ยวดังอย่างเสียงสุนีบาต โกญจนาทในชลาฟ้าสลัว คนทั้งลำเภตราพากันกลัว เล่นเอาตัวแข็งไปทั้งไพร่นาย ประเดี๋ยวหนึ่งคนใช้ในกำปั่น ยืนตัวสั่นหรับหรับล้มหงับหงาย บ้างเข้าแก้ชุลมุนออกวุ่นวาย ทั้งไพร่นายนั่งล้อมอยู่พร้อมเพรียง อ้ายคนใช้ลุกขึ้นนั่งยังเก้าอี้ แล้วนั่งชี้นิ้วประกาศตวาดเสียง พวกเหล่านี้จะไปไหนมาใกล้เคียง ไม่หลีกเลี่ยงถิ่นกูผู้ประจำ สาคเรศเขตแคว้นแดนสมุทร แล้วไม่หยุดพาทีแล้วมิหนำ กูนี้คือเทวดามาประจำ รักษาลำสาคโรชโลธร แล้วหลับตาว่าเองไม่เกรงขาม กูนี้นามชื่อมหิงขสิงขร รักษาอ่าววารีสีทันดร ด่านขนอนแถวทอดตลอดมา จนถึงนี่ที่อยู่กูทั้งนั้น เวสสุวัณให้พิทักษ์อยู่รักษา เองประมาทอาจองแล้วตรงมา ไม่บูชาบวงสรวงทำล่วงเกิน จึงทำให้กำปั่นมึงหันเห จะทุ่มเทให้มึงตกระหกกระเหิน แล้วจะเอาหินทับให้ยับเยิน ถมให้เกินเรือมึงให้ถึงจม ฯ ๏ ป่างพระจอมเทวสินธุ์นรินทร์รัช แจ้งระหัสเหตุอย่างปางประถม จึ่งให้จัดเครื่องสังเวยทั้งเนยนม ใส่โต๊ะกลมแต่งตั้งนั่งบูชา แล้วจึงว่าข้าแต่เทพารักษ์ สิทธิศักดิ์อันสถิตทุกทิศา อันเราได้ผิดพลั้งแต่หลังมา ขอเทวายกโทษโปรดปรานี ฯ ๏ ฝ่ายมหิงขสิงขรเทพารักษ์ เจ้าสำนักยมนาในราศี จึงว่าท่านจะไปไหนในนที จงบอกที่ตามประสงค์ตรงที่จริง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมเทวสินธุ์นรินทร์รัช จึงแจ้งอรรถบอกกล่าวเจ้ามหิงข์ เล่าแถลงแห่งประสงค์ที่ตรงจริง แล้วจึ่งวิงวอนถามตามสงกา อันตัวเราเหล่าวงศ์พงศ์กษัตริย์ ผ่านสมบัติกาหวีที่สุขา แต่จะไปตามติดพระบิดา ขอเทวาจงช่วยแจ้งแห่งหนทาง ฯ ๏ ฝ่ายมหิงขสิงขรเทวฤทธิ์ จึ่งชี้ทิศให้กษัตริย์ไม่ขัดขวาง จงรีบไปตามเขตประเทศทาง ที่ระวางบุรพทิศเหมือนจิตปอง แต่หนทางยังไกลไปก็ยาก เป็นถิ่นนาคโดยระวางเป็นทางสอง ไปข้างซ้ายจึ่งจะสมอารมณ์ปอง จงตรึกตรองแล้วกระทำดั่งคำเรา พลางรับเครื่องสังเวยนมเนยหวาน สำแดงการบอกหมดอย่าโฉดเขลา แม้นท่านไปตามกระบิลพ้นถิ่นเรา จะไปเข้าเมืองแขกแปลกตระกูล นั่นแหละคงได้ข่าวเป็นราวเรื่อง ที่ในเมืองเร่งไปในไอศูรย์ ทั้งจะได้แจ้งวงศ์พงศ์ประยูร เป็นเค้ามูลข้อความจึ่งตามไป แล้วลุกจากเก้าอี้ที่ขึ้นนั่ง เป็นเสียงดังก้องมหาชลาไหล แล้วล้มผางกลางกำปั่นด้วยทันใด เทพไทออกพ้นจากคนทรง ฯ ๏ ป่างพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์รัช สามกษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์ สั่งต้นหนคลี่แผนแล่นให้ตรง ตามที่องค์เทพไทให้หนทาง ถอนสมอช่อใบขึ้นใส่รอก ให้แล่นออกเร็วรัดไม่ขัดขวาง ได้ลมคล่องว่องไวชักใบกาง แล่นสล้างตามกันมิทันนาน พวกล้าต้าต้นหนคนทั้งหลาย ค่อยสบายพร้อมสิ้นกินอาหาร ไม่ขัดสนคนผู้อยู่สำราญ แล่นประมาณโดยมาสิบห้าวัน ถึงปากน้ำสำปันหนาชวาแขก ให้เรือแยกห่างไกลไอศวรรย์ กลัวชาวเมืองจะสงสัยพร้อมใจกัน ให้กำปั่นทอดท่าแต่ห้าลำ แล้วจัดคนพลไกรไปแต่น้อย ที่เรียบร้อยล้วนแต่ไพร่พวกไหหลำ ลงเรือช่วงตีกระเชียงเรียงประจำ ไปสองลำเข้าในด่านชานบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายพวกนายชวารักษาด่าน ครั้นแจ้งการณ์ลงมาถามตามถวิล มาแต่ไหนจึ่งเข้ามาในธานินทร์ เองอยู่ถิ่นฐานใดจงให้การ มาค้าขายหรือจะมาเป็นข้าศึก ที่ตื้นลึกเองจงแจ้งแถลงสาร ให้กระจ่างทางประสงค์จำนงการ เอ็งอยู่บ้านเมืองใดไพร่ผู้ดี พวกไหหลำรู้ภาษาชวาแขก จึ่งแย้มแยกส่งภาษาชวาฉวี เรามาแต่เมืองท่าเกาะกาหวี ธุระมีจะมาถามเที่ยวตามนาย คือองค์พระมังคลาของข้าเจ้า ไม่ได้ข่าวแจ้งการนานใจหาย จึ่งอุตส่าห์พยายามเที่ยวตามนาย จะดีร้ายมิได้แจ้งแต่งเนื้อความ พวกนายด่านรู้เรื่องแต่เบื้องหลัง เห็นจริงจังแน่ตระหนักจึ่งซักถาม ว่าใครใช้ให้เองมาติดตาม จงเล่าความให้กระจ่างอย่าพรางกัน พวกที่มาว่าองค์โอรสราช เฉลิมบาทกรุงไกรไอศวรรย์ เธอเสด็จตามองค์พระทรงธรรม์ อยู่กำปั่นทั้งสามนามกร พระเชษฐาเทวสินธุ์นรินทร์รัช พระองค์ถัดบพิตรอดิศร เทพจินดาประสิทธิ์ฤทธิรอน พระภูธรที่สามรามวงศ์ นายด่านแจ้งแต่งเป็นหนังสือลับ แล้วกำชับม้าใช้ดั่งใจประสงค์ รีบไปเฝ้าท้าวไทดั่งใจจง ด้วยเป็นวงศ์พงศ์เผ่าของเจ้านาย ฯ ๏ จะกล่าวพวกม้าใช้ครั้นไปถึง ขุนนางจึ่งเข้าประมูลทูลถวาย ท้าวรายาคิดคะนึงจึ่งภิปราย เสนานายทุกตำแหน่งจงแต่งการ รีบลงไปรับองค์พงศ์กษัตริย์ มาจังหวัดนครามหาสถาน แล้วจะได้เห็นองค์พวกวงศ์วาน เพราะว่าหลานเธอมีดีพระทัย เขาจะได้แจ้งคดีตามพี่น้อง ในพวกพ้องวงศ์วานดั่งขานไข เร่งแต่งเรือพระที่นั่งบัลลังก์ชัย รีบลงไปรับมายังธานี อันตัวกูเป็นผู้ใหญ่จะไปด้วย จะได้ช่วยฝากรักเป็นศักดิ์ศรี เพราะพ่อเขามิได้อยู่ในบูรี ก็ควรที่เราจะไปดั่งใจจง ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จลงที่นั่ง เรือบัลลังก์รูปนกวิหคหงส์ พร้อมทั้งเรือเกณฑ์หัดจัตุรงค์ ทั้งทวนธงปี่กลองทั้งฆ้องชัย เครื่องสำหรับอย่างชวาบรรดาศักดิ์ ก็พร้อมพรักเกณฑ์แห่แลไสว ท้าวรายาพาพหลสกลไกร เสร็จลงไปถึงด่านชานชลา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนาวาที่มาถม ครั้นแจ้งความเบื้องหลังที่กังขา กลับไปทูลหน่อนรินทร์ปิ่นประชา ตามที่มารู้ข่าวเจ้าของตน ไปกราบทูลกับพระองค์ทรงสวัสดิ์ ตามระหัสที่ได้แจ้งแห่งนุสนธิ์ ปางพระหน่ออธิบดินทร์ปิ่นสกล แจ้งยุบลแต่ไม่รู้ภูวไนย เสด็จไปไหนหนอไม่รู้แน่ อยู่แขวงแควนคเรศประเทศไหน ไม่รู้จักแห่งหนตำบลไหน จะได้ไปเสาะหาตามสาคร พระโศกเศร้าเร่าร้อนอาวรณ์หวัง จะนอนนั่งเหมือนกับไฟไหม้สิงขร เข้ารึงรุมกลุ้มจิตถึงบิดร สะท้อนถอนฤทัยไม่ไสยา ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าประเทศเขตจังหวัด บุรีรัตน์เมืองบุรำสำปันหนา จึ่งออกจากเมืองด่านชานชลา รีบโยธาพระที่นั่งทั้งดั้งกัน มาถึงลำกำปั่นมิทันช้า ให้รอราพวกพหลพลขันธ์ ประทับเข้าพร้อมพรั่งทั้งดั้งกัน พวกกำปั่นไหหลำมาถามพลัน ทราบว่าท้าวรายาเสด็จมาถึง อึงคะนึงปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ สามพระหน่อมาประนมบังคมคัล เชิญให้ท่านท้าวไทขึ้นไปเรือ เสด็จนั่งยังที่เก้าอี้อาสน์ ทั้งอำมาตย์ผู้คนมาล้นเหลือ ท้าวรายาว่าพระหลานเป็นว่านเครือ ตาจะเชื้อเชิญไปในบุรินทร์ จะได้รู้จักน้องพวกพ้องญาติ พ่ออย่าขาดไมตรีที่ถวิล เชิญขึ้นไปในจังหวัดปัถพิน ประเทศถิ่นนครังจึ่งบังควร แล้วจะได้ตามติดพระบิตุเรศ พอแจ้งเหตุตามระบอบคิดสอบสวน ให้โหราหารคูณประมูลมวล ได้ใคร่ครวญตามติดพระบิดา สามกษัตริย์ตรัสตอบขอบพระเดช ซึ่งโปรดเกศหลานรักเป็นนักหนา เชิญเสด็จท้าวไทอัยกา ไปพาราพบน้องพวกพ้องกัน ท้าวรายาพาลงเรือที่นั่ง พร้อมสะพรั่งเครื่องกษัตริย์ที่จัดสรร แล้วโห่แห่แตรสังข์ทั้งดั้งกัน จากกำปั่นคืนหลังเข้าวังเวียง แล้วเชิญให้สามองค์พงศ์กษัตริย์ ขึ้นปรางค์รัตน์เชื้องข้ายชายเฉลียง พร้อมพระวงศ์พงศ์เผ่ามาเฝ้าเรียง พิศเพียงจันทราดาราราย สตรีแขกแปลกภาษาก็น่ารัก จะพิศพักตร์งามเหมือนดังเดือนฉาย ถึงเป็นแขกแปลกตระกูลไม่วุ่นวาย ดูแยบคายสมเนื้อเชื้อผู้ดี ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าชวารายากษัตริย์ โองการตรัสให้ไปหามเหสี กับโฉมยงนงนุชพระบุตรี กุมารีหลานขวัญกัลยา ให้มาที่ปรางค์ทองห้องสถิต ได้พร้อมมิตรขัตติเยศพระเชษฐา พวกแสนสาวท้าวนางในปรางค์ปรา รีบลงมาเฝ้าทูลซึ่งมูลความ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี ชวนบุตรีหลานไปแล้วไต่ถาม นางสาวใช้กราบทูลในมูลความ กษัตริย์สามจะมาเฝ้าเยาวมาลย์ นางทราบสิ้นยินดีเป็นที่สุด พาพระบุตรีไปเฝ้าทั้งเจ้าหลาน ท้าวรายาว่าแก่องค์นางนงคราญ ให้พาหลานมาข้างนี้ไหว้พี่ยา พระบุตรีกราบก้มประนมหัตถ์ สามกษัตริย์ทรงเดชผู้เชษฐา แล้วบังคมก้มกรานคลานเข้ามา เฝ้ามารดาอัยกีด้วยปรีดิ์เปรม นางดวงแขแม่เลี้ยงจึงปราศรัย ว่าขอบใจคลายทุกข์สุขเกษม พ่ออุตส่าห์มาถึงนี่แม่ปรีดิ์เปรม ได้อิ่มเอมอุ่นอุราประชากร แล้วจะได้ฝากน้องให้รองบาท รู้จักญาติพ่ออย่าทิ้งมิ่งสมร ช่วยปกป้องน้องหญิงดังวิงวอน จงสั่งสอนรักกันอย่าฉันทา ฯ ๏ พระเทวสินธุ์จินดาทั้งราเมศ พลางน้อมเกศอภิวันท์ด้วยหรรษา จึ่งทูลความตามระบอบตอบบัญชา อย่าได้ปรารมภ์ไปในอนงค์ แม้นตามติดบิดาเธอมาแล้ว พอผ่องแผ้วชื่นชมสมประสงค์ จะกลับมาเหมือนคิดดั่งจิตจง ก็จะคงคืนมายังธานี ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นพิภพ ขจรจบในพาราชวาฉวี จึ่งสั่งเครื่องต่างต่างที่อย่างดี พระภูมีให้หามาประทาน แล้วสั่งพวกชาววังให้ตั้งเครื่อง ยกมาเนื่องตั้งเป็นเหล่าทั้งคาวหวาน ถวายสามกษัตราปรีชาชาญ ตั้งเครื่องอานเชิญเสวยทั้งเนยนม ท้าวรายามานั่งบัลลังก์รัตน์ พร้อมกษัตริย์นั่งเสวยเนยขนม แล้วให้จัดปรางค์มณีที่ประทม ทั้งสนมสาวสุรางค์นางบำเรอ พวกสำหรับขับขานประสานเสียง เครื่องจำเรียงดีดสีตีเสนอ ตามตำแหน่งสารพัดหัดบำเรอ ให้หลานเธอตามยศให้งดงาม เสวยเสร็จพระเสด็จยุรยาตร กับหน่อนาถศรีสวัสดิ์กษัตริย์สาม ออกพระโรงรจนาสง่างาม ท้าวตรัสถามโหราพยากรณ์ ว่าพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงอาจารย์ชาญสมร พากันไปจากประเทศเขตนคร จะเย็นร้อนหายไปเป็นหลายปี ฯ ๏ โหรารับกราบก้มบังคมบาท ลงเลขคาดคูณชะตาในราศี ตำราแขกแปลกภาษาแต่ว่าดี ตามคัมภีร์ของเขาดูรู้เหมือนกัน ก็แม่นยำทำนายมิได้คลาด เชิงฉลาดตัดรอนคิดผ่อนผัน ก็แจ้งความตามจริงทุกสิ่งอัน บังคมคัลทูลท้าวเจ้าชวา ประเดี๋ยวนี้มีผู้นำไปทำศึก เห็นยังลึกวุ่นวายร้ายนักหนา พิเคราะห์ดูฤกษ์ยามตามตำรา ก็เห็นว่าต้นร้ายแต่ปลายดี ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวาอาณาจักร ฟังโหรทักทายชะตาในราศี จึงว่ากับหลานขวัญไปทันที ก็ควรที่เราจะคิดไปติดตาม กำพลเพชรเมืองพ่อหน่อนเรศ รีบไปเขตกรุงไกรสืบไต่ถาม แล้วจึงค่อยตั้งจิตเที่ยวติดตาม พยายามกว่าจะพบประสบกัน ตาจะยกทัพใหญ่ตามไปด้วย จะได้ช่วยรอนราญกับหลานขวัญ ท้าวรายาสั่งมหาเสนาพลัน จงเกณฑ์กันแสนยาพลาพล กำปั่นรบแต่บรรดาอยู่ท่าน้ำ เร่งกันทำจัดแจงแต่งพหล เปลี่ยนเชือกเสาเพลาใบทั้งไกกล ให้เร่งขนเครื่องเสบียงลำเลียงลง ทั้งเรือไฟใช้จักรเคยหักศึก เองเร่งฝึกพวกไพร่ทั้งไต้ก๋ง แต่ลำใหญ่หุ้มทองคำเป็นลำทรง จัตุรงค์เกณฑ์ใส่ไว้ในลำ ฯ ๏ ครั้นสั่งเสร็จท้าวเสด็จยุรยาตร ขุนอำมาตย์เกณฑ์ไพร่เจ๊กไหหลำ พวกที่เข้ารีตแขกให้แยกลำ เพราะว่าชำนาญทางกลางทะเล เป็นต้นหนคนใช้ทั้งใบรอก จะเข้าออกแข่งขันทั้งหันเห แล้วก็เคยค้าขายหมายคะเน ทางทะเลแคล่วคล่องทั้งว่องไว จัดกระบวนถ้วนทั่วตัวทหาร มาเตรียมการเรียกกันเสียงหวั่นไหว พร้อมสะพรั่งทั้งพหลพลไกร มาคอยไทองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์รายาชวาฉวี ครั้นฤกษ์ดีเสด็จท่าชลาสินธุ์ สามกษัตริย์เสด็จออกนอกบุรินทร์ พระเทวสินธุ์ตามตรงมาลงเรือ พวกพหลพลชวาบรรดาแขก บ้างขนแบกของตามกันหลามเหลือ ทั้งไก่แพะเอาไปที่ในเรือ ทั้งข้าวเกลือของเสวยทั้งเนยนม บรรทุกใส่ในกำปั่นทุกชั้นช่อง ที่ในห้องคนประจำทำขนม บ้างต้มแกงแต่งตบครบอุดม พวกสนมน้อยน้อยคอยอยู่งาน ครั้นได้ฤกษ์เลิกโห่ขึ้นสามครั้ง ปืนประดังยิงเรียงเสียงประสาน ท้าวเสด็จลงกำปั่นมิทันนาน พวกคนงานถอนสมอขันช่อใบ ออกกำปั่นครั่นครื้นสักหมื่นเศษ แล่นสังเกตแถวถิ่นกระสินธุ์ใส ออกน้ำเขียวทางทะเลว้าเหว่ใจ แล่นไปในสาคโรชโลธร ชมมัจฉาปลาใหญ่ขึ้นว่ายคล่ำ บ้างผุดดำโตยิ่งกว่าสิงขร นางสาวสาวชาววังบ้างนั่งนอน ชมสิงขรเกาะแก่งทุกแห่งไป แล้วพูดจาว่ากันภาษาแขก ถ้าเรือแตกเราจะด้นไปหนไหน ลางคนว่าน่าเบื่อเหลืออาลัย บ้างบ่นไปเพราะว่ากลัวจนตัวงอ ที่วิงเวียนเหียนรากอยากแต่น้ำ ร้องว่ากรรมเอ๋ยจะไปข้างไหนหนอ รู้อย่างนี้มิมาน้ำตาคลอ บ่นถึงพ่อถึงแม่ออกแซ่ไป คิดว่าจะมาเป็นสุขสนุกสนาน ให้รำคาญในอุราน้ำตาไหล ไม่รู้เลยว่าลำบากยากหัวใจ มิหาไม่จะสู้จ้างเขาต่างตัว วิสัยหญิงใจอ่อนนอนไม่หลับ ถึงจนทรัพย์เต็มประดาคิดหาผัว ได้หูหนวกตาบอดคงรอดตัว ไม่ยักกลัวมีท้องจะดองยา กินให้หายบาดแผลพอแก้ทุกข์ ค่อยเป็นสุขจริงแท้หนอแม่ขา ดีกว่าต้องมาเรือเหลือระอา สู้ก้มหน้ากัดฟันจนบรรลัย พวกสาวสาวชาววังนั่งกำสรด ทรวงระทดแทบจะพาเลือดตาไหล จนพลบค่ำย่ำสุริโยทัย ให้หวั่นไหวทรวงโศกวิโยคครวญ ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าชวาอาณาเขต ทอดพระเนตรเหล่าอนงค์ทรงพระสรวล บ้างโงกเหงาเมาคลื่นยืนเซซวน ทั้งปั่นป่วนซบเซาบ้างหาวนอน พอคลื่นเงียบเรียบร้อยค่อยเป็นสุข บรรเทาทุกข์ที่ในทรวงดวงสมร เรือก็แล่นเลยมาในสาคร พระจันทรแจ่มฟ้านภาลัย ท้าวรายาเสด็จออกนอกบาหลี นั่งเก้าอี้พร้อมพหลพลไสว ท้าวดำรัสตรัสสั่งเสนาใน ให้แล่นไปตามกันดั่งสัญญา ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์ราช ล่วงลีลาศไปพลันด้วยหรรษา นำกำปั่นไทท้าวเจ้าชวา เป็นทัพหน้าตรวจพหลพลนิกร ทั้งเช้าค่ำร่ำไปมิให้หยุด ก็รีบรุดข้ามละเมาะเกาะสิงขร ไปเดือนครึ่งเกือบจะถึงเขตนคร เป็นการร้อนรีบไปใกล้พารา กำพลเพชรนครังครั้งยายเฒ่า ไม่มีเจ้าเป็นแต่ผู้อยู่รักษา คอยโฉมยงองค์กษัตริย์ขัตติยา จะกลับมาครองประเทศเขตกำพล ก็หายไปหลายปีไม่มีสุข ไปรบรุกแว่นแคว้นแดนสิงหล อยู่แต่พวกเสนาประชาชน เพชรกำพลร้างกษัตริย์ขัตติยา พอเรือพระเทวสินธุ์สามกษัตริย์ มาแออัดจอดรายหลายภาษา พวกชาวด่านชาญสมุทรสุดปัญญา ไม่รู้ว่าวงศ์ท้าวเจ้านคร คิดว่าเป็นข้าศึกมาฮึกฮัก ไม่ประจักษ์ใช้เสมียนเขียนอักษร ให้ม้าเร็วรีบไปในนคร เป็นการร้อนศึกมาติดธานี แต่กำปั่นคั่งคับมานับร้อย คนใช้สอยบรรดากะลาสี ก็นับหมื่นปืนฝรั่งแต่อย่างดี มาทอดที่ปากน้ำเหลือกำลัง ฯ ๏ ขุนนางใหญ่ได้แจ้งแห่งหนังสือ ที่คนถือส่งให้ดังใจหวัง สั่งให้เกณฑ์ชาวป้อมพวกล้อมวัง รีบไปยังเมืองด่านชานชลา ทั้งปืนหลักลากไปใส่บนป้อม ทหารพร้อมเร่งร้นพลอาสา ให้ยกหนุนเนื่องออกนอกพารา ไปรับข้าศึกไว้ดังใจปอง แล้วแบ่งพลคนละหมื่นถือปืนผา เครื่องสาตราทวนง้าวเรียกเจ้าของ กรมของใครให้ตรวจตามหมวดกอง ให้ได้สองหมื่นทั่วทุกตัวนาย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระจอมเทวสินธุ์ หน่อนรินทร์ตรัสสั่งคนทั้งหลาย ให้ไปบอกเสนาบรรดานาย อย่าวุ่นวายไปมิใช่พวกไพรี เราก็เป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ในจังหวัดนคเรศบุรีศรี เป็นโอรสทศมิตรคิดภักดี พระเทวีกฤษณานิคาลัย เองไปแจ้งแห่งขุนนางในเมืองด่าน แต่โดยการจริงแจ้งแถลงไข ให้รีบลงมารับกูฉับไว จะขึ้นไปถิ่นฐานชมบ้านเมือง พวกคนใช้รีบไปลงเรือช่วง ครรไลล่วงถึงท่าพอฟ้าเหลือง ครั้นเช้าตรู่สุริยาถึงหน้าเมือง ขึ้นแจ้งเรื่องกับขุนด่านชานชลา ว่าพระหน่อวรนาถราชบุตร ประเสริฐสุดที่ในวงศ์เผ่าพงศา มิใช่เรืออื่นไกลหาไหนมา เป็นบุตรานางเฒ่าเจ้าแผ่นดิน ฯ ๏ ขุนนางได้แจ้งเรื่องแต่เบื้องหลัง ข้อรับสั่งชื่นชมสมถวิล ว่าหน่อเนื้อเชื้อเหล่าเจ้าแผ่นดิน พากันยินดีกลับกองทัพชัย แล้วจัดแจงแต่งเรือลงไปรับ น้อมคำนับบอกกันเสียงหวั่นไหว ลำที่นั่งดั้งกันเป็นหลั่นไป เชิญท้าวไทรายาเข้ามาวัง กษัตริย์สามตามเข้าไปในนิเวศน์ ถิ่นประเทศเสร็จสมอารมณ์หวัง พวกเสนาข้าไทที่ในวัง มาพร้อมพรั่งดีใจใครจะปาน ทั้งพระวงศ์พงศาคณาญาติ มาปราสาทรจนามุกดาหาร ทูลแถลงแจ้งคำที่รำคาญ ว่าพระผ่านนคราบิดาเธอ ยกพหลพลไกรไปกำปั่น กับด้วยท่านฝรั่งครูผู้เสนอ ว่าจะไปลังกาพาราเธอ บาทหลวงเออรับพากันคลาไคล ถ้วนกำหนดสามปีมิได้ข่าว ที่เรื่องราวร้อนเย็นเป็นไฉน จัดกำปั่นแต่บรรดาเสนาใน ใช้ให้ไปเล่าก็หายไม่ได้ความ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมเทวสินธุ์นรินทร์รัช โองการตรัสปราศรัยแล้วไต่ถาม ว่าตัวเราก็จะคิดไปติดตาม ท่านแจ้งความอยู่หรือไรในลังกา ว่าผู้ใดใครครองอาณาเขต ท่านรู้เหตอยู่หรือไม่อย่างไรหนา จงเล่าไปให้ประจักษ์ช่วยชักพา ไปลังกาตามองค์พระทรงธรรม์ เสวกาว่าทูลละอองบาท โอรสราชพระอภัยครองไอศวรรย์ สุดสาครสุริย์วงศ์พระทรงธรรม์ เธอครองขัณฑเสมาในธานี พระทรงทราบเรื่องต้นแต่หนหลัง จึงตรัสสั่งเสนาบดีศรี ให้เร่งเตรียมพวกพหลแลมนตรี วันพรุ่งนี้เราจะไปดั่งใจจง แล้วเชิญท้าวรายาเจ้าตาเลี้ยง มานั่งเคียงชื่นชมสมประสงค์ แล้วปรึกษาพาทีกันสี่องค์ ตามประสงค์ที่จะไปในลังกา ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าชวาอาณาจักร ว่าหลานรักร่วมชีวังอย่ากังขา พ่อไปไหนไปด้วยกันไม่ฉันทา อย่าได้ปรารมภ์ไปใจพะวง อันตัวตาเป็นผู้ใหญ่คงไปด้วย เป็นเพื่อนม้วยเหมือนดังจิตคิดประสงค์ ถึงยากเย็นเป็นตายวายชีวง ตาก็คงช่วยกันเหมือนสัญญา จะรบรับขับขันประจัญสู้ ตาก็รู้กลศึกได้ปรึกษา ทั้งสามองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา จึ่งวันทาทูลแถลงแจ้งคดี ซึ่งพระองค์ทรงฤทธิ์คิดพันผูก เหมือนหลานลูกของพระคุณอุ่นเกศี หลานจะขอพึ่งพาฝ่าธุลี ไว้เป็นที่อัยกาเหมือนวาจัง ข้าทั้งสามกำพร้าอนาโถ ท้าวเหมือนโพใบคลุมพอคุ้มขัง ขอพึ่งบุญกรุณาเหมือนวาจัง เป็นที่หวังสืบวงศ์พงศ์ประยูร ท้าวรายาชื่นชมโสมนัส พ่อซื่อสัตย์รักใคร่มิได้สูญ ทั้งสมนามสมเนื้อเชื้อตระกูล เธอเพิ่มพูนประดิพัทธ์สวัสดี สามกษัตริย์เข้าในที่ไสยาสน์ บนปรางค์มาศแท่นจำรัสรัศมี กับไทท้าวเจ้าชวาในธานี ต่างเปรมปรีดิ์รักกันไม่ฉันทา ฯ ๏ ครั้นรุ่งแจ้งแสงทองส่องอากาศ พวกอำมาตย์พร้อมพหลพลอาสา มาเตรียมคอยหน่อกษัตริย์ขัตติยา แต่บรรดาเสนีที่จะไป ฯ ๏ ป่างพระจอมเทวสินธุ์นรินทร์ราช ตื่นไสยาสน์กับสองสนองไข จึ่งเชิญองค์ท้าวชวาให้คลาไคล เสด็จไปพระที่นั่งบัลลังก์ทอง พร้อมทหารขานโห่จะเอาฤกษ์ เสียงเอิกเกริกคั่งคับทัพทั้งสอง ยิงปืนใหญ่เตรียมตรวจทุกหมวดกอง แล้วลั่นฆ้องชักใบขึ้นใส่เรียว พร้อมกำปั่นพันร้อยออกลอยแล่น ไปตามแผนที่ประจำออกน้ำเขียว ทั้งเรือรบเรือแห่แลเป็นเกลียว คงคาเชี่ยวลมเฉื่อยเรื่อยสบาย ตามละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งหน ไปตามวนวารินกระสินธุ์สาย ทั้งเต่าหอยลอยกลาดริมหาดทราย ที่ตัวลายพรอยพร้อยลอยเป็นแพ หอยอีรมนมนางสล้างสลอน เกิดกับก้อนหินรายชายกระแส บ้างเป็นสีต่างต่างเหมือนอย่างแล จะนับแต่ฝูงหอยกว่าร้อยพัน ทั้งปูเปี้ยวเขียวขาววิ่งกราวหาด ดูประหลาดไม่มีหัวตัวมันขัน มีตาติดกับกระดองอยู่สองอัน สืบพันธุ์ตั้งร้อยไม่น้อยเลย พอมีไข่กินผัวของตัวหมด ทรยศสิ้นประตูเจียวปูเอ๋ย สัตว์จัญไรแพศยาไม่น่าเชย แล้วก็เลยลอยแพไปแต่ตัว เปรียบเหมือนหญิงทรลักษณ์อกุศล ทำเล่ห์กลมารยาคิดฆ่าผัว อันบาปกรรมเป็นอย่างไรมันไม่กลัว ไว้ความชั่วน่าชังเหมือนอย่างปู ฝูงแมงดาน่าดูตัวผู้เกาะ เที่ยวว่ายเสาะพาจรจนอ่อนหู ไปหาเหยื่อเผื่อกันกตัญญู พิเคราะห์ดูเหมือนคนจนปัญญา ทั้งเกียจคร้านมึนตึงพึ่งผู้หญิง ได้แอบอิงพิงปากยากหนักหนา พวกมนุษย์เมียแช่งเหมือนแมงดา ทำแต่ตาปรอยปรอยคอยจะกิน อันฝูงสัตว์ปฏิสนธ์ที่บนหาด ดูประหลาดมากมายชายกระสินธุ์ เอากำเนิดเกิดที่หาดดูดาษดิน ไม่รู้สิ้นหลายอย่างต่างต่างกัน ฯ ๏ สามพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ ให้แล่นลัดสิงขรค่อยผ่อนผัน สั่งล้าต้าต้นหนคนสำคัญ ให้พวกกันคอยประจำหยั่งน้ำดู เอาแผนที่คลี่ดูให้รู้ทิศ อย่าให้ผิดทางจรจะอ่อนหู ด้วยไม่เคยถิ่นประเทศสังเกตดู เป็นแต่รู้ยังไม่ได้เคยไปมา พระสุริยาลงลับพยับฝน ก็มัวมนมืดมิดทุกทิศา จวนจะค่ำย่ำแสงพระสุริยา ลมสลาตันตั้งฝั่งทะเล เป็นคลื่นใหญในกระสินธุ์ทุกถิ่นที่ ลมก็ตีท้ายกำปั่นป่วนหันเห พวกต้นหนคนชำนาญการทะเล คิดถ่ายเทเรือหมดให้ลดใบ ตั้งบวงสรวงเทพไทในสมุทร ฤทธิรุทรเขาเขินเนินไศล ขอเชิญช่วยคุ้มอุบัทว์กำจัดภัย ทางจะไปลังกาให้ถาวร พอขาดคำคลื่นลมระดมหาย คนทั้งหลายเหล่าทหารชาญสมร ด้วยได้ความสุขาในสาคร ศศิธรแจ่มกระจ่างดั่งกลางวัน เมฆพยับอับฟ้าในอากาศ ก็เกลื่อนกลาดแจ่มสว่างทางสวรรค์ นภากาศแจ่มแจ้งด้วยแสงจันทร์ เรือกำปั่นแล่นไปในคงคา สามกษัตริย์ทัศนาเวหาหาว แสงเดือนดาวส่องสว่างกลางเวหา พระจึ่งเชิญท่านท้าวเจ้าชวา เสด็จมาในที่นั่งบัลลังก์ทอง แล้วปรึกษาว่าองค์พระทรงฤทธิ์ เห็นชอบผิดโปรดบ้างที่หมางหมอง จะไปยังลังกาตรึกตราตรอง โดยทำนองพระจะเห็นเป็นอย่างไร ถ้าแม้นว่ารบพุ่งกันยุ่งยิ่ง เราจะนิ่งดูแลคิดแก้ไข หรือจะเข้าโรมรันประการใด ขอพระอัยกาตรองให้ต้องตาม ประเพณีที่ในเนื้อเชื้อกษัตริย์ ไม่แจ้งอรรถข้อไรได้ไต่ถาม อย่าให้เสียเกียรติยศพองดงาม ให้ต้องตามเรื่องในอัยการ ฯ ๏ ท้าวรายาว่าพ่อหน่อกษัตริย์ ตาจะจัดแจงให้หลายสถาน อย่าเป็นทุกข์ร้อนไปให้รำคาญ จากสถานกำพลเพชรได้เจ็ดวัน พอเช้าตรู่สุริยงเธอส่งแสง กระจ่างแจ้งพื้นนภางค์ทางสวรรค์ พวกพหลพลทหารชำนาญครัน จัดเลี้ยงกันเสพอาหารทั้งหวานคาว เกือบจะใกล้เกาะมหากาลวาต ผิดประหลาดหลากใจให้แต่หนาว ใช่ฤดูน้ำค้างตกพร่างพราว เป็นลมว่าวพัดกล้าต้องซาใบ พวกต้นหนคนการสะท้านทั่ว เป็นหมอกมัวในมหาชลาไหล เรือที่แล่นตามกันเป็นหลั่นไป เห็นไรไรเกาะขวางกลางชลา อันเกาะนี้โตใหญ่มิใช่น้อย ที่เขาปล่อยท้าวละมานนานนักหนา หมดทั้งพวกพร้อมกันแต่บรรดา มรณาด้วยกันหมดเพราะอดตาย เป็นผีดิบเกลื่อนกล่นอยู่บนเกาะ เที่ยวละเมาะตามแผ่นดินกระสินธุ์สาย แม้นกำปั่นใครซัดแลพลัดพราย มาถึงชายเกาะนี้มันดีใจ ตะโกนก้องร้องเรียกกันมาพร้อม เข้าห้อมล้อมเรือแน่นแล่นไม่ไหว มันฉุดคร่าเชือกเสายุดเพลาใบ ไปไม่ได้ติดตายเสียหลายลำ มันสูบเลือดกินเล่นเป็นอาหาร ท้าวละมานพวกผีถลีถลำ แต่กลางวันมันขยาดไม่อาจทำ แม้นพลบค่ำยืนเด่นให้เห็นตัว แต่กินคนมานานประมาณแสน ทุกด้าวแดนเข็ดขยั้นออกสั่นหัว แม้นเรือซัดพลัดเข้าจอดไม่รอดตัว ลูกค้ากลัวความขยาดไม่อาจเดิน ฯ ๏ ฝ่ายกำปั่นเทวสินธุ์นรินทร์ราช พอภาณุมาศลับเงาภูเขาเขิน แล่นมาถึงเกาะใหญ่ริมชายเนิน ให้หนาวเกินกับฤดูทุกผู้คน แต่บรรดากำปั่นสักพันเศษ ผิดสังเกตแต่ในจิตคิดฉงน ลมก็คล่องว่องไวติดใบบน แล่นไม่พ้นชายหาดประหลาดใจ พวกล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น ปรึกษากันหลากจิตคิดสงสัย จะเกิดเหตุเภทพาลประการใด จึ่งทูลไทสามกษัตริย์ขัตติยา กับไทท้าวเจ้าพาราชวาฉวี เหตุจะมีแม่นแท้แน่นักหนา ทั้งหนาวเนื้อเหลือทนพ้นปัญญา อันเภตราอยู่กับที่แล่นมิเดิน ลมก็ดีชักใบขึ้นใส่พร้อม จะแล่นอ้อมไปก็ตกกระหกระเหิน ดูเหมือนคนฉุดไว้ริมชายเนิน จะขอเขิญอารักษ์อันศักดา มาถามเหตุเภทภัยให้ประจักษ์ จะได้ทักทายไปในทิศา สามพระองค์ทรงฟังทั้งพระยา เจ้าชวาเห็นพร้อมยอมด้วยกัน แล้วให้ตั้งบายศรีที่บวงสรวง ตามกระทรวงสารพัดเร่งจัดสรร เอาคนทรงลงมานั่งตั้งภิวันท์ บนก้นขันสาครร้องวอนไป แล้วจุดธูปเทียนบูชากระยาสังเวย ทั้งนมเนยตามประเภทข้างเพทไสย เราขอเขิญเทวาสุราลัย ที่อยู่ในเขาเขินเนินคีรี มาเข้าทรงจะได้ถามเนื้อความท่าน ทุกฉ้อชั้นบรรพตาในราศี ที่เหตุผลหนหลังอย่างคดี ขอภูมีรับสรวงเข้าบวงบน ฯ ๏ จะกล่าวถึงผีปีศาจที่อาจหาญ คือท้าวละมานรู้แจ้งแห่งนุสนธิ์ ว่าเขาตั้งเครื่องสรวงทั้งบวงบน วิ่งเข้าคนทรงสั่นยิงฟันพลาง แล้วเหลือกตาว่าออเจ้าคนเหล่านี้ ลุกขึ้นชี้มือด่านัยน์ตาขวาง ไม่รู้จักกูหรือไรในหนทาง กูจะล้างชีวันให้บรรลัย อันตัวกูผู้เป็นเจ้าเกาะเหล่านี้ เองมานี่จะไปหนตำบลไหน จงบอกความตามจริงทุกสิ่งไป กูนี้ไซร้เป็นเจ้าของท้องทะเล เองเรียกมาว่ากระไรจะไต่ถาม จงแจ้งความจริงไปอย่าไพล่เผล ท้าวปีศาจนึกนิยมสมคะเน จะคิดเพทุบายกินให้สิ้นเชิง ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าชวาอาณาเขต เธอแจ้งเหตุปีศาจเชื่อดูเหลือเหลิง จำจะหาให้มันกินจนสิ้นเชิง พอรื่นเริงแล้วจะได้ไล่เอาความ จึงวอนว่าข้าแต่เจ้าของเกาะ ช่วยสงเคราะห์ทางจะไปขอไต่ถาม เอ็นดูเถิดชี้ให้จะไปตาม ให้สมความปรารถนาข้าทั้งปวง แล้วท้าวไทให้ยกเอาเครื่องเซ่น สัตว์ที่เป็นต่างต่างมาวางสรวง ทั้งเหล้าเข้มของกินสิ้นทั้งปวง มาบวงสรวงท้าวละมานให้ท่านกิน ฯ ๏ ฝ่ายปีศาจเห็นไก่น้ำลายหยด ด้วยความอดชื่นชมสมถวิล แล้วจับไหใส่สุราออกมาริน ยกขึ้นกินกลอกหน้านัยน์ตาวาว มือหนึ่งจับไก่ดิบหยิบกระชาก เอาใส่ปากเคี้ยวเหยอทั้งเรอหาว จับเอาแพะฉีกเชือดเลือดออกพราว แลบลิ้นยาวเลียดูดพูดออกอึง เรียกให้พวกบริวารทหารผี มาอึงมี่บนเภตราตาถลึง ไม่เห็นตัวเป็นแต่เสียงสำเนียงอึง กินของซึ่งตั้งไว้หายไปพลัน ทั้งแพะแกะไก่เหล้ากับข้าวของ ก็บกพร่องหมดเลี่ยนล่อนเชี่ยนขัน กระดูกกระเดี้ยวเคี้ยวป่นไม่ทนฟัน แต่เสียงมันได้ยินสิ้นทุกคน อันพวกมันที่มาไม่ปรากฏ ดูเหมือนปดกันเล่นไม่เห็นหน เป็นแต่อ้ายคนทรงเดินวงวน แล้วขึ้นบนเก้าอี้นั่งชี้มือ ท้าวรายาสามกษัตริย์จึ่งตรัสถาม มันแจ้งความมาแต่หลังจะฟังหรือ เมื่อครั้งนางวัณฬามาหารือ จัดทูตถือสารไปให้แก่เรา กับรูปวาดให้เรามาอาสาศึก แม้นสมนึกหวังใจจะได้เขา จึ่งยกพวกพลละมานทหารเรา ไปเมืองเขาขึ้นประจบสมทบกัน ยังมิได้รบพุ่งกรุงผลึก เวลาดึกฟังปี่ดีขยัน ก็ระงับหลับใหลไปด้วยกัน มันจับพันธนาได้เอาใส่กรง แล้วก็เอามาไว้ในเกาะนี้ สิ้นชีวีแหลกกระจุยเป็นผุยผง เพราะอดอยากกรากตายอยู่ในกรง อ้ายคนทรงเล่าไปที่ในเรือ ว่าดูราฝรั่งทั้งออแขก เองจะแยกไปข้างใต้หรือฝ่ายเหนือ กูขอบใจเองให้เหล้าทั้งข้าวเกลือ อีกเนื้อเบื้อแกะไก่ให้กูกิน หาไม่จะล่มกำปั่นทั้งพันเศษ ให้อาเพศแตกจมสมถวิล แล้วจะได้ฉะเชือดสูบเลือดกิน เอาให้สิ้นแต่บรรดามาด้วยกัน นี้พวกเองอ่อนน้อมมายอมเลี้ยง ไม่ทุ่มเถียงรบสู้เป็นคู่ขัน จงเซ่นกูอยู่อีกสักสามวัน จะให้ปันของวิเศษทั้งเวทมนตร์ พรุ่งนี้เช้ามึงขึ้นไปที่ในเกาะ ช่วยกันเจาะของเอาไปจะให้ผล คือจินดาที่ประสงค์ทั้งคงทน สำหรับตนแทงฟันไม่บรรลัย เรียกว่าเพชรเจ็ดสีมณีโชติ อยู่บนโขดเขาเขินเนินไศล แม้นรบศึกเอาแกว่งเป็นแสงไฟ เองเอาไปคงกระพันกันไพรี ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ ได้แจ้งอรรถปรีดิ์เปรมเกษมศรี แล้วพากันนั่งยามตามอัคคี อยู่ตามที่ในกำปั่นทั้งพันลำ ที่หนาวเหน็บเจ็บเบาบรรเทาหาย ค่อยสบายผีช่วยชุบอุปถัมภ์ พอแสงจันทร์แจ่มกระจ่างน้ำค้างพรำ เรไรร่ำเฉื่อยเสนาะบนเกาะเกียน จังหรีดเรื่อยเอื่อยเสียงสำเนียงแจ้ว วิเวกแว่วฝูงสัตว์ฉวัดเฉวียน จักจั่นหวั่นหวาดดาษเดียร ฝูงกะเรียนร่อนร้องก้องกังวาน ดุเหว่าแว่วแจ้วเจื้อยระเรื่อยร้อง ประสานซ้องบรรเลงวังเวงหวาน สกุณากาสักในคัคนานต์ ไก่ประสานขานขันสนั่นครวญ สุมาลัยไขกลิ่นระรินรส ดอกไม้สดบานพร้อมทั้งหอมหวน กลิ่นตลบอบฟูเรณูนวล พระพายหวนหอมฟุ้งจรุงใจ เสียงปีศาจครื้นครั่นสนั่นเกาะ บ้างกระเดาะปากเดินบนเนินไศล ที่กู่ก้องร้องเรียกกันเพรียกไป บนเขาใหญ่ดินกลาดบนหาดทราย ฝีโป่งป่ามาประชุมกันกลุ้มเกลื่อน ตะโกนเพื่อนกู่กันให้ผันผาย เที่ยวเก็บหอยลอยกลาดบนหาดทราย ทั้งภูตพรายดาษดาริมสาชล แต่ล้วนพวกผีดิบสักสิบแสน อเนกแน่นร้ายแรงทุกแห่งหน เห็นแต่เงาหรุบหรู่คล้ายผู้คน ที่เดินบ่นพึมพำตามทะเล เขาย่อมเรียกอธิบายว่าพรายน้ำ มันยึดลำกำปั่นให้หันเห สีเหมือนไฟลอยล่องท้องทะเล สมคะเนบินขึ้นเพลาเสากระโดง มิใช่พวกอื่นไกลอ้ายเหล่านี้ คือว่าผีเกาะใหญ่ที่ตายโหง แม้นมันขึ้นไปได้ปลายกระโดง เรือก็โคลงจมไปเสียหลายลำ คือปีศาจชายเขาอ้ายเหล่านี้ มันเป็นผีอดอยากถลากถลำ คอยเรือลงตรงกรูเข้าจู่ทำ ยึดเอาลำเรือไว้บ้างป่ายปีน ที่เขารู้ติดไฟขนไก่เผา แล้วก็เอาดาบฟาดขาดเป็นสีน พวกที่มาแต่ลำพังฝรั่งจีน เห็นมันปีนขึ้นไปเอาไฟลน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระเทวสินธุ์นรินทร์รัช ดึกสงัดจันทร์กระจ่างกลางเวหน น้ำค้างย้อยพรอยพรายดังสายชล พระพายฝนมืดอับพยับโพยม ดารากรอ่อนแสงเข้าแฝงเมฆ แสนวิเวกยามดึกเสียงฮึกโหม จวนจะแจ้งแสงทองส่องโพยม พระทรงโฉมพลิกฟื้นตื่นไสยา เชิญท้าวไทอัยการเจ้าตาเลี้ยง มานั่งเคียงตรองตรึกพลางปรึกษา พอรุ่งแจ้งแสงสว่างกระจ่างตา เราจะพาขึ้นไปบนชายเนิน หาแก้วเก็จเพชรดีมณีโชติ ที่บนโขดลำเนาภูเขาเขิน ไปตั้งศาลอารักษ์แล้วชักเชิญ เจ้าที่เนินโขดเขาท้าวละมาน แล้วสั่งเหล่าพวกพหลพลไพร่ ให้ตัดไม้เชิงเขาทำเสาศาล เครื่องบวงสรวงเป็ดไก่จัดใส่จาน ทั้งคาวหวานเหล้ายาหาขึ้นไป อีกโคแพะแกะเป็นได้เซ่นวัก อย่าช้านักแต่พอตรู่สุริย์ใส เสนารับอัภิวันท์ด้วยทันใด มาเรียกไพร่พร้อมทั่วทุกตัวคน ขึ้นตัดไม้ไผ่เกลาทำเสาศาล ดาดเพดานเสร็จไปให้ไพร่ขน ตั้งของกินเครื่องสรวงจะบวงบน ช่วยกันขนมาพร้อมหอมขจร เจ้าพวกผีวุ่นวายน้ำลายหยด เลียบบรรพตบ้างก็วิ่งบนสิงขร ฝ่ายท่านท้าวเจ้าประเทศเขตนคร เสด็จจรจากบัลลังก์ที่นั่งทรง สามพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ ก็รีบรัดขึ้นมาตามความประสงค์ ถึงเชิงผาแล้วให้หาเจ้าคนทรง มานั่งตรงหน้าศาลตั้งการพลี จึงเชิญท้าวเจ้าละมานที่ย่านเกาะ แล้วก็เคาะรำมะนาเรียกหาผี ปีศาจแว่วแก้วหูรู้คดี ก็เดินรี่แฝงเงาเข้าคนทรง อ้ายแขกสั่นรันรำล้มคว่ำหงาย มือตะกายตีนตะกุยพลางคุ้ยผง จึงลุกขึ้นยืนฟังแล้วนั่งลง อ้ายคนทรงพูดพลางทางครางครวญ แล้วจึงว่าฮ้าฮ้ายอ้ายเหล่านี้ ใจมึงดีมีคุณไม่หุนหวน เพราะมันถือซื่อแท้ไม่แปรปรวน กูจะชวนมึงไปให้ของดี ท้าวรายาว่าเชิญรับเครื่องเซ่น จะได้เป็นที่รักเป็นศักดิ์ศรี โดยประสงค์จงใจเป็นไมตรี ได้เป็นที่คำนับรับประทาน ฯ ๏ ฝ่ายท้าวผีปีศาจเป็นชาติยักษ์ หัวร่อคักปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ จึงเรียกพวกบ่าวไพร่มิได้นาน มาล้อมศาลกินเล่นไม่เห็นตัว ได้ยินแต่เสียงพูดกับดูดปาก กำลังอยากเคี้ยวขยอกนั่งกลอกหัว กินแกะไก่ไม่เหลือทั้งเนื้อวัว พลางยิ้มหัวอิ่มเอมเกษมใจ แล้วลุกขึ้นยืนหยัดดัดต้นขา กูจะพาไปแจ้งแถลงไข ดูของดีชี้แจงให้แจ้งใจ เองมาไวเร็วหวาอย่าช้าที แม้นแดดกล้าเอาไม่ได้เป็นไฟร้อน ที่สิงขรกายสิทธิ์ล้วนฤทธิ์ผี เป็นสีแสงแดงรอบขอบคีรี ไม่เห็นที่มันอยู่เคืองหูตา แล้วลุกเดินนำไปข้างท้ายเขา พลางบอกเล่าเวทมนตร์ดลคาถา แล้วไปชี้ที่เพชรเม็ดจินดา ท้าวรายาให้เจาะจำเพาะรอย ด้วยว่าแขกนั้นชำนาญในการเพชร แต่ละเม็ดชั่วดีเพราะมีฝอย รู้ตำรามากมายเคยขายพลอย ถึงเล็กน้อยรู้แท้ไม่แชเชือน แต่แก้วเก็จเพชรนี้เป็นที่ยิ่ง จะหาสิ่งใดเทียบเปรียบไม่เหมือน พอเจาะเข้าเขาใหญ่ไหวสะเทือน แผ่นดินเลื่อนลั่นโห่เป็นโกลา พยุพยับอับฟ้าโกลาหล เป็นหมอกมนมืดมิดทุกทิศา ด้วยอำนาจของดีมีราคา ดวงจินดาของคู่ผู้มีบุญ พอลุกจากเพิงผาหน้าบรรพต ก็ปรากฏแสงสลับดั่งทรัพย์หนุน สว่างช่วงดวงมณีเพชรมีคุณ สำหรับบุญเทวสินธุ์นรินทร โตเท่าผลมะปรางทองละอองศรี น้ำมณีเรืองจำรัสประภัสสร สามกษัตริย์ยินดีชุลีกร จึงวิงวอนผีท้าวเจ้าละมาน ว่าข้าแต่ท่านท้าวผู้เจ้าเกาะ ท่านสงเคราะห์พันผูกดั่งลูกหลาน พระคุณล้ำดินฟ้าสุธาธาร ข้อรำคาญท่านมีจงชี้แจง ข้าพเจ้าขอสนองที่ข้องขัด จะปรนนิบัติตามประสงค์จงแถลง ขอเชิญท่านบอกกล่าวเล่าแสดง จะชี้แจงรับรองสนองคุณ ฯ ๏ อ้ายคนทรงจึ่งว่าถ้าเช่นนั้น จงช่วยกันทำกุฏิ์พออุดหนุน เอาศพฝังครั้งนี้จะมีคุณ แล้วทำบุญส่งไปให้แก่เรา จึงจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ ประเสริฐสุดไปให้สิ้นจากถิ่นเขา อันซากศพพวกพ้องพี่น้องเรา อยู่หลังเขามันเอาใส่ไว้ในกรง เพราะมันขังทั้งหลายตายด้วยอด แม้นปล่อยปลดเปลื้องธุระอย่างประสงค์ เอากระดูกขุดออกเสียนอกกรง นั้นแหละคงพ้นทุกข์เป็นสุขใจ อ้ายคนทรงพาตรงไปหลังเขา แล้วว่าเจ้าดูแลช่วยแก้ไข สามกษัตริย์ท้าวชวาพากันไป ทั้งพลไพร่เสนาประชาชน เห็นกรงเหล็กเรียงรายอยู่ท้ายเกาะ บังหักเดาะช่วยกันแย่งทุกแห่งหน เอาขวานฟันกรงประลัยทั้งไพร่พล ช่วยกันขนซากศพบ้างกลบดิน แล้วปักไม้เป็นหลังคาเอาผ้าคาด พวกปีศาจชื่นชมสมถวิล บ้างพ้นทุกข์สุขาไปหากิน บ้างก็สิ้นกรรมตนทนทรมาน ฯ ๏ ฝ่ายท้าวผีที่เข้าคนทรงนั้น เดินเหียนหันอิ่มเอมเกษมสานต์ แล้วว่าท่านเหล่านี้ปรีชาชาญ ช่วยรำคาญเราได้ดังใจปอง จงกลับไปเภตราทั้งข้าเจ้า อยู่จะหนาวมัวมนรีบขนของ รีบใช้ใบไปเหมือนนึกที่ตรึกตรอง อยู่จะต้องติดชลในวนวัง อันตัวเรานี้หนาจะลาแล้ว ไปจากแถวถิ่นนี้พ้นที่ขัง เป็นสิ้นกรรมพัวพ้นอนันตัง คนทรงนั่งผีออกไปนอกกาย ฯ ๏ สามกษัตริย์ท้าวชวาพาพหล จรดลรีบไปดั่งใจหมาย ลงกำปั่นพร้อมข้าเสนานาย ให้ผันผายจากที่ด้วยปรีดิ์เปรม เรือที่นั่งดั้งกันเป็นหลั่นลด แล่นไปหมดสิ้นทุกข์สุขเกษม ไม่ขัดขวางนทียิ่งปรีดิ์เปรม พระอิ่มเอมด้วยจินดาค่าบุรินทร์ แล่นกำปั่นบรรดาโยธาหาญ แสนสำราญใช้ใบในกระสินธุ์ ชมหมู่สัตว์มัจฉาฝูงนาคินทร์ บ้างโดดดิ้นในมหาสาคโร ฝูงมังกรคาบแก้วแววสว่าง บ้างฟาดหางเรียงรายบ้างว่ายโผ ที่เลื้อยไล่ในมหาสาคโร ตัวโตโตมิใช่น้อยนับร้อยพัน ฝูงเหราน่ากลัวหัวเป็นเขา บ้างว่ายเคล้าแว้งวัดสะพัดผัน ฝูงเงือกงูดูงามเลื้อยตามกัน บ้างดำดั้นผุดพ่นชลธี พวกม้าน้ำทำท่าเหมือนม้าเผ่น ขึ้นโดดเต้นในกระสินธุ์ถิ่นวิถี ฝูงช้างน้ำดำด้นชลธี พระภูมีสามกษัตริย์ทัศนา เรือก็แล่นใบสล้างมากลางหน พอสุริยนลับไปในเวหา ศศิธรจรกระจ่างกลางนภา ดวงดาราพรอยพร่างน้ำค้างพรม พวกพหลพลไพร่ในกำปั่น เกษมสันต์พร้อมกันสิ้นกินขนม เจ้าพวกคิดถึงเมียเสียอารมณ์ ลงนั่งตรมตรอมอุรานัยน์ตาปรอย เพื่อนเขากินข้าวปลาค่อยผาสุก ตัวเป็นทุกข์เต็มประดานั่งหน้าจ๋อย โอ้ป่านนี้เมียเราเขาจะคอย คิดก็น้อยใจนายหลายประการ ไม่พอที่จะลำบากต้องจากถิ่น ให้เมียดิ้นวุ่นวายหลายสถาน นึกละห้อยน้อยจิตคิดรำคาญ แม้นจ้างวานใครเสียได้กูไม่มา เมื่อไรเลยจะได้กลับไปดับร้อน เมียจะนอนโดยดิ้นถวิลหา เป็นจำใจจำจนพ้นปัญญา เวทนามาในเรือเห็นเหลือจน แม้นทางป่ากูจะหนีไปลี้ลับ แล้วจะกลับเดินไปในไพรสณฑ์ ถึงมุลนายเขาจะรู้ก็สู้ทน ผิดก็ขวนขวายทรัพย์ไว้รับรอง แต่บรรดาเมียมีคิดหนีหมด แสนรันทดไม่บรรเทาที่เศร้าหมอง นั่งกอดเข่าเร่าร้อนบ้างนอนตรอง บ้างเข้าห้องโงกหงับลงสับเงา เรือก็แล่นลมพัดปัดตะโพก ขย่อนโขยกเต็มใบลมชายเขา ไม่ขัดขวางทางไปในสำเภา ทั้งน้ำข้าวเครื่องเสบียงพอเลี้ยงพล ก็เกือบถึงมรรคาลังกาทวีป พลางแล่นรีบเร็วรัดไม่ขัดสน พวกเรือไฟไขสลักใช้จักรกล ให้รีบร้นข้ามฝั่งไปลังกา ด้วยอำนาจแก้วเก็จเพชรรัตน์ สว่างชัดรุ้งร่วงช่วงเวหา ถึงพลบค่ำย่ำแสงพระสุริยา เรือที่มาเห็นสว่างดั่งกลางวัน ด้วยอำนาจจินดามหาวิเศษ สำแดงเดชฤทธีดีขยัน บรรดาเรือมาประชุมทั้งคุ้มกัน สารพันโรคาไม่ยายี ฯ ๏ จะกล่าวถึงหกกษัตริย์รีบรัดแล่น มาเนืองแน่นตัดทุ่งเข้ากรุงศรี ถึงปากอ่าวลังกาในราตรี ให้เสนีรีบไปบอกออกพระนาม ว่าพระองค์ผู้ดำรงรมจักร กษัตริย์ศักดิ์ครองพาราภาษาสยาม องค์พระศรีสุวรรณวงศ์ทรงพระนาม เสด็จข้ามฝั่งมาถึงธานี พร้อมพระวงศ์พงศาคณาญาติ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นศักดิ์ศรี พระเจ้าอาเชษฐาทุกธานี มาถึงที่ฟากฝั่งเกาะลังกา พร้อมพหลพลรบสมทบทัพ มาตั้งยับยั้งพหลพลอาสา เห็นกำปั่นทอดรายชายคงคา ที่จอดท่าอ่าวแน่นบ้างแล่นราย ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร ให้หยุดพักพวกพหลพลทั้งหลาย ทอดสมอรอเคียงกันเรียงราย เสนานายตรวจตราพลากร ห้ากษัตริย์มาประนมบังคมบาท พระจอมราษฎร์รุ่งพระฤทธิ์มหิศร พร้อมกันในพระที่นั่งลำมังกร พระภูธรรมจักรนครา ฯ ๏ ป่างพระปิ่นภูวไนยปราศรัยทัก ทั้งหลานรักพร้อมหมดตามยศถา แล้วคิดอ่านการจะไปในลังกา เห็นเรือมาคอยปากอ่าวราวสักพัน สินสมุทรวุฒิไกรทูลไทท้าว เราตีอ่าวเข้าไปในไอศวรรย์ เพราะเห็นว่าศึกประชิดเข้าติดพัน มันป้องกันปากน้ำทุกค่ำคืน ที่ร่องเข้ามันก็เอากำปั่นใหญ่ มาจุกไว้สารพัดจะขัดขืน ทั้งสองฝั่งตั้งค่ายมันรายปืน ไว้นับหมื่นป้อมเชิงเทินเนินกำแพง ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงสดับ สั่งกองทัพตั้งมั่นให้ขันแข็ง ครั้นจะเข้าตีตัดฉวยพลัดแพลง จะต่อแย้งไม่ถนัดเห็นขัดเชิง เพราะช่องแคบทางจะเข้าเล่าก็ยาก จะลำบากฉวยว่าเปิดเตลิดเหลิง ด้วยเรือเราปลกเปลี้ยจะเสียเชิง ฉวยละเลิงหลวมตัวสิชั่วจริง จำจะต้องรบกันแต่ชั้นนอก ล่อให้ออกกินเหยื่อเสือสมิง เห็นจะไม่เสียทีดีจริงจริง จะแอบอิงอะไรได้ในทะเล แต่ให้พวกเรือใช้ไปไต่ถาม แจ้งเนื้อความอ้ายจัญไรจะไพล่เผล แม้นได้ช่องล่องลมสมคะเน ตีให้เซสาดออกนอกสันดอน ห้ากษัตริย์ทราบความตามรับสั่ง ถวายบังคมบพิตรอดิศร พร้อมทั้งพวกเสนาพลากร นรินทรกรุงกษัตริย์ให้จัดพล แล้วให้ไปไต่ถามตามฝรั่ง ว่ามาตั้งอยู่ทำไมในสิงหล พวกคนใช้ไปถามตามยุบล กับขุนพลที่สำหรับกำกับเรือ พวกในลำกำปั่นครั้นได้แจ้ง เห็นพูดแข็งขันจริงยิ่งกว่าเสือ ฝ่ายขุนนางที่เป็นใหญ่อยู่ในเรือ ฟังเห็นเหลือดุดันไม่พรั่นพรึง จึ่งว่าท่านคอยอยู่สักครู่ใหญ่ เราจะไปทูลว่าท่านมาถึง คอยรับสั่งหนังสืออย่าอื้ออึง แล้วสั่งซึ่งพวกเสมียนให้เขียนคำ ผู้ที่มาอ่าวใหญ่เขียนใบบอก เสมียนลอกลงสาราเลขขำ แล้วสั่งให้เสนีที่ประจำ เร่งให้นำกราบทูลซึ่งมูลความ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช กับครูบาทหลวงออกไปแล้วไต่ถาม ว่าเอ็งมาว่ากระไรในใจความ เจ้าพวกล่ามส่งสารแก้อ่านพลัน ฯ ๏ ในหนังสือเสนาข้าพระบาท ที่คอยลาดตระเวนแต่งไว้แข็งขัน มีเรือใบเรือรบสมทบกัน ล้วนกำปั่นมากมายหลายตำบล แล้วมีผู้มาถามเอาความถ้อย ว่ามาคอยแย่งชิงเอาสิงหล มันคุกคามถามไต่พวกไพร่พล ก็เป็นจนใจตัวกลัวจะเกิน ครั้นจะบอกดีชั่วกลัวจะผิด ไม่แจ้งจิตยังวิตกระหกระเหิน ขอทราบความตามสาราข้าขอเชิญ เสร็จดำเนินมากำปั่นเหมือนสัญญา ฯ ๏ บาทหลวงแกแจ้งความไปตามเรื่อง ให้แค้นเคืองที่ในจิตผิดแล้วหวา กูจะไปไต่ถามตามสงกา อ้ายมังคลาอยู่ระวังฟังกระบวน กับออท้าวอิศโรเจ้าโกสัย กูจะไปตามระบอบไล่สอบสวน คิดพูดจาเป่าปัดตัดสำนวน พลางก็ชวนเสวกาลงมาพลัน ถึงเรือใหญ่ให้หาพวกมาถาม เอ็งแจ้งความแต่ที่จริงทุกสิ่งสรรพ์ ใครใช้สอยเอ็งมาถามเนื้อความนั้น จงผ่อนผันแจ้งกิจอย่าปิดบัง พวกเรือใช้ไม่กลัวนั่งหัวเราะ อย่าถามเคาะแคะไปเหมือนใจหวัง หกกษัตริย์เสด็จมาเหมือนวาจัง จึงรับสั่งให้มาถามตามคดี ว่าคือใครไหนมาเป็นข้าศึก ทำหาญฮึกตีด่านชานกรุงศรี อันเขตแคว้นแดนลังกาแลธานี ก็เป็นที่ของใครในทุกวัน เร่งถอยกำปั่นไปให้พ้นช่อง เราจะล่องเข้าไปในไอศวรรย์ แม้นมิฟังยังอยู่ได้สู้กัน เร่งผ่อนผันให้เราไปดั่งใจจง ฯ ๏ บาทหลวงฟังเดือดด่าว่าอุเหม่ อ้ายเจ้าเล่ห์จะกระจุยเป็นผุยผง อย่าพูดจาสามารถทำอาจอง ลังกาคงแรกเริ่มเดิมของใคร ฝรั่งเป็นจอมเจิมเฉลิมภพ ขจรจบเขาไม่ลือหรือไฉน จะมาพูดจองหองว่าของไทย ใครยกให้พวกมึงมาพึ่งพิง แล้วพาโลโสวัดกำจัดเสีย เที่ยวเคาะเขี่ยอวดดีให้ผีสิง เองก็มาอวดฉลาดพูดพาดพิง อย่าเย่อหยิ่งฮึกเหิมเหมือนเดิมมา ถือว่าดีมีชัยได้สิงหล กับอ้ายคนถูกยาแฝดแพศยา พระเป็นเจ้าจะบันดาลผลาญชีวา พิฆาตฆ่าพวกมึงให้ถึงใจ เพราะคิดอ่านการชั่วให้มัวหมอง ทั้งพวกพ้องทุจริตผิดวิสัย ให้เขาพลัดศาสนาว่าไปไย มึงเป็นไทยจะมาตั้งไม่บังควร ใช่กษัตริย์ในจังหวัดลังกาทวีป จงเร่งรีบพากันไปอย่าไต่สวน อย่าพูดจากอแกแก้สำนวน เองไม่ควรที่จะมาแกด่าอึง พวกคนใช้ได้ฟังสังฆราช แกกริ้วกราดโกโรโมโหหึง นัยน์ตาเขียวชี้หน้าด่าออกอึง มึงก็มึงกูก็กูได้ดูดี ชีวิตกูอยู่แล้วอย่าพึงนึก จะทำศึกร่ำไปไม่หน่ายหนี กูก็ชาติทองคำน้ำมณี จะเป็นที่บำรุงแก่ฝูงชน ที่จะไม่ทำศึกอย่านึกหมาย ไปบอกนายมึงให้แจ้งแห่งนุสนธิ์ จะตั้งรับทัพไทยจนวายชนม์ ไม่ย่อย่นกลัวเจ็บจนเย็บตา พวกคนใช้กลับไปไม่รอรั้ง ครั้งถึงยังกำปั่นด้วยหรรษา ทูลข้อความตามได้ไปพูดจา บาทหลวงมาดุดันเป็นควันไป แล้วชี้หน้าท้าทายเห็นร้ายกาจ ขู่ตวาดด่าว่าไม่ปราศรัย แล้วก็ว่ามาข่มเหงไม่เกรงใจ อันกรุงไกรลังกาของตายาย ประเดี๋ยวนี้พวกไทยมาไล่ขับ แล้วก็กลับมาริบเอาฉิบหาย พลางกราบทูลรำพันบรรยาย เล่าถวายหกพระองค์ให้ทรงฟัง ฯ ๏ สินสมุทรสุดแสนแค้นบาทหลวง มันจาบจ้วงโยโสทั้งโอหัง เมื่อคราวโน้นแทบจะตายวายชีวัง หนีไปทั้งไพร่พลอ้ายคนโกง ยังกลับมาว่าขานพาลทะเลาะ อ้ายเจ้าเคราะห์วุ่นวายจะตายโหง ทุดอ้ายคนปากกล้าบ้าลำโพง มันโป้งโหยงอวดอ้างทางสำนวน แล้วทูลกับพระเจ้าอาว่าอ้ายนี่ มันถือดีเป็นอย่างไรเร่งไต่สวน อย่ารอรั้งตั้งทัพจับกระบวน กาลก็จวนจะเป็นฝนคนระอา แม้นเกิดเป็นพายุระบุระบัด จะแล่นตัดเข้าลำบากยากนักหนา พวกข้าศึกมันก็ร้ายชายคงคา แม้นลมกล้าตีออกนอกสันดอน จะเสียทีหลีกหลบประจบยาก ครั้นจะบากเข้าไปใกล้สิงขร แล้วก็เป็นหินผาหน้าสันดอน แต่ละก้อนมิใช่น้อยตั้งร้อยพัน ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร ฟังหลานรักทูลชี้ดีขยัน จึ่งว่าเจ้าจะเข้ารบสมทบกัน ตีประจญอานะได้เกณฑ์ไพร่พล ทั้งเรือรบเรือไล่ใส่อาวุธ ปืนคาบชุดถือให้ทั่วตัวพหล แล้วตรัสสั่งนายทัพกำกับพล เร่งตรวจคนให้ประจำทุกลำเรือ วายุพัฒน์หัสกันเป็นกองหนุน พวกญี่ปุ่นเกณฑ์ให้เป็นฝ่ายเหนือ หัสไชยปีกขวาพวกกล้าเรือ ทหารเสือเข้มเข็งแรงกำลัง วลายุดาปีกซ้ายฝ่ายทหาร ถือแต่ขวานเอ้หมึงดูขึงขัง สินสมุทรฤทธิรงค์ทรงกำลัง ทหารนั่งถือโล่แลโตมร เป็นทัพหน้ากล้าแข็งแต่งพหล แต่ล้วนคนอำมหิตทั้งพิษศร ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นนคร พลนิกรรมจักรนัครา เป็นทัพหลวงล่วงมหาสาคเรศ ดังเทเวศร์ออกสงครามงามนักหนา พร้อมพระองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ออกเภตราโห่เร้าจะเอาชัย เรือกระบวนถ้วนทั่วตัวพหล แล้วยกพลธงทิวปลิวไสว ออกกำปั่นครั่นครื้นยิงปืนไฟ ให้คลี่ใบแล่นหลามไปตามกัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ลงนั่งง่วงตรองตรึกนึกใฝ่ฝัน คงจะเป็นศึกกระหนาบเกี่ยวคาบกัน เห็นแม่นมั่นเขาจะยกทั้งบกเรือ จำจะคิดผ่อนปรนพลไพร่ กำปั่นใหญ่คอยรับกองทัพเหนือ ทั้งห้าร้อยคอยประจำทุกลำเรือ จัดข้าวเกลือเครื่องเสบียงไว้เลี้ยงพล ฉวยข้าศึกฮึกฮักเข้าหักหาญ คงกันดารสารพัดจะขัดสน จำจะคิดถ่ายเทด้วยเล่ห์กล ผูกหุ่นมนต์ไว้รับกองทัพมัน ฯ ๏ จะกล่าวถึงเทวสินธุ์นรินทร์รัตน์ สามกษัตริย์รีบร้นพลขันธ์ พร้อมกระบวนเรือที่นั่งทั้งดั้งกัน อีกสามวันจะกระทั่งถึงลังกา ข้ามประเทศเขตแคว้นแดนสุหรัด สามกษัตริย์พร้อมกันต่างหรรษา แล้วทูลถามท้าวไทอัยกา นี่พาราขอบเขตประเทศใด ท้าวรายาเรียกหาเอาแผนที่ มานั่งชี้แถวทางสว่างไสว นี่ประเทศเขตสุหรัดถัดออกไป เมืองบุมไบสองพาราทำผ้าลาย ย่ำมะหวาดต่างสีเขามีมาก แล้วมักฝากกำปั่นใหญ่เอาไปขาย ในเมืองไทยได้ราคาขายผ้าลาย ทั้งหญิงชายซื้อกันทุกวันคืน เรือก็แล่นเลยมาในสาคเรศ พ้นประเทศลมกล้าเหลือฝ่าฝืน พอเย็นย่ำคล้ำนภางค์เป็นกลางคืน บังเกิดคลื่นลมกล้าสลาตัน ให้รอราซาใบไว้แต่ห่าง พอเดือนสางลมอ่อนจึงผ่อนผัน ท้องทะเลก็ค่อยสร่างกระจ่างจันทร์ ดาวก็ดั้นเด่นรายจับสายชล สามกษัตริย์ทัศนาดารารัตน์ แจ่มจำรัสห้องฟ้าเวหาหน ท้าวรายาเธอก็รู้ดูฤกษ์บน เห็นพิกลดาวพฤหัสสวัสดี เข้าเคียงกับกติกาตำราบอก ว่าเดินออกมาร่วมจักรราศี พวกอาจารย์จะต้องวิ่งเป็นสิงคลี เพราะดาวนี้บอกตรงพ่อจงฟัง จะถอยถดหมดความรู้อยู่ไม่ได้ ตำราไว้มิได้ผิดอย่าคิดหวัง แล้วจะเสื่อมเกียรติยศหมดกำลัง จะเซซังเหมือนหนึ่งว่าตำราทาย อสุนีฤกษ์หนึ่งแม้นถึงเข้า โหราเฒ่าว่าไว้ดังใจหมาย มักเกิดยุคทุกข์ภัยไม่สบาย เขาทำนายในตำราพยากรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราอาณาจักร บอกหลานรักดูดาราตาจะสอน สามกษัตริย์ยินดีชุลีกร เรือก็จรมาในทางกลางทะเล น้ำค้างย้อยพรอยพรมเป็นลมว่าว ให้แล่นก้าวเรือกำปั่นออกหันเห พวกนายท้ายหมายทิศอาคเนย์ ในทะเลแล่นเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา กำดัดตึกเดือนสว่างกระจ่างเมฆ การเวกร่อนร้องก้องเวหา หัสดินบินชมยมนา ในเวลาเที่ยงดินพื้นโพยม เสียงเหมหงส์ส่งเสียงสำเนียงแจ้ว ดั่งปี่แก้วก้องกึกโห่ฮึกโหม เหมือนสังคีตดีดสีตีประโคม ที่ทุกข์โทมนัสนั้นค่อยบรรเทา สถิตแท่นพรรณรายท้ายบาหลี บนเก้าอี้ลายปรุฉลุเฉลา จวนจะแจ้งสุริย์ฉายขึ้นพรายเพรา เสด็จเข้าไสยาสน์บนอาสน์ทอง แสนคะนึงถึงชนกที่ปกเกล้า จะโศกเศร้าทุกข์ในพระทัยหมอง หรือจะไม่สมนึกเหมือนตรึกตรอง เสร็จอยู่ห้องแห่งหนตำบลใด พอม่อยหลับกลับทรงสุบินนิมิต ว่าอาทิตย์แจ่มกระจ่างสว่างไสว แล้วกลับมืดมัวคลุ้มชอุ่มไป ประเดี๋ยวใจเกิดเป็นเพลิงขึ้นเริงแรง ไหม้ข้างทิศบูรพาเวหาหน ทั้งมืดมนตะวันปิดจนมิดแสง แต่สีไฟในอากาศยิ่งดาดแดง ประเทืองแสงรุ่งโรจน์โชตินา แล้วเกิดฝนบนฟ้าวลาหก บันดาลตกดับไฟในเวหา แล้วก็เห็นนงคราญผู้มารดา เสด็จมาอุ้มแอบแนบอุทร ให้เสวยกษิราโอชารส อันปรากฏชื่นจิตอดิศร แล้วประทานภูษาเครื่องอาภรณ์ พอทินกรใสสว่างกระจ่างดวง พระพลิกฟื้นตื่นจากที่ไสยาสน์ ให้หวั่นหวาดในพระทัยนั้นใหญ่หลวง เสด็จออกพร้อมพหลพลทั้งปวง ตามกระทรวงแต่บรรดาเสนานาย เสด็จนั่งแท่นสบายท้ายบาหลี พระภูมีคิดไปพระทัยหาย พอท่านท้าวเจ้าพระยาเสนานาย มาพร้อมท้ายเภตราสภาวร ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์ราช จึงทูลบาทบพิตรอดิศร ว่าคืนนี้หลานคิดสนิทนอน บนบรรจถรณ์แท่นรัตน์ชัชวาล เกิดนิมิตผิดประหลาดอนาถนัก พระทรงศักดิ์กรุณาเมตตาหลาน ให้โหรทายรายดีที่รำคาญ ในอาการความฝันที่รัญจวน ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวาอาณาเขต ครั้นแจ้งเหตุตามระบอบเธอสอบสวน จึ่งหาโหรข้างชวามาประมวล คิดคำนวณเรื่องสุบินที่กินใจ พระเทวสินธุ์แจ้งสุบินโหรารับ แล้วนั่งนับตามดิถีคัมภีร์ไสย ในสุบินว่าอาทิตย์ฤทธิไกร นั่นจะได้แก่พระองค์พงศ์ประยูร แล้วเห็นไฟไหม้อยู่ข้างบูรพทิศ เป็นควันปิดสุริย์ฉายให้หายสูญ จะได้แก่น้ำเนื้อเชื้อตระกูล ดังข้าทูลบาทบงสุ์พระทรงธรรม ซึ่งฝันว่าตกลงมาจากอากาศ ด้วยอำนาจเทพไทในสวรรค์ สำแดงบุพนิมิตประสิทธิ์ครัน ช่วยป้องกันอันตรายเมื่อปลายมือ ซึ่งว่าองค์ชนนีมีพระเดช มาโปรดเกศรับรองประคองถือ แล้วประทานเครื่องประดับให้กับมือ จะเลื่องลืออานุภาพปราบณรงค์ ข้อที่ได้กษิรามาเสวย แล้วก็เลยตื่นประทมสมประสงค์ จะได้รู้จักเชื้อในเนื้อวงศ์ คงดำรงเกียรติยศปรากฏไป เหมือนคำข้ากราบทูลทำนายฝัน ข้างต้นนั้นร้ายแรงแถลงไข ต่อปลายมือนั้นจะดีทั้งมีชัย ประเสริฐในสุริย์วงศ์ดำรงวัง พระเทวสินธุ์ฟังสิ้นโหราเฉลย ไม่เสบยนึกในพระทัยหวัง ให้รุ่มร้อนในกมลพ้นกำลัง จึ่งตรัสสั่งเสนีผู้ปรีชา ให้เตรียมคนพลรบสมทบไว้ กำปั่นใหญ่ทหารหมื่นถือปืนผา เกือบจะใกล้เขตแคว้นแดนลังกา ท้าวรายาก็บังคับกำชับพล เรือก็แล่นลมเฉื่อยระเรื่อยลิ่ว ธงก็ปลิวใบสล้างมากลางหน เกือบถึงด่านชานชลาในสาชล พวกต้นหนแขกชวาให้ชาใบ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายหกพระองค์พงศ์กษัตริย์ แล่นมาอัดเรือแพแลไสว พวกทหารโห่ร้องออกก้องไป ยิงปืนใหญ่ยักกะตราขานกยาง ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงจัดกำปั่นไว้พันร้อย ให้ออกลอยแล่นลัดสกัดขวาง ปะทะทัพรับรองแหวกช่องทาง ทั้งสองข้างคอยสกัดตัดกระบวน สินสมุทรเธอชำนาญในการรบ ให้สมทบยิงระดมเมื่อลมหวน จะได้ทิ้งก้อนหินดินชนวน เมื่อเรือจวนจะปะทะเข้าปะกัน ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงเห็นเรือมาเหลือหลาม แล่นมาตามชายทะเลบ้างเหหัน ที่เปิดช่องร่องน้ำนั้นสำคัญ มันไม่หันเข้าไปจนใจจริง กูเปิดซ่องร่องไว้มันไม่เข้า เห็นจะเปล่าเสียทีดั่งผีสิง ค่อยบอกกล่าวสั่งสอนคอยค้อนติง แกให้ยิงปืนสัญญาที่หน้าเรือ พวกพหลพลไพร่จะได้รู้ ให้แล่นกรูกันเข้าไปตั้งใต้เหนือ พลางแกว่งชุดจุดปืนสำหรับเรือ ทั้งใต้เหนือแล่นกรูรู้สัญญา สินสมุทรเห็นกำปั่นฝรั่งออก แล้วตรัสบอกพวกพหลพลอาสา ให้ปล่อยปืนครื้นครั่นตามสัญญา แล่นเข้ามาใกล้กันประจัญบาน ปล่อยปืนใหญ่ตูมตึงเสียงผึงโผง ถูกเสากระโดงหักฟาดเสียงฉาดฉาน ฝรั่งรับทัพขันประจัญบาน เข้าต่อต้านยิงแย้งแทงด้วยตรี ทหารไทยได้ช่องร้องให้รับ ปล่อยปืนตับยืนรายท้ายบาหลี ระดมยิงทิ้งชุดจุดอัคคี พอลมดีพัดปะทะเข้าปะกัน ฝรั่งพุ่งแหลนหลาวเอาง้าวฟาด เสียงฉับฉาดฟันแทงด้วยแข็งขัน บาทหลวงเร่งพลรบสมทบกัน ตีประจัญดาษดาในสาคร ทหารไทยไล่ฟันกระชั้นชิด แทงด้วยกริชตายทับสลับสลอน ข้างพวกไทยเจ็บป่วยบ้างม้วยมรณ์ พลนิกรสองฝ่ายตายเป็นเบือ ฯ ๏ ฝ่ายกองทัพพระวลายุดาราช ไล่พิฆาตรับไว้ข้างฝ่ายเหนือ วายุพัฒน์หัสไชยคอยไล่เรือ ข้างฝ่ายเหนือล่วงลงมาเข้าราวี ยิงแตกจมล้มตายเสียหลายร้อย ฝรั่งถอยหลังกลับขยับหนี บาทหลวงเห็นหัสกันเข้าทันที แกยืนชี้หน้าด่าตาเป็นมัน ฯ ๏ อุเหม่มึงทิ้งญาติทิ้งศาสนา มาลอยหน้ารบกับกูเป็นคู่ขัน ไปเข้าพวกไทยสนิทเข้าติดพัน มาช่วยกันรบกูผู้อาจารย์ พระเป็นเจ้าเยซูผู้ได้โปรด จะลงโทษมึงให้ดิ้นสิ้นสังขาร เพราะไม่ฟังคำกูผู้อาจารย์ จะบันดาลพวกมึงให้ถึงตาย แล้วจะให้ไปตกนรกสิ้น ให้มึงดิ้นดาลเดือดไม่เหือดหาย จะตีระฆังแช่งมึงให้ถึงตาย พวกข้างฝ่ายฝรั่งตั้งบาญชี ว่าพวกเอ็งคนอุบาทว์ล้างศาสนา เมืองลังกาย่อยยับดั่งสับสี ทางจะสอนศาสนาในบาลี มาป่นปี้เสียเพราะมึงอย่าพึงแคลง ฯ ๏ วายุพัฒน์ขัดใจทำไมข้า จะมาด่ากันเล่นเป็นแขนง เพราะเชื่อคนมุทะลุมายุแยง จนพลัดแพลงพ่อแม่ไปแต่ตัว ยังจะมาว่าขานเป็นการหยาบ เอาเรื่องบาปหลอกข้ามันน่าหัว นี่หากว่าหนีปลอดได้รอดตัว ถ้าแม้นมัวหลงเชื่อก็เหลือตาย อย่าว่าแต่ตีระฆังตั้งด่าแช่ง จะนอนตะแคงนอนคว่ำคะมำหงาย ไม่คบคนเกเรเพทุบาย ใครทำลายศาสนามาด่าอึง จะให้ตัดเหล่ากอทิ้งพ่อแม่ พูดกอแกโกโรโมโหหึง เราไม่ใช่ชาติพาลสันดานดึง ใครโกรธขึ้งก็ไม่กลัวช่างหัวใคร ฯ ๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแสนพิโรธ เหลือจะโกรธเต็มประดาน้ำตาไหล น้อยหรือมันพูดข่มเหงไม่เกรงใจ จะคิดให้คนชั่วมันกลัวเกรง แกตรองตรึกนึกไปว่าอ้ายนี่ แม้นเสียทีมันจะรุมกันคุมเหง จำจะต้องเพทุบายให้หลายเพลง เอาให้เกรงกูจนได้ในวิชา แล้วสั่งพวกต้นหนคนทั้งหลาย เอาเรือรายตามฝั่งระวังหนา อย่าให้มันเข้าไปได้ในลังกา คอยรักษาปากน้ำที่สำคัญ ค่ำวันนี้กูจะตีให้แตกยับ เร่งกำชับทุกหมวดให้กวดขัน พอเย็นพยับอับสีรวีวรรณ พลขันธ์ตีฆ้องกลองสัญญา ทั้งสองข้างต่างสงบไม่รบรับ พากันกลับถอยหลังเข้าฝั่งฝา บ้างก็จัดของเสบียงเลี้ยงโยธา หุงข้าวปลากินอยู่ทุกผู้คน ฯ ๏ ครั้นเดือนเด่นเห็นสว่างกลางอากาศ ขุนอำมาตย์ตรวจทั่วตัวพหล ให้ระวังนั่งอยู่ทุกผู้คน ระวังกลข้าศึกคิดตรึกตรอง ให้นั่งยามตามไฟในกำปั่น จงพร้อมกันคอยฟังรับสั่งสนอง เครื่องอาวุธสาตราขนมากอง อย่าให้ต้องไปหาจะช้าที ของของใครจัดไว้ให้ครบถ้วน ตามกระบวนแต่บรรดากะลาสี ใครประมาทราชอาญาจะฆ่าตี ผลาญชีวีผู้นั้นให้บรรลัย ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นเทวสินธุ์ เทพจินดาน้องค่อยผ่องใส ทั้งราเมศสุริย์วงศ์ผู้ทรงชัย กับท้าวไทรายามาด้วยกัน พอถึงยังลังกาอาณาเขต ถิ่นประเทศภพไกรไอศวรรย์ เห็นเรือแพคับคั่งประดังกัน ล้วนกำปั่นรบเรียงเคียงประดา ให้ลดใบรั้งรอแต่พอเช้า จะฟังข่าวพวกพหลพลอาสา ทอดสมอรอเรียงเคียงกันมา แต่บรรดากำปั่นทั้งพันปลาย ฯ ๏ จะกล่าวข้างสังฆราชพระบาทหลวง แกร้อนทรวงแค้นใจมิใคร่หาย จำจะคิดแยบยลกลอุบาย ดูแยบคายข้าศึกพลางตรึกตรอง จะแก้แค้นแทนทดไม่ลดละ ขอเดชะพระช่วยเราที่เศร้าหมอง แล้วจึ่งหยิบหญ้าคาออกมากอง จัดสำรองมัดพยนต์เป่ามนตรา เป็นรูปทูตเยซูผู้วิเศษ แล้วอ่านเวทที่สำหรับกับคาถา แกสั่งซึ่งข้อความตามสัญญา โยนขึ้นอากาศดังเสียงวังเวง เป็นดีดสีปี่กลองก้องสนั่น บันลือลั่นไพเราะเสียงเหมาะเหมง ในเวลากลางคืนเสียงครื้นเครง ฟังวังเวงพริ้งเพราะเสนาะครวญ ไปลอยอยู่บนนภางค์กลางเวหน ให้ฝูงคนตกตะลึงคะนึงหวน ตรงกำปั่นสันโดษทำโอดครวญ ทั้งกระบวนกองทัพนิ่งตรับฟัง ฯ ๏ หกกษัตริย์ทัศนาบนอากาศ เห็นประหลาดหลากในพระทัยหวัง จึ่งว่าจะเป็นอะไรพึ่งได้ฟัง แล้วตรัสสั่งเสนีผู้ปรีชา อย่าไว้ใจในตำบลกลศึก จงตรองตรึกโกลาหลบนเวหา เราเห็นจะเกิดการเป็นมารยา ขุนเสนาจงกำกับอย่าหลับนอน ศรีสุวรรณชั้นเชิงเป็นผู้ใหญ่ อย่าไว้ใจนักหนาอาจะสอน ทั้งลูกหลานการมาในสาคร กำลังร้อนศึกประดังยังไม่วาย พอขาดคำร่ำสอนเสียงดีดสี ที่อึงมี่สำเนียงเสียงก็หาย สักครู่หนึ่งเปล่งแสงสำแดงกาย กล่าวอุบายแผดร้องก้องตะโกน ว่าเหวยเหวยกษัตราพวกฝาหรั่ง จงยับยั้งเอ็งอย่าเต้นเหมือนเล่นโขน กูนี้คือทูตสวรรค์ใช่พรรค์โจร จงเร่งโอนอ่อนน้อมให้พร้อมกัน พระเป็นเจ้าเยซูผู้ประสิทธิ์ ทศพิธตรึงส์ไตรเจ้าไอศวรรย์ รับสั่งให้กูมาห้ามปรามสามัญ อย่าดึงดันจงระงับเร่งกลับใจ ไปงอนง้อขอโทษพระบาททลวง ที่ร้อนทรวงไปสมาอัชฌาสัย ความชั่วช้าสามานย์ประการใด จะกลับใจหรือไม่กลับจงรับคำ กูนี้หรือคือทูตไม่พูดหยอก แม้นเอ็งบอกจะช่วยชุบอปถัมภ์ แล้วจะจดชื่อเสียงเรียงถ้อยคำ กูจะนำไปบนฟ้าไม่ช้าที ฯ ๏ หกกษัตริย์ฟังอรรถบนอากาศ แปลกประหลาดหลากพระทัยในวิถี ไม่เห็นหนกายินทั้งอินทรีย์ มาเกิดมีในนภางค์เมื่อกลางคืน วายุพัฒน์นัดดาจึ่งว่าขาน มาเกิดการผิดตำราไม่ฝ่าฝืน จำจะคิดแก้ไขในกลางคืน พลางลุกยืนร้องไปเป็นใจความ เอ็งนี้หรือคือทูตในสวรรค์ มาหลอกกันหรือกระไรขอไต่ถาม กูไม่เชื่อเบื่อหูรู้ในความ มาคุกคามหลอกกันด้วยมารยา พลางเรียกยักษ์ชักพระขรรค์ออกกวัดแกว่ง เป็นสีแสงส่องสว่างกลางเวหา เป็นเปลวไฟไหม้พยนต์บนเมฆา ก็หนีมาจากที่เร็วรี่ไป ฯ ๏ บาทหลวงเห็นหุ่นมนต์พยนต์หญ้า มาบนฟ้าไฟติดผิดวิสัย แล้วตกลงมาพลันด้วยทันใด ลุกเป็นไฟไหม้ป่นไม่ทนทาน ประหลาดจิตผิดเชิงเพลิงที่ไหน มาเกิดไหม้ตกลงใครจงผลาญ แกสั่งทุกหมู่หมวดให้ตรวจการ เร่งทหารตามตำแหน่งให้แต่งพล จะยกเข้าชิงชัยอย่าได้ช้า ทั้งปืนผาเตรียมให้ทั่วตัวพหล ครั้นสั่งเสร็จโยธาพลาพล จะเข้าปล้นไพรีให้มีชัย พอลมพัดจัดมาเวลาดึก เสียงครั้นครึกกลางมหาชลาไหล ให้ตีกลองฆ้องระฆังประดังไป ยิงปืนใหญ่ออกกำปั่นมิทันนาน ให้แล่นเรียงเคียงเข้าพุ่งหลาวแหลน ทั้งโล่แพนครบทั่วตัวทหาร ล้มปะทะปะทันประจัญบาน พวกทหารไทยระวังตั้งกระบวน พอข้าศึกฮึกฮักเข้าหักหาญ ด้วยเตรียมการตามระบอบคอยสอบสวน ไม่ประมาทคาดใจทั้งใคร่ครวญ พอเรือจวนถึงกันโห่สัญญา ระดมยิงปืนตับทั้งคาบชุด แกว่งอาวุธโล่แพนไว้แน่นหนา เอาหม้อดินโยนไปในเภตรา ดาษดาลุกเป็นไฟที่ในเรือ ถูกฝรั่งล้มตายวายชีวาตม์ เอาง้าวฟาดใครเข้าใกล้มิได้เหลือ ทั้งเชือกเสาเพลาใบไหม้เป็นเบือ พวกในเรือดับไฟมิได้นาน พอเข้าใกล้ได้ทีเอาขอสับ โดดขึ้นรับฟันฟาดชาติทหาร ฝรั่งเห็นเสียเชิงละเลิงลาน จะต้านทานตามกำลังระวังตัว บาทหลวงเห็นทัพไทยไล่กระหนาบ แกชักดาบคอยสกัดจะตัดหัว แล้วประกาศโยธาเอ็งอย่ากลัว บอกให้ทั่วแต่บรรดาเสนานาย แล้วให้ยิงปืนพิรุณกระสุนแตก เอาสาแหรกชักขึ้นไปดั่งใจหมาย เสียงตูมตึงผึงแยกแตกกระจาย พลนิกายข้างไทยบรรลัยลาญ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมปัถพินนรินทร์รัตน์ โองการตรัสปรึกษาบรรดาหลาน ให้ยกเอาค่ายวิหลั่นมิทันนาน ขึ้นต้านทานโดยกำลังบังลูกปืน แต่รบรับทัพฝรั่งกำลังศึก เสียงครื้นครึกเภตราไม่ฝ่าฝืน พอเกิดลมแดงตั้งขึ้นกลางคืน ระลอกคลื่นตีกำปั่นสนั่นดัง พระจันทร์อับลับฟ้าเวหาหน บังเกิดฝนตกพรำเป็นน้ำขัง สุนีเปรี้ยงเสียงลั่นสนั่นดัง คงคาคลั่งเรือซัดกระจัดกระจาย ทหารรบหลบฝนทนไม่ไหว หนาวในใจเย็นอยู่ไม่รู้หาย ลูกพายุป่วนปัดบ้างพลัดพราย ที่ในสายสาคโรชโลทร โดนกันแตกแยกย้ายไปหลายร้อย บ้างซัดถอยเข้าตลิ่งเกยสิงขร จนเป็นเหยื่อฝูงปลาในสาคร หนทางจรมิได้รู้ทุกผู้คน ทั้งมืดค่ำคล้ำมัวทั่วอากาศ ลมก็กราดไปไม่แจ้งรู้แห่งหน ทั้งเรือไทยเรือฝรั่งในวังวน ก็ซัดปนกันไม่รู้ว่าผู้ใด หกกษัตริย์ซัดเข้าอ่าวสิงหล แต่มืดมนมิได้แจ้งตำแหน่งไหน เรือฝรั่งลมกราดสาดออกไป ถูกคลื่นใหญ่โต้หน้าพะว้าพะวัง ฝนก็ตกมิได้หยุดสุดความคิด เป็นจนจิตด้วยกันหมดกำหนดหวัง พวกต้นหนนายเรือเหลือกำลัง ไม่เห็นฝั่งเห็นฟ้าระอาจริง ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเจ้าตำรานั้นอ้าปาก ลงนั่งรากแทบจะตายสวายสวิง ดูหน้าเขียวร่างกายคล้ายกับลิง นั่งแอบอิงถังน้ำมือคลำปืน สิ้นสติความกลัวขนหัวลุก ทั้งเจ็บจุกเต็มประดาเหลือฝ่าฝืน ไหนจะหนาวเหน็บเย็นเป็นกลางคืน ทั้งลมคลื่นก็ไม่ซาระอาใจ ฟ้าก็ร้องก้องเปรี้ยงเสียงสนั่น พิลึกลั่นโกลาสาธุไหว วิถีทางกลางมหาสมุทรไท เป็นคลื่นใหญ่เหลือล้นคณนา บาทหลวงเรียกเยซูให้ชูช่วย อย่าให้ม้วยมรณังสิ้นสังขาร์ เรือก็แคลงแพลงสะบัดซัดออกมา ไกลลังกาเหลือกำหนดหมดด้วยกัน แต่แตกล่มจมตายเสียหลายร้อย ทั้งยับย่อยเต็มประดาแทบอาสัญ เหลือจะฝืนคลื่นลมระดมกัน สลาตันตีส่งให้หลงทาง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายกำปั่นหกกษัตริย์ เมื่อลมพัดเข้าไปปะปะทะขวาง ถึงปากอ่าวเข้าได้ในหนทาง เรือก็ขวางเกะกะเข้าปะปน ด้วยมืดเหลือฝนฟ้าในอากาศ แต่ชายหาดก็ไม่แจ้งรู้แห่งหน จะจุดไฟก็ไม่ติดผิดพิกล เป็นเหลือทนหนาวเหน็บเจ็บระบม พวกล้าต้าต้นหนคนทั้งหลาย ทั้งบ่าวนายลมจับนอนทับถม บ้างก็ได้ผิวมะกรูดมาสูดดม พอดับลมเวียนศีรษะปะทะทรวง แต่บรรดามาในลำเรือกำปั่น ให้หวาดหวั่นในใจเป็นใหญ่หลวง ทั้งพหลพลไกรไพร่ทั้งปวง ลงนอนง่วงหงอยเหงาเศร้าอุรา เปรียบเหมือนคนง่อยเปลี้ยเสียจักขุ สดิผุเต็มคิดผิดนักหนา จนความรู้ดูในทางกลางชลา ไม่เห็นฟ้าเห็นน้ำที่สำคัญ แต่ลมส่งตรงเข้าในอ่าวสมุทร พัดไม่หยุดวนเวียนทั้งเหียนหัน ที่นั่งทรงองค์กษัตริย์หัสกัน ยังป่วนปั่นอยู่ข้างขวาหน้าสันดอน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในลังกาอาณาจักร ก็พร้อมพรักทวยหาญชาญสมร ทุกหมู่หมวดตรวจตราพลากร สุดสาครสั่งมหาเสนาพลัน เวลาเช้าเราจะยกเข้าตีด่าน เตรียมทหารกองแซงให้แข็งขัน กระบวนหน้าวาหุโลมพวกโจมฟัน พลขันธ์บินได้ในอัมพร จึงสั่งท่านจักราพฤฒาเฒ่า จงช่วยเราเร่งรัดจัดพหล เวลาใดดูสอบให้ชอบกล ทั้งเวทมนตร์ท่านช่วยปัดกำจัดภัย อันฤกษ์ยามตามแต่ดีที่ประสงค์ โดยจำนงแล้วจงแจ้งแถลงไข เราจะยกเข้าตีให้มีชัย เอาให้ได้ปากน้ำที่สำคัญ ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช แต่คอยบาทหลวงหายไม่ผายผัน ตั้งแต่ลงไปเภตราได้ห้าวัน คนทั้งนั้นพากันหายไม่ได้ความ แต่วันนี้มีพายุผิดประหลาด ฝนก็สาดเหลือจะให้ไปไต่ถาม ทั้งมืดมัวทั่วทิศจะติดตาม ก็เป็นความจนใจในกลางคืน จึงตรัสสั่งเสนาพวกม้าใช้ พอสุริย์ใสส่องหล้าจงฝ่าฝืน รีบไปสืบที่เรือเมื่อกลางคืน ได้ยินปืนเสียงก้องท้องทะเล ครั้นดึกดื่นปืนเงียบพอฝนตก กูหนักอกนึกพรั่นคิดหันเห ไม่ไว้ใจในห้องท้องทะเล เหลือคะเนด้วยหนทางก็ห่างไกล ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์รัตน์ สามกษัตริย์พี่น้องไม่ผ่องใส สะท้านท่าวหนาวฝนจนพระทัย ทอดอยู่ในท้องสมุทรสุดรำพึง ห่างกับเกาะลังกาสิบห้าโยชน์ ด้วยมีโขดพายุใหญ่ไปไม่ถึง เป็นแต่ฝนมืดไปให้รำพึง นึกคะนึงมิได้เบาบรรเทาทรวง แต่มืดมนอนธการ์เวหาห้อง จะแล่นล่องเหลือคะเนทะเลหลวง ต่อรุ่งรางสุริเยนทร์ขึ้นเด่นดวง จึ่งจะล่วงแล่นเข้าไปในลังกา พระตรองตรึกนึกวิตกให้หมกมุ่น แต่พิรุณยังไม่ห่างกลางเวหา ฟ้าคะนองก้องดังฝั่งชลา ยมนาคลื่นคลั่งฝั่งสินธู ด้วยอำนาจแก้วเก็จเพชรรัตน์ พวกฝูงสัตว์กลัวขย้อนจนอ่อนหู ทั้งคุ้มครองป้องปัดพวกศัตรู ใครต่อสู้แรงน้อยถอยกำลัง ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โทมนัสนึกในพระทัยหวัง จึงปรึกษาห้ากษัตริย์ตรัสให้ฟัง เหลือกำลังที่ไม่เห็นเป็นกลางคืน จะเลี้ยวซ้ายแลขวาให้ว้าเหว่ เหลือคะเนสารพัดจะขัดขืน ไม่เห็นฟากเห็นฝั่งเป็นกลางคืน ทั้งลมคลื่นมิได้หยุดสุดรำพึง จะเสี่ยงสัตย์อธิษฐานการกุศล ให้ลมฝนบางเบาพอเข้าถึง เดชะบุญคุณพระธรรมที่รำพึง ให้สมซึ่งความประสงค์ที่จงใจ หกกษัตริย์พัทยาเทพารักษ์ อันสำนักเขาเขินเนินไศล ขอเชิญช่วยบำบัดกำจัดภัย การที่ในทะเลลมยมนา พอสินคำหกกษัตริย์อธิษฐาน ลมบันดาลเบาบางกลางเวหา ฝนก็ค่อยน้อยลงทั้งคงคา เป็นคลื่นกล้าก็ค่อยเบาบรรเทาลง แต่มืดมนนั้นไม่เบาบรรเทาหาย พวกนายท้ายเสียเชิงละเลิงหลง เพราะไม่เห็นแผ่นเขียนให้เวียนวง จึงซัดหลงเปิดเปิงกระเจิงไป จวนจะรุ่งสุริยาในอากาศ ภาณุมาศเยื้องเยี่ยมเหลี่ยมไศล แต่อากาศเมฆกลุ้มชอุ่มไป จึงมิได้เห็นสว่างกระจ่างตา ตะวันเที่ยงเป็นแต่สางยังตรู่ตรู่ พวกคนผู้ในกำปั่นต่างหรรษา ค่อยสร่างเมาเร่าร้อนในอุรา หุงข้าวปลากินพลางพอสร่างลม แต่ทิศเหนือทิศใต้ยังไม่เห็น ครั้นตกเย็นมืดอย่างป่างประถม แต่ฝนค่อยเบาบางน้ำค้างพรม ทะเลลมค่อยสบายเรือหายแคลง เหล่าล้าต้าต้นหนคนทั้งหลาย พลนิกายเหลือปัญญาที่กล้าแข็ง เป็นจนใจไม่ประมาทฉวยพลาดแพลง ไม่รู้แจ้งไปหนตำบลใด จึงกราบทูลมูลเหตุประเทศถิ่น ทั้งฟ้าดินมิได้เห็นว่าเป็นไฉน ตามแต่จะโปรดปรานสถานใด จะปล่อยไปหรือจะจอดทอดเภตรา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสถามไต่อย่างไรหนา จะปล่อยไปในทะเลตามเวรา แต่ฝั่งฝาก็ไม่เห็นเป็นแต่ควัน จำจะจอดทอดสู้อยู่ที่นี่ พอเห็นที่ทางจรจึงผ่อนผัน เป็นเวลาหมอกกลุ่มชอุ่มควัน จะด้นดั้นก็ไม่เห็นไม่เป็นการ ฉวยเรือแตกแยกย้ายก็ตายเปล่า จะโดนเดามีภัยหลายสถาน ผิดก็สู้อยู่ที่วนชลธาร บุญบันดาลก็จะได้ไปลังการ เมื่อมิหายแม้นจะตายอยู่ที่นี่ ก็เป็นที่เหยื่อสัตว์ฝูงมัจฉา ก็ตามบุญตามกรรมได้ทำมา พระนัดดาพ่อจะเห็นเป็นอย่างไร ห้าพระองค์ทรงฟังรับสั่งตรัส ประนมหัตถ์ทูลแจ้งแถลงไข สุดแต่พระโองการสถานใด ก็ตามในทรงธรรม์จะบัญชา ชีวิตข้าพี่น้องขอรองบาท ตามพระราชประสงค์พวกพงศา ไม่ขอห่างร้างไปไกลบาทา ตามเวราที่ได้สร้างเหมือนอย่างทูล ฯ ๏ ป่างพระจอมรมจักรนคเรศ แสนเทวศในพระทัยเจ้าไอศูรย์ จึงปลอบวงศ์พงศาอย่าอาดูร แม้นลับสูญก็คงม้วยลงด้วยกัน จึงสั่งให้ทอดสมอรออยู่นี่ ฟังพรุ่งนี้สุริย์ฉายแม้นผายผัน ถ้าแม้นยังมืดกลุ้มชอุ่มควัน จึงผ่อนผันคิดความตามปัญญา ครั้นสั่งเสร็จเสนาจึงมาสั่ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา ให้จอดเรียงเคียงกันแต่บรรดา พวกเสนาถือรับสั่งอย่างคดี แล้วสังเกตนาฬิกาว่าจะค่ำ แต่ยังคล้ำมืดมัวทั่ววิถี ไม่เห็นดวงจันทราในราตรี ก็เป็นที่จนจิตจะคิดไป ฯ ๏ ป่างพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร จึงยั้งหยุดตรองความตามวิสัย แล้วทูลองค์ศรีสุวรรณไปทันใด จะขอให้โหราพยากรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ฟังพระนัดดาหลานชาญสมร จึงเรียกพวกโหรมาพยากรณ์ แล้วสุนทรถามไต่ในคดี โหรารับจับยามตามสังเกต วันศุกร์เศษถึงเสาร์เข้าดิถี ที่มืดมัวทั่วจังหวัดปัถพี ด้วยราศีเทวดาเธอมาเล็ง เข้าร่วมธาตุกรกฎกำหนดหวัง เหมือนคราวครั้งเดือนสี่ปีมะเส็ง ต่ออาทิตย์ถึงมังกรจรมาเล็ง ต่อวันเพ็งจึ่งจะแจ้งแสงอุทัย แต่วันนี้สี่ค่ำถึงกำหนด จะค่อยปลดเปลื้องเห็นเป็นแต่ใส แต่ค่อนรุ่งลมจะแดงดั่งแสงไฟ จะตั้งในอาคเนย์พัดเมฆิน ไปจากทิศบูรพาเวหาห้อง ให้เลื่อนล่องลงไปปิดทิศทักษิณ จึ่งจะเห็นสุริยาทั่วฟ้าดิน หมดมลทินแสงสว่างกระจ่างตา ตามฉบับขับไล่ในพระเคราะห์ เสาร์จำเพาะอยู่ดุลย์วุ่นนักหนา แล้วกราบทูลมูลความตามตำรา จงทราบฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร ฟังโหรทักแถวถิ่นดินสวรรค์ ค่อยสบายคลายเศร้าเบาลงครัน คิดผ่อนผันที่จะไปในลังกา แต่ไม่ทราบว่าอยู่ในอู่อ่าว หมายว่าก้าวซัดไปไกลหนักหนา คิดวิตกหมกมุ่นขุ่นอุรา ทั้งนัดดาโอรสยศยง คิดสำคัญมั่นหมายเป็นหลายอย่าง ประเทศทางดูเช่นเห็นจะหลง เป็นเที่ยงแท้แน่เหมือนคิดดั่งจิตจง ทั้งลมส่งพัดไปในทะเล พอเที่ยงคืนคลื่นราบกำปั่นเรียบ เย็นยะเยียบเรือนั้นไม่หันเห แต่จะดูหนทางกลางทะเล เหลือคะเนยังไม่เห็นเป็นแต่มัว ครั้งล่วงสามยามสงัดลมพัดฉิว มาริ้วริ้วในเวหาฟ้าสลัว ฟื้นอากาศดาดดำที่คล้ำมัว ค่อยยังชั่วสางสางอย่างอรุณ ฯ ๏ ป่างพระจอมรมจักรนัคเรศ ให้สังเกตดูเงาภูเขาขุน ยังไม่เห็นเป็นแต่คล้ายสายพิรุณ เป็นเมฆหมุนเรื่อแดงดั่งแสงไฟ เหมือนคำโหราทูลมูลเหตุ ทั่วประเทศโดยวิธีคัมภีร์ไสย พอสิบทุ่มเกิดพยุระบุไป สีเหมือนไฟบนอากาศดาษดา ตั้งข้างทิศอาคเนย์แล้วเหหวน ก็พัดป่วนไปข้างบูรพทิศา ที่เมฆกลุ้มอากาศดาษดา ก็เคลื่อนคลาหายดำในอัมพร เปิดสว่างกลางเวหนบนอากาศ ภาณุมาศแย้มเยี่ยมเหลี่ยมสิงขร พอรุ่งรางสร่างสีรวีวร พื้นอัมพรเห็นสว่างเหมือนอย่างทาย หกพระองค์ทรงกษัตริย์ตรัสประภาษ โหรเขาคาดตามคัมภีร์ดีใจหาย พระรางวัลถ้วนทั่วทุกตัวนาย เพราะเขาทายแม่นแท้ไม่แปรปรวน พระเสร็จจากแท่นระบายท้ายบาหลี พร้อมเสนีแจ้งระบอบดูสอบสวน แล้วกราบทูลมูลความตามกระบวน เห็นถี่ถ้วนเรือเราซัดเข้ามา โนปากอ่าวเห็นตลิ่งกรุงสิงหล ทั้งไพร่พลพร้อมมูลบุญหนักหนา พระจึ่งสั่งเรือใช้ให้ไคลคลา เอากิจจาเข้าไปแจ้งแสดงความ ในเวียงวังลังกาอาณาจักร แก่หลานรักรีบเข้าไปแล้วไต่ถาม ว่ากูมาพร้อมวงศ์ช่วยสงคราม แล้วจะตามกันเข้าไปในบุรินทร์ ให้หลานรักหักหาญการข้างบก เราจะยกเข้าไปดั่งใจถวิล พร้อมพระวงศ์พงศาทุกธานินทร์ ยกมาสิ้นจะเข้าตัดพวกศัตรู จะตีด่านชานสมุทรเมืองปากน้ำ ช่วยกันซ้ำราญรอนให้อ่อนหู เร่งยกออกมากำจัดพวกศัตรู นัดให้รู้พร้อมกันประจัญบาน พวกเรือใช้รีบไปถึงกองทัพ ที่ตั้งรับแล้วจึ่งแจ้งแถลงสาร แก่เสนีที่สำเร็จราชการ ตามบรรหารเรื่องรับสั่งอย่างสุนทร เสนานำคนใช้เข้าไปเฝ้า แถลงเล่าทูลบพิตรอดิศร ป่างพระองค์ทรงภุชสุดสาคร ครั้นทินกรแจ่มกระจ่างสว่างตา พระออกนอกพลับพลาหลังคาสี พวกเสนีหมอบรายทั้งซ้ายขวา ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา พวกเภตราเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ ตรัสประภาษปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ จงกลับไปทูลองค์พระทรงธรรม์ ว่าเรานั้นกราบก้มประนมกร องค์สมเด็จพระเจ้าอาเชษฐาด้วย ขอเชิญช่วยยกทหารชาญสมร ข้างฝ่ายเราก็จะเข้าไปราญรอน ตีนครเมืองด่านชานบุรี ขุนเสนาลากลับมาทูลเหตุ องค์พระจอมนคเรศบุรีศรี แถลงความตามข้อคดีมี ทูลพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงวัง เธอทราบความตามเรื่องในเมืองสิ้น สมถวิลเหมือนหนึ่งในพระทัยหวัง จงจัดเหล่าเสนมีกำลัง ยกขนตั้งชายด่านชานบุรี ห้ากษด่รียจัดพหลพลรบ เกณฑ์สมทบยกขนด่านชานกรุงศรี ให้ตั้งค่ายชายชลาหน้าบุรี จะได้ดีตัดศึกตั้งตรึกตรอง แล้วสั่งให้เรือรบสมทบทัพ ไปตั้งรับอยู่ด้วยกันสักพันสอง ที่ปากอ่าวคอยตรวจทุกหมวดกอง เอาจุกช่องไว้ให้มั่นกันศัตรู ทั้งปืนหลักยักกะตราใส่หน้าท้าย ทหารรายทุกกระบอกกรอกดินหู เกณฑ์เอาพวกแขกชวามลายู ถือธนูหางไก่ลูกใส่ยาง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเทวสินธุ์นรินทร์ราช ครั้นภาณุมาศพวยพุ่งพอรุ่งสาง พร้อมพหลพลไกรไพร่ขุนนาง ให้รีบกางใบพลันขึ้นทันที ถอนสมอช่อใบขึ้นใส่รอก แล้วแล่นออกมาทางหว่างวิถี เกือบจะใกล้ถึงลังกาหน้าบุรี ลมก็ตีเข้าฝั่งเหมือนอย่างใจ ถึงปากอ่าวลังกาตรงหน้าด่าน เห็นทหารอัดแอแลไสว ทั้งเรือรบรายเรียงเคียงกันไป เข้าไม่ได้แน่นหนาอ่าวสาคร ให้ทอดท่าหน้าอ่าวเมืองปากน้ำ ทั้งพันลำจอดรายชายสิงขร จึ่งสั่งพวกเสนาพลากร ให้รีบจรเข้าไปถามเอาความมา ขุนเสนีที่เป็นฝ่ายนายทหาร ปรีชาชาญเอ็งจงไปไวไวหวา ไปถามว่าเรือใครหาไหนมา จึ่งปิดท่าปากน้ำท่าอะไร ขุนเสนีมีชื่อถือรับสั่ง รีบไปยังเรือทอดจอดไสว แล้วยกธงสีเหลืองเรืองอุไร ข้างพวกไทยรู้ว่าเขามาดี แล้วก็ยกธงชมพูชูขึ้นรับ เหมือนคำนับซื่อตรงเพราะธงสี พอเรือถึงรอราไม่ช้าที ขุนเสนีขึ้นไปถามตามสงกา ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางข้างไทยนายทหาร จึ่งแจ้งการจริงจังที่กังขา ทั้งหกองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา เสด็จมาช่วยณรงค์ทำสงคราม ขุนเสนาว่าศึกมาแต่ไหน ไม่แจ้งใจจริงหนอเราขอถาม ขอเชิญท่านแถลงให้แจ้งความ นิคมคามเขตขัณฑ์เป็นฉันใด มารบพุ่งยุ่งยิ่งชิงสมบัติ ขอแจ้งอรรถพวกที่มาภาษาไหน ขุนเสนาว่าจะเล่าให้เข้าใจ ใช่อื่นไกลวงศ์วานในว่านเครือ เราขอถามท่านนี้หนามาแต่ไหน อยู่เมืองใดปากใต้หรือฝ่ายเหนือ จะเข้าไปในลังกาหาข้าวเกลือ หรือเป็นเรือพ่อค้ามาหากิน ขุนเสนีชี้แจงแถลงเรื่อง เราอยู่เมืองธาราท่าชลาสินธุ์ เกาะกาหวีที่ข้างชายปลายแผ่นดิน พระเทวสินธุ์เจ้าจังหวัดปัถพี ยกพหลพลกำปั่นมาพันร้อย เที่ยวแล่นลอยสืบความตามวิถี ทุกประเทศเขตแคว้นแดนบุรี ตามภูมีทรงฤทธิ์พระบิดร พอมาถึงลังกาอาณาจักร ก็หยุดพักชายตลิ่งริมสิงขร จึ่งรับสั่งให้เข้าไปในนคร เป็นการร้อนอยากจะไปให้ได้ความ ขุนเสนีที่เป็นใหญ่ในกำปั่น จึงว่าท่านจะเข้าไปขอไต่ถาม อันพระองค์ทรงยศปรากฏนาม จงแจ้งความให้ตระหนักประจักษ์ใจ ฯ ๏ เสนาบอกออกพระนามตามประสงค์ คือว่าองค์มังคลาอัชฌาสัย เราแจ้งความตามจริงทุกสิ่งไป ท่านจงได้กรุณาเหมือนพาที ขุนเสนาว่าแน่ท่านเกิดการศึก อึกทึกรบพุ่งในกรุงศรี คือพระมังคลามาราวี ที่ต่อตีกันคือใครหาไหนมา ท่านกลับไม่ทูลพระหน่อวรนาถ ล้วนวงศ์ญาติรบพุ่งยุ่งหนักหนา จะเข้าไปในด่านชานชลา เหมือนอย่างว่าเห็นไม่ได้ดั่งใจปอง แม้จะขืนเข้าไปในปากถ้ำ จะจับจำไปประมูลทูลฉลอง ที่จะปล่อยให้ไปเหมือนใจปอง เราจะต้องโทษทัณฑ์เป็นมั่นคง ฯ ๏ ฝ่ายเสนาว่าเช่นนั้นท่านได้ห้าม พอทราบความโดยคดีที่ประสงค์ ขอลากลับไปประณตบทบงสุ์ ทูลพระองค์เทวสินธุ์นรินทร แล้วอำลามาประนมบังคมบาท ทูลหน่อนาถทรงฤทธิ์อดิศร เหมือนถ้อยคำนำทูลพระภูธร ที่เย็นร้อนสืบสาวเป็นราวความ พระเทวสินธุ์ปรึกษาเจ้าตาเลี้ยง จะบ่ายเบี่ยงรบกับพงศ์วงศ์สยาม หรือจะค่อยตรองใจทำให้งาม ตัดเสี้ยนหนามเสียให้สิ้นการนินทา ก็มิใช่ใครประสงค์ล้วนวงศ์ญาติ เพราะท่านบาทหลวงคิดริษยา เราก็ควรจะให้ทำคำสารา ให้เสนาใช้ชิดทูลบิดร ให้ลัดแลงแปลงปลอมอ้อมไปบก ข้อวิตกจะให้นำทำอักษร ไปถึงองค์ทรงฤทธิ์พระบิดร ที่การร้อนจะได้คิดโดยจิตปอง แล้วตรัสสั่งให้เสมียนเร่งเขียนสาร ไปแจ้งการได้ประมูลทูลฉลอง ท้าวรายาว่าพ่อคิดเหมือนจิตปอง นี่แหละต้องตามจริตกิจบุราณ เขาย่อมว่ามีหูฟังดูก่อน ที่เย็นร้อนให้ประจักษ์อย่าหักหาญ ค่อยยับยั้งฟังข่าวที่ร้าวราน แม้นควรการเท่าไรได้จำเริญ ฯ ๏ พระเทวสินธุ์ยินคำท้าวร่ำสอน ประนมกรสมหวังสังรเสริญ แล้วส่งสารที่ในหีบให้รีบเดิน เสนาเชิญขึ้นบกเดินวกเวียน แล้วลัดแลงแปลงกายเป็นชายไพร่ เอาเพศไทยทำจริตสถิตเสถียร แบกมัดฟันสองคนเที่ยววนเวียน หนทางเตียนมิได้ไปเข้าในพง พวกกองทัพไม่สังเกตเพศฝรั่ง ไม่ระวังเพราะเห็นมาแต่ป่าระหง พอสุริยาเย็นพยับจะลับลง ก็แฝงพงตามสังเกตเอาเพศเดิม ปลอมเข้าไปในปราการด่านสมุทร ไม่ยั้งหยุดเกรงศึกยิ่งฮึกเหิม เพราะว่าเป็นเสวกาข้าหลวงเดิม แต่แรกเริ่มมังคลาอยู่ธานี ฯ ๏ ป่างพระจอมกษัตรานราราช เสด็จประพาสตรวจทหารชาญชัยศรี ทอดพระเนตรไปพลันด้วยทันที เห็นเสนีมีประนมแล้วก้มกราน พระจำได้ให้หาพลางปราศรัย ท่านมาไยปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ หรือมีทุกข์ที่ในเมืองเรื่องรำคาญ จงแจ้งการไปให้ฟังที่กังวล ขุนเสนีกราบกรานส่งสารถวาย แล้วภิปรายทูลความตามนุสนธิ์ สามพระหน่อบดินทร์ปิ่นสากล เธอยกพลตามองค์พระทรงธรรม์ มาประทับพลนิกายอยู่ชายสมุทร แล้วยั้งหยุดฟังเหตุในเขตขัณฑ์ ครั้นทราบความตามที่องค์พระทรงธรรม์ จึงผ่อนผันใช้ข้าเสนานาย ให้ลัดแลงแฝงเข้ามาเฝ้าแทน สืบให้แม่นมั่นคงเหมือนจงหมาย จะได้แจ้งแห่งหนทั้งต้นปลาย ตามอุบายทัพศึกเร่งตรึกตรอง ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ฟังอำมาตย์มาประมูลทูลฉลอง สมประสงค์ตรงจิตที่คิดตรอง จึงว่าสองเสนีผู้ปรีชา เราดีใจราวกับได้โอสถทิพย์ อันลอยลิบมาพลันด้วยหรรษา เพราะสามหน่อวรนุชบุตรเรามา ได้ตรึกตราการรบสมทบกัน แล้วทรงอ่านสารพระเทวสินธุ์ หน่อนรินทร์จอมเจิมเฉลิมขวัญ บังคมเบื้องบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ แต่ด้นดั้นตามหาในสาคร ถึงสามปีพี่น้องแต่ล่องแล่น ทุกเขตแดนเมืองท่าหน้าสิงขร ทั่วประเทศพาราในสาคร แต่รีบร้อนมาทุกแดนแสนกันดาร จนมาถึงแดนชวาอาณาจักร พบน้องรักจึ่งค่อยเปรมเกษมศานต์ พระเจ้าตามาด้วยได้ช่วยการ ค่อยสำราญจะได้มาถึงธานี นิเวศน์วังลังกาเพราะตาเลี้ยง ประคองเคียงตั้งแต่มาจากกาหวี ได้พึ่งบุญกรุณาเธอปรานี พอเป็นที่ปรึกษามาด้วยกัน จะไปเฝ้าเล่าก็เรือมาแน่นอ่าว ให้สืบข่าวหวังจะไปไอศวรรย์ เห็นเรือแพแออัดเยียดยัดครัน จะผ่อนผันอย่างไรดีโปรดชี้แจง ฯ ๏ พอจบสารซึ่งแสดงแถลงไข พระโปรดให้ตอบย้อนสุนทรแถลง ให้เสนีที่ผู้นำไปสำแดง บอกให้แจ้งโอรสยศยง ว่าเรานี้มีความวิตกนัก จะหาญหักให้กระจุยเป็นผุยผง ก็ยังคอยสังฆราชผู้อาจอง ยังไม่คงคืนมาถึงธานี ฯ ๏ เสนารับกราบก้มบังคมบาท พลางรับราชบรรหารเชิญสารศรี แล้วออมเขาเจ้าประจันไปทันที พอสุริย์ศรีแจ่มแจ้งแสงอุทัย ครั้นถึงลำกำปั่นมิทันช้า เอาสาราแจ้งการแล้วขานไข พระรับพลางทางคลี่ออกทันใด แล้วอ่านในเรื่องลิขิตของบิตุรงค์ ฯ ๏ ศุภสารพระชนกทรงปกเกศ แรมทุเรศมาเพราะหวังอย่างประสงค์ มาทำศึกนึกไว้เหมือนใจจง จะคืนคงเอาลังกาเมืองป่าตาล ด้วยท่านครูสังฆราชพระบาทหลวง แกยังล่วงลัดไปไกลสถาน เป็นจนใจเหลือล้นพ้นประมาณ แต่ทำการศึกกระหน่ำเพราะจำเป็น เจ้าอุตส่าห์มาตามเมื่อยามยาก ก็ลำบากเต็มประดาได้มาเห็น จงตั้งรับดับร้อนพอผ่อนเย็น จะได้เป็นเพื่อนบิดาพยายาม จัดทหารการรบสมทบทัพ อยู่ตั้งรับชิงชัยในสนาม แต่ข้างบกบิตุรงค์จะสงคราม พยายามตั้งมั่นดั่งสัญญา ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ พร้อมพระญาติเผ่าพงศ์พวกวงศา ต่างนัดหมายถึงกันให้สัญญา แต่บรรดาพลรบสมทบกัน ยกเข้าล้อมป้อมปราการชานสมุทร ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน พอฤกษ์ดีตีกลองฆ้องสำคัญ โห่สนั่นครั่นครื้นยิงปืนไฟ ฯ ๏ ฝ่ายพหลพลรบที่ในด่าน อลหม่านเรียกกันเสียงหวั่นไหว บ้างขึ้นป้อมพร้อมพรั่งระวังภัย ลากปืนใหญ่ขึ้นเชิงเทินเนินกำแพง ท้าวโกสัยให้ทหารชำนาญรบ เร่งสมทบโรมรันด้วยขันแข็ง ทั้งปีกซ้ายปีกขวาประดาแซง คอยต่อแย้งฟาดฟันประจัญบาน พระมังคลาพาทหารออกต้านหลัง ไม่รอรั้งขึ้นม้าด้วยกล้าหาญ ถือง้าวทวนวิ่งโลดโดดทะยาน เข้าต่อต้านชิงชัยทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายพหลพลลังกาอาณาจักร เข้าพร้อมพรักรบพุ่งยุ่งใจหาย พวกฝรั่งหลอมตะกั่วทั้งคั่วทราย เอาสาดปรายเทลงมาหน้าเชิงเทิน พวกทัพไทยคอยบังเอาหนังปิด ตรงเข้าชิดไล่วกระหกระเหิน บันไดพาดดาษดาหน้าเชิงเทิน เอาพะเนินตีฝรั่งพังเสมา ทหารพวกวาโหมเข้าโจมจับ ฝรั่งรับยิงพื้นแต่ปืนผา พวกวาโหมคงทนด้วยมนตรา ตีประดาเข้าไปได้ในปราการ ท้าวโกสัยมังคลานราราช ไล่พิฆาตพวกพหลพลทหาร ชักกระบี่ตีม้าอาชาชาญ ต้อนทหารกองแซงแกว่งสาตรา ทั้งกองหลังมลายูธนูศิลป์ ปืนคาบหินเขนทองกองอาสา ถือเสน่าหลาวโล่โตมรา เครี่องสาตราถ้วนทั่วทุกตัวคน เข้ารับรองป้องกันกระชั้นชิด สำแดงฤทธิ์พุ่งสาตราดั่งห่าฝน ตะลุมบอนต้อนขับถึงอับจน แต่พวกพลข้างฝรั่งไม่ตั้งกาย ดีแต่รบห่างห่างทางปืนใหญ่ แม้นเข้าใกล้เต็มทีต้องหนีหาย จะยิงปืนไม่ถนัดกระจัดกระจาย พลนิกายแตกยับถอยทัพมา บ้างแตกกลาดดาษดาถูกอาวุธ ที่สิ้นสุดดับชีวังถึงสังขาร์ ทั้งเจ็ดทัพคับคั่งประดังมา เข้าพาราด่านได้ดั่งใจปอง พระมังคลาพาพหลพลทหาร ออกนอกด่านไปกับเมียเสียข้าวของ แตกตะเพิ่นเยินยับทุกทัพกอง เห็นเป็นรองถอยไปไกลทะเล พวกกำปั่นเทวสินธุ์นรินทร์รัตน์ จึงให้จัดเรือกำปั่นออกหันเห แล่นเข้าไปชายหาดคาดคะเน คอยเอาเภตราประทับจะรับพล ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง ถอยมาตั้งชายทะเลระเหระหน กับท่านท้าวโกสัยแลไพร่พล คิดผ่อนปรนที่จะกลับกองทัพไป ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง แกนั่งง่วงอยู่ท้ายเรือเหลือวิสัย ทั้งหิวหอบบอบช้ำระกำใจ พอคลื่นใหญ่ค่อยสงบกระทบเรือ คลานออกมาจากห้องเดินซ่องแซ่ง สิ้นเรี่ยวแรงยืนหันให้ฟั่นเฝือ ร้องเรียกคนพลไพร่ที่ในเรือ ให้ขนเสื้อขนผ้าออกมากอง จะเผาไฟเสียให้สิ้นมลทินโทษ เพราะพระโกรธพวกเราจึ่งเศร้าหมอง บันดาลให้มืดมัวขนหัวพอง จำจะต้องเผาไฟให้ไหม้โชน จึ่งจะสิ้นเคราะห์กรรมเหมือนคำกล่าว อันเรื่องราวเช่นเขาว่าตำราโหร เอาผ้าผ่อนเผาไฟให้ไหม้โชน แล้วหยิบโยนเสียในน้ำดั่งตำรา กูเห็นจะบางเบาบรรเทาโทษ พระคงโปรดพวกเราเอาเถิดหวา แม้นกลับไปได้ถึงฝั่งเกาะลังกา ทั้งเสื้อผ้าถมไปคงได้การ ฯ ๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น จึ่งว่าท่านสนทนาดั่งว่าขาน ข้าพเจ้าคนจนเหลือทนทาน หนาวสะท้านยังไม่คลายวายอาวรณ์ เมื่อเกณฑ์มาผ้าเสื้อใช่เหลือล้น จะได้ขนเผาไฟให้ไหม้หมอน แม้นมิถึงลังกาเหมือนอาวรณ์ จะมินอนหนาวตายในทะเล บาทหลวงโกรธโกรธาด่าโขมง อ้ายพวกโกงนี่กระไรพูดไพล่เผล ไม่อยู่ในถ้อยคำทำเกเร พูดโว้เว้ขัดกูผู้เป็นนาย แม้นมิถอดเสื้อผ้าออกมาเผา พระเป็นเจ้าท่านจะริบมึงฉิบหาย เหมือนเราว่าจะสะเดาะให้เคราะห์คลาย ตามอุบายมีไว้ในตำรา พวกต้นหนคนเหล่านั้นหันมาถาม ว่าเคราะห์นามใครลำคุณเจ้าขา กระผมเป็นพลไพร่เขาใช้มา อันเสื้อผ้าของท่านเล่าเผาเหมือนกัน หรืออย่างไรโปรดให้ข้าแจ้งก่อน ที่ทุกข์ร้อนโดยจริงทุกสิ่งสรรพ์ บาทหลวงโกรธโกรธาตาเป็นมัน แกดุดันด่าเปรี้ยงขึ้นเสียงอึง กูจะเผาทำไมใช่ธุระ กูเป็นพระเป็นครูกูรู้ถึง จะดับทุกข์ให้สะดวกที่พวกมึง จึ่งรำพึงโดยฉบับตำหรับตำรา ฯ ๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น จึงว่าท่านจะมาสั่งยังกังขา จะให้เผาเสื้อไพร่ที่ใส่มา แต่บรรดาคนทั้งหลายเขาไม่ยอม ถึงจะตายไปก็ตามเมื่อยามเข็ญ จะยากเย็นมิได้กลัวจะคั่วหลอม สะเดาะเคราะห์เช่นนี้ข้ามิยอม จะรอมชอมเผาจี่เช่นชีเปลือย กลัวเปลี่ยวดำจับตายวายชีวิต คุณช่างคิดให้ลำบากยากใจเหือย แม้นมิสมว่าไว้เช่นไก่เดือย มิขันเจื้อยอยู่เปล่าเปล่าหรือเจ้าคุณ ฯ ๏ บาทหลวงโกรธเต็มประดาแกด่าโผง อ้ายพวกโกงขาดเหลือไม่เกื้อหนุน กูคิดซึ่งการดีจะมีคุณ เดชะบุญจะได้ไปเหมือนใจจง อันตัวกูผู้แม่ทัพบังคับขาด ใครองอาจจะกระจุยเป็นผุยผง เอากฎหมายใส่บทถึงปลดปลง กูจะลงโทษมึงให้ถึงตาย ฯ ๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนพลทหาร จึงว่าขานโดยคดีไม่หนีหาย อาญาศึกย่อมรู้เป็นผู้ชาย แต่กฎหมายบทนี้ยังมิเคย ครูที่ไหนที่จะให้เอาเสื้อเผา ผิดสำเนาผู้มีบุญเจ้าคุณเอ๋ย อาญาทัพอย่างไรยังไม่เคย ผิดก็เลยกฎหมายถึงวายปราณ ฯ ๏ บาทหลวงแค้นเต็มประดาเหมือนยาพิษ แต่จนจิตร้อนเริงดั่งเพลิงผลาญ แม้นมังคลามาด้วยได้ช่วยการ จะล้างผลาญอ้ายเหล่านี้ที่ไม่กลัว แล้วอดใจยับยั้งช่างมันก่อน พอหายร้อนกูจะมัดจับตัดหัว ให้สมแค้นแน่นใจที่ไม่กลัว แกหมองมัวใจจิตคิดรำพึง พอพบอ้ายมังคลาสานุศิษย์ จะจับผิดมันให้ได้เมื่อไปถึง ปรึกษาโทษที่มันดื้อไม่อื้ออึง พอไปถึงกูจะทำให้หนำใจ ครั้นจะขืนแข็งขันมันก็มาก แล้วก็ยากที่จะคิดผิดวิสัย เพราะกูเป็นแต่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ ด้วยมิใช่ถิ่นฐานในบ้านเมือง จำจะต้องชวนชี้เอาดีต่อ แล้วจึงก่อไปข้างหน้าให้ตาเหลือง คงจะคิดตอบแทนที่แค้นเคือง ยกเอาเรื่องอาญาศึกค่อยตรึกตรอง พอจวนรุ่งสุริยาภาณุมาศ ที่อากาศค่อยสว่างกระจ่างหมอง ลมค่อยเลิกไม่สู้แรงเห็นแสงทอง อาทิตย์ส่องในนภางค์เหมือนอย่างเย็น พวกพหลพลไกรในกำปั่น ก็ชวนกันเซ็งแซ่เพราะแลเห็น ค่อยสบายคลายคราวที่หนาวเย็น จึงค่อยเว้นวายวิตกในอกใจ ฯ ๏ บาทหลวงค่อยอิ่มเอมเกษมสุข บรรเทาทุกข์นึกพะวงให้สงสัย เอาแผนที่คลี่วางตรวจทางไป หลงมาไกลเต็มประดาสักห้าวัน แกสั่งให้ไพร่พลคนทั้งหลาย ทั้งนายท้ายรีบร้อนเร่งผ่อนผัน ให้ตั้งเข็มไว้ให้คงตรงตะวัน แม้นสุริย์ฉันฉายส่องท้องนภางค์ ให้ชักใบใส่รอกออกกำปั่น จงพร้อมกันเร่งรัดอย่าขัดขวาง พอสุริเยนทร์เด่นดวงช่วงนภางค์ แจ่มกระจ่างทั่วชลาในสาคร บาทหลวงค่อยบางเบาบรรเทาทุกข์ เกษมสุขภิญโญสโมสร ได้ลมดีมีมาในสาคร ให้รีบร้อนชักใบในเภตรา แล่นสลับคับคั่งตั้งแต่เช้า ได้ลมว่าวพัดผันต่างหรรษา ต่างแล่นรายหมายจำเพาะเกาะลังกา บาทหลวงว่าแก่ทหารชาญณรงค์ นี่หากว่าพระเป็นเจ้าของเราช่วย จะไม่ม้วยมรณาพากันหลง เพราะกูสวดอวยชัยให้พระองค์ จึ่งได้คงชีวามาด้วยกัน บาทหลวงเฒ่าเข้าห้องนอนตรองตรึก จะทำศึกเอาให้ได้ไอศวรรย์ ผลาญอ้ายพวกปัจจามิตรมาติดพัน เอาให้มันย่อยยับอัปรา แล้วลุกจากห้องหับจับเอากล้อง เขม้นมองดูพลันด้วยหรรษา เห็นไรไรแถวละเมาะเกาะลังกา ให้ล้าต้าต้นหนคนในเรือ เอาเข็มตั้งข้างอิสานต่อบูรพทิศ แล่นไปชิดคุ้งใหญ่ข้างฝ่ายเหนือ แล้วดูลมติดใบข้างท้ายเรือ ไปข้างเหนือลมจัดถนัดใบ พอจวนค่ำย่ำแสงพระสุริยง จะอัสดงลับเงาเขาไสว กำปั่นแล่นตามเรียงเคียงกันไป เกือบจะใกล้ฟากฝั่งเกาะลังกา ฯ ๏ บาทหลวงจับเอากล้องมองเขม้น พอแลเห็นเรือทอดจอดนักหนา ให้รอรั้งฟังกระบวนจวนเวลา แม้นเสียท่าจะวิบัติกำจัดไกล เห็นกำปั่นนั้นก็มากที่ปากน้ำ ทอดประจำรายเรียงเคียงไสว เราหยุดยั้งฟังดูอยู่แต่ไกล ฉวยเข้าไปปัวเปียจะเสียเชิง ฉวยมันบุกรุกรบหลบไม่ได้ จะแตกไปร้างเริศเตลิดเหลิง เข้าแอบเกาะฟังดูคงรู้เชิง จะแล่นเหลิงเข้าไปใกล้ถ้าไม่ดี พวกต้นหนคนประจำเรือกำปั่น ให้แล่นหันเข้าไปทางหว่างวิถี เห็นเกาะขวางกลางวนชลธี ก็แล่นรี่เข้าจอดทอดเภตรา ทั้งเรือรบเรือไล่เข้าไปแอบ ที่ช่องแคบชายกระสินธุ์บังหินผา บาทหลวงให้พวกพหลพลเภตรา ถือปืนผาคอยระวังทั้งนั่งยาม ผลัดกันนั่งผลัดกันนอนได้ผ่อนพัก หยุดสำนักเข้าไปทอดจอดออกหลาม พอเดือนแจ้งแสงดาวขึ้นวาววาม แสงอร่ามจับละเมาะตามเกาะเกียน บาทหลวงออกนอกห้องมองเขม้น เห็นเมฆเด่นสีขาวราวกับเขียน เป็นรูปสัตว์มัจฉาปลาตะเพียน ฉวัดเฉวียนบนอากาศดาษดา ขึ้นลอยเด่นเห็นข้างบูรพทิศ เป็นนิมิตที่ในทางกลางเวหา แกเปิดแผนที่ดูรู้ตำรา อันเมฆคือนิมิตพิสดาร เขาทำนายทายว่าประจามิตร ที่ในทิศบูรพาทิศาศาน จะกล้าแข็งแรงฤทธิ์คิดรำคาญ เมฆบันดาลบนนภางค์กลางโพยม พิเคราะห์ดูในตำราว่าข้าศึก จะหาญฮึกแรงนักเข้าหักโหม จำจะคิดคลึงเคล้าค่อยเล้าโลม แม้นรุกโรมจะได้รับกองทัพชัย แกตรองตรึกนึกจะแก้ค่อยแปรผัน ที่ในชั้นเชิงตรองให้ผ่องใส คงจะคิดผ่อนปรนให้พ้นภัย ตามที่ในกลศึกค่อยตรึกตรอง ไม่หลับนอนร้อนใจจนไก่ขัน คิดผ่อนผันจะแก้กลที่หม่นหมอง ดูตำนานการศึกนั่งตรึกตรอง คีตหาช่องในตำหรับไม่หลับนอน จนเกือบรุ่งรางรางน้ำค้างหยัด พระพายพัดโรยรินกลิ่นเกสร บุปผาสดรสจรุงฟุ้งขจร บนสิงขรกลางวนชลธาร ฝูงวิหคนกร้องก้องสนั่น ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกหวาน โกกิลากาสักบนคัคนานต์ เสียงประสานกึกก้องท้องชลา ทั้งเหมหงส์ส่งเสียงสำเนียงแจ้ว ดุเหว่าแว่วร่ำร้องก้องเวหา ภุมรินบินเคล้าเฝ้าผกา พระสุริยาไขสีรวีวรรณ กระจ่างแจ้งแสงทองส่องอากาศ ภาณุมาศลอยสว่างทางสวรรค์ พวกพหลคนตื่นฟื้นขึ้นพลัน ก็ชวนกันหุงหาข้าวปลากิน บ้างขึ้นเกาะเสาะหาผลาผล ที่ลางคนลงท่าชลาสินธุ์ จับปูหอยมัจฉาในวาริน ขึ้นมากินตามประสงค์จำนงปอง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชชาติอังกฤษ แกนั่งคิดหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง ลุกออกจากท้ายบาหลีให้ตีกลอง โดยทำนองคนประจำทุกลำเรือ แล้วเรียกหานายกองรองฝรั่ง เข้ามาสั่งเองจงไปข้างฝ่ายเหนือ ไปสืบข่าวให้ได้ความดูตามเรือ เห็นล้นเหลือแต่กำปั่นสักพันลำ เองจะไปให้เขาเห็นเป็นลูกค้า ไปพูดจาลวงล่อเอาข้อขำ ให้จงได้ในประสงค์แล้วจงจำ เอาข้อคำนั้นมาแจ้งอย่าแพร่งพราย จงรีบรัดจัดแจงแปลงเป็นแขก ให้มันแปลกเหมือนกับมาเที่ยวค้าขาย เอาให้ได้เหตุผลกลอุบาย ฟังแยบคายเร่งไปให้ได้การ กูจะคอยอยู่ที่นี่เห็นลี้ลับ จงกำชับพวกเราเหล่าทหาร แกสั่งเสร็จโดยพลันมิทันนาน พวกทหารถอนสมอขันช่อใบ ออกกำปั่นแล่นมาจากหน้าเกาะ ข้ามละเมาะล่องตามสายน้ำไหล เห็นกำปั่นทอดเคียงเรียงแต่ไกล จึงเข้าไปส่งภาษามลายู ฯ ๏ ฝ่ายพวกท้าวรายาชวาแขก เห็นเรือแปลกพูดเพราะเสนาะหู จึ่งปราศรัยไต่ถามพวกล่ามดู ว่าท่านผู้นายกำปั่นจะสัญจร ไปเมืองไหนบอกให้เราแจ้งเหตุ อยู่ประเทศทิศใดใกล้สิงขร หรือมาเที่ยวในทะเลพเนจร หรือการร้อนจะไปหนตำบลใด ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งแปลงกายเป็นชายแขก เห็นพูดแปลกกิริยาอัชฌาสัย จึงสั่งพวกล้าต้าให้ซาใบ แอบเข้าไปทอดเคียงพอเรียงลำ พวกชวาปราศรัยแล้วไต่ถาม จึ่งแจ้งความว่าจะไปเมืองไหหลำ เห็นท่านทอดจอดรายอยู่หลายลำ แต่ล้วนกำปั่นรบสมทบกัน จะมาตีลังกาอาณาเขต หรือมีเหตุสิ่งไรในไอศวรรย์ ข้าพเจ้าขอถามเนื้อความพลัน เราเป็นพรรค์ลูกค้าเที่ยวหากิน ฯ ๏ ประเทศใดเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน ก็ผันผ่อนเที่ยวไปดั่งใจถวิล ไปค้าขายจ่ายแจกเที่ยวแลกกิน ตามแถวถิ่นที่ประสงค์ในคงคา ฯ ๏ ฝ่ายพวกแขกเมืองชวาอาณาเขต จึ่งเล่าเหตุให้ฟังที่กังขา อันกำปั่นท่านท้าวเจ้าชวา เสด็จมากับหลานผ่านบุรินทร์ จากประเทศเขตพาราเมืองกาหวี กษัตริย์ศรีทรงพระนามเทวสินธุ์ พระอนุชาที่สองครองบุรินทร์ เทพจินดารัตน์กษัตรา องค์ที่สามราเมศเกศมงกุฎ กษัตริย์สุดเรืองฤทธิ์ทุกทิศา กับไทท้าวเจ้าประเทศเขตชวา ท้าวเธอพาพระเจ้าหลานในว่านเครือ มาตามองค์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง ไปเที่ยวทั้งปากใต้ทั้งฝ่ายเหนือ พอมาพบรบรันกันเป็นเบือ จึ่งรอเรือคอยท่าในสาคร แม้นข้าศึกใดมาจากท่าน้ำ ให้ประจำชายตลิ่งริมสิงขร สั่งให้คอยป้องกันหน้าสันดอน จะคอยต้อนรบรับกองทัพไทย พวกเรือใช้ได้ความตามประสงค์ สมจำนงยินดีจะมีไหน จึ่งเสแสร้งแกล้งว่าขอลาไป อยู่ไม่ได้รบพุ่งกันรุงรัง ข้าพเจ้าเล่าก็เป็นแต่ลูกค้า เกิดรบราพวกน้อยต้องถอยหลัง ขอลาท่านไปให้พ้นจากวนวัง แล้วถอยหลังเรือออกนอกสันดอน พวกชวาว่าไปเสียให้ลับ จงรีบกลับไปแอบอิงริมสิงขร แล้วข้ามไปเสียให้ไกลเขตนคร เขาราญรอนรบกันจะบรรลัย อันเรือเราเล่าก็เล็กเหมือนเด็กน้อย กระจ้อยร่อยรีบไปหาที่อาศัย ก็พากันรีบกลับไปฉับไว แล้วใช้ใบแล่นมาจากท่าพลัน ถึงละเมาะเกาะขวางหนทางแอบ เข้าช่องแคบปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ บาทหลวงเห็นเภตรากลับมาพลัน แกลุกหันออกมานั่งจะฟังความ ฯ ๏ ฝ่ายคนใช้ขึ้นไปแจ้งแถลงเล่า ตามเรื่องราวที่ได้ไปสืบไต่ถาม บาทหลวงได้รู้แจ้งแสดงความ ก็สมตามคิดไว้เห็นได้การ แล้วอ้ายแขกพ่อตามันมาด้วย จะได้ช่วยการศึกให้ฮึกหาญ แล้วสั่งให้ต้นหนพวกคนงาน ให้ตั้งกว้านถอนสมอขันช่อใบ ออกกำปั่นแต่บรรดาโยธาทัพ ออกคั่งคับตามกันเสียงหวั่นไหว พอลมคล่องต้องสายระบายใบ ก็แล่นไปจากเกาะจำเพาะทาง ข้างสมุทรรุดผ่านชลาสินธุ์ ลมก็กินใบจัดไม่ขัดขวาง พอวันครึ่งถึงเขตประเทศทาง ถนนขวางชายฝั่งเกาะลังกา เห็นกำปั่นจอดรายชายสมุทร แกให้หยุดชักธงส่งภาษา ว่ามาดีด้วยกันอย่าฉันทา เรือชวาชักรับคำนับกัน ฯ ๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มเอมเปรมในจิต ว่ากูคิดครั้งนี้ดีขยัน จะได้ช่วยรุกรบสมทบกัน เอาให้มันลือกูผู้อาจารย์ ขอเดชะพระเยซูมาชูช่วย ให้รื่นรวยในสมบัติพัสถาน พอเรือใกล้ถึงกันมิทันนาน พวกทหารเทวสินธุ์นรินทร จึ่งร้องว่าเรือใครที่ไหนเล่า อย่าเคียงเข้าชายตลิ่งริมสิงขร จงหยุดยั้งฟังเราว่าอย่าอาวรณ์ คิดผันผ่อนหลีกไปให้ไกลกัน บาทหลวงฟังร้องว่าใช่ข้าศึก จงตรองตรึกบอกนายให้ผายผัน อันเรือกูผู้เป็นพระมาปะกัน อย่าดุดันดอกไม่ใช่พวกไพรี คือองค์พระสังฆราชผู้ปราดเปรื่อง ได้แจ้งเรื่องมรรคาเกาะกาหวี ตั้งแต่กูจากมาสิบห้าปี ก็ยินดีจะได้พบประสบกัน ฯ ๏ พวกชวามลายูครั้นรู้จัก มาถามทักเชิญให้แกผายผัน บ้างเข้าไปทูลองค์พระทรงธรรม์ ว่าตัวท่านบาทหลวงแกล่วงมา ให้กราบทูลมุลิกาฝ่าพระบาท พระหน่อนาถทรงยศโอรสา สามพระองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา กับท้าวชวาอิ่มเอมเกษมทรวง เสด็จออกจากแท่นระบายท้ายบาหลี ด้วยยินดีจะได้ปะพระบาทหลวง จึงตรัสกับพวกพหลคนทั้งปวง เอาเรือช่วงไปรับมาเภตราเรา พวกเรือใช้ไปรับสังฆราช พอภาณุมาศเย็นพลับลงลับเขา บาทหลวงสั่งแต่บรรดาโยธาเรา ให้อยู่เฝ้าคอยประจำทุกลำเรือ กูจะไปกับเขาหาท้าวแขก เอาเรือแยกถอยไปไว้ข้างฝ่ายเหนือ แกสั่งเสร็จรีบตรงไปลงเรือ แล่นไปเหนือน้ำพลันด้วยทันที ถึงประทับเข้าที่ลำกำปั่นใหญ่ ฝ่ายท้าวไทรายาชวาฉวี กับสามองค์พงศ์กษัตริย์สวัสดี ก็เปรมปรีดิ์มาคำนับรับขึ้นไป เชิญให้นั่งยังที่เก้าอี้อาสน์ สังฆราชโอภาพลางปราศรัย อ้ายเหล่านี้รูปร่างช่างกระไร ทั้งโตใหญ่รุ่นแรกจนแปลกตา ช่างเหมือนพ่อหนออ้ายหนูกูดูคล้าย ประพิมพ์ประพายรูปจริตไม่ผิดหวา ทั้งเนื้อตัวหัวหูดูนัยน์ตา เหมือนมังคลาจิ้มลิ้มดั่งพิมพ์เดียว แล้วไต่ถามท้าวรายาชวาแขก เมื่อเริ่มแรกมากี่ลำจากน้ำเขียว ค่อยมีสุขทุกสิ่งจริงจริงเจียว หรือเปล่าเปลี่ยววิญญาณ์เอกากาย ท้าวชวาว่าเมื่อมาจากถิ่นฐาน ก็สำราญโดยนิยมพอสมหมาย ทั้งทุกข์โศกโรคภัยไม่ใกล้กราย มาสบายมีลาภกำราบไทย ปะปีศาจท้าวละมานนั้นหาญฮึก ทำพิลึกโกลาสุธาไหว แต่งเครื่องเซ่นตามระบอบที่ชอบใจ มันบอกให้จินดาค่าบุรินทร์ ให้พวกเราไปเจาะจำเพาะหลุด เกาะก็ทรุดไหวขย้อนทุกก้อนหิน ถึงมืดมัวทั่วจังหวัดปัถพิน ก็เห็นสิ้นใสสว่างดั่งกลางวัน คุ้มศัตรูหมู่สัตว์ไม่ทำร้าย แสนสบายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ แล้วจึ่งหยิบจินดาออกมาพลัน ส่งให้ท่านสังฆราชฉลาดดู ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเจ้าเล่ห์อยากจะได้ จึ่งปราศรัยวิงวอนให้อ่อนหู เองเอาไว้ไม่ดีมีศัตรู เอาให้กูเก็บไว้จึงได้การ อยู่กับเองไม่ดีจะมีโทษ เสียประโยชน์มากมายหลายสถาน แต่ของเกิดในสิงหลไม่ทนทาน ยังเกิดการให้วิบัติกำจัดไกล ตกไปอยู่พาราการะเวก เป็นของเอกแดงก่ำทั้งน้ำใส ยังมีผู้รู้หลักลักเอาไป จนต้องให้พ่อมึงคิดไปติดตาม จนเกิดรบเกิดพุ่งกันยุ่งยิ่ง เพราะของสิ่งนี้มันยากเป็นขวากหนาม จงให้กูเก็บไว้เถิดไม่เกิดความ จึ่งต้องตามเยี่ยงอย่างทางบุราณ ฯ ๏ ฝ่ายเทวสินธุ์ยินคำที่ร่ำกล่าว ปรึกษาท้าวรายาเหมือนว่าขาน บาทหลวงพูดเพทุบายหลายประการ จะคิดอ่านเอามาครองเป็นของตัว แล้วจึ่งว่าฮ้าเฮ้ยออท้าวแขก เป็นของแปลกมึงจะใส่ไว้ในหัว แม้นมีทรัพย์รับรองก็หมองมัว จะดีชั่วยังไม่แจ้งแห่งตระกูล จำจะต้องลองดูเมื่อสู้ศึก แม้นสมนึกก็จะได้ทั้งไอศูรย์ จึงเสแสรังแกล้งกล่าวเป็นเค้ามูล ให้เพิ่มพูนทางอุบายให้ตายใจ แล้วจึ่งว่าฮ้าเฮ้ยเทวสินธุ์ หน่อนรินทร์มังคลาอัชฌาสัย เองจงแต่งหนังสือให้ถือไป บอกกับอ้ายมังคลาอย่าช้าที ว่าตัวกูผู้เป็นพระสังฆราช ให้วิวาทรบพุ่งชาวกรุงศรี ก็กลับมาถึงพลันด้วยทันที พร้อมกันที่ฝั่งชลามาประชุม จะคิดอ่านการรบสมทบทัพ มาตั้งรับตามทำนองคิดซ่องสุม ดึกสงัดจะเข้าไปในชุมนุม ได้ประชุมคิดอ่านการสงคราม สามกษัตริย์ให้เสมียนเขียนอักษร คำสุนทรเข้าประมูลให้ทูลถาม ครั้นเสร็จสรรพส่งให้ไปเป็นใจความ สั่งให้ล่ามรีบไปดั่งใจปอง ครั้นถึงองค์มังคลานราราช บังคมบาทแล้วประมูลทูลฉลอง ถวายสารโดยกิจดั่งจิตปอง พระรับรองทรงอ่านสารแสดง ฯ ๏ หนังสือพระเทวสินธุ์นรินทร์ราช บังคมบาทขอประมูลทูลแถลง ให้ทราบซึ่งข้อคดีที่ชี้แจง ดั่งแสดงโดยฉบับมากราบทูล ว่าสังฆราชแม่ทัพกลับมาแล้ว จงผ่องแผ้วตรึกไตรเอาไอศูรย์ จะพากันขึ้นไปเฝ้าแจ้งเค้ามูล เหมือนอย่างทูลจะโปรดปรานสถานใด ฯ ๏ พอจบสารพระจึ่งว่ากับข้าเฝ้า ท่านจงเอาราชสารไปขานไข แก่บุตราอาจารย์อันชาญชัย เราจะไปเภตราปรึกษาการ ดึกสงัดจัดเรือเข้ามารับ แล้วจะกลับคืนมาเหมือนว่าขาน เสนารับกลับไปมิได้นาน เข้าแจ้งการกับท่านครูให้รู้ความ บาทหลวงว่ากูวิตกจำปกปิด จะได้คิดรบรับทัพสยาม แกสั่งให้ไปคอยแต่สองยาม จงปราบปรามข้าไทยอย่าให้อึง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช คะเนคาดเภตราคงมาถึง จึ่งจัดแจงแต่งองค์ทรงรำพึง ไม่อื้ออึงออกจากค่ายชายทะเล จึ่งเชิญท้าวโกสัยให้ไปด้วย จะได้ช่วยผ่อนผันคิดหันเห ทั้งสององค์ลงไปชายทะเล พอเห็นเภตราทอดมาจอดคอย พระเยื้องย่างพลางเสด็จลงเรือช่วง ให้รีบล่วงเร็วไวคนใช้สอย ตีกรรเชียงลงให้หนักครูจักคอย ก็ล่องลอยถึงกำปั่นมิทันนาน บาทหลวงเดินมารับจับพระหัตถ์ หน่อกษัตริย์คำนับรับประสาน มาพร้อมพรั่งทั้งสามพระกุมาร ท่านอาจารย์สองท้าวเจ้าพ่อตา ต่างคำนับนอบน้อมหร้อมสะพรั่ง ยกโต๊ะตั้งเลี้ยงกันต่างหรรษา ครั้นสรรพเสร็จเจ็ดคนสนทนา ต่างปรึกษาที่ในการจะราญรอน ฯ ๏ บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยทั้งสองท้าว เองก็เจ้าจักรพาลชาญสมร จะมาช่วยเขยขวัญคิดราญรอน ตีนครลังกาพาราคืน เองคิดเห็นเปนไฉนอย่างไรมั่ง จะขอฟังลิ้นลมไม่ข่มขืน ดูปัญญาว่าให้ฟังใครยั่งยืน เอาเป็นพื้นแบบฉบับตำหรับครู แน่ออเจ้าท้าวรายาเป็นผู้ใหญ่ จงตรองไปให้มันสิ้นเหมือนดินหู กลศึกมากมายหลายประตู เองก็รู้สารพัดได้หัดมา จะเห็นช่องเห็นคูประตูไหน จงว่าไปเองอย่านิ่งจริงจริงหวา จะคิดเห็นเป็นอย่างไรใจของตา ตามปัญญาตื้นลึกช่วยตรึกตรอง ท้าวรายาว่าเจ้าคุณสิเป็นใหญ่ ตามแต่ใช้ฉันเหมือนศิษย์สนิทสนอง ไม่ขัดเคืองคุณบังคับจะรับรอง ตามทำนองมิได้ขัดอัธยา บาทหลวงฟังสังรเสริญเจริญยศ จะปรากฏทั่วไปในทิศา มิเสียทีที่เองเป็นพ่อตา ทั้งพูดจาพอฟังเหมือนอย่างใจ แกจดหมายถ้อยคำเป็นความชอบ ตามระบอบที่แสดงแถลงไข ได้เห็นกันยามนี้กูดีใจ ออโกสัยนี้หนอก็พ่อตา อันการศึกครั้งนี้ก็ที่สุด จะช่วยบุตรเขยได้อย่างไรหวา เองจะคิดผ่อนผันด้วยปัญญา จะตรึกตราเป็นไฉนจึ่งได้การ ฯ ๏ ท้าวโกสัยสุริย์วงศ์ดำรงยศ น้อมประณตสังฆราชด้วยอาจหาญ ว่าข้าแต่บาทบงสุ์องค์อาจารย์ จะให้สารไปให้ทั่วทุกตัวคน แต่บรรดาที่สมัครเพื่อนรักใคร่ จะบอกให้มาประจบรบสิงหล อีกหัวเมืองน้อยใหญ่และไพร่พล ช่วยประจญรบรับกองทัพไทย ฯ ๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มเอมเกษมสันต์ เออเช่นนั้นดีเหลือนับเนื้อไข มิเสียทีดีแล้วหวาว่าไปไย กูชอบใจที่มึงว่าก็น่าฟัง เขาย่อมว่าเห็นกันเมื่อยามยาก จะฝังฝากรักใคร่กันภายหลัง สำเร็จศึกได้ลังกาเหมือนวาจัง กูจะตั้งศาสนาให้ถาวร แล้วว่ากับมังคลาสานุศิษย์ ช่วยกันคิดตั้งค่ายชายสิงขร ข้างแถบเขาเจ้าประจันที่นั้นดอน แล้วสิงขรล้อมรอบเป็นขอบคัน เมื่อครั้งโน้นแตกเขาเพราะเป่าปี่ จึงเสียทัพแตกยับทั้งทัพขัน เพราะผู้คนหลับใหลไปด้วยกัน ไม่เป็นอันรบพุ่งจนรุ่งราง แต่ครั้งนี้ที่นั้นกูมั่นหมาย เห็นสบายสารพัดไม่ขัดขวาง แล้วข้าวปลาสาลีในที่ทาง ก็กว้างขวางก่อนเก่าราวกับทำ แม้นจะออกไปข้างขวาถึงหน้าเกาะ ทางจำเพาะตรงไปเมืองไหหลำ ที่ท่าทอดจอดกำปั่นกว่าพันลำ เราคิดทำเอาให้ได้ตั้งค่ายคู ไว้รับรองป้องกันที่ปากช่อง ไม่พักต้องซื้อหาทั้งปลาหมู หอหากินได้สบายหลายประตู แต่เช้าตรู่รีบเข้าไปเห็นได้การ คิดรวมรอมพร้อมเสร็จพอเจ็ดทุ่ม ให้ประชุมไพร่นายฝ่ายทหาร จะรีบยกขึ้นไปให้ได้การ ชิงเอาด่านท้ายเขาเจ้าประจัน หอสามยามรีบตามให้ถึงฝั่ง ไปพร้อมทั้งพวกพหลพลขันธ์ ทุกหมู่หมวดตรวจไพร่ไปให้ทัน ตามกูบัญชาสั่งอย่างคดี แม้นกองไหนไม่ทันอย่างบังคับ ผู้ตรวจจับขังไว้อย่าให้หนี เอาตัวส่งไปพลันด้วยทันที แทงบาญชีบอกขาดราชการ ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวอิศโรเมืองโกสัย จึงจัดให้พวกพหลพลทหาร เอาเรือไปห้าลำประจำการ แล้วเขียนสารส่งให้เร่งไปมา บอกให้ทั่วทุกทิศมิตรสหาย เชิญผันผายการด่วนจวนนักหนา ให้เร่งรีบยกพลพหลมา ที่ลังกาช่วยศึกอย่างตรึกตรอง พอเช้าตรู่รีบไปอย่าได้หยุด จงเร่งรุดไปให้ทันผันผยอง เป็นการด่วนเร่งไปดั่งใจปอง ขุนนางรองลงไปเห็นนายเรือ บาทหลวงจึ่งชวนกษัตริย์ว่าบัดนี้ ฤกษ์ก็ดีลมส่งตรงไปเหนือ เร่งขันช่อชักใบที่ในเรือ แล่นไปเหนือน้ำมาถึงท่าพลัน พร้อมพหลพลถ้วนกระบวนทัพ ขึ้นไปยับยั้งอยู่ก่อนค่อยผ่อนผัน จะถอยทัพกลับไปเขาเจ้าประจัน อย่าให้ทันรุ่งรางสว่างตา แกชวนพระมังคลานราราช กับสามนาถหน่อไทไวไวหวา ทั่งสองท้าวเจ้าประเทศเขตชวา ให้ไคลคลารีบเดินดำเนินพล ฯ ๏ พระมังคลาพามิ่งมเหสี แล้วจรลีขึ้นรถาพาพหล กับสามหน่อนฤเบศเกศสกล ทรงม้าต้นตามกันเป็นหลั่นไป บาทหลวงขึ้นรถฝรั่งไปข้างหน้า ท้าวรายาอิศโรท้าวโกสัย ทั้งสององค์ทรงรถาเร่งคลาไคล อาชาไนยชักรถบทจร จันทร์กระจ่างกลางเวหาเวลาดึก แลพิลึกแสงระยับจับสิงขร น้ำค้างพรมลมระบายกระจายจร หอมเกสรเสาวคนธ์ริมหนทาง ดอกคัดเค้าสายหยุดพุทธชาติ ระดาดาษราวกับไม้ในกระถาง พิกุลแก้วแถวทับทิมริมหนทาง ต้นสล้างดอกผลหล่นกระจาย กรรณิการ์กาหลงประยงค์แย้ม มะสังแซมโศกพะยอมหอมไม่หาย กระทุ่มกระถินกลิ่นเกสรขจรจาย ประยงค์รายช่อระย้าบนหน้าเนิน กระต่ายกระเต็นเล่นโลดกระโดดโผน บ้างวิ่งโจนตามลำเนาภูเขาเขิน เสือคะนองร้องร้ายริมชายเนิน กระทิงเดินหากินในถิ่นไพร ดึกสงัดผีคะนองรองกระหึม เสียงพึมพำริมทางหว่างไศล ทั้งโป่งป่ากู่ก้องคะนองใน ร่ำพิไรครึมครางพลางตะโกน โขมดดงส่งเสียงสำเนียงแจ้ว วิเวกแว่ววิ่งเต้นบ้างเผ่นโผน ที่เนื้อตัวหัวไหม้เป็นไฟโชน บ้างห้อยโหนกิ่งยางร้องครางครวญ จังหรีดหริ่งกิ่งไทรเรไรร้อง เสียงแซ่ซ้องเย็นใจฤทัยหวน ระหริ่งแรแม่ม่ายลองไนครวญ เวลาจวนแสงทองส่องเมฆา กระเรียนร้องก้องดงพลางส่งเสียง มยูรเรียงขันก้องห้องเวหา เสียงดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริยา สกุณาร้องเรียกกันเพรียกรัง ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกแว่ว ดังปี่แก้วดนตรีดีดสีสังข์ เสียงหึ่งหึ่งผึ้งรวงเฝ้าหวงรัง เสนาะดังบินเคล้าเสาวคนธ์ ประจุสมัยเกือบจะใกล้อรุณรุ่ง น้ำค้างฟุ้งเปียกชุ่มทุกขุมขน ถึงชะวากปากไพรทั้งไพร่พล พักพหลที่ในเขาลำเนาเนิน พระจันทร์อับลับดวงล่วงลีลาศ ภาณุมาศส่องฟ้าเวหาเหิน ไขแสงทองส่องสว่างกระจ่างเนิน วิหคเหินบินออกมานอกรัง บ้างโผผินบินถลาไปหาเหยื่อ ทั้งนกเนื้อจากถิ่นถวิลหวัง พักพหลพลนิกรอ่อนกำลัง ให้นอนนั่งกินอยู่ทุกผู้คน แล้วให้ยกพลไพร่เข้าในเขา ตามลำเนาแถวทางมากลางหน ถึงตึกตั้งหลังใหญ่มีไกกล มีถนนแถวทางกลางอรัญ แต่คราวครั้งลังกาวัณฬาราช ล่วงลีลาศจากวังนรังสรรค์ มาตั้งวังอยู่ที่เขาเจ้าประจัน ถัดไปนั่นเขาพยนต์มีหนทาง เมื่อคราวครั้งพระอภัยเอาไฟเผา พากันเข้าอยู่นี่คุ้มผีสาง เขาเป่าปี่ไพร่พลตามหนทาง หลับอยู่กลางเขาเขินเนินคิรี แต่แม่มึงถือตราพระราหู เข้าต่อสู้เขาไม่ได้ต้องไพล่หนี จนไปได้อีรำภาสุลาลี กับทั้งอียุพาชาวป่าดง พอได้กินดินถนันเพราะมันหนี ขึ้นพาชีด้นไปในไพรระหง แกเล่าเรื่องมรรคาในป่าดง ให้พวกวงศ์รู้เรื่องเบื้องบุราณ ฯ ๏ แล้วพาไปชมเขาลำเนาผา ล้วนศิลาต่างต่างอย่างประสาน บ้างเงื้อมโงกโตรกตรอกเป็นซอกธาร ห้วยละหานเหวผาคูหาบรรพ์ ที่ซับซ้อนก้อนหินกระสินธุ์เซาะ สีจำเพาะเขียวแดงดั่งแกล้งสรรค์ เหมือนระบายหลายอย่างต่างต่างกัน เป็นหน้าบันเงื้อมผาศิลาแลง มีหินย้อยห้อยระย้าดั่งอัจกลับ ที่ขาววับแลวามอร่ามแสง พฤกษาชาติดาษดงประยงคุ์แดง ทั้งจิกแจงกร่างไกรไทรพะยอม ประดู่ดอกออกระย้าผกามาศ มะตูมมะตาดเกดกระถิ่นส่งกลิ่นหอม มะขวาดขวิดติดต้นล้วนผลงอม ทั้งกิ่งค้อมพอปลิดน่าติดใจ ทั้งม่วงปรางรางสาดหล่นกลาดกลุ้ม กระทิงกระทุ่มกรวยกร่างต้นหางไหล เสลาสล้างยางยูงพะยอมไพร แลไสวสูงสล้างนางตะเคียน ระรื่นร่มลมเชยรำเพยพัด ปักษาสัตว์ต่างต่างเหมือนอย่างเขียน กระสาจับกิ่งสนบินวนเวียน ฝูงกระเรียนจับรังร้องวังเวง สาลิกาจับพลอดบนยอดแก้ว เสียงเจื้อยแจ้วฟังเพราะดูเหมาะเหมง ฝูงโนรีจับพุมเรียงเสียงวังเวง ราวกับเพลงซอสีปี่ชวา เค้าโมงเมียงจับมองบนกิ่งโมก ต้นอุโลกนกกะลางร้องครางหา นกขมิ้นจับแมงเม่าเขาชวา ฝูงไก่ฟ้าจับแฟบแล้วแอบตัว ชะนีน้อยห้อยโหนบนพฤกษา เห็นสุริยานึกสำเหนียกร้องเรียกผัว เหนี่ยวกิ่งไม้ห้อยโหนแล้วโยนตัว เห็นคนกลัววิ่งวนเที่ยวซนซอน ฝูงมฤคถึกเถื่อนวิ่งเกลื่อนกลุ้ม แอบสุมทุมวนวิ่งตามสิงขร ทั้งเนื้อถึกมฤคาบนป่าดอน เที่ยวสัญจรหากินบนถิ่นไพร ฝูงลิงค่างครางครึ้มกระหึ่มเสียง พยัคฆ์เมียงจับฟัดจนตัดษัย ก็กินเล่นเป็นอาหารสำราญใจ อยู่ที่ในเขาเขินเนินอรัญ ฯ ๏ บาทหลวงพาเที่ยวดูในคูหา แต่บรรดาไพร่นายต่างผายผัน เข้าถ้ำเหวห้วยละหานสำราญครัน ที่น้ำดั้นขึ้นมากลางหว่างคิรี กระแสสายปรายปรอยดั่งฝอยฝน ลมวังวนไหลไปในวิถี ที่ปากปล่องช่องคูหาหน้าคีรี ศิลาสีต่างต่างเหมือนอย่างทำ ที่เป็นพูดูย้อยห้อยระย้า ล้วนศิลาเหมือนระบายเป็นลายขำ ที่สีเหลืองเรืองรองดั่งทองคำ ที่แดงก่ำเขียวม่วงดูร่วงราย อันถ้ำเหวเปลวปล่องเป็นช่องเงื้อม บ้างลายเลื่อมต่างต่างสว่างฉาย ครั้นต้องแสงสุริยาศิลาลาย ตูพรอยพรายพราวพร่างกระจ่างตา ที่เชิงเขาข้าวสาลีก็มีมาก ตามชะวากริมทางที่ข้างผา มีลำธารน้ำใสไหลลงมา ล้วนเต่าปลาปูหอยขึ้นลอยวน กระจับจอกดอกเกลื่อนบัวเผื่อนผัน สัตตบรรณบัวแดงทุกแห่งหน แพงพวยทอดยอดสล้างที่กลางวน กออุบลบานงามอร่ามเรือง ที่ชายหาดดาษดาผกามาศ บุปผชาติบานงามอร่ามเหลือง ต้นอังกาบกุหลาบเทศทั้งเกดเมือง อร่ามเรืองเกสรขจรจาย ทั้งชงโคคัดเค้าดอกสาวหยุด ครั้นสายสุดหมดกลิ่นหอมสิ้นหาย โยทะกากาหลงประยงคุ์ราย ขจรจายราวกับปรุงฟุ้งขจร กรรณิการ์การะเกดหอมตลบ ละอองอบรสรินกลิ่นเกสร สุราลัยไขช่ออรชร หอมขจรที่ในเขาลำเนาเนิน ฯ ๏ บาทหลวงสั่งแต่บรรดาโยธาหาญ ให้เตรียมการตามลำเนาภูเขาเขิน ตั้งค่ายคูปิดระหว่างหนทางเดิน ที่หน้าเนินตั้งหอรบประจบกัน บาทหลวงเฒ่าเจ้าตำราขึ้นอาศัย บนตึกใหญ่วายร้อนคิดผ่อนผัน กับมังคลาสานุศิษย์ที่ติดพัน อยู่ด้วยกันสามโอรสยศยง กับสองท้าวพ่อตาที่มาด้วย เป็นผู้ช่วยตรองความตามประสงค์ คิดจะซ้อมพวกทหารชาญณรงค์ แล้วเขียนธงอาญาสิทธิ์ให้ปิดตรา พระราหูคู่นครเหมือนก่อนเก่า ผิดพวกเราจับมัดตัดเกศา ให้ตั้งค่ายรายเรียงเคียงกันมา ตามเชิงผาล้อมรอบขอบคิริน บาทหลวงชมปัญญาว่าเจ้าแขก เองคิดแยกเหมือนอย่างจิตกูคิดถวิล ช่วยตรองการผลาญศัตรูกู้แผ่นดิน ประเทศถิ่นสิงหลไม่พ้นมือ มิเสียที่ดีแล้วหวาที่ตาคิด มันเหมาะจิตถูกตำหรับกูนับถือ อันการงานสารพัดเร่งหัดปรือ กระนี้หรือน่าชมสมปรองดอง ช่วยเจ็บร้อนกับลูกเขยไม่เลยละ จริงจริงวะขอบคุณการุญสนอง แม้นเสร็จศึกนึกไว้ดั่งใจปอง จะฉลองคุณมึงให้ถึงดี ทั้งลูกสาวชาวแม่จะแก้ไข กูจะให้เป็นพระมเหสี ถึงแม้นอ้ายมังคลามิปรานี กูจะตีด้วยกระบองเหล็กสองตึง อย่าปรารมภ์ไปเลยหวาอีตาเฒ่า แต่ลูกเราให้มันดีอย่าขี้หึง เฮ้ยอ้ายท้าวเจ้าโกสัยใจของมึง จะคิดซึ่งการงานสถานใด จะขอชมคมคายเป็นชายชาติ เปิดฉลาดออกมาแจ้งแถลงไข กูจะขอชมปัญญาเร่งว่าไป ที่จะได้ช่วยเขยอย่าเฉยเชือน เร่งคิดอ่านการศึกอย่านึกหมาย การอุบายตรองไปให้ได้เหมือน เองก็เป็นพ่อแม่อย่างแชเชือน ได้เป็นเพื่อนคิดอ่านการสงคราม ฯ ๏ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกเกรี้ยวกราดซักไซ้พิไรถาม จึ่งตอบเรื่องราวไปเป็นใจความ แล้วว่าตามแต่ละท่านจะบัญชา ให้ต่อสู้ผู้ใดมิได้คิด ถึงชีวิตชีวังจะสังขาร์ แต่ขอให้เที่ยงธรรม์ดั่งสัญญา ไม่พูดจากล่าวคำเป็นสำนวน ข้าพเจ้าเล่าก็มาช่วยรบรับ ในการทัพการค่ายคิดไต่สวน มิใช่จะกล่าวคำทำกระบวน ให้ไปชวนพวกมาช่วยราวี แม้นพร้อมกันวันไรจะได้ยก ไปทัพบกทัพหน้าแม้นล่าหนี ให้เจ้าคุณลงลงอาญาถึงฆ่าตี ตามแต่ที่สานุโทษจะโปรดปราน ฯ ๏ บาทหลวงฟังยินดีเป็นที่ยิ่ง มันพูดจริงมั่นแม่นเป็นแก่นสาร จึ่งว่าเอ็งกล่าวไว้เห็นได้การ ควรสมานรักกันจนวันตาย มิเสียทีที่เป็นพ่อหวาออท้าว มึงว่ากล่าวท่วงทีดีใจหาย จำจะคิดแยบยลกลอุบาย จะทำลายล้างทมิฬให้สิ้นปราณ ฯ ๏ จะกล่าวถึงเรือใช้ที่ไปหา แต่บรรดาทุกเขตประเทศสถาน กับเมืองขึ้นโกสัยอันชัยชาญ เอาเรื่องสารส่งไปให้แล้วไคลคลา ที่ในเรื่อราชการเป็นการร้อน ทั่วนครแจ้งกิจทุกทิศา เร่งจัดแจงกองทัพกับเภตรา ตามกันมาทุกนครไม่นอนใจ เมืองวะหลำสำปาละตะนะตาหนา ยะระยะลาไกโรโพพิสัย เมืองสวิตปัตหราสุราลัย โรมวิสัยบิตุเกดเจตพัง แต่เมืองขึ้นน้อยน้อยสักร้อยเศษ ต่างประเทศนครินทร์เมืองจีนตั๋ง เกณฑ์พหลพลมาดาประดัง แล่นสะพรั่งเภตราในสาคร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในลังกาอาณาเขต ครั้นแจ้งเหตุว่าไปตั้งหว่างสิงขร ในวงเขาเจ้าประจันใกล้สันดอน จะตีต้อนหักเอาเป็นเขาวง แล้วจำเพาะเข้าไปได้เป็นช่อง จะขึ้นล่องเขานั้นชันระหง แล้วก็เป็นคูรอบเป็นขอบวง จะขึ้นลงยากใจหลายประการ ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงภพ เธอปรารภปรึกษาบรรดาหลาน จะกำจัดศัตรูพวกหมู่พาล ต้องคิดอ่านล่อลวงดูท่วงที ใครจะเห็นเป็นอย่างไรไฉนมั่ง มันมาตั้งปิดทางหว่างวิถี จะตัดรอนศึกใหญ่ฉันใดดี จึ่งจะมีชัยได้ดั่งใจปอง ฯ ๏ สินสมุทรวุฒิไกรสงสัยนัก จึงถามซักพวกฝรั่งสิ้นทั้งผอง แต่บรรดามาประมูลทูลละออง ว่าทางช่องเชิงเขาเจ้าประจัน จำเพาะไปได้แต่เท่านั้นหรือ สิ้นฝีมือพลนิกรจะผ่อนผัน หรือจะอ้อมไปในทางหว่างอรัญ หนทางนั้นสักกี่แห่งจงแจ้งความ ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งสิ้นได้ยินตรัส แจ้งรหัสโดยยังรับสั่งถาม จึ่งกราบทูลที่พระองค์ประสงค์ความ ครั้นเมื่อตามนางพระยาเธอคลาไคล ทางเข้าออกนั้นมีอยู่สี่แห่ง มันจัดแจงปิดทางหว่างไคล แล้วตั้งช่องกองตระเวนเกณฑ์กันไป เอาปืนใหญ่จุกช่องคอยป้องกัน แล้วตั้งค่ายรายทางตามหว่างเขา จะคิดเข้ายากจริงทุกสิ่งสรรพ์ แม้นได้ไปบนทางกลางอรัญ คิดผ่อนผันข้ามเขาลำเนาเนิน นั้นแหละจะเข้าได้ในจังหวัด ถ้าแม้นตัดลำเนาภูเขาเขิน ให้ขาดสิ้นพังตลอดถึงยอดเนิน เป็นทางเดินเข้าไปเห็นได้การ ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร ทั้งหลานรักมุลนายฝ่ายทหาร พร้อมทั้งพวกโหราพฤฒาจารย์ ปรึกษาการข้างอุบายคิดถ่ายเท แล้วถามท่านจักราพฤฒาเฒ่า ครั้งนี้เราใคร่ครวญจะหวนเห สถานใดใจท่านครูดูคะเน จะถ่ายเทตรองการสถานใด ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท จึ่งสังเกตโดยวิธีคัมภีร์ไสย ทางทิศาปาโมกข์โลกนัย แล้วทูลไทเจ้าจังหวัดปัถพิน พิเคราะห์ดูในตำรามหายุค จะรบรุกยังสมอารมณ์ถวิล จำจะต้องทำวิชากู้ธานินทร์ ทางกสิณอาโปมโหฬาร แล้วจึ่งสั่งพาราพวกวาโหม ขึ้นโพยมเมฆาเวหาหาญ เอาแหลนหลาวง้าวหินบินทะยาน เข้าต่อต้านรุกรุดยุทธยา แต่เดี๋ยวนี้จำเพาะพระเคราะห์ร้าย จะอุบายไม่สมมาดปรารถนา ต่อข้างขึ้นเดินสี่ปีระกา ให้โหรามาประมวลใคร่ครวญดู ฯ ๏ ป่างพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร ทั้งพระสุดสาครนึกอ่อนหู จึ่งตรัสเรียกโหราบรรดาครู ให้มาดูทำนายร้ายแลดี โหรารับขับไล่ในพระเคราะห์ เสาร์จำเพาะร่วมจักรราศี ถึงจันเทาเข้าร้ายมาหลายปี ต่อเดือนสี่จึ่งจะคลายในตำรา ทั้งราหูอยู่เมษเข้าทับลัคน์ โหราทักทายวันชันษา ต่อพฤหัสถึงธนูดูตำรา พระศุกร์มาถึงลัคน์จึ่งจักคลาย แล้วกราบทูลจอมวงศ์พงศ์กษัตริย์ ข้าคิดตัดรอนประมูลทูลถวาย ตามตำราพยากรณ์แต่ก่อนทาย ต่อตกปลายมือดีจะมีชัย ฯ ๏ เจ็ดกษัตริย์ฟังอรรถโหราแถลง ประจักษ์แจ้งมั่นคงไม่สงสัย จึ่งตรัสสั่งเสวกาพวกข้าไท เราตรวจไตรเตรียมการจะราญรอน แม้นมันยกไพร่พลพหลหาญ ออกต่อต้านชานชลาหน้าสิงขร ดูกำลังโยธาพลากร จะราญรอนหักหาญเป็นมารยา พระสั่งเสร็จแต่บรรดาโยธาทัพ จะตั้งรับดูฤทธิ์พวกมิจฉา คอยป้องกันด่านทางข้างคงคา เรือไปมาคอยสกัดตัดลำเลียง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ลงนั่งง่วงอยู่ที่ท้ายชายเฉลียง กับมังคลาสานุศิษย์นั่งคิดเคียง แล้วก็เรียงรายกันเป็นหลั่นไป บาทหลวงเฒ่าเจ้าเล่ห์จึ่งเสแสร้ง แล้วชี้แจงหลอกถามตามสงสัย เองจะคิดรอญรานสถานใด จงเล่าให้กูฟังอย่าบังกัน จะรบรับทัพไทยอย่างไรหวา ด้วยปัญญาเรี่ยวแรงแข็งขยัน หรือความรู้มนตราสารพัน จะป้องกันศัตรูหมู่ไพริน ฯ ๏ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกเกรี้ยวกราดเอาแต่ได้ดั่งใจถวิล จึงตอบคำธรรมดาทุกธานินทร์ ไม่รู้สิ้นคนดีมีปัญญา จะต้องคิดการอุบายให้หลายอย่าง ดูท่าทางกลศึกคอยปรึกษา ที่จะคิดการใหญ่ในลังกา เอาปัญญาข้าพเจ้าไม่เข้าที สุดแต่ท้าวเจ้าคุณเป็นแม่ทัพ จะบังคับมากน้อยไม่ถอยหนี คงจะเป็นเกือกทองรองธุลี กว่าชีวีข้าจะวายทำลายลาญ ฯ ๏ บาทหลวงฟังสังรเสริญท้าวโกสัย กูขอบใจที่มึงรักสมัครสมาน กับลูกเขยผูกพันในสันดาน คงเป็นการจริงแล้วหวาอย่าปรารมภ์ อันลังกาธานีบุรีรัตน์ กูเห็นชัดมาแต่ครั้งปางประถม ที่พวกไทยจะเข้ามาสมาคม เห็นไม่สมควรคู่จะอยู่ครอง พระเยซูผู้เป็นเจ้าไม่เข้าด้วย ใครเอออวยให้มันเอาเป็นเจ้าของ อ้ายสองท้าวช่วยกันทำแต่ลำลอง กูตรึกตรองการอุบายหลายกระบวน ครั้นจะนิ่งไว้ช้าปัจจามิตร มันจะคิดหมกมุ่นทำหุนหวน ฉวยเสียทีการใหญ่ต้องใคร่ครวญ การก็จวนเข้าวสันต์จะกันดาร ครั้นจะคอยห้าเมืองเรื่องเองว่า เห็นจะช้าการไปหลายสถาน ทั้งข้าศึกก็จะแข็งแรงรำคาญ ฉวยเนิ่นนานหน้าฝนสิจนใจ แกจึงสั่งมุลนายฝ่ายทหาร ให้เตรียมการดูแลจะแก้ไข จงจัดแจงแต่งพลสกลไกร ให้แล้วในสามวันดั่งสัญญา จะยกไปตีด่านเป็นการร้อน อย่านิ่งนอนตรวจกันให้ทันหนา เรียกเมื่อไรพร้อมกันดั่งบัญชา ใครเลื่อยล้าโทษมึงจะถึงตาย เอาตามบทกฎหมายเมืองฝรั่ง เอาตัวขังฆ่าริบให้ฉิบหาย จงบอกกันให้ทั่วทุกตัวนาย เร่งจัดจ่ายปืนผาบรรดามี บาทหลวงนั่งสั่งถ้วนกระบวนทัพ แล้วจึ่งนับฤกษ์ยามตามดิถี หยิบตำรามาพลันด้วยทันที แล้วก็คลี่ดูพลางเหมือนอย่างเคย เห็นวันดีสี่ค่ำจะทำศึก ให้สมนึกเดชะบุญเจ้าคุณเอ๋ย ขอเดชะยะโฮวาอย่าละเลย ด้วยข้าเคยสอนสั่งอยู่ลังกา เป็นเหตุด้วยประจามิตรมาคิดร้าย จึ่งวุ่นวายเสียชาติศาสนา ขอให้พระวิญญาณช่วยด้วยสักครา ให้ปัจจามิตรวายทำลายลาญ แกตั้งจิตอธิษฐานการฝรั่ง ตีระฆังวังเวงเพลงประสาน แล้วจดหมายไว้ให้เห็นเป็นพยาน ปิดที่บานประตูตึกยังตรึกตรอง ฯ ๏ กษัตริย์สามองค์ท้าวเข้าไสยาสน์ ขึ้นบนอาสน์ตึกใหญ่พระทัยหมอง แต่มังคลาสานุศิษย์เธอคิดปอง จะตรึกตรองแก้ไขฉันใดดี แต่ทำศึกคนตายเสียหลายแสน เอาเขตแตนก็ไม่ได้ต้องไพล่หนี เป็นหลายครั้งตั้งแต่มารบราวี ก็เสียทีย่อยยับอัปรา แกยังขืนจะมาชิงเอาสิงหล แต่ผู้คนพลัดพรายตายนักหนา จนน้องหลานเขาก็เบื่อเหลือระอา เพราะปัญญาแกมันมากต้องยากเย็น เมื่อครั้งครองลังกาก็ผาสุก ให้ไปรุกรบวุ่นจนขุ่นเข็ญ ต้องพลัดพรากจากพาราน้ำตากระเด็น ใครเขาเป็นอย่างนี้ไม่มีเลย แต่ตกยากแล้วมิหนำมาซ้ำแยก อกจะแตกเสียแล้วหนาเจ้าข้าเอ๋ย มิตามใจแกก็ด่าว่าเฉยเมย นิจจาเอ๋ยแสนเข็ญไม่เว้นวัน ลงนอนหงายก่ายนลาฏอนาถนึก ทรวงสะทึกแสนวิโยคให้โศกศัลย์ ตั้งแต่มาอยู่ในเขาเจ้าประจัน จะหาวันว่างสบายก็ไม่มี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ นึกประหลาดในวิญญาณ์มารศรี ด้วยองค์พระมังคลาผู้สามี เออวันนี้เป็นไฉนไม่ไสยา แล้วก็ไม่ดำรัสตรัสประภาษ นึกอนาถในจิตกนิษฐา จึ่งเข้าไปใกล้กษัตริย์ภัสดา นางวันทาทูลถามไปตามแคลง พระประชวรโรคภัยไฉนหนอ จะเรียกหมอมาพลีตีแสลง ถวายยาสารพันได้จัดแจง โดยตำแหน่งที่รักษาพยาบาล ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช เห็นนุชนาฏบุษบงก็สงสาร จึ่งตรัสว่าไม่สบายหลายประการ เพราะอาจารย์แกทำขุ่นออกวุ่นวาย จนเสียญาติขาดตระกูลประยูรยศ ไม่เป็นบทดูเหมือนบ้าเที่ยวค้าขาย มีแต่เรื่องขาดทุนออกวุ่นวาย เพราะอุบายครูเฒ่าของเราเอง เหมือนคราวครั้งเมื่อจะมาแกด่าแช่ง ว่าเราแกล้งปิดโกงทำโฉงเฉง ตั้งกองด่าอยู่จนดึกออกครึกเครง เพราะเราเกรงบาปกรรมต้องตามใจ แต่ชีวิตแทบจะตายก็หลายครั้ง เที่ยวเซซังไปหาที่อาศัย พอเสื่อมสร่างบางเบาบรรเทาใจ แกมิให้อยู่ช้าถึงห้าปี วันที่สี่ค่ำกำหนดจะให้ยก เป็นทัพบกตีด่านชานกรุงศรี เมื่อแตกทัพกลับมาเจ็ดราตรี ไม่รู้ทีว่าจะนึกจะตรึกตรอง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ เชิงฉลาดแล้วประมูลทูลฉลอง ทำป่วยไข้ให้รู้ดูทำนอง จะตรึกตรองที่ในการสถานใด ฯ ๏ ป่างพระจอมมังคลานราราช ฟังนุชนาฏทูลพร้องสนองไข เธอเห็นจริงสิ่งนี้ดีพระทัย จึงตอบไปว่าพี่เขลาเบาปัญญา เจ้าชักนำสำนวนควรจะเชื่อ เห็นดีเหลือจริงแล้วมิตรกนิษฐา เจ้ารีบไปบอกกล่าวท้าวพ่อตา แจ้งกิจจาว่าเราเจ็บเป็นเหน็บเย็น ให้ไปแจ้งสังฆราชเหมือนมาดหมาย ดูแยบคายโดยทำนองพี่ตรองเห็น ที่การทัพดับร้อนค่อยผ่อนเย็น เจ้าคิดเห็นดีแท้ได้แก้ตัว ฯ ๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์สมร นำสุนทรแล้วค่อยย่องจากห้องผัว ไปทูลท้าวทั้งสองทำหมองมัว โปรดตามตัวหมอเข้าไปข้างในพลัน แล้วให้เชิญกูวไนยไปทั้งสอง ที่ในห้องตึกใหญ่เชิญผายผัน ประชวรไข้เหน็บชามาห้าวัน พระองค์สั่นจับหนาวทั้งเช้าเย็น แล้วโปรดเชิญสังฆราชไปอาสน์รัตน์ สามกษัตริย์หน่อไทอยากใคร่เห็น ช่วยระงับดับร้อนให้ผ่อนเย็น จะได้เห็นโรคาพยาบาล ฯ ๏ ท้าวรายาโกสัยพระทัยหาย ก็ผันผายไปแสดงแถลงสาร บอกสามหน่อขัตติยากับอาจารย์ ให้แจ้งการโรคาที่ยายี บาทหลวงฟังนั่งอึ้งตะลึงคิด เป็นไข้พิษเจ็บจุกหรือถูกผี นั่งเสียได้ไม่มากล่าวเล่าคดี พลางไปที่ห้องในที่ไสยา ทั้งสามหน่อวรนาถกับบาทหลวง ครรไลล่วงเข้าในห้องพลางมองหา ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลา ชักเอาผ้าคลุมประทมทำซมเซา ฯ ๏ บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยเองเจ็บไข้ เป็นอย่างไรไม่รู้มาอยู่เขา หรือจะเป็นปีศาจมันกราดเอา แต่ก่อนเก่าอยู่เป็นสุขทุกเวลา เป็นเคราะห์กรรมทำกระไรไฉนหนอ มาเกิดก่อเจ็บไข้อย่างไรหวา จะยกไปตีด่านชานชลา เองก็มาเจ็บไข้ไม่ได้การ ฯ ๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณการุญรัก จงหยุดพักรั้งรอแต่พอหลาน ค่อยเสื่อมโศกโรคภัยในสันดาน จึ่งคิดอ่านยกไปตีให้มีชัย ฯ ๏ บาทหลวงว่าถ้าเองยังมิหาย การอุบายข้าศึกจะนึกไฉน ฉวยมันยกยุ่งยิ่งมาชิงชัย จะไว้ใจได้หรือมึงถือดี จำจะยกวกไปใส่เอาก่อน จะมานอนนิ่งถือเหมือนฤๅษี ถึงเอ็งเจ็บจริงหวาพ่อตามี ยกไปตีก่อนไม่ได้หรือไรนา กูกำหนดฤกษ์ตีวันสี่ค่ำ จะตั้งทำพิธีดีนักหนา จะให้เข้าตีด่านชานชลา อ้ายพ่อตามึงทั้งสองไปลองดู เอาลูกชายเอ็งกำกับเป็นทัพหนุน เดชะบุญไล่ต้อนให้อ่อนหู แม้นเข้าได้สมหวังพังประตู ช่วยกันกรูเข้าในด่านชานบุรินทร์ มึงเจ็บไข้ใจคอยังท้อแท้ อยู่กับแม่รักดุเหว่าเฝ้าถวิล พลางลุกจากห้องมาศาลาดิน เรียกมาสิ้นแต่บรรดาเสนานาย กับสองท้าวเข้ามาแล้วว่าขาน ไปตีด่านให้เหมือนจิตกูคิดหมาย อ้ายลูกเขยจับไข้ไม่สบาย มึงเป็นฝ่ายทัพหน้าปรึกษากัน วันพรุ่งนี้จะไปตีเมืองปากน้ำ จงคิดทำต่อแย้งให้แข็งขัน แม้นทัพไหนแตกมาจะฆ่าฟัน ยกให้ทันฤกษ์ดีในสึ่โมง แกสั่งเหล่าเสนาโยธาทัพ เสียงออกคับศาลาด่าออกโผง ราวกับไฟไหม้ข้าวสุกลุกออกโพลง เสียงโขมงคับศาลาหน้าคิรี ให้เตรียมทัพนับหมื่นถือปืนผา แขกชวากับพหลพลกาหวี ทั้งเสนาไพร่พลพวกมนตรี วันพรุ่งนี้พร้อมกันเหมือนสัญญา แม้นใครขาดราชการอาญาทัพ บทบังคับชีวังถึงสังขาร์ เอาเชือกมัดรัดคอให้มรณา ตามอาญาข้างฝรั่งไม่ฟังกัน ฯ ๏ ครั้นสั่งเสร็จกลับหลังขึ้นยังตึก คิดการศึกร่ำไปจนไก่ขัน แล้วนึกแค้นมังคลาด่าเป็นควัน ควรหรือมันมาเจ็บเป็นเหน็บเย็น เพราะอีเมียมาด้วยจึ่งป่วยไข้ กูเข้าใจบาดแผลพอแลเห็น เพราะมันถึงหวานนักจึ่งมักเป็น เหมือนกับเช่นได้อีแก่ก็แปรปรวน แต่ไม่ถึงเจ็บไข้เพราะไม่สาว เป็นคราวคราวมันนึยมเหมือนลมหวน ถูกอีนี่มันเป็นสาวเจ้ากระบวน มันยียวนเอาจนเจ็บเป็นเหน็บชา ก้าแม้นมิจำกัดอีนี่เสีย จะคลอเคลียเมามันเพราะตัณหา เห็นไม่หายคลายเจ็บที่เหน็บชา จะเอายาอย่างไรให้มันกิน แล้วการทัพการไข้เห็นไม่เสร็จ เหมือนเอาเบ็ดโยนไปในกระสินธุ์ ที่ไหนฝูงมัจฉาจะมากิน เพราะว่าสิ้นเหยื่อเกี่ยวไม่เหลียวแล อ้ายมังคลาฝาหรั่งเคยตั้งแต่ง จะแอบแฝงนอนครางอยู่ห่างแห ที่ไหนคนเหล่านั้นจะผันแปร กูจะแก้เห็นไม่สมอารมณ์ปอง พลางลุกมาหน้าประตูฃู่สำทับ ยังนอนจับไข้วุ่นจนขุ่นหมอง อันการทัพการศึกไม่ตรึกตรอง มาเข้าห้องกอดอีเมียจะเสียการ จนเจ็บไข้กายสั่นเพราะตัณหา จะมาพากันเศร้าต้องร้าวฉาน แม้นมิไล่อีเมียจะเสียการ ไปเมืองบ้านมันเสียก่อนคิดผ่อนปรน แม้นขืนอยู่ด้วยกันตะบันโรค จะวิโยคยากใจไม่เป็นผล เองขืนอยู่กับอีเมียจะเสียตน เร่งคิดขวนขวายไปให้ไกลกัน โรคคงหายคลายแท้แน่เหมือนว่า กินหยูกยาดับร้อนพอผ่อนผัน นี่อีแม่รักสะเออะเจ๋อเจ๊อครัน เข้าพัวพันโรคาจึ่งยายี เร่งเอาไปส่งเสียอีเมียเอก อย่าโหยกเหยกห่วงใยในวิถี ได้สิงหลแล้วจึ่งพามาธานี ตั้งเป็นที่มเหเสือตามเชื้อวงศ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ฟังพระบาทหลวงขู่ดูแกหลง เอาแต่ใจของตนพูดวนวง เหมือนคนทรงผีสิงวิ่งกระเซอ มันน่าเกลียดเต็มประดาเหมือนบ้าเลือด ไม่รู้เหือดน่าชังยังเผยอ แกพูดจาเบียดเสียดขี้เกียจเออ ครั้นหาวเรอตามไปก็ใช่ทาง แล้วตอบว่าถ้าเจ้าคุณจะขับไล่ ฉันก็ไม่ทานทัดไม่ขัดขวาง แต่จะต้องให้บิดาเขาพานาง การมิค้างหรือที่ศึกนึกอย่างไร แกจึ่งว่าอย่าให้มันไปด้วย เอาไว้ช่วยดูแลคิดแก้ไข ให้แต่พวกบ่าวข้าพามันไป ก็จะได้ดอกหนาหวาปัญญากู พระมังคลาว่าเช่นนั้นฉวยเกิดเหตุ แม้นอาเพศเดือดร้อนมิอ่อนหู แกว่าช่างมันเป็นไรทำไมกู ทำไม่รู้ไม่เห็นจะเป็นตาย ช่างหัวมันเป็นไรไปกับบ่าว จะว่ากล่าวใครเขาทำให้คว่ำหงาย มึงอย่าพูดเกเรเพทุบาย ใช่มุลนายเป็นเมียเสียอะไร แม้นมิคิดผ่อนผันให้มันห่าง โรคจะสร่างเสื่อมคลายหายที่ไหน เองจะนั่งอยู่กับหญิงไม่ชิงชัย มันจะได้เมืองหรืออย่าถือดี ทำไมกับลูกเมียแม้นเขี่ยไค้ มันคงได้สมรักสมศักดิ์ศรี ชนะศึกตรึกตราสักห้าปี รูปดีดีงามงามสักสามพัน ไล่ไปเสียเมียนี้หนาพาให้เจ็บ พวกอีเล็บยาวยาวอีสาวสรรค์ เป็นห่วงใยไปข้างหน้าสารพัน ไม่เป็นอันคิดอ่านการสงคราม ฯ ๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณการุญรัก จะหาญหักเอาแต่ได้ขอไต่ถาม ด้วยพ่อเขาเอามาใช้ในสงคราม จะมีความน้อยใจไม่ได้การ แกว่าช่างมันเป็นไรเหมือนไม้สัก เอามาจักกลึงเกลาใช่เผาผลาญ ทำไมกับเครื่องสะเก็ดสำเร็จการ เอาพร้าขวานผ่าใส่คงไหม้โชน จะไปนั่งเกรงใจทำไมหวา เราย้ายท่าให้เหมือนเช่นเขาเล่นโขน การนินทาอย่าปรารมภ์เหมือนตมโคลน ผิดก็โจนลงในน้ำมันร่ำไป พระมังคลาว่าเขาช่วยเป่าปัด ปรนนิบัติหยูกยาได้อาศัย แต่พอโรคบางเบาบรรเทาใจ จึ่งจะให้เขาพาพะงางาม ฯ ๏ บาทหลวงด่าว่าอุแหม่พูดแก้ไข จะเอาไว้ทำกรรมอ้ายซำสาม จนโรคไม่รู้สร่างเพราะนางงาม จนเสียความย่อยยับอัปรา เพราะอีนี่มิหนำตัวซ้ำเจ็บ ยังจะเก็บเอาไว้กรอล่อตัณหา ใครขืนคว่ำจำใจให้เอามา นั่งลอยหน้าดัดจริตทำปิดบัง ชะนางแม่รักดุเหว่านั่งเฝ้าผัว มาเปียปัวจนมันยุ่งออกนุงถัง มึงจะคิดอย่างไรจะใคร่ฟัง หรือจะนั่งอ่อนคอเฝ้าคลอเคลีย ไม่ห่างผัวตัวนางมิ่งมเหสี ไปบุรีเสียเถิดหวาอย่าให้เสีย ที่การทัพคับใจเหมือนไฟเลีย มันเป็นเมียเขาก็รู้อยู่ทุกคน ที่เจ็บปวดรวดร้าวลงคราวนี้ มเหสีหรือมิใช่มันให้ผล ถ้าแม้นขืนอยู่กับเมียจะเสียคน คงจะป่นปี้ไปไหนจะคลาย ถึงมดหมอที่จะมารักษาเจ้า มันก็เปล่าเสียยาพาฉิบหาย มึงอย่าทำเกเรเพทุบาย คิดผันผายเอาไปส่งลงเภตรา พรุ่งนี้เช้ากูจะยกทัพบกก่อน ไม่เจ็บร้อนหรือกระไรไฉนหวา แต่ทุกข์ทนได้ยากลำบากมา ก็หมายว่าจะมาตีบุรีคืน มึงก็มาเจ็บไข้ให้ลำบาก กูเหนื่อยยากเต็มประดาเหลือฝ่าฝืน เพราะหมายมึงเป็นที่หวังได้ยั่งยืน จะได้คืนเมืองลังกาของตายาย แกด่าพลางทางลุกไปจากห้อง พอแสงทองจวนจะสางสว่างฉาย แกเที่ยวเดินเสือกสนกระวนกระวาย เรียกไพร่นายแสนยาพลากร กับสองท้าวเข้ามาปรึกษาสั่ง ดูกำลังทวยหาญชาญสมร เป็นทัพหน้าพาพหลพลนิกร เข้าราญรอนตีปากน้ำที่สำคัญ อันตัวกูจะกำกับเป็นทัพหลวง จะคอยล่วงดับร้อนคิดผ่อนผัน แล้วได้ทีตีกลมระดมกัน เอาให้มันแตกพ่ายกระจายพัง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช ไม่ไสยาสน์นึกในพระทัยหวัง เห็นวุ่นวายฟั่นเฝือเหลือกำลัง ไม่ยับยั้งตรึกตราระอาจริง แกคิดเห็นแต่จะได้เพราะใจโลภ ความละโมภเต็มที่ดั่งผีสิง แต่เอาคนมาลำบากเหมือนทากปลิง เที่ยวเกาะนิ่งล้มตายเสียหายพัน แกยังขืนวุ่นวายจะไปรบ เขาสมทบทุกประเทศทั่วเขตขัณฑ์ ตั้งแต่ไปรบรุกเข้าบุกบัน แทบชีวันจะไม่รอดตลอดมา แต่ครั้งนี้มิไปให้ได้ยาก แสนลำบากชีวังจะสังขาร์ จึ่งต้องทำป่วยเจ็บเป็นเหน็บชา แกก็ด่ามากมายหลายประการ แม้นจะไปรบสู้เป็นธูระ ไม่ชนะเขาจริงหนาเหมือนว่าขาน ถึงแก่ด่าก็ต้องรับอัประมาณ ดีกว่าการจะไปตายวายชีวง พระตรึกตรองต้องครางเหมือนอย่างไข้ บาทหลวงไปด่าเปรี้ยงแทบเสียงหลง เป็นกระไรไข้พิษจะปลิดปลง กอดอนงค์ไว้สิหวาอ้ายบ้ากาม แกเคืองขุ่นหุนหันให้หมั่นไส้ แต่นี้ไปแสนเกลียดขี้เกียจถาม พลางลุกออกจากประตูแล้วดูยาม ยังอีกสามนาทีจะสี่โมง แกเร่งเรียกพวกพหลพลรบ มาสมทบทัพชวาด่าโขมง เอิกเกริกฤกษ์ดีจะสี่โมง ยิงปืนโผงผางผึงเสียงตึงตัง เดินกระบวนถ้วนทั่วตัวทหาร ก้องสะท้านเต็มประดาทัพหน้าหลัง ออกจากเขาเจ้าประจันสนั่นดัง บาทหลวงนั่งบนรถบทจร ฯ ๏ สารถีตีม้าอาชาชาติ เผ่นผงาดรีบออกนอกสิงขร กระบวนบกยกอ้อมล้อมนคร พลนิกรนับแสนแน่นอนันต์ ถือปืนตับคาบชุดอาวุธพร้อม เข้าแวดล้อมรบสู้เป็นคู่ขัน พวกที่ถือแหลนหลาวทั้งเกาทัณฑ์ เหน็บกริชสั้นหอกซัดเดินอัดแอ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ คนประจำเรียงรายชายกระแส เห็นข้าศึกเยียดยัดมาอัดแอ ไปทูลแก่จอมนรินทร์ปิ่นประชา ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงภพ ขจรรบเรืองฤทธิ์ทุกทิศา ครั้นทราบข่าวข้าศึกพระตรึกตรา พลางปรึกษาพระเจ้าหลานในว่านเครือ ว่าบัดนี้ข้าศึกกับฮึกหาญ ล้อมปราการรอบรายทั้งใต้เหนือ พระสั่งให้นายทัพสำหรับเรือ ขึ้นมาเจือทัพบกจะยกไป แล้วตรัสกับหน่อนรินทร์สินสมุทร เจ้ารีบรุดออกทางท่าชลาไหล สุดสาครต้อนพหลสกลไกร ยกออกไปทางบกวกถึงกัน หัสไชยไปตั้งอยู่ข้างเหนือ เอาคนเจือนายไพร่รีบผายผัน วลายุดาวายุพัฒน์หัสกัน ทั้งสามนั้นออกไปอยู่บูรพา อันตัวเราเล่าจะไปข้างทักษิณ พร้อมกันสิ้นเผ่าพงศ์พระวงศา แล้วตรัสถามครูพักตร์จักรา ว่าท่านอาจารย์เจ้าช่วยเป่ามนต์ ตามวิธีที่ได้รู้ดูกำกับ จงแต่ทัพไว้ให้ทั่วตัวพหล จงประสิทธิ์ฤทธิ์เดชข้างเวทมนตร์ ให้คงทนแคล้วคลาดซึ่งสาตรา ฯ ๏ ฝ่ายอาจารย์ผู้ชำนาญทางกสิณ เอาขมิ้นมาเสกลงเลขผา แจกไปทั่วตัวคนเป่ามนตรา ตามตำราที่ได้รู้ทั้งอยู่คง แล้วว่าท้าวเจ้าแผ่นดินปิ่นพิภพ จะออกรบโดยหวังอย่างประสงค์ คงมีชัยอานุภาพปราบณรงค์ ดังพระองค์คิดไว้คงได้การ ต่อสองโมงฤกษ์ดีกรีธาทัพ ออกคอยรับข้าศึกที่ฮึกหาญ จัดพหลพลขันธ์ประจัญบาน ออกข้างด้านหรดีจะมีชัย ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช นึกถึงบาทหลวงด่าไม่ปราศรัย จึงจัดแจงแต่งพลสกลไกร ยกตามไปโดยพลันมิทันนาน แต่จำเป็นจำใจไปด้วยแค้น แกด่าแสนเจ็บอายหลายสถาน ครั้นมิไปเล่าก็ได้เป็นอาจารย์ จะเดือดดาลสักเท่าไรในอุรา ต้องนิ่งไว้ในจิตถึงผิดชอบ ตามระบอบกลัวจะขาดศาสนา ต้องยกทัพดับความตามออกมา พอสุริยาเย็นคล้ำในอัมพร เดินกระบวนถ้วนทั่วตัวทหาร ออกจากด่านเชิงชะวากปากสิงขร ฝูงกระทิงมหิงสาในป่าดอน เที่ยวสัญจรในเวลาเมื่อสายัณห์ เดือนกระจ่างกลางฟ้าเวหาห้อง จังหรีดร้องเรไรในไพรสัณฑ์ ระหริ่งแร่แม่ม่ายในอรัญ กระต่ายผันเผ่นโผนโจนทะยาน พยัคฆ์ย่องมองเมียงเคียงขยับ กระโจนจับเป็นภักษาด้วยกล้าหาญ ปะปีบเปรี้ยงเสียงร้องก้องกังวาน ทั้งฝูงฟานโลดไล่ริมชายดง พระเร่งทัพขับพหลพลแสน อเนกแน่นมาในป่าพนาระหง ทหารแห่เกณฑ์หัดจัตุรงค์ ออกจากดงแดนเขาเจ้าประจัน ถึงทุ่งกว้างทางตรงวงเข้าด่าน เสียงประสานพวกพหลพลขันธ์ ฟ้ากระจ่างแจ่มแจ้งด้วยแสงจันทร์ แลเห็นท่านสังฆราชเดินนาดกราย ถือกระบี่ตรวจพลพหลหาญ ดูอาการชุลมุนวุ่นใจหาย กับสองท้าวพ่อตาเสนานาย เที่ยวเดินรายล้อมรอบขอบกำแพง พระมังคลาพากันเข้าบรรจบ พลรบทวยหาญชาญกำแหง พอสังฆราชแลไปเห็นไฟแดง ยังนึกแคลงทัพใครที่ไหนมา ครั้นเห็นพระมังคลาสานุศิษย์ ที่แค้นจิตหายพลันกลับหรรษา เดินออกมาจูงหัตถ์กษัตรา แล้วถามว่าเอ็งหายสบายบาน ยกพหลพลไพร่มาในค่ำ ช่วยกันทำศึกสิหวาดั่งว่าขาน คงสมคิดศิษย์หายใจกูบาน ดูอาการท้าวทั้งสองก็ว่องไว มิเสียทีดีครันในการศึก เห็นตรองตรึกรู้ตำราอัชฌาสัย ถึงเป็นแขกดูมันคล่องทำนองใน เห็นจะได้สิงหลไม่พ้นเรา แล้วโรคเอ็งเล่าก็หายสบายจิต สมความคิดจริงแล้วมึงพอพึ่งเขา คงจะได้เขตแคว้นแดนของเรา อย่าโศกเศร้าไปเลยหวาทั้งข้าไท อันลังกาฝาหรั่งในครั้งนี้ จะเป็นที่เปรมปราได้อาศัย คิดกำจัดสัตว์บาปปราบพวกไทย จับเสียให้สิ้นวงศ์พงศ์ประยูร ให้สมแค้นที่มันทำกูช้ำชอก กูจะหลอกจับกินให้สิ้นสูญ เอาให้หมดญาติวงศ์พงศ์ตระกูล ให้มันสูญอย่าให้เหลือไร้เยื่อใย พรุ่งนี้เช้ากูจะเข้าแหกเอาด่าน สำเร็จการจับมันมาอย่าปราศรัย ปล่อยเสียเกาะจีนตั่งช่างเป็นไร ให้มันไปอยู่กับท้าวเจ้าละมาน กูจะตั้งลังกาให้ผาสุก จะดับทุกข์เอาให้เปรมเกษมศานต์ แล้วชวนพระมังคลาปรีชาชาญ กินชัยบานเหล้าเข้มพอเต็มตึง แล้วเข้านอนด้วยกันหมดเอารถล้อม มีผ้าอ้อมวงม่านเพดานขึง ให้ตีเกราะเคาะระฆังเสียงดังอึง กลองกระดึงตีลั่นสนั่นไป ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลบนปราการชานสมุทร อุตลุดเรียกกันเสียงหวั่นไหว ถืออาวุธนับหมื่นทั้งปืนไฟ ทั้งหน้าไม้เสโลอีกโตมร พลดั้งคั่งคับก็นับแสน อีกโล่แพนจัดเป็นคู่ธนูศร ทั้งแหลนหลาวยาวสั้นเคยราญรอน อัสดรม้ารถคชคชา ล้วนธงเทียวเขียวแดงแสงสลับ กระบวนทัพดาบเชลยเคยอาสา ฝ่ายตัวท่านครูพักตร์จักรา นั่งบูชาเทพไทในไตรตรึงส์ พลีกรรมทำศาลาอ่านพระเวท ตามไสยเพทเสาศาลเพดานขึง แล้วครูเฒ่าห้ามไพร่อย่าให้อึง กว่าจะถึงฤกษ์พาเวลาดี ฯ ๏ ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ โองการตรัสแก่เสนาบดีศรี สุดแท้แต่ฤกษ์พาเวลาดี จึ่งค่อยคลี่โยธาพลากร ฯ ๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราปรีชาฉลาด ครั้นภาณุมาศแย้มเยี่ยมเหลี่ยมสิงขร เกือบจะสว่างรังสีรวีวร ปักษาจรจากรังร้องวังเวง เสียงดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริย์ฉาย ออกบินรายเสียงเพราะดูเหมาะเหมง ไก่กระชั้นขันดังเสียงวังเวง ก้องบรรเลงแข่งขานประสานกัน พออุทัยไตรตรัสจำรัสแสง สว่างแจ้งในนภางค์ทางสวรรค์ ส่วนครูเฒ่าเข้าที่พิธีพลัน เสกน้ำมันทางกสิณอภิญญาณ แล้วเรียกพวกพลไพร่จะไปรบ มาสมทบแจกทั่วตัวทหาร มาพร้อมถ้วนทุกทัพรับประทาน พระอาจารย์พรมพรำประน้ำมนต์ พอฤกษ์ดีตีฆ้องพร้อมกองทัพ ให้โห่รับสามคราโกลาหล ยกเขยื้อนแสนยาพลาหล ออกเกลื่อนกล่นเกณฑ์หัดจัตุรงค์ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายพระฝรั่งสังฆราช จึงให้ฆาตกลองศึกนึกประสงค์ เรียกทหารเคยประจญรณรงค์ ให้โบกธงตามตำแหน่งแจ้งคดี ฯ ๏ ฝ่ายปลัดหัสเกนก็ตรวจทัพ ออกคั่งคับพร้อมบรรดากะลาสี ทั้งสองท้าวเจ้าชวาเสนาบดี มาอยู่ที่พร้อมกันดั่งสัญญา บาทหลวงสั่งแต่บรรดาโยธาหาญ ให้เตรียมการนับหมื่นถือปืนผา แล้วเรียกพวกหัสกันวิลันดา แขกชวาหอกคู่ทุกหมู่กอง ทหารพวกเขนโล่เมืองโกสัย สองท้าวไทขี่ม้าพาผยอง เป็นทัพหน้าเดินตรวจทุกหมวดกอง ตามทำนองแขกชวาเคยราวี บาทหลวงเฒ่าถือกระบี่ขึ้นขี่รถ ที่ชั้นลดมีเสนาเป็นสารถี ใส่หมวกทองลงยาราชาวดี ฝังมณีเนาวรัตน์จำรัสเรือง ใส่เสื้อสีตากุ้งดูรุ้งร่วง ปักดอกดวงไหมทองละอองเหลือง คาดเข็มขัดเพชรพราวเหมือนเจ้าเมือง อร่ามเรืองกรุ่งกริ่งหยิ่งพอดู ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช นึกประหลาดในจิตคิดอดสู ดูตกแต่งเกินตัวเจียวขรัวครู จะออกสู้ข้าศึกเห็นฮึกครัน แล้วขึ้นม้าตามหลังสั่งทหาร ให้เตรียมการตัดรอนคิดผ่อนผัน เห็นเสียทีหนีไปเขาเจ้าประจัน จงบอกกันให้ทั่วทุกตัวคน อย่าให้ข้าศึกอ้อมเข้าล้อมหลัง ฉวยพลาดพลั้งกูก็เห็นไม่เป็นผล คิดอุบายถ่ายเทด้วยเล่ห์กล จงแต่งคนใช้ชิดไว้ติดตาม พอฤกษ์ดีตีระฆังให้ตั้งโห่ สำเนียงโกลาก้องท้องสนาม เดินทหารชาญณรงค์เข้าสงคราม ยิงปืนหามแล่นดังเสียงตังตึง ทหารหน้ากล้ารบสมทบทัพ ปล่อยปืนตับพร้อมพรั่งเสียงผางผึง พวกทัพไทยได้ทีตีตะบึง ไล่ทะลึ่งหักหาญเข้าราญรอน ฯ ๏ ฝรั่งรับขับพหลพลรบ เร่งสมทบนายทหารชาญสมร ออกคั่งคับจับกุมตะลุมบอน เข้าฟันฟอนตายกลาดดาษดา พวกทัพแขกกลับกลอกพุ่งหอกคู่ เป็นหมู่หมู่แน่นรายทั้งซ้ายขวา ฝ่ายสองท้าวต้อนพหลพลชวา เป็นทัพหน้าหักโหมเข้าโรมรัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาปรีชาเฉลิม คอยเพิ่มเติมทัพพหลพลขันธ์ บาทหลวงต้อนพวกอังกฤษเข้าติดพัน ยิงปืนสั้นพร้อมเพรียงเรียงกันไป ถูกพหลพลไทยก็ไม่เข้า พลางโห่เร้าพร้อมกันเสียงหวั่นไหว พวกฝรั่งตั้งพันแต่บรรลัย พลไพร่บางเบาบรรเทาลง บาทหลวงแค้นแน่นในใจสลด ระทวยระทดเสียเชิงละเลิงหลง จะได้ใครเข้าประจญรณรงค์ มันทนคงเต็มประดาฆ่าไม่ตาย จำจะต้องถอยทัพไปยับยั้ง ที่ริมฝั่งสาชลคิดขวนขวาย พิเคราะห์ดูแยบยลกลอุบาย ทั้งไพร่นายบอกกันไปอย่าได้อึง ต่อเวลาค่ำคล้อยจะถอยทัพ เร่งกำชับคนผู้ให้รู้ถึง ตามบังคับบัญชาอย่าให้อึง แม้นรู้ถึงไพรีมิเป็นการ ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสปรึกษาบรรดาหลาน กับท่านครูจักราปรีชาชาญ จะคิดอ่านเอาชัยฉันใดดี จับอ้ายพวกปัจจามิตรที่คิดร้าย ขออุบายครูจักราศี จะจับอ้ายตัวการผลาญชีวี จึ่งจะมีความสุขทุกทิวา ฯ ๏ ฝ่ายครูเฒ่าเจ้าตำราปรีชาฉลาด ที่คิดมาดยังไม่สมปรารถนา เพราะข้าศึกเล่าก็ยังอหังการ์ ดูตำรายังไม่อ่อนต้องผ่อนปรน แล้วเคราะห์เขาเล่าก็ยังไม่ถึงฆาต ถึงจะพลาดเสียท่าสักห้าหน ก็ยังไม่แค้นคับถึงอับจน แต่จะป่นก็จำเพาะเพราะเคราะห์ดี ถึงจะเข้าหักหาญในการศึก เห็นยังลึกถึงเขาน้อยจะถอยหนี ที่จะถึงอัปราจับฆ่าตี ยังไม่มีเกณฑ์ลึกถึงตรึกตรอง พระทรงฟังครูเฒ่าเล่าถวาย เรื่องทำนายที่ประมูลทูลฉลอง พระตรัสตอบโดยนึกที่ตรึกตรอง หรือจะต้องคิดการสถานใด ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญในการโลก ศิษย์ปาโมกข์แจ้งเหตุข้างเพทไสย จึงทูลความตามที่แจ้งไม่แคลงใจ ยังไม่ได้สมประสงค์เพราะวงศ์วาน แต่ควรจะรุกโรมเข้าโจมทัพ ตีให้กลับแตกไปเข้าไพรสาณฑ์ เวลาค่ำใช้กลคนชำนาญ ให้ทำคานทำสาแหรกแบกเสบียง ทีเหมือนจะล่าทัพกลับเข้าด่าน ให้ทหารมาประชุมแล้วทุ่มเถียง ขนอาวุธสาตราออกมาเรียง ว่าจะเลี่ยงหลีกไปในบุรินทร์ พวกข้าศึกคงจะนึกว่าเข้าด่าน คงจะต้านทานไว้ดั่งใจถวิล แล้วแต่งพวกกองทัพจับไพริน เอาหม้อดินค่อยทิ้งเข้าชิงชัย ฯ ๏ ป่างพระจอมนคราบัญชาสั่ง ให้ทำดั่งพระอาจารย์แกขานไข จงเร่งรัดจัดกันเข้าทันใด ตามที่ในครูว่าอย่าช้าที พวกเสนามาสั่งสะพรั่งพร้อม เอาคนอ้อมแอบไว้ในวิถี ตามบังคับบัญชาไม่ช้าที พอฤกษ์ดีพลบค่ำให้ทำการ ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงทรวงร้อนอาวรณ์ถวิล ไม่รู้สิ้นเคืองใจหลายสถาน พอเห็นไพร่นั่งเกลาเหลาไม้คาน อลหม่านร้องเรียกกันเพรียกไป แกจึงบอกมังคลาสานุศิษย์ มาช่วยคิดตัดทัพอย่าหลับใหล ช่วยตัดหลังตั้งรับกองทัพไทย ตีให้ได้ปากน้ำที่สำคัญ จึ่งเรียกท้าวรายาเข้ามาสั่ง คอยตัดหลังต่อแย้งให้แข็งขัน ก้าวสกัดตัดทางกลางอรัญ ตีให้มันแตกไปทั้งไพร่นาย แกสั่งเสร็จจับกระบี่ขึ้นขี่รถ พร้อมกันหมดพวกพหลพลทั้งหลาย อีกเสนาหมื่นขุนพวกมุลนาย ออกเดินรายตามทางเมื่อกลางคืน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเจ็ดองค์พงศ์กษัตริย์ ให้ยกตัดทางมาไม่ฝ่าฝืน แล้วรีบรัดลัดทางมากลางคืน เสียงครึกครื้นโยธาพลากร บาทหลวงให้ยกสกัดเข้าตัดหลัง พร้อมสะพรั่งกองทัพสลับสลอน เข้ารบรับจับกุมตะลุมบอน บ้างฟันฟอนด้วยอาวุธยุทธนา ยิงปืนตับคาบหินหม้อดินรบ เข้าสมทบโลดแล่นดูแน่นหนา พวกทัพไทยทำเป็นหนีทีระอา บาทหลวงว่าได้ทีตีประดัง ทุกหมู่หมวดตรวจไพร่ใส่กระหนาบ แกชักดาบชุลมุนคอยหนุนหลัง ไล่ตลบทบมาดาประตัง จนกระทั่งทัพกษัตริย์ขัตติยา ฯ ๏ ฝ่ายพวกไทยได้ทีให้ตีฆ้อง แล้วโห่ร้องเรียกในไพรพฤกษา ที่ซุ่มคอยฟังกันเหมือนสัญญา รีบออกมาจากสุมทุมที่ซุ่มพล ทั้งสองข้างทางสกัดเข้าตัดหลัง ปืนประดังยิงมาดั่งห่าฝน พวกทัพหน้ากล้าหาญการประจญ พลางไล่พลวกหลังประดังตี เข้าโอบอ้อมพร้อมพรั่งประดังหนุน ชุลมุนล้อมไว้มิให้หนี บาทหลวงเห็นทัพอ้อมออกล้อมตี จะหลีกหนีช่องไหนไม่ได้การ ฟังเสียงปืนครื้นครั่นควันตลบ พลรบเรี่ยวแรงกำแหงหาญ จะคอยทัพกลับไปไม่ได้การ จะแหกด่านไปข้างเรือก็เหลือทน ดูกองทัพนับแสนแน่นอเนก ราวกับเมฆมืดฟ้าเวหาหน โอ้ครั้งนี้เห็นจะยับถึงอับจน จะผ่อนปรนคิดอ่านสถานใด แกเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ เองจะคิดตรองการสถานไหน ทั้งสองท้าวพ่อตาเร่งว่าไป แต่พอให้พ้นตายวายชีวา ท้าวโกสัยรายานั่งหน้าจ๋อย ลงง่วงหงอยแทบจะดิ้นสิ้นสังขาร์ จึ่งว่าสุดแต่เจ้าคุณมีบุญญา จะบัญชาอย่างไรใจเจ้าคุณ สุดแต่พ้นอาญาประจามิตร เอาชีวิตพวกบุตรช่วยอุดหนุน ขอปัญญาฝ่าท้าวเจ้าประคุณ เดชะบุญจะได้รอดตลอดไป บาทหลวงพูดปากสั่นอยู่งันงก กูจะยกฝ่าเท้าก้าวไม่ไหว เหวยอีตาเจ้ากรรมทำกระไร จึ่งจะไปพ้นหมู่ศัตรูปอง ฟังสำเนียงเสียงพหลพลรบ ทั้งไต้คบแจจันผันผยอง จะคิดหลบหลีกไปดั่งใจปอง เที่ยวหาช่องแห่งไรก็ไม่มี ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร สั่งให้หักหาญศึกอย่านึกหนี จงเร่งเข้าหักโหมกระโจมตี จับไพรีเอาให้ได้ดังใจจง ทหารหอกกลอกกลับเข้ารับรบ ตีตลบแตกกระจุยเป็นผุยผง พวกกองซุ่มมรรคาชายป่าพง ออกตีวงพร้อมกันประจัญบาน ตะโกนก้องร้องแซ่จับแม่ทัพ ตามบังคับเร่งร้นพลทหาร อาวุธสั้นฟันฝ่าเป็นหน้ากระดาน อลหม่านวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี ฝรั่งรับทัพไทยไล่พิฆาต ระดะดาดเต็มประดาต้องล่าหนี พวกทัพไทยไล่โหมกระโจมตี แล้วร้องชี้บอกกันสนั่นดัง ว่านั่นแน่แม่ทัพมันขับรถ จับให้หมดแต่บรรดาทั้งหน้าหลัง ใส่เสื้อสีตากุ้งดูรุงรัง บาทหลวงนั่งตกใจไม่ได้การ ลงจากรถเล็ดลอดพลางถอดเสื้อ วิ่งจนเหงื่อแตกด้นปนทหาร แล้วถอดหมวกทิ้งพลันมิทันนาน พวกทหารเก็บได้ไล่กระพือ ท้าวโกสัยมังคลารายาแขก พลางวิ่งแหกริมตลิ่งแล้ววิ่งตื๋อ กับบาทหลวงวิ่งพลางร้องครางฮือ แตกกระพือพลัดพรายกระจายไป ที่เหลือตายหลายหลากมากนักหนา จะพรรณานาก็มิอาจจะหวาดไหว ที่หนีลอดรอดตายที่หายไป ที่พวกไทยจับมัดไปอัดแอ บ้างเก็บได้รถาทั้งผ้าเสื้อ ก็ล้นเหลือทิ้งรายชายกระแส เครื่องอาวุธธงเทียวไม่เหลียวแล เที่ยววิ่งแซ่ชอกซอนสัญจรไป ทั้งสองเท้าเจ้าพาราชวาฉวี กับเสนีไพร่พลทนไม่ไหว หนีกระจัดพลัดพรายรายกันไป เข้าพงไพรซอกซอนตามดอนดง บาทหลวงกับมังคลาพากันวิ่ง เข้าแอบอิงเขาไม้ไพรระหง พอพบกับเสนาในป่าดง พากันหลงไม่รู้แห่งตำแหน่งทาง ครั้นพบปะเจ้านายค่อยคลายร้อน พากันจรเดินมุ่งพอรุ่งสาง บาทหลวงแกเคยอยู่รู้หนทาง พาไปข้างเขาเขินเนินคิรี แล้วลัดแลงแฝงเงาเข้าไปได้ ถึงที่ในแถวทางกลางวิถี พอถึงเขาเจ้าประจันเข้าทันที เข้าไปที่ตึกใหญ่ทั้งไพร่นาย ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์รัตน์ สามกษัตริย์จรจรัลรีบผันผาย มาถึงพร้อมแต่บรรดาเสนานาย พลนิกายย่อยยับอัปรา ข้าวโกสัยไพร่พลก็ป่นปี้ ไม่เป็นที่ยับยั้งเป็นฝั่งฝา เหลียวไปดูพวกท้าวเจ้าชวา ก็อัปราเหมือนกันเป็นพรรค์เดียว แลดูหน้าสังฆราชก็ฝาดเฝื่อน ละม้ายเหมือนลิงป่าทั้งหน้าเขียว ไม่พูดจาแต่สักสิ่งจริงจริงเจียว ลงนั่งเคี้ยวขี้ฟันสั่นระรัว แกเสียใจหลายอย่างครางกระหึม ให้เศร้าซึมป่วนปั่นทั้งคันหัว เหลือความคิดอิดออดลงทอดตัว เปรียบเหมือนวัวเสือทับอัปรา แต่คิดการมาแต่หลังไม่อย่างนี้ มาป่นปี้แทบชีวังจะสังขาร์ ไม่รอดชั่วตัวก็กลับอัปรา คิดก็น่าตีหัวของตัวเอง พระเยซูผู้เป็นเจ้าของเราเอ๋ย ช่างเฉยเมยให้มันรุมกันคุมเหง นี่ศาสนาของตัวมากลัวเกรง มันข่มเหงแทบจะตายวายชีวง ข้าพเจ้าเล่าอุตส่าห์มาเหนื่อยยาก แสนลำบากแทบชีวามาผุยผง หมายจะเอาเมืองคืนให้ยืนยง จะได้ทรงศาสนาให้ถาวร แกนั่งบ่นพึมพำทำหนังสือ แล้วเขียนชื่อแขวนคำนำอักษร เป็นคำบนสนธยายดั่งให้พร ทั้งอ้อนวอนพระวิญญาณเป็นการดี ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายทัพกลับเข้าด่าน พร้อมทหารเข้าไปเฝ้าเจ้ากรุงศรี ถวายเครื่องเก็บมาบรรดามี หอกกระบี่รถฝรั่งโล่ดั้งปืน ทั้งเสื้อผ้าสังฆราชชาติอังกฤษ ผ้าตะบิดแขกชวาสี่ห้าผืน พระตรัสปรึกษาไปจะให้คืน ทั้งหอกปืนขนไปให้กับมัน แต่บรรดาลูกทัพที่จับได้ คืนไปให้มันเสียก่อนคิดผ่อนผัน ดูปัญญามันจะขึงคิคดึงดัน หรือจะหันเหกลับมารับรอง แล้วตรัสสั่งขุนเสมียนให้เขียนสาร กับทหารผู้คนให้ขนของ จัดขุนนางหมื่นขุนทูลละออง ให้คุมของไปที่เขาเจ้าประจัน เองเอาไปให้พระมังคลาราช กับตาบาทหลวงไปรีบผายผัน พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จจรจรัล มาพร้อมกันทั้งพระวงศ์พงศ์ประยูร อีกเสนาข้าทูลละอองบาท ปรึกษาราชการในมไหสูรย์ อันสิงหลธานีบรีบูรณ์ เป็นเค้ามูลของฝรั่งตั้งมานาน เพราะอีตาสังฆราชพระบาทหลวง มันจาบจ้วงเฉโกด้วยโวหาร คิดถ่ายเทเล่ห์กลอ้ายคนพาล จนลูกหลานตกยากลำบากกาย เราคิดว่าถ้าหย่อนมาอ่อนน้อม ก็จะยอมให้ปันเหมือนมั่นหมาย อยู่ด้วยกันพี่น้องสองสามชาย อย่าวุ่นวายกันไปทำไมมี มันก็เกิดมาในเครือเป็นเชื้อไข ไปตกไร้อัปลักษณ์เสียศักดิ์ศรี ถึงมันยกกันมาตั้งราวี ก็ป่นปี้มาแต่หลังทุกครั้งครา ถึงจับได้จะประหารผลาญชีวิต ก็ยังคิดพูนเทวษถึงเชษฐา ทั้งโฉมยงองค์ฤๅษีพี่วัณฬา จะเข่นฆ่ามันไม่ได้ดั่งใจปอง ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงดำริ เธอตรองตริตราไปพระทัยหมอง พวกเสนาแต่บรรดาทูลละออง ก็ปรองดองทั้งพระวงศ์พงศ์ประยูร ฯ ๏ ป่างพระองค์ทรงภพจบจังหวัด จะคิดตัดศึกใหญ่ในไอศูรย์ บรรดาพวกพงศ์เผ่าเหล่าประยูร ก็กราบทูลแล้วแต่องค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ทูลพระบาทจอมวังนรังสรรค์ มิใช่อยากได้นิเวศน์ขอบเขตคัน สิงหลนั้นใช่จะปองไม่ต้องการ พระชนนีให้บำรุงกรุงประเทศ มอบนิเวศน์ธานินทร์ทั้งถิ่นฐาน ใช่จะอยากครอบครองไม่ต้องการ อันถิ่นฐานไม่นิยมมีถมไป แม้นมังคลามาดีศรีสวัสดิ์ หลานไม่ขัดดอกพระองค์อย่าสงสัย ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ประการใด คงจะให้ขอบเขตนิเวศน์วัง เป็นความสัตย์วัจนังอย่างฉลอง แม้นปรองดองแล้วคงสมอารมณ์หวัง ไม่เกียดกันฉันทาดั่งวาจัง จะได้ตั้งถิ่นฐานเป็นว่านเครือ ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสหลานนี้อารีเหลือ อันธานินทร์ถิ่นฐานล้วนว่านเครือ ไว้ใยเยื่อดีแล้วหลานการนินทา อย่าให้มีที่เราเหล่าผู้ใหญ่ ให้เห็นใจสุจริตไม่อิจฉา พ่อก็คิดเหมือนนิสัยน้ำใจอา กันนินทาเสียให้สิ้นมลทินตัว ถึงสิงหลเดิมทีใช่ตีได้ เพราะผู้ใหญ่ไกล่เกลี่ยเป็นเมียผัว ทำสงครามความชอบได้ครอบครัว ก็รู้ทั่วอยู่ด้วยกันเช่นนั้นเอง ฯ ๏ สินสมุทรจึ่งประมูลทูลฉลอง ว่าพี่น้องใครเขารุมกันคุมเหง เมื่อคบพาลการชั่วใส่ตัวเอง เที่ยวครื้นเครงไปทุกเมืองจนเลื่องลือ เพราะตาเฒ่าสังฆราชท่านบาทหลวง มันล่อลวงพาไปมิใช่หรือ ไปเกลี้ยกล่อมกองทัพมารับมือ จะไว้ชื่อให้ชั่วทั่วนคร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายคนถือหนังสือสาร ออกจากด่านรีบไปในสิงขร พอถึงเขาเจ้าประจันตะวันรอน พักนิกรหน้าเขาลำเนาไพร เห็นฝรั่งนั่งอยู่ประตูเขา จึงบอกเล่าชี้แจงแถลงไข ว่าพระองค์ผู้ดำรงภพไกร รับสั่งใช้ให้เราถือหนังสือมา ถวายพระมังคลานราราช ตามพระราชประสงค์ในวงศา กับสิ่งของอาวุธยุทธนา แต่บรรดาเก็บได้ให้มาคืน ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งฟังว่าเรียกม้าใช้ ให้รีบไปแจ้งกิจจาอย่าฝ่าฝืน พวกม้าใช้ไปตามทางเป็นกลางคืน ไม่ดึกดื่นพอไปถึงซึ่งศาลา แจ้งเนื้อความตามเรื่องชาวเมืองบอก ขุนนางออกมาฟังไม่กังขา เอาข้อคำนำทูลพระมังคลา ตามกิจจาผู้มาบอกออกเนื้อความ ฯ ๏ บาทหลวงนั่งซบเซาบนเก้าอี้ แว่วคดีลุกขึ้นมองแล้วร้องถาม เร่งไปรับมาดูให้รู้ความ แกสั่งล่ามไวไวจงไปพลัน ขุนนางรับกลับออกมาศาลาใหญ่ ร้องเรียกไพร่เร็วรี่ขมีขมัน รีบออกมาจากเขาเจ้าประจัน รับพวกบรรดาขุนนางไปข้างใน กับสิ่งของปืนผาทั้งผ้าเสื้อ ที่ล้นเหลือหมวกรถอันสดใส กับหนังสือว่าขานการเวียงชัย บาทหลวงได้เห็นแค้นแน่นอุรา น้อยหรือมันแกล้งจำเพาะมาเยาะเย้ย นิจจาเอ๋ยแค้นใจกระไรหนา แกจึ่งรับหนังสือที่ถือมา แล้วฉีกตราอ่านไปตามใจความ ฯ ๏ ในเรื่องราวของพระองค์ดำรงภพ ขจรจบทั่วประเทศเขตสยาม ถือพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงพระนาม มาปราบปรามลังกาในสามัญ มิใช่จะอยากได้ให้พวกพ้อง มาครอบครองกรุงไกรไอศวรรย์ แต่ดาบสพี่น้องเธอรางวัล ยกให้ปันกับนัดดาสุดสาคร เดี๋ยวนี้อามาอยู่เป็นผู้ใหญ่ จะคิดไปกับพระหลานชาญสมร อย่ารบสู้หมู่อาณาประชากร จะม้วยมรณ์เสียเปล่าเปล่าไม่เข้าการ อันสิงหลนคราของตาเจ้า อาก็เข้าใจสิ้นทุกถิ่นฐาน มาไปเฝ้าบิตุรงค์พร้อมวงศ์วาน อันศฤงคารในลังกาทั้งสากล จะยกให้หลานยาราชาภิเษก มอบเศวกฉัตรชัยในสิงหล ไม่ล่อหลอกดอกอย่าแหนงระแวงวน เหมือนนิพนธ์มาในสารใช่มายา จะเคี่ยวเข็ญรบสู้ในหมู่ญาติ ให้เสียชาติเสียวงศ์เผ่าพงศา เจ้าก็เป็นเชื้อกษัตริย์ขัตติยา จงตรึกตราตรองความตามแต่ใจ ฯ ๏ พอจบสารแกยิ่งแสนจะแค้นจิต ทั่งกรดกริชแทงซ้ำในคำไข มันแกล้งว่าเย้ายวนกวนน้ำใจ ทั้งไยไพหยาบหยามพูดลามลวน ถึงเสียทัพยับย่นเพราะพลน้อย มันจึ่งพลอยร่ำไรมาไต่สวน พูดเหมือนอย่างปรานีตีสำนวน ทั้งลามลวนแนมเหน็บให้เจ็บใจ จึ่งว่ากับมังคลาสานุศิษย์ เองจะคิดการงานสถานไหน ส่งหนังสือให้พลันด้วยทันใด เขาจะให้ถิ่นเขตนิเวศน์วัง ทำมารยาข้าศึกมันฮึกฮัก หมายจะดักบ่วงวงเข้ากรงขัง มิฉะนั้นมันจะปิดให้ติดตัง เองคอยฟังเถิดหนาไม่ช้านาน แล้วแกเรียกสองท้าวมาเล่าเรื่อง ที่บทเบื้องหารือหนังสือสาร ฟังเล่ห์ลิ้นทรชนเหล่าคนพาล ช่างว่าขานเองจะเห็นเป็นอย่างไร ธรรมดาข้าศึกเหมือนงูพิษ คงแผลงฤทธิ์มั่นคงอย่างสงสัย กูรู้แน่ตระหนักประจักษ์ใจ มันมิได้ด้วยร้อนคิดผ่อนปรน เอาน้ำเย็นลูบไล้พอให้เชื่อง ครั้นสิ้นเรื่องกูก็เห็นไม่เป็นผล เองจงช่วยตรึกตรองทั้งสองคน จะแก้กลคิดกำจัดพวกศัตรู จำจะต้องตอบความไปตามเรื่อง ที่บทเบื้องของมันมาระอาหู ทั้งมันทำกลไกหลายประตู ที่ตรงกูนั้นไม่หลงอย่าสงกา แล้วจึ่งเรียกเสมียนมาเขียนสาร เป็นข้อขานหยาบคายร้ายนักหนา แล้วให้ห่อเสร็จสรรพประทับตรา เอาหีบงาใส่สารมีพานรอง ส่งให้พวกเสนาที่มาอยู่ แล้วแกดูม้ามิ่งกับสิ่งของ ให้ฉุนแค้นแสนอายหลายทำนอง แล้วก็ร้องด่าพลางทางสำนวน กูขอบใจนักหนาไม่ช้าดอก อย่ามาหลอกขายมะพร้าวกับชาวสวน กูรู้สิ้นเสียทุกอย่างทางสำนวน อย่าก่อกวนไปเลยเองไม่เกรงมือ รีบไปบอกท่านผู้อยู่สิงหล กูก็คนใช่วิฬาร์เอาปลาถือ จะให้โดดโลดข้ามไปตามมือ กูไม่ถือบุญญาบารมี มึงเร่งไปบอกกันอย่ามั่นหมาย เห็นจะตายเปล่าดอกไม่หลอกผี ที่ตรงกูรู้แจ้งแห่งคดี พวกอ้ายผีล้วงตับจนคับโครง ไปเถิดไปใครไม่เชิญมึงมาดอก พวกอ้ายหอกจัญไรมักตายโหง ไม่คบค้าพวกพลอ้ายคนโกง จะมาโยงให้ไปตกนรกตาย ฯ ๏ ฝ่ายเสนาลากลับรับเอาสาร ออกจากด่านชวนกันรีบผันผาย พร้อมสะพรั่งทั้งพหลพลนิกาย ทั้งไพร่นายเร่งมาไม่ช้าที ครั้นถึงเข้าเฝ้าองค์พระทรงศักดิ์ มาพร้อมพรักทั้งเสนาบดีศรี แล้วถวายสาราไม่ช้าที องค์พระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงวัง แล้วทูลความตามเรื่องบาทหลวงโกรธ แกคาดโทษด่าสำทับจนกลับหลัง ว่าแกล้งมาเยาะหยันดันทุรัง ไม่ขอฟังพูดจาด่าประจาน ฯ ๏ พอทูลเสร็จพระให้อ่านสารอักษร ในสุนทรเรื่องราวที่ร้าวฉาน หนังสือพระมังคลาปรีชาชาญ ว่าด้วยการรบพุ่งกรุงลังกา เป็นข้อความตามใจของไทยกล่าว ในเรื่องราวแจ้งจิตว่าอิจฉา รู้หรือไม่ในประเทศเขตลังกา ของเจ้าตาเจ้าลุงทั้งกรุงไกร เพราะเสียทีที่ประมาทจึงพลาดพลั้ง ก็เพราะหวังว่าเป็นเชื้อในเนื้อไข จึ่งได้ตั้งคุมเหงไม่เกรงใจ ทั้งขับไล่รบราจะฆ่าฟัน ไม่ขอรับนับเนื้อในเครือญาติ อย่าหมายมาดแม้นชีวาเราอาสัญ นั่นแหละสิ้นรบราสิ้นฆ่าฟัน อย่าหลอกกันเลยไม่หลงถึงงงงวย ช่างพูดเพราะเหมาะเหมงข่มเหงเล่น มิใช่เช่นหญิงตะกลามมาตามสวย แต่ฝีปากถากถางทางสำรวย เราไม่งวยงงดอกบอกจริงจริง ธรรมดาศัตรูเหมือนงูงอด ไม่กลัวตอดกลัวขบเหมือนคบหญิง อันสาราเอามาให้เห็นไม่จริง ท่านจงนิ่งเถิดอย่ากล่าวให้ยาวความ ฯ ๏ พอจบสารพร้อมพระวงศ์พงศ์กษัตริย์ ได้ฟังอรรถไม่สุภาพทั้งหยาบหยาม เขาก็คิดการณรงค์จะสงคราม เราได้ห้ามเขาก็พ้อว่าล่อลวง วายุพัฒน์นัดดาจึ่งว่าขาน นี้อาจารย์สังฆราชตาบาทหลวง ใช้ปัญญาผิดกับชนคนทั้งปวง แกมันล่วงรู้เหลือเบื่อระอา ครั้งไปตีเมืองเซ็นก็เช่นนี้ ครั้นเสียทีแช่งชักเอานักหนา แล้วก็ให้ตัดขาดญาติกา แกพูดจาเอาแต่ดื้อถือว่าดี ฯ ๏ ป่างพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ โองการตรัสกับเสนาบดีศรี เมื่อเขาไม่รักญาติขาดไมตรี ก็ตามทีเขาจะนึกจะตรึกตรอง จงตั้งมั่นด่านทางอย่าวางจิต อ้ายต้นคิดครูเฒ่าเป็นเจ้าของ ที่ไหนมันจะให้ศิษย์คิดปรองดอง คงจะต้องรบพุ่งกันยุ่งไป ฯ ๏ จะกล่าวถึงทุกพาราครั้นมาพร้อม จึงแล่นล้อมเกาะกลางหว่างไศล ถึงสิงหลลังกาให้ซาใบ ทอดอยู่ในวังวนชลธาร แล่วแต่งให้เรือช่วงล่วงไปถาม ครั้นแจ้งความให้ผู้ถือหนังสือสาร รีบไปเขาเจ้าประจันมิทันนาน เอาเรื่องสารไปแถลงแจ้งเนื้อความ ว่าพวกเมืองเอกโทท้าวโกสัย มาพร้อมในกระแสสินธุ์ทุกถิ่นฐาน ทั้งเรือรบพันลำประจำการ นายทหารสี่หมื่นพื้นฉกรรจ์ ทั้งองค์ท้าวเจ้าพาราก็มาด้วย หวังจะช่วยต่อแย้งให้แข็งขัน บาทหลวงยิ้มอิ่มเอมเกษมครัน บุญมาทันแล้วสิเองเกรงมันไย ชะจำเพาะเคราะห์ดีเป็นที่สุด สั่งให้หยุดที่ท่าชลาไหล พอหายเหนื่อยเมื่อยล้ามาแต่ไกล กูจะไปคิดอ่านการสงคราม จึงปรึกษาสองท้าวเจ้าประเทศ คงสมเจตนาเตียนที่เสี้ยนหนาม อุตส่าห์ช่วยกันเถิดหวาพยายาม จะได้งามหน้าเขยได้เชยชม ทั้งลูกสาวจะได้เสกเป็นเอกระ เรียกว่าพระบุษบงอนงค์สนม แม้นได้วังลังกาอย่าปรารมภ์ คงได้ชมบุญแท้เป็นแน่นอน เพราะความชอบของพ่อตาพาลูกสาว เสมอดาวแจ่มจำรัสประภัสสร จะลอยแก้วแผ้วสว่างกลางอัมพร ทั่วนครลังกาในสามัญ แกพูดพล่ามตามจิตคิดประสงค์ โดยจำนงนึกหมายเหมือนรายฝัน พวกข้าศึกพันครัวอย่ากลัวมัน อีกสองวันคงได้เห็นดั่งเจรจา แล้วสั่งพวกขุนนางข้างฝรั่ง ให้แต่งตั้งโต๊ะใหญ่ไวไวหวา เครื่องกินอยู่หมูแฮมแกล้มสุรา ท้าวรายาไก่แกะแพะทอดมัน เขาเป็นแขกแยกเลี้ยงคนละโต๊ะ บังกะโละเร่งรัดไปจัดสรร ทั้งสองท้าวเกลียดหมูกินคู่กัน เหล้าบ้าหรั่นดิ์ขวดใหญ่มาให้กู แล้วเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ มานั่งชิดรินเหล้าเอาอ้ายหนู ลูกของมึงทั้งสิ้นกินกับกู แกเชือดหมูปนแกล้มแกมสุรา กินจนเมาเหล้าหมดเป็นสี่ขวด แล้วพูดอวดพวกแขกแปลกภาษา ความยินดีปรีดิ์เปรมเอมอุรา เมาจนตาแดงก่ำดั่งตำลึง แล้วฉุนแค้นแสนอายไม่หายแค้น จะตอบแทนให้จงได้เพราะไกหึง คงจะไม่พ้นฝีมืออย่าอื้ออึง ตีให้ถึงลังกาดาประดัง แกตรองตรึกนึกจะสมอารมณ์คิด จึ่งชวนศิษย์ลงจากตึกเหมือนนึกหวัง เรียกทหารที่ไว้ใจระไวระวัง มาพร้อมพรั่งรีบเดินตามเนินทราย ฯ ๏ ท้าวโกสัยไปหน้าพาบาทหลวง อาศัยดวงจันทร์กระจ่างสว่างฉาย แล้วปราบปรามห้ามพหลพลนิกาย อย่าวุ่นวายอื้ออึงคะนึงไป ครั้นถึงท่าหน้าหาดเรือกลาดเกลื่อน ชะสมเหมือนคำกล่าวท้าวโกสัย แกยินดีปรีดาให้พาไป กำปั่นใหญ่พร้อมกันนอกสันดอน แต่บรรดาท้าวพระยาเรียกมาหมด แกตั้งกฎหมายทำคำอักษร แล้วเขียนส่งให้ทุกท้าวเจ้านคร เอาอักษรนี้ไปดูให้รู้กัน จะมาช่วยทำศึกเหมือนนึกหวัง ชวนกันตั้งรบสู้เป็นคู่ขัน ใครไม่ตามบังคับจะสับฟัน ฆ่าให้มันถึงตายวายชีวี สั่งสำเร็จเสร็จสรรพบังคับขาด ปรึกษาราชการทัพนับดิถี วันสามค่ำฤกษ์พาเวลาดี ยกเข้าตีปากน้ำเป็นสำคัญ ท้าวโกสัยอยู่กำกับทัพเหล่านี้ แม้นไพรีต่อแย้งแข็งขยัน เองจงคิดหักโหมเข้าโรมรัน ตีประจัญตั้งประดาเป็นหน้ากระดาน แต่ทางบกกูจะยกเข้าตีก่อน แล้วจะต้อนไพร่พหลพลทหาร คอยฟังเสียงฆ้องระฆังกังสดาล จึงเข้าต้านต่อรบสมทบกัน ยื่นกระบี่ด้ามงาอาญาสิทธิ์ แล้วมอบกิจการทัพให้ขับขัน ท้าวโกสัยสั่งมหาเสนาพลัน ให้เกณฑ์กันแต่บรรดาพวกมาเรือ ทั้งเมืองออกทุกทิศมิตรสหาย เสนานายปากใต้ทั้งฝ่ายเหนือ ให้ตรวจคนที่ประจำในลำเรือ ทั้งข้าวเกลือเครื่องเสบียงที่เลี้ยงคน แม้นลำไหนเบาบางขุนนางจัด สารพัดน้ำท่าผลาผล ตามบังคับจับจ่ายทั้งไพร่พล พร้อมพหลพลทหารชำนาญปืน บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยท้าวโกสัย จงมีชัยเดชาใครฝ่าฝืน พิฆาตฆ่ามันให้ตายด้วยปลายปืน อย่าว่าหมื่นว่าขุนว่ามุลนาย อาญาสิทธิ์ของกูผู้แม่ทัพ ตามบังคับมึงอย่าลดตามกฎหมาย จึ่งว่ากูจะไปนอนผ่อนสบาย แล้วผันผายขึ้นบกยกกันเดิน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงเข้าในเขาเขิน ขึ้นตึกใหญ่ใกล้สว่างกระจ่างเนิน วิหคเหินเพรียกพร้องก้องสำเนียง ไก่กระชั้นขันเฉื่อยจะเจื้อยแจ้ว ดุเหว่าแว่วร้องขานประสานเสียง ฝูงกาแกแซ่ซ้องก้องสำเนียง โกญจาเรียงมยุราถลาบิน บาทหลวงเข้าในห้องพลางตรองตรึก เห็นสมนึกเหมือนหวังดั่งถวิล คงจะได้ลังกาในธานินทร์ ปราบให้สิ้นเสี้ยนหนามตามปัญญา ฯ ๏ ขอเดชะพระเป็นเจ้าของเราช่วย ทั้งเจ้าห้วยโตรกเตริ่นที่เนินผา อันสิงสู่อยู่ที่หว่างเกาะลังกา จงช่วยข้าครั้งนี้ให้มีชัย อย่าให้ขาดศาสนาลังกาทวีป จงชูชีพพวกฝรั่งอย่างวิสัย ให้คงคืนชื่นบานสำราญใจ เราจะได้สั่งสอนเหมือนก่อนมา แกตั้งสวดอธิษฐานอ่านหนังสือ ประนมมือปากบ่นมนต์คาถา จนแสงทองส่องสว่างกระจ่างตา ปิดตำราม่อยหลับระงับไป ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงภพ เธอปรารภศึกเสือเหลือวิสัย ไม่รู้สิ้นเสี้ยนหนามความในใจ จะแก้ไขเหลือจนเพราะคนพาล หมายจะให้ปรองดองตามน้องพี่ มันถือดีเกะกะจริงนะหลาน ไปถือแต่สังฆราชเป็นชาติพาล เสียวงศ์วานน้ำเนื้อเชื้อผู้ดี จึ่งตรัสเรียกจักราพฤฒาเฒ่า อาจารย์เจ้าดับทุกข์ให้สุขี จะผันแปรแก้ไขฉันใดดี จงเป็นที่พึ่งพาอานุกูล คิดกำจัดสัตว์บาปที่หยาบช้า ให้มันล่าหลีกไปจากไอศูรย์ ไม่เป็นสุขทุกทิวาให้อาดูร ทั่วประยูรพงศ์เผ่าเหล่าประชา ไม่เป็นอันทำกินทุกถิ่นฐาน เป็นแต่การรบพุ่งยุ่งนักหนา ช่วยตัดรอนผ่อนผันตามปัญญา จงกรุณาวงศ์วานในว่านเครือ ฯ ๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราพฤฒาเฒ่า จึ่งก้มเกล้าทูลกษัตริย์แม้นขาดเหลือ ขอพระองค์ทรงธรรม์ช่วยจานเจือ จะขาดเหลือสิ่งไรในพิธี ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โสมนัสปรีดิ์เปรมเกษมศรี จึ่งว่าสุดแต่ครูผู้ภักดี ประสงค์ที่สิ่งใดจะให้ปัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายพวกเภตรารักษาอ่าว เวลาเช้าแล่นไปแต่ไก่ขัน เห็นเภตรามามากสักห้าพัน ล้วนกำปั่นรบเรียงเคียงกันไป เห็นพวกแขกแปลกเพศสังเกตยาก จะออกปากไม่รู้ว่าภาษาไหน ให้พวกล่ามถามพลันไปทันใด มันก็ไม่รู้จักพะยักคอ แล้วยกมือพูดไปก็ไม่รู้ สังเกตดูส่งภาษานักหนาหนอ ไม่เข้าใจในทีแต่รีรอ มันพูดจ้อแต่ไม่รู้สักผู้คน แล้วแล่นมาหน้าด่านชานปากอ่าว นำเอาข่าวขึ้นไปแจ้งแห่งนุสนธิ์ กับขุนนางทางแถลงแห่งอุบล ว่าเรือปล้นเรือรบสมทบกัน ทั้งเรือใบใหญ่น้อยลอยขนาน อยู่เหนือด่านทอดสู้เป็นคู่ขัน จอดอยู่กลาดดาษดาสักห้าพัน พูดกับมันไม่รู้ว่าภาษาใด ฯ ๏ ขุนเสนาพาเข้าไปเฝ้าพร้อม ประณตน้อมทูลแจ้งแถลงไข พระทรงทราบอนุสนธิ์จนพระทัย ศึกคงใหญ่เหมือนครั้งแต่หลังมา พระตรัสกับพระเจ้าหลานชาญสมร ให้เร่งต้อนพวกพหลพลอาสา ทั้งปลัดหัสกันวิลันดา ข้างพวกฝาหรั่งเก่าเหล่าทมิฬ เคยประจญณรงค์ทั้งองอาจ ได้สิทธิ์ขาดเคยใช้เหมือนใจถวิล ให้ไปตั้งชานชลาหน้าบุรินทร์ รับทมิฬตั้งค่ายชายทะเล สินสมุทรวุฒิไกรลงไปด้วย จะได้ช่วยป้องกันคิดหันเห วายุพัฒน์ไปด้วยหนาขาทะเล คิดถ่ายเทช่วยบิดาอย่าช้าที สุดสาครหัสไชยไปข้างบก จงรีบยกไปข้างทางหว่างวิถี วลายุดาหัสกันนั้นก็มี วิชาดีคนละอย่างทางณรงค์ เจ้าไปกับบิดาทั้งอาหลาน คอยต่อต้านแถวในไพรระหง ตีด่านเขาเจ้าประจันทางมันลง จากแดนดงออกมาหน้าคีริน แต่ทัพหน้าวาหุโลมมีปีกหาง ไปคอยขวางอยู่ในป่าพนาสัณฑ์ แต่ท่านครูจักราอยู่ธานินทร์ รักษาถิ่นเมืองด่านชานนคร กับขุนนางผู้ใหญ่เอาไว้ด้วย จะได้ช่วยดูทหารชาญสมร อยู่รักษาแดนดินถิ่นนคร หนทางจรมาไประไวระวัง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช กับครูบาทหลวงสมอารมณ์หวัง ด้วยได้พวกทุกภาษามาประดัง เป็นกำลังรบพุ่งกรุงลังกา พลางแย้มยิ้มอิ่มใจเห็นได้ช่อง การที่ตรองไว้คงสมปรารถนา จำจะให้ขุนนางช่างพูดจา ถือสาราเข้าไปแจ้งแห่งคดี แกจึ่งเรียกมังคลาสานุศิษย์ มาช่วยคิดราชการแต่งสารศรี ครั้นเสร็จสรรพพับปิดผนิดดี เอาตราตีประทับซ้ำเป็นสำคัญ สั่งให้ผู้รู้ภาษาไปว่ากล่าว ที่เรื่องราวกรุงไกรไอศวรรย์ เอาม้าใช้ขี่ไปเป็นสำคัญ ตามกูบัญชาใช้รีบไปมา ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่ถือหนังสือลับ พลางขึ้นขับม้ามิ่งวิ่งถลา เวลาบ่ายชายแสงพระสุริยา มาถึงหน้าเมืองด่านชานนคร แล้วบอกกับนายประตูผู้รักษา ว่าเรามาแต่ด่านชานสิงขร ถือสารามาเฝ้าเจ้านคร เป็นการร้อนนำเราไปเฝ้าพลัน ฯ ๏ ฝ่ายว่าผู้อยู่รักษาอาณาเขต ครั้นแจ้งเหตุบอกคนใช้ให้ผายผัน ไปกราบเรียนกรมท่าเสนาพลัน เอาความนั้นทูลองค์พระทรงชัย ว่าบัดนี้ขุนนางข้างฝรั่ง มาอยู่ยังนอกทวารให้ขานไข ถือสารามาอยู่ประตูชัย แล้วสั่งให้กราบทูลมูลความ พระทรงฟังสั่งว่ามาทั้งนี้ มันก็มีแต่จะเบียนเป็นเสี้ยนหนาม คงจะมาหลอกล่อก่อสงคราม ครั้นจะห้ามมิให้เฝ้าเหมือนเรากลัว แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ต้องไว้ยศ ให้ปรากฏเหมือนแม้นกับแหวนหัว ไม่ร้าวฉานการจะต้องให้หมองมัว ไปพาตัวมันเข้ามาอย่าช้าที ขุนนางรับกลับออกมาบอกทูต แล้วก็พูดราชการเรื่องสารศรี เอาพานทองลงยาราชาวดี รับสารศรีขึ้นรถบทจร มีเกณฑ์แห่แตรสังข์สะพรั่งพร้อม ขุนนางล้อมเดินเรียงเคียงสลอน มยุรฉัตรพัดโบกแลจามร เข้านครตามอย่างทางบุราณ ถึงศาลาหน้าวังให้ยั้งหยุด อาลักษณ์ซุดลงคำนับแล้วรับสาร กระบวนแห่แตรสังข์กังสดาล ตีประสานเป่าสังข์กระทั่งแตร พวกทูตเดินเชิญพานสารอักษร ชุลีกรคอยรับสั่งฟังกระแส พร้อมพระวงศ์พงศ์กษัตริย์หมอบอัดแอ ฟังกระแสพระดำริคอยตริตรอง ฯ ๏ ฝ่ายขุนนางข้างฝ่ายกรมท่า เอาสาราเข้าประมูลทูลฉลอง ให้ทราบใต้บาทาฝ่าละออง ทำให้ต้องเยี่ยงอย่างทางบุราณ ฯ ๏ ป่างพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ โองการตรัสปราศรัยหลายสถาน ทูตคำนับรับสั่งฟังโองการ ตามบุราณเจ้านครแต่ก่อนมา แล้วพระองค์ทรงพิภพสบสมัย รับสั่งให้พนักงานอ่านเลขา ในสารศรีองค์กษัตริย์ขัตติยา พระมังคลาหน่อนรินทร์ปิ่นสากล เดิมเสวยราชัยไอศวรรย์ ในเขตคันแว่นแคว้นแดนสิงหล ฝ่ายญาติไทยมาสำทับแทบอับจน ชวนกันปล้นนคเรศนิเวศน์วัง จนตกไร้ได้ยากไปจากถิ่น เก็บจนสิ้นแล้วจะเถือเอาเนื้อหนัง นี่หรือวงศ์พงศาทำน่าชัง ดูเหมือนดั่งพวกโจรโลนลำพอง ไม่มีอายหมายมั่นชวนกันรบ แล้วตลบรีบเอาเป็นเจ้าของ มาพูดจาว่าจะให้ไปปรองดอง มันไม่ต้องเยี่ยงอย่างทางบุราณ จะขุดบ่อล่อลวงให้ตกลึก เราไม่นึกดอกว่าเป็นอาหลาน แม้นมิได้ล้างทมิฬให้สิ้นปราณ คงจะต้านต่อฤทธิ์ไม่คิดเกรง เห็นว่าเราเยาว์ยังกำลังน้อย พาพวกพลอยมารุมกันคุมเหง ยกกองทัพนับหมื่นมาครื้นเครง นี่ข่มเหงหรือมิใช่เป็นไพรี ชะจะยกเมืองให้พูดไขสือ เราไม่ถือดอกอย่าสวดมาอวดผี เอาไว้หลอกทารกยกคดี มันก็มิอยากเชื่อเหลือจะฟัง มิใช่คนหูเบาใครเล่าขับ จะได้กลับวิ่งวกไปตกถัง แม้นชีวิตอยู่ไปแล้วไม่ฟัง คงจะตั้งรบกันจนบรรลัย ฯ ๏ พอจบสารจอมวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสว่าเป็นจนพ้นวิสัย จะให้เราเอื้อเฟื้อเหลืออาลัย จึ่งสั่งให้เลี้ยงดูผู้ที่มา แล้วพระองค์ทรงประดิษฐ์ลิขิตตอบ ตามระบอบเรื่องความตามภาษา ครั้นเสร็จสรรพพับผนิดให้ปิดตรา ส่งสาราให้ขุนนางแล้วรางวัล ทูตคำนับรับสาราทูลลากลับ ก็รีบขับม้าไปเข้าไพรสัณฑ์ พอถึงที่ด่านเขาเจ้าประจัน พระสุริยันเย็นคล้ำในอัมพร รีบเข้าไปในตึกบาทหลวงอยู่ แล้วก็ชูเชิญพานสารอักษร ตามเยี่ยงอย่างข้าฝรั่งทั้งนคร แต่ปางก่อนทำมาทุกธานี บาทหลวงเห็นสาราลุกมารับ แกบังคับว่าให้อ่านเรื่องสารศรี ฉีกผนึกออกพลันด้วยทันที แล้วก็คลี่เครื่องสารอ่านให้ฟัง ฯ ๏ ในสารศรีสุวรรณวงศ์ดำรงรัฐ เจ้าจังหวัดนคเรศนิเวศน์หวัง รมจักรจอมเจิมเฉลิมวัง ด้วยทรงตั้งพระทัยนึกแล้วตรึกตรอง หวังจะให้หลานรักเป็นภักษ์ผล มาคบคนที่ชั่วจึ่งมัวหมอง หมายจะให้กลับจิตคิดปรองดอง กลับขุ่นข้องอิจฉาว่ามาลวง เราก็เป็นผู้ใหญ่มิใช่เด็ก ลูกเล็กเล็กพูดไปแต่ใจหวง จะคิดการทุจริตมาคิดลวง ใช่กระทรวงของผู้ใหญ่เป็นใจพาล เจ้าก็กลับจับจ้วงมาล่วงกล่าว ในเรื่องราวคึกคักพูดหักหาญ เมื่อไม่คิดจิตเจ้าเอาแต่พาล ก็ตามกาลแต่จะเป็นจะเห็นดี ฯ ๏ จะรบรับสัประยุทธ์สุดแต่เจ้า อันพงศ์เผ่าใช่จะกลัวเอาตัวหนี ไม่ห้ามปรามตามแต่ใจเป็นไรมี จะราวีเคี่ยวขับก็รับรอง เมื่อสิ้นญาติขาดเชื้อในเนื้อไข ตามแต่ใจของเจ้าอย่าเศร้าหมอง มิใช่จะเกรงกลัวขนหัวพอง คงรับรองกันจนตายวายชีวง ฯ ๏ พอจบสารอ่านซ้ำไปตามเรื่อง บาทหลวงเคืองระคายหูกูไม่หลง จึ่งว่ากับมังคลาอย่าทะนง ถ้าแม้นหลงกลมันคงบรรลัย อันสงครามครั้งนี้เป็นที่ยิ่ง มันจึ่งชิงเอาสารามาปราศรัย จะไปหย่อนผ่อนตามมันทำไม เราชิงชัยเอาสิงหลไม่พ้นมือ ชะรอยอ้ายพวกนี้ทีไม่สู้ ตั้งกระทู้จะให้กลับไปนับถือ เห็นทีจะครั่นคร้ามขามฝีมือ มันจึ่งดื้อด้านมาว่าแต่ดี เฮ้ยอย่างไรท้าวชวากูว่าขาน เองตรองการให้ละเอียดพอเสียดสี มันจะสู้ได้หรือไม่พวกไพรี จึ่งให้มีสาราเข้ามาลวง ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวาอาณาเขต เธอตรองเหตุคาดในใจบาทหลวง แกเป็นคนหมอความข้างลามลวง จำจะท้วงดูสักครั้งฟังคดี แล้วจึ่งว่าถ้าเช่นนั้นดั่งมั่นหมาย การอุบายยังไม่เห็นเหมือนเช่นผี ที่จะมาหลอกลวงดูท่วงที อันข้านี้ตรองไม่เห็นอย่างเจรจา ฯ ๏ บาทหลวงฟังถ่มน้ำลายว่าอ้ายโง่ มึงชาติโคชาติแขกแปลกภาษา ดีแต่ไม่กินหมูดูหูตา หาปัญญาสักเท่าเล็นไม่เห็นมี ได้แต่ข้างกินแพะกับแกะไก่ ยัดเข้าไปพลามพลามใช้หามผี ชะมาช่วยเขยขวัญขยันดี อ้ายแขกตี้พูดจาไม่น่าฟัง กูติดว่าเป็นผู้ใหญ่ได้ปรึกษา มิรู้หน้าโง่ผีตาขี้ถัง ชอบแต่กวาดฝุ่นฝอยคอยระวัง เขาจะนั่งเปื้อนกันขนเอาไป เองพูดจาสารพัดขัดจังหวะ แกเอะอะเดือดด่าไม่ปราศรัย ชอบแต่ให้เขยถองลองดูใจ มันจะไปฟ้องหาว่าด่าทอ เฮ้ยอ้ายเจ้ามังคลาสานุศิษย์ จะชอบผิดปรับไหมไฉนหนอ อ้ายคนโง่เองอย่างดกดต้นคอ ถองอ้ายพ่อตาเล่นถึงเป็นความ มันจะฟ้องหาเองอย่าเกรงพรั่น ผิดก็ท่านทำมะรงเขาคงถาม อ้ายพ่อตาเช่นนี้ไม่มีความ แขกส่ำสามท้าวรายามึงอย่ากลัว แกแค้นเคืองเรื่องราวที่กล่าวขัด นั่งอึดอัดคิดกำจัดใคร่ตัดหัว แล้วลุกเข้าไปในห้องให้หมองมัว ปะคนชั่วสารพัดพูดขัดใจ แล้วเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ เองจงคิดผันแปรคิดแก้ไข อ้ายแขกพ่อตาเองไม่เกรงใจ พูดพิไรสารพัดทั้งขัดคอ แม้นนานไปอ้ายนี่ทีจะบิด เหมือนงูพิษเป็นศัตรูคงสู้หมอ มิกำจัดเสียให้ห่างจะขวางคอ เกิดหลักตอขึ้นเปล่าเปล่าไม่เข้ายา แต่แรกกูดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่ ก็ไว้ใจมันทุกสิ่งจริงจริงหวา มิรู้โง่สิ้นอย่างใช่ช้างงา มันชาติกามิใช่หงส์อย่าหลงเลย ฯ ๏ ฝ่ายมังคลาว่าเขามาเป็นเพื่อนยาก สู้ลำบากอุดหนุนเจ้าคุณเอ๋ย เขาก็มีบุญคุณได้คุ้นเคย จะให้เขยไล่พ่อตาก็น่าชัง แกเดือดด่าว่าอ้ายนี่มาพูดแก้ ทำกอแกโกโรพูดโอหัง ยกความชอบให้แก่มันดันทุรัง จะไปนั่งเกรงใจมำไมมี ช่างหัวมันเป็นไรกับอ้ายแขก อ้ายพวกแปลกศาสนาฆ่าฤๅษี ไม่บาปดอกหนาหวาใครฆ่าตี แม้นมึงมิไล่ไปกูไม่ฟัง แกด่าเปรี้ยงเสียงอึงคะนึงก้อง ออกจากห้องตึกใหญ่ดั่งใจหวัง ตวาดก้องร้องเปรี้ยงขึ้นเสียงดัง กูนึกหวังว่าจะดีมีปัญญา มิรู้ว่ามันเคอะดูเปรอะประ จริงจริงวะอยู่ไม่ได้ไปเสียหวา จะมานั่งกองขัดตัดตำรา ล้างปัญญากูไปหมดต้องอดโซ จงกลับไปบ้านเมืองให้เรืองยศ อ้ายชาติมดมักหวานดาลโทโส จะมาทำเอาแต่จิตอิศโร พูดโยโสสารพัดขัดอารมณ์ ฯ ๏ ท้าวรายาแค้นคำแต่จำจิต นั่งกรดกริชเสียบรุมกันทุ่มถม ฟังวาจาก็ไม่น่าสมาคม มันโสมมหยาบคายหลายประการ แล้วลุกจากตึกใหญ่ไปข้างล่าง พร้อมขุนนางน้อยใหญ่ได้สงสาร พระเทวสินธุ์ยินคำให้รำคาญ จึ่งว่าหลานก็ไม่อยู่จะสู้ไป แต่จะทูลบิตุรงค์ผู้ทรงเดช จะโปรดเกศโองการสถานไหน จะมานั่งเจ็บช้ำระกำใจ หลานจะไปด้วยกันดั่งสัญญา แล้วพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์ราช แลเห็นบาทหลวงแสนแค้นนักหนา เป็นจนจิตคิดว่าครูบิดา หาไม่ฆ่าเสียให้ตายวายชีวัน มันชาติคนเกเรเดรฉาน จึ่งเกิดการวุ่นไปทั้งไอศวรรย์ พลางลุกไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ทูลรำพันลาไปอยู่ในเรือ แม้นขุกเข็ญจึ่งจะกลับมารับรบ ช่วยสมทบชิงชัยข้างฝ่ายเหนือ ทั้งเจ้าตาจะทูลลาลงไปเรือ ต้องหนีเสือเสียสักครั้งไปฝั่งชล ฯ ๏ พระมังคลาว่าพ่อก็จนจิต เหลือจะคิดสารพัดจะขัดสน แกไม่ฟังเสียงมนุษย์เห็นสุดจน ต้องสู้ทนลำบากต้องยากเย็น ด้วยจนใจไกเป็นครูแต่อยู่นี่ ครั้นจะมิทำตามก็ยามเข็ญ แกตั้งกองแช่งด่าน้ำตากระเด็น มิได้เว้นวันหลังตั้งแต่มา เจ้าจะไปตามใจเถิดลูกรัก แต่ไปพักอยู่ที่เกาะคอยเสาะหา จงยับยั้งฟังการด่านชลา แม้นพลาดท่าก็จะได้ไปด้วยกัน ฯ ๏ พระเทวสินธุ์กราบก้มบังคมทราบ ค่อยลีลาศลงไปรีบผายผัน พอสุริยนสนธยาเกือบสายัณห์ ก็ชวนกันสามองค์ไปลงเรือ ท้าวรายาพาพระหน่อวรนาถ กับอำมาตย์รีบไปมิได้เหลือ แต่บรรดามาด้วยกันเคยจานเจือ กลับไปเรือมิได้อยู่ทุกผู้คน ฯ ๏ ครั้นพลบค่ำคล้ำฟ้าสุธาวาส สังฆราชว้าเหว่ระเหระหน เห็นพวกแขกหายไปทั้งไพร่พล ต้องอั้นอ้นอยู่ในใจไม่สบาย หวนรำลึกนึกได้เพราะไล่เขา คนบางเบาเต็มทีทั้งหนีหาย ฉวยข้าศึกชุลมุนมาวุ่นวาย แล้วเรียกนายกองฝรั่งมาสงคราม เองรักษาหน้าที่อย่าหนีหลบ กระบวนรบตรวจให้เสร็จอย่าเข็ดขาม คิดล้อมวงจงระวังให้นั่งยาม เอาเพลิงตามไว้ทุกช่องคอยป้องกัน พอรุ่งเช้าเอาหญ้าขึ้นมาไว้ กูจะได้ผูกพยนต์พลขันธ์ ครั้นสั่งเสร็จจวนจะศึกขึ้นตึกพลัน ให้หวั่นหวั่นวิญญาณ์ยิ่งอาวรณ์ เข้าห้องหับจับตำราออกมาคลี่ ดูแผนที่ลังกาหน้าสิงขร ถิ่นประเทศเขตแคว้นแดนนคร เห็นทางจรที่จะรับกองทัพไทย แกว่าเหวยมังคลาเข้ามานี่ กูจะชี้แถวทางหว่างไศล เข้ากกพระมเหสีดีแก่ใจ มาจะได้คิดอ่านเอาบ้านเมือง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช ฟังครูบาทหลวงรู้คันหูเหือง แต่นิ่งนั่งตรองตรึกให้นึกเคือง ไม่ได้เรื่องแกจะทำเอาตามใจ แต่จนจิตเพราะเป็นศิษย์จึงต้องนิ่ง แม้นท้วงติงแกก็ด่าไม่ปราศรัย จะพูดจาว่าขานประการใด แกก็ไม่อยากเชื่อเหลือระอา แล้วลุกเข้าไปหาเวลาดึก ที่ในตึกน้อมคำนับรับเจ้าขา บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยมังคลา อ้ายพ่อตาไปเมืองมันเคืองใจ เพราะตัวกูด่าว่าอุลามก มันโกหกพูดจาอีท่าไหน เพราะขี้ขลาดลาดเลากูเข้าใจ ถึงมันไปเสียสักพันไม่พรั่นพรึง อยู่ก็พูดเปล่าเปล่าไม่เข้าหู มันสู่รู้หมายว่าเราไม่เท่าถึง ชาติอ้ายพวกแขกพาลสันดานดึง กูรู้ถึงตับไตหัวใจมัน พลางว่ากับมังคลาลานุศิษย์ เองช่วยคิดกำกับเป็นทัพขัน ยกไปทางหลังเขาเจ้าประจัน อย่าให้มันรู้ตัวทั่วนคร ต่อจวนค่ำย่ำแสงพระสุริยง อัสดงเย็นพยับลับสิงขร จึ่งค่อยเคลื่อนโยธาพลากร จากสิงขรแดนเขาเข้าในดง คิดจัดแจงแต่งพยนต์พลรบ ไว้สมทบชายรุกขาป่าระหง กับทหารเกณฑ์หัดจัตุรงค์ ให้ล้อมวงไปในป่าดาประดัง แกคิดการราญรอนไม่นอนหลับ จะยกทัพรีบไปดังใจหวัง จนไก่ขันแจ้วเจื้อยระเรื่อยดัง เสนาะวังเวงใจในไพรวัน จวนจะใกล้รุ่งรางกระจ่างฟ้า พระจันทราลับไม้ในไพรสัณฑ์ บาทหลวงลุกจากห้องมองดูพลัน เห็นตะวันส่องหล้านภาดล สั่งให้พวกเสนาเอาหญ้ามัด แล้วเสกซัดประน้ำถึงสามหน หญ้าก็ไม่กลายกลับเป็นรูปคน ให้อั้นอ้นอกใจไม่สบาย เป็นเหตุด้วยสิ่งใดไฉนหนอ แล้วเสกต่อร่ำบ่นไปจนสาย ทั้งฟ่อนหญ้าที่ลำดับไม่กลับกลาย แกยักย้ายร่ำไปก็ไม่เป็น ยิ่งเสียใจไม่สบายจนกายสั่น ให้นึกพรั่นตรองตรึกนึกไม่เห็น เป็นเหลือรู้กูเอ๋ยไม่เคยเป็น ราวกับเช่นเด็กอ่อนพึ่งสอนคลาน อันพยนต์มนต์เวทวิเศษขลัง ทำทุกครั่งมิได้คลาดทั้งอาจหาญ ลงนั่งหอบบอบช้ำแสนรำคาญ จะคิดการแก้ไขไฉนดี โอ้ตัวกูผู้เป็นพระสังฆราช ได้ชี้ขาดศาสนาเป็นราศี พวกฝรั่งทั้งจังหวัดปัถพี ก็ยินดีที่ในกูอยู่ทุกคน แต่ครั้งนี้ทำอะไรไม่ประสิทธิ์ นึกก็ผิดใจจริงนิ่งฉงน ชะรอยอ้ายมังคลามันพาคน สาละวนกาลีมีเข้ามา เป็นเมียมิ่งจริงแท้แน่เหมือนคิด จึงเสียพิธีแท้แน่นักหนา ฉุนพิโรธโกรธแค้นแน่นอุรา แกลุกมาบนตึกเสียงครึกโครม ว่าฮ้าเฮ้ยมังคลาสานุศิษย์ เองมาติดไฟคึกไว้ฮึกโหม เอาหม่อมเมียมาเคล้าประเล้าประโลม ราวกับโคมแดงสีรวีวรรณ จนมนต์ดลคาถาวิชาหมด เพราะกลิ่นรสมเหสีดีขยัน จนความรู้วิชาสารพัน ไม่เป็นอันที่จะทำระยำไป เสกพยนต์มนตราขึ้นห้าหมื่น ก็กลับคืนไปเป็นหญ้าน่าสงสัย แต่นั่งบ่นมนต์ภาวนาไป ก็มิได้เป็นคนเหลือทนทาน แม้นมิพามเหเสือไปเรือเสีย จะคลอเคลียนางอนงค์ไว้จงผลาญ อันความรู้กูก็เห็นไม่เป็นการ คงบันดาลเสื่อมสิ้นเหมือนกินบอน อันผู้หญิงกับวิชาเหมือนยาพิษ เอาไว้ชิดแอบอิงดั่งสิงขร คงหักพับทับทุ่มตะลุมบอน เป็นแน่นอนเหมือนหนึ่งคำกูรำพัน เร่งเอาไปเสียวันนี้จะกรีทัพ ไปรบรับตีต้อนคิดผ่อนผัน จะขืนเอานางเอกไว้เสกกัน กูจะฟันมิให้เหลือเป็นเหยื่อกา ฯ ๏ ป่างพระหน่อธิบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ ให้อั้นอัดนิ่งฟังนึกกังขา แต่จนใจเพราะว่าไกเป็นครูบา จะพูดจาก็ไม่ได้ให้รัญจวน เหมือนน้ำท่วมริมฝีปากมันยากแท้ ไม่ถูกแผลเจ้าประคุณก็หุนหวน ต้องจำเป็นจำไปแต่ใคร่ครวญ ให้อักอ่วนอารมณ์อยู่นมนาน ฯ ๏ บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยเจ้าคนเอก อย่าโหยกเหยกยืดยาวให้ร้าวฉาน กูจะได้ทำมหาวิชาการ พาอีกาลกิณีไปที่เรือ แล้วให้พวกบ่าวไพร่เอาไปส่ง อีบุษบงรีบไปข้างฝ่ายเหนือ ไปบ้านเมืองของเขาให้เถาเครือ เอาแต่เรือน้อยน้อยสักร้อยลำ เมื่อสำเร็จราชการให้ฐานถิ่น สมถวิลรับมาชุบอุปถัมภ์ แต่เดี๋ยวนี้อยู่ไม่ได้ไปเหมือนคำ ที่กูร่ำพรรณนาว่ากับมึง ค่ำจงพานางเมียไปเสียหวา แล้วกลับมากับบ่าวเช้าให้ถึง เหมือนคำกูสั่งเสียกับเมียมึง จะโกรธขึ้งสักเท่าไรกูไม่ฟัง ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอิศเรศ ชำเลืองเนตรดูยุพินถวิลหวัง จะพลัดพรากจากนุชสุดกำลัง ยิ่งแค้นคั่งขัดใจไม่สบาย กลับเข้าห้องหมองจิตคิดวิตก ระกำอกดังจะแยกแตกสลาย อาจารย์เราเจ้ากรรมทำวุ่นวาย เห็นสุดหมายสารพัดอัดอารมณ์ ตระกองนุชบุษบงอนงค์สมร ดั่งสิงขรใครรุมมาทุ่มถม กันแสงพลางทางสะท้อนถอนอารมณ์ ให้เตรียมตรมในอุรายิ่งอาดูร ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงทรงกันแสงแถลงถ้อย น้องบุญน้อยขอลาปิ่นบดินทร์สูร มิขอไปเห็นวงศ์พงศ์ประยูร ฉันจะทูลลาตายในคงคา เพราะมีกรรมจำพรากจากพระบาท ไหนจะอาจครองชีวังสืบสังขาร์ แม้นพาน้องลงไปในเภตรา โปรดเข่นฆ่าเสียให้ตายวายชีวง น้องเป็นคนชั่วช้าอุลามก ท่านหยิบยกด่ากระจุยเป็นผุยผง แม้นอยู่ไปอายทหารชาญณรงค์ ยุพยงทูลฉลองยิ่งหมองมัว ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ให้แค้นบาทหลวงกล่าวราวกับหัว จะขาดจากเลือดเนื้อเหลือแต่ตัว แม้นมิกลัวบาปกรรมจะทำลอง ให้สาสมกับอารมณ์แกก่อเหตุ ให้อาเพศหมกมุ่นที่ขุ่นหมอง ทำเอาตามใจจิตไม่คิดตรอง ตั้งแต่ต้องแตกทัพมายับเยิน ก็หลายครั้งตั้งแต่จากลังกาเกาะ มีแต่เคราะห์พาให้ตกระหกระเหิน ตั้งแต่ตามถ้อยคำไม่จำเริญ มีแต่เยินยับไปแทบวายปราณ มาได้คู่สู่สมภิรมย์รส ก็ปรากฏปึกแผ่นเป็นแก่นสาร แกมิให้มีสุขทุกวันวาร ได้อยู่นานไม่ช้าถึงห้าปี ระทวยทอดกอดมิตรจิตสลด แสนกำสรดทั้งสองยิ่งหมองศรี จนจวนย่ำสุริยาใกล้ราตรี บาทหลวงตีฆ้องระฆังกังสดาล แล้วออกจากตึกใหญ่เรียกไพร่พร้อม มาซักซ้อมตามหมวดตรวจทหาร แล้วร้องสั่งมังคลาปรีชาชาญ เวลาการจวนจะไปเร่งไคลคลา เอาคนหญิงจัญไรลงไปเสีย เป็นขาดผัวขาดเมียกันหนาหวา รีบเอาไปชายทะเลลงเภตรา อย่าอยู่ช้าไปทีเดียวประเดี๋ยวนี้ เอารถรัตน์จัดหาพาไปส่ง นางอนงค์เกเรมเหสี จะได้เกิดพิพัฒน์สวัสดี เหมือนเสียผีเสียสางปัดรางควาน ๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร เรียกสมรบุษบงยอดสงสาร มาขึ้นรถเทียมม้าอาชาชาญ ออกจากด่านแนวเขาเจ้าประจัน ฯ ๏ บาทหลวงแกตบมืออือคราวนี้ กำจัดอีหญิงร้ายให้ผายผัน พ้นไปจากเขตแคว้นแดนอรัญ ตั้งแต่วันนี้ไปคงได้การ ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลามาในรถ โศกกำสรดเสียพระทัยให้สงสาร พลางประโลมโฉมเฉลาเยาวมาลย์ นางกราบกรานอยู่กับบาทเพียงขาดใจ พระเล้าโลมโฉมเฉลาอย่าเร่าร้อน พี่ไม่จรจากมิตรพิสมัย แม่อย่าทรงกันแสงจงแข็งใจ เรารีบไปให้ถึงยังฝั่งชลา ไปอยู่ลำกำปั่นอย่าหวั่นหวาด แกไม่อาจดั้นด้นเที่ยวค้นหา เราไปอยู่เสียในเกาะถึงเสาะมา ที่จะหาพบเราเจ้าอย่าแคลง อันเกาะนี้ลี้ลับไปยับยั้ง ที่กำบังทะเลแคบไปแอบแฝง อย่าให้คนรู้เค้าเขาจะแคลง เราบอกแจ้งว่าจะให้ไปบุรินทร์ แต่ตัวพี่จะกลับไปไม่อยู่ช้า จะหนีมาเหมือนหนึ่งจิตคิดถวิล รีบไปเถิดแก้วตาอย่าราคิน พลางเร่งสินธพมาถึงท่าลง แล้วเรียกพวกเรือน้อยที่คอยรับ ลงประทับรับไปดั่งใจประสงค์ พระพาโฉมวรนุชบุษบง แล่นไปลงกำปั่นใหญ่ในกลางคืน ถึงท่านท้าวโกสัยก็ไม่รู้ สังเกตดูมรรคาเหลือฝ่าฝืน ที่ปากช่องเขาชันกันลูกปืน มาสักหมื่นสักพันไม่พรั่นพรึง ให้แล่นไปถึงอ่าวพอเช้าตรู่ ตรงเข้าอยู่เสียข้างในเอาใบขึง ทั้งร้อยลำตามกันไปมิได้อึง เข้าทอดถึงเชิงผาหน้าคีริน พระสั่งนุชบุษบงอนงค์สมร จงวายร้อนเถิดจะสมอารมณ์ถวิล สั่งพี่เลี้ยงกนิษฐายุพาพิน กว่าจะสิ้นสุริยนสนธยา จงระวังนุชนางสำอางโฉม ค่อยเล้าโลมมิ่งมิตรกนิษฐา เราจะต้องกลับหลังไปลังกา ไม่อยู่ช้าอย่าให้น้องเจ้าหมองมล จำจะรีบย้อนหลังไปฟังข่าว ที่เรื่องราวเป็นอย่างไรให้ฉงน ได้ประจักษ์หลักหลายอุบายคน ดูเหตุผลเสียให้สิ้นลิ้นอาจารย์ พลางรีบลงเรือน้อยค่อยลอยล่อง มาในท้องสาคเรศประเทศสถาน มาถึงท่าทรงม้าควบทะยาน พวกทหารแห่ไปเขาเจ้าประจัน พระรีบเร่งอาชาม้าที่นั่ง ไม่หยุดยั้งรีบไปในไพรสัณฑ์ มาพักเดียวถึงเขาเจ้าประจัน พอตะวันแสงส่องสักสองโมง ฯ ๏ บาทหลวงนั่งตั้งเสกพยนต์หญ้า แล้วสูบยาขึ้นสองชั้นควันโขมง ร่ายพระเวทคาถานัยน์ตาโพลง เอาเชือกโยงหุ่นหญ้าผ้าพยนต์ แล้วโอมอ่านคาถาทั้งห้าบท เสกน้ำรดโปรยปรอยดั่งฝอยฝน บริกรรมทำเลขเสกด้วยมนต์ ร้อยแปดหนตามตำราพระอาจารย์ ถึงสามครั้งตั้งแต่ทำไม่สำเร็จ นึกเอน็จอนาถใจหลายสถาน ตั้งแต่เช้าจนเย็นไม่เป็นการ แสนรำคาญเคืองใจไม่สบาย พอเห็นพระมังคลาสานุศิษย์ แกน้อยจิตแค้นใจมิใคร่หาย แล้วพูดเป็นแยบยลกลอุบาย กูดูกายผอมซูบผิดรูปทรง พาเอาเมียไปส่งลงกำปั่น ยังพัวพันโดยนิยมสมประสงค์ เองด่วนกลับมาไยในไพรพง นางอนงค์จะเปล่าเศร้าอุรา แกควักค้อนงอนงดประชดศิษย์ ด้วยดวงจิตเป็นทางข้างอิจฉา จะหยิบผิดให้จงได้ในปัญญา พาโลด่าปรับโทษให้ทดแทน ถ้าอ้ายนี่หลบไปที่ไหนเล่า สองอ้ายเฒ่าคงจะไปให้กูแขวน พาลูกเขยดั้นด้นไปพ้นแดน เห็นแม่นมั่นเหมือนกูคิดไม่ผิดคำ ด้วยพลั้งไปนึกไม่ได้ถึงอ้ายแขก เมื่อแต่แรกพูดไปมากถลากถลำ ครั้นจะกลับฝ่าฝืนพูดคืนคำ อายกับน้ำใจตัวได้ชั่วเกิน ต้องคิดพูดเปรียบปรายกับอ้ายเขย ไปตามเลยที่วิตกระหกระเหิน คิดผันแปรแก้กลไปตามเกิน เหมือนว่าวเหินหาวค้างกลางอัมพร ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลาปรีชาฉลาด ฟังครูบาทหลวงยิ่งกว่าสิงขร มาทุ่มทับในอุราให้อาวรณ์ ราวกับนอนอยู่ที่เพลิงอันเริงแรง ทั้งถ้อยคำที่แกร่ำพิไรกล่าว มันรานร้าวไปเสียสิ้นเขากินแหนง จำจะถามดูบ้างฟังสำแดง เจ้าคุณแคลงเมียข้าว่าไม่ดี เข้ามาอยู่ในเขตประเทศถิ่น เป็นมลทินสารพัดจะบัดสี แล้วก็เป็นหญิงชั่วตัวอัปรีย์ เสียพิธีเสียเดชทั้งเวทมนตร์ ก็ขับไล่ไปเสียสิ้นจากถิ่นที่ ประเดี๋ยวนี้ในจังหวัดพิพัฒน์ผล ค่อยปราดเปรื่องเรืองพระเดชข้างเวทมนตร์ ผ้าพยนต์ผูกไว้คงได้การ หรือยังไม่ได้ทำให้สำเร็จ กลเม็ดมากมายหลายสถาน ข้าพเจ้ารีบไปมิให้นาน มาฟังการจะได้รับกองทัพไทย ฯ ๏ บาทหลวงฟังนั่งอึ้งตะลึงคิด อ้ายนี้ผิดพูดจาไม่ปราศรัย ทำคารมข่มเหงไม่เกรงใจ มิด่าให้รู้สึกสำนึกตัว แม้นนานไปไหนกูจะว่ากล่าว มันจะก้าวเหยียบหลังกระทั่งหัว นิสัยศิษย์จะข่มเหงไม่เกรงกลัว จะไว้ชั่วลือชาในสามัญ แล้วจึ่งว่าฮ้าเฮ้ยอย่าเพ่ยก่อน พูดแคะค่อนสารพัดจะจัดสรร เองจะมาดูถูกคิดผูกพัน กูรู้ทันมึงดอกบอกจริงจริง อันตัวกูก็เป็นพระมึงจะว่า มิใช่ข้าพึ่งบุญในคุณหญิง จะมาพูดเกเรประเวประวิง ทำแอบอิงเยาะหยันจำนรรจา กูก็เป็นอาจารย์ช่วยการศึก มึงตรองตรึกยับยั้งบ้างสิหวา เองแค้นเคืองเรื่องอีเมียกับพ่อตา ดูสีหน้าก็รู้ทุกผู้คน อันตัวกูผู้ถือศาสนา เพราะเมตตาหยาบใจจะให้ผล กลับมาพูดหลอกล่อทรชน มึงเป็นคนทุจริตคิดไม่ดี จะสวดให้พระเป็นเจ้ามาเอาโทษ ให้สิ้นโคตรย่อยยับดั่งสับสี คงจะให้ผลมึงจนถึงดี เพราะมึงดีกว่ากูผู้อาจารย์ พระเยซูผู้ทรงศาสนา จะลงมาฟังเอาช่วยเผาผลาญ อ้ายนี้ล้างศาสนาทำสาธารณ์ จงบันดาลให้มันตกนรกพลัน ไม่สัตย์ซื่อชื่อเสียงจงจดไว้ แล้วจงใช้ทูตที่เปรื่องเมืองสวรรค์ มาจิกหัวคนประมาทฉกาจฉกรรจ์ ไปลงทัณฑกรรมไว้ให้มันกลัว ค่ำวันนี้กูจะสวดให้ท่านทราบ จะได้ปราบมึงเสียทั้งเมียผัว มึงอย่าพักทำวุ่นให้ขุ่นมัว จะดีชั่วค่ำวันนี้ดีละมึง แล้วอย่าร้องเรียกกูให้ชูช่วย จะเจ็บป่วยอย่างไรอย่าให้ถึง เองก็มีที่ถืออย่าอื้ออึง กลับไปพึ่งบุญเมียเสียเถิดเอ็ง แล้วออกจากศาลใหญ่เข้าในตึก อึกทึกปากโป้งพูดโฉงเฉง อ้ายนี่มันพาลจะตื่นทำครื้นเครง ต้องตามเพลงของมันกันสำนวน ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ ให้แค้นขัดพระทัยมุ่นนึกหุนหวน จำจะคิดข้อคัดตัดสำนวน เวลาจวนพลบค่ำจะย่ำเย็น เข้าในห้องตรองเขียนหนังสือลับ แล้วก็พับไว้มิให้ผู้ใดเห็น พอพลบค่ำน้ำค้างลงเยือกเย็น เดือนก็เด่นดวงกระจ่างสว่างตา พระเผยแกลแลดูดารารัตน์ หวนประหวัดถึงมิตรกนิษฐา ไม่เห็นพักตร์พุ่มพวงดวงผกา ในอุราร้อนรุ่มดั่งสุมเพลิง ป่านนี้นุชบุษบงอนงค์สมร จะแสนร้อนอุระเจ้าดั่งว่าวเหลิง เพราะครูเราเจ้ากรรมแกทำเชิง จนเปิดเปิงพลัดพรากไปจากกัน จะอยู่ไปไหนเลยจะมีสุข อันความทุกข์ถึงจะได้ไอศวรรย์ เป็นมนุษย์เกิดมาในสามัญ จะหวงกันหนักหน่วงเป็นห่วงไย ก็เพราะมิตรชิดเชยที่เคยชื่น จะเริงรื่นก็เพราะรักหักไม่ไหว นี่แกล้งพรากจากเมียเสียน้ำใจ จะอยู่ไปเล่าก็เห็นไม่เป็นการ เขาย่อมว่าเหมือนกับราวหม้อข้าวแตก จะมาแบกตุ่มไหใส่ข้าวสาร เอาอะไรหุงต้มนั่งซมซาน ไม่เป็นการแล้วหนอเรามาเมามัว พอเที่ยงคืนก็จะไปเสียให้พ้น จะนั่งทนให้เอาพร้ามาผ่าหัว แทบจะตายหลายครั้งไม่ตั้งตัว อันดีชั่วตามกรรมได้ทำมา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระสังฆราชท่านบาทหลวง ลงนั่งง่วงถอนใจใหญ่อยู่ในฝา ให้ฉุนเคืองเรื่องพระมังคลา มันพูดจาทิ่มตำให้ช้ำใจ อายกับพวกขุนนางข้างฝรั่ง ให้แค้นคั่งดังใครเชือดให้เลือดไหล จำจะคิดเป็นอุบายให้ตายใจ พูดแก้ไขเสียให้พ้นคนนินทา แล้วจึ่งเรียกมังคลามาปราศรัย กินโต๊ะใหญ่ด้วยกันให้หรรษา กับขุนนางข้างฝรั่งพวกลังกา ทั้งเหล้ายาเป็ดไก่ยกใส่จาน อีกเนยนมขนมปังมาตั้งพร้อม ขึ้นนั่งล้อมมุลนายฝ่ายทหาร พระมังคลาลุกมามิทันนาน ทำอาการเหมือนแต่ก่อนค่อยผ่อนปรน มิให้จับกิริยาอัชฌาสัย เคยอย่างไรสารพัดไม่ขัดสน ความในจิตมิให้แหนงระแวงวน ก็นั่งทนไว้ในใจลุกไคลคลา ฯ ๏ บาทหลวงเห็นชื่นแช่มดูแจ่มใส เห็นจะไม่ห่วงผู้หญิงดอกจริงหนา แกจึ่งยกขวดใหญ่ใส่สุรา ให้มังคลากับขุนนางกินอย่างเคย แล้วกินเครื่องกับแกล้มแกมกับเหล้า พอมึนเมาพร้อมพรั่งแล้วนั่งเฉย บาทหลวงจึ่งปราศรัยภิปรายเปรย เหมือนอย่างเคยเลี้ยงทุกครั้งแต่หลังมา แล้วแกสั่งว่าพรุ่งนี้จะมีฤกษ์ กูจะเบิกทัพค่ายยกไปหวา เร่งกะเกณฑ์พลขันธ์ดั่งบัญชา ขุนเสนาทุกตำแหน่งเร่งแต่งพล อ้ายมังคลากำกับเป็นทัพหนุน จัดหมื่นขุนเตรียมให้ทั่วตัวพหล ใครขาดฆ่าเสียให้ตายให้วายชนม์ ตีให้จนถึงกระทั่งกรุงลังกา แกสั่งเสร็จมึนเมาลุกเข้าห้อง ลงนอนตรองฤกษ์ยามตามภาษา ข้างอังกฤษคิดจะทำตามตำรา ใช้ปัญญาโดยตำรับฉบับครู ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช เห็นครูบาทหลวงนอนดูอ่อนหู เอากระดาษที่ลิขิตปิดประตู มาที่อยู่จัดแจงแต่งสกนธ์ เหน็บกระบี่ฝักดำประจำมั่น ถือปืนสั้นเรียกบ่าวเหล่าพหล ที่ร่วมใจไคลคลาสี่ห้าคน แล้วรีบร้นเดินตรงมาลงเรือ ให้ชักใบใส่รอกออกกำปั่น สลาตันพัดส่งตรงไปเหนือ พอห้าทุ่มถึงเกาะจำเพาะเรือ เข้าข้างเหนือน้ำได้สบายบาน ค่อยลอยเรื่อยเฉื่อยฉ่ำถึงลำใหญ่ ตรงขึ้นไปปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ ฝ่ายพี่เลี้ยงโฉมเฉลาเยาวมาลย์ ต่างชื่นบานอิ่มเอมเกษมใจ ฯ ๏ ป่างพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ โสมนัสปรีดาแล้วปราศรัย ถามถึงมิตรกนิษฐาสุมาลัย เสด็จไปห้องนางพลางประโลม ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ นางกราบบาททูลองค์พระทรงโฉม แม้นดาวเคลื่อนเดือนดับพยับโพยม พระทรงโฉมมิได้กลับไปนับวัน น้องก็ไม่ขออยู่จะสู้ม้วย ใครจะช่วยดับวิโยคที่โศกศัลย์ พลางซบพักตร์ลงกับตักพระทรงธรรม์ นางร่ำกันแสงสะอื้นกลืนน้ำตา พระรับขวัญขวัญอ่อนสมรมิ่ง พี่ไม่ทิ้งดวงจิตกนิษฐา ประคองกอดยุพยงองค์พะงา ขึ้นบนบาหลีพลางทางสุนทร จันทร์กระจ่างกลางฟ้าเวหาหน ต้องสกนธ์กายาสุดาสมร ลมพระพายชายช่ออรชร หอมเกสรเสาวคนธ์สุมณฑา พลางแนบนุชบุษบงอนงค์นาฏ แสนสวาทจุมพิตกนิษฐา ถนอมแนบแอบขวัญกัลยา ร่วมไสยาเดือนหงายสบายใจ พายุหวนป่วนปั่นเป็นคลื่นคลั่ง กระทบฝั่งสิขรินแผ่นดินไหว ทั้งท้องธารละหานเหวเป็นเปลวไฟ เมรุไกรอ่อนเอนระเนนเอียง พิรุณโรยโปรยปรายเป็นสายสาด สุนีฟาดฉาดฉานประสานเสียง ฝูงมัจฉาปลาร้ายขึ้นว่ายเรียง เป็นคู่เคียงฟาดหางกลางสินธู เมขลาแบแก้วแววสว่าง อสูรขว้างขวานลั่นสนั่นหู วิชาธรนักสิทธ์ปิดประตู นอนไม่รู้สึกกายดั่งวายชนม์ สองภิรมย์สมรักสมัครสมาน ดั่งได้ผ่านเมืองฟ้าเวหาหน จนเที่ยงคืนชื่นสำราญบานกมล ที่ห้องบนท้ายบาหลีทั้งปรีดิ์เปรม ค่อยเสื่อมสร่างบางเบาบรรเทาทุกข์ เกษมสุขสองราหน้าเป็นเหม ถนอมแนบเนื้อนิ่มยิ่งอิ่มเอม สองเกษมสุขสมภิรมยา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ค่อยสร่างทรวงซึมเซาเมานักหนา หวนรำลึกตรึกตรองมองตำรา จะยาตรากรีทัพไปรับรอง จนดึกดื่นคืนยังรุ่งมิได้หลับ ให้กระสับกระส่ายจิตคิดหม่นหมอง เกือบจะรุ่งฟ้าแดงไขแสงทอง สกุณร้องก้องโกกิลาบิน ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกแว่ว เสียงเจื้อยแจ้วกลางป่าพนาสัณฑ์ ฝูงวิหคนกกาถลาบิน ออกจากถิ่นรังเร่พเนจร แสงหิรัญเรืองรองขึ้นส่องฟ้า พระสุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมสิงขร พวกพหลพลิกฟื้นบ้างตื่นนอน ยกหาบคอนหุงข้าวบ้างเผาปลา ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงง่วงเหงาบนเก้าอี้ สกุณีเพรียกพร้องก้องเวหา พอหายเศร้าเบาบางสร่างอุรา เรียกมังคลาสานุศิษย์คิดรำพึง เห็นเงียบไปมิได้ขานนานนักหนา ลุกออกมาด่าโป้งเสียงโผงผึง นอนกระไรไม่รู้สึกนึกรำพึง มันเมาถึงขนาดจริงจึ่งนิ่งไป พลางลุกเดินมาดูประตูปิด เห็นลิขิตปิดประตูดูสงสัย ประหลาดจิตผิดแล้วหวาไปหาไฟ มาส่องใกล้อ่านดูจึ่งรู้ความ ฯ ๏ หนังสือพระมังคลานราราช เป็นเชื้อชาติอังกฤษให้คิดขาม อาจารย์แช่งร่ำไรเป็นใจความ ก็ครั่นคร้ามกลัวจะตายวายพระชนม์ อยู่ไม่ได้ใจคอให้ท้อแท้ ถึงจะแก้เล่าก็เห็นไม่เป็นผล ทั้งกลัวพระวิญญาณเหลือทานทน ต้องดั้นด้นไปแต่ตัวเพราะกลัวภัย อันลังกาธานินทร์เป็นถิ่นฐาน เชิญอาจารย์คิดความตามวิสัย ไม่จงรักหนักหน่วงเป็นห่วงใย ตามแต่ใจฝ่ายท้าวเจ้าประคุณ ทั้งเสนีมีถ้วนกระบวนรบ ผู้สมทบขาดเหลือคอยเกื้อหนุน ข้าพเจ้าถูกแช่งแห่งเจ้าคุณ อยู่จะวุ่นวายใจไม่สบาย เพราะคบหญิงไม่ดีจึ่งมิโทษ เสียประโยชน์ชั่วช้าพาฉิบหาย พาให้เสื่อมมนตราวิชาคลาย ต้องผันผายไปให้พ้นคนไม่ดี ฯ ๏ พอจบเรื่องแกยิ่งเคืองโทโสพลุ่ง มาเกิดยุ่งเจ็บจิตดั่งพิษฝี น้อยหรือกูเมตตาทั้งปรานี ไม่พอที่มันจะทำให้ช้ำใจ แล้วลงจากตึกใหญ่พลางให้หา พวกเสนาจงเรียกท้าวโกสัย มาหากูเร็วพลันด้วยทันใด จงเร่งไปเดี๋ยวนี้มีกังวล ขุนนางรับบัญชาเรียกม้าใช้ รีบลงไปเล่าแถลงแห่งนุสนธิ์ พวกม้าใช้รีบรัดไปบัดดล นำยุบลลงไปท่าชลาพลัน ทูลท่านท้าวโกสัยว่าให้หา พระสังฆราชาร้อนให้ผ่อนผัน รีบขึ้นไปยังเขาเจ้าประจัน จงเร็วพลันโดยบัญชาอย่าช้าที ฯ ๏ ท้าวโกสัยได้ฟังพระสังฆราช ผู้สิทธิ์ขาดเร่งรัดตัดวิถี รีบขึ้นบกวกมาไม่ช้าที ขึ้นพาชีรีบไปดั่งใจจง ครั้นถึงเขาเจ้าประจันมิทันช้า ลงจากม้ารีบไปฟังดั่งประสงค์ บาทหลวงเรียกขึ้นไปดั่งใจจง แกพาตรงขึ้นตึกเหมือนนึกปอง แล้วให้นั่งยังที่เก้าอี้ใหญ่ พลางปราศรัยโดยจิตสนิทสนอง ว่าลูกเขยเองไปไหนดั่งใจปอง หรือปรองดองพากันไปอยู่ในเรือ จงบอกกูไปแต่จริงอย่านิ่งเฉย การไม่เคยทำวลก็ล้นเหลือ หรือเองพาไปไว้ที่ในเรือ กูไม่เชื่อใครดอกบอกจริงจริง ฯ ๏ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกเกรี้ยวกราดเต็มที่ดั่งผีสิง เราก็บอกเนื้อความไปตามจริง แกก็ยิ่งขู่ตะคอกว่าหลอกลวง เป็นจนจิตด้วยว่าศิษย์เป็นเขยขวัญ หาไม่จะดันเอากับปราชญ์ตาบาทหลวง บอกกันโดยสัตย์ธรรม์มันว่าลวง เราจะหวงกันไว้ทำไมมี แล้วจึ่งว่าข้าแต่อาจารย์เจ้า จะมาเฝ้าสงสัยอย่างใช้ผี จะซ่อนเหน็บเก็บไว้ทำไมมี ไม่พอที่จะพะวงคิดสงกา เมื่อเจ้าคุณให้ไปรับเป็นทัพหนุน ก็ไปวุ่นจัดทหารการอาสา คอยเสียงปืนครื้นครั่นดั่งสัญญา เตรียมเภตราคอยประจญรณรงค์ บาทหลวงว่าถ้าเองไม่รู้เห็น สาบานเป็นหรือไม่อย่าใหลหลง เอาให้กูนับถือว่าซื่อตรง จะได้ปลงอารมณ์ไม่ซมซาน ท้าวโกสัยได้สดับรับว่าได้ แกจึ่งให้สบถทศฐาน แม้นมึงไม่รู้จริงอย่านิ่งนาน เร่งสาบานไปสิหวาว่าให้ดัง ถ้าแม้นมึงเป็นใจกับอ้ายเขย ให้หนีเลยลับไวเหมือนใจหวัง ให้ตามึงบอดมิดเหมือนติดตัง ทั้งไม้กังเขนขึงตรึงต้นคอ ให้องค์พระเยซูผู้เป็นเจ้า เอาไม้เท้ามาขยี้ตีหัวขอ ทั้งเชือกหนังมามัดรัดเอาคอ ให้ตกหม้อแกงตายวายชีวี จงว่าตามกูไปอย่าได้นิ่ง ให้เห็นจริงเหมือนกูว่าอีตาผี ท้าวโกสัยว่าพลันไปทันที ไปตามที่เรื่องราวแกกล่าวพลัน ฯ ๏ บาทหลวงเห็นจริงแจ้งไม่แคลงจิต สุจริตแท้จริงทุกสิ่งสรรพ์ สบถได้เหมือนอย่างว่าสารพัน จริงของมันมั่นคงปลงอารมณ์ แกจึ่งว่าฮ้าเฮ้ยท้าวโกสัย กูเจ็บใจควรหรือศิษย์สนิทสนม มันทำให้เคืองขัดตัดอารมณ์ ต้องเตรียมตรมใจกูผู้อาจารย์ ถึงจะอยู่จะไปก็ไม่ห้าม มันลวนลามเกเรเดรฉาน เสียแรงกูผู้รักษาพยาบาล ไม่เป็นการจริงละเหวยลูกเขยมึง อันลังกาครานี้ทีจะได้ อ้ายพวกไทยอ่อนหูกูรู้ถึง เหมือนลูกไก่อยู่ในมือไม่ดื้อดึง การก็พึ่งจะสำเร็จได้เจ็ดวัน มันกลัวจะต้องรบหลบไปเสีย พาเอาเมียไปเสียก่อนคิดผ่อนผัน กูก็ไม่งอนง้อคิดรอมัน เองช่วยกันตีได้เป็นไรมี กูจะให้ครองกรุงให้ฟุ้งเฟื่อง เป็นเจ้าเมืองมอบสมบัติกษัตริย์ศรี จงเร่งกลับไปเภตราอย่าช้าที พอราตรีกูจะรบจุดคบเพลิง คอยฟังเสียงปืนใหญ่ไล่พหล จงจัดพลเพิ่มเจือให้เหลือเหลิง ข้างด้านน้ำเองเข้าแหกให้แตกเปิง ดูชั้นเชิงพอเป็นทีตีเข้าไป ข้างฝ่ายกูก็จะกรูกันขึ้นบก อย่าวิตกเลยออเจ้าท้าวโกสัย เอากำปั่นพันลำตีร่ำไป ทั้งปืนใหญ่ปืนน้อยคอยระดม ขึ้นบกได้ไฟจุดอย่าหยุดยั้ง ตีประดังยกกันรุมเข้าทุ่มถม มันคงได้ลังกาอย่าปรารมภ์ จะได้ชมบุญมึงให้ถึงลือ ฯ ๏ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกองอาจการทัพน่านับถือ เหตุไฉนมังคลาระอามือ ไม่นับถือครูบาดูน่าชัง แต่นิ่งไว้ในจิตเพราะคิดเชื่อ ลาไปเรือรีบไปเหมือนใจหวัง จัดเรือรบพันร้อยลอยประดัง จะคอยฟังเสียงปืนยืนประดา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชชาติอังกฤษ เห็นสมคิดสารพันก็หรรษา พอสุริยงลงลับบรรพตา เรียกเสนานายหมวดให้ตรวจพล พร้อมสะพรั่งตั้งตามพิชัยยุทธ์ กระบวนครุฑเร่งรัดจัดพหล เป็นปีกขวาปีกซ้ายระบายพล เป็นทัพปล้นทัพหนุนพร้อมมุลนาย ครั้นฤกษ์ดีคลี่คลายขยายทัพ ออกคั่งคับเร่งกันให้ผันผาย พวกฝรั่งทั้งมหาเสนานาย ก็ผันผายจากเขาเจ้าประจัน บาทหลวงขึ้นรถระย้าฝากระจก เป็นทัพบกนำพหลพลขันธ์ เหน็บกระบี่ทีท่าสง่าครัน ถือปืนสั้นหกกระสุนหนุนกระบวน สารถีตีม้าอาชาชาติ เผ่นผงาดวิ่งกลมดั่งลมหวน เดินในดงวงอ้อมพร้อมกระบวน ทั้งพลทวนเกาทัณฑ์เป็นหลั่นไป ปืนนกสับคาบศิลาระดาดาด ดูเกลื่อนกลาดเร่งกันเสียงหวั่นไหว ทั้งปืนล้อลากเรียงเคียงกันไป พวกคบไฟสำหรับเข้าเผาบุรินทร์ บาทหลวงแสนแค้นจิตคิดระทด มันคิดคดทำได้ดั่งใจถวิล แม้นสมหวังได้ลังกาในธานินทร์ เป็นที่ถิ่นสุขเกษมเปรมอุรา ถึงมันจะมาบระจบไม่คบไว้ ก็เห็นใจจริงจังสิ้นกังขา อ้ายนี่ถูกถ้อยคำอย่างตำรา เขาว่าปลาแรงเพราะหางอย่างทำนอง เป็นเหตุผลด้วยอีเมียจึ่งเสียท่า มันชักพาหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง แล้วหวนห้ามความหลังตั้งแต่ตรอง มาในท้องแถวทางกลางอรัญ ให้เร่งรถรีบมาเวลาค่ำ จวนจะย่ำยามชัยพอไก่ขัน ถึงลำเนาเขาเขินเนินอรัญ หยุดพร้อมกันแต่บรรดาเสนานาย ฯ ๏ บาทหลวงนั่งตั้งสง่าบนหน้ารถ มาพร้อมหมดยืนคำนับรับกฎหมาย จะคอยฟังสั่งงานการอุบาย ทั้งไพร่นายข้างฝรั่งอย่างแต่เดิม ฯ ๏ ฝ่ายตัวท่านสังฆราชพระบาทหลวง พร้อมกระทรวงสมนึกให้ฮึกเหิม จึงว่าเฮ้ยคนงานทหารเดิม คิดเพิ่มเติมกองแซงแต่งกระบวน เอาไฟจุดป่าไม้ไพรระหง แล้วก็ตรงวิ่งกลมดั่งลมหวน เร่งประจุปืนหินดินชนวน ให้พร้อมถ้วนปืนหลักยักกะตรา พอจุดเพลิงเริงแรงแสงสว่าง ออกจากทางยิงพื้นแต่ปืนผา ตรงเข้าไปเมืองด่านชานชลา เอาโยธาเรียงล้อมป้อมกำแพง อย่าให้มันรู้ตัวทั่วจังหวัด เอาคบมัดให้สว่างกระจ่างแสง โยนหม้อดินเข้าไปในกำแพง ทหารแซงพร้อมกันฟันประตู ทั้งปืนใหญ่เร่งลากจุกปากช่อง ไปคอยมองทุกกระบอกกรอกดินหู ทั้งสกัดตัดทางหว่างประตู จัดเอาผู้กล้าหาญการณรงค์ ครั้นสั่งเสร็จรีบทัพขับพหล กระบวนพลลัดในไพรระหง ถึงทางแยกมรรคาปากป่าดง เป็นชายพงออกทุ่งหลังกรุงไกร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายทัพหน้าพวกวาโหม วาหุโลมคอยอยู่ทางหว่างไศล เข้าซุ่มซ่อนนอนนั่งระวังภัย ทั้งนายไพร่พร้อมพรั่งบ้างนั่งยาม เห็นทัพบกยกมาเวลาดึก เสียงครื้นครึกผู้คนออกล้นหลาม ให้แอบแฝงหลีกไปไม่ไอจาม จะฟังความซุ่มรายทั้งไพร่พล แล้วสั่งให้ขุนนางใส่หางปีก จงบินหลีกรีบไปในสิงหล นำเอาข่าวไปแถลงแจ้งยุบล เตรียมพหลรับรองไว้ป้องกัน แต่ทัพเรานี้จะเข้าคอยตัดหลัง จะรอรั้งอยู่ในป่าพนาสัณฑ์ แล้วจึงค่อยรุกรบประจบกัน รับให้ทันเร็วราอย่าช้าที ครั้นสั่งเสร็จขุนนางสอดหางปีก ก็บินหลีกรีบไปในวิถี ทั้งสองนายรีบมาไม่ช้าที เข้าบุรีเมืองด่านชานนคร รีบไปเฝ้าเจ้าบุรินทร์ปิ่นกษัตริย์ ตามรหัสเหตุทหารชาญสมร คอยรับสั่งฟังกระแสให้แน่นอน พระภูธรจะโองการสถานใด ฯ ๏ ป่างพระองค์ทรงภพจบจังหวัด โองการตรัสสนทนาแล้วปราศรัย ว่าเร่งรีบการร้อนอย่านอนใจ พระสั่งให้จัดแจงแต่งกระบวน แต่บรรดาเตรียมไว้เร่งให้ยก ไปทางบกตามระบอบคิดสอบสวน จงเร่งไปเร็วหนาเวลาจวน จัดกระบวนบอกให้ทั่วตัวขุนนาง พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร พร้อมอำมาตย์นับร้อยไปคอยขวาง อ้อมสกัดตัดประชิดคอยปิดทาง ที่ย่านกลางของนัดดาสุดสาคร ทางข้างฝ่ายชายทะเลสินสมุทร กับราชบุตรพลผลึกเคยฝึกสอน ก็รีบยกโยธาพลากร จากนครเมืองด่านชานชลา ไปพร้อมพรั่งตั้งกระบวนพยุหบาตร แล้วประกาศไพร่นายทั้งซ้ายขวา ให้ตั้งค่ายแลกลาดดาษดา เอาปืนผาจุกช่องกองละพัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชชาติอังกฤษ แกตามติดต้อนพหลพลขันธ์ ทั้งทัพหน้าทัพหลังประดังกัน ไม่สำคัญว่าทัพคอยรับรอง เร่งพหลพลรบเอาคบจุด แกว่งอาวุธวิ่งถลันผันผยอง สารวัตรนายหมวดตรวจทุกกอง ออกจากช่องปากดงตรงออกไป พอถึงทัพหัสไชยไฟสว่าง ไหม้ยูงยางแดงป่าพฤกษาไสว ให้ยิงปืนเป็นสัญญาก้องป่าไพร พลไพร่ถึงกันฟันประดา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ รักษาเขตปากทางอยู่ข้างขวา ให้ทหารขานโห่เป็นโกลา เร่งพระยากัณฐัศว์อัสดร เข้ารบรับทัพฝรั่งประดังเสียง ทหารเคียงคั่งคับสลับสลอน ถือแหลนหลาวง้าวโล่แลโตมร พร้อมนิกรเกียกกายให้รายพล ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชตาบาทหลวง ครั้นตีล่วงเลยทางมากลางหน ไม่ยับยั้งรั้งราพลาพล หมายจะปล้นให้กระทั่งถึงลังกา ระดมปืนครื้นครั่นสนั่นเสียง ก้องสำเนียงควันกลุ้มคลุ้มเวหา น้ำมันไฟไล่สาดดาษดา ถูกโยธาทัพไทยบ้างไหม้พอง ทั้งปวดเจ็บเหน็บชาถึงสาหัส ยิ่งเป่าปัดแตกซ้ำเป็นน้ำหนอง ศรีสุวรรณนั้นชำนาญการกระบอง คอยปัดป้องไฟน้ำมันพอกันองค์ ให้ถอยทัพกลับหลังเข้ายังด่าน แสนรำคาญที่ในจิตพิศวง ทั้งไพร่พลบางเบาบรรเทาลง จะทำสงครามไปก็ใช่ที กลับเข้าด่านชานชลาขึ้นหน้าป้อม ทหารพร้อมเสนาบดีศรี พระให้หาครูพลันมาทันที แล้วจึงมีสิงหนาทประภาษพลัน ว่าดูราข้าแต่อาจารย์เฒ่า แถลงเล่าความจริงทุกสิ่งสรรพ์ มันเอาไฟกรดสาดฉกาจฉกรรจ์ เป็นน้ำมันไหม้กายเพียงวายปราณ ขอท่านครูชูช่วยคนป่วยเจ็บ ที่เป็นเหน็บร้อนเริงถูกเพลิงผลาญ ช่วยแก้ไขพอให้พ้นทนทรมาน ช่วยคิดการเป่าปัดกำจัดภัย ฯ ๏ ฝ่ายครูเฒ่าผู้ชำนาญในการเวท แกรู้เหตุโดยวิธีคัมภีร์ไสย อันฝรั่งตั้งสาดน้ำมันไฟ จะแก้ไขด้วยมนต์ให้ฝนมี จึงกราบทูลเจ้าพิภพจบจังหวัด ขอเป่าปัดที่กำบังตั้งบายศรี จะตั้งสรวงสารพัดทำบัดพลี ให้ฝนมีมาในดึกเหมือนนึกปอง พระทรงฟังสั่งว่าถ้าเช่นนั้น จงผ่อนผันจัดแจงเร่งแต่งของ อย่าให้ทันรุ่งแจ้งไขแสงทอง จงตรึกตรองเสียให้เสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราพฤฒาเฒ่า จึงก้มเกล้ารีบรัดมาจัดศาล เอาผ้าขาววงลาดดาดเพดาน ห้อยเป็นม่านตั้งพิธีพลีกรรม์ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายพวกทมิฬกินปักษา เข้าแอบป่าพุ่มไม้ในไพรสัณฑ์ เห็นทัพบกยกไปเป็นหลายพัน แล้วกลับหันถาโถมเข้าโจมตี กำลังไฟไหม้ป่าพวกวาโหม โจนกระโจมลุยไล่ในวิถี ฝรั่งตื่นครื้นวิ่งเป็นสิงคลี ทมิฬตีแตกตายลงหลายกอง ไม่รู้กลวนวิ่งทิ้งอาวุธ อุตลุดสับสนปล้นเอาของ ชิงอาวุธน้อยใหญ่ไว้เป็นกอง ฝรั่งต้องปืนตายลงหลายพัน พวกวาโหมโจมตีไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งทัพใหญ่พอไก่ขัน จนเวลายามสามตามประจัญ ไล่กระชั้นถึงทางหว่างคีริน บาทหลวงเห็นทัพหลังมาคั่งคับ บ้างแตกยับมาในป่าพนาสัณฑ์ ให้ตั้งทัพรับรองกองทมิฬ เอาลูกดินยัดพลุประจุปืน น้ำมันไฟไล่สาดเสียงฉาดฉับ เป็นเพลิงวับไหม้มาไม่ฝ่าฝืน ถูกพหลพลทมิฬทั้งดินปืน เสียงครั่นครื้นโกลาทั้งป่าดง น้ำมันไฟไหม้ปีกบ้างหลีกกลับ แล้วถอยทัพเข้าในไพรระหง ถอดปีกหางขว้างไปเสียในดง เข้าแอบพงลัดแลงเที่ยวแฝงกาย ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเภตราที่หน้าด่าน พวกทหารพร้อมพรั่งคนทั้งหลาย ได้ยินเสียงปืนใหญ่ทั้งไพร่นาย เหมือนนัดหมายเร่งพหลพลเภตรา ท้าวโกสัยสุริย์วงศ์ทรงพระแสง ออกกวัดแกว่งต้อนพหลพลอาสา ให้เข้าตีเมืองด่านชานชลา ทั้งกองหน้ากองหนุนหมุนเข้าไป ปืนระดมสมทบเข้ารบพุ่ง เกือบจะรุ่งรางรางสว่างไสว ป่างพระจอมสินสมุทรวุฒิไกร ออกจากค่ายทรงสิงโตให้โห่ดัง วายุพัฒน์ราชบุตรทรงสินธพ ไล่ตลบกำกับเป็นทัพหลัง อ้ายยักษ์หมีถือกระบองมองระวัง เดินข้างหลังมิ่งม้าอาชาชาญ ใส่เสื้อแดงแต่งตัวหัวเหมือนเงาะ แล้วใส่เกราะหนังเย็บเอวเหน็บขวาน คาดปั้นเหน่งเรือนมณีทองสีลาน ใส่สังวาลลูกปัดจัดประจง มันรักงามกรุ่มกริ่มเดินยิ้มย่อง ใส่ข้าวของชื่นชมสมประสงค์ สะพายย่ามใส่เสบียงเคียงม้าทรง จัตุรงค์โห่เร้าจะเอาชัย ถึงชายหาดดาษดาโยธาทัพ ออกคั่งคับธงทิวปลิวไสว ให้ตั้งที่นาคนามตามกันไป โดยพิชัยสงครามตามตำรา ฯ ๏ ฝ่ายทรงฤทธิ์อิศโรท้าวโกสัย จวนอุทัยจะสร่างกลางเวหา สั่งให้ยิงปืนหลักยักกะตรา พร้อมเภตราตรงเข้าอ่าวบุรินทร์ ระดมปืนครื้นครั่นควันโขมง เสียงผางโผงก้องท่าชลาสินธุ์ โจนขึ้นม้ายกพหลพลทมิฬ พร้อมกันสิ้นแต่บรรดามาในเรือ อเนกแน่นแสนยาล้วนกล้าหาญ บ้างถือขวานตามพวกหมวกหนังสือ เป็นทัพหน้ากล้ายกทั้งบกเรือ ราวกับเสือโลดเต้นเผ่นทะยาน กระบวนหลังคั่งคับคนนับแสน อเนกแน่นถือสาตราล้วนกล้าหาญ ยกเข้าตีพร้อมกันมิทันนาน ประจัญบานรบรับกองทัพไทย ยิงสนั่นครั่นครื้นล้วนปืนตับ เสียงฉาดฉับก้องกังวานสะท้านไหว เป็นควันคลุ้มกลุ้มแดงล้วนแสงไฟ ข้างทัพไทยยิงประดังเสียงตังตึง ถูกพหลพลไพร่บ้างตายกลาด เอาดินสาดควันโขมงเสียงโผงผึง ปล่อยปืนใหญ่ไฟฟูมเสียงตูมตึง อึงคะนึงจนสว่างกระจ่างตา บ้างล้มตายก่ายกองทั้งสองข้าง พวกขุนนางเร่งร้นพลอาสา อาวุธสั้นฟันฟาดถึงสาตรา พิฆาตฆ่ากันตายลงหลายพัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายจักราพฤฒาเฒ่า แกเร่งเข้าพิธีขมีขมัน ทางกสิณอภิญญาณชำนาญครัน เสียงฟ้าลั่นครืนครืนพื้นอำพน มหาเมฆตั้งมาบนอากาศ สุนีบาตเปรี้ยงเปรี้ยงเป็นเสียงฝน วลาหกตกปรายเป็นสายชล นภาดลมืดมัวทั่วนภางค์ ปัจจุสมัยไก่แก้วจะแจ้วเจื้อย เรไรเรื่อยท้องทุ่งพอรุ่งสาง พิรุณโรยโปรยชื้นพื้นนภางค์ ทั้งน้ำค้างหยดย้อยลงพรอยพราย พวกที่ต้องไฟกรดหมดทั้งนั้น อันผิวพรรณแสบร้อนก็ผ่อนหาย ที่ถูกมากเหลือทนกระวนกระวาย ออกตากสายฝนเบาบรรเทาลง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ โองการตรัสชื่นชมสมประสงค์ จะคิดการกำราบปราบณรงค์ เสด็จตรงไปพิธีพลีกรรม แล้วจึงตรัสว่าท่านอาจารย์เฒ่า จงโปรดเราช่วยชุบอุปถัมภ์ ปราบศัตรูหมู่ร้ายรายประจำ ท่านจงทำตามกิจวิทยา ฯ ๏ ฝ่ายครูเฒ่าเจ้าตำราว่าช้าก่อน จะผันผ่อนดูแผนให้แน่นหนา เขาก็เป็นคนดีมีวิชา ข้างฝ่ายฝาหรั่งกลัวทั่วทุกคน ขอตรองตรึกดูตำราวิชาก่อน คิดผันผ่อนที่ในเรื่องเมืองสิงหล ดูชะตาในประเทศเขตมณฑล ถ้าแม้นพ้นเคราะห์ดีคงมีชัย แล้วครูเฒ่าเอาตำราออกมาคลี่ ในคัมภีร์ยัญเวทข้างเพทไสย พิเคราะห์ดูรู้แท้แน่แก่ใจ จะชิงชัยก็ไม่สมอารมณ์ปอง เพราะราหูเล็งลัคน์ชักให้ถอย กำลังน้อยฝ่ายเรามักเศร้าหมอง ต่อเทวดายกไปดั่งใจปอง อีกสักสองเดือนครึ่งจึ่งจะดี แล้วกราบทูลมูลความไปตามเรื่อง ชะตาเมืองเศร้าหมองไม่ผ่องศรี อย่าเพ่อยกโยธาออกราวี จะเสียทีเปล่าเปล่าไม่เข้าการ จงรอรั้งอย่างทูลมูลเหตุ ขออ่านเวทวิทยาเหมือนว่าขาน ให้ฝนตกท่วมนองดั่งท้องธาร จะบันดาลให้เป็นลมระดมมา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโลกเฉลิมภพ ขจรจบนครินทร์ปิ่นมหา ได้ทรงฟังครูพักตร์จักรา พระปรีดาตรัสตอบว่าขอบคุณ ตามแต่ท่านจะประกอบให้ชอบจิต ไปโดยกิจขาดเหลือได้เกี้อหนุน ท่านจงเอาธุระเดชะบุญ จะได้อุ่นอกอาณาประชากร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายโยธาพวกวาโหม ไปคอยโจมตัดหลังหว่างสิงขร ถูกไฟกรดแล้วพหลพลนิกร ไปซอกซ่อนชายเขาลำเนาเนิน ต้องน้ำฝนโปรยปรายก็หายพิษ ยิ่งแค้นจิตขึ้นลำเนาภูเขาเขิน เก็บก้อนหินศิลาที่หน้าเนิน ตามแผ่นเผินเอามาไว้ได้ทุกคน แล้วก็ทำปีกหางขึ้นอย่างเก่า ครั้นรุ่งเช้าแฝงไม้ในไพรสณฑ์ จึ่งจัดแจงแต่งตัวทั่วทุกคน ทั่งไพร่พลพร้อมทั่วตัวขุนนาง ถือก้อนหินศิลาที่หาไว้ พลางสอดใส่สารพัดจัดปีกหาง แล้วปีนขึ้นยังพื้นนภาพลาง เอาหินขว้างไปในกองแล้วร้องพลัน ว่าฮ้าเฮ้ยพวกฝรั่งอย่านั่งนิ่ง ลุกขึ้นชิงชัยรับเป็นทัพขัน เองก็มีไฟกรดหมดด้วยกัน แต่กูนั้นมีแต่หินก้อนศิลา แล้วโยนลงพร้อมกันสักพันก้อน ถูกนิกรไพร่นายทั้งซ้ายขวา พลฝรั่งตายกลาดดาษดา ที่แขนขาหักบ้างยังไม่ตาย ฯ ๏ บาทหลวงงกตกประหม่าให้ล่าทัพ จะย้อนกลับไปไม่ได้ดั่งใจหมาย ให้รีบเร่งพวกพหลพลนิกาย ไปหาดทรายเต็มกลัวหนังหัวพอง ไม่ออกจากรถฝรั่งนั่งคุดคู้ เงี่ยแต่หูฟังพหลให้หม่นหมอง ให้หวาดไหวไปทั้งตัวหนังหัวพอง พลางก็ร้องเร่งทัพให้ขับพล เกือบจะถึงธารท่าเภตราจอด ให้คนสอดลงไปดูหมู่พหล ฟังเสียงปืนครื้นเครงวังเวงวน แกให้คนตัดทางแยกห่างไป อย่าเพ่อเข้าไปประจบสมทบทัพ ฟังกิตติศัพท์เรื่องราวท้าวโกสัย ให้เร่งทัพขับพหลสกลไกร รีบลงไปกำปั่นมิทันนาน วิ่งเข้าไปท้ายบาหลีเห็นลี้ลับ จิตยังวับหวามหวาดไม่อาจหาญ กลัวอ้ายพวกโยนหินทมิฬมาร จะล้างผลาญชีวิตให้คิดเกรง มันมีปีกบินได้ในอากาศ จึ่งสามารถมารุมกันคุมเหง แต่เดินดินมาสักหมื่นให้ครื้นเครง ที่จะเกรงกลัวณรงค์อย่าสงกา แต่ครั้งนี้สารพัดจะขัดข้อง ทั้งพวกพ้องคนชิดทั้งศิษย์หา มาแข็งขัดเคืองจิตผิดตำรา อ้ายมังคลาเล่าก็หนีเพราะอีเมีย แม้นกูได้ลังกาจะผ่าอก เอาใส่ครกสับคั่วเช่นตั้วเหีย ถึงอ้ายผัวจะมาง้อขออีเมีย จะเมินเสียไม่ขอแลทำแชเชือน แต่ตัวมันเพราะเป็นศิษย์สนิทสนอง หาไม่จะต้องทารกรรมทำให้เหมือน มันมาพูดตอแหลทำแชเชือน เที่ยวบิดเบือนทิ้งกูผู้อาจารย์ แล้วหวนฮึกนึกมานะพระคงช่วย อย่าให้ม้วยชีวังสิ้นสังขาร เราก็ซื่อถือศีลพระวิญญาณ ที่ในการศาสนาคงถาวร แล้วจึ่งสวดคาถาข้างฝาหรั่ง ตั้งแต่ครั้งพระเยซูเป็นผู้สอน ขอให้สมปรารถนาดั่งอาวรณ์ การนครสิงหลอย่าพ้นมือ จะได้ตั้งศาสนาให้ผาสุก บรรเทาทุกข์เหมือนแต่ครั้งฝรั่งถือ ทั้งไพร่บ้านพลเมืองได้เลื่องลือ จะไว้ชื่อเสียงเราเข้าในวงศ์ แกตรองตรึกนึกไปใจละห้อย จนบ่ายคล้อยลับไม้ไพรระหง แล้วเรียกคนมีชื่อที่ซื่อตรง เองเอาธงโบกแม่ทัพให้กลับมา ฯ ๏ ฝ่ายคนใช้รีบไปยังกองทัพ นั่งคำนับบอกไปว่าให้หา พระสังฆราชแม่ทัพเธอกลับมา อยู่เภตราลำใหญ่รีบไปพลัน ท้าวโกสัยไต่ถามเป็นความลับ ทำไมกลับมาก่อนคิดผ่อนผัน จงให้เลิกพลไกรไปด้วยกัน หรือจะมั่นอยู่อย่างไรไปแต่เรา คนที่มาว่าไปแต่ตัวท่าน จะตั้งมั่นยับยั้งคอยฟังเขา แต่ตัวท่านสั่งให้ไปกับเรา อย่าเพ่อเอากองทัพถอยกลับไป สั่งให้ตรวจตรากันมั่นอยู่นี่ ต่อพรุ่งนี้จึ่งมาที่อาศัย พวกที่อยู่ยับยั้งระวังภัย เราจะไปฟังท่านผู้บัญชา ครั้นสั่งเสร็จรีบมาหาบาทหลวง เห็นนั่งง่วงผินหลังเข้าข้างฝา จึงเข้าไปไต่ถามตามสงกา เจ้าคุณมาราชการสถานใด ฯ ๏ บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยออศิษย์หา กูรบราพวกพหลทนไม่ไหว เอาน้ำมันกรดสาดฟาดเข้าไป พวกทัพไทยแตกย่นไม่ทนทาน พากันแตกกลับไปเข้าในด่าน ฝ่ายทหารพวกเราตามเผาผลาญ พอฝนตกหนาวล้นเหลือทนทาน จะหักหาญเข้าไปก็ใช่ที จึงถอยทัพกลับมาตั้งอยู่ตีนเขา ครั้นรุ่งเช้ามืดมัวทั่ววิถี ยังมีพวกโจรป่ามาราวี แต่มันมีปีกหางมาทางบน เอาก้อนหินศิลาลงมาขว้าง โดยนภางค์เมฆาเวหาหน ถูกทหารล้มตายถึงวายชนม์ ไม่รู้กลตายกลาดดาษดา จะย้อนทัพกลับหลังมันตั้งมั่น อยู่เขตคันกักทางไว้ข้างขวา เหลือกำลังพวกพหลพลโยธา เพราะมันมาบนอากาศประหลาดใจ ต้องล่าทัพกลับมาเภตราก่อน คิดผันผ่อนดูแลได้แก้ไข เองจะช่วยคิดอ่านสถานใด จงว่าไปให้กระจ่างในทางความ ฯ ๏ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกตั้งคาดคั้นขู่กระทู้ถาม เป็นจนใจไม่รู้แห่งจะแจ้งความ แกซักถามว่ากระไรจึงให้การ ท้าวโกสัยไหวปัญญาปรีชาฉลาด ดูสังฆราชวุ่นวายหลายสถาน จำจะแก้แผลคันในสันดาน ฟังอาการกิริยาแล้วว่าวอน ว่าข้าแต่ท่านครูผู้แม่ทัพ จะบังคับก็จะฟังท่านสั่งสอน ไม่หลบลี้หนีแชท่าแง่งอน คงผันผ่อนตามท่านผู้บัญชา ฯ ๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มใจค่อยวายทุกข์ เขาขยุกเข้าที่คันก็หรรษา แกตบมือดีหนออ้ายพ่อตา มีปัญญาดีจริงยิ่งบุคคล เออเช่นนี้จึ่งจะว่าพระยาเอก ควรจะเสกให้เป็นเจ้าชาวสิงหล มึงอย่าได้นึกแหนงระแวงวน คงได้ผลได้ประโยชน์จะโปรดมึง เอาให้ได้ชั้นฟ้าสุธาทิพย์ ที่ลอยลิบอย่าพะวงส่งให้ถึง ขอแต่เพียงสัตย์ซื่ออย่าดื้อดึง กูกับมึงร่วมจิตชีวิตเดียว ท้าวโกสัยคำนับรับธุระ แกร้องฮะมึงก็ปราชญ์ฉลาดเฉลียว เออเช่นนี้ดีครันขยันเจียว ไม่บิดเบี้ยวถือมั่นเหมือนสัญญา นี่แน่เฮ้ยแยบคายอุบายนี้ เห็นคงที่จริงแท้แน่แล้วหวา กูจะคิดบำรุงจะหุงยา ให้นิทราหลับใหลคงได้การ เข้าเหนือลมระดมเป่าเข้าให้พร้อม แล้วจึ่งอ้อมใช้พหลพลทหาร เข้าตัดตีหลังค่ายคงได้การ อย่านิ่งนานมาไปปรุงคิดหุงยา แกจัดเครื่องเบื่อเมาทำเตาเสร็จ กลเม็ดหลายหลากมากนักหนา แล้วสุมให้เป็นเถ้าเคล้าสุรา ตามตำราใส่กล้องเป่าลองดู คนในลำกำปั่นถูกควันง่วง เข้าจับดวงจิตออกกระบอกหู ให้หาวนอนอ่อนเหมือนว่าตำราครู ลงง่วงอยู่กับถิ่นสิ้นกำลัง จะแก้ได้ก็แต่หวานน้ำตาลสด เอากลิ่นรสหยอดเข้าไปเหมือนใจหวัง นั่นแหละจึ่งจะหายคลายประทัง แกจึ่งสั่งให้แก้พวกแน่ไป ฝรั่งเอาน้ำตาลที่หวานจัด เอาน้ำหยัดหยดลงไม่สงสัย พวกที่เมาถูกน้ำตาลหวานเข้าไป ก็หายในประเดี๋ยวนั้นดั่งบัญชา ฯ ๏ บาทหลวงเห็นยินดีเป็นที่ยิ่ง คงสมสิ่งมุ่งมาดปรารถนา จึ่งว่าในเกาะประเทศเขตลังกา อยู่ในฝ่ามือแล้วไม่แคล้วเลย แต่ป่างก่อนช่างกระไรมิได้คิด ช่างมืดมิดบังเงาแม่เจ้าเอ๋ย เอออ้ายท้าวโกสัยกระไรเลย บุญเอ็งเคยได้บำรุงซึ่งกรุงไกร เผอิญกูตรึกตรองเห็นช่องแล้ว สว่างแผ้วราวกับเขียนวิเชียรใส ที่ทุกข์ร้อนก่อนเก่าบรรเทาใจ เองเร่งไปตรวจดูหมู่นิกร ทหารรบเรือแพจงแก้ไข ให้พร้อมไว้ตามหมู่เช่นกูสอน ค่ำพร่งนี้จะได้ตีด่านนคร เป็นการร้อนรีบไปดังใจจง ท้าวโกสัยคำนับกลับไปที่ พอราตรีถึงที่ตั้งอย่างประสงค์ จึงตรวจเหล่าเกณฑ์หัดจัตุรงค์ ให้ล้อมวงนั่งยามตามอัคคี ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงอิ่มใจดั่งได้แก้ว สว่างแผ้วแจ่มจำรัสรัศมี ครั้นพลบค่ำสนธยาในราตรี แกเปรมปรีดิ์ในใจเห็นได้เมือง เล่นอ้ายพวกประจามิตรที่คิดคด จะแทนทดกันสิหวาให้ตาเหลือง คงสมคิดตอบแทนที่แค้นเคือง ให้ลือเลื่องมนต์กูผู้อาจารย์ พลางเข้าในท้ายบาหลีคลี่ตำรับ แล้วนั่งนับเกณฑ์ลังกามหาศาล เห็นจะตั้งยืนยงคงอยู่นาน มาเสียการก็เพราะไทยเป็นไพรี อันตัวกูผู้จะตั้งศาสนา ขอเทวาช่วยบำรุงซึ่งกรุงศรี ให้ชนะศัตรูกู้บูรี อย่าให้มีกีดขวางทางประจญ แล้วเอนอิงพิงหมอนด้วยอ่อนหิว วิเวกหวิวรวนเรระเหระหน พลางหยิบขวดบรั้นดีที่ชั้นบน ให้หาคนพ่อครัวมาคั่วเจียว เครื่องกับข้าวเอามาตั้งบนโต๊ะใหญ่ ทั้งเป็ดไก่หวานคาวกับข้าวเหนียว หยิบสุรามารินกินคนเดียว เครื่องคั่วเจียวเป็ดแกล้มหมูแนมญวน กินจนเมาหาวเรอกะเพ้อกะพก ความวิตกไม่รู้สิ้นถวิลหวน กำลังเมาเร่าร้อนลงนอนครวญ ให้อักอ่วนอยู่ในจิตคิดคะนึง น้อยหรืออ้ายมังคลาสานุศิษย์ มันคบคิดหนีกูรู้ไม่ถึง ประมาทหมิ่นลิ้นพาลสันดานดึง ใช่จะพึ่งบุญญาบารมี แล้วหวนฮึกนึกมานะพระเจ้าขา ขอให้ข้าสิ้นทุกข์เป็นสุขี จะไปปราบศัตรูหมู่ไพรี อย่าให้มีแค้นเข็ญจงเย็นใจ แล้วลุกจากเก้าอี้เดินชี้นิ้ว ให้หวิวหวิวหวั่นจิตคิดสงสัย กลัวอ้ายพวกทิ้งศิลาระอาใจ แกจึ่งให้ขี่รถหมดด้วยกัน แล้วขึ้นบกยกถ้วนโยธาหาญ ไปต้านทานต่อแย้งให้แข็งขัน พลางหยิบขวดยาสะกดหมดด้วยกัน แล้วผายผันขึ้นรถหมดทุกคน พลางเดินทัพขับม้าเข้าหน้าค่าย ท้าวโกสัยออกมารับอยู่สับสน เชิญบาทหลวงเข้าในห้องอยู่สองคน แล้วคิดกลที่จะรับกองทัพไทย บาทหลวงว่าอย่าสลดจงอตส่าห์ แม้นลมมาเป่าสำทับคงหลับใหล ในคราวนี้รอดตัวอย่ากลัวใคร เอาให้ได้เมืองด่านชานบุรี จะออกรบดูลมเร่งสมทบ อย่าหลีกหลบเร่งรับดั่งทัพผี แม้นเพลี่ยงพล้ำซ้ำเติมให้เต็มที ชิงบุรีให้กระทั่งถึงลังกา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร กับราชบุตรวายุพัฒน์ให้จัดหา พวกพหลคนดีมีวิชา เห็นทัพซาหยุดไปเป็นหลายวัน จงเร่งไปสืบข่าวเหล่าฝรั่ง ไปคอยฟังดีร้ายเร่งผายผัน การอุบายหลายหลากมันมากครัน ไปให้ทันค่ำวันนี้ที่ชุมนุม ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลนายทัพรับอาสา รีบออกมาแต่งตัวแล้วมั่วสุม ได้เพื่อนกันหกนายไปชุมนุม แอบสุมทุมภาวนามหามนต์ แล้วแฝงกายรายฟังกิตติศัพท์ แม้นตรวจทัพแจกหมวกพวกพหล กับยาเมาที่จะเป่าทั่วทุกคน ให้ไพร่พลเตรียมตัวทั่วทุกกอง พวกนายหมวดตรวจพหลพลรบ มาสมทบเร่งกันผันผยอง เสนานายฝ่ายฝรั่งให้ตั้งกอง เป็นสิบสองทัพประจบครบกระบวน แล้วสั่งกันวันพรุ่งนี้จะกรีทัพ ไปตั้งรับคอยระดมเมื่อลมหวน จะเป่ายาเข้าไปในกระบวน แล้วจึ่งสวนเข้าไปไล่ประจญ พวกมันเมาเอาไฟเข้าไล่จุด ตีให้หลุดแหกเข้าด่านชานสิงหล พวกที่ไปสืบดูรู้ทุกคน ที่ในกลข้าศึกมันตรึกตรอง แล้วชวนกันรีบออกมานอกค่าย ต่างเรียงรายเข้าประมูลทูลฉลอง ตามที่ได้รู้ความตามทำนอง มันตรึกตรองยาเมาจะเป่าควัน ฯ ๏ ป่างพระจอมนฤบาลชาญสนาม ครั้นทราบความสั่งพหลพลขันธ์ ให้ปลูกเป็นหอรบขึ้นครบครัน อย่าให้ทันรุ่งรางสว่างตา เอาผ้าขาวยาวใหญ่ทำใบขึง เอาสายตรึงโยนแขวนไว้แน่นหนา คอยบังลมโบกปัดจะพัดมา กับพิษยาโบกไปให้ไกลคน แล้วสั่งให้ขนน้ำมาตั้งไว้ ใส่โอ่งไหถ้วนทั่วตัวพหล เอาฝาปิดรายรอบไว้ชอบกล สำหรับคนล้างตัวที่มัวเมา ครั้นเสร็จสรรพขับพหลพลรบ ประจำครบชักสายบนปลายเสา คอยหันกลับรับล่างอย่างสำเภา เมื่อลมเป่าจะได้ปัดพัดกระพือ คอยระวังนั่งรอบตามขอบค่าย เกณฑ์พวกไพร่อย่าให้หลับจับสายถือ แล้วจัดพวกคนดีมีฝีมือ ให้นั่งถือแหลนหลาวทั้งง้าวทวน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายท่านครูผู้วิเศษ ไหว้เทเวศร์วัชรินทร์พระอินทร์ศวร เข้าพิธีพลีกรรมตามกระบวน คำรบถ้วนตามตำรับฉบับครู มหาเมฆตั้งมาบนอากาศ สุนีบาตเปรี้ยงลั่นสนั่นหู พิรุณโรยโปรยปรอยเป็นฝอยฟู เสียงอู้อู้ลมแดงดั่งแสงเพลิง จวนจะรุ่งสุริยาบนอากาศ แต่ฝนสาดจานเจือจนเหลือเหลิง จนรุ่งฉายสายกระสินธุ์ไม่สิ้นเชิง เป็นน้ำเจิ่งท่วมนองท้องสุธา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ครั้นเห็นดวงสุริยนบนเวหา ให้เตรียมพวกพลไกรจะไคลคลา จัดหยูกยาเครื่องสะกดหมดทุกคน จะยกออกต่อสู้หมู่ข้าศึก ต่างเหิมฮึกแต่เห็นยังกำลังฝน จะคิดเป่ายาเบื่อยังเหลือทน เพราะว่าฝนยังไม่หยุดสุดอาวรณ์ จะทำการไม่ถนัดยังขัดข้อง ฟ้ายังร้องก้องดังฝั่งสิงขร คอยฝนหายจะขยายพลากร กลับเข้านอนอยู่ห้องมองตำรา จนบ่ายแสงทินกรอาวรณ์หวัง ไม่สมดั่งมุ่งมาดปรารถนา ฤดูนี้ใช่ฝนจนปัญญา ไยจึงมาตกพรำจนย่ำเย็น เห็นผิดเพศเหตุไรไฉนหนอ มาเกิดก่อเย็นฉ่ำจะทำเข็ญ หรือว่าพระวิญญาณบันดาลเป็น คิดไม่เห็นครั้งนี้ที่มีมา ขอองค์พระเยซูมาชูช่วย ให้รื่นรวยสมมาดปรารถนา จะได้ปราบพวกไทยในลังกา ศาสนาเราจะกู้ให้อยู่เย็น จับอ้ายพวกประจามิตรที่คิดคด มาแทนทดเพราะแสนที่แค้นเข็ญ จงบันดาลการร้อนให้ฝอนเย็น การที่เป็นฝนปรายให้หายไป ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูจักราพฤฒาเฒ่า ก็ตั้งเข้าอ่านเวทข้างเพทไสย พลกรรมร่ำภาวนาไป ฝนมิได้ขาดเม็ดถึงเจ็ดวัน ด้วยมนต์ดลคาถาวิชาขลัง เป็นน้ำขังทั่วไปทั้งไอศวรรย์ แล้วเกิดเป็นลมกล้าสลาตัน ทั้งป่วนปั่นในนภางค์กลางทะเล กำปั่นรบเรียงรายอยู่ชายหาด สมอขาดปะกันบ้างหันเห คลื่นกระแทกกระทบไหวดั่งไกวเปล คนก็เซซบเมาอดข้าวปลา พวกต่างเมืองแต่บรรดาที่มาช่วย ก็เจ็บป่วยหลายหลากมากนักหนา ก็อ่อนจิตคิดจะกลับไปพารา จึงปรึกษาหมื่นขุนพวกมุลนาย ฯ ๏ ท้าววะลำสำปันหนาชวาฉวี จึ่งให้มีหนังสือไปให้สหาย ว่าผู้คนป่วยไข้ไม่สบาย ทั้งล้มตายเสียก็มากได้ยากเย็น แล้วเดี๋ยวนี้ฝนฟ้าก็สาหัส คลื่นก็จัดยากแค้นถึงแสนเข็ญ ทั้งอดน้ำอดข้าวทั้งเช้าเย็น ทหารเป็นเหน็บตายเสียหลายพัน พอเขียนเสร็จสั่งให้คนไปบนบก ตามวิตกเย็นร้อนคิดผ่อนผัน พวกคนใช้ผู้ถือหนังสือพลัน ก็ชวนกันเข้าไปแจ้งแห่งคดี ฯ ๏ ท้าวโกสัยไต่ถามตามกระแส จึงรีบแก้ผนึกพลันตามสารศรี ให้คนงานอ่านคำนำคดี ในสารศรีพระสหายถวายมา ให้ทราบความตามเรื่องที่เคืองขัด มาวิบัติไพร่นายตายนักหนา ทั้งป่วยไข้หลายพันตันอุรา เป็นเหน็บชาหลายอย่างต่างต่างกัน จะขอลาไปรักษาทหารก่อน กลับนครกรุงไกรไอศวรรย์ พอหายเจ็บเหน็บชาสารพัน จึ่งจะผันผ่อนมาช่วยราวี แม้นจะอยู่สู้ใครก็ไม่รอด ลงนอนทอดทับทบดั่งศพผี ขอสหายกรุณาได้ปรานี วันพรุ่งนี้แหละจะลาท่านคลาไคล ฯ ๏ พอจบสารท้าววะลำสำปันหนา บาทหลวงมาแล้วจึ่งแจ้งแถลงไป แกตบอกผางผางเป็นอย่างไร เสียน้ำใจแทบชีวิตจะปลิดปลง ได้อ้ายพวกเหล่านี้เป็นที่พึ่ง เปรียบเหมือนหนึ่งพุ่มไม้ไพรระหง พอบังแสงพระอาทิตย์ดั่งจิตจง เป็นป้อมวงโล่ดั้งกำบังกาย จะขืนเอามันไว้ไหนจะอยู่ ด้วยคนผู้เจ็บช้ำระส่ำระสาย เฮ้ยอ้ายท้าวโกสัยทั้งไพร่นาย กอดกันตายมึงกับกูอยู่ด้วยกัน ชีวิตเดียวเคี่ยวขับอย่ากลับถอย ถึงคนน้อยเอาให้ได้ไอศวรรย์ มีความรู้อยู่กับตัวอย่ากลัวมัน คิดผ่อนผันกว่าจะสมอารมณ์ปอง ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกองอาจเหลือดีไม่มีสอง เพราะยังไม่เคยดูรู้ทำนอง ก็จำต้องส่งท้ายเหมือนพายเรือ บาทหลวงชอบวิญญาณ์ว่ากล้าหาญ อ้ายนี่นานไปจะดีอารีเหลือ คงจะได้ถิ่นฐานสืบว่านเครือ ไว้เป็นเชื้อสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายท้าววะลำสำปันนา ถอยเภตราล่องไปจากไอศูรย์ พายุปัดซัดไปเกาะไพฑูรย์ ข้างทิศบูรพ์แล่นมาสิบห้าวัน ไม่พบฝั่งวังเวงวิเวกจิต สังเกตทิศมืดมัวทั่วสวรรค์ ไม่เห็นแสงสุริยาฟ้าเป็นควัน จะด้นดั้นแล่นไปก็ใช่ที ให้ทอดลำกำปั่นทั้งพันเศษ เหลือสังเกตที่จะไปในวิถี ให้ล้มแกะแพะบวงสรวงพลี ตามวิธีข้างชวามะลายู แล้วก็ตีรำมะนาภาษาเขา เหมือนไหว้เจ้าสารพัดขาดแต่หมู แล้วสวดคำตามภาษามลายู เชิญท่านผู้อารักษ์ช่วยทักทาย ฯ ๏ จะกล่าวถึงเจ้ามหิงขสิงขร อยู่ชะง่อนเขาไพฑูรย์จำรูญฉาย อันศักดิ์สิทธิ์ฤทธิแรงสำแดงกาย ดูเป็นสายจากเขาลำเนาเนิน สว่างช่วงร่วงรุ้งพุ่งออกจาก เชิงชะวากยอดลำเนาภูเขาเขิน ดูรูปการคล้ายกับหุ่นรุ่นจำเริญ ลอยมาเดินอยู่ที่เสาบนเพลาใบ แล้วร้องบอกตามภาษาชวาฉวี เองมานี่จะไปหนตำบลไหน หรือหลงทางกลางมหาชลาลัย เร่งบอกไปกับกูให้รู้ความ ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าวะลำสำปันหนา ฟังเทวากล่าวกลอนสุนทรถาม จึงกล่าวคำร่ำแสดงให้แจ้งความ ข้าแล่นข้ามมาแต่ฝั่งเกาะลังกา ด้วยสหายมีสารวานไปรบ ช่วยสมทบรบพุ่งยุ่งนักหนา บังเกิดฝนคนเจ็บเป็นเหน็บชา ต้องกลับมาคนตายลงหลายพัน จะกลับไปบ้านเมืองเพราะเคืองเข็ญ แลไม่เห็นมืดสิ้นดินสวรรค์ ทั้งมหาสาคเรศขอบเขตคัน อาทิตย์จันทร์มิได้เห็นเป็นพิกล ฯ ๏ ฝ่ายมหิงขสิงขรเทวบุตร ก็ทราบสุดเขาแถลงแห่งนุสนธิ์ จึ่งว่าท่านอย่าไปจะวายชนม์ อันสิงหลคนเขาดีมีวิชา ใครชิงชัยไม่ชนะคงจะแพ้ เป็นเที่ยงแท้บุญเขามากยากนักหนา เปรียบอย่างจอมจุลจักรมีศักดา ทั้งชะตาผู้บำรุงก็รุ่งเรือง จงกลับไปนคราให้ผาสุก อย่าไปรุกรบราให้ตาเหลือง กลับไปอยู่ถิ่นฐานครองบ้านเมือง ไม่ได้เรื่องอย่าไปช่วยให้ป่วยการ พลางก็ชี้แถวทางกลางกระสินธุ์ กลับไปถิ่นนคเรศประเทศสถาน ไปทางทิศข้างอุดรผ่อนสำราญ ไม่ช้านานก็จะถึงอย่าพึงแคลง แล้วเทวาจึ่งเหาะไปเกาะใหญ่ เมื่อลอยไปเห็นสว่างกระจ่างแสง ครั้นถึงยอดเกาะใหญ่เหมือนไฟแดง แล้วหายแสงไปกับเขาลำเนาเนิน พวกกำปั่นพันลำยกมือไหว้ เทพไทเจ้าเกาะเมื่อเหาะเหิน แล้วชักใบแล่นมาตามหน้าเนิน พ้นเขาเขินหมายทางข้างอุดร พอเห็นดวงสุริยาภาณุมาศ ขึ้นโอภาสแจ่มจำรัสประภัสสร สุดสิ้นแสงสุริยาดารากร ศศิธรแจ่มกระจ่างดังกลางวัน ที่มืดมนอนธการบันดาลหาย ทั้งไพร่นายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ พลางแล่นลัดตัดมาได้ห้าวัน ถึงเขตคันนคเรศประเทศตน ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญฌานกสิณ พอครบสิ้นวันพิธีที่ขอฝน ก็ออกจากบัดพลีที่มณฑล พายุฝนหายพลันไปทันที ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสกับเสนาบดีศรี ยังไปสิ้นสงครามจะตามตี ให้ไพรีย่อยยับอัปรา จึงตรัสกับจักราพฤฒาเฒ่า ว่าตัวเราจะยกไปอย่างไรหนา จะสิ้นเคราะห์หรืออย่างไรในตำรา ท่านจงหาฤกษ์ดูให้รู้ความ ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท ได้ทราบเหตุโดยอย่างรับสั่งถาม ก็คูณหารจันทร์ลัคน์ประจักษ์ความ แล้วทูลตามตำรับฉบับครู ถึงจะยกออกไปไม่ชนะ ด้วยว่าพระเสาร์กลับทับราหู แล้วก็ร่วมธาตุติดมฤตยู จันทร์ก็อยู่มังกรมักร้อนใจ ทั้งลัคนามาอยู่ธนูด้วย มักเจ็บป่วยไม่สู้ดีคัมภีร์ไสย เขาทายตามลัคน์จรมักร้อนใจ อย่าเพ่อไปจากประเทศเขตนคร ฯ ๏ พระทรงฟังอาจารย์แกทานทัด โองการตรัสกับพระหลานชาญสมร เราก็ควรจะหยุดสุดสาคร เจ้ารีบจรไปรักษาเมืองป่าตาล หัสไชยไปด้วยได้ช่วยพี่ อันเมืองนี้ใกล้ลังกามหาสถาน อาจจะอยู่รักษาหน้าปราการ ที่ชายด่านคงคาชลาลัย สินสมุทรวายุพัฒน์คอยตัดทัพ ไปคอยรับอยู่ที่ท่าชลาไหล แม้นข้าศึกฮึกหาญประการใด จะบอกไปให้เจ้ากลับมารับรอง ฯ ๏ สุดสาครหัสไชยเกณฑ์ไพร่พร้อม ทูลลาจอมภพไกรไปทั้งสอง เป็นทัพบกยกไปดั่งใจปอง ไปกักช่องพาราเมืองป่าตาล ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง ครั้นเห็นดวงสุริยงส่งแสงฉาน ที่มืดมัวฟ้าฝนอนธการ ก็บันดาลหายไปเห็นได้การ ปรึกษาท้าวโกสัยเห็นได้ช่อง จัดแจงกล้องเป่ายาแล้วว่าขาน แต่ทัพเรือเหลืออยู่ดูอาการ จะหักหาญทางน้ำประจำคน จงเตรียมเรือเหนิอใต้ไว้ให้พร้อม เราจะอ้อมตีตัดแม้นขัดสน จงคอยช่วยอุดหนุนพวกขุนพล ได้ประจญรบรับกองทัพไทย แกสั่งเสร็จให้เสมียนเขียนหนังสือ เร่งให้ถือลงไปแจ้งแถลงไข ลงไปลำกำปั่นด้วยทันใด บอกนายไพร่แต่บรรดาพวกมาเรือ แล้วหยิบธงส่งให้คนใช้รับ อาญาทัพบอกไปทั้งใต้เหนือ เครื่องอาวุธอย่างบังคับแม่ทัพเรือ ใครขาดเหลือหาใส่ในกระบวน เสนารับจับธงตรงไปสั่ง คอยระวังตามระบอบเร่งสอบสวน สั่งทหารฝ่ายหน้าเวลาจวน ตั้งกระบวนตามบังคับคอยรับรอง แล้วกลับมาโดยบังคับแม่ทัพสั่ง บาทหลวงนั่งเร่งรัดให้จัดของ เครื่องอาวุธยุทธนาขนมากอง ขุนนางรองแจกทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ ครั้นฤกษ์ดีตีกลองร้องประกาศ ขุนอำมาตย์พร้อมพรั่งทั้งพหล พอสายัณห์ตะวันตกเร่งยกพล เหล่าพหลเดินกระบวนถ้วนทุกคน บาทหลวงขึ้นรถฝรั่งนั่งกำกับ เป็นแม่ทัพตรวจดูหมู่พหล ท้าวโกสัยต้อนหลังระวังพล ขับพหลจัตุรงค์ทรงอาชา เหน็บกระบี่ฝักทองกล้องสลัด ใส่หมวกปัสวะหล่ำงามนักหนา สำหรับที่ไทท้าวเจ้าลังกา ถือเช็ดหน้าโหมดเทศข้างเพศตัว ใส่เสื้อดำกำมะหยี่อย่างฝรั่ง บาทหลวงตั้งให้เป็นใหญ่ถือไม้ตั๋ว บังคับคนเชื่อฟังฝรั่งกลัว รู้กันทั่วแต่บรรดาเสนานาย ยกพหลพลทัพมาคับคั่ง ถึงกระทั่งล้อมค่ายดั่งใจหมาย ทุกหมู่หมวดตรวจพหลพลนิกาย ให้ตั้งรายเรียงไปในกลางคืน ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร สั่งให้จุดปืนสัญญาไม่ฝ่าฝืน เร่งพหลพลทหารชำนาญปืน ให้ออกยืนหน้าค่ายรายระวัง พลโล่โตมรศรกำซาบ ทั้งดั้งดาบง้าวทวนกระบวนหลัง ทหารหอกออกหน้าดาประดัง พร้อมสะพรั่งแสนยาพลากร วายุพัฒน์ราชบุตรสุดสวาท ไม่ห่างบาทบพิตรอดิศร สองพระองค์ทรงกัณฐัศว์อัสดร คอยขับต้อนกองหัดทั้งจัดเจน อ้ายยักษ์หมีถือกระบองมองเขม้น ทั่งโลดเต้นดาแดงดั่งแสงเสน เดินข้างม้ากัณฐัศว์ทั้งจัดเจน ทหารเขนหนุนหลังระวังภัย ยกออกมาหน้าค่ายไฟสว่าง แลสล้างดาษดาสุธาไหว โห่สนั่นครั่นครั้นยิงปืนไฟ พลไพร่กองหน้าเข้าราวี ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชชาติอังกฤษ กำเริบจิตปรีดิ์เปรมเกษมศรี ไล่ทหารกองหน้าเข้าราวี เร่งให้ตีกลองรบสมทบพล ยิงปืนตับคาบชุดอาวุธสั้น เข้าโรมรันเร่งทัพขับพหล เสียงตูมตึงผึงผางทางประจญ ถูกไพร่พลทั้งสองฝ่ายตายเป็นเบือ แกเร่งพวกเป่ายาเข้ามาพร้อม สั่งให้อ้อมหลีกไปข้างฝ่ายเหนือ แม้นลมล่องเป่าประสานให้จานเจือ ขึ้นข้างเหนือน้ำร่ำกระหน่ำไป แกสั่งเสร็จพวกทหารชาญสมร ก็รีบร้อนเดินเรียงเคียงไสว ที่รบรับสัประยุทธ์โยนชุดไฟ แต่ชิงชัยกันจนดึกเสียงครึกโครม พอลมล่องกองยาพากันเป่า พร้อมกันเข้าหลายคันเป็นควันโหม ดูเหมือนหมอกหอบน้ำค้างกลางโพยม มันประโคมเป่าลงเป็นผงคลี ถูกพหลพลไพร่มิได้รู้ ลงง่วงอยู่ริมทางกลางวิถี พวกฝรั่งไล่บุกเข้าคลุกคลี สกัดตีแตกยับทั้งทัพไทย ฯ ๏ สินสมุทรถอยทัพกลับเข้าค่าย ทั้งไพร่นายนอนซบสลบไสล ให้ง่วงเหงาหาวนอนทั้งอ่อนใจ บ้างหลับไม่รู้ตัวลงมัวเมา สินสมุทรวายุพัฒน์กษัตริย์สอง ให้หม่นหมองในพระทัยดังไฟเผา ขึ้นพลับพลาหน้าหอรบลงซบเซา ให้มึนเมาหลับสนิทดั่งนิทรา แต่อ้ายยักษ์มักกะสันมันไม่แพ้ คอยดูแลไพร่นายทั้งซ้ายขวา ถือกระบองเดินไขว่อยู่ไปมา ตามข้างหน้าหอรบทำหลบลวง ฯ ๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชชาติอังกฤษ เห็นสมคิดจะเอาไฟเผาค่ายหลวง จึงเร่งทัพขับไพร่ไล่ทะลวง เห็นคนง่วงเงียบไปทั้งไพร่นาย ไม่โงหัวออกรบสลบนิ่ง เหมือนขอนทิ้งกลิ้งอยู่ดูเกลื่อนค่าย ด้วยฤทธิ์ยาพาหลับเหมือนกับตาย เพราะอุบายกูแน่ไม่แพ้คน สมความคิดจิตเปรมเกษมสุข สว่างทุกข์เรียกเหล่าชาวพหล จึ่งให้ยกเข้าไปพร้อมไพร่พล แกเร่งคนเร็วราอย่าช้าที พลางเรียกท้าวโกสัยไวไวหวา อย่านิ่งช้าจะสว่างกลางวิถี สมความคิดรีบเข้าไปจับไพรี ไปทั้งที่กลางชลาให้ปลากิน พวกพหลพลฝรั่งสะพรั่งพร้อม เข้าแวดล้อมค่ายหน้าชลาสินธุ์ กรูเข้าไปในด่านชานบุรินทร์ เห็นคนสิ้นสติหลับทั้งทัพไทย อ้ายยักษ์หมีเห็นคนมาล้นหลาม ขู่ค่ารามแกว่งขวานสะท้านไหว ออกโลดเต้นเข่นเขี้ยวประเดี๋ยวใจ เข้าลุยไล่พวกฝรั่งไม่รั้งรอ เอาขวานฟันหันหกผงกผงะ ไล่ฟันฉะวิ่งแยกแตกกันสอ ฝรั่งเอาง้าวฟันถูกก้านคอ มันหัวร่อเสียงดังก้องกังวาน เอาปืนยิงตูมตึงเสียงผึงโผง ถูกซี่โครงมันไม่เข้าเหล่าทหาร ระดมยิงพร้อมกันประจัญบาน มันเอาขวานฟันตายลงก่ายกอง แย่งเอาเครื่องสาตราทั้งอาวุธ ปืนคาบชุดชิงเอาจากเจ้าของ พวกฝรั่งวิ่งกลัวหนังหัวพอง บาทหลวงร้องจับให้ได้เอาไฟโยน น้ำมันกรดสาดไปเป็นหลายครั้ง มันเอาหนังปัดโลดกระโดดโผน ไม่ถูกต้องว่องไวมันไล่โจน ควักเอาโคลนดับหายสบายใจ คนที่กรูเข้าไปอยู่ไม่รอด วิ่งเล็ดลอดออกมาหาที่อาศัย มันฆ่าตายหลายร้อยต้องถอยไป จนอุทัยรุ่งรางสว่างตา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ แต่หัวค่ำเสียงพื้นแต่ปืนผา ให้คนใช้ไปด่านชานชลา สืบกิจจาเหตุการณ์สถานใด ครั้นแจ้งความรีบไปเข้าในด่าน เอาข้อการทูลแจ้งแถลงไข ศรีสุวรรณนิ่งอึ้งตะลึงตะไล ตกพระทัยเพียงจะดิ้นสิ้นชีวง แล้วสั่งพวกเสวกาพฤฒามาตย์ ไปบอกราชนัดดาในป่าระหง ว่าเชษฐาออกประจญรณรงค์ ให้งวยงงเมาหลับทั้งทัพไทย ฯ ๏ ฝ่ายเสนาข้าทูลละอองบาท พอภาณุมาศไตรตรัสจำรัสไข ขึ้นควบขับจับม้ารีบคลาไคล ตามออกไปถึงหน้าเมืองป่าตาล สุดสาครหัสไชยตื่นไสยาสน์ พร้อมอำมาตย์เสวกาที่หน้าฉาน พอม้าใช้ไปแถลงแจ้งอาการ ทูลพระผ่านนคเรศเขตลังกา ตามเรื่องต้นหนหลังอย่างที่กล่าว นำเอาข่าวทรงเดชพระเชษฐา ด้วยพระจอมจัตุรงค์องค์พระอา ให้เชิญฝ่าพระบาทไปปราบไพริน สุดสาครหัสไชยพระทัยหาย รีบผันผายกลับหลังอย่างถวิล เลิกพหลพลมายังธานินทร์ ครั้นถึงถิ่นเข้าเฝ้าพระเจ้าอา ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสเศร้าสร้อยละห้อยหา ว่าหลานเอ๋ยพี่ชายกับนัดดา ไปปราบข้าศึกข้างฝ่ายริมชายชล ถูกยาเบื่ออ้ายฝรั่งสังฆราช ลงนอนกลาดกลิ้งเกลือกเสลือกสลน พ่อกับอามาไปกับไพร่พล จะได้ขวนขวายแก้ที่แน่ไป เชิญท่านครูผู้เฒ่าเอาไปด้วย จะได้ช่วยผันแปรคิดแก้ไข ครั้งนี้เป็นการร้อนอย่านอนใจ พลางยกไปจากด่านชานบุรี สามพระองค์ทรงพระยาอาชาชาติ ล่วงลีลาศจากทางหว่างวิถี ครั้นถึงในค่ายชลาหน้าบุรี เข้าไปที่พลับพลาแล้วจาบัลย์ เห็นหลานรักหลับนิ่งพิงเขนย ตระกองเกยช้อนเศียรแล้วรับขวัญ อาดูรดิ้นดั่งจะสิ้นชีวาวัน พลางรำพันความหลังนั่งประคอง สินสมุทรนัดดาของอาเอ๋ย จะละเลยพงศ์เผ่าให้เศร้าหมอง มาเป็นกรรมทำศึกไม่ตรึกตรอง จนหม่นหมองรันทดสลดลง พระร่ำเรียกสักเท่าไรไม่รู้สึก ทรวงสะทึกถอนพระทัยอาลัยหลง พ่อดับสูญชีวิตถึงปลิดปลง อาก็คงตายตามยามกันดาร พ่อเพื่อนยากจากไปมิได้กลับ อนาถนับคืนวันโดยสัณฐาน แล้ววางองค์ลงกับแท่นแสนรำคาญ มาดูหลานวายุพัฒน์ยิ่งอัดทรวง สุดสาครหัสไชยไห้สะอื้น ปลุกไม่ฟื้นเสียพระทัยเป็นใหญ่หลวง พลางโศกาอาลัยที่ในทรวง ให้เหงาง่วงเศร้าพระทัยไม่สบาย ฯ ๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร เรียกอ้ายยักษ์หมีมาเวลาสาย แล้วจึ่งถามเหตุผลแต่ต้นปลาย มันบรรยายเล่าแถลงแจ้งคดี พระทราบความถามซักประจักษ์แจ้ง ที่เคลือบแคลงก็ประจักษ์เพราะยักษี จึงตรัสกับพฤฒาเสนาบดี ใครจะมีปัญญาวิชาการ คิดแก้ไขให้นัดดาพ้นอาสัญ จะแปงปันขอบเขตประเทศสถาน ให้กึ่งแดนแทนผู้มีปรีชาชาญ แก้พระหลานเราให้ฟื้นได้คืนคง แล้วตรัสกับจักราพฤฒาเฒ่า แถลงเล่าโดยความตามประสงค์ เชิญท่านดูสินสมุทรภุชพงศ์ จะดำรงชีวันหรือบรรลัย อาจารย์เฒ่าเข้านั่งตั้งสติ ตามลัทธิโดยวิถีคัมภีร์ไสย ก็รู้แท้แน่ตระหนักประจักษ์ใจ จึงทูลไทเจ้าประเทศเขตนคร ไม่ดับสูญจะมีผู้มาชูช่วย ที่จะม้วยมรณังนั่นยังก่อน ไม่เป็นไรในตำราอย่าอาวรณ์ พระเคราะห์จรเข้าซ้ำจึงจำเป็น ข้าพเจ้าเป็นแต่รู้ดูตำรับ จะให้ดับเมาเบื่อเหลือจะเข็ญ เรื่องมดหมอสิ่งไรก็ไม่เป็น จะดับเข็ญเหลือรู้ครูไม่มี พระทรงฟังจักราพฤฒาเฒ่า ยิ่งร้อนเร่าที่ในจิตดังพิษฝี กันแสงพลางทางโศกแสนทวี ไม่รู้ที่จะคิดอ่านสถานใด ฯ ๏ จะกล่าวถึงผีย่าวายุพัฒน์ เขาเคยจัดของเซ่นเป็นนิสัย ถ้วนคำรบเจ็ดวันเข้าทันใด ก็เคยไปรับประทานของหวานคาว แล้วแลรอบขอบเขตประเทศสถาน ปิศาจมารรีบมาแต่ฟ้าขาว ถึงนิเวศน์เขตแคว้นในแดนดาว อันเรื่องราวแจ้งใจเหมือนได้ยิน บุราณว่าหูผีจมูกมด มันรู้หมดอย่างที่ในใจถวิล การที่ในลังกาทั้งธานินทร์ ก็รู้สิ้นรีบไปมิได้นาน เหมือนลมปลิวฉิวถึงมิทันช้า เห็นเมายาเข้าจมูกทั้งลูกหลาน แม้นมิเข้าคนทรงให้วงศ์วาน มันแจ้งการจะไม่แก้ที่แพ้ยา แม้นถ้วนถึงเจ็ดทิวาตาจะบอด ไหนจะรอดชีวังคงสังขาร์ แล้วทำให้เป็นลมระดมมา พัดพลับพลาแทบจะเอนระเนนลง เสียงฮือฮือเป็นพยุระบุระบัด กระพือพัดป่าไม้ไพรระหง ประเดี๋ยวใจเป็นเงาเข้าคนทรง ที่ลมวงเวียนไปก็หายพลัน อ้ายคนดีผีเข้าก็สั่นหรับ นัยน์ตาหลับเคลิ้มไปเหมือนใฝ่ฝัน แล้วจึงว่าฮ้าเฮ้ยเจ้าพวกเผ่าพันธุ์ ไม่แก้กันก็จะตายวายชีวง กูนี้หรือคือแม่สินสมุทร จะม้วยมุดอย่าไว้ใจอย่าใหลหลง เร่งแก้ไขเสียให้หมดจะปลดปลง จึงจะคงชีวาไปธานี ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ โองการตรัสปลอบประโลมนางโฉมศรี พี่นี้หรือคือผีเสื้ออยู่วารี ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ข้าอย่าอาดูร มิได้เห็นเป็นแต่พระเชษฐา กับหลานยาบอกว่าลับล่วงดับสูญ แต่ครั้งนี้พี่จงช่วยอนุกูล อย่าให้สูญปีวันถึงบรรลัย ฯ ๏ นางปีศาจชาติเชื้อผีเสื้อสมุทร จึงยั้งหยุดเล่าแจ้งแถลงไข ออกจากคนทรงพลันด้วยทันใด สำแดงให้เห็นกายทั้งใหญ่โต ทั้งเขี้ยวยาวราวสักศอกตากลอกกลับ เหมือนหนึ่งกับยังเป็นเที่ยวเผ่นโผ ในกระสินธุ์ถิ่นชลาสาคโร ช่างใหญ่โตเต็มประดาดูน่ากลัว แล้วสำแดงแปลงเป็นรูปนิมิต ไว้จริตโดยทำนองให้น้องผัว ดูให้เห็นจำแลงเมื่อแปลงตัว งามยังชั่ววงศ์พักตร์ลักขณา ศรีสุวรรณดูนางไม่วางเนตร ช่างวิเศษเพราพริ้งยิ่งนักหนา แล้วนางปีศาจบอกชาติยา เอาธาราหวานแก้ที่แปรปรวน คือตัวขัณฑสกรนั้นถอนพิษ ให้ดวงจิตอิ่มเอมเกษมสรวล เร่งไปแก้กันอย่าช้าเวลาจวน พอลมหวนหายวับไปกับตา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสไปพลันด้วยหรรษา ไปเอาขัณฑสกรมาถอนยา ให้เสนารีบไปในบุรินทร์ พวกเสนาขึ้นมาอาชาชาติ ล่วงลีลาศรีบไปดังใจถวิล ก็เข้าไปในประเทศเขตบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นได้ยากลับมาพลัน ถวายองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ โองการตรัสให้ละลายใส่แม่ขัน แล้วตักใส่ลงในจอกสุวรรณ พระทรงธรรม์หยอดประทานพระหลานยา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร ยังไม่สุดชีวังสิ้นสังขาร์ ได้รสหวานซ่านเส้นเย็นอุรา ถอนพิษยาเบื่อเมาบรรเทาคลาย ค่อยพลิกฟื้นคืนสมประดีได้ บรรเทาในทรวงเดือดก็เหือดหาย ทั้งวายุพัฒน์โฉมเฉลาบรรเทาคลาย ที่เมามายในอารมณ์ได้สมประดี ทั้งสององค์กราบก้มบังคมบาท รอดชีวาตม์ได้ประณตบทศรี ทั้งนี้เพราะบุญญาบารมี ได้เป็นที่พึ่งพาอานุกูล หาไม่ตายวายชีวาเพราะข้าศึก อนาถนึกเห็นชีวาตม์จะขาดสูญ แม้นพระอามิได้มาอนุกูล ก็จะสูญยังแต่ชื่อเขาลือชา ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสเล่าพลันด้วยหรรษา อาก็สิ้นความรู้สิ้นครูบา ท่านจักราเล่าก็จนพ้นจะตรอง นี่หากพี่ผีเสื้อมารดาเจ้า มาวิ่งเข้าแจ้งกลที่หม่นหมอง บอกให้แก้ยาเมาเอามาลอง เจ้าทั้งสองจึงดำรงคงชีวัง สินสมุทรทราบว่ามารดาช่วย พลางรื่นรวยสมจิตที่คิดหวัง กันแสงพลางฝืนองค์ทรงกำลัง สั่งให้ตั้งเป็นศาลเชิญมารดา ศรีสุวรรณครั้นค่อยคลายวายวิโยค บรรเทาโศกสมมาดปรารถนา จึ่งสั่งพวกเสนีมีปรีชา ให้เอายาแก้คนที่หม่นมัว ขุนนางรับจับจอกกรอกไปหมด พอได้รสต่างผงกบ้างยกหัว บ้างที่ลุกขึ้นเซายังเมามัว กินกันทั่วหายหมดไม่ปลดปลง พวกที่ทำศาลเสร็จตั้งเป็ดไก่ ทั้งเหล้าไข่สิ่งของต้องประสงค์ แล้วให้เรียกพวกพลเป็นคนทรง มานั่งตรงหน้าศาลฉันสังเวย แล้วเรียกพวกที่เดินเชิญผีเสื้อ ทั้งไก่เนื้อเชิญมาลงจงเสวย ข้าแต่งตั้งรับรองของที่เคย มาสังเวยให้สบายเจ้านายเรา ฯ ๏ จะกล่าวถึงอสุรีนางปีศาจ เขาประกาศนึกอยากออกจากเขา ประเดี๋ยวหนึ่งถึงตรงเข้าทรงเอา สั่นเทาเทาหลับตาแล้วว่าไป ร้องเรียกมาว่ากระไรจะไต่ถาม หรือมีความเคืองเข็ญเป็นไฉน จงบอกเล่าไปแก่เราให้เข้าใจ ตามที่ในเองประสงค์จำนงปอง ฯ ๏ สินสมุทรกราบกรานสงสารแม่ ให้ท้อแท้เศร้าในพระทัยหมอง แล้วจึ่งว่าข้าประสงค์จำนงปอง จะฉลองพระคุณกรุณา ขอเชิญบาทมาตุรงค์มาทรงศาล ที่เชิงชานหาดนี้ดีนักหนา จะได้ช่วยคุ้มภัยสิ่งใดมา ขอจงปรานีบุตรสุดอาวรณ์ ฯ ๏ นางปีศาจว่ากูอยู่ไม่ได้ ด้วยมิใช่ปู่เจ้าเขาสิงขร จะมาอยู่เมืองบ้านชานนคร ใช่สิงขรเทเวศป้องเขตคัน กำเนิดกูอยู่ถ้ำที่ต่ำใต้ เพราะมิใช่ท้าวพระยาที่อาสัญ จะมาสิงอยู่ที่ศาลกินหวานมัน ชั่วกัลป์อยู่ดำรงทรงแผ่นดิน แม้นมีทุกข์ขุกเข็ญเหมือนเช่นนี้ จงเร่งตีโทนให้ดังอย่างถวิล จะมาช่วยทุกขาที่ราคิน กว่าจะภิญโญยงคงชีวัง แล้วรับเครื่องที่เซ่นเช่นกับผี เอารสที่วางไว้น้ำใจหวัง ครั้นอิ่มหนำพร่ำว่าด้วยวาจัง จะนอนนั่งกินอยู่คอยดูแล อันข้าศึกปึกแผ่นยังแน่นหนา ฟังมารดาจงระวังอย่าห่างแห ยังไม่พ้นศัตรูจงดูแล จะคิดแก้กลศึกหมั่นตรึกตรอง มันจะใส่ยาเบื่อข้างเหนือน้ำ จะเร่งทำบ่อไว้ให้เจ้าของ ทำฝาปิดบังไว้ดั่งใจปอง เอาผ้ากรองเมื่อจะกินสิ้นทุกคน ตามแม่น้ำลำคลองทั้งสองฟาก ถึงจะอยากก็อย่าตักเอาภักษ์ผล ต่อเจ็ดวันจึงจะหายในสายชล อย่าให้คนกินอาบจงปราบปราม นางร้องว่าแม่จะลาไปก่อนแล้ว แม้นลูกแก้วอยู่ที่นี่อย่าผลีผลาม จงจำคำมารดาอย่าอ่อนความ ให้ต้องตามบทเบื้องเรื่องบุราณ ชาติฝรั่งอังกฤษมันบิดเบี้ยว จะขับเคี่ยวเชิงวิวาทอย่าอาจหาญ รักษาตัวไว้ให้มั่นในสันดาน แม้นเกิดการแล้วคิดถึงจึ่งจะมา แล้วคนทรงล้มหงายตัวหายสั่น เหมือนหนึ่งฝันมิได้แจ้งแห่งภาษา ฝ่ายพระจอมรมจักรนัครา ให้ตรวจตราพลขันธ์ไว้มั่นคง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชชาติอังกฤษ แกนั่งคิดหาโอกาสสาดยาผง หมายจะล้างชีวิตให้ปลิดปลง ถึงทนคงถูกเบื่อก็เหลือตาย เอาไปโรยเหนือน้ำค่ำวันนี้ ในวารีวังวนชลสาย แม้นมันกินมิได้รอดคงวอดวาย เอาให้ตายเสียให้สิ้นเหมือนริ้นยุง พลางเรียกท้าวโกสัยไวไวหวา กับเสนาพวกฝรั่งให้ตั้งหุง ของเบื่อเมาเข้าโหราเอามาปรุง ตั้งกองหุงเจือจานใส่สารลง ครั้นสำเร็จเสร็จสมอารมณ์นึก แล้วตรองตรึกโดยนิยมสมประสงค์ จึงจัดพร้อมคนฝีมือที่ซื่อตรง ให้เดินวงอ้อมไปเที่ยวใส่ยา ในแม่น้ำลำคลองทั้งสองฟาก แม้น้ำมากคนกินสิ้นสังขาร์ จงรีบไปตามกันดังสัญญา อย่าให้ช้าเอาไปใส่ในนที ฝรั่งรับห่อยาพากันอ้อม เที่ยวเดินด้อมลัดไปในวิถี ถึงแม่น้ำลำคลองช่องวารี ชวนกันรี่เร็วไปแล้วใส่ยา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ ครั้นทราบเหตุสั่งพหลพลอาสา ให้ไปเที่ยวบอกกล่าวชาวพารา เอากิจจานี้แจ้งทุกแห่งไป ทั้งแว่นแคว้นแดนลังกาอาณาจักร อย่าให้ตักวารินกระสินธุ์ใส ในแม่น้ำลำคลองห้วยหนองใน ให้อดใจเจ็ดวันดังสัญญา คิดอ่านขุดวารินพอกินอาบ พวกสัตว์บาปคุมคิดกันอิจฉา มันแกล้งทำเหมือนขโมยเที่ยวโรยยา ชาวพาราบอกให้ทั่วทุกตัวคน แล้วรีบไปในลังกาอาณาเขต เที่ยวบอกเหตุโดยระบอบขอบสิงหล ไม่หยุดหย่อนร้อนใจทั้งไพร่พล เที่ยวเวียนวนบอกไปทั้งไพร่นาย แล้วไปบอกทัพหน้าพวกวาโหม วาหุโลมรู้ทุกคนต่างขวนขวาย ตามธารท่าสาชลเห็นคนกราย แล้วแวดชายจับมาอย่าช้าที แล้วเกณฑ์กันขุดบ่อทำท่อน้ำ คนประจำเกณฑ์กะเฝ้าสระศรี เอาไม้ทำฝาปิดสนิทดี ปันหน้าที่คอยระวังให้นั่งยาม ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายฝรั่งพวกอังกฤษ เอายาพิษห่อไปมิได้ขาม ค่อยลัดแลงแปลงแปลกเป็นแขกจาม เดินไปตามริมท่าชลาลัย ถือคันเบ็ดมีสายสะพายข้อง เที่ยวจดจ้องริมท่าชลาไหล เอาเบ็ดหย่อนตกปลาพากันไป คนที่ไหนไม่พะวงคิดสงกา พอลับคนมันเอายาปาลงน้ำ ครั้นเย็นค่ำรีบไปเที่ยวไล่หา แล้วพูดกันเป็นสำเนียงเสียงชวา ที่ได้ปลาหิ้วไปคนไม่แคลง แล้วพากันกลับไปเข้าในป่า ทำเป็นหาฟืนตองเที่ยวกองแฝง ครั้นพลบค่ำเดินตัดเที่ยวลัดแลง ค่อยแอบแฝงกลับไปเข้าไพรพลัน บาทหลวงแกดีใจพลางไต่ถาม ครั้นแจ้งความอิ่มเอมเกษมสันต์ สมคะเนไม่ต้องรุกต้องทุกบัน จะรบกันไม่ได้เรื่องให้เปลืองตน อันอุบายครั้งนี้มันดีเหลือ วิสัยเสือไว้ลายที่ปลายขน เฮ้ยอ้ายท้าวโกสัยจัดไพร่พล ไว้คอยปล้นเมืองด่านชานบุรินทร์ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในลังกาอาณาจักร พวกสำนักอยู่ท่าชลาสินธุ์ เห็นฝูงสัตว์มัจฉาในวาริน บ้างโดดดิ้นตายกลาดดาษดา ทั้งกุ้งกั้งเต่าปูอยู่ในน้ำ ลอยออกคล่ำม้วยชีวังสิ้นสังขาร์ ฝูงวิหคนกบินลงกินปลา ก็มรณาล้มตายลงก่ายกอง พวกชาวเมืองเห็นประหลาดอนาถนัก แจ้งประจักษ์ไปประมูลทูลฉลอง ว่าฝูงสัตว์ล้มตายลงก่ายกอง ทั้งลำคลองแม่น้ำออกคล่ำไป พระทรงฟังสังรเสริญนางปีศาจ ว่าเชื้อชาติพวกยักษ์แต่ตักษัย ยังอุตส่าห์มาแถลงให้แจ้งใจ เป็นนิสัยรักบุตรจนสุดปราณ ควรจะต้องนับถือไว้ชื่อเสียง เป็นอย่างเยี่ยงดินฟ้าสุธาสถาน ได้รู้เหตุหลายอย่างเพราะนางมาร มาบันดาลออกให้จึ่งได้ความ พระจึ่งสั่งเสวกาพฤฒามาตย์ จงแผ้วกวาดจัดแจงแต่งสนาม สำหรับรับศัตรูสู้สงคราม ทั้งขวากหนามกรวดทรายเอารายกอง แต่บรรดาทางเข้าเอาไปใส่ ทั้งปืนใหญ่จุกทางข้างละสอง แต่งทหารคอยระวังให้นั่งกอง คิดจุกช่องล้อมวงให้จงดี เสนารับอภิวาทมาบาดหมาย ตั้งให้นายตรวจตราอย่าให้หนี เรียกเอาขุนสารวัตรคิดบาญชี ให้แทงหนีแทงตายจำหน่ายคน ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร ให้ยั้งหยุดพลไพร่ใช้พหล ไปสืบสาวราวความตามยุบล มันติดกลที่ในการสถานใด จงจัดแจงแต่งตัวเป็นฝรั่ง ไปคอยฟังเอาให้แจ้งแถลงไข เองอย่าได้พูดจาภาษาไทย จงเข้าไปพลบค่ำต่อย่ำเย็น อย่าให้พวกจัตุรงค์มันสงสัย เองจงไปฟังเรื่องมันเคืองเข็ญ ระวังตัวผันผ่อนที่ร้อนเย็น ดูให้เห็นแยบยลกลอุบาย ขุนเสนาพาเพื่อนกันรีบรัด เที่ยวเดินลัดในอรัญแล้วผันผาย พลางแต่งเป็นฝรั่งกำบังกาย ไปถึงชายป่าชัฏสงัดคน พอพบพวกโรยยาเวลากลับ จึงแอบกับพุ่มไม้ในไพรสณฑ์ มันเดินพูดกันมาสี่ห้าคน ว่าพวกพลในลังกาสักห้าวัน คงตายหมดมิได้เหลือเบื่อให้สิ้น เพราะมันกินน้ำยาคงอาสัญ บาทหลวงเฒ่าเจ้าความคิดคอยติดพัน จะยกกันกรูเข้าเอาบุรินทร์ สมคะเนพวกเราแล้วคราวนี้ ชิงบุรีเอาให้ได้ดั่งใจถวิล กลับเข้าอยู่ลังกาได้หากิน เพราะว่าถิ่นฐานเราแต่เก่ามา แล้วรีบเลยไปแจ้งแถลงเล่า ข้าพเจ้าได้ไปสมปรารถนา ได้เข้าไปในประเทศเขตลังกา ข้าโรยยาในแม่น้ำทุกลำคลอง ฯ ๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มใจดั่งได้แก้ว ก็ผ่องแผ้วเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง สมความคิดกูแล้วหวาปัญญาตรอง มันถูกต้องตามประสงค์เหมือนจงใจ เฮ้ยอ้ายพวกพลเรานะคราวนี้ ได้นั่งชี้นิ้วเล่นเป็นนิสัย เพราะความรู้อยู่กับตัวกลัวมันไย คงจะได้เวียงวังทั้งลังกา ไม่ต้องรบต้องสู้เป็นคู่ขัน ในเจ็ดวันกรุงไกรคงได้หวา ถูกยาเบื่อก็จะดิ้นสิ้นชีวา กรุงลังกาก็จะป่นไม่พ้นมือ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกองอาจดีจริงยิ่งนับถือ ทั้งฝอนผันสันทัดได้หัดปรือ เห็นจะลือฝ่าเท้าเจ้าประคุณ บาทหลวงแกถูกยอหัวร่อเร่อ เสียงอือเออขาดเหลือจะเกื้อหนุน เองนับถือกูเป็นพระเดชะบุญ จะมีคุณไปกับตัวอย่ากลัวใคร แล้วเรียกขุนเสนาข้างฝาหรั่ง เข้ามานั่งพร้อมหน้าแล้วปราศรัย เองจงสั่งพวกพลสกลไกร ให้รีบไปสืบข่าวเหล่าประชา ที่ท่าน้ำลำคลองทั้งสองฟาก คนยังมากหรือกระไรรีบไปหวา แล้วฟังดูร้อนเย็นคนเจรจา จงกลับมาบอกกูให้รู้ความ จะได้จัดพวกพหลพลทหาร ไปต่อต้านดูฤทธิ์อย่าคิดขาม จงรีบไปให้กระทั่งฟังเนื้อความ จะได้ตามเข้าไปตีให้มีชัย ฯ ๏ ขุนนางฝาหรั่งนั่งคำนับ ฟังบังคับจะแจ้งแถลงไข ที่บาทหลวงแกประสงค์จำนงใจ ก็รีบไปแปลงแปลกเป็นแขกจาม พลางลัดแลงแฝงไปในประทศ ถึงขอบเขตนคราภาษาสยาม เพราะในเมืองตั้งแต่แรกมีแขกจาม ก็สิ้นความสงสัยไม่ระวัง สำคัญว่าพวกพ้องของพวกนั้น อันพืชพันธุ์เขายังมีเป็นที่หวัง เคยเข้าออกมิได้ห้ามตามลำพัง อยู่แต่ครั้งเริ่มแรกเพราะแขกเดิม จึงฝรั่งปลอมเข้าไปมิได้รู้ เพราะเคยอยู่มามิตรึกไม่ฮึกเหิม อันพวกแขกพ่อค้ามาแต่เดิม ตั้งแต่เริ่มแรกตั้งเมืองลังกา อันเสนาฝรั่งเมื่อครั้งนั้น ก็ผูกพันพูดได้หลายภาษา ถึงข้างไทยได้เป็นทูตรู้พูดจา จึงเข้ามาโดยง่ายในบุรินทร์ แล้วเดี๋ยวนี้เดินวงไม่สงสัย จึงรู้ในธารท่าชลาสินธุ์ เห็นแต่ฝูงเต่าปลาในวาริน บางโดดดิ้นตายกลาดดาษเดียร แต่คนผู้ดูก็ดีไม่มีทุกข์ เห็นเป็นสุขชื่นมื่นไม่คลื่นเหียน จึงแวะถามตามประสงค์เดินวงเวียน ดูอาเกียรณ์เต่าปลาพากันตาย พลางแวะเข้าถามไต่ไฉนหนอ ขอเชิญพ่อผู้เฒ่าเล่าขยาย แต่พอรู้เรื่องแถลงไม่แพร่งพราย เราดูสายน้ำเขียวเชี่ยวจริงจริง ฯ ๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเล่าความไปตามเรื่อง ที่ในเมืองรู้คดีผีมาสิง บอกว่าพวกฝรั่งมันชังชิง เอายาทิ้งโรยลงในคงคา เจ้าแผ่นดินปิ่นพิภพจบจังหวัด โองการตรัสปราบปรามห้ามนักหนา มิให้พวกพลไพร่ในพารา เที่ยวตักวารีไปที่ในธาร มากินอยู่พูวายในคงคา หุงข้าวปลาอาบกินทุกถิ่นฐาน ในเจ็ดวันมั่นหมายหลายประการ ทุกเรือนบ้านขุดบ่อต่อกันไป เจ้าดูเถิดแต่ปลามัจฉาชาติ ตายออกกลาดตามลำแม่น้ำไหล ทั้งนกกาแม่ลงกินก็สิ้นใจ คนเขาไม่กินทั่วเพราะกลัวตาย ฝรั่งแปลงแจ้งเรื่องชาวเมืองรู้ ทำเที่ยวดูเพื่อนกันแล้วผันผาย พลางรีบออกนอกแต่เช้าทั้งบ่าวนาย ก็ผันผายรีบไปยังค่ายพลัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายข้างไทยที่ไปสอด ก็เล็ดลอดลัดไม้เข้าไพรสัณฑ์ กลับมาทูลบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ว่าพวกมันคิดจะเข้าเอาบุรี หมายว่าถูกยาเบื่อไม่เหลือหลอ มันหัวร่อปรีดิ์เปรมเกษมศรี เกณฑ์พหลพลไพร่ไม่ได้ที จะให้ตีแหกเข้าเอาพารา พระทรงฟังสั่งเหล่าพระเจ้าหลาน ให้เตรียมการค่ายคูดูรักษา จงตั้งมั่นกันศัตรูดูปัญญา มันจะมารุกรานสถานใด ฯ ๏ ป่างพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร กับราชบุตรทูลแจ้งแถลงไข ขอเชิญองค์พระเจ้าอารีบคลาไคล เสด็จไปเมืองด่านชานบุรี ขอแต่องค์อนุชายุดาราช กับข้าบาทจะอยู่ท่าหน้ากรุงศรี จะคอยรับกับฝรั่งฟังคดี รักษาที่ข้างท้ายชายทะเล พระทรงฟังสั่งพหลพลทหาร ยกเข้าด่านโดยพลันอย่าหันเห คอยป้องกันอันตรายคิดถ่ายเท คาดคะเนแสนยาพลากร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเสนาข้างฝาหรั่ง ยกไปตั้งรายเรียงเคียงสิงขร เที่ยวสืบข่าวราชการด่านนคร ราษฎรมิได้ตายวายชีวา ไม่กินอาบน้ำในท่ามหาสมุทร เขาสู้ขุดบ่อใช้ไว้นักหนา ทุกบ้านช่องไม่ต้องไปในชลา หุงข้าวปลาเสร็จสิ้นกินทุกวัน ทั้งประเทศเขตลังกาอาณาจักร คนพร้อมพรักทั้งในไอศวรรย์ เข้าไปฟังชาวพาราพูดจากัน ว่าผีนั้นบอกเหตุซึ่งเภทภัย เขาจึ่งรู้ทั้งพาราลังกาเกาะ ข้าสืบเสาะรู้แจ้งแถลงไข เขาไม่เป็นเหตุการณ์สถานใด ทั่วทั้งในนคราไม่อาวรณ์ ฯ ๏ บาทหลวงตบอกผางเอะอย่างนี้ อ้ายพวกผีขี้ถังมาสั่งสอน จำพวกไหนอดอยากทำปากบอน แต่ครั้งก่อนเป่ายาน่าจะตาย อ้ายยักษ์หมีผีดิบมันคอยแก้ จะผันแปรก็ลำบากยากใจหาย แกแค้นคั่งดั่งจะดิ้นสิ้นใจตาย การอุบายคราวนี้ว่าดีครัน แต่ปกปิดว่ามิให้ผู้ใดแจ้ง ผีมาแกล้งยอกย้อนคิดผ่อนผัน บอกอุบายหลายท่าสารพัน จนมันกันตัวได้ไม่วายวาง พลางเรียกท้าวโกสัยไปในห้อง แกหมางหมองไม่สบายหลายสถาน อันครั้งนี้กูเห็นจะเป็นการ กลับฟุ้งซ่านเพราะปีศาจประหลาดใจ มันแกล้งไปบอกกล่าวให้เขารู้ จะนั่งอยู่เหมือนจนพ้นวิสัย เองจะช่วยคิดอ่านสถานใด จงว่าไปให้กูรู้ปัญญา ท้าวโกสัยนั่งนิ่งเหมือนลิงจุ่น บาทหลวงวุ่นเพราะไม่สมปรารถนา พลางทุกข์ร้อนถอนใจใหญ่อยู่ไปมา เรียกสุราออกมารินกินลนลาน แล้วหยิบเอาตำรับฉบับใหญ่ มาขับไล่หาอุบายหลายสถาน เรื่องพิชัยสงครามตามบุราณ จะคิดการตรองตรึกนึกรำพึง แล้วจึงว่าพระเป็นเจ้าของเราเอ๋ย ไม่ช่วยเลยให้ผีป่ามันมาหึง จนเสียการเสียกลคนรู้อึง พวกไทยจึ่งอิ่มเอิบกำเริบแรง พลางสวดวอนพระเป็นเจ้าเอาเหล้าดื่ม เสียงพึมพึมเมาสุรากลับกล้าแข็ง เฮ้ยอ้ายท้าวโกสัยอย่าได้แคลง กูเหมือนแสงพระอาทิตย์ฤทธิรงค์ จะสว่างกลางฟ้าเวหาหน ให้ฝูงคนรื่นเริงละเลิงหลง ไม่ย่อท้อเป็นอันขาดการอาจอง กูก็คงคิดไปจนได้เมือง แต่มึงอย่าหนีหายเป็นชายเชื้อ ให้เหมือนเสือฟังกูว่าอย่าตาเหลือง คงจะคิดตอบแทนที่แค้นเคือง ชิงเอาเมืองให้จงได้ดั่งใจปอง มึงก็เสือกูก็เสือเหมือนเรือใหญ่ จงตั้งใจผ่อนปรนขนเอาของ มานะให้ได้สมอารมณ์ปอง กูจะตรองเรื่องตำรับฉบับครู เอาให้ได้ลังกาสุธาทวีป จะคิดรีบยอกย้อนให้อ่อนหู กำลังเมาเหล้าเข้มเต็มประตู แกอวดรู้กล้าหาญการณรงค์ เอาใจดีแก้เบี้ยพูดเกลี่ยไกล่ แต่ในใจร้อนรนเหมือนคนหลง จะผ่อนผันฉันใดดั่งใจจง เหมือนเข้าดงเขตแคว้นแสนกันดาร ไม่เห็นช่องตรองไปในตำรับ คิดจะกลับไปหาเขตประเทศสถาน เพื่อจะพบคนดีปรีชาชาญ ได้คิดการแก้แค้นเอาแดนดาว แล้วหวนฮึกนึกมานะเหมือนสระใหญ่ ชลาลัยวารีก็สีขาว ทั้งโกสุมปทุมมาลย์บานออกพราว ก้านก็ยาวบานแบ่งรับแสงทอง เหมือนตัวกูผู้เป็นพระสังฆราช เฉลียวฉลาดสอนสั่งคนทั้งผอง จะตีตนก่อนไข้ไยมิตรอง คิดหาช่องในตำราทั้งสามัญ แกสอนสั่งตัวเองอย่าเกรงขาม พยายามเอาให้ได้ไอศวรรย์ เสียแรงเกิดมาเป็นปราชญ์ฉลาดครัน เหมือนช้างมันเคยประชนะงา อย่าย่อท้อรอถอยแต่หอยทาก ยังเอาปากเดินไปได้นักหนา เราก็เป็นพระใหญ่ในลังกา จะเที่ยวหาคนรู้อดสูใจ แกสั่งสอนตัวเองอย่าเกรงขาม พยายามกัดก้อนเกลือจนเหงื่อไหล เอาให้ลุความประสงค์ที่จงใจ คิดแก้ไขผ่อนพักยักกระบวน ดูตำรับจับกระดาษที่วาดเขียน ค่อยพากเพียรตามระบอบที่สอบสวน หาอุบายถ่ายเทยังเรรวน แต่ใคร่ครวญยักย้ายหลายประการ ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระอภัยวิไลลักษณ์ อยู่สำนักขอบเขตประเทศสถาน เนินสิงคุตรเขาเขินจำเริญฌาน กับเยาวมาลย์สองชีผู้ปรีชา สำรวมจิตกิจอย่างทางกสิณ เป็นสุดสิ้นมุ่งมาดปรารถนา ไม่โลภหลงปลงขันธ์ด้วยปัญญา สังขาราอนิจจังไม่ยั่งยืน เทศนาสอนสั่งคนทั้งนั้น เป็นนิรันดร์ทุกทิวาไม่ฝ่าฝืน แต่บรรดาอยู่ประจำทุกค่ำคืน คนทั้งหมื่นมีศรัทธาสมาทาน ตั้งอยู่ในศีลห้าไม่ฆ่าสัตว์ มัธยัสถ์ถือธรรมกรรมฐาน ที่ขอบวชสวดสิกขาสมาทาน เป็นอาจารย์ครัดเคร่งบำเพ็งเพียร แต่ยังไม่ได้กสิณมุนินทร์ใหม่ ด้วยว่าใจเจตนาเป็นพาเหียร ค่อยกำจัดตัดราคคิดพากเพียร ยังอาเกียรณ์มิได้ล่วงเพราะห่วงใย พระนักสิทธ์ทรงสอนให้ผ่อนผัน อย่าผูกพันนึกพะวงมักหลงใหล อันโลกีย์นี้มันชั่วตัวจัญไร จะพาให้เสียประโยชน์โพธิญาณ พระชี้แจงแจ้งข้อบรมัตถ์ ในทางอรรถแก้ไขหลายสถาน ประชาชนคนทั้งหมื่นต่างชื่นบาน รับประทานผ่อนผันด้วยปัญญา เวลานั้นพระมุนีฤๅษีสิทธิ์ สำรวมกิจนึกถึงวงศ์เผ่าพงศา ไม่ได้ข่าวคราวใครในลังกา พระอนุชาลูกหลานในว่านเครือ จะอยู่ดีปรีดิ์เปรมเกษมสุข หรือจะทุกข์อย่างไรทั้งใต้เหนือ ถึงเจ็ดปีลูกหลานในว่านเครือ ไม่พบเชื้อเห็นวงศ์พงศ์ตระกูล จึ่งลับไปหลายปีไม่มีข่าว ฟังเรื่องราวเป็นอย่างไรจึงหายสูญ มิได้ปะสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร หรือจะสูญล้มตายวายชีวง จำจะเข้าทางกสิณดูถิ่นฐาน พวกวงศ์วานว่านเครือจะเหลือหลง หรือสูญญาติขาดแผ่นดินสิ้นชีวง เสด็จตรงเข้ากุฎีที่สำราญ สำรวมจิตลงวางทางกสิณ ดูฟ้าดินที่ในธรรมกรรมฐาน พิเคราะห์ในไตรลักษณ์มรรคญาณ ทุกถิ่นฐานแต่บรรดาในสามัญ ก็แจ้งสิ้นแต่บรรดาคณาญาติ มาวิวาทชิงชัยไอศวรรย์ พวกฝรั่งสังฆราชฉกาจฉกรรจ์ มาผูกพันศึกใหญ่ในบุรินทร์ ทั้งลูกหลานว่านเครือในเชื้อไข ก็อ่อนใจยากแค้นแสนถวิล ไม่เป็นอันไปมาเที่ยวหากิน พระทราบสิ้นทางธรรมสำมดึงส์ จำจะต้องไประงับช่วยดับเข็ญ จะได้เว้นชิงช่วงที่หวงหึง เอาเรื่องเหตุเทศน์ธรรมให้รำพึง ได้ลุถึงศุโขมโหฬาร ฯ ๏ ป่างพระปิ่นมุนีฤๅษีสิทธ์ ออกจากกิจทรงธรรมกรรมฐาน เสด็จออกนอกกุฎีที่สำราญ โปรดประทานเล่าถึงวงศ์พงศ์ประยูร ทั้งสองนางดาบสรับพจนารถ รู้ว่าญาติยังถวิลไม่สิ้นสูญ ต้องรบพุ่งยุ่งกันไปในตระกูล นางอาดูรแดดาลสงสารวงศ์ พระอภัยมุนีฤๅษีสิทธ์ ดูจริตสองนางเห็นยังหลง ด้วยอาวรณ์ยังไม่ขาดในญาติวงศ์ พระจึงทรงเทศนาในบาลี ว่าสามัญตัณหาพาให้โลภ หลงละโมบครั้นทำลายตายเป็นผี ก็ไม่หอบเอาจังหวัดปัถพี ไปเป็นที่ถิ่นฐานบ้านของตน อนิจจังสังขาราเหมือนปลานก ต้องว่ายวกบินเตร่ระเหระหน ถึงร่างกายก็อย่าหมายว่าของตน พอสิ้นชนม์เน่าจมถมแผ่นดิน อนัตตาสูญเปล่านะเราท่าน อย่าหมายมั่นนึกนิยมอารมณ์ถวิล เอาขันตีตั้งหน้าเป็นอาจิณ ก็จะสิ้นความวิตกในอกใจ พระฤๅษีชักเหตุเทศนา ให้สองดาบสยุพินสิ้นสงสัย วายวิโยคโศกเศร้าบรรเทาใน ที่จริงใจโทมนัสอัดอารมณ์ จึงตรัสว่าถ้าจะไปให้โอวาท แต่เชื้อชาติพวกฝรั่งมันยังขม ไม่จืดจางบางเบาเอานิยม เหมือนตกตมถอนยากลำบากใจ ถึงจะไปสั่งสอนให้อ่อนน้อม มันจะยอมยินดีเจ้าที่ไหน ตาบาทหลวงแกมันดื้อไม่ถือใคร ถึงจะไปป่วยการเหมือนมารยา แต่จำเป็นจำใจจะไปเยี่ยม สั่งให้เตรียมแต่งราชรถา พระชวนดาบสินีให้ลีลา ทรงรถาองค์ละรถบทจร ฯ ๏ พวกเสนาดาบสที่บวชใหม่ ก็ตามไปโดยทางหว่างสิงขร อยากจะไปเยี่ยมเยือนเพื่อนนิกร ได้สั่งสอนให้ศรัทธาสมาทาน ตามเสด็จพระมุนีฤๅษีสิทธ์ สำรวมกิจเดินไปในไพรสาณฑ์ รถที่นั่งสามพระองค์เข้าดงดาน ชมห้วยธารเหวผาคูหาบรรพ์ ที่โตรกตรอกงอกง้ำเป็นถ้ำเหว ที่ปล่องเปลวย้อยเป็นแท่งดั่งแกล้งสรรค์ ล้วนสีลายพรายแสงแข่งตะวัน สูงชะงั่นเป็นชะง่อนก้อนศิลา มีไม้งอกออกผลหล่นออกกลาด ระดาดาษงอกงามตามซอกผา ไม้รวกรากฝากหินก้อนศิลา ฝูงคณานกร้องก้องสำเนียง ดุเหว่าแว่วแจ้วเจื้อยระเรื่อยร้อง ประสานซ้องก้องดงพลางส่งเสียง นกแก้วพลอดยอดแก้วแจ้วสำเนียง โกญจาเรียงจับวังร้องวังเวง สาลิกาจับนิ่งบนกิ่งเกด ฝูงโนเรศรายพลอดบนยอดเขลง นกกระสาจับกระสังเสียงวังเวง ร้องครื้นเครงก้องฟ้าพนาวัน ฝูงอีลุ้มจับพุ่มอุโลกเลียบ กระทาเหยียบกิ่งกระถินแล้วผินผัน ควักข้าวตากฝากตาภาษามัน สำเนียงขันฟังชัดฝูงสัตว์ดง ฯ ๏ นกกะลิงจับกิ่งกะลำพัก ฝูงกาสักจับนิ่งกิ่งกาหลง นกยูงทองย่องเหยียบยอดยางดง ฝูงเป็ดหงส์จับเหียงเรียงกันไป พวกนักสิทธ์คทัศนาปักษาสัตว์ สารพัดชมเพลินเนินไศล รุกขชาติดาษสล้างริมทางไป มะเฟืองมะไฟตูมตาดดาษดา ทั้งม่วงปรางลางสาดหล่นกลาดกลิ้ง ที่ติดกิ่งสุกงอมหอมนักหนา ขนุนขนันพันธุ์ดกฝูงนกกา เป็นภักษาสัตว์ไพรในอรัญ ผลไม้นานาโอชารส พวกดาบสมาพบเก็บขบฉัน ทั้งใบดอกงอกงามตามอรัญ สารพันต่างต่างตามทางจร พิกุลแก้วการณิการ์มหาหงส์ คัดเค้าดงประยงคุ์แย้มแกมเกสร มะลุลีมะลิวัลย์พันขจร ที่ชะง่อนเชิงผาจำปาจำปี รสสุคนธ์มณฑาระดาดาษ พุทธชาดชบาบางต่างต่างสี ยี่สุ่นแซมแกมกุหลาบอังกาบมี สารภีบุนนาคสองฟากทาง ทั้งสายหยุดพุดซ้อนดอกซ่อนกลิ่น กระทุ่มกระถินราวกับไม้ในกระถาง ระย้าย้อยห้อยงามไปตามทาง ผกากางกลิ่นเกลาเสาวคนธ์ เรณูนวลอวลอบตลบกลิ่น ภุมรินคลึงเคล้นทุกเส้นขน ละอองอ่อนฟอนเฟ้นเย็นกมล ทั่วสากลบินร้องก้องสำเนียง ทั้งฝูงสัตว์จัตุบาทวิ่งกลาดเกลื่อน ในแถวเถื่อนครางครึมกระหึ่มเสียง ทั้งโคถึกมฤคีเม่นหมีเมียง กิเลนเรียงเดินรายตามชายดง พยัคฆากาสรเที่ยวซ่อนซอก ตามโตรกตรอกเชิงผาป่าระหง กระต่ายกระแตตุ่นอ้นเที่ยวด้นพง ฝูงกระจงจามรีชะนีไพร ขึ้นห้อยโหนโยนระย้าร้องหาผัว บางโยนตัวอยู่บนกิ่งวิ่งไสว พอสุริยาจวนจะลบภพไกร ก็นึกได้เรียกผัวของตัวพลาง สัตว์ระยำซ้ำสามตะกลามชู้ มันฆ่าคู่ทุจริตไม่คิดหมาง จึงอมเรศสาปซ้ำไว้ตามทาง ได้เชยค่างต่างเพศสังเวชใจ ให้สมจริตจิตหญิงแพศยา ต้องอยู่ป่าคล้ายกับลิงวิ่งไสว เพราะมักมากอยากภิรมย์ให้สมใจ หญิงจัญไรต้องร้างอย่างชะนี พอพลบค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย พระจันทร์ลอยแจ่มจำรัสรัศมี กระจ่างแจ้งแสงกระจัดในปัถพี โขมดผีครางครึ้มกระหึมครวญ ยะเยืยกเย็นเส้นหญ้าเป็นป่าชัฏ พระพายพัดเย็นในฤทัยหวน ผีป่าบ่นพึมพึเสียงคร่ำครวญ ร้องโหยหวนกู่เรียกกันเพรียกไป พวกนักสิทธ์ติดตามรถที่นั่ง เอาจิตตั้งแผ่เมตตาเหมือนปราศรัย ไม่มีเหตุเภทพาลประการใด ทั้งเจ็บไข้มิได้มีราคีพาน ฯ ๏ จนถึงทางกลางป่าศาลาพัก ก็พร้อมพรักน้ำท่าผลาหาร พวกที่คอยรักษาพยาบาล มากราบกรานปรนนิบัติกษัตรา ถวายน้ำอัฐบานจานลูกไม้ น้ำตาลใสสดตระการหวานนักหนา ทั้งสามองค์ทรงนั่งยังศาลา ฉันผลาอัฐบานเครื่องหวานมัน พวกนักสิทธ์เสนาก็มาพร้อม เข้านั่งล้อมในศาลาพากันฉัน สำเร็จกิจของตระการทั้งหวานมัน หยุดพร้อมกันพักเหนื่อยที่เมื่อยมา ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศิลนรินทร์รัช โองการตรัสถามพลันด้วยหรรษา อยู่ที่นี่พร้อมกันในคัลลา มีโรคาป่วยบ้างหรืออย่างไร หรืออยู่ดีปรีดิ์เปรมเกษมสุข หรือเกิดทุกข์ร้อนเย็นเป็นไฉน พวกเสนาทูลพลันไปทันใด ไม่มีภัยเจ็คบปวดทุกหมวดกอง พระอภัยมุนีฤๅษีสิทธ์ ได้ทราบกิจเขาประมูลทูลฉลอง พระปราศรัยไต่ถามตามทำนอง ให้ถูกต้องเยี่ยงอย่างทางบุราณ แล้วจึ่งว่าเราจะลาไปนิเวศน์ เข้าในเขตลังกามหาสถาน ไปเยี่ยมวงศ์พงศาด้วยช้านาน พอแจ้งการเสร็จสรรพจะกลับไพร แล้วพระองค์พงศ์กษัตริย์ขึ้นรถา เสวกานำทางหว่างไศล พวกเสนานักสิทธ์เดินติดไป กับพลไพร่ตามกันเป็นหลั่นเดิน กระจ่างจันทร์แจ่มฟ้าเวหาหน นภาดลฝูงนกวิหคเหิน กะเรียนร้องก้องระงมพนมเนิน พระฟังเพลินปักษาคณาดง การะเวกบินขานประสานเสียง แข่งสำเนียงกับประยูรสกุณหงส์ ฝูงกาสักบินร้องก้องในดง เดือนก็ตรงเวหาห้องพอสองยาม สารถีขี่ขับรถที่นั่ง ไม่หยุดยั้งพ้นป่าพนาหนาม ออกท้องทุ่งมุ่งข้ามพอสองยาม เข้าเขตคามนคราเมืองป่าตาล ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเสวกาเมืองวาโหม เสียงครึกโครมใกล้เขตประเทศสถาน ขัดตาทัพยับยั้งระวังการ คอยต้านทานประจามิตรไม่คิดเกรง จึ่งยกออกนอกประตูข้างบูรพทิศ อาญาสิทธิ์ชักทวนชนวนเขนง พร้อมพหลพลหมื่นเสียงครื้นเครง บ้างรำเพลงทวนออกนอกทวาร ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมุนีฤๅษีสิทธ์ สำรวมกิจโดยธรรมกรรมฐาน จึ่งสั่งพวกเสนีปรีชาชาญ ท่านเอาการนี้ไปเล่าให้เขาฟัง ว่าตัวเราจะเข้าไปในสิงหล มิใช่กลข้าศึกอย่านึกหวัง ล้วนฤๅษีเป็นเจ้าของเคยครองวัง เพราะจิตหวังที่ในวงศ์พงศ์ประยูร เสนานำคำสั่งพระนักสิทธ์ ไปแจ้งกิจว่าพระปิ่นบดินทร์สูร องค์พระจอมนคเรศเกศตระกูล มาพร้อมมูลจะเข้าไปในบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายพระยาวาโหมได้ทราบเหตุ พลางน้อมเกศชื่นชมสมถวิล แล้วสั่งพวกเสวกาในธานินทร์ มาพร้อมสิ้นรีบไปเฝ้าเจ้านคร ครั้นเห็นพระอภัยเจ้าไกรภพ เข้านอบนบทูลองค์พระทรงศร เชิญเสด็จประทับด่านชานนคร เช้าจึ่งจรเข้าไปยังกรุงลังกา พระนักสิทธ์รับนิมนต์ขึ้นบนรถ พร้อมกันหมดไปพลันด้วยหรรษา เสร็จเข้าเมืองป่าตาลชานชลา สามสิทธาขึ้นไปนั่งยังพระโรง พวกวาโหมจัดแจงแต่งเครื่องลาด ให้ไสยาสน์บนบัลลังก์ที่นั่งโถง แล้วนั่งยามตามไต้กองไฟโพลง ทุกเรือนโรงนั่งยามเหมือนตามเคย พระปราศรัยเจ้าพาราเมืองวาโหม มาทุกข์โทมอยู่ลังกานิจจาเอ๋ย เราขอบใจได้การุญเหมือนคุ้นเคย ไม่เฉยเมยรักใคร่เหมือนใจปอง ควรจะนับเหมือนหนึ่งเนื้อในเชื้อไข เพราะเห็นใจเจ้าก็ดีไม่มีสอง อุตส่าห์มาช่วยศึกช่วยตรึกตรอง พระคุณของเจ้าเหลือเหมือนเชื้อวงศ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระยาวาโหมโสมนัส ได้ฟังตรัสชื่นชมสมประสงค์ จึงถวายอภิวาทบาทบงสุ์ พระผู้ทรงสิกขาเธอการุญ แล้วจัดแจงโภชนากระยาเสวย ทั้งนมเนยจานเจือให้เกื้อหนุน กับรังนกต้มน้ำตาลหวานละมุน ผลองุ่นสุกสดรสตระการ แล้วจัดแจงแต่งของเลี้ยงดาบส ทั่วกันหมดพร้อมแต่เช้าทั้งคาวหวาน พอแสงทองส่องสีรวีวาร ก็จัดการของเลี้ยงตั้งเรียงราย แล้วตั้งเครื่องสามองค์พงศ์กษัตริย์ ดูเหมือนจัดเรียงเรียบประเทียบถวาย พอรุ่งแจ้งแสงสุวรรณพรรณราย พลางถวายน้ำฉันอันบรรจง พระอภัยมุนีฤๅษีสิทธ์ สำรวมกิจงามดีเหมือนชีสงฆ์ นั่งที่ฉันเรียงตามกันสามองค์ เสร็จแล้วทรงยถาตามบาลี พวกนักสิทธ์เสนาบรรดาฉัน อิ่มพร้อมกันในพลับพลาหลังคาสี แล้วก็ชวนกันคำนับรับสัพพี ตามวิธีนักพรตหมดทุกองค์ แปลว่าให้สุขะชนะโรค อันความโศกให้กระจุยเป็นผุยผง อายุยืนหมื่นพันให้มั่นคง จงดำรงบ้านเมืองให้เลื่องลือ ฯ ๏ พวกวาโหมฟังเพราะเสนาะหู แต่ไม่รู้ว่าจะรับจะนับถือ ได้แต่นั่งหัวร่อพูดอออือ แล้วยกมือกราบไหว้ไปทุกคน กินแล้วบ่นพึมพำทำสุ้มเสียง หรือเราเลี้ยงข้าวปลาผลาผล ไม่อร่อยหรือจึ่งต้องร้องทุกคน จึ่งนั่งบ่นเหมือนกันทั่วทุกตัวไป แล้วหมอบกราบคลานเข้าไปทูลไต่ถาม ขอแจ้งความข้าพระองค์นึกสงสัย เห็นร้องขึ้นพร้อมกันเป็นฉันใด หรือของไม่โอชาสารพัน ฯ ๏ พระทรงศีลจึ่งแสดงให้แจ้งอรรถ สารพัดมันเผือกท่านเลือกสรรค์ โอชารสหมดจริงทุกสิ่งอัน สารพันเอมโอชโภชนา เป็นนิสัยฤๅษีฉันที่ไหน ก็ต้องให้พรอย่างนี้ดีนักหนา ท่านจะได้สุโขมโหฬาร์ ความชราโรคภัยจะไม่เบียน ทั่งอายุก็จะยืนได้หมื่นกัป อเนกนับเหมือนเราว่าใช่พาเหียร คงจะได้สมประสงค์ไม่วงเวียน เหมือนจุดเทียนแสงสว่างกระจ่างตา พระอภัยสุริย์วงศ์เธอทรงตรัส แสดงอรรถเล่าความตามสิกขา เจ้าวาโหมโสมนัสด้วยศรัทธา แจ้งกิจจาภูวไนยเธอไขความ สาธุสะพระฤๅษีเธอดีเหลือ สมเป็นเชื้อวงศ์ไทยในสยาม ทั้งพูดจาหมดจดดูงดงาม น่าจะตามท่านไปบวชสวดนโม นึกในใจถ้าแม้นได้เมียมาด้วย จะรื่นรวยรู้เหตุวิเศษโส คงจะได้เงินทองของโตโต จะสุโขแท้แล้วไม่แคล้วเลย แล้วจึ่งว่าข้าแต่องค์พระทรงศีล ผู้เป็นปิ่นแก่ประชาเจ้าข้าเอ๋ย แม้นเสร็จศึกนึกถึงบุญขอคุ้นเคย จะลาเลยกลับไปพาเมียมาพลัน ขอบวชเรียนเขียน ก ข ต่อหนังสือ ทำเป็นฤๅษีมั่งได้นั่งฉัน ไม่กินนกกินปลาสารพัน พระทรงธรรม์โปรดข้าดังว่าวอน ฯ ๏ พระอภัยมุนีฤๅษีสิทธ์ ได้ฟังกิจเห็นลำบากยากจะสอน เพราะเป็นพวกคนทมิฬปลายดินดอน จะสั่งสอนสักเท่าไรเห็นไม่จำ เพราะเขาเป็นน้ำเนื้อผีเสื้อยักษ์ ถึงจะชักมาช่วยชุบอุปถัมภ์ เขาไม่ทิ้งเพศหยาบก็บาปกรรม แต่ต้องจำใจรับกับทมิฬ พระปราศรัยใจท่านรักคงจักได้ ไม่เป็นไรคงจะสมอารมณ์ถวิล เราจะช่วยกรุณาอย่าราคิน ท่านจงสิ้นสิ่งวิตกในอกใจ พระตรัสพลางทางว่าจะลาก่อน เป็นการร้อนยังพะวงคิดสงสัย จะไปเยี่ยมญาติวงศ์เหมือนจงใจ ขอลาไปจากพาราเมืองป่าตาล เจ้าวาโหมโสมนัสจัดพหล แต่ล้วนคนสามารถที่อาจหาญ ให้ไปส่งองค์ฤๅษีปรีชาชาญ จากป่าตาลพร้อมพรั่งระวังภัย ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศีลมุนินทร์นาถ เสร็จทรงราชรถทองอันผ่อนใส ดาบสินีชีสองละอองใย เสด็จในบุษบกกระจกบัง ทั้งสามรถบทจรโดยวิถี พวกฤๅษีเสนามาข้างหลัง พ้นทุ่งนาป่าระหงเข้าดงรัง โศกมะสังแลลิ่วเป็นทิวไป ยางพะยอมค้อมคู้ฤดูดอก บ้างแตกงอกขึ้นเรียงเคียงไสว กระแบกกระบากซากซึกมะสังไทร ทั้งกรดไกรหูกวางนางตะเคียน ประดู่ดอกออกเรืองเหลืองระย้า ตะโกนาคุดคู้ดูอย่างเขียน ขนุนขนันกันเกรากระเบากระเบียน ต้นทุเรียนลำไยมะไฟมะเฟือง ทั้งปริงปรางลางสาดผลกลาดกลุ้ม แลเป็นกลุ่มสุกดีล้วนสีเหลือง ระย้าย้อยห้อยงามอร่ามเรือง ตัดติดเนื่องตามทางกลางอรัญ ฝูงลิงค่างต่างกินเป็นภักษา ทั้งนกกาจิกกินแล้วผินผัน กระรอกกระแตแลกลาดวิ่งพาดพัน ในอรัญป่ากว้างหนทางจร พวกฝูงสัตว์จัตุบาทวิ่งกลาดเกลื่อน ฝูงค่างเถื่อนเดินเรียงเคียงสลอน ทั้งโคตรเพรียวดาษดาล้วนงางอน เที่ยวสัญจรโขลงใหญ่ที่ในดง ฝูงแรดร้ายหลายร้อยรอยระดะ เที่ยวเกะกะกินหนามตามประสงค์ ทั้งเสือสีห์หมีเม่นเที่ยวเร้นพง เลียงผาวงวิ่งเต้นเล่นบนเนิน นรสิงห์สิงหนัศสัตว์ทั้งหลาย พวกกวางทรายถึกกระทิงวิ่งตะเพิ่น ฝูงกาสรโคเพลาะย่องเหยาะเดิน ริมชายเนินเชิงผาคูหาบรรพ์ สิงโตเต้นเล่นหางที่หว่างเขา บ้างหมอบเจ่าคุดคู้ดูมันขัน มีลูกแอบแนบชิดเข้าติดพัน กิเลนผันเผ่นโผนโจนทะยาน ฝูงม้าเต้นเผ่นผยองลำพองวิ่ง บ้างนอนกลิ้งเล็มหญ้าเป็นอาหาร ละมั่งระมาดดาษดงกระจงฟาน ร้องประสานเสียงดังก้องวังเวง ฯ ๏ พวกเสนาวาหุโลมเดินโครมครื้น บ้างแบกปืนถือทวนชวนเขนง พร้อมพหลพลหมื่นเสียงครื้นเครง ฝูงสัตว์เกรงกลัววิ่งเป็นสิงคลี เกือบจะถึงลังกาอาณาเขต พอสุริเยศรอนรอนจะอ่อนสี พวกบรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนี บรรดาที่อยู่รอบขอบนคร รู้ว่าองค์พระมุนีฤๅษีสิทธ์ ต่างมีจิตภิญโญสโมสร บ้างก็รีบเข้าไปในนคร ทูลบังอรแม่หัวเจ้าเสาวคนธ์ บ้างก็ไปคำนับรับเสด็จ พร้อมกันเสร็จไพร่นายฝ่ายพหล ส่วนโฉมยงนงเยาว์เสาวคนธ์ จรดลด้วยสุรางค์นางกำนัล ทั้งสุลาลีวันรีบผันผาย พร้อมบ่าวนายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ ครั้นถึงรถสามพระองค์ผู้ทรงธรรม์ บังคมคัลเชิญเสด็จประเวศวัง สามพระองค์ทรงศีลนรินทร์ราช ตรัสประภาษถามไต่พระทัยหวัง ถึงพระหน่อสุริย์วงศ์ดำรงวัง ไปยับยั้งอยู่หนตำบลใด ทั้งสองนางทางประมูลทูลฉลอง ว่าเธอต้องไปอยู่ท่าชลาไหล ทั้งพระวงศ์พงศาก็คลาไคล เข้าอยู่ในเมืองด่านชานบุรินทร์ ทั้งองค์พระเจ้าอาก็มาอยู่ จึงได้กู้เมืองไว้ดั่งใจถวิล ศึกก็ยังตั้งประชิดติดบุรินทร์ ไม่สุดสิ้นรบกันทุกวันคืน ฯ ๏ สามพระองค์ทรงฟังให้สังเวช กองกิเลสนี้มันกล้าเหลือฝ่าฝืน คิดยุ่งยิ่งชิงรังไม่ยั้งยืน เป็นแต่พื้นโลภหลงต้องวงเวียน อนิจจังสังสารวัฏเอ๋ย ให้หลงเลยไปมาลมพาเหียร ไม่สุดสิ้นความประสงค์ต้องวงเวียน ดูอาเกียรณ์ถ้าจะเปรียบเหมือนเหยียบตม แม้นผู้ใดพัวพันไม่หมั่นล้าง ก็เสียทางเหมือนไม่รักซึ่งมรรคผล ดั่งดุมวงกงเกวียนต้องเวียนวน ให้เสียผลเสียประโยชน์โพธิญาณ พระตรัสพลางทางดั่งให้เร่งรถ พร้อมกันหมดรีบไปในสถาน เข้านิเวศน์ลังกาไปช้านาน หยุดสำราญแรมร้อนผ่อนสบาย ฯ ๏ ฝ่ายดาบสสองยุพาสุดาสมร ขึ้นบรรจถรณ์ที่ในเก๋งเคร่งใจหาย รักษาพรตงดงามตามสบาย เพราะมุ่งหมายทางธรรมสำมดึงส์ ทั้งวัณฬาสุมาลีหลวงชีสอง เข้าในห้องตรองตรึกระลึกถึง พระไตรลักษณ์หักประหารการรำพึง คิดตัดซึ่งห่วงใยในสันดาน หวังประโยชน์โพธิญาณการกุศล จะได้พ้นกองทุกข์สนุกสนาน ฟังถ้อยคำสามีปรีชาชาญ โปรดประทานสอนสั่งคิดตั้งใจ ดาบสินีที่ปฐมพรหมวิหาร เจริญฌานตามประสงค์ปลงนิสัย ให้ดับทุกข์ดับโศกดับโรคภัย ด้วยตัดใจครัดเคร่งบำเพ็งเพียร ชักประคำสำรวมสติตั้ง เอาจิตหยั่งเห็นสังขาร์เป็นพาเหียร ไม่รักรูปรักทรงของวงเวียน เป็นอาเกียรณ์เปื่อยเน่าไม่เข้ายา เหมือนโรงร้านไปมาพออาศัย พระอภัยแจ้งเหตุเทศนา ควรเชื่อฟังตั้งมั่นเอาปัญญา ท่านเทศนาชี้แจงแห่งบาลี นางถือมั่นขันตีอุเบกขา โดยศรัทธาคิดเห็นเป็นวิถี ทั้งละเวงวัณฬาสุมาลี ดาบสินีเคร่งเทียบเปรียบสมภาร ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโลกเฉลิมภพ ให้ปรารภในพระทัยหลายสถาน จวนจะรุ่งรังสีรวีวาร พระตรองการถึงพงศ์วงศ์ตระกูล พอเช้าตรู่สุริยาภาณุมาศ จะลีลาศออกไปจากไอศูรย์ ได้พบปะสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร จะอนุกูลสอนสั่งให้บางเบา การรบพุ่งยุ่งยิ่งชิงสมบัติ จะบัญญัติขู่ข่มอารมณ์เขา ถ้าแม้นเห็นชอบผิดเหมือนจิตเรา แม้นมิเอาข้อคำที่รำพัน เหมือนสำเภาเสาหักจะชักฉุด ถึงบุรุษเรี่ยวแรงที่แข็งขัน จะถ่อค้ำลำบากเห็นยากครัน พระทรงธรรม์ตรองตรึกนึกอาวรณ์ จนรุ่งรางสร่างแสงแจ้งกระจ่าง ส่องสว่างแจ่มจำรัสประภัสสร ฝ่ายเสาวคนธ์มณฑาพะงางอน กับบังอรกัลยาสุลาลี พลางจัดแจงแต่งเครี่องสุพรรณภาชน์ ถวายบาทบงกชบทศรี ทั้งสามองค์พงศ์กษัตริย์สวัสดี เลี้ยงฤๅษีเสนาที่มาตาม ของต่างต่างอย่างดีที่ประสงค์ โดยจำนงเรียงวางข้างละสาม ทั้งของเคียงคาวหวานใส่จานชาม ถวายตามฤๅษีมีทุกองค์ พวกนักสิทธ์ฉันเสร็จแล้วยถา ทำทีท่าดูละม้ายคล้ายกับสงฆ์ ฝ่ายเสนามาพร้อมพวกล้อมวง เตรียมรถทรงพระที่นั่งอลังการ สามพระองค์มุนีฤๅษีสิทธ์ สำเร็จกิจขอฉันแล้วบรรหาร จะออกไปเยี่ยมองค์พวกวงศ์วาน ที่เมืองด่านปากน้ำจงนำไป ทั้งสามองค์ทรงราชรถา พวกเสนาเดินเคียงเรียงไสว ทั้งฤๅษีเสนาพากันไป จากกรุงไกรลังกาพากันจร สารถีขับม้าอาชาชาติ ขุนอำมาตย์คั่งคับสลับสลอน พวกขอบขัณฑเสมาประชากร นั่งสลอนกราบก้มบังคมคัล บ้างก็ว่าสามพระองค์พงศ์กษัตริย์ ไปดั้นดัดอยู่ทำไมในไพรสัณฑ์ เพราะละวังลังกาไปอารัญ จึ่งรบกันไม่รู้วายมาหลายปี แม้พระองค์ทรงลาสิกขาบท คงเปลื้องปลดความทุกข์เป็นสุขี บ้างร้องทูลขึ้นไปพลันด้วยทันที จงปรานีข้าเก่าเหล่าประชา ฯ ๏ พระทรงฟังราษฎรสุนทรเฉลย จึงภิเปรยโปรดประทานการสิกขา ว่าตัวเราละเพศไม่เจตนา ครองพาราเป็นใหญ่ในบุรินทร์ เพราะคิดเห็นอนิจจังเกิดสังเวช จึงละเพศไปอยู่ป่ารักษาศิล ไม่ประโยชน์กับจังหวัดปัถพิน จึงถือศีลภาวนาสมาทาน กองกิเลสพาให้หลงเหมือนกงจักร เราคิดหักมิได้หลงในสงสาร จึงตั้งใจหมายประโยชน์โพธิญาณ เราแจ้งการให้รู้ทุกผู้คน สามพระองค์เสด็จไปใกล้ถึงด่าน พวกทหารเข้าไปแจ้งทุกแห่งหน ให้เสนีทูลแถลงแจ้งยุบล แก่ภูวดลรมจักรนัครา ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงอาณาเขต ครั้นทราบเหตุว่าสมเด็จพระเชษฐา กับสองดาบสินีเธอลีลา เสด็จมาถึงสถานชานบุรินทร์ จึ่งจัดแจงแต่งองค์สรงสนาน ออกจากด่านรีบไปพระทัยถวิล รับสมเด็จพระเชษฐาเข้าธานินทร์ ออกไปสิ้นพร้อมพระวงศ์พงศ์ประยูร สินสมุทรสุดสาครบวรนาถ พร้อมพระญาติสุริย์วงศ์ทรงไอศูรย์ หกกษัตริย์สุริย์วงศ์พงศ์ตระกูล ไปพร้อมมูลเชิญเสด็จเข้าเขตคัน ต่างถวายบังคมโสมนัส สามกษัตริย์ฤๅษีเกษมสันต์ เสด็จเข้าเมืองปราการสำราญครัน ศรีสุวรรณเชิญพระพี่ให้ลีลา สามพระองค์ทรงประทับบนเก๋งใหญ่ ทั้งนายไพร่พร้อมกันต่างหรรษา พระอภัยมุนีศรีโสภา ภิปรายปราศรัยพระวงศ์พงศ์ประยูร หกกษัตริย์มัสการแล้วกรานกราบ ศิโรราบในพระปิ่นบดินทร์สูร ศรีสุวรรณกราบก้มบังคมทูล สองประยูรทรงพรตดาบสินี ยังอิ่มเอมเปรมปราเป็นผาสุก หรีอมทุกข์บ้างหรือพระฤๅษี ทั้งโรคันอันตราย์มายายี หรีอไม่มีที่ในกายสบายบาน ทั้งสององค์ทรงพรตดาบสสมร ถวายพระพรโดยธรรมกรรมฐาน เจริญเรียนไตรลักษณ์มรรคญาณ หมายนิพพานเกษมสุขสิ้นทุกข์ภัย แบ่งกุศลผลผลาอานิสงส์ ถวายองค์อนุชาพลางปราศรัย อาตมาตัดบ่วงคือห่วงใย ไม่อาลัยศฤงคารทั้งบ้านตน อยู่ในป่าหาผลไม้ฉัน ทั้งเผือกมันสารพัดไม่ขัดสน พอเป็นยาวะชีวังประทังตน กว่าจะพ้นทุกข์ไปในสันดาน ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ สนองอรรถเสาวนีย์สี่สถาน จึ่งว่าฉันโมทนาสาธุการ ในศีลทานที่พระองค์ปลงอารมณ์ ก็อยากบวชอยู่บ้างแต่ยังห่วง ต้องหนักหน่วงในอุระยังสะสม เพราะศึกเสือเหลือทนจนอารมณ์ ต้องเตรียมตรมอยู่ด้วยวงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ ครั้นจะเอาตัวรอดเหมือนทอดทิ้ง ไปนอนนิ่งอยู่ในป่าพนาสัณฑ์ แต่ล้วนลูกล้วนหลานสงสารครัน จะบากบั่นไปแต่ตัวกลัวนินทา ฯ ๏ ดาบสินีจะใคร่ตีฝีปากตอบ ผิดระบอบทางธรรมคำสิกขา ท่านห้ามปรามสารพัดอัดอุรา พระอนุชาแนมเหน็บให้เจ็บทรวง จึ่งตอบบ้างทางประชดอดไม่ได้ เขาว่าไว้บวชผัวเพราะตัวหวง เอาโยมนั่งจ๋อก้อไว้ล่อลวง จะตัดห่วงตัดใยเป็นไรมี ฯ ๏ ศรีสุวรรณชั้นเชิงฉลาดแหลม จะเหน็บแนมเคี่ยวเข็ญเป็นฤๅษี ก็บาปกรรมใครเขารู้ดูไม่ดี จะเป็นที่ติฉินคนนินทา แล้วก็เป็นพี่สะใภ้เคยไหว้กราบ ทั้งจะบาปติดตัวชั่วนักหนา ทำเป็นไม่รู้เท่าเข้าตำรา เขาจะว่าโง่เง่าไม่เท่าเทียม ก็ช่างเถิดทำไม่รู้เหมือนหูหนวก มิใช่พวกอื่นไกลจะอายเหนียม พลางชักพูดทางความตามธรรมเนียม เสร็จมาเยี่ยมอนุชาเพราะการุญ สองมุนินทร์ยินพร้องสนองถ้อย เห็นเรียบร้อยหน่วงเหนี่ยวไปเฉียวฉุน นึกในจิตคิดเห็นจะเป็นคุณ เดชะบุญเสร็จศึกเหมือนนึกปอง จะโลมเล้าเอาใจให้ไปบวช ทรงผนวชอยู่กุฎีเป็นที่สอง อันถิ่นฐานหลานลูกช่วยปลูกครอง จะเชิญน้องไปสิงคุตรอยู่กุฎี ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสสั่งเหล่านางสาวศรี ให้จัดเครื่องผลผลาบรรดามี มาตั้งที่สามกษัตริย์จัดประจง ทั้งคาวหวานพระกระยาสุธาโภชน์ ด้วยมาโนชชื่นชมสมประสงค์ พระนักธรรม์ฉันตามกันสามองค์ สมประสงค์อิ่มหนำพอสาราญ พวกฤๅษีเสวกาพากันฉัน ทั้งหวานมันอิ่มเอมเกษมศานต์ หยุดอยู่เมืองปากน้ำค่อยสำราญ กำหนดนานเบ็ดเสร็จเจ็ดทิวา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง แกนั่งง่วงตรองตรึกพลางปรึกษา ท้าวโกสัยดูฉบับตำหรับตำรา กับเสนาพวกฝรั่งฟังอาการ ใครจะเห็นแยบคายอุบายมั่ง จะขอฟังวาจาเร่งว่าขาน ดูปัญญามาประจบคิดรบราญ จะทัดทานอย่างไรในกระบวน พวกเสนาฝรั่งฟังแกถาม ก็ว่าตามแต่ผู้ใหญ่จะไต่สวน ข้าพเจ้าที่จะให้ไปใคร่ครวญ โดยกระบวนในตำราที่หารือ คิดไม่เห็นเป็นแต่คนสำหรับใช้ ด้วยอยู่ใต้บังคับเคยนับถือ แล้วแต่ท่านสารพัดจะหัดปรือ ให้ขุดรืออย่างไรจะไปตาม บาทหลวงว่าใครจะรู้เหมือนกูเล่า ก็เห็นเปล่าจริงหนอแต่ล่อถาม ไม่เห็นใครรู้หลักประจักษ์ความ ยิ่งชักถามก็ยิ่งเคอะเซอะทุกคน เฮ้อนี่แน่แยบคายอุบายนี้ เห็นจะดีคิดเห็นจะเป็นผล เราคิดทำโคมไฟใส่ไกกล ปล่อยไปบนเวหาสักห้าพัน เอาดินดำทำไส้กับไฟกรด พอเชื้อหมดถึงดินดำกำมะถัน ถัาพลัดตกลงที่ไหนเป็นไฟกัลป์ ถึงสามวันจึงจะดับระงับเปลว ถูกตึกกว้านร้านโรงก็โพลงพลุ่ง เป็นเปลวฟุ้งคงถูกกระดูกเหลว ปัญญากูคิดไว้มิใช่เลว เหมือนตกเหวขึ้นได้ดั่งใจปอง ท้าวโกสัยกับขุนนางข้างฝรั่ง ที่นั่งฟังพร้อมกันสักพันสอง สรรเสริญปัญญาดั่งทาทอง พอหายหมองสุกเปล่งดั่งเพ็งจันทร์ มิเสียทีที่เป็นปราชญ์ฉลาดเลิศ แสนประเสริฐใหญ่ยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ ทั้งจะสมปรารถนาสารพัน ยืนพร้อมกันแล้วคำนับพลางจับมือ ๏ บาทหลวงค่อยบางเบาบรรเทาทุกข์ บังเกิดสุขเห็นผลคนนับถือ เพราะความคิดของตนคนจึ่งลือ มันนับถือตัวกูผู้อาจารย์ ที่ทุกข์ร้อนอ่อนใจหายเป็นปลิด เห็นสมคิดปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ ค่อยกินอยู่หลับนอนผ่อนสำราญ แล้วคิดการปรุงยาหาน้ำมัน ประสมดินปืนไว้จะใส่เชื้อ เอากรดเจือลงในน้ำกำมะถัน แล้วผูกเป็นโคมผ้าขึ้นห้าพัน เอาดินคั่นไว้ข้างล่างวางตะเกียง แล้วทำไกใส่ลิ้นเมื่อลมหวน จะได้ครวญครางเพราะเสนาะเสียง ให้จัดแจงแต่งเสร็จสำเร็จเรียง เป็นคู่เคียงใส่ยาทั้งห้าพัน อันปัญญาฝรั่งสังฆราช แกฉลาดยิ่งบุรุษสุดขยัน เกณฑ์พหลพลรบไว้ครบครัน ทั้งปืนสั้นปืนยาวทั้งง้าวทวน สำหรับเข้าแหกค่ายจัดไว้พร้อม จะคอยอ้อมรบระดมเมื่อลมหวน สั่งให้พวกเกณฑ์หัดจัดกระบวน ไว้ให้ถ้วนตามบังคับทุกทัพชัย แม้ฤกษ์ดีวันไรจะได้ยก ไปข้างบกริมท่าชลาไหล อ้ายพวกม้นก็จะแตกแยกกันไป เราแหกค่ายพลอยประสมระดมยิง แล้วสั่งให้เลี้ยงดูหมู่ทหาร ทั้งคาวหวานเหล้าส้มขนมผิง อีกเป็ดไก่เนื้อแพะแกะกระทิง ของย่างปิ้งต่างต่างวางในจาน บนโต๊ะใหญ่หลายอย่างข้างละแถว สำเร็จแล้วรายเรียงเลี้ยงทหาร ให้กินอยู่หลับนอนผ่อนสำราญ เหล่าทหารกองหนุนทั้งขุนพล ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช ไปแอบหาดเกาะท้ายปลายสิงหล ค่อยเป็นสุขทุกอาณาประชาชน ไม่ร้อนรนอยู่สบายมาหลายวัน แต่ภิรมย์ชมสมรเสมอทิพย์ อันลอยลิบเปรียบเหมือนผ่านวิมานสวรรค์ ไม่จากห้องไสยาสน์อาสน์สุวรรณ ถนอมขวัญบุษบงอนงค์นาง ในห้องท้ายบาหลีที่สถิต สำราญจิตโดยถนัดไม่ขัดขวาง ดั่งเครื่องทิพย์หยิบส่งประจงวาง ไม่รู้จางที่ในรสเหมือนอดออม พระจุมพิตชิดชื่นระรื่นกลิ่น สมถวิลมิรู้จางห่างถนอม เหมือนแมลงผึ้งคลึงเกสรเฝ้าวอนตอม แนบถนอมกลั้วกลิ่นไม่สิ้นเชิง พายุหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง ฝนคะนองฟ้าเจือจนเหลือเหลิง สุนีบาดฟาดสายกระจายเปิง กำปั่นเหลิงลอยชิดขึ้นติดเลน สุริยาอัสดงจะลงลับ เมฆขึ้นจับฟ้าแดงดั่งแสงเสน ทั้งเนมินอิสินธรอ่อนระเนน จนสุริเยนทร์เลี้ยวลับบรรพตา ฯ ๏ สองภิรมย์สมสนิทพิศวาส ไม่ห่างบาทบทเรศพระเชษฐา พระจันทรจรกระจ่างกลางนภา ดวงดาราส่องสว่างกลางโพยม พระเสร็จจากแท่นสุวรรณบรรจถรณ์ พลางกุมกรกัลยาสุดาโฉม ให้ดูดาวพราวพร่างกลางโพยม เหมือนแสงโคมสุกใสในอัมพร โน่นดาวไถใกล้เคียงกับดาวเต่า เป็นเหล่าเหล่ารายระดับสลับสลอน นี่แน่ดาวกัณฐัศว์อัสดร ดาวมังกรเหรากุมภาพาล ที่ตรงหน้าพาชีดาวลูกไก่ เห็นไรไรรูปทรงเหมือนธงฉาน โน่นดาวข่างกลางพื้นโพยมมาน ทิศอีสานดาวสำเภามีเสาใบ ถัดไปนั่นดาวโลงมีกาจับ ในตำหรับทายที่คัมภีร์ไสย แม้กาจับหลายตัวมักกลัวไป ทายว่าไข้ย่อมมีมาบีฑา โน่นดาวหางขึ้นอยู่ข้างทิศพายัพ มักเกิดทัพรบพุ่งยุ่งนักหนา พวกโหรดูรู้ฉบับตำหรับตำรา จึงทายว่าหางหัวชั่วแลดี พระจันทร์ตรงส่งกลดดูโชติช่วง กระจ่างดวงแจ่มจำรัสรัศมี จับผิวพักตร์กัลยานางนารี นวลฉวีปลั่งเปล่งดั่งเพ็งจันทร์ พระเชยปรางพลางประโลมโฉมสมร ราวกับจรจากสถานพิมานสวรรค์ ครูบาทหลวงแกจะพรากให้จากกัน สารพันที่จะทำให้ช้ำใจ ถึงเป็นตายก็ไม่วายเสน่ห์น้อง จะจากห้องบุษบงอย่าสงสัย พลางรับขวัญกัลยาสุมาลัย พระเคล้นไคล้เคล้าพุ่มปทุมทอง บุษบงนงเยาว์เสาวรส จงปรากฏเถิดอุบลอย่าหม่นหมอง เหมือนดวงจันทร์ขวัญจิตอย่าคิดปอง ไม่เป็นสองดวงดอกพี่บอกจริง ดังดวงจิตเชษฐาเจ้าอย่าแหนง ไม่พรายแพร่งเป็นสองดอกน้องหญิง สุดาเดือนเหมือนประสงค์ที่ตรงจริง สมรมิ่งเหมือนเดือนเสมอดวง ฯ ๏ นางบังคมก้มเศียรลงกราบบาท พจนารถทูลความไม่ห้ามหวง ถึงจะมีแสนสุรางค์นางทั้งปวง ไม่เคียดขึ้งหึงหวงให้ล่วงเกิน เป็นความสัตย์ปฏิญาณสาบานถวาย ไม่วุ่นวายให้พระหมางระคางเขิน ถึงนางใดจะมาทำให้ก้ำเกิน จะสู้เมินมิให้เคืองในเรื่องราว พระรับขวัญขวัญตานิจจาน้อง มิให้ต้องเคืองขุ่นถึงวุ่นฉาว อันหญิงอื่นหมื่นแสนในแดนดาว อย่ามากล่าวเลยในใจไม่นิยม นอกจากนุชพี่ไม่สุจริตรัก ถึงใครชักให้ไปชิดสนิทสนม ไม่ขอคบขอคิดจิตนิยม อย่าปรารมภ์เลยสมรกรประคอง นางคำนับรับรสพจนารถ ไม่ห่างบาททรงฤทธิ์สนิทสนอง จนเดือนเที่ยงเสียงโกกิลาคะนอง กระเรียนร้องที่บนเกาะเสนาะดัง จังหรีดร้องลองไนเรไรเรื่อย สำเนียงเฉื่อยเหมือนดนตรีดีดสีสังข์ ดุเหว่าแว่วแจ้วเจื้อยระเรื่อยดัง วิเวกวังเวงรื่นชื่นกมล พระพายพัดรวยรินกลิ่นเกสร ละอองอ่อนซาบเย็นทุกเส้นขน น้ำค้างย้อยพรอยพรายดังสายชล พระขึ้นบนบาหลีที่ไสยา ถนอมแนบแอบนุชสุดที่ชื่น สำราญรื่นรับขวัญต่างหรรษา ค่อยคลายทุกข์สุขเกษมเปรมอุรา สองไสยาร่วมพระแท่นแสนสบาย ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง ค่อยสร่างทรวงคิดสมอารมณ์หมาย จึ่งสั่งท้าวโกสัยทั้งไพร่นาย พลนิกายรวมรอมให้พร้อมกัน ค่ำวันนี้มีฤกษ์จะยกทัพ จงกำชับพวกพหลพลขันธ์ จะปล่อยโคมจักรไกไฟน้ำมัน เอาให้ทันฤกษ์พาเวลาดี ท้าวโกสัยกำกับเป็นทัพหน้า ให้ผูกม้าเครื่องทองละอองศรี อานฝรั่งลงยาราชาวดี ใส่เสื้อสีดำขลับระยับพลาย ถือกระบี่ฝักทองประดับเพชร แต่ละเม็ดแจ่มจัดจำรัสฉาย ใส่หมวกฝังทับทิมดูพริ้มพราย สังวาลสายมรกตดูงดงาม เหน็บปืนสั้นสองข้างอย่างฝรั่ง พร้อมสะพรั่งพลไกรในสนาม บาทหลวงใส่เครื่องมณีล้วนสีคราม ใส่หมวกสามยอดสลับประดับนิล เสียบขนนกวายุภักษ์ปักข้างขวา เหมือนมาลาเจ้าฝรั่งดังถวิล ถือกระบี่ที่ท้าวเจ้าบุรินทร์ มาพร้อมสิ้นพลหมื่นพื้นฉกรรจ์ แกขึ้นรถกำกับเป็นทัพหลวง ทุกกระทรวงเร่งรัดให้จัดสรรค์ เครื่องอาวุธยุทธนาสารพัน ทั้งปืนสั้นปืนยาวแลง้าวทวน ได้ฤกษ์ดีสี่ทุ่มจึงจะยก กระบวนบกโดยระบอบคอยสอบสวน แกบังคับยับยั้งตั้งกระบวน เลือกแต่ล้วนโยธีมีฝีมือ เป็นทัพหน้ากล้าหาญในการรบ ได้สมทบยงยุทธ์อาวุธถือ ปืนคาบชุดนกสับสำหรับมือ แจกให้ถือถ้วนทั่วทุกตัวคน พอสุริยงลงลับพยับฟ้า ดวงดาราแจ่มกระจ่างกลางเวหน บาทหลวงส่องกล้องคู่ดูฤกษ์บน พร้อมพหลพลยุทธ์ให้จุดไฟ พอมีลมริ้วริ้วมาฉิวเฉื่อย ปล่อยโคมเรื่อยเพลิงกระจ่างสว่างไสว ต้องลิ้นขลุ่ยเสียงเพราะเสนาะใน ลอยขึ้นไปในห้องท้องคัคนานต์ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ ครั้นพลบค่ำสิ้นแสงพระสุริย์ฉาน ให้ตีฆ้องกองไฟไวปราการ ทหารขานยามให้ระไวระวัง พวกพหลพลรบสมทบทัพ ดูคั่งคับดาษดาทั้งหน้าหลัง พร้อมกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงวัง มาเฝ้าบังคมคัลอัญชลี สามพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ ให้โอวาทโดยจริตกิจฤๅษี จงยับยั้งตั้งมั่นในขันตี เพราะเป็นที่ทางประโยชน์โพธิญาณ อย่าโลภหลงปลงในพระไตรลักษณ์ จงประจักษ์ที่ตั้งแห่งสังขาร เป็นอนิจจังยังขันธสันดาน ให้สาธารณ์มิได้ตั้งอยู่ยั่งยืน เป็นเครื่องจมถมแผ่นสุธาวาส เพราะเป็นชาติชราไม่ฝ่าฝืน อนัตตาสูญลับไม่กลับคืน อย่าชมชื่นร่างกายหมายว่าดี กองกิเลสผูกพันนั่นคือห่วง จงหลีกล่วงหนีทุกข์ให้สุขี พระอภัยเทศนาตามบาลี อยู่ในที่พลับพลาหน้าเชิงเทิน พอสี่ทุ่มเห็นสว่างกลางอากาศ เสียงประหลาดดูเหมือนนกวิหคเหิน ประสานซ้องก้องดังยังฟังเพลิน เลียงกริ่งเกริ่นบนเวหานภาลัย พวกพลแหงนดูฟ้าบนอากาศ เห็นโคมดาษแจ่มกระจ่างสว่างไสว ดาษดาน่าอนาถประหลาดใจ ทั้งแสงไฟส่องสว่างดั่งกลางวัน พวกเสนาเข้าไปทูลมูลเหตุ ว่าอาเพศมาในทางกลางสวรรค์ ปางพระจอมโมลีศรีสุวรรณ กับพงศ์พันธุ์วงศาเสนานาย พระมุนินทร์ปิ่นฤๅษีหลวงชีสอง ลุกจากห้องจรจรัลรีบผันผาย ทอดพระเนตรเหตุผลฟังต้นปลาย เห็นแยบคายประจามิตรจะคิดกล ฯ ๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราพฤฒาเฒ่า จึงก้มเกล้าทูลแถลงแจ้งนุสนธิ์ คงจะเป็นการร้ายอุบายกล จงเตรียมพลออกไปค่ายระไวระวัง อย่าไว้ใจในการกลศึก จะโหมฮึกอ้อมทบตลบหลัง เห็นผิดอย่างทางบนพ้นกำลัง จะยับยั้งข้าเห็นไม่เป็นการ ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสปรึกษาบรรดาหลาน ให้ยกพวกพลไกรอันชัยชาญ ออกจากด่านไปค่ายชายทะเล พร้อมพหลพลทัพสำหรับรบ เร่งสมทบไปให้ทันอย่าหันเห รีบยกไปค่ายตั้งฝั่งทะเล ฝรั่งเฮฮาล้อมเข้าพร้อมเพรียง บาทหลวงเร่งรถกำกับเป็นทัพหลวง ทุกกระทรวงโห่ลั่นสนั่นเสียง พอโคมกรดตกลงส่งสำเนียง เสียงเปรี้ยงเปรี้ยงดินดังเสียงดังตึง ถูกพหลพลไพร่ตายออกกลาด กระทบฉาดแตกดังเสียงผางผึง ถูกโรงร้านเป็นไฟไหม้ตะบึง คนหนีอึงแตกเข้าย่านชานบุรินทร์ หกกษัตริย์ถอยทัพกลับเข้าด่าน ฝรั่งหาญเหิมจิตคิดถวิล แหกเข้าค่ายชายชลาหน้าบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นเข้าค้นเที่ยววนวง ที่หนีไปไม่พ้นจนความคิด พวกอังกฤษเที่ยววนจับคนหลง มาซักความถามไต่ดังใจจง แล้วก็ลงทัณฑกรรมให้จำตาย เอาเชือกมัดรัดคอแขวนหอรบ ประจานศพข้าศึกเหมือนนึกหมาย บาทหลวงสมความแค้นแสนสบาย เพราะแยบคายกลศึกดูตรึกตรอง ค่ำพรุ่งนี้กูจะตีเอาเมืองด่าน จงเตรียมการแอบเอาทั้งข้าวของ เข้าตั้งมั่นอยู่ในค่ายดั่งใจปอง แกคิดตรองหลายอย่างทางอุบาย ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราเวลาศึก อึกทึกต้อนกันให้ผันผาย ครั้นรุ่งรางต่างคนกระวนกระวาย ทั้งไพร่นายหมู่หมวดให้ตรวจพล ส่วนพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ให้เร่งรัดโยธาโกลาหล ลากปืนใหญ่ขึ้นป้อมจงพร้อมคน เกณฑ์กันขนก้อนดินทั้งศิลา ให้ตักน้ำใส่ถังขึ้นตั้งไว้ คอยดับไฟสารพัดเร่งจัดหา พระสั่งให้ครูพักตร์จักรา เชิญท่านอาจารย์ช่วยด้วยสักคราว ตามตำราไสยเวทข้างเพทไสย เป็นศึกใหญ่อย่าให้ขุ่นถึงวุ่นฉาว จงช่วยกันแว่นแคว้นทั้งแดนดาว ที่เรื่องราวแก้กันอันตราย การที่จะรบรากับข้าศึก เราจะตรึกตรองไว้ดั่งใจหมาย ท่านจงช่วยข้างมนต์กลอุบาย คิดยักย้ายตามแต่ท่านจะกันภัย ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญในการเวท โลกเชษฐ์เป็นอาจารย์แกขานไข ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านชำนาญใจ จึงทูลไทธิบดินทร์ปิ่นนคร ขออาสาแก้ไขในพระเวท โดยสังเกตที่ได้รู้ตามครูสอน จะอ่านมนตํให้พระพายขจายจร พัดเอาก้อนเพลิงไปไกลบุรินทร์ แล้วปลูกศาลบูชาเทพารักษ์ อันสิทธิศักดิ์ในมหาชลสินธุ์ จะป้องกันพวกศัตรูหมู่อรินทร์ รักษาถิ่นนคเรศนิเวศน์วัง ขึ้นนั่งอาสน์ราธนาเทพารักษ์ สิทธิศักดิ์มาประชุมช่วยคุ้มขัง อย่าให้เกิดอันตรายวายชีวัง แกจึงตั้งอธิษฐานการบูชา ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง พอลับดวงสุริยนบนเวหา จึงจัดแจงไฟกรดให้บดยา น้ำมันทาโคมลิ้นใส่ดินปืน สายระยางกางไกใส่ไว้พร้อม สั่งให้ล้อมนคราใครฝ่าฝืน ตีให้แตกแหกให้พังในกลางคืน ระดมปืนใหญ่ยิงชิงเอาเมือง เฮ้ยออท้าวโกสัยไปกำกับ เป็นแม่ทัพเข่นฆ่าให้ตาเหลือง กูคิดอ่านตอบแทนที่แค้นเคือง จะเอาเมืองด่านให้ได้ดั่งใจปอง พอโคมตกไฟติดคิดเข้าปล้น จับเอาคนป่วยเจ็บเก็บเอาของ พวกที่รบรบไปดั่งใจปอง จัดสำรองเหล้ายาหาไปกิน จงเตรียมรถผูกม้าที่กล้าศึก เวลาดึกจึงจะไปดั่งใจถวิล กรูกันเข้าโอบอ้อมล้อมบุรินทร์ ทั้งลูกดินปืนตับสำหรับมือ พอแปดทุ่มลมอับพยับฝน แกเรียกคนพลรบจุดคบถือ พวกจุดโคมพร้อมพรั่งนั่งกระพือ พอพร้อมมือปล่อยขึ้นโพยมมาน บอกให้ยกพวกพหลพลรบ เร่งสมทบนายไพร่ฝ่ายทหาร กรูกันเข้าโอบอ้อมล้อมปราการ เหล่าทหารพวกฝรั่งออกตั้งราย โคมก็ลอยดาษดาบนอากาศ แสงโอภาสบนนภางค์สว่างฉาย เสียงวังเวงเพลงเพราะเสนาะพราย คนทั้งหลายวิ่งดูเป็นหมู่ไป ฯ ๏ จะกล่าวถึงจักราพฤฒาเฒ่า กำลังเข้าบัดพลีพิธีไสย เป็นลมหวนป่วนปั่นสนั่นไป พยุใหญ่พัดมาในทะเล หอบเอาโคมกรดไปในอากาศ พยุกราดปั่นป่วนให้หวนเห ไปตกลงโผงผางกลางทะเล ฝนก็เทตกลงกลาดดาษดา สุนีบาตฟาดเปรี้ยงเสียงกระหึ่ม ท้องฟ้าครึ้มคล้ำมัวทั่วทิศา ฝนก็ตกท่วมนองท้องสุธา ฝ่ายพวกฝาหรั่งหนาวทั้งหาวนอน บาทหลวงนั่งคางสั่นอยู่ในรถ ให้ถอยถดกองทัพสลับสลอน ไปตากฝนทนหนาวทั้งหาวนอน จนผ้าผ่อนเปียกฉ่ำเป็นน้ำไป ฯ ๏ บาทหลวงกลับเข้าค่ายให้วิตก ระกำอกดังใครเชือดให้เลือดไหล อยู่ในค่ายชายทะเลว้าเหว่ใจ ช่างกระไรฝนแกล้งเหมือนแช่งกัน ถ้าฝนหายกูจะกลับเข้ารับรบ ตีตลบเอาให้ได้ไอศวรรย์ จนเกือบใกล้รังสีรวีวรรณ ที่ฟ้าลั่นก็ค่อยเบาบรรเทาคลาย ทั้งฝนปรายน้อยเม็ดท้องฟ้าขาว ทั้งเดือนดาวแจ่มกระจ่างสว่างฉาย แสงอาทิตย์สางสางสว่างพราย แกสั่งนายขุนหมวดให้ตรวจพล จะยกเข้าตีด่านเป็นการร้อน อย่าหลับนอนบอกให้ทั่วตัวพหล เอารถเหล็กสำหรับรบสมทบพล จะเข้าปล้นปากน้ำที่สำคัญ ฯ ๏ ฝ่ายเสนาฝรั่งมาสั่งทั่ว ให้เตรียมตัวทั้งพหลพลขันธ์ พอรุ่งแจ้งสุริย์ฉายพรายพรรณ พลขันธ์พร้อมถ้วนกระบวนแซง บาทหลวงขึ้นนั่งรถมีสารถี ให้คลายคลี่พวกทหารชาญกำแหง ท้าวโกสัยขับม้าดูร่าแรง ใส่เสื้อแดงคล้ายกับท้าวเจ้าลงกา ให้ตีกลองเป่าแตรแซ่สนั่น พลขันธ์เดินรายทั้งซ้ายขวา ยกเข้าล้อมป้อมปราการชานชลา พวกโยธากึกก้องร้องตะโกน เอาธงปักชักปันยืนสะพรั่ง ดูเหมือนอย่างชาติเช่นเขาเล่นโขน บ้างโลดเต้นลำพองทำนองโจร ที่โลดโผนแกว่งหลาวทั้งง้าวทวน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราเห็นข้าศึก อึกทึกวิ่งกลมดังลมหวน บ้างขึ้นป้อมพร้อมพรั่งตั้งกระบวน เอาง้าวทวนคอยพุ่งกันกรุงไกร บ้างคั่วทรายคอยสาดออกกลาดกลุ้ม บ้างยืนกุมแหลนหลาวยาวไสว บ้างยัดปืนคาบชุดบ้างจุดไฟ พลไพร่พร้อมพหลบนเชิงเทิน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมุนีฤๅษีสิทธ์ พระอภัยคิดวิตกระหกเหิน เวทนากองทัพจะยับเยิน เกิดเผอิญรบพุ่งกันรุงรัง ไมรู้สิ้นรู้สุดมนุษย์เอ๋ย รบกันเลยร่ำไปเพราะใจหวัง จนพวกพลล้มตายวางชีวัง ก็หลายครั้งหลายหนแต่ต้นมา จำจะไปปราบปรามเหมือนห้ามทัพ ข้อบังคับแจ้งเหตุเทศนา พลางชวนดาบสีนีให้ลีลา ไปพลับพลาบนปราการชานบุรินทร์ ดาบสีนีละเวงวัณฬาราช ก็ยุรยาตรตามองค์พระทรงศีล ทั้งสุวรรณมาลีศรียุพิน พร้อมกันสิ้นสามองค์เสร็จตรงไป ขึ้นพลับพลาหน้าเชิงเทินบนเนินป้อม ทหารพร้อมเซ็งแซ่แลไสว พระนักสิทธ์ตรัสว่าอย่าออกไป ทั้งนายไพร่รอรั้งหยุดฟังความ เราจะว่าโดยดีเหมือนที่ปลอบ ให้ชื่นชอบในน้ำใจจะไต่ถาม พอจะไว้เกียรติยศให้งดงาม ให้ต้องตามความบทเบื้องบุราณ สามพระองค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ ตรัสประภาษด้วยสุนทรอันอ่อนหวาน ว่านี่แน่พวกฝรั่งอหังการ มาทรมานไพร่ฟ้าประชาชน ต้องรบพุ่งยุ่งยิ่งชิงสมบัติ นิสัยสัตว์ยากไร้มาหลายหน เราเอ็นดูแก่อาณาประชาชน ต้องรุกร้นฆ่าฟันกันบรรลัย อันคนยากกรากกรำมาทำศึก อึกทึกร้อนรนทนไม่ไหว เราผู้เป็นนักพรตถืออดใจ ไปอยู่ในป่าดงพงอรัญ รักษาสัตย์ปฏิญาณการกุศล ไม่ทำวลกรุงไกรไอศวรรย์ อย่ามาต้องรบราถึงฆ่าฟัน จะแบ่งปันให้สักครึ่งกึ่งบุรินทร์ อยู่ด้วยกันโดยดีล้วนพี่น้อง มาปรองดองเหมือนเราว่าอย่าถวิล ช่วยกินคิดปกป้องครองแผ่นดิน ให้เพิ่มภิญโญยศปรากฏนาม ฯ ๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแสนพิโรธ ให้ฉุนโกรธร้องไปขอไต่ถาม นี่แน่เฮ้ยพระอภัยใจตะกลาม มาหยาบหยามข่มเหงไม่เกรงใจ กูก็เป็นฝรั่งในจังหวัด มาพิกัดพูดไม่เก้อเออไฉน อันลังกาธานินทร์ถิ่นของใคร มาสร้างไว้หรือจะแสร้งมาแบ่งปัน กูก็ไม่ง้องอนอย่าค่อนแคะ พูดเหลาะแหละปั้นเจ๋อละเมอฝัน พลางลุกออกจากรถาตาเป็นมัน แล้วดุดันเกรี้ยวกราดตวาดไป พอเหลือบเห็นพระธิดาวัณฬาสมร แกแคะค่อนด่าว่าไม่ปราศรัย พวกอีคนทุจริตเข้ารีตไทย มาทำให้ศาสนาเป็นสาธารณ์ ก็เพราะมึงชั่วช้าสิบ้าผัว ต้องหมองมัวไปสิ้นทุกถิ่นฐาน จนลูกเต้าเผ่าพงศ์ทั้งวงศ์วาน จนถิ่นฐานแทบชีวิตจะปลิดปลง ไปอ่อนคอรอเรียงเคียงหม่อมผัว ชะไว้ตัวร้อยอย่างเจียวนางหงส์ สิบ้ากามปัวเปียจนเสียวงศ์ จะต้องลงชื่อไว้ในแผ่นดิน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงทรงพรตดาบสสดับ ให้คั่งคับทรวงในพระทัยถวิล แต่ถือพรหมจรรยาเป็นอาจิณ รักษาศิลไว้มั่นในขันตี ต้องอดใจไม่โกรธหวังโปรดสัตว์ ถึงเคืองขัดก็เพราะถือเป็นฤๅษี ต้องอดใจตอบความตามคดี ท่านอย่ามีความโกรธพิโรธเรา จะบาปกรรมข้ามีแก่ตัวท่าน เป็นมหันต์ใหญ่โตพาโลเขา เพราะเกิดความวิหิงสามาด่าเรา เหมือนก่อนเก่านั้นไม่ได้ภัยจะมี เพราะบวชเป็นดาบสหมดทั้งนั้น ถือพรหมจรรย์สุจริตกิจฤๅษี ไม่โลภหลงปลงจิตคิดแต่ดี เป็นมุนีอยู่ในป่าสมาทาน ฯ ๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแสนพิโรธ กำลังโกรธขัดใจหลายสถาน จึงชี้หน้าว่าอุเหม่อีเหพาน มาจัดจ้านพูดเล่นเหมือนเป็นนาย ชะมึงหรือถือศิลกินขนม ไม่นิยมดอกหนามึงอย่าหมาย อย่าพักพูดเกเรเพทุบาย อีท้องลายหนังลอกมาหลอกกู นางฤๅษีขี้ข้าอีบ้าผัว ไปเมามัวให้มันสอนจนอ่อนหู ยังจะมาตอแหลเล่นแก่กู ชะนางผู้นักปราชญ์กวาดบันได มึงมันล้างศาสนาข้างฝาหรั่ง จะตกถังเช่นเขาว่าเลือดตาไหล ไปถูกหลอกอ้ายเจ้าผัวตัวจัญไร พระจะให้มึงไปตกนรกนาน เพราะมึงล้างศาสนาข้างฝาหรั่ง คนเขาชังทุกประเทศเขตสถาน อย่าพักพูดเกะกะเที่ยวระราน จนเมืองบ้านเป็นของเขาอีเจ้ากรรม ให้พวกพ้องของผัวมามั่วสุม ตั้งชุมนุมอยู่ในที่แล้วมิหนำ ทั้งวัดวาป่นปี้ระยี่ระยำ แล้วยังทำเจ๋อเจ๊อะสเออะดวง ชะน้อยหรืออีละเวงข่มเหงเล่น กูก็เช่นเชื้อปราชญ์เป็นบาทหลวง มาตอแหลยักคอพูดล่อลวง ทำจาบจ้วงเอากูผู้อาจารย์ ทั้งเจ้าผัวพูดจาว่าจะแบ่ง เอาเมืองแล่งสักครึ่งกึ่งสถาน กูก็ไม่งอนง้อมาขอทาน อันถิ่นฐานใช่ของมันจะปันใคร แม้นจะคืนให้กูอย่าอยู่นี่ กลับไปที่พาราเคยอาศัย ทั้งญาติวงศ์พงศาพากันไป กูมิให้เป็นเชื้อเพราะเหลือทน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬาพระดาบส เธอถืออดใจหมายฝ่ายกุศล ฟังถ้อยคำเต็มเบื่อเห็นเหลือทน แกเป็นคนหยาบคายหลายประการ แต่นึกเอาขันตีเป็นที่ตั้ง จึงหยุดยั้งอดใจหลายสถาน แล้วนิ่งนึกตรึกตราอยู่ช้านาน จะสู้พาลเห็นไม่ได้ที่ในเชิง แต่จำเป็นจำว่ากับข้าศึก อย่าหาญฮึกเพิ่มเชื้อให้เหลือหลง แล้วตอบคำจำใจไปในเชิง เหมือนดับเพลิงหัวลมระดมเอา ทั้งครองแครงแย่งยื้อดื้อเข้าปล้ำ ต้องเอาน้ำสาดไปเพราะไฟเผา ถัาแม้นคนไม่ดื้อคงถือเอา แต่ตาเฒ่านี้แกดึงจนถึงดี ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงทรงพรตดาบสสมร มีสุนทรโดยจริตกิจฤๅษี ว่าดูก่อนพระอาจารย์เป็นการดี ไม่ควรที่โมโหจะโกรธา จงยับยั้งฟังก่อนอย่าร้อนเร่า อันลูกเต้าใช่จะคิดริษยา เราก็ยกกรุงไกรในลังกา ให้สองราลูกหลานผ่านบุรินทร์ ก็ไม่อยู่ในสัตย์เพราะครูสอน ทำให้ร้อนรนไปโดยใจถวิล เที่ยวข่มเหงญาติกาทุกธานินทร์ ไม่รู้สิ้นจิตพาลสันดานดึง ก็เพราะใครให้ไปตีเมืองการะเวก ทำโหยกเหยกโกโรโมโหหึง ลูกจึ่งได้เป็นพาลสันดานดึง ต้องโกรธขึ้งกันไปหมดเพราะคดโกง ฯ ๏ บาทหลวงฟังนั่งแค้นแหงนดูหน้า แกร้องด่าขึ้นไปอีตายโหง ชะนางพวกฤๅษีอีชีโกง ใครชักโยงลูกมึงให้ดึงดัน พูดตอแหลแก้ตัวให้ผัวรัก นั่งพยักเผยอหยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ กูสอนสั่งครั้งไรใจของมัน มาเสกสรรค์ใส่เอากูผู้อาจารย์ มึงจะไปตกนรกสักหกหลุม ที่ไฟสุมร้อนเร่าจะเผาผลาญ พระเยซูจะลงโทษไม่โปรดปราน จะทรมานตัวมึงอย่าพึงแคลง หรือจะพึ่งบุญผัวหัวจะขาด ด้วยอำนาจพวกทหารชาญกำแหง รู้สึกตัวชั่วช้ามาสำแดง ให้เห็นแจ้งแก่ฝรั่งทั้งกระบวน ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสดับ ให้คั่งคับหมกมุ่นนึกหุนหวน เอาขันตีหักห้ามตามกระบวน จะก่อกวนขุ่นหมองไม่ต้องการ แล้วร้องว่าอาจารย์ท่านอย่าโกรธ ไม่ประโยชน์หวงแหนเป็นแก่นสาร เราถือสัตย์ในสิกขาสมาทาน ไม่เป็นการธุระดอกบอกจริงจริง อันศฤงคารบ้านเมืองที่เรื่องนั้น ไม่ผูกพันไปอยู่ป่าประสาหญิง สิ้นโลภหลงปลงใจไม่ประวิง เป็นความจริงที่ในจิตไม่คิดปอง ฯ ๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแหงนชะแง้ อีตอแหลทำให้วุ่นจนขุ่นหมอง ชะนางพวกถือศีลกินข้าวพอง หน่อยก็ท้องค้ำหน้าอีบ้ากาม นางฤๅษีชีป่าอีบ้าผัว มันรอดชั่วอย่างไรหนอกูขอถาม ไปลอยหน้าอยู่กับเขาเมาตะกลาม นางหม่อมห้ามไม่หยุดสุดฝีมือ เองหรือตัดราคาตัณหาขาด มึงหรือปราชญ์จะปรับให้นับถือ อย่ามาพูดสอพลอให้อออือ กูไม่ถือถ้อยคำอย่ารำพัน พวกอีล้างศาสนาตำราตัด ต้องกำจัดเสียให้ไกลไอศวรรย์ มิให้มึงอยู่ยืดสืบพืชพันธุ์ ในเขตคันพาราลังกาเดิม พวกอีเจ้าราคาตัณหาสด ให้ขบถข้าศึกพลอยฮึกเหิม จนเสียชาติศาสนาพาราเดิม อย่าพักเหิมไปเลยเองไม่เกรงกลัว พากันไปให้พ้นพวกหม่นหมอง เร่งตรึกตรองไปเสียทั้งเมียผัว แต่บรรดาเขยสะใภ้ไปทั้งครัว หาไม่หัวมึงจะขาดดาษสุธา ฯ ๏ สินสมุทรได้ฟังสังฆราช มันองอาจอวดตัวชั่วนักหนา ทั้งหยาบคายร้ายกาจอ้ายชาติกา ช่างพูดจาจองหองจะลองดู แล้วร้องว่าฮ้าเฮ้ยตาบาทหลวง เอ็งจาบจ้วงร้อยท่าด่าฤๅษี คนเช่นมึงก็ไพร่ใช่ผู้ดี มาข่มขี่ในตระกูลประยูรวงศ์ เองถือตัวว่าเป็นขรัวข้างฝรั่ง จะมาตั้งค่อนด่าพระยาหงส์ หรือเองเป็นน้ำเนื้อในเชื้อวงศ์ อย่ามาหลงพูดจาบ้าน้ำลาย ถึงองค์ดาบสละเวงวัณฬาราช ก็สิ้นชาติเชื้ออังกฤษอย่าคิดหมาย ไม่นับถือคนขี้ข้าบ้าน้ำลาย ท่านมุ่งหมายแต่สวรรค์ชั้นวิมาน ศาสนาข้างเขาเจ้าเอาไม่ได้ เขาฟังไปคำที่กล่าวก็ร้าวฉาน อย่าแคะแค่นแสนกลพวกคนพาล ทั้งดื้อด้านอวดอิทธิ์ฤทธิไกร เองเป็นคนโลโภโมโหมาก ดีฝีปากเขาไม่หลงอย่าสงสัย นิ่งเสียบ้างเถิดหวาระอาใจ เอาเก็บไว้หลอกเด็กเจ๊กคนโซ อย่าอวดอ้างศาสนาข้างฝาหรั่ง เขาไม่นั่งคอยหาเยวาโห พูดสำแดงแผลงฤทธิ์อิศโร เองมันโซสิ้นกระบิดเห็นผิดเชิง ไหนองค์พระมังคลาสานุศิษย์ ไปสถิตอยู่ไหนเล่าเป็นว่าวเหลิง ไม่มาช่วยครูคิดดูผิดเชิง หรือแตกเปิงกันไปหมดเพราะคดโกง แต่กูฟังวาจาน่าเหียนราก ก็เพราะปากหยาบคายอ้ายตายโหง แลวก็เองมันชำนาญข้างการโกง มิด่าโผงตามสบายหลายประการ แต่องค์พระชนนีฤๅษีสิทธ์ สำรวมกิจทางธรรมกรรมฐาน มึงยังด่าปี้ป่นไม่ทนทาน เพราะสันดานเองมันชั่วตัวมลทิน ฯ ๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแสนสาหัส จะใคร่ตัดหัวให้ได้ดั่งใจถวิล แกร้องว่าฮ้าเฮ้ยพวกทมิฬ กูรู้สิ้นดอกอย่ากล่าวให้ยาวความ เอ็งเร่งคิดการณรงค์ไว้ยงยุทธ์ แม้นมือกุดตีนด้วนเองควรหยาม เองอย่าพักอาจองในสงคราม กูจะตามตีกระทั่งจนลังกา พลางเร่งทัพขับพหลพลทหาร เข้าหักด่านจุดไฟไวไวหวา ระดมปืนครื้นครั่นเป็นสัญญา ให้โยธาพวกฝรั่งพังประตู ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์กษัตริย์ สั่งให้ยัดปืนใหญ่ใส่ดินหู ลากมาไว้สองข้างหว่างประตู พร้อมทุกหมู่พลรบสมทบกัน สินสมุทรวุฒิไกรไล่ทหาร ออกจากด่านเร่งร้นพลขันธ์ เครื่องอาวุธสาตราสารพัน เป็นทัพขันธ์กองหน้าเข้าราวี สุดสาครหัสไชยเป็นปีกขวา วลายุดาวายุพัฒน์กษัตริย์สี่ เป็นปีกซ้ายยกออกนอกบุรี องค์พระศรีสุวรรณวงศ์ทรงกระบอง เป็นทัพหลวงเร่งพหลพลรบ คอยสมทบตามกันผันผยอง หัสกันเดินตรวจทุกหมวดกอง ตามทำนองถือกระบี่ขี่อาชา ฯ ๏ ฝ่ายพหลพลฝรั่งสังฆราช ระดาดาษเร่งร้นพลอาสา ให้ยิงปืนครื้นครั่นเป็นสัญญา พวกโยธาแกว่งขวานเข้าราญรอน ท้าวโกสัยไล่ทหารเข้าต้านต่อ ไม่รั้งรอรบรับสลับสลอน ทั้งสองฝ่ายนายทหารต่างราญรอน ก็ฟันฟอนกันตายวายชีวง พวกที่ปีนกำแพงบ้างแพลงพลาด ชาวเมืองฟาดฟันกระจุยเป็นผุยผง บาทหลวงเร่งพวกทหารชาญณรงค์ ให้รีบตรงกันเข้ารับกองทัพไทย ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร แกว่งอาวุธครื้นครั่นสนั่นไหว กับวายุพัฒน์ราชบุตรวุฒิไกร เข้าลุยไล่ทัพฝรั่งไม่รั้งรอ ท้าวโกสัยขับม้าออกหน้าทัพ เข้ารบรับเปรียบเหมือนงูเข้าสู้หมอ พลไพร่ฝ่ายฝรั่งไม่รั้งรอ บ้างแข็งข้อวิ่งกลมระดมยิง บาทหลวงเร่งสารถีให้ขับรถ ถือไฟกรดวิ่งรี่ดังผีสิง แม้นเสียท่าพลิกแพลงจะแย่งชิง ทหารวิ่งตรงมาดาประดัง แกเห็นหน้าวายุพัฒน์ใหัขัดแค้น อ้ายนี่แสนเฉโกทำโอหัง แล้วร้องด่าว่าเหวยเฮ้ยระวัง อ้ายฝรั่งปนไทยอ้ายศัตรู พระเป็นเจ้าท่านจะเอาไปนรก คนสกปรกตีต้อนให้อ่อนหู มึงเป็นคนทุจริตเหมือนพิษงู ออกมาสู้หมอแล้วไม่แคล้วเลย แต่บรรดาพวกมึงอย่าพึ่งนึก เห็นจะลึกเต็มประดานิจจาเอ๋ย เป็นพวกล้างศาสนาจะพาเลย ไปก่ายเกยไม้กางเขนก็เห็นความ เพราะมึงล้างศาสนาเข้าหาพ่อ จะตอบต่อว่ากระไรขอไต่ถาม หรือพ่อมึงจะคุ้มบาปช่วยปราบปราม จะไปห้ามขุมนรกไม่ตกเลย วายุพัฒน์ขัดข้องจึ่งร้องตอบ ท่านว่าชอบจริงจังดั่งเฉลย นับถือพ่อบาปแท้หรือแกเคย จะให้เลยไปเหมือนอย่างมังคลา กระนั้นหรือพระอาจารย์ชาญฉลาด ให้ทิ้งญาติทิ้งวงศ์เผ่าพงศา นั่นหรือเป็นคนดีมีปัญญา พระมังคลาไปสวรรค์อยู่ชั้นใด ฯ ๏ บาทหลวงแค้นแหงนหน้าว่าอุเหม่ อ้ายโว้เว้พูดมากถลากไถล เดี๋ยวนี้มึงอวดฝีมือถือข้างไทย ก็จะให้พระเจ้าเอาชีวง อย่าพักพูดลอยหน้าว่ากับพระ ที่จะละมึงไว้อย่าใหลหลง แล้วว่าเฮ้ยนายทหารชาญณรงค์ เร่งโบกธงแม่ทัพจับเอาตัว อ้ายนี่ล้างศาสนาสารพัด ทั้งเสียสัตย์เกะกะฉะเอาหัว มาเสียบไว้ให้รู้สึกสำนึกตัว เอ็งอย่ากลัวเอาสิหวาดาประดัง ทหารฮึกนึกว่าเด็กเล็กเท่านี้ มันจะดีมาอย่างไรเพราะใจหวัง เอาปืนยิงวิ่งเข้ามาดาประดัง จนกระทั่งหน้าม้าร้องท้าทาย เองนี้หรือชื่อว่าวายุพัฒน์ จะจับตัดหัวริบให้ฉิบหาย บาทหลวงขับรถฝรั่งกำบังกาย แกมุ่งหมายแค้นขัดอัดอุรา คิดจะจับวายุพัฒน์ตัดศีรษะ ให้สมกะแค้นจิตด้วยริษยา มันไม่เคยลบหลู่แต่อยู่มา ในลังกาก่อนไรก็ไม่มี เพราะพวกพ้องของมันมาพันผูก นับพ่อลูกปูย่าเป็นราศี มันจึ่งพูดดุดันขึ้นทันที เป็นไรมีจับฆ่าให้สาใจ พลางเร่งทัพขับพหลพลฝรั่ง ปืนประดังยิงกันเสียงหวั่นไหว ฝ่ายพระจอมสินสมุทรวุฒิไกร เสนาในพวกรบสมทบพล ต่างเร่งกันเข้ารับทัพฝรั่ง ตีประดังดาษดาโกลาหล บาทหลวงเห็นได้ทีให้รี้พล ทำเดินวนเหมือนจะล่าเอายาโรย ใส่กล้องเป่าขึ้นไปในอากาศ เป็นหมอกกลาดยาปลิวคนหิวโหย กระทบกลิ่นยาพิษให้อิดโรย พอลมโชยอ่อนทั่วทั้งมัวเมา หกกษัตริย์ปรึกษาให้ล่าทัพ ไปตั้งรับเรียงรายอยู่ชายเขา พอพักคนเหนื่อยอ่อนที่นอนเมา ให้กินข้าวเจือจานเครื่องหวานมัน คนที่ถูกยาเบื่อครั้นเหื่อตก ตัวสั่นงกดูเหมือนเพ้อละเมอฝัน พอสุริยนสนธยาลงสายัณห์ พลขันธ์สร่างเมาบรรเทาคลาย ฯ ๏ จะกล่าวข้างสังฆราชพระบาทหลวง ครั้นเห็นดวงจันทร์กระจ่างสว่างฉาย ให้พักคนพลไกรทั้งไพร่นาย ดูแยบคายกองทัพที่อัปรา ให้ตีฆ้องกลองฝรั่งระวังศึก ฉวยเหิมฮึกจะลำบากยากนักหนา จนสั่งกันทุกหมวดเร่งตรวจตรา รายรักษานั่งยามเหมือนตามเดิม แล้วเรียกพวกฝรั่งมาสั่งพร้อม จงคอยด้อมดูศึกจะฮึกเหิม ประตูค่ายรายพลเอาคนเติม มันจะเหิมฮึกมาเข้าราวี อย่าวางใจศัตรูเหมือนงูพิษ จะแผลงฤทธิ์ระวังไว้ในวิถี มันก็คงกลับมาคอยราวี ค่ำวันนี้มั่นคงอย่าสงกา แกสั่งเสร็จเข้าไปตรองมองตำหรับ จะแต่งทัพแก้ไขให้หนักหนา พลางพลิกดูในฉบับตำหรับตำรา พวกไทยมาครอบครองเป็นของตัว จนศาสนาอับปางเสียอย่างเยี่ยง จะบ่ายเบี่ยงกำจัดคิดตัดหัว แม้นตายเสียจนจิตต้องคิดกลัว ถ้าว่าตัวกูยังดีมีชีวง ที่จะให้ไทยอยู่อย่าหมายมาด คงจะกวาดให้กระจุยเป็นผุยผง จะขอสู้กว่าชีวิตจะปลิดปลง เอาให้คงคืนมาเหมือนวาจัง แล้วเรียกท่าวโกสัยมาในนี้ เอาแผนที่บอกให้ดั่งใจหวัง เรียนตำหรับตำราเหมือนวาจัง เองจงฟังเรื่องราวคิดเล่าเรียน ทั้งกลไกหลายอย่างทางเสน่ห์ อุปเท่ห์หมื่นแสนในแผ่นเขียน แกจัดแจงบอกกล่าวให้เล่าเรียน เองพากเพียรดูแลให้แน่นอน จะได้ช่วยกันคิดเป็นศิษย์หา อันตำราที่ไม่รู้กูจะสอน จงตั้งเพียรเรียนเล่าอย่าหาวนอน จะได้สอนให้เอ็งรู้ดูตำรา จงมาถือเพศฝรั่งข้างอังกฤษ เป็นลูกศิษย์ซื่อตรงเหมือนวงศา กูก็ไม่เกียดกันไม่ฉันทา มีวิชาอย่างไรจะให้เอง ท้าวโกสัยคำนับรับว่าได้ กูบอกให้แล้วอย่าโกงทำโฉงเฉง เรียนเอาไว้กันตัวอย่างกลัวเกรง ทางนักเลงมากมายหลายกระบวน ทั้งกลไกหลายอย่างทางวิเศษ ทั้งมนต์เวทมีประกอบได้สอบสวน แล้วนั่งบอกที่จะใช้ในกระบวน ให้ถี่ถ้วนตามตำหรับฉบับครู ฯ ๏ ท้าวโกสัยได้วิชาของตาเฒ่า ไปนอนเล่าฝึกสอนจนอ่อนหู พอได้หน้าลืมหลังตั้งแต่ดู มันไม่รู้จนสักสิ่งยิ่งกริ่งใจ เวียนไปหาตาเฒ่าเจ้าตำหรับ แต่พอกลับลืมสิ้นดิ้นไม่ไหว เวียนไปถามตามประสงค์ที่จงใจ แกบอกให้ด่าป่นเจ้าคนดี มึงเรียนได้แต่ข้าวสุกคลุกปลาย่าง กระดิกหางตรงใส่มิได้หนี ไม่คู่ควรกับวิชาคนกาลี เป็นสุดที่จะบอกกล่าวเจ้าประคุณ ปัญญามึงถึงเอกเสกข้าวสุก แกผุดลุกโกรธเกรี้ยวทั้งเฉียวฉุน สอนอ้ายพวกตาเหลืองมักเปลืองทุน ไม่มีคุณมีค่าแกด่าพลาง เหมือนเอาแก้วออกมาล่อผูกคอหมา เสียวิชาของดีคนผีสาง ให้ตำราตำหรับมันจับวาง สักสองอย่างก็ไม่ได้จนใจจริง จะร่ำเรียนเขียนอ่านป่วยการแท้ มันดีแต่บิดเบี้ยวเกี้ยวผู้หญิง ดูหน้าตาสารพันขยันจริง ทั้งเพราพริ้งหมดจดดูงดงาม ไฉนหนอโง่นักอ้ายยักษ์เคอะ ดูมันเปรอะเต็มระยำอ้ายส่ำสาม คล้ายกับอูฐลากรถชะงดงาม ใช้ให้หามกระบุงใหญ่เลี้ยงไพร่พล นั่นแหละสมกับที่โง่อ้ายโคถึก มาทำศึกนี้กูเห็นไม่เป็นผล แกจึงเรียกเสนาพลาพล คิดจะปล้นเมืองปากน้ำที่สำคัญ ให้เตรียมเครื่องอาวุธทั้งชุดคบ สำหรับรอบยิงแย้งให้แข็งขัน ปีกนกสับคาบศิลาสักห้าพัน ระบองสั้นแหลนหลาวทั้งง้าวทวน อีกโล่ดั้งบังกายให้หลายอย่าง ได้ท่าทางตีระดมเหมือนลมหวน พังประตูเข้าข้างบกยกกระบวน เอาง้าวทวนแทงบุกเข้าคลุกคลี จู่เข้าไปอย่าให้มันมาทันรู้ ทุกหมวดหมู่ทำศึกอย่านึกหนี ใครอย่าทำปัวเปียให้เสียที เปรียบเหมือนผีล้วงกินให้สิ้นเชิง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในเมืองให้เตรียมทัพ ไว้คั่งคับจุนเจือให้เหลือเหลิง ไม่ไว้ใจไพรีคงมีเชิง มันละเลิงอาจหาญคอยต้านตี จำจะคิดผ่อนปรนเอาคนหาญ ออกต้านทานคอยรับเหมือนทัพผี แม้นข้าศึกฮึกโหมเข้าโจมตี เราจึ่งกรีธาทัพออกรับรอง ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร จะใคร่หักศึกใหญ่พระทัยหมอง พระนิ่งนึกตรึกไตรในทำนอง ควรจะต้องแหกค่ายแม้นไว้นาน จะกำเริบเติบใหญ่เหมือนไฟติด คงแผลงฤทธิ์เผาทุกสิ่งจริงนะหลาน นิ่งไว้ช้าอาก็เห็นไม่เป็นการ คิดต่อต้านจับกุมตะลุมบอน แม้นได้ตัวสังฆราชอ้ายบาทหลวง จะเบาทรวงราวกับทิ้งก้อนสิงขร อายนี่ตัวไฟเก่าเผานคร ราษฎรเหนื่อยยากลำบากครัน ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร ให้แสนสุดเคืองแค้นแสนกระสัน จึ่งกราบทูลกับพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ขอผ่อนผันเป่าปี่ให้มีชัย มันคงหลับจับตัวสังฆราช มาพิฆาตเข่นฆ่าอย่าปราศรัย พระเจ้าอาตรัสตอบว่าขอบใจ พ่อคิดได้ดียิ่งจริงจริงเจียว อันตัวอาครานี้เหมือนผีบิด เข้าบังจิตตรองตรึกนึกประเดี๋ยว ก็เคลิ้มไคล้ไปทุกสิ่งจริงจริงเจียว แต่ขับเคี่ยวการณรงค์ทำสงคราม คิดอะไรไม่ตลอดมักออดแอด มันแก่แรดหรือกระไรแม้นใครถาม มันเลอะเทอะเปรอะไปไม่ได้ความ เป็นแต่ตามเขาไปไม่ได้การ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร ปรึกษาสุดสาครน้องพวกพ้องหลาน กับท่านครูจักราปรีชาชาญ เราคิดการใครจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ ๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราพฤฒาเฒ่า จึ่งก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข คิดตัดรอนผ่อนศึกดั่งตรึกไตร เห็นจะได้สมประสงค์เหมือนทรงตรอง พระทรงฟังจักราพฤฒาเฒ่า ที่ร้อนเร่าไม่สบายค่อยวายหมอง เห็นจะสมคะเนนึกดั่งตรึกตรอง จึงป่าวร้องพลไกรทั้งไพร่นาย ให้เอาดินจุกหูรู้กันทั่ว ระวังตัวหมดด้วยกันอย่าผันผาย เร่งกินอยู่หลับนอนผ่อนสบาย ทั้งไพร่นายแต่บรรดามาด้วยกัน เวลาดึกตัวเราจะเป่าปี่ ขุนเสนีเร่งกำกับเป็นทัพขันธ์ เครื่องอาวุธยุทธนาสารพัน จงเตรียมกันให้พร้อมคอยล้อมวง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร ให้แสนสุดแค้นจิตพิศวง คอยฤกษ์ยามตามที่เรียนเสร็จเวียนวง ดูดาวธงในฉบับตำหรับครู ขึ้นเมื่อไรก็จะได้ออกเป่าปี่ จับไพรีเมื่อมันนอนให้อ่อนหู แต่เดินเวียนเพียรชะแง้คอยแลดู เห็นรุบหรู่ยังไม่ชัดถนัดดวง พระจึ่งหยิบปี่แก้วอันแพรวพร้อย มานั่งคอยในระหว่างหนทางหลวง ครั้นดาวขึ้นเด่นแดงเห็นแสงดวง พระบวงสรวงเทพไทในวิมาน จะขอปราบแต่บรรดาประจามิตร ทศทิศที่ในเขตประเทศสถาน เชิญมาช่วยป้องกันอันธพาล อธิษฐานแล้วเสร็จสำเร็จปอง จึ่งจับปี่ของพระองค์ผู้ทรงศีล แล้วเอาลิ้นใส่เลาเป่าปี่สนอง เปิดนิ้วดังวังเวงเป็นเพลงลอง สำเนียงก้องโกญจนาทประภาษไป เสนาะดังสังวาสเสียงหวาดแว่ว จะเจื้อยแจ้วจำเรียงส่งเสียงใส โอ้ดาวเคลื่อนเดือนคล้อยจะลอยไป ลับพุ่มไม้มืดมัวทั่วนภดล หนาวน้ำค้างพร่างพรมเป็นลมหวน เวลาจวนจะสว่างกลางเวหน คิดถึงเรือนเพื่อนสนุกมาทุกข์ทน ต้องเวียนวนมาลำบากจากที่นอน มารบพุ่งยุ่งยิ่งต้องทิ้งมิตร ที่เชยชิดพุ่มพวงดวงสมร แสนอาลัยไปลำบากเพราะจากจร ยิ่งอาวรณ์ไม่รู้สิ้นถวิลครวญ ป่านฉะนี้เนื้อเย็นจะเป็นไฉน สุมาลัยเจ้าจะคอยละห้อยหวน ต้อยตะริดติดตี่เสียงปี่ครวญ พลางแหบหวนบรรเลงเพลงชวา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ทีจะง่วงไม่เป็นสุขลุกผวา ได้ยินเสียงปี่แก้วแว่ววิญญาณ์ เรียกเสนาพวกฝรั่งอย่ารั้งรอ อยู่ไม่ได้แล้วหวาเรามันเป่าปี่ เสียงเช่นนี้ฟังมาหนักหนาหนอ เร่งบอกกันพร้อมพรั่งอย่ารั้งรอ มันเกิดก่อความยากลำบากจริง แล้วเรียกท้าวโกสัยไวไวหวา ไปเภตราอยู่ที่นี่ผีจะสิง แม้นช้าไปตายหวาอย่าประวิง แล้วแกวิ่งพากันกลับทั้งทัพชัย รีบไปลงนาวาพากันแล่น ออกจากแดนลังกาเที่ยวอาศัย ตามละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งไป จนอุทัยส่องสีรวีวรรณ ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช ครั้นภาณุมาศส่องสว่างทางสวรรค์ บรรทมตื่นฟื้นจากอาสน์สุวรรณ ก็ผายผันจากห้องทองประจง ชวนพระนุชบุษบงสรงกระสินธุ์ สุหร่ายรินอบละอองในห้องสรง น้ำกุหลาบซาบกระเซ็นเย็นทั้งองค์ ครั้นเสร็จทรงสุคนธ์ปนอำพัน นางถวายอยู่งานคลานไปพัด สองกษัตริย์อิ่มเอมเกษมสันต์ เสวยเครื่องโภชนาสารพัน อยู่บนชั้นท้ายบาหลีที่สำราญ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ให้เศร้าทรงวุ่นวายหลายสถาน ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีรวีวาร ออกจากด่านแล่นมาในสาคร ถึงเกาะรายท้ายลังกาแวะอาศัย แอบเข้าไปชายตลิ่งริมสิงขร เห็นกำปั่นทอดท่าริมสาคร พวกคนนอนอยู่ในลำออกคล่ำไป ใช้เรือโล้กับล่ามไปถามซัก ก็รู้จักพูดจาต่างปราศรัย แล้วจึ่งถามตามประสงค์ที่จงใจ หรือใครใช้จึ่งมาหลงเที่ยววงเวียน ฯ ๏ พวกในลำกำปั่นครั้นเขาถาม จึงแจ้งความมารยาเป็นพาเหียร พระมังคลาพาหลงเที่ยววงเวียน ตามเกาะเกียนไม่รู้แห่งตำแหน่งนาม แล้วว่ามากับใครที่ไหนเล่า เที่ยวตามเจ้าหรืออย่างไรขอไต่ถาม พวกเรือใช้จึงแถลงแจ้งเนื้อความ บาทหลวงข้ามหนีมาจากธานี จึงใช้ข้ามาดูให้รู้จัก มาหยุดพักแล้วจะไปในวิถี เที่ยวหาคนรู้วิชาปัญญาดี ชวนไปตีสิงหลปล้นเอาเมือง แล้วจะไปตามองค์พงศ์กษัตริย์ แกเคืองขัดจะจับฆ่าให้ตาเหลือง แล้วจะกลับไปบุรีตีเอาเมือง กูรู้เรื่องเสร็จสิ้นอย่ากินใจ พวกในลำกำปั่นครั้นได้แจ้ง เขาแถลงเรื่องความตามสงสัย จึงใช้พวกนายทหารอันชาญชัย ให้รีบไปทูลแถลงแจ้งคดี ฯ ๏ พวกคนใช้ฝ่ายทหารลงเรือช่วง ครรไลล่วงไปประณตบทศรี ทูลแถลงแจ้งข้อคดีมี ว่าบัดนี้บาทหลวงแกล่วงมา ใช้ให้พวกนายฝรั่งมาฟังเหตุ ว่าทรงเดชไปข้างไหนอย่างไรหนา แกลงกำปั่นใหญ่รีบไคลคลา จากลังกาเที่ยวแสวงทุกแห่งไป ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช รู้ว่าบาทหลวงมาตามความสงสัย จำจะหนีไปให้พ้นคนจัญไร จึงสั่งให้ต้นหนพวกคนเคย ค่ำวันนี้รีบไปเสียให้พ้น ไปกำพลเพชรเถิดหวาเสนาเอ๋ย แต่อย่าให้อื้ออึงเหมือนหนึ่งเคย จงรีบเลยไปแต่ดึกเหมือนตรึกตรา เองรีบไปบอกให้กำปั่นทอด เร่งเล็ดลอดล่วงไปไวไวหวา ดึงสงัดกูจะจัดแจงเภตรา แต่บรรดาพวกเราจะเอาไป พระสั่งเสร็จเข้าในท้ายบาหลี เล่าคดีกัลยาพลางปราศรัย วันนี้เราก็จะกลับกองทัพไป แวะอยู่ในกำพลเพชรพอเสร็จการ บาทหลวงล่าทัพมาอยู่หน้าเกาะ แกเจ้าเคราะห์วุ่นวายหลายสถาน แม้นปะเข้าเล่าก็เห็นไม่เป็นการ จะรำคาญเคืองข้องให้หมองมอม พระคลึงเคล้าเยาวมิ่งวิมลพักตร์ ถนอมชักชวนชิดสนิทถนอม เหมือนแมลงผึ้งคลึงเกสรเฝ้าวอนตอม ถนอมหอมไม่รู้สิ้นถวิลครวญ พายุพยับอับฟ้าเวหาหาว ทั้งเดือนดาวลับจมเป็นลมหวน สุนีร้องก้องเปรี้ยงสำเนียงครวญ พิรุณชวนโปรยปรอยเป็นฝอยฟอง เมขลาโยนแก้วแววสว่าง อสูรขว้างขวานลั่นผันผยอง ปลาอานนต์พ่นน้ำดังลำคลอง เป็นฝอยฟองพุ่งพ้นชลธาร เขาพระเมรุเอนเอียงเพียงจะคว่ำ ทุกเถื่อนถ้ำเปรื่องเปรี้ยงเสียงประสาน สกุณินบินร้องก้องกังวาน เสียงประสานกาแกแซ่สำเนียง ฝูงเหมหงส์ลงถ้ำเที่ยวร่ำร้อง ประสานซ้องแซ่ดงพลางส่งเสียง ชโลธาปลาร้ายขึ้นว่ายเรียง กำปั่นเอียงดังจะคว่ำเป็นน้ำนอง ฯ ๏ สองภิรมย์สมสนิทพิศวาส ไม่ห่างอาสน์เฝ้ากระชิดสนิทสนอง จนเดือนเที่ยงเสียงครื้นคลื่นคะนอง ประมาณสองยามย่ำในอำพน พวกนายท้ายบ่ายกำปั่นออกหันเห จากทะเลเกาะท่าหน้าสิงหล สังเกตคุ้งมุ่งเมืองเพชรกำพล ฝ่ายต้นหนตั้งเข็มเต็มชำนาญ ลมก็ส่งตรงมาเหมือนม้าห้อ แล่นใบต่อบูรพาหน้าอีสาน จนแจ่มแจ้งแสงสีรวีวาร แสนสำราญทั้งพหลพลไกร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ครั้นหายง่วงออกมาแลดูแขไข จวนจะรุ่งสุริโยอโณทัย แกดูในนภางค์กลางโพยม เห็นดวงดาวเจ้าลังกาสีกล้าแข็ง มีขอบแดงดูแต่ไกลดั่งไฟโหม แล้วเปล่งแสงโชติช่วงดั่งดวงโคม จะหักโหมยากแท้ไม่แปรปรวน แม้นสีเศร้าเราคงได้ชัยชนะ ก็จำจะหาอุบายคิดไต่สวน กลับไปเมืองโรมวิสัยคิดใคร่ครวญ หาแต่ล้วนคนดีมีวิชา แต่แค้นใจมังคลาสานุศิษย์ จะตามติดให้ได้ตัวชั่วนักหนา มันได้เมียลืมกูผู้ครูบา ไม่รู้ว่าไปอยู่หนตำบลใด พอคนที่สืบข่าวเขารีบกลับ มาคำนับชี้แจงแถลงไข ว่ามังคลาพาพหลพลไกร ไปข้างไหนไม่รู้แห่งตำแหน่งทาง พบแต่เรือหลงทางอยู่กลางเกาะ เที่ยวสืบเสาะแล่นลัดก็ขัดขวาง แต่ลอยแล่นเวียนวงหลงหนทาง ใช่ขุนนางมีแต่ไพร่อยู่ในเรือ พอใช้ใบเกิดพายุระบุระบัด กำปั่นซัดไปข้างใต้หรือฝ่ายเหนือ ไม่ปะกันทั้งหมดอดข้าวเกลือ เที่ยวหาเนื้อเป็นเสบียงพอเลี้ยงกัน หางเสือหักจักรท้ายก็หายด้วย คนเจ็บป่วยกลางทะเลเที่ยวเหหัน ข้าถามไต่ไม่ได้ความเที่ยวตามกัน คนทั้งนั้นนอนกลาดดาษดา ฯ ๏ บาทหลวงว่านั้นเป็นไรมิใช่หรือ เพราะมันถือผู้หญิงมาจริงหวา เอาอีเมียเข้าชิดผิดตำรา กูด่าว่ามันก็โกรธจะโทษใคร เขาว่าอีแม่รักมันชักชั่ว พลอยอ้ายผัวได้ยากถลากไถล แม้นตามพบกูจะทำให้หนำใจ ท้าวโกสัยมึงชะรอยปล่อยให้มา จนเสียทัพยับย่นออกป่นปี้ มึงเห็นดีกับลูกเขยเลยหรือหวา ปล่อยให้ทำผิดฉบับตำหรับตำรา ชอบแต่ฆ่ามึงเสียด้วยให้ม้วยมรณ์ แกฉุนโกรธเต็มประดาจนตาเหลือก ถอดเอาเกือกตีผึงมึงแลสอน แล้วฉีกเสื้อเผาไฟไม่ให้นอน ทั้งฟูกหมอนโยนไปในทะเล แล้วเรียกเหล้ามากินจนสิ้นขวด สั่งให้ตรวจพลไกรใครไพล่เผล เอากฎหมายเดินทางกลางทะเล ใครเกเรฆ่าให้บรรลัยลาญ แล้วสั่งให้ถอนสมออย่ารอรั้ง เอาเข็มตั้งบูรพทิศติดอีสาน เกือบจะรุ่งรังสีรรีวาร เร่งจัดการอย่าให้ช้าจะคลาไคล ฯ ๏ ต้นหนรับจับคนขึ้นบนเสา ให้ชักเพลาติดรอกออกไสว กะลาสีคลี่สายระบายใบ จวนอุทัยส่องฟ้านภาภางค์ พอได้ลมพัดกล้ามาริ้วริ้ว จับธงปลิวใบสะบัดไม่ขัดขวาง เรือก็แล่นใบขาวตามราวทาง แลสล้างมิใช่น้อยกว่าร้อยพัน แวะเข้าตีบ้านเจ็กเมืองเล็กน้อย ได้ข้าวกลอยเป็นเสบียงเลี้ยงพลขันธ์ ทั้งเป็ดไก่หมูปลาสารพัน พอกินกันตามทางกลางทะเล ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราลังกาเกาะ ทั้งปี่เพราะคนชวนกันสรวลเส เพราะรู้กลอุบายคิดถ่ายเท ครั้นจวนเวลารุ่งคอยมุ่งมอง สินสมุทรหยุดปี่เสนีพร้อม ให้ยกอ้อมไประวังทางทั้งสอง จับเอาคนนอนหลับทุกทัพกอง อย่าโห่ร้องอื้ออึงคะนึงไป พวกทหารชาญณรงค์เคยยงยุทธ์ แกว่งแต่ชุดถือง้าวยาวไสว ค่อยย่องเดินมิให้ดังระวังระไว แอบเข้าไปค่ายหน้าชายสาคร ไม่เห็นคนพลไพร่ทั้งนายทัพ หรือนอนหลับดอกกระมังบังสิงขร ทั้งฟืนไฟหายทั่วหรือมัวนอน เป็นการร้อนพากันกรูจู่เข้าไป ไม่เห็นคนพลไพร่นายทหาร ออกจากด่านรีบไปท่าชลาไหล ทั้งกำปั่นพันร้อยมันถอยไป สืบไม่ได้กลับไปทูลมูลความ ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสมันคงเวียนเป็นเสี้ยนหนาม เพราะไม่สมปรารถนาพยายาม คงก่อความไม่รู้หมดเพราะคดโกง สังฆราชคนนี้มิใช่ชั่ว มันเป็นตัวจัญไรอ้ายตายโหง ทั้งฉลาดปราดเปรื่องในเรื่องโกง คนออกโคลงหัวมันเพราะปัญญา ฯ เราก็หมายตัดต้นจะโค่นเง่า มันกลับยาวไปเสียได้อย่างไรหนา ไม่รู้สิ้นเหมือนฉบับตำหรับตำรา ทั้งลูกยาหลานจะคิดไปติดตาม หรือกระไรใจคอของหน่อนาถ มันร้ายกาจเหลือจะยากเป็นขวากหนาม แต่ทำศึกตรึกตราพยายาม ก็กว่าสามสิบปีไม่มีวาย ฯ ๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราพฤฒาเฒ่า แกก้มเกล้าทูลพลันอย่าผันผาย ให้ลำบากยากใจทั้งไพร่นาย คิดอุบายตั้งมั่นกันบุรินทร์ แม้นข้าศึกยกมาตั้งหน้ารับ แต่งแต่ทัพบกไว้เหมือนใจถวิล คิดบำรุงกรุงลังกาเป็นธานินทร์ การแผ่นดินจัดไว้ทั้งไพร่พล ทหารรบตบแต่งตำแหน่งไหน บำรุงไว้สารพัดอย่าขัดสน เลี้ยงทหารชาญณรงค์ที่คงทน ทั้งล่องหนบังกายให้หลายพัน ฯ ๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ มิเสียทีที่เป็นปราชญ์ฉลาดครัน คิดป้องกันนคราให้ถาวร พระเห็นพร้อมสารพัดจัดไว้สู้ เอาตามครูเป็นฉบับตำหรับสอน ให้แซมซ่อมป้อมค่ายในนคร เป็นการร้อนให้สำเร็จในเจ็ดเดือน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช ล่วงลีลาศเร็วไวใครจะเหมือน ให้รีบรัดตัดวิถีมาสี่เดือน ไม่แชเชือนแล่นตะบึงถึงพารา กำพลเพชรธานีบุรีรัตน์ ปะกษัตริย์สามองค์โอรสา กับไทท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นประชา พากันมาคอยอยู่หน้าบูรินทร์ กำปั่นใบใหญ่น้อยลอยสล้าง ที่ในทางธารท่าชลาสินธุ์ พระมังคลาพาท้าวเข้าบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นโอรสยศยง ขึ้นรถแก้วแววสว่างกระจ่างกระจก บุษบกกุก่องทองระหง พร้อมนิกรเกณฑ์หัดจัตุรงค์ เสด็จตรงเข้าในวังยังมนเทียร เสวกาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ มาหมอบกลาดบนชานพักตำหนักเขียน ทูลถวายเครื่องต้นทั้งมนเทียร แก้ววิเชียรคู่กษัตริย์ขัตติยา สำหรับวางข้างที่สีสว่าง พวกขุนนางหมอบรายทั้งซ้ายขวา เครื่องสิบสองท้องพระคลังอลังการ์ จะพรรณาไปก็รู้อยู่ด้วยกัน ธรรมดาของกษัตริย์ไม่ขัดข้อง ทั้งเงินทองสารพัดล้วนจัดสรรค์ เพราะเกิดเหล็กสีแดงแสงตะวัน ในเมืองนั้นคนผู้จึ่งดูแดง พระมังคลาพานางขึ้นปรางค์รัตน์ กับกษัตริย์เสร็จบนที่มณีแสง พนักงานสารพัดมาจัดแจง ทุกตำแหน่งมิได้ขาดราชการ ท้าวรายาผาสุกสิ้นทุกข์ร้อน ค่อยหลับนอนอิ่มเอมเกษมศานต์ สามพระหน่อวรนาถว่าราชการ ฝ่ายทหารเสนาประชาชน ค่อยผาสุกทุกทิวาต่างปราโมทย์ สมประโยชน์ศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ทั่วขอบขัณฑเสมาประชาชน เพชรกำพลมั่งคั่งทั้งแผ่นดิน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง เที่ยวแล่นล่วงในมหาชลาสินธุ์ ให้แค้นจิตที่จะสู้หมู่ไพริน ไม่รู้สิ้นเจ็บใจในลังกา ดูตำหรับกับชะตายังกล้าแข็ง คงจะแย่งเอาให้สมที่ปรารถนา แล้วหวนฮึกนึกแค้นพระมังคลา ควรหรือมาเป็นศัตรูทั้งดูแคลน ถ้าพบปะแล้วไม่ละอ้ายทรยศ มันคิดคดตัดเยื่อทำเหลือแสน พบที่ไหนใส่เจ้าทุกด้าวแดน ไม่หายแค้นหายเจ็บจนเย็บตา แล้วแกสั่งมูลนายฝ่ายทหาร แม้พบพานแก่งเกาะแวะเสาะหา เพื่อจะปะคนดีมีวิชา แต่บรรดาเมืองเกาะเที่ยวเสาะไป ถึงสามเดือนเคลื่อนคล้อยแต่ลอยล่อง มาตามท้องทะเลวนชลใส แต่แวะเวียนตามเกาะเที่ยวเสาะไป จนเกือบใกล้กำพลเพชรอีกเจ็ดวัน ฯ ๏ จะกล่าวถึงยักขินีพวกปีศาจ อยู่ชายหาดเป็นเชื้อยักษ์มักกะสัน พิเคราะห์ดูร่างกายคล้ายกุมภัณฑ์ แต่หน้านั้นแดงเขียวเหมือนเสี้ยวกาง เที่ยวจับสัตว์มัจฉาเป็นอาหาร ฝูงปลาวาฬฉุดลากกระชากหาง แบกเอาไปในพงล้วนดงยาง มันอยู่กลางป่าไม้ชายคิรี พอกำปั่นแล่นมาถึงหน้าหาด พวกปีศาจปรีดิ์เปรมเกษมศรี มันลุยน้ำลงมาไม่ช้าที ร้องเรียกผีปีศาจตามหาดทราย ลงมายืนอยู่สะพรั่งตามฝังน้ำ ทั้งโตดำมั่นตั้นขันใจหาย ถือลูกขลุบตามยาวทั้งบ่าวนาย เหน็บพร้าพรายเดินหลามตามกันมา อ้ายตัวนายใส่เสื้อหนังเสือโคร่ง เหมือนผีโป่งพูดได้หลายภาษา มันกวักมือเรือใบให้เข้ามา ส่งภาษาขอเหล้าให้เรากิน ฯ ๏ บาทหลวงเห็นท่วงทีอ้ายนี่ยักษ์ จำจะชักชวนมันไปดั่งใจถวิล จะได้ช่วยรบสู้กู้แผ่นดิน แกให้ผินเรือเข้ายกเหล้ามา กับไก่แกะแพะเนื้อเถือลงไว้ แวะเข้าไปริมหาดปรารถนา จะเกลี้ยกล่อมไว้ใช้ไปลังกา เป็นทัพหน้าเหมาะใจใครจะปาน แล้วสั่งให้เรือจอดทอดสมอ เอาแตรห้อเป่าประดังระฆังขาน เหมือนเชิญให้ลงมาปรึกษาการ พอสำราญกินอยู่ทุกผู้คน ฯ ๏ อ้ายพวกผีดีใจน้ำลายหยด ลุกขึ้นหมดวิ่งเลือกเสลือกสลน ลงไปลำกำปั่นทั้งพันตน เห็นผู้คนยกเหล้าเอามาวาง มันดีใจนั่งลงส่งภาษา ว่าท่านมาถึงที่เมืองผีสาง จะประสงค์สิ่งใดอย่าได้พลาง หรือหลงทางถิ่นฐานประการใด ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเจ้ามารยาจึงว่าขาน อันเมืองบ้านมิได้หลงอย่าสงสัย เกิดรบพุ่งยุ่งยิ่งต้องชิงชัย กับพวกไทยวุ่นวายมาหลายปี เหล่าพหลพลไพร่ตายเสียมาก แสนลำบากเต็มประดาต้องล่าหนี พวกเขามากไล่บุกเข้าคลุกคลี จะต่อดีเหลือกำลังประทังทน ฯ ๏ อ้ายยักษ์ผีปีศาจตวาดว่า ท่านอย่าปรารมภ๊ไปในสิงหล แต่พวกเราจะเข้าไปช่วยไล่คน มันไม่ทนได้ดอกบอกจริงจริง อายพวกผีขึ้เมากินเหล้าหมด ทั้งเนื้อสดไก่ด้มขนมผิง ครั้นอิ่มหนำซ้ำว่าอย่าประวิง จะช่วยชิงเอาพาราลังกาคืน แล้วลุกขึ้นสาวหนวดทั้งอวดอ้าง แต่นำทางให้แก่ข้าอย่าฝ่าฝืน ทางจะถึงบุรีสักกี่คืน ท่านอย่าตื่นตกใจไปด้วยกัน บาทหลวงยิ้มอิ่มใจดั่งได้แก้ว ค่อยผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ เราจะไปกำพลเพชรสักเจ็ดวัน พอผ่อนผันหาเสบียงไปเลี้ยงพล ฝ่ายปีศาจจึงว่าจะลาก่อน เมื่อจะจรยกไปในสิงหล เราจะไปเนินคิรีจัดรี้พล แล้วขึ้นบนชายตลิ่งต่างวิ่งไป ฯ ๏ บาทหลวงให้ถอนสมออย่ารอรั้ง เอาเข็มตั้งไปให้ตรงอย่าหลงใหล สังเกตแก่งแขวงมุ่งเอากรุงไกร ให้เลียบไปตามแผนแสนสำราญ ข้ามละเมาะเกาะเกียนไม่เวียนแวะ ให้เลียบและแล่นไปทางข้างอีสาน เกือบจะถึงเขตแดนแสนสำราญ สั่งทหารใหญ่น้อยคอยระวัง ถึงปากน้ำกำพลอย่าย่นย่อ เอาปืนล้อลากขึ้นไปดั่งใจหวัง ปืนจังกาหน้าท้ายรายระวัง แต่คอยฟังดูให้แจ้งอย่าแพร่งพราย แม้รู้ข่าวมังคลามาอยู่นี่ ตรงเข้าตีทำศึกเหมือนนึกหมาย อย่าให้รู้เหตุผลกลอุบาย คิดแยบคายให้รู้สึกสำนึกตัว เพราะมันไม่เกรงกูผู้เป็นพระ แม้เกะกะจับเสียทั้งเมียผัว อย่าให้ทันยับยั้งได้ตั้งตัว กวาดเอาครัวเสียให้หมดให้อดโซ จะได้รู้สำนึกที่ฮึกฮัก ไม่รู้จักศาสนาเยวาโห เพราะมันทำทุจริตอิศโร เอาให้โซอยู่กับที่เหมือนตีงู เฮ้ยออท้าวโกสัยได้ลูกเขย กูไม่เคยพบเห็นหน้าเป็นหนู มันละเลยเฉยได้หลายประตู กูเป็นครูมาแต่แม่ยังแชเชือน ตั้งแต่มันได้เมียเสียมนุษย์ มันแสนสุดจัญไรใครจะเหมือน ไม่รู้จักจนชั้นตะวันเดือน ดูมันเชือนหลายท่าอ้ายบ้ากาม ช่างเหมือนอีวัณฬาอีบ้าผัว มันไม่กลัวบาปกรรมอีซำสาม อ้ายนี่ก็เหมือนแม่เฒ่าเหล่าตะกลาม จะต้องตามทรมาให้สาใจ เรือแล่นมาในทางกลางกระสินธุ์ ลมก็กินใบริ้วปลิวไสว อากาศเกิดเมฆแดงเป็นแสงไฟ ตั้งขึ้นในทิศพายัพจับคงคา ต้นหนเห็นลมร้ายเป็นสายพุ่ง คล้ายกับรุ้งกล้าแข็งแรงนักหนา ให้ลดใบไล่คนบนเภตรา แต่บรรดาอยู่ในลำประจำงาน บาทหลวงเห็นลมตั้งกลางอากาศ ผิดประหลาดฟ้าแดงดั่งแสงฉาน เรียกกัปตันต้นหนพวกคนงาน จงคิดการยักย้ายระไวระวัง พอขาดคำลมหวนป่วนเป็นคลื่น ซัดขึ้นพื้นดาดฟ้าคงคาขัง เสียงครื้นครื้นคลื่นตลบกระทบด้ง กำปั่นทั้งหลายพลัดกระจัดกระจาย ฯ ๏ บาทหลวงกลัวตัวสั่นหันเข้าห้อง เสียงกึกก้องทะเลวนชลสาย คนตระหนกตกใจทั้งไพร่นาย ไม่สบายคลื่นเหียนทั้งเวียนวิง บาทหลวงนั่งตาขาวหนาวสะท้าน กินอาหารก็ไม่ได้สวายสวิง คลื่นระดมลมจัดพัดจริงจริง ลงนั่งอิงอยู่กับหมอนอ่อนอารมณ์ แกแข็งใจไหว้วอนพระเป็นเจ้า นั่งคุกเข่าบ่นพลางครางขรม อย่าให้เรืออับปางในกลางลม ขอให้สมปรารถนาที่ข้าบน แล้วเรียกท้าวโกสัยไปไหนหวา มาปรึกษากันกับกูดูอีกหน เห็นจะยังไม่ยับถึงอับจน กูก็บนพระเป็นเจ้าอย่าเศร้าใจ ฯ ๏ ฝ่ายต้นหนบนเภตรากะลาสี ต่างอึงมี่เรียกกันเสียงหวั่นไหว ลมก็ซัดปัดปั่นเรือหันไป เข้าเขตในปตาหวีพอสี่วัน พายุซาเห็นอ่าวยาวถนัด เรือก็ซัดเข้าไปพอไก่ขัน เกือบจะรุ่งรังสีรวีวรรณ คนค่อยบรรเทาร้อนผ่อนสบาย ฯ ๏ จะกล่าวกึงเจ้าพาราปตาหวี ชื่อท้าวกุลามาลีมณีฉาย เป็นแขกเทศวิเศษสุดบุรุษชาย แสนสบายบ้านเมืองเรืองตระกูล มเหสีสี่นางสำอางพักตร์ ทั้งสูงศักดิ์โภไคมไหสูรย์ ปรากฏนามตามวงศ์พงศ์ประยูร เป็นที่พูนเพิ่มสวัสดิ์กษัตรา มเหสีที่เอกภิเษกศักดิ์ ชื่อนงลักษณ์พุ่มพวงดวงบุหงา คนที่สองชื่อมณีศรีโสภา ถัดลงมาดวงประไพวิไลวรรณ นางที่สี่บุษบาสุดากนิษฐ์ เป็นที่ชิดเชยชมภิรมย์ขวัญ แต่ไม่มีลูกเตัาสืบเผ่าพันธุ์ ในเมืองนั้นคับคั่งทั้งมั่งมี ปริบูรณ์พูนสุขไม่ทุกข์ร้อน ราษฎรทั่วประเทศทั้งเศรษฐี ปราศจากโรคามายายี ไพร่ผู้ดีในจังหวัดถือสัตย์ธรรม์ อาณาเขตผาสุกสนุกสนาน มีตึกกว้านรั้วแขวงดูแข็งขัน ทั้งมั่งคั่งตั้งห้างต่างต่างกัน ลำกำปั่นพ่อค้าบรรดามี ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราอาณาจักร ประเสริฐศักดิ์อิศโรดั่งโกสีย์ แต่เมืองขึ้นหมื่นจังหวัดปัถพี เอกโทตรีจัตวามาประมูล ล้วนพารามาขึ้นแต่พื้นแขก ตั้งแต่แรกเจ้าแผ่นดินไม่สิ้นสูญ สืบกษัตริย์ตามวงศ์พงศ์ตระกูล บริบูรณ์มั่งคั่งทั้งแผ่นดิน ทหารรบนับแสนแน่นขนัด ทั่วจังหวัดบกท่าชลาสินธุ์ บำรุงไทท่านท้าวเจ้าแผ่นดิน ทั้งเพิ่มภิญโญยศปรากฏนาม ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง พอเห็นดวงเดือนกระจ่างพลางมาถาม พวกต้นหนพลฝรั่งที่นั่งยาม เรือเราตามคลื่นมาได้ห้าวัน จงเร่งจอดทอดสมอรออยู่นี่ ดูแผนที่เสียก่อนค่อยผ่อนผัน เพราะเรือเราพลัดมาถึงห้าวัน แต่กำปั่นก็ยังหายอยู่หลายลำ แกสั่งเสร็จเข้าห้องมองดูแผน ตั้งแต่แล่นออกมาหน้าไหหลำ ถูกพายุพัดส่งไม่ตรงลำ เหลือจะกำหนดกะระยะทาง เอาแผนที่คลี่ดูไม่รู้แน่ จะผันแปรแล่นลัดยังขัดขวาง จะดูเข็มเต็มทนด้วยหนทาง ต่อสว่างจึ่งจะรู้ดูคะเน ด้วยซัดมาห้าวันไม่เห็นหน เป็นเหลือจนสารพัดจะหันเห เอาแผนที่คลี่ตรองมองคะเน ก็โลเลเลอะไปไม่ได้การ ลงนั่งเซาเหงาหงอยคอยอาทิตย์ ยังมืดมิดอยู่ไม่แจ้งส่งแสงฉาน ดูก็เป็นพยับฝนอนธการ ไม่เบิกบานแจ่มแจ้งแสงอุทัย ทั้งอดนอนอดกินสิ้นสติ จะตรองตริก็มิอาจจะหวาดไหว ลงนอนนิ่งอิงหมอนถอนหายใจ ก็หลับไปบนเก้าอี้ที่ในเรือ ฯ