๏ จะกล่าวถึงพระอภัยมณีนาถ พร้อมพระญาติตรองตรึกว่างศึกเสือ สมประสงค์วงศ์วานในว่านเครือ แต่ล้วนเชื้อสายกษัตริย์ขัตติยา สินสมุทรสุดสาครบวรนาถ เชิญพระบาทบิตุรงค์เผ่าพงศา ให้เสด็จกลับหลังเข้าลังกา ทั้งเสนานักพรตหมดทุกองค์ สั่งพหลพลทหารโห่เตรียมรถ มาพร้อมหมดสมหวังดั่งประสงค์ พวกเกณฑ์แห่แออัดจัตุรงค์ ทั้งทวนธงเขียวแดงแย่งมังกร อภิรุมชุมสายรายสลับ แลระยับฉัตรเรียงเคียงสลอน เครื่องอาวุธเสโล่แลโตมร ธนูศรดาบดั้งตั้งกระบวน เชิญเสด็จสามกษัตริย์ขึ้นรถา เสวกาแห่แหนเข้าแดนสวน เจ็ดกษัตริย์พร้อมพรักแล้วชักชวน ตามกระบวนพระมุนินทร์ปิ่นประชา ฯ ๏ ชมวิหคนกไม้ในวิถี จำปาจำปีขึ้นชิดต้นกฤษณา ทั้งกาหลงชงโคโยทะกา มะลิลามะลิวัลย์พันประยงคุ์ อังกาบแก้วสายหยุดพุทธชาด ระดาดาษดอกระย้ามหาหงส์ ยี่สุ่นแซมแกมปนต้นประยงคุ์ ประดู่ดงดอกเหลืองเนื่องกันไป ฝูงกาลิงจับกิ่งอุโลกร้อง นกยูงทองจับยอดยางไสว กาสักจับยืนพลอดบนยอดไทร นกเขาไฟจับแฟบยืนแอบตัว สาลิกาจับนิ่งบนกิ่งแก้ว เสียงเจื้อยแจ้วคลอเคลียทั้งเมียผัว เห็นคนมาบินว่อนเที่ยวซ่อนตัว เพราะความกลัวหนีไปเสียไกลรัง นกขมิ้นจับแมงเม่าพลางเคล้าคู่ ซังแชวอยู่พูดพลอดยอดมะสัง กาเรียนดงส่งเสียงสำเนียงดัง บนยอตตรังแซ่ซ้องก้องกังวาน โพระดกจับไม้มะเดื่อปล้อง กระทุ้งทองจับกระถินกินอาหาร ฝูงกระทาจับกระทิงไม่นิ่งนาน ร้องประสานควักข้าวตากไปฝากตา ฯ ๏ เจ็ดกษัตริย์ทอดทัศนานก ฝูงวิหคหลายอย่างต่างภาษา จัตุบาทดาษดื่นพื้นสุธา ฝูงเลียงผาเม่นหมีชะนีไพร ละมั่งระมาดผาดเผ่นเล่นบนโขด เสือกระโดดจับฟัดจนตัดษัย ฝูงโคถึกมฤคาพากันไป เที่ยวในไพรพงกว้างทางอรัญ ทั้งลิงค่างช้างเถื่อนวิ่งเกลื่อนกลุ้ม แอบสุมทุมชายป่าพนาสัณฑ์ ทั้งฟานแฟนแล่นเรียงไปเคียงกัน ชะมดฉมันกวางทรายกระต่ายดง ฝูงแรดร้ายควายเปลี่ยวเที่ยวเลี้ยวลัด ในป่าชัฏพุ่มไม้ไพรระหง ทั้งฝูงฬากาสรในดอนดง ตุ่นกระจงจามรีมีบนเนิน เจ็ดกษัตริย์ทัศนาในป่าไม้ ยกพลไปตามลำเนาภูเขาเขิน ระยะย่างทางไปพอใจเพลิน รีบดำเนินพลไปใกล้ลังกา ฯ ๏ ฝ่ายพระยาวาโหมที่อยู่ด่าน เมืองป่าตาลพร้อมพรักคอยรักษา ครั้นรู้ข่าวเจ้านายเสด็จมา ก็ปรีดาต้อนรับกองทัพพลัน เอาสิ่งของกองรายถวายเสร็จ เชิญเสด็จทรงเดชเข้าเขตขัณฑ์ เจ็ดกษัตริย์สุริย์วงศ์เผ่าพงพันธุ์ ทั้งนักธรรม์เสวกาพลากร พระอภัยมุนีฤๅษีสาม เสด็จตามมรรคาหน้าสิงขร หยุดประทับรถาพลากร เจ้านครนคราเมืองป่าตาล เจ็ดกษัตริย์ขึ้นประทับบนตึกใหญ่ พลไพร่พวกพหลพลทหาร เข้ายับยั้งนั่งนอนผ่อนสำราญ เสพอาหารถ้วนทั่วทุกตัวตน พระอภัยมุนีหลวงชีสอง เสวยของโอชาผลาผล เจ็ดกษัตริย์ขัตติยาเจ้าสากล ให้ตรวจพลล้อมรอบขอบกำแพง พวกวาโหมเกณฑ์ไพร่ให้รายรอบ ตามเขตขอบไฟสว่างกระจ่างแสง แล้วเกณฑ์พวกสารวัตรคอยจัดแจง ตามตำแหน่งนายหมวดให้ตรวจตรา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมุนินทร์ปิ่นฤๅษี ประทับที่ป่าตาลริมชานผา บนเก๋งใหญ่ในประเทศเขตลังกา ภาวนาทางธรรมสำมดึงส์ มัธยัสถ์ตัดห่วงบ่วงสงสาร หมายนิพพานลุล่วงไม่หวงหึง หวังประโยชน์ทางธรรมสำมดึงส์ กว่าจะถึงพระนิพพานเหมือนการตรอง ให้โอวาทแต่บรรดาที่มาด้วย พระหวังช่วยเหล่าคนที่หม่นหมอง เทศนาสากลให้คนตรอง โดยทำนองนักพรตให้อดใจ แล้วดำริติเตียนกองกิเลส แม้นใครเจตนานักมักหลงใหล ไม่เป็นอันนั่งนอนมักร้อนใจ จะพาให้ทุกข์ขังไม่ยั่งยืน ทุจริตจิตชั่วอ้ายตัวโลภ หลงละโมบเรี่ยวแรงต้องแข็งขืน เกิดทิษฐิที่ในจิตดั่งพิษปืน ต้องแข็งขืนมานะในอารมณ์ คืนฉันทากล้านักมักให้ชั่ว ต้องหมองมัวหวานหายกลายเป็นขม ผู้ที่จะเข้ามาสมาคม ไม่นิยมรักกันเพราะฉันทา ฯ ๏ พระปิ่นเกศเทศนาคาถาจบ พอค่ำพลบผายผันต่างหรรษา บางหลับนอนผ่อนสบายคลายอุรา ที่เมื่อยมาค่อยเป็นสุขที่ทุกข์ทน ต่อรุ่งแจ้งแสงทองส่องอากาศ จึ่งจะยาตราทัพขับพหล ประเวศวังลังกาพลาพล โดยตำบลรัถยาจากป่าตาล จันทร์กระจ่างกลางฟ้าเวหาห้อง สกุณร้องไก่กระชันขันประสาน โกกิลาการ้องก้องกังวาน พระพายพานพัดพาสุมาลัย ระรื่นรินกลิ่นกุหลาบอังกาบแก้ว ทั้งนมแมวคัดเค้าขาวไสว มะลิวัลย์จันทน์อบตลบไป สุมาลัยเกสรขจรจาย กำดัดดึกเย็นเยียบเงียบสงัด สำเนียงสัตว์ร้องขานประสานถวาย จังหรีดร้องกิ่งไทรเรไรราย ราวกับสายซอสีปี่ชวา เจ็ดกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงสดับ สำเนียงจับโสตสิ้นถวิลหา ที่มีคู่อยู่ยังเมืองลังกา ที่พาราอยู่ไกลพระทัยครวญ อยากจะใคร่ไปยลวิมลสมร แสนอาวรณ์ดิ้นโดยเฝ้าโหยหวน ป่านนี้มิตรกนิษฐ์น้อยจะคอยครวญ ใครจะชวนให้เจ้าชื่นเมื่อตื่นนอน แสนวิตกอกเอ๋ยมาช่วยศึก อนาถนึกพากันทิ้งมิ่งสมร มากรากกรำจำร้างห่างที่นอน แสนอาวรณ์เหมือนกันหมดต้องอดโซ เพราะบาทหลวงเจ้ากรรมมันทำวุ่น จึงเคืองขุ่นพากันมาอนาโถ จะตัดรักหักอาลัยเห็นใหญ่โต หัวอกโอ้แสนช้ำระกำทรวง เจ็ดกษัตริย์อัดอั้นเหมือนกันหมด โศกกำสรดร้อนพระทัยเป็นใหญ่หลวง อนาถนอนกรประทับกับพระทรวง ให้เหงาง่วงร้อนรักหนักอุรา โอ้พระจันทร์อันสว่างกลางเวหน นำนิพนธ์ไปถึงมิตรกนิษฐา ช่วยแจ้งโศกโรครักหนักอุรา ถึงสุดาดวงเดือนเพื่อนที่นอน ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โทมนัสหวนคะนึงถึงสมร แต่ขืนแข็งแสร้งตรัสเหมือนตัดรอน ว่าดูก่อนลูกหลานการกังวล ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ แม้นจะตัดญาติเห็นไม่เป็นผล บังเกิดมีทุกข์ร้อนต้องผ่อนปรน กว่าจะพ้นความเข็ญค่อยเย็นใจ ไปถึงวังลังกาถ้าเสร็จศึก คงสมนึกมั่นคงอย่าสงสัย เหมือนคำอาว่าวอนอย่าอ่อนใจ คงจะได้คืนหลังไปวังเวียง แต่เจ้าสุดสาครเขานอนหลับ พอทัพกลับไปถึงถิ่นก็สิ้นเสียง ไม่ต้องวิ่งสับสนขนเสบียง จะฟังเสียงเห็นไม่ได้คงไสยา หกกษัตริย์สรวลสันต์พอกันทุกข์ ค่อยสนุกเอะอะเสียงจ๊ะจ๋า ฟังรับสั่งปิ่นเกล้าพระเจ้าอา สนทนากันไปพอใจคลาย พอเดือนเที่ยงเสียงนกวิหคร้อง ประสานซ้องจวนอุทัยจะใกล้ฉาย ไก่กระชั้นขันเกริ่นบนเนินทราย ดาวประกายพฤกษ์เผ่นขึ้นเด่นตรง กระเหว่าดงส่งเสียงสำเนียงแจ้ว วิเวกแว่วก้องในไพรระหง ดึกสงัดสัตว์ป่าคณาดง ต่างก็ส่งเสียงร้องก้องกังวาน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายหมวดตรวจพหล เอารถต้นมาประทับกับทหาร ที่นั่งทองรองเรืองจัดเครื่องอาน พนักงานทุกตำแหน่งแต่งกระบวน พลโล่โตมรศรกำซาบ ทั้งดั้งดาบตั้งรายอยู่ชายสวน จวนจะรุ่งสุริย์ฉายรายกระบวน ทั้งธงทวนฉัตรชั้นกรรภิรมย์ เครื่องจามรทอนตะวันเป็นหลั่นลด ทั้งกลิ้งกลดราเชนทร์เกณฑ์สนม พอแสงทองส่องสว่างน้ำค้างพรม ตื่นประทมพร้อมพระวงศ์ต่างสรงชล เต้าสุหร่ายสายรินกลิ่นกุหลาบ ละอองอาบโปรยปรอยตั้งฝอยฝน พนักงานคลานถวายสายสุคนธ์ จรุงปนเครื่องอำพันจันทนา ฯ ๏ ครั้นเสร็จสรงทรงเครื่องเรืองจรัส เนาวรัตน์ฉลององค์ทรงภูษา ปางพระจอมมุนินทร์ปิ่นประชา ทรงชฎากลีบกระหวัดจัดประจง ดาบสินีชีสองครองภูษิต สำรวมกิจยุรย่างดังนางหงส์ พระดาบสเสด็จตามกันสามองค์ พร้อมพระวงศ์สิบกษัตริย์รับจัดแจง สามพระองค์ทรงรถมีกลดกั้น เป็นหลั่นหลั่นพอสว่างกระจ่างแสง พวกเสนาพร้อมถ้วนกระบวนแซง ครบตำแหน่งตามข้างอย่างโบราณ พวกฤๅษีเสวกามาข้างหลัง เดินสะพรั่งเสนาโยธาหาญ เจ็ดกษัตริย์ทรงม้าอาชาชาญ แสนสำราญรีบเดินดำเนินพล เดินกระบวนทวนธงตรงเข้าป่า ชมรุกขาเขาไม้ไพรระหง กระทุ่มกระถินอินจันทน์ต้นคันทรง ประดู่ดงกร่างไกรไทรพุ่มเรียง มะตูมแต้วแก้วเกดพิกุลค้อม พะยุงพะยอมขวิดขวาดมะหาดเหียง โศกมะสังยางสะคร้อสมอเรียง ตะเคียนเคียงซึกสนต้นพะวา ชมวิหกนกไม้ก็หลายอย่าง มีต่างต่างหลายหลากมากนักหนา จะรำพันฝูงสัตว์ที่วัฒนา ยุติกาแต่พอควรจะด่วนไป ฯ ๏ ป่างพระจอมมุนินทร์ปิ่นฤๅษี สุวรรณมาลีวัณฬาอัชฌาสัย ถือเอาเพศขันตีเป็นชีไพร ฉันลูกไม้เผือกมันพรรณผลา ถือบำเพ็งเคร่งครัดหวังตัดเชื้อ ไม่เอื้อเฟื้อสุริย์วงศ์เผ่าพงศา ดำเนินพลมากระทั่งถึงลังกา พอเวลาบ่ายสีรวีวรรณ ฯ ๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลฉวี สุลาลีวายวิโยคที่โศกศัลย์ พลางชวนพวกสาวสุรางค์นางกำนัล มาพร้อมกันรีบออกไปนอกวัง รับเสด็จพระมุนินทร์ปิ่นกษัตริย์ ขึ้นปรางค์รัตน์โดยในพระทัยหวัง เจ็ดกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงวัง มาคับคั่งวงศาพลากร ทั้งฤๅษีเสนาพวกข้าเฝ้า ผู้เป็นเจ้าคับคั่งนั่งสลอน ให้เลี้ยงดูหมู่พหลพลนิกร ราษฎรอิ่มเอมเกษมใจ ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ อภิวาททูลแจ้งแถลงไข แต่พระองค์ทรงสิกขาด้วยอาลัย ขอเชิญไทธิบดินทร์ปิ่นประชา พวกพระวงศ์พงศ์เผ่าเหล่าพระญาติ ขอโอวาทจะได้จำคำสิกขา จำเริญเรียนเพียรไปในศรัทธา ตามปัญญาจะได้ทราบที่บาปบุญ ฯ ๏ ป่างพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ ให้อนุญาตขาดเหลือจะเกื้อหนุน ว่าผู้ใดใจศรัทธาจะการุญ จะอุดหนุนสอนสั่งอย่างบาลี ตามวิสัยในจริตกิจดาบส คงปรากฏวายทุกข์เป็นสุขี ตามกุศลผลผลาบารมี ได้เป็นที่พึ่งพักประจักษ์ความ เจ็ดกษัตริย์มัสการแล้วกรานกราบ ศิโรราบพระมุนินทร์ปิ่นสยาม แล้วพระองค์ทรงตรัสตัดเนื้อความ ไม่ห้ามปรามหลานบุตรสุดแต่ใจ เมื่อศรัทธากล้าหาญทิ้งบ้านช่อง ละพี่น้องภรรยาอัชฌาสัย จะตั้งเพียรพยายามก็ตามใจ หรือจะไม่ศรัทธาก็อย่าทำ ไม่ข่มขืนอารมณ์เที่ยวข่มขี่ ใครรักดีจะช่วยชุบอุปถัมภ์ ไม่ศรัทธาอย่าพ้องเกิดกองกรรม อย่าควรทำเอาแต่หน้าสมาทาน พระดำรัสตรัสความไปตามเหตุ แล้วก็เทศนาซ้ำบนคำขาน แม้นผู้ใดจะประโยชน์โพธิญาณ หมายนิพพานภาคหน้าให้ถาวร ต้องตัดบ่วงห่วงใยไปอยู่ป่า เสพผลาอยู่ลำเนาเขาสิงขร กินเผือกมันพรรณผลาในป่าดอน เอาสิงขรเป็นเคหาบูชาไฟ ฯ ๏ พอจบธรรมคำสอนพระนักพรต สิกขาบทจึ่งค่อยแจ้งแถลงไข เจ็ดพระองค์ทรงฟังตั้งพระทัย แต่ยังไม่อยากบวชสวดสุบิน เพราะยังไม่ลุล่วงตัดห่วงได้ เป็นจนใจแต่ยังคิดจิตถวิล จะบวชเรียนเขียนอ่านการแผ่นดิน ยังไม่สิ้นศึกเสร็จสำเร็จความ เจ็ดกษัตริย์ทรงฟังรับสั่งสอน ชุลีกรนอบนบคำรบสาม มิได้ทูลข้อใดในใจความ จะบวชตามร้อนทรวงยังห่วงเมีย แต่บรรดาเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์ ให้อั้นอัดทรวงจริงต่างนิ่งเสีย แม้นได้ช่องคิดจะลาไปหาเมีย จะบวชเสียก็ต้องอดหมดทุกคน ฯ ๏ จะกล่าวถึงนคราการะเวก อดิเรกรุ่งฟ้าเวหาหน เสด็จออกพระโรงใหญ่ไพชยนต์ ภูวดลสั่งมหาเสนานาย ให้จัดลำกำปั่นที่สันทัด จงรีบรัดเร็วไปเหมือนใจหมาย เชิญเอาสารไปลังกาสักห้านาย จงผันผายรีบไปดั่งใจจง บอกกษัตริย์หัสไชยว่าให้กลับ ตามบังคับกูไปอย่าใหลหลง ให้ทูลลาบิตุราชมาตุรงค์ ว่าสององค์สร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ให้ปั่นป่วนครรภ์แก่เกือบจะคลอด จะทิ้งทอดสองไว้อย่างไรหนา เองรีบไปบอกเล่าให้เขามา ตามบัญชากูสั่งอย่างคดี ขุนเสนาคลาไคลรีบไปบอก ให้เวรนอกจัดหากะลาสี ลงเรือใหญ่ใส่เสบียงเลี้ยงโยธี ขุนเสนีรับสารใส่พานทอง เชิญลงลำกำปั่นมิทันช้า เสวกาเข้าประมูลทูลฉลอง ถวายบังคมลาฝ่าละออง แล้วรับของเสื้อผ้าทูลลาไป ลงกำปั่นฤกษ์ดีให้ตีฆ้อง ออกแล่นล่องตามมหาชลาไหล กะลาสีคลี่สายระบายใบ ออกแล่นไปเข็มตั้งฝั่งลังกา สองเดือนครึ่งถึงอ่าวเมืองสิงหล ประชาชนไพร่นายทั้งซ้ายขวา ลงเรือช่วงล่วงเข้าในลังกา แวะเข้าหาขุนด่านชานนคร แจ้งคดีสาราเมืองการะเวก เสนาเอกเชิญพานสารอักษร พวกขุนด่านพาไปในนคร แจ้งอักษรกรมท่าศาลากลาง ขุนนางรับผู้ถือหนังสือสาร กับขุนด่านรีบรัดไม่ขัดขวาง เอาสารใส่เสลี่ยงงามาตามทาง พระกลดกางกั้นไปจนในวัง ถึงพระโรงรจนามุกดาหาร ก็เชิญพานคลานเข้าไปดั่งใจหวัง ปางพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงวัง เสด็จออกนั่งแท่นแก้วอันแพรวพราย พร้อมพระวงศ์พงศาเสนาสนอง ทูลละอองธุลีบาทเหมือนมาดหมาย พระทรงศิลผินพักตร์มาทักทาย เสนานายผู้ถือหนังสือมา แต่นครนคราการะเวก อำมาตย์เอกทูลถวายลายเลขา พระตรัสสั่งพระศรีผู้ปรีชา คลี่สาราอ่านถวายเป็นใจความ ฯ ๏ ศุภลักษณ์อักขราเมืองการะเวก เสวยเศวกฉัตรชัยในสนาม ถึงพระปิ่นลังกาสง่างาม เพราะมีความวิตกในอกใจ ด้วยพระสุณิสาสองสมร ตั้งอุทรเศร้าหมองไม่ผ่องใส ครรภ์ก็แก่สองบังอรร้อนพระทัย ขอหัสไชยสามีให้ลีลา ด้วยสององค์บังอรอาวรณ์หวัง ให้กลับหลังไปพิทักษ์อยู่รักษา พระลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ด้วยครรภาเกือบจะคลอดยอดบังอร ฯ ๏ พอจบสารเจ้าพาราการะเวก เสนาเอกกราบบพิตรอดิศร หัสไชยได้ฟังสองบังอร อุราร้อนราวกับไฟประลัยลาญ พระพักตร์เศร้าเหงาหงิมไม่ยิ้มแย้ม เหมือนเดือนแจ่มเมฆตั้งบังประหาร ก็อับแสงไม่จำรัสชัชวาล เหมือนบัวบานต้องอาทิตย์ก็อิดโรย จึ่งกราบทูลพระเจ้าอาขอลากลับ อันการทัพก็ค่อยสร่างสว่างโหย ด้วยพระน้องสองมิตรจะอิดโรย เห็นจะโกยกองเศร้าทุกเช้าเย็น ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงสดับ พระทัยวับเอะของเราเล่าก็เห็น เกือบจะคลอดลูกเต้าปะคราวเป็น จะร้อนเย็นหรืออย่างไรความไกลตา จึงว่ากับหัสไชยไปสิหลาน ข้อรำคาญอยู่ด้วยมิตรกนิษฐา ถึงตัวเจ้าก็วิตกเหมือนอกอา นางรำภาเล่าก็ท้องจะต้องไป แม้นช้าอยู่ดูเหมือนเราทิ้งขว้าง จะอ้างว้างวิญญาณ์เลือดตาไหล วิสัยหญิงจริงนะหลานแม้นนานไป จะเห็นใจเสียเปล่าเปล่าไม่เข้าการ จำจะไปทูลลาพระดาบส คิดเปลื้องปลดไปพาราอากับหลาน เจ้าสี่คนเขาไม่ไปก็ใช่การ เราอาหลานมาไปเฝ้าเล่าคดี พลางชวนพระหัสไชยเข้าไปเฝ้า แล้วก้มเกล้าทูลความตามสารศรี เมืองการะเวกเวียงชัยให้มนตรี นำคดีสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ว่าโฉมยงทรงครรภ์เกือบประสูติ ให้พวกทูตมาแสดงแจ้งเลขา ทูลพระจอมนครินทร์ปิ่นประชา ขอทูลลาองค์กษัตริย์หัสไชย ฯ ๏ ป่างพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ ตรัสประภาษชี้แจงแถลงไข ธุระเจ้าเล่าก็ร้อนอย่านอนใจ จงรีบไปพาราอย่าช้าที แล้วพระองค์อวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ให้ผ่องพ้นจากทุกข์เป็นสุขี ทิ้งพยาธิโรคาอย่ายายี จงเปรมปรีดิ์ครองอาณาประชาชน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ ทูลรำพันเล่าแจ้งแห่งนุสนธิ์ ว่ารำภาเล่าก็ท้องหมองกมล ไปอยู่คนเดียวเปล่าเศร้าวิญญาณ์ ขอลาไปรมจักรนัคเรศ นางเทวษโดยดิ้นถวิลหา เมื่อคลอดแล้วเสร็จสรรพจะกลับมา อยู่ลังกาบวชบ้างอย่างพระองค์ ฯ ๏ ฝ่ายละเวงดาบสอดไม่ได้ พระห่วงใยอยู่ที่ของต้องประสงค์ จะเสด็จกลับมาอยู่ป่าดง อันไพรพงเงียบเหงาเศร้าอุรา เห็นจะตัดห่วงใยไม่ตลอด จะทิ้งทอดเผ่าพงศ์พระวงศา เห็นไม่สมอย่าตรัสวัจนา มิใช่ว่าบวชตัวเพราะกลัวนาย ไปถึงวังนั่งนอนก็เป็นสุข มิใช่ทุกข์ร้อนรนต้องขวนขวาย ใช่ขุ่นข้องหมองหมางระคางคาย ตามสบายสารพัดไม่ขัดเคือง ถึงศรัทธาจริงจังก็ยังขัด ที่จะตัดญาติวงศ์มาทรงเหลือง เห็นเขาไม่ยินยอมพร้อมทั้งเมือง พระจะเปลื้องปลดปละสละมา ไม่เห็นจริงดอกหนาพระอย่าตรัส คงจะขัดกีดขวางทางสิกขา ถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์จะศรัทธา ก็เห็นว่าบ่วงน้อยจะคอยกัน ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงสดับ บทบังคับถูกพระทัยดังใฝ่ฝัน แต่ความอายหลายอย่างนางรำพัน มันให้ตันทรวงต้องนิ่งจริงของนาง แต่จำใจจำตอบพระดาบส น้อมประณตทูลไปมิได้หมาง อันตัวน้องก็ศรัทธาหาหนทาง ไม่กีดขวางที่ตรงเล่ห์ประเวณี อันเปรี้ยวหวานจืดเค็มก็เต็มอก หมายจะยกกองทุกข์เอาสุขี ไม่ห่วงใยในสันดานการโลกีย์ เชิญพระพี่ดูไปแม้นไม่มา บรรพชิตให้เหมือนคำน้องดำริ จึ่งค่อยติโทษน้องให้นักหนา ฝ่ายองค์ดาบสินีชีวัณฬา จึ่งตรัสว่าสาธุสะฉันจะคอย ศรีสุวรรณรันทดแล้วพจนารถ แต่หวั่นหวาดอยู่ด้วยรักพระพักตร์จ๋อย แข็งพระทัยตอบสนองไม่ต้องคอย ไปสักหน่อยก็จะมาเหมือนวาจัง ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีว่าดีแท้ ยังไม่แก่บรรพชาห่วงหน้าหลัง เป็นฤๅษีชีป่าก็น่าชัง หยุดอยู่บ้างเลี้ยงอาณาประชาชน พระเชษฐาเล่าก็บวชผนวชแล้ว เหมือนฉัตรแก้วคงจะได้ฝ่ายกุศล อยู่ครอบครองไพร่ฟ้าประชาชน ทั้งสิงหลรมจักรนัครา พอเป็นที่พึ่งพักสำนักญาติ จะตัดขาดเช่นสมเด็จพระเชษฐา ฉันก็ไม่ห้ามปรามตามศรัทธา แต่เห็นว่าห่วงใยหลายประการ ฯ ๏ พระอภัยมุนินทร์ปิ่นฤๅษี ฟังสองชีพูดจาต่างว่าขาน จึงเอื้อนอรรถตรัสไปว่าใช่การ อันบุญทานน้องเราไม่เข้าใจ ตามประสงค์ตรงถนัดอย่าขัดขวาง ใครกั้นกางเสียกิจผิดวิสัย อย่าไปพูดให้เขาตื่นข่มขืนใจ ผิดวิสัยนักสิทธ์อย่าคิดปอง ฯ ๏ ศรีสุวรรณนั่งยิ้มอิ่มในจิต พระนักสิทธ์ตรัสบรรเทาที่เศร้าหมอง เห็นจะได้สมนึกเหมือนตรึกตรอง หลวงชีสองพูดจาไม่น่าฟัง จะชักชวนให้ไปอดเหมือนมดง่าม วิ่งซุ่มซ่ามสำทับจะจับขัง จะบวชเรียนเพียรไปไม่จีรัง มิใช่ยังเช่นพระพี่เมียมิยอม แต่จำใจจำจนเหมือนคนโง่ ทนโทโสคราวจนเช่นคนผอม นึกในจิตเหมือนแต่ก่อนไม่หย่อนยอม จะอดออมแนมเหน็บให้เจ็บใจ นี่เธอเป็นฤๅษีจะมีโทษ จะถือโกรธใช่กิจผิดวิสัย ครั้นจะตอบไปให้มากกระดากใจ เอาแต่ได้การเราพอเบาทรวง แล้วทูลลาพาหัสไชยหลาน ต่างก็คลานจากที่พักตำหนักหลวง มาสั่งพวกไพร่พลคนทั้งปวง ตามกระทรวงที่จะกลับกองทัพไป พวกเสนาข้าเฝ้าเหล่าพหล ให้จัดพลเรียกกันเสียงหวั่นไหว พวกรมจักรนัคราจะคลาไคล บ้างผูกใบเปลี่ยนเพลาเสากระโดง ฯ ๏ ฝ่ายเภตราการะเวกอำมาตย์ ไปเฝ้ากราดเรือบัลลังก์ที่นั่งโถง ผูกเชือกเสาเพลาใบชักสายโยง เสากระโดงเภตราทาน้ำมัน ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพประทับท่า พร้อมล้าต้าต้นหนคนขยัน มาเตรียมคอยลอยสะพรั่งทั้งดั้งดัน พร้อมกำปั่นสองพาราจะคลาไคล ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสอำลาอัชฌาสัย ทั้งลูกหลานว่านเครือเมื่อจะไป พระหัสไชยทูลลาสุดสาคร กับสินสมุทรภุชพงศ์องค์เชษฐา ทั้งกัลยาเสาวคนธ์วิมลสมร ศิโรราบกราบก้มประนมกร ต่างอวยพรให้พิพัฒน์สวัสดี สินสมุทรสุดคะนองจึ่งร้องว่า อันพี่ยาตรึกตรองเห็นต้องที่ เพราะลูกเมียก็ไม่ท้องถึงสองปี ต้องอยู่นี่แท้แล้วไม่แคล้วเลย ไหนจะได้ไปผลึกเหมือนนึกหมาย คิดก็อายอนุชาเจ้าข้าเอ๋ย เมียจะแสนแค้นใจไม่เสบย อรุณเอ๋ยม่ายแท้เจ้าแม่คุณ ต่างสำรวลสรวลสันต์ด้วยกันหมด ฟังประชดเปรียบเหมือนถูกลูกกระสุน ศรีสุวรรณตรัสห้ามอย่าตามทุน มันจะวุ่นไปดอกหลานรำคาญใจ พระตรัสว่าอาเล่าก็พลอยด้วย การเจ็บป่วยมันก็เช่นเป็นนิสัย เปรียบเหมือนหนึ่งพ่อค้าหากำไร ผู้ดีไพร่มีอยู่ทุกผู้คน ครั้นจะอยู่ตัวเปล่ามันเหงาหงอย มันจึงคอยวุ่นวายต้องขวายขวน ประเวณีมีทั่วทุกตัวคน ก็ต้องจนใจจริงหญิงกับชาย ฯ ๏ พระตรัสพลางทางว่าขอลาหลาน อยู่สำราญเปรื่องปราดเหมือนมาดหมาย พระสั่งเสร็จยุรยาตรค่อยนาดกราย ลาผันผายรีบตรงมาลงเรือ ห้ากษัตริย์ตามลงส่งเสด็จ พอสรรพเสร็จใช้ใบไปฝ่ายเหนือ หัสไชยสมประสงค์เสร็จลงเรือ พร้อมทั้งเชื้อญาติวงศ์พงศ์ประยูร มาตามส่งจนลงเรือที่นั่ง แล้วกลับยังวังเวียงชัยมไหสูรย์ พวกกษัตริย์สุริย์วงศ์พงศ์ประยูร ต่างเพิ่มพูนอยู่ด้วยมิตรคิดจะไป แม้นได้ช่องจะทูลลาไปหาคู่ จะมาอยู่ใช่กิจผิดวิสัย ครั้นจะบวชก็ยังหนุ่มนึกกลุ้มใจ จำจะไปพาราหายุพิน พระวลายุดาวายุพัฒน์ กับพระหัสกันจิตคิดถวิล ปรึกษากันจะทูลลาไปธานินทร์ พอพระสินสมุทรมาจึ่งว่าพลัน พ่อจะพากันไปดั่งใจหวัง ฉันก็ตั้งจิตไว้จะผายผัน เรามาไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ บังคมคัลทูลลาฝ่าละออง ไปเยี่ยมเยียนเวียงชัยไอศวรรย์ พร้อมด้วยกันได้ประมูลทูลฉลอง พระก็ชวนกันไปดั่งใจปอง เฝ้าที่ท้องพระโรงรัตน์ชัชวาล พลางบังคมก้มเศียรลงกราบบาท พระจอมนาถนักสิทธ์คิดสงสาร ทรงปราศรัยทั่วองค์พวกวงศ์วาน ทั้งลูกหลานที่มาเฝ้าเข้าพระทัย เห็นจะมาลาไปยังถิ่นฐาน จึ่งโองการชี้แจงแถลงไข จงร่วมรสรักกันจนบรรลัย มิใช่ใครแต่ล้วนวงศ์พงศ์ประยูร พระสั่งสอนสุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ ดำรงรัตน์ราชัยสืบไอศูรย์ เมตตาติดตัวไว้ให้เป็นมูล จงเพิ่มพูนรักกันอย่าฉันทา สินสมุทรได้ช่องฉลองอรรถ พวกกษัตริย์สุริย์วงศ์เผ่าพงศา มาช่วยการศึกใหญ่ในลังกา ขอทูลลากลับไปดั่งใจปอง ฯ ๏ ป่างพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ โปรดประภาษพรประสิทธิ์สนิทสนอง นึกสิ่งใดขอให้สมอารมณ์ปอง อย่ารู้ข้องเคืองขัดกำจัดภัย สี่กษัตริย์รับรสพจนารถ แล้วกราบบาทกลับมาที่อาศัย มาสั่งพวกเสนาจะคลาไคล จงเร่งไปจัดกำปั่นให้ทันการ พวกพหลพลรบให้ครบถ้วน ตามกระบวนแต่บรรดาโยธาหาญ ครั้นจัดแจงแต่งเสร็จสำเร็จการ ไปทูลสารโดยคดีทั้งสี่องค์ ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์ขัตติยานราราช จากปราสาทที่นั่งบัลลังก์หงส์ ให้กางใบครบถ้วนปักทวนธง ตั้งเข็มตรงตามแผนต่างแล่นไป สี่กษัตริย์กับบรรดาโยธาหาญ ออกจากด่านแล่นหลามตามไสว พวกต้นหนดูเข็มแล่นเล็มไป เมืองของใครใครก็เข้าอ่าวบุรินทร์ เป็นสิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมในจิต ด้วยสมคิดชื่นชมสมถวิล ที่หนักอกยกวางเสียกลางดิน เป็นเสร็จสิ้นความเศร้าบรรเทาคลาย เข้าเวียงวังตั้งหน้าไปหามิตร ประคองชิดใช้เนื้อให้เหลือหลาย วันจากห้องต้องร้างไปห่างกาย ต้องคิดรายวันประชดหมดทุกองค์ ฯ ๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ครั้นส่งญาติเสร็จสมอารมณ์ประสงค์ แล้วเสด็จเข้าวังดั่งจำนง ขึ้นเฝ้าองค์พระมุนินทร์ปิ่นประชา ปรนนิบัติจัดแจงของเสวย ทั้งนมเนยใส่เครื่องต้นผลพฤกษา ถวายสามพระมุนินทร์ปิ่นประชา ทุกเวลามิได้คลาดบาทยุคล ฯ ๏ ฝ่ายนักสิทธ์องค์อภัยวิไลลักษณ์ เข้าหยุดพักยับยั้งวังสิงหล ครั้นเสร็จศึกสั่งเสนาพลาพล จะจรดลไปสิงคุตรอยู่กุฎี เสนารีบอภิวาทมาบาดหมาย ทั่วทุกนายกัณฐัศว์ทั้งหัตถี รถที่นั่งทั้งรถดาบสินี มาเตรียมที่ชานชลาหน้าพระลาน พอรุ่งเช้าพระมุนีฤๅษีสิทธ์ สำเร็จกิจฉันผลาทั้งอาหาร เสด็จออกเกยชลาหน้าพระลาน กับเยาวมาลย์นักพรตดาบสินี เสร็จขึ้นทรงรถาฝากระจก แล้วให้ยกพลไกรเข้าไพรศรี พระดาบสทรงรถแก้วมณี สารถีขับม้าให้คลาไคล เข้าดงดอนสิงขรเขาลำเนาป่า ร่มรุกขายางยูงสูงไสว พวกนักสิทธ์เสวกาก็คลาไคล ตามภูวไนยไปสิงคุตรอยู่กุฎี ฯ ๏ จะขอกล่าวราวเรื่องพระหัสกัน กับโฉมวันชายามารศรี ยังมิได้เสกสองครองบุรี พระชนนีจัดงานการวิวาห์ จะเสกสองครองกรุงให้ฟุ้งเฟื่อง เป็นเจ้าเมืองปรากฏด้วยยศถา เสร็จออกนั่งยังแท่นรจนา เรียกโหราเข้ามาฟังสั่งคดี ให้หาฤกษ์ที่สวัสดิ์พิพัฒน์ผล การมงคลอดิเรกภิเษกศรี จงพิเคราะห์ฤกษ์ยามตามคัมภีร์ เอาที่ดีจะทำงานการมงคล ฯ ๏ โหราจับกระดานคูณหารเลข เสียโปกเปกคูณหารการเหตุผล อันสี่ค่ำฤกษ์เย็นเป็นมงคล ศุกร์จรดลมาอุตม์ถึงพุธา จันทร์เป็นศรีจรถึงอุตม์พุธกำเนิด จะประเสริฐสืบวงศ์เผ่าพงศา พฤหัสจรมาพักถึงลัคนา ในตำราทายว่าดีไม่มีภัย จึ่งกราบทูลนางพระยาว่าข้าบาท ชำระธาตุตามที่คัมภีร์ไสย วันสี่ค่ำตามโฉลกมีโชคชัย ควรจะให้ตั้งงานการพิธี นางกษัตริย์ฟังอรรถโหราถวาย สั่งให้หมายตั้งการภิเษกศรี เสนารับอภิวันท์ด้วยทันที พระเสาวนีย์รับสั่งให้ตั้งการ มาบาดหมายทุกตำแหน่งให้แต่งเครื่อง กรมเมืองกรมท่าโยธาหาญ เกณฑ์ขุนหมื่นพันทนายมาใช้การ ปลูกโรงร้านรำเต้นเล่นประชัน หมายสนมกรมวังให้ตั้งเครื่อง ตามบทเบื้องสารพัดเร่งจัดสรร พระแท่นสรงพรรณรายลายสุวรรณ มีม่านกั้นพื้นขาวดาวกระจาย พวกที่จัดมณฑลบนปราสาท ตั้งเครื่องราชกกุธกัณฑ์เป็นชั้นฉาย ทั้งกองแก้วกองสุวรรณพรรณราย ทองอยู่ซ้ายแก้วอยู่ขวาหน้ามณฑล แล้วกางกั้นเศวตฉัตรจัดไว้เสร็จ การสำเร็จเครื่องวิวาห์สถาผล ถึงวันดีสี่ค่ำพื้นอำพน พระสุริยนใสสดหมดมลทิน ประโรหิตโหราเข้ามาพร้อม คอยพระจอมขัตติวงศ์สรงกระสินธุ์ ทั้งแตรสังข์กังสดาลประสานพิณ มาเตรียมสิ้นกาหลแลดนตรี นางสำหรับขับขานประสานเสียง เครื่องจำเรียงปี่อ้อแลซอสี พวกสำหรับขับไม้มโหรี มาพร้อมที่พระปรัศว์ชัชวาล บายศรีเงินทองแก้วดูแวววับ สามสำรับพานทองใส่ของหวาน แว่นวิเชียรเทียนทองของตระการ ปักบนพานทองเคียงไว้เรียงราย ขวดกระแจะจวงจันทน์กลั่นเกสร มะพร้าวอ่อนจัดแจงแต่งถวาย เครื่องเฉลิมเจิมขวัญสุพรรณพราย เอาจัดรายเรียงตั้งบัลลังก์ทอง ฯ ๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสกันถึงวันฤกษ์ พระทัยเบิกเปรมปรีดิ์ไม่มีหมอง ออกพระแท่นบุษบกกระหนกทอง ประโคมกลองแตรฝรั่งกังสดาล ประโรหิตโหราพฤฒาเฒ่า ต่างก้มเกล้าเชิญพระองค์สรงสนาน ขึ้นพระแท่นอุทุมพรเหมือนก่อนกาล พนักงานถวายผ้าภูษาทรง โขมพัตถ์ผลัดเสร็จสำเร็จกิจ ขึ้นสถิตบนบัลลังก์ที่นั่งสรง ไขปทุมโปรยปรอยเป็นฝอยลง ต้องพระองค์เย็นซาบอาบอุรา พราหมณ์ถวายน้ำสังข์ยังพระหัตถ์ หน่อกษัตริย์ทรงเสวยเสยเกศา พรหมณ์ก็อ่านมนต์พราหมณ์ตามตำรา พวกโหราตั้งพระเต้าเสาวคนธ์ ชาวประโคมก็ประโคมเสียงโครมครึก มโหระทึกปี่ชวาก้องกาหล ทั้งสังข์แตรจำเรียงเสียงระคน พระสรงชลมุรธาสถาพร ครั้นเสร็จสรงทรงผลัดพระภูษา พวกโหราคั่งคับสลับสลอน ถวายสุคนธ์ปนปรุงฟุ้งขจร กลิ่นเกสรจับสีฉวีวรรณ พระเสร็จจากแท่นสรงแล้วทรงเครื่อง อร่ามเรืองสารพัดล้วนจัดสรร ทรงยกแย่งพื้นม่วงดวงสุวรรณ เข็มขัดมั่นฝังจินดาค่าบุรินทร์ สนับเพลาเชิงงอนอ่อนระยับ พลอยสลับเพราเพริศดูเฉิดฉิน เจียระบาดคาดทับประดับนิล ชายแครงจินดารายลายสุวรรณ ฉลององค์ดาดแดงแสงระยับ ตาบทิศทับสะอิ้งพรายสายกระสัน สังวาลพราหมณ์สามสายดูพรายพรรณ เฟื่องกุดั่นใสสุกฝังมุกดา ทับทรวงเม็ดเพชรรัตน์จำรัสศรี น้ำมณีราวกับดาววาวเวหา ธำมรงค์เรือนมณีศรีโสภา ทรงมหามงกุฎบุษย์น้ำทอง ครั้นสำเร็จเสร็จมานั่งบัลลังก์อาสน์ เสนานาดไปประมูลทูลฉลอง พระชนนีที่ข้างในดังใจปอง ตามทำนองบทเบื้องเรื่องบุราณ ฯ ๏ ฝ่ายพระนางชนนีนารีราช เรียกนุชนาฏแต่งองค์สรงสนาน ให้ทรงเครื่องเนาวรัตน์ชัชวาล ตามบุราณนางกษัตริย์จัดประจง พวกท้าวนางคุณจอมมาพร้อมเสร็จ ตามเสด็จเยื้องย่างดังนางหงส์ ขึ้นประสาทกับพระญาติมาตุรงค์ ฝ่ายเอกองค์วันชายากุมารี ให้ประทับยับยั้งอยู่ในม่าน โหราจารย์มาประณตบทศรี เชิญเสด็จกัลยากุมารี ว่าฤกษ์ดีสมควรจวนเวลา ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระชนนีนางกษัตริย์ พลางจูงหัตถ์ลูกน้อยเสน่หา ออกจากม่านพาเดินดำเนินมา ขึ้นมหาแท่นรัตน์กับหัสกัน ให้นั่งเหนือกองแก้วมณีโชติ นางปราโมทย์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ ให้สององค์ลูกน้อยเกี่ยวก้อยกัน บนสุวรรณเรืองรองทองอุไร ประโรหิตจุดเทียนแล้วเวียนแว่น พลูคะแนนนับที่คัมภีร์ไสย มโหระทึกกึกก้องลั่นฆ้องชัย ปี่ไฉนเป่าดังก้องกังวาน ตั้งแตรสังข์พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ประสานซ้องสำเนียงส่งเสียงหวาน พวกขับไม้มโหรีที่ชำนาญ บรรเลงลานซอสีปี่ชวา ครั้นเวียนครบสรรพเสร็จได้เจ็ดรอบ ตามระบอบเวียนซ้ายแล้วย้ายขวา ใบพลูดับเทียนพลันโบกควันมา ตามตำราไสยเวทข้างเพศพราหมณ์ แล้วจุณเจิมพระขนงวงนลาฏ โดยไสยศาสตร์ค่อยประจงองค์ละสาม แล้วตักขวัญชั้นบายศรีพิธีพราหมณ์ ทำไปตามข้างตำราในสามัญ จึ่งตักน้ำมะพร้าวอ่อนป้อนถวาย แล้วบรรยายอ่านเวทวิเศษขยัน ให้สององค์เธอทรงเสวยพลัน โหรานั้นอวยชัยถวายพร จงสุขังมังคลานิราทุกข์ เกษมสุขภิญโญสโมสร ทั้งสององค์จงสำราญผ่านนคร จงถาวรยาวยืนได้หมื่นปี ทั้งสององค์ทรงรับพระพรเสร็จ แล้วเสด็จเยื้องย่างเข้าปรางค์ศรี ลดพระองค์ลงกราบพระชนนี นางเปรมปรีดิ์พาเขยเลยเข้าวัง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายราษฎรพวกมอญแขก ต่างตื่นแตกพากันไปดั่งใจหวัง เที่ยวดูเล่นงานใหญ่ที่ในวัง บ้างยืนนั่งกันเป็นหมู่ดูละคร พวกเจ้าชู้เดินสอกรอผู้หญิง เฝ้าอ้อยอิ่งเล้าโลมโฉมสมร ทั้งพูดจาปราศรัยพิไรวอน อีนางมอญร้องหุยว่าอุ๊ยยาย แม้นรักใคร่ได้เสียเป็นเมียผัว ดีฉันกลัวหม่อมจะริบเอาฉิบหาย พลางควักค้อนชำเลืองเคืองระคาย นายคงขายแท้แล้วไม่แคล้วเลย ชายเจ้าชู้ดูตาทำหน้าเซ่อ พูดไหลเล่อแล้วก็เดินทำเมินเฉย เต็มกระดากที่ในใจไม่เสบย ต้องละเลยหลีกไปไกลอีมอญ พวกดูโขนหุ่นล้วนคุณหม่อม พวกบ่าวล้อมนั่งบนแคร่แลสลอน จับกระเหม่าก้นหม้อแกงโดยแสงงอน ไรจุกร่อนลอยหน้าตาเป็นมัน พวกมอญรำทำท่าดูน่าเกลียด เข้าเบียดเสียดเคียงคู่ดูมันขัน เจ้าพวกเจ๊กยืนก๋านัยน์ตาชัน แล้วยิงฟันหัวร่อว่าฮ้อจริง พวกละครชาตรีเสียงมี่ฉาว เล่นเรื่องราวเมื่อพระรถปดผู้หญิง ให้เลี้ยงเหล้าชัยบานสำราญจริง เก็บเอาสิ่งยาหยูกกับลูกตา แล้วหนีนางเมรีศรีสมร ขึ้นอัสดรเหาะไปในเวหา นางก็ตามมากระทั่งฝั่งคงคา เฝ้าโศกาตามผัวจนตัวตาย พวกโรงงิ้วเล่นประชันกันอึงมี่ เมื่อจิวยี่ให้โลซกเป็นสื่อสาย หาเล่าปี่ทวงเมืองเคืองระคาย ขงเบ้งอุบายลวงจิวยี่แล้วกรีพล ให้เตียวหุยฮ่องต่งไปกักด่าน แล้วประจานหยาบคายอายพหล จิวยี่โกรธเต็มประดาเข้าตาจน ทุบอกตนรากโลหิตชีวิตวาย พวกคนดูยัดเยียดเบียดกันวุ่น ชุลมุนล้มคว่ำคะมำหงาย แต่การเล่นหลายหลากยังมากมาย จะบรรยายยกขึ้นว่าจะช้าที ฯ ๏ ครั้นครบถ้วนเจ็ดวันการภิเษก อดิเรกเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี ขึ้นสามค่ำตรีจันทร์เป็นวันดี พระชนนีได้เวลาจึ่งพานาง ไปมนเทียรแล้วก็ตั้งแต่สั่งสอน อย่าแง่งอนขัดข้องให้หมองหมาง ผัวจะว่าสิ่งไรจงไว้วาง อย่าระคางเคืองใจนั้นไม่ดี การหึงหวงจ้วงจาบทำหยาบหยาม อย่าก่อความขึ้งเคียดพูดเสียดสี แก่ห้ามแหนแสนสุรางค์นางนารี จะเป็นที่เคืองขัดอัธยา ผัวจะพูดความลับระงับไว้ แต่ในใจใครประจบอย่าคบหา จะถามไต่แม่อย่าได้ออกเจรจา จงรักสามีสนิทเหมือนบิดร คำของแม่แต่เท่านี้นะลูกรัก ประเสริฐนักแม่จงจำเอาคำสอน จะคุ้มกันอันตราย์สถาวร เมื่อยามนอนกราบบาทอย่าขาดวัน พลางลีลาพาบุตรสุดสวาท ขึ้นปราสาทหน่อไทพอไก่ขัน เข้าหยุดยั้งนั่งที่แท่นสุวรรณ ทางรำพันวอนว่าด้วยอาลัย แม่ขอฝากวันชายาธิดาด้วย พ่อจงช่วยปกครองให้ผ่องใส จงรักกันโอบอ้อมถนอมใจ ทั้งเวียงชัยพ่อจงผ่านสวรรยา แม่ขอฝากเวชายันนั้นยังอ่อน ช่วยสั่งสอนกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา อันตัวแม่เล่าก็แก่โรคชรา หมั่นเข้ามาเยี่ยมเยียนเบียนทุกวัน แม้นวอดวายจะได้ฝากแต่ซากผี พอเป็นที่ดับร้อนช่วยผ่อนผัน หน่อกษัตริย์กราบก้มบังคมคัล อภิวันท์บาทยุคลพระชนนี ได้ชุบเลี้ยงเพียงบุตรสุดที่รัก พระคุณหนักขอรับใส่เกศี จะสนองมุลิกาฝ่าธุลี กว่าชีวีลูกจะวายทำลายลาญ นางพระยาอวยพรถาวรสวัสดิ์ จากปรางค์รัตน์คืนหลังยังสถาน สองกษัตริย์เริงรื่นชื่นสำราญ ในสถานมนเทียรวิเชียรพราย ฯ ๏ ธรรมดาหนุ่มสาวเมื่อเข้าห้อง ก็จำต้องแต่คดีตีขยาย ครั้นจะลัดตัดไปไม่ภิปราย ขอบรรยายแต่สักหน่อยพอกลอยใจ พระรับขวัญวันชายาสุดาโฉม ปลอบประโลมนุชน้องให้ผ่องใส สถิตเหนือแท่นจำลองทองประไพ พระปราศรัยกนิษฐายุพาพิน ถนอมแนบแอบอุ้มพลางจุมพิต นางเบือนบิดเหหันแล้วผันผิน เพราะเรื่องการมารยายุพาพิน ไม่สุดสิ้นพลิกแพลงเพราะแสนงอน เพราะรู้เท่าเยาวลักษณ์ประจักษ์จิต ว่านางบิดเคยได้ลวงดวงสมร พระนิ่งเฉยมิได้เผยสุนทรวอน ทำเป็นนอนถอนใจไม่ไสยา นางตกใจหมายว่าเธอกริ้วโกรธ ประทานโทษพงศ์กษัตริย์รับหัตถา พระคลึงเคล้นเฟ้นพุ่มปทุมา เต็มหัตถาครัดเคร่งเต่งพระทรวง แมลงผึ้งคลึงเคล้นเฟ้นเกสร กลิ่นขจรเกลือกกลั้วดอกบัวหลวง สุมาลีคลี่คลายขยายดวง จนโรยร่วงเรณูฟูกระจาย พายุพยับอับฟ้าเวหาห้อง สุนีก้องแสงสว่างกระจ่างฉาย พิรุณโรยโปรยปรอยเป็นฝอยปราย สาดกระจายในนภางค์กลางอัมพร เขาพระเมรุยอดโยกโบกสะบัด พระพายพัดไม่ค่อยหยุดเพียงหลุดถอน ทั้งขุนเขาเนมินอิสินธร ยอดก็อ่อนเอนเอียงเพียงทำลาย มัติมิงคล์กลิ้งท้องชลาสินธุ์ กระโดดดิ้นในวนชลสาย เมขลาล่อแก้วดูแพรวพราย อสูรกรายกรประหารขว้างขวานดัง วิหคหงส์บินเหินตามลมหวน บ้างบินทวนหลงถิ่นถวิลหวัง กระเหว่าร้องก้องกังวานประสานดัง อยู่ในรังส่งเสียงสำเนียงงม สองกษัตริย์ดั่งได้เชยเสวยสวรรค์ ในช่อชั้นเทวฤทธิ์สนิทสนม ไม่จรจากแท่นสุวรรณที่บรรทม เฝ้าเชยชมวันชายากุมารี ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระอภัยวิไลลักษณ์ อยู่สำนักเนินสิงคุตรกุฏิฤๅษี เจริญผลบรรพชิตกิจโยคี ทั้งสองชีเชี่ยวชาญการบำเพ็ญ ไม่โลภหลงปลงในธรรมกรรมฐาน หมายวิมานแสนสุขสิ้นยุคเข็ญ มัธยัสถ์ตัดสวาทขาดกระเด็น ลงตรองเห็นแก่นสารการต้องตาย เพราะตัณหาพาตนให้ทนทุกข์ ไม่มีสุขอวิชชาพาฉิบหาย เป็นเชื้อไฟไม่ชั่วตัวอบาย ให้วุ่นวายโลภหลงเที่ยววงวน ต้องรบพุ่งยุ่งยิ่งชิงสมบัติ ทั่วจังหวัดเขตแคว้นแดนสิงหล เพราะโลกีย์นี้มันชั่วพามัวมน ให้เสียผลเสียประโยชน์โพธิญาณ คิดก็เป็นอนิจจังน่าสังเวช กองกิเลสนี้หนอเรามันเผาผลาญ แต่พลัดพรากจากพงศ์จากวงศ์วาน ทรมานกายาในสามัญ พระเห็นภัยในอดีตเอาจิตตั้ง เห็นทุกขังเดือดร้อนควรผ่อนผัน ทรงกสิณอภิญญาณสำราญครัน เอาจิตหมั่นปลงธรรมสำมดึงส์ สมประโยชน์หวังโปรดหลวงชีสอง ให้ผุดผ่องลุล่วงการหวงหึง จะได้ผลขนสัตว์ที่รัดรึง ให้ลุถึงทางสวรรค์ชั้นวิมาน พลางเสด็จออกนอกกุฎีที่สำนัก มาหยุดพักที่ศาลาหน้าวิหาร ทั้งสองนางต่างประณตบทมาลย์ แล้วกราบกรานคอยรับสั่งฟังคดี ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศีลมุนินทร์นาถ ตรัสประภาษโดยจริตกิจฤๅษี ภิปรายปราศรัยน้องสองนารี ค่อยเปรมปรีดิ์อยู่หรือน้องทั้งสองนาง ฯ ๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีหลวงชีสนอง หม่อมฉันสองตั้งใจมิได้หมาง ถือโอวาทมาดหมายจนวายวาง ตามหนทางนฤพานการบำเพ็ญ พระตรัสว่าสาธุจงลุล่วง ให้พ้นห่วงตัณหาทันตาเห็น แล้วเทศนาปราศรัยให้ใจเย็น จงละเว้นโทโสอย่าโกรธา อันโลภหลงจงเห็นว่าเป็นโทษ ไม่ประโยชน์อย่าหวังใช่ฝั่งฝา การโลกีย์สี่ประการเป็นมารยา คือรูปรสพจนาเครื่องบำเรอ อันบทเบื้องเรื่องสัมผัสเหมือนมัดผูก เข้ากระดูกแล้วมันทำเสียหยำเหยอ จงหักจิตคิดสละอย่าทะเยอ ที่เปรมเปรอปฏิพัทธ์จงตัดใจ เอาดวงจิตคิดในพระไตรลักษณ์ จะประจักษ์หักห้ามความสงสัย อันขันตีมีกำหนดให้อดใจ จงตั้งในยุติธรรมคงสำราญ ได้ตัดห่วงบ่วงใยในมนุษย์ จะบริสุทธิ์เห็นภัยในสงสาร อุเบกขาตั้งมั่นในสันดาน หวังนิพพานเบื้องหน้าให้ถาวร พอจบคำที่พระร่ำเทศนา ให้สีกาชีจำเอาคำสอน ทั้งสองนางต่างยินดีชุลีกร รับสุนทรพระมุนีด้วยปรีชา มัธยัสถ์ครัดเคร่งข้างปรนนิบัติ ค่อยคิดตัดโลโภแลโมหา เกิดความสุขขึ้นทุกวันเห็นทันตา ต่างเปรมปราโมทย์สำราญบานกมล ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมุนีฤๅษีสิทธ์ ครั้นเสร็จกิจเทศนาสถาผล พอเย็นพยับอับแสงสุริยน พื้นอำพนแจ่มฟ้าดาราราย จันทร์กระจ่างกลางนภาเวหาห้อง สว่างท้องป่าชัฏจำรัสฉาย พระเสด็จเข้ากุฎีที่สบาย สำรวมกายทางกสิณอภิญญาณ หวนรำลึกนึกถึงอาจารย์เฒ่า จะโศกเศร้าแก่ชราน่าสงสาร หรือล่วงลับดับขันธสันดาน ทั้งเยาวมาลย์มัจฉาสีกาโยม จะอยู่ดีมีสุขหรือทุกข์ร้อน เมื่อวันจรจากนางสำอางโฉม ได้ฝากฝังครูเฒ่าช่วยเล้าโลม จนนางโยมคลอดบุตรสุดอาลัย สิบเก้าปีนี้แล้วแต่แคล้วคลาด แสนอนาถนึกน่าเลือดตาไหล จนลูกมีหลานน้อยกลอยฤทัย ยังมิได้เห็นหน้ามัจฉาเลย จำจะไปเยี่ยมเยือนเจ้าเพื่อนยาก คุณเขามากนักหนานิจจาเอ๋ย ได้รอดตายวายชีวามาหลงเลย จะเฉยเมยเสียไม่ไปก็ไม่ดี พระตริพลางทางเข้าสมาธิ ตั้งสติระลึกไปในวิถี เอาจิตตั้งทางกสิณให้อินทรีย์ ลอยขึ้นที่นภางค์กลางอัมพร หมายเกาะแก้วพิสดารข้างด้านใต้ ตลอดไปจนมหิงขสิงขร ตามมหาสาคโรชโลธร พระเสด็จจรทางกสิณอภิญญาณ ไม่ช้าพลันบรรลุถึงเกาะแก้ว วิเวกแว่วเสียงดังระฆังขาน เห็นกุฎีที่สำนักพระอาจารย์ ดูสำราญท่าทางเหมือนอย่างเคย เมื่อครั้งหนีผีเสื้อท่านเกื้อหนุน ได้พึ่งบุญอยู่จนได้ไปเป็นเขย เมืองผลึกนึกถึงคุณได้คุ้นเคย ได้ไปเชยก็เพราะคุณพระมุนี ครั้นถึงหมอบยอบองค์ลงอภิวาท มุนีนาถโดยจริตกิจฤๅษี ฝ่ายพระจอมอิศโรท่านโยคี เห็นมุนีมาคำรพอภิวันท์ เอามือป้องมองดูไม่รู้จัก จึ่งถามทักมาแต่ไหนจนไก่ขัน เป็นนักสิทธ์ถือกิจพรหมจรรย์ เที่ยวด้นดั้นมาทำไมในกลางคืน มีธุระสิ่งใดอย่างไรหนอ จงแจ้งข้อตามอรรถอย่าขัดขืน จะต้องการสิ่งไรในกลางคืน จนดึกดื่นบอกเราให้เข้าใจ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมุนีฤๅษีสิทธ์ เฉลยกิจจาแจ้งแถลงไข ข้าพเจ้านี้หรือชื่ออภัย เล่าพิไรให้เธอฟังแต่หลังมา พระโยคีนิ่งตรึกนึกขึ้นได้ อ้ออภัยมณีหรือถือสิกขา ละสมบัติพัสถานการพารา เองบวชมาได้กี่ปีหรือหนีเมีย หรือเกิดเข็ญเป็นอย่างไรไม่เป็นสุข จึงทิ้งทุกข์ปล่อยปละสละเสีย หรือเห็นภัยในคฤหัสถ์ตัดลูกเมีย ออกบวชเสียใครอยู่หลังช่างหัวมัน พระอภัยกราบก้มประนมสนอง ไม่ขัดข้องข้อใดในใจฉัน คิดเห็นภัยในกิเลสสังเวชครัน มารุมรันรึงรัดสัตว์ทั้งปวง จึงสละละสมบัติพัสถาน ไม่ต้องการเขตแดนสิ้นแหนหวง คิดผ่อนตัดเยื่อใยที่ในทรวง หมายลุล่วงหาประโยชน์จะโปรดชน ฯ ๏ พระโยคีปรีดาสาธุสะ เองสละสังเวชแจ้งเหตุผล โมทนาสาธุสะไม่ปะปน หวังกุศลภิญโญมโหฬาร นี่เองมาอย่างไรไฉนเล่า เอาสำเภาเภตรามาหรือหลาน หนทางไกลเหลือล้นพ้นประมาณ หรือเดินสารผู้ใดจึ่งได้มา พระอภัยมุนินทร์ปิ่นกษัตริย์ จึ่งแจ้งอรรถให้เธอฟังที่กังขา ฉันมาโดยทางกสิณตั้งจินดา เมื่อหลานมาแต่หัวค่ำพอย่ำยาม พระโยคีมีญาณว่าหลานแก้ว ประเสริฐแล้วอุตสาห์เพียรตัดเสี้ยนหนาม สมประโยชน์แล้วอุตส่าห์พยายาม จะมีความสุขใจในนิพพาน แล้วชวนเชิญพระอภัยเข้าในกุฏิ์ จงยั้งหยุดเจริญธรรมกรรมฐาน ไม่ห่วงใยคล้ายกับกูอยู่สำราญ หมายนิพพานภาคหน้าให้ถาวร ฯ ๏ ฝ่ายเจ้าพวกเรือแตกแขกฝรั่ง มานั่งฟังถ้อยคำที่ร่ำสอน ทั้งปรนนิบัติพัดวีชุลีกร ต้มน้ำร้อนน้ำชาสารพัน ถวายพระมุนีฤๅษีสิทธ์ ตั้งให้ชิดแล้วคำรพเชิญขบฉัน ทั้งเภสัชเพลาสารพัน ฤๅษีฉันเสร็จสรรพระงับกาย ศศิธรจรดับลาลับเมฆ อดิเรกสุริยงส่งแสงฉาย ดารากรอ่อนอับระยับพราย สกุณร่ายร้องก้องซ้องสำเนียง ไก่กระชั้นขันขานประสานเสนาะ ที่บนเกาะเจื้อยเจกวิเวกเสียง โกกิลากาแกแซ่สำเนียง ดุเหว่าเรียงร้องเร่งพระสุริยน แสงหิร้ญเรืองรอบริมขอบฟ้า พระสุริยาขึ้นสว่างกลางเวหน ฝูงนกหกผกผินแล้วบินบน จากรังตนร่อนร้องก้องกังวาน กะเรียนดงส่งเสียงสำเนียงแจ้ว ดั่งปี่แก้วจำเรียงเสียงประสาน วิหคหงส์จับเนินเหินทะยาน ไปสมานบุษบงเที่ยววงวน พระฤๅษีพลิกฟื้นตื่นไสยาสน์ ภาณุมาศส่องสว่างกลางเวหน ออกจากกุฏิ์เดินตรงไปสรงชล แล้วขึ้นบนเชิงผาศิลาลัย พวกศิษย์หาพากันไปที่ในป่า เที่ยวเสาะหาเลียบเดินเนินไสล สอยมะม่วงพวงสุกลูกลำไย มะเฟืองมะไฟผลผลาทั้งหว้าดง ขนุนขนันจันทน์อินผลลิ้นจี่ เก็บแต่ที่สิ่งของต้องประสงค์ แล้วเดินตัดลัดมาจากป่าดง ถวายองค์สองมุนีด้วยปรีดา พระนักธรรม์ฉันเสร็จสำเร็จกิจ อวยอุทิศอานิสงส์ทรงยถา แล้วสัพพีให้สุขังมังคลา พากันมายั้งหยุดอยู่กุฎี พระอภัยไต่ถามถึงมัจฉา ยังสุขาปรีดิ์เปรมเกษมศรี หรือทุกข์โศกโรคภัยสิ่งไรมี ไปอยู่ที่แห่งหนตำบลใด ฯ ๏ พระโยคีมีรสพจนารถ อยู่ที่หาดห้องผาเคยอาศัย เมื่อคลอดบุตรสุดสาครกูอ่อนใจ กลัวจะไม่รอดแล้ววะเดชะบุญ พอออกแล้วมันก็ให้กูไปเลี้ยง กูก็เสี่ยงบุญเจือช่วยเกื้อหนุน ไม่เจ็บไข้เลยนะวะเดชะบุญ แต่กูวุ่นพยายามถึงสามปี เดี๋ยวนี้มันเป็นกระไรหวาอ้ายหนู หรือไปอยู่ไหนเล่าเจ้าฤๅษี เองเล่าเรื่องเบื้องหลังให้ฟังที เมื่อครั้งปีถูกเสน่ห์ทั้งเล่ห์กล กูก็ไปดับเข็ญให้เป็นสุข มันเกิดยุคยุ่งยิ่งในสิงหล หรือยังตั้งรบรุกทุกตำบล พวกไพร่พลในนครร้อนหรือเย็น ฯ ๏ พระอภัยได้ฟังอาจารย์ถาม ยกเอาความรบรุกครั้งยุคเข็ญ แต่เดี๋ยวนี้วายร้อนค่อยผ่อนเย็น เพราะบุตรเป็นจอมเจ้าชาวลังกา คือเจ้าสุดสาครบวรนาถ ให้สิทธิ์ขาดครองวังเป็นฝั่งฝา แถลงเล่าพระมุนีผู้ปรีชา ให้พระอาจารย์ฟังดั่งภิปราย แล้วลาพระมุนีไปที่อู่ นางเงือกอยู่วังวนชลสาย สถิตแท่นแผ่นผาศิลาลาย แล้วเรียกสายสวาทพลางเหมือนอย่างเคย โอ้มัจฉานารีศรีสมร ตัวพี่จรกลับมาแล้วน้องแก้วเอ๋ย สิบเก้าปีมิได้พบประสบเลย อย่าเฉยเมยเชือนช้าให้อาวรณ์ ฯ ๏ นางเงือกน้ำจำเสียงสำเนียงแว่ว จะเจื้อยแจ้วจับทรวงดวงสมร เหมือนเสียงองค์ภูวไนยให้อาวรณ์ ก็รีบจรแหวกว่ายจากสายชล เห็นทรงฤทธิ์จิตปลี้มลืมความทุกข์ เกษมสุขชื่นชุ่มทุกขุมขน นางเสือกขึ้นหาดทรายริมสายชล พลางน้อมตนอภิวาทบาทมูล กันแสงไห้ใจเพียงจะขาดวับ สลบหลับเหมือนชีวาตม์จะขาดสูญ พระอภัยเห็นหน้ายิ่งอาดูร ให้เพิ่มพูนโทมนัสอัดอุรา จะดับโศกก็ไม่หยุดสุดจะกลั้น ให้อัดอั้นซบนิ่งเอนอิงผา มิทันกล่าวมธุรสพจนา ก็ถึงภาวสัญญีนิ่งไม่ติงกาย จนสายแสงสุริยาเวลาฉัน พระนักธรรม์คอยหาไม่เห็นหาย ถือไม้เท้างกเงิ่นเดินวุ่นวาย ไปหาดทรายปากอ่าวริมเสาโคม พอเห็นพระอภัยวิไลลักษณ์ ลงซบพักตร์อยู่ริมนางสำอางโฉม เอะมาตายเล่นเปล่าเปล่าริมเสาโคม ทั้งอีโยมเงือกน้อยก็พลอยตาย แกวิตกอกตันเอะวันนี้ ต้องเผาผีหรืออะไรจิตใจหาย อนิจจังอนิจจาน่าเสียดาย แกฟูมฟายชลนาให้อาวรณ์ จึ่งเดินไปใกล้ศพแล้วทรุดนั่ง ข้างฟากฝั่งชายตลิ่งริมสิงขร เอามือจับต้องดูพระภูธร ยังอุ่นอ่อนเออเห็นไม่เป็นไร จำจะเข้ากสิณดูให้รู้แน่ จะตายแท้หรือว่าซบสลบไสล จึ่งหลับตาลงพลันด้วยทันใด ก็แจ้งในทางกสิณอภิญญาณ ว่ายังไม่วางวับถึงดับจิต ด้วยชีวิตมันก็ยังไม่สังขาร วาโยธาตุอัดอั้นในสันดาน เพราะเกิดการโทมนัสวิบัติเป็น ว่าจะต้องแก้ไขให้มันฟื้น แต่พอชื่นจิตระงับช่วยดับเข็ญ แล้วกลับไปกุฏิ์ตาหาน้ำเย็น ตักมาเป็นโอใหญ่แล้วร่ายมนต์ แล้วจึงเรียกศิษย์หามาไปด้วย จะได้ช่วยกันสิหวาหากุศล ให้ศิษย์ยกโอใหญ่ใส่น้ำมนต์ ไปตามก้นแกวิตกเดินงกงัน พอถึงท้ายชายหาดนั่งหอบฮัก แก่หยุดพักบริกรรมธรรมขันธ์ แล้วพรมพรำน้ำไปดั่งใจพลัน พระนักธรรม์พลิกฟื้นชื่นอุรา ด้วยเดชะพระมุนีแกวิเศษ เรื่องพระเวทด้วยมนต์ดลคาถา แล้วเรียกศิษย์เอาสิวะประสีกา แกภาวนาช่วยชีวิตจิตอาวรณ์ พอพวกศิษย์ประน้ำได้สัมผัส พระพายพัดต้องกายสายสมร นางพลิกฟื้นสมประดีชุลีกร เห็นภูธรกับโยคีค่อยมีแรง ประณตนอบยอบกายแล้วไหว้กราบ ศิโรราบลงพลันก้มกันแสง พระโยคีจึ่งเอาธรรมออกสำแดง แล้วชี้แจงเทศนาตามบาลี หวังจะให้เสื่อมสว่างทางวิตก ที่ในอกนางมัจฉามารศรี ธรรมดาฝูงสัตว์ในปัถพี ก็ย่อมมีทุกข์เข็ญไม่เว้นตัว มนุษย์สัตว์ในจังหวัดชมพูภพ ย่อมปรารภพลัดพรากจากลูกผัว เกิดมาในสามัญย่อมพันพัว ดีแลชั่วต้องเป็นคู่อยู่ด้วยกัน อันสุขทุกข์เวทนาสีกาเอ๋ย การชมเชยมันไม่แน่ย่อมแปรผัน เป็นอนิจจังทั้งปวงอย่าหวงกัน เหมือนหนึ่งขันธ์ทั้งห้าย่อมสาธารณ์ เครื่องเน่าจมถมแผ่นดินหินชาติ พวกนักปราชญ์มิได้หลงในสงสาร เห็นร่างกายเกิดมาย่อมสาธารณ์ เหมืองโรงร้านแต่พอยั้งกำลังกาย อันตัณหากล้าหาญคือการโลภ แม้นละโมบแก่กล้าพาฉิบหาย ใครลุ่มหลงปลงใจไม่สบาย มันวุ่นวายการชั่วให้มัวมอม จงหักใจเสียบ้างหวาสีกาเงือก เองกลิ้งเกลือกหนักไปจนผ่ายผอม ให้กายต้องเจ็บจุกเป็นทุกข์ตรอม จงอดออมเสียกูเห็นจะเป็นการ อันเปรี้ยวเค็มเต็มอุราสีกาเอ๋ย เองก็เคยพัวพันทั้งมันหวาน คิดตัดรอนผ่อนผันในสันดาน หวังนิพพานภาคหน้าให้ถาวร นางมัจฉาสาธุสะพระได้โปรด ที่คุณโทษกรุณังช่วยสั่งสอน ขอถือศีลภาวนาให้ถาวร ถึงม้วยมรณ์จะได้สุขพ้นทุกข์ภัย ฯ ๏ พระโยคีมีจิตคิดสังเวช จึงแจ้งเหตุจะให้เห็นเป็นนิสัย ยกเอาศิลมาแสดงให้แจ้งใจ ว่าที่ในองค์ห้าสมาทาน บทปาณาห้ามว่าอย่าฆ่าสัตว์ พระบัญญัติไว้ในธรรมกรรมฐาน อย่าได้คิดทำร้ายให้วายปราณ ในสันดานตั้งจิตคิดเมตตา ทั้งอายุก็จะยืนได้หมื่นกัป จงสดับจำไว้ในใจหวา คิดตัดรอนผ่อนผันด้วยปัญญา ตามกูว่าถือให้มั่นคือขันตี ถ้าเองถือไว้ไม่มั่นขันจะแตก เอ็งจะแบกหรือจะหามถามฤๅษี ผัวของเองนั่งตงุ่นเป็นมุนี ให้ช่วยชี้ทางสวรรค์ชั้นวิมาน กูจะให้แต่ศีลเหมือนกินข้าว หากกับเอาที่ออผัวคือตัวหวาน อทินนาทานาว่าพิสดาร อย่าคิดอ่านลักฉกจะตกลง ในนรกหมกไหม้ไฟจะเผา ให้กายเราไหม้กระจุยเป็นผุยผง เพราะความสัตย์มิได้ถือให้ซื่อตรง ดับจิตลงจะไปตกนรกนาน บทกาเมสุมิจฉาหนาออเงือก เหมือนตกเมือกจมลงในสงสาร กองกิเลสมันย่อมทำให้รำคาญ จงคิดอ่านตัดรอนไปนอนตรอง อันเปรี้ยวหวานจืดเค็มเองเต็มอก อย่ามุ่นหมกให้มันวุ่นจะขุ่นหมอง อันฉันทาคติเร่งตริตรอง จงตัดช่องผ่อนผันให้บรรเทา นี่แหละตัวกาเมสุมิจฉา จะพรรณนามาไปเหมือนไฟเผา ว่าแต่พอให้เองเห็นเป็นสำเนา จงถือเอาไว้เถิดหวาสมาทาน บทมุสาวาทาว่าสับปลับ พระบังคับเทศน์ไว้หลายสถาน อย่าเสียดส่อตอแหลนางแหพาน ที่ในการโป้ปดจงอดออม สัพลาวาจามุสาวาท ศีลจะขาดอดใจใฝ่ถนอม สุจริตจิตผ่องไม่หมองมอม จงอดออมไว้ให้มั่นในสันดาน จะผาสุกทุกทิวาสีกาเอ๋ย คงได้เชยชมสวรรค์โดยสัณฐาน พอดับจิตคงจะได้ไปวิมาน จะสำราญด้วยสุรางค์นางบำเรอ ศีลสุราว่าเหล้ามันเมาเปรอะ พูดเลอะเทอะไปยังค่ำพย่ำเผยอ เที่ยวฉกชิงวิ่งวุ่นหมุนกระเชอ ให้เปรมเปรออยู่ในจิตคิดทะนง เที่ยวตีรันฟันแทงสำแดงโทษ ไม่ประโยชน์อันธพาลสันดานหลง ครั้นดับขันธ์สิ้นชีวิตถึงปลิดปลง ไปตกลงในอบายทำลายลาญ ตัวเจ้ากรรมมิได้หยอกกรอกน้ำกรด แล้วเทรดกายยับสับประหาร ก็เพราะโทษเมากล้าสุราบาน พวกคนพาลย่อมกระทำไม่ยำเกรง ที่คนดีมีจิตคิดสละ ถือศีลพระมิได้โกงทำโฉงเฉง ไม่กระทำความชั่วคิดกลัวเกรง การนักเลงมัวเมาบรรเทาคลาย สละสลัดปัดไปเสียให้พ้น ตัดกังวลเพราะเห็นชั่วถ่อยร้อยประตู ไม่กินอยู่รู้ว่าบาปนี้หยาบคาย เรื่องเมามายชั่วถ่อยร้อยประตู หมดคำรบจบศีลสิ้นทั้งห้า เฮ้ยสีกาจำใส่ใจอย่าไขหู ถือให้มั่นแม่นยำเหมือนคำกู แม้นเองรู้รักษาศีลจะภิญโญ ทั้งคุ้มกันอันตรายเหมือนหมายมาด จะเคลื่อนคลาดดับร้อนผ่อนโทโส การกุศลอบรมเหมือนร่มโพธิ์ สมมโนรถจริงอย่างกริ่งใจ ฯ ๏ นางมัจฉาสาธุขอลุล่วง จะตัดห่วงโยนเสียตามแม่น้ำไหล พระคุณช่วยชี้ทางสว่างใจ ขอให้ได้สมประโยชน์พระโปรดปราน จะถือศีลภาวนาหาความชอบ ตามระบอบพระสิทธาเหมือนว่าขาน ขอให้ฉันลุล่วงพ้นบ่วงมาร อธิษฐานขอให้สมอารมณ์ปอง นางตั้งจิตลงในพระไตรลักษณ์ เห็นประจักษ์ความชั่วที่มัวหมอง เหมือนวารินไหลรี่ย่อมมีฟอง กระทบต้องลมหนักมักกระจาย เหมือนสังขารเกิดมาในสารภพ ย่อมทวงทบร้าวแยกแตกสลาย นางคิดเห็นเช่นกับท่านบรรยาย ดูร่างกายของตัวทั่วสกนธ์ พระอภัยได้ฟังเกิดสังเวช อาจารย์เทศน์แจ้งประจักษ์ทางมรรคผล จึงตรัสกับโฉมศรีนีฤมล แม้นเป็นคนพี่จะพาแก้วตาไป อยู่สิงคุตรกุฎีเป็นชีสาม พยายามสอนน้องให้ผ่องใส บำเพ็ญเพียรเรียนธรรมให้ร่ำไป นี่จนใจนิ่มเนื้อเป็นเชื้อปลา พี่แบ่งบุญบรรพชิตให้มิตรมิ่ง ขอสมสิ่งซึ่งเจ้ามาดปรารถนา อันชาตินี้มีกรรมจำนิรา จากมัจฉาไปอยู่ที่ศีขริน บำเพ็ญเพียรเรียนธรรมกรรมฐาน หวังนิพพานเหมือนหนึ่งจิตคิดถวิล ค่อยอยู่เถิดแก้วตาอย่าราคิน จงถือศีลไว้ให้มั่นกันอบาย ต่อช้าช้าพี่จะมาอย่าปรารภ คงได้พบเห็นกันเหมือนมั่นหมาย นางมัจฉานบนอบแล้วยอบกาย พลางถวายอภิวันท์จำนรรจา ว่าพระคุณทูนกระหม่อมจอมฤๅษี ขอบารมีแหวกใส่ในเกศา น้องเห็นแล้วว่าพระองค์ทรงเมตตา อุตส่าห์มายากแค้นในแดนดง พระอภัยมุนินทร์ปิ่นฤๅษี ฟังคดีทรามสงวนนวลหง จึ่งว่าพี่ละสมบัติญาติวงศ์ จึ่งออกทรงบรรพชิตถือกิจกรม เวลานี้พี่จะลาสุดากนิษฐ์ ไปสถิตยังศาลาพระอาศรม ปรนนิบัติตามวิสัยในจงกรม โดยอารมณ์อยู่ในบรรณศาลา นางเงือกน้ำคำรพอภิวาทน์ ค่อยเคลื่อนคลาดไปอยู่ยังคูหา จำเริญศีลพยายามตามศรัทธา ค่อยเป็นผาสุกสบายวายอาวรณ์ พระนักสิทธ์สองรากลับมากุฏิ์ แล้วยั้งหยุดภิญโญสโมสร ระงับกายเอนเอกเขนกนอน พอพักผ่อนดวงใจให้สบาย ฯ ๏ จะกล่าวถึงนารีหลวงชีสอง อยู่กุฏิ์ทองที่กษัตริย์จัดถวาย เจริญเรียนในกิจจิตสบาย สุริย์ฉายจวนจะแจ้งแสงหิรัญ กาดุเหว่าเร่าร้องซ้องประสาน ก้องกังวานในป่าพนาสัณฑ์ สกุณินบินเหินเนินอรัญ ไก่ก็ขันเจื้อยเจกวิเวกดง พระสุริยาภาณุมาศลีลาศเลื่อน ค่อยคลาเคลื่อนขอบฟ้าป่าระหง กระจ่างแจ้งแสงสว่างในกลางดง สองพระองค์เสด็จออกนอกกุฎี มาคอยเฝ้าพระมุนินทร์นรินทร์รัตน์ เคยปรนนิบัติตามกิจศิษย์ฤๅษี ถวายน้ำกับสีฟันอัญชลี ทั้งสองชีพากันมาศาลาลัย คอยจนสายบ่ายแสงพระสุริยง ไม่เห็นองค์พระนักสิทธ์คิดสงสัย ดาบสินีชีสองมองแต่ไกล ไม่เห็นในกุฎีที่ประทม ดูทวารบานปิดผิดประหลาด ทั้งสองนาฏชวนกันไปในอาศรม ไม่เห็นองค์พงศ์กษัตริย์อัดอารมณ์ ให้เตรียมตรมทรวงหมองทั้งสองชี จึ่งกลับมาหาอำมาตย์แจ้งราชกิจ ว่าทรงฤทธิ์พระมุนินทร์ปิ่นฤๅษี เธอหายไปไม่รู้ว่าร้ายดี พวกมนตรีเร่งเข้าไปในลังกา ไปทูลสุดสาครบวรนาถ กับพวกญาติรู้ความได้ตามหา จงรีบไปโดยด่วนจวนเวลา ให้ออกมาจะได้เล่าให้เข้าใจ อำมาตย์พร้อมน้อมประณตบทศรี ขึ้นพาชีเร่งกันเสียงหวั่นไหว พลางขับอัศวราให้คลาไคล แล้วรีบไปจนกระทั่งถึงลังกา เล่าแถลงแจ้งการท่านผู้ใหญ่ รับสั่งใช้ให้มาทูลวุ่นนักหนา พระจอมวงศ์องค์มุนินทร์ปิ่นประชา เธอไสยาหายไปให้มาทูล ขุนนางใหญ่แจ้งกิจจาพาเข้าเฝ้า พระจอมเจ้านครินทร์บดินทร์สูร คอยอยู่พระโรงคัลอันจำรูญ มาพร้อมมูลพวกอำมาตย์มาตยา ฯ ๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ภาณุมาศแจ่มกระจ่างกลางเวหา เข้าที่สรงทรงเครื่องสุคนธา ทรงภูษาแย่งกระหนกวิหคบิน ฉลององค์มงกุฎเพชรประดับ ทับทรวงทับเพราเพริศดูเฉิดฉิน สะอิ้งพรายสายฝรั่งฝังด้วยนิล แก้วโกมินพาหุรัดจรัสเรือง ทรงทองกรลายกุดั่นกัลเม็ด ฝังด้ายเพชรเพราพลามล้วนน้ำเหลือง ธำมรงค์ไพฑูรย์จำรูญเรือง สะอิ้งเฟื่องเพชรประดับดูวับวาว เจียระบาดตาดปักเครื่องฝรั่ง ชายแครงฝังมุกดาลงยาขาว เหน็บพระแสงกัลเม็ดล้วนเพชรพราว จอมสาวสาวเชิญเครื่องเดินเยื้องกราย ตามพระจอมนครินทร์ปิ่นสิงหล ออกไพชยนต์เนาวรัตน์จำรัสฉาย สถิตแท่นฉัตรสุวรรณพรรณราย เสนานายกราบก้มบังคมคัล ฯ ๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ตรัสว่าราชการในไอศวรรย์ ขุนนางพร้อมน้อมนบอภิวันท์ บังคมคัลทูลท้าวเจ้านคร ว่าพระจอมมุนินทร์ปิ่นนักสิทธ์ เสร็จสถิตในกุฎีที่สิงขร เวลาค่ำย่ำแสงทินกร พระภูธรหายไปในไสยา ทั้งสองดาบสินีมีรับสั่ง ให้ค้นทั้งป่าดงพงพฤกษา ไม่พบองค์ทรงศีลปิ่นประชา ให้เร่งมาทูลฉลองสองพระองค์ เชิญเสด็จเสร็จไปเนินสิงคุตร ให้รีบรุดเร่งไปไพรระหง กับเสนาอำมาตย์พระญาติวงศ์ ได้ตามองค์พระมุนินทร์ปิ่นประชา พระทรงฟังดั่งพระกาฬมาผลาญโลก ยิ่งแสนโศกดั่งชีวังจะสังขาร์ แล้วตรัสสั่งเสนีผู้ปรีชา จอมนรากลับหลังเข้าวังใน แจ้งคดีเสาวคนธ์วิมลสมร พระภูธรที่เขาเขินเนินไศล อยู่ในกุฏิ์สุดสบายแล้วหายไป เสนาในมาแถลงแจ้งคดี พระมารดรร้อนพระทัยดังไฟเผา จึงให้เหล่าเสนาบดีศรี ให้เราทั้งสองไปในคิรี เจ้ากับพี่จงมาไปในไพรวัน นางเสาวคนธ์นิ่งอึ้งตะลึงคิด ให้หวั่นจิตแล้วก็ทรงกันแสงศัลย์ เอะมังคลามาลักพระทรงธรรม์ จากพระคันธกุฎีที่ทำนอง เพราะพวกเราได้ลังกาอาณาเขต จึงเกิดเหตุทำวุ่นให้ขุ่นหมอง จึงทูลกับภัสดาน้ำตานอง จะตรึกตรองอยู่ไยเร่งไคลคลา ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่จัดกระบวนทัพ มาคอยรับเรียงรายทั้งซ้ายขวา บ้างผูกช้างดั้งกันเป็นหลั่นมา ทั้งรถาพร้อมพรั่งตั้งกระบวน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นสิงหล ทั้งเสาวคนธ์โฉมงามทรามสงวน เสร็จทรงเครื่องรบครบกระบวน แล้วตรัสชวนสาวสุรางค์นางกำนัล เสด็จออกนอกวังสะพรั่งพร้อม ฝ่ายพระจอมกรุงไกรไอศวรรย์ คอยฤกษ์ดีที่จะจรจากเขตคัน โหรานั้นนับยามตามตำรา พอสี่โมงแปดบาทให้ฆาตฆ้อง ประโคมกลองยิงพื้นแต่ปืนผา ทั้งกาหลดนตรีปี่ชวา พระทรงนั่งหลังพระยาม้ามังกร เสาวคนธ์โฉมยงขึ้นทรงสิงห์ กลดกรรชิงรายเรียงเคียงสลอน ให้โบกธงสามชายกรีดกรายกร โห่สะท้อนสามลาเข้าป่าดง อภิรุมชุมสายรายระยับ ดูคั่งคับเดินในไพรระหง พวกเจ้าจอมพร้อมกันหมดขึ้นรถทรง เหล่าอนงค์สาวใช้ขึ้นท้ายเกริน พวกท้าวนางต่างขึ้นรถประเทียบ เป็นระเบียบเข้าดงทั้งหงส์เหิน พลช้างไสช้างให้ย่างเดิน ยกดำเนินแสนยาพลากร พลม้าถือทวนกระบวนรบ วิ่งตลบว่องไวทั้งไกรสร พวกที่ถือเสโล่แลโตมร สลับสลอนดั้งดาบปราบปัจจา ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ ไม่ประพาสนกไม้ไพรพฤกษา รีบเดินทัพขับพยุหยาตรา ไม่ประทับพลับพลาในป่าดอน ให้รีบเร่งเร็วไปในไพรสณฑ์ ดำเนินพลตามทางหว่างสิงขร มิได้พักโยธาพลากร แต่รีบร้อนจนกระทั่งยังกุฎี ให้กองทัพยับยั้งอย่ชายป่า แต่บรรดาพวกเหล่านางสาวศรี ลงจากรถเดินไปไพร่ผู้ดี มาหยุดที่นงเยาว์เสาวคนธ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ ลงกัณฐัศว์เยื้องย่างทางถนน กับยุพยงนงเยาว์เสาวคนธ์ จรดลรีบไปในศาลา ศิโรราบกราบกรานนางดาบส น้อมประณตสองพระองค์ทรงสิกขา ฝ่ายสองนางพลางเห็นโอรสมา ทรงโศกาแล้วแจ้งแสดงความ ว่าพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ เสด็จไสยาสน์หายไปได้ถึงสาม วันนี้แล้วแก้วตาพยายาม คิดติดตามภูไนยให้ได้คืน หรือจะเป็นมังคลามันมาลัก เอาทรงศักดิ์ไปแล้วหนาไม่ฝ่าฝืน จะแก้แค้นเอาพาราลังกาคืน ในภูมิพื้นนั่งยามทั้งตามไฟ เห็นจะเป็นคนดีมีความรู้ พิเคราะห์ดูเห็นจะแน่เร่งแก้ไข กระนี้แน่แล้วหนาคงพาไป จะใกล้ไกลนคเรศประเทศทาง สุดสาครบังคมประนมสนอง ทูลฉลองนางกษัตริย์ไม่ขัดขวาง จะขอให้โหรดูพอรู้ทาง พอได้วางใจคิดไปติดตาม พลางตรัสเรียกโลกนิติ์สิทธิเวท เป็นศิษย์ท่านโลกเชษฐ์มาไต่ถาม ให้คูณหารการจะไปให้ได้ความ ว่าทางตามพระนักสิทธ์ข้างทิศใด ฯ ๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกนิติ์ตั้งดิถี ตามคัมภีร์ไสยเวทข้างเพทไสย พระศุกร์เข้าเสาร์เป็นที่ไม่มีภัย พุธจรไปเดือนหนึ่งพอถึงจันทร์ พฤหัสเล็งลัคนาว่าวิเศษ จะเรืองเดชยวดยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ ท่านว่าไปทิศอิสานสำราญครัน บังคมคัลทูลความตามตำรา ถึงติดตามข้ามมหามหรณพ เห็นไม่พบภูวนาถเหมือนปรารถนา อันศัตรูหมู่ใดมิได้มา คิดบีฑาปองร้ายในพระองค์ ในตำราว่าไว้คงจะกลับ อยู่คอยรับดีกว่าไปไพรระหง พอรุ่งรางสว่างแสงพระสุริยง เห็นพระองค์คงจะมาไม่ช้านาน ไม่เหมือนคำทำนายแม้นทายผิด อาญาสิทธิ์ขอพระองค์จงประหาร ชีวิตข้าโหราให้วายปราณ พระผู้ผ่านภพไตรอย่าได้แคลง ฯ ๏ โฉมวันฬามาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์โศกศัลย์เฝ้ากันแสง ฟังโหรทายค่อยประทังแต่ยังแคลง ให้ระแวงหวนคิดจิตอาวรณ์ แต่โหราการะเวกเขาเอกเหลือ ทั้งเป็นเชื้อโลกเชษฐ์วิเศษสอน รู้ตำรับตำราพยากรณ์ ดูแน่นอนคราวครั้งแต่หลังมา ควรจะต้องยับยั้งฟังดูก่อน แม้มิจรมาเหมือนยามต้องตามหา สุมาลีชีละเวงวัณฬาพะงา ไม่ไสยาคอยองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระมุนีฤๅษีสิทธ์ สำราญกิจอิ่มเอมเกษมสันต์ อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญครัน ครบสามวันแล้วจะลาพระอาจารย์ พลางเสด็จไปชายหาดที่เงือกอยู่ ในอ่าวอู่คลื่นซัดอยู่ฉัดฉาน แล้วตรัสเรียกโฉมมัจฉายุพาพาล เยาวมาลย์จงขึ้นมาจะลาจร ฝ่ายเงือกน้ำจำศิลถวิลแว่ว สำเนียงแจ้วจับทรวงดวงสมร แล้วแหวกว่ายสาคโรชโลธร ประนมกรเสือกเข้ายังฝั่งชลา เห็นพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ อภิวาทน์จักรพงศ์ทรงสิกขา ถวายบุญพูนสวัสดิ์พระภัสดา ได้รักษาศีลมั่นทุกวันคืน พระมุนีปรีดาว่าสาธุ ขอให้ลุทางประโยชน์อย่าโหดหืน คงจะสมจิตหวังให้ยั่งยืน ไปในพื้นภาคหน้าอย่าปรารมภ์ อันชาตินี้ศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา จงปรารถนาเถิดอนงค์คงจะสม แม้นชาติหน้าถ้าถวิลเป็นอินทร์พรหม ก็คงสมเจตนาสีกาโยม ค่ำวันนี้พี่จะลาสีกาแล้ว จงผ่องแผ้วเถิดหนานางสำอางโฉม จงอยู่เย็นเป็นสุขอย่าทุกข์โทม เจ้าจงโสมนัสสาในวาริน นางเงือกน้ำซ้ำทูลพระนักสิทธ์ ฉันตั้งจิตเจตนารักษาศีล ตัดห่วงใยเสียให้พ้นที่มลทิน กว่าจะสิ้นชีวิตเหมือนจิตปอง ไม่โศกเศร้าเร่าร้อนเหมือนก่อนแล้ว จะกวาดแผ้วถางชั่วที่มัวหมอง ขอทูลลาพระสามิศดังจิตปอง กลับไปห้องคูหาในวารี พลางก้มกราบบาทบงสุ์พระทรงศิล แหวกวารินไปคูหามารศรี ฝ่ายองค์พระภูวไนยอภัยมณี กลับมาที่ศาลาพระอาจารย์ ฯ ๏ ฝ่ายโยคีมีญาณว่าหลานแก้ว ค่อยผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ เองจะคิดกลับหลังหรือยังนาน จงแจ้งการโดยจิตที่คิดปอง พระอภัยได้สดับอภิวาทน์ ขอลาบาทเจ้าประคุณการุญสนอง พอเที่ยงคืนหลานจะลาฝ่าละออง ไปโดยท้องนภางค์กลางอัมพร พระโยคีมีฤทธิ์ประสิทธิ์เสก เป็นก้อนเมฆลอยอยู่กลางหว่างสิงขร มีที่นั่งบังสีรวีวร เหมือนชะง่อนเงื้อมผาคูหาบรรพ์ แล้วว่ากับพระอภัยวิไลลักษณ์ จงหยุดพักให้สบายจึงผายผัน ขึ้นหลังเมฆไปเถิดหลานสำราญครัน ได้ป้องกันลมฝนบนนภา พระมุนินทร์ยินดีเป็นที่สุด เข้าในกุฏิ์สำรวมฌาณการสิกขา ระงับกายเอนองค์ลงไสยา ภาวนาทางกสิณอภิญญาณ จนเที่ยงคืนไก่ขันสนั่นเสนาะ ที่บนเกาะจำเรียงเสียงประสาน จึงเสด็จไปลาพระอาจารย์ พลางก้มกรานอภิวาทน์บาทบงสุ์ พระโยคีมีญาณว่าหลานแก้ว จงผ่องแผ้วสมหวังดั่งประสงค์ แล้วออกจากกุฏิ์ใหญ่ดั่งใจจง แกนำตรงไปที่เขาลำเนาเนิน ให้ขึ้นนั่งหลังเมฆแล้วเสกเป่า เป็นลมว่าวพัดส่งดั่งหงส์เหิน พระอภัยนักสิทธ์จิตเจริญ สรรเสริญคุณครูผู้อาจารย์ แล้วถวายวันทาคารวะ ขอเดชะศรัทธาที่กล้าหาญ พลางเจริญทางกสิณอภิญญาณ หมายสถานสิงคุตรที่กุฎี จันทร์กระจ่างทางฟ้าเวหาหน นภาดลใสสว่างกลางวิถี ดารารายพรายพร่างอย่างมณี จำรัสศรีแจ่มกระจ่างดั่งกลางวัน เมฆก็เลื่อนลอยมาในอากาศ ภาณุมาศเกือบอุทัยเสียงไก่ขัน สกุณร้องก้องป่าพนาวัน พระทรงธรรม์ถึงกุฎีที่สำราญ เมฆก็เลื่อนลงมาจากอากาศ พวกอำมาตย์แต่บรรดาอยู่หน้าฉาน เห็นก้อนเมฆเลื่อนลงมาหน้าพระลาน ต่างเรียกขานกันมาดูทุกผู้คน ทราบไปถึงสองชีที่ในกุฏิ์ กับพระสุดสาครท้าวเจ้าสิงหล ทั้งโฉมยงนงเยาว์เสาวคนธ์ ก็จรดลจากที่ศรีไสยา มาพร้อมพรั่งทั้งที่หน้าศาลาใหญ่ พระอภัยสุริย์วงศ์ทรงสิกขา ก็ยุรยาตรจากอาสน์ก้อนเมฆา ขึ้นศาลาเห็นพระวงศ์พงศ์ประยูร กับสองดาบสินีอยู่ที่นั่น พระทรงธรรม์ปราศรัยเจ้าไอศูรย์ สี่กษัตริย์กราบก้มบังคมทูล ทั้งประยูรเวียงวังในลังกา ต่างยินดีที่พระองค์เสด็จกลับ มาหมอบรับเรียงรายทั้งซ้ายขวา พระจึ่งตรัสเล่าแถลงแจ้งกิจจา ว่าตัวข้าไปประนมบังคมคัล พระนักสิทธ์ผู้ใหญ่ที่ในเกาะ ท่านสงเคราะห์แต่ก่อนคิดผ่อนผัน กับโฉมนางมัจฉาวิลาวัณย์ อยู่ที่นั่นสามทิวาสองราตรี แล้วตรัสกับสุดสาครอาวรณ์หวัง ค่อยประทังสิ้นทุกข์เป็นสุขี ถือโอวาทของคุณพระมุนี ค่อยเปรมปรีดิ์สุโขมโหฬาร แล้วสั่งมาว่าเจ้าอยู่เป็นสุข บรรเทาทุกข์ได้สมบัติพัสถาน แต่เจ้าพรากจากมาก็ช้านาน ได้แจ้งการก็ค่อยคลายวายอาวรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นสิงหล ทราบยุบลทุกข์ทอดฤทัยถอน หวนรำลึกนึกถึงพระมารดร ตั้งแต่จรจากมาก็ช้านาน กันแสงพลางทางทูลพระนักสิทธ์ เป็นสุดคิดสุดอาลัยให้สงสาร ทางก็เหลืออยากแค้นแสนกันดาร มาก็นานไปคงหลงเที่ยววงวน พระอภัยได้สดับจึ่งรับสั่ง ข้าไปยังฟากฟ้าเวหาหน เจ้าจะไปทางชลาในสาชล เห็นไม่พ้นชีวันคงบรรลัย แล้วทรงตรัสเทศนาสังสารภพ อย่าปรารภเพราะว่านางต่างวิสัย ถึงเทวัญชั้นฟ้าสุราลัย ต่างวิสัยแล้วคงพรากต้องจากจร เป็นอนิจจังทั้งนั้นทุกวันนี้ ย่อมเป็นที่ทุกขังจงฟังสอน เพราะจำต้องพรากพลัดกำจัดจร อยู่รอนรอนหลัดหลัดมักพลัดพราย อนัตตาสูญเปล่าเหมือนเราท่าน อยู่ด้วยกันดับจิตชีวิตหาย พระยกเอาธรรมขันธ์มาบรรยาย ให้เคลื่อนคลายโศกาที่อาดูร สุดสาครฟังเหตุเทศนา เอาปัญญาค่อยระงับให้ดับสูญ พอจบคำธรรมขันธ์อันจำรูญ จึ่งกราบทูลลาองค์พระทรงฌาน ฯ ๏ พระอภัยมุนินทร์ปิ่นกษัตริย์ อวยสวัสดิ์จงเป็นสุขทั้งลูกหลาน อันทุกข์โศกโรคภัยอย่าได้พาน จงสำราญทั้งอาณาประชาชน สุดสาครบังคมบรมนาถ พร้อมพระญาติกลับหลังยังสิงหล ทั้งพวกเหล่าเสวกาประชาชน ถึงสิงหลแล้วเข้าไปในบุรินทร์ ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง พอหายง่วงสมจิตคิดถวิล ครั้นสุริยงส่งฟ้าเห็นธานินทร์ สมถวิลเห็นปากน้ำที่สำคัญ แกยินดีปรีดิ์เปรมเกษมสุข บรรเทาทุกข์วายวิโยคที่โศกศัลย์ สั่งล้าต้าต้นหนคนสำคัญ เองชวนกันสืบดูให้รู้ความ เอาล่ามแขกมลายูที่รู้พูด จัดเป็นทูตปะใครได้ไต่ถาม จงคิดอ่านไปแสวงให้แจ้งความ จัดเอาตามคนดีมีปัญญา ลงเรือน้อยลอยไปในนิเวศน์ ถิ่นประเทคที่สถิตเมืองมิจฉา ตีกระเชียงเร่งให้กันไคลคลา เข้าที่ท่าเมืองด่านชานบุรี ฯ ๏ พวกปากน้ำให้ล่ามออกถามไต่ ทั้งนายไพร่พวกที่มากะลาสี จงแจ้งความตามข้อคดีมี ท่านมานี้จะประสงค์ที่ตรงไร หรือจะมาค้าขายทั้งนายบ่าว จงบอกเล่าไปให้แจ้งแถลงไข หรือจะมีราชการสถานใด เร่งบอกไปโดยคำอย่าอำความ ฯ ๏ ฝ่ายพวกพลคนในเภตราน้อย พลางตอบถ้อยแล้วก็เล่าตามเขาถาม ข้าพลัดบ้านเมืองแปลกเป็นแขกจาม หวังจะข้ามฟากฝั่งไปลังกา เกิดพายุเรือแตกต้องแยกย้าย ทั้งพลัดพรายเผ่าพงศ์พวกวงศา ได้อาศัยพระฝรั่งเมืองลังกา เขาเอามาใช้เป็นล่ามได้สามปี เขาเที่ยวสอนศาสนาเอามาด้วย หวังจะช่วยดับทุกข์ให้สุขี เที่ยวไปทุกพาราเพราะปรานี เอาความดีสอนให้ในสันดาน แต่เที่ยวนี้ขัดเสบียงจะเลี้ยงไพร่ ท่านจึงใช้ให้เที่ยวหาซึ่งอาหาร มิใช่พวกทรชนเป็นคนพาล ขอนายด่านแจ้งคำดั่งรำพัน ขุนเสนาว่ากระนั้นท่านอยู่นี่ เราจะมีบอกเข้าไปไอศวรรย์ ให้กราบทูลแต่พระองค์ผู้ทรงธรรม์ จะผ่อนผันโปรดปรานสถานใด แล้วสั่งให้พวกเสมียนเขียนหนังสือ แล้วรีบถือเข้าไปแจ้งแถลงไข แก่ขุนนางกรมท่าเสนาใน ให้ทูลไทเจ้าแผ่นดินปิ่นสกล ฯ ๏ ฝ่ายคนใช้รีบไปยังนิเวศน์ นำเอาเหตุเข้าไปแจ้งแห่งนุสนธิ์ กับหนังสือบอกกล่าวเล่ายุบล ส่งให้คนที่กำกับสำหรับทูล ขุนนางพวกกรมท่าพาเข้าเฝ้า แล้วทูลเจ้านครินทร์บดินทร์สูร ตามคดีเรื่องราวเป็นเค้ามูล นเรนทร์สูรสั่งมหาเสนาใน ให้คลี่บอกออกอ่านเป็นการร้อน ขุนอักษรจึ่งแจ้งแถลงไข หนังสือบอกนายด่านอันชาญชัย จงทราบใต้บาทาฝ่าธุลี ว่าบัดนี้แขกชวากับฝาหรั่ง มายับยั้งอยู่นอกด่านชานกรุงศรี ว่ามาแต่สิงหลเป็นคนดี รู้แผนที่ต่างต่างทั้งวิชา แต่ผู้รู้ยังอยู่เรือกำปั่น จะชวนกันเที่ยวสอนศาสนา ทั้งดูแม่นแผนที่มีตำรา การดินฟ้าหลายอย่างทางทะเล ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราปตาหวี ฟังคดีเห็นควรทำสรวลเส จะใคร่ปะพระฝรั่งอย่างคะเน ฟังลิ้นเล่ห์ดูปัญญาวิชาชาย แม้นจริงจังดังกล่าวเข้าไปรับ เร่งกำชับอย่าให้ทันตะวันสาย หรือจะเป็นแยบยลกลอุบาย เสนานายพวกผู้ใหญ่เร่งไคลคลา ครั้นส่งเสร็จพระเสด็จเข้าไสยาสน์ พวกอำมาตย์พร้อมกันต่างหรรษา จะใคร่เห็นคนดีมีวิชา จัดนาวาสี่ลำตามกันไป ลงเรือเร็วรีบมาถึงหน้าด่าน จัดทหารเกณฑ์แห่แลไสว ออกปากน้ำนำพลสกลไกร รีบออกไปถึงกำปั่นด้วยทันที ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าบาทหลวงแกง่วงหงอย แต่นั่งคอยพวกชวากะลาสี จะใคร่ฟังแยบคายร้ายหรือดี พอเห็นสี่เสนามาถึงเรือ แกดีใจสั่งให้ชักธงรับ เหมือนคำนับภักดีอารีเหลือ แล้วไปเชิญเสวกามาบนเรือ ให้นั่งเหนือเก้าอี้ที่ขุนนาง แล้วเรียกท้าวโกสัยไพร่ทั้งหลาย กับบ่าวนายสารพัดไม่ขัดขวาง กับพวกล่ามรู้ภาษาดูท่าทาง ฟังขุนนางเขาจะมาว่ากระไร ฯ ๏ ฝ่ายอำมาตย์มาตยาปตาหวี ขึ้นเก้าอี้พูดจาพลางปราศรัย ว่าดูราท่านผู้ปราชญ์ฉลาดใน คัมภีร์ไสยต่างต่างอย่างบุราณ รับสั่งใช้ให้มาเชิญขึ้นไปเฝ้า พระจอมเจ้านคเรศเขตสถาน จะขอเป็นศิษย์หาพยาบาล พระอาจารย์ฝ่ายฝรั่งข้างลังกา ฯ ๏ บาทหลวงนึกในใจว่าอ้ายนี่ คงเสียทีกูแท้แน่นักหนา จะได้เป็นกำลังเหมือนหลังมา ตีลังกาแก้แค้นเอาแดนดาว จึ่งให้ล่ามส่งภาษาว่าพระเดช เจ้านิเวศน์ซื่อตรงเหมือนธงขาว พระคุณล้ำเขตแคว้นทั่วแดนดาว สมเป็นเจ้าจอมจังหวัดปัถพี ไปสิท่านตัวเราอยากเฝ้าแหน ชมเขตแดนท่านรู้จักเป็นศักดิ์ศรี จะได้พึ่งบุญญาบารมี ไว้เป็นที่เจ้านายจนวายปราณ ฯ ๏ ขุนนางฟังสังฆราชฉลาดเหลือ สมเป็นเชื้อปราชญ์นักไม่หักหาญ ควรจะเชิญเข้าไปเฝ้าเล่าอาการ พระอาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิทยา ข้าพเจ้าเอาเรือมาคอยรับ เครื่องสำหรับพร้อมหมดตามยศถา บาทหลวงแกดีใจลุกไคลคลา ลงนาวารีบไปในบุรินทร์ กับพวกศิษย์ชิดเชื้อสำหรับใช้ พากันไปโดยนิยมสมถวิล เรือประทับถึงท่าหน้าบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นแห่ไปในนคร ครั่นถึงที่ศาลาหน้านิเวศน์ พวกวิเสทคั่งคับสลับสลอน คอยเลี้ยงดูอยู่มิให้อนาทร พอแก้ร้อนเหนื่อยมาทั้งข้าไท ครั้นสำเร็จขุนเสนาพาเข้าเฝ้า ให้นั่งเก้าอี้ทองอันผ่องใส บาทหลวงเฒ่าเจ้ามายาจึ่งว่าไป สักเมื่อไรจะได้เฝ้าเจ้าแผ่นดิน ขุนนางว่าเวลาจวนจะออก จะมีบอกเข้าไปหนาอย่าถวิล พลางสั่งพวกเสนาในธานินทร์ ว่าพระปิ่นนคเรศนิเวศน์วัง เสด็จออกมาบอกให้เรารู้ จะเชิญผู้วิเศษไปดั่งใจหวัง เข้าเฝ้าองค์ทรงชัยที่ในวัง ตามรับสั่งพระนรินทร์ปิ่นประชา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายไทท้าวเจ้าพิภพ เธอปรารภจะใคร่รู้ดูศาสนา พอสี่โมงห้าบาทท้าวยาตรา ออกข้างหน้าไต่ถามความบุรินทร์ พวกเสนาตำมะหงงตรงเข้าเฝ้า พลางก้มเกล้าทูลความตามถวิล พวกพหลพลไพร่ในแผ่นดิน เป็นสุขสิ้นทั้งนครไม่ร้อนรน ก้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ โองการตรัสสั่งทั่วตัวพหล อย่าข่มเหงไพร่ฟ้าประชาชน มีกังวลเข้ามาฟ้องร้องฎีกา จะตัดสินตามบททศพิธ ใครชอบผิดฉันใดไม่มุสา จะตัดสินให้เป็นธรรม์ไม่ฉันทา ขุนเสนาตื้นลึกช่วยตรึกตรอง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายกรมท่าเสนาใหญ่ คลานเข้าไปจึ่งประมูลทูลฉลอง พวกลังกามาเฝ้าทูลละออง จะปรองดองโปรดปรานประการใด ก้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ โองการตรัสว่าให้หามาปราศรัย เป็นคนดีมีวิชามาแต่ไกล รีบออกไปรับเขาเข้ามาวัง เสวกาข้าทูลละอองบาท ก็รับราชกิจไปดั่งใจหวัง ออกไปเชิญพวกลังกาเข้ามาวัง ให้ขึ้นนั่งบนรถบทจร มีเกณฑ์แห่อย่างสำหรับเคยรับทูต ทั้งลาอูฐอัดแอแลสลอน ทั้งธงเทียวเขียวแดงแย่งมังกร เดินสลอนคับคั่งตั้งกระบวน บาทหลวงเฒ่านั่งรถไว้ยศอย่าง มาตามทางกรุ้มกริ่มพลางยิ้มสรวล ไปถึงวังกูจะตั้งตีสำนวน แล้วจะชวนเข้ารีตเหมือนคิดปอง ทำไมกับอ้ายแขกที่แปลกเพศ คงสมเจตนาเราที่เศร้าหมอง จะพูดหลอกชอกใช้ในทำนอง ให้มันตรองแทบตายไล่ไม่ทัน พอกระบวนมากระทั่งยังนิเวศน์ เข้าในเขตกรุงไกรไอศวรรย์ บาทหลวงจึงเรียกล่ามมาถามพลัน ถึงเขตคันเมื่อจะเฝ้าเจ้านคร อันเยี่ยงอย่างเขาอย่างไรกูไม่รู้ เองเป็นครูผิดพลั้งช่วยสั่งสอน เพราะกูอยู่เหินห่างต่างนคร จะเย็นร้อนเค็มหวานสถานใด ฯ ๏ ฝ่ายเสนาว่าท่านอันเมืองนี้ ไพร่ผู้ดีมิได้ห้ามตามวิสัย อย่าช้าเลยมาเรารีบเข้าไป ในกรุงไกรเฝ้าท้าวเจ้าบุรินทร์ บาทหลวงเฒ่าเจ้าเล่ห์ลงจากรถ พร้อมกันหมดสมหวังดังถวิล แล้วชวนกันเข้าเฝ้าเจ้าบุรินทร์ ท้าวทมิฬปราศรัยเป็นใจความ ว่าข้าแต่ท่านผู้ปราชญ์ชาติฝรั่ง เที่ยวสอนสั่งเป็นไฉนขอไต่ถาม จะประสงค์สิ่งไรในใจความ จึงเที่ยวข้ามเขตแดนแล่นเข้ามา หรือประโยชน์ทรัพย์สินถิ่นประเทศ จงแจ้งเหตุให้ฟังที่กังขา หรืออยากเป็นจอมวังอหังการ์ ตีพาราครอบครองเป็นของตน จึงตั้งเพียรพยายามข้ามสมุทร ไม่ยั้งหยุดเสาะแสวงทุกแห่งหน หรือเรือซัดขัดขวางในกลางชล จึงต้องวนเวียนมาพาราเรา ฯ ๏ บาทหลวงว่าข้าแต่ท้าวเจ้าพิภพ ไม่ปรารภที่จะปองเอาของเขา อันประเทศเขตแคว้นแดนของเรา ข้าจะเล่าให้ท่านฟังตั้งแต่เดิม มีข้าศึกเมืองผลึกมาตั้งรบ ต้องหลีกหลบข้าศึกมันฮึกเหิม หลายพารามากระหน่ำทั้งซ้ำเติม เจ้าเมืองเดิมนั้นเป็นหญิงออกชิงชัย มันก็กลับเอาเป็นเมียเสียทั้งนั้น จะป้องกันเหลือจะคิดผิดวิสัย เหลือลำบากยากเย็นมันเป็นไทย คนที่ในลังกาบรรดามี ก็แตกซ่านเซ็นไปไม่เป็นสุข มันไล่รุกเข่นฆ่าต้องล่าหนี เรารอดตัวด้วยปัญญาวิชามี ด้วยเป็นที่สังฆราชเหมือนชาติทอง ถึงตกตมจมดินไม่สิ้นสี อันราคีจะมาปนไม่หม่นหมอง คงสุกใสงดงามเพราะนามทอง ต้องละอองสักเท่าไรก็ไม่มัว ข้าแต่ท้าวเจ้าพาราปตาหวี วิชามีไม่ต้องซุ่มเดินคลุมหัว ตกไปไหนไม่มีช้ำถึงคล้ำมัว ก็เพราะตัวศักดิ์สิทธิ์วิทยา ฯ ๏ ท้าวกุลามาลีเห็นปรีดิ์ปราชญ์ แหนงประหลาดนิ่งฟังไม่กังขา จึ่งว่าท่านเป็นคนดีมีวิชา ทั้งปัญญาพูดเพราะเสนาะความ ข้าพเจ้าเยาว์ยังกำลังอ่อน ขอฝึกสอนอย่างศิษย์อย่าคิดขาม ท่านจงช่วยแนะนำจะทำตาม ให้สมความปรารถนาของอาจารย์ ฯ ๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มใจดั่งได้แก้ว ตายกูแล้วอ้ายนี่หลงในสงสาร จะล่อลวงหน่วงไปให้ได้การ เอาให้คลานอยู่เหมือนเต่าเฝ้าคันนา แล้วจึงว่าข้าแต่ท้าวเจ้าพิภพ อย่าปรารภเลยคงสมปรารถนา แม้นศึกเสือเหนือใต้สิ่งใดมา จะอาสาคิดประจญรณรงค์ ฯ ๏ ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ โสมนัสรื่นเริงละเลิงหลง จึ่งว่าท่านดีพร้อมไม่อ้อมวง พูดก็ตรงสมเป็นปราชญ์ฉลาดดี ขอเชิญท่านยับยั้งอยู่สั่งสอน ในนครพาราปตาหวี จะได้พึ่งบุญญาบารมี ได้เป็นที่อุดหนุนกรุณัง ฯ ๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มใจได้โอกาส คงสิทธิ์ขาดสมจิตเหมือนคิดหวัง เอาให้เชื่องเหมือนกับไก่อยู่ในรัง แม้สมหวังก็จะได้ไปลังกา แต่จะตั้งสั่งสอนค่อยผ่อนผัน เอาให้มันซื่อตรงเหมือนวงศา จะได้จิกหัวใช้ไปลังกา ตีพาราตามประสงค์ให้คงคืน แล้วมันก็เป็นใหญ่ไพร่ก็พร้อม คงยินยอมสารพัดไม่ขัดขืน จะได้เป็นที่หวังให้ยั่งยืน แกชมชื่นในอารมณ์เพราะสมปอง ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ให้จัดที่ประเสบันบนชั้นสอง ให้บาทหลวงขึ้นอาศัยดั่งใจปอง ประคับประคองหวังจะเพียรเรียนวิชา บาทหลวงเฒ่าค่อยสบายวายวิโยค บรรเทาโศกได้ยั้งเป็นฝั่งฝา ให้ฉุนแค้นแสนเคืองมังคลา มันชั่วช้าเพราะอีเมียจึ่งเสียคน กูอุดหนุนกรุณามาแต่ย่อม สู้โอบอ้อมจงรักหมายภักษ์ผล กลับเป็นงูสู้หมอทรชน จำจะค้นคว้าไปให้ได้ตัว แม้นดื้อดึงเหมือนแต่ก่อนมิหย่อนหา จะจับฆ่าฟันเสียทั้งเมียผัว ถ้าแม้นมันรู้สึกสำนึกตัว ที่ทำชั่วมาแต่ก่อนคิดผ่อนปรน แม้นดึงดั้อถือดีมิมาง้อ จะยกข้อขึ้นแถลงแจ้งนุสนธิ์ ให้ท้าวกุลามาลียกรี้พล ตามไปปล้นจับตัวทั้งผัวเมีย แกตรองตรึกนึกพลางทางเรียกหา พวกล้าต้ารีบไปอย่าให้เสีย เสาะแสวงตามตัวอ้ายผัวเมีย พบแล้วเกลี้ยกล่อมไว้ทั้งไพร่พล แล้วรีบใช้ให้ไปปตาหวี กูจะกรีธาทัพกับพหล ไปว่ากล่าวโดยดีทั้งรี้พล ให้มันจนถ้อยคำในสำนวน ฯ ๏ พวกล้าต้าลากลับไปเรือใหญ่ จึงเรียกไพร่มาหมอบแล้วสอบสวน ใครจะอยู่จะไปเร่งใคร่ครวญ ตามกระบวนที่จะไปในทะเล แล้วจัดเรือสองลำล้วนกำปั่น ให้ผ่อนผันแยกกันเที่ยวหันเห แล่นไปตามเกาะรายชายทะเล เที่ยวเตร็จเตร่เสาะแสวงทุกแห่งไป ฯ ๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช ออกอำมาตย์หมอบเรียงเคียงไสว พร้อมพหลโยธาเสนาใน บำรุงไทธิบดินทร์ปิ่นนคร ป่างพระปิ่นมังคลานรารัตน์ โองการตรัสเหล่าทหารชาญสมร ให้รักษาหน้าด่านชานนคร เร่งฝึกสอนช้างม้าให้กล้าปืน แล้วเกณฑ์พวกจัตุรงค์ลงกำปั่น ให้รายกันแล่นลัดอย่าขัดขืน เที่ยวตระเวนรายประจำทุกค่ำคืน เอาแต่พื้นเกณฑ์หัดจัดชำนาญ เผื่อจะมีข้าศึกมาฮึกโหม คอยกระโจมตีตัดจัดทหาร เข้ายิงแย้งแทงฟันประจัญบาน รักษาด่านปากน้ำที่สำคัญ แล้วจึงตั้งโอรสสามพระองค์ ให้ดำรงกรุงไกรไอศวรรย์ สืบกษัตริย์ขัตติเยศครองเขตคัน พระแบ่งปันนคราให้ถาวร ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง ค่อยสร่างทรวงกินอยู่เป็นครูสอน คนนับถือลือทั่วทั้งนคร ตั้งฝึกสอนเพทุบายหลายประการ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราปตาหวี ตั้งเป็นที่นักปราชญ์ในราชฐาน ยกเมืองขึ้นส่วยสาให้อาจารย์ มากประมาณมิใช่น้อยร้อยตำบล ทั้งสิทธิ์ขาดราชกิจแลผิดชอบ กษัตริย์มอบสารพัดไม่ขัดสน คิดจะตั้งตัวใหญ่ตามใจตน แกเป็นคนโลภมากอยากข้างดี แล้วฉุนแค้นมังคลาสานุศิษย์ ถ้าแม้นติดตามกูมาปตาหวี คงจะคิดฆ่าอ้ายท้าวเจ้าบุรี อยู่สักปีหนึ่งก็เห็นจะเป็นการ มันก็คงจะเป็นใหญ่ในไตรจักร ประเสริฐศักดิ์อิสรามหาศาล เพราะมัวหลงไปกับเมียจึ่งเสียการ จะว่าขานสักเท่าไรก็ไม่ฟัง พาอีแม่รักดุเหว่าไปเข้ารก มันคิดวกอ้อมวงจนลงถัง เพราะเป็นคนทุจริตจึ่งติดตัง มันไม่ฟังคำกูผู้อาจารย์ แกตรองตรึก็นึกแค้นแม้นไปพบ กูจะตบปากให้ช้ำเพราะคำขาน มันหยาบช้าว่ากูผู้อาจารย์ จะเล่นงานเสียให้อ่อนหย่อนฝีมือ เสียแรงกูอุปถัมภ์นำสนอง ประคับประคองมาจนใหญ่มันไม่ถือ ควรหรือหาทรชนแต่ต้นมือ สิ้นนับถือคุณกูผู้ประคอง ทรลักษณ์อกตัญญูตาแท้ พูดตอแหลหนีไปให้ใจหมอง จนเสียทัพอับอายหลายทำนอง แกเข้าห้องแค้นใจไม่สบาย ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นที่เที่ยวเสาะ ตามแก่งเกาะทะเลวนชลสาย พลางปรึกษาหมื่นขุนพวกมุลนาย จะยักย้ายแล่นไปทางไหนดี แม้พบปะเภตราเขามาบ้าง จะได้ฟังข่าวไปในวิถี จำจะแล่นไปดูตามบูรี เผื่อจะมีเภตรามาสักลำ ได้สืบข่าวราวเรื่องทุกเมืองบ้าน ระยะย่านแรกมาหน้าไหหลำ ปรึกษากันยินยอมพร้อมทั้งลำ ให้หยั่งน้ำเข้าฝั่งอย่ารั้งรอ พวกล้าต้าต้นหนคนทั้งหลาย ฟังนายท้ายโยนดิ่งทิ้งสมอ กะเข้าไปชายฝั่งได้รั้งรอ ตั้งเข็มต่อบูรพาดูท่าทาง หยิบแผนที่คลี่ดูตามอู่อ่าว จะแล่นก้าวลมจัดยังขัดขวาง พอพลบค่ำย่ำเย็นไม่เห็นทาง ต่อเดือนสางจึงค่อยไปในทะเล ต้นหนสั่งบังคับให้ทอดสู้ หยั่งไม่รู้เพราะกำปั่นยังหันเห ควรจะทอดจอดอยู่ดูคะเน พวกในเภตราฟังเขาสั่งการ ทิ้งสมอรอราเวลาพลบ จุดไต้คบหุงหากระยาหาร ฝ่ายล้าต้าต้นหนล้วนคนงาน เสพอาหารอิ่มหนำทั้งลำเรือ พอเดือนเด่นเห็นทางสว่างไสว ให้กางใบแล่นติดไปทิศเหนือ พวกไต้ก๋งคนงานชำนาญเรือ ไปข้างเหนือลมจัดสะบัดใบ สามวันครึ่งถึงอ่าวกำพลเพชร เห็นเรือเจ็ดลำทอดจอดไสว ให้รอเรียงเคียงถามนามเวียงชัย พอเข้าใกล้พวกรู้จักพลางทักกัน บ้างถามไต่ได้ข่าวเป็นราวเรื่อง มาอยู่เมืองวายวิโยคที่โศกศัลย์ พลางไต่ถามถึงพระองค์ผู้ทรงธรรม์ มาเขตคันนคราค่อยถาวร หรือมีทุกข์ขุกเข็ญเป็นไฉน ชาวเวียงชัยภิญโญสโมสร สุขเกษมเปรมปราสถาวร ไม่เดือดร้อนหมดด้วยกันหรือฉันใด ฯ ๏ พวกกำปั่นกองตระเวนจึงบอกเล่า พระจอมเจ้ามังคลาอัชฌาสัย เธอโอบอ้อมไพร่พลสกลไกร ทั้งรักใคร่พวกอาณาประชาชน แล้วชวนว่ามาไปเฝ้าเจ้านิเวศน์ พึ่งพระเดชสารพัดไม่ขัดสน ไปทูลไทธิบดินทร์ปิ่นสกล นำยุบลเข้าไปแจ้งแสดงการ พวกที่มาดีใจจะไปเฝ้า ชวนกันเข้าในนิเวศน์เขตสถาน ขึ้นไปยังพระโรงรัตน์ชัชวาล พอพระผ่านภพไกรเธอไคลคลา ออกที่นั่งรจนามุกดาหาร ดำรัสการแก่ขุนนางทั้งซ้ายขวา พอเสนีคนเก่าคลานเข้ามา พระมังคลาตรัสถามเนื้อความพลัน ว่าดูก่อนเสนาท่านมาถึง เราคะนึงที่ในใจทั้งใฝ่ฝัน เป็นหลายเดือนมิได้พบประสบกัน หรือด้นดั้นไปถึงเขตประเทศใด ฯ ๏เสวกาฝาหรั่งได้ฟังตรัส โสมนัสทูลแจ้งแถลงไข เมื่อเรือซัดพลัดพรายกระจายไป พายุใหญ่ตีมาถึงห้าวัน ซัดไปเข้าเมืองชวาปตาหวี ประเดี๋ยวนี้อยู่ในไอศวรรย์ บาทหลวงเป็นครูใหญ่ได้รางวัล เจ้าเมืองนั้นนับถือลือขจร ได้สิทธิ์ขาดราชกิจสนิทสนอง ได้ข้าวของตึกอยู่เป็นครูสอน เจ้านิเวศน์เขตแคว้นแดนนคร ให้ฝึกสอนทั้งอาณาประชาชน ประเดี๋ยวนี้ใช้ข้ามาเที่ยวเสาะ ตามละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งหน ให้รู้ข่าวภูวไนยทั้งไพร่พล จรดลไปอยู่แห่งตำแหน่งใด แม้นรู้แจ้งแกจะแต่งกระบวนทัพ มาตามจับเอาพระองค์อย่าสงสัย แกสั่งว่ามาปะให้รีบไป อย่าบอกให้รู้ตัวกลัวจะแคลง แต่ตัวข้ามาพบแล้วไม่กลับ จะอยู่กับเจ้านายมิได้แหนง จงทราบใต้บาทาอย่าระแวง ดั่งข้าแจ้งเรื่องความตามที่ทูล ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช ฟังอำมาตย์ทราบสิ้นบดินทร์สูร จึงตรัสกับเสวกาที่มาทูล จะอนุกูลอย่าวิตกในอกใจ อย่าว่าแต่พาราปตาหวี มันจะดีมากมูลสักปูนไหน ถึงสังฆราชจะมาทำให้หนำใจ เราก็ไม่นึกพรั่นหวั่นอุรา ท่านจงใช้ให้เรือไปบอกข่าว แจ้งเรื่องราวจริงจังอย่ากังขา ให้เขายกไพร่พลพหลมา ร้อยพาราก็ไม่กลัวช่างหัวมัน อันเมืองนี้ใครมาตีต้องแตกยับ มิต้องกลับคืนไปไอศวรรย์ ไม่พักต้องรบราถึงฆ่าฟัน ด้วยเหล็กนั้นกายสิทธิ์ฤทธิรงค์ ใครมาอยู่ดูตัวจึงแดงก่ำ แต่ถูกน้ำตายกระจุยเป็นผุยผง แรกเรามาแทบชีวีจะปลดปลง รอดด้วยองค์นางพระยาเจ้าธานี บอกอุบายหลายอย่างทางที่แก้ เพราะว่าแร่กายสิทธ์คือฤทธิ์ผี ท่านเร่งไปบอกเขามารบราวี จะดูดีท้าวพระยากับอาจารย์ ฯ ๏ ขุนเสนีรับคำพระดำรัส ลาไปจัดเภตราโยธาหาญ ชวนกันรีบลงไปมิได้นาน พลางตรวจการเภตราเร่งคลาไคล พอลมตีคลี่ไปขึ้นใส่รอก ให้แล่นออกจากท่าชลาไหล เอาเข็มตั้งทางแผนให้แล่นไป หมายกรุงไกรปตาหวีที่สำคัญ สิบทิวามากระทั่งยังนิเวศน์ ถึงประเทศกรุงไกรไอศวรรย์ ขึ้นไปแจ้งกิจจาสารพัน บาทหลวงนั้นอิ่มเอมเปรมอุรา เข้าไปทูลเจ้าชวาอาณาจักร หมายจะหักเอาให้สมปรารถนา จะกรีทัพไปจับอ้ายมังคลา ดูน้ำหน้าลูกศิษย์มันคิดโกง ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าพาราปตาหวี พอออกที่บัลลังก์ที่นั่งโถง บาทหลวงเฒ่าเข้าไปในพระโรง ทำเดินโคลงยักย้ายหลายกระบวน ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ โสมนัสอิ่มเอมเกษมสรวล เชิญให้นั่งแท่นสุวรรณอันสมควร ตามกระบวนน้อมคำนับรับอาจารย์ แล้วจึงสั่งสนทนาสาธุสะ ถือว่าพระอาจารย์แม่นเป็นแก่นสาร บาทหลวงเฒ่าเจ้าตำราปรีชาชาญ เห็นเป็นการจริงแท้ไม่แชเชือน นึกในใจอ้ายนี่ดีเหมือนหนู จะจูงหูเอาไปใช้ให้ได้เหมือน ขี่มันเล่นต่างเต่าใช้เฝ้าเรือน เห็นไม่เชือนแชดื้อดูซื่อตรง แล้วจึงว่าข้าแต่ท้าวเจ้าพิภพ เราปรารภจะให้ชมสมประสงค์ จะให้ยกพวกพหลไปรณรงค์ เสด็จลงกำปั่นไปอย่าได้ยั้ง ยกไปตั้งกำพลเพชรประเทศถิ่น สมถวิลคงได้สมอารมณ์หวัง สตรีงามมีอยู่องค์ดำรงวัง ทั้งเปล่งปลั่งชันษาสิบห้าปี เป็นน้องสาวเจ้าเมืองเรืองระหง ชื่อบุษบงขาวผ่องละอองศรี งามจริตกิริยาล้ำนารี ควรเป็นศรีพระนครขจรขจาย แม้นท้าวไปได้ยลวิมลพักตร์ จะแสนรักดวงอุบลวิมลฉาย ทั้งนิเวศน์เขตแคว้นแสนสบาย คนทั้งหลายมั่งคั่งทั้งแผ่นดิน ท้าวกุลามาลีปรีชาปราชญ์ ฟังสังฆราชชื่นชมสมถวิล อันสมบัติกษัตราทุกธานินทร์ เราไม่จินตนาปองเอาของใคร แต่หญิงงามจะต้องตามไปสู่ขอ แก่แม่พ่อน้าป้าอัชฌาสัย เราไม่คิดโกงเกงข่มเหงใคร สมบัติในปตาหวีมีอุดม ที่จะให้ไปตีบุรีเขา สมบัติเราของดีก็มีถม แต่สตรีที่ท่านว่าเราปรารมภ์ อยากได้ชมนางงามตามทำนอง ฯ ๏ บาทหลวงว่าอย่าปรารมภ์คงสมคิด จะให้ชิดเชยชมประสมสอง จำจะยกพลไปดั่งใจปอง จัดเป็นกองทัพใหญ่เราใช้เรือ แต่งพหลพลไพร่ให้ครบถ้วน ทั้งง้าวทวนผู้คนให้ล้นเหลือ เอาปืนใหญ่ใส่ประจำทุกลำเรือ ข้าวกับเกลือเครื่องเสบียงไปเลี้ยงพล ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ โสมนัสดีใจไม่ฉงน อยากจะได้หญิงสาวชาวกำพล จึงสั่งมนตรีพลันมิทันนาน ให้จัดลำกำปั่นสักพันร้อย ไปเตรียมคอยพร้อมพรั่งทั้งทหาร พรุ่งนี้เช้าเราจะพาพระอาจารย์ อย่านิ่งนานจัดสรรกำปั่นทรง ขุนเสนามาสั่งให้บาดหมาย ทั้งขวาซ้ายแต่งกำปั่นสุวรรณหงส์ เบิกเข้มขาบอย่างใหม่ทำใบธง ที่ปากหงส์ห้อยพู่ดูวิไล แล้วสำเร็จจัตุรงค์ลงกำปั่น มาพร้อมกันรายทอดจอดไสว คอยรับท้าวเจ้าพาราจะคลาไคล เสร็จแต่ในสองยามตามโองการ ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราปตาหวี ขึ้นจากที่แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร ว่าข้าแต่ท่านครูผู้อาจารย์ ไปสำราญหลับนอนผ่อนอารมณ์ แล้วเสด็จเข้าข้างในที่ไสยาสน์ อีตาบาทหลวงเห็นชิดสนิทสนม คราวนี้เห็นได้ลังกาอย่าปรารมภ์ อ้ายนี่งมหลงผู้หญิงจริงจริงเจียว พรากอีเมียมังคลาเอามาให้ จะได้ใช้ตีลังกาให้หน้าเขียว จะอุบายเอาด้วยลมให้กลมเกลียว คิดแก้เกี้ยวมังคลาให้ตาลอย มันหลงเมียเสียสัตย์ตัดกูเสีย พรากอีเมียมันสิหนาให้หน้าจ๋อย คิดยักย้ายให้อ้ายแขกจะแยกลอย ทำให้ม่อยอยู่กับที่ดั่งตีปลา ความคิดกูผู้เป็นสังฆราช ยังเปรื่องปราดไวว่องคล่องนักหนา ต้องจำคิดผ่อนผันด้วยปัญญา เอาลังกาให้จนได้เหมือนใจปอง แกนึกยิ้มอิ่มใจดั่งได้แก้ว คงผ่องแผ้วแก้จนที่หม่นหมอง หลอกอ้ายแขกให้จงได้ดั่งใจปอง แกตรึกตรองหลายอย่างทางอุบาย ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราปตาหวี ครั้นสุริย์ศรีจวนจะแจ้งส่องแสงฉาย โกกิลากาเมียงบินเรียงราย ดุเหว่าลายร้องขานประสานดัง สุมาลีคลี่คลายขยายรส บุปผาสดส่งกลิ่นถวิลหวัง เธอพลิกฟื้นตื่นจากแท่นบัลลังก์ จึงตรัสสั่งมเหสีทั้งสี่นาง พี่จะไปเมืองกำพลอย่าหม่นหมอง จงปรองดองกันไว้อย่าได้หมาง อยู่ด้วยกันให้จงดีทั้งสี่นาง เธอสั่งพลางแต่งองค์อลงกรณ์ ทรงภูษาแย่งยกกระหนกเทศ พลอยวิเศษเนาวรัตน์ประภัสสร ฉลององค์ตาดแดงแย่งมังกร ปั้นเหน่งซ้อนคาดทับแสงวับวาว ใส่หมวกดำกำมะหยี่สีสลับ กระจ่างจับเครื่องมณีล้วนสีขาว ถือเช็ดหน้าเหน็บตรีกระบี่ยาว ล้วนเพชรพราวพลอยประดับระยับตา แล้วเสด็จแท่นที่มณีอาสน์ เรียกครูบาทหลวงพลางทางปรึกษา ได้ฤกษ์ดีสักกี่บาทจะยาตรา ไปเภตรายามใดท่านให้พร ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเจ้าตำราว่าสักครู่ จะขอดูเมฆจำรัสประภัสสร แกลุกเดินออกมามองช่องบัญชร พอทินกรสูงเผ่นขึ้นเด่นดวง เมฆก็ตั้งดังตำราท้องอากาศ ตาสังฆราชรู้ตำหรับฉบับหลวง จึ่งเรียกร้องไพร่พลคนทั้งปวง อย่าให้ล่วงฤกษ์พาเวลาดี แล้วเชิญท้าวเจ้าประเทศเสด็จนั่ง เหนือบัลลังก์รถทองละอองศรี ให้เร่งรีบยกพลทั้งมนตรี สารถีขับม้าอาชาชาญ เดินกระบวนทวนธงตรงไปอ่าว บ้างโห่ฉาวฆ้องดังระฆังขาน ถึงประทับรอราอาชาชาญ หยุดที่ด่านท่าสำนักตำหนักแพ แล้วเสร็จลงเรือกำปั่นสุวรรณหงส์ ให้โบกธงออกไปชายกระแส แล้วตีกลองฆ้องระฆังกระทั่งแตร กำปั่นแห่กำปั่นรบขึ้นครบครัน ถอนสมอช่อใบขึ้นใส่รอก ให้แล่นออกตามตำหรับเป็นทัพขันธ์ พอมีลมพัดกล้าสลาตัน ออกกำปั่นพวกพหลพลทมิฬ ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ ชมฝูงสัตว์ในมหาชลาสินธุ์ ฝูงกระโห่โลมาในวาริน บ้างโดดดิ้นลอยล่องท้องสินธู ฉนากฉลามตามกันไล่ฟันคลื่น แลเป็นพื้นเหราทั้งปลาหมู ตะเพียนทองล่องไล่ในสินธู ตามเงือกงูเล่นหางกลางทะเล ฝูงช้างน้ำดำด้นพ่นน้ำฟุ้ง ทั้งกั้งกุ้งหลายพันธุ์ว่ายหันเห ฝูงพิมพาพากันท่องท้องทะเล เที่ยวว่ายเหหาเหยื่อเหลือประมาณ อันฝูงสัตว์มัจฉาทั้งปลาหอย มิใช่น้อยมากมายหลายสถาน จะพรรณนามากมายหลายประการ บทบุราณว่าไว้ในนที อันฝูงสัตว์ปฏิสนธิ์ในชลสาย ก็มากมายในห้องท้องวิถี ทะเลลมยมนาในวารี ก็เหลือที่จะรู้ชัดสัตว์แลนาม พอสุริยงลงลับพยับฝน ก็มืดมนมัวมิดทิศทั้งสาม เกิดพายุฟ้าคะนองร้องคำราม ต้นหนข้ามเรือที่นั่งบัลลังก์ทรง ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าพาราปตาหวี สถิตที่ท้ายบัลลังก์ที่นั่งหงส์ กับบาทหลวงร่วมคิดดั่งจิตจง ท้าวเธอปลงเชื่อใจมิได้แคลง นึกขยิ่มอิ่มใจในผู้หญิง หมายว่าจริงตรองตรึกไม่นึกแหนง บาทหลวงเฒ่าเจ้ากรรมมันสำแดง คิดจัดแจงเขียนรูปนุชบุษบง แล้วโรยยาทากระดาษที่วาดเขียน ไม่ผิดเพี้ยนพระอภัยเมื่อใหลหลง ติดยาแฝดแปดปนระคนลง หยิบไปส่งให้กับท้าวเจ้าบุรินทร์ ว่านี่แน่รูปนางข้าร่างเขียน ไม่ผิดเพี้ยนดูเถิดหนาอย่าถวิล คลี่กระดาษวาดทรงองค์ยุพิน ให้ท้าวทมิฬดูพลางที่กลางเรือ ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าพาราปตาหวี เห็นรูปศรีเสาวลักษณ์ให้รักเหลือ ต้องยาแฝดแปดปนระคนเจือ ดูไม่เบื่อน่ารักลักขณา กระนี้หรือพวกพ้องจึ่งต้องหวง ราวกับดวงจันทร์เพ็งเปล่งนักหนา ฉวยกระดาษเข้าในห้องทองไสยา พอกลิ่นยาแฝดฟุ้งจรุงใจ ให้เคลิ้มเคล้นเห็นเหมือนนางพลางถนอม ยิ่งหวนหอมปลื้มจิตพิสมัย กำลังยาวาบวับเข้าจับใจ ให้เสียวในทรวงถวิลกลิ่นอุบล หลงพูดพึมงึมงำคลำกระดาษ ด้วยอำนาจคุณยาดั่งห่าฝน มาถูกต้องกรกายเหมือนสายชล ด้วยระคนฤทธิ์ผีมีกำลัง เล่นเอาลืมสี่นางสำอางพักตร์ เป็นสิ้นรักสิ้นฤทธิ์ไม่คิดหวัง แล้วนึกหวนครวญจิตให้คิดชัง พลางนอนนั่งดูกระดาษเพียงขาดใจ ฯ ๏ บาทหลวงเห็นกิริยาว่าอ้ายนี่ ดูท่วงทีจะพะวงเห็นหลงใหล จำจะคิดถ่ายถอนที่อ่อนใจ ลุกเข้าไปท้ายบาหลีที่ประทม เห็นออท้าวเจ้าพาราคว้ากระดาษ เอารูปวาดเชยชิดสนิทสนม นึกในใจอ้ายนี่อยู่กูทั้งกลม จะเป่าลมให้รู้สึกได้ตรึกตรอง แล้วเสกพัดปัดลมให้เย็นเฉื่อย แต่เรื่อยเรื่อยจับใจพอหายหมอง แล้วนั่งลงเรียกไปดังใจปอง อย่าหม่นหมองเลยคงได้ดังใจจง ท้าวกุลามาลีลืมสติ ลงนั่งมิพูดพลั้งกำลังหลง จึงว่าเชิญน้องนุชบุษบง ไยอนงค์มานั่งไม่บังควร ขอเชิญเจ้าเนาในที่ไสยาสน์ อย่าหวั่นหวาดพี่จะรองประคองสงวน แล้วกุมกรสังฆราชว่านาฏนวล ฤทัยป่วนที่ในเล่ห์ประเวณี ฯ ๏ บาทหลวงเห็นหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง แล้วจึ่งร้องว่าเราใช่สาวศรี อย่าเคลิ้มไคล้ใช่อนงค์องค์นารี พลางไล่ผีกำกับสำหรับยา ท้าวทมิฬยินเสียงบาทหลวงถาม ให้มีความขายพักตร์เป็นนักหนา แล้วหักจิตคิดว่าใครหาไหนมา เป็นครูบาจะได้อายทำไมมี พลางพูดเก้อเออเจ้าคุณมาถึงไหน ยังใกล้ไกลแถวทางกลางวิถี บาทหลวงว่าอ่อนใจทำไมมี ไม่ช้าทีคงสมอารมณ์ปอง อันเมืองกำพลเพชรอีกเจ็ดโยชน์ เห็นเกาะโดดคือปากอ่าวอย่าเศร้าหมอง แม้ลมดีดั่งนึกที่ตรึกตรอง อีกสักสองสามวันเหมือนสัญญา ฯ ๏ ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ โสมนัสดั่งเห็นมิตรกนิษฐา พลางฟังคำตาเฒ่าเจ้าตำรา เชิญพระอาจารย์ช่วยด้วยเถิดคุณ สมความคิดข้าพเจ้าเช่นเขาว่า แต่ใต้หล้าชั้นมนุษย์จะอุดหนุน เว้นแต่ของเบื้องบนจนแล้วคุณ ไม่มีบุญเหลือจะไปในนภดล แต่พื้นดินถิ่นประเทศเขตสถาน จะต้องการในจังหวัดไม่ขัดสน จะฉลองคุณท่านเหมือนทานบน ที่ร้อนรนจะช่วยดับระงับภัย ฯ ๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มเอมเกษมสุข เหมือนทิ้งทุกข์จากอกสักหกไห อ้ายนี้เจ้าตัณหามันพาไป จะลวงไอ้มังคลาให้พาเมีย มาให้มันดูแลอีแม่รัก แล้วจะหักหาญไว้ให้ได้เสีย แม้ดึงดื้อถือตัวทั้งผัวเมีย จะฆ่าเสียให้มันตายวายชีวง ยกเอาเมียให้อ้ายแขกแปลกภาษา ก็เห็นว่าจะได้สมอารมณ์ประสงค์ ใช้ไปตีลังกาบุกป่าดง อ้ายนี้คงใช้ได้เห็นไม่เชือน บาทหลวงว่าอย่าวิตกจะยกให้ กูว่าไว้แม้นเองไปมิได้เหมือน ถ้ามิได้สมคิดจะบิดเบีอน พูดแชเชือนยกเข้าเอาบุรี แกชวนออกนอกห้องได้ตรองตรึก ที่ตื้นลึกเรียนให้รู้ดูวิถี ได้หญิงงามสมประสงค์คงจะดี ไม่เสียทีเจ้าชู้คำบูราณ เขาย่อมว่าอยู่ทุกแห่งเหมือนแมงภู่ ก็ย่อมรู้กำพืดที่จืดหวาน จะมานั่งอยู่ในห้องไม่ต้องการ ไปคิดอ่านดูทางกลางทะเล ท้าวกุลามาลียินดีเหลือ เพราะว่าเชื่อสารพันไม่หันเห ลุกออกจากแท่นทองตรองคะเน ฟังลิ้นเล่ห์พระอาจารย์เจ้ามารยา ด้วยเชื่อถือมิได้แหนงระแวงจิต เห็นสมคิดท่านการุญบุญนักหนา แล้วไปนั่งยังแท่นท้ายเภตรา กับท่านอาจารย์ครูพลางดูดาว บาทหลวงชี้นี่แน่ทิศกำพลเพชร ตรงดาวเม็ดน้ำมณีมีสีขาว ที่ดวงแดงแสงสว่างกระจ่างพราว คือปากอ่าวรมจักรนัครา ที่สีเหลืองเรืองโรจน์ดูโชติช่วง ขึ้นเด่นดวงสูงสว่างกลางเวหา คือฉวากปากอ่าวเมืองลังกา ตรงดาวม้าแหลมสุหรัดถัดออกไป ข้างขวามือชื่อดาวประกายพรึก อ่าวผลึกมั่นคงอย่าสงสัย แกชี้บอกอ่าวเมืองเนื่องกันไป ตามที่ในแผ่นที่คลี่ให้ดู ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ไม่ยินดีครูสอนนึกอ่อนหู เฝ้าแต่เปิดรูปเขียนออกเวียนดู บาทหลวงรู้แยบคายหลายประการ อ้ายนี่จับดวงจิตติดกระดูก เห็นพันผูกวุ่นวายหลายสถาน ลงนั่งเซาเหงางึมซึมอยู่นาน คงเป็นการกูแล้วไม่แคล้วเลย เรือก็แล่นใบสล้างมากลางหน ทั้งไพร่พลมากมายสบายเฉย ไม่มัวเมารากทนเพราะคนเคย ต่างเฉยเมยนั่งมองร้องละคร สองเดือนครึ่งก็พอถึงกำพลเพชร พร้อมกันเสร็จคั่งคับสลับสลอน ทั้งไพร่นายฝ่ายพหลพลนิกร จอดสลอนแลลิ่วเป็นทิวไป ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเรือตระเวนเจนสมุทร เห็นเรือหยุดทอดเรียงเคียงไสว บ้างลดเพลาเสาหน้าม้วนผ้าใบ จึ่งแล่นไปแล้วก็ถามตามสงกา นี่แน่ท่านยกมาเป็นข้าศึก อันตื้นลึกเล่าให้ฟังที่กังขา เราเป็นพวกด่านนอกจงบอกมา แจ้งกิจจาจะให้ไปในบุรินทร์ ขุนนางแขกให้ล่ามมาถามซัก รู้ประจักษ์ชื่นชมสมถวิล จึงบอกกล่าวเล่าความตามกระบิล มาแต่ถิ่นปตาหวีบุรีราม ขอท่านจงรออยู่สักครู่หนัก คงประจักษ์แจ้งใจที่ไต่ถาม พระบาทหลวงแกคิดมาติดตาม ไม่แจ้งความที่ในการสถานใด ท่านสั่งว่าใครมาให้ไปบอก แกจะออกมาแจ้งแถลงไข พลางลงเรือบดพลันด้วยทันใด แล้วรีบไปเล่าแจ้งแห่งคดี ฯ ๏ บาทหลวงเขียนหนังสือใส่มือเสื้อ แล้วลงเรือไปกับพวกกะลาสี ครั้นถึงเรือตระเวนพลันด้วยทันที แกยินดีไต่ถามตามกระบวน มังคลามาอยู่ในเมืองนี้ กูยินดีสมปองประคองสงวน เองเอาหนังสือไปให้ที่ควร เวลาจวนรีบไปในบุรินทร์ บอกว่ากูมาตามเพราะความรัก ด้วยทุกข์หนักพลัดกันไปใจถวิล จะเป็นตายหมายมาจากธานินทร์ ประเทศถิ่นลังกาคิดปรารมภ์ เองรีบไปแจ้งข่าวแล้วเล่าเรื่อง ที่บทเบื้องโดยอย่างปางปฐม กองตระเวนลาไปพอได้ลม แล่นระดมไปถึงด่านชานบุรี แล้วหยิบหนังสือให้กับนายใหญ่ เสนาในรีบเข้าเฝ้าเจ้ากรุงศรี ทูลแถลงแจ้งความตามคดี ว่ายังมีกำปั่นสักพันลำ ทั้งเรือรบเรือใบอยู่ชายหาด แลออกกลาดใส่หมวกพวกไหหลำ แต่ลางพวกหน้าแปลกล้วนแขกดำ นั่งประจำอยู่ในเรือใส่เสื้อแดง แต่บาทหลวงมาด้วยช่วยกำกับ แขกคำนับกลัวนักเป็นศักดิ์แสง ถือกระบี่ฝักเขียวดูเรี่ยวแรง กับธงแดงอาญาสิทธิ์ถือติดมือ มาพบพวกกองตระเวนแกรู้จัก จึงพยักเรียกเข้าไปให้หนังสือ แล้วหยิบส่งทูลถวายเห็นลายมือ พระร้องอือเออจะกวนชวนให้เคือง เราเหลือทนจนใจเพราะไกแช่ง แล้วก็แกล้งทรมาจนตาเหลือง จนชั้นพวกพหลพลเมือง ก็รู้เรื่องอยู่ทุกคนด้วยจนใจ พลางสั่งให้คลี่สารอ่านอักษร ในบทกลอนจะว่าขานสถานไหน ขุนเสนารับสารแล้วอ่านไป ตามที่ในศุภลักษณ์อักขรา ฯ ๏ หนังสือครูผู้เป็นสังฆราช ได้ชี้ขาดในเรื่องศาสนา ขอแจ้งจิตมาถึงศิษย์มังคลา เพราะความปรานีเหลือในเชื้อวงศ์ ด้วยเป็นหลานเจ้าลังกาอาณาจักร ประเสริฐศักดิ์เหมือนหนึ่งชาติราชหงส์ มาตกไร้ได้ยากลำบากองค์ ครูนี้สงสารคิดมาติดตาม ด้วยพลัดพรากจากกันคิดมั่นหมาย จะเป็นตายหรือไฉนเที่ยวไต่ถาม ตั้งแต่พรากจากกันวันสงคราม พอได้ความจึ่งรีบมาเห็นหน้ากัน พรุ่งนี้เช้าเจ้าจงมาที่หน้าด่าน ตัวอาจารย์แสนวิโยคทั้งโศกศัลย์ ทั้งผัวเมียรีบลงมาเห็นหน้ากัน กูผูกพันท้าวแขกแปลกตระกูล คบเป็นมิตรของเราเขาคนซื่อ ทั้งฝีมือคบไว้เห็นไม่สูญ มาเกลี้ยกล่อมไว้เป็นวงศ์พงศ์ประยูร คงเพิ่มพูนได้ไปตีบุรีคืน ประเดี๋ยวนี้เขาก็มาอยู่หน้าด่าน เองคิดอ่านเป่าปัดอย่าขัดขืน คงจะเป็นที่หวังไปยั่งยืน ถึงคนอื่นแต่สมัครร่วมรักกัน ก็ดีดอกถึงว่านอกศาสนา ควรจะมารับแรงให้แข็งขัน คงจะสมปรารถนาสารพัน จงคิดกันลงมาอย่าช้าที ฯ ๏ พอจบสารพระผู้ผ่านกำพลเพชร เธอทราบเสร็จตรองการในสารศรี จึงเอื้อนอรรถตรัสพลันในทันที คงจะมีแยบยลกลอุบาย เห็นครูเฒ่าเจ้าเล่ห์คงคิดหลอก เหมือนเสี้ยนยอกอยู่ในจิตอย่าคิดหมาย แม้นมิไปก็จะขุ่นต้องวุ่นวาย เสนานายสั่งรถบทจร พรุ่งนี้เช้าเราจะรีบลงไปด่าน จัดทหารพันคู่ธนูศร กับทั้งพวกเสโล่แลโตมร พลนิกรแหลนหลาวทั้งง้าวปืน จะไว้ใจไกนั้นยากเป็นขวากหนาม ฉวยลุกลามต่อแย้งจะแข็งขืน เหมือนกินข้าวแค้นน้ำต้องกล้ำกลืน สุดจะฝืนเหมือนอย่างเก่าเพราะร้าวราน ขุนเสนารับรสพจนารถ มาหมายบาดสั่งเวนเกณฑ์ทหาร ทุกหมู่หมวดตรวจตราบัญชาการ ราชยานรถที่นั่งบัลลังก์ทอง กระบวนแห่แตรฝรั่งหมายสั่งเสร็จ รับเสด็จพลขันธ์เจ็ดพันสอง ให้เร่งกันมาจำเพาะแต่เคาะกลอง ตามทำนองบาดหมายรายบาญชี ฯ ๏ ป่างพระจอมมังคลานราราช เข้าไสยาสน์ร่วมภิรมย์ประสมศรี กับบุษบงองค์พระราชเทวี บนแท่นที่เนาวรัตน์ชัชวาล เกิดนิมิตว่าอาทิตย์บนเวหน เป็นหมอกมนมืดมิดทิศอิสาน เข้าบังดวงสุริยนอนธการ ไม่เบิกบานแจ่มแจ้งแสงอุทัย แล้วเกิดเป็นพายุระบุระบัด มาหอบพัดเอาปราสาทไม่หวาดไหว ในฝันว่าบุษบงองค์อรไท ติดขึ้นไปบนปราสาทประหลาดลอย แล้วกลับลงมาที่พอมีฝน ในเบื้องบนตกนองเป็นฟองฝอย แลเห็นพระจันทราลีลาลอย เหมือนจะย้อยลงมาในที่ไสยา พระพลิกฟื้นตื่นตกพระทัยหาย พอประกายพรึกเผ่นเด่นเวหา ผวากอดยอดอุบลสุมณฑา ในอุราหวั่นหวาดประหลาดจริง อันนิมิตพิสดารในการฝัน หรือเทวัญที่ประสิทธิ์สถิตสิง จะหาผู้รู้มาถามเอาความจริง ก็นึกกริ่งจิตหมองไม่ต้องการ ตามแต่จะเป็นไปเหมือนไม้ดัด ถึงจะตัดกิ่งใบหลายสถาน ก็คงแตกแยกย้ายหลายประการ ไม่ช้านานก็คงผลัดระบัดใบ จำจะนิ่งเสียมิให้ผู้ใดรู้ ผิดก็สู้รบกันไม่หวั่นไหว พอเช้าตรู่สุริโยอโณทัย จะตรึกไตรตรองตริดำริพลาง แล้วปลุกนุชบุษบงอนงค์นาฏ ตื่นไสยาสน์เถิดพระน้องอย่าหมองหมาง จำจะไปธารท่าศาลากลาง ที่ด่านทางปากน้ำด้วยจำเป็น เพราะบาทหลวงแกมาจะว่าขาน ที่การงานข้อไรจะได้เห็น จะชวนน้องไปด้วยกันตะวันเย็น แต่พอเห็นหน้ากันดั่งสัญญา แล้วจะกลับมายังปรางค์ปราสาท สังฆราชแกสั่งไว้ให้ไปหา ครั้นจะมิลงไปแม้นไกมา จะด่าว่าอายเขาชาวบุรินทร์ นางนบนอบตอบสนองขอรองบาท ไม่ขอคลาดบาทาอย่าถวิล เหมือนเกือกทองฉลองบาทพระภูมินทร์ กว่าจะสิ้นชีวานิคาลัย พระรับขวัญขวัญตานิจจาเอ๋ย ประคองเชยชมมิตรพิสมัย พลางจูงกรกัลยาให้คลาไคล เสด็จเข้าในห้องสรงทรงสุคนธ์ น้ำกุหลาบอาบละอองเป็นฟองฝอย อยู่งานคอยถวายเย็นทุกเส้นขน พระทรงเครื่องลายจำหลักปักกุณฑล มาลาขนการะเวกลงเลขยันต์ เหน็บพระแสงข้างที่กระบี่เพชร แต่ละเม็ดเนาวรัตน์ล้วนจัดสรร บุษบงทรงเครื่องสังวาลวัลย์ จรจรัลตามกษัตริย์ขัตติยา พระกุมกรนุชนางพลางขึ้นรถ มรกตแก้วเก้าวาวเวหา สารวัตรนายหมวดเร่งตรวจตรา ขุนเสนากราบก้มบังคมคัล เดินกระบวนทวนธงตรงไปด่าน นายทหารกำกับเป็นทัพขันธ์ สารถีขับม้าอาชาพลัน พอตะวันสายกล้าสักห้าโมง ถึงวังด่านธารท่าสาคเรศ พระทรงเดชขึ้นบัลลังก์ที่นั่งโถง มีเฟี้ยมกั้นชั้นในคล้ายพระโรง ดูโอ่โถงทำสำหรับรับข้างใน ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ ยุรยาตรขึ้นพลับพลาที่อาศัย พร้อมสุรางค์นางบำเรอเสนอใน สำหรับไทธิบดินทร์ปิ่นนคร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง เกษมทรวงภิญโญสโมสร ให้จัดแจงเรือที่นั่งลำมังกร พลสลอนแขกชวามลายู จึงชวนท้าวเจ้าพาราปตาหวี ไปดูอีหญิงงอนให้อ่อนหู แม้นชอบใจลุกมานอกจงบอกกู เองไปดูเล่นพลางพอสร่างทรวง แม้นชอบใจกูจะได้ไปว่ากล่าว ในเรื่องราวแม้นมิให้การใหญ่หลวง ยกเข้าตีปากน้ำทำกลลวง แม้นได้ท่วงทีเราเอาทั้งแดน ถ้ามิยอมให้ผู้หญิงเป็นมิ่งมิตร จะเบี่ยงบิดหนักหน่วงทำหวงแหน เราไปบอกไทท้าวทุกด้าวแดน เอาให้แน่นเมืองด่านชานบุรี ฯ ๏ องค์ท้าวแขกสมคะเนแล้วเสสรวล พลางก็ชวนกันลงเรือใส่เสื้อสี โพกส่านแดงแย่งลงยาราชาวดี จรลีลงที่นั่งเรือมังกร บาทหลวงนั่งเคียงข้างพลางพูดจ้อ กูจะขออีผู้หญิงมิ่งสมร ให้มึงสมปรารถนาอย่าอาวรณ์ จะดับร้อนเรื่องวิตกในอกใจ พลางเร่งเรือตีกระเชียงเสียงสนั่น พลขันธ์เซ็งแซ่แลไสว ท้าวกุลามาลีเธอดีใจ อยากจะใคร่เห็นองค์อนงค์นาง เร่งกระบวนเรือแห่มาแออัด ให้ตรงตัดเข้าละเมาะริมเกาะขวาง ถึงปากอ่าวเข้าช่องตามร่องทาง พวกขุนนางชาวพาราที่มาคอย นำเอาเรือคั่งคับประทับท่า เอารถาเตรียมไว้เคยใช้สอย กับเครื่องแห่แออัดจัดไว้คอย มิใช่น้อยตามยศให้งดงาม บาทหลวงยิ้มอิ่มใจดังได้แก้ว อยู่กูแล้วพูดไปปราศรัยถาม เองมารับสมยศดูงดงาม ก็ต้องตามถือกูผู้อาจารย์ แล้วชวนท้าวเจ้าพาราปตาหวี ขึ้นนั่งที่รถฝรั่งสั่งทหาร ให้เดินพลคนแห่แก่สำราญ ขึ้นเมืองด่านหยุดประทับที่พลับพลา ฯ ๏ ฝ่ายพระปิ่นมังคลานราราช เห็นครูบาทหลวงลงตรงมาหา แต่จำเป็นจำไปไม่ศรัทธา ในอุราคับคั่งดั่งอัคคี ฝืนพระทัยไต่ถามไปตามเรื่อง แต่เต็มเคืองเจ็บจิตดังพิษฝี แล้วเชิญท้าวเจ้าทมิฬเหมือนยินดี ให้นั่งที่อาสน์รัตน์ชัชวาล ต่างปราศรัยไต่ถามกันตามเรื่อง ถึงบ้านเมืองเป็นสุขสนุกสนาน เหตุไฉนจึ่งได้มากับอาจารย์ หรือต้องการสิ่งไรทั้งไพร่พล ฯ ๏ ฝ่ายไท้ท้าวเจ้าพาราปตาหวี นึกเปรมปรีดิ์ในใจไม่ฉงน จึ่งตอบถ้อยท่านท้าวเจ้ากำพล ขอภูวดลรักใคร่เป็นไมตรี ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเจ้าเล่ห์ออกชิงพูด บิดตะกูดร่ำไรทั้งใส่สี อึงคนเดียวเคี่ยวขับทับทวี เที่ยวเดินชี้นิ้วอวดตรวจขุนนาง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช สั่งอำมาตย์อดพระทัยอย่าให้หมาง อายกับเขาเจ้าชวาเห็นท่าทาง แกพูดขวางหูแท้ทั้งแง่งอน จึงตรัสสั่งให้ตั้งโต๊ะเสวย ทั้งนมเนยยกมาเรียงเคียงสลอน ทั้งแพะแกะไก่นกยกสุกร มาวางซ้อนต่างต่างล้วนอย่างดี เชิญให้ท้าวเจ้าชวามาเสวย เอาคนเคยเครื่องอานพานพระศรี แล้วเชิญบาทหลวงพลันด้วยทันที ขึ้นเก้าอี้พร้อมกันต่างวันทา ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ สองกษัตริย์เสวยพลันต่างหรรษา บาทหลวงแกกินพลางทางพูดจา แล้วเรียกหาบุษบงอนงค์นาง มารู้จักกันไว้เป็นไรหวา ไปเบื้องหน้าเพื่อวิบัติจะขัดขวาง จะได้ช่วยกันไปไว้เป็นทาง แม้นขัดขวางคงสะดวกเพราะพวกกัน พระมังคลาพาซื่อถือว่าพระ อาจารย์จะใคร่พบพูดขบขัน จึงตรัสเรียกพวกสุรางค์นางกำนัล ไปเชิญขวัญวรนุชบุษบง ว่าองค์พระอาจารย์มานานแล้ว อยากพบแก้วกลอยจิตคิดประสงค์ ฝ่ายสุรางค์ย่างเข้าไปเฝ้าองค์ เชิญอนงค์มาคำนับรับอาจารย์ โฉมพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ ยุรยาตรตรงมาที่หน้าฉาน แล้วยื่นหัตถ์น้อมคำานับรับอาจารย์ บาทหลวงพาลนึกในใจเห็นได้ที แล้วปราศรัยไต่ถามไปตามเรื่อง ถึงบ้านเมืองยังสนุกเป็นสุขี ทั้งโรคันอันตรายไม่ยายี ยังอยู่ดีหมดด้วยกันหรือฉันใด นางคำนับรับคำแต่น้ำจิต ยังหวนคิดถึงแกด่าไม่ปราศรัย แต่หักห้ามความเก่าพอเบาใจ ลากลับไปกับสุรางค์นางกำนัล ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี เห็นนารีรักใคร่ใจกระสัน ลืมเสวยเลยตะลึงสักครึ่งวัน ใท้ผูกพันรูปทรงอนงค์นาง บาทหลวงพูดกลบเกลื่อนให้เงื่อนหาย กินข้าวสายเป็นทุกทีคนผีสาง พูดมิให้มังคลารู้ท่าทาง จะระคางเสียเพราะเมียจะเสียความ ครั้นอิ่มหนำทำว่าเวลานี้ กูยังมีธุระจะไปถาม พวกฝรั่งอังกฤษที่ติดตาม มาสักสามสิบคนอยู่บนเรือ พระจอมวังสั่งเสนาพฤฒามาตย์ ไปส่งบาทหลวงพลให้ล้นเหลือ แม้นขัดสนขนเอาทั้งข้าวเกลือ ไปส่งเรือเครื่องเสบียงได้เลี้ยงคน ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ให้เปรมปรีดิ์ในจิตไม่คิดฉงน เชิญบาทหลวงร่วมใจกับไพร่พล จรดลรีบไปในเภตรา เข้าในห้องที่สบายท้ายบาหลี ให้เปรมปรีดิ์นึกหวังเป็นฝั่งฝา แล้วลุกไปเชิญท่านอาจารย์มา พลางปรึกษาถึงนางสำอางองค์ บาทหลวงเฒ่าเจ้าความคิดบิดตะกูด ทำเป็นพูดผูกพันเห็นมันหลง แกทำเป็นปราศรัยดั่งใจจง ดูอนงค์เป็นอย่างไรใจของเรา จะชอบหรือไม่ชอบคิดสอบสวน ตามกระบวนเถิดสิหวาได้ว่าเขา กูจะไปไต่ถามเป็นสำเนา เองบอกเล่าให้กระจ่างในทางความ ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ก็เปรมปรีดิ์กราบไหว้แล้วไต่ถาม เจ้าคุณช่วยกรุณาพยายาม ให้สมความรักใคร่ไว้สักคราว ช่วยขอสู่ให้ได้อยู่เป็นสุโข ได้อิศโรคลอเคลียด้วยเมียสาว บาทหลางว่าถ้ากระไรไปอีกคราว แต่ออท้าวเองจงอยู่กูจะไป พูดกับเขาเจ้าของลองดูก่อน จะโอนอ่อนอออือหรือไฉน หรือเขาจะแข็งขัดตัดอาลัย แม้นมิให้โดยดีก็มิฟัง คงจะคิดรบพุ่งให้ยุ่งยิ่ง แล้วจึงชิงนางให้ดังใจหวัง ปัญญาเอ็งคิดอย่างไรจะใคร่ฟัง บอกกูมั่งเหมือนอย่างนึกที่ตรึกตรอง ท้าวกุลาว่าสุดแต่ใต้เท้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณการุญสนอง ขอแค่ให้ได้สมอารมณ์ปอง จะปรองดองสุดแท้แต่อาจารย์ บาทหลวงว่าชะเจ้าจอมคอยซ้อมท้าย ไม่ถ่อพายเอาแต่สุขสนุกสนาน ได้อนงค์เองก็คงลืมอาจารย์ สมนิทานปรารถนาเหมือนว่าวอน ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ จึ่งให้สัตย์ด้วยประสงค์จำนงสมร ข้าพเจ้าเล่าก็คิดเหมือนบิดร อย่าอาวรณ์ไปเลยท้าวเจ้าประคุณ แม้นมิตรงต่อองค์อาจารย์เฒ่า พระเป็นเจ้าบนฟ้าอย่าอุดหนุน ทั้งมหะหมัดของข้าอย่าการุญ แม้นลืมคุณพระอาจารย์ให้ฉันโซ บาทหลวงยิ้มอิ่มใจว่าอายนี่ เห็นท่วงทีมันจะรักกูอักโข มันอุตส่าห์กล้าสบถให้อดโซ ชาติอ้ายโคสันหลังขาดอุบาทว์จริง จำจะต้องเอาใจมันไว้ก่อน ค่อยหลอกหลอนมันดูเรื่องผู้หญิง แล้วจึ่งคิดถ่ายเทประเวประวิง ให้เห็นจริงทุกอย่างทางประโลม แกจึงว่าสาบานให้กูแล้ว จะกวาดแผ้วให้ได้นางสำอางโฉม พรุ่งนี้เช้ากูจะเข้าไปเล้าโลม ให้มันโสมนัสใจคงได้การ ฯ ๏ แกจึ่งสั่งบรรดาพวกฝาหรั่ง ให้เตรียมทั้งคนเก่าเหล่าทหาร พรุ่งนี้เช้ารีบมาอย่าช้านาน จะไปด่านหาเขาเจ้าบุรินทร์ แกสั่งเสร็จกลับเข้าในท้ายบาหลี ตรองคดีที่จะไปดั่งใจถวิล ดูพิชัยสงครามตามระบิล ในเล่ห์ลิ้นลอกไว้ในตำรา ฯ ๏ จะกล่าวข้างเรื่องราวท้าวโกสัย ให้แค้นใจสังฆราชไม่ปรารถนา จะอยู่กับเขาไยมิใช่ข้า ให้มันด่าข่มขี่ตีประจาน ว่าจะหนีไปพาราหาลูกเขย เรียกคนเคยเข้ามาแล้วว่าขาน จงไปนัดพวกเราเล่าอาการ อย่าเนิ่นนานบอกให้ทั่วทุกตัวคน ค่ำวันนี้กูจะหนีเข้าไปด่าน จงเตรียมการไว้ให้ทั่วตัวพหล เอาเรือบดลดลงไว้ในสายชล อย่าให้คนอื้ออึงคะนึงไป ครั้นสั่งเสร็จเดินเหย่าเข้าในห้อง เก็บข้าวของตามประสาอัชฌาสัย แต่บรรดาพวกพหลสกลไกร ของท้าวไทเตรียมทั่วทุกตัวคน พอสองยามเมฆอับพยับฟ้า พระจันทรามืดมัวทั่วเวหน ท้าวโกสัยจัดแจงแปลงสกนธ์ เหมือนพวกพลรีบตรงไปลงเรือ กับพหลพลไพร่ก็หลายร้อย ค่อยล่องลอยรีบไปทอดจอดข้างเหนือ พากันขึ้นบกได้เสือกไสเรือ เดินไปเหนือด่านท่าชายสาคร เข้าประตูเดินไปหานายด่าน แจ้งอาการให้เสมียนเขียนอักษร ว่าตัวเราคนสนิทเป็นบิดร ของบังอรบุษบงอนงค์นาง ขุนด่านแจ้งเรียกหาพวกม้าใช้ ให้รีบไปเร็วรัดอย่าขัดขวาง เอาหนังสือบอกไปให้ขุนนาง ตามเยี่ยงอย่างทูลบพิตรอิศรา พวกม้าใช้รีบไปถึงนิเวศน์ แล้วแจ้งเหตุให้ฟังที่กังขา ขุนเสนีรับสารอ่านสารา แล้วจึ่งว่าคอยเราจะเข้าทูล ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช พร้อมอำมาตย์เฝ้าพระปิ่นบดินทร์สูร ขุนเสนีกราบก้มบังคมทูล แล้วประมูลคลี่หนังสือที่ถือมา อ่านถวายในอักษรท้าวโกสัย ให้ภูวไนยทราบความตามเลขา ว่าบาทหลวงคิดการเป็นมารยา จะปรารถนาบุษบงอนงค์นาง ให้แก่ท้าวเจ้าพาราปตาหวี ยกโยธีหมายกำจัดที่ขัดขวาง ข้าสืบรู้แยบคายมันหลายทาง อย่าได้วางใจมันเป็นมั่นคง จงชวนกันหนีมาบรรดาแขก มันทำแหลกเกือบกระจุยเป็นผุยผง ขอเชิญทราบในลิขิตดั่งจิตจง พอจบลงที่ในเรื่องเคืองพระทัย แล้วพระองค์เอื้อนอรรถตรัสบังคับ เร่งไปรับอิศโรท้าวโกสัย อย่าให้ทันรุ่งแจ้งแสงอุทัย เชิญมาในเวียงวังจึ่งบังควร เอารถรัตน์จัดไปให้สมยศ พร้อมกันหมดโดยทำนองประคองสงวน แล้วให้จัดเก๋งข้างในดูให้ควร เวลาจวนแล้วให้พักตำหนักจันทร์ ฯ ๏ พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์เคืองขุ่นให้หุนหัน เป็นไรมีที่จะเป็นได้เล่นกัน เราก็ชั้นเชิงชายใช่สตรี เข้าในปรางค์ทางแถลงแจ้งรหัส แล้วก็ตรัสกับพระมิ่งมเหสี ว่าน้อยหรือบาทหลวงทำท่วงที คิดจะตีเมืองเราเอาเจ้าไป ยกให้ท้าวเจ้าพาราปตาหวี ไม่คิดที่ก่อนมาอัชฌาสัย จะยากแค้นแสนเข็ญเป็นอย่างไร ได้เจ็บใจแล้วไม่กลัวถึงตัวตาย ก็รู้อยู่ว่าแกคิดริษยา พากันมาหมายจะริบให้ฉิบหาย ไม่รู้ในแยบยลกลอุบาย เราคิดหมายว่าเป็นครูไม่หลู่คุณ แต่เขาก่อแล้วต้องสานเป็นการแม่น จะตอบแทนกว่าจะสิ้นดินกระสุน มิใช่เราเกเรเนรคุณ แกทำวุ่นหมายมาจะฆ่าฟัน บิดาเจ้าเล่าก็หนีมาอยู่ด่าน จึงแจ้งการใจจริงทุกสิ่งสรรพ์ พี่สั่งให้ไปคำนับรับมาพลัน อย่าให้ทันแจ่มแจ้งแสงอุทัย ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี อัญชลีทูลความตามสงสัย บังเกิดเหตุเภทพาลสถานใด ไม่ขอไกลบาทาฝ่าละออง ถึงเป็นหญิงสิ่งซึ่งกลศึก ได้ตรองตรึกอาจารย์เฒ่าเล่าสนอง แม้นเป็นศึกขออาสาฝ่าละออง มิให้ข้องเคืองขัดหัทยา พระปลอบพลางทางว่านิจจาน้อง ยังไม่ต้องถึงมิตรขนิษฐา พลางเล้าโลมโฉมสมรเหมือนก่อนมา ให้นิทราบนพระแท่นแสนสำราญ ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่ไปรับท้าวโกสัย รีบลงไปเร็วพลันดั่งบรรหาร ถึงแล้วทูลท้าวพลันมิทันนาน มีโองการเชิญท่านไทไปบุรินทร์ อย่าให้ทันสุริยาภาณุมาศ พวกอำมาตย์ชื่นชมสมถวิล ท้าวโกสัยขึ้นรถาไปธานินทร์ ออกจากถิ่นเมืองด่านชานนคร สารถีตีม้าอาชาชาติ ล่วงลีลาศมาตามทางหว่างสิงขร ทั้งเกณฑ์แห่เป็นขนัดอัสดร ให้รีบร้อนไปกระทั่งถึงวังใน ให้ประทับรถาหน้าตำหนัก แล้วหยุดพักเก๋งทองอันผ่องใส ครั้นรุ่งรางสว่างแสงอโณทัย สกุไณโกกิลาพากันบิน ดุเหว่าแว่วแจ้วเจื้อยระเรื่อยร้อง ประสานซ้องส่งเสียงสำเนียงถวิล ป่างพระจอมอิศราเจ้าธานินทร์ ธิบดินทร์สระสรงคงคาลัย เสด็จออกนอกปรางค์พลางลีลาศ ยุรยาตรออกมาเฝ้าท้าวโกสัย เชิญเข้ามาปรางค์มาศปราสาทชัย ต่างปราศรัยสนทนาปรึกษากัน ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ มากราบบาทบิตุรงค์พงศ์อสัญ แล้วก็ตรัสสนทนาปรึกษากัน ต่างรำพันทุกข์ยากเมื่อจากเมือง บาทหลวงทำป่นปี้ทั้งตีตบ ไม่น่าคบน่าค้าอ้ายตาเหลือง ดูจริตผิดชนคนทั้งเมือง คิดแต่เรื่องทุจริตเป็นจิตพาล ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงกำพลเพชร ครั้นทราบเสร็จเคืองพระทัยหลายสถาน ปรึกษาท้าวโกสัยเห็นไม่นาน คงเกิดการรบกันเป็นมั่นคง แล้วสั่งนุชบุษบงอนงค์นาฏ ให้จัดราชนารีที่ประสงค์ ไปให้ท้าวเธอใช้ดั่งใจจง ร้อยอนงค์ปรนนิบัติกษัตรา ครั้งสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ออกอำมาตย์เฝ้ารายทั้งซ้ายขวา แล้วตรัสเรียกอาจารย์คลานเข้ามา จึงปรึกษาเรื่องงานการสงคราม ฯ ๏ พราหมณ์สุทัตฟังตรัสแล้วดูสอบ ตามระบอบในตำราภาษาสยาม พิเคราะห์ดูลัคน์จันทร์ทั้งวันยาม เห็นต้องตามบทบังคับสำหรับครู คงจะเป็นศึกใหญ่มิใช่น้อย จะติดต้อยราญรอนจนอ่อนหู จะมีผู้อุปถัมภ์ช่วยค้ำชู ตาแกรู้เสร็จสรรพแล้วกราบทูล ว่าข้าแต่พระองค์ผู้ทรงภพ จะต้องรบวุ่นไปทั้งไอศูรย์ ต่อเมื่อไรเผ่าพงศ์วงศ์ประยูร มาประมูลจึ่งจะคลายวายอาวรณ์ ด้วยหลักเมืองร้ายอยู่ราหูทับ ต้องตำรับตกทวารอาจารย์สอน ข้าคูณหารในตำราพยากรณ์ พระเสาร์จรมาเป็นที่มักมีภัย ข้างต้นร้ายปลายดีมักมียศ ให้ปรากฏดังอาจารย์ท่านขานไข ขอจงทราบบาทบงสุ์พระทรงชัย ตามที่ในแบบฉบับอย่างกราบทูล ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลาปรีชาฉลาด ให้หมายบาดบอกกันไปทั้งไอศูรย์ ให้หาคนมีวิชามาประมูล ให้ไพบูลย์ในจังหวัดปัถพิน ทั้งคงทนมนต์เวทวิเศษขลัง เอามาตั้งเป็นขุนนางอย่างถวิล ทั้งเมียลูกปลูกฝังให้นั่งกิน ตั้งบ้านถิ่นฐานชลาริมสาคร จัดพหลพลไพร่ไปไว้ด้วย จะได้ช่วยคุ้มขังช่วยสั่งสอน แล้วให้จ่ายกัณฐัศว์อัสดร ได้ฝึกสอนให้ชำนาญการณรงค์ แล้วสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขุนอำมาตย์จัดตามความประสงค์ พระเสด็จเข้าวังดังจำนง แล้วเลยตรงเข้าไปเฝ้าท้าวพ่อตา แถลงข้อราชกิจผิดแลชอบ ตามระบบกลศึกได้ปรึกษา พอได้ช่วยตรึกตรองสองปัญญา พระมังคลาก็ค่อยคลายวายอาวรณ์ ฯ ๏ จะกล่าวข้างสังฆราชพระบาทหลวง แกอิ่มทรวงเห็นความตามอักษร พอรุ่งเช้าคิดจะไปในนคร ให้อาวรณ์แค้นคั่งมังคลา มันรักเมียยิ่งกว่ากูผู้เป็นพระ กูจำจะแก้แค้นให้แสนสา พออุทัยรุ่งรางสว่างตา แกลุกมาจากห้องตรองจะไป พอต้นหลพลไพร่ในกำปั่น มาพร้อมกันบอกแจ้งแถลงไข ว่าท้าวแขกอยู่เมื่อกี้ก็หนีไป ทั้งบ่าวไพร่เจ็บป่วยไปด้วยกัน ถ้าจะติดตามไปเห็นไม่พ้น คงไปวนอยู่ในป่าพนาสัณฑ์ บาทหลวงว่ากูไม่กลัวช่างหัวมัน จะด้นดั้นไปไหนมิใช่การ เลี้ยงมันไว้ไม่เห็นเป็นประโยชน์ อ้ายคนโฉดตาเหลืองเปลืองข้าวสาร เอาไปทัพทีไรไม่ได้การ อยู่ไปนานเปลืองไก่ให้มันกิน ทั้งแพะแกะโคกระบือหือไม่ขึ้น ยัดเป็นพื้นตามสบายไม่วายถวิล บ่นถึงเมียทุกทิวาเป็นอาจิณ กูก็สิ้นห่วงใยอย่าไปตาม จงกลับไปเภตราอย่าเป็นทุกข์ ไปนั่งลุกตามเพลงอย่าเกรงขาม อันตัวกูจะอุตส่าห์พยายาม แม้นสมความคิดไว้คงได้ดี แกสั่งเสร็จกลับเข้าไปที่ในห้อง กินข้าวของอยู่ที่ในท้ายบาหลี แล้วใส่เสื้อแพรบางที่อย่างดี กังเกงสีตากุ้งดูรุงรัง แล้วบอกท้าวเจ้าพาราปตาหวี เองอยู่นี่กูจะไปดั่งใจหวัง ให้พวกที่จะไประไวระวัง เข้ามาสั่งเสร็จสมอารมณ์ปอง แกออกจากห้องหับจับกระบี่ ลงเรือสีพร้อมพหลพลทั้งผอง ตีกระเชียงเข้าไปดั่งใจปอง เข้าในคลองด่านไปไม่ต้องเดิน ไปจอดท่าหน้าเมืองปากน้ำแล้ว แกผ่องแผ้วราวกับนกวิหคเหิน นึกนิยมสมคิดพาจิตเพลิน แล้วก็เดินเข้าในบ้านท่านพระยา แกจึงสั่งคนใช้ให้ไปบอก นายมึงออกมาเดี๋ยวนี้ทีเถิดหวา ว่าอาจารย์เจ้านิเวศน์เกศประชา จะให้พาเข้าไปในบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าพระยาออกมารับ แล้วคำนับเชิญขึ้นไปดั่งใจถวิล บนหอนั่งข้างหน้าศาลาดิน พร้อมกันสิ้นแต่บรรดามาด้วยกัน เชิญบาทหลวงให้นั่งยังเก้าอี้ จัดบุหรี่น้ำชามาให้ฉัน แล้วปราศรัยไต่ถามเนื้อความพลัน ว่าตัวท่านนี้มีการสถานใด บาทหลวงว่ากูมานี้มีธุระ จะไปปะมังคลาได้ปราศรัย เองจงพากูไปเฝ้าเจ้ากรุงไกร เข้าข้างในนคเรศนิเวศน์วัง ฯ ๏ ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าพระยาหาเสมียน ให้เร่งเขียนบอกไปดั่งใจหวัง แล้วเรียกพวกม้าใช้ให้ไปวัง พลางส่งหนังสือให้รีบไคลคลา ฯ ๏ ฝ่ายม้าใช้เข้าไปถึงนิเวศน์ แล้วแจ้งเหตุให้ถวายลายเลขา ขุนเสนีคลี่สารอ่านสารา แล้วก็พากันเข้าไปในพระโรง ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ออกอำมาตย์บนบัลลังก์ที่นั่งโถง ปรึกษาการเวียงชัยในพระโรง ให้ชักโยงคนดีมีกำลัง มาเลี้ยงไว้เป็นทหารชำนาญรบ ได้สมทบโดยประสงค์จำนงหวัง แม้นเกิดศึกก็จะได้ใช้กำลัง แล้วแต่งตั้งเป็นพระยารักษาองค์ ฝ่ายเสนีที่สำหรับรับใบบอก พลางคลี่ออกอ่านความตามประสงค์ ทูลแถลงแจ้งถวายให้พระองค์ ท้าวเธอทรงทราบคดีที่มีมา เมืองปากน้ำบอกมาว่าสังฆราช แกองอาจหยาบคายร้ายนักหนา สั่งให้พวกปากน้ำนำเข้ามา ในพาราจะเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ตรัสประภาษสั่งพหลพลขันธ์ จงกำกับเร่งไปรับเข้ามาพลัน จะดูชั้นเชิงจะมาว่ากระไร ก็รู้อยู่ว่าจะเบียนเป็นเสี้ยนหนาม ถึงดับความก็ไม่อาจจะหวาดไหว สัญชาติโกงโฉงเฉงไม่เกรงใจ บุราณให้ตรองความดูตามควร พระจึงสั่งเสนีที่เปรื่องปราด ไปแผ้วกวาดจัดไว้ที่ในสวน การที่จะรบสู้ดูพอควร ตามกระบวนเกียรติยศพองดงาม พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากอาสน์ ยุรยาตรเข้าข้างในมิได้ขาม แล้วตรองตรึกการณรงค์จะสงคราม คงลุกลามมั่นคงอย่าสงกา ฯ ๏จะกล่าวฝ่ายคนใช้ที่ไปรับ เร่งกำชับพวกไพร่ทั้งซ้ายขวา ถึงปากน้ำก็พอค่ำสนธยา พวกเสนาหยุดพหลพลนิกาย แล้วไปเรียนกับพระยารักษาด่าน มีโองการรับสั่งว่าเวลาสาย ให้รับไปในวังดั่งภิปราย ทั้งไพร่นายเกณฑ์ระดมให้สมควร จัดให้งามตามยศพระสังฆราช อย่าให้ขาดแห่ไปพักตำหนักสวน พวกปากน้ำได้ฟังสั่งกระบวน ให้ครบถ้วนมิให้ขาดราชการ แล้วจัดแจงเลี้ยงดูผู้รับสั่ง ยกมาตั้งเหล้าข้าวทั้งคาวหวาน ให้หลับนอนแต่หัวค่ำพอสำราญ ทั้งทหารโยธาพลากร จึงจัดแจงแต่งโต๊ะสำรับใหญ่ ทั้งเป็ดไก่วางเรียงเคียงสลอน อีกเนื้อโคผัดคั่วหัวสุกร ทั้งส้อมช้อนมีดสำหรับเชือดกับกิน น้ำองุ่นรินใส่ในถ้วยแก้ว เรียงเป็นแถวแต่งตั้งดังถวิล ทั้งลูกไม้จานรองล้วนของกิน จัดไว้สิ้นตั้งรอบนหอกลาง แล้วเชื้อเชิญสังฆราชพระบาทหลวง ตามกระทรวงสารพัดไม่ขัดขวาง ขึ้นเก้าอี้พูดกันฉันไปพลาง ตามเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งเมืองลังกา มีผู้คนปรนนิบัติไม่ขัดสน พร้อมอยู่บนหอหมดไว้ยศถา บาทหลวงเฒ่านั่งยิ้มอิ่มสุรา กินข้าวปลาเสร็จสมอารมณ์ปอง แล้วลุกจากเก้าอี้ไปที่พัก มาพร้อมพรักคนที่มาห้าสิบสอง บาทหลวงเอนกายอิงแล้วนิ่งตรอง จะหาช่องแยกครัวอ้ายผัวเมีย ไม่เป็นอันหลับนอนอาวรณ์หวัง ให้แค้นคั่งมังคลาประดาเสีย คงจะคิดโลมเล้าเอาอีเมีย ไปให้เสียกับอ้ายแขกแหกเอาเมือง จำจะหลอกให้มันไปในกำปั่น คิดผ่อนผันทรมาให้ตาเหลือง แล้วจะคิดจัดพลเข้าปล้นเมือง ให้สมเรื่องที่มันทำกูช้ำใจ ฯ ๏ พอเรื่อแรงแสงทองส่องอากาศ ภาณุมาศแย้มเยี่ยมเห่ลียมไศล สกุณากาโกกิลาไพร ส่งเสียงใสแซ่ซ้องก้องกังวาน ไก่กระชั้นขันเสียงสำเนียงแจ้ว กระเหว่าแว่วร้องจำเรียงเสียงประสาน พระสุริย์แสงแจ้งจำรัสชัชวาล พวกทหารเตรียมพลสกลไกร เอารถรัตน์อัสดรกุญชรชาติ มายืนกลาดเกณฑ์แห่แลไสว ทั้งธงเทียวเขียวขำดูอำไพ มาพร้อมไว้ตามรับสั่งตั้งกระบวน บาทหลวงเฒ่าพลิกฟื้นตื่นขึ้นแล้ว จิตผ่องแผ้วอิ่มเอมเกษมสรวล กินเอมโอชโภชนาเวลาควร ก็เดินด่วนไปขึ้นรถบทจร พวกพหลพลแห่แตรฝรั่ง เดินคับคั่งรายเรียงเคียงสลอน ทั้งดาบดั้งเสโล่แลโตมร บทจรจากด่านชานบุรินทร์ เดินพหลพลสะพรั่งเข้าวังหลวง ตามกระทรวงโดยนิยมสมถวิล หยุดประทับที่พลับพลาหน้าบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นบอกเข้าไปข้างในพลัน ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลาปรีชาฉลาด ก็ยุรยาตรนาดกรายรีบผายผัน เสร็จมารับตาเฒ่าเข้าไปพลัน ในสวนขวัญให้ขึ้นพักตำหนักทอง แกคำนับจับหัตถ์ตรัสปราศรัย พูดเอาใจจะให้ชิดสนิทสนอง เพราะมารยาคิดไว้ในใจปอง แกตรึกตรองแต่จะลวงดูท่วงที พระมังคลาพูดจามิให้พลาด กลัวตาบาทหลวงไกจะใส่สี อันแยบยลกลไกใช่พอดี ทั้งจู้จี้เต็มเบื่อเหลือระอา ต้องถนอมกล่อมใจมิให้ขัด แต่ความสัตย์ไม่ประจบไม่คบหา พระสั่งพวกคนใช้ให้ไคลคลา ไปจัดหาโต๊ะใหญ่ที่ในวัง มาเลี้ยงดูสังฆราชพระบาทหลวง ตามกระทรวงเร่งไปดั่งใจหวัง พลางยกของมาใส่ระไวระวัง ที่โต๊ะตั้งเป็นระเบียบดูเรียบเรียง แล้วเชิญบาทหลวงเฒ่าขึ้นเก้าอี้ ให้ดีดสีขับขานประสานเสียง พระมังคลาฝาหรั่งขึ้นนั่งเคียง พูดกันเสียงพึมพำตามทำนอง บาทหลวงกินหมูไก่ทั้งไข่ต้ม เอาน้ำส้มรดใส่ลงในของ อร่อยรสเป็ดไก่สมใจปอง ถูกทำนองอย่างฝรั่งข้างลังกา แกชอบปากกินได้มิใช่น้อย คล่องคอหอยคว้าใหญ่ใส่หนักหนา พลางสำรวลสรวลสันต์จำนรรจา กินข้าวปลาอิ่มหนำพอสำราญ แล้วเสแสร้งแกล้งว่ากูมานี่ ท้าวกุลามาลีมันว่าขาน อยากจะใคร่ร่วมพงศ์เป็นวงศ์วาน จะช่วยการคิดไปตีบุรีคืน เมืองลังกาที่ประสงค์ให้จงได้ เองจะใช้สารพัดไม่ขัดขืน มันพูดจาน่าฟังเห็นยั่งยืน คบเป็นพื้นไว้จะได้ไปลังกา เองลงไปกำปันสักวันหนึ่ง ที่รำพึงนำไว้ได้ปรึกษา มันก็เป็นคนดีมีปัญญา ดีดอกหวาพันผูกลูกผู้ชาย พระมังคลาว่าเจ้าคุณการุญสนอง ขอตรึกตรองสักเจ็ดวันจะผันผาย ข้าพเจ้าพึ่งมายั้งพอตั้งกาย ยังไม่วายอาวรณ์ที่ร้อนทรวง ตั้งเสบียงอาหารก็พานขัด จะรีบรัดยกไปเป็นใหญ่หลวง ยังจะต้องจัดพหลพลทั้งปวง ต่อเรือช่วงเรือใช้จะได้จร ฯ ๏ บาทหลวงว่าเองอย่าได้วิตก อ้ายแขกยกมาคั่งคับสลับสลอน เองรีบไปคิดการที่ราญรอน อย่านิ่งนอนกอดเมียจะเสียความ แกจึ่งว่าตัวกูอยู่ไม่ได้ จะรีบไปบอกอ้ายแขกช่วยแบกหาม ได้ปรึกษาการณรงค์ข้างสงคราม เองรีบตามกูลงไปในเภตรา แกสั่งเสร็จคำนับแล้วจับหัตถ์ หน่อกษัตริย์ด้วยพลันต่างหรรษา แล้วจึ่งว่าสุริยนจะสนธยา กูจะลามึงไปที่ในเรือ แล้วลงจากตำหนักคนพรักพร้อม คอยแห่ห้อมตามถนนดูล้นเหลือ บาทหลวงขึ้นรถใหญ่รีบไปเรือ ทหารเสือแจวไวไปทะเล ครั้นถึงลำกำปั่นใหญ่ไพร่ทั้งนั้น มาพร้อมกันต่างชวนกันสรวลเส บาทหลวงคิดจิตนิยมสมคะเน กูถ่ายเทเห็นจะได้ดั่งใจปอง ฯ ๏ ฝ่ายท้าวแขกลุกมารับคำนับถาม ว่าสมความไหมเจ้าคุณการุญสนอง ได้ขอสู่เขาหรือไม่ดั่งใจปอง จะปรองดองอย่างไรเป็นไมตรี บาทหลวงเฒ่าเจ้ามารยาจึ่งว่าขาน เขามีการเรื่องทุกข์ไม่สุขี ต้องพลัดพรากจากลังกาเสียธานี แม้นใครตีคืนได้จะให้นาง บุษบงโฉมตรูผู้น้องสาว อันเรื่องราวพูดไว้มิให้หมาง กูก็ว่าแยบยลเป็นหนทาง เขาไม่วางใจเองยังเกรงกลัว แม้นตีได้ลังกาอาณาจักร คงสมัครได้เสียเป็นเมียผัว แม้นได้สมปรารถนาเองอย่ากลัว คงได้ตัวสาวสรรค์กัลยา ฯ ๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าพาราพระยาแขก มันช่างแบกโง่ใหญ่ไว้นักหนา ไม่รู้ในเล่ห์กลคนมารยา ทั้งถูกยาอีตาเฒ่าเอาจนงง แล้วว่ากับสังฆราชพระบาทหลวง การทั้งปวงจะให้สมอารมณ์ประสงค์ แต่ขอให้ได้นุชบุษบง จะให้ลงโคลนน้ำจะทำตาม พูดกันเสร็จต่างเข้าไปอยู่ในห้อง ลงนอนตรองคนละแยกคิดแบกหาม อีตาเฒ่าทรนงจะสงคราม พยายามหมายล้างมังคลา ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราปตาหวี ตรองแต่ที่เมามันข้างตัณหา ให้ร้อนรุ่มกลุ้มกลัดอัดอุรา เพราะราคาขึ้นขม่อมต้องยอมตัว เปรียบเหมือนทาสตาเฒ่าอ้ายเจ้าเล่ห์ มันถ่ายเทไกล่เกลี่ยชักเมียผัว หลอกข้างนี้ปดข้างนั้นให้พันพัว มันจะยั่วการศึกให้ครึกโครม ฯ ๏ จะกล่าวข้างมังคลานราราช แค้นสังฆราชในพระทัยดังไฟโหม รู้มารยาตาเฒ่ามาเล้าโลม ให้แสนโทมนัสใจไม่สบาย จึงปรึกษาหารือพราหมณ์สุทัต พลางแจ้งอรรถบอกกล่าวเล่าขยาย ตั้งแต่แรกอนุสนธิ์ไปจนปลาย ตามอุบายแกมากล่าวแต่เช้าวาน พราหมณ์สุทัตทราบอรรถจึงทูลตอบ โดยระบอบกลไกหลายสถาน แม้นนิ่งช้าข้าเห็นไม่เป็นการ อันช้างสารเสียงามักกล้าชน จำจะต้องป้องกันด่านปากน้ำ เกณฑ์กันทำป้อมรายชายถนน ให้มั่นคงเรียบร้อยคอยประจญ จะได้ขนปืนใหญ่ไปรายเรียง ซึ่งเขาเชิญเสด็จไปในกำปั่น จะป้องกันพูดยากเป็นปากเสียง ฉวยเสียทีการอุบายพูดไล่เลียง มันพร้อมเพรียงจะเข้ากลุ้มตะลุมบอน ผิดก็สู้กันป่นอยู่บนบก ไม่วิตกเรียนรู้ตามครูสอน เมื่อจะพูดกับเราให้เขาจร มานครปากน้ำที่สำคัญ พลับพลาสีอยู่ที่จะรับแขก ตั้งแต่แรกมีสำหรับที่คับขัน ถึงจะเกิดชิงชัยทำไมกัน ที่ข้อนั้นพร้อมกันทั่วอย่ากลัวเกรง ฯ ๏ พระทรงฟังสังรเสริญแสนฉลาด สมเป็นปราชญ์ฟังเพราะล้วนเหมาะเหมง ท่านช่วยคิดแก้ความไปตามเพลง อย่าได้เกรงกีดขวางทุกอย่างไป พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร จากปรางค์มาศไปเฝ้าท้าวโกสัย ปรึกษาการต่างต่างทุกอย่างไป ตามที่ในสังฆราชพูดพาดพิง ท้าวโกสัยว่าไม่ใช่หรือพ่อเอ๋ย เพราะมันเคยข่มขี่ดั่งผีสิง คงจะทำหลายเล่ห์ประเวประวิง แม้นเรานิ่งไว้ในใจมันใส่งอม เหมือนแก้วเก่าร้าวแยกแตกสลาย จะขวนขวายต่อติดสนิทสนอม คงจะเป็นริ้วร่องให้หมองมอม ถึงจะยอมให้มันใช้เห็นไม่ฟัง พระมังคลาว่าจริงเหมือนท้าวตรัส แกเสียสัตย์ดูหน้าเหมือนบ้าหลัง คิดให้ทำป้อมค่ายระไวระวัง มันคงตั้งรบรุกถึงคลุกคลี ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายพราหมณ์สุทัดจัดพหล ระดมคนไปทำการชานกรุงศรี ป้อมปีกกาสารพันกันไพรี แล้วให้ตีเหล็กใหญ่เอาใส่แกน เร่งกันทำกำกับคนนับหมื่น เจาะช่องปืนไว้สำหรับนับได้แสน ตั้งค่ายคูหลายชั้นกันเขตแดน ปืนหามแล่นปืนใหญ่จัดไว้วาง แล้วสำเร็จเสร็จการด่านปากน้ำ คนประจำฝึกหัดไว้ขัดขวาง ตั้งตึกใหญ่ใส่อาหารไว้ย่านกลาง เมื่อขัดขวางเครื่องเสบียงได้เลี้ยงพล แล้วสำเร็จเสร็จสรรพตามรับสั่ง กลับมาวังทูลแจ้งแห่งนุสนธิ์ พระทราบเสร็จราชการบานกมล เหมือนสายชลดับร้อนค่อยผ่อนคลาย ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง แกร้อนทรวงคอยหาไม่เห็นหาย อ้ายมังคลาทีจะรู้ในอูบาย อันแยบคายที่กูคิดจึงบิดเบือน ชะรอยอ้ายพ่อตาไปว่ากล่าว อันเรื่องราวคิดไว้เห็นไม่เหมือน จำจะมีจดหมายให้ไปเตือน แม้นแชเชือนก็คงเห็นได้เล่นกัน แกจึงเขียนหนังสือสองฉบับ ตราประทับให้เข้าไปไอศวรรย์ ส่งให้พวกคนใช้รีบไปพลัน ตามกูบัญชาสั่งอย่ารั้งรา พวกคนใช้รีบไปถึงเมืองด่าน แล้วส่งสารบอกแจ้งแห่งเลขา พวกชาวด่านรับสารไปพารา ทูลกิจจาแก่พระองค์ดำรงวัง ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลาหน่อกษัตริย์ ออกแท่นรัตน์ธิบดินทร์ถวิลหวัง ถามเรื่องการเวียงชัยระไวระวัง แล้วตรัสสั่งสนทนากับอาจารย์ ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่รับอักษรศรี ทูลคดีท้าวไทเขาให้สาร กับหนังสืออักขราพระอาจารย์ แล้วก็อ่านเรื่องราวกล่าวสารา ในลิขิตสังฆราชผู้ปราดเปรื่อง อันรู้เรื่องชี้ขาดในศาสนา มาถึงศิษย์ร่วมชีวังมังคลา ด้วยคอยหามาก็หายไปหลายเดือน การที่พูดกันไว้ก็ได้เสร็จ คงสำเร็จโดยประสงค์จำนงเหมือน เราก็รับแม่นแท้ไม่แชเชือน คงเป็นเพื่อนทำศึกดั่งตรึกตรอง จงลงไปกำปั่นสักวันหนึ่ง จะได้พึ่งพัวพันกันทั้งสอง คงจะสมใจจิตอย่าคิดตรอง การเศร้าหมองจะได้คลายวายคะนึง แล้วคลี่สารเจ้าพาราปตาหวี ขอเป็นที่รักใคร่อาลัยถึง เจริญราชไมตรีที่คะนึง ด้วยรำพึงอยากประสบพบพระองค์ พอได้เป็นเกียรติยศปรากฏไว้ เชิญภูวไนยโปรดให้สมอารมณ์ประสงค์ ข้าขอเป็นเกือกทองฉลององค์ ได้ดำรงไมตรีที่เจริญ ฯ ๏ พอจบสารฝ่ายพระผ่านกำพลเพชร ครั้นทราบเสร็จมันมาตั้งสังรเสริญ พูดยกยอล่อให้น้ำใจเพลิน มันจะเชิญเอาไปทำให้หนำใจ ก็รู้อยู่ว่าปัญญาตาบาทหลวง คิดล่อลวงมิได้ตรงอย่าสงสัย จึงตรัสสั่งกรมท่าเสนาใน เร่งแก้ไขแต่งตอบให้ชอบกล ฯ ๏ เสนีรับโองการเขียนสารตอบ โดยระบอบเรื่องความตามนุสนธิ์ แล้วสั่งให้เสนีทั้งสี่คน นำยุบลราชการใส่พานทอง แล้วแห่แหนลงไปในกำปั่น ส่งให้ท่านบาทหลวงเฒ่ากับข้าวของ ทั้งลูกไม้ของประหลาดใส่ถาดทอง กับสิ่งของเอมโอชโภชนา ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าออกมารับจับหนังสือ ดูลายมือคลี่สารอ่านเลขา ในสารศรีเจ้าจังหวัดกษัตรา พระมังคลาขอคำนับกับอาจารย์ ซึ่งมิได้ลงมาช้าอยู่นั้น ด้วยป่วยครั่นตัวไปหลายสถาน แต่พอหายจะลงมาหาอาจารย์ จงทราบสารเถิดเจ้าคุณอย่าวุ่นวาย พอจบเรื่องแกนึกเคืองแต่ในจิต อ้ายนี่คิดเห็นจะรู้ที่กูหมาย มันจึ่งบอกเจ็บไข้ไม่สบาย รู้อุบายจริงแล้วหนอเพราะพ่อตา แล้วจึงอ่านสารตอบพระยาแขก ว่าเมื่อแรกท้าวไทขึ้นไปหา ก็ขอบใจไมตรีที่ท่านมา เหมือนญาติกานับเนื้อดั่งเชื้อวงศ์ ซึ่งจะออกณรงค์ด้วยช่วยดับศึก ก็สมนึกแสนยินดีที่ประสงค์ ไม่เดียดฉันท์รักกันเหมือนญาติวงศ์ จะซื่อตรงต่อกันจนบรรลัย แต่ครั้งนี้มิได้ไปในกำปั่น เพราะโรคันดอกพระองค์อย่าสงสัย ถ้าแม้นค่อยทุเลาบรรเทาใจ คงจะได้พบกันดั่งสัญญา ขอเชิญแจ้งศุภลักษณ์ในอักษร ไม่เกี่ยงงอนซื่อตรงเหมือนวงศา อันสารศรีนี้ถึงท้าวเจ้าพารา เมืองปตาหวีจงแจ้งอย่างแคลงเลย ๏ บาทหลวงเจ้ามารยาแกด่าผลุง พูดออกยุ่งอวดก๋าเจ้าข้าเอ๋ย ควักน้ำตาลล่อมดปดจนเลย กูก็เคยรู้ใจอ้ายไทยแกม เป็นไรมีที่ตรงนั้นอย่ามั่นหมาย ชะเจ้านายมึงเป็นปราชญ์ฉลาดแหลม มาหลอกกูผู้อาจารย์เอาหวานแกม อ้ายแกะแนมไม่รู้สึกสำนึกตัว ชะเจ้าปิ่นภูวดลกำพลเพชร มาไว้เม็ดพูดจามันน่าหัว เฮ้ยไปบอกตามกูสั่งระวังตัว กูไม่กลัวบุญญาบารมี ขุนเสนาลากลับจากกำปั่น แล้วพากันเข้าประณตบทศรี ทูลแถลงแจ้งข้อคดีมี ให้ทราบที่บาทหลวงว่าสารพัน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาปรีชาฉลาด ตรัสประภาษสั่งพหลพลขันธ์ ให้จัดแจงเตรียมตัวไว้ทั่วกัน ไม่ช้าวันมันคงทำให้รำคาญ ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท แกแจ้งเหตุตรองไว้หลายสถาน จึงกราบทูลมูลความตามบุราณ จะต้องราญรบสู้ดูกำลัง เขาจะคิดรอนราญสถานไหน เรามั่นไว้มันอยู่เรือเหมือนเสือขัง รบแต่ห่างกันสักหน่อยคอยระวัง ถ้าแม้นตั้งค่ายคูจะรู้ความ พระจอมวงศ์ทรงฟังสั่งประกาศ ท่านช่วยกวาดเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม การที่จะณรงค์ในสงคราม แล้วแต่ความคิดท่านจะผันแปร อาญาสิทธิ์อยู่กับท่านดังมั่นหมาย เสนานายใครไม่ฟังยังกระแส เอาตามบทอัยการอย่าผันแปร สุดแล้วแต่ท่านครูผู้อาจารย์ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร เข้าปรางค์มาศรจนามุกดาหาร ฝ่ายท่านตาพราหมณ์สุทัตเร่งจัดการ เตรียมทหารไว้ให้ทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ จะกล่าวข้างสังฆราชพระบาทหลวง แกนั่งง่วงคอยสังเกตหาเหตุผล คิดจะเข้าตีด่านชานกำพล ให้ร้อนรนอกใจไม่สบาย แกจึ่งเรียกเจ้าพาราปตาหวี มานั่งที่พูดไปดังใจหมาย ได้ช่วยกันปรึกษาหาอุบาย อันแยบคายเองจะเห็นเป็นอย่างไร จะไปตีลังกาเห็นช้านัก จะร้างรักร้อนจิตพิสมัย กูเห็นว่าเรื่องราวจะยาวไป กูคิดไว้ว่าจะตีบุรีมัน ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราพระยาแขก มันนั่งแบกโง่ไว้ใจกระสัน ด้วยราคารัดรึงให้ตึงตัน คิดหมายมั่นแต่จะใคร่ได้อนงค์ จึงว่ากับสังฆราชพระบาทหลวง การทั้งปวงไม่ใช่ของต้องประสงค์ ขอแต่ให้ได้นุชบุษบง การประสงค์ของดิฉันเท่านั้นเอง ฯ ๏ บาทหลวงได้ฟังว่านัยน์ตาเขียว แกโกรธเกรี้ยวลุกขึ้นโลดกระโดดเหยง แล้วชี้หน้าด่าให้มิได้เกรง อ้ายนักเลงสกปรกโกหกกู พูดสบถสาบานให้การไว้ ชอบแต่ให้แลบลิ้นออกกินหมู หมายว่ารักใคร่กันกตัญญู มิได้รู้กิริยาอ้ายบ้ากาม แกเดินด่าเออมันไม่ใช่มนุษย์ แล้วขากทุดเต็มระยำอ้ายซำสาม ท้าวกุลาพาซื่อไม่ถือความ พยายามแต่จะใคร่ได้อนงค์ หัวร่อแหะแคะไค้มิได้โกรธ ให้ปราโมทย์คลุ้มคลั่งกำลังหลง เพราะถูกยาตาเฒ่าเอาจนงง เล่นเอาหลงเร่อไปไม่ได้การ ประเดี๋ยวชักเอากระดาษที่วาดรูป ออกมาจูบเล่นเป็นสุขสนุกสนาน บาทหลวงเฒ่าเข้าห้องคิดตรองการ จะรอนราญราวีตีกำพล จึงให้หาแต่บรรดาขุนนางแขก มาแย้มแยกเรื่องความตามนุสนธิ์ กูจะเข้าราวีตีกำพล สั่งพหลไว้ให้ทั่วทุกตัวนาย จะทำศึกครั้งนี้เป็นที่ยิ่ง การจะชิงนางในเหมือนใจหมาย จงช่วยกันรบสู้อย่าดูดาย ให้เจ้านายสมประสงค์จำนงปอง แกหวนจิตคิดขึ้นได้ว่าอ้ายนี่ มันถูกผีถูกยาพาให้หมอง แม้นมิแก้ไหนจะสมอารมณ์ปอง จำต้องแก้ไขให้มันคลาย แล้วจึงว่าฮาเฮ้ยอ้ายเหล่านี้ กลับไปที่อยู่ตนเร่งขวนขวาย จงจัดแจงเตรียมพหลพลนิกาย ไว้ทุกนายเรียกเมื่อไรให้ได้การ แล้วลุกเดินเลยไปท้ายบาหลี ขึ้นเก้าอี้ดูตำรายาขนาน จำจะแก้อ้ายขี้เค้าจะเอาการ พอชื่นบานมันจะได้ใช้ไพร่พล ซึ่งเอารากกำจายหิงหายป่า กับแก้วตาฝูงสัตว์แรกปัฏิสนธิ์ ทั้งเครื่องหวานมาเป็นเชื้อเจือระคน แล้วเสกมนต์ลงอักษรให้ถอนยา พลางกวนใส่ไว้เสร็จสำเร็จนึก เวลาดึกเดินเหย่าเข้าไปหา ฝ่ายท่านท้าวเจ้าประเทศเขตชวา ลุกออกมาต้อนรับแล้วจับมือ พลางปราศรัยในเล่ห์เสน่หา แต่พี่มานั่งคอยอยู่น้อยหรือ เชิญไปแท่นไสยาจะหารือ แม่อย่าถือไปด้วยกันเถิดขวัญใจ แล้วจูงบาทหลวงเฒ่าเข้าในห้อง แกจึ่งร้องว่าอ้ายบ้าอ้ายตาใส ตัณหาสดหยดย้อยน้อยเมื่อไร จะทำไมกับกูเป็นครูบา ฯ ๏ท้าวกุลารู้สึกนึกขึ้นได้ เออผิดไปแล้วท่านอาจารย์ขา ได้ผิดพลั้งหวังว่ามิตรองค์ธิดา ไม่แจ้งว่าท่านครูผู้อาจารย์ บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยมึงอย่าวุ่น ทำเฉียวฉุนให้ตัณหานั้นกล้าหาญ เพราะลมราคมากมายหลายประการ กูสงสารจะช่วยแก้ให้แปรไป เอายานัตถุ์ดมพลางพอสร่างโศก ระงับโรคที่ในจิตหวิดหวิดไหว แกหยิบยาที่ประสมให้ดมไป ออท้าวไทคำนับรับมาดม พิษยาแฝดก็ค่อยเบาที่เร่าร้อน เพราะยาถอนไปชำระที่สะสม บรรเทาคลายหายเหี้ยมที่เตรียมตรม พอขับลมราคร้อนผ่อนสำราญ ได้หลับนอนอ่อนใจได้เป็นสุข บรรเทาทุกข์ค่อยสบายหลายสถาน ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีรวีวาร เสพอาหารเห็นสบายวายอาวรณ์ บาทหลวงเห็นค่อยคลายเรียกนายทัพ มากำชับพวกทหารชาญสมร รีบยกไปทอดท่าหน้าสันดอน พลนิกรขานโห่เป็นโกลา พร้อมสะพรั่งตั้งกันเป็นหลั่นลด ทั้งเรือบดเรือแพนดูแน่นหนา บาทหลวงแล่นไปข้างหลังค่อยรั้งรา พวกโยธาฮึกหาญจะราญรอน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช บรมนาถบพิตรอดิศร ทราบว่าบาทหลวงมาหน้าสันดอน ให้อาวรณ์ในพระทัยไปสบาย จึ่งปรึกษาว่าข้าแต่อาจารย์เจ้า บาทหลวงเฒ่ากวนใจไม่รู้หาย คงจะเหมือนถ้อยคำท่านทำนาย จะยักย้ายป้องกันเป็นฉันใด พฤฒาเฒ่าเข้าใจที่ในเหตุ พลางน้อมเกศทูลแจ้งแถลงไข ต้องคิดรับกันที่ท่าชลาลัย ถึงศึกใหญ่เราอยู่บกเหมือนนกบิน แต่จะต้องตั้งค่ายตามชายหาด เอาขวากสาดไปตามท่าชลาสินธุ์ เอาแผ่นเหล็กสองชั้นกั้นที่ดิน แล้วเอาหินตั้งรายชายทะเล กองให้หนากว่ากำแพงสักสี่เท่า ให้คนเข้าบังได้เดินไขว่เขว เอาปืนใหญ่จุกช่องมองคะเน พอเรือเหยิงให้ล่มจมตะแคง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาเจ้าฝาหรั่ง จึงตรัสสั่งพวกทหารชาญกำแหง ตั้งสมนอกสมในขอใช้แรง ทุกตำแหน่งอย่าให้ขาดราชการ เชิญท่านครูผู้ใหญ่ลงไปด้วย จะได้ช่วยจัดแจงแต่งทหาร จงรีบรัดจัดกันให้ทันการ แม้นเนิ่นนานพวกศัตรูจะจู่มา แล้วตัวเราจงจะไปต่อภายหลัง เรียกฝรั่งเกณฑ์หัดจัดปืนผา ทั้งลูกดินน้อยใหญ่รีบไคลคลา ตามท่านตาครูไปในกระบวน จงตรัสสั่งเสนีปรีชาฉลาด เร่งหมายบาดพลไพร่รีบไต่สวน อย่าให้มันหลบลี้หนีกระบวน เกณฑ์ให้ถ้วนอย่าให้ขาดราชการ ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ เสร็จนิวัตกลับหลังยังสถาน ขุนเสนีทุกตำแหน่งมาแจ้งการ เกณฑ์ทหารเก่าใหม่ในบาญชี ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญในการเวท ดูสังเกตดินฟ้าในราศี ก็รีบรัดพหลแลมนตรี ลงไปที่ปากน้ำท่าศิลา เอาแลงถมระดมคนพลไพร่ ตั้งเหล็กใหญ่ทำเป็นแกนให้แน่นหนา เจาะไว้ช่องปืนใหญ่ชายชลา ป้อมปีกกาตั้งรายชายสันดอน แล้วโรยขวากลากปืนขึ้นไปใส่ บนป้อมใหญ่ชายตลิ่งริมสิงขร ครั้นสำเร็จเสร็จปราการชานนคร ให้รีบร้อนเข้าไปเฝ้าเจ้าแผ่นดิน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง แกแล่นล่วงมาในท่าชลาสินธุ์ ระรี่เรื่อยเฉื่อยมาในวาริน พร้อมกันสิ้นมิได้แยกแตกกระจาย ทั้งเรือรบเรือลำเลียงเคียงสลับ มาคั่งคับในวารินกระสินธุ์สาย บาทหลวงสั่งบรรดาเสนานาย แม้นถึงท้ายอ่าวจงเงียบเชียบสำเนียง จะทอดท่าดาประดังให้พรั่งพร้อม เอาเรืออ้อมปิดอ่าวแล่นก้าวเฉียง เรือลูกค้ามาขายแล่นใกล้เคียง เก็บเสบียงรีบเอาทั้งข้าวเกลือ อีกวันครึ่งมาถึงเมืองปากน้ำ เอาผ้าดำเขียนลงเป็นธงเสือ สั่งให้ปักประจำทุกลำเรือ ทั้งใต้เหนือจะได้ดูรู้สำคัญ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเรือตระเวนเจนสมุทร เที่ยวแล่นรุดรอบนครสิงขรขัณฑ์ เห็นเรือรบแล่นหลามมาตามกัน ดูหลายพันดาษดาในวาริน ก็รีบรัดลัดมาเข้าหน้าด่าน เอาเหตุการณ์บอกพระยาท่ากระสินธุ์ ว่าข้าศึกจะมาติดธานินทร์ แขกทั้งสิ้นเหลือล้นคณนา อีกวันหนึ่งคงถึงเมืองปากน้ำ หลายพันลำดาษดื่นล้วนปืนผา ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าเมืองด่านชานชลา รีบเข้ามาแจ้งคดีเสนีนาย ส่วนท่านครูผู้สำเร็จราชกิจ เขียนลิขิตส่งให้ไปถวาย พวกม้าเร็วรีบไปทั้งไพร่นาย ทูลถวายข้อความตามคดี แม้นยังไม่เสด็จออกบอกเถ้าแก่ ให้ทูลแต่องค์พระมเหสี เป็นการร้อนไวไวไปจงดี พวกพาชีรีบไปในพารา ฯ ๏ ฝ่ายเสนีที่ลงมารักษาด่าน ให้ทหารปืนใหญ่ทั้งซ้ายขวา ลากขึ้นป้อมพร้อมพรั่งปืนจังกา คาบศิลาทองปรายไว้หลายพัน ฝ่ายท่านครูผู้วิเศษแจ้งเหตุผล ทำมงคลเสกด้ายสายกระสัน ทั้งแคล้วคลาดเข้าณรงค์คงกระพัน ให้แจกกันแต่บรรดาพลากร ฯ ๏ ฝ่ายม้าใช้ไปถึงนิเวศน์วัง เห็นพร้อมพรั่งเหล่าทหารชาญสมร ตรงเข้าไปหาเสนีชุลีกร เป็นการร้อนช้าไม่ได้เร่งไปทูล ว่าข้าศึกมาประชิดติดปากน้ำ ท่านเร่งนำเข้าไปเฝ้าเจ้าไอศูรย์ ยังไม่ออกบอกให้ข้างในทูล เป็นเค้ามูลศึกมาถึงธานี รีบเข้าไปในวังสั่งท่านท้าว แจ้งเรื่องราวราชการกับสารศรี เจ้าขรัวนายไปพลันด้วยทันที นำคดีทูลองค์พระทรงวัง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช ตรัสประภาษเกิดศึกเหมือนนึกหวัง เสด็จจากแท่นสุวรรณบัลลังก์ ออกมายังที่นั่งโถงพระโรงคัล สถิตแท่นวินิจฉัยอันไพโรจน์ จึงเอื้อนโอษฐ์ไปแจ้งเหตุทุกเขตขัณฑ์ แต่บรรดาเมืองขึ้นทั้งหมื่นพัน ให้พากันมาบำราบปราบอรินทร์ แล้วเอื้อนอรรถตรัสสั่งท้าวโกสัย ท่านอยู่ในเวียงวังดั่งถวิล คอยจับจ่ายเครื่องเสบียงเลี้ยงกันกิน ทั้งลูกดินอาวุธยุทธนา ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขุนอำมาตย์พลนิกายทั้งซ้ายขวา ตั้งกระบวนทวนธงอลงการ์ ทั้งปืนผาเสโล่แลโตมร พลดาบดาบสายสะพายแล่ง พลหอกหอกแซงเคียงสลอน พลง้าวง้าวรายล้วนปลายงอน เหล่านิกรเสนากล้าเกาทัณฑ์ พลโล่ถือโล่มือกุมดาบ ศรกำซาบลูกทองแดงดูแข็งขัน เครื่องอาวุธยุทธนาสารพัน พลขันธ์พร้อมถ้วนกระบวนแซง รถที่นั่งอย่างใหม่ลายกุดั่น เป็นเครือวัลย์ฝังพลอยพรายพรอยแสง บัลลังก์ทองรองมุกดาลงยาแดง เป็นใบแพลงพลิ้วพลิกนกจิกพลอย บุษบกกระจกบังฝังสายลั่น เป็นนาคพันห้อยพู่ดูเป็นฝอย ทั้งดุมวงกงสลับประดับพลอย ดูเรียบร้อยเทียบประทับไว้กับเกย เทียบพระยาม้ามิ่งมงคลรัตน์ ทั้งเหยาะหยัดพริ้งเพริศดูเปิดเผย สารถีที่สำหรับกำกับเกย ดาบที่เคยกุมประทับไว้กับกร ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงกำพลเพชร แต่งองค์เสร็จดำเนินไปดั่งไกรสร ทรงพระแสงฝักลงยาค่านคร เสด็จจรเกยชลาหน้าพระลาน โหราเฒ่าคอยทำนายถวายฤกษ์ พอเมฆเบิกเป่าสังข์ระฆังขาน ลั่นฆ้องชัยเสียงซ้องก้องกังวาน โห่ประสานสังข์แตรแซ่สำเนียง พระทรงนั่งอลังกตบนรถแก้ว ดูพรายแพรวก้องกังวานประสานเสียง ยิงปืนใหญ่กึกก้องซ้องสำเนียง ทั้งจำเรียงดนตรีปี่ชวา เดินกระบวนทวนธงตรงไปด่าน หมู่ทหารเดินปนพลอาสา ยกไปตามครุฑนามตามตำรา พอถึงท่าเมืองปากน้ำพอย่ำเย็น ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง แกแล่นล่วงคุ้งแควพอแลเห็น ถึงชะวากปากน้ำพอย่ำเย็น เดือนก็เด่นแสงสว่างกลางอัมพร ทั้งเรือรบเรียงรายใบสล้าง ให้ทอดขวางปิดทางข้างสิงขร ทิ้งสมอรอราหน้าสันดอน พลนิกรคับคั่งตั้งกระบวน ค่ายวิหลั่นกันลูกปืนยกขึ้นตั้ง ทหารนั่งคอยระดมเมื่อลมหวน เอาปืนใหญ่ไว้ตรงกลางรางชนวน จัดไว้ถ้วนเครื่องอาวุธยุทธนา บาทหลวงเฒ่าเจ้าพาราปตาหวี สั่งเสนีไพร่นายทั้งซ้ายขวา เวลาดึกจะตีด่านชานชลา พวกเสนาสั่งให้ทั่วทุกตัวคน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลาพฤฒาเฒ่า เข้ามาเฝ้าทูลแถลงแจ้งนุสนธิ์ เชิญเสด็จไปพลับพลาริมสาชล พร้อมพหลแลหลามตามกันไป ขึ้นประทับพลับพลาที่หน้าด่าน พวกทหารแห่ห้อมล้อมไสว พราหมณ์สุทัตจัดพหลพลไกร ให้ขึ้นไปหอรบสมทบพล ประจุปืนน้อยใหญ่ใส่ดินหู ทุกช่องคูตามตำแหน่งทุกแห่งหน ฝ่ายท่านครูผู้เฒ่าเข้ามณฑล แล้วห้ามคนที่ในค่ายอย่าได้อึง ทั้งปืนใหญ่ให้เงียบเซียบสงัด ในจังหวัดพวกศัตรูจะรู้ถึง เสร็จสั่งความพราหมณ์เข้านั่งตั้งรำพึง หน่วงไปถึงทางกสิณอภิญญาณ เสกใบไม้ให้เป็นต่อห่อผ้าขาว เวลาเช้าจะปล่อยไปไล่สังหาร เสกไม้เท้าเป็นเหรากุมภาพาล จะประหารสักเท่าไรก็ไม่ตาย พอเดือนเที่ยงเสร็จพิธีมาที่เฝ้า แถลงเล่าการประมูลทูลถวาย พระทรงฟังสั่งมหาเสนานาย ท่านทั้งหลายจงกำชับอย่าหลับนอน ด้วยข้าศึกฮึกฮักมาหนักแน่น เตรียมโล่แพนหอกคู่ธนูศร แม้นสู้ถึงอาวุธสั้นได้ราญรอน ไว้แซกซ้อนปืนนกสับคาบศิลา จงจัดสรรกันให้ถ้วนกระบวนรบ ใครหลีกหลบเอาชีวังถึงสังขาร์ ตามกฎหมายพระนครแต่ก่อนมา ท่านพฤฒากับเสนีได้ชี้แจง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง เวลาล่วงดาวกระจ่างสว่างแสง ประมาณสามยามสงัดแกจัดแจง สั่งให้แต่งตัวทหารชำนาญปืน ประจุลูกน้อยใหญ่ใส่ดินหู สังเกตดูปืนสัญญาเร่งฝ่าฝืน ยิงระดมถมเข้าไปในกลางคืน คงแตกตื่นวุ่นวิ่งชิงเอาเมือง แกสั่งเสร็จแหงนขึ้นไปในอากาศ เห็นเมฆกลาดกลุ้มวิถีเป็นสีเหลือง แล้วดูดาวที่บังคับสำหรับเมือง ยังรุ่งเรืองสุกใสทั้งไพบูลย์ แต่ตำราว่าไว้ในตำหรับ แม้แม่ทัพดีคงได้ซึ่งไอศูรย์ ถึงชะตาเมืองจะดีบริบูรณ์ แต่เค้ามูลปลั้วเปลี้ยก็เสียเอง พอดาวโจรโชติช่วงเห็นดวงเด่น บาทหลวงเห็นต้องตำหรับจับเขนง เทดินหูลุกขึ้นยืนยิงปืนเอง เสียงครื้นเครงเลื่อนลั่นสนั่นดัง ทหารปืนจับชุดจุดดินหู เสียงฟุบฟูยิงประดาทั้งหน้าหลัง เป็นควันกลุ้มตูมลั่นสนั่นดัง ถูกกระทั่งสนามดินก้อนศิลา ยิงระดมสมทบหอรบใหญ่ เป็นแสงไฟส่องสว่างกลางเวหา เสียงประสานขานโห่เป็นโกลา ชาวพาราปล่อยปืนดังครื้นโครม ถูกวิหลั่นหันเหียนเจียนจะคว่ำ แล้วยิงซ้ำก้องกึกเสียงฮึกโหม ถูกเพลาใบไหม้เสาราวกับโคม เสียงครึกโครมสูบน้ำร่ำขึ้นไป เพลิงก็ดับกลับใบมิได้หยุด บ้างยัดจุดยิงกันเสียงหวั่นไหว บาทหลวงเร่งพวกพหลสกลไกร ให้โยนไฟหม้อดินสิ้นทุกคน ถูกตึกกร้านร้านโรงไฟโพลงพลุ่ง ทหารมุงช่วยกันดับอยู่สับสน พระมังคลากล้าหาญการประจญ พลางไล่คนขึ้นเชิงเทินเนินกำแพง ให้ยิงปืนทองปรายรายทุกป้อม ทหารพร้อมปล่อยไปไฟเป็นแสง เสียงตูมตึงผึงผางที่กลางแปลง ถูกเรือแคลงแคมปรุทะลุทลาย บ้างถูกพวกแขกดำตกน้ำโพล่ง ถูกซึ่โครงอกแยกแตกสลาย บ้างขาหักแขนขาดกระจัดกระจาย ทั้งไพร่นายตายล้มไม่สมประดี ฯ ๏ พอรุ่งแจ้งแสงทองส่องอากาศ สังฆราชเร่งให้รบอย่าหลบหนี รีบเข้าไปให้กระทั่งฝั่งนที ยกเข้าตีด่านให้ได้อย่าไว้มัน พอสว่างเห็นทางเร่งขึ้นบก กระไดหกพาดกำแพงให้แข็งขัน ปีนเข้าไปในพาราไล่ฆ่าฟัน อาวุธสั้นเร่งเข้ากลุ้มตะลุมบอน แกถือดาบด้ำงาอาญาสิทธิ์ ท้าวแขกติดตามหลังแกสั่งสอน แล้วขับพวกโยธาพลากร ให้เร่งต้อนกันเข้ายิงเป็นสิงคลี เรือประดาหน้าหลังอยู่คั่งคับ เอาปืนตับยิงหอรบไม่หลบหนี พวกชาวเมืองเยื้องยิงทิ้งอัคคี พอสุริย์ศรีพวยพุ่งจะรุ่งราง บาทหลวงให้ทอดสะพานกระดานเรียบ พอคนเหยียบขึ้นไปได้เอาไม้ขวาง เอาเหล็กแผ่นบังกายวิ่งไปพลาง ขึ้นไปทางชายหาดดาษดา ยกบันไดเข้าไปพาดพลาดถลำ ชาวเมืองซ้ำแทงดิ้นสิ้นสังขาร์ หลอมตะกั่วคั่วทรายปรายลงมา จนเวลารุ่งแจ้งแสงอุทัย บาทหลวงขึ้นบนฝั่งสั่งทหาร ให้ปลูกร้านริมท่าชลาไหล เอาเหล็กรางบังกั้นข้างชั้นใน แล้วตั้งให้ค่ายล้อมรอบเป็นขอบคัน แผ่นเหล็กใหญ่หนาราวสักเก้านิ้ว ตั้งเป็นทิวล้อมรอบเป็นขอบขันธ์ แล้วให้ลากปืนใหญ่ขึ้นไปพลัน พอตะวันส่องสว่างกระจ่างตา ไล่พหลพลรบขึ้นหลบอยู่ บาทหลวงดูเชิงเทินดินล้วนหินผา ถึงจะคิดรื้อถอนก้อนศิลา ชายคงคาเห็นไม่ได้ดั่งใจปอง จำจะยิงปืนใหญ่เข้าไปสู้ ให้คนผู้บางเบาทิ้งข้าวของ ยิงเข้าไปจะได้รู้ดูทำนอง แล้วก็จ้องเข้าไปในเชิงเทิน เสียงตูมตึงผึงผางลงกลางค่าย ถูกพลไพร่วิ่งวกระหกระเหิน บ้างล้มตายหลายคนบนเชิงเทิน ที่ยับเยินเจ็บป่วยบ้างม้วยมรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ตรัสประภาษกับทหารชาญสมร ให้ถอยทัพกลับพหลพลนิกร ขึ้นที่ดอนทางบนพ้นลูกปืน ฯ ๏ บาทหลวงว่ายิงเข้าไปอย่าให้ขาด ให้ตายกลาดพสุธาอย่าฝ่าฝืน เราก็ตั้งค่ายมั่นกันลูกปืน อย่าแตกตื้นออกไปสู้อยู่ในวง ดูกำลังเขาก่อนคอยผ่อนผัน เราตั้งมั่นกว่าจะสมอารมณ์ประสงค์ ค่อยพากเพียรเอาให้ได้ดั่งใจจง สมประสงค์ตีได้ด่านชานบุรินทร์ ทำไมกับเมืองกำพลอยู่บนบก เปรียบเหมือนนกหนีหลบกระทบหิน มันคงต้องเลิกล่าเข้าธานินทร์ เก็บให้สิ้นเมืองด่านชานชลา บาทหลวงคิดอิ่มเอมเปรมในจิต คงสมคิดแท้แล้วไม่แคล้วหวา ทหารเราเล่าก็ดีมีศักดา จงอุตส่าห์เคี่ยวขับคอยรับรอง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านอาจารย์สั่ง ให้รอรั้งพักพหลคนทั้งผอง จงตั้งมั่นกันตรวจเป็นหมวดกอง ดูทำนองข้าศึกเห็นฮึกครัน แล้วพราหมณ์เฒ่าเข้าที่พิธีไสย เสกใบไม้บินเวียนอยู่เหียนหัน เป็นต่อแตนแน่นอากาศประหลาดครัน ท่านพราหมณ์นั้นเป่ามนต์ให้ทนคง ใครตบตีบี้เท่าไรไม่วายวอด มันขบตอดต่อยกระจุยเป็นผุยผง กายสิทธิ์ฤทธิรณทั้งทนคง แล้วเป่าส่งไปข้างค่ายให้ไล่คน เสียงหวี่หวู่อู้ไปเข้าค่ายแขก คนตื่นแตกวิ่งเตร่ระเหระหน มันตอมต่อยหัวหูทุกผู้คน เที่ยววิ่งวนปืนผาไม่กล้ายิง แล้วตอมต่อยเข้าที่หน้าตาบาทหลวง วิ่งทะลวงร้องอี้ดั่งผีสิง บ้างเที่ยวแอบตอไม้คล้ายกับลิง บ้างก็วิ่งหาไปมาใส่กอง พอควันกลุ้มต่อต่อยไม่ถอยหนี เสียงอู้อี้วนวิ่งทิ้งข้าวของ บาทหลวงเห็นแปลกจิตผิดทำนอง เห็นจะต้องเวทมนตร์พวกคนดี จำจะคิดแก้ไขที่ในสัตว์ ให้วิบัติแพ้พ่ายกระจายหนี ต้องหาของอ้ายที่ชั่วตัวอัปรีย์ มาแก้ที่เวทมนตร์คนสำคัญ แกจึงเรียกคนใช้ให้ไปหา เก็บโหราเท้าสุนัขผักบุ้งขัน กับของชั่วหลายอย่างต่างต่างพรรณ เอามากลั่นชุบผ้าดำทำเป็นธง ส่งให้พวกบริษัทขึ้นกวัดแกว่ง ต่อที่แรงบินเปิดเตลิงหลง บาทหลวงสั่งพวกพหลรณรงค์ ให้เอาธงปักไว้รอบค่ายคู แล้วจึงสั่งพวกทหารชำนาญครบ ปืนจะรบประจุไว้ใส่ดินหู พอพลบค่ำย่ำระฆังพังประตู พากันกรูยกเข้าด่านชานบุรินทร์ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในปราการด่านปากน้ำ พวกประจำธารท่าชลาสินธุ์ ทุกหมู่หมวดตรวจตรารอบธานินทร์ พร้อมกันสิ้นทุกตำแหน่งแต่งกระบวน ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญในการเวท ก็แจ้งเหตุต่อหายเร่งไต่สวน รู้ว่ามีผู้แก้ให้แปรปรวน แกใคร่ครวญในฉบับตำหรับตำรา เห็นจะมีข้าศึกมาฮึกหาญ ในปราการแม่นแท้แน่นักหนา จึงทูลพระจอมวังมังคลา ในเวลาพลบค่ำดั่งทำนาย ขอพระองค์จงเตรียมโยธาทัพ ไปตั้งรับอยู่ที่นั่นอย่าผันผาย เอาทหารปืนใหญ่ทั้งไพร่นาย ไปตั้งรายตามประตูทุกหมู่กอง พระตรัสสั่งพวกพหลพลทั้งหลาย เสนานายต่างประมูลทูลฉลอง ขออาสาการศึกเหมือนนึกปอง มิให้ต้องเคืองบาทาฝ่าธุลี แล้วถวายบังคมลาออกมาตรวจ ทุกหมู่หมวดอยู่ครบไม่หลบหนี พวกโยธาตีฆ้องกองอัคคี หอกกระบี่แหลนหลาวทั้งเกาทัณฑ์ ยกไปตั้งข้างประตูบูรพทิศ อาญาสิทธิ์นายหมวดล้วนกวดขัน ทหารปืนยืนรายมีหลายพัน ทั้งยาวสั้นนกสับคาบศิลา ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช สั่งอำมาตย์มุลนายทั้งซ้ายขวา แม้นข้าศึกฮึกฮักจักเข้ามา ทวาราเปิดให้ดังใจจง ปล่อยให้เข้ามาในด่านอย่าต้านหน้า เหมือนดักปลาลงบ่อไม่หลอหลง พระสั่งเสร็จเย็นอับพยับลง พลางแต่งองค์ตรงมาขึ้นพาชี ฯ ๏ จะกล่าวข้างสังฆราชพระบาทหลวง อาทิตย์ล่วงลับไม้ในไพรศรี จัดพหลพลรบครบบาญชี ถือหอกตรีกริชปืนนับหมื่นพัน ขุนเสนีกำกับเป็นทัพหน้า ถัดลงมาขุนรองเป็นกองขัน ทั้งปีกซ้ายปีกขวาสารพัน ขุนนางนั้นกำกับทุกทัพชัย ท้าวกุลามาลีกับบาทหลวง ทุกกระทรวงพร้อมพรั่งนั่งไสว ท้าวจึ่งให้ผูกม้าอาชาไนย บาทหลวงไปขึ้นรถบทจร ด้วยเทียมม้ากล้าหาญในการรบ มีเพลิงครบเคียงข้างนั่งสลอน พอพลบค่ำย่ำแสงทินกร ยกทัพจรกรีธาพลาพล พวกทัพหน้ากล้าหาญในการยุทธ์ ถืออาวุธปืนผาโกลาหล โห่ภาษาแขกเดินดำเนินพล ยกเข้าปล้นข้างประตูบูรพา ปืนนกสับคาบศิลาโยธาหาญ ยิงสะท้านกึกก้องห้องเวหา เสียงตูมตึงผึงโผงตรงเข้ามา ทวาราปิดไว้ไม่ใส่ดาล กรูกันเข้าไปในด่านทหารหน้า ทั้งปีกขวาปีกซ้ายนายทหาร พวกในค่ายรายดาเป็นหน้ากระดาน ถือปืนขวานคับคั่งพวกนั่งกอง กรูกันเข้าตัดหลังประดังโห่ พวกถือโล่ฟาดฟันผันผยอง ยกเข้ากลุ้มรุมรับทั้งทัพกอง เสียงโห่ร้องเคลื่อนลั่นสนั่นดัง ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ไล่อำมาตย์พวกทวนกระบวนหลัง ตีกระทบทัพหน้าดาประดัง พวกแขกตั้งตีกลุ้มตะลุมบอน พวกประตูครั่นครื้นลากปืนใหญ่ ยิงออกไปตายกลิ้งริมสิงขร บาทหลวงเห็นโยธาพลากร ดูย่อหย่อนตายกลาดดาษดา เร่งพหลพลรบสมทบทัพ มาคั่งคับพลหมื่นยิงปืนผา พวกเข้าไปในปราการชานชลา ชาวพาราแทงยับทั้งจับเป็น พวกเสนาพาไปขังไว้ยังคุก แล้วยกรุกออกไปตั้งทั้งดั้งเขน ระดมยิงปืนไปตายระเนน บาทหลวงเกณฑ์พลรบสมทบไป ฝ่ายพระมิ่งมังคลาทรงม้าผ่าน เร่งทหารออกประตูดูไสว พฤฒาเฒ่าขี่คานหามออกตามไป ทั้งโคมไฟแลสว่างดั่งกลางวัน บาทหลวงเห็นมังคลาแกด่าโผง อ้ายคนโกงจับฆ่าให้อาสัญ ชาติจระเข้เนรคุณได้วุ่นกัน ไม่ผิดพันธุ์ชาติมะเดื่อเองเหลือดี เหมือนกับอีวัณฬาอีบ้าผัว ไปเมามัวนับถือเป็นฤๅษี มึงก็ชาติพาลาคนกาลี นับถืออีแขกขี้ข้าอ้ายบ้ากาม เสียแรงกูสู้บำรุงผดุงไว้ ครั้นโตใหญ่กลับระยำอ้ายซำสาม ทั้งล้างชาติศาสนาอ้ายบ้ากาม มึงคงงามแล้วคราวนี้เห็นดีกู อย่าว่าแต่มึงได้ครองกำพลเพชร ให้อีกเจ็ดพระนครคงอ่อนหู กูจะหักก้ามเคี้ยวเหมือนเปี้ยวปู พระเยซูจะคอยซ้ำร่ำเอามึง พระมังคลาว่าเจ้าคุณการุญแท้ มาตั้งแต่โกโรโมโหหึง เราก็ใช่คนพาลสันดานดึง ไม่เหมือนซึ่งถ้อยคำท่านรำพัน ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้เฒ่าเอาดอกไม้ มาเสกให้เป็นนกบินผกผัน ส่งสำเนียงเสียงเพราะเสนาะครัน แต่ตัวนั้นกระจิ๋วหริวเท่านิ้วมือ เสียงเป็นกังวานดีดั่งปี่แก้ว จะเจื้อยแจ้วสกุณินก็บินปรื๋อ ไปร่อนร้องคอยจะจิกปีกกระพือ พวกที่ถือหลาวแหลนต่างแหงนฟัง ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงยืนดูอยู่หน้ารถ ได้ปรากฏเสียงสัตว์ประหวัดหวัง เที่ยวแหงนดูหูตรับสดับฟัง สำเนียงดังเพราะพ้องก้องกังวาน นกก็ร้องเวียนวงอยู่ตรงหน้า ตามภาษาเสียงเอกวิเวกหวาน ผิดวิหคนกป่าดูอาการ ร้องมานานบินเงื่องดูเชื่องคน หรือจะเป็นกายสิทธิ์ฤทธิเวท สำแดงเหตุให้ประจักษ์เกิดมรรคผล หรือจะเป็นปักษาผ้าพยนต์ แกเรียกคนให้เอาไม้มาไล่ตี พอขาดคำสกุณีตีเอาปาก จิกกระชากเอาที่ลิ้นแล้วบินหนี ราวกะคนปากบอนต้อนตบตี แกหลบหนีเข้าในรถระทดใจ มาแพ้รู้ผู้วิเศษสังเกตผิด ให้เจ็บจิตเหมือนใครเชือดให้เลือดไหล อายกะอ้ายผู้ทำระกำใจ แกจึงไล่ทัพหน้าเข้าราวี ระดมปืนครื้นครั่นควันตลบ ให้สมทบแขกชวากะลาสี ข้างฝ่ายพวกเพชรกำพลล้วนคนดี ยกเข้าตีฟาดฟันประจัญบาน ที่แคล้วคลาดสาตราล้วนกล้าแข็ง ไล่ฟันแทงพวกพหลพลทหาร อาวุธสั้นฟันฝ่าเป็นหน้ากระดาน แขกชำนาญรำกริชคิดจะแทง ต่างป้องกันหันเหียนแล้วเปลี่ยนท่า กล้าต่อกล้ารบกันด้วยขันแข็ง พวกคนธรรพ์ถือวิชาทั้งร่าแรง เข้าต่อแย้งมิได้ย่นทั้งทนคง ทหารแขกเหลือกำลังจะตั้งมั่น พวกคนธรรพ์ไล่กระจุยเป็นผุยผง บาทหลวงถอยเข้าค่ายดังใจจง ให้ยกธงหย่าทัพขับนิกร ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาพฤฒาเฒ่า ให้คนป่าวร้องทหารชาญสมร จงรอรั้งตั้งพหลพลนิกร เข้านครหยุดยั้งค่อยรั้งรา เวลานี้เล่าก็ควรจวนจะรุ่ง จะรบพุ่งไม่สนัดขัดนักหนา พลางต้อนพลเข้าในค่ายชายชลา ให้รักษามั่นไว้ในกำแพง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช พร้อมอำมาตย์พลทหารชาญกำแหง กับท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิแรง ทุกตำแหน่งเฝ้ากลาดดาษดา ปางพระองค์ผู้ดำรงบุรีรัตน์ โองการตรัสการศึกแล้วปรึกษา ว่าทางบกเราก็มั่นกันพารา แต่ทางท่าชลธีไม่มีใคร จะกำจัดศัตรูหมู่มิจฉา ขุนเสนาใครจะเห็นเป็นไฉน ข้างทางเรือขัดสนเป็นจนใจ ออกไม่ได้ยากสุดมันอุดทาง เพราะไม่มีเรืออ้อมเข้าล้อมหลัง มันจึงตั้งได้ถนัดไม่ขัดขวาง พระปรึกษานายมูลพวกขุนนาง ไม่เห็นทางขัดสนเป็นจนใจ ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้เป็นพราหมณ์นามสุทัต แกรู้ชัดทูลแจ้งแถลงไข เหมือนพระองค์ทรงสุบินว่าเกิดไฟ จะต้องไปทูลพระองค์พงศ์ประยูร มาดับเข็ญเห็นจะราบช่วยปราบศึก คงสมนึกขอพระปิ่นบดินทร์สูร ส่งหนังสือสารภาพไปกราบทูล โดยเค้ามูลงอนง้อขอขมา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมจักรพงษ์ดำรงราชย์ ตรัสประภาษไปพลันด้วยหรรษา เราขอบใจท่านสยามพราหมณ์พฤฒา ช่วยตรึกตราสมนึกเหมือนตรึกตรอง พระตรัสสั่งผู้ฉลาดที่อาจหาญ ให้นำสารไปประมูลทูลฉลอง ในเบื้องบาทพระเจ้าอาฝ่าละออง กับทั้งสองเชษฐาได้ปรานี เอาม้าเร็วว่องไวรีบไปบก ตามวิตกหมายมุ่งไปกรุงศรี รมจักรนคราถึงธานี ทูลคดีขอเรือใบไปลังกา แล้วรีบไปถวายสารกรุงผลึก ว่าเกิดศึกเข้มแข็งแรงนักหนา พวกม้าใช้พร้อมมูลแล้วทูลลา ตัดออกมานอกทุ่งพอรุ่งราง สิบห้าวันบรรลุถึงรมจักร เข้าหยุดพักอยู่ที่หน้าศาลาขวาง พวกรักษาขอบเขตประเทศทาง นั่งอยู่กลางศาลาแล้วว่าไป เราขอถามพวกบุรุษที่หยุดม้า ท่านจะมาที่นี่หรือที่ไหน พวกกำพลเปรมปรีดิ์ด้วยดีใจ ตรงเข้าไปเล่าแถลงแจ้งคดี ข้าพเจ้าอยู่ตำบลกำพลเพชร มาพร้อมเสร็จโดยบุราณถือสารศรี ขององค์พระมังคลาเจ้าธานี เฝ้าที่นี่แล้วจะไปในลังกา ขุนด่านฟังสั่งเสมียนให้เขียนบอก ผูกม้าหมอกรีบไปไวไวหวา นำเอาท่านราชทูตไปพูดจา แก่เสนาผู้กำกับได้กราบทูล แล้วพาทูตเข้าไปในนิเวศน์ พอทรงเดชธิบดินทร์ปิ่นไอศูรย์ เสด็จออกแท่นสุวรรณอันจำรูญ เสนาทูลบอกเรื่องเมืองกำพล ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร สงสัยนักทรงแคลงแห่งนุสนธิ์ หรือจะมาท่าไรเป็นไกกล ฟังยุบลให้กระจ่างทางบุราณ ไปรับมาในวังฟังมันพูด ใครเป็นทูตจำถือหนังสือสาร แต่มันแตกจากลังกาไปช้านาน อยู่ถิ่นฐานเมืองใดพึ่งได้ยิน พระสงสัยใคร่แจ้งแห่งระหัส โองการตรัสโดยในพระทัยถวิล ไปรับทูตเข้ามาในธานินทร์ พร้อมกันสิ้นแล้วให้อ่านสารสารา ฯ ๏ เจริญลักษณ์อักษรสุนทรสาร เขียนใส่ลานทองประจำคำเลขา ขอบังคมสมเด็จพระเจ้าอา ให้ทราบฝ่าบาทมูลทูลละออง เพราะคบคนเป็นพาลสันดานชั่ว จึ่งพาตัวปี้ป่นต้องหม่นหมอง ขอประทานโทษาฝ่าละออง ที่ขุ่นข้องมาแต่หลังตั้งแต่เดิม ได้รบพุ่งมุ่งหมายมาหลายครั้ง มิได้ยั้งตรองตรึกจึ่งฮึกเหิม ทำเคืองขัดพระอัชฌามาแต่เดิม ตั้งแต่เริ่มแรกบำรุงกรุงลังกา จงงดโทษโปรดปรานประทานเกล้า จะมาเฝ้าศึกประชิดติดหนักหนา ขอบารมีทูลกระหม่อมจอมประชา เสด็จมาช่วยกำราบปราบอรินทร์ ฯ ๏ พอจบสารพระผู้ผ่านรมจักร เสียดายศักดิ์นึกในพระทัยถวิล ม้นก็หลานในไส้ใช่ไพริน ครั้นจะผินหลังให้ก็ไม่ดี เขาก็ยอมงอนง้อมาขอโทษ จะถือโกรธพูดไปเหมือนใส่สี เป็นผู้ใหญ่ใครเขารู้ดูไม่ดี ก็ควรที่จะบำรุงกรุงกำพล ให้สืบสุริย์วงศ์พระทรงภพ ขจรจบลือแจ้งทุกแห่งหน พระตรัสสั่งเสนีเตรียมรี้พล ที่นั่งต้นกำปั่นหงส์อลงกรณ์ ทั้งเรือรบเรือไล่ให้หลายร้อย เรือใช้สอยกับทหารชาญสมร เครื่องอาวุธยุทธนาพลากร เป็นการร้อนเร่งรัดไปจัดเรือ แล้วสั่งให้เลี้ยงคนกำพลเพชร ทั้งบำเหน็จให้ทุกคนจนล้นเหลือ อีกเงินทองของประทานให้จานเจือ ทั้งหมวกเสื้อหลายอย่างเป็นรางวัล ประทานเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์พรรณรายแล้วผายผัน เข้าข้างในปรางค์ทองห้องสุวรรณ พร้อมกำนัลมเหสีชลีกร พระตรัสเล่าสององค์อนงค์นาฏ ตามเรื่องราชสารไปให้สมร ฟังถ้อยคำมังคลามาว่าวอน ให้เราจรไปช่วยรับทัพทมิฬ บาทหลวงเฒ่าเจ้าเล่ห์เป็นขบถ มันคิดคดทำศึกนึกถวิล กลับไปเป็นศัตรูตีบูรินทร์ จะชิงถิ่นฐานที่บุรีเดิม มางอนง้อขอให้ยกไปช่วย เหมือนคนป่วยข้าศึกมันฮึกเหิม จำจะต้องไปช่วยตีบุรีเดิม ช่วยเพิ่มเติมโยธาพลาพล ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมเหสีชุลีหัตถ์ แล้วทูลทัดเรื่องความตามนุสนธิ์ กลัวแต่เห็นยังจะเป็นในไกกล บาทหลวงคนนี้อุบายหลายประการ พระทรงฟังจึงว่าสังฆราชแตก ไปคบแขกมาทำร้ายหลายสถาน ในหนังสือก็ให้สัตย์ปฏิญาณ ที่จะมารยาไปเห็นไม่มี พระตรัสพลางทางลุกขึ้นจากอาสน์ ไปเฝ้าบาทบงกชบทศรี ทูลแถลงแจ้งความตามคดี ในสารศรีของฝรั่งมังคลา ฯ ๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังว่าครั้งนี้ เห็นจะดีกันหมดโอรสา จะได้สืบวงศ์กษัตริย์ขัตติยา พ่อเห็นว่าควรจะต้องไปป้องกัน ฝ่ายองค์พระอัยกีแกตีอก ตาอย่างกพูดเพ้อละเมอฝัน เมื่อครั้งก่อนมันต้อนไปตามกัน ขังไว้ชั้นเชิงชลาเมืองป่าตาล นี่หากว่าแม่รำภาวัณฬาราช มาพิฆาตมันจึงไปไกลสถาน หาไม่จักตายดิ้นจนสิ้นปราณ ทั้งลูกหลานมิได้เหลือในเชื้อวงศ์ ตามันโง่เต็มประดาแล้วอย่าพูด มันจะปูดภายหน้าพ่ออย่าหลง อันปัญญาตาเฒ่าเหมือนเข้ากรง แกมันหลงแต่อีสาวเที่ยวเคล้าคลึง พ่อจะไปแล้วจงจำเอาคำแม่ ไปอยู่แต่ไกลไกลอย่าให้ถึง สืบเรื่องราวเข้าไปอย่าให้อึง ได้ทีจึงรบเร้าคิดเอาชัย แม้นไม่สมปรารถนาแล้วล่ากลับ มันยากยับช่างหัวมันอย่าหวั่นไหว ถึงลูกหลานว่านเครือเชื่อมันไย ไปพอให้ถึงถิ่นกันนินทา ท้าวทศวงศ์ทรงฟังมเหสี ว่ายายนี้พูดเพ้อเจ้อนักหนา ชะนางพวกแม่ทัพไปจับปลา มาใส่คาย่างแล้วให้แมวกิน พ่ออย่าเชื่อยายเฒ่าเจ้าโทโส แกโกโรดีแต่หึงอย่าพึงถวิล จะเสียชื่อเสียงไปในแผ่นดิน ให้เขาหมิ่นประมาทเป็นชาติชาย นางพระยาว่าข้าเกลียดขี้เกียจกล่าว จะยืดยาวขายหูไม่รู้หาย พลางอวยพรโพยภัยอย่าใกล้กราย ดั่งนารายณ์อานุภาพไปปราบมาร ทั้งสององค์อวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล กับพวกพลที่จะไปไกลสถาน อย่าขัดขวางทางจะไปให้สำราญ ทั้งทหารรี้พลบนเภตรา ฯ ๏ พระรับพรสองพระองค์ดำรงภพ แล้วนอบนบบังคมก้มเกศา อภิวาทบาทมูลแล้วทูลลา กษัตราสององค์อยู่จงดี ขอฝากองค์นงลักษณ์อัคเรศ ทั้งแก้วเกศกัลยารำภาสะหรี กับลูกเต้าเหล่าอาณาประชาชี พระภูมีโปรดว่าบัญชาการ แล้วทูลลามาปรางค์สองนางนาฏ สถิตอาสน์รจนามุกดาหาร ดำรัสสั่งสองสุดายุพาพาล แม้นเกิดการเคืองขุ่นถึงวุ่นวาย พี่จะให้คนถือหนังสือสาร เยาวมาลย์ให้พี่พราหมณ์สามสหาย เขายกหนุนตามไปทั้งไพร่นาย กับโฉมฉายรำภาพงางอน พระสั่งพลางทางเสด็จเข้าห้องสรง สำอางองค์เรืองจำรัสประภัสสร ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่านิกร บ้างก็ถอนสายสมอขันช่อใบ เรือที่นั่งบัลลังก์หงส์ปักธงตาด พวกอำมาตย์นั่งเคียงเรียงไสว ที่นั่งรองเรือครุฑวุฒิไกร มีธงชัยปักประจำเป็นสำคัญ ทั้งเรือแห่เรือทหารชำนาญรบ เกณฑ์สมทบทุกตำแหน่งล้วนแข็งขัน มาเตรียมเสร็จดาษดื่นนับหมื่นพัน คอยทรงธรรม์เจ้าแผ่นดินปิ่นประชา ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ พระรีบรัดแต่งองค์ทรงภูษา จับพระแสงเนาวรัตน์อัษฎา เสร็จออกหน้าพระที่นั่งบัลลังก์ทอง พระญาติวงศ์องค์มิ่งมเหสี รำภาสะหรีเกษรามาทั้งสอง เขยสะใภ้พวกประยูรทูลละออง มาแซ่ซ้องพร้อมพรักตำหนักแพ คอยส่งท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นกษัตริย์ มานั่งอัดเรียงรายชายกระแส จวนเวลาเป่าประดังทั้งสังข์แตร กระบวนแห่นำเสด็จจากเขตคัน ท้าวทศวงศ์ทรงราชยานรัตน์ จอมกษัตริย์ตามเสด็จจากเขตขัณฑ์ พระมาตุรงค์ทรงวอจรจรัล ตามเขยขวัญเสด็จไปในกระบวน มาถึงที่พร้อมพรักตำหนักน้ำ ตำรวจนำไปถึงท่าหน้าฉนวน กรมแสงถือเสน่าทั้งง้าวทวน โดยกระบวนยาตราพลากร ถึงประทับกับเกยเลยลีลาศ สมเด็จนาฏอัยกีศรีสมร ลงจากพระที่นั่งอลังกรณ์ บทจรตามกษัตริย์ภัสดา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ ยุรยาตรมาบังคมก้มเกศา ศิโรราบกราบประนมบังคมลา พระกฤษณาตรีพลำสามพระองค์ สองกษัตริย์อวยพรถาวรสวัสดิ์ จงพิพัฒน์ไพบูลย์ประยูรหงส์ ปราบศัตรูให้กระจายทำลายลง ได้เหมือนองค์พระนารายณ์ไวยกูณฐ์ พวกอรินทร์ถิ่นประเทศเขตมิจฉา ให้อัปราทั่วไปทั้งไอศูรย์ พอได้ฤกษ์โหรประนมบังคมทูล พวกประยูรพฤฒาเฒ่าคลานเข้าไป ถวายสังข์ทักขิณามหาผล พุทธมนต์วารินกระสินธุ์ใส แล้วเป่าสังข์กึกก้องลั่นฆ้องชัย บังคมไทเสร็จตรงมาลงเรือ ให้โห่ครื้นปืนสัญญาโกลาลั่น ออกกำปั่นคลี่ใบใส่หางเสือ ได้ลมล่องต้องท้ายพวกนายเรือ คัดหางเสือออกจากอ่าวเจ้าพระยา ฯ ๏ ตามกันเรื่อยเฉื่อยฉ่ำออกน้ำเขียว คลื่นเป็นเกลียวชมสัตว์ฝูงมัจฉา พวกกุเราเหล่ากระโห้แลโลมา ฝูงพิมพาพากันว่ายในสายชล พวกฉนากล้วนฉนากไม่จากคู่ เป็นหมู่หมู่ว่ายแซงทุกแห่งหน ฝูงทุกังมังกงเที่ยววงวน ในสาชลมากมายมีหลายพรรณ ฝูงฉลามล้วนฉลามตามเป็นหมู่ ไม่ห่างคู่ว่ายเวียนดูเหียนหัน ตะเพียนทองล่องน้ำไปตามกัน ราหูหันหันเหียนเวียนเป็นวง ฝูงเหราร่ารายขึ้นว่ายกลาด บ้างดำฟาดกินเหยื่อไม่เหลือหลง ฝูงปลาวาฬพ่นชลเป็นวนวง แล้วดำลงฟาดหางกลางสินธู ฝูงม้าน้ำทำท่าดังม้าเผ่น ขึ้นโลดเต้นยกหางทั้งกางหู ฝูงช้างน้ำดำด้นบ้างพ่นฟู ทั้งเงือกงูลอยล่องท้องทะเล อีกกริวกราวเต่ากระว่ายคละเคล้า เป็นเหล่าเหล่าคลื่นป่วนซัดหวนเห จะพรรณนาว่าไปในทะเล เหลือคะเนมิใช่น้อยนับร้อยพัน ฯ ๏ พระสุริยงลงลับพยับฟ้า ดวงดาราจันทร์กระจ่างกลางสวรรค์ พวกต้นหนคนสำหรับทั้งกัปตัน เอาเข็มนั้นตั้งจำเพาะเกาะลังกา ไม่ขัดข้องล่องแล่นแสนเป็นสุข เข้าห้องขลุกกินแต่เหล้าเมานักหนา ขึ้นสองชั้นตีกรับขับเสภา พวกกัญชากัดอ้อยอร่อยใจ แต่องค์พระกฤษณาไม่ผาสุก ระทมทุกข์เต็มประดาน้ำตาไหล คิดถึงนุชสุดที่รักให้หนักใจ ถอนฤทัยหวนคะนึงถึงยุพิน ตรีพลำก็ยิ่งซ้ำแสนเทวศ ถึงดวงเนตรอัมพวันกระสันถวิล ป่านนี้แก้วกัลยาจะราคิน จะโดยดิ้นหาพี่ทุกวี่วัน โอ้น้องแก้วแววเนตรของเชษฐา เมื่อจากมาน้องวิโยคทั้งโศกศัลย์ มิใช่กิจบิตุรงค์พระทรงธรรม์ ไม่จากขวัญนุชเจ้าลำเพาพาล มิรบพุ่งยุ่งยิ่งจะนิ่งเสีย อยู่กับเมียเป็นสุขสนุกสนาน นอนเสียให้สุโขมโหฬาร ใครจ้างวานก็ไม่ไปให้ไกลรัง มีเมียสาวมีข้าวกินไม่ดิ้นโลด อยู่เป็นโสดตามสบายเหมือนใจหวัง ใครจะว่าเราแกะแทะข้าวตัง เฉยเสียมั่งช่างใครทำไมเรา เธอครวญคร่ำร่ำไรไห้สะอื้น จนดึกดื่นร้อนฤทัยดั่งไฟเผา แสนวิโยคโศกศัลย์ไม่บรรเทา แล้วลุกเข้าไปนั่งชิดพระกฤษณา ถอนใจใหญ่เหหวนรัญจวนจิต แล้วสะกิดเพลาพลางทางปรึกษา ว่าน้องนี้ไม่สบายหลายเวลา ที่โรคาพระจะเห็นเป็นอย่างไร กฤษณาว่าโรคของพระน้องรัก พี่ประจักษ์มั่นคงไม่สงสัย ถึงโรคพี่น้องเล่าก็เข้าใจ เป็นวิสัยพวกที่มาตำราเดียว นี่แลน้องตรองไปไม่ตลอด เหมือนตาบอดมืดแท้จะแลเหลียว เพราะไม่เห็นถิ่นวิถีเช่นนี้เจียว ให้เปล่าเปลี่ยวฟั่นเฟือนเหมือนกับเรา จะผ่อนผันฉันใดเห็นไม่โปรด จะเกิดโทษวุ่นวายต้องอายเขา ทนไปเถิดการทัพสำหรับเรา พี่กับเจ้าไม่พ้นอย่าบ่นเลย พลางปรึกษามาในลำเรือกำปั่น จนพระจันทร์ลับฟ้าเจ้าข้าเอ๋ย ไม่มีสุขทุกข์ในใจไม่เสบย เรือก็เลยแล่นมาในสาคร ฯ ๏ อโณทัยไขแสงแจ้งกระจ่าง ส่องสว่างแจ่มจำรัสประภัสสร โกกิลากากินเที่ยวบินจร ปักษาร่อนร้องเรียกกันเพรียกรัง แต่แล่นล่องมาในท้องมหาสมุทร มิได้หยุดรีบไปดั่งใจหวัง พอเดือนหนึ่งถึงสิงหลข้ามวนวัง ไม่รอรั้งทอดท่าหน้าบุรินทร์ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านลังกาเกาะ ให้เรือเสาะตระเวนไปในกระสินธุ์ คอยระวังศัตรูหมู่ไพริน ตามแถวถิ่นเกาะแก่งตำแหน่งทาง พอแลเห็นกำปั่นสุวรรณหงส์ แลดูธงถนัดไม่ขัดขวาง แวะเข้าเฝ้าเจ้านครเหมือนก่อนปาง พวกขุนนางรู้จักร้องทักทาย ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าบุรีรมจักร ปราศรัยทักพวกพหลพลทั้งหลาย ว่าบ้านเมืองค่อยเป็นสุขสนุกสบาย ทั้งไพร่นายทั่วจังหวัดปัถพี กองตระเวนได้ฟังรับสั่งถาม จึงทูลความแล้วประณตบทศรี ในเขตแคว้นแดนจังหวัดปัถพี มิได้มีราษฎรจะร้อนรน อยู่ทำมาหากินในถิ่นฐาน ค่อยสำราญวัฒนาสถาผล ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนมณฑล ในสิงหลมั่งคั่งทั้งแผ่นดิน ครั้นทูลเรื่องเสร็จสรรพกลับมาด่าน แจ้งอาการกับพระยาท่ากระสินธุ์ ขุนนางรู้รีบไปในบุรินทร์ ทูลพระปิ่นนคเรศนิเวศน์วัง ฯ ๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ สั่งอำมาตย์โยธาทั้งหน้าหลัง รถสุวรรณพรรณรายพระฉายบัง ทั้งที่นั่งราชยานพุดตานทอง รีบลงไปคั่งคับรับเสด็จ กระบวนเสร็จรวมกันถึงพันสอง พระเสด็จทรงม้าเหลืองผูกเครื่องทอง ยกเป็นกองนำพลสกลไกร พอถึงด่านธารท่าชลาสินธุ์ หน่อนรินทร์เจ้าลังกาอัชฌาสัย เสด็จลงหลังพระยาอาชาไนย ก็ตรงไปเรือกำปั่นด้วยทันที ฝ่ายพระจอมอิศยมรมจักร เห็นหลานรักมาประณตบทศรี ประภาษถามทั้งจังหวัดปัถพี อยู่เปรมปรีดิ์ทั้งอาณาประชาชน เรือลูกค้ามาขายหลายภาษา ยังไปมาในจังหวัดหรือขัดสน ทำนาไร่ในประเทศเขตมณฑล ทั้งฟ้าฝนตกงามหรือทรามไป ทั้งสามพระนักสิทธ์สถิตสถาน ยังสำราญหรือว่าเห็นเป็นไฉน สุดสาครทูลพลันด้วยทันใด ทั้งพลไพร่ปรีดาสถาวร พระนักสิทธ์สามองค์ทรงสวัสดิ์ ไม่ข้องขัดภิญโญสโมสร ทั้งลูกค้ามาทั่วทุกนคร ไม่เดือดร้อนมั่งคั่งทั้งบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ บรมนาถถามในพระทัยถวิล เห็นบริบูรณ์มั่งคั่งทั้งแผ่นดิน พระทราบสิ้นแล้วดำรัสแก่นัดดา ว่าบัดนี้มังคลานราราช กับสังฆราชรบพุ่งยุ่งนักหนา ใช้พวกทูตให้มาง้อขอขมา บอกให้อากับเจ้าด้วยไปช่วยกัน กับสินสมุทรวุฒิไกรให้ไปด้วย แม้นมิช่วยดับร้อนช่วยผ่อนผัน แล้วเรียกทูตทูลยุบลกำพลพลัน มาอภิวันท์กราบก้มบังคมทูล แล้วถวายสาราหน้าที่นั่ง พระตรัสสั่งมหาดไทยในไอศูรย์ ให้คลี่สารอ่านนำในคำทูล นเรนทร์สูรสองพระองค์เธอทรงฟัง ฯ ๏ ในเรื่องสารมังคลานราราช บังคมบาทภูวไนยเหมือนใจหวัง พระเชษฐาสุริย์วงศ์ดำรงวัง แต่ก่อนยังคบพาลสันดานดึง ได้ผิดพลั้งครั้งใดพระได้โปรด ประทานโทษชอบผิดคิดไม่ถึง พระช่วยชุบอุปถัมภ์เหมือนรำพึง ให้สมซึ่งอนุชาที่ว่าวอน ฯ ๏ พอจบเรื่องศุภสารอ่านถวาย คำภิปรายศุภลักษณ์ในอักษร สองพระองค์ทรงปรึกษาที่ว่าวอน เป็นการร้อนจะไม่ไปก็ใช่ที มันก็เป็นว่านเครือในเชื้อไข จะต้องไปช่วยสักพักไว้ศักดิ์ศรี ครั้นจะนิ่งเฉยอยู่ดูไม่ดี เขาก็มีสารขอมาง้องอน พ่อจะเห็นเป็นอย่างไรใจของหลาน จงกันการครหาอาจะสอน เป็นผู้ใหญ่เฉยเชือนเหมือนหนึ่งงอน เป็นการร้อนจะมิไปก็ใช่ที ฯ ๏ สุดสาครบังคมบรมนาถ โปรดประภาษควรนักเป็นศักดิ์ศรี จะมิไปใครเขารู้ดูไม่ดี เพราะเขาหนีร้อนรึงมาพึ่งเย็น หลานจะไปตามเสด็จไม่เข็ดขาม เอาไว้นามไว้ผลให้คนเห็น ที่เหนื่อยยากกรากกรำต้องจำเป็น เพราะเชื้อเช่นเนื้อไขในตระกูล ครั้นทราบเสร็จเชิญเสด็จเข้าวังหลวง ทุกกระทรวงแห่ไปเข้าไอศูรย์ ประทับยังวังในอันไพบูลย์ ท้าวนางทูลเสาวคนธ์สุมณฑา ว่าพระจอมรมจักรนัคเรศ นางแจ้งเหตุรีบพลันด้วยหรรษา ไปรับองค์พงศ์เผ่าพระเจ้าอา เสด็จเข้ามาพร้อมพรั่งทั้งพระวงศ์ พระกฤษณาตรีพลำต่างคำรพ พลางนอบนบในตระกูลประยูรหงส์ พนักงานสารพัดจัดประจง ตั้งเครื่องทรงเครื่องเสวยทั้งเนยนม พวกขับไม้มโหรีตีบัณเฑาะว์ สำเนียงเพราะตามอย่างปางประถม สี่กษัตริย์นั่งเสวยทั้งเนยนม เครื่องขนมโอชาสารพัน เสวยพลางทางปรึกษาบรรดาหลาน อาตรองการก็เห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ เปรียบเหมือนคนเจ็บป่วยต้องช่วยกัน รักษามันพอให้ปลอดรอดชีวัง พระตรัสพลางทางสั่งให้หาทูต เข้ามาพูดไต่ถามตามประสงค์ ขุนเสนีอภิวาทบาทบงสุ์ ขอพระองค์โปรดปรานการจะไป ถวายสารพระผู้ผ่านเมืองผลึก ด้วยการศึกเหลือล้นทนไม่ไหว ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ผู้ทรงชัย รับสั่งให้พวกฝรั่งเมืองลังกา เอากำปั่นใช้ใบไปกับทูต จะได้พูดโดยจำนงส่งภาษา ทั้งหกนายกราบถวายบังคมลา ลงเภตราไปผลึกตามตรึกตรอง สิบห้าวันบรรลุถึงสถาน ถวายสารแล้วประมูลทูลฉลอง พระจึ่งให้คลี่สารในลานทอง ซึ่งจำลองลายลักษณ์อักขรา ฯ ๏ ในเรื่องราวขอประนมบังคมบาท ภูวนาถทรงเดชพระเชษฐา เมื่อก่อนได้ผิดพลั้งแต่หลังมา ให้เคืองฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ เพราะคบคนพาลาพาให้ชั่ว จนหมองมัวแทบชีวาจะอาสัญ แล้วกลับเป็นศัตรูมาสู้กัน ในเขตคันร้อนเราทุกเช้าเย็น ขอพระองค์ทรงเดชผู้เชษฐา โปรดได้มาระงับช่วยดับเข็ญ เหมือนวารินใสสดรดให้เย็น น้องขอเป็นเกือกทองฉลองคุณ ได้ผิดพลั้งครั้งใดจงได้โปรด ประทานโทษน้องนุชช่วยอุดหนุน แม้นสิบไปเบื้องหน้าถ้าทารุณ ให้เคืองขุ่นจงประหารผลาญชีวา ฯ ๏ พอจบสารพระผู้ผ่านเมืองผลึก เธอตรองตรึกแจ้งคดีที่ปรึกษา ใครจะเห็นอย่างไรใจเสนา เขาก็มาสารภาพว่าหลาบจำ แม้นมิไปใครรู้จะดูหมิ่น ต้องละถิ่นไปช่วยชุบอุปถัมถ์ แล้วตรัสสั่งเสนีที่ประจำ ให้จัดลำเรือที่นั่งบัลลังก์พลัน ทั้งเรือรบเรือไล่ให้หลายร้อย เครื่องใช้สอยรอกเชือกให้เลือกสรร จัดล้าต้าต้นคนคนสำคัญ เรือสุบรรณเป็นที่นั่งบัลลังก์ทรง ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นจากอาสน์ ขุนอำมาตย์สั่งความตามประสงค์ จ่ายทหารชาวป้อมพวกล้อมวง เกณฑ์ให้ลงเรือที่นั่งตั้งบาญชี ทหารรบหกหมื่นปืนปลายหอก เร่งหมายบอกไปให้ครบใครหลบหนี ให้นายหมวดตรวจส่งลงบาญชี วันพรุ่งนี้เกณฑ์ตรงไปลงเรือ ลำที่นั่งดั้งกันสักพันร้อย มาจอดคอยทอดไว้ทั้งใต้เหนือ ขนเสบียงดิบสุกบรรทุกเรือ ทั้งข้าวเกลืออย่าให้ขาดราชการ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นผลึก เธอตรองตรึกยังสงสัยเสร็จไปศาล ให้หาพวกทรงผีมามินาน จึงโองการให้คนทรงมาลงดู แล้วเชิญท่านมารดาให้มาด้วย จะได้ช่วยบอกกล่าวให้เข้าหู จะเท็จจริงอย่างไรจะใคร่รู้ เรียกให้ผู้คนทรงมาลงพลัน จุดธูปเทียนบายศรีพลีศาล เชิญนางมารมาตุรงค์มาทรงฉัน ปีศาจแว่วแจ้วดังกระทั่งกรรณ ลุกผลุนผลันเหลียวแลซะแงเป เห็นธูปเทียนรุ่งเรืองเมืองผลึก ผีเสื้อนึกว่าร้อนเย็นเป็นไฉน แล้วลุกขึ้นเผ่นโผนโจนลงไป ประเดี๋ยวใจก้องกังวานสะท้านดัง เข้าคนทรงสั่นรัวกลอกหัวหู ให้หากูมาทำไมในใจหวัง จะไต่ถามความอะไรเล่าให้ฟัง ลุกขึ้นนั่งกินหมูนั่งชูคอ สินสมุทรจึงถามความประสงค์ มาตุรงค์เห็นอย่างไรไฉนหนอ มังคลาสรรเสริญเจริญยอ ให้มาง้อรับผิดโดยจิตปอง เชิญให้ลูกไปกำราบช่วยปราบศึก ที่ตื้นลึกจะเป็นกลหรือหม่นหมอง อยากจะแจ้งความในน้ำใจปอง เชิญช่วยตรองในคดีเขามีมา ฯ ๏ นางปีศาจล่วงรู้เพราะหูผี แจ้งคดีเล่าแก่บุตรไม่มุสา เมื่อเดือนก่อนกูเที่ยวไปในคงคา มันรบราฆ่าฟันกันบรรลัย แต่เมืองด่านชานชลาริมท่าน้ำ เสียระยำปี้ป่นทนไม่ไหว ความที่บอกมาจริงอย่ากริ่งใจ บาทหลวงได้ปากน้ำที่สำคัญ เอ็งรีบยกไปกำราบช่วยปราบคึก คงสมนึกดับรอนช่วยผ่อนผัน จะได้สืบสุริย์วงศ์ตามพงศ์พันธุ์ พี่น้องกันก็จะได้เห็นใจเรา พอบอกเสร็จคนทรงที่ลงผี เอามือตีผางผางเข้ากลางเสา ล้มนอนหงายกายสั่นอยู่เทาเทา เหมือนกินเหล้าลุกล้มไม่สมประดี ฯ ๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ ได้ความชัดแจ้งกระจ่างเพราะนางผี แล้วตรัสสั่งพวกพหลพลมนตรี ว่าพรุ่งนี้เช้าตรู่กูจะไป แล้วเสด็จขึ้นเข้าข้างในที่ไสยาสน์ ตรัสประภาษเล่าแจ้งแถลงไข ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณทูลพิไร พระจอมไปใครจะอยู่ดูบุรินทร์ ฉวยเกิดคึกฮึกหาญมาราญรบ จะหลีกหลบเห็นไม่ได้ดังใจถวิล ใครจะช่วยรบสู้กู้แผ่นดิน น้องจะผินพักตราไปหาใคร พระตรัสพลางทางว่าอย่าปรารภ จะสมทบทัพทุกแควไว้แก้ไข แต่บรรดาเมืองขึ้นอย่าตื่นไป ไม่เป็นไรดอกนะเจ้าเยาวมาลย์ พระตรัสเสร็จแล้วเสด็จเข้าสู่ที่ แท่นมณีรจนามุกดาหาร พวกเสนาสารวัตรเร่งจัดการ พร้อมทหารพลรบสมทบกัน มาลอยลำกำกับรับเสด็จ ตระเตรียมเสร็จตามหมายพอไก่ขัน ทหารปืนยืนสะพรั่งทั้งดั้งกัน คอยทรงธรรม์กรุงกษัตริย์ขัตติยา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร พระทรงภุชพลิกฟื้นตื่นผวา เข้าที่สรงทรงสหัสธารา ผลัดภูษาแย่งยกกระหนกใน ฉลององค์ตาดแดงแสงระยับ ปั้นเหน่งทับมรกตดูสดใส เหน็บพระแสงอาญาสิทธิ์ฤทธิไกร แล้วสวมใส่มาลาสง่างาม เสด็จออกข้างหน้าเสนาพร้อม ประณตน้อมกรุงกษัตริย์ดำรัสถาม พระโหราธิบดีทั้งชีพราหมณ์ ได้ฤกษ์ยามสักกี่บาทจะยาตรา โหรคำนับจับยามตามสังเกต ว่าโมงเศษฤกษ์นี้ดีหนักหนา ควรจะยกพยุหบาตรเสร็จยาตรา เสด็จมาหยุดยั้งฟังสำเนียง พอได้ฤกษ์ตีฆ้องก้องสนั่น บันลือลั่นสังข์แตรเซ็งแซ่เสียง เสด็จลงทรงรถพระกลดเคียง ตำรวจเรียงตาริ้วเป็นทิวไป ออกจากวังลงยังฉนวนน้ำ ก็พร้อมลำกำปั่นเรียงเคียงไสว เสด็จลงเรือเหราให้คลาไคล ล่องน้ำไปออกอ่าวเจ้าพระยา ถึงน้ำเชียวชักใบขึ้นใส่รอก ทหารออกมายืนยิงปืนผา ถ้วนยี่สิบสองนัดให้ยาตรา ข้ามมหาสาคโรชโลธร เอาเข็มตั้งลังกาสุธาทวีป ให้เร่งรีบตัดละเมาะเกาะสิงขร ได้ลมคล่องล่องมาในสาคร ไม่หยุดหย่อนตั้งแต่มาสิบห้าวัน บรรลุถึงปากอ่าวพอเช้าตรู่ ให้ทอดอยู่ลดใบพอไก่ขัน จึงหยุดรอแต่พอแจ้งแสงตะวัน แล้วพากันรีบไปในนคร ทูลพระปิ่นรมจักรนัคเรศ ให้ทรงเดชทราบความตามอักษร กับพระศรีอนุชาสุดสาคร ว่าเราจรมาอยู่ด่านชานบุรินทร์ ขุนเสนีประนมบังคมบาท ภูวนาถรับสั่งดั่งถวิล เอาเรือบดรีบเข้าไปในบุรินทร์ จนถึงถิ่นเมืองด่านชานชลา ขึ้นไปแจ้งราชการด่านปากน้ำ ท่านช่วยนำข่าวศึกไปปรึกษา องค์พระจอมนครินทร์ปิ่นลังกา ให้ทราบฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ว่าพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร เสด็จหยุดอยู่ดอนรีบผ่อนผัน เป็นการด่วนจวนนักหนาจะช้าวัน ไปให้ทันเวลาอย่าช้าที ฯ ๏ ฝ่ายขุนด่านเรียกหาพวกม้าใช้ พาท่านไปทูลประณตบทศรี รีบเข้าไปในจังหวัดปัถพี ให้เสนีขึ้นม้าพากันไป ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในลังกาอาณาจักร ให้ซ้อมซักทหารปืนยืนไสว คอยพระจอมสินสมุทรวุฒิไกร มาเมื่อไรจะไปเปลื้องเมืองกำพล พอตรัสเสร็จทูตาก็มาเฝ้า ทูลพระเจ้านครินทร์ปิ่นสิงหล ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นสากล เธอยกพลมายังฝั่งชลา ใช้ให้ข้ามาทูลมูลเหตุ จะโปรดเกศอย่างไรไฉนหนา จะให้ขึ้นยับยั้งยังลังกา หรือจะช้าทีไปจะได้จร ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ ตรัสประภาษกับพระหลานชาญสมร เราควรยกโยธาพลากร เป็นการร้อนช้าไปก็ไม่ดี จึ่งตรัสกับเสนาที่มาเฝ้า ว่าออเจ้าไปประณตบทศรี กลับไปทูลหลานเราเล่าคดี ว่าพรุ่งนี้เราจะไปในเภตรา ขุนเสนีกราบก้มบังคมบาท รับพระราชโองการใส่เกศา ประนมนอบหมอบกรานคลานออกมา ไปนาวากราบทูลมูลคดี ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นผลึก เธอตรองตรึกเรือใบทั้งไล่หนี ทหารรบครบประจำทุกลำมี ทั้งหอกตรีแหลนหลาวและเกาทัณฑ์ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราลังกาทวีป ต่างเร่งรีบเรียกพหลพลขันธ์ ทั้งต้นหนคนการชำนาญครัน ประจำมั่นมิให้ขาดราชการ ปางพระจอมรมจักรนัคเรศ เฉลิมเกศกษัตรามหาศาล ครั้นรุ่งสางรังสีรวีวาร ชวนพระหลานสรงชลสุคนธา น้ำกุหลาบอาบองค์สรงกระสินธุ์ สุคนธ์กลิ่นหอมฟุ้งปรุงบุหงา ทรงเครื่องต้นอย่างกษัตริย์ขัตติยา เสร็จออกมาพระโรงรัตน์ชัชวาล ตำรวจแห่แตรสังข์สะพรั่งพร้อม พอพระจอมขัตติยามหาศาล สองพระองค์ขึ้นทรงราชยาน จากสถานลงไปพักตำหนักแพ พอฤกษ์ดีตีฆ้องก้องสนั่น เรือดั้งกันลอยรายชายกระแส เสด็จจากชานพักตำหนักแพ กระทั่งแตรเป่าสังข์กังสดาล เสด็จลงกำปั่นสุวรรณหงส์ ให้ชักธงแล่นเรียงเคียงขนาน ล่องลงไปในวิถีทีธาร พอถึงด่านเมืองสมุทหยุดเภตรา ประทับลำหน่อนรินทร์สินสมุทร พระทรงภุชเกษมสันต์ด้วยหรรษา ต่างถวายอัญชลีด้วยปรีดา ทรงปรึกษาการณรงค์จะสงคราม พอเสร็จเรื่องสั่งให้ชักใบแล่น ไปตามแผนที่เสร็จไม่เข็ดขาม กำปั่นรบหมื่นเศษสังเกตตาม แล่นออกหลามในมหาสาคโร ฯ ๏ สามกษัตริย์ทัศนามัจฉาชาติ ขึ้นว่ายกลาดในสมุทรบ้างผุดโผ ตัวเป็นปลาหน้าเป็นลิงเป็นสิงโต หน้าเป็นโคตัวเป็นปลาเท้าหน้ามี ตัวเป็นช้างทางเป็นหอยลอยระกะ ตัวเป็นกระหน้าเป็นเนื้อเป็นเสือหมี ตัวเป็นแพะเบื้องหางอย่างกุมภีล์ สัตว์ที่มีในสมุทรสุดรำพัน เรือก็แล่นเลยมาในสาคเรศ ชมประเทศเกาะเกียนดูเหียนหัน ราวกับเขียนช่างระบายลายพู่กัน เป็นเชิงชั้นช่องผาศิลาลาย ทั้งปูหอยลอยเลื่อนอยู่เกลื่อนกลาด ระดาดาษในวารินกระสินธุ์สาย ฝูงนกหกผกผาดชายหาดทราย ตะกุยตะกายถาบถาพาไปกิน สามกษัตริย์ทัศนาปลาแลนก บ้างโผผกผุดว่ายสายกระสินธุ์ สุดจะร่ำพรรณนาในวาริน ไม่รู้สิ้นหลายอย่างต่างต่างพรรณ พระสุริยงลงลับพยับฟ้า พระจันทราแจ่มกระจ่างทางสวรรค์ ตั้งแต่ใช้ใบมาสิบห้าวัน จากขอบคันนคเรศเขตลังกา ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง แกตีล่วงได้สมมาดปรารถนา เข้าตั้งอยู่เมืองด่านชานชลา เรือไปมาเก็บเอาทั้งข้าวเกลือ เป็นเสบียงเลี้ยงคนบนกำปั่น เรือรบนั้นกักไว้ทั้งใต้เหนือ พวกไปมาค้าขายตายเป็นเบือ เห็นลำเรือน้อยใหญ่มันไล่เอา ที่หลบลี้หนีปลอดรอดได้มั่ง มันแต่งตั้งกันเป็นโจรคอยปล้นเขา ทั้งมั่งมีดีกว่าค้าสำเภา มันเก็บเอามิได้เหลือไว้เจือจาน ฯ ๏ ฝ่ายอีตาสังฆราชพระบาทหลวง คิดลุล่วงอิ่มเอมเกษมศานต์ เข้าตั้งมั่นอยู่ปากน้ำที่สำราญ แกคิดอ่านจะทำกลปล้นบุรี แล้วแกเขียนหนังสือให้คนใช้ รีบเอาไปส่งให้มันว่าสารศรี แล้วพูดจาล่อลวงดูท่วงที ไปเดี๋ยวนี้ให้กองทัพแล้วกลับมา พวกคนใช้เรียกให้มารับสาร อย่านิ่งนานมารับไปไวไวหวา พวกชาวเมืองออกจากค่ายรีบไคลคลา รับสารตราเข้าไปแจ้งแห่งกระทรวง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ โองการตรัสให้อ่านสารบาทหลวง ฉีกผนึกอ่านความตามกระทรวง พระบาทหลวงจอมพลสกลไกร ยกมาปราบศัตรูผู้ขบถ ที่คิดคดจะจับฆ่าไม่ปราศรัย แม้นรักตัวกลัวชีวิตที่ผิดไป จงกลับใจเสียอย่าดื้ออย่าถือตัว มิออกมาโดยดีจะกรีทัพ เข้าไปจับตัวมัดมาตัดหัว ให้สมแค้นที่มึงทำให้ช้ำมัว กูล้อมรั้วไว้ทั้งเป็นเห็นหรือยัง ฯ ๏ พอจบเรื่องพระยิ่งเคืองพระทัยแค้น คงตอบแทนให้สมอารมณ์หวัง อย่าตอบโต้โมหันธ์ดันทุรัง อุตส่าห์ตั้งมั่นไว้หน่อยคอยพระอา แล้วพระองค์ตรัสถามพราหมณ์สุทัต จะข้องขัดอย่างไรไฉนหนา เชิญท่านช่วยจับยามตามตำรา หรือไม่มาเป็นอย่างไรท่านใคร่ครวญ พราหมณ์สุทัตรับสั่งตั้งจิตดี ตามคัมภีร์โดยระบอบคิดสอบสวน เห็นเที่ยงแท้แน่ดังยังคำนวณ จึงประมวลทูลความตามตำรา ศุกร์เป็นศรีดีแท้ไม่แปรผัน พุธกับจันทร์ร่วมราศีดีนักหนา สามกษัตริย์สุริย์วงศ์คงจะมา ไม่เนิ่นช้าจะได้ข่าวในเก้าวัน พระฟังคำโหรเฒ่าคอยเบาจิต เขาศักดิ์สิทธิ์ทายแม่นแสนขยัน เราตั้งแข็งไว้อย่ากลัวช่างหัวมัน รักษาคันขอบเขตนิเวศน์เวียง แต่หนังสือเขามาเคาะมาเยาะเย้ย เรานิ่งเฉยเสียไม่อยากเป็นปากเสียง คิดตั้งมันกันไว้ในเชิงเวียง มาใกล้เคียงปืนยิงคอยทิ้งดิน ฯ ๏ จะกล่าวลำกำปั่นห้ากษัตริย์ แต่แล่นลัดมาในสายกระสินธุ์ พวกกำพลทูลความตามระบิล ข้าทั้งสิ้นขอขึ้นเกาะจะเสาะไป นำเอาข่าวเข้าไปแจ้งแสดงอรรถ พระโปรดนัดไปให้แจ้งแถลงไข ฝ่ายพระจอมสินสมุทรวุฒิไกร ให้เรือใช้ส่งเหล่าชาวกำพล แล้วนัดวันสัญญาเวลาเสร็จ ในวันเจ็ดจะเข้าฝั่งสั่งพหล ฝ่ายพวกเหล่าชาวเมืองเพชรกำพล พากันด้นไปตามเขาเข้านคร ล้อมไปยังหลังค่ายดั่งใจหวัง ไปรอรั้งเฝ้าบพิตรอดิศร ทูลแถลงแจ้งความสามนคร พระภูธรยกมาห้าพระองค์ คือพระจอมนครินทร์รมจักร พระลูกรักในประยูรสกูลหงส์ คือทรงฤทธิ์กฤษณานราพงศ์ กับเอกองค์ตรีพลำเขยสำคัญ ทัพผลึกจอมนรินทร์สินสมุทร กับพระสุดสาครรีบผ่อนผัน ยกพหลพลลังกาสิบห้าพัน แต่งกำปั่นรบมาช่วยราวี มายับยั้งตั้งรายอยู่ชายเขา สั่งข้าเจ้ามาประณตบทศรี อีกเจ็ดวันจะยกมาเข้าราวี ในบุรีทัพบกเร่งยกไป ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมภูวดลกำพลเพชร ครั้นทราบเสร็จยินดีจะมีไหน จึ่งตรัสชมว่าท่านครูเหมือนรู้ใน น้ำพระทัยกษัตราสารพัน พระอิ่มเอมเปรมปรีดิ์เป็นที่ยิ่ง เห็นสมจริงสมจิตไม่ผิดผัน ท่านยกโทษโปรดเกล้าเราทุกอัน พระคุณนั้นเหลือล้นคณนา พระตรัสพลางทางสั่งทหารรบ ให้สมทบพวกละหมื่นทั้งปืนผา พลง้าวหลาวโล่โตมรา เครื่องสาตราไว้สมทบให้ครบมือ เชิญท่านครูผู้เป็นปราชญ์ฉลาดเวท การวิเศษในตำหรับเคยนับถือ จงจัดแจงการวิชาไปหารือ เห็นสุดมือที่จะใช้คนไปมา พฤฒาเฒ่าน้อมคำนับตามรับสั่ง แล้วถอยหลังไปถึงศาลอ่านคาถา เขียนหนังสือแล้วก็พับประทับตรา อ่านคาถาให้เป็นนกวิหคบิน ปล่อยไปลำกำปั่นสุวรรณหงส์ ปักษาตรงไประหว่างทางทักษิณ ถึงกำปั่นลำทรงเรือหงส์บิน สกุณินร้องดังก้องกังวาน จับที่เพลาเสากระโดงแล้วส่งเสียง ดังจำเรียงทุ้มเอกวิเวกหวาน ฝ่ายพระจอมจักรพงศ์พร้อมวงศ์วาน คิดอ่านการจะณรงค์ในสงคราม พอเหลือบเห็นสกุณินบินมาจับ ฟังกิตติศัพท์หลากพระทัยตรัสไต่ถาม พวกเสนีทูลแถลงไม่แจ้งความ พลางลุกตามกันไปจนใกล้ตัว สกุณินมิได้บินไปจากที่ เห็นเสนีเดินผงกนกยกหัว เขาช่วยกันคั่งคับเข้าจับตัว พอเห็นทั่วมิทันนานเป็นสารตรา ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ ได้ทราบอรรถทรงธรรมก็หรรษา พระจึ่งให้คลี่สารอ่านสารา พระมังคลากราบก้มบังคมคัล ขอบพระคุณกรุณาในข้าบาท ยังนับญาติเนื้อไขในหม่อมฉัน ไว้ใยเยื่อสุริย์วงศ์ในพงศ์พันธุ์ พระคุณนั้นเหลือลบภพไตร อีกเจ็ดวันเชิญพระองค์ดำรงภพ ตีตลบข้างมหาชลาไหล หม่อมฉันจึงจะยกทัพบกไป ออกชิงชัยรับรองในสองยาม พอจบสารพระผู้ผ่านรมจักร เป็นปิ่นปักโลกาภาษาสยาม ให้ตระเตรียมจัตุรงค์จะสงคราม โดยที่ตามในจังหวัดเขานัดการ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง แกอิ่มทรวงอิ่มใจหลายสถาน นึกนิยมสมใจเห็นได้การ จะรอนราญทัพทวีตีประดัง เอาให้ได้ธานีบุรีรัตน์ จะคิดตัดเข้าข้างในดั่งใจหวัง แกจึงเรียกเสนีมีกำลัง เข้ามาสั่งให้เที่ยวดูสืบรู้ทาง เองแปลงกายให้เหมือนคนกำพลเพชร คิดลอดเล็ดดูให้ชัดที่ขัดขวาง ไปคอยตัดเสบียงมันที่ย่านกลาง ยกไปทางหลังด่านชานบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายตำมะหงงเสนาที่กล้าหาญ มาจัดการพร้อมพรั่งดังถวิล ให้แปลงตัวเสียเหมือนเหล่าชาวบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นยกไปดั่งใจปอง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายอิศโรท้าวโกสัย จึงจัดให้พวกพหลเร่งขนของ เครื่องเสบียงเลี้ยงดูทุกหมู่กอง ทั้งข้าวของจัดให้ลงไปพลัน บรรทุกเกวียนขนไปให้กองทัพ ผู้กำกับจัดแจงคนแข็งขัน ถืออาวุธยุทธนาสารพัน ขุนนางนั้นขี่ม้านำหน้าพล ออกจากเมืองรีบไปมิได้หยุด ให้เร่งรุดพร้อมพรั่งทั้งพหล ออกทุ่งกว้างกลางย่านพ้นบ้านคน เป็นไพรสณฑ์ป่าไม่ริมชายดง ฝ่ายพวกแขกบาทหลวงใช้ให้ไปซุ่ม เข้าแอบพุ่มพฤกษาป่าระหง พอสุริยันเย็นอับพยับลง เห็นจัตุรงค์คุมเสบียงเดินเรียงราย พอคล้อยหลังตั้งโห่ออกจากป่า เข้าฟันฝ่าตัดหลังเหมือนอย่างหมาย ไล่ทิ่มแทงแข็งขันฟันกันตาย คนทั้งหลายไม่รู้ตัวเพราะมัวงง คิดว่าพวกโยธามาแต่ด่าน พลางเรียกขานถามความตามประสงค์ มันไม่พูดว่ากระไรเที่ยวไล่วง บ้างก็ตรงเข้าแย่งทั้งแทงฟัน พวกพหลวนวิ่งไปข้างหน้า จนถึงม้านายทัพจึ่งกลับผัน รีบตลบหลังไปก็ไม่ทัน อ้ายแขกฟันล้มตายลงก่ายกอง แย่งเอาเครื่องเสบียงเลี่ยงเข้าป่า มันมากกว่าเก็บเอาทั้งข้าวของ ต่างตื่นแตกแยกย้ายไม่เป็นกอง เสนารองนายทัพกลับเข้าวัง ไปกราบทูลมูลเหตุท้าวโกสัย เธอตกใจเรียกโยธาทั้งหน้าหลัง พลางขึ้นม้ารีบออกไปนอกวัง พร้อมสะพรั่งเสนาพลากร ยกพหลพลม้าดาระดาษ เสนามาตย์กับทหารชาญสมร พลางรีบเร่งโยธาพลากร บทจรขับพระยาอาชาไนย จุดคบเพลิงเริงแรงแสงสว่าง มาตามทางธงทิวปลิวไสว พลม้าพลปืนถือฟืนไฟ เร่งกันไปตามทุ่งพลางมุ่งมอง พวกพหลพลที่แตกเที่ยวแยกย้าย เห็นเจ้านายเข้าประมูลทูลฉลอง แล้วนำทัพกลับไปดังใจปอง ไม่โห่ร้องสั่งให้เงียบเซียบสำเนียง ฯ ๏ จะกล่าวข้างแขกชวาที่มาปล้น เข้าไปค้นกันอยู่มากห้ามปากเสียง ไม่พูดดังตั้งชุมนุมคุมเสบียง เช้าจะเลี่ยงลัดป่าพากันไป พอเห็นแสงเพลิงสว่างมาทางเก่า ร้องเรียกเหล่าพลทั้งหมื่นยืนไสว ถืออาวุธหลาวแหลนออกแน่นไป ทั้งนายไพร่พร้อมพรั่งตั้งกระบวน ลากเอาเกวียนใส่เสบียงเรียงเป็นค่าย อ้ายนายใหญ่วิ่งกลมดังลมหวน ออกสกัดราวีตีกระบวน ถือง้าวทวนกริชตรีตีประดา ท้าวโกสัยไล่พหลพลทหาร ออกต่อต้านนับหมื่นยิงปืนผา พลเสน่าหล่าวโล่โตมรา ดาษดารบรับทั้งทัพชัย ยิงปืนผึงตึงตังประดังเสียง ก้องสำเนียงโกลาสุธาไหว ถูกพวกแขกแตกตายกระจายไป เข้าลุยไล่แทงฟันประจัญบาน ท้าวโกสัยขับพระยาม้าที่นั่ง ตีประดังชิงชัยไล่ทหาร เข้าโอบอ้อมล้อมไว้เห็นได้การ สั่งทหารรวบรับให้จับเป็น ฯ ๏ ฝ่ายเสนีสี่นายไพร่ทั้งหลาย ต่างวุ่นวายเซ็งแซ่ต่างแลเห็น เข้าโอบอ้อมล้อมไว้มิให้กระเด็น จะหนีเร้นออกทางไหนก็ไม่มี ถ้าขืนรบกับเขาเราก็น้อย ครั้นจะถอยไม่มีทางหว่างวิถี เราจะคิดฉันใดไฉนดี จะพ้นที่ความตายวายชีวา จำจะต้องอ่อนน้อมยอมคำนับ กับแม่ทัพพอชีวังรอดสังขาร์ ใครจะเห็นเป็นอย่างไรจะได้พา กันเข้าหาแม่ทัพเหมือนดับไฟ พวกเสนาว่าสุดแท้แต่นายท่าน จะผ่อนผันตามชอบอัชฌาสัย สุดแต่รอดชีวันไม่บรรลัย ทั้งนายไพร่ยินยอมพร้อมทุกคน เก็บอาวุธสาตราเอามามัด แล้วรีบรัดพร้อมพรั่งทั้งพหล ตรงเข้าหาท้าวไทผู้นายพล แจ้งยุบลงอนง้อขอชีวัง ฯ ๏ ฝ่ายทรงฤทธิ์อิศโรท้าวโกสัย เธอถามไต่ความต้นแต่หนหลัง จงให้การทุกสิ่งแต่จริงจัง ใครแต่งตั้งใช้เองมาคอยราวี ตัดเสบียงปล้นของส่งกองทัพ จนแตกยับวุ่นวายกระจายหนี ให้การไปเราจะนั่งฟังคดี สี่เสนีแจ้งความไปตามตรง บาทหลวงใช้ข้าพเจ้าพวกเหล่านี้ ให้มาตีเอาให้ได้ดั่งใจประสงค์ แม้นมิได้สมหวังดั่งจำนง จะให้ลงโทษทัณฑ์ถึงบรรลัย ฝ่ายไทท้าวแม่ทัพสดับอรรถ จึ่งให้จัดพวกเสนาอัชฌาสัย จำตะโหงกมันหวาพาเอาไป จำไว้ในคุกก่อนจึงผ่อนปรน แต่ตัวนายที่ประสงค์ทำกรงใส่ จะเอาไปรีบรัดจัดพหล ท้าวโกสัยเร่งให้เดินดำเนินพล รีบไปจนรุ่งสางสว่างตา พอถึงที่มังคลาเธอมาอยู่ บอกให้รู้ทูลไขไวไวหวา ฝ่ายพระปิ่นนคเรศเกศประชา เสด็จมาต้อนรับคำนับพลาง แล้วทูลถามว่าพระองค์ลงมานี้ ธุระมีในจังหวัดหรือขัดขวาง ท้าวโกสัยเล่าแถลงแสดงพลาง เอาขุนนางแขกที่ใส่มาในกรง ให้พระจอมมังคลานราราช จะพิฆาตตามในใจประสงค์ ป่างประจอมนครานราพงศ์ เสด็จตรงไปประทับในพลับพลา กับท่านท้าวโกสัยในพระแท่น ให้เคืองแค้นในพระทัยจึ่งให้หา พราหมณ์สุทัตผู้ประสิทธิ์วิทยา มีชงคาตรัสเล่าให้เข้าใจ ว่าบาทหลวงคิดอุบายใช้ทหาร ไปรอนราญตัดทางหว่างไศล ตีเสบียงฆ่าคนสกลไกร จนท้าวไทจับส่งใส่กรงพลัน ว่าให้ตามแต่เราจะเอาโทษ อ้ายคนโฉดเฉโกพวกโมหันธ์ จะฆ่าเสียหรือจะให้ไว้ชีวัน ตามแต่ท่านจะดำริคิดตริตรอง ฯ ๏ พราหมณ์สุทัตฟังอรรถแล้วก้มกราบ ศิโรราบแล้วประมูลทูลฉลอง จะฆ่าเสียเห็นไม่งามตามทำนอง จำจะต้องทำอุบายให้ตายใจ จำจะปล่อยให้มันไปเป็นไส้ศึก คงสำนึกมั่นคงอย่าสงสัย จงเกลี้ยกล่อมไว้ให้ดีมีน้ำใจ มันจะได้คนดีให้หนีมา คงจะสิ้นกำลังสังฆราช ไหนจะอาจแข็งไปได้หนักหนา ก็จะอ่อนใจลงคงระอา พวกที่กล้าก็จะน้อยถอยกำลัง ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ตรัสประภาษถอดเสนีจากที่ขัง พระปราศรัยไต่ถามแต่ลำพัง เราก็ตั้งใจจะเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ให้มียศหมดทั้งสี่เสนีนาถ ไม่อาฆาตขึ้งเคียดไม่เดียดฉันท์ ท่านมิได้ทำเองข่มเหงกัน เขาจัดสรรใช้มาให้ราวี จงอาสาเราไปในกำปั่น คิดผ่อนผันเมื่อเข้ารบให้หลบหนี เราจะเลี้ยงให้เป็นสุขทุกเสนี ตั้งเป็นที่เสนาใหญ่ให้ถาวร ฯ ๏ ฝ่ายสี่นายกราบก้มบังคมบาท ฟังประภาษบพิตรอดิศร ขออาสากว่าชีวิตจะม้วยมรณ์ ตามสุนทรตรัสใช้ให้ได้การ ฝ่ายพระจอมภพไกรเจ้าไอศวรรย์ ให้รางวัลสี่นายหลายสถาน ทั้งเสื้อผ้าตามอย่างทางบุราณ กับทั้งส่านโพกหัวทุกตัวคน ฝ่ายสี่นายกราบถวายบังคมเสร็จ ทำลอดเล็ดเดินแอบแฝงทุกแห่งหน ค่อยเลียบฝั่งชลาริมสาชล มิให้คนสงสัยรีบไคลคลา วิ่งเข้าค่ายสังฆราชพระบาทหลวง คนทั้งปวงพวกกันต่างหรรษา พอบาทหลวงย่างเท้าก้าวออกมา พวกเสนาสี่นายเข้าไปพลัน แกถามว่าเป็นกระไรอ้ายเหล่านี้ ขุนเสนีเล่าไปเมื่อไก่ขัน ข้าพเจ้าตีตลบเข้ารบกัน ได้ฆ่าฟันกันตายลงก่ายกอง แล้วเอาเกวียนเสบียงลำเลียงได้ พอจัดให้พวกพลรีบขนของ ออกเดินตัดลัดป่ามาทั้งกอง เสียงโห่ร้องมาข้างหลังตั้งกระบวน ท้าวโกสัยไพร่พลมาล้นหลาม รีบมาตามไล่กลมดังลมหวน ทั้งปืนยาวแหลนหลาวทั้งง้าวทวน ตั้งกระบวนล้อมรอบเป็นขอบคัน ยิงระดมสมทบรบไม่ไหว ที่บรรลัยอยู่ในป่าพนาสัณฑ์ เหลือกำลังที่จะรับกองทัพมัน ก็พากันแตกยับอัปรา ข้าพเจ้าสี่คนจนความคิด พอมืดมิดแอบเข้าอยู่ในภูผา ต่อมันเลิกกองทัพกลับพารา จึงหนีมาตามยังฝั่งนที บาทหลวงด่าว่าอุเหม่ท้าวโกสัย หนีกูไปช่วยบำรุงในกรุงศรี คงจะจับตัวได้เป็นไรมี คงเห็นดีกูสักวันเป็นมั่นคง เมื่อเสียทีคราวนี้ก็ช่างเถิด เหมือนหนอนเกิดขึ้นในไส้ไม่ประสงค์ ต้องรื้อรังเสียให้ได้ดังใจจง ว่าแล้วตรงกลับเข้าไปในที่นอน ฯ ๏ จะว่าข้างเสนีทั้งสี่นั้น ก็ชวนกันเดินลงไปชายสิงขร ลงเรือบดแจวมาในสาคร บทจรขึ้นกำปั่นด้วยทันใด พอพวกกันเดินตามมาถามข่าว ในเรื่องราวยุคเข็ญเป็นไฉน สี่เสนาบอกว่าเมื่อข้าไป เข้าชิงชัยรบราถึงฆ่าฟัน อย่าพูดไปให้บาทหลวงแกล่วงรู้ มันจะขู่เฆี่ยนฆ่าให้อาสัญ ทั้งนี้เราปลดปลอดรอดชีวัน ก็เพราะท่านอนุกูลกรุณา พระมิ่งเมืองเรืองเดชเกศกษัตริย์ เธอถือสัตย์สุจริตไม่อิจฉา บำรุงเลี้ยงข้าเฝ้าเหล่าประชา แต่บรรดาหมื่นขุนทั้งมุลนาย เขาอยู่เย็นเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน ราษฎรก็เป็นธรรม์เหมือนมั่นหมาย ไม่เบียดเบียนทั้งพหลพลนิกาย ได้สบายสุโขมโหฬาร อันตัวข้าคิดไว้จะไม่อยู่ อ้ายเฒ่าครูสังฆราชมันอาจหาญ ทั้งเบียดเบียนเฆี่ยนฆ่าด่าประจาน ทรมานพวกเราไม่เบาเลย ทั้งเจ้านายของเราเล่าก็หลง ไปเข้าดงตัณหาเจ้าข้าเอ๋ย ถูกลิ้นลมพาลามันพาเลย เข้าดงเตยติดกับเห็นยับจริง ถูกมนต์ดลคาถาอ้ายตาเฒ่า ดูร้อนเร่าขึ้นทุกทีดั่งผีสิง การอุบายมันก็มากเหมือนทากปลิง แม้นเกาะนิ่งเข้าที่ไหนก็ได้การ อันเจ้าเราเก่าก่อนไม่เช่นนี้ ดูท่วงทีอ้ายเฒ่าคงเผาผลาญ ขืนอยู่ไปก็เห็นไม่เป็นการ แม้นอยู่นานมันคงใช้ให้ไปตาย ฯ ๏ พวกที่นั่งฟังว่าหน้าสลด จิตระทดเสียใจมิใคร่หาย จึงว่าเราเล่าก็รู้ในอูบาย ได้แยบคายก็จะไปมิได้รอ สี่เสนาว่าอย่าให้กิตติศัพท์ แม้นรบรับกันเมื่อไรคงไปปร๋อ จะอยู่ด้วยมันทำไมเห็นใจคอ แต่ต้องรอไว้เมื่อรบจึงหลบไป อยู่กับเจ้าจอมสากลกำพลเพชร ต้องลอดเล็ดไปหาที่อาศัย เราก็คิดอยู่ทุกวันแต่พรั่นใจ ยังมิได้เห็นหนจนปัญญา จะพึ่งเจ้าเล่าก็เปรอะเลอะทั้งนั้น เห็นว่ามันหลงใหลในตัณหา บาทหลวงหลอกว่ากระไรไม่ระอา เพราะราคามุ่นหมกดั่งตกโคลน เราจะอยู่ไปทำไมให้ได้ทุกข์ ไปหาสุขจะเต้นเหมือนเล่นโขน เหมือนแมงเม่าเข้าไฟคงไหม้โชน เอาคอโดนคมกระบี่ดีอย่างไร ครั้นปรึกษาหารือคือจะหนี แล้วไปที่เภตราเคยอาศัย กระซิบชวนผู้ตรวจหมวดของใคร กูจะไปตามนายคิคถ่ายเท ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายพระฝรั่งสังฆราช คิดอาฆาตท้าวโกสัยมันไพล่เผล หนีไปทำกลไกคิดถ่ายเท สมคะเนเล่นหมอทรชน มันหมายใจว่าได้เขยเป็นที่พึ่ง แม้นสมซึ่งปรารถนาอย่าฉงน จะทำให้สมแค้นอ้ายแสนกล คิดจะปล้นเมืองให้ได้ดั่งใจปอง พลิกตำราหากลข้างปล้นทัพ โดยตำหรับอย่างไรจะใช้ของ การพหลกลไกในทำนอง แกตรึกตรองที่จะใช้ในรายลวง แล้วดูไปหลายอย่างทางจะรบ ไปจนจบเห็นอุบายเป็นใหญ่หลวง เรียกว่ากลซ้อนไกในกระทรวง เปรียบเหมือนบ่วงดักนกวิหคบิน ถึงมีปีกที่จะหลีกมิได้พ้น คงจะหล่นลงมาฟุบตามหุบหิน กลอย่างนี้มีแต่ครั้งตั้งแผ่นดิน พวกทมิฬวางไว้ในตำรา ต้องตั้งค่ายชายหาดที่ลาดเลี่ยน ตามแผนเขียนสารพัดต้องจัดหา ของที่เขาว่าไว้ในตำรา ทั้งเนื้อปลาหลายอย่างต่างต่างกัน แล้วตั้งค่ายสองข้างกลางไว้ช่อง ขุดเป็นร่องใส่ดินดำกำมะถัน ล่อให้หลงเข้าถึงแยกทำแตกพลัน แล้วจุดควันขึ้นให้อบตลบไป เอายาเบื่อโรยรายปรายให้ทั่ว คงเมามัวนั่งซบสลบไสล ไม่ต้องรบราญรอนให้อ่อนใจ จับเอาได้โดยง่ายสบายดี แกตรึกตรองดูตำหรับบังคับไว้ นึกอิ่มใจปรีดิ์เปรมเกษมศรี ลุกออกจากห้องพลันด้วยทันที เรียกเสนีทุกตำแหน่งมาแจ้งการ แล้วแกจึ่งให้หาพระยาแขก มาแย้มแยกความในหลายสถาน เองมาช่วยบังคับกำกับงาน ไปทำการอย่างกูว่าสารพัน ท้าวกุลามาลีขี่คานหาม เสนาตามรีบรัดไปจัดสรร ดูที่ทางตั้งค่ายเร่งให้ทัน ในสองวันทำให้เสร็จสำเร็จดี ตำมะหงงนายใหญ่เกณฑ์ไพร่พร้อม ให้ตั้งป้อมตั้งค่ายในวิถี ไว้ช่องกลางอย่างแกสั่งข้างนที แล้วขุดที่ลำรางเป็นทางไป บาทหลวงเฒ่าเจ้าตำรามาทีหลัง เที่ยวตรวจทั้งธารท่าชลาไหล เห็นถูกต้องตามตำหรับแล้วกลับไป ที่ค่ายในจัดปรุงให้หุงยา ของเบื่อเมาเอาระคนปนกับกรด สำหรับรดกำมะถันให้ควันหนา แล้วจึ่งเรียกเสนีผู้ปรีชา ให้เข้ามาพากเพียรเรียนอุบาย ทางจะล่อข้าศึกให้ฮึกโหม ไล่กระโจมเข้าในค่ายเหมือนใจหมาย แล้วจะได้จับฆ่าบรรดานาย ไพร่ทั้งหลายจับไปขังไว้ยังเรือ วันพรุ่งนี้แหละจะตีเร่งจัดทัพ ไปตั้งรับทั้งข้างใต้และฝ่ายเหนือ ไปจัดคนพลไพร่ที่ในเรือ ทหารเสือแขกชวาอีกห้าพัน แกสั่งเสร็จกลับเข้าไปที่ในห้อง กินข้าวของอิ่มเอมเกษมสันต์ พวกเสนีคับคั่งไปสั่งกัน แต่คนบรรดาที่อยู่ทุกหมู่กอง แล้วไปเกณฑ์พลไพร่ในกำปั่น ให้พร้อมกันเสร็จสรรพมารับของ เครื่องอาวุธยุทธนาขนมากอง ให้นายรองจ่ายไปในบาญชี ฯ ๏ ฝ่ายเสนีสี่นายที่หมายมาด เห็นสมปรารถนาจิตจะคิดหนี พวกที่ชวนกันสิ้นก็ยินดี รีบเร็วรี่จ่ายอาวุธยุทธนา ต่างรับรองตรองไว้ทั้งนายบ่าว จะให้ข่าวไปข้างในอย่างไรหวา ให้รู้แจ้งแห่งกลคนมารยา จะไปมาก็ไม่ได้ในนคร ฯ ๏ ฝ่ายเสนีปรีชาว่าอย่าทุกข์ แล้วก็ลุกวนเวียนเขียนอักษร ตามภาษามลายูทูลภูธร ยัดในท่อนไม้ไผ่ดั่งใจจง แล้วเลียบเดินเข้าไปดูอยู่แต่ห่าง เอาไม้ขว้างไปในค่ายดั่งใจประสงค์ คนในค่ายเห็นไม้นั้นตกลง ก็เดินตรงเข้าไปเก็บไม้มา จะทำฟืนหุงข้าวเอากระบอก มาผ่าออกได้หนังสือถือไปหา ขุนนางใหญ่นายหมวดผู้ตรวจตรา ส่งสาราให้พลันในทันที แล้วแจ้งความตามได้กระบอกไม้ เสนาในรับมาอ่านในสารศรี ไม่รู้จักหนังสือแปลกแขกตานี ไม่รู้ที่จะอ่านสถานไร แล้วเข้าไปเฝ้าภูมีที่ประทับ น้อมคำนับทูลแจ้งแถลงไข ในสารนี้ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ แล้วทูลให้ทราบคดีที่มีมา พระทรงรับดูลายมือหนังสือแขก เออเห็นแปลกประหลาดจิตผิดหนักหนา แล้วส่งให้ไทท้าวเจ้าพ่อตา เธอรับมาอ่านได้ดั่งใจปอง ฯ ๏ ในเรื่องราวข้าพเจ้าบังคมบาท ภูวนาถขอประมูลทูลฉลอง พระตรัสใช้ได้สมอารมณ์ปอง แต่พวกพ้องจะเข้ามาสักห้าพัน แต่ตัวนายเสนาก็กว่าร้อย แต่จะคอยเมื่อรบสู้เป็นคู่ขัน จะพาพวกกันเข้ามาสักห้าพัน แต่การนั้นบาทหลวงลวงอุบาย ตั้งค่ายกลไว้ที่ท่าโรยยาพิษ รบอย่าติดตามไปเหมือนใจหมาย แม้นถูกควันกลั่นเข้าจะเมามาย ต้องอุบายมันบังคับให้จับเป็น ขอพระองค์ทรงทราบคิดปราบศึก ทรงตรองตรึกการทัพไว้ดับเข็ญ มันจะออกโรยยาเวลาเย็น ต่อเดือนเด่นดึกสงัดจะจัดพล ออกจากค่ายไปสมทบเข้ารบรับ เป็นการลับมิได้แจ้งแห่งนุสนธิ์ จงทราบใต้บาทาฝ่ายุคล ขอจุมพลทราบความตามที่ทูล ฯ ๏ พอจบเรื่องเสนีที่ทูลถวาย พระโฉมฉายธิบดินทร์ปิ่นไอศูรย์ จึ่งปรึกษาท่านผู้เฒ่าตามเค้ามูล ท่านอนุกูลเตรียมทัพไว้รับรอง พราหมณ์สุทัตฟังอรรถแล้วก้มกราบ ศิโรราบพลางประมูลทูลฉลอง จะต้องแต่กองทัพออกรับรอง ให้ถูกต้องเสียก่อนได้ซ้อนกล แล้วทูลลามาจัดกระบวนทัพ ให้พร้อมสรรพถ้วนทั่วตัวพหล เกณฑ์เอาพวกจัตุรงค์ทั้งคงทน จะซ้อนกลบาทหลวงให้ร่วงโรย แล้วจึ่งเสกคาถายาสะกด ได้กลิ่นรสจิตหวิวให้หิวโหย ให้หากล้องยาวยาวมาเป่าโรย เมื่อลมโชยชายเขาจะเป่าไป แล้วเตรียมพวกโยธาที่สามารถ ที่ชายหาดริมท่าชลาไหล แม้นกองทัพมันจะกลับถอยลงไป มันเข้าค่ายแล้วจงยั้งระวังกัน อย่าได้รุกคลุกคลีตีเอาค่าย จงรอไว้ดูก่อนคิดผ่อนผัน ตามบังคับบัญชาสารพัน อย่าหุนหันแค้นใจด้วยไพริน แกจัดเสร็จแล้วประมูลทูลฉลอง เชิญละอองบาทบงสุ์พระทรงศิลป์ ออกประจบรบรับทัพทมิฬ จะได้ภิญโญยศปรากฏนาม ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงบุรีรัตน์ โองการตรัสเราจะไปมิได้ขาม จึ่งตรัสว่าการณรงค์ข้างสงคราม ไม่ครั่นคร้ามดอกครูผู้อาจารย์ แล้วจึ่งเชิญอิศโรท้าวโกสัย ภูวไนยจงกำกับรับทหาร เป็นทัพหนุนยกออกนอกปราการ มุมทหารปืนใหญ่ให้หลายพัน แม้นเข้ารบจงประจบกันให้พร้อม จงตีอ้อมกำกับเป็นทัพขันธ์ พระทรงเครื่องยุทธนาสารพัน ท่านท้าวนั้นแต่งงามตามชวา ฯ ๏ จะกล่าวข้างสังฆราชพระบาทหลวง แกอิ่มทรวงอาทิตย์ดับลับเวหา ออกไปที่ทำไว้ให้ใส่ยา แล้วเอาหญ้าปกปิดให้มิดดี เตรียมพหลพลแขกไว้คั่งคับ แล้วกำชับเจ้าพาราปตาหวี เองจะออกรบรับทัพทวี ทำเสียทีให้มันไล่เข้าค่ายเรา กูจะคอยจุดไฟให้ไหม้เชื้อ ถึงยาเบื่อจะได้กลับออกจับเขา แต่คนข้างพวกพ้องในกองเรา ให้มันเข้าคอยไปปล้นอยู่ต้นลม พอเตรียมเสร็จคอยท่าเวลาดึก จะทำศึกคิดไว้ให้ได้สม ปรารถนาเหมือนแกคิดจิตนิยม คราวนี้สมคิดกูผู้อาจารย์ พอดาวเคลื่อนเดือนเด่นเวลาดึก เห็นสมนึกเรียกพหลพลทหาร มาพร้อมพรั่งตั้งกระบวนจวนได้การ ดูประมาณฤกษ์พาเวลาดี ให้ผูกม้ากล้าหาญชำนาญรบ มาเตรียมครบให้พระยาปตาหวี พอเจ็ดทุ่มฤกษ์พาเวลาดี แล้วให้ตีกลองโห่เป็นโกลา ท้าวกุลามาลีขี่สินธพ ทหารรบยืนรายทั้งซ้ายขวา เดินกระบวนทวนธงตรงเข้ามา เกือบถึงหน้าเชิงเทินเนินกำแพง ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงกำพลเพชร ทรงเครื่องเสร็จตามตำหรับจับพระแส ขึ้นพระยาม้าที่นั่งออกกลางแปลง ทหารแซงคับคั่งไม่รั้งรอ พลปืนโตมรศรกำซาบ ทั้งดั้งดาบดูงามตามกันสอ ท้าวโกสัยทัพหลังค่อยรั้งรอ ยกต่อต่อกันออกมาดาประดัง พรามณ์สุทัตที่เป็นครูผู้วิเศษ อ่านพระเวทขี่คานหามมาตามหลัง คอยสะกดทัพค่ายระไวระวัง กับพวกหลังที่จะเข้าไปเป่ายา ฯ ๏ ฝ่ายพหลรณรงค์เอาธงปัก เสียงคึกคักโล่แพนดูแน่นหนา ข้างพวกแขกแยกหลามตามกันมา ดาษดาครึกครื้นยิงปืนไฟ ทหารหน้ากล้าแข็งแทงด้วยกริช กระชั้นชิดรบกันเสียงหวั่นไหว แข็งต่อแข็งแทงฟันกันเข้าไป พลไพร่ทั้งสองฝ่ายตายระเนน ที่แทงฟันกันไม่เข้าเอาหลาวพุ่ง เป็นหมู่มุงคับคั่งทั้งดั้งเขน ชุลมุนป้องปัดล้วนจัดเจน คนที่เกณฑ์เข้าณรงค์ล้วนคงทน ท้าวโกสัยเธอจึ่งให้แยกทหาร เป็นสองด้านเกียกกายรายพหล แล้วให้พวกกองหนุนทั้งขุนพล เดินพหลเรียงรายทนายปืน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครามหากษัตริย์ ควบกัณฐัศว์ตรงเข้ามาไม่ฝ่าฝืน ถึงหน้าท้าวกุลาที่มายืน เป็นกลางคืนมิได้รู้ว่าผู้ใด จึงให้ล่ามถามไปไหนนายทัพ มารบรับกันให้งามตามวิสัย อย่าให้พวกรี้พลสกลไกร รบกันไปยากแค้นแสนกันดาร เราตัวนายหมายมั่นจิตพันผูก จึ่งจะถูกตามนัยเราไขขาน เราทั้งสองทำให้ต้องบุราณกาล ให้ทหารดูเล่นเหมือนเจรจา ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ตอบว่าดีแล้วซิเจ้าเราก็หา ให้ทหารดูเล่นเป็นขวัญตา อย่างท่านว่านี้แลงามตามกระบวน ท่านก็ชายเราก็ชายจะไว้ยศ ให้ปรากฏตามแต่บุญอย่าหุนหวน ท่านชำนาญสิ่งใดจงใคร่ครวญ จะรำทวนหรือกระบี่ที่ชำนาญ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช ตรัสประภาษตามแต่ใจท่านไขขาน กระบี่ทวนถ้วนทุกอย่างทางชำนาญ จะรอนราญสิ่งใดตามใจจง ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี การกระบี่เป็นของต้องประสงค์ เขาคงสู้เราไม่ได้ดั่งใจจง นึกทะนงอยู่ในใจบอกไปพลัน เราจะรำท่ากระบี่เป็นที่หนึ่ง ให้สมซึ่งพงศ์กษัตริย์ทรงจัดสรร มาเถิดเราทั้งสองลองรบกัน พลางผกผันชักม้าเข้าราวี ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ดำรงนคเรศ สำแดงเดชชักสินธพไม่หลบหนี พลางกรายกรเชิงลวงดูท่วงที ทรงกระบี่ฝังจินดาค่านคร เข้ารบรับกับพระยาปตาหวี ดูท่วงทีเขาก็รู้ตามครูสอน พลางรับรองว่องไวกรีดกรายกร เข้าราญรอนปิดป้องคล่องด้วยกัน แล้วยักย้ายหลายท่าเพลงอาวุธ ฤทธิรุทรต่อแย้งต่างแข็งขัน ไม่เสียท่วงเสียทีดีด้วยกัน บาทหลวงนั้นอยู่ข้างหลังสั่งขุนพล ให้โบกธงสัญญาเหมือนว่าขาน แจ้งอาการให้รู้ทั่วตัวพหล ท้าวกุลามาลีเห็นรี้พล ขยับร่นถอยหลังคอยรั้งรา ทำเสียทีตีม้านัยน์ตาจับ พลางถอยรับออกให้ห่างเลี้ยวข้างขวา ฝ่ายพระปิ่นนคเรศเกศประชา ก็รู้ว่าแยบยลกลอุบาย สมเหมือนอย่างหนังสือเสนาทิ้ง ดูก็จริงรบกันเหมือนมั่นหมาย ยังไม่ทันเสียทีมีอุบาย อันแยบคายที่มันทำเพราะจำใจ สั่งพหลพลทหารให้ขานโห่ สำเนียงโกลาลั่นสนั่นไหว พวกทหารปืนแดงแซงเข้าไป ท้าวโกสัยเร่งพหลพลระดม ชักปีกกาสองข้างสล้างสลับ ให้เดินทัพรวบรุมเข้าทุ่มถม พวกชาวเมืองหนุนเข้าไปไล่ระดม ตาพราหมณ์พรมอยู่ข้างหลังให้รั้งรา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเสนาบรรดานัด ก็หลีกลัดมาทั้งเหล่าวิ่งเข้าหา ทั่งไพร่นายห้าพันเหมือนสัญญา ตรงเข้ามากราบประณตบทบงสุ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครานราราช ตรัสประภาษชื่นชมสมประสงค์ มิเสียทีดีขยันทั้งมั่นคง เราก็คงเลี้ยงดูทุกผู้คน ฯ ๏ ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท แกแจ้งเหตุประเดี๋ยวนี้จะมีฝน ให้เป่ายาพร้อมกันทั่วทุกตัวคน แล้วอ่านมนต์เรียกพระพายให้ชายโชย เป็นลมหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง เสียงฟ้าร้องครางครึมกระหึมโหย หอบเอากลิ่นยาไปดั่งปรายโปรย ลมก็โชยโบกไปในค่ายพลัน ฯ ๏ ฝ่ายพวกแขกแตกล่าถูกยาเบื่อ เล่นเอาเหงื่อโซมกายรีบผายผัน ทั้งบาทหลวงวิ่งผลุนวุ่นด้วยกัน ต่างตัวสั่นจับจิตด้วยฤทธิ์เมา ท้าวกุลามาลีหนีเข้าค่าย ทั้งไพร่นายร้อนเริงดังเพลิงเผา ตาบาทหลวงถูกน้อยค่อยบรรเทา แกง่วงเหงาแล้วก็ฟื้นเหมือนตื่นนอน พอฝนตกลงมาจากอากาศ เป็นน้ำสาดลงมาคลายยาถอน คนที่ง่วงก็ค่อยคลายหายหาวนอน ทินกรเกือบสร่างกระจ่างตา บาทหลวงตีอกผลุงสะดุ้งจิต การที่คิดไว้ไม่สมปรารถนา มันกลับเล่นเอาเสียก่อนอ่อนอุรา ในพาราเพชรกำพลมีคนดี ทำไฉนจึงจะได้จับตัวฆ่า จะสืบหาเล่าก็จนคนก็หนี ลงนอนหงายไม่เป็นสุขทุกข์ทวี ทั้งเสียทีเสียของสองประการ พอฝนซาเวลาจะใกล้รุ่ง พวกในกรุงกลับเข้าเขตประเทศสถาน พร้อมทั้งพวกเสวกาปรีชาชาญ กับอาจารย์เฝ้าองค์พระทรงธรรม์ พระปรึกษาการทัพที่รับรบ ให้สมทบทั้งพหลพลขันธ์ แต่พวกแขกล่ามาถึงห้าพัน ก็เพราะท่านถ่ายเทด้วยเล่ห์กล เกือบจะถึงพงศ์กษัตริย์ที่นัดหมาย ท่านขวนขวายจัดแจงแต่งพหล จะได้ไว้สำหรับแก้อับจน ออกตีปล้นให้กระทั่งฝั่งชลา ฯ ๏ ฝ่ายท่านพราหมณ์มหาศาลชำนาญศึก แกตรองตรึกจัดพหลพลอาสา ทั้งพวกแขกเก่าใหม่ที่ได้มา แต่บรรดาเอาไว้ในนคร ให้ถอดมาจะได้เป็นทัพหน้า จัดโยธาทวยหาญชาญสมร ทั้งทหารกัณฐัศว์อัศดร พร้อมนิกรเตรียมไว้ดั่งใจปอง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ค่อยสร่างทรวงแค้นใจไม่วายหมอง แต่นั่งนึกนอนนึกตั้งตรึกตรอง จะหาช่องแก้แค้นตีแดนดาว พอไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ไปนั่งที่ครูบาทำตาขาว จึงบอกว่าพวกไพร่หนีไปกราว ไม่ได้ข่าวหายไปในกลางคืน กับเสนาแต่บรรดาให้ออกรบ เกณฑ์สมทบทัพหน้าไม่ฝ่าฝืน จะตายเป็นมิได้เห็นแต่กลางคืน หรือจะตื่นแตกไปไม่ได้ความ บาทหลวงเฒ่าตกใจอย่างไรหวา ให้ค้นหามันจงได้เสาะไต่ถาม หรือจะไปล้มตายให้ได้ความ จงไปตามหากันให้ทันที แล้วแกจึ่งปรึกษาพระยาแขก มิใช่แตกทัพศึกอย่านึกหนี คงจะคิดเล่นเจ้าเอาบุรี แต่คราวนี้เสียกลด้วยมนต์ยา เองอย่าทุกข์ร้อนไปให้ใจอ่อน คงผันผ่อนให้ได้หญิงจริงหนาหวา อันตัวกูคงจะสู้จนเย็บตา คิดเข่นฆ่าอ้ายคนชั่วกลัวมันไย อันตัวกูผู้เป็นสังฆราช ได้ชี้ขาดศาสนาอย่าสงสัย แต่ครั้งนี้กูแสนจะแค้นใจ ประมาทไปมันจึ่งทำทั้งซ้ำเติม ไม่รู้ว่าคนดีมันมีอยู่ คิดรบสู้การศึกจึ่งฮึกเหิม จำจะคิดแก้ทำทั้งซ้ำเติม อย่าให้เหิมฮึกหาญการณรงค์ ฯ ๏ ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ ไม่อาจขัดเพราะยังกำลังหลง ก็หมายว่าจะได้นุชบุษบง จึ่งได้หลงเอออือถืออาจารย์ ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าจึ่งว่าเจ้าจงอย่าอยู่ ไปช่วยกูเร่งรัดจัดทหาร เองอย่าได้ทุกข์ร้อนผ่อนรำคาญ อันเมืองบ้านเท่านี้ตีให้พัง ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี นึกยินดีจะใคร่สมอารมณ์หวัง มาเรียกหาคนดีมีกำลัง พร้อมสะพรั่งพลไกรทั้งไพร่นาย มารวบรวมโยธาได้ห้าหมื่น ทหารปืนกริชดาบกำซาบสาย แต่เสนีที่กระจัดที่พลัดพราย จะเป็นตายมิได้รู้สักผู้คน ฯ ๏ ฝ่ายบาทหลวงทรวงร้อนนอนไม่หลับ ให้คั่งคับเสียใจมาหลายหน แต่ครั้งนี้กูจะตีให้ชอบกล จะคิดปล้นอีกสักพักหักเอาเมือง ถึงคนดีมันจะมีกูไม่ทุกข์ จะรบรุกเช่นเขาว่าจนตาเหลือง แม้นกูตีมิได้ยับไม่กลับเมือง คงจะเปลื้องทุกข์ให้ดั่งใจปอง อันความรู้กูดีมีอยู่มาก คงแก้ยากแก้จนที่หม่นหมอง เอาให้สมอย่างนึกที่ตรึกตรอง จึ่งจะต้องคิดอ่านการอุบาย เขาย่อมว่าสี่ตีนยังรู้พลาด คงประมาทลงสักวันเหมือนมั่นหมาย มันก็มันกูก็กูลูกผู้ชาย คงยักย้ายแก้แค้นเอาแดนดาว แล้วลุกมานั่งที่เก้าอี้อาสน์ หยิบกระดาษเขียนตำหรับฉบับขาว ที่เรียนรู้มาแต่หลังเมื่อครั้งคราว ตั้งแต่เจ้าลังกามาทุกองค์ ได้ถึงแปดสิบกษัตริย์จนบัดนี้ เอามาคลี่ดูตามความประสงค์ เขาเขียนไว้ต่อกันมาตำราตรง เพราะของคงมีอยู่แต่บูราณ อันเรื่องนี้มีมาแต่ย่าปู ได้เรียนรู้มากมายหลายสถาน จำจะต้องเอามาใช้เห็นได้การ คิดรอนราญพวกศัตรูหมู่อรินทร์ อันพยนต์มนตราวิชาเก่า ที่จะเอามาใช้ดั่งใจถวิล มันก็รู้เสียทุกท่าทางฟ้าดิน เป็นสุดสิ้นที่จะลวงในท่วงที จึงต้องเอาของบูราณออกต้านต่อ เปรียบเหมือนหมอประกอบยารักษาผี คงดับพิษลงให้ได้เป็นไรมี แต่คราวนี้ต้องย้ายให้หลายเพลง เอาให้สมปรารถนาเหมือนยาแก้ ที่บาดแผลใส่จำเพาะให้เหมาะเหมง ปัญญามีอยู่กับตัวอย่ากลัวเกรง คิดย้ายเพลงย้ายท่าหาในกล ต้องมานะเป็นถึงพระสังฆราช อย่าขี้ขลาดว้าเหว่ระเหระหน แกสอนตัวอย่าได้กลัวซึ่งเวทมนตร์ จะตีล้นมาอย่างไรอย่าได้ฟัง พลางลุกจากที่อยู่ไปดูค่าย รบด้วยไฟเห็นจะสมอารมณ์หวัง ตั้งประชิดติดเข้าไปอย่าได้ฟัง ให้กระทั่งเชิงเทินเนินกำแพง แล้วสั่งพวกเสนาบรรดาแขก ให้ตัดแฝกไม้ลำทำเป็นแผง เอาแฝกคามาใส่ให้พอแรง ที่หลังแผงนอกยาทาน้ำมัน คนละผืนตั้งรายเป็นค่ายตับ ออกรบรับเสียก่อนแล้วผ่อนผัน ทำเป็นแตกเข้าค่ายไฟน้ำมัน ถ้าแม้นมันรุกไล่เอาไฟโยน แล้วจุดค่ายไล่ทหารเข้าราญรบ ตีตลบวิ่งโลดกระโดดโผน เอาหม้อดินปิดฝาแล้วยาโคลน ช่วยกันโยนเข้าไปในกำแพง แกสั่งเสร็จค่ำวันนี้จะตีเข้า เอาไฟเผาเสียให้สิ้นอย่ากินแหนง เฮ้ยเสนาสารวัตรไปจัดแจง ตามตำแหน่งให้แล้วมาในสายัณห์ พวกเสนีรีบรัดไปจัดของ ขนมากองตามที่ขมีขมัน บ้างสานแผงตรุยาสารพัน ทาน้ำมันพร้อมพรั่งมาตั้งราย ฯ ๏ จะกล่าวข้างห้ากษัตริย์จัดพหล ให้พวกพลเกณฑ์หัดถึงนัดหมาย เตรียมเรือรบลอยเคียงกันเรียงราย ไว้แต่บ่ายให้เสร็จสำเร็จการ พอสองยามจะเข้าตีพวกเรือแขก สั่งให้แยกเหล่าพหลพลทหาร เป็นสามทัพรับประดาหน้ากระดาน เข้าต่อต้านไพรีให้มีชัย สินสมุทรรับรองเป็นกองขัน มีสำคัญธงแดงสุกแสงใส สุดสาครรายเรียงเคียงกันไป ปักธงชัยเขียวงามอร่ามเรือง แต่ทัพอาจะเข้ากลางอย่างประสงค์ จะปักธงตามที่ล้วนสีเหลือง เจ้ากฤษณาตรีพลำธงนามเมือง ให้เอาเครื่องธงดำตามตำรา เป็นทัพหนุนคอยเติมเพิ่มพหล เร่งจัดพลเขนทองกองอาสา พระจัดเสร็จพร้อมกระบวนจวนเวลา จะยาตราให้พระครูดูฤกษ์บน ฯ ๏ จะกล่าวข้างสังฆราชพระบาทหลวง อาทิตย์ล่วงลับฟ้าเวหาหน ให้ยกพวกเสนีทั้งรี้พล จะเข้าปล้นเมืองให้ได้ดั่งใจตรอง ให้ยกแผงที่สำหรับจะรับรบ ทั้งไต้คบเสร็จถ้วนกระบวนของ กับอาวุธที่สำหรับจะรับรอง ยกเป็นกองกองละหมื่นพื้นฉกรรจ์ ท้าวกุลามาลีขี่สินธพ ทหารรบที่สำหรับเป็นทัพขันธ์ บาทหลวงขึ้นรถฝรั่งต้องหลังพลัน แต่ห้ามกันอย่าให้อึงคะนึงไป สั่งพหลพลแขกให้แยกย้าย เข้าเรียงรายโอบอ้อมล้อมไสว เมื่อยั้งหยุดอย่าเพ่อจุดทั้งฟืนไฟ จงเงียบไว้ทุกกองสำรองเพลิง ต่อเมื่อใดในเมืองออกยงยุทธ์ จึ่งค่อยจุดไฟเชื้อให้เหลือเหลิง แล้วโห่ร้องพร้อมหน้าให้ร่าเริง ตีให้เปิงอย่าได้ยั้งพังประตู ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราเวลาพลบ เตรียมไต้คบปืนใหญ่ใส่ดินหู ลากมาไว้สำรองช่องประตู ฝ่ายท่านครูผู้เฒ่าเข้าพิธี ก็รู้แจ้งในตำราว่าข้าศึก จะหาญฮึกชิงชัยในวิถี เป็นทัพใหญ่กล้าแข็งแรงราวี แต่จะมีทัพกระหนาบช่วยปราบปราม ในเวลาเจ็ดทุ่มจะรุมรบ จะต้องคบเพลิงใหญ่ในสนาม แกรู้แจ้งในวิถีพิธีพราหมณ์ ให้หาน้ำไว้ทุกคนบนเชิงเทิน ใส่ตุ่มไหไว้ให้มีทั้งสี่ด้าน ฉวยเกิดการไฟลุกจะฉุกเฉิน จะได้ดับรับไว้ในเชิงเทิน อย่าละเมินบอกให้ทั่วทุกตัวคน ครั้นจัดเสร็จได้ฤกษ์ให้เลิกโห่ สำเนียงโกลาก้องห้องเวหน เปิดประตูรีบเดินดำเนินพล จอมสากลมังคลาทรงม้านิล ยกพหลพลทัพออกคับคั่ง ทั้งโล่ดั้งหอกคู่ธนูศิลป์ พลปืนลูกพลุประจุดิน พวกทมิฬจัตุรงค์คงกระพัน เดินกระบวนออกมาตั้งยังสนาม ท่านครูพราหมณ์กำกับเป็นทัพขันธ์ ท้าวโกสัยยกหลามมาตามกัน เสียงสนั่นแต่ล้วนพลทั้งมนตรี บาทหลวงเห็นพลทัพมาคับคั่ง เร่งประดังกันเข้ารบอย่าหลบหนี ให้ทหารโยธาออกราวี ปะทะตีต้านหน้าดาประดัง ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช ไล่พิฆาตพลรบตลบหลัง ต้อนพหลมนตรีตีประดัง ดูคับคั่งแน่นหนาพลากร บ้างยิงปืนครื้นครั่นควันตลบ ต่างสมทบทวยหาญชาญสมร ทั้งสองข้างต่างกลุ้มตะลุมบอน บ้างฟันฟอนกันตายลงหลายพัน บาทหลวงแกก็ให้จุดไฟแผง สว่างแดงขับพหลพลขันธ์ เอาหม้อดินโยนเข้าไปไหม้เป็นควัน ทั้งน้ำมันลุกโพลงติดโรงใน พวกพหลบนเชิงเทินช่วยกันดับ เปลวไฟวับร้อนรนทนไม่ไหว พลางขนน้ำคอยสาดรดราดไป คนข้างในช่วยกันดับแต่รับรอง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายห้ากษัตริย์ที่นัดหมาย ต่างแล่นรายเรียงกันผันผยอง บ้างยิงปืนเร่งทัพเข้ารับรอง สนั่นก้องเสียงโห่เป็นโกลา พวกเรือแขกคนผู้อยู่ข้างน้อย ครั้นจะถอยเรือก็แล่นมาแน่นหนา ก็จำใจจำสู้ดูเวลา ฝ่ายเสนาที่สำหรับกำกับพล ให้คนใช้รีบไปบอกบาทหลวง อย่าเหนี่ยวหน่วงเร่งไปแจ้งแห่งนุสนธิ์ ศึกมาติดธารท่าในสาชล ว่าผู้คนรับรองเหลือป้องกัน ทหารรีบไปบอกกับสังฆราช แกหวั่นหวาดเต็มทีไม่มีขวัญ ความตกใจแทบจะดิ้นสิ้นชีวัน แล้วก็หันไปบอกเล่าท้าวกุลา เร่งถอยทัพเถิดหวาช้าไม่ได้ เกิดศึกใหญ่ติดพันกันหนักหนา แล้วแกสั่งเสนีผู้ปรีชา ให้ถอยล่ารีบตรงไปลงเรือ ฯ ๏ ฝ่ายสังฆราชกับพระยาปตาหวี ต่างถอยหนีรีบลงไปข้างฝ่ายเหนือ ต่างคนต่างบุกพงไปลงเรือ เล่นเอาเหงื่อท่วมกายแทบวายปราณ แต่ชะตาคนทั้งสองยังไม่ดับ จะได้กลับมาทำศึกด้วยฮึกหาญ พลางลงเรือจัดพหลคนชำนาญ ออกต่อต้านทัพไทยแกไล่พล ทั้งสองข้างต่างยิงปืนสนั่น พิลึกลั่นก้องฟ้าเวหาหน ฝ่ายพวกช้างทัพบกเร่งยกพล เข้าตีปล้นทัพแขกแตกกระจาย พวกเสนาแต่บรรดาอาสาศึก ก็โห่ฮึกเร่งกันรีบผันผาย ตะลุมบอนฟอนฟันเหยียบกันตาย เสนานายพวกแขกแตกกระจุย เห็นพวกกันออกมาเข้าหาบ้าง ที่ถอยหลังเลียบตลิ่งวิ่งออกฉุย บ้างโดดน้ำลงไปว่ายตะกายตะกุย เอามือพุ้ยน้ำว่ายต่ายขึ้นเรือ พวกชาวเมืองจับได้ก็หลายร้อย ที่แตกถอยหนีไปข้างฝ่ายเหนือ พระมังคลาตีประดังกระทั่งเรือ ข้างค่ายเหนือแตกยับอัปรา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายพระนรินทร์สินสมุทร ถืออาวุธเร่งพหลพลอาสา เห็นบาทหลวงยืนกำกับขับโยธา จึงร้องว่าจับให้ได้อย่าไว้มัน อ้ายนี่ตัวก่อศึกให้ฮึกโหม ตีกระโจมเร่งจับพวกทัพขันธ์ จงรีบเรือเข้าไปอย่าไว้มัน เอาให้ทันเดี๋ยวนี้ตีประดัง ทหารโจนโยนโซ่เอาขอสับ พวกแขกรับโยนไฟดั่งใจหวัง ทนคาบชุดจุดผึงเสียงตึงตัง ทหารตั้งโห่เร้าจะเอาชัย ฯ ๏ บาทหลวงเห็นสินสมุทรหยุดชะงัก แกรู้จักมั่นคงไม่สงสัย เอะเหตุผลกลศึกดูตรึกไตร แต่ก่อนไรราวีต้องหนีมา เหตุไฉนมันจึ่งรู้ว่าอยู่นี่ ยกมาตีรบพุ่งยุ่งหนักหนา ไหนจะรู้ว่ากูกับมังคลา เกิดเข่นฆ่ารบพุ่งกันรุงรัง เห็นจะรู้ว่าอยู่กำพลเพชร จึงลอดเล็ดมาทำร้ายเมื่อภายหลัง ไหนจะมาช่วยกันดันทุรัง มันชิงชังกันสาหัสเป็นศัตรู แต่เรานี้ต้องรับทัพกระหนาบ จะคิดปราบราญรอนเห็นอ่อนหู แต่จำเป็นจำต้องป้องศัตรู คงจะสู้กับมันจนบรรลัย ครั้นจะหนีไม่มีที่จะออก เหมือนหนามยอกคงต้องเชือดจนเลือดไหล แล้วจึงร้องคุกคามคำรามไป ว่าเหตุไรเองจึ่งมาไล่ราวี จนเขาไม่สู้รบเที่ยวหลบหลีก ยังกางปีกตามประจญอ้ายคนผี มาชนรังแล้วอย่าหวังจะได้ดี กูจะตีมึงให้ยับดั่งสับปลา ยังมิหนำตามมาเที่ยวหาเหตุ เองจะเจตนาไว้อย่างไรหวา อันทวีปเวียงวังเมืองลังกา หรือเห็นว่าน้อยนักจึงชักชวน ญาติวงศ์พงศามาหาอีก จะหักปีกมึงให้จมดั่งลมหวน แล้วให้โยนก้อนหินดินชนวน ทั้งหลาวทวนพุ่งไปไฟน้ำมัน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์สินสมุทร กับพระสุดสาครรับเป็นทัพขัน ให้ทหารดับไฟไหม้เป็นควัน แล้วเร่งกันเรียงหน้าดาประดัง ยิงปืนใหญ่ไล่เรือกำปั่นรบ เร่งสมทบกันเข้ามาทั้งหน้าหลัง บ้างก็ยิงเรือแขกจนแตกพัง ดาประดังรบรับทั้งดับเพลิง ปืนมณฑกนกสับทั้งคาบชุด อุตลุดตีให้เปิดเตลิดเหลิง บาทหลวงเห็นปลั้วเปลี้ยจะเสียเชิง ดูแรงเริงกองทัพเหลือรับรอง เห็นจะยับทัพกระหนาบปราบไม่หยุด แกถอยรุดให้กำปั่นผันผยอง เห็นพวกแขกล้มตายลงก่ายกอง จะตรึกตรองท่าไรจนใจครัน แต่แข็งขืนยืนร้องว่าให้รับ เอาปืนตับยิงต้องค่อยผ่อนผัน เหลียวไปดูบนตลิ่งยิ่งเป็นควัน จะป้องกันเต็มประดาพลางหารือ ท้าวกุลามาลีไม่มีขวัญ พูดเสียงสนั่นต่างต่างลงครางหือ เสียสติอารมณ์ประนมมือ เสียงเอออือสุดแต่ท้าวเจ้าประคุณ ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าร้องตวาดชาติอ้ายแขก อกจะแตกเกือบจะสิ้นดินกระสุน จะคิดการเป่าปัดขัดเจ้าคุณ รบกันวุ่นขึ้นมาดาประดัง ท้าวเจ้าคุณก็ยังมีแต่ชีวิต มันสุดคิดแล้วก็คงจะลงถัง เรียกกันมาว่ากระไรจะใคร่ฟัง ยังมานั่งหน้าจ้อยถอยออกไป นี่หรือชายชาติกษัตริย์อ้ายกัดแพะ ทั้งไก่แกะเองสิคว้าไม่ปราศรัย ดีแต่กินกับเจ้าชู้แล้วหูไว อ้ายจัญไรคนโง่เหมือนโคควาย แกด่าพลางทางเร่งกระบวนทัพ เอาปืนตับยิงไปดั่งใจหมาย เดินกำกับพวกพหลพลนิกาย ทั้งไพร่นายอย่าประมาทประกาศกัน เร่งคิดอ่านกว้านสมออย่ารอรั้ง พอกำลังที่จะสู้เป็นคู่ขัน ฉวยเลียทีคลื่นระลอกออกไม่ทัน จะพากันแตกตายวายชีวง แม้นพลาดพลั้งอย่างไรเอาไฟจุด แล้วรีบรุดออกให้ได้ดั่งใจประสงค์ แล้วให้ยกค่ายวิหลั่นเป็นมั่นคง ตั้งให้ตรงพอประทังบังลูกปืน ฯ ๏ จะกล่าวข้างทัพไทยไล่ประชิด สำแดงฤทธิ์ตรงเข้ามาไม่ฝ่าฝืน ทหารพวกเกณฑ์หัดบ้างยัดปืน เสียงครั้นครื้นกึกก้องท้องทะเล ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ให้เร่งรัดตีกระชั้นอย่าหันเห เห็นลมส่งคลื่นระดมสมคะเน แม้นเรือเหยิงกระหน่ำร่ำเข้าไป ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี คิดจะหนีบอกอาจารย์แล้วขานไข ว่าเจ้าคุณกรุณาคิดล่าไป ให้พ้นภัยรอดชีวาอย่าช้าเลย ฯ ๏ บาทหลวงแกร้องแรกอ้ายแขกตี้ จะออกที่ข้างไหนเล่าเจ้าแม่เอ๋ย แต่แรกมึงพูดจาว่าข้าเคย ตีเชลยมิใช่น้อยนับร้อยพัน กูก็คิดว่ามึงกล้าอ้ายหมาเหมี่ยว แกเข่นเขี้ยวตาแดงพูดแข็งขัน โดยมานะด่าว่าสารพัน ในใจนั้นเล่าก็กลัวขนหัวพอง แต่น้ำใจโกรธาด่าสำทับ กูกินตับเสียดอกหวาอย่าจองหอง อ้ายขี้ขลาดชาติวัวหนังหัวพอง มึงจะต้องให้มัดแกกัดฟัน ฯ ๏ ท้าวกุลามาลีเหมือนผีเข้า นั่งกอดเข่าร้อนใจดังใฝ่ฝัน ทั้งอ้ายเฒ่ามันด่าสารพัน ไม่มีขวัญอยู่กับตัวเพราะกลัวตาย ต้องทนให้อ้ายเฒ่ามันด่าแช่ง ไม่รู้แห่งรู้หนจะขวนขวาย ด้วยน้ำจิตสั่นรัวกลัวจะตาย แล้วกราบไหว้เจ้าประคุณกรุณา ฯ ๏ บาทหลวงว่าแต่เจ้าคุณยังวุ่นวิ่ง ราวกันลิงรบสู้ดูเถิดหวา ใครเก่งเหล็กเก่งไหลใช้ปัญญา จะได้มาช่วยฝ่าเท้าเมื่อคราวจน มึงนี้ชาติชายกระเบนสตรีแท้ จะสู้แต่พวกผู้หญิงในสิงหล ก็ไม่ได้จริงหนาหวาเข้าตาจน อย่ามาบ่นร่ำไรกูไม่ฟัง เสียงปืนผาข้าศึกออกกึกก้อง จะมาร้องเอาแต่ในน้ำใจหวัง ใครเขาไม่กลัวตายวายชีวัง จึงต้องตั้งรบรับทัพฉกรรจ์ รักชีวิตอยู่แต่เจ้าคนเหล่านี้ มันใช่ผีใช่ยักษ์มักกะสัน ก็จำเป็นจำสู้อยู่ด้วยกัน แต่เองนั้นกลัวตายคิดถ่ายเท เฮ้ยนี้แน่ตัวกูอยู่เป็นพระ ไม่คิดจะยักย้ายทำไพล่เผล ถึงเป็นตายเรือล่มจมทะเล ไม่สมคะเนไว้ชื่อให้ลือชา กระบี่คมของกูอยู่ในฝัก ไม่อยากชักให้ใครเห็นเช่นดอกหวา จะเป็นตายไม่เสียดายแก่ชีวา เมื่อกรรมมาถึงกายก็วายปราณ ฯ ๏ ท้าวกุลาว่าทำไมกับใต้เท้า ข้าพเจ้ากลัวไปหลายสถาน แม้นตัวตายใครจะครองศฤงคาร มิสาธารณ์เป็นของเขาหรือเจ้าคุณ บาทหลวงว่าอ้ายแขกตี้นี่ขี้ขลาด น้ำใจชาติติดไพร่อ้ายสถุล เสียแรงบอกของดีไม่มีคุณ มันก็วุ่นแต่ตัณหาอ้ายบ้ากาม ประเดี๋ยวนี้กลัวตายขายน้ำหน้า ช่างชั่วช้าเต็มระยำอ้ายซำสาม แกด่าพลางเห็นไฟติดไหม้ลาม ลุกไปตามเชือกเสาทั้งเพลาใบ บาทหลวงสั่งนายทหารท่านแม่ทัพ บ้างยิงรับดูเป็นควันเสียงหวั่นไหว ฝ่ายพระจอมสินสมุทรวุฒิไกร จึงสั่งให้เสนีผู้ปรีชา เร่งสมทบรบให้ได้ในวันนี้ เอาเรือตีเรียงรายทั้งซ้ายขวา จับให้ได้อ้ายเฒ่าเจ้ามารยา อย่าเพ่อฆ่าให้มันตายวายชีวง อ้ายนี้ตัวก่อศึกมาลึกซึ้ง รู้ไม่ถึงมารยามันพาหลง แต่พวกเราเจียนจะขาดญาติวงศ์ เพราะว่าหลงกับเจ้าครูผู้อาจารย์ จนเสียท่าแทบชีวาจะมอดม้วย ไปอยู่ด้วยอ้ายเกเรเดรฉาน แล้วมันกลับมาตอแยเป็นแหพาน จนเกิดการชุลมุนวุ่นถึงเรา เหวยเสนีตีประทับจับให้ได้ เอาปืนใหญ่ยิงเข้าไปทั้งไฟเผา แม้นเข้าใกล้ได้ทีเร่งตีเอา ทหารเราแต่บรรดาโยธาไทย พอยัดปืนยืนสะพรั่งแล้วตั้งโห่ สำเนียงโกลาลั่นสนั่นไหว บังเกิดลมสีแดงดั่งแสงไฟ พายุใหญ่ป่วนก้องท้องทะเล ตีกำปั่นหันเหียนเจียนจะคว่ำ ระลอกซ้ำโยนปั่นให้หันเห ทั้งหัวท้ายหันหวนอยู่รวนเร ท้องทะเลมืดคลุ้มชอุ่มควัน ชะนีร้องก้องคำรนฝนก็ดก พวกบนบกวิ่งเวียนอยู่เหียนหัน บังเกิดลมเป็นลมบ้าสลาตัน เสียงครื้นครั่นกึกก้องท้องอัมพร พวกโยธาถอยล่าเข้าหาร่ม ถูกทั้งลมทั้งฝนคนสยอน ต้องกลับพวกเสนาพลากร เข้านครเมืองด่านชานบุรี ฯ ๏ จะกล่าวข้างกำปั่นก็หันเห ท้องทะเลมืดมัวทั่ววิถี ไม่เห็นหนเหนือใต้ในนที ลมก็ตีแตกไปไม่ได้ทาง ทั้งเรือแขกเรือไทยเพลาใบหัก ไม่รู้จักโดนกันตรงเสียงโผงผาง บ้างกราบแตกแยกยับเจียนอับปาง ตีไปทางทักษิณสิ้นกองเรือ แล้วกลับหวนป่วนปั่นแตกกันออก คลื่นระลอกตีพวกไทยไปฝ่ายเหนือ แต่พวกแขกลมปัดพัดเอาเรือ ไม่ขึ้นเหนือลงข้างใต้ย้ายกันไป เพราะกุศลคนทั้งสองยังไม่ม้วย เทพเข้าช่วยจะได้หาที่อาศัย จึงบันดาลวายุพัดให้ปัดไป พายุใหญ่มิได้ซาถึงห้าวัน ทั้งฝนฟ้าก็คะนองร้องไม่หยุด คนแทบสุดชีวาเจียนอาสัญ ได้กินแต่ข้าวตากลำบากครัน กับน้ำมันเนยถั่วพอกลั้วคอ แต่ไม่เห็นหนทางกลางวิถี จะร้ายดีอย่างไรไฉนหนอ แต่บาทหลวงแกเคยอยู่นั่งชูคอ แต่ตัวงอยืดไม่ได้หายใจรวน ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ลงเต็มทีเสียน้ำใจอาลัยหวน ไม่เคยยากกรากกรำยิ่งคร่ำครวญ ละห้อยหวนดั่งชีวิตจะปลิดปลง ไหนจะอดข้าวปลากระยาหาร ทั้งรำคาญที่ไม่สมอารมณ์ประสงค์ บังเกิดลมอาเจียนให้เวียนวง จะนั่งตรงเรือก็แคลงดั่งแกว่งไกว บาทหลวงหยิบข้าวตากใส่ปากป้อน อย่าใจอ่อนคิดให้มากถลากไถล คิดถึงพระเยซูของกูไป ท่านจะได้ช่วยเราเมื่อคราวจน จงแข็งใจคำนับคือกราบไหว้ จะพ้นภัยในจังหวัดที่ขัดสน คงจะไม่อับปางในกลางชล แม้นคิดวนเวียนไปไม่เป็นการ ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ไม่ยินดีเสียใจหลายสถาน พามาได้ยากแค้นแสนกันดาร เพราะอาจารย์เสียทีทั้งรี้พล แต่ไม่ออกปากว่าน้ำตาหยด แสนระทดเหื่อชุ่มทุกขุมขน ลมก็ซัดเรือไปเข้าในวน พายุฝนก็ค่อยเบาบรรเทาคลาย แต่ยังมืดมัวมนบนอากาศ ภาณุมาศมิได้สร่างกระจ่างฉาย เรือค่อยหยุดแคลงหน่อยค่อยสบาย ที่หนาวกายก็ค่อยเบาบรรเทาลง ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายท่านครูผู้วิเศษ เป็นพราหมณ์เทศเที่ยวอยู่ในไพรระหง ปรากฏนามพราหมณ์คาวุตภุชพงศ์ เป็นเชื้อวงศ์รามราชชาติตระกูล กินว่านยาอายุวัฒนะ ไม่ธุระโภไคยทั้งไอศูรย์ สลัดสละละเพศกิเลสมูล ทั้งประยูรวงศาไม่อาลัย มีศิษย์หาแต่บรรดาที่เป็นปราชญ์ เฉลียวฉลาดการเวทข้างเพทไสย สิบสี่คนด้นเดินในเนินไพร กินลูกไม้เผือกมันพรรณผลา ถือขันตีอดใจไว้เป็นนิจ สุจริตยอดมนุษย์ไม่มุสา ทั้งโรคภัยมิได้มีมาบีฑา อายุห้าร้อยปีดีทุกคน ดูเหมือนหนุ่มชุ่มชื่นจะยืนนั่ง ทั้งกำลังเดินจัดไม่ขัดสน ถึงสัตว์สีห์มิได้กลัวทั่วทุกคน ด้วยเวทมนตร์สารพันมั่นในใจ ตามท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท แต่ถือเพศอย่างพราหมณ์ตามวิสัย เที่ยวไปทุกเกาะแก่งทุกแห่งไป ตามวิสัยจิตหวังทางเมตตา หวังประโยชน์โปรดคนที่เรือแตก ไปช่วยแบกป้องปัดฝูงมัจฉา อันสัตว์ร้ายในกระสินธุ์ถิ่นชลา กลัวฤทธาผู้วิเศษด้วยเวทมนตร์ เมื่อวันนั้นท่านครูมาอยู่เกาะ นั่งพิเคราะห์ดินฟ้าโกลาหล เห็นมืดมัวทั่วพื้นภูวดล บังเกิดฝนลมกล้าฟ้าคะนอง ก็รู้สิ้นพิภพจบสถาน ว่าอาจารย์พระฝรั่งแขกทั้งผอง ไปเสียทัพอัปรามาทั้งกอง พายุต้องตกในวนชลธี จำจะช่วยอย่าให้ม้วยชีวาวาตม์ ให้เคลื่อนคลาดจะได้ไปในวิถี เขาก็เป็นนักปราชญ์ฉลาดดี แต่ตกที่ขัดสนในวนวัง พลางบอกกับศิษย์หาที่มาด้วย จะไปช่วยกันประชุมช่วยคุ้มขัง ให้ได้ไปปลดปลอดรอดชีวัง ไปช่วยนั่งภาวนาสมาทาน พอลมหยุดคลื่นซาท้องฟ้าสาง ค่อยสว่างอาทิตย์แดงส่งแสงฉาน ที่พยับอับพื้นโพยมมาน ก็บันดาลเสื่อมหายในนที พวกพหลพลไพร่ในกำปั่น เห็นสุริยันแจ่มกระจ่างสว่างศรี ต่างคนต่างหิวหอบบอบเต็มที ลุกจากที่ไม่ใคร่ได้ใจระทวย บาทหลวงแกลืมตาเห็นฟ้าขาว ค่อยวายหนาวแต่ในใจให้ระหวย ผงกหัวขึ้นได้หายใจรวย อ่อนระทวยไปทั้งกายแทบวายปราณ ถึงห้าวันห้าคืนกลืนแต่น้ำ ลมมันร่ำเอาเพราะอดรสอาหาร แต่ทำใจแข็งขืนพอชื่นบาน นอนให้การเสียงออกเจ้าเรียกหาคน ให้หุงข้าวเผาปลาเร่งฆ่าไก่ ปิ้งมาให้สารพัดอย่าขัดสน พวกคนครัวไปหามาบัดดล แล้วก็ขนข้าวมาวางข้างแกนอน เผยลุกเรียกหาพระยาแขก อย่าตื่นแตกนิ่งอยู่กูจะสอน ลุกขึ้นกินข้าวปลาอย่าอาวรณ์ จะให้จรกลับพาราไปหาเมีย ฯ ๏ ท้าวกุลามาลีค่อยมีจิต คะนึงคิดก็ค่อยวายที่ใจเสีย พลางลืมตาหน้าตึงคิดถึงเมีย ที่ละเหี่ยหิวละห้อยค่อยประทัง อุตส่าห์ลุกขึ้นมากินอาหาร กับอาจารย์ค่อยสบายที่วายหวัง บาทหลวงเฒ่าค่อยดำรงทรงกำลัง ถอยมานั่งจับเจ่าเห็นเขาราย แล้วยกกล้องส่องดูรู้ว่าเกาะ เห็นละเมาะเรียงกันเป็นชั้นฉาย ที่วังเวิ้งเชิงผาศิลาลาย ดูคล้ายคล้ายหรุบหรู่เหมือนผู้คน แล้วแลไปในมหาชลาสินธุ์ เห็นวารินสีผิดคิดฉงน เอะมาตกขุมขังในวังวน คงสิ้นชนม์สิ้นเชื้อทั้งเรือแพ แกตกใจหายวับแทบดับจิต เห็นสุดฤทธิ์สุดรู้ดูแฉว ไม่เห็นสิ่งที่จะกันจะผันแปร คงตายแน่ละวะกูทั้งผู้คน แกจึ่งหาแต่บรรดาแขกฝรั่ง มาพร้อมพรั่งแล้วแถลงแจ้งนุสนธิ์ ว่าเรือเราตกกระทั่งถึงวังวน เห็นสุดจนปัญญาในสาคร ที่ตำราว่าสาชลในวนนี้ ถึงร้อยปีลมจึงฉุดได้หลุดถอน ในตำราเรียกว่าอ่าวมังกร จะชักถอนไปให้หลุดสุดปัญญา พวกพหลพลคนที่นั่งอยู่ทั้งนี้ ใครจะมีเวทมนตร์ดลคาถา ช่วยเรียกลมเรียกน้ำตามตำรา แต่ตัวข้าคิดไม่เห็นจะเป็นตาย แต่ไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ขวัญไม่ดีดูไปแล้วใจหาย ทั้งพวกพลเสนาบรรดานาย ต่างวุ่นวายง่วงเหงาเศร้าหัวใจ ฯ ๏ จะกล่าวถึงพราหมณ์ที่มาพฤฒาเฒ่า กับพวกเหล่าศิษย์หาอยู่อาศัย บนเพิงผาหน้าเกาะเดินเสาะไป เห็นไรไรเหมือนกำปั่นสักพันลำ เอะตกวนคนจะตายวายชีวิต เมตตาจิตต้องช่วยชุบอุปถัมภ์ จึงบอกศิษย์หาว่าเราจำ จะไปทำให้เป็นลมระดมมา พัดกำปั่นขึ้นให้พ้นจากวนนี้ ก็จะมีส่วนกุศลคนนักหนา พลางชวนกันดั้นเดินดำเนินมา เลียบไปหน้าหาดทรายชายทะเล แล้วร้องว่าฮ้าเฮ้ยพวกกำปั่น จะพากันไปข้างไหนแล่นไพล่เผล จนตกวนนี้แหละชื่อสะดือทะเล จะถ่ายเทคิดอ่านสถานใด ต่อร้อยปีจึ่งจะมีพายุใหญ่ หอบขึ้นได้จากวนชลใส มาตกอยู่เห็นชีวันจะบรรลัย จงแก้ไขเสียให้พ้นจากวนวัง บาทหลวงเฒ่าเสาวนาคนมาบอก ดั่งเอาหอกแทงใจไม่วายหวัง จึ่งร้องไปด้วยสำเนียงเสียงอันดัง โปรดสักครั่งขอชีวงให้คงคืน ฝ่ายพราหมณ์เฒ่าเหล่าศิษย์คิดสังเวช สำแดงเดชเดินคงคาไม่ฝ่าฝืน ถึงกำปั่นพราหมณ์คาวุตก็หยุดยืน คนทั้งหมื่นกราบกรานอาจารย์พราหมณ์ ฯ ๏ บาทหลวงเชิญให้ขึ้นไปในกำปั่น ท่านพราหมณ์นั้นก็ขึ้นไปแล้วไต่ถาม ว่าเหตุผลเป็นไฉนจงไขความ ท่านก็นามเชื้อปราชญ์ฉลาดดี สารพัดรู้สิ้นการดินฟ้า ไยจึ่งมาตกวนจนวิถี บาทหลวงจึ่งเล่าแถลงแจ้งคดี แล้วจึ่งมีวาจาขอการุญ ช่วยให้พ้นวนวังเหมือนดังหมาย พอรอดตายคนในเรือช่วยเกื้อหนุน พอไปถึงเขตแดนจะแทนคุณ จงการุญข้าพเจ้าทั้งบ่าวนาย ฯ ๏ ฝ่ายพราหมณ์เฒ่าเสาวนารับว่าคะ ข้าเจ้าจะช่วยให้ท่านรีบผันผาย อันเรื่องจะสนองคุณอย่าวุ่นวาย แม้นรอดตายจะไดัครรไลจร บาทหลวงฟังพราหมณ์ว่าค่อยผาสุก เหมือนหยิบทุกข์ขึ้นไปทิ้งบนสิงขร ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิรอน ประนมกรเข้ากสิณอภิญญาณ กับพวกศิษย์แต่บรรดาที่มาด้วย พากันช่วยตั้งจิตอธิษฐาน ภาวนานิ่งนั่งในทางฌาน สำแดงการมัธยัสถ์โดยศรัทธา บังเกิดเป็นลมหวนป่วนเป็นคลื่น นภางค์พื้นมืดมิดทุกทิศา เป็นน้ำหนุนพูนพรั่งไหลหลั่งมา ทั้งเสียงฟ้ากึกก้องร้องคำรน เกิดเป็นลมสลาตันให้ปั่นปัด ระลอกซัดในนทีไม่มีฝน หนุนกำปั่นหันเหียนให้เวียนวน หลุดออกพ้นจากกระสินธุ์ถิ่นมังกร ขึ้นฟูฟ่องล่องลอยไปตามคลื่น นภางค์พื้นแจ่มจำรัสประภัสสร ลมก็เรื่อยเฉื่อยสบายกระจายจร ที่อาวรณ์รอดตายหายรัญจวน บาทหลวงเฒ่ากับพระยาปตาหวี ต่างเปรมปรีดิ์เอมอิ่มพลางยิ้มสรวล น้อมคำนับพฤฒาพราหมณ์ตามกระบวน แล้วเชิญชวนผู้เฒ่ากินข้าวปลา ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท จึ่งแจ้งเหตุอาหารขาดไม่ปรารถนา ไม่ต้องการเอมโอชโภชนา เสพย์ผลาผลไม้ในไพรวัน พอเป็นยาปรมัตบำบัดโรค ไม่ทุกข์โศกแก่ใบไม้ในไพรสัณฑ์ กินพอเป็นอาหารสำราญครัน ไม่ผูกพันกินอยู่ทุกผู้คน ฯ ๏ บาทหลวงฟังวาจาพฤฒาแถลง ท่านชี้แจงเรื่องราวกล่าวนุสนธิ์ น้อมคำนับกราบทั่วทุกตัวคน ได้รอดพ้นความตายวายชีวัง ฝ่ายพฤฒาว่าจะลาท่านก่อนแล้ว จงผ่องแผัวรีบไปดั่งใจหวัง แล้วชี้ทางกลางชลพ้นวนวัง เอาเข็มตั้งทิศอุดรรีบจรไป แล้วลงจากกำปั่นมิทันช้า เดินคงคาขึ้นไปทางหว่างไศล ไม่ถึงครู่ดูตามกันไรไร ประเดี๋ยวใจหายวับไปลับตัว เรือก็แล่นเลยมาในสาคเรศ พ้นประเทศพอเวลาฟ้าสลัว พระสุริยนจวนจะค่ำชอ่ำมัว ค่อยสิ้นกลัวความตายสบายใจ บ้างก็กินข้าวปลากระยาหาร ค่อยสำราญยิ้มแย้มดูแจ่มใส บาทหลวงเฒ่าเข้าในท้ายสบายใจ กับท้าวไทเจ้าพาราพูดจาพลาง ว่าครั้งนี้เสียทีแล้วหนอหวา เสียโยธาสารพัดจะขัดขวาง แต่ชีวิตแทบจะยับเจียนอับปาง ที่ในกลางสาคโรชโลธร ท้าวกุลาว่าเจ้าคุณบุญมาช่วย จึ่งไม่ม้วยเทพเจ้าเข้าสังหรณ์ ให้ท่านพราหมณ์อยู่ในป่าพนาดร มาช่วยช้อนเภตราออกมาพลัน ฯ ๏ บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยมึงอย่าพูด นี่แลทูตพระเยซูอยู่สวรรค์ มาโปรดกูดูเอาเถิดประเสริฐครัน พูดเป็นควันขู่ขับทับทวี อันพระกูรู้หรือไม่หวาอ้ายแขก มาช่วยแบกช่วยหามตามวิถี เองจงกลับใจมาเถิดหวาดี จะได้มีความสุขไม่ทุกข์ทน มาเข้ารีตเสียกับกูกินหมูหัน จะป้องกันเป่าปัดไม่ขัดสน พระเป็นเจ้ารักใคร่แล้วไม่จน คงช่วยขนบาปไปให้สบาย ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ฟังคดีร้อนใจมิใคร่หาย จะให้เรากินหมูแล้วสู้ตาย ถ่มน้ำลายทุดทุดไม่พูดจา บาทหลวงเฒ่าแกอุบายเพราะรายอยาก มาลำบากอยู่กับแขกแปลกภาษา อยากกินหมูอยู่ไม่วายหลายเวลา กินแต่ปลาเนื้อไก่ไม่ได้การ เรือก็แล่นเลยมาในสาคเรศ พ้นภัยเภทค่อยสบายหลายสถาน ลมก็เรื่อยเฉื่อยฉ่ำไปสำราญ สิ้นรำคาญคนระงับได้หลับนอน ฯ ๏ จะกล่าวถึงนคราเมืองกาศึก ให้ตั้งฝึกพวกทหารชาญสมร สะพรั่งพร้อมเสนาประชากร เจ้านครนามนรินทร์ท้าวสินชัย มเหสีมีนามตามภาษา ชื่อบุษยาดวงมณีผ่องสีใส มีบุตรีสวยสำอางอยู่ปรางค์ชัย ชื่อระเด่นดวงประไพวิไลทรง ดังดวงจิตบิตุเรศเกศกษัตริย์ ท้าวเธอจัดสาวที่รุ่นสกุลหงส์ เป็นพี่เลี้ยงนุชนางสำอางองค์ แต่ล้วนวงศ์พวกผู้ดีมีตระกูล เฉลิมยศพระบุตรีนารีรัตน์ ตามกษัตริย์ธิบดินทร์นรินทร์สูร อันกาศึกเมืองนี้บริบูรณ์ ทั้งตระกูลเศรษฐีพวกมีเรือ รับสั่งของต่างต่างขึ้นห้างไว้ แล้วขนไปเที่ยวขายข้างฝ่ายเหนือ ทั้งยุ้งฉางใหญ่ใหญ่ใส่ข้าวเกลือ ใครขาดเหลือจับจ่ายให้เป็นทาน แต่เมืองขึ้นนั้นก็มีถึงสี่ร้อย มิใช่น้อยล้วนเป็นสุขสนุกสนาน มีแต่ความสุโขมโหฬาร ทุกเมืองบ้านผาสุกไม่ทุกข์ภัย ฯ ๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง แต่แล่นล่วงข้ามมหาชลาไหล สิบห้าวันบรรลุถึงทรงไกร แกสั่งให้ทอดท่าหน้าสันดอน ฝ่ายเรือใช้ไปตระเวนเห็นกำปั่น ประมาณพันจอดรายชายสิงขร จึงแวะเข้าไต่ถามนามกร ว่าเรือจรมาแต่ไหนหรือไพรี ฝ่ายพวกแขกในกำปั่นนั้นจึ่งว่า เราแล่นมาจากเมืองปตาหวี เจ้าพารามาเที่ยวชมนที ลมมันตีพัดพาเภตราไป ถึงห้าเดือนเหมือนอย่างว่าใช่ข้าศึก อย่าได้นึกเคลือบแคลงแหนงไฉน สิ้นแผนที่แล่นหลงเวียนวงไป จำไม่ได้ขอบเขตประเทศทาง ขออาศัยซื้อหากระยาหาร ทางกันดารสารพัดจะขัดขวาง ขัดเสบียงอาหารลงย่านกลาง ไพร่ขุนนางเดิมทีไม่มีกิน จะขอซื้อข้าวปลากระยาหาร ทั้งคาวหวานพอได้สมอารมณ์ถวิล แล้วก็จะขอลาไปธานินทร์ ประเทศถิ่นนคราเหมือนอาวรณ์ ฯ ๏ พวกตระเวนแจ้งกิจจาพากันกลับ มาบอกกับขุนด่านชาญสมร ว่ากำปั่นที่มาหน้าสันดอน เจ้านครปตาหวีบุรีเรือง มาเที่ยวชมยมนาสาคเรศ บังเกิดเหตุลมกล้าฟ้าก็เหลือง ตีกำปั่นปัดส่งหลงบ้านเมือง ทั้งขัดเคืองของเสบียงเลี้ยงโยธา ขุนด่านแจ้งบอกเข้าไปในนิเวศน์ นำเอาเหตุเรื่องราวไปกล่าวหนา กับท่านขุนเสนีผู้ปรีชา ให้ทูลฝ่าบาทบงสุ์ดำรงวัง พวกเสมียนเขียนสารให้ม้าใช้ รีบเข้าไปแจ้งยุบลเหมือนหนหลัง คนที่รับหนังสือไปเข้าในวัง ส่งให้ยังเสนาในธานี พอไทท้าวเจ้านิเวศน์เสด็จออก รีบเอาบอกเข้าประณตบทศรี อ่านถวายเจ้าจังหวัดปัถพี ตามคดีขุนด่านให้สารมา ฯ ๏ ในอักษรว่ากำปั่นสักพันเศษ เจ้าประเทศปตาหวีมียศถา จากประเทศไปเที่ยวชมยมนา พลัดพาราหลงทางไปกลางชล ถึงห้าเดือนเฟือนทางสิ้นแผนที่ หลงมานี้สารพัดจะขัดสน สิ้นเสบียงเลี้ยงเสนาประชาชน ไปตกวนแทบจะตายวายชีวัน มาขอซื้อข้าวปลากระยาหาร พอสำราญอิ่มเอมเกษมสันต์ ขออยู่ซื้อหาสักพอห้าวัน พระทรงธรรม์จะโปรดปรานสถานใด ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพิภพจบจังหวัด โองการตรัสโปรดปรานแล้วขานไข คิดก็น่าเวทนามาแต่ไกล ทั้งพลัดไพร่พลัดเมืองเคืองรำคาญ เหมือนอกเราอกเขาก็เร่าร้อน ต้องอาวรณ์หลงมาน่าสงสาร อย่าต้องซื้อต้องหาให้ช้าการ กับอาหารไม่กระไรจะให้ปัน จงไปเชิญเจ้าพาราขึ้นมาก่อน มีทุกข์ร้อนเป็นไฉนจึ่งผายผัน อันข้าวของเครื่องเสบียงจะเลี้ยงกัน เราให้ปันดอกให้คนมาขนไป เสนารับอภิวันท์รีบผันผาย ไปบรรยายทูลแจ้งแถลงไข ฝ่ายท่านท้าวปตาหวีก็ดีใจ จึ่งเล่าให้กับท่านอาจารย์ฟัง ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าดีใจไปเถิดหวา เจ้าพาราชื่นชมแล้วสมหวัง เขาเมตตาปรานีดีกว่าชัง ขึ้นไปฟังเจ้าพาราจะปรานี กูไปด้วยจะได้ช่วยพูดประจบ ให้เขาคบเขารักเป็นศักดิ์ศรี ได้ผูกพันกันไว้เป็นไมตรี คุณจะมีอยู่ดอกหวาพากันไป แล้วบอกกับเสวกาที่มาแจ้ง ท่านชี้แจงทูลพระองค์อย่าสงสัย พรุ่งนี้เช้าเราจะชวนอาจารย์ไป เฝ้าภูวไนยจอมประเทศเขตนคร เสนารับอภิวันท์แล้วผันผาย ลงเรือพายรีบมาหน้าสิงขร ขึ้นไปเฝ้าท้าวสินชัยในนคร ทูลภูธรตามที่ฟังแต่หลังมา ฝ่ายไทท้าวเจ้ามิ่งมไหสวรรย์ จึ่งมีบัญชาตรัสให้จัดหา เครื่องกระบวนทวนธงอลงการ์ กับรถาลงไปรับประคับประคอง ให้สมยศเจ้าพาราปตาหวี ไปให้ขี่จากเภตรามาทั้งสอง กับสังฆราชรีบไปรับประคับประคอง อย่าให้ข้องเคืองขัดอัธยา แล้วให้แต่งพระโรงคัลที่ชั้นนอก เราจะออกรับสู้ผู้มาหา ตำมะหงงรับรสพจนา คลานออกมาสั่งเสร็จสำเร็จการ พอเช้าตรู่สุริยาภาณุมาศ ให้เคลื่อนคลาดพวกพหลพลทหาร เอารถรัตน์เทียมม้าอาชาชาญ ออกทวารนครารีบคลาไคล เดินกระบวนทวนธงตรงไปด่าน ถึงสถานเมืองท่าชลาไหล ให้หยุดพวกจัตุรงค์ทั้งธงชัย คอยท้าวไทจะขึ้นมาจากสาคร ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายเจ้าพาราปตาหวี ครั้นสุริย์ศรีแจ่มจำรัสประภัสสร กับบาทหลวงที่จะไปในนคร พลางรีบร้อนลงเรือบดหมดด้วยกัน กับสิ่งของต่างต่างอย่างฝรั่ง เครื่องแขวงตั้งสารพัดแกจัดสรร เอาขึ้นไปตามทำนองของกำนัล รีบผายผันมาถึงท่าหน้าบุรินทร์ พวกเสนาลงมาอยู่คอยรับ ต่างคำนับชื่นชมสมถวิล เชิญให้ขึ้นรถาไปธานินทร์ พร้อมกันสิ้นแห่เข้าไปในนคร ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นกษัตริย์ ออกแท่นรัตน์ขุนนางเข้าเฝ้าสลอน ขุนเสนีกราบก้มประนมกร เจ้านครแล้วทูลมูลคดี ว่าบาทหลวงกับพระยาขึ้นมาเฝ้า เชิญให้เข้าหยุดพักตำหนักศรี ฝ่ายพระจอมจังหวัดปัถพี ทราบคดีสั่งมหาเสนาใน ให้ไปเชิญเจ้าพาราปตาหวี เข้ามาที่พระโรงรัตน์จำรัสไข กับบาทหลวงอาจารย์อันชาญชัย เสนาไปกราบประณตบทบงสุ์ แล้วเชิญท้าวเจ้าพาราปตาหวี ให้จรลีเข้าในวังดั่งประสงค์ กับบาทหลวงเดินไปดั่งใจจง เขานำตรงเข้าไปในพระโรง ป่างพระปิ่นสินชัยปราศรัยทัก เชิญให้พักบนบัลลังก์ที่นั่งโถง แต่อาจารย์เก้าอี้ตั้งกลางพระโรง ดูโอ่โถงเชิญให้นั่งอย่างธรรมเนียม ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี อัญชลีท้าวไทไม่อายเหนียม เพราะเธอแก่แลเห็นเป็นธรรมเนียม แล้วฟุบเฟี้ยมยอบตัวต้องกลัวเกรง ข้างบาทหลวงแกคำนับพลางจับหัตถ์ ท้าวเธอตรัสไพเราะดูเหมาะเหมง ว่าดูก่อนท้าวกุลาท่านอย่าเกรง ใจข้าเองนับเนื้อเหมือนเชื้อวงศ์ จะต้องการสิ่งไรมิได้ขัด สารพัดข้าวของต้องประสงค์ เราจงรักกันไว้ดั่งใจจง โดยจำนงตามกษัตริย์ขัตติยา ฝ่ายบาทหลวงแกให้บ่าวยกข้าวของ เครื่องเงินทองหลายอย่างต่างภาษา มาถวายท่านท้าวเจ้าพารา ปรารถนาจะประสงค์เป็นวงศ์วาน ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวสินชัยให้โอกาส แก่สังฆราชโดยนัยปราศรัยสาร แล้วจึ่งว่าข้าแต่พระอาจารย์ จะต้องการสิ่งใดในบุรินทร์ ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าเสาวนาท้าวปราศรัย แกอิ่มใจอิ่มอารมณ์สมถวิล จำจะให้ไทท้าวเจ้าแผ่นดิน นิยมยินรักใคร่ที่ในกู จะได้เป็นที่หวังเห็นอย่างคิด เอาเป็นศิษย์อีกนครให้อ่อนหู แล้วจะได้ตรึกตรองหาช่องคู ปราบศัตรูแก้แค้นที่แน่นทรวง แกจึงว่าข้าแต่ท้าวเจ้าพิภพ ขอนอบนบพระคุณไท้นั่นใหญ่หลวง ข้าพเจ้ามิได้ปองของทั้งปวง อันในดวงจิตข้าผู้อาจารย์ หวังประโยชน์แต่จะโปรดคนมีทุกข์ ให้เป็นสุขอิ่มเอมเกษมศานต์ เที่ยวสั่งสอนศาสนามาช้านาน ทุกถิ่นฐานนคราให้ถาวร พอไปถึงพาราปตาหวี ท้าวยินดีชวนให้อยู่เป็นครูสอน แล้วพากันเที่ยวมาในสาคร เกิดทุกข์ร้อนลมวิบัติให้ซัดมา แกเล่าความตามเรื่องที่เคืองขัด ให้กษัตริย์เธอฟังที่กังขา ครั้นเสร็จสิ้นเรื่องยุบลสนทนา ท้าวให้หาเครื่องเสวยทั้งเนยนม สารพัดจัดสรรพรรณลูกไม้ ทั้งเป็ดไก่เครื่องลุดตี้มีขนม ยกขึ้นตั้งแต่งไว้ในโต๊ะกลม ของอุดมหลายหลากดูมากมี ยกเก้าอี้ฝรั่งมาตั้งเสร็จ เชิญเสด็จเจ้าพาราปตาหวี กับบาทหลวงมาพลันด้วยทันที ขึ้นนั่งที่เรียงตามกันสามองค์ ท้าวสินชัยเชิญให้บาทหลวงฉัน พร้อมด้วยกันโดยในพระทัยประสงค์ ท้าวสินชัยนับเนื้อเหมือนเชื้อวงศ์ ด้วยจำนงชื่นบานสงสารครัน เสวยพลางทางว่าเจ้าอย่าคิด เรารักสนิทเปรียบปานดั่งหลานขวัญ จงยับยั้งพอสบายให้หลายวัน พลขันธ์จะได้นอนผ่อนสบาย ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ ประสานหัตถ์ทูลไปดั่งใจหมาย พระคุณล้นพ้นที่จะอภิปราย ขอถวายความสัตย์ปัฏิญาณ แม้นเคืองเข็ญเป็นอย่างไรจงใช้ข้า ตามประสาใจรักสมัครสมาน เสวยเสร็จท้าวจึ่งเยื้อนเอื้อนโองการ ให้จัดสถานเก๋งใหญ่ในบุรินทร์ ทั้งผู้คนปรนนิบัติปัจถรณ์ ที่นั่งนอนแต่งตั้งอย่างถวิล เชิญไปพักให้สบายในบุรินทร์ จงอยู่กินเหมือนอย่างวงศ์พงศ์ประยูร กับท่านครูอยู่ให้สุขสิ้นทุกข์ร้อน จึ่งค่อยจรกลับไปยังไอศูรย์ ไปสำนักพักพาราอย่าอาดูร จงเพิ่มพูนภิญโญเดโชชัย ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร เข้าปรางค์มาศนพรัตน์จำรัสไข แล้วตรัสสั่งมเหสีที่ข้างใน เอาใจใส่กินอยู่ช่วยดูการ เขาเป็นเจ้านคราปตาหวี พลัดถิ่นที่เอ้องค์น่าสงสาร แต่เรือซัดขัดขวางทางกันดาร โดยประมาณห้าเดือนไม่เคลื่อนคลา มเหสีฟังสารโองการสั่ง นางจัดทั้งเครื่องอานพานสลา ทั้งสิ่งของเอมโอชโภชนา ทุกเวลาจัดนางพวกข้างใน ที่รูปทรงรื่นรวยสวยสะอาด ให้เชิญภาชนะทองอันผ่องใส ไปถวายกษัตรามาแต่ไกล เอาใจใส่มิให้ขาดราชการ ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายพระธิดาพระยาหญิง สมรมิ่งดวงประไพอยู่ในสถาน ได้ยินว่าท้าวกุลากับอาจารย์ จากสถานพลัดมาพาราเรา พระบิตุรงค์โองการให้อยู่พัก ในตำหนักกรุณาเมตตาเขา จึ่งรับสั่งให้หามารดาเรา ขึ้นไปเฝ้าที่ชานพักตำหนักจันทน์ ให้เลี้ยงดูอยู่กับพระฝรั่ง สถิตวังข้างฉนวนริมสวนขวัญ นางจึ่งเรียกพี่เลี้ยงมาเร็วพลัน พี่ชวนกันออกไปดูครูอาจารย์ ว่ารูปร่างอย่างไรพระสังฆราช จึงองอาจศักดาทั้งกล้าหาญ พี่จงรีบออกไปดูอย่าอยู่นาน พระอาจารย์รูปร่างจะอย่างไร สี่พี่เลี้ยงเสาวนีย์คดีสดับ น้อมคำนับแล้วก็มาที่อาศัย พลางแต่งตัวเรียกหาพวกข้าไท แล้วรีบไปที่ข้างหน้าเห็นอาจารย์ กับท่านท้าวเจ้าพาราปตาหวี นั่งเก้าอี้ทั้งสองกินของหวาน ทั้งสี่นางหยุดดูเป็นครู่นาน เห็นอาจารย์รูปร่างสำอางตา แล้วดูท้าวเจ้าพาราปตาหวี ก็งามดีหมดจดสมยศถา แต่ท่านครูผู้อาจารย์พานชรา ดูผิวหน้าแดงก่ำเป็นน้ำนวล ทั้งสี่นางต่างกลับเห็นสรรพเสร็จ เข้าไปเพ็ดทูลอนงค์ทรงพระสรวล เขาแต่งตัวอย่างไรในกระบวน ดูสมควรหรือว่านุ่งพะรุงพะรัง พี่เลี้ยงเล่าชี้แจงแถลงไข เขาสวมใส่หมวกดำทำด้วยหนัง ใส่เสื้อสีตากุ้งไม่รุงรัง ดูเหมือนอย่างพวกข้างเราเข้ากะดี พี่เลี้ยงกล่าวรูปทรงส่งสัณฐาน พระอาจารย์กับพระยาปตาหวี พระนางได้ทราบสิ้นก็ยินดี ให้นึกมีใจจิตคิดศรัทธา ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวสินชัยในนิเวศน์ ให้คิดเจตนานึกอยากศึกษา จิตประสงค์คงจะเพียรเรียนวิชา กับพระอาจารย์เจ้าให้เข้าใจ แล้วท้าวเธอเสด็จไปใกล้สังฆราช พลางประภาษพจนาอัชฌาสัย ทั้งไทท้าวปตาหวีก็ดีใจ บังคมไทเจ้านิเวศน์เกศนคร ฯ ๏ บาทหลวงเฒ่าลุกขยับมาจับหัตถ์ จอมกษัตริย์บพิตรอดิศร ว่าขอบใจไทท้าวเจ้านคร ค่อยวายร้อนบางเบาบรรเทาทรวง พระคุณล้ำดินฟ้ามหาสถาน ท้าวต้องการสิ่งไรมิได้หวง ทั้งวิชาสารพันการทั้งปวง ไม่แหนหวงแต่พระองค์อย่าสงกา ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราเมืองกาศึก สมที่นึกมุ่งมาดปรารถนา อยากจะใคร่พากเพียรเรียนวิชา ขอเป็นสานุศิษย์ท้าวเจ้าประคุณ ฯ ๏ บาทหลวงว่าข้าแต่ท้าวเจ้าพิภพ อย่าปรารภขาดเหลือจะเกื้อหนุน การวิชาขอเป็นของสนองคุณ จะการุญบอกกล่าวให้ท้าวไท ไม่อำพรางทางที่จะประสงค์ แม้นจำนงแล้วจะแจ้งแถลงไข ท่านจะชอบวิชาการสถานใด สุดแต่ใจเถิดจะบอกไม่หลอกลวง ฯ ๏ ท้าวทมิฬสินชัยได้สดับ จึ่งคำนับสังฆราชพระบาทหลวง เชิญครูสอนให้ชำนาญการทั้งปวง จะได้ล่วงรู้วิชาทางฟ้าดิน ฯ ๏ บาทหลวงว่าวันดีที่คำนับ เชิญมารับเอาตำราอย่าถวิล จะชี้แจงให้แก่ท้าวเจ้าแผ่นดิน ให้รู้สิ้นการวิชาสารพัน พูดกันเสร็จท้าวก็ลามาปราสาท ยุรยาตรเข้าข้างในไอศวรรย์ ออกขุนนางที่นั่งโถงพระโรงคัล อีกสามวันเราจะไปไหว้เทวา ที่เขาใหญ่ท้ายเมืองจัดเครื่องสรวง จะบำบวงเทวฤทธิ์ทุกทิศา ตามเยี่ยงอย่างปีใหม่ไหว้วันทา ขุนเสนาเร่งรัดไปจัดการ ปลูกโรงครัวเลี้ยงดูหมู่พหล เครื่องบวงบนแกะไก่ของไหว้ศาล ทั้งเต้นรำตามธรรมเนียมจงเตรียมการ พวกลูกหลานคนข้างในจะได้ดู ฯ ๏ ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากอาสน์ ขุนอำมาตย์เรียกกันสนั่นหู แต่บรรดาคนใช้ให้ไปดู หมายตามหมู่นอกในไพร่ทั้งปวง ปลูกโรงร้านรายทางข้างถนน เร่งจ่ายคนสมทบกับไพร่หลวง หมู่ของใครเร่งไปทำตามกระทรวง เบิกของหลวงให้ทุกนายรายกันไป ทั้งจอบเสียมไม้ไหล้เร่งให้ขน ถ้วนทุกคนหาบหามตามไสว นายกำกับบ่าวตนให้ขนไป ที่เขาใหญ่ชักนำให้ทำการ ปลูกพลับพลาฝาเลื่อนแต่งเรือนหลวง ตามกระทรวงเร่งรัดให้จัดศาล แล้วแต่งทั้งบายศรีพิธีการ ดาดเพดานม่านผูกทุกตำบล ครั้นแล้วเสร็จทูลท้าวเจ้าจังหวัด กรุงกษัตริย์ทราบความตามนุสนธิ์ เธอจึงสั่งเสนาพลาพล จะจรดลออกไปบวงสรวงเทวา ขุนเสนารับโองการคลานมาสั่ง กรมวังตำรวจในทั้งซ้ายขวา ให้เตรียมรถพระที่นั่งอลังการ์ เทียมอาชามาประทับไว้กับเกย รถประเทียบเรียบเรียงเคียงขนาน ทั้งเครื่องอานชูเชิดดูเปิดเผย กระบวนแห่แตรสังข์เหมือนอย่างเคย ดาบเชลยหอกคู่ดูตระการ จัดสำเร็จเสร็จถ้วนกระบวนแห่ ออกอัดแอในพาราที่หน้าฉาน ครั้นรุ่งรางสางสีรวีวาร ท้าวผู้ผ่านนคราเจ้าธานี พลางแต่งองค์สรงสนานสำราญจิต ขึ้นสถิตแท่นทองละอองศรี แล้วตรัสชวนนงนุชพระบุตรี มเหสีสาวสุรางค์นางกำนัล ให้แต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส ล้วนแก้วเก้าเนาวรัตน์ทุกสิ่งสรรพ์ เสด็จเดินด้วยสุรางค์นางกำนัล จรจรัลไปขึ้นรถบทจร ฝ่ายท้าวไทบิตุรงค์ขึ้นทรงรถ มีกลิ้งกลดเกณฑ์แห่แลสลอน สารถีตีกัณฐัศว์อัสดร จากนครแห่ไปท้ายบุรินทร์ ถึงสถานที่พักตำหนักใหม่ ฝ่ายท้าวไทชื่นชมสมถวิล มเหสีพระธิดายุพาพิน พร้อมกับสิ้นบนพลับพลาหน้าคีรี แล้วจึ่งให้ไปเชิญบาทหลวงเฒ่า กับองค์ท้าวเจ้าพาราปตาหวี ให้เร่งรัดแสนยาพวกพาชี ไปรับที่เก๋งใหญ่ที่ท้ายวัง ฝ่ายเสนีก็ไปรับคำนับน้อม ว่าพระจอมนครินทร์ถวิลหวัง ให้เชิญไปเขาใหญ่ที่ท้ายวัง ท้าวเธอตั้งสรวงไหว้ไทเทวา บาทหลวงเฒ่าชวนท้าวปตาหวี ขึ้นพาชีรีบไปไวไวหวา ไปให้ทันการท้าวเจ้าพารา ต่างขึ้นม้าตำมะหงงนำตรงไป ฯ ๏ ครั้นถึงที่ประทับก็ยับยั้ง พร้อมสะพรั่งเกณฑ์แห่แลไสว ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ท้าวสินชัย เสด็จไปคำนับรับอาจารย์ กับไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ให้นั่งที่แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร เราเชิญเจ้ากับพระครูผู้อาจารย์ มาดูการเต้นรำตามทำนอง ในวันนี้ปีใหม่เคยไหว้ศาล แต่งสักการนานาบูชาฉลอง ท้าวกุลาว่าไปดั่งใจปอง ในเมืองของข้าเจ้าเขาก็ทำ ท้าวสินชัยว่าไปกับเราเถิด เทพจะเชิดช่วยชุบอุปถัมภ์ เมื่อกลับไปถึงจังหวัดจึ่งจัดทำ เหมือนถ้อยคำเราว่าอย่าอาวรณ์ ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ ประสานหัตถ์ทูลบพิตรอดิศร ฝ่ายไทท้าวเจ้านิเวศน์เขตนคร บทจรเดินไปไหว้เทวา ทั้งไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ลุกจากที่ตามไปพลันด้วยหรรษา บาทหลวงเฒ่าต่างนิสัยไม่ศรัทธา ทำเป็นว่าสรรเสริญเจริญดี สองท้าวไทไปไหว้แล้วบวงสรวง ตามกระทรวงจุดไฟตั้งบายศรี กับทั้งพวกฝ่ายพหลแลมนตรี ไปไหว้ที่บนเขาลำเนาเนิน ทั้งสองท้าวไหว้เสร็จเสด็จกลับ มาประทับบนแท่นที่แผ่นเผิน ฝ่ายนงนุชบุตรีที่จำเริญ นางก็เชิญเครื่องสักการตามมารดา ยุรยาตรนาดนวยระทวยทด ดูอ่อนชดงามขำล้ำเลขา ทั้งทรวดทรงราวกับหงส์เหมรา ลักขณาพริ้มพร้อมละม่อมละไม เหล่าสุรางค์นางห้ามตามเสด็จ ใส่แหวนเพชรดูก็งามตามวิสัย ท้าวกุลาดูเพลินจำเริญใจ จะพิศไหนงามสิ้นทั้งอินทรีย์ จนลืมตัวมัวแต่ดูพึ่งรู้จัก กำเริบรักอิ่มเอมเกษมศรี นึกในใจแม้นได้พระบุตรี จะพลีเทเวศร์สักเจ็ดวัน ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้านิเวศน์เกศกษัตริย์ สั่งให้จัดเครื่องเสวยนมเนยขยัน ทั้งเป็ดไก่หลายอย่างต่างต่างกัน มัสมั่นเนื้อแพะแกะกระทิง เครื่องกับข้าวคาวหวานใส่จานแก้ว ตั้งเป็นแถวไก่ต้มขนมผิง เครื่องลูกไม้หลายอย่างมะปรางปริง แต่ละสิ่งเอมโอชโภชนา ตั้งไว้บนโต๊ะใหญ่ใส่สำเร็จ เชิญเสด็จเสวยพลันด้วยหรรษา ตั้งเก้าอี้ที่สำหรับบนพลับพลา ท้าวลีลามาทั้งสองแล้วร้องเชิญ ให้อาจารย์ท่านนั่งยังเก้าอี้ ขึ้นตามที่โดยหวังสังรเสริญ ขอเจ้าคุณหนุนนำให้จำเริญ ข้าขอเชิญขบฉันอันมงคล แล้วสั่งให้เล่นงานการฉลอง โดยทำนองจัดแจงทุกแห่งหน บ้างรำเต้นเล่นสนุกทั่วทุกคน ตามถนนพวกดูเป็นหมู่มุง ปะผู้หญิงเดินตามไล่ถามไต่ เข้าคว้าไขว่รวบรุมนางกุมถุง พวกที่ตามนางดำเนินเชิญกระบุง เดินออกยุ่งเกี้ยวพานสำราญใจ ฯ ๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราเสวยเสร็จ จะเสด็จไปลำเนาเขาไสว จึ่งชวนองค์พระอาจารย์อันชาญชัย กับท้าวไทปตาหวีให้ลีลา ลงจากอาสน์นาดกรายไปท้ายเขา ตามลำเนาสิงขรชะง่อนผา เป็นโตรกตรอกซอกหินล้วนศิลา มีธาราไหลย้อยดูพรอยพราย ที่สีเขียวดูเขียวดั่งมรกต เป็นหลั่นลดสีแดงดั่งแสงฉาย ที่ขาวช่วงพวงพู่ดูกระจาย บ้างเป็นสายสีดำดั่งน้ำนิล มีธารท่าหน้าชะง่อนสิงขรเขา เป็นวุ้งเว้าดั่งมหาชลาสินธุ์ มีโกสุมปทุมมาศดูดาษดิน ภุมรินคลึงเคล้าเสาวคนธ์ บาทหลวงแกเดินดูตามภูผา เห็นจินดาของวิเศษแจ้งเหตุผล แก่ไทท้าวเจ้าพาราจอมสากล ถ้าแม้นฝนแล้งไปให้บูชา อันแก้วนี้วิเศษมีเหตุผล จะสุกล้นส่องสว่างกลางเวหา ข้าเคยเห็นมีจำเพาะเกาะลังกา เมื่อศึกมาตั้งประชิดติดนคร ที่ลุกช่วงดวงใหญ่เหมือนไข่เป็ด สีเหมือนเพชรแจ่มจำรัสประภัสสร จงจำไว้เถิดท้าวเจ้านคร จะเย็นร้อนแจ้งเหตุในเภทภัย เจ้าบุรินทร์ปิ่นเกศประเทศสถาน ฟังอาจารย์ชี้แจงแถลงไข พระอาจารย์บอกเล่าให้เข้าใจ ของที่ในเขาเขินเนินอรัญ ท้าวยินดีปรีดาจะหาไหน ในดวงใจอิ่มเอมเกษมสันต์ จวนจะย่ำสุริยาลงสายัณห์ สั่งแต่บรรดาพหลสกลไกร จงกลับเข้าวังในอย่าได้ช้า เรียกรถากระบวนแห่แลไสว ทั้งธงเทียวเขียวขำอันอำไพ ฝ่ายท้าวไทขึ้นรถบทจร เชิญบาทหลวงกับพระยาปตาหวี เอารถมณีแจ่มจำรัสประภัสสร มาให้ทรงองค์ละรถบทจร ไปนครเวียงชัยดั่งใจปอง ฯ ๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ประไพวิไลลักษณ์ มาพร้อมพรักกับมารดามาทั้งสอง ขึ้นทรงรถมีกระจังที่นั่งรอง ทำด้วยทองโปร่งปรุฉลุลาย บาทหลวงเฒ่าแลดูเห็นผู้หญิง อีนี่พริ้งเพราเพริศดูเฉิดฉาย พลางตั้งคอแลดูไม่รู้วาย ทั้งร่างกายงามพร้อมไม่ผอมพี ขอให้ท้าวปตาหวีเห็นดีเหลือ ได้เป็นเชื้อร่วมรักสมศักดิ์ศรี ถึงเมียอ้ายมังคลาชมว่าดี กับอีนี่มันก็ไม่กระไรกัน แกนิ่งนึกอยู่ในใจแม้นได้ช่อง กูจะลองขอสู่เป็นคู่ขัน ให้อ้ายท้าวปตาหวีจะดีครัน ได้ผูกพันหน่วงเหนี่ยวเป็นเกี่ยวดอง แล้วจะได้ไปตีลังกาเกาะ เห็นจะเหมาะด้วยกำลังคนทั้งสอง แต่นิ่งนึกตรึกไปดั่งใจปอง พอถึงท้องถนนใหญ่ในบุรินทร์ แล้วลงจากรถามาที่อยู่ ขึ้นไปสู่เก๋งใหญ่ดั่งใจถวิล ฝ่ายไทท้าวเจ้าจังหวัดปัฐพิน มาพร้อมสิ้นเข้าเขตนิเวศน์วัง ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี แจ้งคดีเรื่องต้นแต่หนหลัง แถลงเล่าให้ท่านอาจารย์ฟัง ข้านึกหวังอยากจะใคร่ได้อนงค์ บาทหลวงเฒ่าจึ่งว่าดูน่ารัก มีใครชักเอาให้มึงไหลหลง เป็นเที่ยงแท้แต่อนุชบุษบง มึงยังหลงบ่นบ้าสารพัน ต้องรบพุ่งยุ่งยิ่งจริงไหมหวา เอ็งมันบ้ากามอยู่ดูมันขัน ยังมาปะอีนี่มันดีครัน อย่าหุนหันไปเลยหวาได้ท่าทาง กูจะพูดกับอ้ายพ่อค่อยขอสู่ จะจู่สู่ฉวยเขาตัดจะขัดขวาง แม้นมึงได้เขาเป็นเมียไม่เสียทาง ตามเยี่ยงอย่างพวกแขกไม่แปลกปน ฯ ๏ จะกล่าวถึงห้ากษัตริย์ซัดออกนอก สิ้นระลอกลมซาทั้งฟ้าฝน พอแจ่มแจ้งเห็นแสงพระสุริยน ที่มืดมนก็สว่างเห็นทางจร พวกล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น ก็พากันแล่นลัดตัดสิงขร ข้ามมหาสาคโรชโลธร ถึงนครกำพลเพชรในเจ็ดวัน พวกพหลพลไกรไพร่ทั้งหลาย ค่อยสบายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ รู้เข้าไปในประเทศขอบเขตคัน ว่าทรงธรรม์เสด็จมาทั้งห้าองค์ ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ยุรยาตรเสด็จไปพระทัยประสงค์ จะไปเชิญกษัตราทั้งห้าองค์ แล้วเสร็จลงไปถึงท่าชลาลัย สั่งให้เตรียมเรือที่นั่งบัลลังก์รัตน์ เรือกษัตริย์ทอดอยู่ท่าชลาไหล แต่พระองค์เสด็จทรงเรือบดไป พร้อมไสวแต่บรรดาข้าหลวงเดิม จอดประทับกับบัลลังก์ที่นั่งหงส์ แล้วพระองค์มังคลาปรีชาเฉลิม ขึ้นไปเฝ้าภูธรเหมือนก่อนเดิม เห็นจอมเจิมกราบก้มบังคมคัล ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร เบือนพระพักตร์พบพานพระหลานขวัญ จึ่งปราศรัยไต่ถามเนื้อความพลัน วิวาทกันอย่างไรหนาอายังแคลง พระมังคลากราบก้มบังคมบาท กับสองราชเชษฐาเจ้าเล่าแถลง ในเรื่องหลังโดยคดีทูลชี้แจง ที่เคลือบแคลงให้สามองค์พระทรงธรรม์ ฯ ๏ สินสมุทรเชษฐาจึ่งว่าเจ้า แต่ก่อนเก่าเมื่ออยู่ในไอศวรรย์ ทวีปวังลังกาสารพัน พวกญาตินั่นก็สมัครรักทุกคน เจ้าเชื่อคำอาจารย์สันดานชั่ว จึ่งหมองมัวว้าเหว่ระเหระหน ไม่พอที่จะได้ยากลำบากตน เพราะคบคนแหพาลสันดานตึง ฯ ๏ พระมังคลากราบก้มบังคมสนอง จิตคะนองเชื่อครูรู้ไม่ถึง ได้ชั่วช้าสามานย์สันดานดึง จึ่งโกรธขึ้งหมองมัวทั่วนคร แต่ครั้งนี้ได้องค์พระทรงเดช มาโปรดเกศเหมือนช่วยกลิ้งยกสิงขร หลานขอเชิญเสด็จไปในนคร ประทับร้อนให้สบายในบุรินทร์ พอจัดการบ้านเมืองให้เป็นสุข บรรเทาทุกข์จะตามไปดั่งใจถวิล เฝ้าบิดามารดาในธานินทร์ ให้ทรงศีลยกโทษโปรดประทาน ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ว่าไม่ขัดตามใจไปสิหลาน พลางตรัสชวนพวกพงศ์พระวงศ์วาน ไปชมบ้านเมืองเขาชาวบุรินทร์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาเจ้าฝาหรั่ง เรือที่นั่งจัดไว้สมอารมณ์ถวิล เรียกให้มารับพระองค์ทรงธรณิน พร้อมกันสิ้นลำที่นั่งทั้งดั้งกัน เชิญพระวงศ์พงศาทั้งห้ากษัตริย์ ไปจังหวัดกรุงไกรไอศวรรย์ แล้วจึ่งเชิญเสด็จองค์พระทรงธรรม์ เรือดั่งกันแห่มาในสาคร ถึงเมืองด่านธารท่าชลาสินธุ์ พร้อมกันสิ้นพวกทหารชาญสมร พวกบนฝั่งตั้งเตรียมพลากร ทั้งอัสดรรถรัตน์ชัชวาล เรือที่นั่งดั้งกันประทับท่า ขุนเสนานายหมวดตรวจทหาร ตั้งเครื่องแห่แตรสังข์กังสดาล รับพระผ่านรมจักรนครินทร์ เสด็จขึ้นตำหนักแพเกณฑ์แห่พร้อม ประณตน้อมบังคมสมถวิล ฝ่ายพระจอมมังคลาเจ้าธานินทร์ ขึ้นทรงสินธพดำนำไปพลัน ฝ่ายพระวงศ์พงศาคณาญาติ เสด็จราชรถใหญ่รีบผายผัน กระบวนแห่เดินคลอจรจัล รถสุวรรณขับพระยาอาชาไนย ทั้งเป่าแตรแซ่สำเนียงเสียงประสาน ก้องกังวานโกลาสุธาไหว เร่งกระบวนแสนยาให้คลาไคล เข้าเวียงชัยนคเรศเพชรกำพล ท้าวโกสัยอยู่กำกับรับเสด็จ พร้อมกันเสร็จคับคั่งทั้งพหล มาเตรียมเฝ้าเจ้าพิภพจบสกล ตามถนนเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ถึงจังหวัดหยุดราชรถา ประทับที่เกยชัยในพารา พระมังคลาเชิญเสด็จเสร็จข้างใน แล้วสั่งพวกเสนาพฤฒามาตย์ จัดปราสาทเรือนทองอันผ่องใส ทอดยี่ภู่ปูลาดอาสน์อำไพ แขวนดอกไม้พวงพุ่มปทุมทอง แล้วให้ตั้งเครื่องกระยาสุธาโภชน์ ล้วนเอมโอซอย่างดีไม่มีสอง ทั้งคาวหวานจัดจานจินดารอง ล้วนเครื่องทองถมยาราชาวดี นางสำหรับขับบำเรออย่างฝรั่ง มาพร้อมพรั่งสังคีตทั้งดีดสี แล้วทูลเชิญห้ากษัตริย์สวัสดี เสด็จที่ปรางค์มาศปวาสาทชัย ขึ้นสถิตบนเก้าอี้ที่เสวย เครื่องนมเนยตั้งเรียงเคียงไสว พวกอยู่งานกราบก้มบังคมไท แล้วแกว่งไกวโบกปัดพัชนี นางคนร้องพร้องเพราะเสนาะเสียง ก้องสำเนียงสังคีตทั้งดีดสี ทั้งฉิ่งกรับขับไม้มโหรี เสียงซอสีสอดเสียงจำเรียงพิณ เฉลิมยศภูวไนยเจ้าไตรจักร ประเสริฐศักดิ์สูงใหญ่ดั่งใจถวิล เสวยเสร็จกษัตราทุกธานินทร์ พร้อมกันสิ้นวงศ์กษัตริย์ขัตติยา ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ ก็ลีลาศน้อมประนมก้มเกศา อภิวาทบาทบงสุ์องค์พระอา กษัตราสินสมุทรสุดสาคร ทั้งกฤษณาตรีพลำนางคำนับ พระก็รับหัตถาสุดาสมร พระศรีสุวรรณตรัสถามนามกร ว่าบังอรบุตรพระยาพาราใด พระมังคลากราบก้มประนมบาท ว่านุชนาฏนี้เป็นบุตรท้าวโกสัย ชื่อบุษบงกัลยาสุมาลัย จงทราบใต้บาทาฝ่าธุลี ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นรมจักร เธอพิศพักตร์กัลยาเห็นราศี จึ่งอวยพรว่าพิพัฒน์สวัสดี จงเปรมปรีดิ์ในสมบัติให้วัฒนา เจ้าทั้งสองครองคู่อยู่เป็นสุข อย่ามีทุกข์สืบวงศ์เผ่าพงศา อันโรคภัยก็อย่าได้มาบีฑา ทั้งมังคลาบุษบงจงจำเริญ มีอายุก็ให้ยืนหมื่นวษา ครองพาราอย่ารู้ตกระหกระเหิน เหมือนพรอาว่าไว้ให้จำเริญ จงเพลิดเพลินเกิดลาภปราบไพริน พระมังคลาบุษบงอนงค์นาฏ อภิวาทรับพระพรถาวรถวิล ฝ่ายพระจอมรมจักรนครินทร์ ธิบดินทร์ขึ้นข้างในที่ไสยา ฯ ๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ เสร็จลีลาศกลับพลันด้วยหรรษา เข้าข้างในไปห้องทองไสยา พระมังคลากลับมายังที่ปรางค์ทอง พระสั่งเสร็จแต่บรรดาข้าหลวงใหญ่ ให้เลี้ยงไพร่เลี้ยงพหลคนทั้งผอง ทั้งขุนนางน้อยใหญ่ดั่งใจปอง อย่าให้ข้องเคืองขัดอัธยา แล้วจัดของลงไปในกำปั่น เลี้ยงพลขันธ์ไพร่นายทั้งซ้ายขวา ทั้งเครื่องกินเอมโอชโภชนา กับข้าวปลาของตระการทั้งหวานมัน พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร เข้าปรางค์มาศพรรณรายอันฉายฉัน สถิตย์แท่นฝาพระฉายลายสุวรรณ นางกำนัลโทนทับขับบำเรอ มโหรีสีซอบ้างรอรับ ประโคมขับจำเรียงเสียงเสนอ ตามเยี่ยงอย่างจอมกษัตริย์จัดบำเรอ เมื่อท้าวเธอไสยาในราตรี ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ ครั้นสุริย์ฉันส่องฟ้าในราศี ฟื้นพระองค์สรงสุคนธวารี เสด็จที่พระโรงรัตน์ชัชวาล พร้อมพระวงศ์พงศาคณาญาติ สถิตอาสน์รจนามุกดาหาร พระมังคลากราบประณตบทมาลย์ เชิญพระผ่านรมจักรนครินทร์ เสด็จไปชมเขาแดงแสงระยับ กระจ่างจับทั่วมหาชลาสินธุ์ เป็นสีแสงแดงดั่งชาดดาษดิน ในที่ถิ่นกายสิทธิ์ฤทธิรอน ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ บรมนาถบพิตรอดิศร จะเสด็จออกไปท้ายนคร ชมสิงขรสีแดงดั่งแสงไฟ พระมังคลาให้เตรียมม้าพระที่นั่ง พร้อมสะพรั่งเกณฑ์แห่แลไสว หกกษัตริย์ทรงม้าอาชาไนย เสด็จไปตามแถวแนวอรัญ ชมพฤกษายางยูงสูงไสว มะเฟืองมะไฟโศกสนุ่นขนุนขนัน มะม่วงมะปรางลางสาดดาดอรัญ พิกุลพิกันเกดแก้วแถวพุมเรียง มะทรางไทรไกรกุ่มกระทุ่มกระถิน อินทนิลแต้วตาดมะหาดมะเหียง มะขามมะค่าตาเสือมะเดื่อเรียง ตุมกาเคียงกระเบาเหล่าพะยอม กระแบกกระบากซากซึกสมีสมอ สะคร้านสะคร้อจันทน์อินส่งกลิ่นหอม ฝูงวิหกโกกิลาแลกาตอม ต้นพะยอมพระยาลอซ้อสำเนียง ฝูงนกแก้วจับนิ่งบนกิ่งเกด มยุเรศจับรังประดังเสียง สาลิกาจับกาหลงส่งสำเนียง โกญจาเรียงจับรังแล้วบังตัว กระลุมพูจับกิ่งกระลำพัก นกกาสักจับสนขนสลัว ฝูงขมิ้นจับแมงเม่าดูเมามัว นกกระตั้วจับตาตุ่มเข้าซุ้มนอน ฝูงกาลิงจับกิ่งอุโลกเลียบ มยุรเหยียบยางเรี่ยงคียงสลอน นกคับแคจับคางไม่ห่างจร ดุเหว่าว่อนจับหว้าร้องจ้าไป ฝูงเซาเซียวจับแคออกแซ่ซ้อง กระทุงทองจับกระทุ่มบนพุ่มไสว ฝูงกระสาจับมะสังเข้าบังใบ ระวังไพรระวังพงส่งสำเนียง ฝูงกระทาจับกระทึงขันอึงจ้า ควักข้าวตากฝากตาภาษาเสียง โพระดกจับประดู่เคล้าคู่เคียง โกญจาเรียงจับจันทน์ขันโกญจา วิหคหงส์จับเหียงเสียงเสนาะ ฟังก็เพราะล้วนแต่หงส์ส่งภาษา หกกษัตริย์ทอดทัศนามา จนถึงหน้าเขาแดงแห่งคีรี พวกที่ไปกายสิทธิ์ติดเนื้อหนัง ดังย้อมครั่งสุกแดงเป็นแสงสี ต่างแลดูพวกพหลแลมนตรี ก็เป็นสีแดงสดดูงดงาม หกกษัตริย์ทัศนาเห็นปรากฏ ทั่วกันหมดทั้งจังหวัดจึ่งตรัสถาม เป็นเหตุแต่ก่อนเก่าพ่อเล่าความ ให้รู้ตามของสิ่งใดอยู่ใต้ดิน พระมังคลาเธอจึ่งทูลมูลเหตุ ว่าเหล็กวิเศษเกิดในธารละหานหิน แต่ก่อนเก่าเจ้าจังหวัดปัถพิน ให้ขุดดินลงไปได้สาตรา เป็นพระขรรค์ฟันสิ่งใดเป็นไฟลุก ได้ดับทุกข์ปรากฏด้วยยศถา อันพระขรรค์เล่มนี้มีศักดา กษัตราสืบวงศ์ดำรงวัง ครั้นพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ ผ่านสมบัติปราบศึกเหมือนนึกหวัง พระขรรค์ชัยเล่มนี้คู่ชีวัง จะนอนนั่งเธอไม่วางให้ห่างองค์ เมื่อแรกข้ามาอยู่ในเมืองนี้ พระภูมีรักใคร่พระทัยประสงค์ เลี้ยงเหมือนบุตรนับถือว่าซื่อตรง ท้าวทิวงคตไปได้บุรี แต่ครั้งไปลังกาวายุพัฒน์ เขาเคืองขัดให้อ้ายยักษ์มาลักหนี หลานตามไปงอนง้อขอโดยดี เขาก็มิให้ปันแต่นั้นมา พระทูลความตามเรื่องแต่เบื้องหลัง ให้ทรงฟังกับพระองค์เผ่าพงศา ต่อสุริยงเย็นพยับเสร็จกลับมา เข้าพารานคเรศเพชรกำพล ฯ ๏ ฝ่ายสองท่านพราหมณ์มหาพฤฒาเฒ่า เข้าไปเฝ้าทูลแถลงแจ้งนุสนธิ์ พระปราศรัยไต่ถามตามยุบล แต่เรื่องต้นท่านได้รู้แต่บูราณ ท่านยายเฒ่าคนนี้ผู้ดีเก่า รู้เรื่องราวในบุรินทร์ทุกถิ่นฐาน ด้วยท่านตาสวามีเป็นอาจารย์ แจ้งในการกลียุคทุกบุรินทร์ อันเรื่องราวมาแต่ครั้งตั้งนิเวศน์ แกรู้เหตุทูลองค์พระทรงศิลป์ ฝ่ายพระจอมรมจักรนครินทร์ เธอทราบสิ้นพราหมณ์อาจารย์บรรยาย แล้วตรัสกับมังคลาว่าอย่านึก อันการศึกเสร็จสมอารมณ์หมาย จะลาเจ้าไปธานีทั้งพี่ชาย มาอยู่หลายเดือนตราทิวาวัน ฯ ๏ พระมังคลากราบก้มบังคมสนอง หลานจะรองมุลิกาจนอาสัญ ขอตามไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ยังเขตขัณฑ์ลังกาจงปรานี เฝ้าบิตุราชมาตุรงค์ให้ทรงทราบ ว่าเข็ดหลาบมาประณตบทศรี จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี ให้ภูมีงดโทษโปรดประทาน สามกษัตริย์ตรัสว่าที่ปรารภ ถูกขนบกษัตรามหาศาล อย่างนี้ต้องตามอย่างทางโบราณ จะเบิกบานทั่วอาณาประชาชน ฯ ๏ พระมังคลามาสั่งขุนทหาร ให้เตรียมการพร้อมพรั่งทั้งพหล พวกจัตุรงค์เสนาพลาพล ให้เร่งขนเสบียงไปใส่เภตรา จัดกำปั่นประจำท่าสักห้าร้อย เครื่องใช้สอยสารพัดเร่งจัดหา เชิญท่านครูผู้เฒ่าเฝ้าพารา กับเสนาพวกที่อยู่ช่วยดูการ มอบให้ก้าวโกสัยทั้งไอศวรรย์ ช่วยป้องกันทั้งนิเวศน์เขตสถาน ถ้าแม้นเกิดอรินทร์ทมิฬมาร กับอาจารย์ช่วยกันปราบกำราบภัย ฝ่ายพระมิ่งมังคลานรารัตน์ เรียกสามกษัตริย์มาแจ้งแถลงไข มาไปเฝ้าอัยกาจะพาไป กับสามไทบิตุลาเจ้าธานี พระก็นำบุตรามาปราสาท ให้กราบบาทบงกชบทศรี ทั้งสามองค์พงศ์กษัตริย์สวัสดี หมอบอยู่ที่ข้างพระวงศ์องค์บิดา ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นสยาม จึงตรัสถามหลานรักเสน่หา ดูรูปร่างก็สำอางสะอาดตา คล้ายบิดางามงามทั้งสามคน เจ้าจะไปหรือจะอยู่ปู่จะถาม จงแจ้งความปู่จะฟังยังฉงน พระเทวสินธุ์ทูลแถลงแจ้งยุบล เมืองกำพลประเดี๋ยวนี้ไม่มีใคร พระบิตุรงค์ให้รักษาอาณาเขต ถิ่นประเทศพวกคนธรรพ์มักหวั่นไหว แม้นธานินทร์ถิ่นที่ไม่มีใคร ถึงเกิดไพรีบุกมารุกราน ก็เฉยเสียทั้งพิภพไม่รบสู้ แม้นมีผู้ตั้งหน้าจึ่งกล้าหาญ จึ่งต้องอยู่พาราบัญชาการ ให้ถิ่นฐานนคเรศนิเวศน์วัง ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ สั่งให้จัดเครื่องประทานสังวาลหวัง เอามาแต่รมจักรนัครัง ประทานทั้งสามนัดดาให้ถาวร กลดกระบี่ที่สำหรับประดับยศ ฝังมรกตเพชรรัตน์ประภัสสร กับเครื่องต้นสำหรับทรงอลงกรณ์ ประทานพรให้พิพัฒน์สวัสดี จงสุขังมังคลาให้ปรากฏ เฉลิมยศหลานรักเป็นศักดิ์ศรี ให้อายุยาวยืนสักหมื่นปี ปราบไพรีชนะชัยในณรงค์ สามกษัตริย์รับพรถาวรสวัสดิ์ ประสานหัตถ์ชื่นชมสมประสงค์ ฝ่ายพระจอมกษัตราทั้งห้าองค์ เสด็จลงเภตราในราตรี พร้อมทั้งพวกจัตุรงค์ส่งเสด็จ มาเตรียมเสร็จรถรัตน์ทั้งหัตถี ฝ่ายพระมิ่งมังคลาเจ้าธานี เสด็จไปที่ปรางค์มาศปราสาทชัย แล้วทั้งนุชบุษบงอนงค์สมร พี่จะจรไปลังกาพลางปราศรัย เจ้าอยู่หลังจงระวังการเวียงชัย เอาใจใส่พระบิดาทั้งอาจารย์ พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร จากปราสาทรจนามุกดาหาร มาพร้อมทั้งหกองค์พระวงศ์วาน จากสถานขึ้นทรงรถบทจร เดินกระบวนทวนธงลงกำปั่น พลขันธ์เซ็งแซ่แห่สลอน พร้อมทั้งพวกเสนาพลากร โห่สะท้อนเสียงก้องท้องทะเล พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก ให้เร่งออกกำปั่นแล่นหันเห ให้ตั้งเข็มตรงหน้าอาคเนย์ ออกทะเลเข็มตั้งไปลังกา ฯ ๏ ชมละเมาะเกาะเกียนดั่งเขียนวาด รุกขชาติเขียวชอุ่มพุ่มพฤกษา ที่ชายหาดมีหอยแครงฝูงแมงดา ตามชลาเต่ากระต่ายว่ายปะปน เหล่าปูหอยลอยเป็นแพแลสะพรั่ง ทั้งกุ้งกั้งว่ายเกลือกเสลือกสลน ฝูงกริวกราวมากมายในสายชล เที่ยวว่ายวนดาษดาในสาคร เล่ามัจฉาปลาใหญ่ในสายสมุทร บ้างดำผุดเรียงรายว่ายสลอน ฝูงเพียนทองท่องท้องชโลธร เที่ยวว่ายว่อนดาษดาในวาริน ฝูงฉนากล้วนฉนากปากเหมือนเลื่อย ดูยาวเฟื้อยฟัดฟาดขาดเป็นสิน ฝูงพิมพาพาพิมพาเที่ยวหากิน โลมาดิ้นดำโผล่ล้วนโลมา เหล่าฉลามล้วนฉลามว่ายตามคลื่น ดูดาษดื่นล้วนฉลามตามภาษา ฝูงปลาวาฬอยู่ในวนพ่นธารา สายคงคาดูก็ขาวเท่าต้นตาล อันฝูงปลาหน้าเหมือนคนก้นเป็นหอย ตัวน้อยน้อยปลาใหญ่ไล่ประหาร หน้าเป็นวัวตัวเป็นปลาสัตว์สาธารณ์ เที่ยวว่ายพล่านอยู่ในห้องท้องทะเล จำพวกหนึ่งตัวเป็นปลาหน้าเหมือนค่าง มีต่างต่างตามกันว่ายหันเห อันฝูงสัตว์น้อยใหญ่ในทะเล เหลือคะเนมากมายมีหลายพรรณ พระสุริยงลงลับพยับฟ้า พระจันทราส่องสว่างทางสวรรค์ ดารารายพรายแพร่งรับแสงจันทร์ พระพายผันพัดมาในสาคร น้ำค้างพรมลมเรื่อยมาเฉื่อยชื่น นภางค์ฟื้นแจ่มจำรัสประภัสสร เรือก็เรื่อยเฉื่อยมาในสาคร พวกนิกรแต่บรรดาที่มาเรือ เสพย์อาหารหวานคาวคราวเป็นสุข ไม่มีทุกข์ไพร่นายสบายเหลือ หกกษัตริย์เสด็จสบายบนท้ายเรือ สถิตเหนือแท่นทองคำในลำทรง แล้วเสวยพระกระยาสุธาโภชน์ ที่เอมโอษฐ์แต่ล้วนของต้องประสงค์ ที่บนโต๊ะพร้อมพรั่งทั้งพระวงศ์ เสวยสรงค่อยเป็นสุขทุกทิวา พระสุริยงลงลับพยับฝน เป็นหมอกมนมืดมิดทุกทิศา เรือกำปั่นแล่นหลามตามกันมา พระพายพาพัดเข้าอ่าวเมืองเซ็น ฯ ๏ จะกล่าวถึงนัดดาวายุพัฒน์ ผ่านสมบัติเป็นสุขไม่ยุคเข็ญ พ่อตาตั้งให้เป็นท้าวเจ้าเมืองเซ็น ทุกเช้าเย็นสถิตอาสน์ว่าราชการ อาญาสิทธิ์ยิ่งกว่าท้าวแต่เก่าก่อน ราษฎรอิ่มเอมเกษมศานต์ มีเศรษฐีที่ตำแหน่งราชการ ตั้งโรงร้านห้างใหญ่ขายจินดา ฝรั่งแขกแปลกภาษาก็มาซื้อ ชอบฝีมือเจียระไนหลายภาษา ทั้งข้าวของขายดีมีราคา เรือไปมามิได้เว้นเป็นนิรันดร์ พวกอาณาประชาชนคนทั้งหลาย ตั้งซื้อชายอิ่มเอมเกษมสันต์ บ้านขุนนางตั้งรอบเป็นขอบคัน ในเมืองนั้นฝึกทหารชำนาญปืน ถึงข้าศึกมาแต่ไหนเขาไม่พรั่น เพราะเขานั้นเป็นกำแพงดูแข็งขืน ตั้งหอไว้เป็นชั้นกันลูกปืน ในภูมิพื้นทำนาทั้งตาปี ทั้งลูกไม้ผักปลาผลาผล ไม่ขัดสนกว้างใหญ่ในวิถี ทั้งสองข้างมรรคาข้าวสาลี ขายไปที่ต่างประเทศทุกเขตคัน ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายหกกษัตริย์ตัดเข้าอ่าว พอฟ้าขาวเห็นกรุงไกรไอศวรรย์ พวกกล้าต้าต้นหนคนสำคัญ ดูแม่นมั่นแจ้งเรื่องว่าเมืองเซ็น พลางกราบทูลทรงเดชเกศกษัตริย์ พระจึ่งตรัสว่าให้ทอดจอดพอเห็น อย่าเพ่อเข้าไปก่อนดูร้อนเย็น จะว่าเป็นข้าศึกจะนึกแคลง ฝ่ายข้างพวกกองตระเวนเห็นกำปั่น ประมาณพันคิดว่าศึกให้นึกแหนง จำจะแล่นเข้าไปถามดูตามแคลง จะได้แจ้งเหตุการณ์สถานใด แล้วรอราซาใบเข้าไปหา แล้วถามว่ามาแต่เขตประเทศไหน ดูมิใช่พาณิชเราผิดใจ ท่านจงได้แจ้งกระจ่างในทางความ พวกกำปั่นนั้นจึ่งว่าใช่ข้าศึก เจ้าผลึกผู้บำรุงกรุงสยาม ท่านจงกลับไปประมูลทูลเนื้อความ ให้ต้องตามเยี่ยงอย่างทางโบราณ พวกตระเวนได้สดับก็กลับหลัง แล่นมายังปากอ่าวแล้วเล่าขาน ให้นายใหญ่รู้แจ้งแสดงการ ท่านขุนด่านเรียกม้าใช้ให้ไปพลัน ทูลพระจอมนครินทร์ผู้ปิ่นเกศ ให้ทรงเดชจอมวังนรังสรรค์ ฝ่ายม้าใช้รีบไปถึงวังพลัน แจ้งกับท่านเสนีผู้ปรีชา พอพระปิ่นนคราวายุพัฒน์ ออกแท่นรัตน์เสนาในเฝ้าซ้ายขวา ตัดสินความสิ่งใดในพารา ด้วยปรีชาสารพัดเป็นสัตย์ธรรม บรรดาเหล่าเสนาประชาราษฎร์ ใครขัดขาดก็ช่วยชุบอุปถัมภ์ ไม่คุมเหงเกรงกลัวเห็นตัวกรรม อาจารย์พร่ำชี้แจงให้แจ้งใจ เธอตัดสินข้อความไม่หยามหยาบ ถึงบุญบาปมั่นคงไม่หลงใหล สละละเพศฝรั่งถือข้างไทย แต่ยังใส่เสื้อกางเกงเกรงพ่อตา ฝ่ายเสนีที่เป็นใหญ่ได้โอกาส เข้ากราบบาททูลความตามเลขา เมืองปากน้ำตะวันออกบอกเข้ามา ว่าเภตรามาประมาณสักพันปลาย เรือตระเวนแล่นใบออกไปถาม ครั้นแจ้งความพากันรีบผันผาย ว่ากำปั่นที่มาทอดเข้าจอดราย ที่ตามชายธารท่าในสาคร ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นผลึก ถึงแต่ดึกมาทอดรายชายสิงขร ว่ามิใช่ศัตรูพระภูธร ให้รีบจรคืนมาเฝ้าเล่าคดี ฯ ๏ ป่างพระจอมนคราวายุพัฒน์ ได้ทราบอรรถปรีดิ์เปรมเกษมศรี จึ่งตรัสสั่งพวกพหลแลมนตรี จะไปที่ปากอ่าวเฝ้าบิดา เมืองผลึกธิบดินทร์คือปิ่นเกล้า จะไปเฝ้าได้บังคมกัมเกศา ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นปรางค์ปรา ทูลกิจจากับท่านท้าวเป็นเค้ามูล ฯ ๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพ่อตาเธอปราโมทย์ สมประโยชน์ในพระปิ่นบดินทร์สูร ข้าจะต้องไปรับคอยกราบทูล เชิญประยูรมาวังบังคมคัล ครั้นตรัสเสร็จแล้วเสด็จออกข้างหน้า สั่งเสนาน้อยใหญ่จัดไอศวรรย์ ที่ปรางค์มาศปราสาทชัยให้พรายพรรณ รับทรงธรรม์เสด็จมาถึงธานี เร่งเตรียมรถแก้วมณีศรีสวัสดิ์ จงปูปัดให้สำอางกระจ่างศรี ทั้งเครื่องลาดถาดจำลองล้วนของดี บรรดามีแปดรถให้งดงาม กระบวนแห่แตรสังข์ให้พรั่งพร้อม ไปรับจอมนครินทร์ปิ่นสยาม จงจัดแจงตามยศให้งดงาม แล้วรีบตามลงไปดั่งใจปอง เธอสั่งเสร็จแล้วให้หาวายุพัฒน์ เร็วรีบรัดไปประมูลทูลฉลอง จะไปเชิญภูวไนยดั่งใจปอง ได้รับรองเธอเข้าในไพชยนต์ ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นทรงม้า พร้อมเสนาคับคั่งทั้งพหล จัตุรงค์เสนาพลาพล จรดลออกจากเขตนิเวศน์วัง วายุพัฒน์สุริย์วงศ์ทรงสินธพ เลี้ยวตลบตามไปดั่งใจหวัง พลางออกจากนคเรศนิเวศน์วัง เสด็จยังเมืองด่านชานบุรินทร์ ครนถึงที่เสด็จลงทรงที่นั่ง เรือบัลลังก์รีบไปในกระสินธุ์ เร่งกระบวนด่วนมาในวาริน พร้อมกันสิ้นเรือแพเสียงแจจัน ถึงประทับกับบัลลังก์ที่นั่งหงส์ เขาชักธงสิแดงดูแข็งขัน ขุนเสนามาเชิญเสด็จพลัน ให้จรจรัลขึ้นไปในเภตรา ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ออกแท่นรัตน์พร้อมพระวงศ์เผ่าพงศา ขุนเสนีกราบทูลมูลิกา ว่าองค์วายุพัฒน์ท้าวเจ้าเมืองเซ็น จะมาเฝ้าธิบดินทร์ปิ่นพิภพ จัดมาครบเรือบัลลังก์ทั้งดั้งเขน กระบวนแห่แลตลอดจอดระเนน เห็นจะเกณฑ์กันมาเชิญดำเนินไป ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์สินสมุทร ทราบว่าบุตรเสด็จมาพลางปราศรัย แล้วเชิญท้าวเจ้าพ่อตาให้คลาไคล เสด็จขึ้นไปบนกำปั่นด้วยทันที พาไปเฝ้าพระเจ้าอาบรรดาญาติ ให้นั่งอาสน์พรรณรายท้ายบาหลี ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นบุรี เธอเปรมปรีดิ์แย้มเยื้อนเอื้อนโองการ ปราศรัยทักท้าวพ่อตาวายุพัฒน์ ในจังหวัดนัคเรศประเทศสถาน นิราศทุกข์สุโขมโหฬาร หรือภัยพาลย่ำยีมาบีฑา ฝ่ายไทท้าวเจ้านิเวศน์เขตจังหวัด ประสานหัตถ์บังคมก้มเกศา อันทุกข์โศกมิได้มีมาบีฑา อันพารายกเลยให้เขยครอง ดูก็ร่มบารมีเย็นที่สุด เป็นมงกุฎสิบหล้าฟ้าฉลอง ซึ่งภาระหนักอกเรื่องปกครอง เมื่อก่อนต้องหนักหน้าเร่งอาวรณ์ ด้วยชราว่าการมักลืมหลง ขอทูลองค์บพิตรอดิศร จึงยกให้เขยขวัญผ่านนคร ราษฎรเต็มใจขอให้เป็น อันตัวข้าเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน ได้นั่งนอนบริบูรณ์ไม่ขุ่นเข็ญ พอได้พึ่งบุญเขาทุกเช้าเย็น จะได้เป็นสุขากว่าจะตาย ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ ได้ทราบเหตุท้าวประมูลทูลถวาย พระจึ่งมีโองการแก่หลานชาย จงฝากกายฝากตัวกลัวพ่อตา ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร เห็นราชบุตรมาบังคมก้มเกศา แล้วกราบกรานสุริย์วงศ์องค์พระอา แต่บรรดาพวกประยูรสกุลวงศ์ จึ่งทูลถามมังคลาว่าอานี้ กลับมาดีโดยนิยมสมประสงค์ รู้จักญาติน้ำเนื้อในเชื้อวงศ์ หรือยังหลงลิ้นครูผู้อาจารย์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ จึ่งเล่าเหตุเรื่องราวที่ราวฉาน บาทหลวงเฒ่าทำอุบายหลายประการ จนเกิดการรบราถึงฆ่าฟัน บอกไปถึงพี่ยากับข้าด้วย ยกมาช่วยรบรับเป็นทัพขัน กำลังรบเกิดวิบัติอัศจรรย์ สลาตันพัดมาในวารี แล้วเกิดฝนตกไม่หยุดสุดจะคิด ทั้งมืดมิดหมอกมัวทั่ววิถี ไม่เห็นหนสุริยาห้าราตรี พายุตีแตกพลัดกระจัดกระจาย เอาความหลังทั้งนั้นมาเล่าแจ้ง ที่เคลือบแคลงให้กระจ่างสว่างฉาย วายุพัฒน์ทราบเรื่องแต่เบื้องปลาย ก็ค่อยคลายความโกรธพิโรธอา แล้วจึงเชิญพวกพระวงศ์พงศ์กษัตริย์ ให้จังหวัดทุกพระองค์เผ่าพงศา ให้เสด็จเรือที่นั่งอลังการ์ ที่จัดมารีบไปในนคร ฯ ๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ ชวนพระญาติบพิตรอดิศร เสด็จลงเรือที่นั่งอลังกรณ์ โห่สะท้อนเรือกระบวนทั้งทวนธง ก็เซ็งแช่แตรสังข์ประดังเสียง ก้องสำเนียงดั้งกันสุวรรณหงส์ พายแห่ห้อมล้อมบัลลังก์ที่นั่งทรง กระบวนตรงมาหยุดพักตำหนักแพ เชิญพระวงศ์ทรงศักดิ์พักประทับ พวกบกรับขึ้นไปไม่ห่างแห ฝ่ายเสนีสี่หมู่คอยดูแล มาอัดแอรถรัตน์อัสดร ทั้งเครื่องสูงยืนเรียงเคียงสลับ ดูคั่งคับตามหมู่ดูสลอน ทั้งธงเทียวเขียวแดงแย่งมังกร ธนูศรเสโล่โตมรา ทั้งปี่กลองสองข้างวางระยะ กลองชนะเรียงรายทั้งซ้ายขวา ทั้งพิณพาทย์ดีดสีปี่ชวา แต่บรรดาเกณฑ์แห่แซ่สำเนียง แล้วเชิญองค์พงศ์กษัตริย์ขึ้นทรงรถ พร้อมกันหมดสังข์แตรเซ็งแซ่เสียง กลองชนะดีดสีปี่จำเรียง ประสานเสียงก้องดังกังสดาล กระบวนหน้ามีม้าเดินนำริ้ว แลเป็นทิ้วธงทวนล้วนทหาร ถึงนิเวศน์เขตแคว้นแสนสำราญ พวกทหารปืนเรียงเคียงกันไป พอรถทรงหยุดประทับคำนับน้อม ขุนนางพร้อมหมอบเรียงเคียงไสว วายุพัฒน์เชิญปวะเวศเสร็จข้างใน ปรางค์ชัยพร้อมพระวงศ์พงศ์ประยูร ตั้งเครื่องอานพานทองของเสวย ทั้งนมเนยสำหรบไทเจ้าไอศูรย์ เครื่องคาวหวานสารพันอันจำรูญ เชิญประยูรภูวไนยอัยกา ให้เสวยเนยนมขนมหวาน เครื่องตระการหลายอย่างต่างภาษา แต่ล้วนของเอมโอชโภชนา กษัตราเสร็จสบายอยู่หลายวัน ฯ ๏ ฝ่ายองค์พระนัดดาวายุพัฒน์ เข้าแท่นรัตน์ราชัยไอศวรรย์ ให้นุชนาฏศศิธรจรจรัล ไปอภิวันท์ภูวนาถพระญาติวงศ์ ฝ่ายโฉมฉายให้ละอายระคายเขิน ทั้งหมางเมินคิดในใจไม่ประสงค์ อายผมเผ้าเศร้าอารมณ์ไม่สมทรง มันเวียนวงยุ่งยิ่งเหมือนลิงไพร จึ่งทูลว่าข้าแต่องค์พระทรงเดช จงโปรดเกศกรุณาอัชฌาสัย น้องอายองค์กษัตรามาแต่ไกล เพราะว่าไม่เหมือนกับเขาชาวบุรี วายุพัฒน์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น เอาแพรพันเสียให้มิดปิดเกศี แม้นใครถามจงแถลงแจ้งคดี ว่าเกศรีให้ระบมเป็นลมตะกัง นางเห็นชอบทูลตอบพระสามิศ ช่างทรงคิดถูกอารมณ์สมเหมือนหวัง พระคิดดีชี้ช่องให้น้องฟัง ลุกไปนั่งส่องกระจกโพกแพรดำ แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส คาดเข็มขัดลายลงยาเลขาขำ ใส่สะอิ้งเรืองรองล้วนทองคำ ดูคมขำพริ้งพร้อมไม่ผอมพี พลางออกจากปรางค์มาศราชฐาน ตามภูบาลไปประณตบทศรี บังคมองค์พงศ์กษัตริย์สวัสดี พระภูมีปราศรัยในอนงค์ อันปู่นี้พึ่งได้มาพาราหลาน ก็สำราญชื่นชมสมประสงค์ มาพบแต่หนอเนื้อในเชื้อวงศ์ สมประสงค์จะได้รักรู้จักกัน นางนบนอบตอบสนองขอรองบาท ภูวนาถอัยกาจนอาสัญ แล้วนางจึ่งกราบก้มบังคมคัล พระทรงธรรม์อวยชัยให้เจริญ จงสุขังมังคลาเป็นผาสุก นิราศทุกข์ยศยงอย่างหงส์เห็น ครองพิภพราชัยให้จำเจริญ จงเพลิดเพลินในสมบัติกษัตรา ทั้งสององค์ทรงรับพระพรแล้ว ก็ผ่องแผ้วแสนโสมนัสา ศิโรราบกราบก้มบังคมลา พากันมาปรางค์ทางทั้งสององค์ หกกษัตริย์นัดดาทั้งอาหลาน แสนสำราญชื่นชมสมประสงค์ จะกลับยังเวียงชัยดังใจจง จึ่งลาองค์ไทท้าวเจ้านคร กับวายุพัฒน์นัดดาว่ามาอยู่ ทั้งอาปู่ก็เป็นสุขสโมสร จะพามังคลาเข้าเฝ้าบิดร ให้ภูธรทราบเรื่องหายเคืองกัน ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาวายุพัฒน์ เธอจึ่งตรัสเรียกเหล่านางสาวสรรค์ ไปบอกกรมแสงข้างหน้าเข้ามาพลัน เชิญพระขรรค์เข้ามาอย่าช้าที นางสาวใช้รีบออกไปแล้วแจ้งเหตุ ว่าทรงเดชผู้บำรุงซึ่งกรุงศรี ให้เชิญพระขรรค์ไปถวายในบูรี อย่าช้าทีไวไวไปในวัง กรมแสงหยิบพระขรรค์รีบผันผาย ไปถวายท้าวไทดั่งใจหวัง วายุพัฒน์รับพระขรรค์ขึ้นบัลลังก์ ถวายมังคลาพลันด้วยทันที เมื่อแรกเริ่มเดิมข้าได้ว่าไว้ แม้นพาไปน้อมประณตบทศรี ทั้งสององค์พงศ์กษัตริย์สวัสดี พระอัยกีอัยกาดั่งว่าวอน ก็สมดั่งปราถนาเหมือนว่าไว้ หลานจึ่งให้แก่บพิตรอดิศร จงรับไปปราบประจาให้ถาวร ครองนครให้เป็นสุขสิ้นทุกข์ภัย พระมังคลาสรรเสริญเจริญยศ ให้ปรากฏยืนยงอสงไขย ห้ากษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบใจ พ่อนี้ใจซื่อแท้ไม่แชเชือน จึ่งตรัสกับมังคลานราราช จงรักญาติรักวงศ์ให้จงเหมือน ตั้งแต่นี้ดีให้แน่อย่าแชเชือน ทำให้เหมือนวายุพัฒน์เขาสัตย์ธรรม์ พระมังคลากราบก้มบังคมบาท จะรักญาติไปจนกว่าจะอาสัญ ด้วยสัตย์ซื่อถือวงศ์ตรงต่อกัน เชิญทรงธรรม์รู้เห็นเป็นพยาน ถ้าแม้นไม่ซื่อตรงต่อวงศา ขอเทวาผู้เป็นเจ้าจงเผาผลาญ ครั้นเสร็จเรื่องตั้งสัตย์ปฏิญาณ พระผู้ผ่านรมจักรนัครินทร์ กับกษัตริย์ห้าพระองค์ในวงศ์ญาติ จากปราสาทจะกลับหลังดังถวิล พอจงอยู่สุขาอย่าราคิน ครองแผ่นดินลาภยศปรากฏไป ฯ ๏ สินสมุทรภุชพงศ์เธอทรงตรัส กับวายุพัฒน์ลูกยาอัชฌาสัย มีทุกข์ร้อนเหตุการณ์สถานใด จงบอกไปทุกพาราบรรดาวงศ์ สุดสาครมังคลาบรรดาญาติ สั่งพระราชนัดดาตามความประสงค์ จะต้องการสิ่งใดในใจจง อาจะส่งมาให้เหมือนใจปอง วายุพัฒน์กราบก้มประนมหัตถ์ แล้วมาจัดรถสุวรรณผันผยอง ทั้งเกณฑ์แห่แตรสังข์นั่งสำรอง โดยทำนองพร้อมพรั่งเหมือนอย่างเดิม เชิญเสด็จทุกพระองค์ขึ้นทรงรถ พร้อมกันหมดวงศาปรีชาเฉลิม เดินกระบวนพร้อมพรั่งเหมือนอย่างเดิม เครื่องเฉลิมเกียรติยศหมดทุกองค์ เสด็จถึงเมืองด่านชานสมุทร ทรงเรือครุฑไปกำปั่นสุวรรณหงส์ ให้ใช้ใบแล่นลัดตัดทางตรง ลมก็ส่งพัดมาในสาคร ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพ่อตากับวายุพัฒน์ ส่งกษัตริย์บพิตรอดิศร แล้วเสด็จกลับหลังยังนคร ขึ้นบรรจถรณ์ที่สถิตอิศรา ฯ ๏ หกกษัตริย์แล่นไปในสมุทร ไม่ยั้งหยุดพร้อมกันต่างหรรษา เอาเข็มตั้งจำเพาะเกาะลังกา พระพายพาแรงจัดสะบัดใบ เรือก็แล่นราวกับม้าอาชาชาติ ล่วงลีลาศข้ามมหาชลาไหล ชมมัจฉาเกาะแก่งทุกแห่งไป ก็ใช้ใบจนกระทั่งถึงลังกา พวกพหลคั่งคับรับเสด็จ พร้อมกันเสร็จแห่แหนดูแน่นหนา เข้าประทับยับยั้งอยู่ลังกา พระสุดสาครให้เลี้ยงทุกเวียงชัย แต่บรรดาข้าทูลละอองบาท อย่าให้ขาดตามโองการเราขานไข ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นข้างใน แล้วสั่งให้จัดเครื่องอันเรืองรอง เสาวคนธ์มณฑายุพาพักตร์ แต่งตำหนักหลังใหญ่ไว้ทั้งสอง ให้คนไปปูลาดกวาดละออง ไว้รับรองวงศ์กษัตริย์ขัตติยา สุลาลีเจ้าเป็นผู้ไปดูเครื่อง ถวายเบื้องบทเรศพระเชษฐา กับพระปิ่นรมจักรนัครา แต่บรรดาวงศ์กษัตริย์เร่งจัดการ สุลาลีอภิวันท์แล้วผันผาย มาสั่งนายเครื่องใหญ่ในราชฐาน แล้วจึ่งเรียกพวกฝรั่งมาสั่งการ ทั้งคาวหวานมีต่างต่างที่อย่างดี เอาพวกเจ๊กไหหลำทำเกาเหลา นางสาวสาวสัดทัดให้ขัดสี เครื่องถ้วยชามน้ำทองของที่ดี เอาใส่ที่ถาดสุวรรณอันบรรจง แล้วให้ตั้งโต๊ะใหญ่ในปราสาท เอาผ้าลาดปัดป้องละอองผง ตั้งเก้าอี้ลายสุวรรณอันบรรจง ถ้วนทุกองค์แต่บรรดามาด้วยกัน แล้วเรียกของมาวางตั้งสำรับ เครื่องสำหรับสารพัดล้วนจัดสรร ทั้งส้อมช้อนมีดคร่ำด้ามสุวรรณ ให้จัดสรรพร้อมเสร็จสำเร็จการ ฯ ๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ไปเชิญญาติให้เสวยกระยาหาร เสด็จมาพร้อมทุกองค์พระวงศ์วาน พนักงานเชิญเครื่องวางเบื้องบน ทั้งเป็ดไก่หมูหันพรรณลูกไม้ เอาจัดใส่สารพัดไม่ขัดสน ทั้งเกาเหลาวางระยะไม่ปะปน พวกเครื่องต้นแต่งใส่หลายประการ ครั้นจะว่าร่ำไรในกับข้าว ก็ยืดยาวมากมายหลายสถาน ขอตัดเรื่องกินอยู่ดูรำคาญ มันป่วยการไม่ประเทืองที่เรื่องกิน แต่ต้องว่าชี้แจงแห่งละน้อย ลำดับถ้อยตามดำริอย่าติฉิน จะว่าคนผู้เฉลยไม่เคยกิน ประเทศถิ่นทุกภาษาพยายาม อันเรื่องกินก็เป็นใหญ่ในมนุษย์ แต่ขอหยุดยกไว้อย่าไต่ถาม เป็นสิ้นเรื่องเลี้ยงกันเสร็จสำเร็จความ จะกล่าวตามทางไปในอรัญ ฯ ๏ หกกษัตริย์สุริย์วงศ์ขึ้นทรงรถ พร้อมกันหมดแห่ไปในไพรสัณฑ์ ชมลำเนาเขาเขินเนินอรัญ เป็นช่องชั้นเชิงชะง่อนก้อนศิลา ที่โปร่งปล่องช่องชั้นฉงั่นชะโงก เป็นกรวยโกรกถ้ำธารละหานผา ที่เขียวขำดำพร้อยย้อยลงมา ล้วนศิลาเถาวัลย์พันเป็นเกลียว ไม้รวกรากฝากหินมีดินเกาะ ดูจำเพาะแลชอุ่มเป็นพุ่มเขียว บ้างแตกหน่อหนุนขึ้นรุ่นเรียว เป็นลำเขียวงอกบนเขาลำเนาเนิน ทั้งไม้ดอกงอกงามตามวิถี ฝูงปักษีโผผินบ้างบินเหิน แก้วกุหลาบกรรณิการ์บนหน้าเนิน ตามทางเดินหอมฟุ้งจรุงใจ ทั้งฝูงสัตว์จัตุบาทวิ่งกลาดกลุ้ม แอบสุมทุมค่างลิงวิ่งไสว กระต่ายเต็นเม่นหมีชะนีไพร เหนี่ยวกิ่งไม้โยนตัวเรียกผัวโวย เห็นสุริยาสายัณห์ตะวันคล้อย ชะนีน้อยเรียกคู่หวิวหวูโหวย รำลึกได้ใจถวิลร้องดิ้นโดย เที่ยวห้อยโหยต่ายวิ่งบนกิ่งยาง ละมั่งละมาดผาดเผ่นเลียงผาผยอง กวางคะนองทรายเนื้อแลเสือสาง ทั้งหมีเม่นเผ่นผงาดวิ่งกลาดทาง ฝูงลิงค่างโลดโผนโจนทะยาน กระจงจามรีสิงหนัศ เล็มระบัดเส้นหญ้าเป็นอาหาร กระแตตุ่นมุ่นพงในดงดาน สุกรฟานกาสรลงนอนแปลง สิงโตเต้นแผ่นผยองลำพองหาง ฝูงแรดช้างพลายพังเที่ยวบังแฝง เห็นผู้คนเดินวัดวิ่งลัดแลง เข้าแอบแฝงป่าไม้ในไพรวัน หกกษัตริย์ทัศนาป่าระหง ประดู่ดงกรวยกร่างกะทังหัน พะยอมยางรางแดงแสลงพัน พิกุลพิกันกันเกราะสะเดาดง กระทึงกระทุ่มดุมกาเพกากระถิน อินทนิลจันคนทามหาหงส์ เสลาสล้างลางลิงมะปริงปรง ต้นคันทรงทรงบาดาลกระวานไพร ทั้งเต็งแต้วตาตุ่มมะตูมตาด มะเหียงมะหาดลงเรียงเคียงไสว ทั้งจิกแจงจวงจันทน์เป็นหลั่นไป มะเฟืองมะไฟรกฟ้าต้นขานาง ตะขบข่อยแคมะค่าต้นตาเสือ มะกล่ำมะเกลือกะโดนดินทั้งฝิ่นฝาง ตะเคียนเคี่ยมคนธาขานกยาง มะขามคางแคแกรแลเป็นทิว บ้างผลิดอกออกผลต้นระย้า พระพายพาพัดเรื่อยมาเฉื่อยฉิว หอมตลบอบออกเกสรปลิว ระเรื่อยฉิวเรณูฟูขจร พลางเร่งรถรีบมาในป่าชัฏ ต้องหลีกลัดไปตามทางข้างสิงขร พอสุริยงลงลับยุคุนธร พระจันทร์จรแจ่มฟ้าดาราราย ถึงที่ทางกลางย่านก็หยุดพัก มาพร้อมพรักพลไกรไพร่ทั้งหลาย หกกษัตริย์ขึ้นพลับพลาเสนานาย ต่างถวายเครื่องเสวยทั้งเนยนม ผลไม้นานาโอชารส ล้วนของสดหวานมันพรรณขนม หกกษัตริย์เสร็จเสวยเลยประทม เป็นนิคมคามเขตคุ้มเภทภัย รักษาองค์พระมุนินทร์ปิ่นกษัตริย์ ในจังหวัดปากทางหว่างไศล ตั้งทำมาหากินอยู่ถิ่นไพร ทั้งนาไร่มีมากไม่ยากจน ฯ ๏ จะกล่าวถึงพระอภัยวิไลลักษณ์ เสด็จสำนักกุฏิ์ใหญ่ในไพรสณฑ์ บำเพ็ญเพียรมัธยัสถ์ตัดกังวล ทั้งสวดมนต์ภาวนาสมาทาน เทศนาสอนสั่งคนทั้งหลาย ได้สบายดับทุกข์สนุกสนาน แสวงผลทางกสิณอภิญญาณ หมายนิพพานฟากฟ้าสุราลัย แต่บรรดาฤๅษีที่เป็นศิษย์ สำรวมกิจหมดทุกองค์ไม่หลงใหล ทั้งโทโสโมหะสละไป ตัดห่วงใยเหย้าเรือนเพื่อนศาลา ถือเอาธรรมกรรมฐานการกุศล หวังให้พ้นสมุทัยในตัณหา คิดตัดรอนผ่อนผันด้วยปัญญา ฟังเทศนาที่พระองค์ทรงแสดง ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นฤๅษี ครั้นราตรีเย็นพยับล่วงลับแสง พวกนั่งยามตามไต้จุดไฟแดง สว่างแสงทั่วไปในกุฎี พวกปรนนิบัติพัดน้ำชาสุธารส ถวายหมดโดยจำนงองค์ฤๅษี ทั้งน้ำตาลหวานมันขยันดี ให้ฤๅษีฉันสำหรับกับน้ำชา ครั้นเสร็จกิจต่างครรไลไปอยู่กุฏิ์ แล้วก็จุดเทียนธูปทั้งบุปผา สำรวมกิจจิตตั้งภาวนา โดยศรัทธาครัดเคร่งบำเพ็งเพียร ค่ำวันนั้นวัณฬานางดาบส เจริญพรตครัดเคร่งอยู่เก๋งเขียน คิดสลัดตัดราคาค่อยพากเพียร ไม่วนเวียนตั้งมั่นในขันตี พอหลับลงทรงสุบินนิมิต ว่านักสิทธ์มาแต่ป่าพนาศรี มีหัตถาชูช่วงดวงมณี ตรงมาที่พระบรรณศาลา แล้วยื่นให้โฉมยงก็ทรงรับ กระจ่างจับวรกายทั้งซ้ายขวา นางพลิกฟื้นตื่นในที่ไสยา พอเวลาแจ่มแจ้งแสงอุทัย ก็ออกจากกุฎีที่สถิต สำรวมกิจไปแจ้งแถลงไข กับสุวรรณมาลีที่ข้างใน พลางปราศรัยสนทนาประสาชี ฯ ๏ ฝ่ายละเวงวัณฬานางดาบส น้อมประณตตามจริตกิจฤๅษี แล้วจึ่งเล่าเรื่องฝันไปทันที เชิญพระพี่ทำนายทายสุบิน แล้วจึ่งเล่าเรื่องยุบลแต่หนหลัง ให้เธอฟังโดยในพระทัยถวิล ฝ่ายสุวรรณมาลายุพาพิน ได้ทราบสิ้นความฝันของวัณฬา จึ่งว่าแม่มาไปเฝ้าพระดาวบส ให้ทรงยศทำนายทายเถิดหนา ทั้งสุวรรณมาลีชีวัณฬา ตามกันมาเฝ้าองค์พระทรงญาณ ทูลแถลงแจ้งข้อสุบินนิมิต ให้ทรงฤทธิ์ทราบแต่ต้นจนอวสาน ฝ่ายพระองค์ทรงศีลอภิญญาณ ก็แจ้งการในสุบินสิ้นทั้งปวง พระทำนายทายว่าจินดาเดช ผู้วิเศษเอามาให้ลาภใหญ่หลวง บุตรที่พรากจากไปได้แก่ดวง มณีช่วงแสงสว่างกระจ่างตา ได้แก่บุตรของเจ้าอย่าเร่าร้อน จะมางอนง้อวงศ์เผ่าพงศา อันนักสิทธ์ฤทธิไกรให้จินดา พวกวงศาน้ำเนื้อในเชื้อวงศ์ คงจะนำมังคลามาที่นี่ ให้วันนี้โดยในใจประสงค์ จะได้สืบเชื้อประยูรสกูลวงศ์ เป็นมั่นคงเหมือนกับคำเราทำนาย ดาบสินีชีสองประคองหัตถ์ ฟังพระตรัสจึ่งประมูลทูลถวาย เหมือนพระองค์ทรงธรรม์บรรยาย ก็จะวายรบพุ่งทั้งกรุงไกร ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นฤๅษี เสด็จไปที่กุฎีทองอันผ่องใส อันเผือกมันพรรณผลามาแต่ไพร ตามวิสัยนักสิทธ์จิตจำนง ฯ ๏ จะกล่าวถึงหกกษัตริย์ที่หยุดพัก ในสำนักพลับพลาป่าระหง ครั้นรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยง ก็สระสรงสรรพเสร็จสำเร็จการ ขึ้นทรงรถหมดทุกองค์พงศ์กษัตริย์ ให้รีบรัดเสด็จไปในไพรสาณฑ์ พวกเสนาแห่แหนแสนสำราญ เหล่าทหารจัตุรงค์เดินตรงไป ตามท้องแถวมรรคาพนาเวศ ก็เข้าเขตสิงคุตรสิงขรไศล ระรื่นรินกลิ่นบุปผาสุมาลัย ดวงดอกไม้หล่นกลาดลงดาดดง ประยงค์แย้มแกมสุกรมนมสวรรค์ มะลิวัลย์มะลิลาแก้วกาหลง ทั้งคัดเค้ากฤษณาจำปาดง มหาหงส์หางนกยูงพุ่งขจร ทั้งสาวหยุดพุดแซมแกมยี่สุ่น พิกันพิกุลโรยร่วงพวงเกสร เสาวรสรสสุคนธ์ปนขจร ต้นรักซ้อนซ่อนกลิ่นระรินโรย สารภียี่เข่งเบญจมาศ บุนนาคดาดเกดลำดวนหอมหวนโหย แถวนางแย้มแกมสุกรมต้นยมโดย พระพายโชยชื่นใจในไพรวัน ถึงสิงคุตรกุฎีที่ประทับ ดูคั่งคับพวกพหลพลขันธ์ พระเสด็จลงจากรถหมดด้วยกัน พร้อมแต่บรรดาอาณาประชากร เข้าอาศัยในประเทศเขตบรรพต พร้อมกันหมดในศาลาหน้าสิงขร หกกษัตริย์ลงจากรถบทจร เลียบสิงขรเสด็จเข้าไปในกุฎี ฯ ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศีลมุนินทร์นาถ เห็นพระญาติมาประณตบทศรี จึ่งจรจรัลจากพระคันธกุฎี ออกนั่งที่โรงฉันอันบรรจง พระปราศรัยในตระกูลประยูรญาติ ต่างอภิวาทชื่นชมสมประสงค์ ฝ่ายพระจอมนักสิทธ์บิตุรงค์ จึ่งถามองค์มังคลาด้วยปรานี ว่าเหตุผลเป็นอย่างไรจึงได้กลับ มาคำนับญาติวงศ์องค์ฤๅษี พระเจ้าอาทูลแถลงแจ้งคดี ให้พระมุนีทรงฟังแต่หลังมา ฯ ๏ จะกล่าวฝ่ายนารีชีทั้งสอง ออกจากห้องมาประนมก้มเกศา องค์พระจอมมุนินทร์ปิ่นประชา แล้วจึ่งปราศรัยพระองค์ที่ทรงแคลง ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช ไปกราบบาทสองพระองค์ทรงกันแสง ลูกได้ผิดคิดหมายทำร้ายแรง เพราะเขาแกล้งจะให้ขาดญาติวงศ์ ที่ผิดพลั้งครั้งไรพระได้โปรด ประทานโทษเพราะว่าเหลิงละเลิงหลง ตั้งแต่นี้จะสมัครรักพระวงศ์ แม้นมิตรงตามสัตย์ปัฏิญาณ ให้เทวาอารักษ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ มาปลดปลิดชีวังสิ้นสังขาร เหมือนอย่างคำให้สัตย์ปัฏิญาณ ขอพระมารดาโปรดที่โทษกรณ์ ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นฤๅษี กับสองชีทรงฟังแล้วสั่งสอน บรรดาญาติจงไปขอไปง้องอน กาลแต่ก่อนทำชั่วให้มัวมน พระมังคลากราบก้มประนมสนอง โดยทำนองสารพัดไม่ขัดสน ศรีสุวรรณจึงประมูลทูลยุบล อันสิงหลลังกาพาราเดิม จะขอให้มังคลากลับมาอยู่ เป็นหมวดหมู่ตามวงศ์ช่วยส่งเสริม สุดสาครรัตนาพาราเดิม ไปพูนเพิ่มครองอาณาประชาชน ฯ ๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช พลางกราบบาททูลแถลงแห่งนุสนธิ์ ขอไปอยู่นคเรศเพชรกำพล เพราะผู้คนมั่งคั่งทั้งบุรินทร์ แล้วก็มีคนรู้ผู้วิเศษ ในประเทศกว้างใหญ่ดั่งใจถวิล แล้วท้าวเจ้านิเวศน์เกศบุรินทร์ เมื่อจะสิ้นชีวงปลงประทาน ให้ครอบครองสวรรยาราชาภิเษก เป็นองค์เอกขัตติยามหาศาล ได้คำนับรับรสพจมาน ปฏิญาณว่าจะอยู่คู่นคร ฯ ๏ ฝ่ายพระจอมมุนีฤๅษีสิทธ์ ว่าตามจิตจงภิญโญสโมสร โบราณว่าปลูกเรือนอยู่ผูกอู่นอน ต้องว่าวอนไปตามอย่างทางโบราณ สุขที่ไหนต้องไปอยู่ตามถิ่น อันแดนดินทั่วประเทศเขตสถาน แม้นอยู่ไหนสุโขมโหฬาร ก็เป็นการมงคลพ้นศัตรู ไม่ขืนใจให้ลำบากยากแก่เจ้า บิดาเล่าก็ชราทั้งตาหู ให้มืดมัวแต่จะออกนอกประตู ต่อเป็นครู่จึ่งสว่างเห็นทางเดิน อนิจจาสังขารลูกหลานรัก อย่าหลงนักพาวิตกระหกระเหิน อันตัณหามิได้ทำให้จำเริญ ใครเพลิดเพลินตามใจในสันดาน อันรูปรสบทเบื้องเครื่องสัมผัส พาให้สัตว์เวียนวงในสงสาร อันราคร้อนที่ในทรวงคือบ่วงมาร คอยเผาผลาญให้ระอาเป็นบ้ากาม จงปลงจิตคิดในพระไตรลักษณ์ จะประจักษ์มั่นคงในองค์สาม นิราศทุกข์สุขาพยายาม คงมีความวัฒนาในสามัญ พระสอนสั่งมังคลาบรรดาญาติ ให้โอวาทแต่ล้วนจริงทุกสิ่งสรรพ์ หกกษัตริย์กราบก้มบังคมคัล พักอยู่บรรณศาลาสองราตรี แล้วทูลลากลับหลังยังนิเวศน์ พระทรงเพศบรรพชิตกิจฤๅษี ประทานพรให้พิพัฒน์สวัสดี จงเปรมปรีดิ์สุขสวัสดิ์กำจัดภัย ดาบสินิชีละเวงวัณฬาสมร ถวายพรกษัตริย์อัชฌาสัย ทั้งสุวรรณมาลีศรีวิไล ถวายชัยพวกประยูรสกูลวงศ์ หกกษัตริย์มัสการสองนักสิทธ์ มาสถิตรถาเข้าป่าระหง ให้คลายคลี่พวกพหลพลณรงค์ เสด็จตรงเข้านิเวศน์เขตลังกา ฯ