[ { "No": 1, "Question": " พิจารณาแผนภาพระดับพลังงานของอิเล็กตรอนในอะตอมของไฮโดรเจนดังนี้ (มีแผนภาพระดับพลังงานของอิเล็กตรอน) n เขียน E1ถึง E5 ที่ให้ E0 = 0 ในหน่วย 10^-21 kJ n = 5 E5 = -0.088 x 10^-21 kJ n = 4 E4 = -0.14 x 10^-21 kJ n = 3 E3 บอก E3 = -0.24 x 10^-21 kJ n = 2 E2 = -0.55 x 10^-21 kJ n = 1 E1 = -2.18 x 10^-21 kJ อะตอมไฮโดรเจนในสถานะพัน สามารถดูดกลืนแสงที่มีพลังงาน 1.80 x 10^-21 kJ ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ", "Choices": { "A": "ได้ เพราะอิเล็กตรอนสามารถเปลี่ยนระดับพลังงานจากระดับ n = 2 ไป n = 3", "B": " ไม่ได้ เพราะอะตอมไฮโดรเจนสามารถดูดกลืนพลังงานเท่าใดก็ได้", "C": "ไม่ได้ เพราะ 1.80 x 10^-21 kJ คือพลังงานที่น้อยเกินกว่าที่จำทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอมไฮโดรเจน", "D": "ได้ เพราะ 1.80 x 10^-21 kj คือค่าให้พลังงานที่มีมากกว่าผลต่างของระดับพลังงานระหว่างสถานะพื้นกับระดับพลังงานที่ 2", "E": "ไม่ได้ 1.80 x 10^-21 kj ไม่ใช่ค่าที่ตรงกับค่าผลต่างของระดับพลังงานระหว่างสถานะพื้นกับระดับพลังงานใด ๆ ของอะตอมไฮโดรเจน" }, "Answer": "D" }, { "No": 2, "Question": " กำหนดข้อมูลดังนี้ อิเล็กตรอนในอะตอมที่สถานะพื้นจะอยู่ในออร์บิทัลที่ระดับพลังงานต่ำสุดที่เป็นไปได้เมื่ออะตอมได้รับพลังงานมากพอจะเปลี่ยนไปอยู่ในสถานะกระตุ้นโดยมีเวลาเพียงสั้น ๆ และเมื่ออิเล็กตรอนเปลี่ยนไปสู่ออร์บิทัลที่มีระดับพลังงานต่ำขึ้น จากข้อมูลข้างต้น การจัดอิเล็กตรอนในสถานะพื้นและสถานะกระตุ้นของอะตอมที่มีกลางข้อใดถูกต้อง ", "Choices": { "A": "สถานะพื้น =1s² 2p⁶ 3s สถานะกระตุ้น =1s² 2s² 2p⁶ 3s² ", "B": " สถานะพื้น = 1s² 2s² สถานะกระตุ้น =1s² 2s² 3s¹ 3p⁵ 4s¹", "C": "สถานะพื้น =[Ar] 3d¹ 4s² สถานะกระตุ้น =1s² 2s² 3s² ", "D": "สถานะพื้น =1s² 2s² 2p⁶ 3s² สถานะกระตุ้น = 1s² 2s² 2p⁶ 3s² 3p⁵ 4s¹ ", "E": "สถานะพื้น =[Ar] 3d¹ 4s¹ สถานะกระตุ้น = 1s² 2s²" }, "Answer": "D" }, { "No": 3, "Question": " ถ้าหากให้ธาตุ A, D และ E เป็นธาตุในตารางธาตุ ซึ่งอะตอมมีการจัดอิเล็กตรอนดังนี้ โดยมีบางธาตุแสดงการจัดอิเล็กตรอนในสถานะกระตุ้น ธาตุ A : 1s² 2s² 2p² ธาตุ D : [Ne]3s² 4s¹ ธาตุ E : [Ar] 4s¹ 3d⁵ ขัอความเกี่ยวกับธาตุ A, D และ E ข้อใดผิด ", "Choices": { "A": "ธาตุ D และ E เป็นโลหะ", "B": "ธาตุ E เป็นธาตุแทรนซิซัน ", "C": "ธาตุ D อยู่ในหมากที่ 4 หมู่ IA", "D": "สารประกอบออกไซด์ของธาตุ D คือ D₂O₃", "E": "ธาตุ A มักมีค่าอิเฃ็กโทรเนกาติวิตีสูงกว่า D" }, "Answer": "C" } , { "No": 3, "Question": " ถ้าหากให้ธาตุ A, D และ E เป็นธาตุในตารางธาตุ ซึ่งอะตอมมีการจัดอิเล็กตรอนดังนี้ โดยมีบางธาตุแสดงการจัดอิเล็กตรอนในสถานะกระตุ้น ธาตุ A : 1s² 2s² 2p² ธาตุ D : 1s² 2s² 3s¹ ธาตุ E : [Ar] 4s¹ 3d⁵ขัอความเกี่ยวกับธาตุ A, D และ E ข้อใดผิด ", "Choices": { "A": "ธาตุ D และ E เป็นโลหะ", "B": "ธาตุ E เป็นธาตุตามรณรัย ", "C": "ธาตุ D อยู่ในหมากที่ 4 หมู่ IA", "D": "สารประกอบออกไซด์ของธาตุ D คือ D₂O₃", "E": "ธาตุ A มักถ่ายทอดโครงแบบอิเล็กทรอนิกส์ของก๊าซมีตระกูลธาตุ D" }, "Answer": "C" } , { "No": 4, "Question": "โครงสร้างอิเล็กตรอนที่เสถียรที่สุดของกรดไนตริก (HNO₃) มีจำนวนพันธะเดี่ยวทั้งหมด x พันธะคู่ทั้งหมด y พันธะและอิเล็กตรอนอิสระอยู่โดดเดี่ยวทั้งหมด z คู่ ถ้า x, y และ z ข้อใดถูก มีตารางดังนี้:", "Choices": { "A": "x=3,y = 1 ,z =7", "B": "x= 4,y = 0 ,z 9 ", "C": "x= 3,y = 1 ,z 8 ", "D": "x= 2,y = 2 ,z 6 ", "E": "x= 4,y = 0 ,z 8 " }, "Answer": "A" } , { "No": 5, "Question": "ข้อใดเป็นสารที่มีโครงสร้างเรโซแนนซ์จำนวนมากที่สุด โดยจำนวนเวลาเอาแช่อิเล็กตรอนแต่ละอะตอมไม่เกิน 8", "Choices": { "A": "SO₂", "B": "NO₂", "C": "CO₂", "D": "SO₃²⁻", "E": "CH₃COO⁻" }, "Answer": "E" } , { "No": 6, "Question": "5.ปฏิกิริยาการเผาไหม้ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประกอบไปด้วยสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (CₓHᵧ) ดำสมการมีดังนี้**[ CₓHᵧ(g) + O₂(g) rightarrow CO₂(g) + H₂O(g) ... (ยังไม่ดุล) ]ขึ้นปฏิกิริยาการเผาไหม้จะเกี่ยวข้องกับสารประกอบเอง 3 ชนิดคือ 1 mol มีค่าพลังงานการเกิดปฏิกิริยาที่คำนวณจากพลังงานพันธะ ในโมเลกุลที่เกี่ยวข้อง ดังแสดงในตาราง โดยกำหนดให้พันธชนิดเดียวกันกันระหว่างอะตอมคู่เดียวกันในทุกโมเลกุลมีต่าทางพลังงานพันธะเท่ากัน ชนิดสารประกอบไฮโดรคาร์บอน | พลังงานการเกิดปฏิกิริยา (kJ/mol)\nไซโคลเฮกเซน (C6H12) | ΔHX\nไซโคลโพรเพน (C3H6) | ΔHY\nเอททีน (C2H4) | ΔHZ\n\nพิจารณาข้อความสัมพันธ์ของพลังงานการเกิดปฏิกิริยาต่อไปนี้:\n\nก. ΔHX = 2ΔHY\nข. ΔHX = 3ΔHZ\nค. ΔHX - ΔHY = ΔHZ", "Choices": { "A": "ก. เท่านั้น", "B": "ข. เท่านั้น", "C": "ค. เท่านั้น", "D": "ก และ ข", "E": "ข และ ค" }, "Answer": "A" } , { "No": 7, "Question": "ข้อความยืนคำอธิบายสารประกอบหมู่ VIIA นี้ ใดถูกต้อง*", "Choices": { "A": "วิธีหนึ่งที่ใช้เตรียมแก๊สคลอรีน คือ แยกสารละลาย NaCl อิ่มตัวด้วยกระแสไฟฟ้า ", "B": "เมื่อผสมสารละลาย NaCl กับ Na แล้วเติม CCl₄, เขย่าแรงๆจะพบว่าชั้น CCl₄ เป็นสีม่วง", "C": "เมื่อผสมสารละลายไอโอดีนใน CCl₄ กับสารละลาย KBr ในน้ำ จะสังเกตเห็นสารละลายสีส้มในชั้นของ CCl₄", "D": "ธาตุหมู่นี้มีค่า EN สูง จึงเกิดสารประกอบไอออนิกกับธาตุกลุ่มอื่น ๆ ยกเว้นกับธาตุหมู่ VIIA ด้วยกัน จะเป็นสารโคเวเลนต์", "E": "ฟลูออรีนมีค่า E° สูงมาก แสดงเด่นที่สามารถออกซิไดส์สารประกอบฟลูออไรด์ให้เป็นธาตุฟลูออรีนได้ มีเพียงแก๊สคลอรีนเท่านั้น" }, "Answer": "A" } , { "No": 8, "Question": "ธาตุ M, L และ Q มีเลขอะตอมเท่ากับ 22, 28 และ 30 ตามลำดับการเรียงเทียบเลขออกซิเดชันและจำนวนอิเล็กตรอนเดี่ยวของ M, L และ Q ในสารประกอบเชิงซ้อน [M(H(_2)O)(_6)]Cl(_2), K(_2)[LCl(_4)] และ [Q(NH(_3))(_4)]SO(_4) ข้อใดถูกต้อง ตาราง: ในchoice แบ่งออกเป็น * เลขออกซิเดชัน * จำนวนอิเล็กตรอนเดี่ยว", "Choices": { "A": "Q < L < M M < L < Q ", "B": "Q < L < M Q < M < L", "C": "Q < L < M Q < M < L ", "D": "L = Q < M M = Q < L", "E": "L = Q < M Q < M < L" }, "Answer": "E" }, { "No": 9, "Question": "วัตถุก้อนหนึ่งมีไอโซโทปกัมมันตรังสี 2 จำนวน 8.50 mg ครึ่งชีวิตของ Z เท่ากับ 12 ปี ก่อนหน้าย้อนหลังไป 72 ปี วัดถุก้อนนี้นี้ Z ที่อยู่จะเหลือกี่ mg (กำหนดให้ 1 ปีมี 365 วัน)", "Choices": { "A": "51", "B": "136", "C": "272", "D": "544", "E": "1088" }, "Answer": "D" }, { "No": 10, "Question": "ธาตุ G และ T มีเลขอะตอมเท่ากับ 11 และ 25 ตามลำดับ สมบัติของธาตุหรือสารประกอบของธาตุคู่ดังกล่าวข้อใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "ธาตุ T ทำปฏิกิริยากับน้ำอย่างรุนแรง เกิดแก๊สไฮโดรเจน", "B": "ธาตุ G รวมตัวกับธาตุ T ได้สารประกอบไอออนิกที่มีสูตรเป็น GT", "C": "ธาตุ T นำไฟฟ้าได้และมีเลขออกซิเดชันได้หลายค่าเมื่อเกิดสารประกอบชนิดต่าง ๆ", "D": "เมื่อผสมสารละลายของสารประกอบคลอไรด์ของธาตุ G กับ Na₂CO₃ จะเกิดตะกอนสีขาวเกิดขึ้น", "E": "ธาตุ G ทำปฏิกิริยากับแก๊สคลอรีน ได้ของแข็งสีขาว ซึ่งละลายน้ำได้และสารละลายมีสมบัติเป็นเบส" }, "Answer": "C" }, { "No": 11, "Question": "ถ้าการผลิตยาสีฟันฟลูออไรด์ทำโดยการเติมแคลเซียมฟลูออไรด์เพื่อให้ได้ปริมาณฟลูออไรด์ตามที่ต้องการ ในยาสีฟันหลอดหนึ่งที่ระบุว่ามีฟลูออไรด์ 500 ppm และในหลอดนั้นมียาสีฟัน 50.0 g จะมีปริมาณแคลเซียมฟลูออไรด์อยู่กี่มิลลิกรัม", "Choices": { "A": "1.03", "B": "25.0", "C": "51.3", "D": "103", "E": "205" }, "Answer": "C" }, { "No": 12, "Question": "การผลิตทองแดงทำได้โดยใช้วิธีการถลุงที่แร่ชนิดต่างๆ ที่มีทองแดงเป็นองค์ประกอบ สมมุติว่านักลงทุนการผลิตทองแดงคิดว่าต้นทุนสินแร่ที่ต้องใช้ซื้อสินแร่เท่ากับในการผลิตทองแดง 1 kg ที่มีราคาต้นทุนต่ำที่สุด ควรเลือกซื้อสินแร่ที่มีสารประกอบของแร่ชนิดใด กำหนดให้ต้นทุนแร่ทุกชนิดมีราคาเดียวกันต่อโลกรัมเท่ากัน และในสินแร่แต่ละก้อนมีสารประกอบทองแดงเพียงชนิดเดียวในปริมาณร้อยละโดยมวลเท่ากัน", "Choices": { "A": "Cu2S (159 g/mol)", "B": "CuSO4 (159.5 g/mol)", "C": "CuFeS2 (183.5 g/mol)", "D": "Cu₂CO₃(OH)₂ (221 g/mol)", "E": "Cu₃(CO₃)₂(OH)₂ (344.5 g/mol)" }, "Answer": "A" }, { "No": 13, "Question": "สารประกอบชนิดหนึ่งประกอบด้วยธาตุ X, Y และ Z มีจำนวนธาตุ X 2 mol เกิดปฏิกิริยาการสลายตัวได้ XY 2 mol และ Z2 3 mol สารประกอบนี้มีอัตราส่วนโดยโมลของ X:Y:Z เป็นเท่าใด", "Choices": { "A": "1 : 1 : 3", "B": "1 : 2 : 3", "C": "2 : 1 : 3", "D": "2 : 2 : 3", "E": "4 : 2 : 3" }, "Answer": "A" }, { "No": 14, "Question": "พิจารณาปฏิกิริยาทางเคมีดังสมการต่อไปนี้\n\n| ปฏิกิริยาเคมี | สมการเคมี (ยังไม่ดุล) |\n| --- | --- |\n| ก | S₈(s) + O₂(g) → SO₂(g) |\n| ข | H₂(g) + O₂(g) → H₂O(g) |\n| ค | HOBr(g) + HBr(g) → H₂O(g) + Br₂(g) |\n| ง | CO₂(g) + H₂(g) + C(s) → CH₃OH(g) |\nที่ภาวะเดียวกัน ปฏิกิริยาเคมีในข้อใดมีปริมาณรวมของแก๊สที่ทำปฏิกิริยาเท่ากับปริมาตรรวมของแก๊สที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยา", "Choices": { "A": "ก และ ข", "B": "ก และ ค", "C": "ข และ ค", "D": "ข และ ง", "E": "ค และ ง" }, "Answer": "B" }, { "No": 15, "Question": "โลหะชนิดหนึ่ง 10.0 mol ทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจนในบรรยากาศอย่างสมบูรณ์ได้ออกไซด์ที่พบในธรรมชาติของโลหะนั้น 510 g โลหะชนิดนี้คือธาตุใด (มวลอะตอมของ Mg = 24, Al = 27, Ca = 40, Fe = 56, Cu = 63.5)", "Choices": { "A": "Mg", "B": "Al", "C": "Ca", "D": "Fe", "E": "Cu" }, "Answer": "B" }, { "No": 16, "Question": "ทำการทดลองโดยผสมสารละลาย K₂CrO₄ เข้มข้น 0.10 mol/dm³ ใส่หลอดทดลอง 3 หลอด จากนั้นเติมน้ำและสารละลาย AgNO₃ เข้มข้น 0.20 mol/dm³ ลงไปในแต่ละหลอด ใช้แท่งแก้วคนให้สารละลายผสมกัน ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Ag₂CrO₄ และ KNO₃ โดยปริมาณสารของสารละลาย K₂CrO₄ น้ำและสารละลาย AgNO₃ ที่ใส่ในแต่ละหลอดแสดงในตาราง :\n\n| หลอดที่ | ปริมาณ (cm³) |\n| --- | --- |\n| | สารละลาย K₂CrO₄ | น้ำ | สารละลาย AgNO₃ |\n| I | 1.00 | 5.00 | 4.00 |\n| II | 3.00 | 3.00 | 4.00 |\n| III | 5.00 | 1.00 | 4.00 |\n\nสารก่อตะกอนปริมาณของปฏิกิริยาในแต่ละหลอด ข้อใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "AgNO₃ | AgNO₃ | AgNO₃", "B": "ไม่มี | AgNO₃ | K₂CrO₄", "C": "K₂CrO₄ | K₂CrO₄ | K₂CrO₄", "D": "K₂CrO₄ | K₂CrO₄ | AgNO₃", "E": "K₂CrO₄ | ไม่มี | AgNO₃" }, "Answer": "E" }, { "No": 17, "Question": "พิจารณาสมบัติของสารต่อไปนี้:\n\nผลึกของแข็ง A: จุดหลอมเหลว 119°C, จุดเดือด 445°C, ความแข็งไม่ค่อยแข็ง, ไม่นำไฟฟ้าเมื่อเป็นผลึกของแข็ง, ไม่นำไฟฟ้าเมื่อเป็นของเหลว\n\nผลึกของแข็ง B: จุดหลอมเหลว 1723°C, จุดเดือด 2230°C, ความแข็งแข็งมาก, ไม่นำไฟฟ้าเมื่อเป็นผลึกของแข็ง, ไม่นำไฟฟ้าเมื่อเป็นของเหลว\n\nผลึกของแข็ง C: จุดหลอมเหลว 2852°C, จุดเดือด 3600°C, ความแข็งแข็งปานกลาง, ไม่นำไฟฟ้าเมื่อเป็นผลึกของแข็ง, นำไฟฟ้าเมื่อเป็นของเหลว\n\nผลึกของแข็ง D: จุดหลอมเหลว 1085°C, จุดเดือด 2562°C, ความแข็งนำไฟฟ้า, นำไฟฟ้าเมื่อเป็นผลึกของแข็ง, นำไฟฟ้าเมื่อเป็นของเหลว", "Choices": { "A": "B เป็นผลึกโลหะ", "B": "D เป็นลึกโมเลกุล", "C": "C เป็นสารไอออนิก", "D": "A และ B เป็นผลึกโมเลกุล", "E": "C เป็นผลึกโควาเลนต์ร่างตาข่าย" }, "Answer": "C" }, { "No": 18, "Question": "พิจารณาของเหล่าต่อไปนี้\n\n| ของเหลว | สูตร | มวลต่อโมล (g/mol) |\n| --- | --- | --- |\n| เอทานอล | C₂H₆O | 46 |\n| ไดเอทิลอีเทอร์ | C₄H₁₀OC₂H₅ | 74 |\n| เพนทานอล | C₅H₁₂O | 92 |\n| กลีเซอรอล | CH₂(OH)CH(OH)CH₂(OH) | 92 |\n\nเมื่อหยดของเหลวแต่ละชนิดลงบนแผ่นกระจก และสังเกตลักษณะของหยดของเหลวทันที หยดของเหลวที่มีรูปรทรงค่อนข้างกลมที่สุด และแบนหรือกระจายออกมากที่สุด คือข้อใด", "Choices": { "A": "รูปรทรงค่อนข้างกลมที่สุด:เพนเทน - กลีเซอรอล", "B": "รูปรทรงค่อนข้างกลมที่สุด:เพนเทน - เอทานอล", "C": "รูปรทรงค่อนข้างกลมที่สุด:เอทานอล - ไดเอทิลอีเทอร์", "D": "รูปรทรงค่อนข้างกลมที่สุด:กลีเซอรอล - เพนเทน", "E": "รูปรทรงค่อนข้างกลมที่สุด:กลีเซอรอล - เอทานอล" }, "Answer": "D" }, { "No": 19, "Question": "เมื่อบรรจุโบรมีน (Br₂) ในภาชนะสุญญากาศขนาด 410 cm³ แล้วทำให้กลายเป็นไอจนหมดที่อุณหภูมิ 27 °C พบว่าภายในภาชนะมีความดันเป็น 228 mmHg ไอโบรมีนในภาชนะดังกล่าวมีกี่กรัม (ค่าคงที่ของแก๊ส R = 0.082 L·atm·mol⁻¹·K⁻¹ = 8.3 J·mol⁻¹·K⁻¹)", "Choices": { "A": "7.9 x 10⁻³", "B": "5.0 x 10⁻³", "C": "0.40", "D": "0.80", "E" : "3.8" }, "Answer": "D" }, { "No": 20, "Question": "สารชนิดหนึ่งมีสูตรเอมมลีคูลเป็น CH2 สารนี้ 0.70 กรัม ในสถานะแก๊สที่อุณหภูมิ 27 °C ความดัน 0.82 atm มีปริมาตร 0.300 L สูตรโมเลกุลของสารนี้เป็นดังถัดไปนี้ (ค่าคงที่ของแก๊ส R = 0.082 L·atm·mol⁻¹·K⁻¹ = 8.3 J·mol⁻¹·K⁻¹)", "Choices": { "A": "C3H6", "B": "C2H4", "C": "C3H10", "D": "C4H12", "E": "C2H14" }, "Answer": "C" } ,{ "No": 21, "Question": "กำหนดให้สาร A ทำปฏิกิริยากลับกับสาร B ให้สาร P ดังสมการเคมีที่สมดุลแล้ว ดังนี้\n\n2A (aq) + B (aq) ⟶ 2P (aq)\n\nในการทดลองเพื่อศึกษาปฏิกิริยาที่กำหนด โดยติดตามความเข้มข้นของสารที่เวลาต่าง ๆ ดังนี้:\n\n| การทดลองที่ | เวลา (s) | ความเข้มข้น (mol/dm³) |\n| --- | --- | --- |\n| | | A | B | C |\n| 1 | 0 | 0.0300 | 0.0100 | 0 |\n| 2 | 100 | 0.0200 | 0.0050 | 0.0100 |\n| 3 | 200 | 0.0140 | 0.0040 | 0.0160 |\n| 4 | 300 | 0.0100 | 0.0010 | 0.0180 |\n| 5 | 400 | 0.0110 | 0.00050 | 0.0190 |\n\nอัตราการเกิดปฏิกิริยาเป็นช่วงเวลาที่กำหนด ข้อใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "ช่วงเวลา (S) 0 - 100 | อัตราการเกิดปฏิกิริยา (mol/dm³s) 1.00 × 10^-4", "B": "ช่วงเวลา (S) 100 - 200 | อัตราการเกิดปฏิกิริยา (mol/dm³s) 3.00 × 10^-5", "C": "ช่วงเวลา (S) 200 - 300 | อัตราการเกิดปฏิกิริยา (mol/dm³s) 2.00 × 10^-5", "D": "ช่วงเวลา (S) 300 - 400 | อัตราการเกิดปฏิกิริยา (mol/dm³s) 1.00 × 10^-5", "E": "ช่วงเวลา (S) 0 - 400 | อัตราการเกิดปฏิกิริยา (mol/dm³s) 1.90 × 10^-3" }, "Answer": "D" }, { "No": 22, "Question": "กิจกรรมแสดงกราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงพลังงานในปฏิกิริยาการสลายตัวของสารตั้งต้นเป็นผลิตภัณฑ์ดังนี้\n\nกราฟแสดงให้เห็นพลังงานของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ และมีพลังงานกระตุ้นที่ต้องใช้เพื่อให้เกิดปฏิกิริยา แกน y แสดงพลังงานในหน่วย kJ และแกน x แสดงการดำเนินไปของปฏิกิริยา จากกราฟพบว่าพลังงานของสารตั้งต้นสูงกว่าพลังงานของผลิตภัณฑ์แสดงให้เห็นว่าปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาคายพลังงาน\n\nในการคำนวณพลังงานของสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงนี้ ให้พิจารณาจากค่าพลังงานในตารางดังต่อไปนี้:\n\n| ประเภทปฏิกิริยา | พลังงานของปฏิกิริยา (kJ) | พลังงานกระตุ้น (kJ) | พลังงานผลิตภัณฑ์ (kJ) |\n| --- | --- | --- | --- |\n| การย่อยสลาย | 75 | 125 | 200 |\n| การสร้าง | 75 | 200 | 125 |\n| ดูดพลังงาน | 125 | 225 | 200 |\n| คายพลังงาน | 200 | 75 | 125 |\n\nข้อใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "1. คายพลังงาน: พลังงานของปฏิกิริยา 75 kJ, พลังงานก่อนเริ่มต้น 125 kJ", "B": "2. คายพลังงาน: พลังงานของปฏิกิริยา 25 kJ, พลังงานก่อนเริ่มต้น 225 kJ", "C": "ดูดพลังงาน: พลังงานของปฏิกิริยา 25 kJ, พลังงานก่อนเริ่มต้น 200 kJ", "D": "ดูดพลังงาน: พลังงานของปฏิกิริยา 75 kJ, พลังงานก่อนเริ่มต้น 125 kJ", "E": "ดูดพลังงาน: พลังงานของปฏิกิริยา 75 kJ, พลังงานก่อนเริ่มต้น 200 kJ" }, "Answer": "A" }, { "No": 23, "Question": "จากปฏิกิริยา A (aq) + 2B (aq) + 3C (aq) → 4D (aq) + E (aq)\nทำการทดลองที่อุณหภูมิคงที่โดยใช้ความเข้มข้นของสารตั้งต้นต่างกันพบว่า ได้อัตราการเกิดปฏิกิริยาเริ่มต้น (r) ดังในตาราง:\n\nการทดลอง 1: [A] = 0.100 mol/dm³, [B] = 0.100 mol/dm³, [C] = 0.100 mol/dm³, r = 1.00 x 10⁻⁴ mol/dm³·s\nการทดลอง 2: [A] = 0.200 mol/dm³, [B] = 0.100 mol/dm³, [C] = 0.100 mol/dm³, r = 1.00 x 10⁻⁴ mol/dm³·s\nการทดลอง 3: [A] = 0.300 mol/dm³, [B] = 0.200 mol/dm³, [C] = 0.200 mol/dm³, r = 2.00 x 10⁻⁴ mol/dm³·s\nการทดลอง 4: [A] = 0.300 mol/dm³, [B] = 0.200 mol/dm³, [C] = 0.200 mol/dm³, r = 8.00 x 10⁻⁴ mol/dm³·s\nการทดลอง 5: [A] = 0.300 mol/dm³, [B] = 0.200 mol/dm³, [C] = 0.200 mol/dm³, r = 8.00 x 10⁻⁴ mol/dm³·s", "Choices": { "A": "A, B, C", "B": "B, C, A", "C": "C, B, A", "D": "A, C, B", "E": "C, A, B" }, "Answer": "C" }, { "No": 24, "Question": "ในการทดลองเพื่อศึกษาอัตราการสลายตัวของสาร A และของสาร B ที่อุณหภูมิเดียวกันพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของสาร A และของสาร B กับเวลาการเกิดปฏิกิริยาเป็นดังกราฟ\n\nกราฟแสดงความเข้มข้นของสารกับเวลา\n\nแกนแนวยาว (แกน X) คือ เวลา (s) โดยมีค่าเริ่มต้นจาก 0 ถึง 160\nแกนแนวตั้ง (แกน Y) คือ ความเข้มข้น (mol/dm³) โดยมีค่าเริ่มต้นจาก 0.0000 ถึง 0.5000\n\nมีกราฟเส้นที่แสดงถึง:\n\n- สาร A (เส้นประจุด)\n- สาร B (เส้นทึบ)\n\nกราฟแสดงการลดลงของความเข้มข้นของสาร A และ B เมื่อเวลาผ่านไป\n\nจากกราฟ ตอบรูปที่เกี่ยวกับอัตราการสลายตัวของ A และ B ได้ดังนี้\n\nก. ตอนเริ่มการทดลอง อัตราการสลายตัวของ A เท่ากับ 5.00 x 10⁻³ mol/dm³s\nข. ในทุกช่วงเวลา อัตราการสลายตัวของสาร A มีค่าน้อยกว่าอัตราการสลายตัวของสาร B\nค. ในช่วงเวลาเดียวกัน อัตราการสลายตัวของ A มีค่าประมาณ 2 เท่าของอัตราการสลายตัวของสาร B\n\nการสรุปใดข้างต้น ข้อใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "ก เท่านั้น", "B": "ข เท่านั้น", "C": "ค เท่านั้น", "D": "ก และ ข", "E": "ข และ ค" }, "Answer": "A" }, { "No": 25, "Question": "ปฏิกิริยา 2A (g) + B (s) ⇌ C (g) มีค่าคงที่สมดุลเท่ากับ 1.5 x 10⁻² และ 4.0 x 10⁻³ ที่ 50 °C และ 70 °C ตามลำดับ ถ้าเริ่มต้นการทดลองมีแก๊ส A และสาร B ในภาชนะปิดขนาด 5 dm³ ที่อุณหภูมิ 50 °C ระบบขณะเข้าสู่ภาวะสมดุลมีช่วงเวลาผ่านไป 5 นาที พิจารณาข้อความเกี่ยวกับความเข้มข้นของแก๊ส A ([A]) และแก๊ส C ([C]) ต่อไปนี้:\n\nก. [A] ที่เวลา 3 นาทีมีค่ามากกว่าที่เวลา 6 นาที\nข. [C] ที่เวลา 6 นาทีมีค่ามากกว่าที่เวลา 10 นาที\nค. [A] ณ ภาวะสมดุล เมื่อคงที่ปริมาตรที่เป็น 1 dm³ มีค่ามากกว่าในภาชนะ 5 dm³\nง. ถ้าเพิ่มการทดลองเดิมที่เริ่มที่อุณหภูมิ 70 °C ณ ภาวะสมดุลจะมีค่ามากกว่าที่อุณหภูมิ 50 °C", "Choices": { "A": "ก. เท่านั้น", "B": "ค. เท่านั้น", "C": "ก. และ ข.", "D": "ก. และ ค.", "E": "ข. และ ง." }, "Answer": "D" }, { "No": 26, "Question": "จากสมการเคมีและค่าคงที่สมดุลต่อไปนี้\n\n2Ag (s) + H₂O₂ (aq) + 2Cl⁻ (aq) ⇌ 2AgCl (s) + 2OH⁻ (aq) (K₁)\n\nNH₃ (aq) + H₂O (l) ⇌ NH₄OH (aq) (K₂)\n\nAgCl (s) + 2NH₃ (aq) ⇌ [Ag(NH₃)₂]⁺ (aq) + Cl⁻ (aq) (K₃)\n\nคำถามที่สมดุลของปฏิกิริยา\n\nAg (s) + 1/2 H₂O₂ (aq) + 2NH₄OH (aq) ⇌ [Ag(NH₃)₂]⁺ (aq) + 2H₂O (l) + OH⁻ (aq)\n\nเป็นดังข้อใด", "Choices": { "A": "(K₁K₃) / (2K₂)", "B": "(K₁¹/²K₃) / (K₂²)", "C": "(K₁K₃) / (2K₂²)", "D": "(K₁¹/²) / (2K₂K₃)", "E": "K₁¹/² + (1 / K₂²) + K₃" }, "Answer": "B" }, { "No": 27, "Question": "ที่อุณหภูมิ 30 °C ปฏิกิริยา H₂ (g) + I₂ (g) ⇌ 2HI (g) มีค่าคงที่สมดุล K = 9 ถ้าเริ่มต้นมีแก๊ส H₂ 1.0 mol และ I₂ 1.0 mol ในภาชนะปริมาตร 50 dm³ และปล่อยให้ปฏิกิริยาดำเนินไปจนเข้าสู่ภาวะสมดุล ความเข้มข้นของ HI ณ ภาวะสมดุลมีค่าเท่าใดในหน่วย mol/dm³", "Choices": { "A": "0.012", "B": "0.015", "C": "0.024", "D": "0.75", "E": "1.2" }, "Answer": "C" }, { "No": 28, "Question": "พิจารณาปฏิกิริยาที่เกิดภาวะสมดุลต่อไปนี้\n\nก. 2O₃ (g) ⇌ 3O₂ (g)\nข. N₂O₄ (g) ⇌ 2NO₂ (g)\nค. H₂ (g) + I₂ (g) ⇌ 2HI (g)\nง. 2NO (g) + Cl₂ (g) ⇌ 2NOCl (g)\nจ. H₂O (l) + CO₂ (g) ⇌ H₂CO₃ (aq)\nฉ. Cu (s) + 2Ag⁺ (aq) ⇌ Cu²⁺ (aq) + 2Ag (s)\nช. Pb(NO₃)₂ (aq) + 2KI (aq) ⇌ PbI₂ (s) + 2KNO₃ (aq)\n\nปฏิกิริยาที่ปริมาณของผลิตภัณฑ์ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเพิ่มความดันให้กับระบบ เป็นดังข้อใด", "Choices": { "A": "ก ข และ ค", "B": "ก ข และ ง", "C": "ค ข และ ช", "D": "ง ฉ และ จ", "E": "จ ฉ และ ช" }, "Answer": "C" } ,{ "No": 29, "Question": "ตามกฎปฏิกิริยาเบรินสเตด-ลาวรี โมเลกุลหรือไอออนทุกชนิดในข้อใดเป็นเบส เมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำ", "Choices": { "A": "F⁻ , HClO , HCO₃⁻", "B": "S²⁻ , H₂O , HPO₄²⁻", "C": "HS⁻ , CN⁻ , H₂PO₄⁻", "D": "SO₄²⁻ , NH₄⁺ , PO₄³⁻", "E": "NH₃ , CO₃²⁻ , HCOO⁻" }, "Answer": "E" }, { "No": 30, "Question": "กำหนดให้ตัวอย่างของการแตกตัวของกรดอ่อนมอนอไพโพรติก HA, HB และ HC เป็นดังนี้\n\n| สารละลายกรดอ่อน | ความเข้มข้น (mol/dm³) | ร้อยละของการแตกตัว |\n| --- | --- | --- |\n| HA | 0.10 | 1.0 |\n| HB | 0.20 | 0.50 |\n| HC | 1.0 | 0.10 |\n\nข้อความต่อไปนี้ ข้อใดผิด", "Choices": { "A": "กรด HA มีความแรงมากที่สุด", "B": "สารละลายกรด HA, HB และ HC มี pH เท่ากัน", "C": "ค่าการแตกตัวของกรด HB น้อยกว่าค่าของกรด HC", "D": "เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น สารละลายที่สามารถเพิ่มความเข้มข้นของ H₃O⁺ เพิ่มขึ้น", "E": "สารละลายกรด HA เข้มข้น 0.20 mol/dm³ มีร้อยละของการแตกตัวน้อยกว่า 1.0" }, "Answer": "C" } , { "No": 31, "Question": "พิจารณาสารละลายเข้มข้น 0.10 mol/dm³ ของสารต่อไปนี้: HBr , HNO₂ , NaNO₃ , K⁺ , NH₄Cl , KF\n\nข้อใดเรียงลำดับค่าสารละลายตามค่า pH จากน้อยไปมากได้ถูกต้อง (กำหนดให้ Ka ของ HNO₂ = 4.5 x 10⁻⁴, Ka ของ NH₄⁺ = 6.0 x 10⁻¹⁰)", "Choices": { "A": "HBr , HNO₂ , NaNO₃ , K⁺ , NH₄Cl , KF", "B": "HBr , NH₄Cl , HNO₂ , KF , NaNO₃ , K⁺", "C": "KF , NaNO₃ , NH₄Cl , HNO₂ , HBr", "D": "HNO₂ , HBr , NaNO₃ , NH₄Cl , K⁺ , KF", "E": "NH₄Cl , HNO₂ , HBr , NaNO₃ , KF" }, "Answer": "A" }, { "No": 33, "Question": "นำยาลดกรดหนึ่งเม็ด ซึ่งประกอบด้วยแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)₂) 250 mg ใส่ในสารละลายกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้น 0.10 mol/dm³ ปริมาตร 120 cm³ เกิดปฏิกิริยาได้สาร A และ B ดังสมการ:\n\nMg(OH)₂ + 2HCl ⇌ A + 2B\n\nพิจารณาข้อความต่อไปนี้:\n\nก. สาร A คือ แมกนีเซียมคลอไรด์ และสาร B คือ น้ำ\nข. จำนวนโมลของ HCl ในสารละลายกรดไฮโดรคลอริกที่ใช้คือ 0.012 mol\nค. จำนวนโมลของ Mg(OH)₂ ที่เกิดปฏิกิริยากับกรดเท่ากับกรดไฮโดรคลอริกคือ 0.0043 mol\nง. เมื่อสิ้นสุดสมดุลอีกครั้ง สารละลายผสมมีค่า pH เท่ากับ 7", "Choices": { "A": "ก และ ข เท่านั้น", "B": "ก และ ค เท่านั้น", "C": "ข และ ง เท่านั้น", "D": "ง เท่านั้น", "E": "ก, ข และ ง" }, "Answer": "A" }, { "No": 34, "Question": "สารละลายผสมต่อไปนี้ประกอบด้วยสาร 2 ชนิดที่มีความเข้มข้นในสารละลายผสมเท่ากัน:\n\n| สารละลายผสม | สารชนิดที่ 1 | สารชนิดที่ 2 |\n| --- | --- | --- |\n| I | H₂SO₃, (Kₐ = 1.2 × 10⁻²) | NaHSO₃ |\n| II | H₂CO₃, (Kₐ = 4 × 10⁻⁷) | NaHCO₃ |\n| III | NaHCO₃, (Kₐ = 5.0 × 10⁻¹¹) | Na₂CO₃ |\n| IV | NaH₂PO₄, (Kₐ = 6.0 × 10⁻⁸) | Na₂HPO₄ |\n| V | C₆H₅COOH (Kₐ = 6.4 × 10⁻⁵) | C₆H₅COONa |\n\nการเปรียบเทียบค่า pH ของสารละลายผสมข้อใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "I > V > IV", "B": "II > IV > I", "C": "III > II > V", "D": "IV > I > III", "E": "V > III > II" }, "Answer": "C" } , { "No": 35, "Question": "พิจารณาปฏิกิริยาต่อไปนี้ในสารละลายกรด\n\na MnO₄⁻ (aq) + b NO (g) + c H⁺ (aq) → d Mn²⁺ (aq) + e NO₃⁻ (aq) + f H₂O (l)\n\nโดย a, b, c, d, e และ f เป็นเลขสัมประสิทธิ์จำนวนเต็มบวกที่มีค่าน้อยที่สุดที่ทำให้สามารถดุล ข้อใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "b = 3", "B": "c = 4", "C": "d + f = 7", "D": "a + c = b", "E": "ผลรวมสัมประสิทธิ์ทั้งหมด = 18" }, "Answer": "B" }, { "No": 36, "Question": "เมื่อพุ่มแผ่นโลหะที่ได้ทำความสะอาดพื้นผิวแล้วลงในสารละลายไอออนของโลหะอีกชนิดหนึ่ง ได้ผลการทดลองดังนี้:\n\n1. การทดลอง I: แผ่นโลหะ Zn ในสารละลาย Fe²⁺ -> ผลการทดลอง: มีโลหะ Fe เกาะที่ผิว Zn\n2. การทดลอง II: แผ่นโลหะ Ni ในสารละลาย Sn²⁺ -> ผลการทดลอง: มีโลหะ Sn เกาะที่ผิว Ni\n3. การทดลอง III: แผ่นโลหะ Fe ในสารละลาย Ni²⁺ -> ผลการทดลอง: โลหะ Ni เกาะที่ผิว Fe\n4. การทดลอง IV: แผ่นโลหะ Al ในสารละลาย Zn²⁺ -> ผลการทดลอง: มีโลหะ Zn เกาะที่ผิว Al\n5. การทดลอง V: แผ่นโลหะ Fe ในสารละลาย Al³⁺ -> ผลการทดลอง: ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อใดเรียงลำดับศักยภาพการยอมให้อิเล็กตรอนที่ผิวโลหะถูกต้อง", "Choices": { "A": "Zn > Fe > Sn > Ni > Al", "B": "Al > Zn > Fe > Ni > Sn", "C": "Zn > Al > Fe > Sn > Ni", "D": "Sn > Ni > Fe > Zn > Al", "E": "Al > Fe > Zn > Sn > Ni" }, "Answer": "B" }, { "No": 38, "Question": "ถ้าค่อยๆชาร์จเซลล์และครึ่งเซลล์ Pt(s) | H2(g, 1 atm) | H+(aq, 2 mol/dm3) Pt(s) | H2(g, 1 atm) | H+(aq, 0.1 mol/dm3) เข้าด้วยกัน ให้กระบวนจรพิจารณาผลที่ได้ต่อไปนี้ ก. จำนวน H+ เข้มข้น 2 mol/dm3 เป็นบวกเคลไหว ข. เซลล์ไฟฟ้าที่ได้เป็นเซลล์ความเข้มข้นชนิดหนึ่ง ค. อิเล็กตรอนเคลื่อนไหวจากด้านที่ H+ เข้มข้น 2 mol/dm3 ไปยังด้านที่ H+ เข้มข้น 0.1 mol/dm3 ง. ค่าเซลล์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์มีค่ามากกว่าศูนย์", "Choices": { "A": "ก และ ง", "B": "ข และ ง", "C": "ก ข และ ค", "D": "ก และ ข", "E": "ข และ ค" }, "Answer": "D" }, { "No": 37, "Question": "กำหนดค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของครึ่งเซลล์ดังกล่าวที่ 298 K:\n\nCu²⁺ (aq) + 2e⁻ → Cu (s) (E^0 = +0.34 V)\nAg⁺ (aq) + e⁻ → Ag (s) (E^0 = +0.80 V)\n\nถ้านำครึ่งเซลล์ที่มีแผ่นทองแดงจุ่มในสารละลาย CuSO₄ มาต่อกับครึ่งเซลล์ที่มีแผ่นเงินจุ่มในสารละลาย AgNO₃ ให้เป็นเซลล์ไฟฟ้าเคมี ข้อสรุปใดถูกต้อง:\n\n1. ตัวออกซิไดซ์คือ Ag(s)\n2. มวลของโลหะ Cu จะเพิ่มขึ้น\n3. แผนภาพเซลล์ที่เขียนได้ดังนี้: Cu (s) | Cu²⁺ (aq) || Ag⁺ (aq) | Ag (s)\n4. ปฏิกิริยารวมของเซลล์ที่เกิดคือ Cu²⁺ (aq) + 2Ag (s) → Cu (s) + 2Ag⁺ (aq)\n5. เซลล์ไฟฟ้าที่ได้เป็นเซลล์อิเล็กโทรไลต์ มีศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์เท่ากับ +0.46 V", "Choices": { "A": "ตัวออกซิไดซ์คือ Ag(s)", "B": "มวลของโลหะ Cu จะเพิ่มขึ้น", "C": "แผนภาพเซลล์ที่เขียนได้ดังนี้: Cu (s) | Cu²⁺ (aq) || Ag⁺ (aq) | Ag (s)\n", "D": "ปฏิกิริยารวมของเซลล์ที่เกิดคือ Cu²⁺ (aq) + 2Ag (s) → Cu (s) + 2Ag⁺ (aq)\n", "E": "เซลล์ไฟฟ้าที่ได้เป็นเซลล์อิเล็กโทรไลต์ มีศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์เท่ากับ +0.46 V" }, "Answer": "C" }, { "No": 39, "Question": "กการผลิตโลหะอะลูมิเนียมในอุตสาหกรรม ใช้วิธีอิเล็กโทรลิซิสของแร่บอกไซต์หลอมเหลว โดยผสมแร่ไครโอไลต์ (Na₃AlF₆) เพื่อช่วยให้หลอมเหลวง่ายขึ้น และแยกไฟฟ้าเป็นก้อนโลหะ พิจารณาข้อความต่อไปนี้ \n\nก. เกิดแก๊ส F₂ ที่ขั้วแคโทด\nข. เกิดแก๊ส O₂ ที่ขั้วแอโนด\nค. ที่ขั้วแอโนดเกิด CO₂ เกิดขึ้นด้วย\nง. ถ้า Al₂O₃ ถูกแยกสายไป 1 mol ต้องใช้อิเล็กตรอนจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า 6 mol\n\nข้อความใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "ก และ ง", "B": "ก และ ค", "C": "ข และ ง", "D": "ข และ ค เท่านั้น", "E": "ค และ ง เท่านั้น" }, "Answer": "C" }, { "No": 40, "Question": "พิจารณาสมบัติของแก้ว 3 ชนิดดังนี้:\n\n| ชนิดของแก้ว | สมบัติของแก้ว |\n| --- | --- |\n| ก | ทนการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี ทนสารเคมี ใช้ทำเครื่องแก้วในห้องปฏิบัติการ |\n| ข | ยอมให้แสงขาวผ่าน แต่ดูดรังสีอัลตราไวโอเลต ใช้ทำแก้วน้ำ ขวดน้ำ กระจกแผ่น|\n| ค | ตะกั่วเป็นองค์ประกอบหนึ่ง มีดัชนีการหักเหแสงสูง ใช้ทำเครื่องใช้ เครื่องประดับ |\n\nข้อใดระบุชนิดของแก้ว ก ข และ ค ได้ถูกต้องตามลำดับ", "Choices": { "A": "แก้วคริสตัล, แก้วโซดาไลม์, แก้วโบโรซิลิเกต ", "B": "แก้วโซดาไลม์, แก้วบอโรซิลิเกต, แก้วคริสตัล ", "C": "แก้วคริสตัล, แก้วโบโรซิลิเกต, แก้ววิริศิลิกตัด", "D": "แก้วโบโรซิลิเกต, แก้วคริสตัล, แก้วโซดาไลม์", "E": "แก้วโบโรซิลิเกต, แก้วโซดาไลม์, แก้วคริสตัล " }, "Answer": "E" }, { "No": 41, "Question": "สมการเคมีในข้อใดเกี่ยวข้องกับการผลิตสารฟอกขาว", "Choices": { "A": "2NaHCO₃(s) ⟶ Na₂CO₃(s) + CO₂(g) + H₂O(g)", "B": "Ca(OH)₂(aq) + 2NH₄Cl(aq) ⟶ CaCl₂(s) + 2NH₃(g) + 2H₂O(l)", "C": "2Ca(OH)₂(aq) + 2Cl₂(g) ⟶ Ca(OCl)₂(s) + CaCl₂(aq) + 2H₂O(l)", "D": "CaF₂ + 3Ca₃(PO₄)₂(s) + 14H₃PO₄(aq) ⟶ 10 Ca(H₂PO₄)₂(s) + 2HF(aq)", "E": "CO₂(g) + Na⁺(aq) + Cl⁻(aq) + NH₃(aq) + H₂O(l) ⟶ NaHCO₃(s) + NH₄⁺(aq) + Cl⁻(aq)" }, "Answer": "C" }, { "No": 42, "Question": "พิจารณาสูตรโครงสร้างของสารอินทรีย์แล้วการเขียนชื่อ (โดยไม่ระบุ cis- หรือ trans-) ของสารอินทรีย์ที่กำหนดให้ต่อไปนี้:\n\n| สูตรโครงสร้าง | การเรียกชื่อ |\n| --- | --- |\n| ก. (โครงสร้างทางเคมีของสารอินทรีย์) | 1,1-ไดเมทิล-3-บิวทีน |\n| ข. (โครงสร้างทางเคมีของสารอินทรีย์) | 2,5-ไดเมทิลเฮกเซน |\n| ค. (โครงสร้างทางเคมีของสารอินทรีย์) | 4-เมทิล-2-เฮกไทน์ |\n| ง. (โครงสร้างทางเคมีของสารอินทรีย์) | 2,5-ไดเมทิล-3-เฮปไทน์ |\n\nการเรียกชื่อสารตามสูตรโครงสร้างที่กำหนด ข้อใดถูกต้องตามระบบ IUPAC", "Choices": { "A": "ก และ ข", "B": "ก และ ค", "C": "ข และ ค", "D": "ข และ ง", "E": "ค และ ง" }, "Answer": "E" }, { "No": 43, "Question": "สารอินทรีย์ชนิดหนึ่ง มีสูตรโครงสร้างดังแสดง\n\n(แสดงภาพโครงสร้างทางเคมี)\n\n[OH]\n[H₃C - CH - CH₃]\n\nข้อใดไม่ใช่สมบัติของสารนี้", "Choices": { "A": "ละลายน้ำได้ดี", "B": "เกิดพันธะไฮโดรเจนกับน้ำได้", "C": "มีจุดเดือดต่ำกว่าเมทอกซีมีเทน", "D": "เป็นไอโซเมอร์ของ 1-โพรพานอล", "E": "เกิดปฏิกิริยาย่อยสลายอิพิทกับกับกรดคาร์บอกซิลิกได้" }, "Answer": "C" }, { "No": 44, "Question": "จากสูตรโครงสร้างของสารต่อไปนี้\n\n(แสดงภาพโครงสร้างทางเคมี 5 ชนิด)\n\n**เอทิลเบนซีน**\n**ยูจีนอล**\n**พาราเซตามอล**\n**น้ำมันระกำ**\n**การบูร**\n\nข้อใดผิด", "Choices": { "A": "เอทิลเบนซีนไม่สามารถฟอกจางสีโบรมีน", "B": "ยูจีนอลสามารถฟอกจางสีโบรมีนได้ในที่มืด", "C": "การบูรและน้ำมันระกำมีกลุ่มฟังก์ชั่นเดียวกันคือหมู่คาร์บอลนิล", "D": "ผลิตภัณฑ์ที่มาจากปฏิกิริยาไฮโดรซิสของน้ำมันระกำคือเมทานอล", "E": "ผลิตภัณฑ์ที่มาจากปฏิกิริยาไฮโดรซิสของพาราเซตามอลคือกรดแอซีติก" }, "Answer": "A" }, { "No": 45, "Question": "สารชนิดหนึ่งมีสูตรโมเลกุล CₓHᵧOₓ เมื่อเข้าสารที่ 1 mol ไปเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ในอากาศ คาร์บอนไดออกไซด์ 4 mol และน้ำ 5 mol สารนี้มีสูตรโครงสร้างที่เป็นแอลกอฮอล์ได้ทั้งหมดกี่แบบ", "Choices": { "A": "1 แบบ", "B": "2 แบบ", "C": "3 แบบ", "D": "4 แบบ", "E": "มากกว่า 4 แบบ" }, "Answer": "D" }, { "No": 46, "Question": "จากโครงสร้างพอลิเมอร์ต่อไปนี้ พอลิเมอร์ดังกล่าวชี้ถึงหลากสารที่ได้จากมอนอเมอร์ใด และปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์เป็นแบบใดมอนอเมอร์\n\n(แสดงภาพโครงสร้างทางเคมีของพอลิเมอร์)\n\nมอนอเมอร์ ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์", "Choices": { "A": "H₃C-C-O-C-CH=CH₂ แบบควบแน่น", "B": "H₃C-C-O-C-CH=CH₂ แบบเติม", "C": "H₃C-C-O-O-CH=CH₂ แบบควบแน่น", "D": "H₃C-C-O-CH=CH₂ แบบเติม", "E": "H₃C-C-O-O-CH=CH₂ แบบเติม" }, "Answer": "D" }, { "No": 47, "Question": "พิจารณาข้อความต่อไปนี้:\n\nก. ก๊อโรเจนเป็นสารประกอบอินทรีย์สำคัญที่พบในหินน้ำมัน\nข. ปิโตรเลียมมีปริมาณซัลเฟอร์และไนโตรเจนออกไซด์มากกว่าแก๊สไฮโดรเจน\nค. การเพิ่มค่าออกเทน ETBE ในน้ำมันไร้สารตะกั่วมักพิจารณาเป็นอีเทอร์\nง. anodic protection เป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ป้องกันการผุกร่อนของท่อส่งแคตารธรรมชาติ\nจ. น้ำมันดิบบางชนิดมีสารประกอบซัลเฟอร์อยู่ต่ำและมีกำมะถันปนอยู่เล็กน้อยเรียกว่า sweet crude oil\n\nข้อใดถูกต้อง", "Choices": { "A": "ก และ ค", "B": "ก และ ง", "C": "ข และ ค", "D": "ข และ ง", "E": "ค และ ง" }, "Answer": "A" } ]