txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Blizzard เลิกทำตลาดเกมจีนต้นปี 2023 หลังไม่ต่อสัญญากับ NetEase ที่เซ็นมาตั้งแต่ปี 2008
Blizzard ประกาศเตรียมยุติการให้บริการเกมในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังสัญญากับบริษัทเกมจีน NetEase ที่เริ่มเซ็นกันมาตั้งแต่ปี 2008 จะสิ้นสุดในวันที่ 23 มกราคม 2023 และทั้งสองบริษัทตกลงไม่ขยายสัญญา
เกมที่ได้รับผลกระทบคือ World of Warcraft, Hearthstone, Warcraft III: Reforged, Overwatch, StarCraft, Diablo III, Heroes of the Storm ส่วน Diablo Immortal เป็นสัญญาแยกอีกฉบับกับ NetEase จึงไม่ได้รับผลกระทบ
Blizzard บอกแค่ว่าขอบคุณผู้เล่นชาวจีนที่อยู่กันมาเกือบ 20 ปี และจะพยายามหาทางเลือกอื่นๆ ในการนำเกมของตัวเองกลับสู่ตลาดจีนต่อไป
ที่มา - Activision Blizzard |
# Fedora 37 ออกแล้ว ผนวกเอา CoreOS และ Cloud เป็น Edition หลัก
Fedora Linux ออกเวอร์ชัน 37 หลังจากต้องเลื่อนมาเล็กน้อยเพราะรออุดช่องโหว่ OpenSSL ของใหม่คือ
Fedora CoreOS สำหรับการรันในคอนเทนเนอร์ และ Fedora Cloud อิมเมจสำหรับรันในคลาวด์ กลายมาเป็น edition หลักของ Fedora แล้ว ออกพร้อมกับ edition อื่นๆ ไม่ต้องออกแยกในภายหลัง
Fedora Desktop อัพเกรดมาเป็น GNOME 43, ตัดแพ็กเกจภาษาของ Firefox ให้ดาวน์โหลดแยกต่างหาก เพื่อลดขนาดพื้นที่
รองรับ Raspberry Pi 4 อย่างเป็นทางการ, หยุดรองรับสถาปัตยกรรม ARMv7 (arm32)
เตรียมยกเลิกการเข้ารหัสแบบ SHA-1 ในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเป็น Fedora 39, ปรับสถานะแพ็กเกจ OpenSSL 1.1 เป็นล้าสมัย (deprecated) แนะนำให้อัพเกรดเป็น OpenSSL 3 แทน
ที่มา - Fedora |
# Cisco ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมโต 6% บอกสถานการณ์ซัพพลายเชนดีขึ้นแล้ว
Cisco รายงานผลประกอบการของไตรมาส 1 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนตุลาคม รายได้รวมเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 13,632 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 2,670 ล้านดอลลาร์
Scott Herren ซีเอฟโอของ Cisco กล่าวว่ารายได้ต่อเนื่องของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี มี ARR เพิ่มขึ้น 12% ซึ่งสะท้อนความคืบหน้าในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่บริการบนคลาวด์ และการขายซอฟต์แวร์แบบ subscription มากขึ้น ขณะที่สถานการณ์ซัพพลายเชนดีขึ้นแล้ว
รายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักซึ่งเรียกรวมว่า Secure, Agile Networks เพิ่มขึ้น 12% เป็น 6,684 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กลุ่ม Internet for the Future และ Collaboration มีรายได้ลดลงเล็กน้อย ส่วนกลุ่ม End-to-End Security เพิ่มขึ้น 9% เป็น 971 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Cisco |
# Adobe ประกาศออก Acrobat และ Fresco เวอร์ชัน Windows on Arm
Adobe ประกาศในงานของ Qualcomm ว่าจะออกแอพในตระกูล Creative Cloud ที่รองรับ Windows on Arm แบบเนทีฟอีกสองตัวคือ Adobe Fresco และ Adobe Acrobat แต่ยังไม่บอกช่วงเวลาที่แน่ชัด
ที่ผ่านมา Adobe มีแอพที่รองรับ Windows on Arm อยู่ก่อนแล้วคือ Lightroom และ Photoshop (แม้ถูกวิจารณ์ว่าประสิทธิภาพไม่ดีเท่าไรนัก)
นอกจากนี้ Adobe ยังประกาศจะออก Adobe Aero เครื่องมือสร้างโมเดล AR เวอร์ชัน Android ด้วย
ที่มา - Qualcomm |
# NVIDIA ไตรมาสล่าสุด รายได้ลดลง 17% สาเหตุหลักจากธุรกิจการ์ดจอเกม ส่วน Data Center ยังโตสูง
NVIDIA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนตุลาคม รายได้รวม 5,931 ล้านดอลลาร์ ลดลง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2022 มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 680 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Jensen Huang กล่าวว่าบริษัทกำลังเร่งปรับตัวกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ปรับปรุงระดับสินค้าคงคลัง และเร่งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่
กลุ่มธุรกิจเกมมีรายได้ลดลงมากถึง 51% ที่ 1,574 ล้านดอลลาร์ โดย NVIDIA ให้รายละเอียดว่าเพราะมีสินค้าค้างจำนวนที่มากกว่าความต้องการของตลาด ขณะที่กลุ่ม Data Center ยังเติบโตได้ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น 31% เป็น 3,833 ล้านดอลลาร์ จากลูกค้าคลาวด์และผู้ให้บริการบนอินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ส่วนสินค้ากลุ่ม CMP สำหรับเหมืองคริปโต NVIDIA บันทึกยอดขายลงกลุ่ม Other ซึ่งไตรมาสที่ผ่านมามีรายได้ 73 ล้านดอลลาร์
ที่มา: NVIDIA และ CNBC |
# Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 2 จีพียูแรงขึ้น 25%, รองรับ AV1 และ Wi-Fi 7
Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 2 ชิปเรือธงรุ่นใหม่ประจำปี
ช่วงหลังๆ Qualcomm ไม่ค่อยเผยรายละเอียดสเปกซีพียู-จีพียูแล้ว รอบนี้บอกแค่ว่าซีพียู Kryo สัญญาณนาฬิกาสูงสุด 3.2GHz ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น 40% (เทียบกับ 8 Gen 1) และจีพียู Adreno ประสิทธิภาพดีขึ้น 25% รองรับ Vulkan 1.3
ของใหม่อย่างอื่นคือชิป Hexagon รุ่นใหม่ประมวลผล AI ได้ดีขึ้นสูงุสุด 4.35 เท่า รองรับฟอร์แมตตัวเลข INT4 แบบใหม่ ประหยัดพลังงานขึ้นจากเดิม, รองรับการถอดรหัสวิดีโอ AV1 แล้วสักที, ชิปโมเด็มตัวใหม่ X70 รองรับ 5G Dual-SIM Dual-Active (DSDA) และชิปสื่อสาร FastConnect 7800 รองรับ Wi-Fi 7 แล้ว (สเปกละเอียด)
ค่ายมือถือที่ประกาศใช้งานแล้วมีจำนวนมาก เช่น ASUS ROG, Honor, iQoo, Motorola, Nubia, OnePlus, Oppo, Vivo, Xiaomi, Sony, ZTE โดยสินค้ารุ่นแรกจะเปิดตัวภายในสิ้นปี 2022
ที่มา - Qualcomm |
# Elon Musk: จากนี้ Twitter มีวัฒนธรรมการทำงานแบบฮาร์ดคอร์ ไม่อย่างนั้นก็ลาออกไปพร้อมเงินชดเชย
สำหรับข่าว Twitter รายวันประจำวันนี้ เป็นข้อมูลว่าซีอีโอ Elon Musk ได้ส่งอีเมลหาพนักงานทั้งหมดช่วงประมาณเที่ยงคืน โดยบอกว่าจากนี้วัฒนธรรมองค์กรคือการทำงานหนักดุเดือด (extremely hardcore) หากใครไม่สามารถรับได้ก็ให้ลาออกไป
รายละเอียดอีเมลฉบับเต็มที่ The Verge ได้รับมามีดังนี้
ที่มา: The Verge |
# Apple อัพเดต tvOS 16.1.1 แก้ไขบั๊กลงแอปเพิ่มไม่ได้ บอกพื้นที่ไม่พอ ทั้งที่ยังเหลือ
แอปเปิลออกอัพเดตย่อย tvOS เวอร์ชัน 16.1.1 ซึ่งมีผลเฉพาะผู้ใช้อุปกรณ์ Apple TV 4K รุ่นที่ 3 (3rd Gen) เท่านั้น
อัพเดตดังกล่าว แอปเปิลบอกว่าแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งาน Apple TV บางรายไม่สามารถลงแอปเพิ่มเติมใน Apple TV ได้ ตามที่มีรายงานปัญหาก่อนหน้านี้ ว่าผู้ใช้ Apple TV 4K ความจุ 128GB บางคน ลงแอปเพิ่มไม่ได้ และระบุว่าอุปกรณ์นั้นมีพื้นที่แค่ 64GB
การอัพเดตทำได้โดยไปที่ System -> Software Update หรือรออัพเดตอัตโนมัติหากเปิดการตั้งค่าเอาไว้
ที่มา: MacRumors |
# Evernote ขายกิจการให้บริษัทพัฒนาแอปตัดต่อวิดีโอ Bending Spoons ไม่เปิดเผยมูลค่าดีล
Evernote แอปจดบันทึก ที่เคยเป็นที่นิยมในช่วงเวลาหนึ่ง ประกาศว่า Bending Spoons บริษัทผู้พัฒนาแอปแต่งวิดีโอ-รูปภาพจากอิตาลี ตกลงเข้าซื้อกิจการทั้งหมด โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของดีล ทั้งนี้ Evernote บอกว่าข้อมูลผู้ใช้งานทั้งหมดยังคงเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย และให้บริการต่อไปตามเดิม
Bending Spoons เป็นผู้พัฒนาแอปตัดต่อวิดีโอ Splice และแอปแต่งรูปภาพ Remini ซึ่งแม้ดูแล้วอาจไม่ตรงกับบริการของ Evernote นัก แต่ทาง Evernote ก็บอกว่า Bending Spoons มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแอปสำหรับใช้งานผ่านมือถือ มีฐานผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคน และมีสถานะการเงินที่ดี ซึ่งสามารถช่วยเหลือ Evernote ได้
Evernote เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพดัง มีมูลค่ากิจการมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และมีสถานะยูนิคอร์น (แต่คาดว่าดีลนี้น่าจะมีมูลค่าน้อยกว่า) ช่วงหลายปีที่ผ่านมาประสบปัญหา มีการเปลี่ยนตัวซีอีโอหลายครั้ง จนนำไปสู่การขายกิจการให้ Bending Spoons ในที่สุด
ที่มา: Evernote |
# Tencent ประกาศปันผลเป็นหุ้นของ Meituan ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท
Tencent รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 รายได้รวมลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1.4 แสนล้านหยวน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี IFRS 3.88 หมื่นล้านหยวน
รายได้จากธุรกิจเกมยังคงกระทบรายได้รวม จากการที่ทางการจีนไม่ได้ออกใบอนุญาตเกมใหม่เพิ่มเติม รายได้เกมในจีนลดลง 7% ส่วนเกมในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3% และธุรกิจโฆษณาออนไลน์ รายได้ลดลง 5%
Tencent ยังประกาศลดการถือครองหุ้นบริษัทเทคโนโลยีอื่น เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของทางการจีน โดยจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เป็นหุ้นของ Meituan ผู้ให้บริการเดลิเวอรีรายใหญ่ คิดเป็น 15.5% ของหุ้นทั้งหมดของ Meituan วิธีการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Tencent เคยทำแบบเดียวกันกับหุ้นของ JD.com
ทั้งนี้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นที่ Tencent ถือหุ้น ได้แก่ Pinduoduo (โซเชียลคอมเมิร์ซ), Kuaishou (วิดีโอออนไลน์), DiDi แอปแท็กซี่ ไปจนถึง Tesla และ Spotify
ที่มา: Reuters |
# Grab ไตรมาส 3/2022 รายได้รวมโต 156% ทั้งจากธุรกิจรถโดยสารและส่งอาหาร
Grab รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 มีมูลค่าการทำรายการผ่านแพลตฟอร์ม (GMV) 5,080 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน คิดเป็นรายได้ของ Grab 382 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 156% และขาดทุนสำหรับไตรมาส 342 ล้านดอลลาร์
รายได้ตามส่วนธุรกิจ เดลิเวอรีเพิ่มขึ้น 271% เป็น 171 ล้านดอลลาร์ และมี EBITDA แบบปรับปรุงเป็นบวกครั้งแรก ขณะที่ธุรกิจรถโดยสารมีรายได้เพิ่มขึ้น 101% เป็น 176 ล้านดอลลาร์ จากการฟื้นตัวของธุรกิจหลังโควิด 19 จำนวนผู้ขับรถตอนนี้คิดเป็น 80% ของช่วงก่อนการระบาดโควิด
Anthony Tan ซีอีโอ Grab กล่าวว่าในไตรมาสนี้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตและทำกำไรได้แล้ว ในธุรกิจส่งอาหารที่มี EBITDA เป็นบวก ขณะที่ภาพรวมการขาดทุนก็ลดลง ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างต้นทุน และควบคุมการให้ส่วนลด ขณะเดียวกันก็พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้ไปด้วย
ที่มา: Grab |
# MrBeast กลายเป็นบุคคลที่มีผู้ติดตามบน YouTube มากที่สุดในโลกแซงหน้า PewDiePie แล้ว
หลังจากที่ PewDiePie ครองแชมป์ในฐานะบุคคลที่มีผู้ติดตามผ่าน YouTube มากที่สุดมายาวนานเกือบ 10 ปี ในที่สุดตอนนี้ก็โดน MrBeast นักสร้างคอนเทนต์ชาวอเมริกันแซงหน้าไปแล้ว
ณ ขณะนี้จำนวนผู้ติดตามช่อง YouTube ของ MrBeast นั้นมีถึง 112 ล้านคน แซงหน้าช่องของ PewDiePie ซึ่งแสดงข้อมูลจำนวนผู้ติดตามอยู่ที่ 111 ล้านคน ทั้งนี้จำนวนผู้ติดตามที่แท้จริงนั้นอาจต่างกันในหลักไม่กี่พันหรือไม่กี่หมื่นคน
MrBeast นั้นมีชื่อจริงว่า Jimmy Donaldson ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากคลิปวิดีโอการแจกเงินและการทำกิจกรรมการกุศลต่างๆ ในขณะที่แชมป์เก่า PewDiePie ซึ่งมีชื่อจริงคือ Felix Kjellberg เป็นผู้ผลิตเนื้อหาที่โด่งดังจากคลิปรีแอคชั่นเกมต่างๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่า MrBeast จะได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีผู้ติดตามผ่าน YouTube มากที่สุดในโลกขณะนี้ แต่ช่อง YouTube ที่มีจำนวนผู้ติดตามมากที่สุดยังคงเป็นช่อง T-Series ซึ่งเป็นช่องรวมมิวสิควิดีโอเพลงต่างๆ ของอินเดียที่มีผู้ติดตามในขณะนี้ 229 ล้านคน
MrBeast (ที่มาภาพ: IG: mrbeast)
ที่มา - BBC |
# WSL ออกเวอร์ชั่น 1.0 ไม่เป็นพรีวิวแล้ว
ไมโครซอฟท์ออก WSL 1.0 (อาจจะต้องเรียกว่า WSL2 1.0) หลังจากพัฒนามายาวนาน โดย WSL นั้นเปิดตัวในงาน BUILD 2016 แต่ WSL2 ที่ออกปี 2019 นั้นเปลี่ยนสถาปัตยกรรมไปมาก โดยหันไปพอร์ตเคอร์เนลลินุกซ์ทั้งก้อนมารันอยู่ใน VM ภายใต้วินโดวส์แทนการจำลอง system call
การออก WSL 1.0 ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากนัก แต่เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ก็มีการอัพเดต WSLg สำหรับโปรแกรมแบบ GUI ไป
ไมโครซอฟท์ปล่อยตัวติดตั้ง WSL 1.0 ในรูปแบบ MSIX Bundle ติดตั้งได้ทั้ง x64 และ ARM64
ที่มา - GitHub: microsoft/WSL |
# Boston Dynamics ฟ้อง Ghost Robotics ผู้ผลิตหุ่นยนต์อีกรายว่าละเมิดสิทธิบัตร 7 รายการ
Boston Dynamics บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ชื่อดัง ยื่นฟ้อง Ghost Robotics บริษัทผุ้ผลิตหุ่นยนต์อีกรายของสหรัฐอเมริกาว่าได้ละเมิดสิทธิบัตร 7 รายการเกี่ยวกับการออกแบบพัฒนา Spot หุ่นยนต์เดินสี่ขาของตนเอง
Boston Dynamics ระบุว่าหุ่นยนต์ของ Ghost Robotics รุ่น Spirit 40 และ Vision 60 ได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่มีสิทธิบัตรคุ้มครอง โดย Boston Dynamics ได้ติดต่อ Ghost Robotics ไปแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่เพิ่งมีการเปิดตัวหุ่น Spirit 40 ออกมาได้ 5 เดือน
Boston Dynamics ยังได้ส่งจดหมายขอให้ยุติและระงับ (cease-and-desist letter) การทำตลาดเพื่อขายหุ่นยนต์ Spirit 40 ไปถึง Ghost Robotics ก่อนหน้านี้แล้ว 2 ฉบับ ทว่าเมื่อฝ่ายผู้ได้รับจดหมายยังเดินหน้าขายหุ่นยนต์ของตนเองต่อไป จึงนำมาสู่การฟ้องร้องในครั้งนี้
ซ้าย: หุ่น Spot ของ Boston Dynamics, ขวา: หุ่น Vision 60 ของ Ghost Robotics
เว็บไซต์ The Robot Report ได้โพสต์ไฟล์เอกสารคำฟ้องร้องของ Boston Dynamics ซึ่งได้แจกแจงรายละเอียดคำกล่าวอ้างว่าหุ่นยนต์ของบริษัทคู่แข่งนั้นได้ละเมิดสิทธิบัตรทั้ง 7 ฉบับของตนเองซึ่งประกอบไปด้วย
9,308,648 — “Systems and Methods for Robotic Self-Right”
9,662,791 — “Systems and Methods for Robotic Self-Right”
11,123,869 — “Robotically Negotiating Stairs”
9,387,588 — “Handling Gait Disturbances with Asynchronous Timing”
11,073,842 — “Perception and Fitting for a Stair Tracker”
10,253,855 — “Screw Actuator for a Legged Robot”
11,131,368 — “Screw Actuator for a Legged Robot”
Boston Dynamics ต้องการเรียกค่าชดเชยจากการโดนละเมิดสิทธิบัตรทั้ง 7 ฉบับ พร้อมดอกเบี้ยของเงินค่าปรับทั้งในช่วงก่อนการตัดสินคดีและหลังจากนั้น
ที่มา - The Robot Report ผ่าน Engadget |
# นักลงทุนรายใหญ่ใน Google เสนอ บริษัทควรปลดพนักงานบ้างเพื่อลดรายจ่าย
TCI บริษัทการลงทุนที่ถือหุ้น Alphabet บริษัทแม่ของ Google มูลค่ากว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ออกจดหมายถึง Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet ว่าบริษัทควรจะลดค่าใช้จ่ายลงโดยการการปลดพนักงานออก เพราะมีพนักงานมากและจ่ายเงินเดือนให้แต่ละคนสูงเกินไป นอกจากนี้ ยังบอกให้ Alphabet เผยเป้าหมายอัตรากำไร (profit margin) ต่อสาธารณะ เพิ่มการซื้อคืนหุ้น และลดต้นทุนจากโครงการเทคโนโลยีใหม่ที่ Alphabet เรียกรวมว่า Other Bets โดยเฉพาะ Waymo ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่พัฒนารถยนต์ไร้คนขับ
Alphabet มีรายได้จากการโฆษณาลดลงตามรายงานผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Meta, Twitter และ Amazon ต่างพากันปลดพนักงานออกครั้งใหญ่เพื่อลดค่าใช้จ่ายเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว Google ยังคงชะลอการรับคนเพิ่มเท่านั้น ไม่มีการปลดพนักงานครั้งใหญ่ ๆ
Google มีพนักงานทั้งหมดเพิ่มขึ้นราว 20% เมื่อเทียบปีต่อปีมาตั้งแต่ปี 2017
ที่มา: TCI via Bloomberg |
# NASA ปล่อยจรวด Artemis I ขึ้นสู่อวกาศเพื่อส่งยานไปดวงจันทร์แล้ววันนี้
ในที่สุดหลังจากเลื่อนมาหลายครั้ง วันนี้ NASA ก็ได้ปล่อยจรวด SLS ของโครงการ Artemis I ขึ้นสู่อวกาศแล้วเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเวลา 1:47 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 13.47 น. ในวันนี้ตามเวลาประเทศไทย) จากฐานปล่อยจรวด 39B ที่ Kennedy Space Center ใน Florida
จรวด SLS (Space Launch System) นี้จะพายาน Orion ขึ้นสู่อวกาศ โดยยาน Orion นี้จะเดินทางมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ และเดินทางเลยดวงจันทร์ไปเป็นระยะราว 40,000 ไมล์ ก่อนเดินทางกลับสู่โลกโดยไม่มีนักบินอวกาศไปด้วย โดยจะใช้เวลาในการทำภารกิจทั้งหมด 25 วันครึ่ง ซึ่งนี่คือภารกิจทั้งหมดของ Artemis I
ที่มาภาพ: NASA, CC BY-NC-ND 2.0
ทั้งนี้หลังการปล่อยจรวด SLS เมื่อยาน Orion ขึ้นไปถึงระดับวงโคจรของมันก็ได้กางแผงโซลาร์เซลล์ออก และจากนั้นในช่วง 90 นาทีหลังการปล่อยจรวด ระบบขับเคลื่อนของจรวดส่วนบนได้เริ่มทำงานเพื่อส่งแรงผลักยาน Orion ให้พ้นจากวงโคจรของโลกเพื่อมุ่งหน้ายังดวงจันทร์ได้สำเร็จตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ หลังจากนั้นยาน Orion ก็ได้แยกตัวจากจรวด SLS และเคลื่อนที่ต่อไปโดยใช้โมดูลบริการ (service module) ของตัวยานเอง ซึ่งเป็นอุปกรณ์สร้างแรงขับซึ่งได้รับความร่วมมือพัฒนาโดย ESA (องค์การอวกาศยุโรป)
ภาพโลกจากมุมมองของยาน Orion ในขณะที่เคลื่อนตัวออกห่างจากโลกเพื่อมุ่งสู่ดวงจันทร์ (ที่มาภาพ: ช่อง YouTube ของ NASA)
หลังจากนี้โมดูลบริการจะทำหน้าที่สร้างแรงขับเพื่อพายาน Orion เคลื่อนที่มุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ไปอีกจนถึงช่วงเวลา 8 ชั่วโมงหลังการปล่อยจรวด หลังจากนั้นเจ้าที่ของ NASA จะทำการปรับแก้เส้นทางการเคลื่อนที่ให้ถูกต้องอีกครั้ง ทั้งนี้ยาน Orion มีกำหนดที่จะเดินทางไปถึงดวงจันทร์ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่วงโคจรรอบดวงจันทร์ต่อไป
ที่มา - NASA |
# ตามไปทุกที่ Opera เป็นเบราว์เซอร์แรกที่ใส่ TikTok ใน sidebar
Opera ประกาศว่าได้เพิ่มให้ผู้ใช้สามารถเล่น TikTok ได้แล้วบนเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องเข้าแอปพลิเคชันโดยตรงหรือเปิดแท็บใหม่ ผู้ใช้สามารถกดเข้าไปได้ที่ไอคอนจุด 3 จุดที่อยู่ด้านล่าง sidebar บนหน้าเว็บไซต์
Opera พูดถึงการตัดสินใจเพิ่ม TikTok แบบ built-in หลังจากที่ได้ทำการสำรวจ และผลสำรวจเผยว่าผู้ใช้ TikTok ที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี 65% ต้องการเล่น TikTok บนเบราว์เซอร์เดสก์ท็อป
นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ตัดโฆษณาได้ฟรี รวมทั้งเปิดใช้ VPN บนเบราว์เซอร์ได้
ที่มา: Opera |
# Toyota เปิดตัว Prius Gen 5 มีทั้งปลั๊กอินไฮบริดและไฮบริดปกติ แรงขึ้นประหยัดเท่าเดิม มีหลังคาโซลาร์
Toyota Prius คือหนึ่งในรถยนต์ที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก เนื่องจากความประหยัดน้ำมันและทนทาน โดยขายไปแล้วกว่า 5 ล้านคันตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ไปแล้วราว 82 ล้านตัน ล่าสุด Toyota ได้เปิดตัว Prius รุ่นที่ 5 มีขุมพลังทั้งแบบปลั๊กอินไฮบริดและไฮบริดปกติ
ในงานเปิดตัว แม้จะไม่ได้พูดตรงๆ แต่ Toyota ก็ทราบดีว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (BEV) แต่แนวทางของ Toyota นั้นชัดเจนว่าต้องการทำตลาดรถทุกรูปแบบทั้งไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด, ไฟฟ้าล้วนจากแบตเตอรี่ (BEV) และเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (FCEV) ซึ่ง Toyota ก็ตั้งคำถามกับตัวเอง (เหมือนกับที่หลายคนตั้งคำถาม) ว่า "จะผลิตรถยนต์ไฮบริดไปอีกนานแค่ไหน?" และคำตอบที่ Toyota ให้กับตัวเองคือ Prius จะต้องมีต่อไป เพราะ Prius เป็นรถอีโคคาร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้
Toyota Prius รุ่นที่ 5 มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง, ขยายฐานล้อ และใช้แพลตฟอร์ม TNGA รุ่นที่ 2 โดยมีขุมพลังให้เลือก 2 แบบ ดังนี้
ปลั๊กอินไฮบริด 2.0 ลิตร ใช้เครื่องยนต์ Dynamic Force บวกกับมอเตอร์ที่ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน มีกำลัง 219 แรงม้า (223 PS) เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.7 วินาที โดยที่ยังประหยัดน้ำมันเท่ารุ่นที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้เปิดเผยระยะทางที่ขับได้ด้วยไฟฟ้าล้วนๆ แต่ระบุว่าสูงกว่ารุ่นที่แล้ว 50% ซึ่ง Prius Prime รุ่นที่วางขายอยู่โฆษณาว่าแล่นด้วยไฟฟ้าได้ 40 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน EPA) แปลว่า Prius PHEV รุ่นใหม่ก็น่าจะแล่นได้ราว 60 กิโลเมตร
ไฮบริด 2.0 หรือ 1.8 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ไฮบริดให้กำลัง 190 แรงม้า (193 PS) และรุ่น 1.8 ไฮบริดให้กำลัง 138 แรงม้า (140 PS) แรงและขับสนุกขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ E-Four ติดตั้งมอเตอร์ไว้เพลาหลัง ทำงานเมื่อต้องการแรงบิดสูงเช่นขึ้นเนินที่ถนนลื่น หรือช่วยให้รถนิ่งขึ้นเวลาเข้าโค้ง
นอกจากนี้ยังมีโหมดจ่ายไฟกระแสสลับให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกได้ด้วย โดยเสียบปลั๊กได้ 2 จุดคือในรถกับท้ายรถ เป็นไฟ 100 โวลท์ 1500 วัตต์ ทำงานได้ 2 โหมดคือจ่ายไฟจากแบตเตอรี่อย่างเดียว พอไฟหมดก็หยุด หรือจะเลือกให้ติดเครื่องมาชาร์จแบตหากแบตหมดก็ได้ มาพร้อมแผงเสียบกระจกเพื่อให้สายไฟลอดออกมาจากตัวรถได้ ทำหน้าที่กันน้ำฝนและกันแมลงเข้ารถ
สุดท้ายในรุ่นปลั๊กอินไฮบริดยังมีหลังคาโซลาร์ที่เป็นรุ่นที่ 2 แล้ว มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยไฟฟ้าที่ชาร์จได้จากหลังคาเทียบเท่าการขับเป็นระยะทาง 1,250 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งกระแสไฟที่ได้ระหว่างการจอดกลางแดดจะนำไปเปิดแอร์ด้วย
ขณะนี้สเปกและออปชันเต็มๆ ของ Prius รุ่นที่ 5 ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา รวมถึงวันวางจำหน่ายและราคาด้วย
รับชมคลิปงานเปิดตัวได้ท้ายข่าว
ที่มา - Toyota
ภาพทั้งหมดโดย Toyota |
# YouTube Shorts ทดสอบฟีเจอร์ขายของในแอป แบบ TikTok
YouTube กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่เพื่อซื้อขายสินค้าใน YouTube Shorts ให้ครีเอเตอร์ในสหรัฐฯ และผู้ชมในสหรัฐฯ อินเดีย บราซิล แคนาดา และออสเตรเลีย โดยครีเอเตอร์สามารถใส่แท็กสินค้าของตนเองในวิดีโอบน YouTube Shorts และผู้ซื้อสามารถกดซื้อของได้เลยภายในแอปพลิเคชัน ขณะนี้เปิดทดลองให้ครีเอเตอร์บางคนในสหรัฐฯ
YouTube ทดลองฟีเจอร์ดังกล่าวเพราะต้องการเพิ่มแหล่งรายได้ของบริษัทขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ธุรกิจโฆษณาของแพลตฟอร์มชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ YouTube ยังต้องการแข่งขัน TikTok ที่เพิ่งทดลองฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อขยายสู่บริการอีคอมเมิร์ซมากขึ้น
Michael Martin ผู้จัดการทั่วไปของฝั่ง YouTube Shopping เผยว่าบริษัทมีแผนการ 2 อย่างในปี 2023 คือการจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับครีเอเตอร์ที่ขายสินค้าผ่านลิงก์ในวิดีโอ และจะจ่ายเงินในครีเอเตอร์ 45% จากรายได้ที่ได้จากการโฆษณาใน Shorts
ที่มา: Financial Times |
# พนักงาน Twitter หลายรายถูกไล่ออก หลังล้อเลียน Elon Musk ใน Slack
Platformer รายงานพนักงานของ Twitter หลายรายถูกไล่ออกเพราะวิจารณ์หรือล้อเลียน Elon Musk ทั้งผ่านทาง Slack ของบริษัทและทั้งที่โต้แย้งและถกเถียงกับ Musk บน Twitter
ตัวอย่างเช่น Nick Morgan อดีตวิศวกรซอฟต์แวร์หัวหน้าทีม Twitter Service โพสต์รูปภาพที่แคปจากอีเมลที่บริษัทส่งมาตอนกลางคืนว่าเขาถูกปลดออกโดยมีผลทันที เพราะมีพฤติกรรมที่ละเมิดนโยบายบริษัท เขาโพสต์ใน Twitter ว่าเขาเชื่อว่าตัวเองถูกไล่ออกเพราะไม่ได้แสดงความจงรักภักดีเต็มร้อยใน Slack (“not showing 100% loyalty in slack.”)
ส่วน Sasha Solomon วิศวกรซอฟต์แวร์หัวหน้าร่วมของทีม Core API เผยว่าเธอลูกไล่ออกเพราะล้อเลียน (“shitposting”) Musk นอกจากนี้ Jesse Feinman ที่เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์เช่นเดียวกันก็เผยว่าตนเองก็ถูกไล่ออกเพราะล้อเลียน Musk เหมือนกัน ส่วนบัญชี Twitter @nickrw ก็เผยว่าตนเองถูกไล่ออกหลังทวิตวิจารณ์ Musk
ตอนนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีพนักงานที่วิจารณ์และล้อเลียนซีอีโอถูกไล่ออกไปแล้วกี่คน แต่ Platformer คาดว่าน่าจะราว 20 คนแล้ว
ก่อนหน้านี้ Musk ก็เพิ่งจะไล่ Eric Frohnhoefer และ Ben Leib ออกหลังจากที่ทั้งคู่มาทวิตโต้แย้งและเถียงกับ Musk
ที่มา: Gizmodo |
# Apple เตรียมใช้ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ จากโรงงาน TSMC ในแอริโซนา
Tim Cook ซีอีโอของ Apple เผยในที่ประชุมภายในบริษัทในเยอรมนีว่า บริษัทเตรียมใช้ชิปที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะหมายถึงจากโรงงานผลิตชิปของซัพพลายเออร์รายใหญ่อย่าง TSMC ที่กำลังก่อสร้างในรัฐแอริโซนา รวมทั้งจะใช้ชิปจากโรงงานในยุโรปเพิ่มมากขึ้น
โรงงานของ TSMC ในรัฐแอริโซนาคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในปี 2024 นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่าบริษัทวางแผนตั้งโรงงานเพิ่มอีกแห่งในรัฐเดียวกัน ปกติแล้ว Apple จะใช้ชิปจากโรงงานของ TSMC ที่อยู่ในไต้หวัน โดย Cook เผยว่าชิป 60% ของ Apple มาจากไต้หวัน
หาก Apple สามารถใช้ชิปที่มาจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพิ่มขึ้นก็เท่ากับว่าได้ลดการพึ่งพาเอเชียลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สหรัฐฯ ออกกฎหมาย Chip and Science Act ให้เงินสนับสนุน 5 หมื่นล้านเหรียญสำหรับบริษัทที่มาตั้งโรงงานผลิตชิปในประเทศ ส่วนยุโรปเองก็มีนโยบายสนับสนุนในแนวทางเดียวกัน ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า TSMC เข้าเจรจากับรัฐบาลเยอรมนีเรื่องการตั้งโรงงานใหม่
ทั้งนี้ TSMC เผยว่าโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในรัฐแอริโซนาจะใช้เทคโนโลยีผลิตชิป 5 นาโนเมตร และผลิตได้ราว 20,000 หน่วยต่อเดือน ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับความต้องการของ Apple ที่ต้องการอัปเกรดมาใช้ชิป 3 นาโนเมตร แต่ TSMC ก็อาจจะมีเทคโนโลยีใหม่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ได้
ล่าสุดบริษัทลงทุนของ Warren Buffet ก็ได้เข้าซื้อหุ้น TSMC มูลค่าราว 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา: Bloomberg |
# iOS 16.2 ตั้งค่าจอ Always-On ให้แสดงแค่นาฬิกา ไม่แสดง Wallpaper-Notifications ได้แล้ว
iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีฟีเจอร์เด่นอย่างหนึ่งคือหน้าจอแบบ Always-On ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกเปิด-ปิด ได้ อย่างไรก็ตามการแสดงข้อมูลในกรณีเลือกเปิดใช้งานนั้นอาจจะมากเกินไป จนกลายเป็นฟีเจอร์กินแบตเตอรี่ แอปเปิลเลยอัพเดตแก้ไขปัญหานี้
โดยในอัพเดต iOS 16.2 เบต้า 3 ซึ่งสถานะยังเป็นการทดสอบสำหรับนักพัฒนา พบว่าส่วนการตั้งค่าจอ Always-On นั้น นอกจากเลือกเปิด-ปิดแล้ว ยังสามารถลงรายละเอียดได้ว่าสิ่งที่แสดงในจอ Always-On ให้แสดงภาพพื้นหลัง (Wallpaper) และข้อความเตือน (Notifications) ด้วยหรือไม่ การตั้งค่าดังกล่าวช่วยลดการแสดงผลสิ่งที่ไม่ต้องการได้
กรณีผู้ใช้งานเลือกเปิด Always-On แต่ไม่ให้แสดงพื้นหลังและข้อความเตือน หน้าจอที่เปิดอยู่จะเป็นพื้นดำ มีเพียงนาฬิกาและ widget ที่กำหนดไว้ แสดงผลอยู่เท่านั้น ซึ่งเป็นรูปแบบ Always-On ที่ผู้ใช้งานอีกค่ายน่าจะคุ้นเคยกันมานานแล้ว
ทั้งนี้ iOS 16.2 ยังไม่มีกำหนดว่าจะออกอัพเดตสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปเมื่อใด
ที่มา: 9to5Mac |
# SAP Start ศูนย์กลางบริการฟรีจาก SAP เตรียมเปิดบริการต้นปี 2023, เปิดวิชาเรียนฟรีบน Coursera
SAP เตรียมรวมบริการฟรีทั้งหมดของตัวเองที่เปิดตัวมาแล้ว และจะเปิดตัวเพิ่มในอนาคตภายใต้ชื่อ SAP Start โดยบริการเหล่านี้บริการคลาวด์ที่จำกัดการใช้งานรูปแบบเดียวกับบริการคลาวด์จำนวนมากที่มักมีบริการฟรีแบบจำกัดเพื่อให้นักพัฒนาเข้าไปทดลองใช้งานได้ง่ายขึ้น
ตอนนี้ SAP Start ยังอยู่ระหว่างการทดสอบเบต้าวงปิด และจะเปิดบริการทั่วไปภายในไตรมาสแรกปี 2023
ในด้านการศึกษา SAP ร่วมมือกับ Coursera เปิดให้บริการบทเรียนฟรี 7 วิชาสำหรับผู้สนใจที่ไม่ต้องมีพื้นฐานเทคโนโลยีมาก่อนสามารถเรียน SAP เพื่อเก็บใบรับรองสำหรับการทำงานเป็น SAP consultant จากเดิมที่ SAP มีเว็บ SAP Learning ของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว แต่การใช้ Coursera ก็จะทำให้เข้าถึงผู้สนใจในวงกว้างได้มากขึ้น โดยชุดวิชาของ SAP ใช้เวลาเรียนรวมประมาณ 7 เดือน เมื่อเรียนสัปดาห์ละประมาณ 3 ชั่วโมง
ที่มา - SAP, SAP (2) |
# Netflix เพิ่มฟีเจอร์ สำหรับจัดการสั่งล็อกเอาต์อุปกรณ์ที่ล็อกอินค้างไว้
Netflix ประกาศเพิ่มคุณสมบัติการใช้งานใหม่เรียกว่า Manage Access and Devices นั่นคือสามารถตรวจสอบรายการอุปกรณ์ที่ล็อกอินผ่านบัญชีของตนทั้งหมด โดยสามารถลงรายละเอียดได้ระดับใช้โปรไฟล์ใดในการรับชม
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถสั่งล็อกเอาต์รายการอุปกรณ์ที่ต้องการนำออกไปได้ ซึ่ง Netflix บอกประโยชน์ว่าช่วยในกรณี เราอาจล็อกอินค้างในอุปกรณ์อื่นเช่น ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว หรือดูทีวีบ้านเพื่อน เป็นต้น เพิ่มความปลอดภัยให้กับการใช้งาน
เมนูดังกล่าวสามารถเรียกได้จาก Account Settings มีผลกับผู้ใช้งานทั่วโลกทั้งผ่านเว็บ และแอปบน iOS, Android
ทั้งนี้สามารถมองอีกมุมได้ว่าการแสดงข้อมูลอุปกรณ์ล็อกอิน ก็สามารถช่วยให้ Netflix จัดการเรื่องป้องกันคนหารบัญชีได้อีกขั้นหนึ่ง จากก่อนหน้านี้ทำฟีเจอร์ย้ายโปรไฟล์ออกมาแล้ว
ที่มา: Netflix |
# [ลือ] มาอีกราย เอเยนซี่ GroupM ออกคำแนะนำให้ลูกค้าหยุดลงโฆษณาใน Twitter ชั่วคราว
ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีข่าวว่า Omnicom เอเยนซี่โฆษณารายใหญ่ของโลก แนะนำลูกค้าให้หยุดลงโฆษณา Twitter ชั่วคราว
คราวนี้มีข่าวจากเว็บสายโฆษณาดิจิทัล Digiday อ้างว่าเห็นเอกสารของเอเยนซียักษ์ใหญ่อีกรายคือ GroupM ที่ออกคำแนะนำแบบเดียวกันให้ลูกค้า ด้วยเหตุผลเดียวกันคือการลาออกของผู้บริหารระดับสูงจำนวนมาก, ปัญหาที่เกิดจาก Twitter Blue ไม่มีการยืนยันตัวตนทำให้แบรนด์เสี่ยงเสียหาย และโอกาสที่ Twitter ไม่สามารถทำตามข้อตกลงที่คุยไว้กับ FTC ได้เพราะคนหายไปหมดแล้ว
ทางแก้ของ Elon Musk ในเรื่องนี้ คือการใช้อีกบริษัทของตัวเองอย่าง SpaceX มาซื้อแพ็กเกจโฆษณาใน Twitter แทน แต่เขาก็บอกว่าเป็นแค่แคมเปญโฆษณาเล็กๆ เท่านั้น
ที่มา - Digiday |
# [TOP500] ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Frontier ยังครองแชมป์โลก พลัง 1 exaflops ยังไม่มีใครล้มได้
TOP500 ประกาศอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์โลก ประจำรอบเดือนพฤศจิกายน 2022 กลุ่ม Top 10 ยังคล้ายกับรอบเดือนมิถุนายน 2022
แชมป์ยังเป็น Frontier ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สมรรถนะ 1 exaflops ของห้องวิจัย Oak Ridge National Laboratory (ORNL) ที่เริ่มเข้ามาติดชาร์ทครั้งแรกในรอบที่แล้ว อันดับสองคือ Fugaku อดีตแชมป์โลกจากญี่ปุ่น และอันดับสาม LUMI ของฟินแลนด์ ที่ติดชาร์ทมาตั้งแต่รอบที่แล้วเช่นกัน คราวนี้อัพเกรดสมรรถนะขึ้นเป็น 309.1 petaflops แรงขึ้นเท่าตัวจากเดิม
อันดับสี่เป็นเครื่องหน้าใหม่ชื่อ Leonardo จากศูนย์วิจัย EuroHPC ในอิตาลี สมรรถนะ 174.7 petaflops เป็นเครื่องของบริษัท Atos รุ่น BullSequana
อันดับห้าคือ Summit อดีตแชมป์โลกอีกเครื่อง, อันดับหก Sierra, อันดับเจ็ด Sunway TaihuLight แชมป์เก่าจากจีน, อันดับแปด Perlmutter, อันดับเก้า Selene ของ NVIDIA, อันดับสิบ Tianhe-2A อดีตแชมป์จากจีน
ที่มา - TOP500, TOP500 |
# Amazon เปิดตัว Amazon Clinic บริการทางการแพทย์ออนไลน์ เฉพาะอาการทั่วไป
Amazon ยังคงเข้าสู่ธุรกิจด้านสุขภาพต่อเนื่อง แม้ก่อนหน้านี้จะเพิ่งปิดตัว Amazon Care ที่เน้นลูกค้าองค์กรไป โดยเปิดตัว Amazon Clinic ระบบให้บริการคำปรึกษาทางการแพทย์ออนไลน์ ด้วยการแชตข้อความ รองรับการให้คำปรึกษาในกว่า 20 อาการป่วยพื้นฐาน เช่น ภูมิแพ้ สิว หรือผมร่วง ทั้งนี้ Amazon Clinic จะให้บริการเฉพาะใน 32 รัฐ ในอเมริกา
ขั้นตอนการรับบริการ ลูกค้าจะเลือกอาการป่วย จากนั้นเลือกคลินิกผู้ให้บริการ และตอบคำถามสุขภาพจำนวนหนึ่ง จึงเข้าสู่ขั้นตอนการรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โดยจะได้รับคำแนะนำเป็นข้อความ พร้อมออกใบสั่งยาให้ ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายยาได้จากเภสัชกร หรือใช้สั่งยาจากบริการ Amazon Pharmacy
บริการ Amazon Clinic จะมีค่าใช้จ่ายเฉพาะคำปรึกษา เนื่องจากไม่ได้จ่ายยาให้โดยตรง
ที่มา: Amazon |
# Apple เปิดบริการข้อความผ่านดาวเทียมในสหรัฐฯ และแคนาดา ไม่ฉุกเฉินก็แจ้งพิกัดให้ครอบครัวได้
Apple เปิดบริการ Emergency SOS บริการข้อความผ่านดาวเทียมที่เปิดใช้งานฟรีให้กับผู้ซื้อ iPhone 14 โดยเฟสแรกจะเปิดบริการในสหรัฐฯ และแคนาดาก่อน แล้วจึงเปิดบริการในฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, และสหราชอาณาจักรในเดือนธันวาคมนี้
นอกจากการเปิดบริการจริง แอปเปิลยังอธิบายถึงขั้นตอนการใช้งานบริการนี้ละเอียดขึ้น โดยผู้ใช้ต้องพยายามโทรแจ้งเหตุร้าย (ในสหรัฐฯ คือหมายเลข 911) ก่อนเมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือไม่ได้จึงจะขึ้นตัวเลือกแจ้งเหตุร้ายผ่านทางดาวเทียม จากนั้นโทรศัพท์จะสอบถามข้อมูลเบื้องต้นและส่งข้อมูลไปพร้อมกับพิกัดล่าสุด, ระดับแบตเตอรี่, หมายเลขประจำตัวทางการแพทย์ จากนั้นจะสามารถส่งข้อความสอบถามเพิ่มเติมได้เหมือนการส่ง SMS
อีกฟีเจอร์หนึ่งของบริการนี้คือการแจ้งพิกัดขงตัวเองให้ครอบครัวรับรู้แม้จะไม่ได้อยู่ในอันตรายก็ตาม ผู้ใช้สามารถเปิด Find My และสั่งแชร์พิกัดผ่านทางดาวเทียมได้
ตอนนี้แอปเปิลยังไม่แจ้งราคาของบริการ Emergency SOS ว่าค่าบริการเป็นอย่างไร แต่บอกเพียงว่าบริการฟรีสองปีเท่านั้น
ที่มา - Apple |
# กลุ่ม Sea รายงานผลประกอบการไตรมาส Shopee โต 34%, Garena มีรายได้ลดลง
กลุ่ม Sea Limited บริษัทแม่ของ Shopee และ Garena รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 มีรายได้รวมทั้งกลุ่มตามบัญชี GAAP 3,156.0 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 569.2 ล้านดอลลาร์
รายได้กลุ่มสื่อบันเทิง (Garena) 892.9 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปีก่อน สาเหตุหลักจากจำนวนผู้เล่นที่ลดลงต่อเนื่องมาหลายไตรมาสเป็น 568.2 ล้านบัญชี ซึ่งกระทบจากมาตรการควบคุมต่าง ๆ และเป็นผู้เล่นที่จ่ายเงิน 51.5 ล้านบัญชี
กลุ่มอีคอมเมิร์ซ (Shopee) มีรายได้ 1,976.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32.4% จากปีก่อน จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มเป็น 2.0 พันล้านคำสั่ง และมีมูลค่าการขายสุทธิหรือ GMV เพิ่มเป็น 19.1 พันล้านดอลลาร์ มีหลายตลาดที่มี EBITDA เป็นบวก จากการปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนการดำเนินงาน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน
กลุ่มธุรกิจที่ยังมีอัตราการเติบโตสูงคือกลุ่มการเงินดิจิทัล (Sea Money) รายได้ 326.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 147% มีปริมาณสินเชื่อเพิ่มเป็น 2.2 พันล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Forrest Li กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมที่ผันผวน บริษัทได้ปรับโฟกัสจากการเน้นเติบโต มาเป็นการทำให้บริษัทมีกำไรโดยเร็วที่สุด และไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนเพิ่มเติม ในไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับโครงสร้างหลายอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ และจะส่งผลดีในระยะยาวต่อไป
ที่มา: Sea (pdf) |
# SAP เปิดตัวแพลตฟอร์ม low code เปิดทางผู้ใช้หันมาพัฒนาแอปในองค์กรใช้งานเอง
SAP เปิดตัว SAP Build แพลตฟอร์ม low code สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่น โดยเน้นกลุ่มผู้ใช้ที่ทำงานธุรกิจโดยตรง (business user) ให้สามารถพัฒนาแอปใช้งานได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องรอฝ่ายไอทีหรือโปรแกรมเมอร์มาทำให้ หากฟีเจอร์ที่ต้องการไม่ซับซ้อนเกินไป โดย SAP ทำนายว่าภายในปี 2025 แอปพลิเคชั่น 70-80% จะพัฒนาโดยคนทำงานที่ไม่ใช่สายเทคนิคโดยตรง และ SAP Build นี้ก็ตั้งเป้าให้ผู้ใช้ทั่วไประดับที่ใช้งาน PowerPoint หรือ Excel สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นภายในองค์กรใช้งานเองได้
ตัว SAP Build สร้างจากฟีเจอร์มีเคยออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ได้แก่ SAP AppGyver (SAP ซื้อ AppGyver เมื่อต้นปี 2021), SAP Process Automation, และ SAP Work Zone ทำมารวมเป็น environment ชุดเดียวกัน รวมการควบคุมการพัฒนา (lifecycle management), ความปลอดภัย, และการควมคุมสิทธิ์ให้เป็นชุดเดียวกัน
แม้ว่าตัว SAP Build จะมุ่งเป้าองค์กรที่ใช้งาน SAP อยู่แล้วและจุดขายสำคัญคือการเชื่อมต่อกับ SAP อย่างแนบแน่น แต่มันเป็นบริการที่สามารถใช้แยกจากบริการอื่นๆ ของ SAP ได้ และยังมีฟีเจอร์จำนวนหนึ่งรวมอยู่ใน SAP Start บริการฟรีของ SAP สำหรับการใช้งานแบบจำกัด Juergen Mueller CTO ของ SAP ระบุว่าแม้ SAP Build จะเน้นลูกค้า SAP แต่ AppGyver ก็มีชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่ของตัวเองอยู่ก่อน และ SAP Build จะสานต่อแนวทางการนี้ต่อไป โดย AppGyver เวอร์ชั่นชุมชนยังคงให้บริการอยู่ แต่ SAP ก็พยายามชวนให้ชุมชนหันมาใช้ SAP Build
Bhagsy Nainini รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ SAP ระบุว่า SAP Build น่าจะเปิดกลุ่มนักพัฒนาใหม่ๆ เพราะความง่ายในการพัฒนา โดยระหว่างการพัฒนา SAP พยายามตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มง่ายสำหรับผู้ใช้เพียงพอหรือยัง ทั้งการสำรวจสอบถามผู้ใช้โดยตรง หรือการดูปริมาณการใช้งานเมื่อทดสอบระบบ จนถึงการรับเสียงตอบรับจากผู้ใช้โดยตรง Julia White ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด SAP ระบุว่า การพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบ low code การขยายความสามารถของ SAP ให้ตรงกับกับรูปแบบการทำงานมากขึ้น ขยายขอบเขตของการเปลี่ยนส่วนที่เคยใช้คนทำงานมาเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้นแต่การพัฒนาเต็มรูปแบบก็ยังจำเป็นอยู่สำหรับการสร้างโมดูลหรือแหล่งข้อมูลให้นักพัฒนา low code อย่าง SAP Build เข้ามาใช้งาน
ที่มา - SAP |
# Cloudflare เปิดตัว R2 Super Slurper เครื่องมือถ่ายโอนข้อมูลจาก Amazon S3 อัตโนมัติ
เมื่อเดือนกันยายน 2021 Cloudflare ได้เปิดตัว R2 Storage บริการเก็บข้อมูลแบบ object storage แบบเดียวกับ Amazon S3 แต่ไม่คิดค่าแบนด์วิดท์นำข้อมูลออก และเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาก็ได้เปิดให้ทุกคนใช้งานแล้ว โดยตอนเปิดตัวบอกว่าจะมีเครื่องมือสำหรับไมเกรตจาก S3 ให้ใช้ด้วย
ล่าสุด Cloudflare เปิดตัว R2 Super Slurper เครื่องมือสำหรับถ่ายโอนข้อมูลจาก Amazon S3 ไปยัง R2 แล้ว โดยมีโหมดการทำงานให้เลือก 2 โหมด ดังนี้
โอนข้อมูลทีเดียวทั้งหมด อันนี้ก็ตรงไปตรงมา เพียงแค่ชี้ไปยัง S3 bucket ที่ต้องการแล้วเครื่องมือจะดูดข้อมูลทั้งหมดไปยัง R2 bucket ให้เอง
โอนข้อมูลตามรีเควส อันนี้เป็นวิธีที่ฉลาดในการลดค่าใช้จ่ายฝั่งต้นทาง เพราะหากใช้วิธีแรกและมีข้อมูลจำนวนมากก็แปลว่าจะมีค่าใช้จ่ายแบนด์วิดท์ขาออกเยอะมากด้วย ซึ่งวิธีที่ 2 นี้จะเป็นการเปิดรับรีเควสจาก user หากออบเจ็คที่ถูกรีเควสเข้ามาไม่มีอยู่ใน R2 ก็ค่อยไปดึงจาก S3 แล้วเก็บลง R2 ด้วย แปลว่าออบเจ็คแต่ละอันจะถูกรีเควสจาก S3 เพียงแค่หนึ่งครั้ง และอาจมีบางเคสที่ข้อมูลบางจุดก็จะไม่ถูกรึเควสเลย ทำให้ค่าใช้จ่ายแบนด์วิดท์ไม่พุ่งพรวดในทีเดียว
ทั้งนี้ เครื่องมือ R2 Super Slurper ไม่ได้จำกัดการใช้งานเฉพาะ Amazon S3 เท่านั้น แต่ยังทำงานร่วมกับ S3-compatible storage ยี่ห้ออื่นได้ด้วย
ขณะนี้ R2 Super Slurper ยังอยู่ระหว่างการทดสอบในวงปิดอยู่ หากสนใจสามารถลงทะเบียนขอร่วมทดสอบได้ที่นี่ โดยจะเปิดเป็น open beta เร็วๆ นี้
ที่มา - Cloudflare
ภาพทั้งหมดโดย Cloudflare |
# 8 บริษัทเอกชนตั้งมูลนิธิ The Rails Foundation ส่งเสริมการพัฒนา Ruby on Rails
บริษัทเอกชน 8 บริษัทที่ใช้งาน Ruby on Rails เป็นหลัก ได้แก่ Cookpad, Doximity, Fleetio, GitHub, Intercom, Procore, Shopify, และ 37signals ประกาศจัดตั้งมูลนิธิไม่แสวงผลกำไร The Rails Foundation โดยให้คำอธิบายไว้ว่ามูลนิธินี้จะมุ่งเน้นพัฒนาและปรับปรุงสภาพแวดล้อม (ecosystem) โดยรวมให้ดีขึ้นทั้งหมดและดึงดูดนักพัฒนารายใหม่ให้เข้ามาใช้มากขึ้น
มูลนิธิจะได้รับเงินทุนตั้งต้น (seed funding) 1,000,000 USD จากทั้ง 8 บริษัทและค่าบำรุงรายปีรวมกันปีล่ะ 400,000 USD ในปีถัดไปทุกปี มีตัวแทนแต่ล่ะบริษัทนั่งเป็นบอร์ดบริหาร และมี David Heinemeier Hansson ผู้สร้าง Ruby on Rails จาก 37signals เป็นประธานบอร์ด
ที่มา: Ruby on Rails's blog |
# AIS แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าดีลซื้อ 3BB ต่อ - คงสัญญาเดิมกับ JASIF จนหมดอายุ
AIS แจ้งความคืบหน้าการซื้อธุรกิจบรอดแบนด์ 3BB จากบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) ของกลุ่มบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) โดยก่อนหน้านี้ AIS บอกว่าจะพิจารณาดีลนี้ใหม่ เนื่องจากที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF ซึ่งมี TTTBB เป็นผู้เช่าสายไฟเบอร์ของกองทุน มีมติไม่อนุมัติข้อเสนอแก้ไขสัญญาจาก AIS
โดย AIS บอกว่าหลังจากประเมินแล้ว จะเดินหน้าซื้อธุรกิจต่อไป เนื่องจากทำให้บริษัทขยายฐานลูกค้าได้อย่างก้าวกระโดดจาก 2 ล้าน เป็น 4.4 ล้านราย โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ส่วนประเด็นการแก้ไขสัญญา JASIF นั้น จะคงสัญญาเดิมต่อไปซึ่งกำหนดสิ้นสุดช่วงต้นปี 2575 และถึงเวลานั้นการต่อสัญญาจะเกิดขึ้น เมื่อมีการเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาให้เหมาะสมเท่านั้น
ในขั้นตอนถัดไป AIS จะดำเนินการขออนุญาตเข้าทำธุรกรรมจาก กสทช. ก่อน แล้วจึงลงนามซื้อขายหุ้นและหน่วยลงทุน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1 ปี 2566
ที่มา: AIS (pdf) |
# วิศวกรซอฟต์แวร์ผู้ดูแล Twitter บน Android ถูกไล่ออก หลังทวิตโต้แย้งกับ Elon Musk
Elon Musk เผยว่าได้ไล่วิศวกรซอฟต์แวร์ที่มีชื่อว่า Eric Frohnhoefer ออก โดยเหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันอาทิตย์จากที่ Musk ได้ทวิตขอโทษผู้ใช้งาน Twitter เหตุแอปพลิเคชันทำงานช้าในหลายประเทศเนื่องจากปัญหาเรื่องการดึงข้อมูลการให้บริการ และ Frohnhoefer ก็ได้โควททวิตของ Musk ไปว่าในฐานะที่ตัวเองดูแล Twitter บน Android มาราว 6 ปี สิ่งที่ Musk พูดเป็นสิ่งที่ผิด จนทำให้เกิดการโต้แย้งกันไปมาหลายทวิตและหลายชั่วโมง
ในเธรดที่ถกเถียงกัน Musk ยังตั้งคำถามว่า Twitter บน Android ทำงานช้ามาก แล้ว Frohnhoefer ได้พยายามแก้ไขอะไรบ้าง ส่วนทางฝั่ง Frohnhoefer เมื่อมีผู้ถามว่าทำไมไม่ไปคุยกันส่วนตัว เขากลับตอบว่า Musk ต่างหากที่ควรจะตั้งคำถามกับเขาส่วนตัวโดยใช้ Slack หรือ Email
จนมาถึงวันจันทร์ที่ Musk ทวิตว่า Eric Frohnhoefer ได้ถูกไล่ออกแล้วและตัว Frohnhoefer เองก็โควททวิตของ Musk และใส่อิโมจิที่สื่อว่าเขาได้ออกจากบริษัทแล้วด้วย
ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีที่ซอฟต์แวร์คนหนึ่งชื่อ Ben Leib ถูกไล่ออกหลังจากมาโต้แย้ง Musk ผ่านทวิตเดียวกันนี้ ซึ่งเขาได้ยืนยันกับ Bloomberg แล้วว่าเขาถูกไล่ออกแล้วเมื่อวันอาทิตย์นี้เอง
ที่มา: Bloomberg และ The Verge |
# รัฐบาลญี่ปุ่นเตือนอย่าเพิ่งลบแอปเช็คความเสี่ยงติด COVID ขอให้รอตัวอัพเดตก่อนค่อยลบ
เมื่อปี 2020 กระทรวงสาธารณสุข, แรงงานและสวัสดิการสังคอมของญี่ปุ่นได้พัฒนาแอปที่ชื่อ COCOA ขึ้นมา (ย่อมาจาก COVID-19 Contact-Confirming Application) ซึ่งหากให้อธิบายง่ายๆ มันก็คือแอปหมอชนะเวอร์ชั่นของญี่ปุ่นนั่นเอง ในระหว่างการใช้งานก็มีปัญหาบ้างตามประสา โดยเฉพาะเรื่องความแม่นยำการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อที่คลาดเคลื่อนไปมาก และปัญหาขาดการอัพเดต
อย่างไรก็ตามรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ประกาศเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ว่าจะยกเลิกการใช้แอป COCOA นี้แล้ว ก่อนหน้าการเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางจากต่างชาติเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ทว่าถึงแม้จะประกาศเลิกใช้งานแอปแล้ว แต่ทางกระทรวงฯ ผู้พัฒนาแอปตัวนี้ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนว่าอย่าเพิ่งลบแอปออกจากสมาร์ทโฟน และขอให้รอการอัพเดตแอปเสียก่อนจึงค่อยลบได้ โดยตัวอัพเดตจะปล่อยออกมาในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้
แอป COCOA บน App Store
สาเหตุที่มีการประกาศเตือนนี้เกี่ยวกับเรื่องการทำงานของแอป COCOA ซึ่งโดยปกติจะอาศัยการทำงานในเบื้องหลัง โดยจะคอยสแกนข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเกี่ยวกับการเดินทางและความเสี่ยงจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นระยะ ระบบการทำงานเบื้องหลังนี้ถูกออกแบบมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ตัวแอปใช้หน่วยความจำน้อยและกินพลังงานน้อย ปัญหาก็คือหากผู้ใช้ทำการถอนการติดตั้งตัวแอป COCOA ในเวอร์ชั่นปัจจุบันออกไป กระบวนการทำงานเบื้องหลังของสมาร์ทโฟนที่ถูกสั่งโดยแอปจะยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ (แม้ว่าตอนนั้นจะไม่มีแอปอยู่ในเครื่องแล้วก็ตาม)
ด้วยเหตุนี้กระทรวงฯ จึงจะปล่อยตัวอัพเดตใหม่ให้กับแอป COCOA ซึ่งเรียกว่าเป็น “Disable Version 3.0” ให้กับผู้ที่ติดตั้งแอปได้อัพเดตก่อนถอนการติดตั้ง ซึ่งจะช่วยให้ปิดระบบการทำงานสแกนข้อมูลในเบื้องหลังได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่กดถอนการติดตั้งแอป COCOA ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว อาจต้องใช้วิธีแมนนวลในการเข้าไปการทำงานสแกนข้อมูลในตัวเครื่อง (ที่เป็นผลพวงจากคำสั่งของแอป) ทว่ายังไม่มีการยืนยันว่าจะสามารถทำได้อย่างไร
ความเห็นชาวเน็ตญี่ปุ่นบางคนบอกว่านี่เหมือนกับเป็นการใช้เงินภาษีสร้างมัลแวร์ชัดๆ
ที่มา - SoraNews24 |
# The Game Awards 2022 เปิดรายชื่อเกมชิงรางวัล 31 สาขา นำโดย God of War Ragnarok
เวียนมาถึงช่วงปลายปีก็ใกล้ได้เวลาประกาศรางวัล The Game Awards ประจำปี 2022 แล้ว รางวัลนี้เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์แห่งวงการเกมก็คงไม่ผิดนัก และในปีนี้มีการจัดมอบรางวัลเกมรวม 31 สาขา โดยเกมที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาต่างๆ มากที่สุดคือ God of War Ragnarok ที่เข้าชิงมากถึง 10 สาขา ตามมาด้วย Elden Ring ที่เข้าชิงรางวัล 7 สาขา
ตอนนี้ได้มีการเปิดให้แฟนเกมทั่วโลกสามารถเข้าไปโหวตให้คะแนนเกมที่เข้าชิงรางวัลสาขาต่างๆ ได้ทางหน้าเว็บไซต์ โดยการประกาศผลและมอบรางวัลจะมีขึ้นในคืนวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ที่ Microsoft Theater ใน Los Angeles (ตรงกับเวลา 7.30 น. เช้าวันที่ 9 ธันวาคมตามเวลาประเทศไทย) โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดงานได้ทั้งทาง YouTube และ Twitch
ทั้งนี้นอกเหนือจากการมอบรางวัลแก่ผู้ผลิตเกมในเรื่องความโดดเด่นด้านต่างๆ ของเกมแล้ว ยังมีการมอบรางวัลให้กับบุคคลและองค์กรในวงการอีสปอร์ต รวมถึงสตรีมเมอร์/ผู้ผลิตเนื้อหา และสื่อที่ดัดแปลงจากเกม (เช่นการ์ตูน, ภาพยนต์, ซีรี่ส์ ฯลฯ) ด้วย โดยการหาผู้ชนะรางวัลจะใช้ผลการลงคะแนนของคณะกรรมการ (อันประกอบไปด้วยสื่อและอินฟลูเอนเซอร์รวมกันมากกว่า 100 คน) 90% และผลโหวตจากแฟนเกมทั่วโลกอีก 10% นำมาคำนวณรวมกัน
สำหรับรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลทั้งหมด 31 สาขา สามารถดูได้จากด้านล่างนี้
ที่มา - IGN |
# แอปพลิเคชัน dtac รองรับการชำระเงินผ่าน Google Pay แล้ว
ดีแทคประกาศเปิดบริการช่องทางชำระเงินผ่าน Google Pay หลังจากที่ Google Pay สามารถใช้ได้แล้วในประเทศไทย โดยผู้ใช้สามารถเพิ่มบัตรเครดิตไปที่ Google Wallet บนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android และสามารถชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน dtac ได้เลย
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# Sea ปลดพนักงาน Shopee อีก นับรวม 7,000 คนแล้วในระยะเวลา 6 เดือน
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวระบุว่า Sea บริษัทแม่ของ Shopee และ Garena ได้แจ้งปลดพนักงานออกอีกราว 100 รายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยพนักงานที่ถูกปลดส่วนใหญ่เป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่ทำงานใน Shopee และบริษัทให้บริการทางการเงินดิจิทัล SeaMoney ในสิงคโปร์และจีน
Sea สูญเสียมูลค่าตลาดไปเกือบ 90% นับตั้งแต่ที่เติบโตสูงสุดเมื่อปีที่แล้วเพราะนักลงทุนไม่เชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างไร การปลดพนักงานในครั้งนี้เท่ากับว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทปลดพนักงานไปแล้วราว 7,000 คน
บริษัทจะรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายได้เทียบปีต่อปีจะเติบโตต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017
ก่อนหน้านี้ Sea ทั้งปลดพนักงานในอินโดนีเซีย จีน รวมทั้งปลดพนักงานในลาตินอเมริกา และถอนตัวจากอาร์เจนติน่าด้วย ทำให้ซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงประกาศว่าจะไม่รับเงินเดือนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ที่มา: Bloomberg |
# Microsoft เปิดตัว Supply Chain Platform เครื่องมือจัดการซัพพลายเชน
ไมโครซอฟท์เปิดตัว Microsoft Supply Chain Platform แพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการซัพพลายเชน ที่มีเครื่องมือเสริมครบครันไม่ว่าจะเป็น Microsoft AI, ระบบการทำงาน collaboration, เครื่องมือ low-code, ระบบความปลอดภัย และแอพพลิเคชัน SaaS
ไมโครซอฟท์บอกว่าเครื่องมือจัดการซัพพลายเชน ไม่ได้เป็นของใหม่ในวงการ แต่ความท้าทายในการบริหารจัดการซัพพลายเชนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้สภาพตลาดและการจัดการเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วที่มากขึ้น ซอฟต์แวร์จึงเข้ามามีบทบาทมาก เพื่อให้ผู้ดูแลเห็นข้อมูลมากที่สุด และรองรับการพยากรณ์เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
แพลตฟอร์มมีส่วนกลางหลักคือ Command Center ที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลทั้งจาก Dynamics 365 ของไมโครซอฟท์เอง หรือจาก ERP อื่นไม่ว่าจะเป็น SAP และ Oracle เพื่อให้ข้อมูลแสดงผลประกอบการตัดสินใจหรือตรวจสอบในจุดเดียว ส่วน Dynamics 365 เอง ยังมีโมดูลเสริมสำหรับงานซัพพลายเชน เช่น การบริหารดีมานด์-ซัพพลาย, การจัดการคำสั่งซื้อ, ระบบความปลอดภัยเมื่อมีซัพพลายเออร์ภายนอกเข้ามาในระบบ และอื่น ๆ
Microsoft Supply Chain Platform เริ่มเปิดใช้งานในสถานะพรีวิวแล้วกับลูกค้าบางราย
ที่มา: ไมโครซอฟท์ |
# Musk สั่งปิดฟีเจอร์แสดงอุปกรณ์ที่ใช้โพสต์ Twitter อาจจะดีกับแบรนด์ Android ก็ได้?
Elon Musk สั่งให้พนักงานยกเลิกฟีเจอร์แสดงอุปกรณ์ที่ใช้เล่น Twitter ซึ่งแสดงข้อความอย่าง “Twitter for iPhone” “Twitter for Android” เพราะบอกว่าเป็นการใช้พื้นที่หน้าจออย่างสิ้นเปลืองและไม่รู้ว่าจะมีทำไมตั้งแต่แรก นอกจากนี้ Musk ยังให้พนักงานยกเลิกฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ไม่ได้สำคัญและจำเป็นอะไร (microservices)
การยกเลิกฟีเจอร์นี้อาจจะดีต่อบริษัทสมาร์ทโฟน Android ทั้งหลายที่มักจะถูกจับได้ว่าพนักงานใช้ iPhone เพื่อโพสต์โปรโมทแบรนด์ลงใน Twitter อย่างกรณี Huawei ที่ทวิตอวยพรปีใหม่เมื่อสิ้นปี 2018 แต่ดันใช้ iPhone ทวิตจนพนักงานถูกลดขั้นเพราะถือว่าสร้างความเสียหายให้กับบริษัท
กรณีพนักงานบริษัทสมาร์ทโฟน Android ทวิตด้วย iPhone เกิดขึ้นหลายครั้ง ล่าสุดก็เพิ่งมีกรณีที่ Google Pixel จะโพสต์แซวซีอีโอ Tim Cook ของ Apple แต่ใต้ทวิตดันแสดงข้อความ “Twitter for iPhone” จนต้องลบและโพสต์ใหม่ไปตามระเบียบ
ที่มา: MacRumors |
# SpaceX ซื้อแพ็คเกจแคมเปญโฆษณาใหญ่บน Twitter เพื่อโปรโมท Starlink
CNBC อ้างแหล่งข่าวระบุว่า บริษัท SpaceX ของ Elon Musk ได้ซื้อแพ็คเกจเพื่อทำแคมเปญโฆษณาขนาดใหญ่บน Twitter ที่ Musk ก็เป็นซีอีโอด้วยเช่นกัน เพื่อโฆษณาบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ในประเทศออสเตรเลียและสเปน โดยได้ซื้อไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แหล่งข่าวระบุว่าแคมเปญโฆษณานี้ถูกเรียกว่า Twitter “takeover” เพราะหมายความว่าบริษัทจะต้องจ่ายเงินซื้อพื้นที่โฆษณากว่า 250,000 เหรียญ เพื่อให้แสดงโฆษณาบนไทม์ไลน์หลักของ Twitter เต็มวัน เอกสารภายในบริษัท SpaceX ที่ CNBC ได้มายังระบุว่า ขณะนี้บริษัทได้ใช้เงินกว่า 160,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับแคมเปญนี้แล้ว
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นครั้งแรก Elon Musk ได้เผยบน Twitter ว่า SpaceX ซื้อแพ็คเกจโฆษณาเล็ก ๆ (tiny) ไม่ใช่แคมเปญใหญ่ และทำเพื่อทดลองระบบโฆษณาของ Twitter ใน 2 ประเทศที่กล่าวไป และก็จะโฆษณาใน Facebook, Instagram และ Google ด้วยเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ Musk ก็ได้เผยว่าในช่วงหลัง Twitter สูญเสียรายได้จากการโฆษณา อย่างเช่นบริษัทรถยนต์ Audi, Volkswagen, General Mills รวมถึงบริษัทไบโอเทค Pfizer และสายการบิน United Airlines ก็ได้ยกเลิกการโฆษณาบน Twitter ชั่วคราว จากที่มีเนื้อหาแสดงความเกลียดชังและข่าวเท็จจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่าเอเจนซี่โฆษณา Omnicom ได้แนะนำในแบรนด์ต่าง ๆ หยุดลงโฆษณาใน Twitter ก่อนเพราะเสี่ยงที่จะกระทบภาพลักษณ์แบรนด์
ที่มา: CNBC |
# บริษัทการลงทุนของ Warren Buffett ซื้อหุ้น TSMC มูลค่ารวม 4.1 พันล้านดอลลาร์
Berkshire Hathaway บริษัทด้านการลงทุนของมหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง Warren Buffett อัพเดตการถือครองหุ้นประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2022 มีประเด็นน่าสนใจคือบริษัทได้ซื้อ ADR หรือใบรับฝากหุ้นของ TSMC บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวัน จำนวน 60.1 ล้านหุ้น มูลค่าราว 4,100 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
ทั้งนี้ Berkshire ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมจึงซื้อหุ้น TSMC แต่ก็สามารถเดาได้จากบทบาทของบริษัท ต่อวงการการผลิตชิปในช่วงที่ผ่านมา และความจำเป็นของชิปที่มีผลต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้น
ส่วนหุ้นเทคโนโลยีอื่นที่ Berkshire เคยรายงานการถืออยู่ เช่น แอปเปิล ก็ยังคงมีน้ำหนักในพอร์ตการลงทุนมากที่สุด ส่วน Activision Blizzard บริษัทได้ขายหุ้นออกไปจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังคงถือหุ้น Amazon อยู่ในจำนวนไม่มากอีกด้วย
ที่มา: Investors.com |
# กลุ่มทรูไตรมาส 3/2565 จำนวนผู้ใช้ทรูมูฟ เอช เพิ่มเป็น 33.6 ล้านราย - TrueID 36 ล้านราย
กลุ่มทรูรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 มีรายได้รวม 32,608 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มี EBITDA หรือกำไรก่อนหักรายการดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา 14,368 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 2,757 ล้านบาท สาเหตุจากค่าเสื่อมราคาของโครงข่าย และขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน
ผลการดำเนินงานแยกรายกลุ่มธุรกิจของทรู เป็นดังนี้
ทรูมูฟ เอช รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 1.3% จากปีก่อน เป็น 26,199 ล้านบาท จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 33.6 ล้านราย ผู้ใช้ 5G มี 4.5 ล้านราย
ทรูออนไลน์ รายได้ใกล้เคียงปีก่อน 7,276 ล้านบาท ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 4.9 ล้านราย
ทรูวิชั่นส์ รายได้ 2,028 ล้านบาท ฐานลูกค้าทรงตัวที่ 3.3 ล้านราย
ทรูไอดี มีผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มเป็น 36 ล้านราย มีการซื้อคอนเทนต์เพิ่มเป็น 9.69 แสนครั้ง
ที่มา: ทรู (pdf) |
# Google Pay ใช้งานในไทยได้แล้ว เอามือถือแตะจ่ายได้เลย รองรับบัตร BBL และ KTC
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจะมีวันนี้ วันที่ Google Pay ใช้งานในประเทศไทยได้อย่างเป็นทางการ ไม่ต้อง VPN ไม่ต้องเปลี่ยน region ไม่ต้องขวนขวายหาบัตรเครดิตของต่างประเทศมาใช้ สามารถยกมือถือขึ้นมาปลดล็อคแล้วแตะจ่ายที่เครื่อง EDC เสมือนการใช้บัตรเครดิตทั่วไปแบบแตะจ่ายได้ทันที
จากเอกสารอย่างเป็นทางการของกูเกิล ระบุว่าขณะนี้ Google Pay ในประเทศไทยรองรับบัตรจาก 2 ธนาคารคือธนาคารกรุงเทพ (BBL) และกรุงไทย (KTC) โดยใช้งานได้ทั้ง Visa และ Mastercard แบบเครดิต (ไม่ได้ระบุว่าเดบิตใช้ได้หรือไม่) ส่วนบัตร TrueMoney Mastercard จะรองรับเร็วๆ นี้
ผู้ใช้มือถือ Android ที่รองรับ NFC (หากรุ่นไม่เก่าหรือสเปกต่ำมากๆ น่าจะมีกันหมด) สามารถดาวน์โหลดแอพ Google Wallet ได้จาก Play Store และเพิ่มบัตรเข้าไปเพื่อใช้งานได้ทันที ทั้งนี้ในช่วงแรกยังควรพกบัตรเครดิตใบจริงไว้ด้วย เนื่องจากยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า EDC ของร้านค้าต่างๆ จะรองรับกัน 100% หรือไม่ เช่นรถไฟฟ้า MRT ที่ก่อนหน้านี้ยังมีปัญหาบางจุด
ข้อดีอีกอย่างคือ Google Wallet จะสร้างเลขบัตรเสมือน (Virtual account number) ขึ้นมาและชำระเงินด้วยเลขบัตรเสมือน ทำให้ไม่มีการเปิดเผยเลขบัตรจริงๆ ไปยังร้านค้า
นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มบอร์ดดิ้งพาสจากสายการบิน AirAsia ลงใน Google Wallet ได้ด้วย โดยการกดปุ่ม "Add to Google Wallet" หลังซื้อตั๋วเครื่องบินเสร็จ และใช้สแกนที่เกทเพื่อขึ้นเครื่องได้เลย รวมถึงบัตรสะสมแต้ม OneSiam ของสยามพิวรรธน์, บัตร Starbucks Rewards และบัตรเข้าชมงานต่างๆ จากไทยทิคเก็ตเมเจอร์ก็รองรับการใช้งาน Google Wallet เช่นกัน
ชมคลิปทดลองใช้งานได้ด้านล่าง
ที่มา - Google Thailand Blog |
# Google ยอมจ่ายค่าเสียหาย 391.5 ล้านดอลลาร์ จากคดีเก็บข้อมูลพิกัดผู้ใช้งานไม่ถูกต้อง
กูเกิลตกลงยอมความจ่ายเงินค่าเสียหาย 391.5 ล้านดอลลาร์ จากคดีที่อัยการใน 40 รัฐร่วมกันฟ้องร้อง ระบุว่ากูเกิลเก็บข้อมูลพิกัดของลูกค้าอย่างไม่ถูกต้อง แม้ผู้ใช้งานสั่งปิดการเก็บพิกัดแล้ว แต่กูเกิลยังสามารถเก็บข้อมูลออกมาได้
ทั้งนี้กูเกิลชี้แจงผ่านบล็อก ว่าคดีดังกล่าวเป็นประเด็นของเงื่อนไขการใช้งาน ในผลิตภัณฑ์เก่าที่เลิกสนับสนุนแล้วเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้กูเกิลได้ปรับปรุงการแสดงข้อมูลและวิธีการจัดการให้ดีขึ้นมาก
ตัวอย่างระบบจัดการข้อมูลส่วนตัวที่เพิ่มมา เช่น ระบบลบข้อมูลเก่าในอดีตอัตโนมัติ เครื่องมือแสดงพิกัดที่กูเกิลเก็บเพื่อใช้ในเสิร์ชปรับแต่ง จนถึงการสร้างเพจข้อมูลส่วนตัว เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกปิดเปิดได้ตามที่ต้องการโดยละเอียด
ที่มา: The Verge และ กูเกิล |
# Binance เตรียมตั้งกองทุน ช่วยเหลือโครงการคริปโตที่พื้นฐานดี แต่ประสบปัญหาสภาพคล่อง
Changpeng Zhao หรือ CZ ซีอีโอ Binance เปิดเผยว่า เขากำลังจัดตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตขึ้นมา โดยรายละเอียดของกองทุนจะเปิดเผยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Justin Sun ผู้ก่อตั้ง Tron ด้วย
CZ บอกว่ามีโครงการหลายอย่างที่ยังมีพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ประสบปัญหาสภาพคล่องการเงิน ฉะนั้น Binance จะประเมินและเข้าให้เงินช่วยเหลือ เขายืนยันว่าคริปโตจะยังคงอยู่ แต่เราต้องปรับปรุงโครงสร้างกันใหม่
ก่อนหน้านี้ Binance ก็ประกาศตั้งกองทุนขนาด 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเหมืองคริปโต
ที่มา: CoinDesk |
# Amazon เตรียมประกาศปลดพนักงานราว 1 หมื่นคน
มีรายงานว่า Amazon เป็นบริษัท Tech รายใหญ่ล่าสุด ที่เตรียมประกาศปลดพนักงานจำนวนมาก หลังจากซีอีโอ Andy Jassy ประเมินตัวเลขและสั่งให้ลดค่าใช้จ่าย โดยการปลดพนักงานนี้อาจเริ่มเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ ฝ่ายที่กระทบมากที่สุดคือฝ่ายพัฒนาอุปกรณ์รวมทั้งทีม Alexa ขณะที่ฝ่ายบุคคลและฝ่ายค้าปลีก ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ตัวเลขพนักงานที่ถูกปลดคาดอยู่ราว 10,000 คน ซึ่งน้อยกว่า 1% ของพนักงาน Amazon ทั่วโลกที่มีมากกว่า 1.5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในคลังสินค้า แต่ก็ถือเป็นจำนวนที่มากสำหรับประวัติศาสตร์ของบริษัท
ประกาศของ Amazon นี้มีการส่งสัญญาณมาแล้วก่อนหน้า เช่น คำสั่งชะลอการรับพนักงาน หรือการย้ายพนักงานจากแผนกที่ไม่ทำเงิน
ที่มา: The Wall Street Journal |
# Apple วางแผนสร้างโลก Mixed Reality รองรับเฮดเซ็ต AR/VR เล่นวิดีโอ 3D จากประกาศรับสมัครงานใหม่
Mark Gurman ของสำนักข่าว Bloomberg เผยผ่านจดหมายข่าว Power On ว่าประกาศรับสมัครงานของ Apple เมื่อหลายเดือนก่อนระบุว่า Apple กำลังหาผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่มีประสบการด้าน visual effects และเกมที่สามารถสร้างคอนเทนต์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับ AR และ VR ซึ่งบอกเป็นนัยว่า Apple ได้วางแผนให้อุปกรณ์เฮดเซ็ตสามารถแสดงวิดีโอ 3D ในโลก Mixed Reality ได้
การประกาศรับสมัครงานวิศวกรซอฟต์แวร์อีกตำแหน่งยังบ่งบอกว่า Apple ต้องการให้ระบบปฏิบัติการใหม่ที่ใช้กับอุปกรณ์ (คาดชื่อ RealityOS) สามารถใช้ App Intents ที่ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่างเช่น Siri และ Shortcuts ในแอปต่าง ๆ ได้
ก่อนหน้านี้ Gurman ได้เผยว่าอุปกรณ์เฮดเซ็ตนี้จะราคาราว 2,000-3,000 เหรียญสหรัฐฯ เพราะจะเป็นอุปกรณ์ระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมกับชิป M2 พร้อมทั้งกล้องกว่า 10 ตัวทั้งภายในและนอกตัวอุปกรณ์
ทั้งนี้ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ดูจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวคิด Metaverse ของ Meta เท่าใดนัก และยังตั้งคำถามว่าคนจะอยากใช้เวลากับ Metaverse ขนาดนั้นไหม
ที่มา: Bloomberg |
# ซีอีโอ MediaTek ยอมรับ ผู้ผลิตสินค้าบางรายเริ่มต้องการซื้อชิป ที่ไม่ได้ผลิตในไต้หวันแล้ว
Rick Tsai ซีอีโอ MediaTek ให้สัมภาษณ์เปิดเผยว่า สถานการณ์ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ส่งผลให้ตอนนี้ลูกค้าบริษัทบางรายเริ่มหารือ ถึงความเป็นไปได้ในการสั่งซื้อชิปที่ผลิตนอกไต้หวันบ้างแล้ว
Tsai บอกว่าในทางปฏิบัติตอนนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่า ให้ใช้ชิปที่ไม่ได้ผลิตจากไต้หวันทั้งหมด แต่ผู้ผลิตสินค้าบางรายเริ่มร้องขอให้กระจายแหล่งผลิตชิป ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา เยอรมนี หรือในยุโรป ผสมเข้ามาบ้างแล้ว ทั้งนี้เขาบอกว่าการกระจายฐานการผลิตยังไม่มากนัก แต่เริ่มมีแล้ว
ปัจจุบัน MediaTek มีฐานการผลิตชิปรุ่นใหม่ทั้งหมดมาจากโรงงานของ TSMC ในไต้หวัน ส่วนชิปสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าผลิตโดย GlobalFoundries ซึ่งโรงงานตั้งในอเมริกาและสิงคโปร์ ล่าสุดบริษัทเพิ่งทำข้อตกลงกับ Intel จัดส่งชิปสำหรับอเมริกาและยุโรป
ที่มา: Channel News Asia |
# ผู้ใช้โวย เว็บ DeviantArt ตั้งค่าเริ่มต้นให้เอาภาพศิลปินไปใช้เทรน AI ที่เพิ่งเปิดตัวได้ทุกรูป
เว็บไซต์ชุมชนศิลปะ DeviantArt เปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้สำหรับสร้างงานศิลปะโดยใช้ชื่อว่า DreamUp ที่สร้างภาพจากตัวอักษรที่ผู้ใช้ป้อนลงไป (prompt) แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า DeviantArt กลับตั้งค่าเริ่มต้นให้สามารถนำรูปภาพทุกรูปที่อยู่บนเว็บไซต์ซึ่งสร้างจากศิลปินที่เป็นมนุษย์ไปใช้เพื่อเทรนให้ AI ได้ หากเจ้าของผลงานไม่ต้องการให้นำรูปของตนเองเข้าสู่ฐานข้อมูลเพื่อเทรนโมเดล AI จะต้องตั้งค่า opt out ด้วยตัวเองทีละรูป
นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้ DreamUp สร้างภาพ สามารถป้อนชื่อศิลปินที่เป็นมนุษย์ลงไปเพื่อให้ AI สร้างภาพในสไตล์ของศิลปินคนดังกล่าวได้ ทำให้มีผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจและตั้งคำถามถึงเรื่องจริยธรรมและกฎหมายลิขสิทธิ์ผลงาน
DreamUp ถือเป็นแหล่งรายได้อีกทางหนึ่งของ DeviantArt เพราะผู้ใช้จะสามารถป้อน Prompt ฟรีได้จำกัดจำนวน ยกเว้นว่าจะชำระเงินให้เว็บไซต์จึงจะใช้งานได้อย่างไม่จำกัด
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีผู้ใช้ไม่พอใจ DeviantArt ได้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเริ่มต้นผู้ใช้เป็นการไม่อนุญาตให้นำผลงานของตนเองเข้าสู่ชุดข้อมูลของปัญญาประดิษฐ์แทน หากผู้ใช้ต้องการอนุญาตจะต้องไปตั้งค่า opt in เอง
การสร้างภาพจาก AI ยังคงเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการโต้แย้งกันในพื้นที่ออนไลน์มาตลอด บางคนมองว่าการยอมรับภาพจากปัญญาประดิษฐ์เป็นการลดทอนคุณค่าของงานศิลปะที่มนุษย์เป็นผู้สร้าง แม้แต่แหล่งซื้อขายภาพรายใหญ่อย่าง Getty Images และ Shutterstock เองยังมีแนวคิดไม่เหมือนกันในเรื่องนี้
ที่มา: DeviantArt, DeviantArt via Kotaku |
# พระเยซูเล่นเอง? บัญชี Jesus Christ ได้รับการยืนยันตัวตนหลัง Elon Musk เปลี่ยนระบบ Twitter Blue
Business Insider ได้พูดคุยกับผู้ใช้บัญชี Jesus Christ (@jesus) ที่สวมบทบาทเป็นพระเยซูและโพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ เจ้าของบัญชีเปิดเผยว่า ได้เปิดบัญชีนี้มาตั้งแต่ปี 2006 และพยายามจะยืนยันตัวตนบัญชีมานาน จนมาถึงช่วงที่ Elon Musk เข้าเป็นซีอีโอของ Twitter และเปลี่ยนระบบบริการ Twitter Blue เขาจึงได้สมัครบริการและได้รับเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าในที่สุด
เขาเผยว่า เหตุผลที่สมัคร Twitter Blue ก็เพื่อแสดงว่าระบบใหม่ไม่ได้มีความสมเหตุสมผลเลย และไม่ได้ยืนยันตัวตนผู้ใช้ได้จริง ๆ เพราะแน่นอนว่าเขาต้องไม่ใช่พระเยซูตัวจริงอยู่แล้ว
เจ้าของบัญชียังพูดคุยถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น การที่มีคนมาขอพรกับเขาจำนวนมากแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่พระเยซูจริง ๆ ซึ่งเขาก็ได้ส่งข้อความให้กำลังใจต่าง ๆ ไปพร้อมกับการระมัดระวังอยู่ตลอดเพราะตัวเองไม่ใช่นักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญ พร้อมเผยว่าเหตุผลจริง ๆ ที่สร้างบัญชีขึ้นมาก็เพื่อความสนุกสนานและผ่อนคลาย เช่น การทวิตว่า “Hi, I’m back” หลังหายไปในช่วงวันอีสเตอร์เพื่อล้อไปกับประวัติการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู
เขายังใช้พื้นที่บัญชีที่ปัจจุบันมีคนติดตามกว่า 840,000 คนเพื่อเรียกร้องเรื่องการเมืองอย่างปัญหาเรื่องการควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ เขาทิ้งท้ายว่าที่ไม่เปิดเผยตัวตนเพราะเคยถูกขู่ฆ่าจากคนที่มองว่าบัญชีของเขาเป็นการลบหลู่ศาสนา
ที่มา: Business Insider |
# สภาเมืองในญี่ปุ่นปรับมุมกล้องถ่ายทอดการประชุมสภา เน้นถ่ายให้เห็นสมาชิกว่าหลับหรือไม่
ทางการเมือง Ichikawa จังหวัด Chiba ของญี่ปุ่นกำลังตกเป็นข่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในญี่ปุ่นหลังจากภาพวิดีโอที่ถ่ายทอดสดจากการประชุมสภาเมืองในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เผยให้เห็นสมาชิกสภาหลายคนไม่ได้ตั้งใจทำหน้าที่ ซึ่งมีหลายคนที่นั่งงีบหลับ และคนที่นั่งอ่านนิยายในระหว่างการประชุมสภาด้วย
ซึ่งประชาชนญี่ปุ่นโดยเฉพาะชาวเมือง Ichikawa ได้เห็นภาพบรรยากาศจริงเหล่านี้เป็นครั้งแรกหลังจากทางสภาเมืองเองได้ปรับเปลี่ยนมุมกล้องการถ่ายทอดสดในสภาโดยเน้นการถ่ายให้เห็นหน้าสมาชิกสภาแต่ละคนในระหว่างการประชุมให้ถี่ขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่ติดตามข่าวได้รับรู้และเห็นด้วยตาตนเองว่าสมาชิกสภาแต่ละคนตั้งใจทำงานกันอย่างไรบ้าง
ทางการเมือง Ichikawa ได้เริ่มการถ่ายทอดสดการประชุมสภาเมืองผ่านทาง YouTube ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน โดยส่วนใหญ่แล้วภาพที่ถูกถ่ายจะเน้นซูมไปที่สมาชิกสภาผู้ที่กำลังพูด หรือมีปฏิสัมพันธ์อื่นๆ เช่นการตั้งคำถามหรือตอบคำถามของสมาชิกรายอื่น โดยไม่บ่อยครั้งนักที่จะการการถ่ายภาพมุมกว้างดังเช่นในตอนขานชื่อเพื่อลงมติ
แต่ในการประชุมสภาเมืองครั้งล่าสุด ได้มีการปรับเปลี่ยนมุมกล้องการถ่ายทอดสด โดยกล้องได้แพนภาพไปยังสมาชิกสภาคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างการพูดด้วย ภาพเหล่านี้เผยให้เห็นใบหน้าของสมาชิกสภาแต่ละคนและกิจกรรมที่เขากำลังทำในระหว่างที่ควรจะกำลังตั้งใจนั่งฟังหัวข้อการอภิปรายในสภา ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจ (สำหรับประชาชนชาวญี่ปุ่น) ที่พวกเขาได้เห็นสมาชิกสภาหลายคนงีบหลับในระหว่างการประชุม หนำซ้ำยังมีคนที่นั่งอ่านนิยายในระหว่างประชุมด้วย
แน่นอนว่าทันทีที่ภาพวิดีโอการประชุมในเดือนกันยายนที่เพิ่งปรับเปลี่ยนมุมกล้องถ่ายสดถูกเผยแพร่ออกไป ประชาชนผู้เสียภาษีก็อดรนทนไม่ได้ มีการโทรศัพท์และส่งจดหมายเข้าไปยังทางการเมือง Ichikawa เพื่อตำหนิความหย่อนยานในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภามากกว่า 100 ครั้ง ยังไม่นับการแสดงความคิดเห็นบนเครือข่ายสังคมออนไลน์หลายช่องทางอีกเป็นจำนวนมากที่ล้วนแล้วไปในทิศทางเดียวกันคือตำหนิความขี้เกียจและการไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่ของสมาชิกสภาที่ปรากฏในวิดีโอ
หลังจากกระแสข่าวร้อนแรงไม่นาน ทางสภาเมือง Ichikawa เองได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุการปรับเปลี่ยนมุมกล้องการถ่ายทอดสดจากการประชุมสภาเมืองนี้เป็นความตั้งใจของทางการเมือง Ichikawa เอง ที่ต้องการ "กอบกู้ศรัทธาจากประชาชน" ต่อการทำหน้าที่ของสมาชิกสภา พร้อมระบุว่ามุมกล้องการถ่ายทอดสดแบบใหม่นี้คือมาตรการที่สร้างขึ้น "เพื่อไม่ให้มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป" (นัยว่าทำให้คนที่นั่งหลับหรือมัวทำอย่างอื่นในสภาจะไม่สามารถแก้ตัวได้แล้วว่าที่จริงตัวเองตั้งใจทำงาน เพียงแต่ภาพจากมุมกล้องที่ไม่ชัดเจน เช่นภาพที่ถูกถ่ายจากด้านหลัง อาจทำให้ดูเหมือนนั่งหลับทั้งที่จริงๆ แค่นั่งตั้งใจฟังแล้วผ่อนคลายอิริยาบถเฉยๆ)
Osami Matsuaga ประธานสภาเมือง Ichikawa ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
ในขณะที่สมาชิกสภาบางคนก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพื่อสะท้อนความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่และสร้างความเชื่อมั่นจากภาคประชาชนว่าตัวแทนชาวเมืองจะตั้งใจทำหน้าที่ในสภา
อย่างไรก็ตามมีสมาชิกสภาบางคนที่แถให้ความเห็นว่า ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของตัวพฤติกรรมการงีบหลับเอง แต่ปัญหาสำคัญมันคือเรื่องหัวข้อการอภิปรายและวิธีการประชุมมากกว่าที่ดำเนินไปอย่างชวนง่วง (ประมาณว่าถ้าเรื่องมันน่าสนใจ การประชุมมีชีวิตชีวาก็คงไม่มีใครหลับหรอก)
ในขณะที่สมาชิกสภาบางคนเหวี่ยงแสดงความไม่พอใจกับมาตรการถ่ายทอดสดที่ปรับเปลี่ยนใหม่นี้ โดยบอกว่า
จากข่าวนี้ย่อมทำให้เห็นว่าพลังของสื่อที่เป็นภาพนั้นส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคนได้มากเพียงใด หากเพียงแต่ผู้ปฏิบัติหน้าที่พึงตระหนักถึงภาระหน้าที่ของตนเอง และระลึกอยู่เสมอว่าการปฏิบัติงานของตนเองนั้นได้รับความสนใจและจับตามองจากประชาชน ก็อาจจะพอคาดหวังได้ว่าการทำหน้าที่นั้นจะเป็นไปอย่างเต็มที่และเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ (ถ้าคนคนนั้นยังมีสำนักรับผิดชอบอยู่บ้าง)
ที่มา - SoraNews24 |
# Crypto.com โอนเหรียญล็อตใหญ่ 416 ล้านดอลลาร์ให้ตลาดอีกแห่ง บอกโอนผิด อีกฝ่ายโอนกลับให้
มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @jconorgrogan ตรวจสอบการโอนเหรียญ Ethereum ล็อตใหญ่จำนวน 320,000 ETH (มูลค่าประมาณ 416 ล้านดอลลาร์) จาก Crypto.com ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดัง ให้กับตลาดแลกเปลี่ยนอีกราย Gate.io เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมต้องโอนเงินให้กันเยอะขนาดนี้
หลังจากนั้น Gate.io โอนเหรียญคืนกลับให้ 285,000 ETH ในอีก 5-7 วันต่อมา โดย Kris Marszalek ซีอีโอของ Crypto.com เข้ามาตอบว่าเป็นการโอนผิด ตอนแรกตั้งใจโอนเหรียญเข้าไปเก็บใน cold storage แต่ใส่ที่อยู่เป็นตลาดแลกเปลี่ยนอื่นใน whitelist แทน ซึ่งทาง Crypto.com สื่อสารกับทาง Gate เรียบร้อยและโอนเหรียญคืนทั้งหมดกลับมาให้แล้ว (บล็อกเชนถอยธุรกรรมกลับไม่ได้!) บริษัทได้เพิ่มมาตรการป้องกันข้อผิดพลาดแบบเดียวกันนี้แล้ว
เมื่อเดือนสิงหาคม Crypto.com ก็เพิ่งทำพลาดคล้ายๆ กันคือโอนเหรียญมูลค่าราว 400 ล้านดอลลาร์ให้บัญชีของลูกค้า จนต้องมีคดีฟ้องร้องเพื่อเรียกเหรียญกลับคืน ทำให้ลูกค้าหลายรายเริ่มตั้งคำถามว่าเหรียญของตัวเองที่ฝากไว้กับตลาดแลกเปลี่ยน จะโดนโอนผิดพลาดง่ายๆ แบบนี้กันอีกหรือไม่
ที่มา - web3 is just going great |
# YouTube เพิ่มฟีเจอร์ Live Q&A ให้ครีเอเตอร์จัดเซสชั่นถามมาตอบไปง่ายขึ้น
YouTube เพิ่มฟีเจอร์ Live Q&A เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถเปิดช่วงสำหรับคนดูส่งคำถาม จากนั้นครีเอเตอร์สามารถเลือกคำถามขึ้นมาบนจอเพื่อตอบแสดงความเห็นได้ ในระหว่างการถ่ายทอดสด
ในการใช้งานสำหรับฝั่งครีเอเตอร์ เพื่อต้องการเริ่มช่วง Q&A ให้เลือกเปิดการใช้งาน จะมีข้อความปักหมุดด้านบนของช่องแชต เพื่อให้คนดูสามารถพิมพ์ส่งคำถามได้ เมื่อเห็นคำถามใดที่สนใจ ก็สามารถหยิบคำถามนั้นขึ้นมาปักหมุดแสดง ผู้ชมทั้งหมดก็จะเห็นคำถามและรู้ว่าเรากำลังตอบคำถามอะไรอยู่ หากต้องการหยุดช่วง Q&A ก็สามารถปิดและกลับเป็นห้องแชตปกติได้
Live Q&A ถือเป็นฟีเจอร์ล่าสุดของ YouTube เพื่อเป็นแพลตฟอร์มไลฟ์ที่ครบเครื่องมากขึ้น จากก่อนหน้านี้มีทั้งระบบ Super Chats, Super Thanks สำหรับทิปครีเอเตอร์
ที่มา: The Verge และ YouTube |
# Twitter ปลดพนักงานสัญญาจ้างอีกราว 5,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มดูแลตรวจสอบเนื้อหา
มีรายงานว่า Twitter ได้ปลดพนักงานรอบใหม่เพิ่มเติมในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยกระทบพนักงานสัญญาจ้าง (Contractor) ประมาณ 4,400-5,500 คน โดยไม่มีการแจ้งพนักงานกลุ่มนี้ล่วงหน้า พวกเขาพบว่าไม่สามารถใช้งานอีเมลหรือล็อกอินเข้าระบบภายในได้
พนักงานกลุ่มสัญญาจ้างที่กระทบมีทั้งในอเมริกาและต่างประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มดูแลตรวจสอบเนื้อหาและวิศวกรรม แต่ก็มีฝ่ายอื่นด้วยเช่นกัน ซึ่งการปลดพนักงานรอบนี้เป็นคนละกลุ่มกับพนักงานประจำ 50% ที่ปลดออกไปก่อนหน้า
จากอีเมลภายในที่เว็บ Insider อ้างว่าได้รับมา Twitter ชี้แจงเหตุผลการเลิกจ้างรอบนี้ ว่าจากการปรับทิศทางองค์กรและลดค่าใช้จ่าย โดยพนักงานกลุ่มนี้จะทำงานถึงวันจันทร์นี้ แต่ไม่สามารถเข้าใช้งานระบบใด ๆ ได้
ที่มา: The Verge |
# อัยการสหรัฐฯ ขอให้ลงโทษจำคุกผู้ก่อตั้ง Theranos 15 ปี และชดใช้เงินกว่า 800 ล้านดอลลาร์
หลังจากที่ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้ง Theranos สตาร์ทอัพที่ลวงโลกว่ามีเทคโนโลยีการตรวจเลือดที่ปฏิวัติวงการ โดนตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงรวม 4 ข้อหาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดทางอัยการได้ยื่นเสนอให้ลงโทษเธอด้วยการจำคุก 180 เดือน และสั่งให้ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 803,840,309 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ทางด้านตัวแทนของ Holmes เองก็ยื่นคำแก้ต่างโดยยืนยันว่าจองจำเธอนั้นไม่ได้ช่วยอะไร (นัยว่าตัว Holmes นั้นไม่ได้เป็นภัยต่อผู้อื่น), อีกทั้งเธอยังรับรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเธอเองแล้วและไม่เคยได้อาศัยประโยชน์จากการฉ้อโกงนั้น แต่หากศาลตัดสินว่าควรลงโทษจำคุกนั่นก็ไม่ควรจะเกิน 18 เดือน
การยื่นคำร้องขอผลการตัดสินโทษนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลปฏิเสธคำร้องของ Holmes ที่ขอให้มีการไต่สวนคดีใหม่หลังจากที่ได้มีการตัดสินความกันไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยการพิพากษาตัดสินโทษของ Holmes จะมีขึ้นในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้ Holmes ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาในการไปศาลเพื่อรับฟังผลของคำร้องให้มีการไต่สวนคดีใหม่ โดยในครั้งนั้นเป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 กับสามีของเธอ Billy Evans ทายาทกิจการกลุ่มโรงแรม Evans Hotel Group ในสหรัฐอเมริกา (ไม่ใช่กับ Sunny Balwani แฟนเก่าที่ต้องคดีเกี่ยวกับ Theranos เช่นกัน) ซึ่งมีผู้วิเคราะห์ว่าการวางแผนมีลูกในช่วงเวลานี้อีกทั้งยังแต่งกายเปิดเผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตั้งท้องในระหว่างการไปศาลอาจมีเหตุผลเพื่อโน้มน้าวให้การตัดสินโทษของเธออ่อนลง
ที่มา - Tech Xplore, New York Post |
# 8 บริษัทญี่ปุ่นรวมตัวกันสร้างบริษัทใหม่เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตชิปในประเทศ
8 บริษัทผู้ผลิตชิปในญี่ปุ่นผนึกกำลังกันร่วมก่อตั้งบริษัทใหม่เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาชิปยุคใหม่ภายในประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกและลดการพึ่งพาการสั่งซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทต่างชาติ
บริษัทดังกล่าวประกอบไปด้วย Toyota Motor, NTT, Sony, NEC, SoftBank, Denso, KIOXIA (เดิมคือ Toshiba Memory) และ MUFG (กลุ่มบริษัททางการเงินในเครือของ Mitsubishi) โดยจะร่วมกันตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า Rapidus (มาจากคำว่า rapid ที่แปลว่ารวดเร็วในภาษาละติน) โดยจะใช้เงินลงทุนร่วมกันมากกว่า 7 พันล้านเยน (ประมาณ 1.8 พันล้านบาท)
Rapidus จะมุ่งเน้นการพัฒนาชิปยุคใหม่ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมไอทีในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ทั้งเรื่องการใช้งานปัญญาประดิษฐ์รวมทั้งการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ
ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็มีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตชิปในประเทศอย่างเต็มที่ โดยเพิ่งเสนอขออนุมัติงบประมาณแผ่นดินเป็นเงิน 1.3 ล้านล้านเยน (ประมาณ 334 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ และจะร่วมลงทุนกับ Rapidus เป็นเงินราว 70 พันล้านเยน (ประมาณ 18 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ให้กับบริษัทที่จัดตั้งใหม่
ในปัจจุบันนี้ไต้หวันเป็นประเทศที่ครองส่วนแบ่งชิปของตลาดโลกสูงถึง 90% (นับเฉพาะตลาดชิปที่มีขนาดตัวนำเล็กกว่า 10 นาโนเมตร) ซึ่งหลายประเทศรวมทั้งญี่ปุ่นก็เริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะขาดแคลนชิปหากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบกับไต้หวันซึ่งย่อมจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงเห็นข่าวการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตชิปภายในประเทศของสหรัฐอเมริกา, จีน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นบ่อยครั้งในระยะหลัง
สำหรับบริษัทใหม่ Rapidus จะร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยอื่นๆ ในญี่ปุ่นซึ่งรวมถึง University of Tokyo และ National Institute of Advanced Industrial Science and Technology (AIST) ในการวิจัยและพัฒนาชิป โดยตั้งเป้าจะสร้างชิปที่มีขนาดตัวนำ 2 นาโนเมตร ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีการผลิตมารองรับมาตรฐานระดับที่ว่านี้
ที่มา - The Japan News |
# Thai PBS เริ่มทดลองออกอากาศสัญญาณภาพทีวีแบบ 4K แล้ว
สถานีโทรทัศน์ Thai PBS เริ่มทดลองออกอากาศสัญญาณภาพทีวีความละเอียดระดับ Ultra HD (4K) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เวลา 11.11 น. โดยจะทดลองออกอากาศ 3 เดือนเพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับจัดทำมาตรฐานเพื่อการทำงานเตรียมพร้อมสำหรับการแพร่ภาพจริงในอนาคต
การทดลองออกอากาศนี้เป็นการออกอากาศภาคพื้นดินโดยสามารถรับสัญญาณภาพได้ภายในระยะรัศมี 10 กิโลเมตรจากเสาส่งโทรทัศน์ของ Thai PBS บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร โดยหลังเสร็จสิ้นระยะเวลาการทดลองออกอากาศทางสำนักวิศวกรรมของ Thai PBS จะรวบรวมข้อมูลเพื่อทำรายงานนำเสนอต่อ กสทช. ต่อไป
ทั้งนี้วัตถุประสงค์หลักของการทดลองออกอากาศก็เพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้จัดทำมาตรฐานด้านการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการผลิตเนื้อหาสื่อ และการส่งสัญญาณต่างๆ
ในปัจจุบันนี้การออกอากาศสัญญาณทีวีภาคพื้นดินในประเทศไทยนั้นมีความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD (1080p) นั้นมีจำนวนพิกเซลในภาพ 1920*1080 พิกเซล ส่วนสัญญาณภาพแบบ Ultra HD หรือที่คุ้นหูกันว่า 4K นั้น จะมีความละเอียดของจอภาพระดับ 3840*2160 พิกเซล (หรือเรียกอีกอย่างว่า 2160p) ซึ่งมีจำนวนพิกเซลในภาพสูงเป็น 4 เท่าของมาตรฐาน Full HD ที่มีการออกอากาศอยู่ ณ ปัจจุบัน
ที่มา - Thai PBS |
# GitHub เปิด Codespaces ให้ใช้ฟรีเดือนละ 60 ชม., รองรับ JetBrains IDE และ Jupyter แล้ว
GitHub ประกาศเปิดบริการ Codespaces สภาพแวดล้อมการพัฒนาที่รันในคลาวด์ นักพัฒนาเขียนโค้ดและคอมไพล์ได้จากเบราว์เซอร์ ให้กับผู้ใช้ GitHub ทุกคนฟรี มีโควต้าใช้งานเดือนละ 60 ชั่วโมง
เดิมที GitHub Codespaces ยังรองรับเฉพาะ VS Code เป็น IDE แค่อย่างเดียว ล่าสุด GitHub จับมือกับ JetBrains รองรับ IDE ทุกตัวของค่าย JetBrains แล้ว หากมีไลเซนส์ของฝั่ง JetBrains อยู่แล้วก็นำมาใช้บน Codespaces ได้เลย (รายละเอียด)
นอกจากค่าย JetBrains แล้วยังมี JupyterLab อีกตัวที่รองรับแล้ว แถมใช้งาน GPU ช่วยประมวลผลได้ด้วย ช่วยให้สายงาน data science/machine learning เข้ามาใช้ Codespaces ได้ง่ายขึ้น
ที่มา - GitHub |
# เผยบัญชี @Twitter ยุค Elon Musk ไม่โพสต์ข้อความใดๆ เพราะไม่มีใครมีล็อกอิน
เว็บไซต์ข่าว Platformer ให้ข้อมูลเบื้องหลังการซื้อกิจการ Twitter ของ Elon Musk ที่ปลดพนักงานเกินครึ่งบริษัท ว่าไม่มีการวางแผนใดๆ ทำให้เกิดปัญหาที่ไม่ควรเกิดคือ ไม่มีใครใช้งานบัญชี @Twitter บัญชีอย่างเป็นทางการของบริษัทได้
บัญชี @Twitter โพสต์ข้อความครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2022 แถมเป็นการโพสต์มีมตลกซะด้วย หลังจากนั้นเมื่อทีมบริหารของ Elon เข้ามาดูแลต่อ ก็ไม่มีใครเข้าถึงบัญชีนี้เพื่อโพสต์สื่อสารกับชาวโลกในฐานะบริษัทเองได้เลย ตามข่าวบอกว่าทีมของ Elon เข้าถึงบัญชีได้แล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ @Twitter ก็ยังไม่มีการโพสต์ใดๆ เพิ่มเติม
ที่มา - Platformer |
# iFixit ลองแกะ Surface Pro 9 แกะง่ายขึ้นมาก คะแนนซ่อมง่ายเพิ่มจาก 1/10 เป็น 7/10
อุปกรณ์ตระกูล Surface เคยขึ้นชื่อเรื่องการแกะซ่อมเองได้ยาก และได้คะแนนซ่อมง่ายจาก iFixit ระดับต่ำเรี่ยดิน (0 หรือ 1 คะแนน) อยู่พักใหญ่ๆ
ช่วงหลังๆ ไมโครซอฟท์พยายามแก้ปัญหานี้ และถึงขั้นร่วมมือกับ iFixit ขายอุปกรณ์ที่ใช้ซ่อม Surface ด้วย
ล่าสุด iFixit ลองแกะ Surface Pro 9 ที่เพิ่งเปิดตัว และพบว่าปรับปรุงขึ้นจากเดิมมาก (Surface Pro 7 ได้ 1/10 คะแนน) เริ่มตั้งแต่แบตเตอรี่ไม่ถูกแปะกาว แต่เปลี่ยนเป็นใช้น็อตยึดแทน, ใช้ชิ้นส่วนหลายอย่างร่วมกับรุ่นเก่าเพื่อหาอะไหล่ได้ง่ายขึ้น, การแกะจอภาพทำได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสจอแตกตอนแกะออก ฯลฯ โดยรวมแล้วได้คะแนนซ่อมง่ายถึง 7/10
iFixit ยังเปิดเผยว่าก่อนไมโครซอฟท์ออก Surface Pro 9 ก็ส่งทีมฮาร์ดแวร์มานั่งคุยกับทีมของ iFixit รับคำแนะนำต่างๆ ไปปรับปรุง ไมโครซอฟท์ยังบอกว่าจะเผยแพร่คู่มือการซ่อม Surface ภายในสิ้นปี 2022 และเริ่มขายชิ้นส่วนอะไหล่ช่วงต้นปี 2023 ซึ่ง iFixit บอกว่าจะส่งผลให้คะแนนซ่อมง่ายเพิ่มขึ้นด้วย
ที่มา - iFixit |
# นักวิทยาศาสตร์ทำการถ่าย "เลือดสังเคราะห์" เข้าสู่ร่างกายมนุษย์เป็นครั้งแรกของโลก
สำหรับผู้ที่ประกอบวิชาชีพในสายงานสาธารณสุขรวมทั้งผู้ที่บริจาคเลือดอย่างสม่ำเสมอคงพึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทุกวันนี้การบริหารคลังเลือดเพื่อใช้สำหรับการรักษาผู้ป่วยนั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหน ทุกวันนี้ยังคงมีความต้องการรับบริจาคเลือดอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากความต้องการใช้เลือดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาปริมาณเลือดสำรองนั้นล้วนมาจากการรับบริจาคทั้งหมด แต่ตอนนี้มีความเป็นไปได้ใหม่ทางวิทยาศาสตร์ที่อาจมาช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนเลือดได้ นั่นคือการใช้ "เลือดสังเคราะห์"
เลือดสังเคราะห์ที่ว่านี้เป็นผลงานจากโครงการ RESTORE ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย 3 แห่งในสหราชอาณาจักรร่วมด้วย National Health System Blood and Transplant (NHSBT) เพื่อเพิ่มปริมาณเลือดสำรองในคลังโดยใช้สเต็มเซลล์ของมนุษย์มาเพาะเลี้ยงสร้างเป็นเลือดสังเคราะห์
นักวิทยาศาสตร์จะใช้เลือดจริงที่ได้รับจากผู้บริจาคประมาณครึ่งลิตรมาสกัดแยกเอาสเต็มเซลล์ออกมาด้วยการใช้ magnetic bead โดยจะได้เซลล์มาประมาณ 500,000 เซลล์ หลังจากนั้นเมื่อเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 3 สัปดาห์สเต็มเซลล์เหล่านั้นจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนมีจำนวนราว 50 พันล้านเซลล์ โดยจากบรรดาเซลล์จำนวนมากมายเหล่านั้นจะได้เซลล์ที่มีคุณลักษณะเหมาะแก่การถ่ายเข้าสู่ร่างกายคนราว 15 พันล้านเซลล์ และเซลล์เหล่านี้เองคือเลือดสังเคราะห์ที่ถูกกล่าวถึงในตอนต้น
ทีมนักวิทยาศาสตร์โครงการ RESTORE ได้นำเอาเลือดสังเคราะห์ที่ได้ไปถ่ายเข้าสู่ร่างกายคน 2 คนซึ่งมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่ละคนได้รับเลือดสังเคราะห์ 5-10 มิลลิลิตร ซึ่งก็ไม่พบปัญหาหรือผลข้างเคียงใดๆ จากการถ่ายเลือดสังเคราะห์นี้ โดยหลังจากนี้จะมีผู้เข้าร่วมโครงการที่จะรับการถ่ายเลือดสังเคราะห์อีกอย่างน้อย 8 คน โดยจะได้รับเลือดสังเคราะห์หลังจากที่ได้รับการถ่ายเลือดจริงอย่างน้อย 4 เดือน ซึ่งการเว้นช่วงเวลานี้เพื่อให้นักวิจัยสามารถเปรียบเทียบอาการต่างๆ ระหว่างการรับเลือดจริงและเลือดสังเคราะห์ได้
ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์จะทำการติดตามเซลล์ที่เพาะเลี้ยงขึ้นด้วยธาตุกัมมันตรังสีอ่อนๆ เพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าเมื่อเซลล์ที่เพาะเลี้ยงขึ้นถูกถ่ายเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
การวิจัยทดลองสร้างเลือดสังเคราะห์นี้จะมีประโยชน์ในการเสริมคลังเลือดโดยเฉพาะหมู่เลือดที่หายากและมีปริมาณขาดแคลน อย่างไรก็ตามการรับบริจาคเลือดจากผู้คนยังเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำอยู่ เพราะการเพาะเลี้ยงเซลล์สร้างเลือดสังเคราะห์นั้นมีตุ้นทุนสูง อีกทั้งใช้เวลานานกว่าจะได้เลือดที่พร้อมใช้
ที่มา - ExtremeTech, NHSBT |
# ดราม่ายังไม่จบ FTX Wallet โดนแฮ็ก แฮ็กเกอร์โอนถ่ายเหรียญออกไปมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์
ดราม่า FTX ยังไม่จบลงง่ายๆ แม้ยื่นขอล้มละลายไปแล้ว ล่าสุด FTX รายงานปัญหาผ่านห้องแชทใน Telegram ว่าโดนแฮ็กที่แอพ FTX Wallet ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถโอนเงินคริปโตออกไปได้เป็นมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์ (บางแห่งก็บอก 400 ล้านดอลลาร์)
ข้อความใน Telegram ของ FTX ระบุว่าตัวแอพ FTX Wallet มีมัลแวร์ และขอให้ลบออกทันที ส่วน Ryne Miller หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ FTX โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่ากำลังสอบสวนปัญหานี้ และจะรายงานข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป เขายังโพสต์อีกข้อความบอกว่าตอนนี้ FTX ย้ายสินทรัพย์ที่เหลือไปเก็บไว้ใน cold wallet/cold storage ที่เข้าถึงได้ยาก เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
หลังมีข่าว FTX โดนแฮ็กและโดนโอนถ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลออกไป บล็อกเชนบางแห่ง เช่น Tether ก็ได้บล็อคที่อยู่ของผู้โอนออกแล้ว เพื่อช่วยสกัดกั้นการโอนถ่ายสินทรัพย์ครั้งนี้
ภาพจาก FTX
ที่มา - Coindesk, Coindesk |
# DARPA ร่วมกับ Lockheed Martin พัฒนาเฮลิคอปเตอร์ Black Hawk แบบไร้นักบิน
DARPA ร่วมกับ Sikorsky บริษัทลูกของ Lockheed Martin พัฒนาระบบการทำงานของเฮลิคอปเตอร์ Black Hawk แบบไม่ต้องใช้นักบิน เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจการส่งกำลังบำรุงและการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บทางอากาศ ช่วยลดความเสี่ยงของนักบิน
Lockheed Martin เรียกเทคโนโลยีการบินแบบไร้นักบินที่พวกเขาพัฒนาขึ้นว่า MATRIX ซึ่งอาศัยการควบคุมโดยคอมพิวเตอร์บนเครื่องเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องอาศัยการควบคุมระยะไกลจากภาคพื้นดินตลอดเวลา ทั้งนี้ระบบคอมพิวเตอร์จะอาศัยข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ป้อนให้ทั้งข้อมูลพิกัดเป้าหมาย, เส้นทางการบินที่ต้องการ, สภาพภูมิประเทศในพื้นที่การบิน
ทั้งนี้ได้มีการสาธิตใช้ระบบดังกล่าวที่ฐาน U.S. Army Yuma Proving Ground ด้วยการจัดเที่ยวบินเฮลิคอปเตอร์ UH-60A Black Hawk ที่ผ่านการดัดแปลงติดตั้งระบบ MATRIX จำนวน 3 เที่ยวเพื่อจำลองภารกิจการส่งกำลังบำรุงและเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บเมื่อช่วงกลางเดือนตุลามคมที่ผ่านมา
โดยภารกิจแรกของการสาธิตคือการขนส่งเลือดจริงและเลือดเทียมรวม 14 ลัง น้ำหนักรวม 226 กิโลกรัม เพื่อไปส่งที่เป้าหมายห่างออกไป 133 กิโลเมตร โดยใช้เวลาทำการบิน 50 นาที ในระหว่างการทดสอบเฮลิคอปเตอร์สามารถบินผ่านหุบเขาโดยลดระดับการบินลงเหลือระยะเพียง 61 เมตรเหนือพื้นเพื่อบินเพื่อลดการเป็นจุดสังเกตได้ โดยยังคงทำความเร็วได้ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การสาธิตเที่ยวบินเพื่อขนส่งเลือดเป็นระยะทาง 133 กิโลเมตร
ภารกิจต่อมาของการสาธิตคือการขนสิ่งของแบบห้อยนอกตัวเครื่อง โดยการยกสัมภาระหนัก 1,179 กิโลกรัม ซึ่งห้อยอยู่กับเชือกสลิงยาว 12 เมตร ทำการบินเป็นเวลา 30 นาทีด้วยความเร็ว 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นำสัมภาระไปหย่อนลงและปลดสลิงออกจากตัวเครื่องในตำแหน่งเป้าหมายโดยไม่ลงจอด โดยเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินสามารถเชื่อมต่อระบบและเข้าสั่งการเฮลิคอปเตอร์ให้ย้ายตำแหน่งหย่อนสัมภาระไปยังจุดที่ต้องการได้ด้วย
การสาธิตภารกิจขนส่งวัตถุแบบห้อยนอกตัวเครื่อง
ภารกิจที่ 3 ของการสาธิตระบบ MATRIX นี้คือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย โดยในการสาธิตมีการใช้หุ่นจำลองแทนผู้บาดเจ็บที่ต้องนอนในเปลสนาม เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินสามารถพาผู้บาดเจ็บขึ้นสู่ห้องโดยสารของเฮลิคอปเตอร์และกำหนดเป้าหมายการบินให้เฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลสนาม ทั้งนี้ในระหว่างการบินข้อมูลสัญญาณชีพต่างๆ ของผู้บาดเจ็บที่นอนอยู่ในเฮลิคอปเตอร์จะถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินแบบเรียลไทม์ผ่านระบบการสื่อสารด้วย แม้จะไม่มีคนอยู่บนเครื่องคอยช่วยจัดการเรื่องการวัดค่าของเซ็นเซอร์หรือสนทนาโต้ตอบก็ตาม
ภารกิจจำลองการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ
เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk ที่ได้รับการดัดแปลงติดตั้งระบบ MATRIX นี้ไม่เพียงแต่จะสามารถทำการบินแบบไร้นักบินได้เท่านั้น มันยังคงสามารถใช้งานด้วยการทำการบินโดยนักบินบนเครื่องได้ทั้งแบบนักบินคู่และนักบินเดี่ยวด้วย ดังนั้นระบบ MATRIX จึงเสมือนเป็นทางเลือกที่มาเสริมการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นโดยไม่ได้ตัดระบบควบคุมการบินแบบดั้งเดิมออกไป
ที่มา - Lockheed Martin |
# Elon Musk บอกพนักงานให้เปลี่ยน Twitter เป็นธนาคาร จะได้ไม่ล้มละลาย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Elon Musk ใช้เวลาราว 20 นาทีเพื่อพูดคุยสื่อสารกับพนักงานของ Twitter ทั้งหมดโดยตรงเป็นครั้งแรก โดยเนื้อหาในการพูดครั้งนี้มีทั้งเรื่องสถานะของบริษัทที่ต้องการเงินอย่างมากเพื่อไม่ให้บริษัทเข้าไปสู่จุดเสี่ยงที่จะล้มละลาย รวมถึงไอเดียการเปลี่ยน Twitter ให้เป็นธนาคารออนไลน์
ไม่กี่วันมานี้เราเห็นข่าวสารพัดการเปลี่ยนแปลงของ Twitter ที่คิดปุ๊บทำปั๊บ หลายอย่างเป็นข่าวที่ชัดเจนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายลงและหาเงินเข้าบริษัทให้ได้มากขึ้น เช่น การปลดพนักงานจำนวนมาก, การสั่งทีมวิศวกรให้ลดค่าใช้จ่าย infrastructure ให้ได้ปีละ 1 พันล้านดอลลาร์, การปรับราคา Twitter Blue (แต่กลายเป็นว่าสูญเสียรายได้โฆษณาแล้วตอนนี้ดันขาดทุนกว่าเดิม), การออกไอเดียเก็บเงินผู้ใช้งานทุกคน ซึ่ง Musk ระบุว่าที่ต้องทำเช่นนี้เพราะรายได้ Twitter จากค่าโฆษณาลดลงไปมาก
อย่ากระนั้นเลย Musk เลยเล่าไอเดียให้พนักงานฟังว่าน่าจะปรับปรุง Twitter เพื่อให้บริการทางการเงินแบบธนาคารดีกว่า
Musk ยังมีแชร์ไอเดียต่อว่าบริการทางการเงินที่ว่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโอนเงินหากันระหว่างผู้ใช้งาน Twitter เท่านั้น แต่ยังมีบริการทางการเงินอื่นๆ ด้วย
อนึ่งต้องไม่ลืมว่า Musk นั้นเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธาน X.com ขึ้นในปี 1999 ซึ่งบริษัทดังกล่าวให้บริการทางการเงินแบบออนไลน์และการจ่ายเงินผ่านอีเมล และเขายังเคยเป็นซีอีโอของ Paypal ในปี 2000 (ในสมัยที่เพิ่งรวมบริษัทกับ X.com ใหม่ๆ และยังใช้ชื่อว่า X.com เป็นชื่อหลัก) ซึ่งทั้ง 2 ครั้งเขาโดนให้ออกจากตำแหน่งภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี
การพูดคุยระหว่าง Musk และกลุ่มพนักงาน Twitter ในครั้งนี้ยังมีหัวข้อการสนทนาอื่นๆ ทั้งเรื่องนโยบายการทำงานที่บ้าน, เรื่องการนำแอป Vine กลับมาใหม่, ทิศทางการพัฒนาแพลตฟอร์ม Twitter เปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง TikTok และ YouTube, ประเด็นฟีเจอร์เครื่องหมายถูกของบัญชีผู้ใช้งาน, การเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ฯลฯ สามารถอ่านรายละเอียดการพูดคุยครั้งนี้แบบเต็มๆ ได้ที่นี่
ที่มา - The Verge ผ่าน Ars Technica |
# ในที่สุดก็มีในมือถือ นักพัฒนาทำแอปวาดภาพด้วย AI (Stable Diffusion) ลง iOS แล้ว
Stable Diffusion เป็นหนึ่งในปัญญาประดิษฐ์ชื่อดังที่สามารถวาดภาพได้ตามข้อความบรรยายที่ถูกป้อนให้มันเช่นเดียวกับ DALL-E และ Midjourney โดยที่ผ่านมาผู้ที่ต้องการใช้ Satble Diffusion จะต้องใช้งานผ่านเว็บ DreamStudio ซึ่งอาศัยการประมวลผลบนคลาวด์ หรือไม่หากจะใช้งานประมวลผลบนเครื่องพีซีเองก็ต้องนำเอาโค้ดโอเพ่นซอร์สมาลงเอง
แต่ล่าสุดมีนักพัฒนาแอปที่ชื่อ Draw Things: AI Generation จับเอา Stable Diffusion มารันบนอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ได้แล้ว
Liu Liu นักพัฒนาผู้สร้างแอป Draw Things โพสต์บล็อกเล่าความยากของการพัฒนาแอปตัวนี้ว่าเป็นเรื่องการใช้แรม หากเป็น iPhone ที่มีแรม 6 GB ตัว iOS จะตัดการทำงานแอปใดๆ ทันทีที่ใช้แรมเกิน 2.8 GB หรือถ้าหากเป็น iPhone รุ่นที่มีแรม 4 GB หากมีแอปตัวไหนใช้แรมเกิน 2 GB ก็จะโดนตัดการทำงาน
ในการเปิดใช้งานแอป Draw Things ครั้งแรกจะต้องมีการโหลดไฟล์โมเดล Stable Diffusion 1.4 ลงใน iPhone ก่อน หลังจากนั้นก็สามารถป้อนข้อความ (prompt) และสั่งให้แอปสร้างรูปภาพได้
นอกเหนือจากการบอกให้ปัญญาประดิษฐ์วาดรูปภาพขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานให้มันเติมแต่งรูปภาพ (inpainting) ได้ด้วย การเติมแต่งรูปภาพนี้ก็อย่างเช่นการใช้รูปเก่าที่เบลอหรือมีรอยด่าง, รอยขาด นำมาให้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยเติมภาพในส่วนที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์ได้
นอกจากนี้ Draw Things ยังสามารถดาวน์โหลดโมเดลสร้างรูปภาพที่มีสไตล์เฉพาะทาง เช่น "Modern Disney Diffusion" (โมเดลสร้างภาพตัวละคร 3 มิติในสไตล์ Disney) หรือ "Waifu Diffusion" (โมเดลสร้างภาพสาวสวยสไตล์อนิเมะ) มาใช้งานร่วมกันได้ด้วย
ทีมงานของ Ars Technica ได้ทดลองติดตั้งแอป Draw Things และทดสอบใช้งาน ก็พบว่าตัวแอปใช้เวลาหลักนาทีในการสร้างภาพแต่ละภาพ ซึ่งในแง่ความรู้สึกก็ดูช้าสักเล็กน้อย และบางครั้งหากตั้งค่าการทำงานไว้สูงเกินไป ตัวแอปก็ไม่สามารถทำงานได้กับ iPhone รุ่นเก่าเนื่องจากพลังประมวลผลไม่เพียงพอ
อันที่จริงถึงแม้ไม่มีแอปแต่ผู้ใช้ iPhone หรืออุปกรณ์ Android ก็สามารถใช้งาน Stable Diffusion ผ่านทางเว็บ DreamStudio ได้อยู่แล้ว แต่การที่มีแอป Draw Things นี้ขึ้นมาถือเป็นเรื่องน่าสนใจในอีกแง่มุมหนึงที่ได้พิสูจน์ในเชิงหลักการว่าการดึงเอาปัญญาประดิษฐ์วาดภาพมาใส่ลงในอุปกรณ์พกพาและอาศัยเพียงพลังประมวลผลของตัวอุปกรณ์เท่านั้นสามารถทำได้จริง
ที่มา - Ars Technica |
# Remedy Entertainment ประกาศสร้างเกม Control ภาค 2
สตูดิโอ Remedy Entertainment ประกาศสร้างเกม Control ภาค 2 ร่วมกับ 505 Games ผู้จัดจำหน่ายเกมภาคแรก
ตอนนี้ Control 2 ยังอยู่ในสถานะเริ่มพัฒนา มีงบประมาณเริ่มต้น 50 ล้านยูโร เกมจะใช้เอนจิน Northlight ของ Remedy เอง โดยจะลงพีซี, PS5, Xbox Series X|S
Control ภาคแรกออกในปี 2019 เป็นเกมยิงที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เกมประสบความสำเร็จอย่างมาก มียอดขายเกิน 3 ล้านชุด และได้รับรางวัล Game of the Year จากหลายสถาบัน
Remedy Entertainment มีโปรเจคเกมกำลังพัฒนาอยู่หลายโปรเจค เช่น Alan Wake 2, Max Payne 1-2 Remake, Project Vanguard ร่วมกับ Tencent และ Project Condor เกมมัลติเพลเยอร์ในจักรวาล Control
ภาพเกม Control ภาคแรก
ที่มา - Remedy Entertainment |
# [ไม่ยืนยัน] Meta ปิดฝ่าย Portal และพัฒนา Smartwatch ทั้งหมด ตามหลังประกาศปลดพนักงาน
มีรายงานว่า Meta ได้แจ้งกับพนักงานในการประชุมหลังจากประกาศปลดพนักงาน ว่าบริษัทจะปิดแผนกหน้าจออัจฉริยะ Portal และแผนกที่กำลังพัฒนาสมาร์ทวอทช์ ที่เดิมมีกำหนดเปิดตัวต้นปีหน้า
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Meta เริ่มลดบทบาทของ Portal โดยเปลี่ยนมาขายตลาดลูกค้าองค์กรแทน ขณะที่สมาร์ทวอทช์โค้ดเนม Milan มีข่าวตั้งแต่ตอนนั้นว่าอาจเลิกแผนการพัฒนา โดยข้อมูลล่าสุดบอกว่า Portal นั้นจะปิดแผนกทั้งหมดรวมถึงตลาดลูกค้าองค์กร
ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าในพนักงาน 11,000 ของ Meta ที่ถูกปลดนั้น 46% เป็นฝ่าย Tech โดยไม่มีตัวเลขว่าเป็นส่วนที่พัฒนาฮาร์ดแวร์เท่าใด และอีก 54% ที่เหลือเป็นฝ่ายธุรกิจ
ที่มา: The Verge |
# Alibaba รายงานสถิติยอดขายเทศกาลคนโสด 11.11 ประจำปี - ใกล้เคียงกับยอดขายปีที่แล้ว
Alibaba รายงานข้อมูลยอดขายเทศกาลลดราคาวันคนโสดจีน 11.11 ปี 2022 โดยมียอดขายสุทธิ (GMV) ทั้งในวันที่ 11 ร่วมกับแคมเปญอื่นตลอดระยะเวลา 18 วัน 5.4 แสนล้านหยวน ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขในปี 2021 ท่ามกลางความท้าทายในภาพใหญ่ทั้งเศรษฐกิจและปัญหาโควิด 19
หมวดสินค้าที่ขายดีในปีนี้คือสินค้าความงามและอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนกลุ่มที่มีการเติบโตน่าสนใจคือสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและกีฬากลางแจ้ง
เนื่องจากแนวทางควบคุมโควิด 19 ในจีน ทำให้ปีนี้ Alibaba ไม่มีการจัดงานอีเวนต์แบบในปีก่อน ๆ ขณะที่คู่แข่งอย่าง JD.com ก็ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขยอดขายในวัน 11.11 ออกมา
ที่มา: Reuters และ Alibaba |
# SoftBank ไตรมาสล่าสุด พลิกมามีกำไรจากการขายหุ้น Alibaba ขณะที่ Vision Fund ยังขาดทุน
SoftBank รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสิ้นสุดเดือนกันยายน 2022 มีกำไรในไตรมาสมากกว่า 21,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากขาดทุนติดต่อกันมา 2 ไตรมาส อย่างไรก็ตามกำไรนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขายหุ้น Alibaba ออกมาบางส่วน ขณะที่ส่วนการลงทุนในกองทุน SoftBank Vision Fund ยังคงขาดทุน
การลงทุนเด่นใน Vision Fund ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีบริษัทที่ไอพีโอ 3 รายคือ GoTo, Delhivery และ Symbotic ส่วนบริษัทที่บันทึกขาดทุนเพิ่มขึ้นคือ WeWork, Compass และ DoorDash
หลังการขาย Alibaba ออกไปจนมีหุ้นน้อยกว่า 20% ทำให้ Masayoshi Son ชี้แจงว่าจากนี้เขาจะมาโฟกัสที่ Arm ซึ่งตอนนี้ SoftBank เป็นเจ้าของอยู่ โดยมองว่ามีโอกาสเติบโต และจะสามารถนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ซีเอฟโอของ SoftBank ให้ข้อมูลว่าบริษัทก็ลงทุนใน FTX ด้วยเช่นกัน เป็นเงินประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าต้องบันทึกเงินลงทุนนี้เป็นศูนย์หลังจากบริษัทประกาศล้มละลาย
ที่มา: The Wall Street Journal |
# Sony ประกาศตั้งโรงงานในไทย ผลิตเซ็นเซอร์รับภาพสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ
Sony ประกาศตั้งโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทยด้วยเม็ดเงินลงทุนราว 10,000 ล้านเยน หรือราว 2.58 พันล้านบาท โดยขณะนี้เริ่มการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตภายในเดือนมีนาคม 2025
โรงงานใหม่นี้จะผลิตเซ็นเซอร์รับภาพสำหรับใช้งานในรถยนต์ไร้คนขับ และตั้งเป้าจ้างงาน 2,000 ตำแหน่ง โดยโรงงานในญี่ปุ่นจะผลิตแผงวงจรขั้นต้นบนแผ่นเวเฟอร์ก่อน เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญสูง จากนั้นจะส่งต่อมายังโรงงานในประเทศไทยเพื่อผลิตต่อจนเสร็จ แล้วส่งออกไปทั่วโลก
Sony ระบุว่าสาเหตุที่ต้องแยกการผลิตเป็นสองส่วน (ญี่ปุ่น-ไทย) เพราะการผลิตจากเวเฟอร์จนจบนั้นใช้แรงงานจำนวนมาก จึงเลือกประเทศไทยเพราะค่าแรงต่ำกว่าญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังต้องการกระจายฐานการผลิตเนื่องจากได้รับบทเรียนจากโรคระบาด หากมีโรงงานหลายที่ก็จะยังเดินหน้าการผลิตต่อไปได้
เซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS ยังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดราว 2.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2026 หรือเพิ่มขึ้น 30% จากปี 2021 ซึ่ง Sony ครองตลาดนี้อยู่ราว 50%
ปัจจุบัน Sony มีโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทยอยู่แล้วที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จ.ปทุมธานี โดยเป็นโรงงานเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นด้วย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 ทั้งนี้ Sony ยังไม่ได้เปิดเผยสถานที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่ ระบุเพียงว่าอยู่ในภาคกลางของไทย
ที่มา - Nikkei Asia
ภาพโรงงาน Sony ที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จ.ปทุมธานี | ภาพโดย Sony |
# FTX ยื่นล้มละลายทั้งกลุ่ม รวม 130 บริษัท ซีอีโอลาออก
FTX Trading และบริษัทที่เกี่ยวข้อง เช่น FTX US, Alameda Research รวมทั้งกลุ่มประมาณ 130 บริษัทยื่นล้มละลายต่อศาลเดลาแวร์
ซีอีโอ Sam Bankman-Fried (SBF) ลาออกและ John J. Ray III เข้ามารับตำแหน่งแทน โดย SBF จะอยู่ให้คำแนะนำต่อไป
บริษัทในกลุ่ม FTX บางส่วนไม่รวมอยู่ในการยื่นล้มละลายครั้งนี้ ได้แก่ LedgerX LLC, FTX Digital Markets, FTX Australia, และ FTX Express Pay ตัว FTX Digital Markets นั้นถูกกรรมการกำกับหลักทรัพย์บาฮามาสล็อกทรัพย์สินอยู่
ที่มา - @FTX_Official |
# [ลือ] Foxconn เตรียมขยายโรงงานประกอบ iPhone ในอินเดีย เพิ่มพนักงานเป็น 70,000 คน
สำนักข่าวรอยส์เตอร์อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนระบุว่า Foxconn กำลังเพิ่มพนักงานในโรงงานในอินเดียจากไม่ถึงสองหมื่นคนเป็น 70,000 คน หลังจากโรงงาน iPhone ในจีนได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เมืองเจิ้งโจว จนแอปเปิลต้องชี้แจงนักลงทุนว่าการล็อกดาวน์นี้จะกระทบต่อรายได้บริษัท
โรงงาน iPhone ในอินเดียขยายตัวมาเรื่อยๆ เมื่อปลายปี 2021 ยังประมาณกันว่ามีพนักงานอยู่ประมาณ 5,000-7,000 คนเท่านั้น แต่ต่อให้เพิ่มพนักงานเป็น 70,000 คนก็ยังเทียบไม่ได้กับโรงงานที่เจิ้งโจวที่มีพนักงานถึง 200,000 คน
แนวโน้มที่แอปเปิลกระจายกำลังผลิตไปยังประเทศอื่นๆ นอกจีนมากขึ้นค่อนข้างชัดเจน โดยที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าโรงงานในอินเดียผลิต iPhone 14 หลังจากเปิดตัวไม่นานนัก และอุปกรณ์เสริมก็มีข่าวว่าขยายไปผลิตในอินเดียบ้าง
ที่มา - Reuters |
# เขียนโปรแกรมแบบไม่ต้องแตะคีย์บอร์ด "Hey, GitHub" สั่งให้ GitHub เขียนโค้ดด้วยเสียงพูด
GitHub เปิดตัวโปรเจคทดลอง “Hey, GitHub!” เป็นการสั่งงานด้วยเสียงคู่กับฟีเจอร์ Copilot ที่ใช้ AI ช่วยเขียนโปรแกรม ทำให้เราแทบไม่ต้องใช้คีย์บอร์ดในการเขียนโปรแกรมอีกเลย
ตัวอย่างการใช้งานเช่น พูดว่า "import Pandas" ก็จะเป็นการเขียนโค้ดที่นำเข้าไลบรารีวิเคราะห์ข้อมูล Pandas ของ Python ให้อัตโนมัติ (ดูตัวอย่างได้จากเว็บ GitHub Next)
คำสั่งเสียง Hey, GitHub รองรับทั้งการเขียนตัวโค้ด, การเลื่อนตำแหน่ง, การสั่งงานตัว IDE (VS Code) และการสั่งให้ GitHub Copilot อธิบายการทำงานของโค้ดที่เขียนมาให้เรา
ตอนนี้ฟีเจอร์ “Hey, GitHub!” ยังเปิดให้ทดสอบแบบ technical preview ในวงจำกัด และต้องลงทะเบียนเพื่อต่อคิวทดสอบ
ที่มา - GitHub |
# เงินเหลือ ASML ประกาศซื้อหุ้นคืนกว่าสี่แสนล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า คาดกำไรอยู่ที่ 54-56%
ASML ประกาศแผนการก่อนประชุมผู้ถือหุ้นระบุแผนทางการเงินในช่วงสามปีข้างหน้าว่ายังคงมีการเติบโตที่ดีโดยเฉพาะผู้ผลิตชิปจำนวนมากจะลงทุนซื้อเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง
เฉพาะเครื่องผลิตชิปในกลุ่ม EUV คาดว่ายอดขายต่อปีจะเพิ่มเป็นปีละ 90 เครื่องจากตอนนี้ปีละ 60 เครื่องในปี 2025 และคาดว่าเครื่องในกลุ่ม High-NA EUV ที่จะเริ่มส่งมอบปี 2024 เพิ่มกำลังผลิตเป็นปีละ 20 เครื่องภายในปี 2027 ส่วนเครื่องยอดนิยม (mature node) อย่าง DUV คาดว่าจะมียอดขายสูงถึงปีละ 600 เครื่อง โดยสัดส่วนกำไร (gross margin) อยู่ที่ 54-56%
แนวโน้มกำไรที่ดีทำให้บริษัทมีเงินเหลือ ตอนนี้จึงประกาศเตรียมซื้อหุ้นคืนรวมเป็นเงิน 12,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 440,000 ล้านบาท กินเวลาจนถึงสิ้นปี 2025
ASML เป็นบริษัทที่อยู่ตรงกลางสมรภูมิชิประหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยที่ผ่านมามีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กดดันไม่ให้ ASML ส่งออกเครื่องจักรผลิตชิปไปยังจีน แม้จะเป็นเครื่องในกลุ่ม DUV ก็ตาม
ที่มา - ASML
ภาพเครื่อง ASML EXE:5000 High-NA EUV โดย ASML |
# ผลทดลองตัดต่อพันธุกรรมรักษามะเร็งเนื้องอกเบื้องต้นได้ผลน่าพอใจ เปิดทางศึกษาการรักษาเจาะจงรายคน
ทีมวิจัยจากบริษัท PACT Pharma รายงานถึงผลการทดลองรักษาเนื้องอกมะเร็งด้วย T cell ที่ผ่านการตัตต่อพันธุกรรมด้วยเทคนิค CRISPR-Cas9 ทำให้ T cell สามารถจับโปรตีนมะเร็งของคนไข้แต่ละคนได้อย่างเจาะจง
การทดลองครั้งนี้มีกลุ่มตัวอย่างเพียง 16 คนเป็นผู้ป่วยมะเร็งทรวงอก, มะเร็งปอด, และมะเร็งลำไส้ นักวิจัยเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อมะเร็งมาถอดรหัสดีเอ็นเอ (DNA sequencing) รายคนเพื่อหาพันธุกรรมที่กลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็ง จากนั้นพยายามทำนายว่าจุดที่กลายพันธุ์จุดใดน่าจะทำให้ T cell จับเซลล์เหล่านี้ได้ จากนั้นออกแบบโปรตีนบน T cell เพื่อจับกับเซลล์มะเร็ง แล้วตัดต่อดีเอ็นเอของ T cell เข้าไป สุดท้ายคือให้ยากับผู้ป่วยเพื่อกดภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเองแล้วให้ T cell ที่ตัดต่อยีนเข้าไปทำหน้าที่แทน กระบวนการนี้ซับซ้อนและกินเวลานานบางรายกินเวลานานถึงหนึ่งปี
แต่ผลการทดลองเบื้องต้นได้ผลที่น่าพอใจ ทีมวิจัยพบว่า T cell ที่ใส่เข้าไปไปกระจุกอยู่บริเวณเนื้องอกมะเร็งตามที่หวังไว้ และสามารถหยุดการเติบโตของก้อนเนื้อมะเร็งในผู้ป่วย 5 รายได้ ขณะที่มีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยเพียง 2 ราย การทดลองขั้นตอนนี้มุ่งไปที่การทดสอบความปลอดภัยของการใส่ T cell ที่ผ่านการตัดต่อดีเอ็นเอเข้าไปเป็นหลักทำให้นักวิจัยยังให้โดสต่ำ และขั้นต่อไปจะเป็นการเพิ่มโดสเพื่อดูประสิทธิภาพ
การตัดต่อยีนใน T cell เพื่อรักษามะเร็งอย่างเจาะจงมีมาก่อนนี้แล้ว แต่ยังเป็นการรักษามะเร็งในกระแสเลือด หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถรักษามะเร็งที่เป็นก้อนเนื้องอกมาก่อน
ที่มา - Nature, PACT Pharma
ภาพ T cell ผ่านกล่องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนโดย NIAID |
# เกินคุ้ม! HUAWEI WATCH GT 3 SE สมาร์ทวอทช์บางเบาเพียง 35.6 กรัม อัดแน่นฟีเจอร์ครบจบทุกความฟิต พร้อมลุยทุกไลฟ์สไตล์แอคทีฟ
HUAWEI WATCH GT 3 SE สมาร์ทวอทช์น้องใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทย กำลังเป็นที่จับตาในฐานะสมาร์ทวอทช์ที่ออกแบบมาได้ครบและคุ้ม เอื้อให้ผู้ใช้ได้สนุกไปกับไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟ เพราะสวมใส่สบายด้วยดีไซน์ที่บางและเบาเพียง 35.6 กรัม แถมยังเก็บสถิติได้แม่นยำและดูแลสุขภาพได้รอบด้านด้วยเทคโนโลยีที่หัวเว่ยพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ จะซื้อเป็นของขวัญปลายปีให้ตัวเองหรือซื้อให้คนที่เรารักก็มีแต่คุ้ม และวันนี้เราคัด 4 ไฮไลต์เด็ดๆ ของสมาร์ทวอทช์น้องใหม่ที่กำลังมาแรงรุ่นนี้มาให้แล้ว ลองไปพิจารณาด้วยตัวเองกันได้เลย!
1. ดีไซน์บางเบาเพียง 35.6 กรัม1 สวมใส่สบาย พร้อมลุยทุกกิจกรรม
HUAWEI WATCH GT 3 SE โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Open-Cut ที่ได้แรงบันดาลใจจากดีไซน์ของรถสปอร์ต โฉบเฉี่ยวและกระฉับกระเฉง เหมาะกับไลฟ์สไตล์แอคทีฟ สวมใส่สบายด้วยตัวเรือนบางเพียง 11 มม. และเบาเพียง 35.6 กรัมเท่านั้น ใช้หน้าปัดกลมแบบ AMOLED จอสีคมชัดสูง ขนาดใหญ่ 1.43 นิ้ว สะดวกต่อการใช้งานกลางแจ้ง และยังสามารถตั้งค่าหน้าจอให้พร้อมใช้งานเสมอด้วยโหมด Always-on Display หรือสามารถปิดใช้งานหากต้องการประหยัดแบตเตอรี่
HUAWEI WATCH GT 3 SE มีให้เลือก 2 สี 2 สไตล์ที่โฉบเฉี่ยวและดูดีไม่แพ้กัน คือสีดำ Graphite Black และสีเขียว Wilderness Green ผู้ใช้ยังสามารถเลือกหน้าปัด Watch Faces ให้บ่งบอกเอกลักษณ์และเข้ากับลักษณะการใช้งานของตัวเองได้ โดยสามารถตั้งค่าได้ทั้งจากสมาร์ทวอทช์และบนแอปพลิเคชัน HUAWEI Health ซึ่งมีให้เลือกมากกว่า 1,000 แบบ
2. วิเคราะห์การออกกำลังกายตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วย HUAWEI TruSport™2 พร้อมโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด
HUAWEI WATCH GT 3 SE ใช้เทคโนโลยี HUAWEI TruSport™ ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่พัฒนาขึ้นโดยหัวเว่ยเอง สามารถประมวลค่าบ่งชี้ต่างๆ ระหว่างการออกกำลังกายเป็นอัตราการก้าว อัตราการเต้นของหัวใจ Running Ability Index (RAI) การวัด VO2Max และให้คำแนะนำด้านการออกกำลังกายแก่ผู้ใช้ได้อย่างมืออาชีพ เพื่อให้ออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ มาพร้อมโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด โดยเป็นโหมดกีฬาระดับมืออาชีพถึง 18 โหมด ที่สำคัญยังมีฟีเจอร์ intelligent running planning ที่ช่วยประเมินและวางแผนโปรแกรมฝึกซ้อมการวิ่งให้ได้เหมือนมีเทรนเนอร์ประจำตัว โดยอิงจากสถิติการวิ่งของผู้ใช้และเป้าหมายการฝึกซ้อม ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าวงการดูแลสุขภาพ หรือเป็นขาประจำฟิตเนสอยู่แล้ว ก็สามารถพัฒนาร่างกายให้แข็งแรง เสริมสร้างสุขภาพและไลฟ์สไตล์การออกกำลังกายที่ดียิ่งขึ้นได้ด้วยสมาร์ทวอทช์คู่ใจนี้
ส่วนใครที่ชอบกีฬากลางแจ้งอย่างว่ายน้ำ ปีนเขา ไตรกีฬา หรือวิ่งเทรล HUAWEI WATCH GT 3 SE กันน้ำที่มาตรฐาน 5ATM หรือที่ความลึกประมาณ 50 เมตร และยังรองรับการระบุตำแหน่งผ่านสัญญาณดาวเทียม 5 ระบบทั่วโลก ได้แก่ GPS, Beidou, GLONASS, GALILEO, QZSS ทำให้บันทึกเส้นทางวิ่งได้อย่างแม่นยำ รวมถึงสามารถชี้เส้นทางวิ่งใหม่ๆ หรือนำทางกลับเส้นทางเดิมได้ผ่านคำสั่ง Route Back รวมถึงแชร์เส้นทางวิ่งให้เพื่อนร่วมทางได้ผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health
3. HUAWEI TruSleep™ 3.03 ตรวจวัดคุณภาพการนอนหลับ พร้อมตรวจจับเสียงละเมอและเสียงกรน
คุณภาพการนอนหลับเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดี สมาร์ทวอทช์ HUAWEI WATCH GT 3 SE ใช้เทคโนโลยี HUAWEI TruSleep™ 3.0 ที่หัวเว่ยใช้เวลาวิจัย พัฒนา และปรับให้เหมาะสมมาเป็นเวลานานถึง 4 ปี จนปัจจุบันเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีชั้นนำของแวดวงอุตสาหกรรมที่ใช้แสงอินฟราเรดตรวจวัดการนอนหลับ โดยสามารถตรวจจับระดับการนอนหลับได้โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ หลับไม่สนิท หลับสนิท หลับฝัน (REM) และการรู้สึกตัวตื่นเป็นช่วงสั้นๆ สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ ตรวจจับการหายใจระหว่างนอนหลับ และประเมินคุณภาพการนอนหลับได้โดยไม่รบกวนการนอนของผู้ใช้ ขณะเดียวกันก็สามารถประเมินปัญหาด้านการนอนหลับทั่วไปได้ 6 อาการ ได้แก่ หลับยาก หลับไม่สนิท ตื่นง่ายตอนกลางคืน ตื่นนอนเร็วกว่าปกติ ฝันหลายรอบ และนิสัยการนอนที่ผิดปกติ พร้อมให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้ตามลักษณะและคุณภาพการนอนได้มากกว่า 200 รายการ
นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกเสียงกรนและเสียงละเมอได้ผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health เพื่อให้ผู้ใช้ได้รู้เท่าทันลักษณะการนอนของตัวเอง และพบแพทย์ได้ทันเวลาหากมีลักษณะนิสัยการนอนที่ผิดปกติ
4. HUAWEI TruSeen™ 5.0+4 ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจและค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ได้ตลอดทั้งวันอย่างแม่นยำ
หัวเว่ยสั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ผ่านการวิจัยและพัฒนามานานกว่า 5 ปี จนปัจจุบันเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen™ ได้เดินทางมาถึงเวอร์ชั่น 5.0+ ซึ่งประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น มีความแม่นยำยิ่งขึ้น ไม่เพียงการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจเท่านั้น แต่ความแม่นยำของการตรวจวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ก็ยังได้รับการพัฒนาให้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย
ด้วยการจัดเรียงเซ็นเซอร์ 8 ตัวในรูปแบบวงกลม ทำให้ HUAWEI WATCH GT 3 SE ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แม่นยำขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้กระทั่งในการใช้งานที่อัตราการเต้นของหัวใจเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การวิ่งแบบไม่ต่อเนื่อง หรือการเพิ่มความเร็วกะทันหัน นอกจากนี้ เทคโนโลยี HUAWEI TruSeen™ 5.0+ ยังใช้การออกแบบที่ลดสัญญาณรบกวนภายนอกที่เกิดจากการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แม่นยำยิ่งขึ้นในระหว่างออกกำลังกายแบบ HIIT โยคะ แอโรบิก กระโดดเชือก เป็นต้น
5. แบตเตอรี่ยาวนาน 2 สัปดาห์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แอคทีฟและคนรักการเดินทาง
HUAWEI WATCH GT 3 SE ยังคงสืบสานเอกลักษณ์ของ HUAWEI WATCH GT Series ซึ่งโดดเด่นเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้งานทั่วไปได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 2 สัปดาห์5 สวมใส่ไปออกทริปเดินป่า ตั้งแคมป์ เที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศนานๆ ได้แบบไม่ต้องกังวล แถมยังรองรับทั้งเทคโนโลยีชาร์จไร้สายและชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 5 นาทีก็ใช้งานต่อได้อีกเต็มวัน6 รวมถึงรองรับการชาร์จแบบ Reverse Charging โดยแตะสมาร์ทวอทช์เข้ากับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยที่รองรับการชาร์จแบบเดียวกัน เพื่อรับพลังงานจากสมาร์ทโฟนได้โดยไม่ต้องพึ่งแท่นชาร์จ
HUAWEI WATCH GT 3 SE ยังมีฟีเจอร์อัจฉริยะอีกมากมายที่อำนวยความสะดวกและยกระดับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลให้กับผู้ใช้ เช่น Healthy Living Management คอยแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ กินยาตามเวลา หรือเตือนเมื่อนั่งติดต่อกันนานๆ รวมถึงสามารถติดตามและคำนวนช่วงเวลาที่มีประจำเดือนให้คุณสุภาพสตรีได้ นอกจากนี้ เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน HUAWEI WATCH GT 3 SE จะสามารถแปลงร่างเป็น Remote Shutter และรองรับ Bluetooth calls รับสาย-โทรออกได้บนข้อมือ ส่งข้อความตอบกลับได้เมื่อไม่สะดวกรับสาย7 หรือหากใส่ไปออกกำลังกาย ก็สามารถควบคุมเพลงผ่านสมาร์ทวอทช์ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัว เพราะ HUAWEI WATCH GT 3 SE เก็บเพลงในตัวได้มากถึง 500 เพลง8 แถมยังมีฟีเจอร์ Voice Assistance สั่งการด้วยเสียงได้ เพิ่มความสะดวกระหว่างออกกำลังกาย ไม่ต้องเพ่งมองหน้าจอบ่อยๆ ให้เสียสมาธิ
HUAWEI WATCH GT 3 SE วางจำหน่ายในราคา 6,499 บาท พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์ รับฟรี! HUAWEI Mini Speaker มูลค่า 1,090 บาท และสิทธิพิเศษสำหรับ 50 ออเดอร์แรก รับฟรี! City Travel Package 2 มูลค่า 1,690 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ถึง 14 พฤศจิกายน 2565 ที่ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยที่ Lazada เท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขโปรโมชั่นได้ที่นี่
1น้ำหนักวัดเฉพาะตัวเรือน ไม่รวมสาย
2ข้อมูลการตรวจวัดไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยรักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใดๆ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายโดยทั่วไปเท่านั้น
3ข้อมูลการตรวจวัดไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยรักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใดๆ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายโดยทั่วไปเท่านั้น
4ข้อมูลการตรวจวัดไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยรักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใดๆ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายโดยทั่วไปเท่านั้น
5สถานการณ์ทั่วไป: การโทรผ่านบลูทูธ 30 นาที/สัปดาห์ เล่นเพลง 30 นาที/สัปดาห์ เปิดการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ การตรวจสอบการนอนหลับตามหลักวิทยาศาสตร์ในตอนกลางคืน การติดตามการออกกำลังกายเฉลี่ย 90 นาที (เปิด GPS) ต่อสัปดาห์ เปิดใช้งานการแจ้งเตือนข้อความ (50 ข้อความต่อวัน , 6 สายต่อวัน, 3 นาฬิกาปลุก), ปลุกหน้าจอ 200 ครั้งต่อวัน อายุการใช้งานแบตเตอรี่จริงจะแตกต่างกันไปตามพฤติกรรมการใช้งาน
6อ้างอิงจากผลการทดลองโดย HUAWEI Test Labs
7ไม่รองรับบนอุปกรณ์ iOS
8ไฟล์ mp3
ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Facebook Huawei Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่:
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH
LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH |
# EA ประกาศนำ Battlefield 2042 มาลง EA Play และ Xbox Game Pass
Battlefield 2042 อาจไม่ใช่เกมภาคที่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะเต็มไปด้วยปัญหาช่วงเริ่มต้นมากมาย แต่ EA ก็เดินหน้าแก้ปัญหาเกมและอัพเดตเนื้อหามาเรื่อยๆ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
ล่าสุด EA อัพเดตเนื้อหา Season 3 ที่จะออกช่วงเดือนธันวาคมนี้ และประกาศนำ Battlefield 2042 ลงบริการเกมแบบเหมาจ่ายของตัวเอง EA Play ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เล่นบน Xbox Game Pass Ultimate สามารถเล่น Battlefield 2042 ได้ฟรีด้วยอัตโนมัติ และอาจช่วยให้จำนวนผู้เล่นมัลติเพลเยอร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แผนการระยะยาวของ EA คือโยก Vince Zampella อดีตทีมงานผู้สร้าง Call of Duty มาช่วยดูแลแฟรนไชส์ Battlefield ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงเห็นผลงานของเขากัน
ที่มา - EA |
# Eight Dollars: ส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่ทำให้แยกง่ายว่าผู้ใช้ Twitter คนไหนยืนยันตัวตนจริง
หนึ่งในปัญหาล่าสุดของโลก Twitter ตอนนี้คือการเปิดบริการ Twitter Blue ในราคา 8 ดอลลาร์ที่ทำให้ใครก็สามารถโชว์เครื่องหมายถูกสีฟ้าตามหลังชื่อบัญชีของตัวเองได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องรอขั้นตอนยืนยันตัวตนแบบแต่ก่อนให้เสียเวลา ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเปิดช่องให้คนสวมรอยเป็นคนอื่นได้เนียนๆ ง่ายขึ้นด้วยการจ่ายเงิน และยากที่ผู้ใช้ทั่วไปจะแยกออกว่าบัญชีที่มีเครื่องหมายนี้คือคนดังตัวจริง หรือเป็นบัญชีสำนักข่าว, บัญชีหน่วยงานรัฐ ของจริงหรือไม่
หนึ่งในวิธีการที่สามารถทำเพื่อแยกแยะได้ว่าผู้ใช้ Twitter รายไหนผ่านขั้นตอนยืนยันตัวตนและตรวจสอบข้อมูลโดยทีมงาน Twitter มาแล้วจริงๆ หรือเพียงแค่จ่ายเงิน 8 ดอลลาร์เพื่อซื้อเครื่องหมาย คือการกดเข้าไปดูรายละเอียดในหน้าโปรไฟล์ของผู้ใช้รายนั้นแล้วกดตรงเครื่องหมายถูกสีฟ้าเพื่อดูรายละเอียดว่าเครื่องหมายดังกล่าวได้มาอย่างไร ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยาก แต่จุกจิกเสียเวลาและไม่คงไม่ใช่วิธีการอันน่าพึงพอใจสำหรับผู้ใช้ Twitter ส่วนใหญ่ที่ต้องการหาคำตอบว่าคนที่พวกเขาสนใจอยู่คือคนดังตัวจริงเสียงจริงหรือไม่?
อย่ากระนั้นเลยผู้ใช้ Twitter รายหนึ่งนามว่า Walter Lim จึงได้สร้าง Eighth Dollars ส่วนต่อขยายสำหรับ Chrome เพื่อทำให้การแยกแยะบัญชีที่มีเครื่องหมายถูกทำได้ง่ายขึ้น (ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าใช้กับ Edge และ Firefox ได้ด้วย ส่วนเวอร์ชั่นสำหรับ Safari จะตามมาทีหลัง)
เมื่อผู้ใช้ Twitter ติดตั้ง Eight Dollars และเข้าใช้งาน Twitter ก็จะพบว่าเครื่องหมายถูกสีฟ้าหลังชื่อบัญชี Twitter แต่ละคนจะถูกแทนที่ด้วยป้ายข้อความ 2 แบบ แบบแรกสำหรับบัญชีที่มีการตรวจสอบยืนยันตัวตนจริงโดยทีมงาน Twitter จะแสดงข้อความว่า "Actual Verified" ส่วนผู้ใช้อีกกลุ่มที่ได้เครื่องหมายมาง่ายๆ โดยการจ่ายเงินแต่ไม่ผ่านการตรวจสอบตัวตนจริงๆ จะมีข้อความว่า "Paid for Verification" ปรากฏขึ้นมาแทน
ใครที่สนใจอยากใช้งานส่วนต่อขยายเบราว์เซอร์ชื่อ Eight Dollars นี้ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ GitHub และสามารถติดตั้งด้วยตนเองโดยใช้โหมดนักพัฒนาของเว็บเบราว์เซอร์
ที่มา - Engadget |
# เพื่อ? ผู้ก่อตั้ง Oculus สร้างแว่น VR ที่จะระเบิดหัวผู้เล่นให้กระจุยหากตายในเกมโลกเสมือน
Palmer Luckey หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Oculus และเป็นผู้ออกแบบ Oculus Rift ที่ภายหลังแยกตัวออกมาตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Anduril ได้สร้างแว่น VR แบบใหม่ที่หากผู้ใช้สวมเล่นเกมแล้วตายในเกม ตัวแว่นจะระเบิดให้ตายในชีวิตจริงด้วย
Luckey โพสต์เรื่องแว่น VR ตัวนี้ในบล็อกส่วนตัวของเขาเอง และเล่าถึงเหตุการณ์ในเรื่อง Sword Art Online (SAO) ที่ผู้เล่นเกม VR จำนวนล็อกอินเข้าเกมเป็นครั้งแรกก่อนจะรู้ตัวว่าจะต้องเจอกับการเอาชีวิตในรอดในเกมที่เดิมพันด้วยชีวิตจริง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวในเรื่องคือวันที่ 6 พฤศจิกายน 2022 วันเดียวกับวันที่ Luckey โพสต์บล็อกเล่าเรื่องแว่น VR ติดระเบิดอันนี้นี่เอง
Luckey เล่าไอเดียเกี่ยวกับการเลียนแบบเครื่อง NerveGear ในเรื่อง SAO ซึ่งมีเครื่องปล่อยคลื่นไมโครเวฟพลังงานสูงติดตั้งซ่อนเอาไว้และจะทำงานเมื่อผู้เล่นตายในเกมด้วยการปล่อยคลื่นออกมาฆ่าผู้เล่นให้ตายจริงไปพร้อมกัน โดย Luckey บอกว่าไอเดียเรื่องการผสานโลกเสมือนกับชีวิตจริงทำให้เขารู้สึกตื่นตามาเสมอ เขาเลยหาทางสร้างสิ่งที่คล้ายกับ NerveGear ขึ้นมาจริงๆ เพียงแต่เขาไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ปล่อยคลื่นไมโครเวฟได้แบบใน SAO เขาจึงหาแนวทางใหม่ที่จะทำให้แว่น VR ของเขาฆ่าผู้เล่นด้วยวิธีอื่นเมื่อผู้เล่นตายในเกม
Luckey ใช้แท่งดินระเบิด 3 อันที่ปกติเขามีใช้งานอยู่แล้วกับโครงการอื่น นำมาต่อเข้ากับแว่น VR โดยเชื่อมต่อการทำงานเข้ากับเซ็นเซอร์แสง โดยเซ็นเซอร์ดังกล่าวที่จะตรวจจับการกระพริบของแสงสีแดงด้วยความถี่จำเพาะซึ่งจะเกิดขึ้นบนหน้าจอเมื่อผู้เล่นตายในเกม เมื่อใดที่มันตรวจจับแสงกระพริบสีแดงรูปแบบเฉพาะตรงกับที่ตั้งค่าไว้ดินระเบิดก็จะถูกจุด
แว่น VR กับฟังก์ชั่นสังหารผู้เล่นที่สร้างโดย Luckey
Luckey บอกว่าแว่น VR ฆ่าผู้เล่นได้อันนี้ตอนนี้เป็นเพียงของตกแต่งออฟฟิศเท่านั้น แต่เขายืนยันว่ามันทำงานด้วยการสังหารผู้เล่นได้จริงๆ และเขาเชื่อว่านี่เป็นเพียงแว่น VR ตัวแรกที่มีระบบนี้และจะไม่ใช่ตัวสุดท้าย
สำหรับบริษัท Anduril ของ Luckey นั้นเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีทางการทหารที่เน้นการพัฒนาระบบการทำงานของอุปกรณ์แบบอัตโนมัติ เช่น ระบบตรวจจับค้นหาและต่อต้านโดรน, ระบบโดรนการทหารบินอัตโนมัติ, พาหนะใต้น้ำอัตโนมัติ เป็นต้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Luckey จึงสามารถหาดินระเบิดมาทำอะไรแบบนี้ได้
ที่มา - Business Insider |
# TrueMoney จ่ายเงินในต่างประเทศได้แล้ว ร้านค้าที่มีป้าย Alipay+ รองรับ 8 ประเทศ
บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ประกาศรองรับการใช้แอพ TrueMoney Wallet สแกนจ่ายเงินในต่างประเทศ 8 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส โดยจ่ายได้กับร้านค้าที่รองรับเครือข่าย Alipay+ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กัน
ในเว็บไซต์ของ TrueMoney ระบุว่าอัตราการแลกเปลี่ยนจะตายตัวในแต่ละวัน เห็นอัตราแลกเปลี่ยนจริงขณะจ่าย และไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มเติม
ตัวอย่างร้านค้าที่จ่ายได้คือ Family Mart, Lawson, Don Quijote, Tsuruha, BicCamera ในญี่ปุ่น และ 7-11 ในสนามบินสิงคโปร์ |
# Tumblr ขายเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า 7.99 ดอลลาร์ ไม่มีฟีเจอร์ใดๆ ใช้แสดงตัวว่าเป็นคนสำคัญ
Tumblr ประกาศขายเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าเพื่อแสดงตัวว่าเป็น "คนสำคัญ" (Important Blue Internet Checkmarks) โดยระบุว่าใช้ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากการแปะหลังชื่อตัวเองในระบบ Tumblr ให้ดูว่าสำคัญ ในราคา 7.99 ดอลลาร์ (แถมบอกด้วยว่าราคาถูกกว่า "ที่อื่น" นะ)
ถ้าแปะป้ายในโลกออนไลน์แล้วยังไม่พอใจ อยากเป็นคนสำคัญในโลกจริงๆ ด้วย Tumblr ยังขายสติ๊กเกอร์ติ๊กถูกในราคา 3 ดอลลาร์ และเข็มกลัดติ๊กถูกในราคา 6 ดอลลาร์ด้วย
ที่มา - Tumblr |
# ยืนยันแล้ว แว่น PSVR2 ใช้ชิปจาก MediaTek แต่ยังไม่ระบุรุ่น
MediaTek จัดงานแถลงข่าวผลิตภัณฑ์ใหม่รอบท้ายปี นอกจากชิปเรือธง Dimensity 9200 ยังมีข่าวสำคัญคือการเปิดเผยว่าแว่น PSVR2 รุ่นใหม่ของโซนี่ก็ใช้ชิปของ MediaTek และถือเป็นครั้งแรกของ MediaTek ที่เข้ามาทำสินค้ากลุ่มแว่น VR ด้วย (มาครั้งแรกก็ได้งานใหญ่เลย)
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าชิปที่ใช้ใน PSVR2 เป็นรุ่นไหน แต่กรณีของ PSVR2 นั้นเป็นแว่นแบบมีสายต่อกับเครื่อง PS5 การประมวลผลกราฟิกหนักๆ จะอยู่ในตัวเครื่อง PS5 เป็นหลักอยู่แล้ว
คู่แข่งในวงการชิปสำหรับแว่น VR คือ Qualcomm Snapdragon XR ที่ใช้ในแว่น Meta Quest ซึ่งประมวลผลทุกอย่างภายในตัวแว่นเลย
ในงานแถลงข่าว MediaTek ยังเปิดตัวชิปสำหรับสินค้าอื่นๆ อีกดังนี้
Kompanio 520 และ 528 สำหรับ Chromebook Arm ราคาถูก ใช้ Cortex-A76 สองคอร์ ร่วมกับคอร์อื่นอีก 6 คอร์, จีพียู Mali G52 MC2 - MediaTek
Pentonic 1000 สำหรับสมาร์ททีวี 4K 120Hz, รองรับ Wi-Fi 6/6E, Dolby Vision, รองรับการถอดรหัสวิดีโอทั้ง AV1 และ VVC (H.266) - MediaTek
T800 ชิปโมเด็ม 5G 3GPP Release-16 อัตราดาวน์โหลดสูงสุด 7.9Gbps, อัพโหลด 4.2Gbps - MediaTek
ที่มา - xda |
# Netflix ประกาศทำคอนเทนต์ Live ครั้งแรก เป็นเดี่ยวไมโครโฟนของ Chris Rock
Netflix ประกาศทำคอนเทนต์แบบถ่ายทอดสดเป็นครั้งแรก แต่ยังไม่ใช่การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ โดยเป็นทอล์คโชว์เดี่ยวไมโครโฟนของ Chris Rock กำหนดฉายต้นปีหน้า
ถึงแม้ไม่ใช่กีฬา แต่ก็เป็นก้าวแรกที่ Netflix จะนำรายการถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมทั่วโลก และหากประสบความสำเร็จก็น่าจะมีคอนเทนต์ประเภทเดียวกันออกมาอีก
ที่ผ่านมาคอนเทนต์อีกรูปแบบที่ Netflix ลงทุนค่อนข้างมากคือทอล์คโชว์เดี่ยวไมโครโฟน (รวมทั้งของไทย) โดยมีการจัดงานออฟไลน์ Netflix is a Joke: The Festival ที่มีศิลปินตลกเข้าร่วมหลายคน เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ที่มา: Netflix |
# ซีอีโอ FTX ออกมาขอโทษลูกค้า ยอมรับว่าทำพลาด กำลังหาเงินมาเติม บอกคู่แข่งว่าคุณชนะแล้ว
Sam Bankman-Fried (SBF) ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง FTX ออกมาโพสต์ข้อความต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก หลังวิกฤต FTX ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
SBF ขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเขาทำผิดพลาด (I fucked up) อย่างแรง เขาควรออกมาสื่อสารให้เร็วกว่านี้ แต่ไม่สามารถทำได้ระหว่างการเจรจาดีลกับ Binance แต่ภาพรวมเกิดจากความผิดพลาดของเขาเองตั้งแต่แรก
เขาอธิบายว่าปัญหาของ FTX เกิดจาก FTX International ที่ทำธุรกิจนอกสหรัฐอเมริกา (แยกจาก FTX.US) ซึ่งลงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินไม่ดีพอ ทำให้เขาประเมินสภาพคล่อง (liquidity) ผิดพลาดไป เขาคิดว่า FTX มีสภาพคล่องสูงกว่าอัตราถอนเงินของลูกค้าในวันปกติถึง 24 เท่า แต่วันที่เกิดเหตุแห่ถอนสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ จึงมีสภาพคล่องเพียง 0.8 เท่าของการถอน ไม่เพียงพอต่อการถอนเงินของลูกค้า
SBF บอกว่าเขาจะรับผิดชอบต่อเงินของลูกค้า โดยพยายามหาเงินมาเติมสภาพคล่องให้ลูกค้ากลับมาถอนเงินได้ ตอนนี้เขายังไม่สัญญาว่าจะหาเงินได้หรือไม่ แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ เงินที่ได้มาจะนำมาคืนให้ลูกค้าก่อน จากนั้นจะเป็นคิวของนักลงทุนและพนักงาน
SBF ยังบอกว่าบริษัทลงทุน Alameda Research ซึ่งเป็นอีกบริษัทของเขา (ไม่เกี่ยวข้องกับ FTX ในทางกฎหมาย แต่มีผู้ก่อตั้งคนเดียวกัน) จะหยุดเทรดบนตลาดแลกเปลี่ยน FTX และ FTX เองจะเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใส
สุดท้าย SBF ยังโพสต์ข้อความถึง "คู่แข่งรายหนึ่ง" (a particular sparring partner) ว่าเล่นเกมได้ดี คุณชนะแล้ว (well played; you won)
อย่างไรก็ตาม หลัง SBF โพสต์ว่า FTX.US ไม่ได้มีปัญหาสภาพคล่องเหมือน FTX International เว็บไซต์ของ FTX.US ก็ประกาศว่าอาจหยุดการเทรดสักหลายวัน แต่การถอนเงินยังสามารถทำได้ตามปกติ
ที่มา - CoinDesk |
# ผู้บริหารระดับสูง Twitter ลาออกชุดใหญ่ ระดับ C-level ลาออก 3 คน
ผู้บริหารระดับสูงของ Twitter ลาออกกันชุดใหญ่เมื่อคืนนี้ เท่าที่มีข่าวรายงานผ่านสื่อมีอย่างน้อย 5 คน ได้แก่
chief privacy officer
chief information security officer
chief compliance officer
head of trust and safety
sales vice president
Lea Kissner หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยข้อมูล (CISO) โพสต์ยืนยันข่าวนี้ผ่านบัญชีส่วนตัวของเขาเอง และขอบคุณทีมงานความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย ทีมไอที ที่ทำงานด้วยกันมา
ส่วน Damien Kieran ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายความเป็นส่วนตัว (chief privacy officer) ก็โพสต์ภาพคืนคอมพิวเตอร์และบัตรพนักงาน
ถึงแม้ยังไม่มีใครโพสต์เหตุผลที่ลาออก แต่ทุกคนก็คงเดากันได้ว่าเพราะอะไร
เว็บไซต์ The Verge อ้างว่าเห็นข้อความจาก Slack ของบริษัท มีพนักงานฝ่ายกฎหมายจากทีมความเป็นส่วนตัวโพสต์เอาไว้ว่า Elon แสดงให้เห็นแล้วว่าสนใจแต่เรื่องเงิน และเขาไม่เชื่อว่า Elon สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน และผู้ใช้งานในประเทศอื่นๆ ที่ทำเงินได้ยาก
ที่มา - The Verge, Bloomberg, TechCrunch |
# AMD วางตลาด EPYC รุ่นที่ 4 แกน Zen 4 อัดคอร์เพิ่มเป็น 96 คอร์ รองรับ AVX-512 เต็มตัว
AMD เริ่มวางตลาด EPYC รุ่นที่ 4 “Genoa” ตามแผนการที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ที่ประกาศออกมามีทั้งหมด 18 รุ่น จำนวนคอร์สูงสุด 96 คอร์ ทำให้ประสิทธิภาพรวมสูงกว่า EPYC รุ่นที่ 3 ที่มีจำนวนคอร์สูงสุด 64 คอร์ถึงระดับเท่าตัว
สถาปัตยกรรม Zen 4 เป็นการปรับปรุงจาก Zen 3 แต่ปรับปรุงส่วนย่อยๆ ไปอีกหลายอย่างจนสามารถรับคำสั่งต่อสัญญาณนาฬิกา (IPC) ได้เพิ่มขึ้น 14% โดยส่วนประกอบภายในเพิ่มขึ้น เช่น Op Cache, Instruction Retire Queue, INT/FP register file, micro-op cache
จุดขายอย่างหนึ่งที่ AMD นำเสนอคือ EPYC รุ่นที่ 4 นี้รองรับชุดคำสั่ง AVX-512 ได้ดีขึ้นมาก รวมถึงการรองรับตัวเลขแบบ Bfloat16 ด้วย ทำให้สามารถรันปัญญาประดิษฐ์จากตัวซีพียูได้ประสิมธิภาพค่อนข้างดี
กระบวนการเข้ารหัสแรมยังคงพัฒนาเพิ่มเติม รองรับเครื่อง guest สูงถึง 1006 เครื่องและอัพเกรดกระบวนการเข้ารหัสเป็น AES-256-XTS จากเดิมเป็น AES-128 สำหรับผู้ที่ต้องการใช้แรมปริมาณมาก ในรุ่นนี้ซีพียูรองรับการเชื่อมต่อ CXL1.1+ สำหรับการขยายแรมเพิ่มเติมไปต่อผ่านคอนโทรลเลอร์ภายนอกซีพียู แม้ว่าตัวซีพียูเองจะรองรับแรมขนาด 6TB อยู่แล้ว
ในงานเปิดตัว AMD โชว์ผลเบนซ์มาร์กหลายตัวโดยเฉพาะกลุ่ม SPEC แสดงว่าประสิทธิภาพดีกว่า Xeon Platinum รุ่นที่ 3 ระดับ 2-3 เท่าตัว เช่น SPECrate@2017 เทียบ EPYC 9554P ซ็อกเก็ตเดียวยังได้คะแนนดีกว่า Xeon 8380 แบบสองซ็อกเก็ต
ที่มา - งานแถลงข่าว AMD |
# นักวิจัยพบช่องโหว่ปลดล็อคหน้าจอมือถือ Pixel แบบไม่ต้องรู้รหัส, กูเกิลแก้แล้วในแพทช์ล่าสุด
David Schütz นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากฮังการีได้เปิดเผยช่องโหว่บนมือถือ Google Pixel ทุกรุ่น สามารถปลดล็อคหน้าจอมือถือของเหยื่อได้โดยไม่ต้องทราบรหัส ล่าสุดกูเกิลอุดช่องโหว่นี้แล้วในแพทช์ล่าสุดเดือนพฤศจิกายน
David เขียนบล็อกเล่าว่าเขาพบช่องโหว่นี้โดยบังเอิญในมือถือ Pixel 6 ส่วนตัว โดยเขาทำมือถือแบตหมดแล้วโดนถาม PIN ของซิมการ์ดตอนเปิดเครื่องซึ่งเขาจำไม่ได้และใส่รหัสผิดครบ 3 ครั้ง ทำให้ต้องใส่รหัส PUK ของซิมแทนซึ่งระบุอยู่บนซองของซิม หลังจากเขาใส่รหัส PUK ที่ถูกต้อง เครื่องก็ให้ตั้ง PIN ของซิมใหม่ แต่ตั้งเสร็จเครื่องกลับให้สแกนนิ้ว ทั้งที่ปกติ Pixel จะต้องใส่ PIN ครั้งแรกหลังบูตเครื่องเพื่อถอดรหัสดิสก์ก่อน
หลังจากนั้นเขาจึงทดลองขั้นตอนดังกล่าวซ้ำๆ เพราะสงสัยว่าเกิดจากอะไร แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาลืมรีบูตเครื่อง โดยเริ่มจากการล็อคเครื่องไว้ปกติแล้วสลับซิม ใส่รหัสซิมผิด 3 ครั้ง ใส่รหัส PUK แล้วตั้ง SIM PIN ใหม่ แต่คราวนี้เขาทะลุเข้าหน้าโฮมได้เลยโดยที่ไม่ต้องใส่รหัสเครื่องหรือสแกนนิ้วใดๆ ชมคลิปสาธิตช่องโหว่ได้ด้านล่าง
เขาระบุว่า Pixel 6 ของเขาอัพเดตแพทช์ล่าสุด ซึ่งขณะนั้นคือเดือนมิถุนายน 2022 และได้ลองทดสอบกับ Pixel 5 ก็ได้ผลแบบเดียวกัน จึงมั่นใจว่านี่คือช่องโหว่ปลดล็อคหน้าจอแน่นอน (Lock Screen Bypass) เขาจึงเข้าไปรายงานช่องโหว่นี้ผ่านโครงการ Google Bug Hunters ทันที
หลังจากรายงานช่องโหว่ไปได้ 1 เดือน ทีมงาน Android ก็ติดต่อกลับมาว่าเคยได้รับรายงานอื่นที่เหมือนกันนี้มาแล้ว และกำลังตรวจสอบอยู่ แต่หลังจากผ่านไป 2 เดือนทีมงานก็ยังระบุว่าตรวจสอบอยู่เช่นเดิม และหลังจาก 3 เดือนซึ่งตอนนั้นแพทช์เดือนกันยายน 2022 ออกมาแล้ว บั๊กนี้ก็ยังคงอยู่ ทำให้ David บอกทีมงาน Android ว่าจะเปิดเผยช่องโหว่นี้ในวันที่ 15 ตุลาคม 2022 เนื่องจากรอนานมากแล้ว โดยทีมงาน Android ได้ขอนัดประชุมกับ David ถึงแนวทางการแก้ไข ซึ่งทีมงานบอกว่าแก้ในแพทช์เดือนตุลาคมไม่ทันเพราะบิลด์และทดสอบแพทช์เดือนตุลาคมไปแล้ว และสัญญาว่าจะแก้ช่องโหว่นี้ในแพทช์เดือนพฤศจิกายน 2022 แทน ทำให้ David ตัดสินใจชะลอการเปิดเผยช่องโหว่ออกไปหลังแพทช์เสร็จสิ้น โดยเพิ่งเปิดเผยในวันที่เขียนข่าวนี้ พร้อมวิจารณ์ว่าการสื่อสารกับทีมงาน Android ค่อนข้างแย่ ไม่ค่อยอัพเดตสถานะการแก้ไข และใช้เวลาแก้นาน
นอกจากนี้ทีมงาน Android ยังบอก David ว่าปกติจะไม่ให้เงินรางวัลกับรายงานที่ส่งเข้ามาซ้ำ แต่เนื่องจากรายงานแรกที่ทีมงานได้รับไม่ชัดเจนและไม่สามารถทำซ้ำ (reproduce) ได้ จึงตัดสินใจมอบเงินรางวัล 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.6 ล้านบาท) ให้แก่ David ในฐานะที่ให้ข้อมูลชัดเจนจนทีมงานแก้ไขช่องโหว่ได้
หลังแพทช์เดือนพฤศจิกายนออกมา ช่องโหว่นี้ก็ถูกแก้ไขไปเรียบร้อย และ David ได้เข้าไปดู commit ที่แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าว พบว่าสาเหตุคือการเรียกฟังก์ชัน .dismiss() เพื่อปลดล็อคหน้าจอ โดยปกติหน้าจอล็อคของ Android สามารถ "ซ้อน" (stack) กันได้ เช่นหน้าใส่รหัส SIM PIN ก็จะซ้อนอยู่บนหน้าจอสแกนนิ้วอีกที และเวลา Android เรียกฟังก์ชัน .dismiss() ก็จะเป็นการปลดล็อคหน้าจอชั้นบนสุด เพื่อไปเจอหน้าจอชั้นถัดไป
อย่างไรก็ตาม อาจมีส่วนอื่นของระบบปฏิบัติการที่มอนิเตอร์สถานะของซิมการ์ดอยู่ด้วย และเมื่อมันตรวจพบว่าผู้ใช้ผ่านหน้าใส่รหัส PUK แล้วก็เรียกฟังก์ชัน .dismiss() เพื่อจะปลดล็อคหน้าจอ SIM PIN แต่หน้าจอ SIM PIN เองก็เรียกฟังก์ชัน .dismiss() ด้วย (ที่ตอนนี้หน้าจอล็อคชั้นบนสุดกลายเป็นการสแกนนิ้วแล้ว) หน้าจอ SIM PIN ที่ควรจะปลดล็อคหน้าจอตัวเอง กลับกลายเป็นการปลดล็อคหน้าจอการสแกนนิ้วแทนและเข้าสู่หน้าโฮมได้ในที่สุด โดยสภาวะแบบนี้เรียกว่า race condition นั่นเอง
วิธีที่ทีมพัฒนา Android แก้ช่องโหว่นี้คือการปรับฟังก์ชัน .dismiss() ใหม่โดยบังคับให้ caller ที่เรียกฟังก์ชัน .dismiss() ต้องระบุพารามิเตอร์ว่าต้องการจะปลดล็อคหน้าจอประเภทใด อย่างในเคสของ David จะเป็นการเรียก .dismiss(SecurityMode.SimPuk) เพื่อระบุว่าต้องการปลดล็อคหน้าจอ PUK เท่านั้น หากหน้าจอล็อคที่ active อยู่ในขณะนั้นเป็นหน้าจอประเภทอื่นก็ไม่ต้องทำอะไร
หากใครสนใจโครงการล่าช่องโหว่ของกูเกิล สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ และหากพบช่องโหว่ที่เข้าข่ายก็รายงานได้ที่นี่
ที่มา - bugs.xdavidhu.me |
# USD₮ หลุดการผูกค่าเล็กน้อย Tether ยืนยันไม่ได้ปล่อยให้ FTX กู้ มีเงินสำรองเต็มจำนวน
หลังตลาดคริปโต FTX มีแนวโน้มจะล้มละลาย ตลาดคริปโตก็เข้าสู่ช่วงผันผวนอีกครั้ง เหรียญ USD₮ ที่ควรจะมีค่าคงที่ 1 ดอลลาร์ก็เกิดอาการแกว่งเล็กน้อย ลดค่าลงไป 1.3% หรือมากกว่านั้นในบางตลาด
เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเบากว่าช่วงเหรียญ USD₮ ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์เพราะได้รับผลกระทบจากเหรียญ UST (และ LUNA) มาก โดยตอนนั้น USD₮ ราคาต่ำกว่าดอลลาร์ถึง 3% และราคาต่ำกว่าต่อเนื่องยาวนานจนกระทั่งมีการไถ่ถอนเงินออกไปนับหมื่นล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่วัน
ทาง Tether ผู้ออกเหรียญ USD₮ ออกมายืนยันว่าบริษัทไม่ได้ปล่อยกู้ให้กับ FTX หรือ Alameda Research จึงไม่มีความเสี่ยงใดๆ หากทั้งสองบริษัทล้มไป และเหตุการณ์ USD₮ ราคาต่ำกว่าดอลลาร์ก็เกิดขึ้นบางตลาดเท่านั้น ตลาดใหญ่ๆ ยังคงซื้อขายกันที่ใกล้ๆ 1 ดอลลาร์เช่นเดิม
ที่มา - Tether
ราคา USD₮ จากเว็บ Coinmarketcap |
# มาเร็วกว่าเรือธง Galaxy A33 5G เริ่มได้อัพเดต Android 13 แล้วในบางประเทศ
ซัมซุงเริ่มทยอยปล่อยอัพเดต Android 13 ให้มือถือหลายรุ่นแล้ว แต่ที่ผ่านมายังเป็นมือถือระดับเรือธงปีปัจจุบัน (Galaxy S22) หรือเรือธงของปีก่อนๆ (S21, S20, Note 20)
ล่าสุดมือถือที่มาแรงแซงโค้งก่อนเรือธงรุ่นอื่นๆ (เช่น ตระกูล Z Flip/Fold) คือมือถือระดับกลางค่อนไปทางล่างอย่าง Galaxy A33 5G (ราคาเปิดตัวในไทย 11,999 บาท) ที่เริ่มได้อัพเดต Android 13 แล้วในยุโรปบางประเทศ
ตามแผนการอัพเดตของซัมซุงเกาหลีใต้ที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ ระบุว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้ยังจะออกอัพเดตให้มือถืออีกหลายรุ่น ได้แก่ตระกูล Z Flip/Fold 3/4, Galaxy A53 5G และแท็บเล็ต Galaxy Tab S7/S8
ที่มา - SamMobile |
# [ลือ] Xiaomi กลับลำ MIUI 14 จะไม่มีโฆษณา ไม่มี Bloatware
มีข่าวลือมาจากเว็บไซต์ MyDrivers ของจีนว่า Xiaomi กำลังปรับทิศทางของรอม MIUI 14 ครั้งใหญ่ โดยจะไม่มีทั้งโฆษณาและโปรแกรมแถม bloatware ที่ผู้ใช้ไม่ต้องการ
ที่ผ่านมา Xiaomi ใช้ยุทธศาสตร์ขายฮาร์ดแวร์ในราคาถูกและทำกำไรจากทางอื่น ซึ่งการขายโฆษณาและขายสิทธิการแถม bloatware มาในรอมก็เป็นวิธีการหาเงินแบบหนึ่ง (ที่ลูกค้าต้องจำใจยอมรับ) แต่ระยะหลังเมื่อสภาพตลาดเปลี่ยน ตัว Xiaomi เองก็พยายามอัพเกรดแบรนด์ตัวเองให้พรีเมียมขึ้น การตัดสินใจกลับลำครั้งใหญ่ก็อาจเป็นสิ่งจำเป็น
ที่มา - MyDrivers via Notebookcheck
ภาพจาก @MIUIrom |
# Apple อัพเดต iOS 16.1.1 แก้บั๊ก Wi-Fi, ผู้ใช้ในจีนเปิด AirDrop แบบ Everyone ได้จำกัด 10 นาที
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 16.1.1 และ iPadOS 16.1.1 โดยแอปเปิลบอกเพียงเป็นการแก้ไขบั๊ก และปรับปรุงความปลอดภัยทั่วไป ซึ่งแนะนำให้ผู้ใช้งานอัพเดต ทั้งนี้บั๊กสำคัญที่คาดว่าแอปเปิลได้แก้ไขไปคือปัญหา Wi-Fi หลุดสำหรับผู้ใช้งานบางคน
ในอัพเดตนี้ยังพบการเปลี่ยนแปลง มีผลเฉพาะผู้ใช้งานในจีน โดยฟีเจอร์รับส่งไฟล์ AirDrop จะไม่สามารถเปิดโหมด Everyone (รับไฟล์จากทุกคน) ค้างไว้ได้ แต่จะเปิดได้เพียง 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งคาดว่าเป็นการร้องขอจากหน่วยงานในจีน เพื่อควบคุมการส่งต่อข้อมูล
นอกจากนี้แอปเปิลยังออกอัพเดต macOS Ventura 13.0.1 แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัย 2 รายการอีกด้วย
ที่มา: MacRumors [1], [2] และ 9to5Mac |
# Elon Musk แจ้งพนักงาน Twitter ยกเลิกการทำงานรีโมท-เตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
Bloomberg ได้รับอีเมลที่ Elon Musk สื่อสารไปยังพนักงาน Twitter ทุกคนอย่างเป็นทางการอีเมลแรก โดยบอกว่าปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ เป็นเรื่องยากสำหรับ Twitter ในเวลานี้ เนื่องจากรายได้หลักของ Twitter มาจากโฆษณา
เขายังพูดถึงการเข้าทำงานของพนักงาน โดยบอกว่าพนักงานทั้งหมดจะเข้าทำงานในสำนักงาน อย่างน้อย 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากพนักงานต้องการทำงานแบบรีโมทจะต้องได้รับการอนุมัติจากเขาเป็นกรณีไป เขาบอกว่าทางข้างหน้าของ Twitter ต้องการการทำงานที่หนักจึงจะผ่านไปได้
สุดท้ายเขาบอกว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สิ่งที่ Twitter จะให้ความสำคัญคือการตรวจจับบัญชีบอตและสแปมแบบ Verified
ที่มา: The Verge |
# Google One VPN ใช้งานได้แล้วบนวินโดวส์และแมค แต่ยังไม่มีไทย
แพ็กเกจ Google One ของกูเกิลมีบริการ VPN ให้สำหรับลูกค้าที่ใช้พื้นที่ 2TB ขึ้นไป (เฉพาะในบางประเทศ และยังไม่มีไทย)
ก่อนหน้านี้บริการ Google One VPN ใช้ได้เฉพาะบน Android แล้วค่อยขยายมายัง iOS ล่าสุดรองรับการใช้งานบนเดสก์ท็อปแล้ว ทั้งวินโดวส์และแมค รองรับ Windows 10 และ macOS 11 ขึ้นไป
การใช้งานบนเดสก์ท็อปจำเป็นต้องดาวน์โหลดแอพ VPNbyGoogleOneSetup.exe หรือ VpnByGoogleOne.dmg มาติดตั้งในเครื่องก่อน ล็อกอินด้วยบัญชีกูเกิล และเปิดใช้งาน VPN เหมือนกับแอพ VPN ทั่วไป สามารถใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ ได้สูงสุด 6 ชิ้น
ที่มา - 9to5google |
# อินเทลเปิดตัวแบรนด์ซีพียู Xeon Max และ Data Center GPU Max สำหรับศูนย์ข้อมูล
อินเทลเปิดตัวแบรนด์ซีพียูและจีพียูฝั่งศูนย์ข้อมูลคือ Intel Xeon CPU Max และ Data Center GPU Max
สินค้าทั้งสองตัวเปิดตัวมาก่อนแล้ว เพียงแต่เรียกเป็นโค้ดเนมเท่านั้นคือ ซีพียู Xeon "Sapphire Rapids" (เวอร์ชัน Max ใช้แรมแบบ HBM) และจีพียู Ponte Vecchio ชิปทั้งสองรุ่นจะเริ่มวางขายในเดือนมกราคม 2023
ทั้ง Xeon CPU Max และ Data Center GPU Max ถูกใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ของศูนย์วิจัยแห่งชาติ Argonne National Laboratory ที่กำลังสร้างอยู่ มีสมรรถนะรวม 2 exaflops และกำหนดเสร็จในปี 2023
ที่มา - Intel |
# AIS Fibre เปิดให้ลูกค้าจอง PlayStation 5 ผ่านออนไลน์วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้
AIS Fibre ประกาศเตรียมเปิดให้ลูกค้าไฟเบอร์จอง PlayStation 5 ผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้
เงื่อนไขของการเป็นลูกค้าไฟเบอร์ คือต้องใช้แพ็กเกจรายเดือนมูลค่า 799 บาทขึ้นไป โดยไม่รวมส่วนลด (หากเป็นลูกค้าใหม่ ต้องติดตั้งให้เสร็จภายใน 16 พฤศจิกายน) โดยลูกค้า 1 หมายเลขจะได้ 1 สิทธิ์ หมดเลขซื้อ 30 พฤศจิกายนนี้ หรือจนกว่าของจะหมด
ที่มา - AIS Fibre |
# ระบบยืนยันตัวตนใหม่ของ Twitter Blue ทำบัญชีปลอมที่ได้ติ๊กถูกผุดเพียบ แถมผู้ใช้แยกไม่ออก
มีบัญชีที่ได้รับการยืนยันตัวตนปลอมเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หลังจากที่ Elon Musk ได้ปรับบริการ Twitter Blue ใหม่ทำให้ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกได้ในราคา 8 ดอลลาร์ต่อเดือนและจะได้รับการยืนยันตัวตนเป็นเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าหลังชื่อบัญชี จากเดิมที่จะมีแค่เจ้าหน้าที่ของรัฐ สำนักข่าวและผู้มีชื่อเสียงเท่านั้นที่จะมีเครื่องหมายยืนยันตัวตน
ล่าสุดบัญชีที่ใช้ Twitter Blue ปลอมเป็นนักบาสเก็ตบอล LeBron James และทวิตว่าได้ออกจากทีม Los Angeles Lakers เพื่อย้ายไปอยู่ทีมอื่นแล้ว นักบาสคนอื่น ๆ ก็มีบัญชีปลอมเช่นกันอย่าง Aroldis Chapman และ Connor McDavid
การเปิดให้บุคคลทั่วไปใช้ Twitter Blue ทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสนระหว่างบัญชีจริงและปลอม ทำให้ต้องกดเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์และดูจำนวนผู้ติดตาม ซึ่งบางครั้งก็ไม่บ่งบอกอะไรไม่ได้ นอกจากนี้ บัญชีปลอมก็ยังถูกบูสต์โพสต์ด้วยอัลกอริธึมอีกด้วย
บัญชีปลอมของนักบาสเก็ตบอลได้ถูกระงับไปแล้ว แต่ก็มีปัญหาอีกตรงที่ว่าต้องเป็นโพสต์ที่คนให้ความสนใจ ผู้ดูแลเนื้อหาบน Twitter จึงจะสังเกตเห็นและเข้ามาจัดการได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการได้หมด
ก่อนหน้านี้ Elon Musk ซีอีโอของ Twitter เองก็ได้ถูกปลอมบัญชีเช่นเดียวกัน จนเขาประกาศปรับนโยบายระงับบัญชีผู้ใช้ถาวรหากมีการปลอมเป็นบุคคลอื่น แต่ดูจากล่าสุดที่มีบัญชีปลอมของนักบาสเก็ตบอล นโยบายดังกล่าวอาจไม่ได้ผลเท่าไรนัก
ที่มา: TechCrunch |
# กองทุน Sequoia เผยตัวเลขลงทุนใน FTX รวม 213.5 ล้านดอลลาร์ ตีมูลค่าเป็นศูนย์แล้ว
Sequoia Capital บริษัทลงทุนชื่อดังที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนสายเทคโนโลยี เปิดเผยจดหมายที่ส่งให้ผู้ร่วมลงทุน (limited partner) ว่า Sequioa มีการลงทุนในบริษัทคริปโต FTX สองก้อน ก้อนแรกผ่านกองทุน Global Growth Fund III (GGFIII) เป็นเงิน 150 ล้านดอลลาร์ ก้อนที่สองผ่านบริษัทในเครือ SCGE Fund อีก 63.5 ล้านดอลลาร์ เงินรวม 213.5 ล้านดอลลาร์ตอนนี้ถูกตีมูลค่าเป็นศูนย์แล้ว
Sequoia บอกว่าลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ซึ่งมีทั้งได้ผลเป็นบวกมากๆ และลบมากๆ ซึ่งกรณีของ FTX ถึงแม้ตีมูลค่าเป็นศูนย์ แต่ก็มีผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนของ Sequioa น้อยมาก คิดเป็น 3% ของกองทุน GGFIII และ 1% ของกองทุน SCGE อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่าจะทำการบ้านให้มากขึ้นต่อไป |
# ซีอีโอ Binance บอกไม่มีแผนซื้อ FTX ตั้งแต่แรก แต่ซีอีโอ FTX โทรมาขอให้ช่วย
ข่าวต่อเนื่องจาก Binance ล้มดีลซื้อ FTX เราเริ่มเห็นข้อมูลฝั่ง FTX ออกมาแล้วว่าขาดเงิน 8 พันล้านดอลลาร์และอาจต้องยื่นขอล้มละลาย
ฝั่งของ Binance ก็มีข้อมูลออกมาเช่นกัน โดย Financial Times อ้างว่าได้เห็นบันทึกของ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Binance ส่งให้พนักงานเป็นการภายใน (ก่อนประกาศล้มดีลในภายหลัง) บันทึกนี้บอกว่าการเข้าไปช่วยซื้อกิจการ FTX ไม่ใช่ชัยชนะของบริษัท (not a win) เพราะหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกจะให้ความสนใจตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตมากขึ้น และการขอใบอนุญาตจะทำได้ยากขึ้น การควบรวมจะทำให้คนยิ่งไม่ไว้ใจ Binance เพราะกลายเป็นตลาดคริปโตที่ใหญ่ที่สุด
เขายังเปิดเผยว่า Binance ไม่เคยมีแผนจะเข้าไปช่วยซื้อ FTX มาก่อน และเขาไม่รู้สถานะภายในของ FTX เลย อย่างมากได้แต่คาดเดาจากข้อมูลของ Binance เองเท่านั้นว่า FTX มีรายได้เท่าไร การเจรจาเกิดขึ้นเพราะ Sam Bankman-Fried ซีอีโอของ FTX เป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อน
ภายหลังจากการล้มดีล Changpeng Zhao โพสต์ข้อความว่าเป็นวันที่น่าเศร้า เขาพยายามช่วยแล้วแต่ไม่สำเร็จ (Sad day. Tried, but 😭)
Binance ประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการผ่านทวิตเตอร์ของบริษัทว่า ตอนแรกตั้งใจเข้าไปช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ FTX แต่หลังจากเข้าไปตรวจสอบบัญชี (due diligence) ของ FTX แล้วพบว่าสถานะร้ายแรงเกินที่ Binance ช่วยได้ จึงตัดสินใจถอนตัวออกมา
ภาพจาก Binance
ที่มา - Financial Times |
# Sam Bankman-Fried ซีอีโอ FTX บอกขาดเงิน 8 พันล้านดอลลาร์ ถ้าหาไม่ทันต้องยื่นล้มละลาย
ข่าวต่อเนื่องจากมหากาพย์วงการคริปโต Binance ประกาศล้มดีล ถอนตัวจากแผนซื้อกิจการ FTX แล้ว
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวจากนักลงทุนในบริษัท FTX ว่าได้รับการแจ้งจาก Sam Bankman-Fried ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ว่าบริษัทอาจต้องยื่นขอล้มละลาย หากไม่สามารถหาเงินสดมาช่วยได้ทัน
Sam Bankman-Fried ให้ข้อมูลกับนักลงทุนว่าตอนนี้บริษัทขาดเงินอยู่ 8 พันล้านดอลลาร์ และต้องการเงินอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์เพื่อให้อยู่รอดไปได้ ตอนนี้ FTX กำลังพยายามหาเงินเพิ่มในรูปแบบต่างๆ ทั้งการกู้และขายหุ้น
ความเคลื่อนไหวของ FTX ในรอบสัปดาห์นี้ ยังส่งผลให้หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหรัฐคือ Securities and Exchange Commission (SEC) และ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) เริ่มเข้ามาสอบสวนว่า FTX นำเงินฝากของลูกค้าไปใช้อย่างไม่เหมาะสมหรือไม่
ที่มา - Bloomberg |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.