txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# เผย Google ซื้อกิจการ Alter สตาร์ทอัพพัฒนา AI สร้างอวตาร มูลค่าดีล 100 ล้านดอลลาร์
มีรายงานว่ากูเกิลได้ซื้อกิจการ Alter สตาร์ทอัพพัฒนา AI สำหรับสร้างอวตาร โดยมีมูลค่าดีลราว 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกูเกิลยืนยันดีลซื้อกิจการดังกล่าว แต่ไม่ยืนยันมูลค่าที่ซื้อ
Alter มีชื่อเดิมต่อก่อตั้งคือ Facemoji ในตอนนั้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับให้ผู้พัฒนาเกม หรือแอปอื่น ๆ มาเชื่อมต่อกับระบบเพื่อใช้สร้างอวตาร ในช่วงแรกบริษัทมีหนึ่งในผู้ลงทุนรายสำคัญคือ Twitter ด้วย ต่อมาบริษัทจึงรีแบรนด์เป็น Alter
รายงานบอกว่ากูเกิลคาดนำเทคโนโลยีของ Alter มาเป็นเครื่องมือเสริมกับบริการต่าง ๆ ที่มีอยู่ ทั้งคอนเทนต์และเกม ซึ่งเครื่องมือ AI สร้างอวตารแนวเดียวกันนี้ มี TikTok ที่ได้รับความนิยมสูง
ที่มา: TechCrunch |
# Lego ยุติไลน์สินค้า Mindstorms แล้ว
Lego ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว ว่าจะยุติไลน์สินค้าชุด Mindstorms ที่ผู้เล่นสามารถประกอบตัวต่อหุ่นยนต์ พร้อมกับเขียนโปรแกรมสั่งการทำงานแบบอัตโนมัติได้ โดยสินค้าชุดสุดท้ายที่ยังวางขายคือ Robot Inventor จะมีขายไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนตัวแอปที่ใช้สั่งการและเขียนโปรแกรม จะซัพพอร์ตต่อไปจนถึงปี 2024
Mindstorms เป็นชุดเลโก้ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งต่อยอดมาจากชุด Technics ที่เน้นชิ้นส่วนตัวต่อกลไกซับซ้อน โดยเพิ่มส่วนประกอบเซ็นเซอร์ ตัวสั่งการทำงานอัตโนมัติ และการเขียนโปรแกรมเข้ามา
Lego ให้เหตุผลว่า Mindstorms เป็นซีรี่ส์ของเลโก้ที่ทำออกมานานแล้วในฐานะเลโก้แบบ "ประกอบและเขียนโค้ด" ซึ่งตอนนี้ Lego มีชุดสินค้าอื่นสำหรับการฝึกฝนแบบเดียวกันอย่าง SPIKE Prime และอีกหลายตัวต่อในชุด LEGO Education จึงต้องการปรับโฟกัสโดยให้ทีม Mindstorms มาร่วมดูแลส่วนนี้ด้วย
ที่มา: Gizmodo |
# นักวิจัยพัฒนาเซ็นเซอร์คลื่นแม่เหล็กใช้ตรวจหาตำแหน่งที่ท่อโลหะผุกร่อนได้ก่อนที่ท่อจะรั่ว
ในภาคอุตสาหกรรมนั้นมีการติดตั้งท่อเพื่อใช้สำหรับลำเลียงสารต่างๆ เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก การบำรุงรักษาท่อโลหะส่วนใหญ่มักเป็นไปในเชิงแก้ไข คือเมื่อมีการเสียหายผุกร่อนทำให้ท่อมีรูทะลุจนเกิดการรั่วไหลของสิ่งที่อยู่ในท่อจึงจะสามารถรู้ตำแหน่งและระดับความเสียหายของเนื้อท่อและดำเนินการแก้ไขซ่อมแซมได้
แนวทางการซ่อมบำรุงเชิงป้องกันเพื่อรักษาสภาพท่อนั้นไม่สามารถทำได้ง่ายนัก ลำพังแค่การตรวจสอบด้วยสายตาเพื่อมองหาจุดที่ท่อเริ่มเสื่อมสภาพนั้นก็ทำได้จำกัดและใช้เวลานาน เนื่องจากแนวท่อในบางจุดนั้นถูกติดตั้งในตำแหน่งที่ยากแก่การมองเห็น อีกทั้งการไล่ตรวจสอบท่อตลอดทั้งแนวนั้นอาจหมายถึงการตรวจสอบท่อยาวหลายร้อยเมตร นอกจากนี้การตรวจสอบด้วยการมองนั้นยังไม่อาจรู้ได้ด้วยหากการผุกร่อนนั้นเกิดขึ้นจากภายในท่อ
เพื่อแก้โจทย์ในการตรวจสอบสภาพท่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและสามารถทำงานเชิงรุกได้ นักวิจัยจาก Southwest Research Institute (SwRI) จึงตั้งเป้าพัฒนาอุปกรณ์เพื่อใช้ตรวจสอบหาจุดที่เกิดการผุกร่อนของท่อโลหะได้อย่างรวดเร็ว และหาให้เจอได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหายจนมีสารรั่วไหล พวกเขาได้พัฒนาเซ็นเซอร์คลื่นแม่เหล็กที่สามารถใช้เพื่อตรวจสอบแนวท่อเพื่อค้นหาจุดที่เกิดการผุกร่อนได้โดยการติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อตรวจสอบแต่ละครั้งสามารถตรวจสอบค้นหาจุดที่เกิดการผุกร่อนตามแนวท่อได้ยาวหลายเมตร
เครื่องตรวจค้นหาการผุกร่อนของท่อโลหะที่พัฒนาโดยทีมวิจัย SwRI
เครื่องมือที่ทีมวิจัยของ SwRI พัฒนาขึ้นมาพิเศษนี้ใช้เซ็นเซอร์แบบ magnetostrictive เป็นตัวค้นหาการจุดที่ท่อผุกร่อน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้สร้างเซ็นเซอร์ระบุตำแหน่งเชิงเส้น (linear encoder) ที่ใช้ในระบบเครื่องจักรอุตสาหกรรมหลายชนิด
คลิปวิดีโอด้านล่างอธิบายหลักการทำงานโดยสังเขปของเซ็นเซอร์ magnetostrictive ซึ่งจะมีการการสร้างสัญญาณพัลส์ไฟฟ้าออกจากตัวส่งสัญญาณให้วิ่งไปตามชิ้นส่วนแท่ง waveguide ที่ทำหน้าที่เป็นแนวนำคลื่นสัญญาณไฟฟ้า ทั้งนี้วัสดุที่ใช้เป็น waveguide นั้นจะต้องเป็นวัสดุ ferromagnetic นั่นคือเป็นโลหะสามารถเหนี่ยวนำได้ในทางแม่เหล็กได้ง่าย (อธิบายง่ายๆ ก็คือเป็นโลหะที่แม่เหล็กสามารถดูดติดได้นั่นเอง)
สัญญาณไฟฟ้าที่เคลื่อนตัวไปจะสร้างสนามแม่เหล็กกระจายโดยรอบในเชิงรัศมีกระจายออกไปโดยรอบแท่ง waveguide จนเมื่อมันไปเจอแม่เหล็กเป้าหมาย (ซึ่งโดยปกติแล้วแม่เหล็กชิ้นนี้จะติดอยู่กับชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้ของเครื่องจักร) ก็จะเกิดการรบกวนกันของสนามแม่เหล็ก เกิดเป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กชุดใหม่พุ่งออกไปตามแนว waveguide ทั้ง 2 ด้าน คือด้านที่ย้อนมาหาตัวส่งสัญญาณ และด้านที่วิ่งออกไปปลายทางด้านตรงข้าม
สำหรับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กที่วิ่งไปด้านตรงข้ามกับตัวส่งสัญญาณนั้นจะถูกดูดซับและระบายออก แต่สำหรับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กที่ที่วิ่งย้อนมาหาตัวส่งสัญญาณนั้น จะถูกแปลงเป็นข้อมูลเพื่อคำนวณจากเวลาที่คลื่นสะท้อนกลับมา ได้เป็นข้อมูลว่าแม่เหล็กเป้าหมายอยู่ห่างจากตัวส่งสัญญาณเป็นระยะทางเท่าไหร่
คลิปอธิบายหลักการทำงานของเซ็นเซอร์ Magnetostrictive ที่ถูกพัฒนาเป็นเซ็นเซอร์ระบุตำแหน่งชิ้นส่วนเครื่องจักร
เครื่องมือของทีมวิจัย SwRI นั้นใช้หลักการคล้ายคลึงกันกับเครื่องมือวัดตำแหน่ง (linear encoder) ดังที่อธิบายไปข้างต้น เพียงทว่าในการใช้งานเครื่องมีของทีมวิจัยนี้ วัตถุที่ถูกใช้เป็น waveguide ก็คือตัวท่อโลหะที่ต้องการตรวจสอบ ส่วนการตรวจจับคลื่นสัญญาณที่ได้จากการตรวจหาแม่เหล็กเป้าหมายนั้นก็เปลี่ยนเป็นการตรวจหาตำแหน่งของคราบออกไซด์การผุกร่อนของเนื้อท่อแทน
ตัวเครื่องมีลักษณะเป็นปลอกหุ้มท่อ บนปลอกดังกล่าวประกอบด้วยเซ็นเซอร์ magnetostrictive ติดอยู่ 8 ตัว ซึ่งแต่ละตัวจะถูกเชื่อมต่อกับวงจรแปลงสัญญาณ ทำให้ในการใช้งานจริงนั้นเซ็นเซอร์ทุกตัวจะถูกใช้งานแยกเป็นอิสระจากกัน ทั้งนี้ด้วยอัลกอริทึมที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษทำให้การแปลงผลสัญญาณของเซ็นเซอร์สาสามารถระบุตำแหน่งของการผุกร่อนในเนื้อท่อได้ว่าอยู่ตำแหน่งไหนตามแนวความยาวของท่อ และยังระบุได้ด้วยว่าจุดที่ผุนั้นอยู่ด้านไหน ทั้งนี้สามารถติดตามการแผ่ขยายของการผุกร่อนได้โดยเปรียบเทียบข้อมูลแต่ละช่วงเวลา
ทีมวิจัยพัฒนาเครื่องตรวจหาการผุกร่อนนี้มาเพื่อเน้นใช้งานกับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซเป็นหลัก ที่ซึ่งให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการป้องกันการรั่วไหลของสารภายในท่อ ตัวเซ็นเซอร์สามารถทนอุณหภูมิที่ผิวสัมผัสได้สูงถึง 200 องศาเซลเซียส โดยชุดเซ็นเซอร์นี้สามารถส่งสัญญาณไปยังหน่วยประมวลผลและแสดงค่าได้ผ่านการเชื่อมต่อทั้งแบบมีสายและไร้สาย
เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้เราน่าจะได้เห็นเซ็นเซอร์ชนิดนี้ได้รับการผลิตออกขายในเชิงพาณิชย์จริงจัง
ที่มา - InceptiveMind |
# บริษัทรถ GM หยุดซื้อโฆษณา Twitter ชั่วคราว รอดูท่าทีเจ้าของใหม่ Elon Musk คู่แข่งวงการรถ
General Motors บริษัทรถยนต์รายใหญ่ของโลก ประกาศหยุดลงโฆษณาบน Twitter ชั่วคราว เพื่อรอดูท่าทีของเจ้าของคนใหม่ Elon Musk ที่เป็นซีอีโอของค่ายรถคู่แข่ง Tesla ด้วย
GM บอกว่ายังโพสต์เนื้อหาลงโซเชียลตามปกติ แต่จะหยุดจ่ายเงินเพื่อซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มไปก่อน บริษัทแถลงว่าเป็นแนวปฏิบัติตามปกติที่จะต้องชะลอแผนการ เมื่อแพลตฟอร์มที่ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
ส่วน Ford ในฐานะคู่แข่งอีกรายในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐ ระบุว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ลงโฆษณากับ Twitter อยู่แล้ว จึงไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนใดๆ หลัง Elon Musk ซื้อกิจการสำเร็จ
ที่มา - CNBC |
# แอพ Adobe หยุดรองรับสี Pantone เพราะค่าไลเซนส์ อยากใช้ต้องจ่ายเอง 15 ดอลลาร์/เดือน
Adobe ประกาศหยุดซัพพอร์ตระบบสี Pantone Color ในแอพกลุ่ม Creative Cloud ทั้งหมด (เช่น Photoshop, Illustrator, InDesign) ด้วยเหตุผลเรื่องไลเซนส์การใช้งานสีระหว่าง Adobe กับ Pantone
หลังเดือนพฤศจิกายน 2022 แอพของ Adobe จะรองรับสีของ Pantone เหลือแค่ 3 ชุดเท่านั้นคือ Pantone + CMYK Coated, Pantone + CMYK Uncoated, Pantone + Metallic Coated
หากผู้ใช้งานยังจำเป็นต้องใช้ระบบสีของ Pantone อยู่ สามารถติดตั้งปลั๊กอิน Pantone Connect เพิ่มได้ โดยต้องเสียค่าสมาชิกรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ให้ Pantone
ที่มา - Adobe, TechRadar |
# Blizzard ขายพวงกุญแจ Overwatch ทั้งของจริงและในเกม ราคาไอเทมในเกมขายแพงกว่า
Blizzard ยุคใหม่เน้นหารายได้ทุกทาง ในเกม Overwatch 2 มีการขายไอเทมตกแต่งตัวละคร เป็นพวงกุญแจมาสค็อต Pachimari นำไปห้อยกับตัวละครในเกมได้
ความนิยมของมาสค็อตเหล่านี้ทำให้ Blizzard ทำพวงกุญแจขึ้นมาขายจริงๆ ในร้านขายของที่ระลึก Blizzard Gear Store ด้วย (รายการพวงกุญแจทั้งหมด)
สิ่งที่เป็นประเด็นขึ้นมาคือ ราคาพวงกุญแจของจริงขายบนหน้าเว็บที่ 5 ดอลลาร์ แต่ถ้าอยากซื้อพวงกุญแจแบบเดียวกันในเกม ต้องใช้เหรียญในเกม 700 เหรียญ ซึ่งแปลงมาเป็นเงินจริงราว 7 ดอลลาร์ แพงกว่าพวงกุญแจจริงๆ ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ไอเทมในเกมของ Blizzard ไม่ได้เป็น NFT และไม่สามารถขายต่อได้ด้วย
ที่มา - Reddit, IGN |
# Elon Musk จะตั้งกรรมการเนื้อหา Twitter ตัดสินใจแบน-ไม่แบนบัญชี เหมือน Facebook Oversight Board
Elon Musk ประกาศแนวทางด้านเนื้อหาของ Twitter ว่าจะตั้ง "คณะกรรมการกำกับดูแลเนื้อหา" (content moderation council) ที่มีมุมมองหลากหลาย (diverse viewpoints) มาตัดสินใจเรื่องการแบน-ไม่แบนบัญชีหรือเนื้อหาต่างๆ
แนวทางนี้เหมือนกับ Facebook ที่มี Oversight Board เป็นคณะกรรมการ 20 คน แต่งตั้งบุคคลภายนอก ทำหน้าที่ตัดสินใจเรื่องการแบนเนื้อหาประเภทต่างๆ ที่ขัดแย้ง เช่น โพสต์เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม หรือ COVID-19
ผลงานสำคัญของ Oversight Board คือตัดสินใจแบนบัญชีของ Donald Trump เป็นเวลานาน 2 ปี
หน้าตาของกรรมการ Facebook Oversight Board |
# YouTube จะแยกวิดีโอเป็น 3 หัวข้อ Shorts, Live และ Video ในหน้าของ Channel หลังมีคนร้องเรียนมาก
YouTube ประกาศอัพเดตการเปลี่ยนแปลงวิธีแสดงวิดีโอทั้งหมด ในหน้าของแต่ละ Channel บอกว่าหลังมีคนเสนอความเห็นเข้ามา จึงตัดสินใจปรับรูปแบบ เพื่อให้คนเข้ามาค้นหาคอนเทนต์ที่สนใจได้สะดวกมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ YouTube รวมวิดีโอของแต่ละ Channel ไว้ทั้งหมดในแถบเดียว ทำให้การแสดงผลรวมกันหมดทั้งวิดีโอปกติ, คลิปสั้น Shorts และวิดีโอ Live
โดยจากนี้แต่ละ Channel จะมีแถบที่เป็นวิดีโอเพิ่มมาเป็น 3 แถบหัวข้อ คือ Videos ก็คือคอนเทนต์วิดีโอปกติ, Shorts มีเฉพาะคลิปสั้น และ Live ซึ่งแสดงทั้ง Live ที่จบไปแล้ว และ Live ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะอัพเดตครบทั้งหมดในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ที่มา: YouTube Support ผ่าน 9to5Google
ตัวอย่างการแสดงแถบวิดีโอแบบเดิม ที่รวม Shorts กับ Videos ปกติในหน้าเดียวกัน |
# ซีอีโอ Telegram ประกาศปิดระบบ Paid Post บน iOS พร้อมโวยเพราะ Apple ต้องการส่วนแบ่ง 30%
Pavel Durov ซีอีโอ Telegram ออกมาเปิดศึกกับแอปเปิลอีกครั้ง หลังจาก Telegram ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ จ่ายเงินเพื่อดูโพสต์ ซึ่งพบว่าในแอปบน iOS ทาง Telegram เลี่ยงให้การจ่ายเงินเป็นการตัดบัตรเครดิตโดยตรง ไม่ได้ทำผ่านระบบ In-App Purchase ของแอปเปิล ที่หักส่วนแบ่ง 30%
Durov บอกว่าการจ่ายเงินผ่านช่องทางอื่น ทำให้ครีเอเตอร์ผู้สร้างสรรค์โพสต์นั้น ๆ ได้ผลประโยชน์สูงสุดเกือบ 100% เต็ม แต่ล่าสุดแอปเปิลได้ติดต่อมาว่าไม่ต้องการให้ใช้วิธีจ่ายเงินแบบนี้ พวกเขาต้องการให้การจ่ายเงินทำผ่านระบบของแอปเปิล ที่เราต้องจ่ายภาษี 30% ให้แอปเปิล ฉะนั้น Telegram ไม่มีทางเลือก นอกจากปิดการทำงานฟีเจอร์ Paid Post นี้ ในแอปบน iOS ทั้งหมด
เขายังชี้แจงต่อว่านี่คือตัวอย่าง ว่าบริษัทระดับล้านล้านดอลลาร์พยายามควบคุมตลาดผ่านผู้ใช้งานอย่างไร ตัวเขาเองหวังว่าหน่วยงานกำกับดูแลไม่ว่าจะ EU, อินเดีย หรือที่ไหนในโลก จะเริ่มตรวจสอบเรื่องนี้ ก่อนที่แอปเปิลจะทำลายความฝัน หยุดยั้งโอกาสของผู้ประกอบการใหม่ด้วยกำแพงภาษี 30% นี้ ทั้งนี้ครีเอเตอร์สามารถใช้ระบบ Paid Post ได้ผ่านช่องทางอื่นทั้งหมดที่ไม่ใช่ของแอปเปิล
ก่อนหน้า Durov ก็ออกมาโจมตีแอปเปิล ในประเด็นการตรวจสอบแอปขึ้น App Store ที่ล่าช้าเกินไป และไม่ชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจน
ที่มา: Telegram ของ Pavel Durov ผ่าน MacRumors |
# Twitter หยุดให้บริการ Ticketed Spaces ห้องคุยเสียงแบบเสียเงิน ไม่มีกำหนด
ก่อนหน้านี้ Twitter ทดสอบระบบ Spaces ที่ผู้ใช้งานต้องเสียเงินเพื่อเข้าฟัง เรียกว่า Ticketed Spaces ทำให้ผู้พูดสามารถต่อยอดสร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม Twitter ประกาศจะหยุดฟีเจอร์นี้แบบไม่มีกำหนด
ระบบ Ticketed Spaces นั้น Twitter จะหักเงินจากเจ้าของห้องสนทนาที่ 3% ในรายได้ส่วนที่ต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์ และหัก 20% ในส่วนที่สูงกว่านั้น
Twitter ไม่ได้ให้เหตุผลทางการที่หยุดให้บริการระบบเสียเงินดังกล่าว แต่คาดว่าเพราะไม่ได้รับความนิยมมากนัก โดย Twitter บอกเพียงจะเดินหน้าให้บริการระบบ Spaces ที่ไม่ต้องเสียเงิน ซึ่งถือเป็นบริการหลักต่อไป
ที่มา: Engadget |
# เกมสยองขวัญ The Callisto Protocol ยกเลิกเวอร์ชันญี่ปุ่น หลังเจอปัญหาเรตติ้ง
The Callisto Protocol เกมสยองขวัญไซไฟอวกาศ ที่สร้างโดยอดีตทีมงาน Dead Space (ภายใต้สตูดิโอตั้งใหม่ชื่อ Striking Distance Studios ในเครือ Krafton/PUBG) ประสบปัญหาเรื่องเรตติ้งเกมในประเทศญี่ปุ่น จนสุดท้ายต้องยกเลิกการออกเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นไป
ทีมผู้สร้างเกมประกาศใน Twitter ว่าไม่สามารถขอเรตติ้งจาก CERO หน่วยงานเรตติ้งของญี่ปุ่นได้ ทำให้ไม่สามารถวางขายเกมในญี่ปุ่นอย่างถูกกฎหมาย และตัดสินใจยกเลิกการออกเกมเวอร์ชันนี้ไป ลูกค้าที่พรีออเดอร์มาก่อนแล้วจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน
ตามข่าวบอกว่า CERO มีปัญหากับเนื้อหาบางอย่างในเกม (ไม่เปิดเผยว่าคืออะไร) และต้องการให้ผู้พัฒนานำเนื้อหาส่วนนั้นออก ซึ่งทีมงานไม่ยอม (อาจเป็นเพราะใกล้กำหนดออกขาย 2 ธันวาคมมากแล้ว) ทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยการไม่ได้รับอนุมัติเรตติ้ง
เกม The Callisto Protocol ได้เรตติ้ง M (ผู้ใหญ่อายุ 17 ปีขึ้นไป) จาก ESRB หน่วยงานเรตติ้งของสหรัฐ โดยระบุว่ามีเลือด ความรุนแรง และภาษาที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก
ที่มา - GameInformer, IGN |
# ครบ 4 ปี ไมโครซอฟท์ซื้อ GitHub รายได้แตะ 1 พันล้านดอลลาร์/ปี เคล็ดลับคือปล่อยอิสระ
วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 4 ปี ที่ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการ GitHub เสร็จสมบูรณ์
ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา GitHub เติบโตขึ้นมาก สถิติล่าสุดของ GitHub ในงานแถลงผลประกอบการของไมโครซอฟท์ คือมีผู้ใช้งาน 90 ล้านคน และทำเงินได้ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
Thomas Dohmke ซีอีโอคนปัจจุบันของ GitHub (รับตำแหน่งเมื่อ 1 ปีก่อน) ให้สัมภาษณ์ว่าความสำเร็จของ GitHub มาจากไมโครซอฟท์ให้อิสระอย่างมาก ลักษณะเดียวกับ LinkedIn ทำให้ GitHub ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองได้ตลอด เขาบอกว่าเราเห็นตัวตนของไมโครซอฟท์บน GitHub เท่าเดิมกับเมื่อก่อนซื้อกิจการ แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย
แต่ในอีกทาง ผู้บริหารของไมโครซอฟท์ก็ให้การสนับสนุน GitHub เป็นอย่างดี ไม่ลืมว่าเหตุผลที่ซื้อ GitHub คืออะไร และรักษามันไว้อย่างเดิม แรงสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ช่วยให้ GitHub มีรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งอาจไม่สำเร็จได้หากมีสถานะเป็นบริษัทอิสระ
GitHub เองยังมีนวัตกรรมใหม่มากมาย เช่น Actions, Codespaces, Copilot
ที่มา - TechCrunch, MSpoweruser |
# Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟน Galaxy A04 กล้อง 50MP ราคาในไทย 3,999 บาท
Samsung เปิดตัว Galaxy A04 สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD เป็นจอ LCD ที่มีอัตรา refresh rate อยู่ที่ 60Hz
Galaxy A04 ใช้ชิปเช็ต MediaTek P35 พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 12 บน One UI 4.1, ความจุ 32GB, แรม 3GB, กล้องหลักความละเอียด 50MP ระดับ Hi-res, กล้องหน้าความละเอียด 5MP, ใช้แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh, รองรับระบบชาร์จเร็ว 15W
สมาร์ทโฟนมี 2 สี ได้แก่ สีดำและสีเขียว วางขายในไทยแล้วในราคา 3,999 บาท
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# Mark มีร้อง, Apple จะเก็บ % จากการซื้อโฆษณาบน Facebook, เพิ่มพื้นที่โฆษณาใน App Store
Apple เปลี่ยนแปลงกฎใหม่บน Apple Store อย่างแรก คือ จะบังคับให้การซื้อโฆษณาบนแอปพลิเคชัน เช่น การซื้อบูสต์บน Facebook หรือ Instagram จะต้องชำระเงินผ่านระบบชำระเงินภายในแอปของ Apple (in-app purchase) ซึ่งหมายความแพลตฟอร์มจะถูก Apple หักค่าธรรมเนียม 30%
การซื้อผลงาน NFT ในแอปก็จะต้องใช้ระบบชำระเงินของ Apple และถูกหักค่าธรรมเนียมในอัตราเท่ากันเช่นเดียวกันซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้สร้างและขายผลงานลงในแอปที่จะมีรายได้ลดลงทำให้อาจขายผลงานในราคาที่แพงขึ้น
นอกจากนี้ Apple ยังเพิ่มพื้นที่ลงโฆษณาใน App Store ด้วย จากเดิมที่จะขึ้นโฆษณาแค่ส่วน “Suggested” ในหน้าค้นหา ตั้งแต่วันนี้จะเพิ่มโฆษณาใน “You Might Also Like” ในหน้า Today ด้วย ทำให้แอปที่อยู่คนละประเภทและไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยอาจขึ้นมาบนหน้าเดียวกัน
การเพิ่มพื้นที่โฆษณาแบบนี้ยังทำให้เกิดปัญหาแอปที่ขัดแย้งกันเอง หรือแอปคู่แข่งขึ้นมาบนหน้าเดียวกัน เช่น กรณีก่อนหน้านี้ที่มีแอปการพนันและแอปที่ช่วยให้เลิกติดการพนันขึ้นมาบนหน้าเดียวกัน ทำให้ Apple หยุดการโฆษณาแอปการพนันไปเมื่อไม่นานมานี้หลังจากมีผู้ใช้ทักท้วง ทั้งนี้ น่าจะเป็นการหยุดโฆษณาชั่วคราวเท่านั้น
การปรับเปลี่ยนกฎของ App Store ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ Apple แต่ก็ทำให้นักพัฒนาแอปได้รับผลกระทบทั้งเรื่องรายได้จากแอปที่น้อยลงและการโฆษณาจากแอปคู่แข่งอื่น ๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนักเพราะ App Store เป็นแหล่งซื้อขายแอปรายใหญ่ที่มีกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ Apple ก็ได้ขึ้นราคาค่าบริการรายเดือนของ Apple Music, Apple TV และ Apple One ไป
ที่มา: The Verge และ GSMArena |
# YouTube เริ่มติดป้ายยืนยันแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ ป้องกันข่าวปลอมด้านสุขภาพ
YouTube เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือผู้เผยแพร่ข้อมูลด้านสุขภาพลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนของแชนแนลแบบรายบุคคลแล้วในแคมเปญ YouTube Health หลังจากก่อนหน้านี้เปิดให้ยืนยันตัวตนแค่องค์กรด้านการศึกษา องค์กรด้านสุขภาพของรัฐบาล หรือโรงพยาบาลเท่านั้น หากยืนยันตัวตนผ่าน ช่องนั้น ๆ จะเป็นส่วนหนึ่งของ YouTube Heath Sources และจะมีป้ายด้านล่างวิดีโอของช่องว่าเป็นช่องที่มีใบอนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลสุขภาพ
ในขั้นตอนการยืนยันตัวตน ผู้สมัครจะต้องแสดงหลักฐานใบอนุญาตด้านสุขภาพและปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ ที่กำหนดโดยสภาสมาคมการแพทย์เฉพาะทาง สถาบันแพทยศาสตร์แห่งชาติ และองค์การอนามัยโลก
การให้ผู้เชี่ยวชาญยืนยันตัวตนเป็นความพยายามที่จะป้องกันการแอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
เพื่อเผยแพร่ข้อมูลด้านสุขภาพและการแพทย์ที่ผิด ๆ บน YouTube ซึ่งเกิดขึ้นมากโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
บุคลากรด้านสุขภาพในสหรัฐฯ สามารถสมัครยืนยันตัวตนได้แล้ว ส่วนประเทศอื่น จะขยายบริการนี้ในอนาคต
ที่มา: YouTube |
# เม็กซิโกยกเลิกระบบเวลา Daylight Saving Time ไม่ต้องปรับนาฬิกาปีละ 2 รอบ
วุฒิสภาของประเทศเม็กซิโก โหวตเห็นชอบกฎหมายยกเลิกระบบเวลาแบบชดเชยแสงอาทิตย์ (daylight saving time หรือ DST) ทำให้ไม่ต้องปรับนาฬิกาในฤดูหนาวอีกต่อไป
กฎหมายฉบับนี้ยังมีข้อยกเว้นให้เมืองที่อยู่ติดชายแดนสหรัฐอเมริกา (ที่ยังมี daylight saving time) ยังคงระบบเวลาแบบเดิมไว้ได้ เพื่อให้เข้ากันได้กับสหรัฐ
ระบบเวลาแบบ daylight saving time เริ่มใช้งานครั้งแรกในแคนาดาเมื่อปี 1908 โดยมีเป้าหมายเรื่องการประหยัดพลังงาน (ในยุคนั้น) แต่ระยะหลังก็ถูกวิจารณ์ว่าสร้างความยุ่งยากและสับสนเรื่องเวลา จนมีหลายประเทศยกเลิกไป ในสหรัฐอเมริกาเองก็กำลังมีกฎหมาย Sunshine Protection Act ที่ผ่านการโหวตของวุฒิสภาด้วยมติเอกฉันท์เมื่อต้นปี 2022 และรอเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฏรต่อไป
กฎหมายของเม็กซิโกจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคมนี้ ซึ่งชาวเม็กซิโกจะได้ปรับนาฬิกากันเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
แผนที่ประเทศที่ยังใช้ระบบ daylight saving time สีฟ้าคือซีกโลกเหนือ สีส้มคือซีกโลกใต้
ที่มา - AP |
# ไม่ต้องห่วงเขา Parag Agrawal จะได้รับเงินชดเชยที่ถูกไล่ออกจาก CEO Twitter ราว 42-60 ล้านเหรียญ
หลังจากที่ดีลเข้าซื้อ Twitter ของ Elon Musk เสร็จสิ้น และมีรายงานว่าเจ้าของใหม่ไล่ผู้บริหารออกหลายคน หนึ่งในนั้นคือ Parag Agrawal ซีอีโอ Twitter
ล่าสุดมีรายงานออกมาว่า Parag Agrawal จะได้รับเงินชดเชย 8 หลัก ตัวเลขยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่หลายสื่อรายงานว่าอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์ไปจนถึง 60 ล้านดอลลาร์ (บางรายอาจจะนับเฉพาะตัวเงิน บางรายอาจจะนับการชดเชยทางอื่น)
ทั้งนี้ Parag Agrawal เพิ่งเริ่มงานเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยได้รับเงินเดือนปีละ 1 ล้านดอลลาร์ และหากรวมค่าตอบแทนในแพ็กเกจทั้งหมด (เงินเดือน,โบนัส, หุ้น) Agrawal ได้ค่าตอบแทนเมื่อรับตำแหน่งเป็นซีอีโอราว 30 ล้านดอลลาร์
ที่มา - @JoePompliano, India Today |
# [ไม่ยืนยัน] Elon Musk เรียกวิศวกร Tesla มาประเมินโค้ดของ Twitter
มีรายงานจาก Bloomberg ว่าช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Elon Musk ได้เรียกวิศวกรของ Tesla มาตรวจสอบประเมินโค้ดของ Twitter เพื่อทำการสรุปข้อมูลให้แก่ตนเอง
บรรดาหัวฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Twitter ได้พบกับ Musk และนำโค้ดของ Twitter มาแสดงให้ดู โดยในการพบปะครั้งนี้ Musk ได้เชิญตัววิศวกรของ Tesla มาช่วยตรวจสอบโค้ดเหล่านี้ด้วยเพื่อประเมินว่าระบบของ Twitter ในตอนนี้เป็นอย่างไร มีจุดไหนที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงหรือแก้ไขอย่างไรบ้าง เพื่อสรุปข้อมูลให้ Musk ทำความเข้าใจได้ดีขึ้น
แหล่งข่าวภายในบอกแก่ Bloomberg ว่าในตอนนี้บรรดาวิศวกรของ Twitter ถูกสั่งห้ามมิให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงโค้ดของ Twitter ตั้งแต่เวลาเที่ยงวันของวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นในช่วงเวลาก่อนที่ดีลการซื้อกิจการจะบรรลุ ซึ่งนี่เป็นกระบวนการภายในที่เกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งในตอนที่มีการประกาศข่าวดีลเข้าซื้อกิจการนี้เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยตอนนั้น Twitter ได้ออกคำสั่งเป็นการภายในให้หยุดการแก้ไขปรับเปลี่ยนโค้ดของบริษัทเป็นการชั่วคราว
อย่างไรก็ตามตัวแทนของ Twitter ยังปฏิเสธที่จะยืนยันข่าวนี้แบบเป็นทางการต่อ Bloomberg
ที่มา - Bloomberg ผ่าน Intersting Engineering |
# Microsoft เตรียมปล่อยฟีเจอร์ใหม่ เปิด Hotspot มือถือจาก PC ได้เลย ใช้ได้กับ Samsung Galaxy ก่อน
Microsoft เริ่มปล่อยฟีเจอร์ใหม่บน พรีวิวของบิลด์ 25231 ให้ผู้ใช้สามารถกดเปิดใช้งาน Wi-Fi Hotspot บนสมาร์ทโฟนจากคอมพิวเตอร์ PC และแล็ปท็อปที่ใช้ระบบ Window 11 ได้เลย หากเคยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปกับสมาร์ทโฟนมาก่อนแล้ว เริ่มแรกฟีเจอร์นี้จะใช้ได้กับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy ของ Samsung ได้ก่อน
ฟีเจอร์นี้เป็นของแอปพลิเคชัน Phone Link โดยสมาร์ทโฟน Galaxy จะต้องใช้ระบบตั้งแต่ One UI 4.1.1 ขึ้นไป อย่างเช่น Galaxy Z Flip 4, Galaxy Z Fold 4, Galaxy S21 และ S22
Samsung ได้ร่วมมือกับ Microsoft มาตลอดและเป็นบริษัทแรกด้วยที่ได้ใช้ฟีเจอร์ Phone Link ทั้งนี้ ระบบ MacOS ของ Apple และ ChromeOS ของ Google ก็มีฟีเจอร์ลักษณะนี้แล้ว
ที่มา: Microsoft via Sammobile |
# London นำเทคโนโลยีใหม่ชาร์จไฟแบบไร้สายมาใช้กับรถบัสโดยสารในเมือง
Transport for London (TfL) ได้เริ่มทดลองใช้งานรถบัสเพื่อให้บริการขนส่งโดยสารสาธารณะแบบใหม่ โดยใช้รถพลังงานไฟฟ้าที่รองรับการชาร์จไฟแบบไร้สาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและลดความยุ่งยากในการก่อสร้างระบบพื้นฐาน
รถบัสโดยสารสีแดงสดใสนั้นเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์โดดเด่นของกรุง London แต่แม้สีสันภายนอกจะยังคงความเป็นเอกลัษณ์ไว้ดังเดิม หากแต่เทคโนโลยีเบื้องหลังการทำงานของมันก็ได้รับการปรับปรุงตามยุคสมัย และในยุคนี้ที่ทุกฝ่ายใส่ใจกับการใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จริงจังมากขึ้น TfL ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการระบบขนส่งสาธารณะของ London เองจึงหันมาใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ากับพาหนะเพื่อการโดยสารเป็นหลัก
รถบัสโดยสารระบบไฟฟ้าแบบใหม่ล่าสุดที่ TfL จะนำมาให้บริการ (ที่มาภาพ: Irizar)
ว่าด้วยเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าแล้วทุกวันนี้มันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ ทั้งรถบ้านขนาดเล็ก ไปจนถึงรถบรรทุกสำหรับภาคอุตสาหกรรม กระทั่งรถบัสโดยสารที่ใช้ระบบไฟฟ้าก็มีให้เห็นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สิ่งที่ TfL ทำแล้วแตกต่างจากที่อื่น คือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่รองรับการชาร์จไฟแบบไร้สายเพื่อให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งานสำหรับการเดินทางภายในเมือง
หนึ่งในเทคโนโลยีออกแบบรถบัสโดยสารภายในเมืองที่ใช้ระบบไฟฟ้าซึ่งพบเห็นได้ในเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลก เป็นการใช้รถที่รับพลังงานไฟฟ้าจากสายส่งที่ติดตั้งอยู่เหนือผิวถนนเส้นทางเดินรถ ซึ่งรถแบบนี้เรียกว่าว่า "trolleybus" เนื่องจากใช้วิธีการรับพลังงานจากสายไฟที่ติดตั้งอยู่ด้านบนคล้ายคลึงกับรถราง (tram) หากแต่ตัวยานพาหนะเองไม่ได้อาศัยรางแต่มีลักษณะเป็นรถบัสที่วิ่งบนผิวถนนเช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป โดยตัวรถบัสที่ใช้งานระบบนี้จะมี "แหนบรับไฟ" หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "pantograph" เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะถูกติดตั้งยึดไว้กับหลังคารถและมันจะสัมผัสกับสายไฟฟ้าด้านบนเพื่อรับไฟจากระบบส่งตลอดเวลาที่ยานพาหนะวิ่งไป
ภาพรถโดยสารแบบ trolleybus ในเมือง Parma ประเทศอิตาลี ซึ่งรถแบบนี้จะต้องติดตั้งแหนบรับไฟบนหลังคารถเพื่อรับพลังงานจากสายไฟด้านบน (ที่มาภาพ: Pieye Trains, CC BY-SA 4.0)
การออกแบบใช้งานระบบ trolleybus นี้มีโจทย์ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการออกแบบและก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าตามเส้นทางที่รถวิ่งให้บริการ ด้วยเหตุนี้ระบบ trolleybus จึงนิยมใช้กับระบบการเดินทางที่มีเส้นทางเดินรถที่แน่นอน และจะต้องมีสภาพถนนที่เหมาะต่อการติดตั้งระบบสายไฟฟ้า (ซึ่งจะเห็นได้ว่าระบบนี้มีการใช้กับการขนส่งภายในเมืองใหญ่เท่านั้น) ทว่าการก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้านี้ก็ตามมาด้วยข้อจำกัดเรื่องขนาดความสูงของรถที่วิ่งผ่านเส้นทางดังกล่าว, ข้อจำกัดในการก่อสร้างและติดตั้งโครงสร้างระบบอื่น รวมทั้งเรื่องทัศนียภาพ
ทั้งนี้เทคโนโลยี trolleybus ถือเป็นเทคโนโลยีระบบขนส่งมวลชนที่มีการใช้งานมานานหลายสิบปี ซึ่ง TfL เองเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มนำเทคโนโลยี trolleybus มาให้บริการผู้คนตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
ภาพรถบัสโดยสารแบบ trolleybus ในอังกฤษเมื่อปี 1966 (ที่มาภาพ: Alan Murray-Rust, CC BY-SA 2.0)
นอกเหนือจากเทคโนโลยี trolleybus การใช้รถบัสไฟฟ้า fully electric ที่มีแบตเตอรี่ในตัวแล้วอาศัยการชาร์จไฟแบบเสียบสายชาร์จแบบเดียวกับรถบ้าน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและผู้พัฒนาระบบชาร์จไฟก็พยายามออกแบบเทคโนโลยีให้เหมาะกับรถยนต์ขนาดใหญ่มากขึ้น ตัวอย่างเช่นการพยายามสร้างมาตรฐานชาร์จไฟแบบ MCS (Megawatt Charging System) ซึ่งเน้นการชาร์จไฟด้วยกำลังงานสูง อย่างไรก็ตามข้อเสียเปรียบของการใช้งานยานยนต์นี้คือเรื่องระยะเวลาในการชาร์จไฟต่อครั้ง ซึ่งปัจจุบันนี้ TfL เองก็มีรถบัสไฟฟ้าแบบมีแบตเตอรี่ในตัวที่จะต้องจอดชาร์จไฟแบบนี้ให้บริการอยู่แล้ว โดยจะต้องชาร์จไฟข้ามคืนเพื่อเตรียมให้บริการในแต่ละวัน
ทั้งนี้ TfL ได้เริ่มนำรถบัสแบบ fully electric มาให้บริการหลายร้อยคันในช่วง 2-3 ปีมานี้ โดยมีรถจากผู้ผลิตหลายราย อาทิ BYD, Equipmake and Beulas, Abellio
รถบัสแบบ fully electric ที่ TfL นำมาให้บริการในปี 2020 (ที่มาภาพ: TfL Newsroom)
TfL ยังคงพยายามนำเอาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่มาใช้งาน และที่เริ่มนำมาทดสอบให้บริการในตอนนี้เป็นรถบัสโดยสาร 2 ชั้นที่พวกเขาเรียกว่า "pantobus" ซึ่งเป็นรถบัสที่มีรูปร่างลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับรถ trolleybus ที่ให้บริการอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ารถ pantobus นี้มีแบตเตอรี่ในตัวจึงไม่ต้องอาศัยการติดตั้งสายไฟฟ้าเหนือเส้นทางเดินรถ ตัวมันจะรับพลังงานผ่านการชาร์จที่จุดชาร์จซึ่งปัจจุบันถูกติดตั้งไว้ที่โรงรถของ TfL ในการชาร์จไฟนั้น อุปกรณ์ของสถานีชาร์จจะมีแหนบจ่ายไฟที่ยืดลงมานาบกับแผงรับไฟที่ติดตั้งไว้บนหลังคาของ pantobus และใช้วิธีการชาร์จแบบไร้สายซึ่งตัวนำไฟฟ้าไม่ได้สัมผัสกันโดยตรง แต่อาศัยการเหนี่ยวนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งพลังงาน
การชาร์จไฟรถ pantobus ในแต่ละครั้งอาจใช้เวลาแค่เพียง 10 นาที สามารถชาร์จไฟให้เพียงพอต่อการวิ่งเป็นระยะทางราว 30 กิโลเมตร ซึ่งก็อยู่ในวิสัยที่ TfL สามารถบริหารจัดการให้สอดคล้องกับตารางเวลาเดินรถได้
ระบบชาร์จไฟแบบ pantobus นันไม่เพียงถูกออกแบบมาให้ชาร์จไฟในเวลาสั้นๆ แต่ยังทำให้พนักงาน TfL ไม่ต้องลงจากรถมาเพื่อเสียบสายชาร์จไฟ (ซึ่งมีความหมายยิ่งขึ้นหากคำนึงถึงช่วงเวลาที่สภาพอากาศไม่ดีนัก) ซึ่งแม้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่การลดความยุ่งยากและลดขั้นตอนการทำงานในจุดเล็กๆ เช่นนี้ก็มีผลส่งเสริมเรื่องลดการเสียเวลาในการให้บริการ โดย TfL ได้เริ่มนำรถแบบ pantobus นี้มาวิ่งให้บริการในเส้นทางเดินรถสาย 132 จำนวน 18 คัน ซึ่งตัวรถผลิตโดย BYD ในขณะที่อุปกรณ์จุดชาร์จนั้นพัฒนาโดย ABB
รถโดยสารแบบ pantobus ที่เริ่มให้บริการในเส้นทางเดินรถ 132
นอกเหนือจากรถแบบ pantobus ที่ว่ามาแล้ว TfL ยังเริ่มทดลองให้บริการรถบัสอีกหนึ่งแบบซึ่งเป็นแบบใหม่ล่าสุดที่พวกเขาเรียกว่าเป็นรถแบบ "trambus" ซึ่ง TfL ได้นำเอารถจาก Irizar ผู้ผลิตรถจากประเทศสเปนมาทดลองวิ่ง โดยรถแบบ trambus นี้เป็นรถบัสชั้นเดียวที่มีตัวรับการชาร์จไฟติดตั้งไว้บนหลังคารถเช่นเดียวกับ pantobus
สิ่งที่ trambus แตกต่างจาก pantobus นั้นก็คือตัวรถที่มีรุ่นที่ลักษณะคล้ายรถพ่วงซึ่งประกอบด้วยตู้โดยสารมากกว่า 1 ตู้ ซึ่งดูเผินๆ แล้วก็คล้ายคลึงกับรถราง (tram) จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า "trambus" นั่นเอง โดย TfL จะเริ่มนำเอารถแบบ trambus มาวิ่งให้บริการในเส้นทางเดินรถสาย 358
ระบบการชาร์จไฟของรถ trambus ที่จะมีแหนบจ่ายไฟของเสาชาร์จยืดลงมาชาร์จไฟแบบไร้สายให้กับตัวรถ (ที่มาภาพ: Irizar
เรียกได้ว่า TfL พยายามผลักดันการเปลี่ยนแปลงนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในแต่ละยุคสมัยมาใช้งานเพื่อให้บริการขนส่งมวลชนมาอย่างยาวนานและน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีในหลายด้านแก่องค์กรภาครัฐในเรื่องการพยายามปรับปรุงระบบการให้บริการเพื่อประชาชน
ที่มา - Transport for London ผ่าน Interesting Engineering, MyLondon - 1, 2, Bromley Liberal Democrats |
# Telegram ทดสอบฟีเจอร์จ่ายเงินเพื่อดูโพสต์ แต่ไม่ใช้ระบบ in-app purchase
นักวิเคราะห์สายโซเชียลมีเดีย Matt Navarra สังเกตเห็นฟีเจอร์ใหม่และโพสต์ลงใน Twitter ว่าช่อง Telegram บางช่องสามารถใช้ฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ต้องชำระเงินจึงจะดูโพสต์ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม Telegram ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ จึงน่ายังอยู่ในช่วงทดลองอยู่เท่านั้น
สิ่งสำคัญ คือ แม้ว่าฟีเจอร์จ่ายเงินเพื่อดูโพสต์จะเปิดทดลองในแอปพลิเคชันบนระบบ iOS แต่ Telegram กลับให้ตัดบัตรเครดิตโดยตรงแทนที่จะใช้ระบบจ่ายเงินภายในแอปของ Apple ซึ่งถือว่าผิดนโยบายของ Apple ซึ่งดูเหมือนว่า Telegram จะพยายามหลีกเลี่ยงการโดนหักค่าคอมมิชชัน 30% จากฝั่ง Apple
ประเด็นจากที่ Apple บังคับให้ใช้ระบบการชำระเงินของตัวเองก็มีมาตลอด อย่างกรณีเกาหลีใต้ที่ออกกฎหมายจน Apple ต้องยอมเปิดให้จ่ายเงินด้วยวิธีอื่นแทนบน App Store
ก่อนหน้านี้ Telegram ก็ได้พยายามหารายได้ด้วยการเปิดให้สมัครสมาชิก Premium ที่ต้องเสียค่าบริการเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์เพิ่มเติมด้วย
ที่มา: Twitter @MattNavarra via 9to5Mac |
# Tailscale เริ่มให้บริการ SSH ผ่านเว็บ คอมไพล์ทั้ง Wireguard และ SSH ไปรันบน WebAssembly
Tailscale ผู้ให้บริการควบคุมการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ผ่าน Wireguard ปรับปรุงฟีเจอร์ Tailscale SSH ให้สามารถใช้งานในเบราว์เซอร์ได้โดยตรง เหมือนกับหน้าคอนโซลของผู้ให้บริการคลาวด์จำนวนมากที่เปิดให้ลูกค้าเข้าควบคุมเครื่องจากในเบราว์เซอร์ แต่ความต่างของ Tailscale คือมันไม่ได้เป็นเพียงการนำหน้าจอเทอร์มินัลมาแสดงบนเว็บเท่านั้นแต่อาศัยการรันซอฟต์แวร์ทั้งหมดในเบราว์เซอร์ผ่าน WebAssembly โดยตรง
ทาง Tailscale พอร์ตชุดซอฟต์แวร์แบบเดียวกับที่ใช้งานในไคลเอนต์ปกติ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ของ Tailscale เอง, Wireguard, ชุดเน็ตเวิร์ค, และ SSH จากนั้นเมื่อล็อกอินแล้ว Tailscale จะสร้างกุญแจยืนยันตัวตนชั่วคราว (ephemeral auth key) โหลดเข้าไปในไคลเอนต์ในเบราว์เซอร์
โครงการนี้เริ่มจาก Brad Fitzpatrick ทดลองพอร์ต Wireguard เข้าไปรันใน WebAssembly ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ค และตอนนี้เองก็กำลังปรับปรุงเรื่องขนาดไบนารีให้เล็กลง
ที่มา - Tailscale |
# Musk ปิดดีลทวิตเตอร์แล้ว คำสั่งแรกคือไล่ CEO และ CFO ออก
Elon Musk ปิดดีลซื้อ Twitter เรียบร้อยด้วยมูลค่า 4.4 หมื่นล้านเหรียญ หลังมีเรื่องราวดราม่าสารพัดมาหลายเดือน โดยคำสั่งแรกของ Musk คือการไล่ผู้บริหารเก่าหลายคน เช่น Parag Agrawal ซีอีโอ และ Ned Segal ซีเอฟโอออก
เมื่อคืน Musk โพสต์ทวีตเปิดเผยว่า สาเหตุที่ซื้อเพราะต้องการ สร้างลานคนเมืองดิจิทัล และไม่ได้ต้องการเงินเพิ่ม แต่ต้องการช่วยมนุษยชาติ ขณะเดียวกันก็มีรายงานด้วยว่า เมื่อวานที่เขาไปเยือนสำนักงานใหญ่ Twitter เขาได้พาวิศวกรของ Tesla ไปช่วยตรวจดูโค้ดของ Twitter ด้วยว่าบริษัทยังขาดอะไรอีก
ที่มา - The New York Times, Bloomberg |
# สิ้นยุคสมัย แอพ Preview ใน macOS Ventura ไม่รองรับการเปิดไฟล์ PostScript แล้ว
ประเด็นเล็กๆ ที่น่าสนใจของระบบปฏิบัติการ macOS 13 Ventura คือแอพ Preview ที่อยู่คู่ macOS มานานตั้งแต่ยุค NEXTSTEP ไม่รองรับการอ่านไฟล์นามสกุล PostScript (.ps) และ Encapsulated PostScript (.eps) ซะแล้ว
แอปเปิลระบุว่า Ventura ยังสามารถสั่งพิมพ์ .ps/.eps ได้ด้วยการลากไฟล์ไปใส่คิวพรินเตอร์ แต่ไม่รองรับการดูไฟล์โดยตรงแล้ว ซึ่งแอปเปิลแนะนำให้ติดตั้งแอพจัดการ .ps/.eps ตัวอื่นแทน
PostScript เป็นไฟล์สำหรับนิยามข้อมูลเอกสาร สร้างขึ้นโดย Adobe ตั้งแต่ปี 1982 (อายุ 40 ปีแล้ว) ในยุคที่คอมพิวเตอร์กราฟิกและเครื่องพิมพ์เลเซอร์กำลังเริ่มต้น แอปเปิลในยุคนั้นออกเครื่องพิมพ์ LaserWriter ในปี 1985 และเลือกใช้ไฟล์ PostScript เป็นฟอร์แมตสำหรับเอกสารที่ใช้พิมพ์
แอปเปิลไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงหยุดรองรับ PostScript แต่เป็นไปได้ว่าในในยุคหลังๆ ที่ฟอร์แมตเอกสารแบบอื่นๆ โดยเฉพาะ PDF ได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้ใช้ PostScript ลดลงไปมาก ทำให้แอปเปิลตัดสินใจหยุดรองรับไปในที่สุด
ภาพหน้าจอ macOS Ventura
ที่มา - Apple, MacRumors |
# Netflix ประกาศวันฉายซีรีส์อนิเม Sonic Prime วันที่ 15 ธันวาคม 2022
Netflix ประกาศวันฉายซีรีส์แอนิเมชัน Sonic Prime จากเกม Sonic the Hedgehog ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้
Sonic Prime เป็นซีรีส์แอนิเมชัน 3D ล้วนๆ ไม่ได้มีคนแสดงร่วมด้วยเหมือนภาพยนตร์ Sonic ที่ฉายในโรง ทำให้มีตัวละครและงานภาพที่เหมือนกับวิดีโอเกมกว่าฉบับภาพยนตร์มาก มีตัวละครจากเกมอย่าง Knuckles, Tales, Amy Rose, Rouge อย่างครบถ้วน
ซีรีส์มีความยาวทั้งหมด 24 ตอน สร้างโดยสตูดิโอ WildBrain Studios ในแคนาดา ที่เคยมีผลงานการ์ตูนหลายเรื่อง เช่น The Snoopy Show, Carmen Sandiego, Ninjago, Fireman Sam เป็นต้น
ฝั่ง Sega เองก็กำลังจะออกเกมภาคใหม่คือ Sonic Frontiers แนวโอเพนเวิลด์ ในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้
ที่มา - Eurogamer |
# Fedora 37 เลื่อนวันออก เพราะรอแพตช์ความปลอดภัย OpenSSL ระดับวิกฤต
โครงการ Fedora ประกาศเลื่อนการออก Fedora 37 เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากช่องโหว่ระดับวิกฤตของ OpenSSL ที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะในวันอังคารหน้า ทำให้ทีม Fedora ตัดสินใจรอแพตช์ OpenSSL ให้เรียบร้อยก่อนออกเวอร์ชัน 37 ตัวจริง (เดิมมีกำหนดออก 8 พฤศจิกายน)
ทีม Fedora บอกว่าตอนนี้ยังไม่รู้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าช่องโหว่ OpenSSL ร้ายแรงแค่ไหน แต่การที่ระดับของช่องโหว่เป็น critical ทำให้ทีมงานตัดสินใจรอแพตช์ก่อน เพื่อลดผลกระทบของการใช้ดิสโทรที่มีช่องโหว่ติดไปด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจเลือกระหว่างเวลา-คุณภาพ
เบื้องต้นทีมงานคาดว่าจะออก Fedora 37 ในวันที่ 15 พฤศจิกายน แต่ก็ต้องรอข้อมูลแพตช์อีกครั้ง
ที่มา - Fedora |
# Apple อัพเดต iOS 15.7.1 และ iPadOS 15.7.1 สำหรับคนยังอยู่กับ iOS 15 แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัย
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 15.7.1 และ iPadOS 15.7.1 สำหรับผู้ใช้ iPhone และ iPad รุ่นเก่าที่ไม่สามารถอัพเดตเป็น iOS 16 หรือ iPadOS 16 ได้ อัพเดตนี้ยังรองรับสำหรับผู้ใช้งานที่ยังไม่ต้องการอัพเดตเป็น iOS 16 ในตอนนี้ด้วย
การอัพเดตสามารถทำได้โดยไปที่ Settings > General แล้วเลือก Software Update
อัพเดตนี้เป็นการแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยมากกว่า 10 รายการ รวมทั้งช่องโหว่ระดับเคอร์เนลที่แอปเปิลระบุว่ามีการโจมตีแล้ว จึงแนะนำผู้ใช้งาน iOS 15 และ iPadOS 15 ให้อัพเดตโดยเร็วที่สุด
ที่มา: MacRumors |
# Apple ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมยังโต 8%, iPhone และ Mac ยอดขายเติบโตสูง
แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2022 ยอดขายรวม 90,146 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็นสถิติสูงสุดของไตรมาส และมีกำไรสุทธิ 20,721 ล้านดอลลาร์
รายได้แยกตามกลุ่มสินค้า iPhone เพิ่มขึ้น 10% เป็น 42,626 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากเริ่มขาย iPhone 14 ในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ Mac เพิ่มขึ้นถึง 25% เป็น 11,508 ล้านดอลลาร์ iPad ลดลง 13% เป็น 7,174 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจ Services เพิ่มขึ้น 5% เป็น 19,188 ล้านดอลลาร์
ข้อมูลอื่นเพิ่มเติมในช่วงแถลงผลประกอบการมีดังนี้
หลายประเทศมียอดขายที่เติบโตสูงทำสถิติใหม่ เช่น อินเดีย ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และเม็กซิโก
ยอดขาย Mac ทำสถิติสูงสุดในไตรมาส เนื่องจาก MacBook Air และ MacBook Pro M2 รวมทั้งเริ่มส่งมอบสินค้าที่คำสั่งคงค้างจากไตรมาสก่อนหน้า
iPhone 14 Pro และ Pro Max ยังคงผลิตไม่ทันความต้องการ และต่อเนื่องในไตรมาสปัจจุบัน
iPad ที่ยอดขายลดลง เนื่องจากปีที่แล้วรุ่นใหม่ขายเดือนกันยายน ตัวเลขเปรียบเทียบจึงสูง แต่ปีนี้รุ่นใหม่เริ่มขายตุลาคม
การขึ้นราคา Apple Music เนื่องจากค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ฉะนั้นราคาที่เพิ่มนี้ศิลปินก็ได้เงินมากขึ้นด้วย ส่วน Apple TV+ ขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนคอนเทนต์ที่มีมากขึ้น
ที่มา: แอปเปิล และ MacRumors |
# Amazon ไตรมาส 3/2022 รายได้รวมยังเติบโต บริษัทระบุจะควบคุมค่าใช้จ่ายมากขึ้น
Amazon รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 127,101 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นยอดขายในอเมริกา 78,843 ล้านดอลลาร์ (+20%) ต่างประเทศ 27,720 ล้านดอลลาร์ (-5%) และ AWS 20,538 ล้านดอลลาร์ (+27%) มีกำไรสุทธิ 2,872 ล้านดอลลาร์
Andy Jassy ซีอีโอ Amazon กล่าวในแถลงผลประกอบการว่าแม้อยู่ในปัญหาเศรษฐกิจที่ผันผวน แต่การตอบรับของลูกค้ายังเป็นไปในทิศทางที่ดี ขณะเดียวกัน Amazon ก็มีการปรับต้นทุนในการดำเนินงานให้เหมาะสมขึ้น โดยยังคงเดินหน้าการลงทุนในระยะยาวเพื่อรองรับอนาคตต่อไป
ด้านซีเอฟโอ Brian Olsavsky บอกว่าบริษัทลดค่าใช้จ่ายการลงทุนไปแล้ว 1 ใน 3 ภายในปีนี้ หลังจากสองปีที่ผ่านมามีการขยายศูนย์กระจายสินค้าไปจำนวนมากเพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 โดยจากนี้จะเข้าสู่โหมดรัดเข็มขัด ชะลอการรับพนักงานใหม่
ที่มา: Amazon และ CNBC |
# Intel ไตรมาส 3/2022 รายได้และกำไรลดลง - บริษัทเดินหน้ากลยุทธ์ IDM 2.0
อินเทลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 มีรายได้รวมตามบัญชี GAAP 15,338 ล้านดอลลาร์ ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,019 ล้านดอลลาร์ ลดลงมากจากค่าใช้จ่ายพิเศษ 664 ล้านดอลลาร์ในการปรับโครงสร้างองค์กร
ซีอีโอ Pat Gelsinger กล่าวว่าท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดีนัก อินเทลยังมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนในไตรมาส จากนี้บริษัทจะควบคุมต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ในทุกส่วนของธุรกิจ เพื่อรองรับกลยุทธ์ IDM 2.0
รายได้จากกลุ่ม Client Computing ที่มีสินค้าเกี่ยวของกับพีซีเป็นหลัก ลดลง 17% เป็น 8,124 ล้านดอลลาร์ อินเทลระบุว่าปัจจัยหลักมาจากคำสั่งซื้อภาคการศึกษาที่ลดลง ส่วนกลุ่ม Datacenter และ AI ลดลง 27% เป็น 4,209 ล้านดอลลาร์
ที่มา: อินเทล |
# Samsung ไตรมาส 3/2022 รายได้โตเล็กน้อย กำไรลดลงเยอะจากธุรกิจหน่วยความจำ
ซัมซุงรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ยอดขายรวม 76.78 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็นสถิติสูงสุดของยอดขายในไตรมาสที่ 3 มีกำไรจากการดำเนินงานลดลง 23% เป็น 10.85 ล้านล้านวอน และมีกำไรสุทธิ 9.39 ล้านล้านวอน
ซัมซุงระบุว่าธุรกิจหน่วยความจำ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ภาพรวมมีกำไรที่ลดลง เนื่องจากการปรับคำสั่งซื้อของลูกค้าส่งผลต่อสินค้าคงคลัง และความต้องการสินค้ายังมีแนวโน้มที่ลดลง เช่นเดียวกับธุรกิจ LSI ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของลูกค้าสมาร์ทโฟนและทีวีที่ลดลง ส่วนธุรกิจ Foundry มีกำไรเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงยิลด์
ส่วนธุรกิจสมาร์ทโฟนยอดขายปรับเพิ่มเล็กน้อย จากยอดขายสมาร์ทโฟนซีรี่ส์ S, สมาร์ทโฟนจอพับ และนาฬิกา
ที่มา: ซัมซุง |
# Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 12 Series รุ่นท็อปสุด กล้อง 200MP ชาร์จเร็ว 210W
Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟน Redmi Note 12 Series ในประเทศจีน มีมือถือเปิดตัวทั้งหมด 4 รุ่นย่อย เรียงตามราคาจากแพงไปถูก ดังนี้
Redmi Note 12 Discovery Edition ราคา 2,399 หยวน (12,600 บาท)
Redmi Note 12 Pro+ ราคาเริ่มต้น 2,199 หยวน (11,500 บาท)
Redmi Note 12 Pro ราคาเริ่มต้น 1,699 หยวน (8,900 บาท)
Redmi Note 12 5G ราคาเริ่มต้น 1,199 หยวน (6,300 บาท)
มือถือรุ่นท็อปสองตัวคือ Discovery Edition และ Pro+ ใช้เซ็นเซอร์กล้อง Samsung HPX ความละเอียด 200MP, กระจกเลนส์ 7 ชิ้น มีกันสั่น OIS, รองรับการถ่าย 3 ความละเอียดคือ 200MP, 50MP, 12.5MP ส่วนรุ่น Pro ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 50MP มี OIS นอกจากนี้ยังมีกล้อง 8MP ultrawide และ 2MP macro
รุ่นท็อปสุด Discovery Edition ยังได้ฟีเจอร์ชาร์จเร็ว 210W สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4,300 mAh เต็มภายในเวลา 9 นาที ทาง Xiaomi บอกว่าเบื้องหลังใช้ชิปชาร์จเร็ว 100W จำนวน 3 ตัว วางกระจายกันเป็นรูปปีกนกเพื่อลดความร้อน และใช้เทคนิคด้านวัสดุอีกหลายอย่างช่วยให้ชาร์จเร็วระดับนี้ได้
ส่วนรุ่น Pro+ ใช้ชิปชาร์จ Xiaomi Surge P1 รองรับการชาร์จเร็ว 120W มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 5,000mAh, รุ่น Pro ชาร์จเร็ว 67W แบตเตอรี่ 5,000 mAh, รุ่น 12 5G ชาร์จเร็ว 33W แบตเตอรี่ 5,000 mAh
สเปกอื่นๆ คือ หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 1080 (รุ่น Discovery/Pro+/Pro) และ Snapdragon 4 Gen 1 Mobile (รุ่น 12 5G ไม่ Pro), ทุกรุ่นใช้หน้าจอขนาด 6.67" OLED 120Hz เท่ากันหมด, ระบบปฏิบัติการเป็น MIUI 13 บน Android 12
ตอนนี้ Redmi Note 12 Series ยังวางขายในจีนที่เดียว ส่วนรุ่น Global ต้องรอประกาศกันต่อไป
ที่มา - Xiaomi |
# Elon Musk อธิบายเหตุผลที่ซื้อ Twitter ต้องการสร้าง "ลานคนเมืองดิจิทัล" ให้คนคิดต่างมาถกเถียง
Elon Musk โพสต์อธิบายเหตุผลที่เขาซื้อ Twitter อย่างละเอียด ว่าเหตุผลหลักคือเขาต้องการสร้าง "ลานคนเมืองดิจิทัล" (a common digital town square) เพื่อให้คนที่มีความคิดแตกต่างกันได้มาถกเถียงกันในพื้นที่ตรงกลาง ลดความจำเป็นในการใช้ความรุนแรงเมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน
Musk บอกว่าสิ่งนี้จำเป็นต่ออารยธรรมของมนุษย์ (it is important to the future of civilization) และทิศทางของโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน เริ่มแยกสาขาเป็นบริการสำหรับแนวคิดฝ่ายซ้ายสุดและขวาสุด เกิดภาวะ echo chamber ที่คุยกันเองเฉพาะกลุ่ม ยิ่งสร้างความเกลียดชังและความแตกแยกในสังคมเข้าไปอีก
เขาบอกว่าไม่ได้ซื้อ Twitter เพราะคิดว่ามันง่าย ไม่ได้ทำเพื่อต้องการเงินเพิ่ม แต่ต้องการช่วยเหลือมนุษยชาติ เขายอมรับว่าภารกิจนี้ไม่ง่าย และมีโอกาสล้มเหลวสูง |
# Surface Duo 1 และ 2 ได้อัพเดตเป็น Android 12L แล้ว
Surface Duo อุปกรณ์มือถือจอพับของไมโครซอฟท์ที่หลายคนลืมชื่อไปแล้ว กำลังจะได้อัพเดตระบบปฏิบัติการเป็น Android 12L ตามที่ไมโครซอฟท์สัญญาไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 (ได้อัพเดตพร้อมกันทั้ง Surface Duo 1 และ Surface Duo 2)
ของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ ระบบธีมแบบไดนามิกของ Android 12, การจัดการหน้าจอใหญ่ที่ดีขึ้นของ Android 12L, หน้าตาธีม ไอคอน ภาพพื้นหลังชุดใหม่ ที่ปรับให้คล้าย Windows 11 มากขึ้น และฟีเจอร์การกดปุ่มที่ปากกา Surface Slim Pen 2 แล้วเรียกเมนูช็อตคัตของแอพปากกาขึ้นมาบนหน้าจอ
Surface Duo ถือเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับความสนใจจากไมโครซอฟท์เท่าไรนัก และถูกวิจารณ์เรื่องการออกอัพเดตที่ล่าช้ามาตลอด และถ้าเทียบกับจักรวาลของไมโครซอฟท์เอง Windows Subsystem for Android ได้ Android 12L ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และกำลังจะได้อัพเดตเป็น Android 13
ที่มา - Microsoft |
# ญี่ปุ่นจะอนุญาตให้บริษัทจ่ายเงินเดือนพนักงานผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลได้ในปีหน้า
รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นได้ประกาศข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่าตั้งแต่เดือนเมษายนปีหน้าเป็นต้นไปบริษัทต่างๆ จะสามารถจ่ายค่าจ้างให้แก่พนักงานผ่านระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น PayPal หรือ Rakuten Pay ได้ ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมการใช้จ่ายแบบไม่ใช้เงินสด
ระบบนี้จะมีการจำกัดวงเงินสูงสุดของกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้ที่ 1 ล้านเยน (ประมาณ 260,000 บาท) ซึ่งพนักงานผู้ที่รับค่าจ้างผ่านช่องทางนี้สามารถใช้เงินในกระเป๋าดิจิทัลเพื่อการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการโดยตรงก็ได้ หรือจะโอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารก็ได้ หากบริษัทมีการโอนเงินเค่าจ้างเข้ามายังกระเป๋าเงินดิจิทัลเกินวงเงิน 1 ล้านเยน ทางผู้ให้บริการกระเป๋าเงินมีหน้าที่ต้องโอนเงินส่วนที่เกินไปยังบัญชีธนาคารของผู้ใช้
สาเหตุที่มีการกำหนดวงเงินสูงสุดของระบบจ่ายค่าจ้างผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลนี้ มาจากข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยของเงิน เนื่องจากเงินในระบบนี้ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับความคุ้มครองระบบประกันเงินฝากแบบที่คุ้มครองเงินในบัญชีเงินฝากของธนาคาร ซึ่งญี่ปุ่นมีการคุ้มครองเงินฝากสูงสุด 10 ล้านเยน หรือประมาณ 2.6 ล้านบาท (ส่วนของไทยนั้นมีการคุ้มครองเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารสูงสุด 1 ล้านบาท)
คาดกันว่ากฎหมายนี้จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนปีหน้า แต่กว่าที่ระบบต่างๆ จะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มมีการใช้งานจริงอาจต้องใช้เวลาหลังจากนั้นหลายเดือน ทั้งนี้บริษัทที่จะจ่ายค่าจ้างผ่านช่องทางนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานด้วย
หลังจากนี้จะมีการประเมินคุณสมบัติของผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลรายต่างๆ โดยมีข้อกำหนดเพื่อคุ้มครองเงินของผู้ใช้บริการที่ระบุว่าผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลจะต้องชดใช้เงินให้แก่เจ้าของกระเป๋าเงินดิจิทัลหากเกิดกรณีที่มีการโอนเงินผิดพลาดหรือมีเหตุให้ต้องเลิกกิจการ เช่น การล้มละลาย
ที่มา - The Japan Times |
# เบื้องหลัง Python 3.11 เร็วขึ้น Guido ขอไมโครซอฟท์ตั้งทีมงาน 6 คนพัฒนาเต็มเวลา
สัปดาห์นี้โครงการ Python ออกเวอร์ชั่น 3.11 โดยหนึ่งในฟีเจอร์สำคัญคือความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 10-60% ในแต่ละชุดการทดสอบ โดยโครงการ Faster CPython นี้เกิดขึ้นได้โดยมีไมโครซอฟท์เป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญ
Guido van Rossum ผู้สร้างภาษา Python เข้าทำงานกับไมโครซอฟท์ตั้งแต่ปลายปี 2020 โดยตอนแรกยังบอกว่าไม่แน่ใจว่าจะทำอะไร แต่หลังจากเขาไปเห็นข้อเสนอของ Mark Shannon เรื่องการปรับปรุงความเร็ว Python ที่เขียนไว้ก่อน Guido เข้าทำงานกับไมโครซอฟท์ไม่นานนักก็สนใจแนวทางนี้ และมองว่าแผนบันได 4 ขั้นของ Shannon เพื่อปรับปรุงความเร็วของ CPython นี้ไม่น่าทำคนเดียวไหว Guido จึงเสนอให้ไมโครซอฟท์จ้าง Shannon มาทำงานเต็มเวลาพร้อมกับสร้างทีมให้ ไมโครซอฟท์อนุมัติทีมงานทั้งหมด 6 คนรวมทั้ง Shannon และ Guido หลังจากนั้น Guido ก็เปิดเผยว่าเขาจะทำโครงการเร่งความเร็ว Python นี้
ทีมงานทุกคนทำงานกับ Python มาก่อนแล้วทั้งสิ้น แต่บางคนพัฒนาโครงการ CPython แค่บางวัน เช่น Eric Snow ทำงานในไมโครซอฟท์โดยแบ่งเวลา 20% มาทำงานกับ CPython คิดเป็นสัปดาห์ละวัน เขาระบุว่าก่อนหน้านี้ทำงานลำบากเพราะต้องสลับงานไปมา การได้มาทำงานกับโครงการ CPython เต็มเวลาจึงเป็นโอกาสดี
การปรับปรุงประสิทธิภาพใน Python 3.11 เป็นการหยิบข้อเสนอที่เคยเสนอไว้ก่อนแล้วมาอิมพลีเมนต์เพื่อให้ออกทันเวอร์ชั่นนี้ แต่ตอนนี้ก็เป็นการเตรียมการสำหรับฟีเจอร์ในเวอร์ชั่นต่อๆ ไป เช่น L Pereira หนึ่งในทีมงานที่เคยอยู่กับ .NET มาก่อน กำลังปรับปรุงการคำนวณเลขจำนวนเต็มให้ทำงานเต็มความเร็วซีพียูเมื่อเลขมีขนาดเล็กพอ เพราะ Python นั้นเลขจำนวนเต็มไม่มีเพดานค่าสูงสุด ทำให้สามารถคำนวณเลขขนาดใหญ่มากๆ ได้โดยไม่ต้องการไลบรารีเพิ่มเติม
ที่มา - Microsoft |
# Gitea ระบบเก็บซอร์สโค้ดแบบโอเพนซอร์ส เปิดบริษัทรับงาน เตรียมออกเวอร์ชั่นระดับองค์กร
Gitea โครงการเว็บเก็บซอร์สโค้ดแบบเดียวกับ Github ประกาศเปิดบริษัท Gitea Limited เพื่อให้บริการเชิงธุรกิจ หลังจากก่อนหน้านี้เป็นโครงการที่เน้นชุมชนมาโดยตลอด
Gitea เกิดจากการแยกโครงการจาก Gogs ที่ได้รับความนิยมสูง แต่ผู้ดูแลโครงการชาวจีนคือ unknwon นั้นรับแพตช์ค่อนข้างช้า หลังแยกโครงการออกมาตัว Gitea มีฟีเจอร์เยอะกว่ามาก เช่น Package Registry ที่รองรับแพ็กเกจแทบทุกแบบ
หลังจากนี้โดเมนของ Gitea และเครื่องหมายการค้าจะถูกโอนไปยังบริษัท Gitea Limited เบื้องต้นบริษัทจะมีเงินมาจากนักพัฒนาบางคนแบบพาร์ทไทม์ และทีมงานหวังว่าจะจ้างพนักงานเต็มเวลาได้ในอนาคต
โครงการโอเพนซอร์สที่เดิมเป็นโครงการชุมชนเริ่มหลายเป็นธุรกิจมากขึ้น และหลายครั้งอาจจะมีความขัดแย้งกับชุมชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่มีทั้งผู้ใช้ที่ใช้งานในองค์กรเอง และผู้ใช้ที่นำซอฟต์แวร์ไปให้บริการแบบคลาวด์ซึ่งมักทับซ้อนกับธุรกิจของบริษัทผู้ดูแลโครงการเดิม จนทำให้หลายโครงการต้องเปลี่ยนไลเซนส์เพื่อบีบผู้ที่นำซอฟต์แวร์ไปให้บริการคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงของ Gitea ครั้งนี้จะซ้ำรอยบริการอื่นๆ หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
ที่มา - Gitea |
# มีไว้สะสม แผ่นเกม Modern Warfare 2 มีไฟล์ขนาดแค่ 70MB เท่านั้น เกมจริง 150GB
สวนทางกับขนาดของเกมที่ทุกวันนี้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เกมฮิตอย่าง Call of Duty: Modern Warfare II ที่จะเริ่มขายในวันพรุ่งนี้ (28 ตุลาคม) ยังมีขายเวอร์ชันแผ่นอยู่ทั้งบน Xbox และ PlayStation เพียงแต่ขนาดของไฟล์ในแผ่นมีแค่ 70MB เท่านั้น ซื้อมาแล้วต้องดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 150GB ติดตั้งลงในเครื่องก่อนอยู่ดี
แนวทางนี้ของ Activision ถูกวิจารณ์ไม่น้อย เพราะเกมเมอร์อาจซื้อแผ่นเพราะมีข้อจำกัดเรื่องการดาวน์โหลดไฟล์ (อินเทอร์เน็ตช้า หรือ คิดเงินตามปริมาณข้อมูล) รวมถึงประเด็นเรื่องการอนุรักษ์เกมเก่าในอนาคตที่ทำได้ยากขึ้นด้วย
ที่มา - Eurogamer |
# โครงการ GNOME เลิกสื่อสารด้วย Mailing List เปลี่ยนมาคุยผ่านเว็บบอร์ดแทน
การสื่อสารด้วย mailing list เป็นวิธีมาตรฐานของโลกโอเพนซอร์สมายาวนาน แต่ล่าสุดโครงการ GNOME ประกาศปิดระบบ mailing list ทั้งหมด เปลี่ยนมาสื่อสารผ่านเว็บบอร์ดแทน การเปลี่ยนแปลงจะมีผลสิ้นเดือนตุลาคม 2022 หลังจากนั้น mailing list จะเข้าโหมดอ่านได้อย่างเดียว
เหตุผลเป็นเพราะซอฟต์แวร์จัดการ mailing list ที่ใช้คือ Mailman 2 นั้นเก่าแล้ว ต้องรันด้วย Python 2 เท่านั้น แม้มี Mailman 3 ที่ใช้ Python 3.7 ขึ้นไป แต่ชุมชน GNOME ก็ขาดแคลนแอดมินมาบริหารจัดการ รวมถึงดูแลแก้ปัญหาสแปม
ชุมชน GNOME จึงตัดสินใจย้ายมาคุยกันบนเว็บบอร์ดที่มีอยู่แล้ว (รันอยู่บนซอฟต์แวร์เว็บบอร์ด-ฟอรั่ม Discourse) แทน ด้วยเหตุผลว่ามีฟีเจอร์สมัยใหม่ เช่น markdown, RSS, การล็อกอินหลายแบบ และการจัดการสแปมที่ดีกว่าเดิม ส่วนผู้ที่ยังชอบใช้อีเมลยังสามารถรับการแจ้งเตือนคอมเมนต์ใหม่บน Discourse ทางอีเมลได้
ที่มา - GNOME, The Register |
# Phil Spencer บอกอยากเห็น Call of Duty ลงทุกเครื่องเหมือน Minecraft, อยากทำเวอร์ชัน Switch
อีกโพสต์ของ Phil Spencer พูดที่งาน Wall Street Journal (เรื่อง Game Pass, เรื่องยกเลิก Keystone) เขาพูดถึงอนาคตของ Call of Duty หลังไมโครซอฟท์ซื้อกิจการ Activision Blizzard สำเร็จ ว่าเขาอยากเห็นแฟรนไชส์ Call of Duty ขยายตัวไปยังหน้าจอทุกขนาด แบบเดียวกับ Minecraft
เขาบอกว่า Call of Duty จะยังมีให้เล่นบน PlayStation ต่อไป แต่เขาก็อยากเห็นเวอร์ชัน Switch ด้วย และโอกาสที่แท้จริงคือตลาดเกมมือถือที่มีผู้เล่นมากถึง 3,000 ล้านคน ใหญ่กว่าตลาดคอนโซล 200 ล้านบ้านมากๆ
ปัจจุบัน Call of Duty มีเฉพาะบนพีซี และคอนโซล PlayStation/Xbox กับมีเวอร์ชันมือถือ Call of Duty Mobile แยกต่างหาก เทียบกันไม่ได้เลยกับ Minecraft ที่มีให้เล่นบนแทบทุกแพลตฟอร์ม และสามารถเล่นข้ามแพลตฟอร์มกันได้ด้วย
ที่มา - IGN |
# [ไม่ยืนยัน] Elon Musk ตอบคำถามพนักงาน Twitter บอกแผนปลดคน 75% ไม่จริง
ความคืบหน้าจาก Elon Musk ไปสำนักงานใหญ่ของ Twitter ประเด็นสำคัญที่ทุกคนสนใจมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้น เอกสารหลุดที่ระบุว่าจะปลดพนักงานออก 75% หลังซื้อกิจการแล้ว
Bloomberg อ้างข้อมูลจากพนักงานภายใน ว่า Musk ตอบคำถามเรื่องนี้ว่าไม่มีแผนปลดคนออก 75% แต่ก็ไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้ว่า Musk ตอบว่าอย่างไรบ้าง
ในหมู่พนักงาน Twitter คาดกันว่า Musk น่าจะยังปลดพนักงานออกอยู่ดี เพียงแต่ตัวเลขคงไม่ได้เยอะถึงขั้น 75% ที่ทำให้บริษัทดำเนินงานต่อไม่ได้เลย
Elon และซิงก์ในตำนาน
ที่มา - Bloomberg |
# Phil Spencer พูดเอง ยกเลิกอุปกรณ์สตรีมเกมเสียบทีวีแล้ว, ผู้เล่น xCloud แตะ 20 ล้านคน
Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ไปพูดที่งานสัมมนาของ Wall Street Journal มีข้อมูลใหม่หลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น Xbox Game Pass เป็นธุรกิจที่มีกำไร, อาจต้องขึ้นราคา Xbox
อีกประเด็นที่ Spencer พูดถึงคือ Project Keystone อุปกรณ์เชื่อมต่อทีวีสำหรับเล่นเกมผ่านคลาวด์ ที่ไมโครซอฟท์เคยยืนยันว่ากำลังทำอยู่เมื่อเดือนพฤษภาคม ถูกยกเลิกเรียบร้อยแล้ว
Spencer บอกว่าโครงการ Keystone ถูกพัฒนาขึ้นภายในจริง แต่ภายหลัง ไมโครซอฟท์ปรับแผนไปร่วมมือกับซัมซุง ให้ xCloud สามารถเล่นได้บนสมาร์ททีวีแทน ตัวเขายังเก็บเครื่องต้นแบบเอาไว้อยู่ (เครื่องสีขาวในภาพ) ส่วนในอนาคต ไมโครซอฟท์จะออกอุปกรณ์สตรีมเกมหรือไม่ ก็อาจเป็นไปได้ แต่คงอีกหลายปีจากนี้
Spencer ยังเปิดเผยตัวเลขของผู้เล่นเกมแบบสตรีมมิ่งผ่าน xCloud ว่าตอนนี้ทะลุ 20 ล้านคนเรียบร้อยแล้ว เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดือนเมษายน ที่เปิดเผยตัวเลข 10 ล้านคน
ที่มา - 9to5google, The Verge |
# Lee Jae-yong ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานของ Samsung
Lee Jae-yong รองประธาน Samsung ได้รับการแต่งตั้งโดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานของ Samsung อย่างเป็นทางการ
Lee Jae-yong เป็นทายาทของ Lee Kun-hee อดีตประธานบริหาร Samsung ผู้ล่วงลับ โดยเมื่อปีกลายเขาต้องโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ในคดีติดสินบนอดีตประธานาธิบดีหญิง Park Geun-hye ด้วยเงิน 8.6 พันล้านวอน (ประมาณ 229 ล้านบาท) ก่อนจะได้รับการพิจารณาปล่อยตัวโดยรอลงอาญาจากกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้
Lee Jae-yong ได้เข้าทำงานกับ Samsung เมื่อปี 1991 และไต่เต้าตำแหน่งขึ้นเป็นรองประธานของ Sasmsung เมื่อปี 2012 ก่อนจะขึ้นเป็นประธานในปีนี้ โดยตำแหน่งประธานของ Samsung นั้นว่างเว้นมานานนับสิบปี หลังการลาออกของ Lee Kun-hee
ที่มา - The Korea herald |
# Apple ออกอัปเดตซอฟต์แวร์ HomePod 16.1 รองรับมาตรฐาน Matter
Apple ได้ออกอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชั่น 16.1 สำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฮม HomePod และ HomePod mini ที่รองรับมาตรฐาน Matter ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมทำให้สามารถใช้อุปกรณ์จากผู้ผลิตแต่ละรายเชื่อมต่อเข้าด้วยกันภายในระบบเดียวกัน
HomePod มีระบบอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติอยู่แล้ว แต่หากผู้ใช้ต้องการติดตั้งซอฟต์แวร์ด้วยตนเองสามารถทำผ่านแอปพลิเคชัน Home โดยเข้าไปที่แอปและกดไอคอนรูปจุด 3 จุดมุมบนขวา และเลือกเมนู Home Settings และ Software Update ตามลำดับ
ก่อนหน้านี้ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ก็ได้ทยอยกันอัปเดตซอฟต์แวร์ให้รองรับมาตรฐาน Matter แล้ว เช่น Samsung SmartThings และสินค้ากลุ่ม Nest ของ Goolge
ที่มา: MacRumors |
# เลื่อนหลายครั้งแต่ยังไม่เลิก NASA กำหนดแผนยิงจรวด Artemis I คืนวันที่ 13 พฤศจิกายน
หลังจากเลื่อนมาหลายครั้ง NASA ได้โพสต์บล็อกอัพเดตแผนการปล่อยจรวด Artemis I เป็นช่วงกลางดึกคืนวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้
ช่วงเวลาที่เอื้อให้ปล่อยจรวดได้มีระยะเวลา 69 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 0.07 น. ของวันที่ 14 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น และในกรณีที่ต้องเลื่อนการปล่อยจรวดออกไปอีก NASA ได้เตรียมแผนสำรองโดยเลือกช่วงเวลาตั้งแต่ 1.04 น. ของวันที่ 16 พฤศจิกายน หรือไม่ก็เวลา 1.45 น. ของวันที่ 19 พฤศจิกายน โดยแผนสำรองใน 2 วันดังกล่าวนั้นจะมีกรอบเวลาที่สามารถปล่อยจรวดได้ 2 ชั่วโมงในแต่ละรอบ
ในช่วงเวลานี้ NASA ได้การซ่อมแซมความเสียหายของระบบป้องกันความร้อน, ชาร์จและเปลี่ยนแบตเตอรี่บนจรวด, ตรวจสอบ payload และระบบระงับการปล่อยจรวด โดย NASA กำลังพิจารณาที่จะเคลื่อนจรวดกลับสู่ฐานปล่อยในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้
ที่มา - NASA Artemis |
# Amazon ปล่อยภาพตัวอย่างแรกของซีรีส์ Fallout
ความคืบหน้าเกี่ยวกับซีรีส์ Fallout ของ Amazon ที่ได้ Jonathan Nolan ผู้สร้างซีรีส์ Westworld มากำกับ ตอนนี้ก็เริ่มการถ่ายทำไปบ้างแล้วและล่าสุด Amazon ได้ปล่อยภาพแรกของซีรีส์ออกมาให้ดูทาง Twitter
ภาพเดียวที่ถูกปล่อยมายั่วแฟนๆ นี้คงยังบอกอะไรไม่ได้มาก กับฉากเปิดประตูหลุมหลบภัยหน้าตาแบบนี้และชุดอันคุ้นตาแต่ไม่เห็นหน้านักแสดง แฟน Fallout ก็ต้องรอติดตามต่อไปว่า Amazon จะปล่อยภาพมาให้ดูเพิ่มเติมกันเมื่อไหร่
ทั้งนี้มีรายงานว่าซีรีส์ฉบับคนแสดงนี้จะมี Ella Purnell มารับบทนำ โดย Purnell เคยแสดงในภาพยนตร์อย่าง Maleficent, Kick-Ass 2 ก่อนจะมาเป็นที่จดจำกันดีจากเรื่อง Miss Peregrine's Home for Peculiar Children นอกจากนี้เธอยังร่วมแสดงในซีรีส์ Arcane, Yellowjackets, Star Trek: Prodigy เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรายอื่นประกอบด้วย Kyle MacLachlan, Xelia Mendes-Jones และ Aaron Moten
ภาพตัวอย่างจากซีรีส์
ในเวลาไล่เลี่ยกัน Bethesda ก็ได้อัพโหลดคลิปบน YouTube ในโอกาสฉลองอายุ 25 ปีของแฟรนไชส์เกมนี้ โดยคลิปดังกล่าวมีการสัมภาษณ์ Todd Howard โปรดิวเซอร์ของ Bethesda เกี่ยวกับเกม Fallout และท้ายคลิปช่วง 1:28 ยังมีบทสัมภาษณ์ Jonathan Nolan ผู้กำกับซีรีส์ที่เผยให้เห็นฉากรวมทั้งชุดและอุปกรณ์เข้าฉากให้เห็นกันนิดหน่อยด้วย
ที่มา - The Verge, Variety - 1, 2 |
# ผลการศึกษาเผย เด็กที่เล่นวิดีโอเกมได้คะแนนในการทดสอบการทำงานของสมองมากกว่าเด็กที่ไม่เล่น
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Vermont รายงานถึงการศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างการเล่นเกมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง (cognitive performace) ในเด็ก โดยการศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งการศึกษา Adolescent Brain Cognitive Development (ABCD) ชุด 2.0.1 ที่เผยแพร่ในปี 2019 ซึ่ง ABCD ได้ศึกษาพัฒนาการของสมองเด็กหลายพันคนในสหรัฐขณะที่กำลังเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
ในงานวิจัยมีเด็กที่เข้าร่วมการศึกษา 2,217 คนที่มีอายุ 9 หรือ 10 ปี และแบ่งเด็กเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นเด็กที่เล่นวิดีโอเกมอย่างต่ำ 21 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และกลุ่มที่ 2 เป็นเด็กที่ไม่เล่นวิดีโอเกมเลย (ส่วนเด็กที่เล่นเกมเป็นบางครั้งไม่ได้รวมอยู่ในงานวิจัย) เด็กทั้ง 2 กลุ่มได้เข้าทดสอบการทำงานของสมองที่วัดการมีสมาธิ การควบคุมความต้องการ การจดจำ รวมถึงสุขภาพจิต
ผลวิจัยพบว่า นอกจากเด็กที่เล่นเกมจะมีได้คะแนนการทดสอบมากกว่า ยังมีรูปแบบการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับด้านสมาธิและความจำมากกว่าเด็กที่ไม่เล่นเกมด้วย ส่วนการวัดระดับสุขภาพจิตทั้ง 2 กลุ่มไม่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ ผลวิจัยไม่สามารถสรุปได้ว่าการเล่นเกมทำให้สมองทำงานดีกว่าและไม่สามารถระบุสาเหตุจริง ๆ ที่ทำให้เด็กที่เล่นเกมได้คะแนนการทดสอบสมองมากกว่า รวมทั้งไม่ได้ศึกษาชนิดของเกมที่เด็กกลุ่มแรกเล่นด้วย แต่ผลการศึกษาสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาเกมที่มุ่งรักษาปัญหาด้านการจดจำ เช่น บริษัท Akili Interactive ใช้วิดีโอรักษาโรค ADHD หรือสมาธิสั้น หรือ DeepWell Digital Therapeutics ที่มุ่งหาประโยช์ทางด้านการรักษาโรคของวิดีโอเกม
สามารถอ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ JAMA Network
ที่มา: The Verge |
# ข่าวดี! แบรนด์ต่างๆ จะสอยโพสต์ Facebook และ IG ที่ละเมิดแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
Meta เพิ่มเครื่องมือ Brand Rights Protection ให้แบรนด์ต่างๆ สามารถสอยโพสต์ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของตนเองได้ง่ายขึ้นทั้งบน Facebook และ Instagram
โดยทั่วไปแล้ว Meta จะให้แจ้งคำร้องเพื่อลบโพสต์ไปยัง Meta ก่อนเป็นขั้นตอนพื้นฐานสำหรับกรณีทั่วไป แต่ก็มีบางกรณีที่บางแบรนด์อาจได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องมือดังกล่าวเพื่อลบโพสต์เป้าหมายได้เลยอัตโนมัติโดยไม่ต้องรอส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ของ Meta เป็นคนพิจารณา
สำหรับคำว่าทรัพย์สินทางปัญญาในที่นี้ก็รวมทั้งการละเมิดลิขสิทธิ์เช่นการเอาผลงานสร้างสรรค์ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต, การละเมิดเครื่องหมายการค้า เช่น การนำเครื่องหมายการค้าไปใช้แอบอ้าง, หรือการผลิตภัณฑ์ที่เป็นของก็อปแบรนด์ต่างๆ รวมถึงสินค้าลอกเลียนที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
แบรนด์ที่มีประวัติเคยส่งคำร้องขอให้ลบโพสต์จากคนอื่นที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบ่อยครั้งในอดีต จะได้รับการพิจารณาให้ใช้เครื่องมือที่ลบโพสต์ที่เข้าข่ายละเมิดแบรนด์ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ Meta อนุมัติ
แบรนด์สามารถสร้าง "Allow List" เพื่อเพิ่มรายชื่อบัญชีผู้ใช้ Facebook, Instagram ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานภาพหรือเนื้อหาของแบรนด์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเผลอแจ้งลบโพสต์ที่ผิดพลาด
ระบบแนะนำให้ตรวจสอบ ซึ่ง Meta จะรวบรวมรายชื่อเพจ, บัญชีผู้ใช้อื่น หรือโพสต์ที่อาจเข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของแบรนด์ โดยอิงจากประวัติการร้องขอให้ลบโพสต์ในอดีตและรูปภาพอ้างอิงหรือเนื้อหาอ้างอิงที่เคยถูกใช้ประกอบคำร้องเหล่านั้น
เพจธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ สามารถใช้ฟังก์ชั่นค้นหาด้วยรูปภาพได้สะดวกขึ้น โดยผลการค้นหาจะแสดงโพสต์และเนื้อหาหลากหลายประเภทมากกว่าเดิม รวมทั้งการค้นหาโดยใช้ URL และเลข ID ของโพสต์ทั้ง Facebook และ Instagram ก็สามารถทำได้แล้ว
นอกเหนือจากการค้นหาตัวโพสต์แล้ว ผลการค้นหาและรายงานการละเมิดนั้นยังแสดงผลของ กลุ่มบน Facebook (Facebook Groups) , เพจ, บัญชีผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram ด้วย
เพิ่มหน้าแสดงผลการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคำร้องเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาย้อนหลัง 90 วัน
เพิ่มตัวเลือกรายงานการละเมิดในรูปแบบ "บัญชีปลอม" (Impersonation) หมายถึงการที่มีบัญชีผู้ใช้อื่นที่ลอกเลียนเพื่อพยายามอ้างตัวว่าเป็นบัญชีจริงของแบรนด์หรือธุรกิจ ไม่ว่าการใช้ชื่อ, และการใช้รูปภาพต่างๆ (ยังไม่มีการระบุว่าจะรองรับการรายงานเรื่องบัญชีปลอมสำหรับผู้ใช้รายบุคคลทั่วไปหรือไม่)
การค้นหาและรายงานกรณีบัญชีปลอม (Impersonation)
แบรนด์หรือธุรกิจใดบน Facebook ที่ต้องการใช้ระบบ Brand Rights Protection ที่ปรับปรุงใหม่ของ Meta นี้สามารถดำเนินการลงทะเบียนใช้งานได้ที่นี่
ที่มา - Meta ผ่าน The Verge |
# บริษัทรถยนต์ไร้คนขับ Argo AI ปิดตัว หาเงินทุนเพิ่มไม่ได้ แม้ Ford และ VW สนับสนุน
TechCrunch รายงานว่าสตาร์ตอัพรถยนต์ไร้คนขับ Argo AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่ทั้ง Ford และ Volkswagen ปิดตัวลงแล้ว
Argo AI ยืนยันข่าวการปิดตัว แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ต้องเลิกกิจการ แต่ TechCrunch รายงานว่าเป็นเพราะ Argo ไม่สามารถหาเงินลงทุนเพิ่มได้ เพราะ Ford กับ Volkswagen ไม่ลงทุนก้อนใหม่เพิ่มแล้ว (Argo ได้รับเงินลงทุนรวมทั้งหมด 2.6 พันล้านดอลลาร์ โดย Ford ลงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่แรก)
ข้อมูลจากพนักงานของ Argo AI ที่ฟังคำแถลงภายใน ระบุว่าพนักงานทุกคนจะได้รับแพ็กเกจชดเชย และเงินโบนัสพิเศษ ส่วนพนักงานบางคนจะได้รับข้อเสนอให้เข้าทำงานกับ Ford และ Volkswagen ต่อไปด้วย แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าบริษัทรถยนต์ทั้งสองรายจะรับพนักงานเข้าทำงานเป็นจำนวนเท่าไร และเทคโนโลยีของ Argo AI จะไปอยู่กับบริษัทใด
ในช่วงหลังๆ มานี้ บริษัทด้านรถยนต์ไร้คนขับถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถนำเสนอเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริงๆ ตามที่โฆษณากันไว้เมื่อหลายปีก่อน และหลายบริษัทต้องปรับโมเดลธุรกิจไปทางอื่น เช่น ทำรถยนต์ไร้คนขับเฉพาะทาง (รถบรรทุกวิ่งทางไกล หรือรถวิ่งในเขตท่าเรือ) หรือหันไปโฟกัสที่ระบบช่วยขับขี่ระดับ L3/L4 ที่ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์อยู่
ที่มา - TechCrunch |
# Google Workspace Individual เปิดบริการในไทย ราคา 200 บาท/เดือน เน้นใช้คนเดียว
กูเกิลขยายบริการ Google Workspace Individual แบบเน้นใช้งานคนเดียว เพิ่มอีก 12 ประเทศ ซึ่งรวมประเทศไทยด้วย ค่าบริการต่อเดือน 200 บาท
Google Workspace Individual เป็นแพ็กเกจใหม่ที่เพิ่งออกช่วงกลางปี 2021 มาเพื่อจับตลาดธุรกิจขนาดเล็กมากๆ คือมีเจ้าของธุรกิจคนเดียว ใช้เมลส่วนตัวเหมือนเดิม แต่ต้องการฟีเจอร์ระดับพรีเมียมของ Google Meet และ Calendar เหมือนลูกค้าองค์กร (เช่น mail merge สำหรับส่งอีเมลหาลูกค้าจำนวนมากๆ) และยังได้พื้นที่สตอเรจ 1TB (เดิมให้ 15GB รอบนี้เพิ่มให้เยอะมาก)
ตัวเลือกอื่นของ Google Workspace คือแพ็กเกจ Business Starter ที่มีราคาถูกกว่า (ราคาเต็ม 185 บาทต่อเดือน) แต่ได้พื้นที่แค่ 30GB และแพ็กเกจ Business Standard ที่ราคาแพงกว่า (370 บาทต่อเดือน) ได้พื้นที่ 2TB
ที่มา - Google via 9to5google |
# Phil Spencer เผยธุรกิจ Game Pass มีกำไรแล้ว, ยอมรับต้องขึ้นราคา Xbox ในอนาคต
Phil Spencer ซีอีโอของ Microsoft Gaming ไปพูดที่งานสัมมนาของ Wall Street Journal เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
Xbox Game Pass สร้างรายได้เป็นสัดส่วนราว 15% ของรายได้ฝั่งเกมทั้งหมด และเป็นธุรกิจที่มีกำไรแล้ว
เขามองว่าธุรกิจ Game Pass อาจเติบโตได้อีก แต่คงไม่ถึงขั้นว่ารายได้ฝั่งเกม 50-70% มาจากการจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน โมเดลการขายเครื่อง-เกมแบบเดิมยังสำคัญอยู่
การเติบโตของยอดสมาชิก Game Pass บนคอนโซลเริ่มช้าลงแล้ว เป็นเพราะฐานลูกค้าคอนโซลที่ควรจะเป็นสมาชิก Game Pass ล้วนเข้ามาเป็นสมาชิกเกือบหมดแล้ว แต่การเติบโตฝั่งพีซียังไปได้ (ตัวเลขฝั่งพีซีเติบโต 159%)
เขายอมรับว่าอาจต้องขึ้นราคาฮาร์ดแวร์-เกม Xbox ในอนาคต ปัจจุบันยังตรึงราคาอยู่ และจะยังคงราคาเดิมในช่วงเทศกาลปลายปีนี้ แต่คงไม่สามารถทำได้ตลอดไป (PS5 ขึ้นราคาไปก่อนแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022)
ที่มา - The Verge |
# Mobileye บริษัทรถยนต์ไร้คนขับของ Intel ไอพีโอเข้าตลาดหุ้นแล้ว ราคาหุ้นวันแรกเพิ่ม 37%
Mobileye บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ที่เป็นบริษัทย่อยของอินเทล ได้นำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้น Nasdaq เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยตัวย่อ MBLY โดยราคาหุ้นวันแรกปิดการซื้อขายเพิ่มขึ้น 37% จากราคาไอพีโอ ทั้งนี้ Mobileye ระดมทุนจากการขายหุ้นเพิ่มได้เงิน 861 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้อินเทลซื้อกิจการ Mobileye ในปี 2017 ที่มูลค่าราว 15,300 ล้านดอลลาร์ โดยที่ราคาไอพีโอนั้นมูลค่ากิจการอยู่ที่ราว 17,000 ล้านดอลลาร์ ไม่สูงกว่าราคาที่อินเทลซื้อมานัก
ผลประกอบการ Mobileye ในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา รายได้เพิ่มขึ้น 41% เป็น 460 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนลดลงเหลือ 7 ล้านดอลลาร์
ที่มา: CNBC |
# Elon Musk ไปเยือนสำนักงานใหญ่ Twitter, เปลี่ยนตำแหน่งในโพรไฟล์เป็น Chief Twit
มหากาพย์ Elon Musk ซื้อ Twitter คืบหน้าไปอีกขั้น เมื่อเขาเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของบริษัท และถือ "ซิงก์ล้างมือ" เข้ามาด้วย (ดูคลิปประกอบ) เขาโพสต์ว่าเจอกับพนักงานเจ๋งๆ จำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าพูดคุยกับพนักงานเรื่องใดบ้าง รวมถึงประเด็นแผนการปลดพนักงานออก 75% ตามเอกสารที่หลุดออกมา
เขายังเปลี่ยนตำแหน่งในโพรไฟล์ Twitter เป็น Chief Twit, เปลี่ยนที่อยู่เป็น Twitter HQ และโพสต์ชื่นชมแพลตฟอร์มว่าช่วยให้ทุกคนเป็นสื่อได้ (empowers citizen journalism)
ตามคำสั่งของศาล เขามีเวลาปิดดีลซื้อ Twitter ให้เสร็จภายในวันพรุ่งนี้ 28 ตุลาคม หากปิดดีลไม่สำเร็จ คดีระหว่าง Twitter กับเขาจะกลับมาไต่สวนต่อ |
# Meta รายงานผลประกอบการไตรมาส รายได้ลดลง ส่วนธุรกิจ Reality Labs ขาดทุนมากขึ้น
Meta รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 รายได้รวม 27,714 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2021 และมีกำไรสุทธิ 4,395 ล้านดอลลาร์
รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจแอปต่าง ๆ เฉพาะส่วนนี้ลดลงเหลือ 27,429 ล้านดอลลาร์ มีกำไรการดำเนินงานเฉพาะส่วน 9,336 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ธุรกิจใหม่เมตาเวิร์ส รายได้ลดลงเหลือ 285 ล้านดอลลาร์ และขาดทุน 3,672 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ใช้งานรวมทุกแพลตฟอร์มประจำทุกเดือน (MAUs) เพิ่มเป็น 3.71 พันล้านคน
ในแถลงผลประกอบการ Meta ระบุว่าปี 2023 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับเมตาเวิร์สจะมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น และมีผลการดำเนินงานขาดทุนมากกว่าปีปัจจุบัน โดยกลุ่มธุรกิจนี้ถูกกำหนดแล้วว่าจะเริ่มทำกำไรได้ในระยะยาว
ซีอีโอ Mark Zuckerberg ยังใช้เวลาช่วงท้ายชี้แจงต่อนักวิเคราะห์ในช่วงแถลงผลประกอบการ บอกว่าเขาเข้าใจที่คนไม่เห็นด้วยกับการที่บริษัททุ่มลงทุนในสิ่งนี้ แต่ที่เขาสามารถได้บอกได้ คือนี่เป็นที่สำคัญมาก อีกสิบปีข้างหน้าคนจะมองย้อนกลับมาและพูดถึงสิ่งที่เราทำกันตอนนี้
ที่มา: Meta และ The Verge |
# [ลือ] Apple อาจออก iPad รุ่นจอใหญ่ 16 นิ้ว ปลายปีหน้า เน้นจับกลุ่ม Creative
มีรายงานจาก The Information ว่าแอปเปิลกำลังพัฒนา iPad รุ่นจอใหญ่ 16 นิ้ว กำหนดวางขายช่วงปลายปี 2023 ทำให้เป็น iPad จอใหญ่ที่สุดที่เคยทำมา โดยตอนนี้รุ่นจอใหญ่ที่สุดคือ iPad Pro 12.9 นิ้ว
ในรายงานบอกว่ากลุ่มเป้าหมายของ iPad จอขนาดนี้คือนักสร้างสรรค์มืออาชีพ หรือนักออกแบบที่ต้องการขนาดจอใหญ่มากเป็นหลัก อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า iPad นี้จะมีสเป็กอย่างไรบ้าง
ก่อนหน้านี้มีรายงานเช่นกันว่าแอปเปิลเคยศึกษาไอเดียทำ iPad จอใหญ่ ซึ่งมองว่าช่วยลดเส้นแบ่งกันระหว่าง iPad กับ MacBook ที่ตอนนี้เริ่มคู่ขนานกันมากขึ้น อย่างรุ่นล่าสุดก็ใช้ซีพียูตระกูล M2 เหมือนกัน
ที่มา: MacRumors |
# ดีขึ้นและแพงขึ้น Starlink for RVs มีรุ่นใหม่ใช้งานขณะรถวิ่งได้แล้ว แพงขึ้นเกือบ 5 เท่า
เรียกได้ว่าตอนนี้ Starlink ปล่อยของรัวๆ หลังจากที่เพิ่งเปิดตัว Starlink Aviation อินเทอร์เน็ตดาวเทียมสำหรับเครื่องบินโดยสาร ตอนนี้ก็มาถึงคราวอินเทอร์เน็ตสำหรับพาหนะบนพื้นกันบ้าง โดยมีการออกอุปกรณ์ Starlink for RVs รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นชุดต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับรถบ้านอัพเกรดจากรุ่นแรกที่ใช้งานได้ขณะรถจอดนิ่งมาเป็นรุ่นใหม่ที่ใช้งานตอนรถวิ่งได้ด้วย
Starlink for RVs เดิมทีเป็นจานรับสัญญาณดาวเทียมแบบขาตั้งที่ออกแบบไว้ใช้งานขณะจอดรถบ้าน (recreation vehicle) ซึ่งหน้าตาอุปกรณ์ก็เป็นแบบที่เห็นได้จากภาพข่าวที่มีการใช้งานในสงครามรัสเซีย-ยูเครนบ่อยครั้ง เนื่องจากจุดเด่นตรงขนาดเล็กพกพาได้ง่าย ซึ่งตอนนี้ Starlink ก็ยังขายอุปกรณ์รุ่นมาตรฐานนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ใช้งานขณะรถวิ่งได้นั้นมีการออกแบบมาให้สามารถยึดติดถาวรไปกับตัวรถและทนทานต่อสภาพอากาศได้ทั้งอากาศร้อนและอากาศหนาวระดับหิมะตก โดย Starlink เรียกชื่อเทคโนโลยีที่ใส่มาในอุปกรณ์รุ่นใหม่ว่า Flat High Performance โดยจานรับสัญญาณดาวเทียมมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นมาตรฐานเปิดรับสัญญาณด้วยมุมที่กว้างกว่าเดิม 35% และได้รับการพัฒนาระบบ GPS ทำให้สามารถเชื่อมต่อดาวเทียมได้หลายดวงมากกว่าเดิม
Starlink for RVs เปิดรับการจองอุปกรณ์รุ่น Flat High Performance ในราคาชุดละ 2,500 ดอลลาร์ โดยจะทยอยส่งของในเดือนธันวาคม ส่วนรุ่นมาตรฐานที่ยังขายเช่นกันนั้นมีราคาชุดละ 599 ดอลลาร์ โดยค่าบริการรายเดือนในการใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยอุปกรณ์ทั้ง 2 รุ่นนั้นมีราคาเท่ากันเดือนละ 135 ดอลลาร์ (แพงกว่ารุ่นใช้งานในบ้านเดือนละ 25 ดอลลาร์)
ก็ไม่รู้ว่าเราจะเห็น Starlink for RVs รุ่น Flat High Performance ไปโผล่ในพื้นที่การรบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอีกหรือไม่
ที่มา - Engadget |
# CD Projekt Red ประกาศ The Witcher Remake รีเมคเกมภาคแรกด้วยเอนจิน UE5
CD Projekt Red ประกาศข่าวเกม The Witcher Remake ภาคแรกใหม่ ด้วยเอนจิน Unreal Engine 5 และพัฒนาโดยสตูดิโอ Fool’s Theory ของโปแลนด์ ซึ่งเป็นสตูดิโอที่อดีตทีมงาน The Witcher ลาออกไปก่อตั้งขึ้น ส่วน CD Projekt Red จะคอยกำกับทิศทางอยู่ห่างๆ
เกม The Witcher Remake เป็นหนึ่งในห้าโครงการของ CDPR ที่เพิ่งประกาศมาก่อนหน้านี้ โดยเป็นเกมที่ใช้โค้ดเนมว่า Canis Majoris ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ของเกม และมีภาพโปรโมทออกมาเพียงภาพเดียว
นอกจากนี้ CDPR ยังมีโครงการ The Witcher อีกสองโครงการ ได้แก่ The Witcher ไตรภาคใหม่ โค้ดเนม Polaris และเกมใหม่อีกเกมโค้ดเนม Sirius ที่บอกว่าเป็นมัลติเพลเยอร์
ที่มา - The Witcher |
# LinkedIn เริ่มบังคับยืนยันตัวตนด้วยอีเมลทำงาน-เบอร์โทร แก้ปัญหาบัญชีสแปม-หลอกลวง
ไม่ได้มีแต่ Twitter ที่มีปัญหาบัญชีปลอมระบาด เพราะโซเชียลมีเดียอย่าง LinkedIn ก็มีปัญหาบัญชีปลอมเพื่อหลอก scam ด้วยเช่นกัน
ล่าสุด LinkedIn เพิ่มมาตรการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้เพิ่ม โดยต้องยืนยันอีเมลทำงาน (work email) หรือหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งจะถูกนำไปแสดงในหน้า About this Profile ว่ายืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้วจริงๆ และยังเพิ่มการระบุวันที่สร้างบัญชี เพื่อให้ตรวจเช็คได้ง่ายขึ้นว่าเป็นบัญชีสร้างใหม่หรือไม่
ฟีเจอร์ตรวจสอบตัวตนยังทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ในวงจำกัด และจะค่อยๆ ขยายในวงกว้างขึ้นต่อไป
ที่มา - CNN |
# Honor วางขายเรือธง Magic 4 Pro ในไทย 35,990 บาท มี Google Mobile Services
Honor แบรนด์ที่แยกตัวมาจาก Huawei และเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ เริ่มวางขายสมาร์ทโฟนเรือธงของปีนี้คือ Honor Magic 4 Pro ในประเทศไทย ในราคา 35,990 บาท พร้อมมี Google Mobile Services ให้ในตัว
Honor Magic 4 Pro เปิดตัวในต่างประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ถ้านับเวลาขายในประเทศไทยอาจช้าไปสักนิด แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะถือเป็นการกลับมาของแบรนด์ Honor ในไทยภายใต้สถานะบริษัทใหม่
สเปกคร่าวๆ คือ หน้าจอ 6.81" LTPO อัตรารีเฟรช 1-120Hz, Snapdragon 8 Gen 1, แรม 8GB, สตอเรจ 256GB, แบตเตอรี่ 4600mAh ชาร์จเร็ว 100 วัตต์, ระบบปฏิบัติการ Magic UI 6.0 บน Android 12
กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 50MP, อัลตร้าไวด์ 50MP, กล้องเทเล 64MP พร้อมเลนส์แบบ periscope ซูม 3.5x และกล้องหน้า 12MP
รุ่นที่ขายในไทยมีให้เลือก 2 สีคือเขียว Cyan และดำ Black (ในต่างประเทศมี 5 สี) ช่วงแรกที่วางขายมีแถมไม้กันสั่นสำหรับสมาร์ทโฟน รุ่น DJI Osmo OM4 SE มูลค่า 4,490 บาท ส่วนประกันและบริการหลังขายผ่านศูนย์ของ Synnex |
# ร้อนแรงดั่งไฟเออร์ ผู้ใช้ GeForce 4090 รายงานปัญหาสายไฟต่อเข้าการ์ดไหม้
มีผู้ใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 4090 รุ่นใหม่ล่าสุดอย่างน้อย 2 ราย แจ้งปัญหาผ่านกระทู้ Reddit ว่าขาอะแดปเตอร์จ่ายไฟเข้าตัวการ์ดถึงกับ "ไหม้" เพราะรับโหลดไฟไม่ไหว
ผู้ใช้รายแรกไม่ได้ระบุยี่ห้อของการ์ดที่ใช้งาน ผู้ใช้อีกรายระบุว่าใช้ Asus RTX 4090 TUF Gaming - OC Edition ส่วนตัวสายเคเบิลเป็นสาย 12VHPWR แบบใหม่ที่เพิ่งออกพร้อมมาตรฐานพาวเวอร์ซัพพลาย ATX 3.0 ใช้พิน 16 ขา
NVIDIA บอกว่ากำลังสอบสวนเรื่องนี้
ที่มา - Reddit, Techspot, The Register |
# ผู้บริหาร Apple ระบุ "จะทำตามกฎหมาย EU" แต่ไม่ได้ยืนยันว่าจะใส่ USB-C มาใน iPhone
หลัง EU ผ่านกฎหมายให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้พอร์ต USB-C ภายในสิ้นปี 2024 สปอตไลท์ก็ส่องมาที่ Apple ว่าจะยอมเปลี่ยนพอร์ต Lightning ใน iPhone ไปเป็น USB-C ได้แล้วหรือไม่ หลังยอมเปลี่ยนพอร์ต Lightning ใน iPad 10th gen ไปเป็น USB-C แล้ว
ล่าสุด Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของ Apple ได้กล่าวในงานประชุมของ Wall Street Journal ในประเด็นนี้ว่า Apple จะทำตามกฎหมายดังกล่าว เหมือนกับที่ทำตามกฎหมายอื่นๆ ตลอดมา แต่ไม่ได้พูดตรงๆ ว่า iPhone จะเปลี่ยนมาใช้ USB-C
ทั้งนี้ เขายังเหน็บอีกว่า Apple กับ EU นั้นมีความขัดแย้งกันเรื่องสายชาร์จมาเป็นสิบปี โดยครั้งหนึ่ง EU เคยต้องการให้ Apple เปลี่ยนไปใช้พอร์ต Micro-USB มาแล้ว และทั้ง Lightning กับ USB-C จะไม่ถูกคิดค้นขึ้นมาหาก Apple ยอมทำตามตั้งแต่ตอนนั้น
ที่มา - Bloomberg |
# ฟีเจอร์ SFTP บน Azure Blob Storage เข้าสู่สถานะ Generally Available แล้ว
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 Microsoft ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ SFTP ให้ Azure Blob Storage โดยที่ผ่านมาให้ใช้งานฟรีระหว่างที่ยังอยู่ในสถานะ public preview (คิดค่าบริการเฉพาะการเก็บข้อมูล, ค่าเขียนอ่าน, ค่าแบนด์วิดท์ ตามปกติ)
ขณะนี้ผ่านมา 1 ปี Microsoft ได้ประกาศให้ฟีเจอร์ SFTP บน Azure Blob Storage เข้าสู่สถานะ Generally Available (GA) แล้ว และจะเริ่มคิดค่าบริการการเปิดใช้งาน SFTP endpoint ที่ 0.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง หรือตกเดือนละราว 219 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8,300 บาท) เท่ากันทุก region ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2022 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ Microsoft เคยบอกไว้แต่แรกว่าฟีเจอร์ SFTP ของ Azure จะมีราคาถูกกว่า AWS Transfer Family ที่เป็นบริการคล้ายกัน โดยฝั่ง AWS คิดค่าบริการ SFTP endpoint ที่ 0.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมงเช่นกัน แต่คิดค่าอัพโหลด/ดาวน์โหลดข้อมูลผ่าน SFTP ที่ 0.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อ GB ด้วย
เห็นราคาแบบนี้แล้วหากไม่ได้ใช้งาน SFTP เยอะจริงๆ การตั้ง VM เพื่อเป็น SFTP server เองอาจยังคุ้มกว่า
ที่มา - Microsoft Blog, Microsoft Learn |
# Blackmagic Design เปิดตัว DaVinci Resolve เวอร์ชัน iPad, ออกปีนี้
เก็บตกจากการเปิดตัว iPad Pro ที่ใช้ชิป Apple M2 ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนึ่งในแอปพลิเคชันที่เปิดตัวพร้อมกันกับ iPad Pro รุ่นนั้น นั่นก็คือ DaVinci Resolve สำหรับ iPad
DaVinci Resolve ถือเป็นซอฟต์แวร์สำหรับงานด้านการตัดต่อวิดีโอ ทั้งการตัดต่อ, การปรับแต่งสี (color grading) ทั้งแบบปกติและ HDR ที่เป็นจุดเด่นสำคัญของซอฟต์แวร์นี้, การใส่เอฟเฟกต์ (ผ่านชุดเครื่องมือ Fusion) และการควบคุมเสียงที่ใช้ในวิดีโอ (ผ่านชุดเครื่องมือ Fairlight) จากจุดเด่นทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้ซอฟต์แวร์นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในวงการภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์
โดย Blackmagic Design บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และกล้องสำหรับงานโปรดักชันขั้นสูงที่พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวนี้ กล่าวว่า DaVinci Resolve สำหรับ iPad จะรองรับการทำงานในด้านการตัดต่อและการปรับแต่งสีเป็นหลัก (ว่าง่าย ๆ ก็คือ ไม่มีชุดเครื่องมือ Fusion และ Fairlight) รวมถึงรองรับการเปิดไฟล์วิดีโอที่ใช้ฟอร์แมต H.264, H.265, Apple ProRes (ซึ่ง iPad Pro ที่ใช้ชิป Apple M2 สามารถถ่ายวิดีโอเป็นไฟล์ฟอร์แมตนี้ได้) และ Blackmagic RAW
หน้าปรับแต่งสี (color grading) ใน DaVinci Resolve สำหรับ iPad
นอกจากนี้ DaVinci Resolve สำหรับ iPad ยังรองรับการเปิดไฟล์ DaVinci Resolve เวอร์ชั่น 18 และการแก้ไขวิดีโอพร้อมกันแบบออนไลน์ (ผ่านระบบ Blackmagic Cloud ที่ต้องใช้เครื่อง Blackmagic Cloud Store ในการใช้งานฟีเจอร์นี้)
DaVinci Resolve สำหรับ iPad ยังรองรับฮาร์ดแวร์สำหรับการตัดต่อวิดีโอในหน้าตัดต่อวิดีโอ ที่ Blackmagic Design ผลิตเอง เช่น DaVinci Resolve Speed Editor รวมถึงรองรับคุณสมบัติด้าน AI และ deep learning (เช่น การจดจำใบหน้า) ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับ DaVinci Resolve Studio เวอร์ชัน 18 บนเดสก์ท็อป โดยเวอร์ชั่น iPad นั้น จะใช้หน่วยประมวลผล Apple Neural Engine ในชิป Apple Silicon ในการประมวลผลส่วนนี้ควบคู่ไปด้วย (ทั้งนี้ ฟีเจอร์ด้าน AI และ deep learning ยังคงจำกัดที่เวอร์ชั่นเสียเงินอยู่เช่นเคย)
ซึ่ง Blackmagic Design คุยว่า จากคุณสมบัติทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้ DaVinci Resolve สำหรับ iPad ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอที่ลดระดับลงมา (แบบที่ Adobe ทำกับ Premiere Rush)
หน้าตัดต่อวิดีโอ ใน DaVinci Resolve สำหรับ iPad
DaVinci Resolve สำหรับ iPad จะเปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน App Store ภายในปีนี้ (ไตรมาส 4 ของ 2022) โดยตัวแอปจะเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี (เช่นเดียวกับบนเดสก์ท็อป) สำหรับผู้ใช้ iPadOS 16 เป็นต้นไป แต่ถ้าหากต้องการฟีเจอร์ที่มากขึ้น (เช่น ฟีเจอร์ด้าน AI และ deep learning หรือการปรับแต่งสีแบบ HDR ขั้นสูง) สามารถอัปเกรดเป็น DaVinci Resolve Studio สำหรับ iPad ได้ผ่านระบบ in-app purchase (แต่ยังไม่ระบุราคา)
ที่มา: Blackmagic Design |
# Meta เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ Grand Teton ใช้จีพียู NVIDIA H100 สถาปัตยกรรม Hopper
ในงานประชุม Open Compute Global Summit 2022 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Meta เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ Grand Teton สำหรับงานประมวลผล AI ที่ใช้ชิป NVIDIA H100 สถาปัตยกรรม Hopper รุ่นล่าสุดของฝั่งจีพียูเซิร์ฟเวอร์
Grand Teton ตั้งชื่อตามภูเขาในรัฐ Wyoming และเป็นเวอร์ชันอัพเกรดของเซิร์ฟเวอร์ Zion/Zion Ex ที่ Meta เริ่มใช้ในปี 2020/2021 ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดทางเทคนิคออกมาเยอะนัก ไม่ว่าจะเป็นสเปกหรือสมรรถนะ โดย Meta บอกเพียงว่ามีแบนด์วิดท์เครือข่ายเพิ่ม 2 เท่า, แบนด์วิดท์ระหว่างซีพียูโฮสต์กับจีพียูเพิ่มขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับเครื่อง Zion รุ่นเดิม
Grand Teton ยังปรับเปลี่ยนดีไซน์เครื่องให้ทุกอย่างจบใน chassis เดียว ในขณะที่เครื่อง Zion ต้องแยก 3 กล่องคือ ซีพียู จีพียู และสวิทช์ ช่วยให้การติดตั้งเร็วขึ้นและมีจุดผิดพลาดน้อยลง
ที่มา - Meta Engineering, NVIDIA |
# Stripe ผู้ให้บริการโซลูชั่นการชำระเงิน เปิดให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการ
Stripe สตาร์ทอัพที่ให้บริการโซลูชั่นการชำระเงิน ประกาศเปิดให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการ โดยยังชูจุดเด่นเรื่องความง่ายสำหรับธุรกิจในการนำโซลูชั่นไปใช้งานผ่าน API
นอกจากการเป็น Payment Gateway แล้ว Stripe ยังมีฟีเจอร์รองรับสำหรับภาคธุรกิจอย่างเช่นระบบแดชบอร์ดหลังบ้าน, ฟีเจอร์ Billing สำหรับการออกใบเสร็จเรียกเก็บค่าสินค้า, Checkout สำหรับการชำระเงินแบบสำเร็จรูป, Payment links สำหรับการออกลิงก์เพื่อเรียกชำระเงิน,Invoicing สำหรับออกใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ, Radar ตรวจจับและป้องกัน fraud และ Connect ที่เป็นมาร์เก็ตเพลสระบบหรือแอปสำหรับนักพัฒนา
Stripe ในประเทศไทยนอกจากจะรองรับบัตรเครดิตแล้ว ยังรองรับการชำระเงินผ่าน PromptPay ด้วย (จริงๆ มี Apple Pay และ Google Pay ด้วย) โดยค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตอยู่ที่ 3.65% ของยอดชำระสำหรับบัตรไทย (บัตรต่างประเทศ 4.75% + 2% กรณีที่มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน) + 10 บาท ส่วน PromptPay อยู่ที่ 1.65% จากยอดชำระ และหากมีการคืนเงินจะคิดค่าธรรมเนียม 10 บาท
ก่อนหน้านี้ Stripe เริ่มมีการใช้งานในประเทศไทยโดยมีลูกค้าเช่น เช่น Baania แพลตฟอร์มตลาดอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์, Chanintr แบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรู, Coconut Beach Bungalows โครงการรีสอร์ตพักตากอากาศ, FlowAccount แพลตฟอร์มโปรแกรมบัญชี, และ Storior แพลตฟอร์มสำหรับการออกแบบคาแรกเตอร์ |
# ซัมซุงเริ่มปล่อยฟีเจอร์โหมดส่งเครื่องซ่อม Maintenance Mode มาพร้อมรอม One UI 5.0
ซัมซุงประกาศปล่อยฟีเจอร์ Maintenance Mode ที่ช่วยให้เจ้าของมือถือสามารถส่งเครื่องซ่อม โดยไม่ต้องกลัวว่าช่างจะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวภายในเครื่องของเราได้ ตามที่เคยออกมาก่อนแล้วในเกาหลีใต้
วิธีเปิด Maintenance Mode สามารถเข้าไปที่แอพ Settings หมวด Battery and device care เมื่อรีบูตเครื่องหนึ่งทีแล้วจะเข้ามายัง Maintenance Mode เพื่อให้ส่งซ่อมได้ ข้อมูลทั้งหมดที่สร้างขึ้นตอนอยู่ใน Maintenance Mode จะถูกล้างทิ้งหลังเจ้าของเครื่องยืนยันการออกกลับสู่โหมดปกติ
Maintenance Mode เริ่มออกให้กับ Galaxy S21 ในเกาหลีใต้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และในจีนตั้งแต่เดือนกันยายน ส่วนในประเทศอื่นๆ เริ่มปล่อยแล้ววันนี้ ตามการปล่อย One UI 5 รุ่นเสถียร และจะทยอยปล่อยเรื่อยๆ ในปี 2023
ซัมซุงไม่ใช่แบรนด์มือถือรายแรกที่มีฟีเจอร์ Maintenance Mode เพราะก่อนหน้านี้มีบางแบรนด์ เช่น Huawei เคยทำมาแล้ว
ที่มา - Samsung |
# สิ้นสุดยุคชิปขาดแคลน Texas Instrument ระบุตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เริ่มชะลอตัว, SK Hynix กำไรลดหนัก
วันนี้บริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายสำคัญอย่าง Texas Instrument (TI) และ SK Hynix แถลงผลประกอบการ โดยทั้งสองรายระบุเหมือนกันว่าตลาดเริ่มชะลอตัว อาจจะแสดงให้เห็นว่าเราออกจากยุคชิปขาดแคลนอย่างเต็มตัวแล้ว
ผลประกอบการของ TI ยังคงเติบโตแต่ช้าลงมาก โดยรายได้เติบโตเพียง 1% QoQ และ 13% YoY คิดเป็น 5,241 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรรวมยังคงเติบโตค่อนข้างดีที่ 18% YoY คิดเป็น 2,295 ล้านดอลลาร์
SK Hynix ที่มีสินค้าหลักคือ DRAM และหน่วยความจำแฟลชนั้นผลประกอบการลดลงทั้งรายได้และกำไร โดยรายได้อยู่ที่ 10.9 ล้านล้านวอน ลดลง 20% QoQ และ 7% YoY ขณะที่กำไรเหลือ 1.1 ล้านล้านวอน ลดลง 62% QoQ และ 67% YoY
ทาง SK Hynix ระบุว่าสภาพเศรษฐกิจโลกกระทบต่อความต้องการแรมและสตอเรจอย่างหนัก แม้ว่าสินค้าใหม่ๆ อย่าง NAND 176-layer จะเริ่มเดินสายการผลิตเต็มรูปแบบแล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้บริษัทยังมองภาพระยะยาวเป็นบวก โดยคาดว่าตลาดองค์กรจะต้องการแรมและสตอเรจแบบใหม่ๆ อย่าง HBM3 และ DDR5 ตลอดจนชิป NAND แบบ 238-layer ก็จะทำให้บริษัทแข่งขันได้ในอนาคต
ที่มา - SK Hynix, Texas Instrument
ภาพโดย Republica |
# Google Home ออกเวอร์ชันเว็บ ยังดูได้เฉพาะภาพจากกล้อง Nest Cam
กูเกิลออกไคลเอนต์ของแอพ Google Home เวอร์ชันเว็บ สำหรับใช้งานจากพีซี ตามที่เคยประกาศไว้
การใช้งานเพียงเข้าไปที่ home.google.com แล้วล็อกอินด้วยบัญชีกูเกิลตามปกติ (อาจยังไม่ได้ปล่อยให้ทุกคนใช้งาน ทยอยปล่อยตามสไตล์กูเกิล) โดยฟีเจอร์ของเวอร์ชันเว็บยังจำกัดอยู่แค่การดูภาพจากกล้องวงจรปิดตระกูล Nest Cam และกริ่งประตูติดกล้อง Nest Doorbell กับการควบคุมอีกเล็กน้อย เช่น เปิด-ปิดกล้อง ดูสถานะกล้อง เท่านั้น
กูเกิลบอกว่า Google Home เวอร์ชันเว็บมีไว้อำนวยความสะดวกลูกค้า Nest เพื่อให้ดูภาพจากกล้องได้ง่ายขึ้น ทำทุกอย่างได้จากเบราว์เซอร์ แต่การใช้งานอื่นๆ ยังต้องควบคุมผ่านแอพ Google Home บนมือถือเช่นเดิม และจะทยอยเพิ่มฟีเจอร์ให้เวอร์ชันเว็บในอนาคตต่อไป
ที่มา - Google |
# Linus เสนอให้เคอร์เนลลินุกซ์หยุดซัพพอร์ตซีพียู 486 บอกว่าควรอยู่ในพิพิธภัณฑ์ก็พอ
Linus Torvalds แสดงความเห็นเรื่องสถาปัตยกรรมซีพียูรุ่นเก่าๆ คือ i486 ว่าเคอร์เนลของลินุกซ์ควรหยุดซัพพอร์ตได้แล้ว
Linus ตอบอีเมลในกลุ่มนักพัฒนาเคอร์เนลว่า ซีพียู i486 ไม่มีใครใช้อีกแล้ว มันเป็นสิ่งที่กลายเป็นของแสดงในพิพิธภัณฑ์ ก็อาจถึงเวลาต้องอยู่ในพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว เขายังชี้ว่าเคอร์เนลลินุกซ์หยุดรองรับ i386 ในปี 2012 และตอนนี้ปี 2022 ก็ควรถึงเวลาหยุดรองรับ i486 สักที
เหตุผลที่ Linus ต้องการถอดสถาปัตยกรรม i486 ออกไป เป็นเพราะเคอร์เนลจำเป็นต้องมีโค้ดพิเศษที่รองรับซีพียูเก่า เขาจึงอยากให้ถอดออก เพื่อลดภาระในการดูแล และใช้แรมน้อยลง
ซีพียูสถาปัตยกรรม 486 ออกวางขายครั้งแรกในปี 1989 และเลิกขายไปในปี 2007 (หัวหน้าทีมออกแบบคือ Pat Gelsinger ซีอีโออินเทลคนปัจจุบัน) หลังจากนั้นเป็นยุคของ i586 (Pentium) ในปี 1993 และ i686 (Pentium Pro หรือ P6) ในปี 1995
ที่มา - The Register, ภาพจาก Intel |
# Unity ประกาศจะออกเอนจินเกมเวอร์ชัน Windows on Arm
เอนจินเกมชื่อดัง Unity ประกาศรองรับ Windows on Arm ที่ไมโครซอฟท์กำลังผลักดันเต็มที่ ด้วยการประกาศว่าจะนำเอนจิน Unity มารันแบบเนทีฟบน Windows on Arm ด้วย แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาว่าจะเห็นกันเมื่อไร
ประกาศของ Unity มาพร้อมกับการวางขาย Windows Dev Kit 2023 ฮาร์ดแวร์ของไมโครซอฟท์สำหรับพัฒนา Windows on Arm ซึ่งเป็นสัญญาณว่าไมโครซอฟท์เริ่มเอาจริงแล้ว (สักที)
การได้เอนจินเกมดังอย่าง Unity เพิ่มเข้ามา ก็น่าจะช่วยให้ ecosystem ของ Windows on Arm เข้มแข็งมากขึ้น ก่อนหน้านี้มี Spotify ที่ออกแอพเวอร์ชัน Arm มาให้แล้ว
ที่มา - Microsoft, Windows Central |
# Spotify ร้องเรียน Apple ผูกขาดการค้าอีกครั้ง คราวนี้มาจากบริการ Audiobook
Spotify ออกมาเปิดศึกกับแอปเปิลรอบใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นบริการ Audiobook หรือหนังสือเสียง ที่เพิ่งเปิดตัวเฉพาะผู้ใช้งานในอเมริกาไปเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งปัญหาที่ Spotify ร้องเรียนก็คือเรื่องเดิม นั่นคือกฎระเบียบของ App Store ที่มองว่าทำลายการแข่งขัน
บริการ Audiobook ของ Spotify นั้นต้องทำการแยกซื้อเป็นรายเรื่อง จึงเป็นที่มาซึ่ง Spotify ออกแคมเปญร้องเรียน สาเหตุหลักเพราะแอปเปิลจะเก็บค่าธรรมเนียม 30% ผ่านการซื้อด้วย In-App Purchase (IAP) ทำให้หนังสือมีราคาแพงมากเกินไป เมื่อ Spotify ใช้วิธีการอื่นเพื่อให้ลูกค้าซื้อนอกแอป แอปเปิลก็ห้ามไม่ให้ทำ ซึ่ง Spotify บอกว่าได้เสนอรูปแบบไปถึง 3 ครั้ง จึงผ่านการอนุมัติ แต่ก็เป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากมากเกินไป
โดยการซื้อหนังสือเสียงผ่านแอป Spotify บน iOS ตอนนี้ เมื่อเลือกหนังสือที่สนใจ (ที่ห้ามแสดงราคา) Spotify จะส่งอีเมลไปหาผู้ใช้งาน เพื่อดำเนินการซื้อหนังสือที่เว็บแทน
ทั้งนี้ Spotify ร้องเรียนปัญหาการผูกขาดทางการค้าของ App Store มาตั้งแต่ปี 2019
ที่มา: Spotify ผ่าน The Verge |
# Microsoft ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมโต 11% รายได้จากคลาวด์มากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้รวมแล้ว
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนกันยายน มีรายได้รวมตามบัญชี GAAP 50,122 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 17,556 ล้านดอลลาร์
รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ กลุ่ม Productivity and Business Processes รายได้เพิ่มขึ้น 9% เป็น 16,465 ล้านดอลลาร์ โดย Office 365 Commercial รายได้เพิ่ม 7%, LinkedIn รายได้เพิ่ม 17% กลุ่มธุรกิจ Intelligent Cloud รายได้ 20,325 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% เฉพาะ Azure เพิ่มขึ้น 35%
ส่วนกลุ่ม More Personal Computing รายได้ 13,332 ล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อย โดย Windows OEM รายได้ลดลง 15%, Xbox ลดลง 3%, Windows Commercial เพิ่มขึ้น 8% และรายได้จากการขายอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 2%
ซีอีโอ Satya Nadella กล่าวว่าในสภาพปัจจุบัน ไมโครซอฟท์จะโฟกัสให้ลูกค้าของบริษัทสามารถทำงานต่าง ๆ ได้มากขึ้นแต่น้อยลงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ ที่เข้ามาสนับสนุน
ในไตรมาสนี้ยังเป็นไตรมาสแรกที่ไมโครซอฟท์มีรายได้จากธุรกิจที่เป็นคลาวด์ โดยนับรวมทั้ง Azure, Office 365, LinkedIn, Dynamics 365 มากกว่า 50% ของรายได้รวมไมโครซอฟท์ทั้งหมดแล้ว
ที่มา: ไมโครซอฟท์ และ CNBC |
# Alphabet ไตรมาส 3/2022 รายได้โต 6%, รายได้จากโฆษณา YouTube ลดลง 2%
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 รายได้รวม 69,092 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 13,910 ล้านดอลลาร์
รายได้เฉพาะส่วนธุรกิจที่น่าสนใจ ส่วนโฆษณา YouTube รายได้ลดลง 2% เป็น 7,071 ล้านดอลลาร์ แต่ภาพรวมรายได้โฆษณาทั้งหมดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 54,482 ล้านดอลลาร์ โดย Philipp Schindler หัวหน้าฝ่ายธุรกิจของกูเกิล ให้ข้อมูลเพิ่มว่าบริษัทพบการลดค่าใช้จ่ายโฆษณาที่ชัดเจน จากหลายหมวดธุรกิจ อาทิ ประกันภัย, สินเชื่อ และคริปโต
รายได้จาก Google Cloud เพิ่มขึ้น 38% เป็น 6,868 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุนจากการดำเนินงานเฉพาะส่วนนี้ 699 ล้านดอลลาร์ ธุรกิจ Other Bets ที่เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ รายได้ 209 ล้านดอลลาร์ ขาดทุน 1,611 ล้านดอลลาร์
Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet และกูเกิล บอกว่าในไตรมาสปัจจุบันจำนวนพนักงานรับใหม่จะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน
ที่มา: Alphabet (pdf) และ CNBC |
# Spotify ไตรมาสล่าสุด จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 456 ล้านบัญชี - ยังไม่ชัดเจนเรื่องขึ้นราคาสมาชิก
Spotify รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 มีจำนวนผู้ใช้งานรวมเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 456 ล้านบัญชี แบ่งเป็นผู้ใช้งานเสียเงิน 195 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 13% และแบบฟรี 273 ล้านบัญชี
รายได้รวมอยู่ที่ 3,036 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 21% และขาดทุนสุทธิ 166 ล้านยูโร
Daniel Ek ซีอีโอ Spotify ตอบคำถามนักวิเคราะห์ในช่วงแถลงผลประกอบการ เรื่องโอกาสที่ Spotify จะต้องขึ้นราคาค่าสมาชิก หลังจาก Apple Music ประกาศขึ้นราคาไปโดยอ้างต้นทุนลิขสิทธิ์ ซึ่งทำให้ Spotify น่าจะเจอปัญหานี้เช่นกัน เขาบอกยังไม่ยืนยันเรื่องนี้ แต่ก็หารือกับค่ายเพลงอยู่ ส่วนประเด็นจะมีบริการ HiFi หรือไม่ เขาปฏิเสธจะตอบคำถามนี้
ที่มา: Spotify |
# ไมโครซอฟท์นำ Age of Empires II และ IV มาลงคอนโซล Xbox เป็นครั้งแรก ออกปี 2023
ไมโครซอฟท์ประกาศนำเกม Age of Empires สองภาคมาลงคอนโซล Xbox คือ
Age of Empires II: Definitive Edition กำหนดออก 31 มกราคม 2023
Age of Empires IV กำหนดออกภายในปี 2023
Age of Empires ถือเป็นซีรีส์เกมแนว real time strategy (RTS) ที่สร้างชื่อบนพีซีมายาวนาน และปีนี้ฉลองครบ 25 ปีด้วย การขยายเกมแนว RTS มาสู่เครื่องคอนโซลอาจไม่ได้เน้นฐานลูกค้าหลักของแฟนเกมแนว RTS แต่ก็ย่อมเป็นการขยายฐานผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ให้กว้างขวางขึ้น (แถมมีให้เล่นบน Xbox Game Pass ด้วย คนที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วก็ไม่ต้องซื้อเกมเพิ่มอีก)
Age of Empires II: Definitive Edition เป็นการรีมาสเตอร์กราฟิกใหม่ที่ออกขายในปี 2019 แต่ไมโครซอฟท์ก็ไม่ได้อธิบายว่าทำไมยังไม่นำเกมภาค 1 ที่ออกปี 2018 และเกมภาค 3 ที่ออกปี 2020 มาลง Xbox ด้วย
ที่มา - Xbox |
# Vercel เปิดตัว Next.js 13 เพิ่มโฟลเดอร์ /app ออกแบบได้ซับซ้อนขึ้น
Vercel เปิดตัว Next.js 13 โดยมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการเพิ่มโฟลเดอร์ /app โครงสร้างระบบ router ตามไฟล์แบบใหม่ที่สามารถทดแทน /pages แบบค่อยเป็นค่อยไป
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของ /app คือ URL จะสร้างขึ้นตามโฟลเดอร์เท่านั้น ไม่สร้างตามไฟล์เหมือน /pages อีกต่อไป และแต่ละโฟลเดอร์สามารถมีไฟล์ tsx ได้จำนวนมาก รวมถึงไฟล์ CSS, รูปภาพ, หรือโค้ดทดสอบต่างๆ
ตอนนี้ /app ยังเป็นเบต้า และในเวอร์ชั่นนี้ก็มีฟีเจอร์อื่นๆ เช่น Turbopack, next/image ปรับปรุงใหม่ให้ใช้โค้ดจาวาสคริปต์ฝั่งเบราว์เซอร์น้อยลง, next/font รองรับการโฮสต์ฟอนต์ด้วยตัวเองอัตโนมัติ, รองรับการสร้างภาพปกโซเชียลด้วยไลบรารี @vercel/og
เวอร์ชั่นนี้ต้องการ React เวอร์ชั่น 18.2.0 และ Node.js 14.0 ขึ้นไป
ที่มา - Next.js |
# Vercel เปิดตัว Turbopack โครงการทดแทน Webpack แต่เขียนด้วย Rust
Vercel ผู้สร้าง Next.js เปิดตัวโครงการ Turbopack ระบบรวมทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง (bundler) ทำให้การใช้งานบน front end เพื่อทดแทนโครงการ Webpack ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตอนนี้
Turbopack เขียนด้วย Rust และทำงานที่ประสิทธิภาพระดับเนทีฟ โดยโครงการแสดงประสิทธิภาพการรันจากเริ่มต้น (cold start) ใน Next.js 13 ที่ใช้ Turbopack สามารถรันได้ภายในเวลาต่ำกว่า 1 วินาที ขณะที่ Next.js 12 ต้องใช้เวลาถึง 3.4 วินาทีเมื่อมี React Component ประมาณ 1,000 รายการ
การทำงานของ Turbopack ทำงานแบบ incremental ทำให้ไม่ต้องรันงานทั้งหมดซ้ำทุกครั้ง รองรับการโหลดโมดูลใหม่ขณะรัน และยังรองรับการ build สำหรับใช้งานได้หลายแห่ง เช่น เบราว์เซอร์, เซิร์ฟเวอร์ ได้พร้อมกัน
ตอนนี้เริ่มใช้งานได้กับ Next.js 13 แล้วแต่สถานะยังอยู่ระดับอัลฟ่าเท่านั้น
ที่มา - Turbopack |
# OpenSSL แจ้งเตือน เตรียมปล่อยแพตช์อุดช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤติ วันอังคารหน้า
OpenSSL ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าโครงการกำลังออกแพตช์ความปลอดภัยแก้ไขช่องโหว่ระดับวิกฤติ โดยช่องโหว่นี้กระทบ OpenSSL ในตระกูล 3.0 เท่านั้น และจะออกแพตช์เป็น OpenSSL 3.0.7
เวลาที่ออกแพตช์คือวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ช่วงเวลาระหว่าง 2 ทุ่มถึงเที่ยงคืนตามเวลาประเทศไทย
ช่องโหว่นี้เป็นช่องโหว่วิกฤติแรกของ OpenSSL นับแต่ปี 2016 แต่โค้ดที่มีช่องโหว่ตอนนั้นถูกปล่อยมาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นก็ถูกตรวจพบเสียก่อนจะมีการใช้งานเป็นวงกว้าง ส่วนช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดของ OpenSSL ในช่วงที่ผ่านมาคือ Heartbleed ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์อ่านข้อมูลในหน่วยความจำออกมาได้ สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง
ที่มา - OpenSSL |
# ซีอีโอ Getty Images บอกเรื่องการขายภาพจาก AI ว่า "ผมคิดว่ามันอาจจะผิดกฎหมาย"
ไล่เลี่ยกับการประกาศข่าวของ Shutterstock ในการร่วมมือกับ OpenAI เพื่อเริ่มขายภาพที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ อีกหนึ่งบริษัทใหญ่วงการขาายภาพอย่าง Getty Images กลับมาท่าทีในทางตรงกันข้ามในเรื่องภาพที่สร้างจากซอฟต์แวร์ โดยมองว่าเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ถูกต้อง
Craig Peters ซีอีโอของ Getty Images ได้วิพากษ์ว่าบริษัทที่กระหายจะทำธุรกิจโดยนำภาพที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์มาขายนั้นต่างไม่ได้คิดถี่ถ้วนให้ดีพอในเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเรื่องจรรยาบรรณในการใช้เทคโนโลยี
ในการให้สัมภาษณ์แก่ The Verge มีการพูดคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดย Peters กล่าวว่า
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่าภาพที่ได้จากการสร้างโดยปัญญาประดิษฐ์นั้นน่าจะเข้าข่ายเป็นผลงานที่ผู้อื่นสามารถใช้งานได้เนื่องจากเข้าเกณฑ์ "fair use" แต่บางคนก็บอกว่าในอนาคตมันอาจกลายเป็นประเด็นที่ขัดแย้งในทางกฎหมายได้
Peters บอกว่า Getty Images ไม่ได้มองข้ามศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานของปัญญาประดิษฐ์ พร้อมทั้งกล่าวถึงดีลที่ Getty Images ร่วมมือกับ Bria บริษัทจากอิสราเอลผู้พัฒนาเครื่องมือตกแต่งภาพโดยใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสะท้อนว่ามุมมองของ Getty Images นั้นไม่มีปัญหากับการใช้เทคโนโลยีในฐานะ "เครื่องมือ" เพื่อสร้างผลงาน แต่หากจะให้นำผลงานที่สร้างโดยเทคโนโลยีนี้มาซื้อขายนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ Getty Images ได้ประกาศแบนการขายภาพที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ทั้งหมดตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา เรียกได้ว่าท่าทีของ Getty Images นั้นยืนขั้วตรงข้ามกับ Shutterstock ตรงๆ เลยก็คงไม่ผิดนัก
ที่มา - The Verge, Getty Images Newsroom |
# และแล้ววันนี้ก็มาถึง Shutterstock จับมือ OpenAI ขายภาพที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์
สำหรับช่างภาพผู้ขายงานผ่านเว็บภาพสต็อคต่างๆ คงพอจะคาดเดาได้ว่าไม่ช้าก็เร็วน่าจะมีภาพที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ทั้งหลายมาร่วมแข่งขันในตลาดด้วย ซึ่งวันนั้นก็กำลังจะมาถึงแล้วเมื่อ Shutterstock ประกาศความร่วมมือกับ OpenAI เปิดทางให้นำเอาภาพที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ DALL-E มาลงขายบนแพลตฟอร์มได้โดยตรงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ Shutterstock ยังคงห้ามขายภาพที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ตัวอื่นที่ไม่ใช่ DALL-E ของ OpenAI
และในโอกาสเดียวกันนี้ Shutterstock ได้ประกาศจัดตั้งกองทุน “Contributor Fund” (แปลตรงตัวก็คือกองทุนสำหรับผู้ให้ความร่วมมือนั่นเอง) ซึ่งจะมีการนำเอาเงินจากกองทุนนี้ไปมอบให้แก่เจ้าของภาพที่ถูก Shutterstock นำไปใช้เทรนปัญญาประดิษฐ์ โดย Shutterstock จะแบ่งจ่ายเงินส่วนนี้ทุก 6 เดือน
การนำภาพไปใช้เพื่อเทรนปัญญาประดิษฐ์นั้นเป็นการคัดเลือกและซื้อขายภาพกันระหว่างผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์กับ Shutterstock โดยตรง โดยนัยแล้วช่างภาพหรือนักออกแบบผู้ผลิตผลงานแรกเริ่มคงมิอาจปฏิเสธได้หาก Shutterstock เลือกภาพของผู้นั้นไปใช้ในการเทรน
ก่อนหน้านี้ Shutterstock ได้ทำข้อตกลงร่วมงานกับ OpenAI มาก่อนแล้ว โดย OpenAI เป็นฝ่ายขอซื้อภาพเพื่อนำไปใช้เทรนปัญญาประดิษฐ์ การขยายความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเพิ่มช่องทางให้ฝั่งของ OpenAI ขายภาพคืนสู่ Shutterstock บ้างนั่นเอง
ที่มา - The Verge |
# Volkswagen ยอมถอย เตรียมเลิกใช้ปุ่มแบบสัมผัสบนพวงมาลัย หลังลูกค้าเรียกร้องปุ่มจริง
แฟชันอย่างหนึ่งในวงการรถยนต์ระยะหลังคือลดการใช้ปุ่มจริงและเปลี่ยนไปใช้ระบบสัมผัสแทน เริ่มจาก Tesla ที่นำหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่มาวางแทนวิทยุ, ระบบปรับอากาศ และระบบนำทาง แม้จะดูล้ำยุคแต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่าใช้งานลำบากกว่าปุ่มจริงๆ ซึ่งประโยชน์ของผู้ผลิตรถยนต์คือต้นทุนต่ำลง ทุกอย่างอยู่ในหน้าจอผืนเดียว ประกอบรถได้เร็ว
หลังจากมีหน้าจอขนาดใหญ่แล้ว อีกสิ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์บางรายเริ่มทำคือการเปลี่ยนปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยให้เป็นระบบสัมผัส เช่น Tesla ก็เปลี่ยนพวงมาลัยมาเป็นแบบ yoke ที่ใช้ปุ่มระบบสัมผัส หรือใน Mercedes-Benz EQS และ BMW iX ก็ใช้ปุ่มบนพวงมาลัยที่เป็นระบบสัมผัสเช่นกัน
ฝั่ง Volkswagen ก็ตามเทรนด์ใช้ปุ่มบนพวงมาลัยแบบสัมผัสครั้งแรกในรถรุ่นมหาชนอย่าง Golf GTI Mk. 8 และตามมาด้วยรถไฟฟ้า ID.4 และรถตู้ ID. Buzz โดยยังคงการจัดวางปุ่มต่างๆ เหมือนที่ใช้มาตลอด แต่เปลี่ยนจากปุ่มจริงมาเป็นระบบสัมผัสที่มีการสั่นตอบกลับมา อย่างไรก็ตาม ปุ่มระบบสัมผัสกลับทำให้ผู้ใช้รถจำนวนมากกดปุ่มโดยไม่ตั้งใจ หรือบางทีก็ไปกดโดนตอนกำลังหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถ
ด้าน Thomas Schäfer ซีอีโอของรถยนต์นั่ง Volkswagen ได้โพสต์บน LinkedIn ว่าจะนำปุ่มจริงกลับมาบนพวงมาลัยของรถ Volkswagen ตามที่ลูกค้าอยากได้
ภาพโดย Volkswagen
ที่มา - Ars Technica |
# ซัมซุงเผยแผนการปล่อยอัพเดต One UI 5.0 (Android 13) เรือธงส่วนใหญ่ได้เดือน พ.ย.
ซัมซุงประกาศตารางเวลาปล่อยอัพเดต One UI 5.0 รุ่นเสถียร (Android 13) ที่เริ่มปล่อยให้กับ Galaxy S22 เป็นรุ่นแรก
อุปกรณ์สมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตกลุ่มแรก จะได้อัพเดตตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2022 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2023 และตามธรรมเนียมก็จะมีอุปกรณ์รุ่นรองๆ ตามอัพเดตในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2023 เป็นต้นไป
October 2022
Galaxy S22
Galaxy S22+
Galaxy S22 Ultra
November 2022
Galaxy Z Fold 4
Galaxy Z Flip 4
Galaxy Z Fold 3
Galaxy Z Flip 3
Galaxy S21
Galaxy S21+
Galaxy S21 Ultra
Galaxy Note 20
Galaxy S20
Galaxy S20+
Galaxy S20 Ultra
Galaxy Tab S8
Galaxy Tab S8+
Galaxy Tab S8 Ultra
Galaxy Tab S7
Galaxy Tab S7+
Galaxy Quantum 3
Galaxy A53 5G
Galaxy A33 5G
December 2022
Galaxy Z Fold 2
Galaxy Z Flip 5G
Galaxy Z Flip
Galaxy S20 FE
Galaxy Tab S7 FE/S7 FE 5G
Galaxy Tab S6 Lite
Galaxy A Quantum
Galaxy A Quantum 2
Galaxy A52s 5G
Galaxy A51
Galaxy A51 5G
Galaxy A42 5G
Galaxy A32
Galaxy Jump
Galaxy Jump 2
January 2023
Galaxy Tab A8
Galaxy Tab A7 Lite
Galaxy Tab Active 3
Galaxy Buddy 2
Galaxy Wide 6
Galaxy Wide 5
Galaxy Buddy
Galaxy A23
Galaxy A13
Galaxy M12
Galaxy XCover 5
February 2023
Galaxy Tab Active 4 Pro
ที่มา - SamMobile, ภาพจาก Samsung |
# คนขับแท็กซี่ชาวสิงคโปร์ ใช้เวลา 9 เดือนเปลี่ยนสายมาเป็น Full-Stack Developer
Gazali Ahmad ชายสิงคโปร์ได้เปลี่ยนสายอาชีพจากคนขับแท็กซี่มาเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ (Full-Stack Developer) ขณะมีอายุ 53 ปี โดยใช้เวลาเพียง 9 เดือนจากการลงเรียนคอร์สเสริม
Ahmad เล่าว่าเคยทำงานด้านการศึกษาและการเงินมาก่อนที่จะมาขับแท็กซี่ตอนอายุ 45 ปี เขาขับแท็กซี่เป็นเวลา 6 ปีก่อนที่จะลงเรียนคอร์สเรียนเพื่อที่มุ่งสอนให้ประกอบอาชีพวิศวกรซอฟต์แวร์จากสถาบัน Generation Singapore ในช่วงต้นปี 2021 โดยใช้เวลาเพียง 9 เดือน ปัจจุบันเขาทำงานตำแหน่ง Full-Stack Developer เขียนโค้ดได้หลายภาษา ที่มีหน้าที่ดูแลทั้งเซิร์ฟเวอร์ ฐานข้อมูล ระบบหลังบ้าน และมีรายได้มากกว่าตอนขับแท็กซี่ 3 เท่า
คอร์สที่ Ahmad ลงเรียนใช้เวลา 3 เดือนในการเรียนทฤษฎีและอีก 6 เดือนในการฝึกทำงานจริง
เขาเผยว่าผู้ที่เรียนในคอร์สเดียวกันมีอายุเพียงราว 30-40 ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เวลานอกห้องเรียนเพิ่มขึ้นกว่าคนอื่นเพราะกลัวว่าจะไม่มีบริษัทไหนรับเข้าทำงานเนื่องจากอายุมาก
Generation Singapore เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ให้บริการคอร์สเรียนเพื่อการหางาน บริษัทก่อตั้งโดยบริษัทที่ปรึกษา McKinsey ในปี 2014 ในสหรัฐฯ ก่อนที่จะขยายไปยังประเทศต่าง ๆ และขยายมายังสิงคโปร์ในปี 2019
ที่มา: Straits Times |
# ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กพับได้ Zenbook 17 Fold OLED ในไทย ราคา 129,990 บาท
ASUS ไทยเปิดตัวโน้ตบุ๊ก Zenbook 17 Fold OLED ที่เปิดตัวในสหรัฐฯ ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน โน้ตบุ๊กพับได้หน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 17.3 นิ้ว ความละเอียด 2560x1920 ความชัดระดับ 2K ตัวเครื่องใช้สีดำ Tech Black มีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม
Zenbook 17 Fold OLED ที่ขายในไทยเป็นรุ่นรหัส UX9702 ใช้ซีพียู Intel 12th Gen Core i7-1250U, จีพียู Iris Xe, แรม 16GB, SSD M.2 PCIe Gen 4 1TB, พอร์ต USB-C 2 พอร์ต รองรับ Thunderbolt 4 ในตัว, แบตเตอรี่ 75Whr รองรับชาร์จเร็ว 65W มีระบบ Dolby Vision HDR และ Dolby Atmos กล้องหน้าความละเอียด 5MP มีเทคโนโลยี Adaptive Lock (IR) Camera ที่จะล็อคหน้าจออัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ออกห่างจอ
โน้ตบุ๊กมาพร้อมคีย์บอร์ดเสริมไร้สาย ASUS ErgoSense Bluetooth และวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วในราคา 129,900 บาท มาพร้อม Window 11 Home & Student 2021
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# หลังปีหน้า Chrome จะไม่มีอัพเดตใหม่สำหรับ Windows 7 และ Windows 8.1 อีกต่อไป
Google ประกาศแผนการปล่อยอัพเดต Chrome เวอร์ชั่น 110 ซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นสุดท้ายที่สนับสนุนการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows 7 และ Windows 8.1 ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปีหน้า
แม้ว่า Windows 7 จะมีอายุนานกว่า 13 ปีมาแล้ว และ Microsoft ได้ประกาศหยุดการอัพเดตเพื่อสนับสนุน Windows 7 ไปตั้งแต่ปี 2020 แต่จากการประเมินเมื่อต้นปี 2021 ยังมีอุปกรณ์ที่รันระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นนี้อยู่มากกว่า 100 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งเท่ากับว่าหลังจากปีหน้าไปเครื่องของใครที่ยังรัน Windows 7 อยู่ก็จะขาดการสนับสนุนจากทั้งผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการเองและผู้พัฒนาเว็บเบราว์เซอร์รายใหญ่
ทั้งนี้กำหนดการปล่อย Chrome 110 นั้นถูกกำหนดให้ตามหลังวันสิ้นสุดโปรแกรมขยายเวลาการสนับสนุนด้านความปลอดภัย "Extended Security Update (ESU)" สำหรับ Windows 7 ซึ่ง Microsoft กำหนดวันสิ้นสุดโปรแกรม ESU ในวันที่ 10 มกราคมปีหน้า
โปรแกรม ESU ของ Microsoft นั้นหมายถึงการขยายกรอบเวลาเพื่อช่วยอัพเดตระบบความปลอดภัยให้แก่ระบบปฏิบัติการเก่าที่พ้นกำหนดรับการสนับสนุนระบบหลักไปอีก 3 ปี ซึ่งในช่วงระยะเวลาของโปรแกรม ESU นั้น Microsoft จะไม่ปล่อยการอัพเดตอื่นใดนอกเหนือจากระบบความปลอดภัยเท่านั้น (ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ให้, ไม่มีการเปลี่ยนดีไซน์, ไม่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานด้านอื่น)
ที่มา - The Verge |
# WhatsApp มีปัญหา มีรายงานจากผู้ใช้ทั่วโลกไม่สามารถใช้งานได้ทั้งแอปและเว็บ
มีรายงานจากผู้ใช้ WhatsApp จากหลายประเทศทั่วโลกแจ้งปัญหาการใช้งานแอปสนทนาของ Meta โดยผู้ใช้บางส่วนไม่สามารถใช้งานได้โดยสิ้นเชิง ในขณะที่ผู้ใช้บางส่วนเจอปัญหาว่าไม่สามารถส่งข้อความได้ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นทั้งการใช้งานผ่านแอปในอุปกรณ์พกพา และการใช้งานผ่านเว็บ
ผู้ใช้ที่เจอปัญหานี้มีทั้งในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, อิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, อินเดีย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น, จีน, ไนจีเรีย, เคนยา ฯลฯ โดยมีผู้ใช้งานไปโพสต์แสดงความเห็นในหน้าเพจ WhatsApp รายงานปัญหากันเป็นจำนวนมาก และมีการติดแท็ก #WhatsAppDown บนหลายแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์
ตัวแทนของ Meta ได้ตอบกลับการสอบถามของ Engadget ยืนยันรับทราบถึงปัญหาและทีมงานกำลังหาทางแก้ไข
ส่วนแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นของ Meta ทั้ง Facebook และ Instagram ยังคงใช้งานได้ตามปกติ
ที่มา - Engadget |
# ไม่ถึงสิ้นเดือนก็ล่มได้ ระบบธุรกรรมธนาคารกรุงไทยขัดข้องไม่สามารถใช้งานได้
ช่วงบ่ายวันนี้ (25 ตุลาคม 2022) มีผู้ใช้ Twitter โพสต์ข้อความติดแท็ก #กรุงไทยล่ม เป็นจำนวนมาก โดยระบุปัญหาไม่สามารถใช้บริการทางการเงินได้ทั้งการโอนเงิน, การกดเงินสดจากตู้ ATM, การยืนยันรับเงินโอนเข้าบัญชี โดยผู้ใช้บางรายได้โพสต์ภาพจากหน้าจอแอป Krungthai NEXT ที่ปรากฎข้อความแจ้งบริการขัดข้อง
โดยทางเพจ Krungthai Care ได้โพสต์ข้อความยืนยันรับทราบถึงปัญหาและแจ้งว่าการทำธุรกรรมทุกช่องทางไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ แต่ผู้ใช้ยังสามารถใช้บริการโครงการรัฐผ่าน G-Wallet และซื้อสลากดิจิทัล ผ่านแอป เป๋าตัง ได้ตามปกติ
ที่มา - เพจ Krungthai Care, #กรุงไทยล่ม |
# PayPal เริ่มรองรับการล็อกอินด้วยกุญแจ Passkeys แทนการใช้รหัสผ่าน
PayPal ประกาศรองรับการล็อกอินแบบ Passkeys ที่รองรับโดยแพลตฟอร์มของกูเกิล แอปเปิล ไมโครซอฟท์ ทำให้ไม่ต้องใช้รหัสผ่านในการล็อกอินอีกต่อไป
Passkeys เป็นมาตรฐานที่ร่วมกันพัฒนาโดย FIDO Alliance และ W3C แนวคิดของมันคือยืนยันตัวตนผ่านมาตรฐาน WebAuthn ด้วยกุญแจเข้ารหัส (cryptographic key) ที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์ของเราอยู่แล้ว โดยซิงก์กุญแจกไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านบริการของเจ้าของแพลตฟอร์ม (เช่น iCloud หรือ Google Password Manager) อีกที (อธิบายง่ายๆ มันคือการล็อกอินด้วย private key แบบเป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไป)
PayPal ถือเป็นบริการออนไลน์รายใหญ่รายแรกๆ ที่รองรับ Passkeys โดยจะเริ่มจากเวอร์ชันเว็บ paypal.com บนอุปกรณ์ฝั่งแอปเปิล (iPhone, iPad, Mac) แล้วค่อยขยายไปยังแอพเวอร์ชันอื่นๆ และแพลตฟอร์มอื่นๆ ต่อไป
ในการล็อกอินครั้งแรก ผู้ใช้ยังต้องใช้รหัสผ่านตามปกติ แต่หลังจากนั้นจะมีปุ่ม Create a passkey เพิ่มขึ้นมา ผู้ใช้สามารถกดแล้วเก็บคีย์ไว้ใน iCloud ได้ หากสลับไปใช้เครื่องอื่นๆ ที่เชื่อมบัญชี iCloud เดียวกัน ก็สามารถกดล็อกอินด้วย passkey ได้ทันที (ระบบปฏิบัติการต้องเป็น iOS 16, iPadOS 16.1, macOS Ventura ขึ้นไป)
ที่มา - PayPal |
# รวบตึง 5 ข้อเด่น HUAWEI nova 10 Series สมาร์ทโฟนครบเครื่องเรื่องกล้องหน้า ที่สายคอนเทนต์ต้องมีสำหรับทริปต่อไป
ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นับว่าเป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการไปต่างประเทศจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวของประเทศยอดฮิตต่างๆ มากมาย โดยสถิติการทำหนังสือเดินทางของคนไทยล่าสุดของกรมการกงศุลเมื่อเดือนมีนาคม 2565 มีจำนวนมากกว่า 90,000 ราย1 นั่นหมายความว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเตรียมตัวถ่ายคอนเทนต์สวยๆ บันทึกเป็นความทรงจำ พร้อมกันนี้กระแสการถ่ายภาพ วิดีโอ รวมถึงเซลฟี่แนวตั้งก็กำลังมาแรง ผู้นำเรื่องกล้องสมาร์ทโฟนสุดว้าวอย่างหัวเว่ยที่รู้ใจลูกค้าดี จึงแนะนำ 5 จุดเด่นที่สมาร์ทโฟนซีรี่ส์ใหม่อย่าง HUAWEI nova 10 Series จะทำให้ทริปหน้าสนุกกว่าเดิมด้วยลูกเล่นการทำคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนใคร
1. สุดยอดพลังแห่งการเซลฟี่
การกลับมาของสมาร์ทโฟน HUAWEI nova Series ครั้งนี้ มาพร้อมกับรุ่นท็อปอย่าง HUAWEI nova 10 Pro ซึ่งเรียกได้ว่านำนวัตกรรมมาตอบโจทย์คนรักการเซลฟี่โดยเฉพาะ เพื่อให้คนที่เที่ยวแบบลุยเดี่ยว หรือชอบถ่ายคอนเทนต์ด้วยตัวเองมีภาพเซลฟี่ที่คมชัด สวยงามเสมือนถ่ายด้วยกล้อง DSLR นั่นก็คือครั้งแรกของหัวเว่ยกับเทคโนโลยีกล้องหน้าคู่ โดยกล้องแรกคือ 60MP Dual Autofocus Selfie Camera ที่เลนส์ Auto Focus จะทำงานร่วมกับ Quad Phased Detection (QPD) ช่วยจับโฟกัสได้เร็วขึ้น 30%2 เมื่อเทียบกับเลนส์ Auto Focus ทั่วไป พร้อมการถ่าย ultra-wide ได้มากถึง 100 องศา3 และรองรับการถ่ายวิดีโอเซลฟี่ไปถึงระดับ 4K ด้านกล้อง 8MP Portrait Close-up Camera ช่วยให้ผู้ใช้ขยายซูมภาพเซลฟี่แบบ Optical Zoom ได้ 2 เท่า และ Digital Zoom ได้ 5 เท่า เก็บรายละเอียดที่ระยะสายตาอาจไม่เห็นได้มากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น กล้องหน้า 60MP Ultra HD Selfie ยังใช้เทคโนโลยี HUAWEI Multi-Vision Photography สุดยอด AI อัจฉริยะสำหรับการถ่ายภาพ Portrait หน้าชัดหลังเบลอที่จะประมวลผลให้บุคคลในภาพดูคมทุกรายละเอียด
2. เก็บภาพทรงจำสุดประทับใจด้วยกล้องหลังระดับโปร
แน่นอนว่านอกจากกล้องหน้าแล้ว กล้องหลังเองก็ต้องเทพไม่แพ้กัน เพื่อให้ภาพที่ถ่ายมาส่งต่อความรู้สึกเสมือนได้เห็นภาพนั้นด้วยตาตนเองจริงๆ โดยกล้องหลัก 50MP RYYB Ultra Vision Camera มาพร้อมเซนเซอร์ขั้นเทพ RYYB ขนาด 1/1.56 นิ้ว ซึ่งหัวเว่ยพัฒนาเอง ให้เลนส์รับแสงได้มากขึ้นกว่าแบบเซนเซอร์ RGGB ถึง 40% และค่า ISO ที่สูงได้ถึง 400000 ต่อให้แสงน้อยลงในยามค่ำก็ยังเก็บภาพได้อย่างสวยงาม บวกกับอีก 2 กล้องได้แก่ กล้องมุมกว้างพิเศษ Ultra-wide angle 8MP ถ่ายทิวทัศน์ได้อย่างอลังการ และกล้องเลนส์ Ultra-Wide มาโคร 2MP ช่วยจับภาพ Close-up วัตถุได้แบบเห็นทุกรายละเอียด นอกจากนี้คนที่ชอบถ่ายภาพกระโดดน่าจะสนใจฟีเจอร์ AI Snapshot เป็นพิเศษ ซึ่งเทคโนโลยี QPD full-pixel และ ZSL จะสามารถช่วยบันทึกภาพสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ไว้หลายๆ ภาพ และเลือกช็อตที่ดีที่สุดให้
3. ยืนหนึ่งเรื่องลูกเล่นวิดีโอ
หัวเว่ยเข้าใจความต้องการของนักสร้างคอนเทนต์ทุกวันนี้ดี ว่ากว่าจะมาเป็นวิดีโอตัวหนึ่ง ต้องมีช็อตผู้พูด ภาพบรรยากาศ และการถ่ายเจาะต่างๆ ที่สุดท้ายแล้วจะต้องนำมาคัดเลือกและตัดต่อเข้าไว้ด้วยกันมากมาย จึงสร้างสรรค์ลูกเล่นให้สามารถถ่ายหลายมุมที่ต้องการไว้ในช็อตเดียว ก่อนหน้านี้ฟีเจอร์ Dual View Video ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายด้วยกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน ครั้งนี้ในรุ่น HUAWEI nova 10 Pro จึงมาพร้อมโหมด Front Dual View Video ที่ใช้กล้องหน้าทั้งสองถ่ายวิดีโอแบบ 2 ช็อตได้ ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีลูกเล่นมากกว่า 5 โหมดให้สลับถ่ายด้วยกล้องหน้าและหลังได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องหยุดอัด การถ่ายแบบ 2 ชอทพร้อมกันนี้ยังรองรับภาพแบบ Picture-in-picture หรือวิดีโอเฟรมเล็กบนเฟรมใหญ่ที่สามารถเลือกให้เฟรมเล็กอยู่ในตำแหน่งใดบนจอก็ได้ เพียงใช้นิ้วลากไปในจุดที่ต้องการ และ Auto Focus ของกล้องหน้าคู่ยังช่วยให้ผู้ใช้ซูมขณะกำลังอัดวิดีโอได้ ในระยะ 0.7X - 5X จับโฟกัสใกล้ที่สุดที่ 14 ซม. อีกด้วย
4. พร้อมให้ VLOG ได้ง่ายกว่าเดิม
HUAWEI nova Series ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับคนรุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์สุดฮิป ทำให้นอกจากเรื่องความล้ำของกล้องทั้งภาพนิ่งและวิดีโอแล้ว ฟีเจอร์ที่ช่วยทำให้การทำ Vlog ง่ายขึ้นก็จะสามารถดึงดูดเหล่าครีเอเตอร์ยุคดิจิทัล รวมไปถึงคนรักการท่องเที่ยวที่ต้องการอุปกรณ์ที่ทำ Vlog ได้จบในเครื่องเดียว ซึ่ง HUAWEI nova 10 และ HUAWEI nova 10 Pro ก็อัดแน่นโหมดถ่ายวิดีโอใหม่ที่เรียกว่า “VLOG” มาแบบเน้นๆ ไม่ต้องง้อโปรแกรมตัดต่อ ได้แก่
SHOWCASE FOCUS ช่วยจับโฟกัสสิ่งที่แทรกเข้ามาในวิดีโอได้อย่างรวดเร็ว และกลับมาโฟกัสที่ตัวผู้ใช้ หรือวัตถุหลัก เมื่อสิ่งนั้นผ่านออกไป
FOLLOW FOCUS ช่วยโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวอัตโนมัติ โดยโฟกัสจะถามวัตถุนั้นไป
PORTRAIT VIDEO ช่วยถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัด หลังเบลอ
AI COLOUR ใช้ AI ถ่ายวิดีโอให้พื้นหลังเป็นภาพขาวดำ แต่ตัวผู้ใช้ยังเป็นภาพสี
5. พกง่าย แบตอึด แอปฯ แน่น อุ่นใจตลอดทริป
ไม่ว่าจะท่องเที่ยวในประเทศ หรือต่างประเทศ จะต้องมีวันที่อยากออกไปหากิจกรรมทำทั้งวันยาวๆ มือถือจึงจำเป็นจะต้องพกได้สบายกระเป๋า ใช้งานได้นาน และเป็นที่พึ่งในการหาข้อมูลต่างๆ ได้ HUAWEI nova 10 Series มาพร้อมบอดี้บางเบา โดยเฉพาะรุ่น HUAWEI nova 10 ที่เบาเพียง 168 กรัมซึ่งนับเป็นอันดับต้นๆ ในท้องตลาด แต่มีความทนทานและทรงพลังด้วยหน้าจอแบบ OLED ที่อัตราการรีเฟรชสูงถึง 120 Hz ขณะเดียวกัน HUAWEI nova 10 Pro ก็มีแบตเตอรี่ความจุสูงสุด 4500 mAh ทนอยู่ได้นาน และยังรองรับ 100W HUAWEI SuperCharge Turbo ที่เพียง 20 นาที ก็ชาร์จแบตได้เต็ม 100%4 พร้อมกันนี้ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหลากหลายประเภทได้จาก AppGallery ตลาดดาวน์โหลดแอปฯ ที่ใหญ่ติดหนึ่งในสามของโลก ไม่ว่าจะต้องเดินทาง สร้างคอนเทนต์ สั่งอาหาร หรือทำธุรกรรมทางการเงิน ก็มีแอปฯ ครอบคลุม อาทิ LINE MAN, Grab, TikTok, WeTV, Major Cineplex, Free Fire, PUB G, Summoner War, Douluo Dalu, Shopee, Lazada, 7-Eleven TH, Blockdit, Comico, TrueID, KPlus, SCB Easy, เป๋าตัง และหมอพร้อม เป็นต้น พร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อเอกสิทธิ์ของผู้ใช้หัวเว่ยเท่านั้น
HUAWEI nova 10 Pro สุดยอดสมาร์ทโฟนพร้อมกล้องหน้าคู่ใหม่ชัดสูงสุด 60MP ถ่ายวิดีโอแบบ Auto-focus หน้าชัดหลังเบลอได้อัตโนมัติ พร้อมสปีดการชาร์จไวสูงถึง 100W HUAWEI SuperCharge Turbo มาพร้อมตัวเลือก 2 สี คือ Starry Blue และ Black วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2565 ถึง 28 ตุลาคม 2565 ช่วงพรีออเดอร์ หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รับทันที! HUAWEI Body Fat Scale มูลค่า 799 บาท และ HUAWEI FreeLace มูลค่า 2,490 บาท และสั่งซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ HUAWEI Store ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Shopee และ Lazada รับทันที HUAWEI Mini Speaker มูลค่า 1,090 บาท และ HUAWEI FreeLace มูลค่า 2,490 บาท และจะยังได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษกับ HUAWEI Mobile Services เพิ่มไปอีกขั้น (รายละเอียดเพิ่มเติมใน QR Code ในภาพ)
HUAWEI nova 10 พร้อมความบางอันเหนือระดับเพียง 6.88 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 168 กรัม กล้องหน้าคมชัด 60MP รองรับชารจ์ไว 66W และอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz มีตัวเลือก 2 สี คือ Starry Blue และ Black วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท พร้อมโปรโมชัน
พรีออเดอร์ รับฟรี! HUAWEI FreeLace มูลค่า 2,490 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2565 ถึง 28 ตุลาคม 2565 สามารถสั่งซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ HUAWEI Store ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Shopee และ Lazada รวมถึงหน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ และจะยังได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษกับ HUAWEI Mobile Services เพิ่มไปอีกขั้น (รายละเอียดเพิ่มเติมใน QR Code ในภาพ)
HUAWEI nova 10 SE ที่พกกล้องหลังทรงพลังความละเอียดสูง 108MP หน้าจอใหญ่ถึง 6.67" รองรับชาร์จไว 66W HUAWEI SuperCharge บนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4500mAh มาพร้อมตัวเลือก 3 สี คือ Starry Silver, Starry Black และ Mint Green วางจำหน่ายในราคา 13,990 บาท ช่วงพรีออเดอร์ รับไปเลย HUAWEI FreeLace มูลค่า 2,490 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2565 ถึง 28 ตุลาคม 2565 สามารถสั่งซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ HUAWEI Store ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Shopee และ Lazada รวมถึงหน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ และจะยังได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษกับ HUAWEI Mobile Services เพิ่มไปอีกขั้น (รายละเอียดเพิ่มเติมใน QR Code ในภาพ)
1สรุปสถิติผู้ขอหนังสือเดินทางทุกประเภทในปี พ.ศ. 2565 ระหว่าง (1 ม.ค. 65 - 31 ธ.ค. 65)
2ข้อมูลที่ได้รับจากการทดสอบที่ HUAWEI Labs
3100° เป็นข้อกำหนดของเลนส์กล้อง ระยะการมองเห็นอาจลดลงในสถานการณ์การใช้งานจริง
4ข้อมูลที่ได้รับจากการทดสอบที่ HUAWEI Labs
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่ และเงื่อนไขโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่นี่
ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Facebook Huawei Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่:
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH
LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH |
# สหรัฐฯ เผยว่ามีสายลับจีนพยายามแทรกแซงการสืบสวนคดีเกี่ยวกับ Huawei
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าในระหว่างที่มีการสืบสวนคดีเกี่ยวกับ Huawei ได้มีสายลับของรัฐบาลจีน 2 คนพยายามติดสินบนคนของกระทรวงเพื่อล้วงข้อมูลผลการสืบสวนจากภายในกระทรวง
ทางการสหรัฐฯ ระบุชื่อสายลับดังกล่าวคือ Guochun He และ Zheng Wang ซึ่งต่างก็เคยทำงานให้กับ Huawei โดยทั้งคู่ได้พยายามสร้างความสัมพันธ์กับพนักงานของกระทรวงซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งตั้งแต่ปี 2017 และพยายามสอบถามเรื่องพยาน, หลักฐานและความคืบหน้าในเรื่องการตั้งข้อหาเพิ่มเติมกับ Huawei ในเวลานั้น
He และ Wang ได้มอบเงินตอบแทนให้แก่พนักงานรายดังกล่าวหลายครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อมูลโดยที่ไม่รู้ว่าพนักงานผู้นี้เป็นสายลับสองหน้าที่ทำงานให้กับ FBI ด้วย โดยตอนนี้ He และ Wang ถูกตั้งข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ทว่าไม่มีการยืนยันว่าทั้งคู่ได้ถูกจับกุมตัวแล้วหรือไม่
ในโอกาสเดียวกันกับที่มีการเปิดเผยข่าวนี้ อัยการของสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหาพลเมืองจีนอีก 2 คดี โดยคดีแรกเป็นการตั้งข้อหาชาวจีน 4 คนฐานพยายามขโมยเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ พร้อมระบุว่า 3 ใน 4 คนดังกล่าวเป็นสายลับของจีน ส่วนอีกคดีเกี่ยวข้องกับเรื่องปฏิบัติการต่อเนื่องนานหลายปีที่พยายามบีบบังคับให้ผู้พำนักในสหรัฐฯ เดินทางกลับประเทศจีน
ที่มา - Engadget |
# สปสช. เพิ่มบริการการแพทย์ทางไกลผ่าน 4 แอป สำหรับผู้ป่วยนอกที่ใช้สิทธิบัตรทอง
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดให้ผู้ป่วยนอกทั่วไป (OP Telemedicine) ที่ใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาทสามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ทางไกลผ่านแอปพลิเคชันสุขภาพ 4 แอป โดยบริการครอบคลุม 42 กลุ่มโรคซึ่งรวมถึงผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่มีอาการน้อยด้วย
แอปพลิเคชันทั้ง 4 แอป ได้แก่
แอป Good Doctor Technology (กู๊ด ด็อกเตอร์)โดยจีดีทีคลินิกเวชกรรม
แอป Clicknic (คลิกนิก) โดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม
แอป Mordee (หมอดี) โดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม
แอป Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี) โดยสุขสบายคลินิกเวชกรรม
ผู้ร่วมบริการการแพทย์ทางไกลจะต้องได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล (ส.พ.7) ที่ระบุ “มีการบริการการแพทย์ทางไกล” และสามารถให้บริการการแพทย์ทางไกลได้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีแพทย์ให้บริการเป็นระยะเวลา 10-15 นาทีต่อครั้งหรือจนกว่าแพทย์จะสามารถวินิจฉัยและสั่งการรักษาได้ รวมทั้งมีบริการส่งยาให้ผู้ป่วยภายใน 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับบริการ
บริการการแพทย์ทางไกลจะเปิดให้บริการได้เร็ว ๆ นี้โดยเบื้องต้นจะนำร่องให้ผู้ป่วยโรคทั่วไปในกรุงเทพมหานครก่อนเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและกลุ่มโรคที่ครอบคลุมได้ที่ที่มา
ที่มา: สปสช. |
# Samsung ประกาศอัพเดตระบบ SmartThings รองรับมาตรฐาน Matter 1.0
หลังจากที่ Matter ได้ประกาศข่าวการตั้งมาตรฐานกลางสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฮม Matter 1.0 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ Samsung ได้เริ่มอัพเดตระบบ SmartThings ทั้งอุปกรณ์ฮับและแอปให้รองรับมาตรฐานดังกล่าวแล้ว
ก่อนหน้านี้ Samsung ได้ประกาศข่าวการเชื่อมต่อระบบ SmartThings ของตนเองเข้ากับ Google Home ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ระบบสมาร์ทโฮมทั้ง SmartThings และ Google Home ควบคู่กันได้ในเวลาเดียวกัน
แต่การอัพเดตระบบ SmartThings ในครั้งนี้จะเพิ่มทางเลือกทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมจากผู้ผลิตรายใดก็ได้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Matter 1.0 เข้ากับระบบ SmartThings ได้ทันที ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ จากแอป SmartThings ได้ทั้งหมด (แปลว่าผู้ใช้จะเลือกใช้แค่ระบบ SmartThings โดยไม่ใช้ Google Home ก็ได้)
ก่อนหน้านี้ Samsung ได้ปรับปรุงสมาร์ททีวี และตู้เย็นให้รองรับมาตรฐานของ Matter แล้ว การอัพเดตในครั้งนี้จะเน้นไปที่การใช้งานอุปกรณ์ฮับเพื่อควบคุมอุปกรณ์อื่น โดย Samsung ระบุว่า SmartThings Hub รุ่นที่ 2 และ 3 รวมทั้ง Aeotec Smart Home Hub โดยจะยังคงรองรับการเชื่อมต่อของ Zigbee, Z-Wave, ระบบ LAN, Wi-Fi และ Ethernet ไว้ดังเดิม แต่จะเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ตามมาตรฐาน Matter 1.0 ผ่าน Ethernet (802.3), Wi-Fi (802.11) และ Thread (802.15.4)
ที่มา - Samsung Newsroom |
# เกาหลีใต้เล็งตั้งคณะทำงานแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินระบบดิจิทัล ถอดบทเรียนหลัง Kakao ล่ม
จากเหตุการณ์ที่ Kakao แอปแชทยอดนิยมในเกาหลีใต้ล่มใช้งานไม่ได้เป็นเวลานานเนื่องจากไฟไหม้ศูนย์ข้อมูล ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจร้านค้าต่างๆ ที่สูญเสียโอกาสในการขายสินค้า ทำให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศของเกาหลีใต้เตรียมจัดตั้งคณะทำงานบริหารความเสี่ยงและแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับระบบดิจิทัล
Lee Jong-ho รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ กล่าวว่าคณะทำงานนี้จะมีหน้าที่ในการตรวจสอบแผนบำรุงรักษาระบบเชิงป้องกันของผู้ให้บริการ, แผนการฝึกอบรมพนักงานที่ดูแลระบบและทีมแก้ไขปัญหา รวมทั้งประเมินมาตรการฉุกเฉินและแผนดำเนินงานต่างๆ ของผู้ให้บริการดิจิทัลต่างๆ ในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องที่ทำให้ไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ
นอกเหนือจากนี้คณะกรรมการดังกล่าวจะร่วมมือกับหน่วยงานป้องกันอัคคีภัยในการประเมินมาตรฐานการออกแบบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้ารวมทั้งระบบป้องกันอัคคีภัยในศูนย์ข้อมูลต่างๆ และในสถานที่ของผู้ให้บริการระบบสื่อสารทั่วประเทศ โดยจะมีการสืบสวนเหตุการณ์ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลครั้งล่าสุดเพื่อนำมาประกอบการแก้ไขมาตรฐานทางวิศวกรรมให้รัดกุมดียิ่งขึ้น
ในเชิงนโยบายทางกระทรวงฯ จะผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ศูนย์ข้อมูลและระบบดิจิทัลต่างๆ ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเหมือนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ เพื่อให้ภาครัฐมีการกำกับดูและส่งเสริมมาตรการป้องกันปัญหาได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทางกระทรวงฯ จะส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหา เช่น การผลิตแบตเตอรี่แบบ solid state ที่มีความเสี่ยงเกิดอัคคีภัยน้อยกว่า, การพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ซึ่งสามารถใช้งานได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานปกติเกิดปัญหา ทั้งหมดนี้เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความปลอดภัยให้แก่บริการดิจิทัลโดยรวม
ทั้งนี้มาตรการที่จะบังคับใช้กับภาคเอกชนให้จัดเตรียมแผนรับมือปัญหาในภาวะวิกฤตินั้นจะมุ่งไปที่องค์กรระดับใหญ่ก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระแก่สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรายเล็กจนเกินไป
Lee Jong-ho รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเกาหลีใต้ (ที่มาภาพ: Ministry of Science and ICT)
ที่มา - The Korea Herald |
# Samsung เปิด working space ให้พนักงานทำงานข้างนอกได้ ไม่เข้มงวดเรื่องชั่วโมงทำงาน
Samsung เปิดสำนักงาน co-working space ในเกาหลีใต้ 6 แห่ง กระจายหลายเมืองทั่วเกาหลีใต้ และปรับเปลี่ยนนโยบายการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น อนุญาตให้พนักงานทำงานจากข้างนอกได้
พื้นที่ทำงานเปิดใหม่นี้มี 4 แห่งตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานของ Samsung ในเมือง Suwon, Gumi, Gwangju และ Seoul และมีอีก 2 แห่งใน Seoul และ Daehu ที่ตั้งอยู่นอกสำนักงานเดิม โดย Samsung เรียกพื้นที่ทำงานที่เปิดใหม่เหล่านี้ว่า "D'light"
ภายใน D'light มีบริเวณที่นั่งทำงานแบบเปิดโล่ง, โต๊ะทำงานแบบกั้นคอก, โต๊ะทำงานแบบยืน, ห้องประชุม รวมทั้งตู้สำหรับคุยโทรศัพท์ โดยพนักงานของ Samsung ได้เริ่มทดลองใช้งานกันตั้งแต่วันที่ 4 ตุลามคมที่ผ่าน ก่อนจะเปิดให้บุคคลภายนอกร่วมเช่าใช้งานได้ ซึ่ง Samsung กล่าวว่าเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นไปในทางบวก เนื่องจากสถานที่เหล่านี้ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะและช่วยให้คนทำงานลดเวลาเดินทางในแต่ละวันลงได้
การเปิด D'light นี้เป็นส่วนหนึ่งของทิศทางการเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานของ Samsung ที่ต้องการสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้น และส่งเสริมการทำงานแบบ "Work from Anywhere" โดยนอกเหนือจากเรื่องสถานที่ทำงานแล้ว Samsung ยังเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับเวลาทำงานให้พนักงานสามารถปรับตารางเวลาของตนเองได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องยึดติดกับจำนวนชั่วโมงทำงานขั้นต่ำในแต่ละวัน
นโยบายส่งเสริมความยืดหยุ่นในการทำงานยังกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารให้เข้าหาพนักงานระดับล่างมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวสวมเสื้อนอกเป็นทางการตลอดเวลา รวมทั้งสนับสนุนให้พนักงานหญิงที่ลาคลอดสามารถทำงานที่บ้านในช่วงต่อเนื่องหลังการลาไปได้อีก โดยเสนอรูปแบบการทำงานแบบทางไกล, การฝึกอบรม หรือการทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่พนักงานอื่นซึ่งเป็นงานที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าสำนักงาน
ที่มา - The Korea Herald |
# คณะมนตรี EU อนุมัติกฎหมายใช้ USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว
คณะมนตรียุโรป (European Council) ซึ่งประกอบด้วยผู้นำชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปได้ผ่านแนวทางกฎหมาย (directive) ให้บังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในสิ้นปี 2024 หลังจากก่อนหน้านี้รัฐสภายุโรปได้ผ่านแนวทางกฎหมายนี้ไป
แนวทางกฎหมายบังคับใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ภายในสิ้นปี 2024 ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ตและอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-reader) กล้องดิจิทัลและคอนโซลวิดีโอเกม หูฟังและลำโพงเคลื่อนย้ายได้ เม้าส์และคีย์บอร์ดไร้สาย อุปกรณ์นำทางแบบเคลื่อนย้ายได้ ส่วนแล็ปท็อปจะบังคับใช้ในปี 2026
นอกจากนี้ กฎหมายยังให้แยกขายตัวสินค้าและสายชาร์จ ทำให้ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าใหม่เลือกได้ว่าจะเอาหรือไม่เอาสายชาร์จ และจะมีรูปสัญลักษณ์ที่ระบุให้ผู้บริโภคทราบว่าอุปกรณ์มาพร้อมที่ชาร์จหรือไม่พร้อมทั้งบอกประสิทธิภาพของอุปกรณ์ชาร์จ
ในขั้นตอนต่อไป จะต้องยื่นกฎหมายต่อประธานสภาสภาพยุโรปและประธานคณะมนตรียุโรปเพื่อลงนามรับรอง ก่อนที่จะประกาศลงในวารสารทางการของสหภาพยุโรป (Official Journal of the European Union หรือ OJEU) และจะมีผลบังคับใช้ 20 วันหลังจากประกาศ แต่จะบังคับใช้จริง 24 เดือนหลังจากวันที่มีผลบังคับใช้ (ปี 2024) ส่วนแล็ปท็อปจะบังคับใช้ 40 เดือนหลังจากวันที่มีผลบังคับใช้ (ปี 2026)
ที่มา: European Council |
# Docker Desktop ออกรุ่นพรีวิวรองรับ WASM
Docker Inc. ปล่อย Docker Desktop รุ่น Technical Preview ทดสอบฟีเจอร์รองรับ WASM ในตัว โดยใช้ wasmedge runtime แต่ยังควบคุมด้วยคำสั่ง docker เหมือนคอนเทนเนอร์ปกติ พร้อมกับสมัครสมาชิกเข้า Bytecode Alliance กลุ่มผลักดันให้ใช้งาน WASM ได้ทุกที่
ทาง Docker Inc. ร่วมมือกับ WasmEdge พัฒนาชุดครอบ runtime ทำให้ควบคุมได้เหมือน containerd ตัว docker engine จึงมองเห็นโปรแกรม wasm เหมือนคอนเทนเนอร์อื่นๆ
เมื่อผู้ใช้รัน Docker Desktop เวอร์ชั่นพรีวิวนี้แล้ว จะสามารถเลือกรันไทม์เป็น io.containerd.wasmedge.v1 และแพลตฟอร์มเป็น wasi/wasm32 ได้ สามารถใช้งานได้ทั้ง docker ปกติและ docker-compose แต่ยังมีข้อจำกัด เช่น docker-compose อาจจะค้างในบางกรณี หรือ Docker Hub มีปัญหาในการ push image
ที่มา - Docker |
# ขอเล่าหลังใช้จริง! InnovestX ทำไมถึงตอบโจทย์คนอยากลงทุนที่ไม่ต้องการเสียโอกาสแม้แต่นิดเดียว
บทความนี้จัดทำโดย blognone ซึ่งถูกว่าจ้างโดย บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
หลายคนรู้แล้วว่า บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ (SCBS) ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) มีผลตั้งแต่ 12 ก.ย. 2565 และได้มีการเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันให้บริการด้านการลงทุนจาก SCBS Easy Invest เป็น InnovestX ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะมาดูกันว่า ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีอะไรที่พิเศษและแตกต่างไปจากเดิม
ครั้งแรกที่รวมบริการการลงทุนไว้ในที่เดียว
ก่อนเริ่มทดลองใช้ InnovestX ต้องบอกก่อนว่า นี่คือ ครั้งแรกที่มีการรวมทุกจักรวาลการลงทุนมาไว้ในที่เดียวอย่างแท้จริง เปิดบัญชีครั้งเดียวลงทุนได้ทุกสินทรัยพ์ในแอปเดียว ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนั้นจึงสามารถดู Portfolio ได้แบบครบถ้วน และบริหารจัดการได้ และที่ขาดไม่ได้คือ มีข้อมูลต่างๆ เสมือนมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาให้คำแนะนำ พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยบริหารการลงทุนได้ด้วย
สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่เคยเปิดบัญชีกับ InnovestX นี่คือการปลดล็อกให้ค่าธรรมเนียมเป็น 0 เพื่อให้เริ่มลงทุนกับ InnovestX ได้ง่ายขึ้นโดยสามารถเปิดบัญชีลงทุนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
สำหรับบริการ Intelligent Portfoliosบริการบริหารและปรับพอร์ตกองทุนอัตโนมัติ มีค่าธรรมเนียม 0 บาท (มีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากกองทุนรวมตาม Fund Fact Sheet) และค่าธรรมเนียม 0 บาท สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่จำกัด
และสำหรับลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ฟรีค่าธรรมเนียม 0 บาท สำหรับการลงทุน 100,000 บาทแรก* (รับคืนค่าธรรมเนียมเป็นโค้ดส่วนลดกองทุนรวม สูงสุดไม่เกิน 600บาท) และฟรีค่าสมัครบริการยื่นแบบภาษี W-8BEN (จากปกติมูลค่า 2,000 บาท) ถึง 31 ธ.ค. 65
ข้อมูลโปรโมชั่น https://bit.ly/3STRbH8
ถ้าเป็นนักลงทุนที่มีแอป SCBS Easy Invest อยู่แล้วสามารถอัพเดทแอปได้ทั้งบน iOS และ Android และแน่นอนว่าการลงทุนทั้งหมดสามารถมั่นใจได้ในความปลอดภัยระดับโลก และดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด
จากนี้ ไปทดลองใช้งานจริงกัน
รวมจุดเด่นใน InnovestX
ก่อนจะเจาะการใช้งานในแต่ละส่วน ในภาพรวมของ InnovestX อันดับแรกสุดที่น่าจะถูกใจนักลงทุนคือ ความเป็น All in One App จริงๆ รวมทุกบริการการลงทุนไว้ในแอปเดียว ไม่ต้องเข้าออกหลายแอป สามารถมองเห็นภาพรวมทุกอย่างได้
สำหรับการเริ่มใช้งานก็ทำได้ง่าย เปิดบัญชีที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ง่ายๆผ่านแอป ลงทุนได้ทุกสินทรัพย์ตัว User Interface (UI) ก็เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
สำหรับมือใหม่ก็เริ่มลงทุนได้ง่ายขึ้น เพราะมี feature Intelligent Portfolios บริการบริหารพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ เพียงเลือกธีมที่สนใจลงทุน โดยมีธีมและกลยุทธ์การลงทุนจากกูรูชื่อดังและสถาบันต่างๆ มาให้เลือก ไม่ต้องมีเงินหลักล้านก็เหมือนมีผู้เชี่ยวชาญช่วยลงทุน และบริหารพอร์ตกองทุนให้
เข้ามาหน้าแรก มีเมนูด้านล่างช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชั่นส่วนต่างๆ ได้สะดวก สามารถตั้งค่ารายการโปรดส่วนตัวได้ จะลงทุนตัวไหน หรือดูข้อมูลอะไรก็ทำได้ง่ายขึ้น
ขยับหน้าจอลงมาด้านล่าง มีการแนะนำสินทรัพย์ที่กำลังได้รับความนิยม รวมถึงความเคลื่อนไหวในเวลานั้น ปิดท้ายด้วยข่าวสารต่างๆ เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสต่างๆ
ถือว่าหน้าแรกเป็นการรวมข้อมูลและการใช้งานพื้นฐานได้อย่างดี ด้วยความที่เป็นแอปการลงทุน ที่มีทุกการลงทุนครบทุกประเภท ดังนั้นการออกแบบต้องทำออกมาให้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และง่ายต่อการใช้งาน ซึ่ง InnovestX สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี
แนะนำการลงทุน คิดไม่ออกว่าจะลงทุนอะไร แวะดูได้ที่นี่
ส่วนต่อไปที่ต้องแนะนำคือ เมนู Invest ที่อยู่ด้านล่าง คือจุดที่รวมการลงทุนทุกรูปแบบไว้ เข้ามาที่เมนูด้านบนมีการแนะนำรูปแบบการลงทุนต่างๆ ไล่ไปด้านขวา ทั้งกองทุนรวม, หุ้น ซึ่งมีทั้งหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ สินทรัพย์ดิจิทัล, ตราสารหนี้ ฯลฯ
ส่วนที่อยากเน้นมากๆ คือ การลงทุนหุ้นในต่างประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่นักลงทุนไทยหลายคนพลาดโอกาส ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จะทำอย่างไร ต้องไปเปิดบัญชีที่ไหน แต่ถ้าใช้ InnovestX ก็ลงทุนในหุ้นดังระดับโลกได้ง่ายๆ ทั้งหุ้น Tesla, Google, Amazon, Apple, Alibaba, Tencent สามารถทำได้บนมือถือ โดยเริ่มจากตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาและฮ่องกง ส่วนอนาคตจะมีตลาดหุ้นอื่นๆ มาเพิ่มหรือไม่ ให้รอติดตาม
ส่วนใครที่ไม่รู้จะลงทุนอะไรดี ภายในแอปก็จะมีกล่องแนะนำหุ้นนอกเด่นๆ ไว้ให้เรากดเข้าไปดูกันได้ เช่น Top 10 หุ้นของปู่ Warren Buffet, กองทุน ETF แนะนำ เป็นต้น
สำหรับหุ้นไทย นักลงทุนต้องทำการซื้อขายผ่านแอป Streaming เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ส่วนกองทุน InnovestX มีกองทุนมากกว่า 1,800 กองทุนรวมจาก 21 บลจ. และกองทุนลดหย่อนภาษีจาก 18 บลจ. ให้เลือก หรือกองทุนต่างประเทศก็มีให้เลือกลงทุนตรงได้เลย ซึ่งถ้าใครที่อยากลงทุนในกองทุนแต่ไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดและปรับพอร์ต InnovestX ก็มีบริการ Intelligent Portfolios ที่บริหารและปรับพอร์ตให้อัตโนมัติอีกด้วย (รายละเอียดในส่วนถัดไป) หรือถ้าอยากลงทุนในตราสารหนี้ ก็มีให้เลือกเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดมีข้อมูลมาให้อ่านกันแบบครบๆ ด้วย
ดูภาพรวมการลงทุนครบที่สุดได้ที่นี่
ปัญหาเดิมๆ ของนักลงทุนคือ การลงทุนที่หลากหลายรูปแบบ แต่อยู่กันคนละที่คนละทาง ทำให้ต้องทำไฟล์สรุปการลงทุนด้วยตัวเอง หรืออาจต้องใช้แอปที่เป็น Third Party ช่วยรวม Portfolio ให้ แต่สำหรับ InnovestX ซึ่งมีการลงทุนทุกรูปแบบครบอยู่ในที่เดียว สามารถดู Single-view Portfolio ภาพรวมพอร์ตของสินทรัพย์ต่างๆ ที่ลงทุนผ่านแอปได้ตั้งแต่หน้า Home หรือคลิก My Total Portfolio ก็จะแสดงพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ลงทุนกับ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ เช่น หุ้นไทย structured note หรือ private fund
ทำให้เราสามารถเห็นภาพรวมของพอร์ตการลงทุน เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่เหมาะสม
มือใหม่ก็เริ่มลงทุนได้ไม่ยาก
ด้วย Intelligent Portfolios บริการบริหารและปรับพอร์ตอัตโนมัติที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญ InnovestX คอยดูแลให้ นับเป็น “ตัวช่วย” นักลงทุนมือใหม่หรือคนไม่มีเวลาปรับพอร์ตเอง ได้อย่างดี และฟีเจอร์ของบริการนี้มีให้เลือกทั้ง Guru Portfolio ที่นำมุมมองการลงทุนจากกูรูชื่อดังมาให้เราได้เลือก ลงทุนเป็นพอร์ตการลงทุนกับ Goal-Based สร้างแผนการลงทุนตามเป้าหมายที่ต้องการ เช่น ลงทุนเพื่อเกษียณ, ลงทุนเพื่อการศึกษา ฯลฯ หรือ Thematic Portfolio ที่รวมเมกะเทรนด์โลกหลากหลายไว้ให้ลงทุน รวมถึง Robo Advisor ที่เป็นการสร้างและบริหารพอร์ตกองทุนแบบอัตโนมัติตามระดับความเสี่ยงของนักลงทุน
และเพื่อความสะดวกในการลงทุน โดยเฉพาะการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และการลงทุนหุ้นต่างประเทศ InnovestX มีบัญชีบริหารเงินสด สามารถเติมเงินเข้ามาไว้ในบัญชี จากนั้นนำเงินไปใช้สำหรับเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเพื่อนำไปลงทุน หรือจะนำไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ก็สะดวกสบาย
สินทรัพย์ดิจิทัล โอกาสที่เปิดกว้างกว่าเดิม
แม้ช่วงนี้ตลาดจะมีความผันผวนอย่างหนัก แต่ก็มีโอกาสให้กับนักลงทุนที่ศึกษามาเป็นอย่างดี แน่นอนว่าใน InnovestX ก็มีบริการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) โดยเหรียญที่อยู่ใน InnovestX ทั้งหมดจะมีเกณฑ์การคัดสรร หรือ listing rule ที่เข้มข้น เพื่อเลือกสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ พื้นฐานดีต่อนักลงทุน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น white paper, smart contract หรือ use case ของเหรียญเพื่อความปลอดภัยต่อนักลงทุน โดยเกณฑ์ทั้งหมดนี้ก็ผ่านการกำกับดูแลของทางก.ล.ต. ด้วย
สรุป
ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนต่างๆ หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ก็มีให้ครบ จบ ทุกจักรวาลการลงทุน และช่วยคุณสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสามารถเห็นภาพรวมการลงทุนได้จาก Single-view Portfolio มีบริการข้อมูลและการวางแผนการลงทุน และสามารถดูประวัติการลงทุนย้อนหลังได้ นี่คือ Super App ด้านการลงทุนที่นักลงทุนรุ่นใหม่ต้องลองใช้งาน #จักรวาลการลงทุนในมือคุณ
*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
**การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงโปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
สอบถามข้อมูลการลงทุน Facebook : InnovestX และศึกษาเงื่อนไขโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ www.InnovestX.co.th |
# Python ออกรุ่น 3.11 แจ้งจุดผิดพลาดระดับตัวอักษร, ปรับปรุง Regular Expression, ทำงานเร็วขึ้น 22%
Python ออกเวอร์ชั่น 3.11 ประมาณหนึ่งปีหลังเวอร์ชั่น 3.10 โดยมีความเปลี่ยนแปลงทั้งฟีเจอร์ของภาษาเอง และการปรับปรุงประสิทธิภาพตามโครงการ Faster CPython ที่พยายามปรับปรุงความเร็ว โดยเมื่อทดสอบแล้วตอนนี้ประสิทธิภาพดีกว่า Python 3.10 ในช่วง 10-60% แล้วแต่ชุดทดสอบ โดยรวมในชุดทดสอบมาตรฐานทำได้เร็วกว่าเดิม 22%
ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาได้แก่
การแจ้งจุดผิดพลาดอย่างละเอียด: จากเดิมที่ Exception ต่างๆ จะแจ้งปัญหาระดับบรรทัดเท่านั้น ทำให้ statement บางส่วนที่มีความซับซ้อนแล้วจะหายากว่ามีปัญหาที่จุดใด ตอนนี้แจ้งปัญหาแบบชี้ไปที่ตัวอักษรที่ผิดพลาดแล้ว
Exception Groups: สามารถแจ้งความผิดพลาดได้พร้อมกันทีละหลายๆ Exception ใช้งานในกรณีที่ประมวลผลแบบขนาน หรือมีความผิดพลาดหลายอย่าง, ตลอดจนเกิด exception อีกรอบขณะที่กำลังแก้ไข exception แรก
เพิ่มฟีเจอร์ใน regular expression ให้สามารถกำหนดกลุ่มแบบ atomic grouping ที่ภาษาโปรแกรมมิ่งยอดนิยมส่วนมากรองรับแล้ว
รองรับไฟล์คอนฟิกแบบ TOML
ปรับปรุงระบบการกำหนด type ของตัวแปรอีกหลายส่วน เช่น การประกาศตัวแปรชนิด Self สำหรับการคืนค่าเป็นตัวแปรชนิดเดียวกัน, หรือการกำหนดฟิลด์ที่จำเป็นใน TypedDict
ดาวน์โหลดได้แล้ว โดยโครงการ Python เองมีไบนารีสำหรับ macOS และ Windows ส่วนลินุกซ์ตอนนี้มีเวอร์ชั่น Docker แล้ว
ที่มา - Python |
# แอพ YouTube อัพเดตหน้าตาใหม่ ใช้พื้นหลังโปร่งแสง รองรับ Pinch to Zoom ซูมวิดีโอ
YouTube ประกาศอัพเดตแอพโฉมใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 4 อย่างคือ
หน้าตาใหม่ ใช้สีแนวโปร่งแสงแทนพื้นหลังสีทึบ โดยใช้เทคนิค dynamic color sampling ดึงสีจากวิดีโอที่กำลังรับชมอยู่ตอนนั้น มาแสดงเป็นสีพื้นด้านหลังให้เข้ากันด้วย (เทคนิคคล้ายๆ ระบบธีมของ Android 12) ปรับหน้าตาของ Playlist ให้โชว์วิดีโออันแรกเด่นขึ้น มีผลกับเวอร์ชันเว็บและมือถือ
Dark Theme สีดำเข้มขึ้นกว่าเดิม มีผลทั้งมือถือ เว็บ สมาร์ททีวี
รองรับ pinch to zoom สามารถกางนิ้วเพื่อซูมวิดีโอให้เห็นรายละเอียดได้มากกว่าปกติแล้ว ใช้ได้บนมือถือ iOS/Android
Precise seeking เลื่อนตำแหน่งวิดีโอได้แม่นกว่าเดิม โดยสามารถปัดขึ้น (swipe up) เพื่อแสดง thumbnail ของวิดีโอเป็นแถวที่สอง ที่เลื่อนได้ละเอียดขึ้นจากแถบเลื่อนสีแดงตามปกติ
ที่มา - YouTube Blog |
# Fallout 4 ได้อัพเดตฟรี Next-Gen ยกระดับกราฟิก ออกปี 2023
Bethesda ประกาศข่าวเซอร์ไพร์ส ว่าจะอัพเดตเกม Fallout 4 ที่ออกในปี 2015 ให้เป็น next-gen รองรับคอนโซลรุ่นใหม่ๆ ทั้ง PS5, Xbox Series X|S รวมถึงเวอร์ชันพีซีก็จะได้อัพเดตด้วย
อัพเดตตัวนี้เป็นการปรับปรุงกราฟิก 4K ให้มีคุณภาพดีขึ้น, เพิ่ม performance mode สำหรับเร่งเฟรมเรต และเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ๆ จาก Creation Club ด้วย
อัพเดตของ Fallout 4 เป็นอัพเดตฟรีให้ผู้เล่นทุกคน มีกำหนดออกคร่าวๆ ปี 2023 ยังไม่ระบุเดือน
ส่วนเกม Fallout 76 ภาคล่าสุดในตอนนี้ก็จะได้อัพเดตเนื้อหาเพิ่มเติม เพิ่มไอเทมและสกินต่างๆ เป็นการฉลองครบ 25 ปีของซีรีส์ Fallout ด้วยเช่นกัน
ที่มา - Bethesda |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.