txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# หน่วยงานกำกับดูแลแข่งขันอังกฤษชี้ NVIDIA ซื้อ Arm "น่ากังวล" อาจกีดกันคู่แข่ง
หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางธุรกิจและการค้าของสหราชอาณาจักร (Competition and Markets Authority หรือ CMA) ออกรายงานสอบสวนเรื่องการควบกิจการระหว่าง NVIDIA กับ Arm มีเนื้อหาตรงตามข่าวก่อนหน้านี้ ว่า CMA "เป็นกังวล" (concerned) ต่อการซื้อกิจการครั้งนี้
เหตุผลของ CMA คือ NVIDIA มีโอกาสจำกัดการเข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ของ Arm ไม่ให้คู่แข่งใช้งาน ซึ่งจะเป็นการกีดกันการแข่งขันในหลายตลาด เช่น ศูนย์ข้อมูล เกม รถยนต์อัตโนมัติ และ IoT ส่งผลให้คุณภาพของสินค้าต่ำลงหรือราคาแพงขึ้นตามมา
CMA ระบุว่าถึงแม้ NVIDIA ให้คำมั่นว่าจะไม่กีดกันคู่แข่ง แต่ CMA บอกว่ามาตรการที่เสนอมายังไม่เพียงพอ
รายงานฉบับนี้ถูกเสนอไปยัง Oliver Dowden รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬา (Department for Digital, Culture, Media and Sport - DCMS) โดยแนะนำให้ Dowden สั่งการให้ CMA เข้ามาสอบสวนเชิงลึก (Phase 2 investigation) ต่อไป
ตัวรายงานฉบับเต็มถูกส่งให้ Dowden ส่วนที่เปิดเผยต่อสาธารณะมีเฉพาะเนื้อหาสรุป (summary) ของรายงาน
ที่มา - CMA |
# Microsoft ลงทุนใน OYO สตาร์ทอัพโรงแรมราคาประหยัดของอินเดีย
Microsoft รายงานว่าบริษัทเข้าลงทุนใน OYO สตาร์ทอัพโรงแรมราคาประหยัดจากอินเดียด้วยมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่าของบริษัท OYO อยู่ 9.6 พันล้านดอลลาร์แล้ว
สำหรับการเข้าลงทุนครั้งนี้ TechCrunch เคยรายงานว่าส่วนหนึ่งคือตั้งใจจะให้สตาร์ทอัพเข้ามาใช้งานบริการคลาวด์ของ Microsoft ด้วย และแหล่งข่าวรายงานว่า OYO กำลังเตรียมยื่นเอกสารเพื่อไอพีโอเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้
OYO เป็นสตาร์ทอัพเชิงท่องเที่ยวที่มีธุรกิจหลักคือให้บริการจองห้องพักและโรงแรมโดยเน้นโรงแรมราคาประหยัด รวมถึงเป็นเจ้าของห้องพักเองในบางที่ นอกจากอินเดียแล้ว ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา OYO ขยายตลาดไปสู่หลายประเทศ ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทเคยมีปัญหากับเจ้าของโรงแรม แต่หลังจากเริ่มคลี่คลายก็มี COVID-19 เข้ามากระทบธุรกิจหลักอย่างรุนแรง ทำให้บริษัทต้องปลดพนักงานกว่า 5,000 คน โดย Ritesh Agarwal ซีอีโอ OYO เคยบอกว่าโรคระบบกระทบธุรกิจเหมือนไซโคลน บางอย่างใช้เวลาหลายปีกว่าจะสร้างมาแต่โรคระบาดทำให้ดรอปลง 60% ได้ภายในเวลาเพียง 30 วัน
ปัจจุบัน OYO มีผู้ร่วมลงทุนจำนวนมาก ทั้ง Airbnb, SoftBank, Grab และ Didi Chuxing โดย OYO ถือเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดีย
ที่มา - TechCrunch |
# สรุปเหตุโจมตี T-Mobile ข้อมูลรั่วไหลกระทบกว่า 54 ล้านราย ทั้งลูกค้าใหม่, เก่า รายเดือนและเติมเงิน
ความคืบหน้าเพิ่มเติมเหตุข้อมูลลูกค้า T-Mobile โอเปอเรเตอร์ในสหรัฐฯ รั่วไหลล่าสุด T-Mobile เผยตัวเลขลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าอยู่ที่ 54 ล้านราย
T-Mobile เผยตัวเลขรอบแรกเมื่อวันพุธที่ 18 ส.ค. ว่าผู้ได้รับผลกระทบอยู่ที่ 47.8 ล้านราย ในจำนวนนี้มีประมาณ 7.8 ล้านบัญชีที่เป็นลูกค้ารายเดือนของ T-Mobile ส่วนที่เหลือเป็นผู้ใช้งานที่เคยสมัครเข้าใช้บริการอื่นของ T-Mobile และล่าสุดทางบริษัทระบุในเอกสาร SEC ว่ามีผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมอีก 6 ล้านราย และยังมีบัญชีของลูกค้าเก่าอีก 667,000 บัญชี รวมแล้วกว่า 54 ล้านรายที่ได้รับผลกระทบ
ข้อมูลที่หลุดไปมีหลากหลาย ทั้ง ชื่อ วันเกิด หมายเลขประกันสังคม ใบขับขี่ และข้อมูลอื่นๆ ที่ระบุตัวตนได้ ตัวหมายเลขโทรศัพท์และราย IMEI และ IMSI หรือข้อมูลระบุอุปกรณ์มือถือและซิมการ์ดก็รั่วไหลเช่นกัน
ก่อนหน้านี้แฮกเกอร์ที่อ้างว่าได้ขโมยข้อมูลมาจาก T-Mobile โพสต์ในฟอรัมมีข้อมูลของคนถึง 100 ล้านคน ขายข้อมูล 30 ล้านคน แลกกับเงินบิทคอยน์ 270,000 ดอลลาร์
T-Mobile ระบุว่าได้ปิดการเข้าถึงที่แฮกเกอร์เข้าโจมตีแล้ว และจะดำเนินการเพื่อลูกค้าต่อไป เช่น ให้บริการปกป้องข้อมูลประจำตัวเป็นเวลาสองปีแก่ทุกคนที่คิดว่าอาจได้รับผลกระทบ เป็นต้น
ที่มา - Engadget |
# อินเทลยอมรับที่ผ่านมาแพ้ในตลาดซูเปอร์คอมพิวเตอร์ แต่กำลังกลับมาด้วยชิป Ponte Vecchio
ในงาน Intel Architecture Day ที่ผ่านมา Raja M. Koduri แสดงถึงข้อมูลในงานว่าที่ผ่านมาอินเทลนั้นตามหลังอุตสาหกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (หรือ high performance computing - HPC) ค่อนข้างมาก โดยยกตัวเลขประสิทธิภาพสามด้าน ได้แก่ ประสิทธิ์ภาพการประมวลผลเลขทศนิยม (floating point 64), ประสิทธิภาพด้านปัญญาประดิษฐ์ (bfloat16), และแบนวิดท์หน่วยความจำ ที่ชิปเฉพาะทางสามารถทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทิ้งห่างอินเทลไปไกล ทำให้ปีที่ผ่านมาอินเทลทุ่มพัฒนาชิปสำหรับตลาดซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในชื่อ Ponte Vecchio
Ponte Vecchio เป็นหน่วยประมวลผลที่ใช้คอร์ Xe มีหน่วยประมวลผลเมทริกซ์และเวคเตอร์อย่างละ 8 ชุด พร้อมแคช หลังกจากนั้นอินเทลประกอบคอร์ Xe 16 ชุดรวมเป็น Xe Slice ที่มีหน่วยประมวลผลแบบ Ray Tracing ในตัวอีก 16 ชุด และประกอบ Xe Slice 4 ชุดเป็น Xe Stack ที่มีหน่วยเชื่อมต่อหน่วยความจำ HBM2e อีก 4 ชุด การเชื่อมต่อระหว่างชิปใช้ชิป Xe Link เชื่อมต่อ Xe Stack ได้พร้อมกัน 8 ชุด
ตัวชิป Ponte Vecchio จริงๆ เป็นชิปจำนวน 47 ตัวประกอบ (เรียกว่า Tile) อยู่บนแพ็กเกจเดียวกัน โดยชิปใช้กระบวนการผลิตต่างกันถึง 5 รูปแบบ รวมทรานซิสเตอร์รวม 100 ล้านทรานซิสเตอร์ โดยชิปหลักๆ ที่อินเทลยกตัวอย่างได้แก่
หน่วยประมวลผลหลักใช้ TSMC N5
คอนโทรลเลอร์ที่ประกอบด้วย ตัวควบคุมหน่วยความจำ, แคช, และ PCIe Gen5 จะผลิตด้วยกระบวนการผลิต Intel 7
Xe Link เป็นสวิตช์เชื่อมต่อระหว่าง หน่วยประมวลผล ใช้ TSMC N7
โดยรวมแล้วโมดูล Ponte Vecchio มีขนาดใหญ่มากเท่าฝ่ามือ โดยตอนนี้เป็นเพียงชิปต้นแบบ (เรียกว่า A0) พลังประมวลผลสูงกว่า 45 TFLOPS ที่ FP32 เชื่อมต่อหน่วยความจำได้แบนวิดท์มากกว่า 5TB ต่อวินาที
ชิป Ponte Vecchio จะขายผ่านผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์แบบ OEM โดยมีทั้งแบบเป็นการ์ด PCIe, โมดูลเร่งความเร็ว, และเซิร์ฟเวอร์เต็มพร้อมซีพียู Sapphire Rapids โดยยังไม่ระบุช่วงเวลาเริ่มจำหน่าย
ที่มา - Intel Architecture Day |
# Duolingo แอปสอนภาษาต่างประเทศ เพิ่มแพ็ก Family Plan ปีละ 4,000 บาท ใช้ได้ 6 คน
ในงาน Duocon หรืองานประชุมของ Duolingo แพลตฟอร์มเพื่อการศึกษา มีประกาศของใหม่ หนึ่งในนั้นคือแพ็กเกจเรียนแบบครอบครัว หรือ Family Plan บัญชีเดียวสามารถเช้าใช้งาน Duolingo Plus หรือฟังก์ชั่นพรีเมียมของ Duolingo ได้ 6 คน เข้าถึงการใช้งานไม่มีโฆษณา
Duolingo Plus มีฟังก์ชั่นมากกว่าเวอร์ชันธรรมดาคือ หัวใจไม่จำกัด คือสามารถทำแบบฝึกหัดได้อย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง มีระบบติดตามความคืบหน้าการเรียน และฟีเจอร์ใหม่ที่ประกาศในงาน Duocon คือ ทบทวนข้อผิดพลาดของตัวเองได้ซ้ำๆ และการทดสอบที่ยากขึ้น Duolingo Plus Family Plan ไม่มีแพ็กเกจรายเดือน โดยคิดเป็นรายปี 120 ดอลลาร์ ส่วนแพ็กเกจเดี่ยวอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ต่อปี
Duolingo ประกาศเตรียมเพิ่ม 5 ภาษาใหม่เข้ามาด้วยคือ เฮติ ครีโอล ซูลู โคซ่า ตากาล็อก และเมารี
ที่มา - Engadget |
# ประเทศจีนมีผู้ใช้ 5G ถึง 495 ล้านคน เสาสัญญาณเพิ่มเกือบสองแสนจุด ใน 6 เดือน
สำนักข่าว The Register รวบรวมข้อมูลแถลงยอดผู้ใช้ของค่ายมือถือใหญ่ในประเทศจีนสามค่ายเมื่อวานนี้ เพื่อสรุปยอดผู้ใช้เครือข่าย 5G ในประเทศจีน พบว่ามีจำนวนถึง 495 ล้านคน แบ่งเป็นค่าย China Mobile 251 ล้านคน, China Unicom 113 ล้านคน และ China Telecom 131 ล้านคน เพิ่มขึ้น 172.7 ล้านคนในครึ่งปีแรกของปี 2021
ทั้งสามค่ายยังระบุว่าเพิ่มเสาสัญญาณสัญญาณ 5G ใหม่เป็นจำนวนมาก โดย China Mobile ระบุว่ามีเพิ่มถึง 111,000 ต้น ใน 6 เดือน แต่เนื่องจาก China Unicom และ China Telecom ใช้เสาส่งสัญญาณร่วมกัน และรายงานตัวเลขเสาส่งสัญญาณใหม่เท่ากันที่ 80,000 ทำให้หายอดรวมจริงได้ยาก แต่ไม่น่าต่ำกว่า 1.9 แสนต้น
ทั้งสามค่ายยังมองว่าผู้ใช้ 5G ยังเติบโตได้อีกมาก และมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าระดับธุรกิจ โดย China Mobile เซ็นสัญญาทำโครงการ 5G ในระดับเขตแล้วอย่างน้อย 900 โครงการ รวมถึงมีดีลติดตั้งเครือข่าย 5G สำหรับเฉพาะหน่วยงาน (dedicated 5G network) อีกกว่า 452 ดีล
ที่มา - The Register |
# อินเทลเปิดตัว Xeon "Sapphire Rapids" ใช้สถาปัตยกรรมแยกส่วน เพิ่ม AMX ประมวลผลเมทริกซ์
นอกจากซีพียู Alder Lake และจีพียู Intel Arc ที่มี XeSS อินเทลยังเปิดข้อมูลของผลิตภัณฑ์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ได้แก่ซีพียู Xeon Scalable รุ่นถัดไป "Sapphire Rapids" และจีพียูศูนย์ข้อมูล "Ponte Vecchio" เพิ่มเติมด้วย
โพสต์นี้เอาเฉพาะ Sapphire Rapids อย่างเดียวก่อนนะครับ
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดของ Xeon "Sapphire Rapids" คือเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรมแบบ modular ที่อินเทลเรียกว่า multi-tile design หรือการแบ่งชิปย่อย (tile) แล้วนำมาวางต่อกันผ่านบัส interconnect แทนผลิตชิปทั้งหมดลงบนแผ่น die แผ่นเดียว (ลักษณะเดียวกับที่ AMD Zen ใช้มาสักระยะหนึ่งแล้ว เท่ากับว่าสุดท้ายอินเทลก็ต้องยอมเดินตาม AMD)
ความแตกต่างคืออินเทลให้แพ็กเกจแบบวางตั้งที่เรียกว่า Embedded Multi-die Interconnect Bridge (EMIB) ซึ่งใช้กับหน่วยประมวลผลตัวอื่นๆ อย่าง Ponte Vecchio ด้วย
ในภาพที่อินเทลนำมาให้ดู Sapphire Rapids ประกอบด้วย 4 tiles ซึ่งแต่ละ tile มีทั้งหน่วยประมวลผลหลัก, ตัวช่วยเร่งการประมวลผล (accelerator), ตัวควบคุมหน่วยความจำและ I/O แยกของตัวเอง
หน่วยประมวลผลหลักของ Sapphire Rapids ใช้แกน Performance Core "Golden Cove" ตัวเดียวกับใน Alder Lake แต่เป็นเวอร์ชันใหญ่สำหรับงานศูนย์ข้อมูล
ของใหม่ที่สำคัญในแกน Golden Cove เวอร์ชันศูนย์ข้อมูล คือ หน่วยประมวลผลเมทริกซ์ (ข้อมูล 2 มิติ) ชื่อว่า Advanced Matrix Extensions (AMX) โดยเป็นฮาร์ดแวร์เร่งการประมวลผลแยกจากแกนซีพียูหลัก (ตอนนี้ยังมีเฉพาะใน Sapphire Rapids ไม่ได้มีบน Alder Lake)
AMX เป็นการขยายให้ซีพียูสามารถคำนวณเมทริกซ์ได้เยอะขึ้นในรอบสัญญาณเดียว (คำนวณเลขจำนวนเต็ม int8 ได้พร้อมกัน 2048 ชุด) เพิ่มขึ้น 8 เท่าจากชุดคำสั่งเดิม
วิธีการทำงานของ AMX คือโหลดข้อมูลจากแกนซีพียูหลัก มาใส่ TILES ก่อนแล้วนำไปคำนวณด้วย TMUL อีกทีหนึ่ง
อินเทลบอกว่าสร้าง AMX ขึ้นมารองรับโหลดงานประเภทใหม่ๆ คืองานสาย AI ที่ต้องประมวลผลเมทริกซ์เยอะๆ โดยตัวเลขของอินเทลเปรียบเทียบระหว่างชุดคำสั่ง AVX-512 ของเดิม (เวกเตอร์) และ AMX ของใหม่ (เมทริกซ์) จะเห็นว่า AMX สามารถประมวลผลต่อรอบสัญญาณได้เยอะกว่ามาก (8 เท่าถ้าเป็นข้อมูลแบบ INT8)
Sapphire Rapids จะมีทั้ง AVX-512 และ AMX มาให้ในตัว แต่ถ้าดูจากทิศทาง Alder Lake ปิดการทำงานของ AVX-512 ก็น่าสนใจถึงชะตากรรมของ AVX-512 ในระยะยาว
คลิปสาธิตการทำงานของ AMX ใน Sapphire Rapids
ของใหม่อีกอย่างใน Performance Core คือ Data Streaming Accelerator (DSA) เป็นการโยกงานพื้นฐาน อย่างการย้ายตำแหน่งของข้อมูล (data movement) จากแกนซีพียูหลักไปยังหน่วยประมวลผลรอง (อินเทลใช้คำว่า Acceleration Engines) ช่วยลดโหลดงานของแกนซีพียูหลักลง
การโยกงานจากแกนซีพียูหลักไปยัง AMX และ DSA จะผ่านตัวกระจายงาน (dispatch) ที่อินเทลเรียกว่า Accelerator Interfacing Architecture (AIA)
ของใหม่นอกแกนซีพียูหลัก ได้แก่ การรองรับแรม HBM (High-Bandwidth Memory) ที่ฝั่ง AMD รองรับมานานแล้ว, บัส Compute eXpress Link (CXL) 1.1, Ultra Path Interconnect (UPI) 2.0, PCIe 5.0
Sapphire Rapids จะผลิตโดยโรงงานของอินเทลเอง ใช้กระบวนการผลิต Intel 7 (10 นาโนเมตร) ตัวเดียวกับ Alder Lake กำหนดการวางจำหน่ายแบบคร่าวๆ คือในปี 2022
สรุปของใหม่ใน Sapphire Rapids
ที่มา - Intel |
# Clubhouse ซ่อนโปรไฟล์และไบโอของบัญชีชาวอัฟกันที่ไม่แอคทีฟเพื่อความปลอดภัย
Clubhouse ประกาศว่าทางบริษัทจะปรับการตั้งค่าของผู้ใช้ในอัฟกานิสถานโดย Clubhouse ระบุว่าจะซ่อนภาพและไบโอเพื่อทำให้บัญชีค้นหายากขึ้นเฉพาะผู้ใช้ที่ไม่ได้แอคทีฟแล้วราวหมื่นคน หลังจากที่กลุ่มตาลีบันยึดกรุงคาบูลและเริ่มทำการคุกคามประชาชนชาวอัฟกันจำนวนมาก
Clubhouse ระบุว่าการซ่อนข้อมูลของผู้ใช้ในอัฟกานิสถานนี้จะไม่ได้กระทบกับผู้ที่ติดตามบัญชี ซึ่งถ้าผู้ใช้ต้องการกลับมาเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ก็ทำได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าชาวอัฟกันสามารถใช้นามสมมติด้วยเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชนหรือความปลอดภัยได้
หลังจากกลุ่มตาลีบันยึดกรุงคาบูล ตอนนี้โซเชียลมีเดียเริ่มออกมาดำเนินการด้านเนื้อหาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ Facebook ก็ได้ตั้งทีมมอนิเตอร์เนื้อหาของอัฟกานิสถาน และยืนยันบล็อคเนื้อหาที่สนับสนุนกลุ่มตาลีบันมาแล้ว
ที่มา - Engadget, The Verge |
# ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลดไฟล์ ISO ของ Windows 11, แอพนาฬิการองรับ Focus Assist
ไมโครซอฟท์ออก Windows 11 Insider Preview Build 22000.160 มีของใหม่ที่สำคัญ 2 อย่าง
เปิดให้ดาวน์โหลดไฟล์ ISO ของ Windows 11 แล้ว (หน้าดาวน์โหลด) ทำให้ติดตั้ง Windows 11 โดยตรงง่ายขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ต้องใช้วิธีอัพเกรดจาก Windows 10 เท่านั้น
แอพนาฬิกาตัวใหม่ Clock เพิ่มฟีเจอร์ Focus Assist ตั้งเวลาทำงานแบบไม่มีอะไรรบกวน กำหนดช่วงเวลาได้เอง เล่นเพลงจาก Spotify ได้
ที่มา - Microsoft |
# Apple เลื่อนการเปิดให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงาน เป็นมกราคม 2022
มีรายงานว่าแอปเปิลได้แจ้งพนักงาน ว่าแผนการกลับเข้ามาทำงานในสำนักงานตามปกติ ได้เลื่อนออกไปเป็นเดือนมกราคมปีหน้า 2022 จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะแจ้งยืนยันอีกครั้งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน
เดิมแอปเปิลมีแผนให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานในเดือนกันยายน โดยกำหนดให้เข้าสำนักงาน 3 วันต่อสัปดาห์ ต่อมาก็เลื่อนเป็นเดือนตุลาคม และเป็นปีหน้า ทั้งนี้ตัวสำนักงานใหญ่ของแอปเปิล และร้าน Apple Store ยังคงเปิดอยู่ตามปกติ
ก่อนหน้านี้ Facebook ก็ประกาศเลื่อนการกลับมาทำงานในสำนักงานออกไปเป็นมกราคมปีหน้าเช่นกัน
ที่มา: CNBC |
# เผยกฎใหม่ OnlyFans: ห้ามเพศสัมพันธ์, ห้ามช่วยตัวเอง, ห้ามเห็นอวัยวะเพศ ต้องลบทิ้งก่อนธันวาคมนี้
ข่าวใหญ่ในวงการโซเชียลมีเดียเมื่อวานคือ OnlyFans ประกาศแบนเนื้อหาทางเพศในเดือนตุลาคมนี้ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าเนื้อหาแรงแค่ไหนถึงจะโดนแบน
ล่าสุด OnlyFans ได้เผยแพร่เงื่อนไขการใช้งานฉบับใหม่ออกมาแล้ว โดยส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาระบุว่าห้ามแสดง, โฆษณา หรืออ้างถึงเนื้อหาทางเพศ ดังนี้
เพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือจำลองขึ้นมา ในรูปแบบใช้อวัยวะเพศกับอวัยวะเพศ, ปากกับอวัยวะเพศ, ทวารหนักกับอวัยวะเพศ, ปากกับทวารหนัก ระหว่างบุคคลเพศใดก็ตาม
การช่วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือจำลองขึ้นมา
แสดงอวัยวะเพศหรือทวารหนักของบุคคลใดก็ตาม ในรูปแบบที่โจ่งแจ้งมากๆ
แสดงของเหลวที่ร่างกายหลั่งออกมาระหว่างกิจกรรมทางเพศ
ครีเอเตอร์คนใดที่เคยอัพโหลดคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาตามด้านบน ต้องลบออกก่อนวันที่ 1 ธันวาคมนี้ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงวัน) หากไม่ลบหรือฝ่าฝืนอัพโหลดเนื้อหาเหล่านี้เข้าไปอีก อาจถูกแบนหรือลบบัญชี รวมถึงรายได้ที่ยังอยู่ในระบบก็อาจถูกอายัดได้
ทั้งนี้ คอนเทนต์ประเภทนู้ดยังอนุญาตให้อัพโหลดได้ สามารถแสดงเรือนร่างและส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ตราบใดที่ไม่ได้โชว์อย่างโจ่งแจ้งมากๆ หรือซูมเข้าไปใกล้เกินเหตุ
เงื่อนไขการใช้งานฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ แปลว่าคอนเทนต์ใหม่ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขจะถูกห้ามอัพโหลดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ส่วนเนื้อหาเดิมต้องถูกลบออกก่อน 1 ธันวาคม 2021
OnlyFans เป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตยิ่งใหญ่มาด้วยเนื้อหาที่พวกเขากำลังจะแบนนี้ น่าสนใจว่าครีเอเตอร์ที่อยู่บนแพลตฟอร์มราว 2 ล้านคนจะปรับตัวอย่างไร
ที่มา - The Verge
ภาพจาก Shutterstock |
# Cloudflare ป้องกัน DDoS ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 17.2 ล้านครั้งต่อวินาที
Cloudflare เปิดเผยว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ป้องกันการยิง DDoS ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขนาด 17.2 ล้านครั้งต่อวินาที (request-per-second หรือ rps) ซึ่งใหญ่เกือบ 3 เท่าของสถิติเดิม
Cloudflare เปรียบเทียบขนาดความใหญ่ของ DDoS ครั้งนี้ว่า ทราฟฟิกตาม HTTP ปกติของ Cloudflare อยู่ที่ 25 ล้าน rps (สถิติในไตรมาส 2/2021) ดังนั้นการยิง DDoS คิดเป็น 68.2% ของทราฟฟิกปกติเลยทีเดียว
การยิง DDoS ครั้งนี้เป็นการโจมตีลูกค้าสถาบันการเงินแห่งหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ กระบวนการใช้เครือข่าย botnet จำนวน 20,000 เครื่องกระจายกันใน 125 ประเทศช่วยกันยิงทราฟฟิก (จำนวนรวม 330 ล้านครั้งตลอดระยะการโจมตี)
ระบบป้องกันของ Cloudflare ที่สร้างจาก denial of service daemon (dosd) แล้วกระจายตัวอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของ Cloudflare สามารถตรวจจับการโจมตี DDoS ได้แบบเรียลไทม์ และเขียนกฎการป้องกันตามรูปแบบการโจมตีที่เกิดขึ้นได้อัตโนมัติ (กรณีนี้คือ บล็อคแพ็กเก็ตที่ L4 ไปเลย แทนการตอบ 403 ที่ L7 เพราะเปลืองต้นทุนมากกว่า) โดยที่ไม่ต้องให้คนของ Cloudflare มาสั่งงานด้วยมือ
ที่มา - Cloudflare |
# Windows Server 2022 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ว ซัพพอร์ตนาน 10 ปี ใช้ได้ถึงปี 2031
ไมโครซอฟท์ปล่อยไฟล์ Windows Server 2022 ตัวจริงมาแบบเงียบๆ หลังเปิดให้ลูกค้ากลุ่มพาร์ทเนอร์ดาวน์โหลดผ่าน Evaluation Center มาได้สักระยะหนึ่ง
Windows Server 2022 มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยคือ Datacenter, Datacenter: Azure Edition, Standard โดยรุ่น Azure จะมีฟีเจอร์เยอะที่สุด (รายการเปรียบเทียบ) มีระยะซัพพอร์ตนาน 5+5 ปี สิ้นสุดวันที่ 14 ตุลาคม 2031 รายการฟีเจอร์ใหม่
ไมโครซอฟท์เพิ่งประกาศหยุดทำ Windows Server รุ่นออกใหม่ทุก 6 เดือน ดังนั้น Windows Server จะเหลือแต่รุ่นใหญ่ที่ออกทุก 2-3 ปี แบบที่เราคุ้นเคยกันจาก Windows Server 2012, 2016, 2019 และล่าสุดคือ 2022
ที่มา - Microsoft, The Register |
# Dies a painful death? ซีพียู Alder Lake ไม่รองรับชุดคำสั่ง AVX-512 แล้ว
หลังจาก Intel เพิ่มชุดคำสั่ง AVX-512 เข้ามาใน CPU 11th Gen Core Rocket Lake ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Sunny Cove เดียวกันกับ Ice Lake ฝั่งโน๊ตบุ้ค
Intel เปิดตัว CPU ไฮบริด Alder Lake ซึ่งมีทั้ง Performance Core (P-core) สถาปัตยกรรม Golden Cove รองรับชุดคำสั่ง AVX-512 และ Efficient Core (E-core) สถาปัตยกรรม Gracemont ไม่รองรับ AVX-512 ทำให้เกิดคำถามว่าในเมื่อสถาปัตยกรรมทั้งสองรองรับชุดคำสั่งไม่เท่ากัน Alder Lake จะรองรับ AVX-512 หรือไม่
ปรากฎว่า Intel เลือกปิดการทำงาน AVX-512 ในทางกายภาพจาก CPU Alder Lake ทำให้แม้เลือกปิดการใช้งาน E-core ตอนบูตก็ไม่สามารถใช้งานชุดคำสั่ง AVX-512 ได้
ต้องรอดูต่อไปว่า AVX-512 จะกลับมาใน CPU Gen หน้าหรือจะตายอย่างเจ็บปวดจากตลาด Consumer ไปแล้วจริง ๆ
ที่มา - AnandTech |
# พบโค้ดใน Twitter Spaces อาจกำหนดให้ฟังย้อนหลัง และตั้งกฎของห้องได้
Nima Owji นักพัฒนาได้ทวีตข้อมูลจากการแกะแอป Twitter ย้อนกลับ พบว่า Twitter Spaces บริการคุยเสียง เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในอนาคตที่น่าสนใจหลายอย่าง
ข้อมูลแรกคือการตั้งกฎ (Rule) ของห้องสนทนา ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร ถัดมาคือการล็อกห้องสนทนา อาจหมายถึงจำกัดกลุ่มผู้เข้าร่วมได้
อีกสองคุณสมบัติคือ Replay สำหรับการฟังย้อนหลัง และสามารถดูได้ว่ามีใครจะเข้าร่วมการสนทนาบ้าง แต่คาดว่าฟีเจอร์นี้ผู้ดูแลห้องต้องกำหนดว่าจะให้บันทึกหรือไม่
ฟีเจอร์ทั้งหมดเป็นการค้นพบจากโค้ด ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีให้ใช้งานจริงก็ได้ในอนาคต
ที่มา: 9to5Mac |
# Facebook เปิดตัวห้องทำงานเสมือน Horizon Workrooms สำหรับแว่น VR Oculus
Facebook มีบริการโซเชียลแบบ VR เป็นอวตารในโลกเสมือนจริงชื่อ Horizon เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019
ล่าสุด Facebook ขยับขยายมาเป็นโลก VR สำหรับการทำงาน ประชุมคุยงานกันในยุค work from home ในชื่อว่า Horizon Workrooms โดยใช้ได้เฉพาะ Oculus Quest 2 เท่านั้น
Horizon Workrooms เป็นโลกอวตารสำหรับการคุยงาน ผู้ใช้สามารถสร้างอวตารได้ตามปกติของ Horizon สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือโต๊ะทำงานเสมือน โต๊ะประชุม กระดานไวท์บอร์ด รวมถึงการแก้ไขเอกสารร่วมกัน
Facebook บอกว่าผนวกเทคโนโลยีจากโลกจริงหลายอย่างเข้ามาในโลก VR เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ผ่าน Remote Desktop, การจำลองมือขณะพิมพ์คีย์บอร์ดจริงๆ, ระบบเสียงแบบ spatial audio, การซิงก์ปฏิทิน Outlook/Google Calendar ฯลฯ เพื่อสะท้อนการทำงานจริงๆ แต่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมเป็น VR ให้รู้สึกใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น
ที่มา - Facebook |
# เลื่อนแล้วก็ยังทำไม่ทัน Halo Infinite จะไม่มีโหมด Campaign Co-Op ในวันที่ขายจริง
หลังจากเกมต้องเลื่อนวางขายมา 1 ปีเต็ม มหากาพย์ความล่าช้าของ Halo Infinite ยังไม่จบง่ายๆ เพราะล่าสุดสตูดิโอ 343 Industries ประกาศว่า Halo Infinite จะไม่มีโหมด Campaign Co-Op และตัวแก้ไขเลเวล Halo Forge ในช่วงที่วางขาย
Joseph Staten หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟของ 343 Industries ระบุว่าโหมด Campaign Co-Op ที่ให้ผู้เล่นหลายคนช่วยกันบุกด่าน ถือเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากการเล่นคนเดียว เพราะมุมมองของผู้เล่นเปลี่ยนไป เกมจะไม่เป็นเส้นตรงมากขึ้น แต่ก็มีความซับซ้อนสุงขึ้นตามมา ทำให้ทีมงานตัดสินใจเลื่อนโหมด Campaign Co-Op เพื่อไปปล่อยเป็นอัพเดตในภายหลัง
ประกาศนี้ทำให้ Halo Infinite จะมีแต่โหมดเนื้อเรื่อง และโหมดมัลติเพลเยอร์ (ที่จะเปิดให้เล่นฟรี) เมื่อเกมวางขายช่วงปลายปีนี้ (ยังไม่ประกาศวันที่แน่ชัด)
ที่มา - Game Informer |
# Epic Games Store มีผู้ใช้ต่อเดือน 58 ล้านคน ประมาณครึ่งหนึ่งของ Steam แล้ว
ในประกาศของ Epic Games ที่เตรียมเปิดให้นักพัฒนานำเกมขึ้นขายเอง (Self-Publishing) บริษัทยังเปิดเผยสถิติผู้ใช้ต่อเดือน 58 ล้านคน (monthly active users)
ตัวเลขนี้ขยับเพิ่มขึ้นจากสถิติปี 2019 ที่ Epic บอกว่ามีผู้ใช้ต่อเดือน 32 ล้านคน และสิ้นปี 2020 ที่มีผู้ใช้ 56 ล้านคน หากเรานำไปเทียบกับ Steam สถิติล่าสุดเปิดเผยในปี 2020 ว่ามีผู้ใช้ต่อเดือน 120 ล้านคน เท่ากับว่าตอนนี้ Epic มีฐานผู้ใช้ประมาณครึ่งหนึ่งของ Steam แล้ว
หากเทียบจำนวนเกมที่วางขาย ตอนนี้ Epic Games ยังมีเพียง 650 เกม น้อยกว่า Steam มาก ต้องรอดูกันว่ายุทธศาสตร์การเปิด Self-Publishing จะช่วยให้จำนวนเกมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อดึงดูดผู้ใช้จาก Steam มาได้แค่ไหน
ที่มา - Epic Games, Protocol |
# Microsoft 365 สำหรับลูกค้าองค์กร ประกาศขึ้นราคา มีผลในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ไมโครซอฟท์ประกาศขึ้นราคาการใช้งาน Microsoft 365 สำหรับลูกค้าองค์กร โดยบอกว่าเป็นการขึ้นราคาครั้งแรกนับตั้งแต่ Office 365 เปิดตัวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และรีแบรนด์เมื่อปีที่แล้ว
ในช่วงแรก Office 365 เป็นบริการที่เด่นเรื่องชุดซอฟต์แวร์ Office แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มแอปเข้ามาอีก 24 รายการ อาทิ Microsoft Teams, Power Apps, Power BI, Visio, OneDrive และ Yammer มีการเพิ่มฟีเจอร์สำคัญมากกว่า 1,400 รายการ เน้นในด้าน การติดต่อสื่อสารทำงานร่วมกัน ระบบความปลอดภัยสำหรับลูกค้าองค์กร และเครื่องมือด้าน AI
ราคาใหม่ของ Microsoft 365 สำหรับลูกค้าองค์กร จะเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 มีนาคม 2022 หรืออีก 6 เดือนข้างหน้า รายละเอียดดังนี้
Microsoft 365 Business Basic 6 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้งานต่อเดือน (เดิม 5)
Microsoft 365 Business Premium 22 ดอลลาร์ (เดิม 20)
Office 365 E1 10 ดอลลาร์ (เดิม 8)
Office 365 E3 23 ดอลลาร์ (เดิม 20)
Office 365 E5 38 ดอลลาร์ (เดิม 35)
Microsoft 365 E3 36 ดอลลาร์ (เดิม 32)
ทั้งนี้ราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามภูมิภาค และการปรับราคาครั้งนี้ไม่มีผลกับลูกค้าภาคการศึกษา และลูกค้าที่ใช้งานส่วนบุคคล
ที่มา: ไมโครซอฟท์ ผ่าน CNBC |
# อินเทลเปิดตัว XeSS เทคนิค Upscale 4K ด้วย AI เหมือน DLSS, ใช้กับจีพียูค่ายอื่นได้ด้วย
อินเทลประกาศฟีเจอร์ด้านการ upscaling กราฟิกด้วย AI ของตัวเองชื่อ XeSS (Xe Super Sampling) ในลักษณะเดียวกับ DLSS ของฝั่ง NVIDIA (ฝั่ง AMD มี FidelityFX Super Resolution แต่ไม่ได้เป็น AI ช่วย)
XeSS ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ภาพพิกเซลข้างเคียง ภาพจากเฟรมก่อนหน้า มาช่วยสร้างภาพที่ความละเอียดสูงขึ้นเป็น 4K โดยใช้เทคนิค neural network ไม่ต้องประมวลผลแบบเนทีฟ 4K ที่กินแรงเครื่อง
จุดต่างคือในจีพียู Intel Arc นับตั้งแต่รุ่นแรก (โค้ดเนม Alchemist) มีหน่วยประมวลผลเมทริกซ์ (Matrix Engines) ที่เรียกว่า XMX ช่วยให้รัน XeSS ได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย (กราฟเส้นที่สองจากด้านบน) ทำให้การรัน XeSS โดยมี XMX ช่วยถือเป็นจุดที่สมดุล ระหว่างภาพ 4K เนทีฟที่เรนเดอร์นาน (กราฟเส้นแรก) กับการทำ upscale 4K โดยไม่ใช้ AI (กราฟเส้นที่สี่) ที่ได้ภาพไม่คมชัดมากพอ
อินเทลยังบอกว่าเปิด XeSS ให้ทำงานบนจีพียูของบริษัทอื่นๆ ที่ไม่มี XMX รวมถึงจีพียูออนบอร์ดของอินเทลเองได้ ผ่านชุดคำสั่ง DP4a แทน ซึ่งจะได้ประสิทธิภาพดีไม่เท่ากับ XMX แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างดีอยู่เช่นกัน
อินเทลบอกว่าจะเปิด XeSS SDK เวอร์ชัน XMX ให้นักพัฒนาเกมใช้งานภายในเดือนสิงหาคมนี้ และเวอร์ชัน DP4a จะตามมาภายในปีนี้
อินเทลยังไม่ได้โชว์การเปรียบเทียบ XeSS ของตัวเองกับเทคนิค Super Sampling ของค่ายอื่นทั้ง NVIDIA DLSS และ AMD FidelityFX Super Resolution แต่ถ้าดูจากฟีเจอร์ที่ใช้ AI ช่วยแบบ DLSS แต่ใช้กับจีพียูค่ายอื่นได้แบบ AMD ก็น่าสนใจไม่น้อย ที่เหลือคงขึ้นกับว่าอินเทลจะสามารถชักจูงนักพัฒนาเกมให้มาสนใจใช้ XeSS ของตัวเองได้มากแค่ไหน
ที่มา - Intel |
# NASA ชะลอโครงการยานจอดดวงจันทร์ SpaceX ชั่วคราว หลังโดน Blue Origin ฟ้อง
NASA ประกาศชะลอโครงการพัฒนายานจอดดวงจันทร์ HLS ของ SpaceX ชั่วคราว หลัง Blue Origin ยื่นฟ้อง NASA เมื่อไม่กี่วันก่อน
NASA ระบุว่าจะหยุดโครงการนี้ไปจนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน ระหว่างรอศาลไต่สวน โดยศาลนัดทั้งสองฝ่ายมาให้การในวันที่ 14 ตุลาคม
ที่มา - Reuters/Yahoo Finance
ภาพจาก NASA |
# เปิดตัว Alder Lake เริ่มยุค x86 แบบไฮบริด คอร์ใหญ่+เล็ก สถาปัตยกรรมเดียวใช้ทั้งเดสก์ท็อป-โน้ตบุ๊ก
อินเทลเปิดตัวซีพียูสถาปัตยกรรม Alder Lake ที่จะออกวางขายช่วงปลายปี 2021 (นับเป็น 12th Gen ถ้ายังใช้ชื่อ Core ทำตลาดแบบของเดิม)
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Alder Lake คือเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรมไฮบริด คอร์ใหญ่ผสมกับคอร์เล็ก เพื่อรองรับโหลดงานที่หลากหลาย แบบเดียวกับ big.LITTLE ที่เราคุ้นจากฝั่ง Arm
อินเทลเรียกคอร์ใหญ่ว่า Performance Core (P-core) ใช้คอร์ซีพียู Golden Cove (ตัวต่อจาก Willow Cove ที่ใช้ใน Tiger Lake) เน้นงานเธร็ดเดี่ยว โดยระบุว่าประสิทธิภาพในงานประมวลผลทั่วไป general purpose เพิ่มขึ้น 19% จาก 11th Gen และเรียกคอร์เล็กว่า Efficient Core (E-core) ใช้คอร์ซีพียู Gracemont (ตระกูลที่ใช้ในสาย Atom) นำมายกเครื่องใหม่ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น เหมาะกับชิปที่มีทรานซิสเตอร์หนาแน่นกว่าเดิม เน้นงานมัลติเธร็ด
การที่ Alder Lake มีซีพียูทั้งสองประเภท ทำให้การเลือกว่าจะใช้คอร์ใหญ่หรือเล็กเป็นความท้าทาย อินเทลจึงแก้ปัญหานี้ด้วยกาเพิ่ม Intel Thread Director เป็นเลเยอร์ที่อยู่ระหว่าง OS Scheduler และตัวซีพียูโดยตรง ทำหน้าที่บอกสถานะของแต่ละคอร์ เพื่อให้ OS ตัดสินใจเลือกคอร์ได้อย่างเหมาะสม
Thread Director ยังช่วยเรื่องการย้ายงานไปรันจากคอร์เล็ก-คอร์ใหญ่ ตามสถานะของงานที่อาจเปลี่ยนไประหว่างทางด้วย
การเปลี่ยนแปลงอีกอย่างของ Alder Lake คือเป็นสถาปัตยกรรมซีพียูตัวเดียว ใช้ได้กับงานทุกประเภท ตั้งแต่ซีพียู Ultra Mobile กินไฟต่ำ 9 วัตต์ ไปจนถึงซีพียูเดสก์ท็อปสมรรถนะสูง 125 วัตต์ (ผลิตด้วยกระบวนการแบบ Intel 7 ที่ไม่ได้แปลว่า 7 นาโนเมตร)
แนวทางใหม่นี้ทำให้เราไม่ต้องแยกซีพียูสายโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อปที่เป็นคนละตัวแล้ว อย่างใน Gen 11 เรามี Tiger Lake เป็นฝั่งโน้ตบุ๊ก และ Rocket Lake เป็นฝั่งเดสก์ท็อป ซึ่งมีฟีเจอร์ไม่เท่ากัน กระบวนการผลิตไม่เท่ากัน
Alder Lake จะมีคอร์สูงสุด 16 คอร์ และเธร็ดสูงสุด 24 เธร็ด (คอร์ใหญ่มี 2 เธร็ด, คอร์เล็ก 1 เธร็ด) ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ นอกตัวคอร์ซีพียูหลักคือ
รองรับแรม DDR5-4800 และ LP5-5200
รองรับ PCIe Gen 5 จำนวน x16 เลน
รองรับ Thunderbolt 4 และ Wi-Fi 6E
อินเทลยังไม่เผยรายละเอียดรุ่นย่อยของ Alder Lake และยังไม่บอกว่าจะทำตลาดฝั่งเดสก์ท็อปหรือโน้ตบุ๊กก่อน บอกแค่ว่าจะเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปลายปี 2021
ที่มา - Intel, Intel (PDF) |
# Epic Games Store เริ่มเปิดทดสอบ ให้ผู้พัฒนาลงขายเกมได้เองเหมือน Steam Direct
ปัจจุบัน การลงขายเกมบน Epic Games Store ต้องทำผ่านการดีลตรงกับ Epic Games แทบทุกขั้นตอน สร้างความยุ่งยากให้กับทีมพัฒนาขนาดเล็ก แตกต่างจาก Steam ที่มี Steam Direct ให้ผู้สร้างสามารถลงขายเกมบน Steam ได้เองทันที แต่ตอนนี้ Epic Games เริ่มเปิดทดสอบให้นักพัฒนานำเกมขึ้นได้เองแล้ว
ในช่วงเริ่มต้นผู้พัฒนาจะต้องสมัครผ่านฟอร์มเพื่อเข้าร่วมทดสอบระบบและใช้เครื่องมือในการนำเกมลงขายหน้าร้านของ Epic ก่อน
ผู้พัฒนาที่ได้รับคัดเลือกจะสามารถสร้างหน้าผลิตภัณฑ์ของตัวเอง รวมไปถึงตั้งราคา ส่วนลด ตั้ง achievements ต่างๆ รวมถึงปล่อยอัพเดตตัวเกมเวอร์ชั่นต่างๆ ได้เอง โดยไม่ต้องให้ Epic Games เป็นผู้จัดการ
ข้อห้ามของการเกมบน Epic หลายๆ อย่างคล้ายกับของ Steam คือห้ามขายเกมที่มีเนื้อหาสร้างความเกลียดชังหรือเหยียดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เกมที่เนื้อหาผิดกฎหมาย เกมปลอม หรือเป็นมัลแวร์ที่ทำทีว่าเป็นเกม ข้อแตกต่างคือห้ามมีเนื้อหาโป๊เปลือยโดยสิ้นเชิง ขณะที่ Steam อนุญาตให้มีภาพโป๊เปลือยได้ แต่ต้องไม่ใช่ภาพคนจริง
ระบบนำเกมลงขายได้เองนี้น่าจะเพิ่มจำนวนเกมที่อยู่บน Epic Games Store ได้มากขึ้น ทั้งเกมจากบริษัทใหญ่และนักพัฒนาอินดี้ แต่ก็น่าจับตาเพราะปัจจุบัน Epic Games Store ยังไม่มีระบบรีวิวหรือคอมเม้นต์จากผู้เล่น หากเปิดใช้งานระบบนำเกมลงขายได้เอง แต่มีเกมที่ไร้คุณภาพหรือมีปัญหาหลุดเข้ามา อาจทำให้ผู้เล่นไม่รู้ข้อมูลก่อนได้ คงต้องหวังพึ่งการคัดกรองของทีมงาน Epic Games อย่างเดียว
ที่มา - Epic Games |
# Tesla เปิดตัวชิปฝึกปัญญาประดิษฐ์ของตัวเอง สร้างคลัสเตอร์พลังประมวลผล 1.1 exaFLOPS
Tesla เปิดตัวชิปฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ของตัวเอง เป็นสถาปัตยกรรมเฉพาะชื่อว่า Dojo โดยชิปแต่ละตัวเป็นคอร์ขนาดเล็กพร้อมชุดคำสั่งประมวลผลข้อมูลแบบเวคเตอร์และเมทริกซ์ เชื่อมต่อกับคอร์อื่นๆ ด้วยช่องทางเชื่อมต่อแบนวิดท์สูง
ชิป D1 สถาปัตยกรรม Dojo แต่ละตัวมีซีพียูหรือที่ทาง Tesla เรียกว่า Training Node จำนวน 354 ชุด พลังประมวลผลรวม 362 เทราฟลอบ (ที่ bfloat16) เชื่อมต่อข้อมูลนอกชิปได้ 16 เทราไบต์ต่อวินาที (ด้านละ 4 เทราไบต์ต่อวินาที) ตัวชิปมีสเปคปล่อยความร้อน 400 วัตต์
หลังจากนั้น Tesla นำชิป 25 ตัวมาประกอบเป็นโมดูลชื่อว่า Training Tile มีส่วนประกอบสำหรับการจ่ายไฟและการระบายความร้อน สามารถระบายความร้อนได้ 15,000 วัตต์ พลังประมวลผล 9 เพตาฟลอบที่ bfloat16 เชื่อมต่อภายนอกโมดูลด้วยแบนด์วิดท์ 36 เทราไบต์ต่อวินาที
เซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวเรียกว่า Training Matrix เป็นโมดูล Training Tile จำนวน 6 ตัว จากนั้นประกอบเป็นตู้โดยใช้ 6 Training Matrix และรวมเป็นคลัสเตอร์ขนาด 10 ตู้ เรียกว่า ExaPOD พลังประมวลผล 1.1 เอกซาฟลอบ (exaFLOPS) โดยรวมแล้วมีชิป D1 ทั้งหมด 3,000 ชิป รวมมากกว่า 1 ล้านคอร์
เพื่อให้ซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์รองรับสถาปัตยกรรม Dojo ที่ต่างจากการฝึกปัญญาประดิษฐ์บนสถาปัตยกรรมอื่นๆ ทาง Tesla ต้องสร้างชุดซอฟต์แวร์ขึ้นมาใหม่ โดยต้องปรับโค้ด PyTorch เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อาศัยการสร้าง Dojo Compiler Engine ที่พัฒนาจาก LLVM มาวางแผนการจัดวางหน่วยประมวลผลและการใช้หน่วยความจำให้รีดประสิทธิภาพของชิป D1 ออกมาให้มากที่สุด
ตอนนี้ทาง Tesla ยังอยู่ระหว่างการสร้างเครื่อง ExaPOD เครื่องแรกเพื่อใช้งานภายใน โดยระบุว่าที่ราคาเท่านั้น ExaPOD ประสิทธิภาพดีกว่าคู่แข่ง 4 เท่าตัว ประสิทธิภาพต่อพลังงานดีกว่า 1.3 เท่าตัว และขณะเดียวกันก็วางแผนสำหรับเครื่องรุ่นที่สองที่คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นแรกถึง 10 เท่าตัว
ที่มา - Tesla AI Day |
# Tesla รายงานการอัพเกรดซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์: ประมวลภาพจากกล้องหลายตัวพร้อมกัน, จำลองการตัดสินใจของรถคันอื่น
ในงาน AI Day วันนี้ Tesla รายงานถึงการปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ในระบบขับรถอัตโนมัติ เปลี่ยนรูปแบบจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ประมวลผลภาพจากกล้องแต่ละตัว (ในรถมีกล้อง 8 ตัว) มาเป็นโมเดลที่ซับซ้อนขึ้น สามารถประมวลผลจากกล้องได้พร้อมกัน
โมดเดลปัญญาประดิษฐ์ของ Tesla มีหน้าที่สำคัญคือแปลงภาพจากกล้องรอบรถให้กลายเป็นภาพมุมมองด้านบน เพื่อวางแผนการขับขี่ การจับวัตถุจากกล้องแต่ละตัวแยกจากกันทำให้ไม่แน่ใจว่ารถที่เห็นจากกล้องแต่ละตัวเป็นรถคันเดียวกันหรือไม่ ระบบควบคุมที่มองภาพรวมทำให้มองเห็นว่าสภาพแวดล้อมโดยรวมเป็นอย่างไร
การสร้างชุดข้อมูลสำหรับฝึกปัญญาประดิษฐ์เป็นอีกประเด็นที่ Tesla ต้องลงทุนอย่างหนัก โดยใช้เจ้าหน้าที่กว่าพันคนในการ label ชุดข้อมูลที่เป็นวิดีโอจากตัวรถ โดยระบบใช้การ label แบบ end-to-end คือการแปลงภาพจากกล้องทั้ง 8 ตัวให้เป็นภาพสามมิติแล้ว label วัตถุในภาพทีเดียว แทนที่จะไปวาดกรอบล้อมวัตถุทีละภาพ
กระบวนการตัดสินใจภายในของ Full Self Driving ต้องอาศัยการจำลองการตัดสินใจของรถคันอื่นๆ ในท้องถนนเพื่อให้ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น ในงาน Tesla สาธิตการขับขี่ในถนนที่รถจอดจนเหลือเพียงเลนเดียว แล้วมีรถสวนมา ทำให้ต้องคาดเดาว่าใครจะเป็นคนหลีกทางให้เพื่อให้รถสวนไปได้ หาก Tesla คาดว่ารถที่สวนมาจะให้ทางก็จะไม่ลดความเร็วโดยไม่จำเป็น แต่หากคาดว่ารถที่สวนมาจะขอสวนมาก่อนก็จะรีบหยุดให้ทาง
ที่มา - Tesla AI Day |
# Quake ฉลอง 25 ปี ออกบนคอนโซลยุคใหม่ ความละเอียด 4K เพิ่มฉากใหม่
ตรงตามข่าวหลุดก่อนหน้านี้ Bethesda ปลุกชีพเกม Quake ต้นแบบของ FPS 3D ฉลองครบ 15 ปีด้วยการปรับมารันบนฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ คือ พีซี, PS4, Xbox One, Switch รวมถึงเล่นบนเครื่องคอนโซลเจนใหม่ PS5 และ Xbox Series X|S แบบ backward compatible และอนาคตจะเพิ่มการรองรับความละเอียด 4K 120Hz แบบเนทีฟ
กราฟิกของ Quake จะถูกปรับปรุงใหม่หลายด้าน ทั้งการปรับโมเดลตัวละครในเกม, dynamic lighting, anti-aliasing, depth-of-field, ปรับกราฟิกเป็น 4K รองรับจอแบบ widescreen
โหมดการเล่นมัลติเพลเยอร์แบบดั้งเดิมยังอยู่เหมือนเดิม และเพิ่มการเล่นแบบ co-op สูงสุด 4 คนในโหมดเนื้อเรื่อง เพิ่มเลเวลใหม่อีก 2 เลเวลโดยสตูดิโอ Machine Games ที่ทำเกมซีรีส์ Wolfenstein
ลูกค้าที่เคยซื้อเกม Quake เวอร์ชันพีซีไปแล้ว (ทั้งผ่าน Steam และ Bethesda.net) จะได้เกมเวอร์ชันอัพเกรดฟรี ส่วนเวอร์ชันคอนโซลขายในราคา 9.99 ดอลลาร์
Quake เวอร์ชันใหม่ (เรียกว่า enhanced) มีให้เล่นฟรีบน Xbox Game Pass และในโอกาสเดียวกัน Quake II และ Quake III Arena ก็ลง Game Pass ด้วยเช่นกัน
ที่มา - Bethesda |
# ไม่มีใครแปลกใจ Skyrim ออก Anniversary Edition รวมเนื้อหา Creation Club วางขาย 11 พฤศจิกายนนี้
ในงาน Quakecon วันนี้ Bethesda เปิดเผยว่าเตรียมวางขาย The Elder Scrolls V: Skyrim อีกครั้ง ในชื่อ Anniversary Edition ครบรอบ 10 ปี มาพร้อมภาคเสริมทุกภาค และรวม mod ยอดนิยมกว่า 500 ตัว จาก Creation Club ศูนย์รวม mod อย่างเป็นทางการของเกม ส่วนใหญ่มาจากผู้เล่นสร้างเอง และเพิ่มกิจกรรมใหม่ๆ เช่นการตกปลา ที่ทีมงานพัฒนาเพิ่มเข้ามา (ผู้เล่นเวอร์ชั่นอื่นได้อัพเดตระบบตกปลาฟรี ส่วนราคา Anniversary Edition ยังไม่เปิดเผย)
Skyrim ออกภาคพิเศษมาแล้วหลายครั้ง เคยออกทั้ง Legendary Edition ที่เป็นภาคหลักรวมภาคเสริมแบบออริจินัล, Special Edition ภาคหลักรวมภาคเสริม แบบอัพเกรดกราฟฟิกและลง Nintendo Switch, Skyrim VR ไว้เล่นกับระบบแว่น VR และ Skyrim: Very Special Edition ที่ให้ผู้เล่นเล่นได้ผ่านการคุยกับ Alexa ซึ่งเหมือนเป็นมุก April Fools แต่กลับทำออกมาจริง และเล่นได้จริง
Skyrim Anniversary Edition เตรียมลง PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One และ PC แต่ไม่ลง Nintendo Switch ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเป็นวันที่เกมวางจำหน่ายครบ 10 ปีพอดี
ที่มา - Kotaku |
# Google เผย เฉพาะในสหรัฐฯ มีตัวเลขขอเข้าถึงข้อมูลโดยรัฐ 3 ปีรวมกันกว่า 2 หมื่นรายการ
Google เผยในสหรัฐฯ ตัวเลขการขอเข้าถึงข้อมูลอุปกรณ์และข้อมูลส่วนตัวและพิกัดโดยรัฐ โดยในสามปีมีตัวเลขขอเข้าถึง 20,932 รายการแบ่งเป็นปี 2018 มี 982, ปี 2019 เพิ่มขึ้นเป็น 8,396 และปี 2020 เพิ่มขึ้นเป็น 11,554 การร้องขอส่วนใหญ่ได้รับจากหน่วยงานท้องถิ่นและของรัฐ โดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางคิดเป็นเพียง 4%
ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงจำนวนการร้องขอ ไม่ได้ระบุว่า Google ให้ความร่วมมือจำนวนเท่าไร และข้อมูลที่ขอไปใช้ในการสืบสวนเรื่องใดบ้าง โดย Google ระบุเพียงว่าได้ตรวจสอบคำขอแต่ละรายการอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามกฎหมายที่บังคับใช้ และแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลระบุตัวตน เว้นเสียแต่มีคำสั่งศาลห้ามไว้
มีข้อวิจารณ์ด้วยว่า การขอเข้าถึงข้อมูลใสนลักษณะนี้ ผิดรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการบังคับให้ Google ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ ในปี 2019 The New York Times รายงานว่า Google เก็บข้อมูลไว้ที่ฐานข้อมูล Sensorvault บรรจุข้อมูลการใช้มือถืออย่างละเอียดของคนทั่วโลก เพื่อการระบุเป้าหมายโฆษณา ซึ่งเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงหากเข้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้
ที่มา - TechCrunch, Google |
# Tesla เปิดตัว Tesla Bot ใช้ทำงานที่ซ้ำซากและน่าเบื่อแทนมนุษย์ ฝังชิปเดียวกับรถ Tesla
วันนี้ Tesla จัดงาน AI Day นำเสนอความคืบหน้าด้านโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่นำมาใช้กับระบบ Autopilot ในรถยนต์ รวมถึงเปิดตัวชิป D1 ที่ Tesla ออกแบบเองสำหรับเทรนโมเดล และในช่วงท้ายของการนำเสนอ Elon Musk ได้เปิดตัว Tesla Bot หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์
Elon Musk ระบุว่าในเมื่อ Tesla มีโมเดล AI ที่ล้ำขนาดนี้ก็ควรนำมาใช้ในรูปแบบมนุษย์ด้วย จึงอยากสร้าง Tesla Bot มาทำงานที่ซ้ำซากและน่าเบื่อแทนมนุษย์ โดยส่วนหัวมีกล้องแบบเดียวกับรถ Tesla รวมถึงระบบประมวลผลก็จะใช้คอมพิวเตอร์ FSD (Full-Self Driving) ที่ปัจจุบันใช้อยู่ในรถ Tesla เช่นกัน อีกทั้ง AI ในตัวก็จะมาจากการเทรนด้วยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ Dojo ที่ Tesla ใช้เทรนระบบ Autopilot จริงๆ ด้วย
ตัวหุ่นยนต์สูง 177 ซม. หนัก 56.7 กิโลกรัม มีหน้าจอที่ส่วนหัว บอดี้ทำจากวัสดุน้ำหนักเบา โครงสร้างมือเหมือนมนุษย์จริงๆ มีชุดขับเคลื่อนอวัยวะต่างๆ รวม 40 ชุด ที่แขน, ขา, ลำตัว, คอ และมือ ทำให้เคลื่อนไหวได้คล้ายมนุษย์ เดินได้เร็ว 8 กม./ชม. ยกของหนักได้ 68 กิโลกรัม แต่ยกแล้วเดินด้วยได้ 20 กิโลกรัม
นอกจากนี้ Elon Musk ยังอวดว่า Tesla เป็นบริษัทหุ่นยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว เพราะรถ Tesla ก็คือหุ่นยนต์ติดล้อนั่นเอง รวมถึง Tesla ก็ผลิตคอมพิวเตอร์ FSD, ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เทรนโมเดล Dojo, เครือข่ายประสาทเทียม (Neural nets) ที่เข้าใจสิ่งแวดล้อมรอบๆ ฯลฯ ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่า Tesla Bot จะถูกผลิตออกมาใช้จริงเมื่อใด
ที่มา – Tesla Live (เปิดตัว Tesla Bot ตอน 2:07:09) |
# คลิปสั้นตามคุณไปทุกที่ ทดสอบ Facebook Reels ในสหรัฐฯ แสดงบนหน้า News Feed เลย
Facebook ประกาศทดสอบ Facebook Reels หรือการคลิปสั้นในแบบ TikTok ในสหรัฐฯ โดยผู้ใช้สามารถสร้าง Facebook Reels ได้จากบนหน้า News Feed และ Facebook Groups หลังเปิดทดสอบไปแล้วในอินเดีย เม็กซิโก และแคนาดา
Facebook บอกว่าจะทดสอบแสดงการแนะนำ Reels ใน Instagram บน Facebook ด้วยหากครีเอเตอร์ opt-in หรือให้สิทธิ์ โดยจะปรากฏควบคู่ไปกับเนื้อหา Facebook Reels อื่นๆ
ในการแสดง Facebook Reels สามารถเลือกได้ว่าจะแสดงเฉพาะเพื่อน, เพื่อนยกเว้นบางคนได้ตามปกติเหมือนการตั้งค่าสเตตัส ส่วนการแสดงใน Facebook Groups จะช่วยให้สรา้งคลิปสั้นที่ตรงกับความสนใจของกลุ่ม
การตลาดคลิปสั้นถือว่าดุเดือด เพราะเป็นพฤติกรรมใหม่จาก TikTok ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสร้างคลิปสั้นสนุกๆ ดูคลิปได้นานดึงดูดเวลาผู้ใช้ มีอินฟลูเอนเวอร์หน้าใหม่แจ้งเกิดจากคลิปสั้นมากมาย YouTube เองก็สร้าง YouTube Short และลงทุนร่วมร้อยล้านดอลลาร์เพื่อดึงดูดครีเอเตอร์
ภาพจาก Facebook
ที่มา - TechCrunch |
# อินเทลยืนยันแล้ว จีพียู Intel Arc จ้างโรงงาน TSMC ผลิตที่ 5 และ 6 นาโนเมตร
อินเทลยืนยันข่าวจีพียูตัวใหม่ Intel Arc จะจ้าง TSMC ผลิต ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ IDM 2.0 ที่มีทั้งการจ้างคนอื่นผลิต และเปิดโรงงานของตัวเองรับจ้างผลิตให้คนอื่น
ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะจีพียูเซิร์ฟเวอร์รหัส Ponte Vecchio (Xe-HPC) ก็มีบางส่วนที่จ้าง TSMC ผลิตอยู่ก่อนแล้ว การที่ Intel Arc (Xe-HPG) จะจ้าง TSMC ผลิต "ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่ง" (significant elements) ก็ไปในทิศทางเดียวกัน กระบวนการผลิตมีทั้งแบบ 5 และ 6 นาโนเมตร (N6/N5)
อินเทลระบุว่าจริงๆ จ้างโรงงานภายนอกผลิตชิปมาให้หลายสิบปีแล้ว เช่น ชิปเซ็ต, ชิป Wi-Fi หรือ Ethernet ปัจจุบันอินเทลมีสินค้าประมาณ 20% จากจำนวนชิปทั้งหมดที่จ้างโรงงานภายนอกผลิต โดยเน้นไปที่กระบวนการผลิตไม่ต้องทันสมัยที่สุด (mainstream process nodes) เพื่อมาเสริมการผลิตของอินเทลเอง
แต่ภายใต้ยุทธศาสตร์ IDM 2.0 ที่ประกาศเมื่อต้นปี สิ่งที่อินเทลทำคือใช้บริการพาร์ทเนอร์ช่วยผลิตชิปขนาดเล็กๆ ด้วย ซึ่งจีพียูตระกูล Xe ถือเป็นสินค้ากลุ่มแรกที่เดินตามยุทธศาสตร์นี้
แนวทางการพัฒนาชิปของอินเทลยังย้ายมาสู่ชิปแบบ modular ที่แยกส่วนกัน (จาก System-on-a-Chip มาสู่ System-on-a-Package) สามารถจ้างโรงงานผลิตจากหลายแหล่ง หลายขนาด มาประกอบกันได้ ซึ่งจีพียู Ponte Vecchio เป็นตัวอย่างแรก และซีพียู Meteor Lake จะตามมาเป็นลำดับถัดไป (ใช้ทั้งโรงงานอินเทลและ TSMC ประกอบกัน)
ที่มา - Intel |
# ทวิตเตอร์เพิ่มฟังก์ชั่นใน DM ส่งข้อความหา 20 ห้องแชทได้ในคราวเดียว, เพิ่มปุ่ม reaction
ทวิตเตอร์เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ใน DM หรือ Direct Messages เริ่มจากส่งข้อความหาหลายคนในคราวเดียวได้สูงสุด 20 ช่องแชท เริ่มเปิดใช้งานใน iOS และเว็บไซต์ก่อน แล้วจะตามมาด้วย Android ในภายหลัง
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นยิบย่อย เช่น เพิ่ม reaction ข้อความแบบใน Facebook กดค้างที่ข้อความแชทเพื่อแสดงอีโมจิ reaction เริ่มใช้งานใน iOS, เพิ่มปุ่มลูกศรเพื่อนำทางไปยังข้อความล่าสุดในแชทได้ เริ่มใช้งานแล้วใน iOS และ Android, จัดกลุ่ม DM ตามวันที่เพื่อให้หาแชทง่ายขึ้น
ที่มา - Twitter |
# Facebook เพิ่มเครื่องมือให้ชาวอัฟกานิสถาน ล็อกบัญชีตัวเองได้ในคลิกเดียว ป้องกันการตกเป็นเป้าหมาย
Nathaniel Gleicher หัวหน้าด้านนโยบายความปลอดภัยของ Facebook เผยเครื่องมือใหม่ของ Facebook สำหรับชาวอัฟกานิสถาน เป็นเครื่องมือล็อกบัญชีของตัวเองได้ในคลิกเดียว เมื่อกดล็อกแล้ว ผู้ใช้งานคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนบน Facebook จะไม่สามารถมองเห็นบัญชีของเรา หรือเข้ามาดาวน์โหลดหรือแชร์รูปภาพของเราออกไปได้
นอกจากนี้ Facebook ยังลบความสามารถในการค้นหาเพื่อนบน Facebook ในอัฟกานิสถานชั่วคราว เพื่อปกป้องผู้คนจากการตกเป็นเป้าหมาย ส่วน Instagram เร็วๆ นี้จะมีหน้าต่างป๊อบอัพแนะนำการปกป้องบัญชีของตนเองในอัฟกานิสถาน
สถานการณ์ที่อัฟกานิสถานตอนนี้มีความสุ่มเสี่ยง เนื่องจากกลุ่มตาลีบันทำการยึดประเทศ
ที่มา - Engadget, Nathaniel Gleicher |
# OnlyFans เตรียมแบนเนื้อหาทางเพศในเดือนตุลาคมนี้ เหตุนักลงทุนไม่อยากเกี่ยวข้องด้วย
OnlyFans แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ให้ผู้ใช้จ่ายเงินให้ครีเอเตอร์ที่ตัวเองชื่นชอบพร้อมเข้าถึงเนื้อหาเฉพาะผู้จ่ายเงิน ปัจจุบันเป็นที่นิยมเผยแพร่เนื้อหาทางเพศเป็นหลัก แม้แพลตฟอร์มจะบอกว่าไม่ได้โฟกัสกับเนื้อหาเหล่านั้นก็ตาม
ล่าสุด OnlyFans ประกาศเตรียมแบนเนื้อหาทางเพศในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากมีแรงกดดันจากสถาบันการเงินและผู้ให้บริการชำระเงิน อีกทั้ง OnlyFans ยังเจออุปสรรคในการหาเงินทุนเพิ่มเพราะนักลงทุนเองก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มที่ขึ้นชื่อเรื่องการเผยแพร่เนื้อหาทางเพศ
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าเนื้อหาแรงแค่ไหนถึงจะถูกแบน เพียงแต่ระบุว่าจะอนุญาตให้โพสต์เนื้อหานู้ดที่ทำตามระเบียบเท่านั้น
โฆษกของ OnlyFans ระบุว่าที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้แพลตฟอร์มสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน
OnlyFans มีครีเอเตอร์อยู่บนแพลตฟอร์มราว 2 ล้านคน และคนเหล่านี้ทำเงินไปแล้วมากถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเกือบห้าปีที่แล้ว
ที่มา - The New York Times
OnlyFans ภาพจาก Shutterstock |
# [ลือ] Amazon เตรียมเปิดห้างสรรพสินค้า ขยายสู่ธุรกิจแบบมีหน้าร้านมากขึ้น
มีรายงานว่า Amazon มีโครงการสร้างห้างสรรพสินค้า ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และโอไฮโอ ขนาดพื้นที่อาจมากถึง 2,800 ตารางเมตร ซึ่งเป็นสัญญาณว่า Amazon จะเน้นรูปแบบการขายสินค้าแบบมีหน้าร้านเต็มตัวมากขึ้นอีก จากที่ผ่านมาเปิดร้านเฉพาะหมวดสินค้า
ปัจจุบันธุรกิจของ Amazon ที่เป็นแบบหน้าร้านมีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต Whole Foods Market, ร้านหนังสือ, ร้านสะดวกซื้อแบบไม่มีพนักงาน Amazon Go รายงานระบุว่าหมวดสินค้าที่ผลักดันให้ Amazon เลือกเปิดร้านในฟอร์แมตห้างสรรพสินค้าก็คือกลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย คล้ายกับ J.C. Penney หรือ Macy's
ทั้งนี้ตัวแทนของ Amazon ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นหรือข้อมูลต่อรายงานข่าวดังกล่าว
ที่มา: CNBC |
# Adobe ซื้อกิจการ Frame.io เครื่องมือสำหรับจัดการวิดีโอ มูลค่าดีล 1,275 ล้านดอลลาร์
Adobe ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อซื้อกิจการ Frame.io แพลตฟอร์มสำหรับการทำงานร่วมกัน (collaboration) ของวิดีโอบนคลาวด์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขวิดีโอ และตรวจดูตลอดเวิร์กโฟลว์ร่วมกันได้
อาจอธิบายได้ว่าเครื่องมือของ Frame.io ก็คือ Google Workspace เวอร์ชันวิดีโอ ซึ่ง Adobe เองก็ได้พัฒนาเครื่องมือนี้ออกมาเช่นกัน แต่มีรายงานจาก Bloomberg ว่า Adobe พบว่าลูกค้าจำนวนมากได้ใช้ Frame.io บนเวิร์กโฟลว์การทำงานอยู่แล้ว จึงตัดสินใจซื้อกิจการเข้ามาเลย ทั้งนี้เครื่องมือของ Frame.io จะถูกนำมารวมเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ Adobe Creative Cloud
Adobe อธิบายว่ากระบวนการผลิตวิดีโอตอนนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งผู้ตัดต่อ โปรดิวเซอร์ เอเจนซี ไปจนถึงลูกค้า อีกทั้งการผลิตวิดีโอก็มีจำนวนที่มากขึ้น เครื่องมือของ Frame.io จึงช่วยให้ขั้นตอนการทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยของข้อมูล
มูลค่าของดีลนี้อยู่ที่ 1,275 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีการเงิน 2021 ของบริษัท
ที่มา: The Verge และ Adobe |
# รายละเอียด Call of Duty: Vanguard เล่นเป็นหน่วยพิเศษยุคสงครามโลก ขาย 5 พ.ย. 2021
Activision เผยวันวางจำหน่ายและรายละเอียดของ Call of Duty: Vanguard ขายวันที่ 5 พฤศจิกายน บน PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X|S, PC
โหมดแคมเปญของเกมภาคนี้พัฒนาโดย Sledgehammer Games ผู้เล่นจะรับบทเป็นหน่วยพิเศษ Task Force One (จุดกำเนิดของ Special Forces ในจักรวาล Call of Duty ด้วย) ที่มีตัวละคร 4 ตัวจาก 3 ชาติคือ อังกฤษ สหรัฐ รัสเซีย ที่แยกย้ายกันไปทำภารกิจพิเศษต่างๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีทั้งสมรภูมิยุโรปตะวันตก-ตะวันออก แปซิฟิก และแอฟริกาเหนือ
โหมดมัลติเพลเยอร์ จะมาพร้อมกับแผนที่ 20 แบบที่เปิดให้เล่นครบตั้งแต่วันแรก เน้นการต่อสู้ที่รวดเร็วในสภาพแวดล้อมหลากหลาย โหมดนี้พัฒนาโดย Sledgehammer Games
โหมดซอมบี้ตามธรรมเนียมของ Call of Duty พัฒนาโดย Treyarch Studios เน้นเกมเพลย์แบบ co-op โดยเชื่อมจักรวาลกับโหมดซอมบี้ของ Black Ops Cold War (ที่เหตุการณ์เกิดในยุคถัดมา)
ส่วนเกม Call of Duty: Warzone ที่พัฒนาโดย Raven Software ก็จะได้แผนที่ใหม่ที่เชื่อมโยงกับ Vanguard ด้วย รายละเอียดจะประกาศเพิ่มเติมในภายหลัง
ในแง่เทคนิค เอนจินของ Vanguard เป็นตัวเดียวกับ Modern Warfare ที่เน้นรายละเอียดสมจริง รองรับ cross play, cross progression (ร่วมกับ Warzone) และ cross platform
Activision ยังให้ข้อมูลว่า Vanguard ต้องใช้สตูดิโอภายในถึง 8 สตูดิโอมาช่วยกันทำ ได้แก่
Sledgehammer Games โหมดเนื้อเรื่อง-มัลติเพลเยอร์
Treyarch โหมดซอมบี้
Raven Software โหมด Warzone
สตูดิโอสนับสนุนคือ Beenox, Demonware, High Moon Studios, Activision Shanghai Studio, Toys for Bob (พูดง่ายๆ คือมีสตูดิโอลูกแค่ Infinity Ward เท่านั้นที่ไม่มีเอี่ยวกับเกมภาคนี้)
ที่มา - Call of Duty |
# อีเมลจาก Steve Jobs เผย Apple เคยคิดทำ iPhone nano
ในอดีตเคยมีรายงานข่าวว่าแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone nano ซึ่งถึงตอนนี้ก็ไม่มีอยู่จริง อย่างไรก็ตามมีเอกสารที่ถูกเผยแพร่จากคดีฟ้องร้องของ Epic Games กับแอปเปิล พบว่าช่วงเวลาหนึ่งแอปเปิลก็เคยพูดถึง iPhone nano จริง ๆ
เอกสารที่ว่าคืออีเมลจากสตีฟ จ็อบส์ เมื่อปี 2010 รายละเอียดเป็นหัวข้อการประชุม ทั้งกลยุทธ์ในปี 2011 ภาพรวมธุรกิจ และแผนงานของ iPhone โดยหัวข้อสุดท้ายระบุว่า "แผนงานของ iPhone nano" มีหัวข้อย่อยคือ เป้าหมายเรื่องต้นทุนการผลิต และดีไซน์เบื้องต้น ซึ่งนำเสนอโดย Jony ที่น่าจะหมายถึง Jonathan Ive หัวหน้าฝ่ายออกแบบตอนนั้น
ในปีนั้นเองแอปเปิลก็เปิดตัว iPod nano รุ่นที่ 6 จึงอาจสะท้อนว่าอิทธิพลของชื่อ nano น่าจะมาจากสตีฟ จ็อบส์ เอง รวมทั้งก่อนหน้านี้ในปี 2007 ก็มีอีเมลที่ระบุถึง iPod super nano ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตอนนี้แอปเปิลไม่มีไลน์สินค้าที่ใช้ชื่อ nano แล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้คำว่า mini ในการเรียกสินค้าที่มีขนาดเล็กแทน (iPhone 12 mini, HomePod mini)
ในปี 2010 นั้น เป็นปีที่แอปเปิลเปิดตัว iPhone 4 ซึ่งมีขนาดหน้าจอ 3.5 นิ้ว ก็น่าสนใจว่าภาพของ iPhone nano ที่สตีฟ จ็อบส์วาดไว้ จะเป็นอย่างไร
ที่มา: The Verge |
# Pokemon Unite เกมโปเกมอนแนว MOBA เตรียมลงมือถือ เล่นฟรี 22 กันยายนนี้
ในวิดีโอ Pokemon เมื่อวานนี้ นอกจากเกมเพลย์ใหม่ของ Pokemon Legends: Arceus และ Pokemon Brilliant Diamond กับ Shing Pearl แล้ว ทีมงานยังเผยว่า Pokemon Unite เกมโปเกมอนแนว MOBA คล้าย RoV ที่สร้างโดย Tencent และลงเครื่อง Nintendo Switch เมื่อเดือนก่อน เตรียมลงให้มือถือทั้ง Android และ iOS วันที่ 22 กันยายนนี้
อย่างไรก็ตาม เกม Pokemon Unite แตกต่างจากเกม MOBA อื่น ตรงที่ไอเท็มของตัวละคร ไม่ต้องซื้อตอนเล่น แต่ซื้อและใส่ไว้ในช่อง 3 ช่องของตัวละครได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม ไอเท็มแต่ละชิ้นอัพเลเวลได้จนถึงเลเวล 30 ด้วยการซื้อ Item Enhancer
การอัพเลเวลไอเท็มจะใช้ Item Enhancer มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกเลเวล โดย Item Enhancer สามารถซื้อในร้านได้ในราคา 10 tickets และผู้เล่นจะได้ tickets ฟรีจากการทำภารกิจ ประมาณ 100 tickets ต่อวัน หรือจะซื้อ Aeos gem ด้วยเงินจริงมาแลกก็ได้ โดย 1 Aeos gem แลกได้ 10 tickets
มีกระทู้บน Reddit คำนวนว่าหากผู้เล่นต้องการอัพไอเท็มหนึ่งชิ้นให้ถึงเลเวล 30 จะต้องใช้ tickets ซื้อ item Enhancer ถึง 25,870 tickets หรือ 2,587 Aeos gems ที่คิดเป็นเงินประมาณ 40 ดอลลาร์ เพื่ออัพไอเท็มหนึ่งชิ้นให้เลเวลเต็ม
มีกระแสจากผู้เล่นพอสมควรว่าการที่ผู้เล่นสามารถซื้อของที่ทำให้ตัวละครเก่งขึ้นได้โดยไม่ต้องเล่น ทำให้เกมนี้เป็นดูจะเป็นเกม pay to win จนเกินไป แถมระบบแลกของอัพเลเวลที่ซับซ้อนนี้ อาจทำให้ผู้เล่นอายุน้อย เผลอใช้เงินจำนวนมากในการพยายามอัพเลเวลได้ คงต้องติดตามราคา Aeos gem ในเวอร์ชั่นมือถือของไทยต่อไป
Pokemon Unite เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าบน App Store และ Play Store แล้ว โดยผู้ที่เล่นบน Switch ก่อน 31 สิงหาคม จะได้ Unite License โปเกม่อน Zeraora ฟรี และนำมาเล่นบนมือถือได้ด้วยการลิงก์บัญชีกับ Switch
ที่มา - Gamingbolt |
# แอปเทรดหุ้น Robinhood เผย รายได้การเทรดคริปโต 62% มาจาก Dogecoin
Robinhood แอปซื้อขายหุ้นชื่อดังในอเมริกา รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 ซึ่งเป็นการรายงานครั้งแรกหลังบริษัทไอพีโอเมื่อเดือนที่แล้ว
แอป Robinhood มีจุดเด่นคือไม่มีค่าธรรมเนียมในการเทรดหุ้น จนเป็นที่มาของปรากฏการณ์ meme stock อย่างหุ้นของบริษัท GameStop อย่างไรก็ตาม Robinhood เองก็รองรับการซื้อขายเงินคริปโตด้วย ซึ่งมีข้อมูลน่าสนใจที่บริษัทรายงานดังนี้
60% ของบัญชีทั้งหมดที่เปิดใช้งาน มีการเทรดคริปโต
ในไตรมาสที่ผ่านมา ลูกค้าที่เพิ่งเปิดบัญชีใหม่ กลุ่มที่เริ่มเทรดคริปโตเป็นอย่างแรก มีมากกว่าที่เทรดหุ้น
ในรายได้จากการทำธุรกรรม คริปโตเป็นรายได้ส่วนใหญ่คือ 233 ล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 451 ล้านดอลลาร์ (52%)
62% ของรายได้จากคริปโต มาจาก Dogecoin
ภาพรวมในไตรมาสที่ผ่านมา Robinhood มีรายได้เพิ่มขึ้น 131% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 565 ล้านดอลลาร์ จำนวนบัญชีที่เปิดใช้งาน 22.5 ล้านบัญชี มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAU) 21.3 ล้านคน มีสินทรัพย์ในการดูแล (Custody) มูลค่ารวม 1.02 แสนล้านดอลลาร์
ที่มา: Robinhood และ CNBC ภาพ Pixabay |
# ซีอีโอ Cisco ยอมรับ ตกขบวนคลาวด์ยุคแรกเมื่อสิบปีก่อน แต่ปรับตัว ตอนนี้ตามทันแล้ว
Chuck Robbins ซีอีโอของ Cisco กล่าวในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด มีประเด็นน่าสนใจตรงที่เขายอมรับว่า "ตกขบวน" ตลาดคลาวด์ยุคแรกเริ่ม จึงเป็นบทเรียนว่าบริษัทต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนสถาปัตยกรรมยุคที่สอง ซึ่ง Cisco ทำได้สำเร็จ
Robbins ขยายความเพิ่มว่า เดิมที Cisco ขายอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับลูกค้าองค์กรแบบดั้งเดิม แต่เมื่อโลกเริ่มเข้าสู่ยุคคลาวด์เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ลูกค้าเดิมก็หันไปเช่าคลาวด์แทนการซื้ออุปกรณ์เครือข่ายแบบ on-premise
การแก้ปัญหาของ Cisco ในยุคที่สองจึงเป็นการย้ายมาจับลูกค้าที่เป็นเจ้าของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่แทน (เช่น กูเกิลหรือเฟซบุ๊ก) Cisco เรียกลูกค้ากลุ่มนี้ว่าเป็น web scale companies โดยออกสินค้าอุปกรณ์เครือข่ายสมรรถนะสูงๆ (เช่น สินค้ากลุ่ม Silicon One หรืออุปกรณ์ระดับ 400 gigabit) มาจับตลาดนี้ ปัจจุบัน Cisco บอกว่ามีลูกค้ากลุ่ม web scale ประมาณ 400 ราย และเป็นตลาดที่เติบโตสูงมากด้วย
ที่มา - Business Insider |
# Visual Studio 2022 เพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยโค้ด ตั้งให้เปิดเฉพาะ Repository ที่เชื่อถือได้
ไมโครซอฟท์อธิบายฟีเจอร์ใหม่ของ Visual Studio 2022 Preview 3 ที่พยายามแก้ปัญหาความน่าเชื่อถือของซอฟต์แวร์-ไลบรารีที่ใช้ ป้องกันปัญหาโดยยัดไส้มัลแวร์ที่กำลังเป็นที่นิยมในยุคนี้
ฟีเจอร์นี้ชื่อว่า Trust Settings ถ้าเปิดใช้งานแล้ว Visual Studio จะดึงข้อมูลจาก repository ที่เชื่อถือได้ (ตามการกำหนดนโยบายขององค์กร) เท่านั้น หากผู้ใช้พยายามเปิดข้อมูลจากโฟลเดอร์หรือ repository ที่อยู่นอกรายการ ก็จะพบกับคำเตือนตามภาพ
ไมโครซอฟท์บอกว่าการตรวจสอบ repository ว่าเชื่อถือได้หรือไม่เป็นเรื่องยาก บางครั้งเราก็ไม่แน่ใจ จึงเพิ่มทางเลือกตรงกลางมาให้คือ เปิดข้อมูลแบบ Restricted Mode ที่อ่านโค้ดได้ ตรวจสอบโค้ดได้ แต่ไม่สามารถรันโค้ดได้ เพราะแฮ็กเกอร์ไม่สามารถรันโค้ดจากระยะไกล (remote code execution) ได้ ฟีเจอร์นี้จะทยอยตามมาในภายหลัง
ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์คล้ายๆ กันใน Visual Studio Code 1.57 ใช้ชื่อว่า Workspace Trust
ที่มา - Visual Studio |
# ไม่ไหวจะเคลียร์ ผู้สร้าง FlickType คีย์บอร์ดสำหรับคนตาบอด ประกาศเลิกทำคีย์บอร์ดบน iOS หลังมีปัญหากับ Apple หลายครั้ง
Kosta Eleftheriou ผู้สร้างแอปคีย์บอร์ด FlickType ที่ออกแบบมาสำหรับคนที่มีปัญหาด้านการมองเห็นหรือตาบอด ประกาศหยุดพัฒนาคีย์บอร์ดบน iOS หลังแอปเปิลบล็อคอัพเดตโดยให้เหตุผลว่าแอปของเขาต้องขออนุญาต full access จากผู้ใช้ถึงจะใช้งานได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะแอปของเขาออกแบบมาให้ใช้งานในโหมด VoiceOver ได้ และต้องใช้สิทธิ์ full access สำหรับการพิมพ์แบบ tap typing ซึ่งแอปจะคาดเดาคำที่ผู้ใช้ต้องการพิมพ์จากตำแหน่งที่ผู้ใช้สัมผัสหน้าจอเท่านั้น
Eleftheriou ระบุว่าผู้ทดสอบแอป คงไม่ได้ทดสอบด้วยการเปิด VoiceOver เลย เขาพยายามติดต่อทีมช่วยเหลือของ Apple ถึง 9 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถขอกลับคำตัดสินแม้ว่าเมื่อ 3 ปีก่อนเขาก็เจอปัญหาเดียวกัน และยื่นคัดค้านจนสามารถปล่อยอัพเดตได้
Eleftheriou เองมีปัญหากับ Apple หลายครั้ง ก่อนหน้านี้เขาเคยร้องเรียนว่ามีแอปเลียนแบบแอปของเขา รวมถึงแอปปลอมอื่นๆ เต็ม App Store ไปหมด แต่ Apple ก็ไม่จัดการสักที
บริษัท Kpaw ของเขายังเพิ่งยื่นฟ้อง Apple เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าปัญหาต่างๆ ที่แอปเขาต้องพบ มาจากการที่เขาไม่ยอมขายแอปให้ Apple ทำให้ Apple ตั้งใจไม่แก้ปัญหา เพื่อหวังให้เขายอมขายแอปให้ในราคาถูก
เขาระบุเพิ่มเติมว่าสุดท้ายแล้ว แค่กลับคำตัดสินในเรื่อง full access ให้กับแอปเขา คงยังไม่พอที่จะแก้ปัญหาทั้งหมด แต่ Apple ควรออกมายอมรับสักทีว่าสร้างปัญหาให้กับนักพัฒนามากมาย ซึ่งการยอมรับความผิดพลาด น่าจะเป็นก้าวแรกที่ดีในการลดและแก้ไขปัญหาที่คล้ายคลึงนี้กันต่อไปในอนาคต
ที่มา - ArsTechnica |
# Netflix นำ The Social Dilemma หนังสารคดีด้านมืดโซเชียลมีเดียมาลง YouTube ให้ดูฟรี
The Social Dilemma คือหนังสารคดีของ Netflix ว่าด้วยการเสพติดและด้านมืดของโซเชียลมีเดีย ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวก ล่าสุด Netflix นำหนังตัวเต็มลง YouTube ให้ดูฟรี จนถึง 30 กันยายน
The Social Dilemma ฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2020 และฉายทาง Netflix เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2020 ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 7 รางวัลในงาน Emmy Awards ครั้งที่ 73
ที่มา - BGR |
# Netflix รองรับ Spatial Audio ฟังเสียงรอบทิศบนแอปใน iPhone และ iPad
Netflix เพิ่มการรองรับ Spatial Audio สำหรับแอปบน iPhone และ iPad บน iOS 14 โดย Netflix ระบุว่าค่อยๆ เริ่มขยายการใช้งาน จากตอนแรกมีผู้ใช้งานในอังกฤษโพสต์ลง Reddit ว่าเริ่มใช้ฟีเจอร์นี้ได้แล้ว
ผู้ใช้งานสามารถเปิด Spatial Audio ได้จาก Control Center และสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ได้ก็ต่อเมื่อใช้หูฟัง AirPods Pro และ AirPods Max เพื่อรับช่วยให้การดูหนังมีประสบการณ์ใกล้เคียงกับในโรงหนังมากขึ้น
สำหรับ Spatial Audio บน iOS 15 ที่เปิดตัวในงาน WWDC เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้น จะอัพเกรดให้รองรับเนื้อหาที่ไม่ใช่ Dolby Atmos ด้วย อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ Spatial Audio ได้ ที่นี่
ที่มา - 9to5Mac |
# Twitter เปิด API Twitter Spaces นักพัฒนามาช่วยกันทำให้ Spaces ใช้งานง่ายขึ้น
Twitter เปิด API Twitter Spaces ให้นักพัฒนาภายนอกเข้าถึงได้ เปิดทางสร้างฟีเจอร์และเครื่องมือใหม่ๆ พัฒนาประสบการณ์การใช้งาน Spaces
โดยนักพัฒนาที่ใช้ Twitter API v2 จะสามารถเข้าถึง Spaces lookup และ Spaces search ช่วยให้ค้นหา Spaces แบบสดและ Spaces ที่ตั้งตามกำหนดการได้โดยใช้ข้อมูล Spaces ID, ID ผู้ใช้งาน หรือคีย์เวิร์ดอื่นๆ เพื่อสร้างเครื่องมือและโซลูชันที่ช่วยให้ผู้ผู้ใช้งานค้นพบ Spaces ที่น่าสนใจและมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราสนใจได้มากขึ้น ช่วยสื่อสารข้อความของโฮสต์ไปยังผู้ใช้ในวงกว้างกว่าเดิม
ตัว Spaces lookup ยังช่วยให้นักพัฒนาเข้าถึงข้อมูลเมตาดาต้าแบบสาธารณะ เช่น จำนวนผู้เข้าร่วม จำนวนผู้พูด ข้อมูลโปรไฟล์โฮสต์ ภาษาที่ใช้พูดกัน เวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด เป็นต้น
หนึ่งในฟีเจอร์ Spaces ที่ Twitter ระบุว่ามีคนร้องขอเข้ามามากคือ โฮสต์ต้องการรู้ว่าประสิทธิภาพการสร้างห้องของตนเป็นอย่างไร และจากการพูดคุยกับนักพัฒนาพบว่า พวกเขาต้องการฟังก์ชันที่จะช่วยให้ผู้คนค้นพบ Spaces ที่น่าสนใจและตั้งค่าการเตือนให้เข้าร่วม
ที่มา - TechCrunch, Twitter |
# กฎของที่นี่คือไม่มีกฎ! ก.ล.ต. สหรัฐฯ แจ้งความอดีตวิศวกร Netflix 3 ราย ฐานใช้ข้อมูลการเงินซื้อขายหุ้นล่วงหน้า
ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) แจ้งความ Sung Mo Jun, Ayden Lee, และ Jae Hyeon Bae อดีตพนักงานของ Netflix พร้อมกับผู้ใกล้ชิด Jun อีกสองคนฐานใช้ข้อมูลภายในของบริษัทเพื่อซื้อขายหุ้นก่อนเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ (insider trading) โดยระบุว่าบุคคลทั้ง 5 ทำกำไรได้ 3 ล้านดอลลาร์จากการใช้ข้อมูลภายในเหล่านี้
คำฟ้องของ SEC ระบุว่าตัวการของเรื่องนี้คือ Jun ที่ใช้ข้อมูลตัวเลขสมาชิกของ Netflix มาซื้อขายหุ้น ตัวเขาเองเป็นพนักงาน Netflix ระหว่างปี 2016 ถึง 2017 และใช้ข้อมูลนี้เพื่อซื้อขายหุ้นโดยแจ้งข้อมูลนี้ให้กับพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายด้วย หลังจาก Jun ออกจาก Netflix ไปแล้วก็ยังขอข้อมูลจากพนักงาน Netflix อีกสองรายต่อไป
SEC ตรวจพบการใช้ข้อมูลภายในครั้งนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายย้อนหลังเพื่อค้นหานักลงทุนที่ประสบความสำเร็จผิดปกติ
Netflix เป็นบริษัทที่มีแนวทางเปิดเผยข้อมูลการเงินภายในให้กับพนักงานในบริษัทเป็นวงกว้าง หนังสือ No Rules Rules หรือชื่อหนังสือแปลไทยว่า "NETFLIX กฎที่นี่คือไม่มีกฎ" บรรยายถึงแนวทางการเปิดเผยข้อมูลภายในว่าบริษัทถือว่าทุกคนเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง แม้บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการให้พนักงานรับรู้ก่อนเปิดเผยให้นักลงทุนนานหลายสัปดาห์แต่ก็เตือนพนักงานว่าอย่าใช้ข้อมูลเหล่านี้ไปซื้อขายหุ้นไม่เช่นนั้นจะต้องติดคุก ตัว Reed Hastings เองก็ระบุคาดการณ์ไว้ในหนังสือว่าสักวันจะมีคนนำข้อมูลนั้นไปใช้ แต่บริษัทก็จะยึดแนวทางแสดงความโปร่งใสในบริษัทต่อไป
ที่มา - SEC |
# Amazon คุมเข้ม ปิดบัญชีร้านค้าจีนที่ซื้อรีวิว กว่า 50,000 บัญชี มูลค่ากว่า 15.4 พันล้านดอลลาร์
หนึ่งในบริการของ Amazon ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดคือระบบร้านขายของ Fulfillment by Amazon หรือ FBA ที่เป็นตลาดขายสินค้าจากผู้ขายรายย่อย แต่ Amazon จะเป็นผู้ดูแลสต็อก การจัดส่งในสหรัฐฯ และการคืนสินค้า ปัจจุบันผู้ใช้งาน FBA เป็นร้านค้ารายย่อยจากจีนกว่าครึ่งหนึ่ง เพราะเป็นบริการที่ช่วยให้ร้านค้าในจีนขยายมาตีตลาดสหรัฐฯ ได้ง่าย
Amazon เคยอนุญาตให้ผู้ขายสามารถมอบของฟรี, บัตรของขวัญ ประกันเสริม หรือสิ่งตอบแทนอื่นแลกกับรีวิวได้ เพราะอยากให้มีผู้รีวิวบนแพลตฟอร์มมากขึ้น แต่หลังจากปี 2016 เป็นต้นมาก็เริ่มห้ามผู้ขายไม่ให้ทำ เนื่องจากการแจกของฟรีหรือเงินแลกกับรีวิว ทำให้เกิดรีวิวที่ไม่สะท้อนคุณภาพจริงของสินค้าได้
ก่อนหน้านี้ Amazon ยังไม่ได้บังคับใช้ระเบียบนี้อย่างจริงจังนัก โดยเฉพาะกับร้านค้าในประเทศจีน ที่บ่อยครั้งผู้บริโภคในสหรัฐฯ ไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ แม้พบสินค้าไม่ได้คุณภาพจากรีวิวปลอมก็ตาม แถมก่อนหน้านี้ The Wallstreet Journal ยังพบร้านค้ามีพฤติกรรมส่งอีเมลซ้ำๆ ให้ลูกค้าลบรีวิวที่คะแนนไม่ดีออกอีกด้วย
ล่าสุดดูเหมือน Amazon จะเอาจริงเอาจังกับข้อห้ามนี้มากขึ้น โดยสมาคมธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศแห่งเซิ่นเจิ้น (Shenzhen Cross-Border E-Commerce Association) พบว่านับตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปีนี้เป็นต้นมา มีร้านค้าจีนกว่า 50,000 ร้านที่ถูกปิด และสินค้าถูกยึดไว้ที่โกดังของ Amazon สูญเงินไปแล้วกว่า 15.4 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 515 พันล้านบาท
แม้ Amazon จะระบุว่าการปิดร้านค้าครั้งนี้ทำโดยเท่าเทียมกัน ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นร้านค้าจากจีนหรือสหรัฐฯ แต่ข้อมูลจากเว็บไซต์วิเคราะห์ตลาดอีคอมเมิร์ซ Marketplace Pulse ระบุว่าบัญชีร้านค้าที่เพิ่งถูกปิดทั้งหมด เป็นร้านค้าจากประเทศจีน
การปิดร้านค้านี้ทำให้หลายธุรกิจเช่น Qianhai Patozon Network & Technology Co. เจ้าของแบรนด์หูฟัง Mpow และร้านค้าอื่นๆ จากจีนประสบปัญหาด้านธุรกิจหนัก พนักงานหลายคนตกงาน และหลายแบรนด์เกือบจะต้องปิดกิจการไป แต่ส่งผลดีกับร้านค้าในอเมริกาที่เคยเสียยอดขายให้กับแบรนด์จีน
นอกจากนี้ Amazon ยังเตรียมเปิดโปรแกรมจ่ายเงินชดเชยสูงสุด 1,000 ดอลลาร์ ให้กับผู้บริโภคที่บาดเจ็บจากสินค้าไม่ได้คุณภาพในเดือนกันยายน โดย Amazon จะไปติดตามปัญหากับผู้ขายเอง หลังก่อนหน้านี้ผู้บริโภคต้องฟ้องผู้ขายโดยตรงอย่างเดียวเท่านั้น
ดูเหมือน Amazon จะกำลังปรับปรุงแพลตฟอร์มของตัวเองขนานใหญ่ในช่วงปีนี้ หลังจากปล่อยให้ร้านค้าที่ทำผิดระเบียบลอยนวลมานาน ร้านค้าของจีนเองก็น่าจะต้องปรับระบบการขายในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพา Amazon ลง แม้คู่แข่งบริการ FBA อย่าง Walmart Fulfillment Services จะยังดีสู้ Amazon ไม่ได้ก็ตาม
ที่มา - Bloomberg |
# แบงก์ชาติเตรียมทดสอบสกุลเงินดิจิทัลไทยสำหรับประชาชนทั่วไปในวงจำกัด คาดเริ่มไตรมาส 2 ปี 2565
เดือนเมษายนที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงข่าวเปิดรับฟังแนวทางการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางสำหรับการใช้งานในภาคประชาชน หรือ Retail Central Bank Digital Currency: Retail CBDC วันนี้ (19 ส.ค.) ธปท. เผยจะเริ่มทดสอบใช้ Retail CBDC ในการรับแลก ชำระค่าสินค้าหรือบริการในวงจำกัด คาดได้เริ่มทดสอบในไตรมาส 2 ปี 2565
ในระยะถัดไปจะเป็นการทดสอบระดับนวัตกรรม (Innovation Track) ศึกษาแนวทางการพัฒนาต่อยอดการใช้งาน Retail CBDC ในกรณีอื่นๆ โดย ธปท. จะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือนักพัฒนาเข้าร่วมทดสอบด้วย ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบและหลักเกณฑ์ในการเข้าร่วมทดสอบ
รูปแบบการทดสอบระดับนวัตกรรม (Innovation Track)
จากการเปิดรับฟังแนวทาง ธปท. สรุปสาระสำคัญโดยเฉพาะความกังวลที่ว่า Retail CBDC จะส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินหรือไม่นั้น ทาง ธปท. ยืนยันว่าจะไม่กระทบ เพราะปริมาณเงินใน Retail CBDC ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้แทนเงินสดหรือแทน e-Money
นอกจากนี้ การใช้ Retail CBDC จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้สถาบันการเงินปรับตัวได้ และด้วยคุณสมบัติหลักของ Retail CBDC จะช่วยลดผลกระทบของ Retail CBDC ที่มีต่อสถาบันการเงินไทยได้
คุณสมบัติ
ออกโดยธนาคารกลางผ่านธนาคารพาณิชย์
ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยจากการถือครอง จำกัดปริมาณการถือหรือไถ่ถอน รวมถึงอาจมีการจำกัดการถอนเงินจากธนาคารมาเป็น Retail CDBC
ทำธุรกรรมได้ไม่ว่าจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือไม่ โดยอาจใช้งานผ่านแอปหรือสมาร์ตการ์ด
ไม่มีค่าธรรมเนียม (เอกสารระบุว่า “ไม่สร้างภาระต้นทุนค่าธรรมเนียมให้ผู้ใช้”)
สามารถต่อยอดการใช้งานด้วยการเขียนโปรแกรมเพิ่มเติมลักษณะพิเศษ
ต่อข้อซักถามที่ว่า Retail CBDC จะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายได้อย่างไร เพราะระบบ Promptpay ก็ทำหน้าที่ได้ดี ทาง ธปท. ระบุว่า ระบบโครงสร้างพื้นฐานของ Promptpay ยังเป็น Close Loop เปิดทางนักพัฒนาภายนอกเข้ามาพัฒนาของใหม่ได้ยาก Retail CBDC จะช่วยเพิ่มบริการทางการเงินใหม่ๆ นอกจากนี้ Retail CBDC จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการใช้จ่าย เพราะยังมีคนหลายกลุ่มที่ยังต้องใช้เงินสด หรือการใช้จ่ายรูปแบบดิจิทัลอื่นๆ
ที่มา - งานแถลงออนไลน์, ธนาคารแห่งประเทศไทย |
# Nostra Map เปิดให้เช็กตำแหน่งศูนย์พักคอยฯรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในกรุงเทพฯ
บริษัท โกลบเทค จำกัด ผู้ให้บริการข้อมูลแผนที่ดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน NOSTRA และโซลูชันด้าน IoT อัพเดตความสามารถเพิ่มเติมของแผนที่ Nostra Map เพิ่มข้อมูลตำแหน่ง “ศูนย์พักคอย”เพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร
โดย NOSTRA นำข้อมูลศูนย์พักกคอยที่ทาง กทม. ตั้งขึ้นมาเชื่อมต่อกับระบบ และก่อนหน้านี้ NOSTRA ก็ได้นำข้อมูลตำแหน่งฌาปนสถานศพผู้ป่วยโควิด-19 ของวัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มาแสดงจุดทำฌาปนกิจในแผนที่ด้วย
บริษัท โกลบเทค ระบุว่า ตอนนี้ Nostra Map สามารถแสดงข้อมูลพิกัดห้องปฏิบัติการเครือข่ายตรวจโควิด-19, แผนที่จุดตรวจโควิดเชิงรุกด้วย Rapid Antigen Test โดย สปสช. สปคม. และคณะเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# กูเกิลเลิกทำ Android Auto บนจอมือถือ เปลี่ยนมาใช้ Assistant Driving Mode แทน
เมื่อพูดถึง Android Auto ของกูเกิล มีรูปแบบการใช้งานอยู่ 2 ประเภท คือ แสดงผลบนหน้าจอของรถยนต์ (หากรถยนต์รุ่นนั้นรองรับ) หรือแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์เอง (หากรถยนต์ไม่รองรับ) แบบหลังมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Android Auto for Phone Screens และเริ่มใช้งานครั้งแรกในปี 2019
แต่ช่วงหลัง ผู้ใช้แอนดรอยด์หลายคนน่าจะเห็น Google Assistant Driving Mode เริ่มเข้ามาแทนแล้ว ล่าสุดกูเกิลยืนยันว่าเลิกทำ Android Auto for Phone Screens อย่างเป็นทางการใน Android 12 (แต่ใน OS รุ่นก่อนๆ ยังใช้ได้เหมือนเดิม) และเปลี่ยนมาใช้ Assistant Driving Mode แทน
ในมุมของผู้ใช้งานคงต่างจากเดิมแค่เปลี่ยนแอพ เปลี่ยนอินเทอร์เฟซ แต่ยังใช้งานโทรศัพท์เป็นจอเสริมช่วยขับรถได้เหมือนเดิม (ทั้ง Android Auto และ Assistant มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว ไม่ต้องดาวน์โหลดแอพเพิ่ม)
ส่วนการใช้งานบนจอรถยนต์ ยังเป็น Android Auto เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เว็บไซต์ Android Police ให้ข้อมูลว่า ตอนแรกกูเกิลไม่ได้ตั้งใจทำ Android Auto for Phone Screens แต่ตัว Assistant Driving Mode ล่าช้า เลยต้องออก Android Auto for Phone Screens มาใช้ชั่วคราวไปก่อน เมื่อตอนนี้ Assistant Driving Mode พัฒนาเสร็จและเริ่มใช้งานแล้ว ก็ได้เวลาถอด Android Auto for Phone Screens ออกไป
ที่มา - 9to5google, Android Police |
# Facebook เปิดคอนเทนต์ยอดฮิตในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก, ส่วนใหญ่มาจากเพื่อน, โพสต์มีลิงก์คนดูน้อย
Facebook ทำรายงานเนื้อหาที่มีคนดูมากที่สุดในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก “Widely Viewed Content Report” โดยใช้เครื่องมือภายในรวมกับข้อมูล engagement ใน CrowdTangle เพื่อแสดงความโปร่งใสของการแนะนำคอนเทนต์บน News Feed รายงานแรกเป็นของไตรมาสที่ 2/2021 มีจุดที่น่าสนใจดังนี้
คอนเทนต์ที่คนเห็นเยอะไม่ได้แปลว่าจะมีเอนเกจเมนต์เยอะตาม
คอนเทนต์ 57% ที่คนเห็นบน News Feed มาจากเพื่อน หรือคนที่ติดตามอยู่ รองลงมาเป็นโพสต์จากกลุ่ม ที่ 19.3% โพสต์จากเพจ 14.3% โพสต์ที่ไม่เกี่ยวข้อง 8% และอื่นๆ อีก 1.5% แปลว่าการแสดงคอนเทนต์ ตรงกับที่ Facebook เคยพยายามทำก่อนหน้านี้ คือแสดงโพสต์จากเพื่อนให้เห็นมากกว่าโพสต์อื่น
โพสต์ส่วนใหญ่ที่คนเห็น เป็นแบบไม่มีลิงก์ 87.1% มีเพียง 12.9% เท่านั้นที่เป็นโพสต์มีลิงก์ไปนอก Facebook
คอนเทนต์จากเพจที่มียอดวิวสูงสุด 5 อันดับแรกคือเพจ UNICEF ตามมาด้วยเพจทำอาหาร Cooking Fun With my 3 Sons ที่เหลือเป็นเพจคลิปไวรัลถึง 3 ใน 5 อันดับ คือ Sassy Media, The Dodo และ LADBible
โพสต์ที่มีคนเห็นมากที่สุดในไตรมาส ยอดวิว 80.6 ล้านครั้ง คือโพสต์ไวรัล “สามคำแรกที่คุณเห็นจะบอกถึงชีวิตจริงของคุณ” โพสต์โดย Gaur Gopal Das กูรูไลฟ์โค้ชชื่อดังของสหรัฐ มีผู้ติดตาม 7 ล้านคน
นอกจากนี้ลิงก์เกี่ยวกับ UNICEF ยังอยู่ในลำดับ 1 ถึง 3 ของทั้งประเภทโดเมนและลิงก์ที่มีคนเห็นมากที่สุดในสหรัฐ โดยประเภทโดเมน อันดับหนึ่งคือ Youtube ตามมาด้วย Amazon และ UNICEF
ส่วนลิงก์ที่มีคนเห็นมากที่สุด คือเว็บไซต์จัดกิจกรรมของอดีตสมาชิกทีมอเมริกันฟุตบอล Player Alumni Resources, เว็บไซต์ขายผลิตภัณฑ์จากกัญชง Pure Hemp Shop และลิงก์ของ Unicef เกี่ยวกับการช่วยเหลือโควิดในประเทศอินเดีย
ที่มา - Facebook: Widely Viewed Content Report |
# นักวิจัยเขียนโปรแกรมแปลงภาพเพื่อหลอกตัวจับภาพโป๊ของแอปเปิลได้สำเร็จ ทำภาพให้แฮชชนกันได้
หลังจากแอปเปิลใส่โมเดล NeuralHash ไว้ใน iOS ก่อนที่จะเปิดใช้งานฟีเจอร์ตรวจสอบภาพโป๊เด็กก่อนอัพโหลดขึ้น iCloud Photos และมีนักพัฒนาไปพบโมเดลจนแปลงกลับออกมาเป็นฟอร์แมต ONNX เพื่อรันบนพีซี ตอนนี้ Anish Athalye นักวิจัยจาก MIT CSAIL ก็แสดงโค้ดสาธิตการสร้างภาพหลอกเพื่อแปลงภาพใดๆ ให้ค่าแฮชตรงกับภาพเป้าหมาย
โมเดลปัญญาประดิษฐ์ทุกวันนี้มักเป็นฟังก์ชั่นสำหรับหารูปแบบในอินพุตสร้างเอาต์พุดตามความต้องการ เช่น การจัดหมวดหมู่ภาพหรือการแปลงเสียงเป็นคำพูด แม้จะทำงานในกรณีทั่วไปได้ดี แต่ก็มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ฝึกมามักมีช่องโหว่ ทำให้ผู้ที่ต้องการเอาต์พุตบางอย่างสามารถออกแบบอินพุตอย่างเจาะจงเพื่อให้ได้เอาต์พุตตามต้องการ
ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันจากแอปเปิลว่าฟังก์ชั่น NeuralHash ที่มีผู้แกะออกมาจาก iOS นี้เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่แอปเปิลจะใช้ตรวจสอบภาพโป๊เด็กตามที่ประกาศออกมาหรือไม่ นอกจากนี้แอปเปิลยังระบุว่าจะเข้ารหัสฐานข้อมูลค่าแฮชในโทรศัพท์ กระบวนการแกะฐานข้อมูลค่าแฮชจริงจึงอาจจะยุ่งยากพอสมควร
ที่มา - GitHub: anishathalye/neural-hash-collider
ภาพแมวด้านซ้ายถูกปรับเพื่อให้มีค่าแฮช "59a34eabe31910abfb06f308" ตรงกับภาพหมาทางด้านขวา |
# หลุดหน้าตา Fossil Gen 6 นาฬิการุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3
เราเห็นการเปิดตัว Samsung Galaxy Watch 4 นาฬิกาตัวแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3 ที่ซัมซุงร่วมพัฒนากับกูเกิล กันไปแล้ว
ในประกาศของกูเกิลก่อนหน้านี้ บอกว่าจะมีนาฬิกาของ Mobvoi TicWatch และ Fossil ที่ใช้ Wear OS 3 ตามมาด้วย
ล่าสุดเว็บไซต์ WinFuture ได้ภาพหลุดของ Fossil Gen 6 รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3 มาแล้ว ตามข่าวบอกว่ามันใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 4100+ ที่ออกมาช่วงกลางปี 2020 (ฝั่งซัมซุงเป็น Exynos W920) และใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3 หน้าตาแบบของกูเกิล ไม่ได้ครอบด้วย One UI Watch ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซัมซุง
ดีไซน์ภายนอกของ Fossil Gen 6 ที่หลุดออกมา ไม่ต่างจาก Fossil Gen 5 ในปัจจุบันมากนัก ส่วนหน้าตาของ UI บนจอแสดงผลต่างออกไปจากเดิมอยู่บ้าง ตรงที่มีวงแหวนด้านนอกสุด แสดงสถานะต่างๆ เพิ่มเข้ามา
สเปกของ Fossil Gen 6 ตามข่าวคือ หน้าจอ 1.28" OLED ความละเอียด 416x416 พิกเซล, สตอเรจ 8GB, รองรับ GPS, เซ็นเซอร์วัดคลื่นหัวใจและ SpO2, มีระบบชาร์จเร็ว คาดว่าจะเริ่มขายในเยอรมนี 27 กันยายนนี้
ที่มา - WinFuture via Android Police |
# AIS Business จับมือ Mitsubishi Electric และ TKK สร้างโซลูชัน e-F@ctory บนเครือข่าย 5G เดินหน้าปฏิวัติอุตสาหกรรมไทย
ที่ผ่านมา AIS ผลักดันการใช้งาน 5G ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing) ซึ่งเป็นภาคส่วนที่จะได้ผลประโยชน์จากการใช้เครือข่าย 5G มากที่สุด จากรายงานของ Author D. Little พบกรณีศึกษาการใช้งาน 5G ในอุตสาหกรรมการผลิตถึง 49% และมีการคาดการณ์ด้วยว่า 5G จะสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับองค์กรทั่วโลกได้มากถึง 475 ล้านเหรียญภายในปี 2025
ไทยเองถือเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสินค้าส่งออกสำคัญ และเพื่อให้ไทยยังสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก จำเป็นต้องปฏิวัติ ยกระดับวงการอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี
และถือเป็นก้าวสำคัญเมื่อ AIS Business ลงนามความร่วมมือกับ Mitsubishi Electric และ TKK Corporation ร่วมกันนำเสนอโซลูชัน e-F@ctory บนเครือข่าย AIS 5G เพื่อนำมาใช้งานจริง
ส่วนเหตุผลที่ว่า ทำไมจึงต้องเป็น Mitsubishi Electric และ TKK นั้น เป็นเพราะ Mitsubishi Electric คือผู้นำด้านระบบควบคุมการผลิตอัตโนมัติในโรงงาน (Factory Automation) ดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปีในประเทศไทย โดยให้บริการทั้งการนำเข้า, จัดจำหน่ายสินค้า, ให้คำปรึกษาด้านเทคนิค, ตลอดจนสร้างศูนย์ฝึกอบรมให้ความรู้ด้านเทคนิคการและวิธีการใช้งานเครื่องจักรแก่บุคลากรด้วย ด้าน TKK คือผู้นำด้านการให้บริการจัดหาและจำหน่ายสินค้าในระบบควบคุมการผลิตอัตโนมัติในโรงงาน (Factory Automation) ครอบคลุมกว่า 50 แบรนด์ทั่วโลก ซึ่งทั้งสองบริษัทให้บริการโรงงานต่างๆ ในการทำระบบออโตเมชันในโรงงานอยู่แล้ว
“หัวใจสำคัญของการขยายศักยภาพ 5G สู่ภาคอุตสาหกรรม นอกเหนือจากความแข็งแกร่งของการมีเครือข่ายที่พร้อมใช้งานแล้ว การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมเปลี่ยนแปลงโรงงานให้มีศักยภาพสอดรับกับโลกยุคใหม่ คือแนวทางที่ AIS ยึดถือมาตลอด” นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าว
e-F@ctory บนเครือข่าย AIS 5G
ความสามารถหลักๆ ของโซลูชัน e-F@ctory คือระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรในโรงงานระยะไกลด้วย IoT เป็นการควบคุมระยะไกลโดยสมบูรณ์ ซึ่งทาง Mitsubishi Electric ได้พัฒนาโซลูชัน IoT ร่วมกับพันธมิตรในโครงการ e-F@ctory Alliance พัฒนาโซลูชันควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อน ตั้งแต่ระบบการทำงานไปจนถึงเครือข่ายการเชื่อมต่อ เสมือนการควบคุมจากหน้าไลน์การผลิตจนได้ออกมาเป็นกลุ่มโซลูชัน FA Remote (Factory Automation Remote)
FA Remote ทำงานสำคัญ 4 อย่างคือ
Remote Monitoring การตรวจสอบระยะไกล ผู้บริหาร, หัวหน้างาน หรือผู้ดูแลเครื่องจักรตรวจสอบสถานะการผลิต สถานะเครื่องหรือประสิทธิภาพการผลิตได้จากทุกที่ บริหารจัดการการผลิตในภาพรวมได้ชัดเจน และยังมองเห็นปัญหาในภาพรวมเพื่อแก้ไขต่อไป
Remote Maintenance การบำรุงรักษาระยะไกล ลดระยะเวลาการเข้าหน้างานไปซ่อมบำรุงรักษา หรือตรวจสอบการทำงานเครื่องจักร สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ทำให้ลดต้นทุนค่าเสียโอกาสที่สายการผลิตจะต้องหยุดลง
Remote Development การพัฒนาโปรแกรมจากระยะไกล เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาพรวมในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ภายในโรงงาน ทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และจากที่ไหนก็ได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างแผนก
Remote Service การบริการระยะไกล บริการให้คำปรึกษาแบบทางไกลได้ทันทีผ่าน Mobile Network จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ Mitsubishi และ Partners เมื่อเครื่องจักรมีปัญหาสามารถ เข้าแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้จากระยะไกลได้อย่างรวดเร็ว
การนำระบบ FA Remote มาใช้งานจริงบนเครือข่าย AIS 5G ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานภายในภาคการผลิตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งการเพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุนการผลิต และตอบรับความต้องการการใช้งานในรูปแบบเครือข่ายเฉพาะ (Private Network) อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ความเร็ว ลดความหน่วง เพื่อการรองรับการทำงาน IoT ได้อย่างเต็มรูปแบบ และยังสามารถเลือกย่านความถี่ที่เหมาะสมกับความต้องการของโรงงานได้
นายวิเชียร งามสุขเกษมศรี กรรมการผู้จัดการ Mitsubishi Electric ให้ภาพรวมสถานการณ์ตอนนี้ว่า โควิด-19 ทำให้ความตระหนักของโรงงานมีมากขึ้น เพราะโรงงานเล็งเห็นแล้วว่าการใช้คนงานมีความเสี่ยงเรื่องโรคระบาด การทำ FA Remote จึงเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมต้องการ Mitsubishi Electric เองเป็นผู้นำตลาดฮาร์ดแวร์และการทำออโตเมชันอยู่แล้ว ประกอบกับ 5G จาก AIS จะช่วยให้การวางโครงสร้างระบบ สามารถทำได้เร็วขึ้น
นางกัลยาณี คงสมจิตร ประธานบริหาร TKK ตั้งเป้าในความร่วมมือครั้งนี้ว่า เมื่อนำความเชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายสินค้าในระบบควบคุมการผลิตอัตโนมัติในโรงงาน ผนวกกับความร่วมมือของ AIS และ Mitsubishi Electric เชื่อมั่นว่าจะสามารถส่งมอบมอบโซลูชันให้กับโรงงานในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
ทั้ง Mitsubishi Electric และ TKK ต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการทำระบบออโตเมชันในโรงงานอยู่แล้ว ส่วนบทบาทของ AIS คือเข้าไปเป็นตัวกลาง ให้บริการด้านเครือข่ายที่จะทำให้ระบบ FA Remote ทำงานได้เร็วขึ้น เสริมด้วยบริการดิจิทัล, คลาวด์ ที่จะช่วยเร่งให้โรงงาน deploy ระบบได้เร็วยิ่งขึ้น
ผู้ที่สนใจบริการธุรกิจจาก AIS เพิ่มเติม สามารถดูข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ AIS Business ได้ทันที หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ AIS Business ที่ดูแลท่านอยู่ |
# VS Code 1.59 ตรวจสอบโค้ดที่พิมพ์ว่าเป็นภาษาอะไรด้วย Machine Learning
ไมโครซอฟท์ออก Visual Studio Code 1.59 มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ (ยังเป็นฟีเจอร์ระดับพรีวิว) คือ automatic language detection ตรวจหาว่าโค้ดที่พิมพ์ลงไปเป็นโค้ดภาษาอะไร โดยใช้ machine learning เพื่อเซ็ตโหมดการทำงานให้ตรงกับภาษาโปรแกรมที่ใช้งาน
ปกติแล้ว IDE หรือ code editor ใช้วิธีดูนามสกุลไฟล์เพื่อดูว่าเป็นภาษาโปรแกรมใด แต่ในกรณีที่เป็นไฟล์ untitled (เช่น การนำโค้ดจากที่อื่นมาแปะในไฟล์ว่าง) จะมีความยากในการตรวจสอบกว่าเดิม
VS Code ใช้โมเดล ML ชื่อ Guesslang ของผู้ใช้ชื่อ @yoeo ที่เทรนด้วย Tensorflow.js มาวิเคราะห์ จากตัวอย่างของ VS Code ลองคัดลอกโค้ด Python จากในเว็บมาแปะ ก็พบว่าทำงานได้ถูกต้อง และ VS Code สามารถถามผู้ใช้ได้ว่าต้องการติดตั้งส่วนขยาย Python เพิ่มหรือไม่
หน้าจอตัวอย่าง language detection ทำงาน พบว่าเป็นโค้ด C#
ฟีเจอร์อื่นที่น่าสนใจของ VS Code 1.59
ปรับการแสดงผล Extension View ให้มีรายละเอียดของส่วนขยายมากขึ้น
Settings editor เพิ่มระบบ validation ตรวจสอบว่าใส่ค่าไม่ผิด
ย้ายมารองรับ Jupyter Notebooks ด้วยส่วนขยายตัวใหม่แบบ built-in แปลว่าดาวน์โหลด VS Code มาแล้วเปิดไฟล์ .ipynb ได้ทันที
รองรับการ drag and drop ตัวเทอร์มินัลข้ามไปมาระหว่างหน้าต่าง VS Code ได้
เทอร์มินัลแสดงผลฟอนต์ขีดเส้นใต้ (underline) และขีดฆ่า (strikethrough) แล้ว
รองรับภาษา TypeScript 4.4
ย้ายเวอร์ชัน Electron มาเป็นเวอร์ชัน 13
ที่มา - VS Code, InfoWorld |
# NVIDIA รายได้เติบโตทำสถิติสูงสุดต่ออีกไตรมาส - ยอดขาย CMP น้อยกว่าเป้า
NVIDIA รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดวันที่ 1 สิงหาคม 2021 มีรายได้รวม 6,507 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 68% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15% ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยเป็นสถิติใหม่สูงสุดของบริษัทอีกครั้ง และมีกำไรสุทธิ 2,374 ล้านดอลลาร์
รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจสินค้าก็เติบโตทำสถิติใหม่เช่นกัน กลุ่มเกมมิ่งเพิ่มขึ้น 85% เป็น 3,061 ล้านดอลลาร์ กลุ่มศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้น 35% เป็น 2,366 ล้านดอลลาร์ และกลุ่ม Professional Visualization เพิ่มขึ้น 156% เป็น 519 ล้านดอลลาร์
NVIDIA ให้ข้อมูลยอดขายของชิปสำหรับขุดเงินคริปโตโดยเฉพาะ CMP ว่ามียอดขายในไตรมาส 266 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่บริษัทเคยประเมินไว้ที่ 400 ล้านดอลลาร์
ที่มา: NVIDIA และ CNBC |
# Paint เวอร์ชันใหม่ของ Windows 11 หน้าตาโค้งมนกว่าเดิม รองรับ Dark Mode แล้ว
Panos Panay หัวหน้าทีม Windows โชว์หน้าตาของ Paint เวอร์ชันใหม่ที่จะมาใน Windows 11
การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือรองรับ dark mode แล้ว หน้าตาโค้งมนเข้าชุดกับธีมของ Windows 11 มากขึ้น แต่ภาพรวมของเมนูและแถบเครื่องมือยังคล้ายของเดิม ยังใช้แนวทาง Ribbon แบบเดิม แม้แอพบางตัวของไมโครซอฟท์อย่าง File Explorer เริ่มหนีจาก Ribbon แล้ว
ที่มา - MSpoweruser |
# Cisco ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมเติบโตสูง จำนวนคำสั่งซื้อโตสูงสุดในรอบ 10 ปี
Cisco รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม 2021 รายได้เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 13,126 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 3,009 ล้านดอลลาร์
รายได้หลักของ Cisco มาจากธุรกิจ Infrastructure ไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 13% เป็น 7,546 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จาก Services เพิ่มขึ้น 3% เป็น 3,410 ล้านดอลลาร์
Chuck Robbins ซีอีโอ Cisco กล่าวว่าเรายังเห็นโมเมนตัมที่ดีต่อธุรกิจ จากลูกค้าที่มีการปรับองค์กรให้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินค้าของ Cisco มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี เพื่อนำไปใช้เปลี่ยนผ่านสู่องค์กรดิจิทัล และรองรับโลกการทำงานแบบไฮบริด
Cisco ระบุว่าปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นระดับเลขสองหลักในทุกกลุ่มลูกค้า และทุกภูมิภาค โดยภาพรวมคำสั่งซื้อในไตรมาสเพิ่มขึ้น 31% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ของบริษัท
ภาพรวมของธุรกิจซอฟต์แวร์และ subscription ที่เป็นกลยุทธ์สำคัญของ Cisco ยังคงเติบโตดี โดยไตรมาสนี้มีรายได้มากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์
ที่มา: Cisco |
# Google Calendar เพิ่มฟีเจอร์ระบุว่าวันนี้ทำงานที่บ้าน หรือสำนักงาน เฉพาะบัญชีแบบเสียเงิน
Google Calendar ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดในองค์กรที่มากขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกระบุได้ว่าวันนี้ทำงานในสถานที่ใด (working location) โดยสามารถกำหนดค่าได้แบบรายวัน หรือตั้งค่าแบบเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งข้อมูลสถานที่นี้ เฉพาะเพื่อนร่วมงานที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น ที่สามารถดูข้อมูลได้ โดยกูเกิลบอกว่า ฟีเจอร์นี้จะช่วยในการกำหนดนัดหมายได้ดียิ่งขึ้น
ตัวเลือกสถานที่ในการทำงานนั้น มีสำนักงาน, บ้าน, ไม่ระบุ และแบบระบุสถานที่เอง
คุณสมบัติใหม่นี้จะเปิดกับผู้ใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น แอดมินขององค์กรสามารถกำหนดปิดการทำงานได้ โดยจะมีผลตั้งแต่ 30 สิงหาคม 2021 เป็นต้นไป ฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินบัญชี Google Workspace Business Standard, Business Plus, Enterprise Standard, Enterprise Plus, Education Plus, และ Nonprofits ส่วนผู้ใช้งานแบบฟรีจะได้ไม่ได้ฟีเจอร์นี้
ที่มา: กูเกิล |
# SK Bioscience เริ่มทดสอบวัคซีนของตัวเองในเฟส 3 หลังผลเบื้องต้นเฟส 1/2 ได้ผลดี
SK Bioscience ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ในเกาหลีใต้ ผู้ผลิตวัคซีน AstraZeneca ล็อตแรกที่ใช้งานในประเทศไทย เดินหน้าทดสอบวัคซีน GBP510 ในเฟส 3 ที่จะวัดประสิทธิภาพของวัคซีนในการยับยั้งการติด COVID-19
ผลการทดสอบเฟส 1/2 เบื้องต้นพบว่าผู้เข้าร่วม 80 คนภูมิขึ้นทั้งหมด และอัตราแอนตี้บอดีหลังรับวัคซีนอยู่ที่ 5-8 เท่าตัวของผู้ติดเชื้อ และไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรงใดๆ
วัคซีนตัวนี้ SK Bioscience พัฒนาร่วมกับสถาบันออกแบบโปรตีน (Institute for Protein Design - IPD) แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และบริษัท GlaxoSmithKline (GSK) โดยได้รับทุนจาก Bill & Melinda Gates Foundation (BMGF) และ Coalition for Epidemic Preparedness Innovations (CEPI) รวมทุนทั้งหมด 213.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7,000 ล้านบาท ทุนส่วนใหญ่กว่า 5,000 ล้านบาทจะใช้ในการทดสอบเฟสสามและการยื่นขออนุญาต
การทดสอบเฟสสามจะทำในเกาหลีใต้เอง, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, และยุโรป
แม้ว่าตอนนี้จะมีวัคซีน COVID-19 ในตลาดแล้วหลายตัว แต่ SK Bioscience ก็เชื่อว่าหากทดสอบสำเร็จวัคซีน GBP510 จะช่วยลดปัญหาวัคซีนขาดตลาดลงได้ โดยเฉพาะวัคซีนตัวนี้เก็บรักษาได้ง่าย มีอายุการเก็บยาวนาน และหากพัฒนาสำเร็จแล้วก็สามารถใช้เป็นฐานสำหรับพัฒนาวัคซีนรับมือเชื้อกลายพันธุ์อื่นๆ ต่อไป
ที่มา - SK Bioscience |
# CES 2022 ประกาศเงื่อนไขผู้เข้าร่วมงานแบบ In-Person ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน COVID-19
ก่อนหน้านี้ CES งานแสดงสินค้าด้านไอทีงานใหญ่ของโลก ประกาศว่า CES 2022 จะกลับมาจัดงานที่ลาสเวกัสเหมือนเดิม ในรูปแบบปกติที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถพบปะพูดคุยกันได้ (In-Person) หลังจากงานในปี 2021 นี้เป็นแบบออนไลน์ ล่าสุดก็มีประกาศมาตรการเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมงาน
โดย The Consumer Technology Association หรือ CTA ผู้จัดงาน CES ระบุว่าผู้เข้าร่วมงาน CES 2022 แบบ In-Person จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 ส่วนใครที่ไม่สามารถเดินทางมาลาสเวกัส หรือเข้าร่วมงานได้ ผู้จัดงานจะสร้างบัตรร่วมงานดิจิทัล เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในงานแบบออนไลน์ที่จัดคู่ขนานไปกับพื้นที่จัดแสดงงาน
ทั้งนี้ CTA บอกว่าอาจพิจารณาเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับผู้ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยอาจให้แสดงผลตรวจแอนติบอดี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของทางเมืองลาสเวกัส และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ซึ่งจะประกาศอีกครั้งเมื่อมีความชัดเจนมากขึ้น
ข้อกำหนดของงาน CES 2022 นี้ น่าจะสะท้อนทิศทาง รูปแบบ และข้อกำหนดของงานอีเวนต์ที่มีในอนาคต ว่าจะมีมาตรการควบคุมอย่างไรบ้าง งาน CES 2022 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 มกราคม 2022
ที่มา: CES |
# Apple แจ้งนักพัฒนา จะปิดคุณสมบัติ SharePlay ใน iOS 15 ที่ให้ดาวน์โหลดช่วงแรก ปลายปีนี้
แอปเปิลได้แจ้งกับนักพัฒนาว่าในอัพเดต iOS 15 ล่าสุดที่เป็นสถานะเบต้า 6 รวมทั้ง iPadOS 15, tvOS 15 และ macOS Monterey เบต้า 6 ที่ยังไม่ออกมา จะปิดคุณสมบัติ SharePlay ในการใช้งาน ซึ่งรวมทั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชันสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่จะออกมาตอนแรกช่วงปลายปี ก็จะไม่รองรับการใช้งาน SharePlay ด้วยเช่นกัน
แอปเปิลไม่ได้ให้เหตุผลเพิ่มเติม แต่บอกว่าฟีเจอร์ SharePlay จะมีให้ใช้งานในอัพเดตของระบบปฏิบัติการเวอร์ชันย่อยที่จะออกมาในภายหลัง ส่วนนักพัฒนายังสามารถพัฒนาแอปให้ทำงานกับ API ของ SharePlay ได้ต่อไป
SharePlay เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่แอปเปิลนำมาเป็นจุดขายของ iOS 15 ให้ผู้ใช้งานสามารถชมคอนเทนต์วิดีโอ หรือฟังเพลงไปพร้อมกันระหว่าง FaceTime กับคนอื่น รวมทั้งแชร์หน้าจอได้อีกด้วย
ที่มา: 9to5Mac |
# Tencent ไตรมาสล่าสุด เติบโตดีทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจองค์กรกับโฆษณา
Tencent รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2021 รายได้รวมตามมาตรฐานบัญชี non-IFRS เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1.383 แสนล้านหยวน และมีกำไรสุทธิ 3.4 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13%
รายได้จากธุรกิจเกมของ Tencent เพิ่มขึ้น 12% เป็น 4.3 หมื่นล้านหยวน ธุรกิจโซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มขึ้น 9% เป็น 2.9 หมื่นล้านหยวน ส่วนกลุ่ม FinTech และลูกค้าองค์กร รายได้เพิ่มขึ้น 40% เป็น 4.19 หมื่นล้านหยวน
จำนวนผู้ใช้ WeChat (รวม Weixin ของจีน) มี 1,251.4 ล้านบัญชี ส่วนธุรกิจเกม Tencent ได้ต่อยอด Honour of Kings เป็นซีรี่ส์ You Are My Glory เพื่อฉายทาง Tencent Video ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ซีอีโอ Ma Huaten กล่าวว่าในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตอย่างดีในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กรและธุรกิจโฆษณา
ที่มา: Tencent (pdf) |
# Intel เลิกทำ RealSense เพื่อโฟกัสกับธุรกิจผลิตชิปตามแผน IDM 2.0
Intel ยืนยันกับ CRN แล้วว่า ทางบริษัทเตรียมจะหยุดพัฒนา RealSense ทั้งหมด ตามแผน IDM 2.0 ของซีอีโอ Pat Gelsinger ที่ Intel จะกลับมาโฟกัสกับธุรกิจหลักซึ่งก็คือการผลิตชิปมากขึ้น
RealSense เป็นเทคโนโลยีกล้องสามมิติจาก Intel ที่เป้าหมายคือต้องการพัฒนาให้ computer vision เข้าถึงได้ง่ายและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น โดย RealSense ไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์ทำเงินให้ Intel อยู่แล้ว และยอดขายผลิตภัณฑ์ก็ค่อนข้างน้อย แต่ตัวเทคโนโลยีที่พัฒนายังมีประโยชน์กับหน่วยอื่นของ Intel บ้าง ซึ่ง Sagi Ben Moshe หัวหน้าฝ่าย RealSense และผู้จัดการทั่วไปของกลุ่ม Emerging Growth and Incubation ของ Intel ก็ได้ประกาศลาออกผ่าน LinkedIn ของเขามาแล้วราว 2 สัปดาห์
หลังจากยุบฝ่าย RealSense แล้ว Intel จะนำทรัพยากรรวมถึงบุคลากรมาโฟกัสกับธุรกิจหลักของบริษัทแทน ตาม IDM 2.0 ที่ Intel ต้องการเน้นธุรกิจชิปทั้งการออกแบบ, ผลิต รวมถึงรับจ้างผลิตชิปจากบริษัทอื่นให้มากขึ้น
ที่มา - Engadget, CRN
ภาพจากข่าวเก่า |
# เปิดตัว Samsung Galaxy A52s 5G ใช้ชิป Snapdragon 778G แถมที่ชาร์จ 25W นอกนั้นเหมือนเดิม
Samsung เปิดตัว Samsung Galaxy A52s 5G รุ่นอัพเกรดจาก A52 5G ช่วงต้นปี ปรับซีพียูจาก Snapdragon 750G กระบวนการผลิต 8nm เป็น Snapdragon 778G กระบวนการผลิต 6nm จีพียู Adreno 642L
อีกจุดที่แตกต่างคือแถมที่ชาร์จ 25W มาให้ในกล่องเลย หลังจากที่ A52 5G แม้จะรองรับชาร์จเร็ว 25W แต่แถมที่ชาร์จมาให้แค่ 15W เท่านั้น คุณสมบัติอื่นเหมือนเดิมคือหน้าจอ Super AMOLED 6.5 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz ความละเอียด FullHD+ สแกนรอยนิ้วมือใต้จอ แบตเตอรี่ 4,500 mAh กันน้ำกันฝุ่น IP67
กล้องหน้า 32MP f/2.2 กล้องหลัง 4 กล้อง กล้องหลัก 64MP f/1.8 มีกันสั่น OIS, กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2, กล้องมาโคร 5MP f/2.4 และ เซ็นเซอร์วัดระยะ 5MP f/2.4 ไม่แตกต่างจาก A52 5G
A52s 5G มี 4 สี คือ Awesome Mint, Awesome Violet, Awesome White และ Awesome Black มี 3 สเปก คือรุ่นแรม 6GB พร้อมหน่วยความจำภายใน 128GB, รุ่นแรม 8GB พร้อมหน่วยความจำภายใน 128GB และรุ่นแรม 8GB หน่วยความจำภายใน 256GB ทุกรุ่นใส่ microSD card ได้เหมือนเคย
เริ่มสั่งจองในประเทศอังกฤษได้วันที่ 24 สิงหาคมเป็นต้นไป วางจำหน่ายวันที่ 3 กันยายน ราคา 409 ปอนด์ (ราว 18,800 บาท) แพงกว่า A52 5G ที่ราคาเปิดตัว 399 ปอนด์ (ราว 18,300 บาท) เล็กน้อย
ที่มา - Samsung |
# นักพัฒนาพบโมเดล NeuralHash สำหรับตรวจภาพโป๊เด็กบน iOS 14.3 ขึ้นไป แปลงให้รันบนพีซีได้แล้ว
ผู้ใช้ GitHub ชื่อบัญชี AsuharietYgvar ระบุว่าเขาพบโมเดลปัญญาประดิษฐ์สำหรับการแฮชภาพแบบ NeuralHash ที่แอปเปิลระบุว่าจะใช้งานสำหรับการตรวจสอบภาพโป๊เด็กก่อนอัพโหลดขึ้น iCloud Photos
โมเดลที่ AsuharietYgvar อ้างว่าอยู่ใน iOS รับภาพขนาด 360x360 พิกเซล และคืนค่าออกมาเป็นแมทริกซ์ขนาด 96x128 แต่โค้ดส่วนต่อมาของแอปเปิลจะแปลงค่าแฮชจนเหลือขนาด 96 บิตเท่านั้น
ไม่แน่ชัดว่าทำไมแอปเปิลจึงใส่ฟังก์ชั่น NeuralHash เข้ามาใน iOS ก่อนใช้งานระบบตรวจสอบภาพโป๊เด็ก อย่างไรก็ดีฟังก์ชั่นนี้จะใช้งานได้ต่อเมื่อมีฐานข้อมูลค่าแฮชให้มาตรวจเทียบกัน โดยแอปเปิลเคยระบุว่าจะปล่อยฐานข้อมูลค่าแฮชพร้อมกับการอัพเดตระบบปฎิบัติการ การอัพเดตจะแจ้งทั้งค่า root hash ของตัวฐานข้อมูล และจำนวนภาพที่แอปเปิลจะแบนบัญชีเพื่อตรวจสอบ
หากในอนาคตนักวิจัยสามารถถอดรหัสฐานข้อมูลค่าแฮชภาพโป๊เด็กของแอปเปิลออกมาได้ ก็เป็นไปได้ที่จะสร้างปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างภาพจนค่าแฮชตรงกันในที่สุด
ที่มา - reddit: r/MachineLearning |
# OnlyFans เปิดตัวแอปสตรีมมิ่ง OFTV รวมรายการครีเตอร์ดัง ดูฟรี แต่ไม่มีคลิปโป๊
OnlyFans แพลตฟอร์มสร้างคอนเทนต์ที่โดดเด่นเรื่องเนื้อหา 18+ เปิดตัวแอปสตรีมมิ่งใหม่ OFTV เป็นสตรีมมิ่งเพื่อเสพเนื้อหาจากครีเอเตอร์โดยเฉพาะ ซึ่งต่างจากแพลตฟอร์ม OnlyFans หลักคือ ไม่มีเนื้อหาโป๊ และไม่ต้องเสียเงิน
รายการเนื้อหาบน OFTV มีราวๆ 800 คลิป ประกอบด้วยเนื้อหาออริจินัล Unlocked คือการพูดคุยกับครีเอเตอร์ดังๆ บน OnlyFans รวมถึงคลิปสอนเล่นพิลาทิส สอนทำอาหาร ออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ
แม้ OnlyFans จะเป็นแพลตฟอร์มที่โด่งดังมาก แต่ก็ไม่มีแอปพลิเคชั่นเป็นของตัวเอง หรืออาจะเป็นเพราะนโยบาย Google และ Apple ไม่เอื้ออำนวยให้มีเนื้อหาผู้ใหญ่บนร้านค้าแอป ล่าสุดจึงมีแอปพลิเคชั่น OFTV แล้ว
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า OnlyFans กำลังเจรจาและมองหาผู้รนะดมทุนที่ช่วยผลักดัน OnlyFans ให้เป็นสื่อกระแสหลักมากขึ้น และ OFTV ก็คือหนึ่งในทิศทางนี้
แอป OFTV เปิดใช้งานใน Android, iOS, Apple TV, Roku, FireTV, Android TV และ Samsung Smart TV
ที่มา - PR Newswire, Bloomberg |
# รัฐบาลจีนเข้าถือหุ้น ByteDance 1% ส่งคนเข้ามานั่งเป็นกรรมการบอร์ดด้วย
รัฐบาลจีนเข้าถือหุ้นใน ByteDance ผู้สร้าง TikTok และยังนั่งเป็นส่วนหนึ่งของบอร์ดบริหารด้วย ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าว่า รัฐบาลจะส่งอิทธิพลอย่างไรใน ByteDance รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีจีนรายอื่น จากเดิมที่มีกฎหมายแบนเนื้อหาเป็นภัยต่อรัฐบาลจีน และเริ่มกดดันหนักขึ้นในการผูกขาดอีคอมเมิร์ซและเกม
โดย ByteDance ขายหุ้น 1% ให้กับบริษัท Internet Investment Chinese Technology ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของรัฐ จากข้อตกลงรัฐบาลได้แต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ของรัฐชื่อ Wu Shugang เป็นสมาชิกคณะกรรมการของบริษัทในเครือ ByteDance ด้วย และเป็นการดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว
และที่น่าสนใจคือ Wu Shugang ดำรงตำแหน่งหัวหน้า local direction ที่สำนักงานความคิดเห็นออนไลน์ภายใต้การบริหารไซเบอร์สเปซของจีน (CAC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านอินเทอร์เน็ตของประเทศ ซึ่งในการนั่งเป็นคณะกรรมการบอร์ด ByteDance และก่อนหน้านี้ Zhang Yiming ผู้ก่อตั้ง ByteDance ประกาศว่าเขาจะสละตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงด้วย
Internet Investment Chinese จดทะเบียนในเดือนกรกฎาคม 2019 ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านหยวน มี China Internet Investment Fund (CIIF) เป็นผู้ถือหุ้น 40% ที่เหลือถือหุ้นโดยกองทุนบริหารสินทรัพย์ภายใต้รัฐบาล
ช่วงระยะเวลาสั้นที่ผ่านมา รัฐบาลจีนออกมาตรการคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีจีนไปแล้ว ตั้งแต่ ระงับ Tencent ควบรวมสตรีมมิ่งเกม Huya, DouYu, ระงับ Tencent Music จากการเซ็นสัญญากับค่ายเพลงโดยใช้เพลงแบบเอ็กซ์คลูซีฟ, ออกคำสั่งธุรกิจกวดวิชาต้องจดทะเบียนไม่แสวงหากำไร กระทบสตาร์ทอัพ EdTech
ที่มา - SCMP |
# Mastercard ประกาศเริ่มออกบัตรไม่มีแถบแม่เหล็กปี 2024 เตรียมหยุดออกบัตรแถบแม่เหล็กปี 2029
Mastercard ประกาศแนวทางการยกเลิกแถบแม่เหล็กในสหรัฐฯ ภายในปี 2024 หลังพบว่าการใช้บัตรแบบไร้สัมผัส (contactless transaction) สูงขึ้นจนคิดเป็น 45% ของการจ่ายผ่านบัตรทั้งหมดในสหรัฐฯ และการจ่ายแบบ EMV ซึ่งรวมทั้งแบบไร้สัมผัสและแบบชิปนั้นคิดเป็น 86% ของการจ่ายผ่านบัตรแบบต่อหน้าทั้งโลก
แผนการนี้ต่างกันไปตามแต่ภูมิภาค โดยเริ่มจากปี 2024 ธนาคารผู้ออกบัตรจะสามารถออกบัตรแบบไม่มีแถบแม่เหล็กแต่ยังเป็นการตัดสินใจของธนาคารเอง แต่หลังจากปี 2029 Mastercard จะไม่รองรับการออกบัตรแบบมีแถบแม่เหล็กอีกต่อไป ยกเว้นบางกรณีเท่านั้น เช่นบัตรแบบพรีเพดในสหรัฐฯ และแคนาดา
แถบแม่เหล็กนับเป็นพัฒนาขั้นที่สองของการจ่ายผ่านบัตรที่ใช้งานมาหลายสิบปี จากเดิมที่ร้านค้าเก็บหมายเลขบัตรผ่านทางเครื่องพิมพ์เลขคาร์บอนด้วยเลขนูนบนบัตร หรือเครื่อง zip-zap บัตรแม่เหล็กพัฒนาโดย IBM ในช่วงปี 1960 และในช่วงปี 1997 มีการเพิ่มความปลอดภัยเข้ามาเล็กน้อยด้วยการซ่อนตัวเลขยืนยัน CVV ที่มองไม่เห็นบนตัวบัตรเอาไว้ในแถบแม่เหล็ก (รูปแบบเดียวกับตัวเลขยืนยันหลังบัตร ที่บางธนาคารเรียกว่า CVV2) แต่กระบวนการป้องกันด้วยเลขลับที่เปลี่ยนไม่ได้นี้นับว่าไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไปแล้วในยุคนี้เนื่องจากการสำเนาบัตรแม่เหล็กนั้นทำได้โดยง่าย
Mastercard และ Visa ผลักดันให้ร้านค้าเลิกใช้แถบแม่เหล็กมานับสิบปี โดยขั้นตอนใหญ่ที่สุดคือการผลักภาระรับผิดชอบ (liability shift) ให้กับร้านค้าหากยังรับจ่ายผ่านแถบแม่เหล็กอยู่เมื่อปี 2014 โดยร้านค้าต้องรับผิดชอบเองหากเกิดการฉ้อโกง อย่างไรก็ดีแม้ผ่านมาหลายปีร้านค้าจำนวนหนึ่งก็ยังไม่ยอมรับปรับปรุงระบบให้รองรับบัตรชิป
Mastercard คาดว่าภายในปี 2033 จะไม่เหลือบัตรเครดิตและเดบิตที่มีบัตรแม่เหล็กใช้งานอีกแล้ว
ที่มา - Mastercard |
# เปิดตัวสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยรัฐและเอกชน
พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ระบุให้ตั้งหน่วยงาน สกมช. หรือ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (National Cyber Security Agency : NCSA) ล่าสุด สกมช. เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมี พลโท ปรัชญา เฉลิมวัฒน์ เป็นเลขา สกมช.
หน้าที่ของ สกมช. คือ รับผิดชอบงานตามพระราชบัญญัติ ประสานงานร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงกำหนดนโยบาย ระเบียบ มาตรฐานขั้นต่ำแนวทางความปลอดภัยสำหรับหน่วยงานรัฐ ป้องกันรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ ตลอดจนความมั่นคงรัฐและความสงบเรียบร้อยของประเทศ ตั้งเป้าระยะสามปีคือสร้างบุคลากรด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้
ปัจจุบันรัฐจัดแบ่งภัยคุกคามไซเบอร์สามระดับคือ
ภัยไซเบอร์ไม่ร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความด้อยประสิทธิภาพในการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์
ภัยไซเบอร์ร้ายแรง มีการโจมตีระบบ จนเกิดความเสียหาย ไม่สามารถทำงานต่อได้
ภัยไซเบอร์ระดับวิกฤต ทั้งระบบล้มเหลว จนรัฐทำงานจากส่วนกลางไม่ได้ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของประเทศจนล้มเหลวทั้งระบบ ในภัยระดับนี้ เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล
นอกจากนี้ สกมช. ยังเตรียมจัดโครงการ Thailand Cyber Top Talent 2021 ร่วมกับหัวเว่ย จัดแข่งทักษะด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ในระดับมัธยมศึกษา, มหาวิทยาลัยและประชาชนทั่วไป เริ่มรับสมัครตั้งแต่ 15 ส.ค.-15 ก.ย.
ที่มา - งานแถลงข่าวออนไลน์ |
# เครือโรงพยาบาลในสหรัฐฯ ถูก Ransomware โจมตี ต้องยกเลิกนัดทั้งหมด เหลือเฉพาะกรณีฉุกเฉิน
เครือโรงพยาบาล Memorial Health System ในสหรัฐฯ ถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ตั้งแต่ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนทำให้ต้องยกเลิกนัดผ่าตัดและการตรวจทางรังสีทั้งหมด เหลือเพียงห้องฉุกเฉินในเคสร้ายแรงบางกรณีเท่านั้น
สถานพยาบาลในเครือนี้ประกอบไปด้วยคลีนิค 64 แห่ง และโรงพยาบาลอีก 3 แห่ง ให้บริการแถบเวสต์เวอร์จิเนียร์และโอไฮโอ
ตอนนี้สถานพยาบาลในเครือต้องใช้ชาร์ตคนไข้แบบกระดาษไปก่อน และห้องฉุกเฉินต้องปฎิเสธคนไข้ทั้งหมด เหลือเพียง หลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน (STEMI), เส้นเลือกในสมองแตก (STOKE), และอาการบาดเจ็บร้ายแรง (TRAUMA) เท่านั้น
ปีที่แล้วเครือโรงพยาบาล Universal Health Services ในสหรัฐฯ ก็ถูกโจมตีจนให้บริการไม่ได้เช่นกัน ปีที่ผ่านมาบริการสำคัญในสหรัฐฯ ถูกโจมตีจนสหรัฐฯ ปรับมาตรการจัดการภัยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ให้เท่ากับการก่อการร้าย
ที่มา - Memorial Health System
ภาพโดย iAmMrRob |
# Cyberpunk 2077 ออกแพทช์ 1.3 เพิ่มไอเท็ม ฟรี 3 ชิ้น เพิ่มเครื่องแต่งกายตัวละคร, รถใหม่
Cyberpunk 2077 ออกแพทช์ 1.3 ปรับแก้บั๊กต่างๆ และปรับเกมเพลย์ของเกมเพิ่มเติม เช่น มินิแมพจะซูมออกเล็กน้อยเมื่อผู้เล่นขับรถ ทำให้ขับรถในเมืองได้ง่ายขึ้น ปรับระยะการแสดงภาพของ Skye กับ Angel ในเควสต์ Automatic Love ให้นานขึ้น และอื่นๆ ตามรายละเอียดนี้
นอกจากนี้ยังออกตัวเสริม DLC ไอเท็มฟรี 3 ชิ้น เพิ่มเครื่องแต่งกายพิเศษให้ตัวละคร Johny Silverhand เพิ่มเสื้อ Multilayered Syn-Leather Deltajock Jacket กับ Luminescent Punk Jacket ให้ผู้เล่น และเพิ่มรถ Archer Quartz “Bandit” ที่จะเป็นของรางวัลจบเควสต์ Ghost Town (หรือกลายเป็นรถที่ซื้อได้ แล้วแต่ตัวเลือกที่ผู้เล่นทำในเควสต์) โดยผู้เล่นจะได้รับข้อความจาก Dakota หรือ Rogue หลังจบเควสต์ระยะหนึ่ง
ส่วน DLC เนื้อเรื่องยังถูกดีเลย์ไปไม่มีกำหนด และน่าจะต้องรอตัวเกมอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์กว่านี้อีกหน่อย
ที่มา - VGC |
# ไปอีกเจ้า Google Pixel 6 และ 6 Pro จะไม่แถมที่ชาร์จมาในกล่อง
หลัง Google เปิดตัว Pixel 5a เมื่อคืน ก็ระบุเพิ่มเติมไว้ว่า Pixel 5a จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่แถมที่ชาร์จมาในกล่อง ส่วน Pixel 6 และ 6 Pro จะไม่มีที่ชาร์จแถม โดย Google ระบุว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ มีที่ชาร์จ USB-C อยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องแถมมาอีกต่อไป
Apple เป็นผู้เริ่มต้นแนวทางนี้ โดยให้เหตุผลว่าช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลดโลกร้อน หลังจากนั้น Samsung ที่จิกกัด Apple เรื่องไม่แถมที่ชาร์จอยู่สักพัก ก็ไม่แถมที่ชาร์จมากับ Galaxy S21 เช่นกัน จนต้องลบโพสต์ที่เคยแซว Apple ออก
ส่วน Xiaomi ก็เกือบไม่แถมที่ชาร์จมากับ Mi 11 แต่สุดท้ายก็ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะรับที่ชาร์จหรือไม่ในราคาเท่ากัน ซึ่งดูน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ แต่ก็ยังแถมที่ชาร์จแบบชาร์จเร็วอยู่ในรุ่นต่อๆ มา เช่น Mi 11 Ultra เหมือนเดิม
ที่มา - The Verge |
# แล้วก่อนหน้านี้ใช้อะไร? ครม. เคาะหน่วยงานรัฐต้องใช้อีเมลเป็นช่องทางสื่อสารหลัก
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกฎหมาย สนับสนุนรัฐบาลดิจิทัล ภาคธุรกิจสามารถทำธุรกรรมและติดต่อภาครัฐผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้มากขึ้น โดยในการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2564 (ระเบียบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์) ระบุ หน่วยงานของรัฐต้องใช้อีเมลในการสื่อสารเป็นหลักมีผลตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อต่อยอดไปใช้ในการจัดทำระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้
นอกจากนี้ ในที่ประชุม ครม. ยังรับทราบการพัฒนากฎหมายเพื่อเร่งรัดให้เกิดรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) เช่น
จัดทำร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ....การยื่นคำขอระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ หรือระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันสามารถทำโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
ปรับปรุงกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน บริษัทมหาชนจำกัดและคณะกรรมการบริษัทมหาชนจำกัด สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
ปรับปรุงวิธีการเขียนกฎกระทรวงและกฎหมายลำดับรองอื่นให้หน่วยงานของรัฐให้บริการแก่ประชาชนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
จัดทำระบบกลางทางกฎหมาย เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มกลางเกี่ยวกับกฎหมาย ที่ให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) แก่หน่วยงานของรัฐและประชาชน ตั้งเป้าเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2565
ภาพประกอบจาก Facebook ไทยคู่ฟ้า
ที่มา - กรุงเทพธุรกิจ |
# ไมโครซอฟท์สปอนเซอร์ AlmaLinux ดิสโทรทดแทน CentOS, นำขึ้น Azure แล้ว
AlmaLinux โครงการทดแทน CentOS หลัง Red Hat เปลี่ยนนโยบาย ประกาศว่าได้รับการสปอนเซอร์จากจากไมโครซอฟท์ เพื่อกระจายการใช้งานไปยังลูกค้า Azure
ไมโครซอฟท์ได้นำอิมเมจของ AlmaLinux ขึ้นบน Azure Marketplace และตั้งเครือข่าย mirror สำหรับแจกจ่ายไฟล์อัพเดตและแพ็กเกจของ AlmaLinux สำหรับผู้ใช้ Azure ทั่วโลก โดยทีมงาน AlmaLinux ยังเป็นผู้อัพเดตและซัพพอร์ตอิมเมจที่อยู่บน Azure โดยตรง
ที่มา - AlmaLinux |
# เว็บแอพในเครือ Microsoft 365 หยุดรองรับ Internet Explorer แล้ว
ไมโครซอฟท์เริ่มหยุดซัพพอร์ต IE11 กับการใช้งาน Microsoft 365 แล้วเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) ตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า 1 ปีก่อน
เว็บแอพหลายตัวใต้ร่มแบรนด์ Microsoft 365 จะเริ่มใช้กับ IE11 ไม่ได้แล้ว เช่น Outlook Web App และ SharePoint โดยไมโครซอฟท์ระบุว่าไม่ได้บล็อคการใช้งาน IE11 แต่ฟีเจอร์หลายตัวจะเริ่มใช้งานไม่ได้ ผู้ใช้ IE11 อาจได้เห็นหน้าเว็บแบบลดความสามารถ (เช่น Outlook Web App Light) แทนหน้าเว็บแบบปกติ
นอกจาก Microsoft 365 แล้ว เว็บแอพตระกูล Dynamics 365, Power Platform ก็หยุดรองรับ IE11 พร้อมกัน บริการตัวถัดไปคือ Azure Virtual Desktop จะหยุดรองรับ IE ในวันที่ 30 กันยายน 2021
ไมโครซอฟท์จะหยุดซัพพอร์ต IE11 อย่างสมบูรณ์ในเดือนมิถุนายน 2022 แต่ยังสามารถใช้งาน IE Mode ใน Microsoft Edge ได้อยู่ถ้าต้องการ (แต่จะเข้าหน้าเว็บที่ไม่รองรับ IE11 ไม่ได้อยู่ดี)
ที่มา - Microsoft, MSpoweruser |
# ประชาชนช่วยกันเอง ชาวอัฟกานิสถานรวบรวมข้อมูลช่วยอพยพผ่าน WhatsApp และ Google Forms
สถานการณ์ที่อัฟกานิสถานยังคงตึงเครียด จากการที่กลุ่มตาลีบันบุกยึดกรุงคาบูล จนประธานาธิบดีรวมถึงประชาชนต้องหนีออกนอกประเทศ ส่วนประชาชนในประเทศก็พยายามดิ้นรนหาทางอพยพเช่นกันโดยไม่ง้อหน่วยงานใดๆ ซึ่งตอนนี้มีอาสาสมัครใช้ช่องทางออนไลน์อย่าง WhatsApp และ Google Forms และช่องทางโซเชียลอื่นๆ ในการรวบรวมข้อมูลผู้ที่ต้องการอพยพ
ในการร่วมด้วยช่วยกัน มาจากเครือข่ายประชาชน นักข่าว องค์กรไม่แสวงผลกำไร มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำงานนอกนโยบายทางการมารวบรวมรายชื่อชาวอัฟกานิสถานที่มีสิทธิ์ได้รับการตั้งถิ่นฐานใหม่
บางกลุ่มวางแผนเช่าเครื่องบินเหมาลำเพื่อหนี มีการรวบรวมข้อมูลสภาพถนน ช่วยเหลือคนที่ติดค้างในต่างจังหวัด รวมถึงเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น นักข่าว ผู้นำสตรี และชาวอัฟกันที่เคยทำงานในโครงการใดโครงการหนึ่ง
Google Forms ตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยพันธมิตรระดับชาติ-องค์กรที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยระบุข้อความว่า หากมีใครในกรุงคาบูลที่สามารถไปสนามบินได้ภายในสัปดาห์นี้ โปรดป้อนข้อมูลที่นี่เพื่อแบ่งปันกับบริษัทการบินและกระทรวงการต่างประเทศ ใน Forms ยังให้ประชาชนระบุข้อมูลส่วนตัวเพื่อยืนยันตัวตนทั้งหมายเลขประจำตัว เอกสารเดินทาง มีอีกหลาย Forms ที่เรียกร้องการระดมทุนเช่าเครื่องบินเหมาลำ บางหน่วยงานที่อ้างว่าเป็นสำนักงานในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ประชาชนส่งเอกสารเดินทางผ่าน WhatsApp เพราะคิดว่าปลอดภัยกว่าอีเมล
สถานการณ์ช่วยเหลือเต็มไปด้วยความวุ่นวายและสับสน และจะยิ่งอยู่ในจุดเสี่ยงมากขึ้นหากมีกลุ่มตาลีบันแฝงตัวเข้ามาและเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของประชาชนที่แชร์กันบนแพลตฟอร์ม
ที่มา - MIT Technology Review |
# Ubisoft Singapore โดนสอบสวนเรื่องการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน
หน่วยงานด้านคุ้มครองแรงงานของสิงคโปร์ (Tripartite Alliance for Fair and Progressive Employment Practices หรือ Tafep) ระบุว่าเข้าสอบสวนสตูดิโอ Ubisoft Singapore หลังได้รับคำร้องเรียนจากพนักงาน ในประเด็นเรื่องการคุกคามทางเพศและการเหยียดกันในที่ทำงาน
Ubisoft มีปัญหาเรื่องการคุกคามทางเพศในที่ทำงานมาตั้งแต่ปี 2020 ทำให้ผู้บริหารต้องลาออกกันไปหลายคน และพนักงานในสตูดิโอของ Ubisoft ทั่วโลกหลายแห่งก็ลุกออกมาแฉเรื่องวัฒนธรรมการทำงานที่ไม่เหมาะสม
Ubisoft Singapore ก่อตั้งในปี 2008 มีพนักงานประมาณ 500 คน มีผลงานคือร่วมพัฒนา Assassin's Creed หลายภาค รวมถึงเกมโจรสลัด Skull & Bones ที่พัฒนามายืดเยื้อยาวนานและยังไม่เสร็จสักที
ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ Kotaku รายงานปัญหาการคุกคามทางเพศของ Ubisoft Singapore โดยสัมภาษณ์พนักงานและอดีตพนักงานกว่า 20 คน ส่วน Tafep ก็ออกมาประกาศให้พนักงานที่ทราบข้อมูล สามารถส่งเรื่องเข้ามายัง Tafep ได้โดยไม่ต้องระบุตัวตน
ภาพจาก @ubisingapore
ที่มา - Strait Times, Kotaku |
# BlackBerry รายงานช่องโหว่ร้ายแรงในระบบปฏิบัติการ QNX กระทบอุปกรณ์ฝังตัวจำนวนมาก
BlackBerry รายงานช่องโหว่ระดับร้ายแรงของระบบปฏิบัติการ QNX ที่นิยมใช้ในอุปกรณ์ฝังตัว รถยนต์ เครื่องจักรโรงงาน อุปกรณ์การแพทย์
ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับไลบรารีรันไทม์ภาษา C ของ QNX เลยได้ชื่อเรียกว่า BadAlloc มีคะแนนความร้ายแรง CVSS Score ที่ 9.0
BlackBerry ออกแพตช์อุดช่องโหว่นี้ให้แล้ว แต่ความยากของเรื่องนี้คือ ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่ใช้ QNX จะต้องนำแพตช์ไปอัพเดตกับอุปกรณ์ของตัวเองอีกทีหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาอีกพอสมควร คำแนะนำของ BlackBerry หากไม่สามารถอัพเดตแพตช์ได้ทันทีคือ ให้ปิดพอร์ตและโปรโตคอลที่ไม่เกี่ยวข้องไปก่อน
ที่มา - QNX, CISA, Bleeping Computers |
# YouTube เพิ่ม 2 เครื่องมือใหม่ เสิร์ชที่พรีวิววิดีโอมากขึ้น และเสิร์ชแสดงผลวิดีโอภาษาต่างประเทศ
YouTube ประกาศเพิ่ม 2 คุณสมบัติในการค้นหาวิดีโอ โดยเน้นให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาคอนเทนต์ที่ต้องการได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มโอกาสเข้าถึงข้อมูลในภาษาต่างประเทศ
คุณสมบัติแรก คือการแสดงผลการค้นหา ที่ให้ผู้ใช้งานเห็นภาพรวมวิดีโอมากยิ่งขึ้น จากเดิมแสดงผลเป็นรูป thumbnail ขนาดเล็ก คราวนี้จะเห็นพรีวิวสั้น ๆ จากวิดีโอนั้น (เหมือนวิดีโอที่แสดงในหน้าแรก) และหากวิดีโอมีการแยก Chapter ย่อย ผลการค้นหาก็จะแสดงส่วนนี้มาให้ด้วย
อีกคุณสมบัติคือการแสดงผลวิดีโอในภาษาต่างประเทศ กรณีไม่มีผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงสำหรับวิดีโอภาษาหลัก โดยวิดีโอนั้นจะมีแคปชั่นแปลภาษาแบบอัตโนมัติเพิ่มเข้ามา ซึ่งนอกจากเป็นโอกาสเข้าถึงเนื้อหาที่กว้างขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน ก็เป็นโอกาสสำหรับผู้สร้างสรรค์เนื้อหาในภาษาท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
ที่มา: YouTube |
# Salesforce ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Slack เน้นเป็นเครื่องมือทำงานหลักของทุกฝ่าย
Salesforce ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เป็นการทำงานร่วมกันกับ Slack หลังประกาศซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่แล้ว โดย Bret Taylor ซีโอโอ Salesforce อธิบายว่าคุณสมบัติคือการผลักดันแนวทาง Slack-First Customer 360 รองรับการทำงานในยุคดิจิทัล ให้ทุกคนในองค์กร ตลอดจนลูกค้า พาร์ทเนอร์ สามารถทำงานจบได้บน Slack ที่เดียว และมี Salesforce เป็นตัวจัดการเบื้องหลัง
คุณสมบัติใหม่ของ Slack-First ถูกอธิบายแยกเป็นแต่ละฝ่ายในองค์กรดังนี้
ฝ่ายขาย เพิ่ม Digital deal rooms ห้องเฉพาะสำหรับทีมฝ่ายขาย และลูกค้าที่ติดต่อผ่าน Slack Connect โดยมีเครื่องมือสำหรับติดต่อ เปิดคำสั่งซื้อ ฯลฯ
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า เพิ่ม Swarming ห้องสำหรับดูแลเคสที่มีความซับซ้อน ที่ต้องมีพนักงานที่เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในการแก้ปัญหา
ฝ่ายการตลาด เพิ่ม Intelligent ห้องแสดงข้อมูลจากแพลตฟอร์มอาทิ Marketing Cloud หรือ Datorama เพื่อให้เห็นตัวเลขล่าสุด และแก้ไขปัญหาทันที
งานวิเคราะห์ข้อมูล เพิ่มการเชื่อมต่อกับ Tableau ในการแสดงข้อมูลในห้องทันที
ที่มา: Salseforce |
# เปิดตัว Pixel 5a หน้าจอ 6.34 นิ้ว ชิป Snapdragon 765G เท่า Pixel 5 เพิ่มแบตเป็น 4,680 mAh ราคา 449 ดอลลาร์
Google เปิดตัว Pixel 5a แล้ว รุ่นนี้มีความใกล้เคียงกับ Pixel 5 มากพอสมควร หน้าจอใหญ่ขึ้นกว่าทั้ง Pixel 5 และ Pixel 4a เป็น Flexible OLED ขนาด 6.34 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล แต่ตัดฟีเจอร์ 90Hz ออก เหลือแค่ 60Hz
ชิปประมวลผล Snapdragon 765G เท่า Pixel 5 แรม LPDDR4x ขนาด 6GB หน่วยความจำ 128GB แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นจาก 4,080 mAh ใน Pixel 5 และ 3,140 mAh ใน 4a เป็น 4,680 mAh แต่ไม่มีชาร์จเร็วไร้สาย ไม่สามารถชาร์จอุปกรณ์อื่นได้ และลดระดับการกันน้ำจาก IP68 เป็น IP67 และยังมีช่องเสียบหูฟัง
กล้องหลัง 2 กล้อง เป็นกล้องหลัก 12.2 MP และอัลตร้าไวด์ 16MP สเปกเกือบเท่ากับ Pixel 5 แต่ตัด spectral/flicker sensor สำหรับถ่ายภาพดวงดาวออก กล้องหน้า 8MP สเปกเดียวกันกับ Pixel 5
Pixel 5a สั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ วางจำหน่าย 26 สิงหาคมนี้ เฉพาะสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น มีวางจำหน่ายสีเดียวคือสีดำ ราคา 449 ดอลลาร์ หรือราว 14,990 บาท ถูกกว่าราคาเปิดตัว Pixel 4a ที่ 499 ดอลลาร์
ที่มา - Google Store |
# กลุ่ม Sea ไตรมาส 2/2021 รายได้จากทั้ง Garena และ Shopee ยังเติบโตมากกว่า 160%
กลุ่มบริษัท Sea รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2021 รายได้รวมทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้น 158.6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 2,280.5 ล้านดอลลาร์ มีกำไรขั้นต้น 930.9 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 433.7 ล้านดอลลาร์
ธุรกิจสื่อบันเทิงดิจิทัล (Garena) รายได้รวม 1,024.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 166.8% จำนวนผู้เล่นเกมเพิ่มขึ้นเป็น 752.2 ล้านบัญชี มี Free Fire เป็นเด่น ส่วนในเดือนมิถุนายนบริษัทเปิดตัว Moonlight Blade Mobile ในไต้หวัน
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Shopee) รายได้รวม 1,155.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 160.7% จากยอดขายสุทธิ (GMV) ประมาณ 15.0 พันล้านดอลลาร์ และมีจำนวนออเดอร์เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านออเดอร์ ในไตรมาสนี้ Shopee ที่มาเลเซียยังมีกำไรก่อนดอกเบี้ย-ภาษี-ค่าเสื่อม (EBITDA) เป็นบวกเป็นครั้งแรก จากก่อนหน้านี้มีไต้หวันที่เป็นบวกมาหลายไตรมาสแล้ว
ส่วนกลุ่มธุรกิจการเงิน (SeaMoney) ปริมาณการจ่ายเงินมี 4.1 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 150% และมีผู้ใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นเป็น 32.7 ล้านคน
ที่มา: Sea (pdf) |
# ทีมวิจัยสวิตเซอร์แลนด์คำนวณค่า Pi ได้ 62.8 ล้านล้านหลัก ใช้ซีพียู AMD EPYC แค่สองตัว รัน 108 วัน
ทีมวิจัยจาก University of Applied Sciences Graubünden ในสวิตเซอร์แลนด์ประกาศความสำเร็จใจการคำนวณค่า Pi เป็นทศนิยมจำนวน 62.8 ล้านล้านหลัก ทำลายสถิติเดิมของ Timothy Mullican ที่คำนวณไว้ 50 ล้านล้านหลักเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมา
นอกจากการทำลายสถิติโลกแล้ว ทีมวิจัยยังแสดงถึงประสิทธิภาพของอัลกอริธึม โดยการทำลายสถิติการคำนวณค่า Pi เมื่อปี 2019 กูเกิลทำไว้ที่ 31.4 ล้านล้านตำแหน่ง แต่ใช้คลัสเตอร์เครื่อง n1-standard-16 ถึง 24 เครื่อง ร่วมกับเครื่องแม่ n1-megamem-96 อีกหนึ่งเครื่อง รันนาน 112 วัน ขณะที่ Mullican นั้นรันนานกว่า 300 วันแต่ไม่มีข้อมูลว่าใช้ฮาร์ดแวร์อะไรบ้าง
ทีมจาก Graubünden ใช้เซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U เพียงตัวเดียว พร้อมกล่องดิสก์ JBOD ใส่ดิสก์ 16TB จำนวน 38 ลูก เซิร์ฟเวอร์หลักใช้ซีพียู AMD EPYC 7542 มี 32 คอร์ 2 ซ็อกเก็ต แรม 1TB และ
ตัวซอฟต์แวร์ใช้โปรแกรม y-Cruncher คำนวณโดยพยายามใช้แรมก่อน แต่แรมเก็บข้อมูลได้เพียงแสนล้านหลักเท่านั้น หลังจากนั้นต้องถ่ายข้อมูลลงดิสก์ ทีมงานใช้ดิสก์ 34 ลูกอ่านเขียนแบบขนาน ได้แบนวิดท์ 8.5GB/s
ตัวเลขหลักสุดท้ายที่พบของค่า Pi ในครั้งนี้คือ 7817924264 และตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง หากได้รับรองรับกินเนสบุ๊กแล้วทางมหาวิทยาลัยจะเปิดเผยตัวเลขต่อไป
ที่มา - Fachhochschule Graubünden
ภาพเซิร์ฟเวอร์สำหรับคำนวณค่า Pi ในครั้งนี้ ด้านบนกรอบสีเหลืองคือเซิร์ฟเวอร์หลัก ด้านล่างกรอบแดงเป็นตู้สตอเรจ |
# Konami เผยเหตุผลเปลี่ยนชื่อ PES เป็น eFootball, ปรับเป็นเล่นฟรี แต่โหมดออฟไลน์ต้องซื้อ
Seitaro Kimura โปรดิวเซอร์ของเกม eFootball จาก Konami ให้สัมภาษณ์กับ TechRadar ถึงเบื้องหลังที่เปลี่ยนชื่อเกมจาก PES (Winning Eleven ในญี่ปุ่น) มาเป็น eFootball และปรับโมเดลการหาเงินเป็น free-to-play ตามยุคสมัย
Kimura บอกว่าเหตุผลในการเปลี่ยนชื่อเกมมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน แต่ปัจจัยหลักคือกระแสอีสปอร์ต ส่วนปัจจัยอื่นๆ มีทั้งการเปลี่ยนเอนจินมาเป็น Unreal Engine, การยกเครื่องเกมให้เข้ากับคอนโซลเจนใหม่ และความต้องการของผู้เล่นที่มุ่งไปสู่ free-to-play และ crossplay ข้ามแพลตฟอร์ม
การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างรวมๆ กันที่เยอะขนาดนี้ ทำให้บริษัทตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ชื่อ eFootball เพียงชื่อเดียว หลอมรวมแบรนด์ PES และ Winning Eleven เข้าด้วยกัน
ในฝั่งเอนจินเกม eFootball เปลี่ยนจาก Fox Engine ของ Konami เองมาเป็น Unreal Engine 4 โดยยังคงเอนจินฟุตบอลของตัวเองเอาไว้ โดย Kimura ยอมรับว่าการพอร์ตเอนจินฟุตบอลมาลง UE4 เป็นความท้าทาย แต่ UE มีชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่ ทำให้เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นๆ ได้ง่ายเช่นกัน
ข้อดีของการใช้ Unreal คือการทำเกมลงหลายๆ แพลตฟอร์มพร้อมกันง่ายขึ้นมาก (eFootball ลง PS4/PS5, Xbox One/Series, พีซี, มือถือ แต่ยังไม่มี Switch โดยเกมเวอร์ชันมือถือสามารถ cross-play ได้ทัดเทียมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ เล่นได้ผ่านเครือข่าย 4G/5G โดยไม่บังคับต่อ Wi-Fi)
ในแง่โมเดลการหาเงิน Kimura บอกว่าจะพยายามบาลานซ์ไม่ให้เกมเอียงไปทาง pay-to-win มากเกินไป ผู้เล่นทุกคนควรสนุกกับเกมได้อย่างยุติธรรม แต่เขาก็ให้ข้อมูลว่าจะนำโหมดออฟไลน์เดิมมาขายเป็นคอนเทนต์พรีเมียมด้วย
Konami ยังจ้างนักฟุตบอลระดับโลก 2 คนคือ Andreas Iniesta และ Gerard Pique มาเป็นโมเดลเพื่อความสมจริง รวมถึงขอคำแนะนำจากนักฟุตบอลตัวจริงเพื่อให้เกมออกมาสมจริงที่สุด เอนจินเกมตัวใหม่จะเน้นเรื่องการดวล 1v1 ระหว่างผู้เล่นมากขึ้น ซึ่งจะปรับวิธีการควบคุมใหม่ด้วย (คล้ายกับเกม FIFA มากขึ้น)
ที่มา - TechRadar |
# Facebook ตั้งทีมมอนิเตอร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญบริบทอัฟกานิสถาน ยืนยันแบนเนื้อหาสนับสนุนตาลีบัน
จากเหตุการณ์การประกาศชัยชนะของกลุ่มตาลีบันบุกยึดกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน สร้างความท้าทายแก่บริษัทโซเชียลมีเดียว่าจะจัดการอย่างไรกับเนื้อหาจากกลุ่มตาลีบัน หรือเนื้อหาที่สนับสนุนกลุ่มตาลีบัน
ล่าสุด Facebook ออกมายืนยันว่าได้ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเรื่องอัฟกานิสถาน เพื่อมอนิเตอร์เนื้อหาตาลีบันโดยเฉพาะ และยืนยันจะแบนเนื้อหาที่สนับสนุนกลุ่มตาลีบัน เพราะถือว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย
โฆษกของ Facebook ระบุว่า กลุ่มตาลีบันถูกคว่ำบาตรในฐานะองค์กรก่อการร้ายภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ทาง Facebook ได้ลบบัญชีที่ดูแลหรือสร้างขึ้นในนามของกลุ่มตาลีบัน แบนเนื้อหายกย่องสนับสนุนกลุ่มตาลีบัน นอกจากนี้ยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญเรื่องอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นผู้พูดภาษา Dari และ Pashto โดยกำเนิด และมีความรู้เกี่ยวกับบริบทในท้องถิ่น ที่จะช่วยในระบุและแจ้งเตือนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม นโยบายนี้มีผลทั้ง Facebook, Instagram และ WhatsApp
ก่อนหน้านี้มีรายงานด้วยว่า กลุ่มตาลีบันใช้ WhatsApp เป็นหนึ่งในช่องทางสื่อสารด้วย ซึ่ง Facebook บอกว่าจะค้นหาและจัดการต่อไป
ที่มา - BBC |
# [ลือ] MacBook Pro 16 นิ้ว ชิป M1X อาจเตรียมเปิดตัวเดือนพฤศจิกายนนี้
Mark Gurman นักข่าว Bloomberg ที่มีประวัติให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Apple ถูกต้องมาหลายครั้ง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวันวางจำหน่าย MacBook Pro ที่ใช้ชิป M1X ผ่านจดหมายข่าว Power On ระบุว่าแม้จะมีการล่าช้าในการผลิตเล็กน้อย แต่ MacBook Pro M1X น่าจะวางขายในช่วงที่ MacBook Pro 16 นิ้ว มีอายุครบ 2 ปีพอดี
MacBook Pro 16 นิ้วรุ่นล่าสุด วางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2019 ทำให้คาดเดาได้ว่า MacBook Pro M1X อาจจะออกในช่วงเดือนพฤศจิกายนเช่นเดียวกัน
ชิปรุ่นตระกูล M รุ่นใหม่ของ Apple ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ว่าจะเป็น M1X หรือ M2 แต่ในจดหมายข่าวของ Gurman ยังเรียกว่า M1X อยู่
ส่วนข่าวลือ MacBook Pro M1X ก่อนหน้านี้ก็หลากหลายพอสมควร ทั้งเรื่องการกลับมาใช้สายชาร์จ MagSafe, ตัด Touch Bar ออก, และเพิ่มพอร์ตเชื่อมต่อมากขึ้น ข่าวลือไหนจะจริงไม่จริงบ้าง คงต้องติดตามต่อไป
ที่มา - Mark Gurman: Power On |
# Airasia Food เปิดให้บริการในกรุงเทพฯ แล้ว เริ่มต้น 4 พื้นที่ ดินแดง จตุจักร ลาดพร้าว ห้วยขวาง
Airasia Food บริการส่งอาหารที่อยู่ภายใน Airasia Super App เปิดให้บริการในกรุงเทพแล้ว หลังซื้อ Gojek ก่อนหน้านี้ เริ่มต้น 4 พื้นที่นำร่อง คือ ดินแดง จตุจักร ลาดพร้าว และห้วยขวาง ช่วงเวลา 6.30 น. ถึง 19.00 น. ระบุเตรียมให้บริการครอบคลุมทั้งกรุงเทพเร็วๆ นี้ และตั้งเป้าจะเปิดบริการในพื้นที่อื่นๆ เช่น เชียงใหม่และภูเก็ตต่อไป
อแมนดา วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ กล่าวว่า “วิกฤติโควิด 19 ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของเราไปอย่างถาวร จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบริการฟู้ดเดลิเวอรี่และการซื้อกลับบ้านกลายเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมการบริโภคของคนจำนวนมาก
แอร์เอเชียจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอบริการซึ่งสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบนิวนอร์มอลแก่คนกรุงเทพฯ และช่วยสนับสนุนคนไทย ทั้งร้านอาหารและคอมมิวนิตี้ต่างๆ ไปในเวลาเดียวกัน ความตั้งใจของพวกเราคือพัฒนา Airasia Super App ให้กลายเป็นไลฟสไตล์แอพพลิเคชันแบบครบวงจรสำหรับทุกคนและทุกความต้องการ"
ผู้ใช้ที่อยู่ใน 4 เขตที่กล่าวไปข้างต้น สามารถเริ่มใช้งานด้วยการดาวน์โหลดแอป Airasia ทั้งบนแอนดรอยด์และไอโอเอส และเข้าไปในหมวด food เพื่อใช้งานได้ทันที
ที่มา - Airasia
ข้อมูลเปิดเผย: LINE MAN Lineman Wongnai เป็นบริษัทแม่ของบริษัท บล็อกนัน จำกัด ผู้ดำเนินการเว็บไซต์ Blognone.com ถือเป็นคู่แข่งในตลาดส่งอาหาร |
# แบงก์ชาติ-ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ทำ QR ชำระเงินข้ามกัน เตรียมเปิดโอนเงินข้ามประเทศด้วยเบอร์มือถือ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางอินโดนีเซีย (Bank Indonesia: BI) ประกาศความร่วมมือเชื่อมโยงระบบชำระเงินระหว่างสองประเทศผ่านโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของแต่ละประเทศ ลูกค้าและร้านค้าของทั้งสองประเทศสามารถทำรายการชำระเงินและรับเงินระหว่างกันผ่าน QR Code ได้
ในระยะแรก ลูกค้าในประเทศไทยสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ สแกน QRIS (Quick Response Code Indonesian Standard) หรือ QR มาตรฐานของอินโดนีเซีย ชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าในประเทศอินโดนีเซียได้ ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการระยะแรกคือ ธนาคารกรุงเทพ ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จะใช้บริการได้ในเดือนกันยายนนี้
ด้านลูกค้าในประเทศอินโดนีเซียสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการสแกน Thai QR Code ชำระค่าสินค้าและบริการร้านค้าของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการในประเทศไทยได้
ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า ในระยะต่อไปช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 จะเพิ่มจำนวนธนาคารและ non-bank ที่ให้บริการมากขึ้น รวมทั้งในอนาคตจะขยายบริการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้รับแทนเลขที่บัญชีด้วย
จนถึงตอนนี้คนไทยสามารถทำการชำระเงินระหว่างประเทศด้วย QR Code ในอาเซียนแล้ว 5 ประเทศ ได้แก่ ลาว กัมพูชา สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย
ที่มา - ธนาคารแห่งประเทศไทย |
# Blue Origin ยื่นฟ้อง NASA ข้อหาเลือก SpaceX เป็นยานลงจอดดวงจันทร์เพียงรายเดียว
Blue Origin บริษัทอวกาศของ Jeff Bezos ยื่นฟ้อง NASA แล้ว จากกรณีเลือก SpaceX เป็นผู้พัฒนายานลงจอดดวงจันทร์ LHS ในภารกิจ Artemis
บริษัทที่ส่งข้อเสนอ LHS มีทั้งหมด 3 รายคือ SpaceX, Blue Origin, Dynetics โดยตอนแรก NASA เคยมีแนวทางว่าจะเลือกข้อเสนอมากกว่า 1 ราย แต่สุดท้ายงบประมาณไม่พอ จึงเลือก SpaceX ที่เสนอราคาต่ำที่สุดเพียงรายเดียว
Blue Origin และ Dynetics เคยยื่นคัดค้านไปยังสำนักงานตรวจสอบของรัฐบาลสหรัฐ (US Government Accountability Office) และ Jeff Bezos เคยเสนอออกเงิน 2 พันล้านดอลลาร์ให้เอง แลกกับ NASA เลือกข้อเสนอของ Blue Origin เพิ่มเข้ามา แต่สุดท้าย NASA ก็ไม่ได้สนใจ
ภาพเรนเดอร์ยานลงจอดดวงจันทร์ของ Blue Origin
ล่าสุด Blue Origin จึงตัดสินใจฟ้องศาลว่ากระบวนการคัดเลือกของ NASA มีข้อบกพร่อง ซึ่ง NASA บอกว่ารับทราบเรื่องคำฟ้องแล้ว และกำลังศึกษารายละเอียดอยู่
เว็บไซต์ The Register อ้างความเห็นของ Kenneth Patton ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจัดซื้อของสหรัฐ บอกว่าโอกาสชนะของ Blue Origin ค่อนข้างต่ำ เพราะในการสอบสวนของ US Government Accountability Office พบว่า NASA มีงบประมาณไม่พอจริงๆ และข้อเสนอของ SpaceX ก็ได้คะแนนรวมสูงกว่า ในขณะที่มีราคาต่ำกว่าคู่แข่งอื่นๆ มาก (ต่ำกว่า Blue Origin ครึ่งหนึ่ง)
ฝั่งของ Elon Musk ก็ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ไว้ว่า ถ้าเราสามารถใช้ทนายและล็อบบี้ยิสต์ช่วยให้ขึ้นสู่วงโคจรได้จริงๆ ป่านนี้ Jeff Bezos น่าจะไปถึงดาวพลูโตแล้ว
ที่มา - The Register |
# สหรัฐ สอบสวนอุบัติเหตุรถ Tesla หลังพบ Autopilot ขับชนกับรถที่จอดฉุกเฉินหลายครั้ง
หน่วยงานกำกับดูแลรถยนต์ของสหรัฐฯ National Highway Traffic and Safety Administration (NHTSA) เริ่มสอบสวนระบบช่วยเหลือคนขับหรือ Autopilot ของรถ Tesla หลังพบว่า Autopilot ขับรถชนเข้ากับรถคันอื่นที่จอดอยู่ถึง 11 ครั้ง
ในเอกสารสืบสวนระบุว่า เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นตอนกลางคืน และเกิดขึ้นทั้งๆ ที่รถคันอื่นเปิดไฟจอดฉุกเฉิน รวมถึงเกิดขึ้นท่ามกลางถนนที่มีไฟ, ป้ายจราจรสัญลักษณ์ให้เปลี่ยนเลน หรือแม้แต่กรวยกั้นไว้อยู่แล้ว
ใน 11 เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคม 2018 ถึงกรกฎาคม 2021 มีผู้บาดเจ็บ 17 รายและเสียชีวิต 1 ราย การสอบสวนครอบคลุมรถยนต์ Tesla ประมาณ 765,000 คัน และครอบคลุมรถยนต์ทุกรุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ Tesla Model Y, Model X, Model S และ Model 3
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา NHTSA ได้ออกคำสั่งให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องรายงานการชนสำหรับยานพาหนะที่ติดตั้งระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) หรือระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติระดับ 3-5 ทาง NHTSA ยังเตือนประชาชนด้วยว่าไม่มียานยนต์ในท้องตลาดรายใดในปัจจุบันที่สามารถขับด้วยตัวเองได้
หน่วยงาน Advocates for Highway and Auto Safety ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรผู้บริโภคออกแถลงการณ์เรียกร้องให้กระทรวงคมนาคมและคณะบริหารของ โจ ไบเดน ออกมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับ ADAS
ที่มา - TechCrunch |
# Samsung Galaxy Z Fold 3 ใช้หน้าจอ OLED แบบใหม่ ประหยัดพลังงานกว่ารุ่นก่อน 25%
Samsung Display ประกาศว่า Galaxy Z Fold 3 นั้น ใช้หน้าจอแบบใหม่ชื่อ Eco2 OLED ประหยัดพลังงานกว่า Z Fold 2 ถึง 25% โดยใช้โครงสร้างลามิเนตรูปแบบใหม่ของแพแนล ตัดชั้นโพลาไรเซอร์ที่ใช้งานในหน้าจอ OLED แบบเดิมออกไป โครงสร้างแบบใหม่นี้ช่วยลดแสงสะท้อนจากภายนอก และเพิ่มการส่องผ่านของแสง (light transmittance) ได้ 33%
ชั้นโพลาไรเซอร์แบบเดิมๆ ของจอ OLED จะเป็นแผ่นทึบแสงที่ทำให้แสงจาก OLED มองเห็นได้ชัดขึ้นโดยการป้องกันไม่ให้แสงจากภายนอกมากระทบอิเล็กโทรดที่อยู่ระหว่างพิกเซลและทำให้เกิดแสงสะท้อนที่รบกวนการแสดงผล
ชั้นแบบโพลาไรเซอร์มีข้อเสียคือทำให้จอ OLED มืดลงถึง 50% พิกเซลของ OLED จึงต้องเร่งแสงมากกว่าเดิมเพื่อให้สว่างพอ ทำให้กินพลังงานมากขึ้น ผู้ผลิตหน้าจอหลายแบรนด์พยายามใช้สิ่งอื่นแทนโพลาไรเซอร์มานานก่อนหน้านี้ แต่ Samsung Display ดูเหมือนจะเป็นเจ้าแรกที่ทำได้สำเร็จ
ที่มา - Samsung Display |
# Google Maps เพิ่มการแสดงจุดยืม Spin บริการยืมจักรยานไฟฟ้าในเครือ Ford
Google Maps เพิ่มการแสดงข้อมูล Spin หรือบริการให้ยืมสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า (อยู่ในเครือ Ford) และสามารถกดเพื่อเชื่อมต่อตรงไปยังแอปพลิเคชัน Spin เพื่อทำการจ่ายเงินและปลดล็อก เปิดใช้งานใน 84 เมื่องในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี และสเปน
Spin ไม่ใช่รายแรกที่ integrate ระบบเข้ากับ Google Maps โดย Lime อีกผู้เล่นในตลาดจักรยานไฟฟ้าทำมาก่อนแล้วในปี 2019 ส่วน Spin นพระบบ integrate เข้ากับแพลตฟอร์มแผนที่อื่นด้วยคือ Citymapper และ Moovit
ที่มา - Engadget, Ford |
# AMD ผงาด ส่วนแบ่งตลาดซีพียู x86 ไตรมาส 2/2021 สูงสุดในรอบ 14 ปี
AMD ยังคงชิงส่วนแบ่งตลาดซีพียูต่อเนื่อง หลัง Intel ยังติดหล่มการลดขนาดกระบวนการผลิต ล่าสุด อ้างอิงข้อมูลการตลาดจาก Mercury Research พบว่า AMD ชิงส่วนแบ่งตลาดซีพียู x86 จาก Intel มาได้ 22.5% แล้ว เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสเดียวกันในปี 2020 และ 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม หากเจาะประเภทซีพียูลงไป จะพบว่า AMD เสียส่วนแบ่งตลาดซีพียูเดสก์ท็อป ไป 2.1% จากปีก่อน แต่ได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมาจากซีพียูอุปกรณ์อื่นแทน
Dean McCarron ประธาน Mercury Research ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ PCMag ว่าที่สาเหตุที่ตลาดซีพียูเดสก์ทอปโดยรวมกลับหดลงเป็นเพราะช่วงที่โรงงานต่างๆ ผลิตซีพียูได้จำกัดนั้น AMD เลือกที่จะลดการผลิตซีพียูเดสก์ท็อปแล้วไปผลิตซีพียูของอุปกรณ์อื่นเช่นซีพียูโน้ตบุ๊กหรือคอนโซลมากกว่า ส่วน Intel ลดการผลิตซีพียูโน้ตบุ๊กรุ่นล่างลง แล้วไปผลิตซีพียูเดสก์ท็อปเพิ่มแทน
ส่วนฝั่งซีพียูเซิฟเวอร์ Intel ครองส่วนแบ่ง 90.5% ส่วน AMD มีส่วนแบ่ง 9.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.7% และจากไตรมาสก่อน 0.6%
ในปลายปีนี้สมรภูมิซีพียูน่าจะร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลัง AMD เตรียมเปิดตัวซีพียู Zen 3 ที่มี V-Cache ถึง 64-128MB และ Intel เตรียมเปิดตัวซีพียู Alder Lake ที่จะมีแกนพลังงานสูง และแกนประหยัดพลังงานประกอบกัน คล้ายคลึงกับชิปมือถือ คงต้องติดตามดูว่า Intel จะดึงส่วนแบ่งตลาดกลับมาได้หรือไม่
ที่มา - PCMag |
# จีพียู Intel Arc รุ่นแรกจะรองรับ Ray Tracing, AI Supersampling, Variable Rate Shading
จากข่าว อินเทลเปิดตัวจีพียูเกมมิ่ง Intel Arc ตอนนี้ยังมีรายละเอียดอย่างเป็นทางการออกมาไม่มากนัก เพราะตัวสินค้าต้องรออีกนานกว่าจะวางขายจริงในช่วงต้นปี 2022
ในคลิปวิดีโอแนะนำของอินเทล มีข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องฟีเจอร์ของ Intel Arc รุ่นก่อนผลิตจริง (pre-production) ได้แก่ Mesh Shading, Variable Rate Shading (VRS), เทคนิคการทำ AI Upscaling/Supersampling ลักษณะเดียวกับ NVIDIA DLSS (ฝั่ง AMD ยังไม่มี AI มาช่วย), การทำ Ray Tracing ที่ระดับฮาร์ดแวร์
นอกจากนี้ อินเทลยังมีคลิปโชว์การเล่นเกมต่างๆ เช่น Forza Horizon 4, Psychonauts 2, PUBG, Subnautica Below Zero, Metro Exodus, Days Gone, Crysis Remastered เป็นต้น
เว็บไซต์ AnandTech ยังชี้ว่าอินเทลเลือกใช้โค้ดเนมของ Arc เป็นชื่อจากเกม RPG ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าต้องการเจาะตลาดเกมเมอร์แบบจริงจัง และการเปิดเผยโค้ดเนมออกมา 4 เจนเลย ก็เพื่อให้มั่นใจว่าอินเทลจะเล่นในตลาดนี้จริงจัง วางแผนระยะยาวไปแล้ว
Alchemist
Battlemage (ชื่อคลาสใน The Elder Scrolls)
Celestial
Druid (ชื่อคลาสใน Diablo)
ส่วนเว็บไซต์ ExtremeTech อ้างถึงข้อมูลที่หลุดออกมาเมื่อเดือนเมษายน 2021 ว่าจีพียู Xe-HPG DG2 ของอินเทล (Alchemist) จะมีหน่วยประมวลผล 512 EU, TDP 275 วัตต์, ใช้โรงงานผลิตของ TSMC, มีประสิทธิภาพในระดับทัดเทียมกับ GeForce RTX 3070 หรือ 3070 Ti และในอนาคตจะมีรุ่น 128 EU กับ 256 EU ตามมา
ที่มา - AnandTech, ExtremeTech |
# RentSpree เล่าประสบการณ์เลือก Tech Stack สำหรับสตาร์ตอัพ ระบุเป็นแกนกลางการขับเคลื่อนธุรกิจ
บริษัทเทคโนโลยี แน่นอนว่าต้องมีเทคโนโลยีเป็นแกนกลาง ทำให้ Tech Stack หรือชุดของเทคโนโลยี มีความสำคัญต่อธุรกิจและนวัตกรรม รวมไปถึงความรู้ความสามารถของคนในทีมด้วย
สตาร์ตอัพมักเริ่มพัฒนาระบบใหม่ทั้งหมดเอง ทำให้มีโอกาสเลือกใช้เทคโนโลยีโดยไม่ต้องคำนึงถึงระบบเดิมที่เคยใช้มา สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมเพื่อเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ในบทความนี้ คุณพศวีร์ เวชพาณิชย์ CTO ของ RentSpree สตาร์ตอัพคนไทยด้านอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา เล่าถึง Tech Stack ที่บริษัทเลือกใช้งานมาและความสำคัญของกระบวนการตัดสินใจว่าควรเลือกเทคโนโลยีอย่างไร
RentSpree เป็นสตาร์ตอัพที่สร้างแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ เชื่อมต่อระหว่างเจ้าของอสังหา, ตัวแทนให้เช่า, และผู้เช่า โดยให้บริการยืนยันตัวตน และตรวจสอบประวัติผู้เช่าบ้าน หรือที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ บริษัทได้รับเงินลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนนำโดย 645 Ventures มูลค่า 2.3 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
คุณพศวีร์ เล่าว่า Tech Stack ถือว่าเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ เพราะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้บริษัทสร้างสินค้าออกมาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วสตาร์ตอัพแต่ละแห่งไม่จำเป็นต้องมี Tech Stack ชุดเดียว สามารถเปลี่ยนชุดเทคโนโลยีเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ตามความเหมาะสมของ product ที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเฟซบุ๊กที่ตอนเริ่มต้นก็ใช้ PHP ที่ใช้กันทั่วไป แต่หลังจากนั้นก็มีการย้ายไปใช้ Big Data เมื่อมีฐานผู้ใช้งานมากขึ้นจนเทคโนโลยีแบบเดิม ไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป
เงื่อนไขอื่นๆ ของการเลือก Tech Stack มีอีกหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายทางธุรกิจในช่วงเวลาที่เลือก, กลุ่มเป้าหมายของทีมงานที่กำลังสร้าง, วัฒนธรรมองค์กร, และตัวสินค้าหลักเป็นอะไร
คำแนะนำสำหรับสตาร์ตอัพช่วงตั้งบริษัทแรกๆ คือเลือกในสิ่งที่ทีมงานมั่นใจว่าจะสร้าง Product ออกมาให้เร็วที่สุด ทำ Product เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้ได้ก่อน แต่ในระยะหลังจากนั้น เงื่อนไขสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรนำมาพิจารณาคือการขยายทีม การเลือก Tech Stack ที่มีความนิยมอยู่แล้วในตลาด ทำให้หาทีมงานได้ง่ายขึ้น
RentSpree เลือกใช้ frontend เป็น React และ backend เป็น Node.js/Express เพื่อให้เป็นจาวาสคริปต์ทั้งสองฝั่ง ไม่ต้องแยกทีมโปรแกรมเมอร์ตามภาษาที่ใช้ โดยตอนที่เริ่มเลือกก็มีความเสี่ยง เพราะยังมีคนใช้ไม่มากนัก แต่ RentSpree เชื่อว่าเทคโนโลยีทั้งสองตัวมีแนวโน้มจะได้รับความนิยมในอนาคต จึงตัดสินใจเลือกสองตัวนี้
แต่ช่วงหลัง เริ่มมีงานที่เป็น microservice มากขึ้น มีความต้องการฟีเจอร์อื่นๆ เช่น logging, authentication, หรือ tracing ทีมงานก็เตรียมจะเปลี่ยนไปใช้งาน KrakenD ที่ประสิทธิภาพดีกว่า
ส่วนกระบวนการพัฒนา RentSpree ใช้แนวทาง Agile เพราะซอฟต์แวร์ที่พัฒนามีความเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง กระบวนการควบคุมคุณภาพโค้ดอาศัยการทำ TDD และ code review ภายในทีม รวมไปถึงใช้เครื่องมืออย่าง GitLab CI สำหรับ build/test/code quality เพื่อเพิ่มความเร็วและทำให้ process เป็นไปอย่างอัตโนมัติ โดยมี Code Climate มาควบคุมคุณภาพโค้ดไว้อีกขั้น แนวทางนี้ทำให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพ Build โค้ดออกมาได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ
สำหรับการจัดการ deployment ทาง RentSpree ระบุว่าตอนนี้ระบบยังไม่ซับซ้อนนัก จึงใช้ Helm สำหรับจัดการ โดยมีเทมเพลตสองชุดสำหรับ frontend และ backend จากนั้นจัดการ GitOps ด้วย ArgoCD ที่จะคอยดู Helm Chart ว่ามีอัพเดตหรือไม่ ระบบเหล่านี้อาศัย Kubernetes เป็นพื้นฐานซึ่งก็น่าจะเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมทุกวันนี้ไปแล้ว
หากใครสนใจรายละเอียด Tech Stack ที่ RentSpree ใช้งาน สามารถอ่านบล็อกบน medium หรือหากสนใจทำงานร่วมกับ RentSpree อ่านรายละเอียดตำแหน่งที่เปิดรับอยู่ได้ที่ Career at RentSpree |
# Tinder เตรียมเปิดยืนยันตัวตนและอายุด้วยหมายเลข ID ผู้ใช้สมัครใจใช้งาน ยกเว้นประเทศที่กฎหมายกำหนด
ในไตรมาสถัดไป Tinder จะเปิดระบบยืนยันตัวตน ID Verification หรือการยืนยันตัวด้วยหมายเลขบัตรประชาชน ใบขับขี่ พาสปอร์ตผ่านแอปว่ามีอายุเกิน 18 ปี โดยจะเริ่มทำในรูปแบบสมัครใจ ยกเว้นในพื้นที่ที่กฎหมายกำหนดหรือได้รับคำสั่งตามกฎหมาย โดย ID Verification เปิดใช้งานที่ญี่ปุ่นมาก่อนแล้วในปี 2019 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กฎหมายกำหนดว่าผู้ใช้งานแอปหาคู่ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
Tinder ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะลงทุนหลัก 100 ล้านเหรียญเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน หลังถูกวิจารณ์ว่ามีเหยื่อจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และเหยื่อยังไม่บรรลุนิติภาวะ ที่ผ่านมา Tinder เพิ่มฟีเจอร์ยืนยันตัวตนในหลายรูปแบบ ทั้งเครื่องหมายสีฟ้าแบบ Twitter, วิดีโอคอลเห็นหน้า เป็นต้น แต่การยืนยันตัวตนด้วยหมายเลขประจำตัว จะทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่า คนที่เราคุยด้วยมีประวัติอาชญากรรมทางเพศหรือไม่
ตามเงื่อนไขการใช้งาน Tinder กำหนดให้ผู้ใช้ต้องไม่เคยถูกตัดสินว่ากระทำผิดในความผิดทางอาญา อาชญากรรมทางเพศ หรืออาชญากรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง
ก่อนหน้านี้ Tinder ยังร่วมมือกับ Garbo บริษัทไม่แสวงหากำไรทำเกี่ยวกับการตรวจสอบประวัติ โดยเฉพาะประวัติอาชญากรรม การคุกคามละเมิดทางเพศ ในการตรวจสอบประวัติผู้ใช้งานด้วย
ภาพจาก Tinder
ที่มา - Tinder, TechCrunch |
# เปิดตัว Call of Duty: Vanguard ใช้ฉากยุคสงครามโลกครั้งที่สอง
Activision เปิดตัวเกม Call of Duty ภาคใหม่ของปี 2021 โดยใช้ชื่อว่า Call of Duty: Vanguard ตรงกลับที่หลุดออกมาช่วงก่อนหน้านี้ เกมใช้ฉากเป็นยุคสงครามโลกครั้งที่สอง
ตอนนี้ยังมีแต่คลิปทีเซอร์ของ Call of Duty: Vanguard เท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติมจะเปิดตัวในเกม Call of Duty: Warzone วันที่ 19 สิงหาคมนี้
เกมภาคนี้พัฒนาโดยสตูดิโอ Sledgehammer Games ที่พัฒนาเกมภาค WWII ในปี 2017 และถือเป็นการวนกลับมาอีกครั้งของ Sledgehammer Games ในรอบ 4 ปี หลังเสียคิวไป 1 รอบ
ที่มา - Call of Duty |
# Roblox ประกาศซื้อกิจการ Guilded แพลตฟอร์มเชื่อมต่อชุมชนผู้เล่นเกม
Roblox ผู้พัฒนาเกมต่อบล็อกดิจิทัล รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2021 รายได้โต 127% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 454.1 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 140.1 ล้านดอลลาร์ กระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นเป็น 168.0 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้เล่นเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 29% เป็น 43.2 ล้านคนต่อวัน เป็นส่วนของผู้เล่นนอกอเมริกา-แคนาดาเพิ่มขึ้นมา 42% จำนวนชั่วโมงที่มีการเล่นรวม 9,700 ล้านชั่วโมง มีการจ่ายเงินต่อผู้เล่นเฉลี่ย 15.41 ดอลลาร์ต่อคน
Roblox ยังประกาศซื้อกิจการ Guilded ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับเชื่อมต่อชุมชนผู้เล่นเกม โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของดีล เพื่อนำมาต่อยอดกับบริการปัจจบันเสริมความแข็งแกร่งของชุมชนผู้เล่นเกม
ที่มา: Roblox และ [2] |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.