|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
05,0015,001,แก่เอกัคคตา อัปปนาฌานทั้ง ๔ นั้นเอง อุเบกขา ความเพ่งโดยอุปบัติ
|
|
05,0015,002,ได้แก่ความไม่ขวนขวายในที่จะตั้งจิตให้เป็นสมาธิอีก เป็นแต่เพ่งจิต
|
|
05,0015,003,ที่ถึงซึ่งความรำงับอยู่แล้วเท่านั้นเอง ธรรม ๗ นี้แลชื่อว่าโพชฌงค์
|
|
05,0015,004,เพราะเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคดำเนินในวิชชา ๓ แล้วถึงความตรัสรู้
|
|
05,0015,005,รูเท่าสังขาร ก็ชื่อว่าพระองค์เจริญโพชฌงค์ ๗ ด้วยคำว่าเจริญโพชฌงค์
|
|
05,0015,006,ทั้ง ๗ นั้น เป็นคำกล่าวโดยนิรวเศษ กำหนดตามโพชฌงคนิยม แต่
|
|
05,0015,007,ถ้าว่าในขณะอรหัตมรรคอรหัตผลบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคนั้น
|
|
05,0015,008,พระองค์ถึงความตรัสรู้รู้เท่าสังขารนั้น ก็ชื่อว่าพระองค์เจริญโพชฌงค์
|
|
05,0015,009,มีแต่ ๖ เพราะปีติสัมโพชฌงค์ พระองค์มละเสียแล้วด้วยตติยฌาน
|
|
05,0015,010,อนึ่งกิจในพรหมจรรย์โดยสังเขปมีอยู่ ๒ คือ ปหานะและภาวนา
|
|
05,0015,011,คำว่าพระผู้มีพระภาคมละนิวรณ์ ๕ นั้น เป็นคำแสดงปหานกิจว่า
|
|
05,0015,012,ใช่แต่มละนิวรณ์ ๕ อย่างเดียวหาไม่ มละอาสวะ ๓ ด้วย วิขัมภน
|
|
05,0015,013,ปหานข่มไว้ด้วยวิชชา ๒ เบื้องต้น และด้วยสมุจเฉทปหาน มละ
|
|
05,0015,014,ขาดทีเดียวด้วยวิชชาที่ ๓ ด้วยคำว่าพระผู้มีพระภาคเจริญโพชฌงค์ ๗
|
|
05,0015,015,นั้น เป็นคำแสดงภาวนากิจ ว่าใช่แต่เจริญโพชฌงค์ ๗ อย่างเดียวหา
|
|
05,0015,016,มิได้ ทำวิชชา ๓ ให้เจริญด้วย ฯ คำว่าพระผู้มีพระภาคตั้งจิตในสติ-
|
|
05,0015,017,ปัฏฐานทั้ง ๔ นั้น เป็นคำแสดงปฏิปทา ข้อปฏิบัติซึ่งให้เกิด
|
|
05,0015,018,ปหานะและภาวนา พระผู้มีพระภาคแสดงสติปัฏฐาน ๔ ไม่ยิ่งไม่
|
|
05,0015,019,หย่อนนั้น ตามจริตของบุคคล ก็แลบุคคลว่าโดยจริตสังเขปมีอยู่ ๒
|
|
05,0015,020,จำพวก คือตัณหาจริต ๑ ทิฐิจริต ๑ ตัณหาจริตมีอีกเป็นสอง คือ
|
|
05,0015,021,หยาบละเอียด ทิฐิจริตก็มีสองบ คือหยาบละเอียด กายานถปัสสนาสติ
|
|
05,0015,022,ปัฏฐาน เป็นสบายแก่คนเป็นตัณหาจริตหยาบ เวทยานุปัสสนาสติ
|
|
05,0015,023,ปัฏฐาน เป็นสบายแก่คนเป็นตัณหาจริตละเอียด จิตตานุปัสสนาสติ
|
|
|