Book,Page,LineNumber,Text 06,0015,001,อนึ่ง อาบัตินั้นเป็นโทษทางโลก คือคนสามัญที่มิใช่ภิกษุทำ 06,0015,002,เข้าก็เป็นความผิดความเสี่ยเหมือนกันก็มี เช่นทำโจรกรรม และฆ่า 06,0015,003,มนุษย์ ตลอดลงมาถึงโทษที่เบา เช่นทุบตีกัน ด่ากัน นี้เรียกโลก- 06,0015,004,วัชชะ. ที่เป็นโทษทางพระบัญญัติ คือคนสามัญทำเข้าไม่เป็นความ 06,0015,005,ผิดความเสีย เป็นผิดเฉพาะแก่ภิกษุโดยฐานละเมิดพระบัญญัติก็มี 06,0015,006,เช่นขุดดินและฉันอาหารในเวลาวิกาลเป็นต้น คนชาวบ้านทำ ไม่มี 06,0015,007,ความผิดความเสีย นี้เรียกปัณณัตติวัชชะ. อธิบายนี้ตามความเข้าใจ 06,0015,008,ของข้าพเจ้า. ส่วนในอรรถกถาพระวินัยท่านพรรณนาว่า อาบัติที่ 06,0015,009,เป็นโลกวัชชะนั้น ได้แก่อาบัติที่ต้องในเวลามีจิตเป็นอกุศล ท่าน 06,0015,010,"ยกการดื่มสุรา ด้วยรู้ว่าเป็นสุราเป็นตัวอย่าง, อาบัติที่เป็นปัณณัตติ-" 06,0015,011,วัชชะนั้น ได้แก่อาบัติที่ต้องในเวลามีจิตเป็นกุศล ท่านมิได้ยก 06,0015,012,ตัวอย่างขึ้นไว้ แต่พึงเห็นเช่นเก็บดอกไม้เพื่อจะบูชาพระ. ใคร่ครวญดี 06,0015,013,ความก็ลงรอยกัน การใดคนสามัญทำลงแล้วเป็นความผิดความเสีย 06,0015,014,การนั้นเขาคงถือกันว่าเป็นชั่ว ส่วนการใดคนสามัญทำลงแล้ว ไม่เป็น 06,0015,015,ความผิดความเสีย การนั้นเขาไม่ถือกันว่าชั่วสำหรับคนทั่วไป เป็นแต่ 06,0015,016,ท่านพรรณนาไว้ไม่ชัดเจนเท่านั้น. ข้าพเจ้าขอแนะนำเพื่อนสหธรรมิก 06,0015,017,ไว้ว่า อาบัติที่เป็นโลกวัชชะนั้น ล่วงเข้าแล้วยังความเสียหายให้เกิดมาก 06,0015,018,แม้ทำคืนแล้ว ความเสียนั้นก็ยังเป็นเหมือนแผลเป็นติดอยู่ ไม่หายได้ง่าย 06,0015,019,ควรประหยัดให้มาก อย่าล่วงง่าย ๆ. ฝ่ายอาบัติที่เป็นปัณณัตติวัชชะนั้น 06,0015,020,เหล่าใดที่พวกภิกษุยังถือเป็นกวดขัน ล่วงอาบัติเหล่านั้นเข้าแล้ว 06,0015,021,มีความเสียได้เหมือนกัน เหล่าใดไม่ได้ถือเป็นจริงจัง เพราะกาลสมัย