Book,Page,LineNumber,Text 20,0004,001,ก็แลวิปัสสนานั้น คือปัญญาอันแจ้งชัด เห็นอรรถเห็นธรรม 20,0004,002,อันมีจริงอันเป็นความจริงอย่างไร ปัญญาอันเห็นตามเป็นจริง กำหนด 20,0004,003,สามัญญลักษณะทั้ง ๓ คือ ความเป็นของไม่เที่ยง ๑ ความเป็นทุกข์ ๑ 20,0004,004,ความเป็นอนัตตา ๑ ถอนความถือมั่น ด้วยตัณหา มานะ ทิฏฐิเสียได้ 20,0004,005,ชื่อว่าวิปัสสนาปัญญา เห็นวิเศษ เห็นแจ้ง เห็นชัด ปัญญานั้นก็เป็น 20,0004,006,สภาวธรรมอย่างหนึ่ง เกิดพร้อมกับจิตบางเหล่า เป็นสภาพรู้ชัดตามจริง 20,0004,007,เป็นไปโดยความเป็นผู้ฉลาด ในความเจริญและความฉิบหายและอุบาย 20,0004,008,แห่งความเจริญและความฉิบหาย และความฉลาดในอรรถในธรรม 20,0004,009,ทั้งหลาย เป็นผู้ส่องให้ความชัชวาล ประหนึ่งแสงสว่างในรูปทั้งหลาย. 20,0004,010,สาธุชนผู้จะเจริญให้ปัญญานั้นเกิดมีขึ้น พึงประกอบการเรียน 20,0004,011,อุเทศ และไต่ถามความ และทรงจำ และท่องสาธยาย และพิจารณา 20,0004,012,ให้บริบูรณ์ขึ้น ณ สำนักแห่งอาจารย์ผู้ฉลาด ทิฏฐิความเห็นทั้งหลาย 20,0004,013,อันไม่มีประโยชน์ เป็นไปด้วยถือผิดต่าง ๆ อย่างไร เป็นไปในโลก 20,0004,014,สาธุชนพึงหยั่งด้วยปัญญาพิจารณา และละเว้นทิฏฐิเหล่านั้นเสียด้วย 20,0004,015,ประการทั้งปวง พึงเจริญปัญญาอันมาในคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ 20,0004,016,เกิดมีขึ้นในจิต ปัญญาซึ่งมาในพระพุทธศาสนานั้น คืออุทยัตถคามินี 20,0004,017,ปัญญาอันไปยังความอุทัยและอัสดง พิจารณาความเกิดและความ 20,0004,018,เสื่อมสิ้นแห่งสังขารเป็นอารมณ์ เป็นปัญญาอันพิเศษไปจากข้าศึก 20,0004,019,คือกิเลสเครื่องเศร้าหมองจิตได้ อาจสามารถจะทำลายกิเลสที่ยังไม่เคย 20,0004,020,ทำลายให้พินาศได้ จะให้ผู้เจริญบรรลุความสิ้นทุกข์ได้โดยชอบ นำผู้ 20,0004,021,ปฏิบัติออกไป เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบได้จริง เป็นปัญญาอันมั่นคง