Book,Page,LineNumber,Text 33,0028,001,ชื่อว่าอยู่ปราศจากไตรจีวร. 33,0028,002,๓. คำว่า สิ้นราตรีหนึ่ง หมายความว่า พอจวนเวลาอรุณขึ้น 33,0028,003,ภิกษุต้องเข้าในเขตเก็บผ้า เวลาอื่นไม่นับ ถ้าจวนอรุณขึ้น ภิกษุไม่อยู่ใน 33,0028,004,เขตเก็บผ้าจนถึงอรุณขึ้น ก็ชื่อว่าอยู่ปราศจากไตรจีวรสิ้นราตรีหนึ่ง ก็ 33,0028,005,ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่ได้สมมติ. 33,0028,006,๔. คำว่า เว้นไว้แต่ได้สมมติ คือ ทรงอนุญาตเพื่อสงฆ์ให้สมมติ 33,0028,007,แก่ภิกษุผู้อาพาธอยู่ปราศจากไตรจีวรได้. 33,0028,008,สิกขาบทนี้บัญญัติให้ภิกษุไม่อยู่ปราศจากไตรจีวรทุกคืน แต่มี 33,0028,009,พุทธานุญาตให้อยู่ปราศจากผืนใดผืนหนึ่งได้ในกาลและสถานที่ต่อไปนี้ :- 33,0028,010,ก. ถ้าจำพรรษาตลอด พรรษาไม่ขาด ครั้นปวารณาแล้วอยู่ 33,0028,011,"ปราศจากจีวรผืน ๑ ได้ (ไม่ใช่ทั้ง ๓ ผืน) จนถึงกลางเดือน ๑๒," 33,0028,012,ถ้าได้กรานกฐิน ก็ยืดเวลาออกไปถึงกลางเดือน ๔. 33,0028,013,ข. อยู่ในเขตสมานสังวาสสีมา สีมาที่ได้สมมติจีวรวิปปวาส. 33,0028,014,ค. ในคราวเป็นไข้ และได้รับสมมติจากสงฆ์. 33,0028,015,สิกขาบทที่ ๓ เก็บอกาลจีวรไว้ได้เพียงเดือนหนึ่ง. 33,0028,016,๑. อกาลจีวร คือ ผ้าที่เกิดขึ้นนอกเขตกาลจีวร (แรม ๑ ค่ำ 33,0028,017,เดือน ๑๑ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นเขตกาลจีวร) และนอกเขต 33,0028,018,อานิสงส์กฐิน (แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เป็น 33,0028,019,เขตอานิสงส์กฐิน). 33,0028,020,๒. ถ้าภิกษุประสงค์จะทำจีวรด้วยผ้าอกาลจีวร แต่ผ้านั้น 33,0028,021,มีน้อยไม่พอ ก็เก็บรอผ้าอื่นไม่เกิน ๑ เดือน นับจากวันได้ผ้ามา.