Book,Page,LineNumber,Text 13,0012,001,ทำภัตกิจ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งแล้วจึงกลับ น่าจะเปลื้องจีวรถือไป 13,0012,002,เหมือนเมื่อมา. ในสมัยที่คนใช้เสื้อผ้าแล้ว ท่านเรียงความบาลี 13,0012,003,ข้อนี้ กล่าวว่าทรงนุ่งห่มหรือครองผ้า ตามสมณวัตรแล้ว. ยัง 13,0012,004,มีเรื่องในพระวินัยรับสมอ้างอีก ในเวลาจะทำวินัยกรรมอย่างใด 13,0012,005,อย่างหนึ่ง ที่ควรจะแสดงเคารพ ให้ภิกษุทำผ้าอุตตราสงค์เฉวียง 13,0012,006,บ่าข้างหนึ่ง ไม่ได้พูดถึงสังฆาฏิเลย. ในคราวเป็นลำดับมา ทรง 13,0012,007,อนุญาตผ้าสังฆาฏิเติมขึ้นอีกผืนหนึ่ง เพื่อใช้ในฤดูหนาว. มีเรื่องเล่า 13,0012,008,ว่า ทรงลองห่มจีวรดู ในหน้าหนาวจัด ในที่แจ้งชั้นหนึ่ง พอ 13,0012,009,ชั่วยามหนึ่ง ตลอดราตรี ๓ ชั้นจึงพอ จึงทรงอนุญาตสังฆาฏิ ๒ ชั้น. 13,0012,010,เพิ่มขึ้นอีกผืนหนึ่ง เข้ากับอุตตราสงค์ชั้นเดียว จะได้เป็น ๓ ชั้น. 13,0012,011,"จำนวนจีวร ๓ ผืนนี้คงที่ตลอดมา เรียก "" ติจีวรํ "" แปลทับศัพท์ว่า" 13,0012,012,ไตรจีวร คือ จีวร ๓ ผืน มีชื่อว่าสังฆาฏิ เป็นผ้าสำหรับใช้ห่ม 13,0012,013,หนาวหรือซ้อนนอก ๑ อุตตราสงค์ เป็นผ้าห่ม ๑ อันตรวาสก เป็น 13,0012,014,ผ้านุ่ง ๑. สังฆาฏินั้น แม้เป็นของทรงอนุญาตขึ้นแล้ว แต่ใช้อย่างไร 13,0012,015,ได้ความไม่ชัด ในพระสูตรกล่าวว่า พระสาวกปูถวายพระศาสดา 13,0012,016,"เสด็จนั่งบ้าง ผทมบ้าง, ในพระวินัยกล่าวว่า ใช้ซ้อนห่มเข้าบ้าน" 13,0012,017,แต่ในเวลาเข้าประชุมสงฆ์ในอาราม ใช้อย่างไรไม่กล่าวถึง ไม่ได้ 13,0012,018,กล่าวว่าใช้พาดบ่า และมีภิกษุในเมืองเราเท่านั้นใช้พาดบ่า พระ 13,0012,019,พม่า พระลังกา ใช้ห่มซ้อนไปด้วยกันในเวลาเข้าบ้าน ในวัดไม่ 13,0012,020,ได้ใช้. 13,0012,021,ประมาณไตรจีวรนั้น พึงรู้ดังนี้ : ประมาณอุตตราสงค์กล่าว