Book,Page,LineNumber,Text 16,0029,001,ซ้ำลงได้อีก เว้นบ้านและอุปจารบ้านอันตั้งอยู่ในสีมานั้น เมื่อได้ 16,0029,002,สมมติอย่างนี้แล้ว ภิกษุอยู่ห่างจากไตรจีวรในสีมานั้น ไม่เป็นอันอยู่ 16,0029,003,ปราศ. ดังเข้าใจกันมา สีมาที่ควรสนมมติติจีวราวิปปวาสนั้น เป็น 16,0029,004,สีมาไม่มีบ้านและอุปจารบ้านตั้งอยู่ ถ้าเป็นสีมาตั้งครอบบ้าน หรือ 16,0029,005,อุปจารบ้าน หรือตั้งอยู่เองในแดนบ้าน เช่นนี้สมมติไม่ขึ้น แต่ก็ทำ 16,0029,006,กันไปตามประเพณี. ข้าพเจ้าเข้าใจว่า เพราะคำในกรรมวาจาสมมติ 16,0029,007,"ว่า "" เว้นบ้านและอุปจารแห่งบ้าน "" น่าหมายความว่า เมื่อสงฆ์" 16,0029,008,สมมติสมานสังวาสสีมาอันตั้งครอบบ้านและอุปจารบ้านเป็นติจีวรา- 16,0029,009,วิปปวาสสีมา เอกเทศใดเป็นป่า เอกเทศนั้นใช้เป็นแดนอวิปปวาส 16,0029,010,ได้อยู่ เอกเทศใดเป็นบ้านหรืออุปจารแห่งบ้าน เอกเทศนั้นใช้เป็น 16,0029,011,แดนอวิปปวาสหาได้ไม่. มติของข้าพเจ้านี้ เข้ากันได้กับแดนนทีปาร- 16,0029,012,สีมาอันจะกล่าวข้างหน้า. 16,0029,013,ในลำดับนี้ จักแสดงวิธีสมมติสีมาตามธรรมเนียมในบัดนี้. 16,0029,014,มีเป็นธรรมเนียมว่า เมื่อจะสมมติสีมา ให้สวดถอนก่อน ทำดุจ 16,0029,015,ว่าพื้นที่นั้นเป็นสีมาอยู่ก่อนแล้ว โดยอธิบายว่า ถ้าไม่ทำเช่นนั้น และ 16,0029,016,ถ้าที่นั้นเป็นสีมาอยู่เดิม หรือคาบเกี่ยวกับสีมาเดิม จักเสียการ. 16,0029,017,ที่อันจะสมมติเป็นสีมา ต้องได้อนุญาตจากฝ่ายอาณาจักรยกเป็น 16,0029,018,วิสุงคาม คือเป็นแผนกจากแดนบ้านก่อน. เพราะเหตุอะไร จักกล่าว 16,0029,019,ในคามสีมาฝ่ายอพัทธสีมาข้างหน้า. ถ้าในบาลี มีความไว้อีกข้อหนึ่งว่า 16,0029,020,สีมาย่อมละวัตถุในเมื่อหาสงฆ์เป็นผู้ครองมิได้ จะไม่ต้องถอนก่อน แต่