Book,Page,LineNumber,Text 21,0013,001,หวาดไหวในโลกธรรมทั้ง ๘ คือ ลาภและมิใช่ลาภ ยศและมิใช่ยศ 21,0013,002,นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ มาถึงเฉพาะพระองค์ พระองค์ไม่ยินดี 21,0013,003,ยินร้าย ย่อมเพิกเฉยประกอบด้วยฉฬังคุเบกขา แม้รูป เสียง กลิ่น 21,0013,004,รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ที่ดีชั่วใด ๆ มากระทบจักษุ โสตะ ฆานะ 21,0013,005,ชิวหา กาย ใจ พระองค์ไม่โสมนัสโทมนัส ย่อมเพ่งโดยอุปบัติด้วย 21,0013,006,ญาณุเบกขาฉะนี้ ชื่อว่าพระองค์ไกลจากกิเลสแล้ว. ซึ่งว่าเป็นผู้ควร 21,0013,007,นั้น คือพระองค์ควรในลาภยศความสรรเสริญสุข เพราะพระองค์ไม่มี 21,0013,008,ความยินดี อนึ่ง พระองค์ควรรับซึ่งปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้น และบูชา 21,0013,009,พิเศษอันประชุมชนในโลกถวายบูชาด้วยความเสื่อมใส เพราะพระองค์ 21,0013,010,เป็นยอดของทักขิไณยบุคคล ย่อมกระทำผลขอทานการบูชานั้นให้ 21,0013,011,ไพบูลวิเศษยิ่งได้. พระผู้มีพระภาค พระองค์มีพระคุณความดี ดัง 21,0013,012,พรรณนามาฉะนี้ จึงทรงพระนามว่า ' อรหํ ' เป็นผู้ไกล ผู้ควร ดังนี้. 21,0013,013,พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงพระนามว่า ' สมฺมาสมฺพุทฺโธ ' เพราะ 21,0013,014,พระองค์ตรัสรู้ซึ่งธรรมทั้งสิ้นแต่ลำพังพระองค์ชอบแท้ ไม่วิปริตแปรผัน 21,0013,015,ถึงผู้ใดได้รู้ซึ่งธรรมที่พระองค์ตรัสรู้แล้ว และทรงจำไว้ด้วยปัญญา 21,0013,016,แล้วและปฏิบัติตามซึ่งธรรมนั้น ไม่วิปริต เป็นความชอบ เพราะมละ 21,0013,017,ทุจริตและกิเลส คือ โลภ โกรธ หลง ได้จริง ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า 21,0013,018,นั้นรู้อย่างนี้ จึงชื่อว่ารู้ชอบไม่มีใครสอนพระองค์ พระองค์ตรัสรู้เอง 21,0013,019,เพราะเหตุนั้น จึงทรงพระนามว่า ' สมฺมาสมฺพุทฺโธ ' ผู้ตรัสรู้แล้วชอบเอง 21,0013,020,ซึ่งธรรมทั้งสิ้น บทว่า ' อรหํ ' นั้นสำเร็จด้วยความเป็นผู้บริสุทธ์ไกลจาก 21,0013,021,กิเลส ด้วยมละเป็นสมุจเฉทปหาน บทว่า ' สมฺมาสมฺพุทฺโธ ' นั้นสำเร็จ