Book,Page,LineNumber,Text 03,006,001,ว่า สุขทุกข์มีมาเพราะเหตุภายในคือกรรม เห็นว่ากรรมใดเป็นเหตุ 03,006,002,แห่งทุกข์ ก็เว้นกรรมนั้นเสียไม่ทำ เห็นว่ากรรมใดเป็นเหตุแห่งสุข 03,006,003,ก็ทำกรรมนั้น. 03,006,004,การสั่งสอนธรรมแก่คนทั้งหลาย ดูเหมือนจะถือว่าเป็นธุระ 03,006,005,"อันประเสริฐของคนที่มีกรุณาเป็นวิหารธรรม, มีพวกมุนียอมสละสมบัติ" 03,006,006,ในฆราวาสประพฤติพรตเป็นบรรพชิต น้อมชีวิตของตนในการสั่งสอน 03,006,007,"คนทั้งหลาย เป็นคณาจารย์ตั้งสำนักแยกย้ายกันตามลัทธิ, มีบริวาร" 03,006,008,ผู้ทำตามโอวาท มุ่งผลอันเป็นที่สุดแห่งลัทธินั้น. เกียรติยศของศาสดา 03,006,009,เจ้าลัทธิผู้มีชื่อเสียงดังในสมัยนั้น ได้รับยกย่องเสมอเกียรติยศของ 03,006,010,พระเจ้าแผ่นดิน หรือบางทีจะยิ่งเสียกว่า. วาสนาอันจะทำให้เป็นผู้ 03,006,011,เช่นนั้น เป็นสมบัติอย่างสูงสุดในฝ่ายหนึ่ง พึงเห็นในคำทำนาย 03,006,012,มหาบุรุษลักษณะว่า ท่านผู้ประกอบด้วยลักษณะอย่างนั้น ๆ ถ้าอยู่ 03,006,013,"ครองฆราวาส จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ, ถ้าออกบวชจักได้ตรัส" 03,006,014,เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า. เกียรติยศอันนี้ พวกคณาจารย์เจ้าลัทธิ 03,006,015,"กระหยิ่มนักเพื่อจะได้, ต่างประมูลกันว่าลัทธิของตนนั่นแลถูก อาจ" 03,006,016,"นำมนุษย์ให้ถึงผลอย่างสูงสุดได้, ลัทธิของคณาจารย์อื่นผิด ไม่มี" 03,006,017,"แก่นสาร, ทิฏฐิของคนทั้งหลายมีต่าง ๆ กัน เป็นเหตุมีคณาจารย์" 03,006,018,สั่งสอนลัทธิต่าง ๆ กันฉะนี้. 03,006,019,ส่วนคนที่เป็นพื้นเมือง สงเคราะห์ในวรรณะ ๔ เหล่า ได้ถือ 03,006,020,"ตามลัทธิของพราหมณ์, ประพฤติตามคำสอนในไตรเพทและเพทางค์" 03,006,021,"อันเป็นต้นคัมภีร์, ถือว่าโลกธาตุทั้งปวงมีเทวดาสร้าง, มีเทวดาประจำ"