Book,Page,LineNumber,Text 05,0045,001,ก็พึงเจรจาคำนั้น ฉันนภิกษุนั้น อันภิกษุทั้งหลาย ไม่พึงว่า ไม่พึง 05,0045,002,"โอวาท ไม่พึงสั่งสอนเลย อันนี้ชื่อว่า พรหมทัณฑ์."" " 05,0045,003,ลำดับนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า 05,0045,004,"""ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าหากความสงสัยหรือความเคลือบแคลงใน" 05,0045,005,พุทธ ในธรรม ในสงฆ์ ในมรรค หรือในปฏิปทา จะพึงมีบ้างแก่ 05,0045,006,ภิกษุรูปหนึ่งไซร้ ท่านทั้งหลายจงถามเถิด ท่านทั้งหลายจงอย่าได้ 05,0045,007,เป็นคนมีความเดือดร้อน ณ ภายหลังว่า พระศาสดาอยู่เฉพาะหน้า 05,0045,008,"แล้ว เราทั้งหลายไม่สามารถเพื่อจะถาม ณ ที่เฉพาะพระพักตร์."" เมื่อ" 05,0045,009,พระองค์ตรัสปวารณาให้ทูลถามดังนั้นแล้ว ภิกษุทั้งหลายก็นิ่งอยู่ 05,0045,010,เมื่อทรงปวารณาฉะนั้นถึง ๓ ครั้ง ภิกษุทั้งหลายก็นิ่งอยู่ทุกองค์ใน 05,0045,011,"พุทธบริวารมณฑลนั้น. จึงพระอานนทเถรเจ้ากราบทูลว่า ""ข้าแต่" 05,0045,012,พระผู้มีพรภาค ข้อนี้เป็นอัศจรรย์ ข้าพระองค์มาเลื่อมใสแล้วว่า 05,0045,013,ภิกษุซึ่งจะมีความสงสัยเคลือบแคลงในพระรัตนตรัย ในมรรค และ 05,0045,014,"ในปฏิปทา แม้แต่องค์หนึ่งไม่มีในภิกษุสงฆ์หมู่นี้แล้ว."" พระองค์" 05,0045,015,"ตรัสว่า ""ดูก่อนอานนท์ ท่านมากล่าวบัดนี้ เพราะความเลื่อมใส" 05,0045,016,จริงแล้ว ญาณแห่งพระตถาคตก็หยั่งรู้ในข้อนั้น ตามเป็นจริงว่า 05,0045,017,'ความสงสัยเคลือบแคลงในพุทธ ในธรรม ในสงฆ์ ในมรรค 05,0045,018,"หรือในปฏิปทา ไม่มีแม้แก่ภิกษุรูปหนึ่งในภิกษุสงฆ์หมู่นี้, เพราะว่า" 05,0045,019,ภิกษุทั้งหลาย ๕๐๐ นี้ ภิกษุใดต่ำโดยคุณพิเศษ เธอเป็นโสดาบัน 05,0045,020,มีอันไม่ฉิบหายเป็นธรรมดา นิยมได้แน่ว่า มีอันจะตรัสรู้ซึ่งมรรคผล