Book,Page,LineNumber,Text 13,0007,001,ให้กันในเรือนไฟ และจะทำบริกรรม คือ ถูตัวให้กันในน้ำก็ได้ไม่ต้อง 13,0007,002,อาบัติตามนัยข้างต้น ปิดกายด้วยผ้าแล้ว พ้นจากความเปลือย. 13,0007,003,เรือนไฟนั้น เป็นที่อบกายให้ร้อนเหงื่อตก อย่างเข้ากระโจม 13,0007,004,ที่ใช้อยู่ในประเทศนี้ในกาลก่อน ทรงอนุญาติเป็นพิเศษ ไม่ต้อง 13,0007,005,ปาจิตติยะ เพราะผิงไฟ และไม่ต้องทุกกฏ เพราะเปลือยกายทำ 13,0007,006,บริกรรมแก่กัน. 13,0007,007,ธรรมเนียมอาบน้ำของภิกษุครั้งก่อน เมื่อยังไม่ได้ใช้อติเรกจีวร 13,0007,008,ฟุ่มเฟือย เปลือยกายอาบน้ำ ไปถึงท่าน้ำแล้ว เลือกที่สงัดหรือรอ 13,0007,009,เวลาสงัด เปลื้องผ้าห่มออกผึ่งไว้ แก้ประคดเอววางไว้บนนั้น ไปที่ 13,0007,010,ใกล้น้ำ แล้วนั่งยอง เปลื้องผ้านุ่งออก มีที่พอจะผึ่งได้ ก็ขึงผึ่งไว้ 13,0007,011,ที่ผึ่งไม่มี ก็จีบวางไว้แล้วค่อยลงไปในน้ำ ราวมิดสะดือ หันหน้ามา 13,0007,012,ทางฝั่ง ระวังผ้านุ่งผ้าห่มของตน ค่อยดำลงแล้วผุดขึ้น อาบโดย 13,0007,013,เรียบร้อย ครั้นเสร็จแล้วขึ้นจากน้ำนั่งยอง จับผ้านุ่งเข้าวงกาย 13,0007,014,แล้วลุกขึ้นยืน นุ่งเรียบร้อยแล้ว คาดประคดเอง ห่มจีวรแล้ว 13,0007,015,จึงไป. 13,0007,016,ภายหลังทรงอนุญาตที่อาบน้ำขึ้นในอาราม มีกำแพงก่อด้วยอิฐ 13,0007,017,หรือด้วยศิลาหรือมีฝาไม้บัง ดาดพื้นเพื่อกันลื่น ด้วยของ ๓ อย่างนั้น 13,0007,018,อย่างใดอย่างหนึ่ง และทำท่อสำหรับไขน้ำอาบออกไป. 13,0007,019,และมีข้อห้ามภิกษุผู้อาบน้ำ ไม่ให้สีกายในที่ไม่บังควร เช่น 13,0007,020,ต้นไม้ เสา ฝาเรือน และแผ่นกระดาน ไม่ให้สีกายด้วยของไม่ 13,0007,021,บังควร เช่นไม้ทำเป็นรูปมือ หรือจักเป็นฟันมังกรและเกลียวเชือก