Book,Page,LineNumber,Text 16,0006,001,กรรม ต้องเป็นภิกษุปกติ ไม่ถูกสงฆ์ยกเสียจากหมู่ด้วยอุกเขปนียกัมม์ 16,0006,002,มีสังวาสเสมอด้วยสงฆ์ และเป็นสมานสังวาสของกันและกัน. การ 16,0006,003,กำหนดจำนวนเป็นต้นว่า ๔ รูปนั้น หมายความว่าอย่างน้อยที่สุด หย่อน 16,0006,004,กว่านั้นใช้ไม่ได้. มากกว่านั้นใช้ได้. ถ้าเอาภิกษุผู้อันสงฆ์ยกเสียจากหมู่ 16,0006,005,ก็ดี ภิกษุนานาสังวาสก็ดี เป็นที่ครบจำนวน เช่นจะทำกรรมอันสงฆ์ 16,0006,006,มีจำนวน ๔ รูปจะพึงทำ มีภิกษุปานนั้นเป็นที่ครบ ๔ คือเป็น ๔ รูป 16,0006,007,ทั้งภิกษุปานนั้น ไม่เป็นกรรม ท่านห้ามมิให้ทำ. ภิกษุเหลือจากจำนวน 16,0006,008,ผู้ไม่มาเข้ากรรม อยู่ในสีมาเดียวกัน เป็นผู้ควรให้ฉันทะ. สงฆ์ทำ 16,0006,009,กรรมเพื่อภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่นับเข้าในจำนวนสงฆ์ ไม่ใช่ผู้ควรจะให้ 16,0006,010,ฉันทะ แต่เป็นผู้ควรเข้ากรรมนั้น. 16,0006,011,กรรมอันมีระเบียบวางไว้ให้ทำอย่างไร ต้องทำให้ถูกระเบียบตาม 16,0006,012,พระพุทธบัญญัติ จึงจะชื่อว่าถูกฐานไม่วิบัติ. กรรมย่อมวิบัติใช้ไม่ได้ 16,0006,013,แม้ทำแล้ว ก็ไม่เป็นอันทำ โดยวัตถุบ้าง โดยสีมาบ้าง โดยปริสะบ้าง 16,0006,014,โดยกรรมวาจาบ้าง. 16,0006,015,กรรมวิบัติโดยวัตถุนั้น พึงเห็นเช่นให้อุปสมบทแก่คนมีอายุ 16,0006,016,หย่อน ๒๐ ขวบ และอภัพบุคคล สมมติสีมาคาบเกี่ยวหรือทับสีมา 16,0006,017,อื่น หรือทำผิดระเบียบ เช่นกรรมอันจะพึงทำในที่พร้อมหน้า ทำใน 16,0006,018,ที่ลับหลัง กรรมอันจะพึงทำด้วยการสอบถาม ทำด้วยไม่สอบถาม 16,0006,019,กรรมอันจะพึงทำด้วยปฏิญญา ทำด้วยไม่ปฏิญญาเป็นต้น. 16,0006,020,กรรมวิบัติโดยสีมานั้น พึงเห็นว่าทำในสีมาวิบัติ ดังจะกล่าว 16,0006,021,ในกัณฑ์ที่ ๒๔.