Book,Page,LineNumber,Text 16,0012,001,กัณฑ์ที่ ๒๔ 16,0012,002,สีมา 16,0012,003,อุโบสถก็ดี ปวารณาก็ดี สังฆกรรมก็ดี พระศาสดาทรงพระ 16,0012,004,อนุญาตให้สงฆ์พร้อมเพรียงกันทำ. ความพร้อมเพรียงกัน จะพึง 16,0012,005,กำหนดด้วยอย่างไร. นี้กล่าวได้ง่ายว่ากำหนดด้วยการอยู่ด้วยกัน 16,0012,006,ภิกษุอยู่ด้วยกันกี่มากน้อย ประชุมพร้อมกันทำทั้งหมด. แต่เมื่อ 16,0012,007,คำนึงถึงปัญหาว่า ข้อว่าอยู่ด้วยกันนั้น หมายความเพียงไร อยู่ใน 16,0012,008,กุฎีเดียวกัน ในบริเวณเดียวกัน ในวัดเดียวกัน ในตำบลเดียวกัน 16,0012,009,หรือในเมืองเดียวกัน ยากที่จะกำหนดลงโดยส่วนเดียว. นี้จะต้อง 16,0012,010,กำหนดด้วยเขตที่หมายรู้กัน อันเรียกว่าสีมา มีประเภทเป็น ๒ 16,0012,011,เขตอันสงฆ์กำหนดเอาเอง เรียกพัทธสีมา แปลว่า แดนที่ผูก ๑ 16,0012,012,เขตอันเขากำหนดไว้โดยปกติของบ้านเมืองก็ดี มีสัญญัติอย่างอื่นเป็น 16,0012,013,เครื่องกำหนดก็ดี เรียกอพัทธสีมา แปลว่า แดนที่ไม่ได้ผูก ๑. สีมา 16,0012,014,ย่อมเป็นหลักสำคัญแห่งสังฆกรรมอย่างหนึ่ง ถึงอย่างอื่นบริบูรณ์ แต่ 16,0012,015,วิบัติโดยสีมาแล้วก็ใช้ไม่ได้ ทรงบัญญัติกวดขันอย่างนี้ เข้าใจว่า 16,0012,016,เพื่อจะทรงรักษาสามัคคีในสงฆ์ อันความสามัคคีย่อมเป็นกำลังใหญ่ 16,0012,017,ของหมู่ ขาดความสามัคคีแล้ว หมู่ย่อมไม่ตั้งถาวร. บัดนี้จัก 16,0012,018,พรรณนาสีมา ๒ ประเภทนั้นโดยลำดับ : 16,0012,019,พัทธสีมา 16,0012,020,ทรงพระอนุญาตให้สงฆ์กำหนดเขตเอาเองตามความพอใจ แต่