Book,Page,LineNumber,Text 16,0044,001,สัตตัพภันตรสีมา 16,0044,002,ในป่าหาคนตั้งบ้านเรือนมิได้ ตรัสให้กำหนดเขตแห่งสามัคคีใน 16,0044,003,ชั่ว ๗ อัพภันดรโดยรอบ นับแต่ที่สุดแนวแห่งสงฆ์ออกไป โดยทะแยง 16,0044,004,จึงเป็นข้างละ ๑๔ อัพภันดร. อัพภันดรหนึ่ง ๑๘ ศอก หรือ ๗ วา 16,0044,005,๗ อัพภันดรเป็น ๔๙ วา. พระอรรถกถาจารย์กล่าวว่า ภิกษุผู้อยู่ใน 16,0044,006,อรัญญสีมาย่อมได้ประโยชน์ ไม่เป็นอันอยู่ปราศจากไตรจีวร ขัดกันกับ 16,0044,007,วิภังค์แห่งสิกขาบทที่ ๑ แห่งจีวรวรรค ในนิสสัคคิยกัณฑ์ และติจีวรา- 16,0044,008,วิปปวาสมีกำหนดให้สมมติเฉพาะพัทธสีมา ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าเป็นได้ 16,0044,009,อย่างไร. 16,0044,010,อุทกุกเขป 16,0044,011,น่านน้ำสมมติเป็นสีมาไม่ได้ ตรัสให้กำหนดเขตสามัคคีด้วยชั่ว 16,0044,012,วักน้ำสาดแห่งคนมีอายุและกำลังเป็นปานกลาง เรียกอุทกุกเขป. ใน 16,0044,013,บาลีแสดงประเภทแห่งน่านน้ำไว้เป็น ๓ คือ นที แม่น้ำ ๑ สมุทร 16,0044,014,ทะเล ๑ ชาตสระ ที่น้ำขังอันเป็นเอง ๑. 16,0044,015,แม่น้ำนั้น หมายเอาแม่น้ำมีกระแสน้ำไหลอยู่ ไม่ใช่แม่น้ำต้น. 16,0044,016,พระอรรถกถาจารย์แสดงลักษณะแม่น้ำไว้ดังนี้ ในฤดูฝน ฝนตกทุก 16,0044,017,กึ่งเดือน ทุก ๑๐ วัน ทุก ๕ วัน พอฝนหายแล้ว กระแสน้ำแห่ง 16,0044,018,แม่น้ำใดขาดแห้ง แม่น้ำนี้ไม่นับว่าเป็นแม่น้ำ กระแสแห่งแม่น้ำใด 16,0044,019,ไม่ขาดแห้งตลอด ๔ เดือนแห่งฤดูฝน ลึกพอจะเปียกอันตรวาสกของ 16,0044,020,ภิกษุณีผู้ครองเป็นปริมณฑล เดินข้ามอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง แม่น้ำนี้นับว่า 16,0044,021,เป็นแม่น้ำ. โดยอรรถกถานัยนี้ แม่น้ำที่ไกลจากทะเลขึ้นไปมาก ไหล 16,0044,022,ผ่านพื้นแผ่นดินอันสูงลงมาหาทะเล ย่อมมีน้ำเต็มในฤดูฝน ในฤดูแล้ง