Book,Page,LineNumber,Text 19,0038,001,ว่าสิ่งนี้เป็นดินแล้วจึงบริกรรมนึกว่า ปฐวี ๆ ดิน ๆ ดังนี้ร่ำไปร้อยครั้ง 19,0038,002,พันครั้ง เมื่อกระทำบริกรรมว่า ปฐวี ๆ นั้น อย่าลืมจักษุเป็นนิตย์ 19,0038,003,ลืมดูอยู่หน่อยหนึ่งแล้วพึงหลับลงเสีย หลับลงสักหน่อยหนึ่งแล้วพึงลืม 19,0038,004,ขึ้นดูอีกเล่า พึงปฏิบัติดังนี้ไปกว่าจะได้อุคคหนิมิต ก็แลกสิณนิมิต 19,0038,005,อันเป็นอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งจิตในกาลเมื่อทำบริกรรม ชื่อว่าบริกรรม- 19,0038,006,นิมิต กิริยาที่ทำบริกรรมว่า ปฐวี ๆ นั้น ชื่อว่าบริกรรมภาวนา เมื่อ 19,0038,007,ตั้งจิตในกสิณนิมิตกระทำบริกรรมว่า ปฐวี ๆ นั้น ถ้ากสิณนิมิตมา 19,0038,008,ปรากฏในมโนทวาร หลับจักษุลง กสิณนิมิตก็ปรากฏอยู่อย่างนั้นใน 19,0038,009,มโนทวาร ดังลืมจักษุแล้ว ณ กาลใด ชื่อว่าได้อุคคหนิมิต ณ กาลนั้น 19,0038,010,เมื่อได้อุคคหนิมิตแล้ว พึงตั้งจิตไว้ในอุคคหนิมิตนั้น กำหนดให้ยิ่ง 19,0038,011,โดยวิเศษขึ้นไป. 19,0038,012,เมื่อปฏิบัติอยู่ดังนี้ ก็จะข่มนีวรณธรรมเสียได้โดยลำดับ ๆ กิเลส 19,0038,013,ก็จะสงบรำงับจากสันดาน สมาธิก็จะกล้าหาญเป็นอุปจารสมาธิ ปฏิภาค- 19,0038,014,นิมิตก็จะเกิดปรากฏขึ้น อุคคหนิมิตกับปฏิภาคนิมิตนี้ต่างกัน อุคคหนิมิต 19,0038,015,นั้นยังประกอบด้วยกสิณโทษ คือยังปรากฏเป็นสีดินอยู่อย่างนั้น ปฏิภาค- 19,0038,016,นิมิตนั้น ปรากฏบริสุทธิ์งามกว่าอุคคหนิมิต ดังแว่นกระจกที่บุคคลถอด 19,0038,017,ออกจากฝักออกจากถุงฉะนั้น จำเดิมแต่ปฏิภาคนิมิตเกิดขึ้นแล้ว นิวรณ- 19,0038,018,ธรรมทั้งสิ้นก็ระงับไป จิตนั้นก็ได้ชื่อว่าตั้งมั่นเป็นอุปจารสมาธิ สำเร็จ 19,0038,019,กิจเป็นกามาพจรสมาธิภาวนา เมื่อได้อุปจารสมาธิแล้ว ถ้าพากเพียร 19,0038,020,พยายามต่อขึ้นไปไม่หยุดหย่อน ก็จะได้สำเร็จอัปปนาสมาธิ ซึ่งเป็น 19,0038,021,ตัวฌานส่วนรูปาพจร และเมื่อกระทำเพียรจนบรรลุถึงอัปปนาฌานเกิด