Book,Page,LineNumber,Text 30,0004,001,ฉะนั้นท่านจึงกล่าวว่า ธรรมทั้ง ๒ อย่างนี้มีอุปการะมากในกิจการงาน 30,0004,002,ทั้งปวง เปรียบเสมือนมารดาบิดามีอุปการะแก่บุตรธิดาฉันนั้น. 30,0004,003,ส. ป. 30,0004,004,ถ. มารดาบิดาท่านกล่าวว่า เป็นผู้อุปการะแก่บุตรธิดามาก 30,0004,005,ไม่มีใครจักเทียมถึง แต่ไฉน ในธรรมวิภาค ท่านจึงกล่าวว่า สติ 30,0004,006,สัมปชัญญะ เป็นธรรมมีอุปการะมาก ? 30,0004,007,ต. มารดาบิดาเป็นผู้อุปถัมถ์บำรุงเลี้ยง และคอยป้องกันบำบัด 30,0004,008,ภัยอันตรายต่างๆ คอยดูแลแนะนำพร่ำสอนให้รู้จักผิดชอบชั่วดีเป็นต้น 30,0004,009,เพื่อให้บุตรธิดาระวังและเว้นจากสิ่งที่ผิด ทำแต่ในทางที่ถูกมีคุณประ- 30,0004,010,โยชน์ นับว่าเป็นกัลยาณมิตรในครอบครัวอย่างสำคัญ ท่านจึงว่าเป็น 30,0004,011,ผู้มีอุปการะแก่บุตรธิดามาก แต่ที่มารดาบิดาจะทำหน้าที่เช่นนั้นได้ดี 30,0004,012,หรือบุตรธิดาจะปฏิบัติตามคำแนะนำพร่ำสอนได้บริบูรณ์ ก็ต้องอาศัยสติ 30,0004,013,และสัมปชัญญะเป็นเครื่องแนะนำตักเตือนอีกชั้นหนึ่ง บรรดาหน้าที่ 30,0004,014,กิจการทุกอย่าง ทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งจัดว่าเป็นประโยชน์ใน 30,0004,015,ปัจจุบัน-อนาคต. ตลอดจนชั้นสูงสุด ล้วนต้องมีสติสัมปชัญญะเป็น 30,0004,016,อุปการะทั้งนั้น ฉะนั้นธรรม ๒ ประการ คือ สติ สัมปชัญญะ จึงม 30,0004,017,ีอุปการะมากทั้งแก่ผู้ปฏิบัติ ทั้งแก่ธรรมทีจะพึงปฏิบัติทุกประเภท. 30,0004,018,ส. ป. 30,0004,019,ถ. บางพวกพูดว่า คนนั้นๆสติปัญญาของเขาดี เขาเล่าเรียน 30,0004,020,จึงทรงจำได้ บางพวกเถียงว่า การที่เขาเล่าเรียนทรงจำได้ 30,0004,021,เข้าใจได้ดีนั้น เป็นเพราะเขามีสติสัมปชัญญะดี ถ้อยคำทั้ง ๒ นี้