Book,Page,LineNumber,Text 42,0013,001,ต. แก้เขาอย่างนี้ ถ้าพระศาสดาทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ก่อน 42,0013,002,เหตุ คือยังไม่มีภิกษุกระทำความเสียหายเป็นตัวอย่าง อาจได้รับครหา 42,0013,003,ในภายหลังว่า พระองค์ไม่ใช่พระสัพพัญญู เรื่องที่จะทรงบัญญัติ เช่น 42,0013,004,"ฝิ่น, กัญชา เป็นของเลวทรามมาก น่าจะมีบัญญัติห้าม ก็ไม่เห็นมี" 42,0013,005,ถ้าใครจะพูดเรื่องชนิดนี้ขึ้น เราก็ต้องตอบได้ทันทีว่า ในเวลานั้นไม่มี 42,0013,006,ผู้ทำ พระองค์จึงไม่ได้ทรงบัญญัติ ถ้าจะทรงบัญญัติสิกขาบทป้องกัน 42,0013,007,ความเสียหายทั้งหลาย พระวินัยเห็นจะมากมาย คงไม่มีใครบวชถือวินัย 42,0013,008,ไหว อายุพระพุทธศาสนาคงไม่ยืนยาวมา เท่าที่มีอยู่แล้วก็พอแรง. อนึ่ง 42,0013,009,ถ้าจะทรงบัญญัติก่อนผู้ทำ จะเป็นปรามาสสาวกไปก็ได้. 42,0013,010,๒๑/๘/๒๔๗๐ 42,0013,011,ถ. คำว่า อาบัติ นั้น หมายความว่ากระไร ? ย่อมเกิดขึ้นโดย 42,0013,012,ทางใดบ้าง ? จงแสดงตัวอย่างมาด้วย. 42,0013,013,ต. หมายความว่า กิริยาที่ล่วงละเมิดพระบัญญัตินั้น และมีโทษ 42,0013,014,เหนือตนอยู่ ทางเกิดโดยตรงจัดเป็น ๔ คือ ทางกาย ๑ ทางวาจา ๑ 42,0013,015,ทางกายกับทางจิต ๑ ทางวาจากับจิต ๑. ทางกาย เช่นอาบัติปาจิตตีย์ 42,0013,016,เพราะดื่มน้ำเมา แม้ไม่มีความตั้งใจ เพราะไม่รู้ว่าเป็นน้ำเมา ดื่มเข้า 42,0013,017,"ไปก็เป็นอาบัติ, ทางวาจา เช่นอาบัติปาจิตตีย์ เพราะสอนธรรมแก่" 42,0013,018,อนุปสัมบันว่าพร้อมกัน แม้ระวังอยู่ ถ้าพลาดพลั้งว่าพร้อมกันเข้าก็ 42,0013,019,"เป็นอาบัติ, ทางกายกับจิต เช่นอาบัติปาราชิก เพราะทำโจรกรรมเอง," 42,0013,020,ทางวาจากับจิต เพราะสั่งให้เขาทำโจรด้วยวาจา แต่ในบาลีท่านถือ 42,0013,021,เอาอีก ๒ อย่าง คือ กายกับวาจาควบกันเข้าเป็น ๑ กายกับวาจานั้นเดิม