Book,Page,LineNumber,Text 42,0018,001,ต. อาบัติเกิดแต่จิตอย่างเดียวไม่มีจริง ตามนัยสมุฏฐานแห่ง 42,0018,002,อาบัติ ๖ นั้น. ส่วนสิกขาบทที่ ๘ แห่งโกสิยวรรคว่า ยินดีทองและเงิน 42,0018,003,ที่เขาเก็บเพื่อตน เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์นั้น เพราะเมื่อเขาบอกว่า 42,0018,004,ทองและเงินที่เขาเก็บนั้น เพื่อท่านหรือเป็นของท่าน แล้วไม่ทำการ 42,0018,005,ห้ามด้วยกายหรือวาจา จิตยินดีทองและเงินที่เก็บไว้นั้น จึงเป็น 42,0018,006,นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ถ้าทำการห้ามเสียด้วยกายและวาจาแล้ว แม้จิต 42,0018,007,จะยินดีภายหลัง ก็ไม่เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ถ้าเขามิได้บอกเล่า 42,0018,008,เช่นนั้น แม้จะยินดีก็ไม่เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์. 42,0018,009,๒๔๗๘ 42,0018,010,ถ. อาบัติที่ต้องโดยไม่รู้ โทษอย่างสูงเพียงชั้นไหน ? จะพ้น 42,0018,011,โทษชั้นนั้นได้ด้วยทำอย่างไร ? 42,0018,012,ต. อย่างสูงเพียงสังฆาทิเสส เช่นในสิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการ 42,0018,013,ชักสื่อ จะพ้นโทษนั้นได้ ด้วยทำดังนี้ :- 42,0018,014,ก. ต้องรีบบอกภิกษุอื่นไม่ให้ล่วงวันไป. 42,0018,015,ข. ต้องขอให้สงฆ์สวดกรรมลงโทษ ให้ไปอยู่มานัต. 42,0018,016,ค. ต้องประพฤติมานัต ๖ วัน ๖ คืน ในระหว่างนี้ต้องประพฤติวัตร 42,0018,017,เพิ่มขึ้นอีกแผนกหนึ่ง เช่นร่วมกินร่วมนอนกับเพื่อนภิกษุด้วยกันไม่ได้. 42,0018,018,ฆ. เมื่ออยู่ครบกำหนดแล้ว ต้องขอให้สงฆ์ตั้งแต่ ๒๐ รูป 42,0018,019,ขึ้นไปสวดอัพภานให้พ้นโทษ นี้เป็นวิธีปกติ ถ้าปกปิดไว้ไม่บอกแก่ 42,0018,020,ภิกษุอื่น ปล่อยให้วันคืนล่วงไปเท่าไร ก็ต้องอยู่ปริวาสสิ้นวันเท่านั้น. 42,0018,021,๒๔๗๙