Book,Page,LineNumber,Text 04,0003,001,ประกอบด้วยกุศล เราจักเงี่ยหูลงฟังธรรมนั้น พิจารณาเนื้อความ 04,0003,002,"ดังนี้ข้อ ๑, เราจกไม่ละสติที่ไปในกาย คือพิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์" 04,0003,003,"ดังนี้ข้อ ๑, ครั้นทรงสั่งสอนอย่างนี้แล้ว เสด็จหลีกไป." 04,0003,004,ในพระโอวาทนี้ พระศาสดาตรัสเรียกท่านปิปผลิว่ากัสสปะตาม 04,0003,005,"โคตรของท่าน, เมื่อเข้ามาอยู่ในพระธรรมวินัยนี้แล้ว ภิกษุสหธรรมิก" 04,0003,006,เรียกท่านว่า พระมหากัสสปะ เพื่อหมายรู้ต่างจากพระกัสสปะรูปอื่น 04,0003,007,เช่นพระกุมารกัสสปะ ดังจะหมายว่า กัสสปะใหญ่ กัสสปะน้อย. การ 04,0003,008,บวชอุทิศพระอรหันต์ในโลกของท่านนั้น เป็นธรรมเนียมกล่าวในบาลี 04,0003,009,ไม่เฉพาะแต่ของพระมหากัสสปะ ของท่านผู้อื่นเช่นของท่านปุกกุสาต 04,0003,010,"ก็มี, ดูเป็นทีว่า ท่านเหล่านั้นยังไม่ปลงในว่าจักรับใครเป็นศาสดา" 04,0003,011,พระศาสดาของเรา แรกทรงผนวชดูท่วงทีก็อย่างนี้ แต่เพราะจะได้เป็น 04,0003,012,พระศาสดาประกาศพระศาสนาเองกระมัง ท่านจึงไม่กล่าวว่า ทรง 04,0003,013,อุทิศพระอรหันต์ในโลก. การบวชอย่างนี้คล้ายธรรมเนียมบวชเป็น 04,0003,014,สันยาสีของพวกพราหมณ์. ผู้ปรารถนาจะบวชเป็นสันยาสี ต้องเป็นผู้ 04,0003,015,ครองเรือนที่เรียกว่าคฤหัสถ์มาก่อน จนถึงบุตรสืบสกุลตามนิยมของ 04,0003,016,พวกพราหมณ์ว่า จักไม่ตกขุมนรกชื่อปุตตะแล้วเป็นบวชได้ ไม่จำเป็น 04,0003,017,จะต้องออกไปอยู่จำศีลในป่า เป็นวนปรัตถะอีกชั้นหนึ่งก่อน หรือบวช 04,0003,018,จากชั้นนั้นก็ได้. การบวชก็คือละการครองเรือน ปลงผมจุกที่พวก 04,0003,019,พราหมณ์ไว้นั้นเสีย โกนโล้นทั้งศีรษะ นุ่งห่มผ้าสีเหลืองหม่น ได้แก่ 04,0003,020,ผ้ากาสายะของเรา นุ่งผืนห่มผืน เที่ยวภิกขาจารเลี้ยงชีวิต เข้าอยู่ใน