Book,Page,LineNumber,Text 05,0050,001,สังขาร ร่างกายที่มีเวทนาสัญญาและเจตนาครองนี้ ย่อมตกอยู่ใน 05,0050,002,วิสัยแห่งชรามรณะถ่ายเดียว มิได้มีผู้ใดล่วงพ้น แม้แต่องค์พระ 05,0050,003,ตถาคตทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระศาสดาผู้ประเสริฐในโลก 05,0050,004,มิได้มีผู้ใดจะเปรียบปาน ยังมาเสด็จดับขันธปรินิพพาน มิถาวร 05,0050,005,ดำรงอยู่ได้ ควรแล้วที่สาธุชนจะพึงมีความสังเวชและไม่ประมาท 05,0050,006,แสวงหาอุบายที่พึ่งแก่ตนในทางกุศลสัมมาปฏิบัติ อันจะสำเร็จเป็น 05,0050,007,มรรคาแห่งสุคติสวรรค์และนิพพาน ด้วยอำนาจแห่งอัปปมาทธรรม 05,0050,008,โดยกาลเป็นนิรันดร. 05,0050,009,อปกาล 05,0050,010,[ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ] 05,0050,011,ครั้นเมื่อสมเด็จพระผู้มีพระภาค องค์อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า 05,0050,012,เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ส่วนราตรียังเหลืออยู่ยังไม่สว่าง พระ 05,0050,013,อนุรุทธะกับพระอานนท์ก็แสดงธรรมมีกถาไปพลาง ให้บริษัทชื่นจิต 05,0050,014,ด้วยสังเวชและเลื่อมใส ตามควรแก่กาล ตามควรแก่บริษัท ครั้น 05,0050,015,สว่างแล้วพระอนุรุทธเถรเจ้าบัญชาพระอานนท์ให้ไปบอกมัลลกษัตริย์ 05,0050,016,เมืองกุสินาราให้ทราบข่าวปรินิพพาน. ครั้งนั้น มัลลกษัตริย์ทั้งหลาย 05,0050,017,มาประชุมพ้อมกันอยู่ ณ สัณฐาคารสถาน ด้วยกรณียะเนื่องด้วยเรื่อง 05,0050,018,ปรินิพพานนั้นอย่างเดียว ทรงรำพึงการคอยปฏิบัติตามพระพุทธ- 05,0050,019,ประสงค์และเถราธิบาย เกลือกจะมา ณ ราตรีสมัย จึงมาพร้อมอยู่