Book,Page,LineNumber,Text 10,0041,001,อันยิ่ง ครั้นทราบธรรมทั้งปวงชัดด้วยปัญญาอันยิ่งดังนั้นแล้ว ย่อม 10,0041,002,กำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงดังนั้นแล้ว เธอได้ 10,0041,003,เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี 10,0041,004,เธอพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องหน่าย 10,0041,005,พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องดับ พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็น 10,0041,006,เครื่องสละคืน ในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อม 10,0041,007,ไม่ยึดมั่นสิ่งอะไร ๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น เมื่อ 10,0041,008,ไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสให้สงบจำเพาะตน และทราบชัดว่า 10,0041,009,ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว 10,0041,010,กิจอื่นที่ต้องทำอย่างนี้อีกมิได้มี โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แล ภิกษุ 10,0041,011,ชื่อว่า น้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เกษม 10,0041,012,จากโยคธรรมล่วงส่วน เป็นพรหมจารีบุคคลล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน 10,0041,013,ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระโมคคัลลานะปฏิบัติ 10,0041,014,ตามพระพุทธโอวาทที่พระศาสดาทรงสั่งสอน ก็ได้สำเร็จพระอรหัตใน 10,0041,015,วันนั้น. 10,0041,016,พระศาสดา ทรงยกย่องพระโมคคัลลานะเป็นคู่กับพระสารีบุตร 10,0041,017,ในอันอุปการะภิกษุผู้เข้ามาอุปสมบทใหม่ในพระธรรมวินัย ดังกล่าวแล้ว 10,0041,018,ในหนหลัง. อีกประการหนึ่ง ทรงยกย่องพระโมคคัลลานะว่าเป็นเยี่ยม 10,0041,019,แห่งภิกษุสาวกผู้มีฤทธิ์นี้. ฤทธิ์นี้ หมายเอาคุณสมบัติเป็นเครื่องสำเร็จ 10,0041,020,แห่งความปรารถนา สำเร็จด้วยความอธิษฐาน คือตั้งมั่นแห่งจิต ผลที่ 10,0041,021,สำเร็จด้วยอำนาจฤทธิ์นั้น ท่านแสดงล้วนแต่พ้นวิสัยของมนุษย์ ดังมี