Book,Page,LineNumber,Text 11,0008,001,สุขทุกข์ไม่มีเหตุปัจจัย ก็ประพฤติเหมือนพวกที่ถือว่าตายแล้วสูญ 11,0008,002,เพราะไม่ต้องกลัวต่อเหตุของทุกข์ ฝ่ายพวกที่ถือว่าสุขทุกข์มีมาเพราะ 11,0008,003,เหตุปัจจัย แต่เป็นเหตุปัจจัยภายนอก ก็เซ่นสรวงสวดอ้อนวอนพระ 11,0008,004,เป็นเจ้าให้ประทานสุขให้แก่ตน พวกที่ถือว่าสุขทุกข์มีมาเพราะเหตุ 11,0008,005,ภายในคือกรรม เห็นว่ากรรมใดเป็นเหตุแห่งทุกข์ ก็เว้นกรรมนั้นเสีย 11,0008,006,ไม่ทำ เห็นว่ากรรมใดเป็นเหตุแห่งสุข ก็ทำกรรมนั้น ทิฏฐิความเห็น 11,0008,007,ของชนเหล่านั้นต่าง ๆ กันอย่างนี้ ส่วนมานะคือความถือตัวของชน 11,0008,008,เหล่านั้นแรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง ชนเหล่านั้นถือหมู่และชาติโคตรของ 11,0008,009,ตน ๆ ชนในหมู่ที่เขานิยมว่าสูง เช่นหมู่อริยกะ ก็รังเกียจชนในหมู่ที่ 11,0008,010,เข้าไม่นิยม เช่นหมู่มิลักขะ แม้ในหมู่เดียวกัน ชนมีชาติสูงเช่นชาติ 11,0008,011,กษัตริย์และพราหมณ์ ก็รับเกียจชนมีชาติต่ำ เช่นชาติจัณฑาล ชาติ 11,0008,012,ศุททะ ชาติปุกกุสะ แม้ในหมู่ที่มีชาติเดียวกัน ชนมีโคตรที่เขานับถือ 11,0008,013,เช่นโคตมโคตร ก็รังเกียจชนมีโคตรที่เขาไม่นับถือ เช่นภารทวาร- 11,0008,014,โคตร โกสิยโคตร มานะความถือตัวของคนเหล่านั้นอย่างนี้. 11,0008,015,ในกาลก่อนแต่สร้างกรุงกบิลพัสดุ์ตั้งศากยวงศ์ พระเจ้าโอกกาก- 11,0008,016,ราชดำรงราชสมบัติในพระมหานครตำบลหนึ่ง พระองค์มีพระราช- 11,0008,017,บุตร ๔ พระองค์ พระราชบุตรี ๕ พระองค์ ประสูติจากพระครรภ์ 11,0008,018,พระมเหสีที่เป็นพระราชภคินีของพระองค์ ครั้งพระมเหสีนั้นทิวงคตแล้ว 11,0008,019,พระเจ้าโอกกากราชได้พระมเหสีอื่นอีก พระมเหสีใหม่นั้น ประสูติ 11,0008,020,พระราชบุตรพระองค์หนึ่ง พระเจ้าโอกกากราชทรงพระปราโมทย์ 11,0008,021,พลั้งพระราชทานพร ให้พระนางเจ้านั้นเลือกสิ่งที่ต้องประสงค์ พระ-