Book,Page,LineNumber,Text 11,0009,001,นางเจ้าจึงทูลขอราชสมบัติ ให้แก่พระโอรสของพระองค์ พรเจ้า 11,0009,002,โอกกากราชตรัสห้ามเสีย พระนางเจ้าก็ไม่ฟังขืนกราบทูลอ้อนวอน 11,0009,003,อยู่เนือง ๆ เพราะได้ลั่นพระวาจาแล้ว จะไม่พระราชทานก็เสีย 11,0009,004,สัตย์ พระเจ้าโอกกากราชจึงตรัสสั่งพระราชบุตร ๔ พระองค์ ซึ่ง 11,0009,005,ประสูติจากพระครรภ์พระมเหสีเก่า ให้พาพระภคินีซึ่งร่วมพระมารดา 11,0009,006,เดียวกัน ๕ พระองค์นั้น ไปสร้างพระนครอยู่ใหม่ พระราชบุตรทั้ง ๔ 11,0009,007,พระองค์นั้น ก็กราบถวายบังคมลาพาพระภคินี ๕ พระองค์นั้น ยก 11,0009,008,จตุรงคินีเสนาออกจากพระนคร ไปสร้างพระนครใกล้เขาหิมวันต์ ซึ่ง 11,0009,009,เป็นภายในมัชฌิมประเทศ ในที่อยู่แห่งกบิลดาบส จึงให้นามพระนคร 11,0009,010,ที่สร้างใหม่ ให้ต้องกับที่อยู่ของกบิลดาบสนั้นว่า กบิลพัสดุ์มหานคร 11,0009,011,ครั้นการสถาปนาพระนครเสร็จแล้ว อำมาตย์ทั้งหลายปรึกษากัน 11,0009,012,คิดจะทำอาวาหะวิวาหะแก่พระราชบุตรทั้ง ๔ นั้น ๆ ทรงเกรงว่า ถ้า 11,0009,013,จะทำอาวาหะวิวาหะด้วยสตรีอื่นจากพระภคินีของพระองค์ พระบุตร 11,0009,014,พระบุตรีที่จะประสูติในภายหลัง จะไม่บริสุทธ์ทางฝ่ายพระมารดา 11,0009,015,จะมีพระชาติเจือคละกันไป จึงแสดงพระอัธยาศัยใคร่จะทำอาวาหะ 11,0009,016,วิวาหะด้วยพระภคินีของพระองค์เอง อำมาตย์ทั้งหลายก็อนุมัติตาม 11,0009,017,พระราชบุตรทั้ง ๔ นั้น ก็ทรงทำอาวหะวิวาหะกับพระภคินีเป็นคู่ ๆ 11,0009,018,เว้นไว้แต่พระเชฏฐภคินีพระองค์เดียว ตั้งศากยวงศ์สืบมา ชนชาว 11,0009,019,พระนครนั้นได้ยินว่าเป็นหมู่อริยกะ ส่วนพระเชฏฐภคินี ภายหลังมี 11,0009,020,พระหฤทัยปฏิพัทธ์กับพระเจ้ากรุงเทวทหะ ได้ทำอาวาหะวิวาหะด้วย 11,0009,021,กันแล้ว ตั้งโกลิยวงศ์สืบมา กษัตริย์สองพระวงศ์นั้น จึงนับว่าเป็น