Book,Page,LineNumber,Text 12,0002,001,แก่นสารติดตามไปในปรภพเบื้องหน้า เมื่อวิจารพิจารณาดังนี้ ก็เห็น 12,0002,002,ว่าทรัพย์เป็นแก่นสารนั้น ด้วยความสามารถที่อาตมาฝังฝากลงไว้ในพระ 12,0002,003,พุทธศาสนา คือเจตนาที่อาตมาสละทรัพย์ออกกระทำเป็นพุทธบูชา 12,0002,004,ธรรมบูชา สังฆบูชา นี่แลได้ชื่อว่าฝังทรัพย์ไว้ในที่อันเป็นแก่นสาร 12,0002,005,อนุคามินีนิธิ วิธีฝังขุมทรัพย์เป็นเสบียงตามเลี้ยงอวัยวะอาตมาไปยาว 12,0002,006,ตราบเท่าสิวโมกขอมตมหานิพพาน เมื่อปัญญินทรีย์พิจารณาเห็นดังนี้ 12,0002,007,แล้ว จึงบังเกิดสัทธินทรีย์เป็นใหญ่ในลักษณะที่เชื่อในผลศีลผลทาน 12,0002,008,ผลเมตตา ภาวนา สดับฟังพระสัทธรรมเทศนา สัทธินทรีย์นั้นเป็น 12,0002,009,อจลธรรมเป็นใหญ่ จะมิได้หวาดหวั่นไหวเชื่อแท้ในคุณทานเป็นอาทิ 12,0002,010,ดังนี้แล้ว จึงบังเกิดวิริยินทรีย์ความอุตสาหะเป็นใหญ่ ในที่จะกระทำ 12,0002,011,ซึ่งกุศล เมื่อวิริยินทรีย์บังเกิดแล้ว จึงได้กระทำสำเร็จกิจในพิพิธกุศล 12,0002,012,ต่าง ๆ เหมือนอย่างบพิตรกระทำในครั้งนี้ ย่อมพร้อมไปด้วยอินทรีย์ 12,0002,013,ทั้ง ๓ ประการบังเกิดขึ้นแล้ว จึงประหารเสียซึ่งข้าศึกภายในคือ 12,0002,014,มัจฉริยะความตระหนี่ เมื่อข้าศึกคือมัจฉริยะความตระหนี่พ่ายแพ้แล้ว 12,0002,015,บพิตรจึงได้กระทำสรรพกองการกุศลต่าง ๆ คือได้สมาทานศีล ๕ ศีล ๘ 12,0002,016,และถวายอาหารบิณฑบาตและไตรจีวรบริขาร บูชาแก่พระภิกษุสงฆ์อัน 12,0002,017,ทรงจตุปาริสุทธิศีลในพระศาสนา ณ กาลบัดนี้ ได้ชื่อว่านิธิขุมทรัพย์คือ 12,0002,018,บุญ จะเป็นอนุคามินีตามบพิตรไป ฉายา อิว อุปมาดังว่าเงาติดตาม 12,0002,019,"ซึ่งสรีระ, อนึ่ง พระพุทธฎีกาตรัสไว้ในอนุปุพพีกถาว่า ทลิทฺทหาริกํ" 12,0002,020,กุศลธรรมมีทานเป็นต้น จะกันเสียซึ่งความเข็ญใจ อปายสญฺฉนฺนํ