Book,Page,LineNumber,Text 12,0032,001,จึงสงัดนักหนา จึงย่องเข้ามาดู ก็เห็นพระสัพพัญญูเจ้าเสด็จบรรทม 12,0032,002,งามไปด้วยสีหไสยาสน์ ก็ประหลาดใจ แลไปข้างพระโมคคัลลานะ 12,0032,003,พระสารีบุตรเจ้าทั้งสองเล่าก็งามล้ำ แลดูพระสงฆ์แต่ละองค์ ๆ ก็ไม่ 12,0032,004,ระส่ำระสายระงับพระกายเป็นอันดี ชมแล้วก็กลับมาดูศิษย์ของอาตมา 12,0032,005,เห็นไม่มีกิริยาแต่สักคน บ้างก็นอนกรนนอนครางนอนไขว่ห้างกอด 12,0032,006,ก่ายกัน บ้างนอนเคี้ยวฟันน้ำลายไหลอ้าปาก หายใจละเมอบ่นพึมพำ 12,0032,007,น่าบัดสี ผ้าผ่อนไม่ติดกาย ก็น่าน้อยใจด้วยศิษย์กูนี้กระไรไป มันชั่ว 12,0032,008,นักชั่วหนา มีริษยาเข้าครอบงำก็ร่ำนินทาพระรัตนตรัยสิ้นราตรียันรุ่ง 12,0032,009,ส่วนพรหมทัตตมาณพนั้น ก็สรรเสริญพระรัตนตรัยดังนี้ ตลอดราตรี 12,0032,010,เหมือนกันกับสุปปิยปริพาชก. 12,0032,011,ปจฺจูสสมเย ในเพลาจะใกล้รุ่ง พระภิกษุสงฆ์ได้ฟังคำคนทั้งสอง 12,0032,012,ไม่เข้ากัน. ศิษย์นั้นสรรเสริญ อาจารย์นั้นนินทา ปจฺจนิกวาทา ถ้อยคำ 12,0032,013,เป็นข้าศึกแก่กัน พระสงฆ์ได้ฟังอัศจรรย์ จึงเอาเนื้อความกราบทูลแก่ 12,0032,014,พระมหากรุณา. 12,0032,015,ภควา สมเด็จพระพุทธองค์เจ้าผู้มีบุญราศีอันแผ่ไปในภพทั้ง ๓ 12,0032,016,ได้ฟังเนื้อความอันพระสงฆ์กราบทูลเป็นกระทู้เหตุ จึงตรัสพระสัท- 12,0032,017,ธรรมเทศนาซึ่งพรหมชาลสูตร. มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ภิกฺขเว ดูก่อน 12,0032,018,สงฆ์ นินฺทาปสํสา ธรรม ๒ ประการ คือนินทาและสรรเสริญนี้เป็น 12,0032,019,โลกธรรมดา. ผู้ใดเกิดมาในภพโลกโอฆสงสารยังมิถึงพระนิพพาน 12,0032,020,ตราบใด ก็ย่อมจะได้ซึ่งความนินทาและสรรเสริญอยู่ตราบนั้นทุก ๆ 12,0032,021,ตัวสัตว์ ที่จะเว้นนั้นหามิได้ ที่รักก็สรรเสริญ ที่ชังก็นินทา อันนี้