Book,Page,LineNumber,Text 16,0047,001,ทางใหม่. ทะเลสาบนั้น ได้แก่เอกเทศของทะเล มีฝั่งงอกขึ้นกั้น 16,0047,002,ตัดความเชื่อมถึงกันจากทะเลนอก เช่นทะเลสาบที่เมืองพัทลุง. แม่น้ำ 16,0047,003,กับชาตสระชนิดบึงหรือหนอง มีลักษณะต่างกัน ทางน้ำมีกระแสน้ำไหล 16,0047,004,จัดเป็นแม่น้ำ ที่มีน้ำขังนิ่ง จัดเป็นหนองหรือบึง. 16,0047,005,จะทำสังฆกรรมในน่านน้ำ ๓ ชนิดนี้ จะทำบนเรือหรือบนแพ 16,0047,006,อันผูกกับหลักในน้ำหรือทอดสมอก็ได้ ให้ห่างจากตลิ่งกว่าชั่ววิดน้ำสาด. 16,0047,007,ท่านห้ามไม่ให้ทำในเรือในแพอันกำลังลอย กำลังเดิน. จะทำบนร้าน 16,0047,008,อันปลูกขึ้นในน้ำ ท่านว่าได้. เขตสามัคคีกำหนดชั่ววิดน้ำสาดรอบด้าน 16,0047,009,จากที่สุดแนวสงฆ์. ในฤดูแล้ง แม่น้ำตอนสูงมีน้ำงวดจนถึงเรือไปมา 16,0047,010,ต้องขุดทรายก็มี พื้นแม่น้ำเป็นหาดทรายไปทั้งนั้น บนหาดทรายเช่นนี้ 16,0047,011,จะทำอุโบสถสังฆกรรมโดยฐานเป็นอุทกุกเขปได้หรือไม่. หาดที่งอดสูง 16,0047,012,จนน้ำไม่ท่วมแล้ว อยู่ริมฝั่ง นับว่าเป็นฝั่ง อยู่ห่างฝั่ง นับว่าเป็นเกาะ 16,0047,013,นับว่าเป็นคามเขต กำหนดเอาตามอุทกุกเขปไม่ได้ หาดที่น้ำยังท่วมถึง 16,0047,014,แม้เฉพาะในฤดูน้ำ ตามคติของแม่น้ำชนิดนั้น ยังเป็นที่สาธารณะ 16,0047,015,ไม่เปิดให้จับจอง ทำบนหาดนั้นกำหนดด้วยอุทกุกเขปได้. พระ- 16,0047,016,อรรถกถาจารย์กล่าวถึงหาดทรายด้วยนั้น น่าจะหมายเอาที่เช่นนี้ ถ้า 16,0047,017,ขยายเขตกำหนดด้วยเลฑฑุบาต คือชั่วก้อนดินตก โดยวิธีกำหนดบ้าน 16,0047,018,และอุปจารแห่งบ้านไม่มีเครื่องล้อมของบุคคล จะสมกับที่แห้ง ระยะ 16,0047,019,เลฑฑุบาตคงไกลกว่าระยะอุทกุกเขป อาจใช้ได้. 16,0047,020,น่านน้ำในเอกเทศที่ตนเข้ากั้นกาง เช่นแม่น้ำตอนที่กั้นทำนบ 16,0047,021,หรือปักโพงพาง หรือทะเลตอนที่ปักโป๊ะ หนองบึงตอนที่ดอนขึ้นมา