Book,Page,LineNumber,Text 19,0003,001,จากนีวรณ์ ย่อมเป็นธรรมอันดี แต่นีวรณ์มีหลายอย่าง กัมมัฏฐาน 19,0003,002,จึงต้องมีต่างประเภทให้เป็นคู่ปรับกัน. 19,0003,003,อันผู้จะเจริญกัมมัฏฐาน ต้องรู้จักเลือกประเภทอันเป็นสบายของ 19,0003,004,ตน. เหมือนคนใช้ยา ต้องรู้จักชนิดอันเป็นสบายแก่โรค ไม่ใช่ว่า 19,0003,005,เป็นยาแล้วเป็นของสบายทุกขนาน บางอย่างอาจเป็นของแสลงแก่โรค 19,0003,006,บางอย่าง เช่นยาร้อนเป็นของแสลงแก่โรคไข้ กัมมัฏฐานก็เหมือน 19,0003,007,กัน ไม่ใช่เป็นธรรมสบายแก่ทุกคน ไม่ถูกเหมาะอาจให้โทษ เช่น 19,0003,008,คนมีมิทธะคือง่วงงุนเป็นเจ้าเรือน กัมมัฏฐานที่ให้นึกหรือเพ่งเฉพาะ 19,0003,009,อารมณ์อันเดียวย่อมจะชักให้ง่วงหนักเข้า. 19,0003,010,บุคคลผู้มีกามฉันท์เป็นเจ้าเรือน มักรักสวยรักงาม ควรเจริญ 19,0003,011,อสุภกัมมัฏฐานพิจารณาซากศพ หรือเจริญกายคตาสติพิจารณาร่างกาย 19,0003,012,อันยังเป็นให้เห็นเป็นของน่าเกลียด. บุคคลผู้มีพยาบาทเป็นเจ้าเรือน 19,0003,013,มักโกรธขึ้งเกลียดชัง ควรเจริญเมตตา กรุณา มุทิตา ๓ พรหมวิหาร 19,0003,014,หัดจิตให้กลับคิดในทางให้เกิดรัก เกิดสงสาร เกิดยินดี. บุคคลมี 19,0003,015,ถีนะก็ดี มีมิทธะก็ดี เป็นเจ้าเรือน มักย่อท้อในกิจการ ควรเจริญ 19,0003,016,อนุสสติกัมมัฏฐาน พิจารณาความดีของตนบ้าง พิจารณาคุณของพระ 19,0003,017,พุทธ พระธรรม พระสงฆ์บ้างเพื่อให้มีแก่ใจหวนอุตสาหะ เป็นอุบาย 19,0003,018,แก้ถีนะ เพื่อใช้ความนึกกว้าง ๆ เป็นทางแก้มิทธะ. บุคคลผู้มีอุทธัจจะ 19,0003,019,ก็ดี มีกุกกุจจะก็ดี เป็นเจ้าเรือน ควรเพ่งกสิณ เพื่อหัดผูกใจไว้ใน 19,0003,020,อารมณ์อันเดียว หรือเจริญกัมมัฏฐานอันจะให้ใจเหี่ยวด้วยสังเวชเช่น 19,0003,021,มรณัสสตินึกถึงความตาย. บุคคลผู้มีวิจิกิจฉาเป็นเจ้าเรือน ควรเจริญ