Book,Page,LineNumber,Text 19,0025,001,วิถีอื่นในอวัยวะทำกิจนั้น ๆ เพ่งความรู้ที่มโนได้รับทางทวาร ๕ ท่าน 19,0025,002,เรียกจักขุวิญญาณบ้าง โสตวิญญาณบ้าง ฆานวิญญาณบ้าง ชิวหา- 19,0025,003,วิญญาณบ้าง กายวิญญาณบ้าง เพ่งความรู้ของมโนเอง เรียกมโน- 19,0025,004,วิญญาณ. เหล่านี้เรียกธาตุละอย่าง ๆ ที่เป็นทวาร ๖ ที่เป็นอารมณ์ ๖ 19,0025,005,ที่เป็นวิญญาณ ๖ รวมเป็น ๑๘ ท่านย่นให้สั้นเข้าอีกเป็น ๑ เรียก 19,0025,006,วิญญาณธาตุ เติมเข้ากับธาตุ ๕ ซึ่งเป็นรูป รวมเรียกว่าธาตุ ๖ ดัง 19,0025,007,แสดงไว้ในธาตุวิภังคสูตร. ธาตุ ๖ นี้สงเคราะห์เข้าทั้งรูปธรรมทั้ง 19,0025,008,นามธรรม. 19,0025,009,การแจกธาตุเป็นต่าง ๆ นั้น เป็นไปตามความเข้าใจของนัก 19,0025,010,ปราชญ์ในยุคหนึ่ง ๆ จะเอาเป็นยืนที่ไม่ได้. แต่ผลของการแจกธาตุ 19,0025,011,ให้กำหนดรู้นั้น คือนำให้เข้าใจว่า สภาวะที่เป็นรูปธรรมน้อย ๆ รวม 19,0025,012,กันเข้าเป็นรูปใหญ่ขึ้นโดยลำดับ สภาวะที่เป็นนามธรรม เกิดเพรา 19,0025,013,ความพร้อมมูลปรองดองแห่งรูปธรรม. นี้ควรจับเป็นหลักในกัมมัฏ- 19,0025,014,ฐานนี้. 19,0025,015,สาธุชนผู้จะเจริญกัมมัฏฐานนี้ เข้าใจธาตุและสังขารโดยลักษณะ 19,0025,016,และประเภทอย่างนี้แล้ว พึงนึกถึงกายนี้อันธาตุทั้ง ๔ คุมกันเข้า โดย 19,0025,017,"บทบาลีว่า ""อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ป€วีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ" 19,0025,018,"วาโยธาตุ"" แปลว่า มีอยู่ในกายนี้ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุ" 19,0025,019,ลม. ในชั้นแรกนึกถึงธาตุใด ควรกำหนดลักษณะ หรือแม้ประเภท 19,0025,020,ด้วย ครั้นชำนาญแล้ว นึกเพียงแต่ชื่อธาตุ ลักษณะและประเภทก็จะ 19,0025,021,ปรากฏเอง. ในสมัยใด ปลงใจเห็นลงเป็นธาตุคุมกัน ในสมัยนั้นเป็น