Book,Page,LineNumber,Text 21,0039,001,กายคตาสติ พึงพิจารณาให้เห็นเป็นปฏิกูล โดยมีสัณฐานและ 21,0039,002,กลิ่นและที่เกิดและที่อยู่ทุกส่วน ๆ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้ พึง 21,0039,003,พิจารณาโดยอนุโลมปฏิโลม ถอยหน้าถอยหลัง กลับไปกลับมา 21,0039,004,ให้เห็นเป็นของปฏิกูลลงจงได้ ถ้าไม่เป็นของปฏิกูลลงได้ ยัง 21,0039,005,กำหนัดรักใคร่ยินดีอยู่ในกายไซร้ ก็พึงตามถามไล่ไปในใจว่า สิ่ง 21,0039,006,ไหนที่เป็นของดีของงามในกายนี้ จึงจะกำหนัดรักใคร่ยินดีเอาเป็น 21,0039,007,หนักหนา กายนี้เป็นของปฏิกูลพึงเกลียดทั้งสิ้นมิใช่หรือ แล้วก็ให้ 21,0039,008,พึงกำหนดไล่ไปในใจอีกว่า นั่นก็ผม นั่นก็ขน นั่นก็เล็บ นั่นก็ฟัน 21,0039,009,นั่นก็หนัง จนเป็นมูตรเป็นที่สุด แล้วจึงกลับถามไปในใจอีกว่า ส่วน 21,0039,010,ไหนเล่าที่เป็นของดีของงาม ถ้าไล่ไปในใจดังพรรณนามาฉะนี้ ก็จะ 21,0039,011,เห็นลงว่าเป็นของปฏิกูลพึงเกลีอดได้ ถ้าไม่เห็นเป็นของปฏิกูลทุก 21,0039,012,ส่วนไซร้ ส่วนไหนที่ปรากฏเป็นของปฏิกูลชัด คือมูตรคูถหรือบุพโพ 21,0039,013,โลหิต เสมหะ เหงื่อไคล ก็พึงนึกแต่ส่วนนั้นร่ำไป จนปฏิกูลผุดขึ้น 21,0039,014,ครั้นเห็นส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นปฏิกูลแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็จะเห็นเป็น 21,0039,015,ปฏิกูลไปเหมือนกัน ดังต้นผักต้นหญ้าที่งอกขึ้นบนคูถ คนทั้งหลาย 21,0039,016,ย่อมเกลียดฉันใด ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ก็อาศัยมูตรคูถบุพโพโลหิต 21,0039,017,ชุ่มอยู่เป็นของปฏิกูลพึงเกลียดฉันนั้น อนึ่ง ข้าวของผ้านั่งผ้าห่ม 21,0039,018,เป็นต้น ซึ่งเป็นของบริสุทธ์สะอาดดี ถ้าเปื้อนมูตรคูถน้ำเหลือง 21,0039,019,น้ำหนองแล้ว คนผู้ที่สะอาดทั้งหลายเกลียดและกล่าวติเตียนว่า ผ้านี้ 21,0039,020,ปฏิกูลนัก เปื้อนมูตรคูถน้ำเลือดน้ำหนองไม่อยากจับต้องและนุ่งห่ม 21,0039,021,ฉันใด ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง นี้ ถึงบุคคลจะสำคัญว่าดีงาม