Book,Page,LineNumber,Text 21,0046,001,ถึงซึ่งอุปจารฌาน และอัปปนาฌาน ในกาลเมื่อนั้น. อานาปานัสสติ 21,0046,002,กัมมัฏฐานนี้ ย่อมเป็นไปเพื่ออันตัดเสียซึ่งวิตกต่าง ๆ. วินิจฉัยใน 21,0046,003,อานาปานัสสติ ยุติเท่านี้. 21,0046,004,จบอนุสสติ ๑๐ แต่เท่านี้. 21,0046,005,จะวินิจฉัยในเมตตาพรหมวิหารต่อไปว่า โยคาพจรกุลบุตรผู้จะ 21,0046,006,เจริญเมตตาพรหมวิหารนั้น พึงอยู่ในเสนาสนะอันสงัดให้สบายแล้ว 21,0046,007,พึงพิจารณาให้เห็นโทษของโทสะ และอานิสงส์ของขันติความมอดทน 21,0046,008,แล้วจึงประกอบจิตไว้ในขันติข่มเสียซึ่งโทสะ แล้วจึงเจริญเมตตาจิต 21,0046,009,ไปในสัตว์ทั้งสิ้นไม่มีประมาณ เมื่อเริ่มจะเจริญเมตตานั้น พึงตั้ง 21,0046,010,เมตตาจิตลงในตนก่อนว่า เราจงเป็นสุข ๆ เทอญ หรือว่าเราอย่ามี 21,0046,011,ทุกข์เลย หรือว่าเราอย่ามีเวรแก่ใครและใครเลย หรือว่าเราอย่าเจ็บไข้ 21,0046,012,เลย หรือว่าเราอย่ามีทุกข์กายทุกข์ใจเลย หรือว่าเราจะเป็นสุข ๆ รักษา 21,0046,013,ตนพ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ให้โยคาพจรเจริญเมตตาในตนดังกล่าว 21,0046,014,มานี้เนือง ๆ ก่อน. ซึ่งให้เจริญเมตตาในตนก่อนนั้น ด้วยสามารถจะให้ 21,0046,015,กระทำซึ่งตนเป็นพยาน จะให้เห็นว่าตนนี้อยากได้แต่ความสุขเกลียดชัง 21,0046,016,ทุกข์และภัยต่าง ๆ ฉันใด สัตว์ทั้งหลายอื่น ๆ ก็อยากได้สุข เกลียดชัง 21,0046,017,ทุกข์และภัยต่าง ๆ ฉันใด เมื่อเห็นดังนี้แล้ว จิตของโยคาพจรนั้น 21,0046,018,ก็ปรารถนาจะให้สัตว์ทั้งสิ้นอื่น ๆ มีความสุขความเจริญด้วย เหตุดังนั้น 21,0046,019,จึงให้โยคาพจรตั้งเมตตาจิตในตนก่อน เมื่อตั้งเมตตาจิตในตนแล้ว 21,0046,020,ลำดับนั้น พึงตั้งเมตตาจิตไปในสัตว์ทั้งหลายอื่นทั่วไปไม่มีประมาณว่า 21,0046,021,สัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้นจงอย่ามีเวรแก่กันและกันเลย หรือว่าสัตว์ทั้งหลาย