Book,Page,LineNumber,Text 25,0046,001,ต่อมา ในยุคอุปนิษัท พวกพราหมณ์ได้ร้อยกรองคัมภีร์อุปนิษัท 25,0046,002,ขึ้น ว่าด้วยเรื่องอาตมัน อันมีหลักว่าอาตมันน้อย ๆ ของคนหนึ่ง ๆ 25,0046,003,นั้นแยกออกมาจากปรมาตมัน คือพรหมหรือสภาพความจริงอันเป็น 25,0046,004,อยู่เองประจำสกลจักรวาล. ผู้ใดประจักษ์ความจริงอันมีอยู่อย่างไร 25,0046,005,ในอาตมันทั้ง ๒ นี้แล้ว ย่อมบริสุทธิ์เข้ารวมกับปรมาตมันหรือพรหม 25,0046,006,"เรียกว่า "" โมกษะ "" ไม่กลับมาเกิด แก่ ตาย อีกต่อไป. และในปลาย" 25,0046,007,ยุคนี้เอง ฤษีวาลมิกี ได้ประพันธ์วรรณคดีชิ้นเอกเรื่องรามายณะขึ้น 25,0046,008,(ยังไม่จบบริบูรณ์แท้) ได้กล่าวถึงพระรามเป็นเพียงวีรบุรุษในประวัติ- 25,0046,009,ศาสตร์ผู้หนึ่งเท่านั้น มิได้กล่าวว่าเป็นอวตารของพระวิษณุเป็นเจ้า 25,0046,010,ต่อมาภายหลังจากพุทธกาลราวศตวรรษที่ ๑ ก็เกิดกาพย์วรรณคดี 25,0046,011,ที่เป็นชิ้นเอก ในทั้งทางอักษรศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ธรรมจรรยา 25,0046,012,และอื่น ๆ ของอินเดียขึ้นอีก เรียกว่า กาพย์มหาภารตะ นิยมกันว่า 25,0046,013,"เป็นวรรณคดีที่เด่นมาจนถึงทุกวันนี้, ถือกันว่าใครท่องได้มาก ก็ได้" 25,0046,014,บุญมาก เพราะเต็มไปด้วยคติและสุภาษิตปลุกใจ. กาพย์นี้เค้าเรื่อง 25,0046,015,เดิมเป็นเรื่องรบพุ่งของพวกกษัตริย์โปรพและปาณฑพโบราณ ในสมัย 25,0046,016,ที่พวกอารยันยกเข้ามาตั้งอยู่ในแถบกุรุ แม้จะเป็นเรื่องเกิดก่อนพระเวท 25,0046,017,แต่ก็เพิ่งได้รับการร้อยกรองขึ้นเป็นเรื่องราวในยุคหลังพุทธกาล ส่วน 25,0046,018,รามายณะ แม้เป็นเรื่องเกิดทีหลังมหาภารตะ แต่ได้ถูกร้อยกรอง 25,0046,019,ขึ้นตั้งแต่ในยุคพราหมณะ ก่อนพุทธกาล. 25,0046,020,การศึกษาอบรม เมื่อพวกอารยันเข้ามาในอินเดียนานจนเกิด 25,0046,021,การแบ่งชั้นวรรณะกันเด็ดขาด มิใช่แต่เพียงตามหน้าที่การงานนั้น