Book,Page,LineNumber,Text 31,0003,001,ระหว่างที่พระองค์ทรงแสวงหาโมกขธรรม ถ้าในสำนักใด แม้จะมี 31,0003,002,คณาจารย์มหาชนยกย่องสรรเสริญว่า เป็นคณาจารย์เอกในทางสั่งสอน 31,0003,003,สานุศิษย์ พระองค์ก็เสด็จไปอยู่ศึกษาเล่าเรียนตามลัทธิของเขาจนชำนิ 31,0003,004,ชำนาญ ถ้าพระองค์ทรงตรองเห็นว่า ลัทธิเช่นนั้นยังเป็นไปด้วยส่วน 31,0003,005,ลามกดังกล่าว พระองค์ก็เสด็จหลีกไปแสวงหาทางอื่น แม้ทางในที่ 31,0003,006,พระองค์ได้ทรงกระทำเอง ถ้ายังเกี่ยวเกาะอยู่ด้วยส่วนลามก คือยัง 31,0003,007,ไม่เป็นไปเพื่อความสงบระงับยังดิ้นอยู่แล้ว พระองค์ก็ทรงละเสีย ทรง 31,0003,008,กระทำความเพียรเป็นไปในจิต เพื่อให้สงบปราศจากความฟุ้งซ่านอัน 31,0003,009,ประกอบด้วยความมักมากกำหนัดยินดี จึงจะได้ตรัสรู้ธรรมที่มีเหตุผล 31,0003,010,เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว เป็นพระบรมศาสดา อันพระมหากรุณา 31,0003,011,สมาโยคซึ่งเป็นคุณสมุทัย หากตักเตือนพระองค์ซึ่งจะให้ดูดายไม่ได้ 31,0003,012,พระองค์จึงมีหน้าที่ที่จะต้องชักจูงสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้ตรัสรู้ จึงปรากฏ 31,0003,013,พระนามว่าสังฆบิดรหรือสังฆปรินายกผู้ปกครองสงฆ์แนะนำสงฆ์ เมื่อ 31,0003,014,จะทรงบัญญัติแบบแผนอะไร ๆ พระองค์ก็ทรงบัญญัติให้เป็นไปเพื่อ 31,0003,015,สันโดษยินดี ปราศจากลามกซึ่งพระองค์เคยดำเนินมาแล้ว อันไม่เป็น 31,0003,016,ปฏิปทาเพื่อจะให้ตรัสรู้ จึงทรงแสดงนิสัย ๔ เนื่องในการบิณฑบาต 31,0003,017,นุ่งห่มผ้าบังสุกุล อยู่โคนไม้ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ให้บรรพชิต 31,0003,018,อาศัย เพราะเว้นจากกามฆรกิจมาบรรพชาก็โดยประสงค์ว่าจะทำ 31,0003,019,ได้ จึงมีหน้าที่ต้องประพฤติพรหมจรรย์อย่างเดียว พรหมจรรย์ก็มีศีล 31,0003,020,เป็นเบื้องต้น คือจะต้องบำเพ็ญศีลให้บริบูรณ์เสียก่อน จึงจะบำเพ็ญ 31,0003,021,สมาธิและอบรมปัญญาเป็นลำดับไป เมื่อบรรพชิตมีหน้าที่เช่นนี้ จึง