Book,Page,LineNumber,Text 31,0047,001,มอบให้ภิกษุเก็บรักษาไว้ก่อน ภิกษุเลยโกงไม่ให้โจร โจรก็ทอดธุระ 31,0047,002,ดังนี้ ภิกษุจะต้องอาบัติอะไร ? ในเวลาไหน ? 31,0047,003,ต. ต้องอาบัติปาราชิก. ในเวลาที่โจรลักได้. 31,0047,004,๓/๙/๗๔ 31,0047,005,ถ. ภิกษุเดินทาง พบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ที่ปูชนียสถานโบราณ 31,0047,006,มีความเลื่อมใสอยากได้ไว้บูชา จึงนำเอามาเสียเฉย ๆ เช่นนี้จะควรปรับ 31,0047,007,ภิกษุนั้นด้วยอาบัติอะไร ? เพราะเหตุไร ? 31,0047,008,ต. ปรับไม่ได้. เพราะไม่มีเถยยจิต. 31,0047,009,๒๔๗๗ 31,0047,010,ถ. ในสิกขาบทที่ ๒ แห่งปาราชิก ถ้าพูดรวมว่า อาการขโมย 31,0047,011,มีได้ทั้งในทรัพย์ของตนและทั้งของผู้อื่น ดังนี้ เป็นการพูดผิดมิใช่หรือ 31,0047,012,เพราะอาการขโมยทั่วไป ต้องเกิดจากทรัพย์ของผู้อื่นทั้งนั้น จงอธิบาย 31,0047,013,ให้มีหลัก ? 31,0047,014,ต. พูดเช่นนั้นถูกแล้ว เพราะทรัพย์ของตนเอง ท่านก็จัดเข้า 31,0047,015,เป็นบทอวหารได้ ที่เรียกว่าสุงกฆาตะ คือภิกษุนำของควรแก่ค่า 31,0047,016,ภาษี เมื่อผ่านที่เก็บภาษีซ่อนของเหล่านั้นเสีย หรือของมากซ่อนให้ 31,0047,017,เห็นแต่น้อย ดังนี้ ต้องอาบัติถึงที่สุด ขณะนำนั้นของนั้นล่วงพ้นเขตภาษี 31,0047,018,ท่านเรียกอาการเช่นนี้ว่าตระบัด. 31,0047,019,๑๒/๑๐/๗๘ 31,0047,020,ถ. ภิกษุ ง. ลักทรัพย์ได้คราวละ ๑ มาสก จนถึง ๕ ครั้ง จะ 31,0047,021,ปรับอาบัติอะไรแก่เธอ ?