Book,Page,LineNumber,Text 33,0017,001,"คำว่า "" อวด "" มีอาการ ๓ อย่าง " 33,0017,002,๑. อวด (โกหก) อวดตรง ๆ กับคนคนเดียว ว่าข้าพเจ้าถึง 33,0017,003,"ธรรมอย่างนั้น ๆ ถ้าผู้นั้นเข้าใจคำพูด ต้องปาราชิก, ถ้าไม่เข้าใจ ต้อง" 33,0017,004,ถุลลัจจัย. 33,0017,005,๒. อวดตรง ๆ กับคนมาก ถ้าเขาเข้าใจคำพูดแม้เพียงคนเดียว 33,0017,006,"ก็ต้องปาราชิก, ถ้าไม่เข้าใจ ต้องถุลลัจจัย." 33,0017,007,๓. อวดโดยอ้อม คืออ้างลักษณะก็ดี อ้างบริขารเป็นต้นก็ดี 33,0017,008,ว่าภิกษุมีรูปร่างเช่นนั้น ๆ ใช้บาตรเช่นนั้น ๆ โดยหมายใจให้ผู้ฟังเข้าใจว่า 33,0017,009,ตนได้บรรลุธรรมเช่นนั้น ๆ ถ้าผู้ฟังเข้าใจ ต้องถุลลัจจัย ถ้าไม่เข้าใจ 33,0017,010,ต้องทุกกฏ. 33,0017,011,การอวดทั้ง ๓ อย่างนี้ ผู้ฟังจะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่เป็นประมาณ แต่ 33,0017,012,ถืออาการเข้าใจหรือความไม่เข้าใจเป็นประมาณ. 33,0017,013,- สิกขาบทนี้ เป็นสจิตตกะ. 33,0017,014,- เชื่อหรือไม่ ไม่สำคัญ. 33,0017,015,ตัวอย่างคำถาม ภิกษุอวดอุตตริมนุสสธรรมแก่คนหลายคน เขาเชื่อบ้าง 33,0017,016,ไม่เชื่อบ้าง อยากทราบว่า ผู้อวดต้องอาบัติอะไร ? 33,0017,017,ตอบ ถ้าไม่มี อวด เขาเข้าใจแม้คนเดียว ต้องปาราชิก. 33,0017,018,ถ้าเขาไม่เข้าใจ ต้องถุลลัจจัย. 33,0017,019,"ถ้ามี, อวดแก่อนุสัมบัน ต้องปาจิตตีย์." 33,0017,020,"ถ้ามี, อวดแก่ภิกษุ ไม่ต้องอาบัติ. เขาจะเชื่อหรือไม่" 33,0017,021,ไม่เป็นประมาณ.