Book,Page,LineNumber,Text 33,0038,001,ในบทเดียวกัน จบลงด้วยพยัญชนะ ร่วมกันบ้าง ไม่ร่วมบ้าง 33,0038,002,ชื่อว่า ให้กล่าวโดยอนุพยัญชนะ. 33,0038,003,ปรับเป็นอาบัติมากน้อยตามประโยคที่สอนให้ว่าพร้อมกัน. 33,0038,004,สิกขาบทที่ ๕ นอนในที่มุงบังอันเดียวกันกับอนุปสัมบัน. 33,0038,005,๑. อนุปสัมบัน ในสิกขาบทนี้ หมายถึงผู้ชายที่ไม่ใช่ภิกษุ. 33,0038,006,๒. ห้องสหไสย คือ ห้องอันมีที่มุงที่บังอันเดียวกัน. 33,0038,007,๓. ถ้านอนร่วมกับอนุปสัมบัน ๓ คืนแล้ว คืนที่ ๔ พอตะวันตก 33,0038,008,แล้ว เหยียดกายลงนอนร่วมกัน แม้ขณะหนึ่ง ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์. 33,0038,009,สิกขาบทที่ ๖ นอนในที่มุงที่บังอันเดียวกันกับผู้หญิง. 33,0038,010,๑. มาตุคาม หมายเอาหญิงแม้เกิดในวันนั้น. 33,0038,011,๒. พอตะวันตก เหยียดนอนร่วมกัน ต้องอาบัติ. 33,0038,012,๓. นอนร่วมกับหญิงมนุษย์ ต้องปาจิตตีย์. 33,0038,013,"นอนร่วมกับบัณเฑาะก์, สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ต้องทุกกฏ." 33,0038,014,สิกขาบทที่ ๗ แสดงธรรมแก่ผู้หญิงเกิน ๖ คำ. 33,0038,015,มูลเหตุว่า พระอุทายีกระซิบใกล้หูแม่ผัวบ้าง ใกล้หูสะใภ้บ้างแล้วไป 33,0038,016,"ต่อจากนั้น แม่ผัวกับลูกสะใภ้ทะเลาะกัน ต่างกล่าวหาว่าเป็นชู้กับพระ," 33,0038,017,จึงทรงบัญญัติห้ามแสดงธรรม (หมายถึงพูด) แก่หญิง ต่อมาอนุญษต 33,0038,018,ให้มีบุรุษอยู่ด้วยแสดงได้. ต่อมาพระฉัพพัคคีย์ให้บุรุษผู้ไม่รู้เดียงสานั่งด้วย 33,0038,019,"แล้วแสดงเกิน ๖ คำ, จึงทรงบัญญัติห้ามแสดงธรรมแก่หญิงเกิน ๖ คำ" 33,0038,020,เว้นไว้แต่บุรุษผู้รู้เดียงสาอยู่ด้วย.