Book,Page,LineNumber,Text 37,0048,001,อัปปมาทนั้น สาธุชนควรบำเพ็ญให้เป็นไปในส่วนตนและผู้อื่น ทั้งใน 37,0048,002,คดีโลกทั้งในคดีธรรม พ้นจากการพลั้งพลาด ได้บรรลุประโยชน์ตาม 37,0048,003,ความปรารถนา ในกิจการและปฏิปทานั้น ๆ มีข้อนี้เป็นอานิสงส์ผล 37,0048,004,สมเด็จพระนราสภทศพล จึงได้ตรัสเตือนพุทธบริษัทโดยเจาะจงว่า 37,0048,005,""" อปฺปมาทรตา โหถ """ 37,0048,006,""" ท่านทั้งหลาย จงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท "" เมื่อนรชาติมีสติ" 37,0048,007,ไม่มัวเมา จึงคอยเฝ้ารักษาจิตบำเพ็ญประโยชน์กิจให้สำเร็จทั้งแก่ตน 37,0048,008,และคนอื่น และได้บรรลุประโยชน์ ๓ คือทิฏฐธัมมิกประโยชน์ 37,0048,009,สัมปรายิกประโยชน์ และปรมัตถประโยชน์ ตามสมควรแก่ข้อปฏิปทา. 37,0048,010,อัปปมาทนั้น ย่อมมีมาจากการพิจารณาเห็นความเสื่อมเป็นเบื้องต้น 37,0048,011,บุคคลคิดถึงความเสื่อมทรามหรืออันตราย อันจักมีมากล้ำกรายเกิดขึ้น 37,0048,012,แก่ตน บริวารชน และทรัพย์สมบัติ จึงได้ไม่ประมาท มีสติคิดกำจัด 37,0048,013,ป้องกันบริหาร ฝ่ายสาธุชนผู้คิดถึงความเสื่อมสิ้นของสังขารด้วยกำลัง 37,0048,014,ชรา พยาธิ มัจจุราช จึงไม่ประมาท มัวเมา มีสติเฝ้ารักษาจิต เพียง 37,0048,015,ละเลิกอกุศลทุจริตในกาย วาจา ใจ อบรมกุศลสุจริตให้เกิดมีในสันดาน 37,0048,016,เพราะเหตุนั้น พระบรมศาสดาจารย์จึงตรัสความเสื่อมไว้ในเบื้องต้นว่า 37,0048,017,""" วยธมฺมา สงฺขารา """ 37,0048,018,""" สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา "" ดังนี้ แล้วตรัสความ" 37,0048,019,ไม่ประมาทไว้ในเบื้องหลังว่า 37,0048,020,""" อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ """ 37,0048,021,""" ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม "" ดังนี้."