Book,Page,LineNumber,Text 38,0019,001,กัณฑ์ที่ ๑๓ 38,0019,002,นิสัย 38,0019,003,มูลเหตุที่ทรงอนุญาตให้มีพระอุปัชฌายะ คือ 38,0019,004,๑. มีพุทธบัญญัติและอภิสมาจารมากขึ้น. 38,0019,005,๒. ผู้มาใหม่ไม่สามารถจะรู้ทั่วถึงและประพฤติให้ถูกระเบียบ ด้วยลำพัง 38,0019,006,ใช้ความสังเกตทำตามกัน จำจะศึกษาจึงจะรู้ได้. 38,0019,007,วิธีถืออุปัชฌายะและรับ คือ ให้ภิกษุนวกะทำผ้าห่มเฉวียงบ่า 38,0019,008,"และ กราบเท้าแล้ว นั่งกระหย่งประณมมือกล่าวว่า ""อุปชฺฌาโย" 38,0019,009,"เม ภนฺเต โหหิ"" ""ขอท่านแจงเป็นอุปัชฌายะของข้าพเจ้า"" ๓ หน" 38,0019,010,"เมื่อภิกษุที่นวกะนั้นอาศัยรับว่า ""สาหุ"" ""ดีละ"" ""ลหุ"" ""เบา" 38,0019,011,"ใจดอก"" ""โอปายิกํ"" ""ชอบแก่อุบาย"" ""ปฏิรูปํ"" ""สมควรอยู่""" 38,0019,012,"หรือว่า ""ปาสาทิเกน สมฺปาเทหิ"" ""ให้ถึงพร้อมด้วยอาการอันน่า" 38,0019,013,"เลื่อมใสเถิด"" อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอันถืออุปัชฌายะแล้ว." 38,0019,014,ภิกษุผู้รับให้พึ่งพิง ได้ชื่อว่าอุปัชฌายะแล้ว แปลว่า ผู้ฝึกสอน 38,0019,015,หรือผู้ดูแล ภิกษุผู้พึ่งพิง ได้ชื่อว่าสัทธิวิหาริก แปลว่า ผู้อยู่ด้วย 38,0019,016,กิริยาที่พึ่งพิง เรียกว่านิสัย. 38,0019,017,เหตุนิสัยระงับจากอุปัชฌายะมี ๕ คือ 38,0019,018,๑. อุปัชฌายะหลีกไป. 38,0019,019,๒. สึกเสีย.