tripitaka-mbu / 18 /180035.csv
uisp's picture
add data
3c90236
Book,Page,LineNumber,Text
18,0035,001,ว่า <B>อิเม จ ภิกฺขเว</B> เป็นต้น. คำทั้งหลายมีนิทานเป็นต้น ในบททั้งหลาย
18,0035,002,มีว่า <B>กึนิทานา</B> เป็นต้นในบทนั้น. ทั้งหมดเทียวเป็นไวพจน์ของการณ์ จริงอยู่
18,0035,003,การณ์ย่อมมอบให้ซึ่งผล เหมือนส่งให้ว่า เอาเถอะ ท่านทั้งหลายจงถือเอาผลนั้น
18,0035,004,เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่านิทาน. เพราะนิทานนั้น ย่อมเกิด ตั้งขึ้น ผลิตออกจาก
18,0035,005,การณ์นั้น เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า สมุทัย ชาติ ปภวะ. ก็เนื้อความแห่งบทใน
18,0035,006,ที่นี้ ดังนี้. อะไรเป็นต้นเหตุแห่งอุปาทานเหล่านั้น เพราะฉะนั้น อุปาทาน
18,0035,007,เหล่านั้นมีอะไรเป็นต้นเหตุ. อะไรเป็นเหตุเกิดแห่งอุปาทานเหล่านั้น เพราะ
18,0035,008,ฉะนั้น อุปาทานเหล่านั้น มีอะไรเป็นเหตุเกิด. อะไรเป็นกำเนิดของอุปทาน
18,0035,009,เหล่านั้น เพราะฉะนั้น อุปาทานเหล่านั้น มีอะไรเป็นกำเนิด. อะไรเป็นแดน
18,0035,010,เกิดของอุปทานเหล่านั้น เพราะฉะนั้น อุปทานเหล่านั้น มีอะไรเป็นแดนเกิด.
18,0035,011,ก็เพราะตัณหาเป็นต้นเหตุ เป็นเหตุเกิด เป็นกำเนิดและเป็นแดนเกิดของอุปา-
18,0035,012,ทานเหล่านั้น โดยเนื้อความตามที่กล่าวแล้ว เพราะฉะนั้น จึงตรัสว่า มี
18,0035,013,ตัณหาเป็นต้นเหตุ ดังนี้เป็นต้น . พึงทราบเนื้อความในบททั้งปวงอย่างนี้ ก็.
18,0035,014,เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรู้ปัจจัยแห่งอุปาทานอย่างเดียวเท่านั้น หามิได้
18,0035,015,ย่อมทรงรู้ถึงปัจจัยของตัณหาซึ่งเป็นปัจจัยแห่งอุปาทานด้วย ของธรรมทั้งหลาย
18,0035,016,มีเวทนาเป็นต้น ซึ่งมีตัณหาเป็นต้นเป็นปัจจัยด้วย เพราะฉะนั้น จึงตรัสว่า
18,0035,017,ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ตัณหานี้ ดังนี้เป็นอาทิ. บทว่า <B>ยโต จ โข</B> ได้แก่
18,0035,018,ในกาลใด. บทว่า <B>อวิชฺชา ปหีนา โหติ</B> ความว่า อวิชชาซึ่งเป็นราก
18,0035,019,เหง้าของวัฏฏะ เป็นอันละเเล้วด้วยอนุปปาทนิโรธ. บทว่า <B>วิชฺชา อุปฺปนฺนา</B>
18,0035,020,ได้แก่ วิชชาคืออรหัตมรรคเกิดขึ้นแล้ว. บทว่า <B>โส อวิชฺชาวิราคา วิชฺ
18,0035,021,ชุปฺปาทา</B> ความว่า ภิกษุนั้น เพราะความที่อวิชชาละได้แล้ว และเพราะ
18,0035,022,ความที่วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่ถือมั่นกามูปาทาน บทว่า <B>เนว กามูปาทานํ
18,0035,023,อุปาทิยติ</B> ความว่าย่อมไม่ถือมั่น คือ ไม่เข้าสู่กามูปาทาน ย่อมไม่ถือมั่น