|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
33,0032,001,<B>สาวิกา ผู้เป็นธรรมกถึก</B> ในพระศาสนานี้ แล.
|
|
33,0032,002,จบอรรถกถาสูตรที่ ๕
|
|
33,0032,003,<H1>อรรถกถาสูตรที่ ๖</H1>
|
|
33,0032,004,<H2>๖. ประวัติพระนันทาเถรี</H2>
|
|
33,0032,005,ใน<B>สูตรที่ ๖</B> พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
|
|
33,0032,006,ด้วยบทว่า <B>ฌายีนํ ยทิทํ นนฺทา</B> ท่านแสดงว่าพระนันทาเถรี
|
|
33,0032,007,เป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกา ผู้ยินดีในฌาน.
|
|
33,0032,008,ดังได้สดับมา พระนันทาเถรีนั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า
|
|
33,0032,009,<B>ปทุมุตตระ</B> ถือปฏิสนธิในครอบครัว กรุงหังสวดี ต่อมา กำลังฟังธรรมกถา
|
|
33,0032,010,เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็น
|
|
33,0032,011,เลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกา ผู้ยินดียิ่งในฌาน จึงทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป
|
|
33,0032,012,ปรารถนาตำแหน่งนั้น. จากนั้น นางก็เวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์
|
|
33,0032,013,ตลอดแสนกัป ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระมหาปชาบดีโคตมี ก่อน
|
|
33,0032,014,พระศาสดาของเราอุบัติ. พระประยูรญาติได้เฉลิมพระนามพระนางว่า
|
|
33,0032,015,นันทา เรียกกันว่า รูปนันทา. ต่อมา พระนางได้ชื่อว่า ชนบทกลัยาณี
|
|
33,0032,016,เพราะทรงมีพระสิริโฉมงามเยี่ยม. เมื่อพระทศพลของเรา ทรงบรรลุ
|
|
33,0032,017,พระสัพพัญญุตญาณแล้วเสด็จมากรุงกบิลพัสดุ์ ตามลำดับ ทรงให้พระ-
|
|
33,0032,018,นันทะและพระราหุลผนวชแล้ว เสด็จหลีกไปแล้ว. เวลาพระเจ้าสุทโธทน-
|
|
33,0032,019,มหาราชปรินิพพานแล้ว พระนางทรงทราบว่า พระนางมหาปชาบดี-
|
|
33,0032,020,โคตมีและพระมารดาของพระราหุลเสด็จออกทรงผนวชในสำนักพระ-
|
|
33,0032,021,ศาสดาแล้ว ทรงดำริว่า ตั้งแต่พระมารดามหาปชาบดีโคตมีและพระมารดา
|
|
|