tripitaka-mbu / 46 /460044.csv
uisp's picture
add data
3c90236
Book,Page,LineNumber,Text
46,0044,001,ถามว่า ท่านกล่าวอธิบายไว้อย่างไร ?
46,0044,002,ตอบว่า ท่านกล่าวอธิบายไว้ว่า ก็ภิกษุใดตกไปอยู่ในอุทธัจจะ
46,0044,003,ด้วยการปรารภความเพียรจัด ชื่อว่า ย่อมแล่นเลยไป เมื่อตกไปในโกสัชชะ
46,0044,004,ด้วยความเพียรที่หย่อนเกินไป ชื่อว่าย่อมล้าอยู่ อนึ่ง เมื่อทำตนให้ลำบาก
46,0044,005,ด้วยภวตัณหา ชื่อว่า ย่อมแล่นเลยไป เมื่อประกอบกามสุขอยู่ด้วยกามตัณหา
46,0044,006,ชื่อว่าย่อมล้าอยู่ ด้วยสัสสตทิฏฐิ ชื่อว่าย่อมแล่นเลยไป ด้วยอุทเฉททิฏฐิ
46,0044,007,ชื่อว่าย่อมล้าอยู่ เมื่อเศร้าโศกถึงอดีตอยู่ ชื่อว่าย่อมแล่นเลยไป เมื่อเพ้อหวัง
46,0044,008,อนาคตอยู่ ชื่อว่าย่อมล้าอยู่ ด้วยปุพพันตานุทิฏฐิ ชื่อว่าย่อมแล่นเลยไป
46,0044,009,ด้วยอปรันตานุทิฏฐิ ชื่อว่าย่อมล้าอยู่ เพราะฉะนั้น ภิกษุใดเว้นที่สุด ๒ อย่าง
46,0044,010,นี้ได้แล้ว ปฏิบัติตามมัชฌิมาปฏิปทาอยู่ ชื่อว่าไม่แล่นเลยไปและไม่ล้าอยู่.
46,0044,011,บาทคาถาว่า <B>สพฺพํ อจฺจุคมา อิมํ ปปญฺจํ</B> ความว่า ก็แลผู้ใด
46,0044,012,ก้าวล่วง คือ ข้ามพ้น อธิบายว่า ก้าวล่วงเสียด้วยดี ซึ่งความเนิ่นช้า ๓ อย่าง
46,0044,013,คือ ตัณหา มานะ และทิฏฐิ อันมีเวทนา สัญญา และวิตก เป็นแดนเกิด
46,0044,014,ทั้งปวงเสียได้ ด้วยมัชฌิมาปฏิปทา อันมีอรหัตมรรคเป็นที่สุด.
46,0044,015,ก็ในคาถาต่อจากนั้น มีความแปลกกันเพียงเท่านี้ว่า <B>สพฺพํ วิตถมิทํ
46,0044,016,ตฺวา โลเก</B>. เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า บทว่า <B>สพฺพํ</B> ได้แก่ ไม่มีส่วนเหลือ
46,0044,017,มีคำอธิบายว่า ทั้งสิ้นคือเต็ม.
46,0044,018,ก็แม้เมื่อเป็นเช่นนี้ ในคาถานี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอา
46,0044,019,สังขตธรรม อันต่างโดยขันธ์ อายตนะ และธาตุ ที่เป็นโลกีย์ซึ่งเข้าถึงวิปัสสนา
46,0044,020,เท่านั้น.