Book,Page,LineNumber,Text 06,0039,001,

พุทธปริวิตกกถา

06,0039,002,[๑๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงดำริว่า เราจะพึงแสดง 06,0039,003,ธรรมแก่ใครก่อนหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน ครั้นแล้วทรงพระ- 06,0039,004,ดำริต่อไปว่าอาฬารดาบสกาลามโคตรนี้แล เป็นผู้ฉลาด เฉียบแหลม มีปัญญา 06,0039,005,มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อยเป็นปรกติมานาน ถ้ากระไร เราพึงแสดงธรรมแก่ 06,0039,006,อาฬารดาบสกาลามโคตรก่อน เธอจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน ทีนั้น เทพดา 06,0039,007,อันตรธานมากราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อาฬารดาบสกาลามโคตร สิ้นชีพ 06,0039,008,ได้ ๗ วันแล้ว พระพุทธเจ้าข้า แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงทราบว่า อาฬาร 06,0039,009,คาบสกาลามโคตรสิ้นชีพได้ ๗ วันแล้ว จึงทรงพระดำริว่าอาฬารดาบสกาลาม 06,0039,010,โคตรเป็นผู้มีความเสื่อมใหญ่ เพราะถ้าเธอได้ฟังธรรมนี้จะพึงรู้ทั่วถึงได้ 06,0039,011,ฉับพลัน. 06,0039,012,ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงพระดำริว่า เราจะพึงแสดงธรรม 06,0039,013,แก่ใครก่อนหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน ครั้นแล้วทรงพระดำริต่อ 06,0039,014,ไปว่าอุทกดาบสรามบุตรนี้แลเป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลม มีปัญญา มีธุลีคือกิเลส 06,0039,015,ในจักษุน้อยเป็นปรกติมานาน ถ้ากระไร เราพึงแสดงธรรมแก่อุทกดาบสราม 06,0039,016,บุตรก่อนเธอจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน ทีนั้น เทพดาอันตธานมากราบทูล 06,0039,017,พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อุทกดาบสรามบุตรสิ้นชีพเสียวานนี้แล้ว พระพุทธเจ้าข้า 06,0039,018,แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงทราบว่า อุทกดาบสรามบุตรสิ้นชีพเสียวานนี้แล้ว 06,0039,019,จึงทรงพระดำริว่าอุทกดาบสรามบุตรนี้ เป็นผู้มีความเสื่อมใหญ่ เพราะถ้าเธอ 06,0039,020,ได้ฟังธรรมนี้ จะพึงรู้ทั่วถึงได้ฉับพลัน.