Book,Page,LineNumber,Text
38,0037,001,เป็นยอดแห่งแสงสว่างเหล่านั้น แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุศลธรรม
38,0037,002,เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯลฯ
38,0037,003,ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสรทฤดู เมื่อฝนขาดปราศจากเมฆแล้ว
38,0037,004,ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นสู่ท้องฟ้า กำจัดความมืดที่มีในอากาศทั้งหมดแล้ว ย่อม
38,0037,005,ส่องแสง แผดแสงและแจ่มกระจ่าง แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
38,0037,006,กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯลฯ
38,0037,007,ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำใหญ่ ๆ สายใดสายหนึ่ง คือ แม่น้ำคงคา
38,0037,008,ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี แม่น้ำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นสายน้ำไหลไป
38,0037,009,สู่สมุทร โน้มไปสู่สมุทร น้อมไปสู่สมุทร มหาสมุทร โลกกล่าวว่าเป็น
38,0037,010,ยอดแห่งแม่น้ำเหล่านั้น แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุศลธรรมเหล่า
38,0037,011,ใดเหล่าหนึ่ง ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีความ
38,0037,012,ไม่ประมาทเป็นมูล ประชุมลงในความไม่ประมาท ความไม่ประมาท
38,0037,013,บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น ฯลฯ
38,0037,014,จบอัปปมาทสูตรที่ ๕
38,0037,015,อรรถกถาอัปปมาทสูตรที่ ๕
38,0037,016,อัปปมาทสูตรที่ ๕ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
38,0037,017,บทว่า เอวเมว โข ความว่า การาปกอัปปมาท ความไม่ประมาท
38,0037,018,เหตุให้ทำกุศล พึงเห็นว่าเป็นยอดแห่งกุศลธรรมทุกอย่าง เหมือนพระ-
38,0037,019,สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งปวงฉะนั้น. ถามว่า ก็ การา-
38,0037,020,ปกอัปปมาทนั้น เป็นโลกิยะ ฝ่ายกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นโลกุตระก็มี
38,0037,021,ก็การาปกอัปปมาทนี้เป็นกามาวจรอย่างเดียว ฝ่ายกุศลธรรมทั้งหลาย เป็น