Book,Page,LineNumber,Text 01,0041,001,สร้างเรือน (คืออัตภาพของเรา ไม่ได้อีก 01,0041,002,ต่อไป ซี่โครงทั้งหมดของเจ้าเราหักเสียแล้ว 01,0041,003,ยอดเรือน (คืออวิชชา) เรารื้อเสียแล้ว จิต 01,0041,004,ของเราได้ถึงพระนิพพานมีสังขารไปปราศ 01,0041,005,แล้ว เราได้บรรลุความสิ้นไปแห่งตัณหา 01,0041,006,ทั้งหลาย แล้ว ดังนี้ 01,0041,007,นี้ชื่อว่าปฐมพุทธพจน์. อาจารย์บางพวกกล่าวถึงอุทานคาถาในขันธกะ 01,0041,008,ว่า เมื่อใดแลธรรมทั้งหลายย่อมปรากฏ ดังนี้เป็นต้น ชื่อว่าปฐมพุทธพจน์. 01,0041,009,ก็คาถานั้นเกิดแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้บรรลุความเป็นพระสัพพัญญู ทรง 01,0041,010,พิจารณาปัจจยาการ ในพระญาณอันสำเร็จด้วยโสมนัส ในวันปาฏิบท บัณฑิต 01,0041,011,พึงทราบว่า อุทานคาถา. อนึ่ง พระพุทธเจ้าได้ตรัสพระดำรัสใด ในคราว 01,0041,012,ปรินิพพานว่า ภิกษุทั้งหลายเอาเถิด บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขาร 01,0041,013,ทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อมด้วย 01,0041,014,ความไม่ประมาทเถิด นี้ชื่อว่าปัจฉิมพุทธพจน์. 01,0041,015,พระพุทธพจน์ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในระหว่างแห่งกาลทั้ง ๒ 01,0041,016,นั้น ชื่อว่ามัชฌิมพุทธพจน์. พระพุทธพจน์ชื่อว่ามี ๓ อย่าง ด้วยอำนาจเป็น 01,0041,017,ปฐมะ มัชฌิมะ และปัจฉิมะ ด้วยประการฉะนี้. 01,0041,018,[

ปิฎก ๓

] 01,0041,019,พระพุทธพจน์ทั้งปวงเป็น ๓ อย่าง ด้วยอำนาจแห่งปิฎกอย่างไร ? 01,0041,020,ก็พระพุทธพจน์แม้ทั้งปวงมีอยู่ ๓ ประการเท่านั้น คือพระวินัยปิฎก พระ- 01,0041,021,สุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก. ใน ๓ ปิฎกนั้น พระพุทธพจน์นี้คือ