Book,Page,LineNumber,Text
13,0035,001,ครั้งนั้นแล   การตรัสรู้ด้วยปัญญาว่า เมื่อเวทนามีอยู่   ตัณหาจึงมี   ตัณหามีเพราะ 
13,0035,002,เวทนาเป็นปัจจัย   ดังนี้ได้มีแล้วแก่พระวิปัสสีโพธิสัตว์  เพราะทรงกระทำไว้ใน
13,0035,003,พระทัยโดยอุบายอันแยบคาย.
13,0035,004,ดูกรภิกษุทั้งหลาย    ต่อแต่นั้น    พระวิปัสสีโพธิสัตว์ทรงพระดำริว่า
13,0035,005,เมื่ออะไรมีอยู่หนอ   เวทนาจึงมี   เวทนามีเพราะอะไรเป็นปัจจัย   ภิกษุทั้งหลาย
13,0035,006,ครั้งนั้นแล  การตรัสรู้ด้วยปัญญาว่า  เมื่อผัสสะมีอยู่   เวทนาจึงมี  เวทนามีเพราะ
13,0035,007,ผัสสะเป็นปัจจัยดังนี้   ได้มีแล้วแก่พระวิปัสสีโพธิสัตว์   เพราะทรงกระทำไว้ใน
13,0035,008,พระทัยโดยอุบายอันแยบคาย.
13,0035,009,ดูกรภิกษุทั้งหลาย    ต่อแต่นั้น     พระวิปัสสีโพธิสัตว์ทรงพระดำริว่า
13,0035,010,เมื่ออะไรมีอยู่หนอ   ผัสสะจึงมี    ผัสสะมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย   ภิกษุทั้งหลาย
13,0035,011,ครั้งนั้นแล   การตรัสรู้ด้วยปัญญาว่า    เมื่อสฬายตนะมีอยู่   ผัสสะจึงมี   ผัสสะมี
13,0035,012,เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย  ดังนี้    ได้มีแล้วแก่พระวิปัสสีโพธิสัตว์   เพราะทรง
13,0035,013,กระทำไว้ในพระทัยโดยอุบายอันแยบคาย.
13,0035,014,ดูกรภิกษุทั้งหลาย     ต่อแต่นั้น     พระวิปัสสีโพธิสัตว์ทรงพระดำริว่า
13,0035,015,เมื่ออะไรมีอยู่หนอ   สฬายทนะจึงมี   สฬายตนะมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย  ภิกษุ
13,0035,016,ทั้งหลาย   ครั้งนั้นแล   การตรัสรู้ด้วยปัญญาว่า  เมื่อนามรูปมีอยู่  สฬายตนะจึงมี
13,0035,017,สฬายตนะมีเพราะนามรูปเป็นปัจจัย      ดังนี้   ได้มีแล้วแก่พระวิปัสสีโพธิสัตว์
13,0035,018,เพราะทรงกระทำไว้ในพระทัยโดยอุบายอันแยบคาย.
13,0035,019,ดูกรภิกษุทั้งหลาย    ต่อแต่นั้น    พระวิปัสสีโพธิสัตว์ทรงพระดำริว่า
13,0035,020,เมื่ออะไรมีอยู่หนอ นามรูปจึงมี  นามรูปมี  เพราะอะไรเป็นปัจจัย   ภิกษุทั้งหลาย
13,0035,021,ครั้งนั้นแล   การตรัสรู้ด้วยปัญญาว่า  เมื่อวิญญาณมีอยู่   นามรูปจึงมี   นามรูป
13,0035,022,มีเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย   ดังนี้    ได้มีแล้วแก่พระวิปัสสีโพธิสัตว์  เพราะทรง
13,0035,023,กระทำไว้ในพระทัยโดยอุบายอันแยบคาย.