Book,Page,LineNumber,Text 13,0040,001,ว่าวิปัสสี ได้ทรงพระดำริว่า ธรรมที่เราบรรลุแล้วนี้ เป็นธรรมลึกซึ้ง เห็นได้ 13,0040,002,ยาก รู้ตามได้ยาก สงบประณีต จะคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะ 13,0040,003,บัณฑิต ส่วนหมู่สัตว์นี้ มีอาลัยเป็นที่ยินดี ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบานแล้ว 13,0040,004,ในอาลัย ก็อันหมู่สัตว์ผู้มีอาลัยเป็นที่ยินดี ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบานแล้วใน 13,0040,005,อาลัย ยากที่จะเห็นได้ซึ่งฐานะนี้ คือ ปัจจัยแห่งสภาวธรรมอันเป็นที่อาศัยกัน 13,0040,006,เกิดขึ้น (ปฏิจจสมุบาท) ยากที่จะเห็นได้ซึ่งฐานะแม้นี้คือ พระนิพพาน ซึ่งเป็น 13,0040,007,ที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา คลาย 13,0040,008,ความกำหนัด ดับทุกข์ ก็แหละเราพึงแสดงธรรม แต่สัตว์เหล่าอื่นไม่พึงรู้ทั่ว 13,0040,009,ถึงธรรมของเรา นั้นพึงเป็นความลำบากแก่เรา นั้นพึงเป็นความเดือนร้อนแก่ 13,0040,010,เรา. 13,0040,011,ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า คาถาทั้งหลายที่ไม่อัศจรรย์ซึ่งพระองค์ 13,0040,012,มิได้เคยสดับมาแล้วแต่ก่อน ได้แจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัม- 13,0040,013,พุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ดังนี้ 13,0040,014,บัดนี้ ไม่ควรเลยที่จะประกาศธรรมที่เราได้บรรลุ 13,0040,015,แล้วโดยแสนยาก ธรรมนี้อันสัตว์ที่ถูกราคะและ 13,0040,016,โทสะครอบงำแล้ว ไม่ตรัสรู้ได้โดยง่าย สัตว์ที่ถูก 13,0040,017,ราคะย้อมไว้ ถูกกองแห่งความมืดหุ้มห่อไว้แล้ว 13,0040,018,จักเห็นไม่ได้ซึ่งธรรมที่มีปรกติไปทวนกระแสอัน 13,0040,019,ละเอียด ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก เป็นอณู. 13,0040,020,[๔๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธ- 13,0040,021,เจ้าพระนามว่าวิปัสสี พิจารณาเห็นดังนี้ พระทัยก็น้อมไปเพื่อความขวนขวาย 13,0040,022,น้อย มิได้น้อมไปเพื่อจะทรงแสดงธรรม.